00:00:00 → 00:00:02 5 ขั้นตอนนะครับบังคับให้ร่างกายใช้ไข
00:00:02 → 00:00:05 มันแทนน้ำตาลเพื่อลดน้ำหนักนะครับทำยังไง
00:00:06 → 00:00:08 นะครับหลายคนถามมาอยากได้คลิปนี้ดูให้จบ
00:00:08 → 00:00:10 นะครับสวัสดีครับผมหมอ 1 Healthy ฮีโร่
00:00:10 → 00:00:12 นะครับลดน้ำหนักครั้งสุดท้ายในชีวิตคิด
00:00:12 → 00:00:14 ถึงหมอ 1 Healthy ฮีโร่นะครับคราวนี้
00:00:14 → 00:00:17 เนี่ยมีหลายคนที่ดูคลิปของหมอ 1 ในช่อง
00:00:17 → 00:00:18 Facebook และ YouTube แล้วถามคำถามนี้มา
00:00:18 → 00:00:20 ซึ่งมันน่าสนใจมากเลยนะครับก็คือทำยังไง
00:00:20 → 00:00:23 ดีนะคะคุณหมอที่จะให้ร่างกายเราใช้ไขมัน
00:00:23 → 00:00:25 แทนที่จะไปใช้น้ำตาลเนาะหมอหนึ่งเคยพูดไป
00:00:25 → 00:00:27 แล้วว่าระบบพลังงานของคนเราถ้าจะลดน้ำ
00:00:27 → 00:00:29 หนักต้องเข้าใจว่ามันมีใช้ทั้งน้ำตาลและ
00:00:29 → 00:00:32 แป้งแล้วก็ใช้ไขมันถูกมยแต่ถ้าอยากจะใช้
00:00:32 → 00:00:33 ไขมันเยอะๆอ่ะเน้นเรื่องนี้อย่างเดียวเลย
00:00:33 → 00:00:35 เนี่ยต้องทำอะไรบ้างวันนี้หมอเดกเลยเอามา
00:00:35 → 00:00:38 พูดให้ใน 5 ขั้นตอนซึ่งถ้าคุณทำตรงนี้ได้
00:00:38 → 00:00:40 นะยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องออกกำลังกายเลย
00:00:40 → 00:00:42 นะแค่ทำ 5 ขั้นตอนนี้ได้ร่างกายก็พร้อม
00:00:42 → 00:00:44 ใช้ไขมันแล้วนะครับโอเคมั้ยนะครับเพราะ
00:00:44 → 00:00:46 ฉะนั้นมาดูกันนะว่ามีอะไรบ้างนะครับแต่
00:00:46 → 00:00:47 ก่อนอื่นนะครับตามธรรมเนียมนะครับนะก็ขอ
00:00:47 → 00:00:50 แสดงความยินดีกับคนนี้เนี่ยเบอกว่าติดตาม
00:00:50 → 00:00:52 หมอหนึ่งมาแล้วก็ได้ตัดสินใจลองทำตามนะ
00:00:53 → 00:00:55 ครับคนนี้เนี่ยเค้างดน้ำตาลไปเลย 100%
00:00:55 → 00:00:58 กลับไปกินกาแฟดำทั้งๆที่จะแต่ก่อนกินน้ำ
00:00:58 → 00:01:00 ตาลหวานปกติเดี๋ยวจะบอกให้นะครับว่าจริงๆ
00:01:00 → 00:01:02 แล้วเนี่ยคนที่ติดกาแฟเนี่ยเราจะปรับยัง
00:01:02 → 00:01:05 ไงกาแฟอะไรที่ต้องระวังบ้างแล้วถ้ายังติด
00:01:05 → 00:01:07 หวานอยู่เนี่ยแล้วไม่อยากตัดน้ำตาลไปเลย
00:01:07 → 00:01:09 เนี่ยทำยังไงร่างกายถึงจะไปใช้ไขมันได้ดี
00:01:09 → 00:01:11 โดยที่ยังกินกาแฟอร่อยอยู่ด้วยเดี๋ยวตั้ง
00:01:11 → 00:01:14 ใจฟังต่อเนาะนะเริ่มเน้นทานโปรตีนจากพวก
00:01:14 → 00:01:16 เนื้อสัตว์หมูไก่นะแล้วก็มีผักต้มผักหัว
00:01:16 → 00:01:19 ด้วยอ่านะครับนะเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังว่า
00:01:19 → 00:01:22 มันเป็นยังไงผลไม้พวกฝรั่งแก้วมังกรจริงๆ
00:01:22 → 00:01:24 ผลไม้เนี่ยถ้าเลือกผิดเนี่ยจะทำให้คุณไม่
00:01:24 → 00:01:27 ผอมเลยนะแต่ถ้าเลือกถูกนะผมบอกเลยว่ายัง
00:01:27 → 00:01:29 กินผลไม้อร่อยแล้วร่างกายใช้ไขมันได้ด้วย
00:01:29 → 00:01:32 ด้วยแทนที่จะใช้น้ำตาลนะอโอเคมั้ยนะครับ
00:01:32 → 00:01:35 แล้วก็ยังกินครบ 3 มื้อสิ่งที่หลายๆคน
00:01:35 → 00:01:37 พลาดมากๆที่เริ่มต้นลดน้ำหนักคืออะไรรู้
00:01:37 → 00:01:40 มั้ยตัดมื้ออาหารออกโดยที่เข้าใจว่าการ
00:01:40 → 00:01:43 ตัดมื้ออาหารเนี่ยเป็นการทำ If ซึ่งจริงๆ
00:01:43 → 00:01:45 ไม่ใช่ใครที่เคยได้ยินคำว่า If แต่ไม่เคย
00:01:45 → 00:01:47 เข้าใจฟังคลิปนี้ให้ดีๆเดี๋ยวจะรู้ว่า
00:01:47 → 00:01:49 จริงๆไม่จำเป็นต้องตัดมื้ออาหารคนนี้ก็ทำ
00:01:49 → 00:01:52 If เหมือนกันนะครับนะแต่ไม่ได้ตัดอาหาร
00:01:52 → 00:01:54 ออกเลยนะครับอิ่มด้วยเนาะแล้วก็เริ่มลด
00:01:54 → 00:01:57 น้ำหนักไปนะครับจาก 112 เหลือ 99 ภายใน
00:01:57 → 00:02:00 เวลาแค่ 1 เดือนเหลือ 2 หลักเลยนะอยากได้
00:02:00 → 00:02:02 แบบนี้มยอยากได้ฟังให้จบนะครับเนาะเพราะ
00:02:02 → 00:02:04 ฉะนั้นก็ดีใจกับนักเรียนท่านนี้ด้วยนะ
00:02:04 → 00:02:07 ครับนะลดไป 13 กกเนาะคราวนี้มาดูนะ 5
00:02:07 → 00:02:09 ขั้นตอนมีอะไรบ้างก่อนอื่นเราต้องอธิบาย
00:02:09 → 00:02:12 แบบนี้ก่อนว่าระบบพลังงานของเราเนี่ยมัน
00:02:12 → 00:02:14 มีใช้น้ำตาลกับแป้งเป็นหลักแล้วก็ใช้ไข
00:02:14 → 00:02:17 มันเป็นหลักแต่ถ้าใครฟังมาหลายคลิปมากๆจะ
00:02:17 → 00:02:19 รู้ว่าหมอ 1 จะบอกเสมอนะครับว่าถ้าร่าง
00:02:19 → 00:02:22 กายมีน้ำตาลมันจะใช้น้ำตาลก่อนอย่างแรก
00:02:22 → 00:02:24 บางคนบอกเพราะอะไรอ่ะคะคุณหมอคือถ้า
00:02:24 → 00:02:27 อธิบายกันในรายละเอียดที่มันลงลึกไปนะ
00:02:27 → 00:02:30 จริงๆแล้วร่างกายมันใช้น้ำตาลได้ง่ายมาก
00:02:30 → 00:02:32 มีน้ำตาลปั๊บคุณเคยสังเกตมยคนที่เคยเป็น
00:02:32 → 00:02:34 เบาหวานน่ะแล้วน้ำตาลในเลือดต่ำจากการที่
00:02:35 → 00:02:37 บางวันอาจจะกินน้อยแล้วกินยาอยู่ปกติแต่
00:02:37 → 00:02:39 กินข้าวไม่ค่อยได้นะครับนะเพราะฉะนั้นพอ
00:02:39 → 00:02:42 น้ำตาลในเลือดต่ำก็จะใจสั่นพอเให้อมน้ำ
00:02:42 → 00:02:44 หวานปั๊บเป็นไงตื่นเลยเพราะอะไรรู้มั้ย
00:02:44 → 00:02:46 เพราะว่าพวกน้ำตาลเนี่ยมันซึมเข้ากระแส
00:02:46 → 00:02:48 เลือดได้เร็วมากแต่ในขณะที่ไขมันเวลาคุณ
00:02:48 → 00:02:51 จะเผาผลาญมันนะมันต้องผ่านกระบวนการหลาย
00:02:51 → 00:02:53 ชั้นกว่าจะได้เป็นพลังงานออกมาดังนั้นเลย
00:02:53 → 00:02:55 ไม่แปลกว่าทำไมเวลาอ้วนแล้วถึงลดยากนะ
00:02:55 → 00:02:57 ครับถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องระบบพลังงานตรง
00:02:57 → 00:03:00 นี้ดังนั้นหอึงเลยบอกว่าถ้าคุณอยากอยากจะ
00:03:00 → 00:03:02 เปลี่ยนจากการใช้น้ำตาลไปใช้ไขมันเนี่ย
00:03:02 → 00:03:05 มันเลยจะต้องเข้าใจว่าอ๋อจริงๆแล้วสเต็ป
00:03:05 → 00:03:08 ในการลดน้ำหนักเนี่ยมันมีอยู่ 2 สต็ปหลัก
00:03:08 → 00:03:10 ๆนะเอาเข้าใจต้องเข้าใจตรงนี้นะอธิบายแบบ
00:03:10 → 00:03:13 นี้ให้ฟังก่อนนะสเต็ปที่ 1 คือคุณต้อง
00:03:13 → 00:03:16 เปลี่ยนให้ร่างกายของคุณเนี่ยจากที่ใช้
00:03:16 → 00:03:21 น้ำตาลไปใช้ไขมันก่อนถ้าคุณไม่ทำตรงนี้
00:03:21 → 00:03:23 สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรรู้มั้ยเวลาคนเรา
00:03:23 → 00:03:26 ออกกำลังกายเนี่ยนะมักจะคาดหวังว่าฉันออก
00:03:26 → 00:03:29 กำลังกายเยอะๆแล้วฉันจะผอมแต่บางคนเข้า
00:03:29 → 00:03:32 ยิมวันละชั่วโมง 2 ชั่วโมงไม่ผอมเลยเพราะ
00:03:32 → 00:03:34 ไม่เข้าใจว่าร่างกายเนี่ยกำลังใช้แต่น้ำ
00:03:34 → 00:03:37 ตาลกับแป้งอยู่แต่ในขณะที่นักเรียนผมใคร
00:03:37 → 00:03:38 ที่เป็นนักเรียนในกลุ่ม VIP ผมจะรู้เลย
00:03:39 → 00:03:40 ว่าผมสอนเรื่องนี้ตั้งแต่บทแรกๆเลยนะถ้า
00:03:40 → 00:03:42 คุณไม่รู้จักการเปลี่ยนการใช้น้ำตาลให้
00:03:42 → 00:03:44 ร่างกายคุณไปใช้ไขมันก่อนนะคุณออกกำลัง
00:03:44 → 00:03:45 กายให้ตายคุณก็ไม่ผอมหรอกเพราะร่างกายไม่
00:03:45 → 00:03:48 ใช้ไขมันเลยแต่นักเรียนผมแต่ละคนเป็นไง
00:03:48 → 00:03:50 จากน้ำตาลเปลี่ยนมาใช้ไขมันก่อนแล้วหลัง
00:03:50 → 00:03:54 จากนั้นค่อยเปลี่ยนจากไขมันไปเป็นพลังงาน
00:03:54 → 00:03:56 ถ้าคุณทำได้นะคุณจะออกกำลังกายแค่ 10-15
00:03:56 → 00:03:59 นาทีต่อวันเท่านั้นเองแล้วผอมเลยเพราะ
00:03:59 → 00:04:02 อะไรเพราะเพราะทุกนาทีที่คุณออกคุณใช้แต่
00:04:02 → 00:04:04 ไขมันแต่แต่ก่อนเนี่ยคุณออกกำลังกายเป็น
00:04:04 → 00:04:07 ชั่วโมงเลยนะได้พลังงานก็จริงนะแต่ไขมัน
00:04:07 → 00:04:10 เนี่ยเป็นไงไม่หายไปเลยมีแต่น้ำตาลที่หาย
00:04:10 → 00:04:13 ไปโอเคไหนะครับเพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่คุณ
00:04:13 → 00:04:16 ต้องทำนะคือไม่อยากให้ร่างกายใช้น้ำตาล
00:04:16 → 00:04:18 เยอะใช่ไหมอย่ากินเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
00:04:18 → 00:04:21 อ่าไม่แปลกร่างกายมีน้ำตาลเยอะก็ใช้น้ำ
00:04:21 → 00:04:24 ตาลเยอะถูกมเช่นอะไรบ้างอ่าบางคนบอกว่า
00:04:24 → 00:04:26 คุณหมอคะคุณหมอพูดแบบนี้มันง่ายแต่บางที
00:04:26 → 00:04:28 พี่ไม่รู้ว่ามันมีอะไรบ้างนะครับอันที่ 1
00:04:28 → 00:04:30 หมวดกาแฟ
00:04:30 → 00:04:34 ใครที่ชอบกินกาแฟโดยเฉพาะกาแฟ 3 in one
00:04:34 → 00:04:36 ชื่อมันบอกอยู่แล้ว 3 in one 3 ใน 1
00:04:36 → 00:04:39 ใส่อะไรมาบ้างน้ำตาลครีมเทียมถูกมยนะครับ
00:04:39 → 00:04:43 นะมีอะไรอีกอ้านอกจากกาแฟท in one พวก
00:04:44 → 00:04:49 กาแฟใส่ไซหลับอ่ากาแฟใส่ไซหลับใส่อะไรใส่
00:04:49 → 00:04:52 นมกาแฟใส่นมจริงๆกาแฟใส่นมน่ะถ้าคุณเลือก
00:04:52 → 00:04:56 นมถูกนะคุณกินได้นะเช่นอะไรบ้างกาแฟที่
00:04:56 → 00:04:58 ใส่นมที่หมอหนึ่งจะกินนะก็คือกาแฟที่ใส่
00:04:58 → 00:05:01 พวกนมอัลมอนด์นมอัลมอนเนี่ยดีต่อสุขภาพ
00:05:01 → 00:05:03 แต่ปริมาณโปรตีนมันอาจจะไม่ได้เยอะโอเคมย
00:05:03 → 00:05:05 นะครับนะสัดส่วนแต่ละอย่างมันจะไม่ค่อย
00:05:05 → 00:05:07 เยอะแต่มันมีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพใส่
00:05:07 → 00:05:09 ได้แต่ใส่ตอนทำไไม่ได้นะใครที่เคยรู้จัก
00:05:10 → 00:05:12 การทำไน่ะนะครับเราไม่สามารถใส่นมในกาแฟ
00:05:12 → 00:05:15 ตอนทำไได้เนาะแล้วก็มีนมอะไรอีกนมโปรตีน
00:05:15 → 00:05:18 สูงพอได้เพราะว่าพวกเยเขาจะไม่เติมน้ำตาล
00:05:18 → 00:05:19 มาก็จะมีน้ำตาลแค่อยู่ในนมอย่างเดียวก็
00:05:19 → 00:05:22 ถือว่าพอรับได้แต่พวกนมอื่นๆที่บางคนบอก
00:05:22 → 00:05:26 ว่าคุณหมอคะดิฉันเติมนมพร่องมันเนยค่ะถ้า
00:05:26 → 00:05:28 ไปดูฉลากนะนมพร่องมันเนยเนี่ยไขมันไม่มี
00:05:28 → 00:05:31 แต่น้ำตาลปานเบอเลยเเห็นมยพวกเนี้ยคือน้ำ
00:05:31 → 00:05:33 ตาลที่มันสอดแทรกอยู่ที่เราไม่รู้มีอยู่
00:05:33 → 00:05:36 ในไหนอีกที่มีน้ำตาลนะครับนะอ้าอันถัดมา
00:05:36 → 00:05:43 ชาต่างๆชาต่างๆโดยเฉพาะชานมไข่มุกโอ้โห
00:05:43 → 00:05:46 อันเนี้ยสุดยอดเลยนะไข่มุกก็ทำมาจากแป้ง
00:05:46 → 00:05:48 ถูกมยแล้วชานมตรงนั้นน่ะเค้าใส่น้ำตาล
00:05:48 → 00:05:50 เยอะไม่งั้นมันอร่อยมยไม่อร่อยเพราะ
00:05:50 → 00:05:52 ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้กาแฟให้เปลี่ยนไปเป็น
00:05:52 → 00:05:56 พวกกาแฟดำส่วนพวกชาให้เปลี่ยนไปเป็นพวกชา
00:05:56 → 00:06:00 เขียวหรือชาดำเลยที่ไม่มีน้ำตาลและดีที่
00:06:00 → 00:06:02 สุดเลยถ้าบางคนไม่กินชาไม่กินกาแฟอยู่
00:06:02 → 00:06:05 แล้วนะครับก็คือพวกน้ำเปล่าโอเคมน้ำเปล่า
00:06:05 → 00:06:07 ชากาแฟดำน้ำเปล่าชากาแฟดำท่องไว้แบบนี้
00:06:07 → 00:06:10 เลยนะครับเนาะและน้ำเปล่าสำคัญกับการลด
00:06:10 → 00:06:13 น้ำหนักมากๆนะคนที่ลดน้ำหนักได้ช้าส่วน
00:06:13 → 00:06:16 นึงเป็นเพราะติดนิสัยไม่ค่อยกินน้ำถามว่า
00:06:16 → 00:06:18 ทำไมน้ำถึงสำคัญกับการลดน้ำหนักมากๆใน
00:06:18 → 00:06:21 ร่างกายของคนเราเนี่ย 100% มีน้ำเป็นส่วน
00:06:21 → 00:06:24 ประกอบอยู่ 60-70 per หมายความว่าอะไร
00:06:24 → 00:06:26 ครับคุณหมอผมหมายความว่าถ้าคุณน้ำหนัก
00:06:26 → 00:06:30 10070 กกเป็นน้ำหนักของน้ำนแสดงว่ามัน
00:06:30 → 00:06:32 อยู่ในเซลล์ต่างๆของร่างกายคุณหมดเลยถูก
00:06:32 → 00:06:35 มยเลือดก็เป็นน้ำถูกมยนะครับเพราะฉะนั้น
00:06:35 → 00:06:37 การที่คุณมีน้ำในร่างกายไม่เพียงพอเนี่ย
00:06:37 → 00:06:40 มันจะทำให้ร่างกายของคุณขาดน้ำแล้วเซลล์
00:06:40 → 00:06:42 ต่างๆทำงานได้ไม่เต็มที่มันเหมือนเครื่อง
00:06:42 → 00:06:44 จักรอ่ะมันจะรันได้มันต้องมีน้ำมัน
00:06:44 → 00:06:46 เครื่องหล่อลื่นถูกมยนะครับแล้วคุณคิดดู
00:06:46 → 00:06:48 ว่าวันนึงคุณสูญเสียน้ำไปเท่าไหร่นะสูญ
00:06:48 → 00:06:50 เสียจากการหายใจอ่าเป็นระเหยเป็นจากการ
00:06:50 → 00:06:53 หายใจสูญเสียทางเหงื่อสูญเสียทางปัสสาวะ
00:06:53 → 00:06:55 เยอะที่สุดเลยถูกมั้ยสูญเสียทางอุจจาระ
00:06:55 → 00:06:57 เพราะฉะนั้นพวกเนี้ยรวมๆกันแล้วเนี่ยต่อ
00:06:58 → 00:07:00 วันเนี่ยเราจะขาดน้ำออกทางช่องทางต่างๆ
00:07:00 → 00:07:02 เนี่ยประมาณ 1.5 -2 ลิตรดังนั้นบางคนกิน
00:07:02 → 00:07:05 น้ำยังไม่ได้ 1.5 -2 ลิตรต่อวันเพราะ
00:07:05 → 00:07:07 ฉะนั้นร่างกายก็ขาดน้ำพอขาดน้ำร่างกายก็
00:07:07 → 00:07:09 ทำงานได้ไม่ดีนี่คือเหตุผลว่าทำไมเ้าชอบ
00:07:09 → 00:07:11 พูดว่าให้กินน้ำวันนึงให้ได้ 6-8 แก้ว
00:07:11 → 00:07:14 เพราะ 6-8 แก้วมันปริมาณประมาณ 1.5 -2
00:07:14 → 00:07:17 ลิตรเพื่อชดเชยสิ่งที่เราขาดหายไปโอเคมย
00:07:17 → 00:07:19 นะครับเนาะเพราะฉะนั้นน้ำเปล่า 1.5 -2
00:07:19 → 00:07:21 ลิตรอันเนี้ยเป็นสิ่งที่ควรทำได้นะครับ
00:07:21 → 00:07:24 โดยที่ถ้าไม่ได้มีข้อจำกัดนะบางคนเป็นโรค
00:07:24 → 00:07:26 ไตวายไปแล้วบางคนเป็นโรคหัวใจต้องจำกัด
00:07:26 → 00:07:28 น้ำอันนั้นก็ต้องจำกัดแต่คนปกติที่ไม่ได้
00:07:28 → 00:07:30 มีโรคประจำตัวแบบนั้นน่ะกินได้เลยแบบนี้
00:07:30 → 00:07:32 โอเคมยแล้วเวลาเราออกกำลังกายถ้าเราออก
00:07:32 → 00:07:34 กำลังกายแล้วเราเสียเหงื่อเยอะเราก็ต้อง
00:07:34 → 00:07:36 กินน้ำเติมกลับเข้าไปแค่นั้นเองนะครับ
00:07:36 → 00:07:38 คราวนี้มันจะมีอีกบางอันที่เป็นเครื่อง
00:07:38 → 00:07:40 ดื่มที่มีน้ำตาลแต่หลายคนเนี่ยไม่ค่อย
00:07:40 → 00:07:45 เข้าใจนะครับเช่นอะไรบ้างเช่นนมเปรี้ยวนม
00:07:45 → 00:07:49 เปรี้ยวน้ำผลไม้โอ้โห 2 อันนี้เนี่ยสุดๆ
00:07:49 → 00:07:52 เลยนะใครที่เคยเห็นนมเปรี้ยวนะเราจริงๆ
00:07:52 → 00:07:54 เรากินนมเปรี้ยวอ่ะเราอยากได้วิตามินถูก
00:07:54 → 00:07:56 มั้ยเราอยากได้ใยอาหารแต่ถ้าใครไปเปิด
00:07:56 → 00:07:59 ข้างกล่องดูนะใยอาหารูพูดง่ายๆไม่มีใย
00:07:59 → 00:08:02 อาหารเลยมีแต่น้ำตาลอย่างเดียวน้ำผลไม้
00:08:02 → 00:08:04 กล่องก็เหมือนกันส่วนใหญ่ใยอาหารไม่มีเลย
00:08:04 → 00:08:07 ถ้าจะกินน้ำผลไม้กล่องกินน้ำผลไม้ปั่น
00:08:07 → 00:08:09 หรือคั้นยังจะดีกว่ามันยังมีใยอาหารอยู่
00:08:09 → 00:08:11 บ้างแต่ถ้าสมมุติว่าดีที่สุดเลยคือกิน
00:08:11 → 00:08:14 ผลไม้ที่เป็นลูกๆโอเคไหนะครับเนาะเพราะ
00:08:14 → 00:08:16 ฉะนั้นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทั้งหมดพวก
00:08:16 → 00:08:18 เนี้ยพยายามเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าชากาแฟดำ
00:08:18 → 00:08:21 ดีที่สุดละหรือบางคนบอกว่าคุณหมอคะพี่กิน
00:08:21 → 00:08:26 กาแฟดำไม่ไหวใส่สิ่งที่เราเรียกว่าสารให้
00:08:26 → 00:08:29 ความหวานได้มยอ่าสารให้ความหวานใส่ได้มย
00:08:29 → 00:08:31 ใส่ได้ครับถ้าให้หมอหนึ่งแนะนำนะอันที่ 1
00:08:31 → 00:08:34 ก็คือพวกที่เป็นหญ้าหวานแต่ใส่แค่พอให้
00:08:34 → 00:08:36 ได้รสชาตินะไม่ใช่ว่าเราเติมเข้าไปเพื่อ
00:08:36 → 00:08:39 ที่จะได้กลับไปติดหวานเหมือนเดิมลิ้นคน
00:08:39 → 00:08:42 เราเนี่ยสำคัญมากๆใครที่ตอนนี้ยังกินของ
00:08:42 → 00:08:44 หวานจนชินนะคุณลองหยุดสัก 3 วันแล้วไปกิน
00:08:44 → 00:08:46 กาแฟดำเอาเคดกาแฟอย่างเดียวเลยนะแล้วกลับ
00:08:47 → 00:08:50 ไปกินม็อค่ากลับไปกินลาเต้คาปูชิโน่ใหม่
00:08:50 → 00:08:52 คุณจะรู้เลยว่าลิ้นคุณมันจะต่อต้านเฮ้ย
00:08:52 → 00:08:54 ทำไมมันหวานมากเลยบางคนกินแล้วเวียนหัว
00:08:54 → 00:08:56 เลยมีใครเคยเป็นมั้ยตัดหวานเสร็จปั๊บอีก 3
00:08:56 → 00:08:58 วันกลับมากินเวียนหัวเลยเพราะว่าร่างกาย
00:08:58 → 00:09:00 เราไม่ชินกับการติดหวานแล้วลิ้นเราเริ่ม
00:09:00 → 00:09:03 รับรสได้ดีขึ้นแต่ปกติคนที่กินหวานอยู่
00:09:03 → 00:09:05 แล้วเนี่ยมันจะต้องกินหวานขึ้นไปเรื่อยๆ
00:09:05 → 00:09:06 เพราะว่าอะไรเพราะว่าลิ้นมันเคยชินกับ
00:09:07 → 00:09:09 ระดับความหวานที่เป็นแบบเนี้ยหมอ1ึไปกิน
00:09:09 → 00:09:10 อาจจะบอกว่ามันหวานมากแต่คุณกินทุกวันคุณ
00:09:10 → 00:09:13 รู้สึกว่ามันปกตินะครับเนาะอีกอันนึงที่
00:09:13 → 00:09:15 ใช้ได้มีอะไรบ้างอีกนะครับนะก็มีอันที่
00:09:15 → 00:09:19 เรียกว่าอิออ่าอิอก็ใช้ได้ส่วนใหญ่จะใช้
00:09:19 → 00:09:21 ในขนมแล้วก็พวกสารสกัดหล่อังกล้วยพวกเได้
00:09:21 → 00:09:25 หมดเลยนะครับแต่ใช้แค่เพื่อให้ได้ความ
00:09:25 → 00:09:29 หวานในช่วงที่เรากำลังลดหวานลงโอเคปป่า
00:09:29 → 00:09:31 ส่วนใครที่ทำอออยู่ช่วงทำออจริงๆพวกนี้ก็
00:09:31 → 00:09:33 ใช้ได้แต่ถ้าถามหมอ 1 นะหมอ 1 ไม่ใช้
00:09:33 → 00:09:36 เพราะอะไรรู้มยมันจะทำให้คุณติดหวานลิ้น
00:09:36 → 00:09:38 เราจะติดหวานแล้วสุดท้ายพอเราหาพวกสารให้
00:09:38 → 00:09:40 ความหวานไม่ได้แล้วเราโหยมากๆเราก็ต้อง
00:09:40 → 00:09:42 กลับไปกินของหวานเหมือนเดิมนะครับเนาะ
00:09:42 → 00:09:44 เพราะฉะนั้นอันที่ 1 ตัดเครื่องดื่มที่มี
00:09:44 → 00:09:46 น้ำตาลทิ้งไปก่อนร่างกายมีน้ำตาลน้อยลง
00:09:46 → 00:09:49 มันจะถึงจะไปยอมใช้ไขมันมากขึ้นนะเราถึง
00:09:49 → 00:09:51 จะบังคับให้ร่างกายใช้ไขมันได้ข้อที่ 2
00:09:51 → 00:09:54 อ้าเมื่อกี้เราพูดถึงเครื่องดื่มที่มีน้ำ
00:09:54 → 00:09:57 ตาลแล้วพูดถึงน้ำผลไม้ใช่มยข้อที่ 2
00:09:57 → 00:10:01 ผลไม้ข้อนี้สำคัญมากคนส่วนใหญ่ลดน้ำหนัก
00:10:01 → 00:10:02 ไม่ได้เพราะข้อนี้เพราะบ้านเราเนี่ย
00:10:02 → 00:10:04 ประเทศไทยโดยเฉพาะผู้หญิงใช่มั้ยผลไม้มัน
00:10:04 → 00:10:06 หากินง่ายนะครับ
00:10:06 → 00:10:12 ผลไม้ที่เราเลือกจะต้องเป็นผลไม้รสไม่
00:10:12 → 00:10:16 หวานผลไม้รสไม่หวานผลไม้รสหวานจำไว้เลยนะ
00:10:16 → 00:10:18 ครับอะไรที่กินแล้วหวานอันนั้นหวานหมดแต่
00:10:18 → 00:10:21 ถ้าเราสัมผัสได้นะลูกเล็กๆแล้วหวานจัดๆ
00:10:21 → 00:10:24 อันนั้นน่ะคือผลไม้ที่ไม่ควรกินเช่นร่อง
00:10:24 → 00:10:27 กองมีอะไรอีกที่กินเป็นเม็ดๆพวงๆแล้วหวัน
00:10:27 → 00:10:32 มากๆอ้าวลิ้นจี่ลิ้นจี่อะไรอีกลำไยลำไย
00:10:32 → 00:10:36 พวกเนี้ยหวานมากๆไม่ควรโอเคมนะครับแล้ว
00:10:36 → 00:10:38 ถ้าพูดถึงอันที่เรากินได้บ้างล่ะอ่าที่
00:10:38 → 00:10:41 เรากินได้ก็มีนะครับนะพวกกลุ่มตระกูลที่
00:10:41 → 00:10:43 เป็นเบอร์รี่ทั้งหลายสตรอเบอร์รี่
00:10:43 → 00:10:47 บลูเบอร์รี่ได้หมดโอเคมถ้าลงท้ายด้วย
00:10:47 → 00:10:50 เบอร์รี่พวกนี้กินได้น้ำตาลน้อยชมพู่กิน
00:10:50 → 00:10:52 ได้แล้วผลไม้อย่างอื่นจริงๆไม่ใช่ว่ากิน
00:10:52 → 00:10:56 ไม่ได้นะครับกินได้แต่หมอหนึมีย้ำคำว่า
00:10:56 → 00:10:59 แต่นะในปริมาณที่เหมาะสมไม่มีนะครับคนที่
00:10:59 → 00:11:02 บอกว่ากินผลไม้เท่าไหร่ก็ได้แล้วชีวิต
00:11:02 → 00:11:04 สุขภาพดีเป็นไปไม่ได้อาหารทุกอย่างบนโลก
00:11:04 → 00:11:07 นี้มันมีปริมาณที่เหมาะสมของมันหมอ1ึไม่
00:11:07 → 00:11:08 เคยบอกว่าคุณจะกินเนื้อสัตว์เท่าไหร่ก็
00:11:08 → 00:11:11 ได้คุณจะกินผักเท่าไหร่ก็ได้คุณจะกิน
00:11:11 → 00:11:14 ผลไม้เท่าไหร่ก็ได้น้ำหนักของแต่ละคนมัน
00:11:14 → 00:11:17 มีปริมาณที่เหมาะสมอยู่โอเคยนะครับถ้าใคร
00:11:17 → 00:11:19 อยากเรียนรู้เรื่องนี้เพิ่มเติมให้ไปลอง
00:11:19 → 00:11:23 เสิร์ชคำว่าดัชนีน้ำตาลอ่าดัชนีน้ำตาลนะ
00:11:23 → 00:11:25 เดี๋ยวไว้ถ้ามีเวลาจะเอามาทำเรื่องนี้
00:11:25 → 00:11:28 เพิ่มให้นะครับดัชนีน้ำตาลหรือค่า GI มัน
00:11:28 → 00:11:30 ย่อมาจากคำว่าไกลไมิ index จำชื่อจริงไม่
00:11:30 → 00:11:34 ได้ช่างมันนะครับแต่ไกลซีมิกไกลซีนคือน้ำ
00:11:34 → 00:11:36 ตาล index คือดัชนีดัชนีน้ำตาลคือค่าที่
00:11:36 → 00:11:38 บอกว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรากินไอ้สิ่ง
00:11:38 → 00:11:40 นั้นเข้าไปแล้วมันจะทำให้น้ำตาลในเลือด
00:11:40 → 00:11:43 ของเราอ่ะสูงขึ้นเร็วหรือช้าถ้าค่า GI
00:11:43 → 00:11:46 สูงหมายความว่ากินแป๊บเดียวน้ำตาลพุ่ง
00:11:46 → 00:11:48 กระฉูดปี๊ดเลยเช่นอะไรเช่นพวกข้าวข้าวขาว
00:11:48 → 00:11:51 ข้าวเหนียวกินปั๊บน้ำตาลพุ่งกระฉูดเลยขนม
00:11:51 → 00:11:55 ปังสีขาวพวกเยนะครับแต่ถ้าค่า GI ต่ำๆนะ
00:11:55 → 00:11:58 นะกินเสร็จปั๊บร่างกายย่อยช้าดูดซึมน้ำ
00:11:58 → 00:12:00 ตาลช้าพวกนี้ก็จะทำให้คุณลดน้ำหนักได้ดี
00:12:00 → 00:12:02 กว่านะครับเพราะฉะนั้นถ้าอยากรู้ว่าผลไม้
00:12:02 → 00:12:05 อะไรบ้างที่กินได้เสิร์คำว่าดัชนีน้ำตาล
00:12:05 → 00:12:07 โอเคมยแล้วก็พวกผลไม้ที่น้ำเยอะจริงๆก็
00:12:07 → 00:12:10 กินได้นะแตงโมเเนี่ยบางคนไปเสิร์ชดูดัชนี
00:12:10 → 00:12:12 น้ำตาลอาจจะสูงหน่อยแต่มันเป็นผลไม้ที่มี
00:12:12 → 00:12:14 น้ำเยอะเพราะฉะนั้นแตงโมก็กินได้แต่กินใน
00:12:14 → 00:12:16 เสี้ยวที่ไม่ใช่กินเอาอิ่มอ่ะคนเราเวลา
00:12:17 → 00:12:19 มันจะอิ่มเนี่ยมันจะอิ่มจากโปรตีนไม่ได้
00:12:19 → 00:12:22 อิ่มจากแป้งกับน้ำตาลน้ำตาลกินเท่าไหร่ก็
00:12:22 → 00:12:24 ไม่อิ่มคุณลองสังเกตนะพวกที่มันมีรสหวาน
00:12:24 → 00:12:26 น่ะคุณกิน 8:00 นเดี๋ 10:00 นคุณก็หิวอีก
00:12:26 → 00:12:28 แล้วเพราะอะไรเพราะน้ำตาลในเลือดคุณมันจะ
00:12:28 → 00:12:31 แกว่งขึ้นแกว่งลงแบบนี้พอครูกินน้ำตาลไป
00:12:31 → 00:12:33 น้ำตาลสูงแป๊บนึงเดี๋ยวร่างกายก็ดึงน้ำ
00:12:33 → 00:12:35 ตาลกลับไปเก็บเพราะไม่อยากเป็นเบาหวานแต่
00:12:35 → 00:12:37 เวลาเก็บมันไม่ได้เก็บธรรมดามันเอาไปเก็บ
00:12:37 → 00:12:39 หมดเลยเพราะฉะนั้นน้ำตาลก็อยู่ต่ำกว่า
00:12:39 → 00:12:41 เกณฑ์ที่ร่างกายอยากได้ร่างกายก็เลยโหย
00:12:41 → 00:12:43 แล้วก็อยากกินอันนี้คืออาการโหยโหยน้ำตาล
00:12:43 → 00:12:45 โอเคมยนะครับเนาะเพราะฉะนั้นอันนี้คือ
00:12:45 → 00:12:48 เรื่องของผลไม้แล้วก็สังเกตง่ายๆผลไม้สุก
00:12:48 → 00:12:51 จะหวานกว่าผลไม้ดิบด้วยเหตุผลอะไรคะคุณ
00:12:51 → 00:12:54 หมอปกติไอ้ผลไม้ดิบมันมีแป้งเยอะน้ำตาล
00:12:54 → 00:12:56 น้อยแต่พอทิ้งไว้นานๆแล้วมันบ่มอยู่ใน
00:12:56 → 00:12:59 นั้นเนี่ยแป้งมันจะถูกย่อยกลายเป็นน้ำตาล
00:12:59 → 00:13:01 ด้วยพวกน้ำย่อยที่อยู่ในผลไม้เพราะฉะนั้น
00:13:01 → 00:13:03 พอแป้งย่อยเป็นน้ำตาลปั๊บจากมะม่วงดิบ
00:13:03 → 00:13:05 กลายเป็นมะม่วงสุกมะม่วงสุกเลยหวานเพราะ
00:13:05 → 00:13:08 น้ำตาลเยอะแป้งน้อยแต่มะม่วงดิบแป้งเยอะ
00:13:08 → 00:13:11 น้ำตาลน้อยโอเคไหมนะครับเนาะนะอ่ะเพราะ
00:13:11 → 00:13:14 ฉะนั้นพวกผลไม้อันที่ 2 เนาะถัดมานะครับ
00:13:14 → 00:13:18 อันที่ 3 อะไรที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ลด
00:13:18 → 00:13:20 เพราะเราอยากจะสลับระบบพลังงานจากน้ำตาล
00:13:20 → 00:13:22 ไปใช้ไขมันถูกป่าเพราะฉะนั้นอะไรที่
00:13:22 → 00:13:25 เปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ต้องลดลงก่อนสิ่งที่
00:13:25 → 00:13:28 เปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้สิ่งนั้นเราเรียกว่า
00:13:28 → 00:13:31 แป้งอ่าเราเรียกว่าแป้งนะครับหรือบางคนจะ
00:13:31 → 00:13:36 เรียกว่าขาบหรือบางคนจะเรียกว่าคาร
00:13:36 → 00:13:40 โบไฮเดรตก็ได้อ่าพวกเนี้ยนะครับพวกเเรา
00:13:40 → 00:13:42 เรียกว่าแป้งหมดเลยใครที่อยู่ในกลุ่ม
00:13:42 → 00:13:44 เรียนลดน้ำหนักของหมอ 1 นะครับให้ไปทบทวน
00:13:44 → 00:13:47 บทที่ 5 ถึงบทที่ 8 เพราะการแลกแป้งสำคัญ
00:13:47 → 00:13:49 มากแต่คนที่เพิ่งมาเจอหมอ 1 แล้วเพิ่ง
00:13:49 → 00:13:52 เริ่มต้นลดน้ำหนักเวลาที่เราเริ่มต้นลด
00:13:52 → 00:13:54 น้ำหนักเอาง่ายๆก่อนให้เราเริ่มเบื้องต้น
00:13:54 → 00:13:57 ให้ได้ก่อนเราจะได้มีกำลังใจในการไปต่อ
00:13:57 → 00:13:59 ถูกมยเพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้คือตัด
00:13:59 → 00:14:02 ปริมาณมันก่อนนึกอะไรไม่ออกอันที่ 1 ลด
00:14:03 → 00:14:06 ปริมาณลงครึ่งนึงได้มยอ่าลดปริมาณลง 1/2
00:14:06 → 00:14:09 ได้มเคยกินข้าว 2 ทัพพีเหลือ 1 ทัพพีได้
00:14:09 → 00:14:13 มยเคยกินขนมปัง 2 แผ่นเหลือ 1 แผ่นได้ม
00:14:13 → 00:14:16 เคยกินผลไม้ 10 ชิ้นเหลือ 5 ชิ้นได้มยเคย
00:14:16 → 00:14:18 เห็นภาพมยนะครับคือบางคนบอกว่าเอผลไม้
00:14:18 → 00:14:20 เกี่ยวด้วยหรอคุณหมออต้องบอกแบบนี้นะครับ
00:14:20 → 00:14:22 ว่าจริงๆพวกแป้งเนี่ยมันได้เกี่ได้แก่
00:14:22 → 00:14:25 อะไรบ้างมันได้แก่พวกข้าวพวกเส้นบางคนชอบ
00:14:25 → 00:14:27 กินก๋วยเตี๋ยวมากแล้วเพิ่มเส้นถูกมั้ย
00:14:27 → 00:14:29 แล้วก็ต้องลดเส้นลงเพเส้นก็เป็นแป้งย่อย
00:14:29 → 00:14:31 เสร็จก็เป็นน้ำตาลถูกมยเพราะฉะนั้นได้แก่
00:14:31 → 00:14:35 พวกข้าวเส้นขนมปังผักหัวทั้งหลายแล้วก็
00:14:35 → 00:14:38 พวกผลไม้ต่างๆพวกนี้เป็นแป้งหมดเลยให้ลด
00:14:38 → 00:14:40 ปริมาณจากที่เคยกินลงครึ่งนึงอีกอันนึง
00:14:40 → 00:14:43 ที่เจอบ่อยก็คือนมนะนมก็เป็นแป้งแบบนึงนะ
00:14:43 → 00:14:45 ครับเด็กไทยเนี่ยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยไม่
00:14:45 → 00:14:48 ค่อยได้อ้วนจากพวกอาหารหรอกแต่มักจะอ้วน
00:14:48 → 00:14:51 จากพวกน้ำอัดลมกับนมผมเคยเห็นเด็กบางคนน
00:14:51 → 00:14:53 บาปรึกษาบอกว่าคุณหมอคะลูกอ้วนมากเลยอยาก
00:14:53 → 00:14:56 ลดน้ำหนักทำยังไงดีคือเด็กเจะมีกิจกรรม
00:14:56 → 00:14:58 ทางกายอยู่แล้วใครที่ที่บ้านมีเด็กลอง
00:14:58 → 00:15:01 สังกสังเกตดีๆนะครับเด็กเพร้อมจะลดไขมัน
00:15:01 → 00:15:03 อยู่แล้วแต่หลักๆเี่มักจะเสียที่การกิน
00:15:03 → 00:15:06 โดยเฉพาะพวกอะไรที่น้ำตาลกับแป้งเยอะนม
00:15:06 → 00:15:09 บางคนกินทีเนี่ยกิน 6 กล่องต่อวันมันเยอะ
00:15:09 → 00:15:12 เกินไปนะหรือบางคนกินข้าวเติมแล้วเติมอีก
00:15:12 → 00:15:15 เพราะว่าคนแต่ก่อนเขาสอนกันมาว่ากินข้าว
00:15:15 → 00:15:18 เยอะๆจะได้โตไวๆไม่นะครับนะถ้ากล้ามเนื้อ
00:15:18 → 00:15:20 จะเติบโตกระดูกจะเติบโตต้องมีโปรตีนที่
00:15:20 → 00:15:23 เหมาะสมไม่ใช่กินแป้งเข้าไปเยอะๆแล้วไม่
00:15:23 → 00:15:25 ได้ใช้อันนั้นอาจจะเป็นเด็กอ้วนไม่ค่อยดี
00:15:25 → 00:15:27 เนาะโอเคมยนะครับเพราะฉะนั้นลดปริมาณลง
00:15:27 → 00:15:30 ครึ่งนึงอีกเทคนิอีกนึงที่หมอหนึ่งบอกนะ
00:15:30 → 00:15:33 ครับนะคุณอาจจะยังไม่รู้ว่ามันมีวิธีแลก
00:15:33 → 00:15:36 แป้งอะไรกับอะไรบ้างในปริมาณเท่าไหร่เนาะ
00:15:36 → 00:15:40 แต่ให้รู้ไว้ว่าเอาง่ายๆแบบนี้เราจะไม่
00:15:40 → 00:15:43 กินแป้งอย่างเดียวกันในมื้อเดียวกันอ่า
00:15:43 → 00:15:46 หมายความว่าอะไรครับคุณหมอหมายความว่า
00:15:46 → 00:15:48 สมมุติเช้านี้คุณเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ
00:15:48 → 00:15:51 แล้วเมักจะวางไอ้กล้วยหอมอ่ะใช่มั้ยอ่า
00:15:51 → 00:15:54 แล้วก็มีแซนวิชด้วยแล้วก็หยิบแซนวิชแล้ว
00:15:54 → 00:15:56 ก็หยิบกล้วยหอมแบบเไม่ดีที่มันไม่ดีเพราะ
00:15:56 → 00:15:59 อะไรที่มันไม่ดีเพราะว่าแซนวิชก็เป็นแป้ง
00:15:59 → 00:16:03 ใครขนมปังก็เป็นแป้งกล้วยก็เป็นแป้งกิน
00:16:03 → 00:16:05 แซนวิชแล้วก็กินกล้วยด้วยถ้าใครที่เรียน
00:16:05 → 00:16:08 กับหม 1 มาจะรู้ว่าแซนวิชมีขนมปัง 2 แผ่น
00:16:08 → 00:16:11 แป้ง 2 ส่วนกล้วยหอมลูกนึงใหญ่ๆแป้งอีก 2
00:16:11 → 00:16:13 ส่วนรวมกันเป็น 4 ส่วนมื้อเดียวได้แป้งไป
00:16:13 → 00:16:16 4 ส่วนแล้วกินอย่างงี้ 3 มื้อแป้ง 12
00:16:16 → 00:16:18 ส่วนเยอะระเบิดระเบ้อเลยถูกมยนะครับเพราะ
00:16:18 → 00:16:21 ฉะนั้นถ้าไม่รู้อะไรเลยยังนับแป้งยังแลก
00:16:21 → 00:16:24 แป้งไม่เป็นอยกินแป้งหลายชนิดใน 1 มื้อ
00:16:24 → 00:16:26 ให้กินแป้งแค่ชนิดเดียวแล้วลดปริมาณลง
00:16:27 → 00:16:29 เช่นหมอหนึ่งบอกว่าหน้านี้หน้าทุเรียนอ่า
00:16:29 → 00:16:32 นักเรียนผมอยากกินทุเรียนผมบอกว่าได้สิ
00:16:32 → 00:16:34 ครับอยากกินทุเรียนน่ะแต่ว่าแลกแป้งนะเอา
00:16:34 → 00:16:37 งี้ได้มยตอนเช้าอยากกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง
00:16:37 → 00:16:39 อ่ะแต่ว่าทุเรียนก็อยากกินด้วยอ่ะข้าว
00:16:39 → 00:16:42 เหนียวก็แป้งทุเรียนก็แป้งเลือกแป้งสัก
00:16:42 → 00:16:44 อย่างนึงเป็นคุณคุณจะเลือกอะไรครับหมู
00:16:44 → 00:16:46 ปิ้งข้าวเหนียวหรือทุเรียนหมูปิ้งนัก
00:16:46 → 00:16:48 เรียนผมเลือกทุเรียนหมูปิ้งนะมันไม่แปลก
00:16:48 → 00:16:50 ถูกมยเพราะจริงๆแล้วไอ้ข้าวเหนียวกับทุ
00:16:50 → 00:16:52 ข้าวเหนียวกับหมูปิ้งมันถูกเอามาจับคู่
00:16:52 → 00:16:54 กันเฉยๆจริงๆเรากินหมูปิ้งอย่างเดียวก็
00:16:54 → 00:16:57 ได้แต่เราไปเอาแป้งจากทุเรียนแทนเห็นป่ะ
00:16:57 → 00:16:59 การเลือกแบบเยจะทำให้เรากินได้ทุกอย่าง
00:16:59 → 00:17:01 ที่เราอยากกินไม่จำเป็นจะต้องมานั่งจำกัด
00:17:01 → 00:17:03 จำเขี่ยว่าอันนั้นกินไม่ได้อันนี้กินไม่
00:17:03 → 00:17:04 ได้ทุกอย่างกินได้หมดแต่แต่ต้องมีความรู้
00:17:04 → 00:17:07 เฉยๆเพราะฉะนั้นลองใช้เทคนิคนี้ดูไม่กิน
00:17:07 → 00:17:09 แป้งซ้ำซ้อนหรือเทคนิคที่บันหนึเคยสอนใน
00:17:09 → 00:17:12 กลุ่มคืนแรกแป้งไปทบวนบทที่ 5 ถึงบทที่ 8
00:17:12 → 00:17:13 นะใครที่อยู่ในกลุ่มเรียนนะครับเนาะอัน
00:17:13 → 00:17:16 นี้อันที่ 3 นะลดปริมาณมันลงถัดมานะครับ
00:17:16 → 00:17:19 เทคนิคที่ 4 เทคนิคที่ 4 ทำยังไงร่างกาย
00:17:19 → 00:17:22 ถึงจะไม่ใช้น้ำตาลแล้วไปใช้ไขมันน่าเมื่อ
00:17:22 → 00:17:26 กี้พูดถึงเรื่องปริมาณคราวนี้เราจะพูดถึง
00:17:26 → 00:17:29 ชนิดของแป้งบ้างชนิดของแป้งแป้งจริงๆ
00:17:29 → 00:17:32 เนี่ยมันมีอยู่ 2 ชนิดหลักๆนะครับคือชนิด
00:17:32 → 00:17:35 ที่เราเรียกว่าเชิงเดี่ยวกับแป้งที่เป็น
00:17:35 → 00:17:39 เชิงซ้อนหมายความว่าอะไรคะคุณหมอแป้งเชิง
00:17:39 → 00:17:42 เดี่ยวเนี่ยมันคือแป้งที่พูดง่ายๆเลยแป้ง
00:17:42 → 00:17:45 ที่มีสีขาวผ่านกระบวนการการขัดสีอะไรมา
00:17:45 → 00:17:49 หมดแล้วขัดยังไงบ้างเอาเปลือกออกถูกมยขัด
00:17:49 → 00:17:51 เอาใยอาหารออกเพราะฉะนั้นได้แก่พวกขนมปัง
00:17:51 → 00:17:54 ขาวทั้งหลายพวกเส้นแป้งสาลีทั้งหลายข้าว
00:17:55 → 00:17:57 ขาวพวกเนี้ยนะแต่ถ้าเป็นพวกเชิงซ้อน
00:17:57 → 00:18:00 คีย์เวิร์ดเดียวเลยคือคำคำว่าใยอาหารใคร
00:18:00 → 00:18:03 ที่ฟังแล้วหลายๆรอบนะฟังซ้ำมันจะจดจำได้
00:18:03 → 00:18:05 โดยที่คุณไม่ต้องจดเลยนะหลายๆคลิปเนี่ย
00:18:05 → 00:18:08 หมอหนึ่งก็จะพูดอยู่อย่างเงี้ยซ้ำๆบางที
00:18:08 → 00:18:10 เราฟังรอบเดียวเราจำไม่ได้บางคนจำได้แต่
00:18:10 → 00:18:13 ยังไม่เชื่อว่าเฮ้ยมันได้จริงๆหรอบางคน
00:18:13 → 00:18:15 ฟังคลิปหมอหนมา 5 คลิ๊ปกว่าจะเริ่มลงมือ
00:18:15 → 00:18:17 ทำอ่ะเพราะอะไรตอนนั้นใจเรามันยังไม่
00:18:17 → 00:18:20 เชื่อว่ามันเป็นไปได้แต่ผมบอกเลยว่าเมื่อ
00:18:20 → 00:18:22 ไหร่ก็ตามที่คุณเริ่มเชื่อแล้วนะคุณจะลด
00:18:22 → 00:18:24 น้ำหนักได้ติดจรวดมากๆแล้วสุดท้ายคุณจะ
00:18:25 → 00:18:27 สุขภาพดีแบบที่คุณไม่เคยคิดเลยว่าชีวิต
00:18:27 → 00:18:30 นี้จะมีได้โอเคมยนะครับเนาะแต่บางคนบอก
00:18:30 → 00:18:32 ว่าเราหาไม่ได้อ่ะค่ะคุณหมอข้าวแป้งเชิง
00:18:32 → 00:18:36 เดี่ยวทำยังไงดีคะก็กินข้าวสินะกินข้าว
00:18:36 → 00:18:39 ขาวสิแต่บวกผักได้มยเพราะผักเราก็มีใย
00:18:39 → 00:18:42 อาหารถูกเ่าหรือบางทีแลกแป้งแบบข้อเมื่อ
00:18:42 → 00:18:45 กี้ได้มยมีข้าวขาวถ้าต้องเทียบกับการที่
00:18:45 → 00:18:48 เราจะกินฟักทองอ้าฟักทองเป็นแป้งเชิงซ้อน
00:18:48 → 00:18:50 เพราะอะไรเพราะฟักทองเนี่ยเป็นผักหัวก็
00:18:50 → 00:18:52 จริงนะผักหัวได้แก่พวกข้าวโพดเผือกมันฟัก
00:18:52 → 00:18:55 ทองพวกเนี้ยเป็นผักหัวมีแป้งอยู่ในนั้น
00:18:55 → 00:18:57 แต่มีใยอาหารอยู่ในนั้นด้วยเพราะฉะนั้นก็
00:18:57 → 00:18:59 จะเป็นเชิงซ้อนถ้าสมมุติว่าหมอหนึเลือก
00:18:59 → 00:19:02 ได้ว่ามื้อนี้หมอหนึ่งต้องมีข้าวแล้วก็มี
00:19:02 → 00:19:05 ฟักทองผัดไข่หมอหนึ่งจะกินฟักทองผัดไข่
00:19:05 → 00:19:07 โดยที่อาจจะไม่กินข้าวเลยก็ได้เพราะฟัก
00:19:07 → 00:19:11 ทองก็มีแป้งแล้วไข่คือโปรตีนแต่ถ้าเรากิน
00:19:11 → 00:19:13 ข้าวกับฟักทองผัดไข่มันจะกลายเป็นแป้ง
00:19:13 → 00:19:16 แป้งโปรตีนเอาแป้งอันนึงออกดีกว่าถูกมยก็
00:19:16 → 00:19:19 ต้องเลือกฟักทองฟักทองมีใหญ่อาหารเห็นมย
00:19:19 → 00:19:21 เราจะเลือกเก่งขึ้นน่ะทักษะพวกนี้มันเป็น
00:19:21 → 00:19:23 ทักษะที่จำเป็นนะแต่โรงเรียนไม่เคยสอนเรา
00:19:23 → 00:19:26 เท่านั้นเองนะครับเนาะนะอ่ะแล้วก็ข้อสุด
00:19:27 → 00:19:29 ท้ายถ้าไม่อยากใช้น้ำตาลอยากให้ร่างกาย
00:19:29 → 00:19:32 บังคับให้ใช้ไขมันได้นะครับก็คือข้อที่ 5
00:19:32 → 00:19:36 คือการทำ If บางคนรู้แล้วแต่ว่าทำผิดเยอะ
00:19:36 → 00:19:38 นะเจอเยอะมากหลายคนที่มาเรียนกับหมอ 1
00:19:38 → 00:19:41 แล้วบอกว่าคุณหมอคะทำ If มาปีนึงแล้วค่ะ
00:19:41 → 00:19:44 แต่ไม่ผอมเลยค่ะพี่ทำถูกแน่นอนเพราะว่า
00:19:44 → 00:19:47 ช่วงอดพี่ไม่กินอะไรเลยค่ะแต่ว่าไม่รู้
00:19:47 → 00:19:49 เหมือนกันว่าทำไมน้ำหนักมันถึงไม่ลงสำคัญ
00:19:49 → 00:19:53 มากๆนะข้อนี้นะครับผมจะบอกเลยนะว่าหลายคน
00:19:53 → 00:19:55 เข้าใจผิดจริงๆ If เนี่ยคำว่า
00:19:55 → 00:19:57 intermittent เนี่ยมันแปลว่าเป็นช่วงๆ
00:19:57 → 00:19:59 fasting แปลว่าอดอาหารเพราะฉะนั้น
00:19:59 → 00:20:02 intermittent fasting แปลว่าอดอาหาร
00:20:02 → 00:20:04 เป็นช่วงๆใครที่เคยฟังเรื่อง If มาแล้ว
00:20:04 → 00:20:06 ตั้งใจฟังคลิปนี้ให้ดีเพราะคุณอาจจะทำมัน
00:20:06 → 00:20:08 ผิดอยู่ก็ได้นะครับเนาะมันแปลว่าอดอาหาร
00:20:08 → 00:20:11 เป็นช่วงๆหมายความว่าใน 1 วันเรามีช่วง
00:20:11 → 00:20:15 กินกับมีช่วงอดโอเคมยมีช่วงกินกับช่วงอด
00:20:15 → 00:20:18 ไอ้ช่วงอดเนี่ยเขาบอกเลยว่าถ้าคุณจะลดน้ำ
00:20:18 → 00:20:21 หนักได้ดีคุณต้องมีช่วงอดเนี่ยที่นานกว่า
00:20:22 → 00:20:25 12 ช่วโมงหมายความว่าอะไรหมายความว่าถ้า
00:20:25 → 00:20:29 วันนี้หมอหนึ่งหยุดกินตอน 20:00 นหลัง
00:20:29 → 00:20:31 20:00 นหมอหนึ่งกินแต่น้ำเปล่าเลยนะวัน
00:20:31 → 00:20:33 รุ่งขึ้นหมอหนึ่งจะเริ่มกินได้คือหลัง
00:20:33 → 00:20:36 8:00 นเป็นต้นไปเพราะอะไรเพราะเราจะอด 12
00:20:36 → 00:20:38 ชั่วโมงถูกมั้ยแต่บางคนน่ะชอบติดนิสัยกิน
00:20:38 → 00:20:40 จุกจิกก่อนนอนก็ยังกินอันเนี้ยคุณก็จะมี
00:20:40 → 00:20:43 เวลาที่ร่างกายใช้ไขมันได้น้อยทำไมการทำไ
00:20:43 → 00:20:45 มันถึงได้ผลรู้มั้ยเพราะว่าร่างกายของเรา
00:20:45 → 00:20:47 ถ้ามีพลังงานภายนอกมันใช้พลังงานจากสิ่ง
00:20:47 → 00:20:49 ที่เรากินก่อนบางทีเราสู้ใจตัวเองไม่ได้
00:20:50 → 00:20:52 อ่ะตอนกลางคืนปั๊บกำลังจะนอนเห็นของกิน
00:20:52 → 00:20:54 เปิดตู้เย็นมาปั๊บเอาสักคำวะทั้งๆที่หยุด
00:20:54 → 00:20:57 กินตอน 20:00 นนะแต่เที่ยงคืนเปิดตู้มา
00:20:57 → 00:20:59 เอาสักคำวะกลายเป็นหยุดกินเที่ยงคืน 8:00
00:20:59 → 00:21:02 นตื่นมากินอีกแล้วเวลาหยุดกินแค่ 8 ชมมัน
00:21:02 → 00:21:04 ไม่เพียงพอเพราะว่าร่างกายเริ่มใช้ไขมัน
00:21:04 → 00:21:07 ได้ดีตั้งแต่ 12 ชมขึ้นไปและจาก
00:21:07 → 00:21:11 ประสบการณ์หมอหนึ่งนะ 15-18 ชมงถือว่า
00:21:11 → 00:21:14 เป็นช่วงที่กำลังดีมากๆเฮ้ยคุณหมอแต่ว่า
00:21:14 → 00:21:18 เคยเห็นบางคนเทำ If แบบ 23/1 นะ 23/1
00:21:18 → 00:21:20 หมายความว่าอะไรอ่าเลขมันจะมี 2 ตัวใช่มย
00:21:20 → 00:21:23 นะครับเนาะ 23 หมายความว่าอด 23 ชมแล้ว
00:21:23 → 00:21:25 กิน 1 ช่วโมงคนบ้านอะไรจะกินวันละ 1
00:21:25 → 00:21:27 ชั่วโมงคือกินมื้อเดียวใช่มั้ยใช่ครับ
00:21:27 → 00:21:29 เนี่ยคือคนที่เขากินมื้อเดียวถามว่าดีมย
00:21:30 → 00:21:32 ดีในระยะสั้นมันจะลดน้ำหนักได้ดีในระยะ
00:21:32 → 00:21:35 สั้นแต่ระยะยาวไม่ดีถ้าทำแบบนี้ตลอดแล้ว
00:21:35 → 00:21:37 ติดจนเป็นนิสัยคือมนุษย์เราเนี่ยมันมี
00:21:37 → 00:21:41 สิ่งที่ไม่ดีอยู่อย่างนึงนะเราจะเป็นคน
00:21:41 → 00:21:43 ที่ยึดติดพระพุทธเจ้าใช้คำว่ายึดติดเนาะ
00:21:43 → 00:21:46 อะไรที่ทำแล้วดีเราจะเชื่อว่าสิ่งนั้นมัน
00:21:46 → 00:21:50 จะดีตลอดไปคนๆนึงลดน้ำหนักด้วยการกินคีโต
00:21:50 → 00:21:53 มาแล้วลดจนน้ำหนักนิ่งบางคนนะที่มาเจอผม
00:21:53 → 00:21:56 นะลดจาก 100 มาเหลือ 80 กินคีโตมาผมไม่
00:21:56 → 00:21:59 ได้บอกว่าคีโตไม่ดีนะแต่พอกินคีโตมาเสร็จ
00:21:59 → 00:22:01 น้ำหนักนิ่งนิ่งแล้วเกิดอะไรขึ้นฉันเชื่อ
00:22:01 → 00:22:04 ว่าคีโตมันดีที่สุดพอน้ำหนักนิ่งฉันจะ
00:22:04 → 00:22:06 ต้องพยายามทำคีโตให้หนักกว่าเดิมน้ำหนัก
00:22:06 → 00:22:09 ก็ยิ่งนิ่งเข้าไปอีกหมอหนึ่งบอกว่าเฮ้ย
00:22:09 → 00:22:11 ถ้าน้ำหนักลดมาถึงตรงนี้เรานิ่งอ่ะกลับไป
00:22:11 → 00:22:13 กินแป้งซะแล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาลดต่อ
00:22:13 → 00:22:16 เดี๋ยวลดได้ไม่เชื่อก็กลับไปพยายามจนสุด
00:22:16 → 00:22:18 ท้ายไปไหนไม่ได้แล้วไม่รู้จะทำยังไงหมอ
00:22:18 → 00:22:20 หนึ่งช่วยหน่อยค่ะพอหมอหนึ่งสอนว่าเราจะ
00:22:20 → 00:22:22 กลับไปกินแป้งยังไงให้กลับมาลดต่อได้พอ
00:22:22 → 00:22:24 เริ่มทำตามปั๊บเริ่มกายเริ่มเปลี่ยนแปลง
00:22:24 → 00:22:27 เออเฮ้ยมันมหัศจรรย์จังเลยทำไมเป็นแบบนี้
00:22:27 → 00:22:29 ได้กลไกร่างกายเราถึงต้องเข้าใจไงโอเค
00:22:29 → 00:22:31 มั้ยนะครับเนาะเพราะฉะนั้นทุกวิธีการลด
00:22:31 → 00:22:34 น้ำหนักไม่ว่าจะเป็นคีโตแนเบส If อะไรมัน
00:22:34 → 00:22:36 ดีหมดแหละแต่เราต้องเข้าใจมันก่อนว่าหลัก
00:22:36 → 00:22:38 การมันคืออะไรแล้วร่างกายเราทำงานยังไง
00:22:38 → 00:22:40 เราถึงจะได้ดึงข้อดีของมันมาใช้ได้เนาะ
00:22:40 → 00:22:43 เพราะฉะนั้นมหนึเลยไม่ค่อยแนะนำให้ใครทำ
00:22:43 → 00:22:46 23/1 คือกินแค่วันละมื้อไม่เอานะครับการ
00:22:46 → 00:22:49 ที่เรามีช่วงอด 15-18 ชมถ้าเราอด 15 ช่ม
00:22:49 → 00:22:51 หมายความว่าเรามีเวลากิน 9 ช่มใช่มยอ่า
00:22:51 → 00:22:54 แต่ถ้าเราอด 18 ชมแสดงว่าเรามีเวลากิน 6
00:22:54 → 00:22:57 ชมใช่มั้ย 6 ชมเนี่ยมันก็ยังเพียงพอที่จะ
00:22:57 → 00:23:00 ได้สารอาหารครบถ้วนโดยเฉพาะโปรตีนนะตอน
00:23:00 → 00:23:01 ที่หมอหนึ่งตรวจคนไข้เนี่ยแต่ก่อนเนี่ย
00:23:01 → 00:23:03 หมอหนึ่งตรวจคนไข้อยู่ที่โรงพยาบาลเนี่ย
00:23:03 → 00:23:06 นะครับผมเริ่มกินมื้อแรกเที่ยงนะแล้วหยุด
00:23:06 → 00:23:10 กินตอน 18:00 น 18:00 นจนถึง 8:00 นเอ่อ
00:23:10 → 00:23:13 จนถึงเที่ยนอีกวันนึงผม 18 ชมเนี่ยกินน้ำ
00:23:13 → 00:23:16 เปล่ากับกาแฟดำตื่นเช้ามาแต่ก่อนติดนิสัย
00:23:16 → 00:23:17 ต้องหาอะไรกินตอนเช้าไม่งั้นจะไม่มีแรง
00:23:17 → 00:23:19 มันเป็นความเชื่อเรานะว่ามันจะไม่มีแรงทำ
00:23:19 → 00:23:23 งานแต่พอกินกาแฟดำไป 3 วันคุณเคยมั้ยเวลา
00:23:23 → 00:23:25 งานยุ่งมากๆผมตรวจคนไข้ึ่งเช้า 60 คน
00:23:25 → 00:23:28 อย่างเงี้ยนะครับมันยุ่งมากๆจนมันไม่มี
00:23:28 → 00:23:30 เวลาเวลาไปสงสัยว่าตัวเองหิวหรือเปล่า
00:23:31 → 00:23:33 8800 นอาจจะหิวอยู่นะแต่หลัง 8:00 นไป
00:23:33 → 00:23:35 ปั๊บตรวจไปยาวๆปั๊บเอ้า 10:00 นหายหิว
00:23:35 → 00:23:37 แล้วร่างกายเรามันเป็นแบบนี้แหละเวลามัน
00:23:38 → 00:23:40 มาเคาะประตูว่าหิวนะเราต้องมีสติแป๊บนึง
00:23:40 → 00:23:42 พอมันเคาะสักครึ่งชั่วโมงแล้วเราไม่กิน
00:23:42 → 00:23:45 อะไรเนี่ยมันไปเอาไขมันมาใช้เองเราต้อง
00:23:45 → 00:23:47 อย่าไปสนใจมันเยอะความหิวจะมาเป็นลูก
00:23:47 → 00:23:49 คลื่นผมพูดประโยคนี้กับนักเรียนในกลุ่มใน
00:23:49 → 00:23:52 คอร์สผมบ่อยมากเลยนะความหิวจะมาเป็นลูก
00:23:52 → 00:23:55 คลื่นเราต้องมีสติกับมันนิดนึงว่ามันไม่
00:23:55 → 00:23:58 ได้มาเสร็จปั๊บแล้วเราจะต้องตอบสนองกับ
00:23:58 → 00:24:01 มันทันทีเราแค่ต้องรู้ว่าเรากำลังหิวแล้ว
00:24:01 → 00:24:03 เดี๋ยวพอถึงเวลาจะกินเราค่อยกินเดี๋ยว
00:24:03 → 00:24:07 ความหิวมันจะหายไปโอเคไยนะครับเนาะนะ
00:24:07 → 00:24:09 เพราะฉะนั้นก็การอดเนี่ยดีจริงๆก็คือช่วง
00:24:09 → 00:24:12 15-18 ชมและไม่ได้หมายความว่ากินอะไรไม่
00:24:12 → 00:24:14 ได้นะสิ่งที่กินได้ก็คืออะไรน้ำเปล่า
00:24:14 → 00:24:17 สำคัญมากนะบางคนทำฟาสติ้งแล้วไม่กินอะไร
00:24:17 → 00:24:19 เลยน้ำเปล่าก็ไม่กินร่างกายเหี่ยวมากเลย
00:24:19 → 00:24:21 นะครับวันนึงบอกแล้วว่าเซลล์ต่างๆในร่าง
00:24:21 → 00:24:23 กายจำเป็นต้องใช้น้ำนะเนาะเพราะฉะนั้นก็
00:24:23 → 00:24:27 มีพวกน้ำเปล่ากาแฟดำพวกเยได้แต่ว่าไม่
00:24:27 → 00:24:29 ค่อยแนะนำให้กินพวกพวกชากับกาแฟดำในช่วง
00:24:30 → 00:24:32 หลังมื้อสุดท้ายของวันไปแล้วเนาะเพราะมัน
00:24:32 → 00:24:34 จะทำให้นอนไม่หลับการนอนมีผลกับการนนน้ำ
00:24:34 → 00:24:36 หนักพอสมควรเลยนะครับเดี๋ยวจะอธิบายใน
00:24:36 → 00:24:39 คลิปอื่นๆเนาะนะส่วนคนที่มักจะทำผิดคือ
00:24:39 → 00:24:43 ช่วงด้านซ้ายคือไอ้ช่วงการกินคุณหมอเพี่
00:24:43 → 00:24:47 าติ 18/6 16/8 มาไม่ผอมเลยค่ะเพราะอะไร
00:24:47 → 00:24:50 รู้มยสมมุติหมอหนึ่งบอกว่ามีคนคนนึงทำ If
00:24:50 → 00:24:54 16/8 หมายความว่าอด 16 ชมทำได้ดีมากเลย
00:24:54 → 00:24:57 การที่คุณอดได้ 16 ชมงจินตนาการภาพนะครับ
00:24:57 → 00:25:00 หลอดเลือดของเราอ่ามีน้ำตาลกับไขมันลอย
00:25:00 → 00:25:03 อยู่ในนั้นอ่านะแต่ถ้าสมมุติว่าเราทำไาติ
00:25:03 → 00:25:05 ได้ 16 ชั่วโมงคือหยุดกิน 16 ชั่วโมงร่าง
00:25:05 → 00:25:07 กายจะปล่อยไขมันออกมาเพราะมันไม่มีน้ำตาล
00:25:07 → 00:25:09 จากภายนอกถูกมยมันก็จะปล่อยไขมันเข้ามา
00:25:09 → 00:25:12 เข้ามาเข้ามาแล้วพอคุณออกกำลังกายแค่ 5-10
00:25:12 → 00:25:14 นาทีตอนเริ่มต้นนะมันจะเอาไขมันไปใช้เร็ว
00:25:14 → 00:25:17 มากเลยบางคนบอกว่าพี่ทำข้อนี้ได้ดีมากเลย
00:25:17 → 00:25:20 ค่ะแต่ไอ้ 8 ชมงในช่วงกินเนี่ยทำได้ไม่ดี
00:25:20 → 00:25:23 เลยหมายความว่าอะไร 8 ชมงนี้บางคนกิน
00:25:23 → 00:25:26 อาหารที่น้ำตาลสูงเพราะน้ำตาลสูงในช่วง 8
00:25:26 → 00:25:29 ชมนี้มันก็ใช้ไม่หมดหมดมันก็เอาไปเก็บ
00:25:29 → 00:25:32 เป็นไขมันถูกมั้ยบางคนยังกินอาหารที่มี
00:25:32 → 00:25:35 แป้งเยอะอยู่บางคนบอกว่าคุณหมอคะแต่พี่
00:25:35 → 00:25:37 อ่ะแป้งก็ไม่ค่อยกินน้ำตาลพี่ไม่กินแน่
00:25:37 → 00:25:41 นอนเลยค่ะ If พี่ไม่หลุดแน่นอนไปตกม้าตาย
00:25:41 → 00:25:45 ที่คำว่าโปรตีนจำไว้เลยนะครับคนส่วนใหญ่
00:25:45 → 00:25:47 ที่ทำไแล้วไม่ผอมนะแล้วร่างกายไม่ยอมไป
00:25:47 → 00:25:49 ใช้ไขมันเพราะระบบเผาผลาญพังจากการที่กิน
00:25:49 → 00:25:52 โปรตีนไม่เพียงพอผมเคยทำคลิปเกี่ยวกับ
00:25:52 → 00:25:55 โปรตีนไว้ในช่องนะไปย้อนดูได้เลยนะสำคัญ
00:25:55 → 00:25:57 มากๆเพราะโปรตีนเอาไว้สร้างกล้ามเนื้อ
00:25:57 → 00:26:00 กล้ากล้าเนื้อเปียบเสมือนเตาเผาพลังงาน
00:26:00 → 00:26:02 ของร่างกายถ้าคุณมีระบบเผาผลาญที่ดีมี
00:26:02 → 00:26:04 กล้ามเนื้อที่แข็งแรงผมไม่ได้บอกว่าคุณ
00:26:04 → 00:26:06 ต้องเป็นนักกล้ามนะคุณเชื่อมว่าผมเคยอ้วน
00:26:06 → 00:26:08 เหมือนกันหมอหนึ่งก็เคยอ้วนมีคลิปที่เอา
00:26:08 → 00:26:11 มาโชว์ตอนหมอหนึ่งอ้วนด้วยนะแต่ทุกวันนี้
00:26:11 → 00:26:13 หมอหนึ่งก็ไม่ได้มีกล้ามแบบพวกนักกล้ามก็
00:26:13 → 00:26:15 เราไม่ได้อยากมีแบบนั้นเราแค่อยากกลับมา
00:26:15 → 00:26:17 ใส่เสื้อผ้าหุ่นสวยๆมีความมั่นใจในตัวเอง
00:26:17 → 00:26:19 โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีซิ PAT ก็ได้เฉยๆ
00:26:19 → 00:26:22 อ่ะถูกมเราแค่บางคนแค่อยากกลับมาสุขภาพดี
00:26:22 → 00:26:24 อ่ะพออายุเยอะแล้วอยากไปเดินเที่ยวต่าง
00:26:24 → 00:26:26 ประเทศได้โดยที่ไม่ปวดเข่าไม่ต้องนั่งรถ
00:26:26 → 00:26:28 เข็นน่ะคือบางคนต้องการแค่นั้นเพราะ
00:26:28 → 00:26:32 ฉะนั้นโปรตีนสำคัญมากๆกินโปรตีนให้อิ่ม
00:26:32 → 00:26:35 ก่อนถ้าโปรตีนกินแล้วอิ่มร่างกายบอกว่า
00:26:35 → 00:26:37 เออโอเคฉันอิ่มแล้วนะตรงนั้นน่ะคือจุดที่
00:26:37 → 00:26:40 คุณประสบความสำเร็จคุณทำไแล้วคุณจะได้ผล
00:26:40 → 00:26:43 ส่วนใหญ่เนี่ยตกม้าตายข้อนี้แหละโอเคมย
00:26:43 → 00:26:45 เพราะฉะนั้น 5 ข้อนะครับนะที่หมอหนึ่งให้
00:26:45 → 00:26:47 ไปวันนี้เอาไปทำแล้วคุณจะสลับระบบพลังงาน
00:26:47 → 00:26:50 จากน้ำตาลกับแป้งไปใช้ไขมันได้ไวมากเลย
00:26:50 → 00:26:52 ทั้งหมดนี้ยังไม่พูดเรื่องออกกำลังกายเลย
00:26:52 → 00:26:54 เพราะอะไรออกกำลังกายเป็นแค่เครื่องจักร
00:26:54 → 00:26:58 ในการเอาวัตถุดิบเข้าไปผลิตเป็นพลังงาน
00:26:58 → 00:27:01 ถ้าคุณป้อนน้ำตาลมันก็ใช้น้ำตาลถ้าคุณ
00:27:01 → 00:27:04 ป้อนไขมันมันก็ใช้ไขมันโอเคป่านะอธิบายมา
00:27:05 → 00:27:07 ยาวมากๆเลยวันนี้นะแต่จะพยายามไม่ใช้
00:27:07 → 00:27:09 ศัพท์การแพทย์แล้วนะครับเนาะอะไรที่เป็น
00:27:09 → 00:27:10 ศัพท์การแพทย์ที่ไม่จำเป็นต้องรู้คุณไม่
00:27:10 → 00:27:13 จำเป็นต้องจำเลยนะแต่ให้เอาหลักการมันไป
00:27:13 → 00:27:15 ใช้คุณจะได้กลายเป็น Healthy ฮีโร่ของ
00:27:15 → 00:27:18 ครอบครัวบางคนบอกว่าคุณหมอคะทั้งบ้านเ
00:27:18 → 00:27:20 อ้วนหมดเลยค่ะคุณนนี่แหละจะเป็นคนแรกที่
00:27:20 → 00:27:23 ผอมแล้วคนอื่นจะเริ่มเห็นความเป็นไปได้
00:27:23 → 00:27:25 ว่าเฮ้ยคุณทำได้นี่นานะเฮ้ยหลานเราทำได้
00:27:25 → 00:27:28 เราก็น่าจะทำได้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พอ
00:27:28 → 00:27:31 อายุ 80 ปีแล้วคนแก่ส่วนใหญ่ 90% นั่งรถ
00:27:31 → 00:27:33 เข็นนะโอเคมั้ยเราจะไม่เป็นคนนั้นเด็ดขาด
00:27:33 → 00:27:35 พอเราเกษียณปั๊บอายุ 60 ปีเราไปเที่ยวเรา
00:27:35 → 00:27:38 อยากจะเดินเที่ยวแบบสวยๆถ่ายรูปสวยๆไม่
00:27:38 → 00:27:40 ใช่ต้องให้หลานเข็นรถเข็นไปเที่ยวอ่ะโอเค
00:27:40 → 00:27:43 ป่ะนะครับนะชีวิตของเรานะมันไม่ได้มีแง่
00:27:43 → 00:27:46 มุมแค่ว่าวันนี้ตื่นมาทำงานหาเงินทำงานหา
00:27:46 → 00:27:48 เงินทำงานหาเงินมันมีมิติอื่นด้วยใน
00:27:48 → 00:27:51 เรื่องของสุขภาพกับครอบครัวเพราะฉะนั้น
00:27:51 → 00:27:54 ต้องบานให้ดีๆเนาะปัจจุบันเนี่ยหม 1 เจอ
00:27:54 → 00:27:56 เยอะมากๆนะครับเนาะคือเครียดทำงานแล้ว
00:27:56 → 00:27:59 เครียดพอเครียดเสร็จปั๊บปัก็อยากกินอยาก
00:27:59 → 00:28:01 กินก็หิวแล้วไม่ได้ดูแลตัวเองสุดท้ายก็
00:28:01 → 00:28:03 อ้วนแล้วมันก็จะวนอยู่อย่างเงี้ยเป็นวงจร
00:28:04 → 00:28:06 ที่ไม่ดีเลยเพราะฉะนั้นสำคัญที่สุดนะเรา
00:28:06 → 00:28:08 จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้สุขภาพต้องมา
00:28:08 → 00:28:11 อันดับ 1 มันเป็นทัศนคติที่ดีเมื่อไหร่ก็
00:28:11 → 00:28:13 ตามที่คุณทำงานหรือว่าอะไรก็แล้วแต่แล้ว
00:28:13 → 00:28:16 คุณเจอเรื่องยากยากแต่สุขภาพคุณดีนะคุณมี
00:28:16 → 00:28:19 ต้นทุนเยอะกว่าคนอื่นแล้วเพราะอะไรถ้า
00:28:19 → 00:28:21 สุขภาพกายดีสุขภาพใจดีไม่เป็นไรพรุ่งนี้
00:28:21 → 00:28:23 มันก็สู้ใหม่ได้พรุ่งนี้มันก็เริ่มใหม่
00:28:23 → 00:28:26 ได้ถูกมยแต่ถ้าสุขภาพคุณไม่ดีนะต่อให้
00:28:26 → 00:28:28 พรุ่งนี้มีโอกาสเข้ามาคุณก็ไม่ความเริ่ม
00:28:28 → 00:28:30 ต้นอะไรสักอย่างนะครับเนาะเพราะฉะนั้น
00:28:30 → 00:28:32 หวังว่าจะได้ประโยชน์นะเพราะฉะนั้นก็ขอ
00:28:32 → 00:28:35 แสดงความยินดีกับท่านนี้ด้วยนะครับลดไป 13
00:28:35 → 00:28:40 กลในระยะเวลาแค่ 1 เดือนอ่าทุกคนก็ทำได้
00:28:40 → 00:28:42 เหมือนกันแน่นอนนะครับเนาะนะส่วนใครที่
00:28:43 → 00:28:45 ทักมาหลังไมค์เหมือนเดิมนะครับนะกลุ่ม
00:28:45 → 00:28:46 เรียนลดน้ำหนักครั้งสุดท้ายในชีวิตยัง
00:28:47 → 00:28:48 เปิดอยู่นะครับใครที่ดูคลิปนี้อยู่แล้ว
00:28:48 → 00:28:51 อยากเรียนลดน้ำหนักกับหมอ 1 นะในกลุ่ม
00:28:51 → 00:28:53 เรียนเนี่ยนะครับหมอ 1 จะเรียงลำดับไว้
00:28:53 → 00:28:55 ให้แล้วเนาะใครที่ไม่อยากลดด้วยตัวเองอ่ะ
00:28:55 → 00:28:56 ก็เข้าไปดูได้เลยนะว่าแต่ละวันเราต้องทำ
00:28:56 → 00:28:59 อะไรบ้าง 1 2 3 4 5 นะครับนะน้ำหนัก
00:28:59 → 00:29:01 เท่านี้ต้องกินโปรตีนประมาณเท่าไหร่หรือ
00:29:01 → 00:29:03 ใครที่อยากเรียนลึกๆเรื่องการแลกแป้ง
00:29:03 → 00:29:05 อย่างวันเนี้ยนะครับหมอ 1 พูดเรื่องการ
00:29:05 → 00:29:07 แลกแป้งไปถูกมั้ยนะใครที่อยากเรียนลึกๆ
00:29:07 → 00:29:09 เรื่องการแลกแป้งน่ะใช้เวลาเรียนหน่อยนะ
00:29:09 → 00:29:11 3-4 บทตรงนั้นน่ะอาจจะใช้เวลานิดนึงแต่
00:29:11 → 00:29:14 เหมือนๆดูซีรียส์ค่อยๆดูไปเรื่อยๆทีละบท
00:29:14 → 00:29:16 ว่าเออเฮ้ยมันสนุกดีจังแล้วบทถัดไปเราจะ
00:29:16 → 00:29:19 แก้ยังไงนะนะครับทักษะพวกเยมันจะติดตัว
00:29:19 → 00:29:21 คุณไปตลอดชีวิต 21 บทนะครับในนั้นที่เป็น
00:29:21 → 00:29:24 บทหลักเนาะเพียงแค่ผ่านไป 13 บทส่วนมาก
00:29:24 → 00:29:26 นักเรียนส่วนใหญ่ที่เรียนกับผมเนี่ย 13
00:29:26 → 00:29:29 บทแรกจะเห็นภาพการลดน้ำหนักชัดเจนละแต่ 1
00:29:29 → 00:29:30 สัปดาห์แรกจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงทัน
00:29:30 → 00:29:33 ทีที่เริ่มเรียนโอเคมยนะเพราะฉะนั้นใคร
00:29:33 → 00:29:34 ที่จะเรียนนะครับถ้าดูจาก Facebook หรือ
00:29:34 → 00:29:36 YouTube ก็ดูรายละเอียดที่อยู่ในลิงก์
00:29:36 → 00:29:38 ปักหมุดทางด้านล่างนะครับหรือจะแอด Line
00:29:38 → 00:29:39 Healthy Hero ไว้ก็ได้นะครับจะมีทีมงาน
00:29:39 → 00:29:42 คอยดูแลตลอดการเข้าเรียนนะครับเนาะบ1ึจะ
00:29:42 → 00:29:43 คอยตอบคำถามอยู่ในกลุ่มด้วยตัวเองด้วย
00:29:44 → 00:29:45 เนาะก็หวังว่าวันนี้จะได้ประโยชน์นะครับ
00:29:45 → 00:29:47 ใครที่เพิ่งมาติดตามอย่าลืมนะครับก่อนจาก
00:29:47 → 00:29:50 การวันนี้กดหัวใจกดแชร์กดติดตามกดกระดิ่ง
00:29:50 → 00:29:52 แจ้งเตือนกดอะไรก็ได้แล้วก็พิมพ์คอมเมนต์
00:29:52 → 00:29:54 คุยกันด้านล่างได้นะครับเดี๋ยวหม 1 มาตอบ
00:29:54 → 00:29:57 นะครับแล้วพบกันคลิปถัดไปนะครับชมคลิปหมอ
00:29:57 → 00:29:58 1 จบแล้วนะครับอย่าลืมกดติดตามเพื่อที่
00:29:58 → 00:30:00 จะได้ไม่พลาดคลิปใหม่ๆจากหมอ 1 นะครับ
00:30:00 → 00:30:02 ส่วนคลิปอื่นๆที่น่าสนใจกดดูจากทางซ้าย
00:30:02 → 00:30:04 มือได้เลยครับส่วนใครที่อยากลดน้ำหนัก
00:30:04 → 00:30:06 ครั้งสุดท้ายในชีวิตในกลุ่มเรียนกับม 1
00:30:06 → 00:30:08 นะครับกดดูรายละเอียดจากทางขวามือหรือดู
00:30:08 → 00:30:09 รายละเอียดจากลิงก์ในคอมเมนต์ได้เลยนะ
00:30:09 → 00:30:13 ครับแล้วพบกันในกลุ่มเรียนนะครับ
00:00:00 → 00:00:02 5 ขั้นตอนนะครับบังคับให้ร่างกายใช้ไข
00:00:02 → 00:00:05 มันแทนน้ำตาลเพื่อลดน้ำหนักนะครับทำยังไง
00:00:06 → 00:00:08 นะครับหลายคนถามมาอยากได้คลิปนี้ดูให้จบ
00:00:08 → 00:00:10 นะครับสวัสดีครับผมหมอ 1 Healthy ฮีโร่
00:00:10 → 00:00:12 นะครับลดน้ำหนักครั้งสุดท้ายในชีวิตคิด
00:00:12 → 00:00:14 ถึงหมอ 1 Healthy ฮีโร่นะครับคราวนี้
00:00:14 → 00:00:17 เนี่ยมีหลายคนที่ดูคลิปของหมอ 1 ในช่อง
00:00:17 → 00:00:18 Facebook และ YouTube แล้วถามคำถามนี้มา
00:00:18 → 00:00:20 ซึ่งมันน่าสนใจมากเลยนะครับก็คือทำยังไง
00:00:20 → 00:00:23 ดีนะคะคุณหมอที่จะให้ร่างกายเราใช้ไขมัน
00:00:23 → 00:00:25 แทนที่จะไปใช้น้ำตาลเนาะหมอหนึ่งเคยพูดไป
00:00:25 → 00:00:27 แล้วว่าระบบพลังงานของคนเราถ้าจะลดน้ำ
00:00:27 → 00:00:29 หนักต้องเข้าใจว่ามันมีใช้ทั้งน้ำตาลและ
00:00:29 → 00:00:32 แป้งแล้วก็ใช้ไขมันถูกมยแต่ถ้าอยากจะใช้
00:00:32 → 00:00:33 ไขมันเยอะๆอ่ะเน้นเรื่องนี้อย่างเดียวเลย
00:00:33 → 00:00:35 เนี่ยต้องทำอะไรบ้างวันนี้หมอเดกเลยเอามา
00:00:35 → 00:00:38 พูดให้ใน 5 ขั้นตอนซึ่งถ้าคุณทำตรงนี้ได้
00:00:38 → 00:00:40 นะยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องออกกำลังกายเลย
00:00:40 → 00:00:42 นะแค่ทำ 5 ขั้นตอนนี้ได้ร่างกายก็พร้อม
00:00:42 → 00:00:44 ใช้ไขมันแล้วนะครับโอเคมั้ยนะครับเพราะ
00:00:44 → 00:00:46 ฉะนั้นมาดูกันนะว่ามีอะไรบ้างนะครับแต่
00:00:46 → 00:00:47 ก่อนอื่นนะครับตามธรรมเนียมนะครับนะก็ขอ
00:00:47 → 00:00:50 แสดงความยินดีกับคนนี้เนี่ยเบอกว่าติดตาม
00:00:50 → 00:00:52 หมอหนึ่งมาแล้วก็ได้ตัดสินใจลองทำตามนะ
00:00:53 → 00:00:55 ครับคนนี้เนี่ยเค้างดน้ำตาลไปเลย 100%
00:00:55 → 00:00:58 กลับไปกินกาแฟดำทั้งๆที่จะแต่ก่อนกินน้ำ
00:00:58 → 00:01:00 ตาลหวานปกติเดี๋ยวจะบอกให้นะครับว่าจริงๆ
00:01:00 → 00:01:02 แล้วเนี่ยคนที่ติดกาแฟเนี่ยเราจะปรับยัง
00:01:02 → 00:01:05 ไงกาแฟอะไรที่ต้องระวังบ้างแล้วถ้ายังติด
00:01:05 → 00:01:07 หวานอยู่เนี่ยแล้วไม่อยากตัดน้ำตาลไปเลย
00:01:07 → 00:01:09 เนี่ยทำยังไงร่างกายถึงจะไปใช้ไขมันได้ดี
00:01:09 → 00:01:11 โดยที่ยังกินกาแฟอร่อยอยู่ด้วยเดี๋ยวตั้ง
00:01:11 → 00:01:14 ใจฟังต่อเนาะนะเริ่มเน้นทานโปรตีนจากพวก
00:01:14 → 00:01:16 เนื้อสัตว์หมูไก่นะแล้วก็มีผักต้มผักหัว
00:01:16 → 00:01:19 ด้วยอ่านะครับนะเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังว่า
00:01:19 → 00:01:22 มันเป็นยังไงผลไม้พวกฝรั่งแก้วมังกรจริงๆ
00:01:22 → 00:01:24 ผลไม้เนี่ยถ้าเลือกผิดเนี่ยจะทำให้คุณไม่
00:01:24 → 00:01:27 ผอมเลยนะแต่ถ้าเลือกถูกนะผมบอกเลยว่ายัง
00:01:27 → 00:01:29 กินผลไม้อร่อยแล้วร่างกายใช้ไขมันได้ด้วย
00:01:29 → 00:01:32 ด้วยแทนที่จะใช้น้ำตาลนะอโอเคมั้ยนะครับ
00:01:32 → 00:01:35 แล้วก็ยังกินครบ 3 มื้อสิ่งที่หลายๆคน
00:01:35 → 00:01:37 พลาดมากๆที่เริ่มต้นลดน้ำหนักคืออะไรรู้
00:01:37 → 00:01:40 มั้ยตัดมื้ออาหารออกโดยที่เข้าใจว่าการ
00:01:40 → 00:01:43 ตัดมื้ออาหารเนี่ยเป็นการทำ If ซึ่งจริงๆ
00:01:43 → 00:01:45 ไม่ใช่ใครที่เคยได้ยินคำว่า If แต่ไม่เคย
00:01:45 → 00:01:47 เข้าใจฟังคลิปนี้ให้ดีๆเดี๋ยวจะรู้ว่า
00:01:47 → 00:01:49 จริงๆไม่จำเป็นต้องตัดมื้ออาหารคนนี้ก็ทำ
00:01:49 → 00:01:52 If เหมือนกันนะครับนะแต่ไม่ได้ตัดอาหาร
00:01:52 → 00:01:54 ออกเลยนะครับอิ่มด้วยเนาะแล้วก็เริ่มลด
00:01:54 → 00:01:57 น้ำหนักไปนะครับจาก 112 เหลือ 99 ภายใน
00:01:57 → 00:02:00 เวลาแค่ 1 เดือนเหลือ 2 หลักเลยนะอยากได้
00:02:00 → 00:02:02 แบบนี้มยอยากได้ฟังให้จบนะครับเนาะเพราะ
00:02:02 → 00:02:04 ฉะนั้นก็ดีใจกับนักเรียนท่านนี้ด้วยนะ
00:02:04 → 00:02:07 ครับนะลดไป 13 กกเนาะคราวนี้มาดูนะ 5
00:02:07 → 00:02:09 ขั้นตอนมีอะไรบ้างก่อนอื่นเราต้องอธิบาย
00:02:09 → 00:02:12 แบบนี้ก่อนว่าระบบพลังงานของเราเนี่ยมัน
00:02:12 → 00:02:14 มีใช้น้ำตาลกับแป้งเป็นหลักแล้วก็ใช้ไข
00:02:14 → 00:02:17 มันเป็นหลักแต่ถ้าใครฟังมาหลายคลิปมากๆจะ
00:02:17 → 00:02:19 รู้ว่าหมอ 1 จะบอกเสมอนะครับว่าถ้าร่าง
00:02:19 → 00:02:22 กายมีน้ำตาลมันจะใช้น้ำตาลก่อนอย่างแรก
00:02:22 → 00:02:24 บางคนบอกเพราะอะไรอ่ะคะคุณหมอคือถ้า
00:02:24 → 00:02:27 อธิบายกันในรายละเอียดที่มันลงลึกไปนะ
00:02:27 → 00:02:30 จริงๆแล้วร่างกายมันใช้น้ำตาลได้ง่ายมาก
00:02:30 → 00:02:32 มีน้ำตาลปั๊บคุณเคยสังเกตมยคนที่เคยเป็น
00:02:32 → 00:02:34 เบาหวานน่ะแล้วน้ำตาลในเลือดต่ำจากการที่
00:02:35 → 00:02:37 บางวันอาจจะกินน้อยแล้วกินยาอยู่ปกติแต่
00:02:37 → 00:02:39 กินข้าวไม่ค่อยได้นะครับนะเพราะฉะนั้นพอ
00:02:39 → 00:02:42 น้ำตาลในเลือดต่ำก็จะใจสั่นพอเให้อมน้ำ
00:02:42 → 00:02:44 หวานปั๊บเป็นไงตื่นเลยเพราะอะไรรู้มั้ย
00:02:44 → 00:02:46 เพราะว่าพวกน้ำตาลเนี่ยมันซึมเข้ากระแส
00:02:46 → 00:02:48 เลือดได้เร็วมากแต่ในขณะที่ไขมันเวลาคุณ
00:02:48 → 00:02:51 จะเผาผลาญมันนะมันต้องผ่านกระบวนการหลาย
00:02:51 → 00:02:53 ชั้นกว่าจะได้เป็นพลังงานออกมาดังนั้นเลย
00:02:53 → 00:02:55 ไม่แปลกว่าทำไมเวลาอ้วนแล้วถึงลดยากนะ
00:02:55 → 00:02:57 ครับถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องระบบพลังงานตรง
00:02:57 → 00:03:00 นี้ดังนั้นหอึงเลยบอกว่าถ้าคุณอยากอยากจะ
00:03:00 → 00:03:02 เปลี่ยนจากการใช้น้ำตาลไปใช้ไขมันเนี่ย
00:03:02 → 00:03:05 มันเลยจะต้องเข้าใจว่าอ๋อจริงๆแล้วสเต็ป
00:03:05 → 00:03:08 ในการลดน้ำหนักเนี่ยมันมีอยู่ 2 สต็ปหลัก
00:03:08 → 00:03:10 ๆนะเอาเข้าใจต้องเข้าใจตรงนี้นะอธิบายแบบ
00:03:10 → 00:03:13 นี้ให้ฟังก่อนนะสเต็ปที่ 1 คือคุณต้อง
00:03:13 → 00:03:16 เปลี่ยนให้ร่างกายของคุณเนี่ยจากที่ใช้
00:03:16 → 00:03:21 น้ำตาลไปใช้ไขมันก่อนถ้าคุณไม่ทำตรงนี้
00:03:21 → 00:03:23 สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรรู้มั้ยเวลาคนเรา
00:03:23 → 00:03:26 ออกกำลังกายเนี่ยนะมักจะคาดหวังว่าฉันออก
00:03:26 → 00:03:29 กำลังกายเยอะๆแล้วฉันจะผอมแต่บางคนเข้า
00:03:29 → 00:03:32 ยิมวันละชั่วโมง 2 ชั่วโมงไม่ผอมเลยเพราะ
00:03:32 → 00:03:34 ไม่เข้าใจว่าร่างกายเนี่ยกำลังใช้แต่น้ำ
00:03:34 → 00:03:37 ตาลกับแป้งอยู่แต่ในขณะที่นักเรียนผมใคร
00:03:37 → 00:03:38 ที่เป็นนักเรียนในกลุ่ม VIP ผมจะรู้เลย
00:03:39 → 00:03:40 ว่าผมสอนเรื่องนี้ตั้งแต่บทแรกๆเลยนะถ้า
00:03:40 → 00:03:42 คุณไม่รู้จักการเปลี่ยนการใช้น้ำตาลให้
00:03:42 → 00:03:44 ร่างกายคุณไปใช้ไขมันก่อนนะคุณออกกำลัง
00:03:44 → 00:03:45 กายให้ตายคุณก็ไม่ผอมหรอกเพราะร่างกายไม่
00:03:45 → 00:03:48 ใช้ไขมันเลยแต่นักเรียนผมแต่ละคนเป็นไง
00:03:48 → 00:03:50 จากน้ำตาลเปลี่ยนมาใช้ไขมันก่อนแล้วหลัง
00:03:50 → 00:03:54 จากนั้นค่อยเปลี่ยนจากไขมันไปเป็นพลังงาน
00:03:54 → 00:03:56 ถ้าคุณทำได้นะคุณจะออกกำลังกายแค่ 10-15
00:03:56 → 00:03:59 นาทีต่อวันเท่านั้นเองแล้วผอมเลยเพราะ
00:03:59 → 00:04:02 อะไรเพราะเพราะทุกนาทีที่คุณออกคุณใช้แต่
00:04:02 → 00:04:04 ไขมันแต่แต่ก่อนเนี่ยคุณออกกำลังกายเป็น
00:04:04 → 00:04:07 ชั่วโมงเลยนะได้พลังงานก็จริงนะแต่ไขมัน
00:04:07 → 00:04:10 เนี่ยเป็นไงไม่หายไปเลยมีแต่น้ำตาลที่หาย
00:04:10 → 00:04:13 ไปโอเคไหนะครับเพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่คุณ
00:04:13 → 00:04:16 ต้องทำนะคือไม่อยากให้ร่างกายใช้น้ำตาล
00:04:16 → 00:04:18 เยอะใช่ไหมอย่ากินเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
00:04:18 → 00:04:21 อ่าไม่แปลกร่างกายมีน้ำตาลเยอะก็ใช้น้ำ
00:04:21 → 00:04:24 ตาลเยอะถูกมเช่นอะไรบ้างอ่าบางคนบอกว่า
00:04:24 → 00:04:26 คุณหมอคะคุณหมอพูดแบบนี้มันง่ายแต่บางที
00:04:26 → 00:04:28 พี่ไม่รู้ว่ามันมีอะไรบ้างนะครับอันที่ 1
00:04:28 → 00:04:30 หมวดกาแฟ
00:04:30 → 00:04:34 ใครที่ชอบกินกาแฟโดยเฉพาะกาแฟ 3 in one
00:04:34 → 00:04:36 ชื่อมันบอกอยู่แล้ว 3 in one 3 ใน 1
00:04:36 → 00:04:39 ใส่อะไรมาบ้างน้ำตาลครีมเทียมถูกมยนะครับ
00:04:39 → 00:04:43 นะมีอะไรอีกอ้านอกจากกาแฟท in one พวก
00:04:44 → 00:04:49 กาแฟใส่ไซหลับอ่ากาแฟใส่ไซหลับใส่อะไรใส่
00:04:49 → 00:04:52 นมกาแฟใส่นมจริงๆกาแฟใส่นมน่ะถ้าคุณเลือก
00:04:52 → 00:04:56 นมถูกนะคุณกินได้นะเช่นอะไรบ้างกาแฟที่
00:04:56 → 00:04:58 ใส่นมที่หมอหนึ่งจะกินนะก็คือกาแฟที่ใส่
00:04:58 → 00:05:01 พวกนมอัลมอนด์นมอัลมอนเนี่ยดีต่อสุขภาพ
00:05:01 → 00:05:03 แต่ปริมาณโปรตีนมันอาจจะไม่ได้เยอะโอเคมย
00:05:03 → 00:05:05 นะครับนะสัดส่วนแต่ละอย่างมันจะไม่ค่อย
00:05:05 → 00:05:07 เยอะแต่มันมีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพใส่
00:05:07 → 00:05:09 ได้แต่ใส่ตอนทำไไม่ได้นะใครที่เคยรู้จัก
00:05:10 → 00:05:12 การทำไน่ะนะครับเราไม่สามารถใส่นมในกาแฟ
00:05:12 → 00:05:15 ตอนทำไได้เนาะแล้วก็มีนมอะไรอีกนมโปรตีน
00:05:15 → 00:05:18 สูงพอได้เพราะว่าพวกเยเขาจะไม่เติมน้ำตาล
00:05:18 → 00:05:19 มาก็จะมีน้ำตาลแค่อยู่ในนมอย่างเดียวก็
00:05:19 → 00:05:22 ถือว่าพอรับได้แต่พวกนมอื่นๆที่บางคนบอก
00:05:22 → 00:05:26 ว่าคุณหมอคะดิฉันเติมนมพร่องมันเนยค่ะถ้า
00:05:26 → 00:05:28 ไปดูฉลากนะนมพร่องมันเนยเนี่ยไขมันไม่มี
00:05:28 → 00:05:31 แต่น้ำตาลปานเบอเลยเเห็นมยพวกเนี้ยคือน้ำ
00:05:31 → 00:05:33 ตาลที่มันสอดแทรกอยู่ที่เราไม่รู้มีอยู่
00:05:33 → 00:05:36 ในไหนอีกที่มีน้ำตาลนะครับนะอ้าอันถัดมา
00:05:36 → 00:05:43 ชาต่างๆชาต่างๆโดยเฉพาะชานมไข่มุกโอ้โห
00:05:43 → 00:05:46 อันเนี้ยสุดยอดเลยนะไข่มุกก็ทำมาจากแป้ง
00:05:46 → 00:05:48 ถูกมยแล้วชานมตรงนั้นน่ะเค้าใส่น้ำตาล
00:05:48 → 00:05:50 เยอะไม่งั้นมันอร่อยมยไม่อร่อยเพราะ
00:05:50 → 00:05:52 ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้กาแฟให้เปลี่ยนไปเป็น
00:05:52 → 00:05:56 พวกกาแฟดำส่วนพวกชาให้เปลี่ยนไปเป็นพวกชา
00:05:56 → 00:06:00 เขียวหรือชาดำเลยที่ไม่มีน้ำตาลและดีที่
00:06:00 → 00:06:02 สุดเลยถ้าบางคนไม่กินชาไม่กินกาแฟอยู่
00:06:02 → 00:06:05 แล้วนะครับก็คือพวกน้ำเปล่าโอเคมน้ำเปล่า
00:06:05 → 00:06:07 ชากาแฟดำน้ำเปล่าชากาแฟดำท่องไว้แบบนี้
00:06:07 → 00:06:10 เลยนะครับเนาะและน้ำเปล่าสำคัญกับการลด
00:06:10 → 00:06:13 น้ำหนักมากๆนะคนที่ลดน้ำหนักได้ช้าส่วน
00:06:13 → 00:06:16 นึงเป็นเพราะติดนิสัยไม่ค่อยกินน้ำถามว่า
00:06:16 → 00:06:18 ทำไมน้ำถึงสำคัญกับการลดน้ำหนักมากๆใน
00:06:18 → 00:06:21 ร่างกายของคนเราเนี่ย 100% มีน้ำเป็นส่วน
00:06:21 → 00:06:24 ประกอบอยู่ 60-70 per หมายความว่าอะไร
00:06:24 → 00:06:26 ครับคุณหมอผมหมายความว่าถ้าคุณน้ำหนัก
00:06:26 → 00:06:30 10070 กกเป็นน้ำหนักของน้ำนแสดงว่ามัน
00:06:30 → 00:06:32 อยู่ในเซลล์ต่างๆของร่างกายคุณหมดเลยถูก
00:06:32 → 00:06:35 มยเลือดก็เป็นน้ำถูกมยนะครับเพราะฉะนั้น
00:06:35 → 00:06:37 การที่คุณมีน้ำในร่างกายไม่เพียงพอเนี่ย
00:06:37 → 00:06:40 มันจะทำให้ร่างกายของคุณขาดน้ำแล้วเซลล์
00:06:40 → 00:06:42 ต่างๆทำงานได้ไม่เต็มที่มันเหมือนเครื่อง
00:06:42 → 00:06:44 จักรอ่ะมันจะรันได้มันต้องมีน้ำมัน
00:06:44 → 00:06:46 เครื่องหล่อลื่นถูกมยนะครับแล้วคุณคิดดู
00:06:46 → 00:06:48 ว่าวันนึงคุณสูญเสียน้ำไปเท่าไหร่นะสูญ
00:06:48 → 00:06:50 เสียจากการหายใจอ่าเป็นระเหยเป็นจากการ
00:06:50 → 00:06:53 หายใจสูญเสียทางเหงื่อสูญเสียทางปัสสาวะ
00:06:53 → 00:06:55 เยอะที่สุดเลยถูกมั้ยสูญเสียทางอุจจาระ
00:06:55 → 00:06:57 เพราะฉะนั้นพวกเนี้ยรวมๆกันแล้วเนี่ยต่อ
00:06:58 → 00:07:00 วันเนี่ยเราจะขาดน้ำออกทางช่องทางต่างๆ
00:07:00 → 00:07:02 เนี่ยประมาณ 1.5 -2 ลิตรดังนั้นบางคนกิน
00:07:02 → 00:07:05 น้ำยังไม่ได้ 1.5 -2 ลิตรต่อวันเพราะ
00:07:05 → 00:07:07 ฉะนั้นร่างกายก็ขาดน้ำพอขาดน้ำร่างกายก็
00:07:07 → 00:07:09 ทำงานได้ไม่ดีนี่คือเหตุผลว่าทำไมเ้าชอบ
00:07:09 → 00:07:11 พูดว่าให้กินน้ำวันนึงให้ได้ 6-8 แก้ว
00:07:11 → 00:07:14 เพราะ 6-8 แก้วมันปริมาณประมาณ 1.5 -2
00:07:14 → 00:07:17 ลิตรเพื่อชดเชยสิ่งที่เราขาดหายไปโอเคมย
00:07:17 → 00:07:19 นะครับเนาะเพราะฉะนั้นน้ำเปล่า 1.5 -2
00:07:19 → 00:07:21 ลิตรอันเนี้ยเป็นสิ่งที่ควรทำได้นะครับ
00:07:21 → 00:07:24 โดยที่ถ้าไม่ได้มีข้อจำกัดนะบางคนเป็นโรค
00:07:24 → 00:07:26 ไตวายไปแล้วบางคนเป็นโรคหัวใจต้องจำกัด
00:07:26 → 00:07:28 น้ำอันนั้นก็ต้องจำกัดแต่คนปกติที่ไม่ได้
00:07:28 → 00:07:30 มีโรคประจำตัวแบบนั้นน่ะกินได้เลยแบบนี้
00:07:30 → 00:07:32 โอเคมยแล้วเวลาเราออกกำลังกายถ้าเราออก
00:07:32 → 00:07:34 กำลังกายแล้วเราเสียเหงื่อเยอะเราก็ต้อง
00:07:34 → 00:07:36 กินน้ำเติมกลับเข้าไปแค่นั้นเองนะครับ
00:07:36 → 00:07:38 คราวนี้มันจะมีอีกบางอันที่เป็นเครื่อง
00:07:38 → 00:07:40 ดื่มที่มีน้ำตาลแต่หลายคนเนี่ยไม่ค่อย
00:07:40 → 00:07:45 เข้าใจนะครับเช่นอะไรบ้างเช่นนมเปรี้ยวนม
00:07:45 → 00:07:49 เปรี้ยวน้ำผลไม้โอ้โห 2 อันนี้เนี่ยสุดๆ
00:07:49 → 00:07:52 เลยนะใครที่เคยเห็นนมเปรี้ยวนะเราจริงๆ
00:07:52 → 00:07:54 เรากินนมเปรี้ยวอ่ะเราอยากได้วิตามินถูก
00:07:54 → 00:07:56 มั้ยเราอยากได้ใยอาหารแต่ถ้าใครไปเปิด
00:07:56 → 00:07:59 ข้างกล่องดูนะใยอาหารูพูดง่ายๆไม่มีใย
00:07:59 → 00:08:02 อาหารเลยมีแต่น้ำตาลอย่างเดียวน้ำผลไม้
00:08:02 → 00:08:04 กล่องก็เหมือนกันส่วนใหญ่ใยอาหารไม่มีเลย
00:08:04 → 00:08:07 ถ้าจะกินน้ำผลไม้กล่องกินน้ำผลไม้ปั่น
00:08:07 → 00:08:09 หรือคั้นยังจะดีกว่ามันยังมีใยอาหารอยู่
00:08:09 → 00:08:11 บ้างแต่ถ้าสมมุติว่าดีที่สุดเลยคือกิน
00:08:11 → 00:08:14 ผลไม้ที่เป็นลูกๆโอเคไหนะครับเนาะเพราะ
00:08:14 → 00:08:16 ฉะนั้นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทั้งหมดพวก
00:08:16 → 00:08:18 เนี้ยพยายามเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าชากาแฟดำ
00:08:18 → 00:08:21 ดีที่สุดละหรือบางคนบอกว่าคุณหมอคะพี่กิน
00:08:21 → 00:08:26 กาแฟดำไม่ไหวใส่สิ่งที่เราเรียกว่าสารให้
00:08:26 → 00:08:29 ความหวานได้มยอ่าสารให้ความหวานใส่ได้มย
00:08:29 → 00:08:31 ใส่ได้ครับถ้าให้หมอหนึ่งแนะนำนะอันที่ 1
00:08:31 → 00:08:34 ก็คือพวกที่เป็นหญ้าหวานแต่ใส่แค่พอให้
00:08:34 → 00:08:36 ได้รสชาตินะไม่ใช่ว่าเราเติมเข้าไปเพื่อ
00:08:36 → 00:08:39 ที่จะได้กลับไปติดหวานเหมือนเดิมลิ้นคน
00:08:39 → 00:08:42 เราเนี่ยสำคัญมากๆใครที่ตอนนี้ยังกินของ
00:08:42 → 00:08:44 หวานจนชินนะคุณลองหยุดสัก 3 วันแล้วไปกิน
00:08:44 → 00:08:46 กาแฟดำเอาเคดกาแฟอย่างเดียวเลยนะแล้วกลับ
00:08:47 → 00:08:50 ไปกินม็อค่ากลับไปกินลาเต้คาปูชิโน่ใหม่
00:08:50 → 00:08:52 คุณจะรู้เลยว่าลิ้นคุณมันจะต่อต้านเฮ้ย
00:08:52 → 00:08:54 ทำไมมันหวานมากเลยบางคนกินแล้วเวียนหัว
00:08:54 → 00:08:56 เลยมีใครเคยเป็นมั้ยตัดหวานเสร็จปั๊บอีก 3
00:08:56 → 00:08:58 วันกลับมากินเวียนหัวเลยเพราะว่าร่างกาย
00:08:58 → 00:09:00 เราไม่ชินกับการติดหวานแล้วลิ้นเราเริ่ม
00:09:00 → 00:09:03 รับรสได้ดีขึ้นแต่ปกติคนที่กินหวานอยู่
00:09:03 → 00:09:05 แล้วเนี่ยมันจะต้องกินหวานขึ้นไปเรื่อยๆ
00:09:05 → 00:09:06 เพราะว่าอะไรเพราะว่าลิ้นมันเคยชินกับ
00:09:07 → 00:09:09 ระดับความหวานที่เป็นแบบเนี้ยหมอ1ึไปกิน
00:09:09 → 00:09:10 อาจจะบอกว่ามันหวานมากแต่คุณกินทุกวันคุณ
00:09:10 → 00:09:13 รู้สึกว่ามันปกตินะครับเนาะอีกอันนึงที่
00:09:13 → 00:09:15 ใช้ได้มีอะไรบ้างอีกนะครับนะก็มีอันที่
00:09:15 → 00:09:19 เรียกว่าอิออ่าอิอก็ใช้ได้ส่วนใหญ่จะใช้
00:09:19 → 00:09:21 ในขนมแล้วก็พวกสารสกัดหล่อังกล้วยพวกเได้
00:09:21 → 00:09:25 หมดเลยนะครับแต่ใช้แค่เพื่อให้ได้ความ
00:09:25 → 00:09:29 หวานในช่วงที่เรากำลังลดหวานลงโอเคปป่า
00:09:29 → 00:09:31 ส่วนใครที่ทำอออยู่ช่วงทำออจริงๆพวกนี้ก็
00:09:31 → 00:09:33 ใช้ได้แต่ถ้าถามหมอ 1 นะหมอ 1 ไม่ใช้
00:09:33 → 00:09:36 เพราะอะไรรู้มยมันจะทำให้คุณติดหวานลิ้น
00:09:36 → 00:09:38 เราจะติดหวานแล้วสุดท้ายพอเราหาพวกสารให้
00:09:38 → 00:09:40 ความหวานไม่ได้แล้วเราโหยมากๆเราก็ต้อง
00:09:40 → 00:09:42 กลับไปกินของหวานเหมือนเดิมนะครับเนาะ
00:09:42 → 00:09:44 เพราะฉะนั้นอันที่ 1 ตัดเครื่องดื่มที่มี
00:09:44 → 00:09:46 น้ำตาลทิ้งไปก่อนร่างกายมีน้ำตาลน้อยลง
00:09:46 → 00:09:49 มันจะถึงจะไปยอมใช้ไขมันมากขึ้นนะเราถึง
00:09:49 → 00:09:51 จะบังคับให้ร่างกายใช้ไขมันได้ข้อที่ 2
00:09:51 → 00:09:54 อ้าเมื่อกี้เราพูดถึงเครื่องดื่มที่มีน้ำ
00:09:54 → 00:09:57 ตาลแล้วพูดถึงน้ำผลไม้ใช่มยข้อที่ 2
00:09:57 → 00:10:01 ผลไม้ข้อนี้สำคัญมากคนส่วนใหญ่ลดน้ำหนัก
00:10:01 → 00:10:02 ไม่ได้เพราะข้อนี้เพราะบ้านเราเนี่ย
00:10:02 → 00:10:04 ประเทศไทยโดยเฉพาะผู้หญิงใช่มั้ยผลไม้มัน
00:10:04 → 00:10:06 หากินง่ายนะครับ
00:10:06 → 00:10:12 ผลไม้ที่เราเลือกจะต้องเป็นผลไม้รสไม่
00:10:12 → 00:10:16 หวานผลไม้รสไม่หวานผลไม้รสหวานจำไว้เลยนะ
00:10:16 → 00:10:18 ครับอะไรที่กินแล้วหวานอันนั้นหวานหมดแต่
00:10:18 → 00:10:21 ถ้าเราสัมผัสได้นะลูกเล็กๆแล้วหวานจัดๆ
00:10:21 → 00:10:24 อันนั้นน่ะคือผลไม้ที่ไม่ควรกินเช่นร่อง
00:10:24 → 00:10:27 กองมีอะไรอีกที่กินเป็นเม็ดๆพวงๆแล้วหวัน
00:10:27 → 00:10:32 มากๆอ้าวลิ้นจี่ลิ้นจี่อะไรอีกลำไยลำไย
00:10:32 → 00:10:36 พวกเนี้ยหวานมากๆไม่ควรโอเคมนะครับแล้ว
00:10:36 → 00:10:38 ถ้าพูดถึงอันที่เรากินได้บ้างล่ะอ่าที่
00:10:38 → 00:10:41 เรากินได้ก็มีนะครับนะพวกกลุ่มตระกูลที่
00:10:41 → 00:10:43 เป็นเบอร์รี่ทั้งหลายสตรอเบอร์รี่
00:10:43 → 00:10:47 บลูเบอร์รี่ได้หมดโอเคมถ้าลงท้ายด้วย
00:10:47 → 00:10:50 เบอร์รี่พวกนี้กินได้น้ำตาลน้อยชมพู่กิน
00:10:50 → 00:10:52 ได้แล้วผลไม้อย่างอื่นจริงๆไม่ใช่ว่ากิน
00:10:52 → 00:10:56 ไม่ได้นะครับกินได้แต่หมอหนึมีย้ำคำว่า
00:10:56 → 00:10:59 แต่นะในปริมาณที่เหมาะสมไม่มีนะครับคนที่
00:10:59 → 00:11:02 บอกว่ากินผลไม้เท่าไหร่ก็ได้แล้วชีวิต
00:11:02 → 00:11:04 สุขภาพดีเป็นไปไม่ได้อาหารทุกอย่างบนโลก
00:11:04 → 00:11:07 นี้มันมีปริมาณที่เหมาะสมของมันหมอ1ึไม่
00:11:07 → 00:11:08 เคยบอกว่าคุณจะกินเนื้อสัตว์เท่าไหร่ก็
00:11:08 → 00:11:11 ได้คุณจะกินผักเท่าไหร่ก็ได้คุณจะกิน
00:11:11 → 00:11:14 ผลไม้เท่าไหร่ก็ได้น้ำหนักของแต่ละคนมัน
00:11:14 → 00:11:17 มีปริมาณที่เหมาะสมอยู่โอเคยนะครับถ้าใคร
00:11:17 → 00:11:19 อยากเรียนรู้เรื่องนี้เพิ่มเติมให้ไปลอง
00:11:19 → 00:11:23 เสิร์ชคำว่าดัชนีน้ำตาลอ่าดัชนีน้ำตาลนะ
00:11:23 → 00:11:25 เดี๋ยวไว้ถ้ามีเวลาจะเอามาทำเรื่องนี้
00:11:25 → 00:11:28 เพิ่มให้นะครับดัชนีน้ำตาลหรือค่า GI มัน
00:11:28 → 00:11:30 ย่อมาจากคำว่าไกลไมิ index จำชื่อจริงไม่
00:11:30 → 00:11:34 ได้ช่างมันนะครับแต่ไกลซีมิกไกลซีนคือน้ำ
00:11:34 → 00:11:36 ตาล index คือดัชนีดัชนีน้ำตาลคือค่าที่
00:11:36 → 00:11:38 บอกว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรากินไอ้สิ่ง
00:11:38 → 00:11:40 นั้นเข้าไปแล้วมันจะทำให้น้ำตาลในเลือด
00:11:40 → 00:11:43 ของเราอ่ะสูงขึ้นเร็วหรือช้าถ้าค่า GI
00:11:43 → 00:11:46 สูงหมายความว่ากินแป๊บเดียวน้ำตาลพุ่ง
00:11:46 → 00:11:48 กระฉูดปี๊ดเลยเช่นอะไรเช่นพวกข้าวข้าวขาว
00:11:48 → 00:11:51 ข้าวเหนียวกินปั๊บน้ำตาลพุ่งกระฉูดเลยขนม
00:11:51 → 00:11:55 ปังสีขาวพวกเยนะครับแต่ถ้าค่า GI ต่ำๆนะ
00:11:55 → 00:11:58 นะกินเสร็จปั๊บร่างกายย่อยช้าดูดซึมน้ำ
00:11:58 → 00:12:00 ตาลช้าพวกนี้ก็จะทำให้คุณลดน้ำหนักได้ดี
00:12:00 → 00:12:02 กว่านะครับเพราะฉะนั้นถ้าอยากรู้ว่าผลไม้
00:12:02 → 00:12:05 อะไรบ้างที่กินได้เสิร์คำว่าดัชนีน้ำตาล
00:12:05 → 00:12:07 โอเคมยแล้วก็พวกผลไม้ที่น้ำเยอะจริงๆก็
00:12:07 → 00:12:10 กินได้นะแตงโมเเนี่ยบางคนไปเสิร์ชดูดัชนี
00:12:10 → 00:12:12 น้ำตาลอาจจะสูงหน่อยแต่มันเป็นผลไม้ที่มี
00:12:12 → 00:12:14 น้ำเยอะเพราะฉะนั้นแตงโมก็กินได้แต่กินใน
00:12:14 → 00:12:16 เสี้ยวที่ไม่ใช่กินเอาอิ่มอ่ะคนเราเวลา
00:12:17 → 00:12:19 มันจะอิ่มเนี่ยมันจะอิ่มจากโปรตีนไม่ได้
00:12:19 → 00:12:22 อิ่มจากแป้งกับน้ำตาลน้ำตาลกินเท่าไหร่ก็
00:12:22 → 00:12:24 ไม่อิ่มคุณลองสังเกตนะพวกที่มันมีรสหวาน
00:12:24 → 00:12:26 น่ะคุณกิน 8:00 นเดี๋ 10:00 นคุณก็หิวอีก
00:12:26 → 00:12:28 แล้วเพราะอะไรเพราะน้ำตาลในเลือดคุณมันจะ
00:12:28 → 00:12:31 แกว่งขึ้นแกว่งลงแบบนี้พอครูกินน้ำตาลไป
00:12:31 → 00:12:33 น้ำตาลสูงแป๊บนึงเดี๋ยวร่างกายก็ดึงน้ำ
00:12:33 → 00:12:35 ตาลกลับไปเก็บเพราะไม่อยากเป็นเบาหวานแต่
00:12:35 → 00:12:37 เวลาเก็บมันไม่ได้เก็บธรรมดามันเอาไปเก็บ
00:12:37 → 00:12:39 หมดเลยเพราะฉะนั้นน้ำตาลก็อยู่ต่ำกว่า
00:12:39 → 00:12:41 เกณฑ์ที่ร่างกายอยากได้ร่างกายก็เลยโหย
00:12:41 → 00:12:43 แล้วก็อยากกินอันนี้คืออาการโหยโหยน้ำตาล
00:12:43 → 00:12:45 โอเคมยนะครับเนาะเพราะฉะนั้นอันนี้คือ
00:12:45 → 00:12:48 เรื่องของผลไม้แล้วก็สังเกตง่ายๆผลไม้สุก
00:12:48 → 00:12:51 จะหวานกว่าผลไม้ดิบด้วยเหตุผลอะไรคะคุณ
00:12:51 → 00:12:54 หมอปกติไอ้ผลไม้ดิบมันมีแป้งเยอะน้ำตาล
00:12:54 → 00:12:56 น้อยแต่พอทิ้งไว้นานๆแล้วมันบ่มอยู่ใน
00:12:56 → 00:12:59 นั้นเนี่ยแป้งมันจะถูกย่อยกลายเป็นน้ำตาล
00:12:59 → 00:13:01 ด้วยพวกน้ำย่อยที่อยู่ในผลไม้เพราะฉะนั้น
00:13:01 → 00:13:03 พอแป้งย่อยเป็นน้ำตาลปั๊บจากมะม่วงดิบ
00:13:03 → 00:13:05 กลายเป็นมะม่วงสุกมะม่วงสุกเลยหวานเพราะ
00:13:05 → 00:13:08 น้ำตาลเยอะแป้งน้อยแต่มะม่วงดิบแป้งเยอะ
00:13:08 → 00:13:11 น้ำตาลน้อยโอเคไหมนะครับเนาะนะอ่ะเพราะ
00:13:11 → 00:13:14 ฉะนั้นพวกผลไม้อันที่ 2 เนาะถัดมานะครับ
00:13:14 → 00:13:18 อันที่ 3 อะไรที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ลด
00:13:18 → 00:13:20 เพราะเราอยากจะสลับระบบพลังงานจากน้ำตาล
00:13:20 → 00:13:22 ไปใช้ไขมันถูกป่าเพราะฉะนั้นอะไรที่
00:13:22 → 00:13:25 เปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ต้องลดลงก่อนสิ่งที่
00:13:25 → 00:13:28 เปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้สิ่งนั้นเราเรียกว่า
00:13:28 → 00:13:31 แป้งอ่าเราเรียกว่าแป้งนะครับหรือบางคนจะ
00:13:31 → 00:13:36 เรียกว่าขาบหรือบางคนจะเรียกว่าคาร
00:13:36 → 00:13:40 โบไฮเดรตก็ได้อ่าพวกเนี้ยนะครับพวกเเรา
00:13:40 → 00:13:42 เรียกว่าแป้งหมดเลยใครที่อยู่ในกลุ่ม
00:13:42 → 00:13:44 เรียนลดน้ำหนักของหมอ 1 นะครับให้ไปทบทวน
00:13:44 → 00:13:47 บทที่ 5 ถึงบทที่ 8 เพราะการแลกแป้งสำคัญ
00:13:47 → 00:13:49 มากแต่คนที่เพิ่งมาเจอหมอ 1 แล้วเพิ่ง
00:13:49 → 00:13:52 เริ่มต้นลดน้ำหนักเวลาที่เราเริ่มต้นลด
00:13:52 → 00:13:54 น้ำหนักเอาง่ายๆก่อนให้เราเริ่มเบื้องต้น
00:13:54 → 00:13:57 ให้ได้ก่อนเราจะได้มีกำลังใจในการไปต่อ
00:13:57 → 00:13:59 ถูกมยเพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้คือตัด
00:13:59 → 00:14:02 ปริมาณมันก่อนนึกอะไรไม่ออกอันที่ 1 ลด
00:14:03 → 00:14:06 ปริมาณลงครึ่งนึงได้มยอ่าลดปริมาณลง 1/2
00:14:06 → 00:14:09 ได้มเคยกินข้าว 2 ทัพพีเหลือ 1 ทัพพีได้
00:14:09 → 00:14:13 มยเคยกินขนมปัง 2 แผ่นเหลือ 1 แผ่นได้ม
00:14:13 → 00:14:16 เคยกินผลไม้ 10 ชิ้นเหลือ 5 ชิ้นได้มยเคย
00:14:16 → 00:14:18 เห็นภาพมยนะครับคือบางคนบอกว่าเอผลไม้
00:14:18 → 00:14:20 เกี่ยวด้วยหรอคุณหมออต้องบอกแบบนี้นะครับ
00:14:20 → 00:14:22 ว่าจริงๆพวกแป้งเนี่ยมันได้เกี่ได้แก่
00:14:22 → 00:14:25 อะไรบ้างมันได้แก่พวกข้าวพวกเส้นบางคนชอบ
00:14:25 → 00:14:27 กินก๋วยเตี๋ยวมากแล้วเพิ่มเส้นถูกมั้ย
00:14:27 → 00:14:29 แล้วก็ต้องลดเส้นลงเพเส้นก็เป็นแป้งย่อย
00:14:29 → 00:14:31 เสร็จก็เป็นน้ำตาลถูกมยเพราะฉะนั้นได้แก่
00:14:31 → 00:14:35 พวกข้าวเส้นขนมปังผักหัวทั้งหลายแล้วก็
00:14:35 → 00:14:38 พวกผลไม้ต่างๆพวกนี้เป็นแป้งหมดเลยให้ลด
00:14:38 → 00:14:40 ปริมาณจากที่เคยกินลงครึ่งนึงอีกอันนึง
00:14:40 → 00:14:43 ที่เจอบ่อยก็คือนมนะนมก็เป็นแป้งแบบนึงนะ
00:14:43 → 00:14:45 ครับเด็กไทยเนี่ยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยไม่
00:14:45 → 00:14:48 ค่อยได้อ้วนจากพวกอาหารหรอกแต่มักจะอ้วน
00:14:48 → 00:14:51 จากพวกน้ำอัดลมกับนมผมเคยเห็นเด็กบางคนน
00:14:51 → 00:14:53 บาปรึกษาบอกว่าคุณหมอคะลูกอ้วนมากเลยอยาก
00:14:53 → 00:14:56 ลดน้ำหนักทำยังไงดีคือเด็กเจะมีกิจกรรม
00:14:56 → 00:14:58 ทางกายอยู่แล้วใครที่ที่บ้านมีเด็กลอง
00:14:58 → 00:15:01 สังกสังเกตดีๆนะครับเด็กเพร้อมจะลดไขมัน
00:15:01 → 00:15:03 อยู่แล้วแต่หลักๆเี่มักจะเสียที่การกิน
00:15:03 → 00:15:06 โดยเฉพาะพวกอะไรที่น้ำตาลกับแป้งเยอะนม
00:15:06 → 00:15:09 บางคนกินทีเนี่ยกิน 6 กล่องต่อวันมันเยอะ
00:15:09 → 00:15:12 เกินไปนะหรือบางคนกินข้าวเติมแล้วเติมอีก
00:15:12 → 00:15:15 เพราะว่าคนแต่ก่อนเขาสอนกันมาว่ากินข้าว
00:15:15 → 00:15:18 เยอะๆจะได้โตไวๆไม่นะครับนะถ้ากล้ามเนื้อ
00:15:18 → 00:15:20 จะเติบโตกระดูกจะเติบโตต้องมีโปรตีนที่
00:15:20 → 00:15:23 เหมาะสมไม่ใช่กินแป้งเข้าไปเยอะๆแล้วไม่
00:15:23 → 00:15:25 ได้ใช้อันนั้นอาจจะเป็นเด็กอ้วนไม่ค่อยดี
00:15:25 → 00:15:27 เนาะโอเคมยนะครับเพราะฉะนั้นลดปริมาณลง
00:15:27 → 00:15:30 ครึ่งนึงอีกเทคนิอีกนึงที่หมอหนึ่งบอกนะ
00:15:30 → 00:15:33 ครับนะคุณอาจจะยังไม่รู้ว่ามันมีวิธีแลก
00:15:33 → 00:15:36 แป้งอะไรกับอะไรบ้างในปริมาณเท่าไหร่เนาะ
00:15:36 → 00:15:40 แต่ให้รู้ไว้ว่าเอาง่ายๆแบบนี้เราจะไม่
00:15:40 → 00:15:43 กินแป้งอย่างเดียวกันในมื้อเดียวกันอ่า
00:15:43 → 00:15:46 หมายความว่าอะไรครับคุณหมอหมายความว่า
00:15:46 → 00:15:48 สมมุติเช้านี้คุณเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ
00:15:48 → 00:15:51 แล้วเมักจะวางไอ้กล้วยหอมอ่ะใช่มั้ยอ่า
00:15:51 → 00:15:54 แล้วก็มีแซนวิชด้วยแล้วก็หยิบแซนวิชแล้ว
00:15:54 → 00:15:56 ก็หยิบกล้วยหอมแบบเไม่ดีที่มันไม่ดีเพราะ
00:15:56 → 00:15:59 อะไรที่มันไม่ดีเพราะว่าแซนวิชก็เป็นแป้ง
00:15:59 → 00:16:03 ใครขนมปังก็เป็นแป้งกล้วยก็เป็นแป้งกิน
00:16:03 → 00:16:05 แซนวิชแล้วก็กินกล้วยด้วยถ้าใครที่เรียน
00:16:05 → 00:16:08 กับหม 1 มาจะรู้ว่าแซนวิชมีขนมปัง 2 แผ่น
00:16:08 → 00:16:11 แป้ง 2 ส่วนกล้วยหอมลูกนึงใหญ่ๆแป้งอีก 2
00:16:11 → 00:16:13 ส่วนรวมกันเป็น 4 ส่วนมื้อเดียวได้แป้งไป
00:16:13 → 00:16:16 4 ส่วนแล้วกินอย่างงี้ 3 มื้อแป้ง 12
00:16:16 → 00:16:18 ส่วนเยอะระเบิดระเบ้อเลยถูกมยนะครับเพราะ
00:16:18 → 00:16:21 ฉะนั้นถ้าไม่รู้อะไรเลยยังนับแป้งยังแลก
00:16:21 → 00:16:24 แป้งไม่เป็นอยกินแป้งหลายชนิดใน 1 มื้อ
00:16:24 → 00:16:26 ให้กินแป้งแค่ชนิดเดียวแล้วลดปริมาณลง
00:16:27 → 00:16:29 เช่นหมอหนึ่งบอกว่าหน้านี้หน้าทุเรียนอ่า
00:16:29 → 00:16:32 นักเรียนผมอยากกินทุเรียนผมบอกว่าได้สิ
00:16:32 → 00:16:34 ครับอยากกินทุเรียนน่ะแต่ว่าแลกแป้งนะเอา
00:16:34 → 00:16:37 งี้ได้มยตอนเช้าอยากกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง
00:16:37 → 00:16:39 อ่ะแต่ว่าทุเรียนก็อยากกินด้วยอ่ะข้าว
00:16:39 → 00:16:42 เหนียวก็แป้งทุเรียนก็แป้งเลือกแป้งสัก
00:16:42 → 00:16:44 อย่างนึงเป็นคุณคุณจะเลือกอะไรครับหมู
00:16:44 → 00:16:46 ปิ้งข้าวเหนียวหรือทุเรียนหมูปิ้งนัก
00:16:46 → 00:16:48 เรียนผมเลือกทุเรียนหมูปิ้งนะมันไม่แปลก
00:16:48 → 00:16:50 ถูกมยเพราะจริงๆแล้วไอ้ข้าวเหนียวกับทุ
00:16:50 → 00:16:52 ข้าวเหนียวกับหมูปิ้งมันถูกเอามาจับคู่
00:16:52 → 00:16:54 กันเฉยๆจริงๆเรากินหมูปิ้งอย่างเดียวก็
00:16:54 → 00:16:57 ได้แต่เราไปเอาแป้งจากทุเรียนแทนเห็นป่ะ
00:16:57 → 00:16:59 การเลือกแบบเยจะทำให้เรากินได้ทุกอย่าง
00:16:59 → 00:17:01 ที่เราอยากกินไม่จำเป็นจะต้องมานั่งจำกัด
00:17:01 → 00:17:03 จำเขี่ยว่าอันนั้นกินไม่ได้อันนี้กินไม่
00:17:03 → 00:17:04 ได้ทุกอย่างกินได้หมดแต่แต่ต้องมีความรู้
00:17:04 → 00:17:07 เฉยๆเพราะฉะนั้นลองใช้เทคนิคนี้ดูไม่กิน
00:17:07 → 00:17:09 แป้งซ้ำซ้อนหรือเทคนิคที่บันหนึเคยสอนใน
00:17:09 → 00:17:12 กลุ่มคืนแรกแป้งไปทบวนบทที่ 5 ถึงบทที่ 8
00:17:12 → 00:17:13 นะใครที่อยู่ในกลุ่มเรียนนะครับเนาะอัน
00:17:13 → 00:17:16 นี้อันที่ 3 นะลดปริมาณมันลงถัดมานะครับ
00:17:16 → 00:17:19 เทคนิคที่ 4 เทคนิคที่ 4 ทำยังไงร่างกาย
00:17:19 → 00:17:22 ถึงจะไม่ใช้น้ำตาลแล้วไปใช้ไขมันน่าเมื่อ
00:17:22 → 00:17:26 กี้พูดถึงเรื่องปริมาณคราวนี้เราจะพูดถึง
00:17:26 → 00:17:29 ชนิดของแป้งบ้างชนิดของแป้งแป้งจริงๆ
00:17:29 → 00:17:32 เนี่ยมันมีอยู่ 2 ชนิดหลักๆนะครับคือชนิด
00:17:32 → 00:17:35 ที่เราเรียกว่าเชิงเดี่ยวกับแป้งที่เป็น
00:17:35 → 00:17:39 เชิงซ้อนหมายความว่าอะไรคะคุณหมอแป้งเชิง
00:17:39 → 00:17:42 เดี่ยวเนี่ยมันคือแป้งที่พูดง่ายๆเลยแป้ง
00:17:42 → 00:17:45 ที่มีสีขาวผ่านกระบวนการการขัดสีอะไรมา
00:17:45 → 00:17:49 หมดแล้วขัดยังไงบ้างเอาเปลือกออกถูกมยขัด
00:17:49 → 00:17:51 เอาใยอาหารออกเพราะฉะนั้นได้แก่พวกขนมปัง
00:17:51 → 00:17:54 ขาวทั้งหลายพวกเส้นแป้งสาลีทั้งหลายข้าว
00:17:55 → 00:17:57 ขาวพวกเนี้ยนะแต่ถ้าเป็นพวกเชิงซ้อน
00:17:57 → 00:18:00 คีย์เวิร์ดเดียวเลยคือคำคำว่าใยอาหารใคร
00:18:00 → 00:18:03 ที่ฟังแล้วหลายๆรอบนะฟังซ้ำมันจะจดจำได้
00:18:03 → 00:18:05 โดยที่คุณไม่ต้องจดเลยนะหลายๆคลิปเนี่ย
00:18:05 → 00:18:08 หมอหนึ่งก็จะพูดอยู่อย่างเงี้ยซ้ำๆบางที
00:18:08 → 00:18:10 เราฟังรอบเดียวเราจำไม่ได้บางคนจำได้แต่
00:18:10 → 00:18:13 ยังไม่เชื่อว่าเฮ้ยมันได้จริงๆหรอบางคน
00:18:13 → 00:18:15 ฟังคลิปหมอหนมา 5 คลิ๊ปกว่าจะเริ่มลงมือ
00:18:15 → 00:18:17 ทำอ่ะเพราะอะไรตอนนั้นใจเรามันยังไม่
00:18:17 → 00:18:20 เชื่อว่ามันเป็นไปได้แต่ผมบอกเลยว่าเมื่อ
00:18:20 → 00:18:22 ไหร่ก็ตามที่คุณเริ่มเชื่อแล้วนะคุณจะลด
00:18:22 → 00:18:24 น้ำหนักได้ติดจรวดมากๆแล้วสุดท้ายคุณจะ
00:18:25 → 00:18:27 สุขภาพดีแบบที่คุณไม่เคยคิดเลยว่าชีวิต
00:18:27 → 00:18:30 นี้จะมีได้โอเคมยนะครับเนาะแต่บางคนบอก
00:18:30 → 00:18:32 ว่าเราหาไม่ได้อ่ะค่ะคุณหมอข้าวแป้งเชิง
00:18:32 → 00:18:36 เดี่ยวทำยังไงดีคะก็กินข้าวสินะกินข้าว
00:18:36 → 00:18:39 ขาวสิแต่บวกผักได้มยเพราะผักเราก็มีใย
00:18:39 → 00:18:42 อาหารถูกเ่าหรือบางทีแลกแป้งแบบข้อเมื่อ
00:18:42 → 00:18:45 กี้ได้มยมีข้าวขาวถ้าต้องเทียบกับการที่
00:18:45 → 00:18:48 เราจะกินฟักทองอ้าฟักทองเป็นแป้งเชิงซ้อน
00:18:48 → 00:18:50 เพราะอะไรเพราะฟักทองเนี่ยเป็นผักหัวก็
00:18:50 → 00:18:52 จริงนะผักหัวได้แก่พวกข้าวโพดเผือกมันฟัก
00:18:52 → 00:18:55 ทองพวกเนี้ยเป็นผักหัวมีแป้งอยู่ในนั้น
00:18:55 → 00:18:57 แต่มีใยอาหารอยู่ในนั้นด้วยเพราะฉะนั้นก็
00:18:57 → 00:18:59 จะเป็นเชิงซ้อนถ้าสมมุติว่าหมอหนึเลือก
00:18:59 → 00:19:02 ได้ว่ามื้อนี้หมอหนึ่งต้องมีข้าวแล้วก็มี
00:19:02 → 00:19:05 ฟักทองผัดไข่หมอหนึ่งจะกินฟักทองผัดไข่
00:19:05 → 00:19:07 โดยที่อาจจะไม่กินข้าวเลยก็ได้เพราะฟัก
00:19:07 → 00:19:11 ทองก็มีแป้งแล้วไข่คือโปรตีนแต่ถ้าเรากิน
00:19:11 → 00:19:13 ข้าวกับฟักทองผัดไข่มันจะกลายเป็นแป้ง
00:19:13 → 00:19:16 แป้งโปรตีนเอาแป้งอันนึงออกดีกว่าถูกมยก็
00:19:16 → 00:19:19 ต้องเลือกฟักทองฟักทองมีใหญ่อาหารเห็นมย
00:19:19 → 00:19:21 เราจะเลือกเก่งขึ้นน่ะทักษะพวกนี้มันเป็น
00:19:21 → 00:19:23 ทักษะที่จำเป็นนะแต่โรงเรียนไม่เคยสอนเรา
00:19:23 → 00:19:26 เท่านั้นเองนะครับเนาะนะอ่ะแล้วก็ข้อสุด
00:19:27 → 00:19:29 ท้ายถ้าไม่อยากใช้น้ำตาลอยากให้ร่างกาย
00:19:29 → 00:19:32 บังคับให้ใช้ไขมันได้นะครับก็คือข้อที่ 5
00:19:32 → 00:19:36 คือการทำ If บางคนรู้แล้วแต่ว่าทำผิดเยอะ
00:19:36 → 00:19:38 นะเจอเยอะมากหลายคนที่มาเรียนกับหมอ 1
00:19:38 → 00:19:41 แล้วบอกว่าคุณหมอคะทำ If มาปีนึงแล้วค่ะ
00:19:41 → 00:19:44 แต่ไม่ผอมเลยค่ะพี่ทำถูกแน่นอนเพราะว่า
00:19:44 → 00:19:47 ช่วงอดพี่ไม่กินอะไรเลยค่ะแต่ว่าไม่รู้
00:19:47 → 00:19:49 เหมือนกันว่าทำไมน้ำหนักมันถึงไม่ลงสำคัญ
00:19:49 → 00:19:53 มากๆนะข้อนี้นะครับผมจะบอกเลยนะว่าหลายคน
00:19:53 → 00:19:55 เข้าใจผิดจริงๆ If เนี่ยคำว่า
00:19:55 → 00:19:57 intermittent เนี่ยมันแปลว่าเป็นช่วงๆ
00:19:57 → 00:19:59 fasting แปลว่าอดอาหารเพราะฉะนั้น
00:19:59 → 00:20:02 intermittent fasting แปลว่าอดอาหาร
00:20:02 → 00:20:04 เป็นช่วงๆใครที่เคยฟังเรื่อง If มาแล้ว
00:20:04 → 00:20:06 ตั้งใจฟังคลิปนี้ให้ดีเพราะคุณอาจจะทำมัน
00:20:06 → 00:20:08 ผิดอยู่ก็ได้นะครับเนาะมันแปลว่าอดอาหาร
00:20:08 → 00:20:11 เป็นช่วงๆหมายความว่าใน 1 วันเรามีช่วง
00:20:11 → 00:20:15 กินกับมีช่วงอดโอเคมยมีช่วงกินกับช่วงอด
00:20:15 → 00:20:18 ไอ้ช่วงอดเนี่ยเขาบอกเลยว่าถ้าคุณจะลดน้ำ
00:20:18 → 00:20:21 หนักได้ดีคุณต้องมีช่วงอดเนี่ยที่นานกว่า
00:20:22 → 00:20:25 12 ช่วโมงหมายความว่าอะไรหมายความว่าถ้า
00:20:25 → 00:20:29 วันนี้หมอหนึ่งหยุดกินตอน 20:00 นหลัง
00:20:29 → 00:20:31 20:00 นหมอหนึ่งกินแต่น้ำเปล่าเลยนะวัน
00:20:31 → 00:20:33 รุ่งขึ้นหมอหนึ่งจะเริ่มกินได้คือหลัง
00:20:33 → 00:20:36 8:00 นเป็นต้นไปเพราะอะไรเพราะเราจะอด 12
00:20:36 → 00:20:38 ชั่วโมงถูกมั้ยแต่บางคนน่ะชอบติดนิสัยกิน
00:20:38 → 00:20:40 จุกจิกก่อนนอนก็ยังกินอันเนี้ยคุณก็จะมี
00:20:40 → 00:20:43 เวลาที่ร่างกายใช้ไขมันได้น้อยทำไมการทำไ
00:20:43 → 00:20:45 มันถึงได้ผลรู้มั้ยเพราะว่าร่างกายของเรา
00:20:45 → 00:20:47 ถ้ามีพลังงานภายนอกมันใช้พลังงานจากสิ่ง
00:20:47 → 00:20:49 ที่เรากินก่อนบางทีเราสู้ใจตัวเองไม่ได้
00:20:50 → 00:20:52 อ่ะตอนกลางคืนปั๊บกำลังจะนอนเห็นของกิน
00:20:52 → 00:20:54 เปิดตู้เย็นมาปั๊บเอาสักคำวะทั้งๆที่หยุด
00:20:54 → 00:20:57 กินตอน 20:00 นนะแต่เที่ยงคืนเปิดตู้มา
00:20:57 → 00:20:59 เอาสักคำวะกลายเป็นหยุดกินเที่ยงคืน 8:00
00:20:59 → 00:21:02 นตื่นมากินอีกแล้วเวลาหยุดกินแค่ 8 ชมมัน
00:21:02 → 00:21:04 ไม่เพียงพอเพราะว่าร่างกายเริ่มใช้ไขมัน
00:21:04 → 00:21:07 ได้ดีตั้งแต่ 12 ชมขึ้นไปและจาก
00:21:07 → 00:21:11 ประสบการณ์หมอหนึ่งนะ 15-18 ชมงถือว่า
00:21:11 → 00:21:14 เป็นช่วงที่กำลังดีมากๆเฮ้ยคุณหมอแต่ว่า
00:21:14 → 00:21:18 เคยเห็นบางคนเทำ If แบบ 23/1 นะ 23/1
00:21:18 → 00:21:20 หมายความว่าอะไรอ่าเลขมันจะมี 2 ตัวใช่มย
00:21:20 → 00:21:23 นะครับเนาะ 23 หมายความว่าอด 23 ชมแล้ว
00:21:23 → 00:21:25 กิน 1 ช่วโมงคนบ้านอะไรจะกินวันละ 1
00:21:25 → 00:21:27 ชั่วโมงคือกินมื้อเดียวใช่มั้ยใช่ครับ
00:21:27 → 00:21:29 เนี่ยคือคนที่เขากินมื้อเดียวถามว่าดีมย
00:21:30 → 00:21:32 ดีในระยะสั้นมันจะลดน้ำหนักได้ดีในระยะ
00:21:32 → 00:21:35 สั้นแต่ระยะยาวไม่ดีถ้าทำแบบนี้ตลอดแล้ว
00:21:35 → 00:21:37 ติดจนเป็นนิสัยคือมนุษย์เราเนี่ยมันมี
00:21:37 → 00:21:41 สิ่งที่ไม่ดีอยู่อย่างนึงนะเราจะเป็นคน
00:21:41 → 00:21:43 ที่ยึดติดพระพุทธเจ้าใช้คำว่ายึดติดเนาะ
00:21:43 → 00:21:46 อะไรที่ทำแล้วดีเราจะเชื่อว่าสิ่งนั้นมัน
00:21:46 → 00:21:50 จะดีตลอดไปคนๆนึงลดน้ำหนักด้วยการกินคีโต
00:21:50 → 00:21:53 มาแล้วลดจนน้ำหนักนิ่งบางคนนะที่มาเจอผม
00:21:53 → 00:21:56 นะลดจาก 100 มาเหลือ 80 กินคีโตมาผมไม่
00:21:56 → 00:21:59 ได้บอกว่าคีโตไม่ดีนะแต่พอกินคีโตมาเสร็จ
00:21:59 → 00:22:01 น้ำหนักนิ่งนิ่งแล้วเกิดอะไรขึ้นฉันเชื่อ
00:22:01 → 00:22:04 ว่าคีโตมันดีที่สุดพอน้ำหนักนิ่งฉันจะ
00:22:04 → 00:22:06 ต้องพยายามทำคีโตให้หนักกว่าเดิมน้ำหนัก
00:22:06 → 00:22:09 ก็ยิ่งนิ่งเข้าไปอีกหมอหนึ่งบอกว่าเฮ้ย
00:22:09 → 00:22:11 ถ้าน้ำหนักลดมาถึงตรงนี้เรานิ่งอ่ะกลับไป
00:22:11 → 00:22:13 กินแป้งซะแล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาลดต่อ
00:22:13 → 00:22:16 เดี๋ยวลดได้ไม่เชื่อก็กลับไปพยายามจนสุด
00:22:16 → 00:22:18 ท้ายไปไหนไม่ได้แล้วไม่รู้จะทำยังไงหมอ
00:22:18 → 00:22:20 หนึ่งช่วยหน่อยค่ะพอหมอหนึ่งสอนว่าเราจะ
00:22:20 → 00:22:22 กลับไปกินแป้งยังไงให้กลับมาลดต่อได้พอ
00:22:22 → 00:22:24 เริ่มทำตามปั๊บเริ่มกายเริ่มเปลี่ยนแปลง
00:22:24 → 00:22:27 เออเฮ้ยมันมหัศจรรย์จังเลยทำไมเป็นแบบนี้
00:22:27 → 00:22:29 ได้กลไกร่างกายเราถึงต้องเข้าใจไงโอเค
00:22:29 → 00:22:31 มั้ยนะครับเนาะเพราะฉะนั้นทุกวิธีการลด
00:22:31 → 00:22:34 น้ำหนักไม่ว่าจะเป็นคีโตแนเบส If อะไรมัน
00:22:34 → 00:22:36 ดีหมดแหละแต่เราต้องเข้าใจมันก่อนว่าหลัก
00:22:36 → 00:22:38 การมันคืออะไรแล้วร่างกายเราทำงานยังไง
00:22:38 → 00:22:40 เราถึงจะได้ดึงข้อดีของมันมาใช้ได้เนาะ
00:22:40 → 00:22:43 เพราะฉะนั้นมหนึเลยไม่ค่อยแนะนำให้ใครทำ
00:22:43 → 00:22:46 23/1 คือกินแค่วันละมื้อไม่เอานะครับการ
00:22:46 → 00:22:49 ที่เรามีช่วงอด 15-18 ชมถ้าเราอด 15 ช่ม
00:22:49 → 00:22:51 หมายความว่าเรามีเวลากิน 9 ช่มใช่มยอ่า
00:22:51 → 00:22:54 แต่ถ้าเราอด 18 ชมแสดงว่าเรามีเวลากิน 6
00:22:54 → 00:22:57 ชมใช่มั้ย 6 ชมเนี่ยมันก็ยังเพียงพอที่จะ
00:22:57 → 00:23:00 ได้สารอาหารครบถ้วนโดยเฉพาะโปรตีนนะตอน
00:23:00 → 00:23:01 ที่หมอหนึ่งตรวจคนไข้เนี่ยแต่ก่อนเนี่ย
00:23:01 → 00:23:03 หมอหนึ่งตรวจคนไข้อยู่ที่โรงพยาบาลเนี่ย
00:23:03 → 00:23:06 นะครับผมเริ่มกินมื้อแรกเที่ยงนะแล้วหยุด
00:23:06 → 00:23:10 กินตอน 18:00 น 18:00 นจนถึง 8:00 นเอ่อ
00:23:10 → 00:23:13 จนถึงเที่ยนอีกวันนึงผม 18 ชมเนี่ยกินน้ำ
00:23:13 → 00:23:16 เปล่ากับกาแฟดำตื่นเช้ามาแต่ก่อนติดนิสัย
00:23:16 → 00:23:17 ต้องหาอะไรกินตอนเช้าไม่งั้นจะไม่มีแรง
00:23:17 → 00:23:19 มันเป็นความเชื่อเรานะว่ามันจะไม่มีแรงทำ
00:23:19 → 00:23:23 งานแต่พอกินกาแฟดำไป 3 วันคุณเคยมั้ยเวลา
00:23:23 → 00:23:25 งานยุ่งมากๆผมตรวจคนไข้ึ่งเช้า 60 คน
00:23:25 → 00:23:28 อย่างเงี้ยนะครับมันยุ่งมากๆจนมันไม่มี
00:23:28 → 00:23:30 เวลาเวลาไปสงสัยว่าตัวเองหิวหรือเปล่า
00:23:31 → 00:23:33 8800 นอาจจะหิวอยู่นะแต่หลัง 8:00 นไป
00:23:33 → 00:23:35 ปั๊บตรวจไปยาวๆปั๊บเอ้า 10:00 นหายหิว
00:23:35 → 00:23:37 แล้วร่างกายเรามันเป็นแบบนี้แหละเวลามัน
00:23:38 → 00:23:40 มาเคาะประตูว่าหิวนะเราต้องมีสติแป๊บนึง
00:23:40 → 00:23:42 พอมันเคาะสักครึ่งชั่วโมงแล้วเราไม่กิน
00:23:42 → 00:23:45 อะไรเนี่ยมันไปเอาไขมันมาใช้เองเราต้อง
00:23:45 → 00:23:47 อย่าไปสนใจมันเยอะความหิวจะมาเป็นลูก
00:23:47 → 00:23:49 คลื่นผมพูดประโยคนี้กับนักเรียนในกลุ่มใน
00:23:49 → 00:23:52 คอร์สผมบ่อยมากเลยนะความหิวจะมาเป็นลูก
00:23:52 → 00:23:55 คลื่นเราต้องมีสติกับมันนิดนึงว่ามันไม่
00:23:55 → 00:23:58 ได้มาเสร็จปั๊บแล้วเราจะต้องตอบสนองกับ
00:23:58 → 00:24:01 มันทันทีเราแค่ต้องรู้ว่าเรากำลังหิวแล้ว
00:24:01 → 00:24:03 เดี๋ยวพอถึงเวลาจะกินเราค่อยกินเดี๋ยว
00:24:03 → 00:24:07 ความหิวมันจะหายไปโอเคไยนะครับเนาะนะ
00:24:07 → 00:24:09 เพราะฉะนั้นก็การอดเนี่ยดีจริงๆก็คือช่วง
00:24:09 → 00:24:12 15-18 ชมและไม่ได้หมายความว่ากินอะไรไม่
00:24:12 → 00:24:14 ได้นะสิ่งที่กินได้ก็คืออะไรน้ำเปล่า
00:24:14 → 00:24:17 สำคัญมากนะบางคนทำฟาสติ้งแล้วไม่กินอะไร
00:24:17 → 00:24:19 เลยน้ำเปล่าก็ไม่กินร่างกายเหี่ยวมากเลย
00:24:19 → 00:24:21 นะครับวันนึงบอกแล้วว่าเซลล์ต่างๆในร่าง
00:24:21 → 00:24:23 กายจำเป็นต้องใช้น้ำนะเนาะเพราะฉะนั้นก็
00:24:23 → 00:24:27 มีพวกน้ำเปล่ากาแฟดำพวกเยได้แต่ว่าไม่
00:24:27 → 00:24:29 ค่อยแนะนำให้กินพวกพวกชากับกาแฟดำในช่วง
00:24:30 → 00:24:32 หลังมื้อสุดท้ายของวันไปแล้วเนาะเพราะมัน
00:24:32 → 00:24:34 จะทำให้นอนไม่หลับการนอนมีผลกับการนนน้ำ
00:24:34 → 00:24:36 หนักพอสมควรเลยนะครับเดี๋ยวจะอธิบายใน
00:24:36 → 00:24:39 คลิปอื่นๆเนาะนะส่วนคนที่มักจะทำผิดคือ
00:24:39 → 00:24:43 ช่วงด้านซ้ายคือไอ้ช่วงการกินคุณหมอเพี่
00:24:43 → 00:24:47 าติ 18/6 16/8 มาไม่ผอมเลยค่ะเพราะอะไร
00:24:47 → 00:24:50 รู้มยสมมุติหมอหนึ่งบอกว่ามีคนคนนึงทำ If
00:24:50 → 00:24:54 16/8 หมายความว่าอด 16 ชมทำได้ดีมากเลย
00:24:54 → 00:24:57 การที่คุณอดได้ 16 ชมงจินตนาการภาพนะครับ
00:24:57 → 00:25:00 หลอดเลือดของเราอ่ามีน้ำตาลกับไขมันลอย
00:25:00 → 00:25:03 อยู่ในนั้นอ่านะแต่ถ้าสมมุติว่าเราทำไาติ
00:25:03 → 00:25:05 ได้ 16 ชั่วโมงคือหยุดกิน 16 ชั่วโมงร่าง
00:25:05 → 00:25:07 กายจะปล่อยไขมันออกมาเพราะมันไม่มีน้ำตาล
00:25:07 → 00:25:09 จากภายนอกถูกมยมันก็จะปล่อยไขมันเข้ามา
00:25:09 → 00:25:12 เข้ามาเข้ามาแล้วพอคุณออกกำลังกายแค่ 5-10
00:25:12 → 00:25:14 นาทีตอนเริ่มต้นนะมันจะเอาไขมันไปใช้เร็ว
00:25:14 → 00:25:17 มากเลยบางคนบอกว่าพี่ทำข้อนี้ได้ดีมากเลย
00:25:17 → 00:25:20 ค่ะแต่ไอ้ 8 ชมงในช่วงกินเนี่ยทำได้ไม่ดี
00:25:20 → 00:25:23 เลยหมายความว่าอะไร 8 ชมงนี้บางคนกิน
00:25:23 → 00:25:26 อาหารที่น้ำตาลสูงเพราะน้ำตาลสูงในช่วง 8
00:25:26 → 00:25:29 ชมนี้มันก็ใช้ไม่หมดหมดมันก็เอาไปเก็บ
00:25:29 → 00:25:32 เป็นไขมันถูกมั้ยบางคนยังกินอาหารที่มี
00:25:32 → 00:25:35 แป้งเยอะอยู่บางคนบอกว่าคุณหมอคะแต่พี่
00:25:35 → 00:25:37 อ่ะแป้งก็ไม่ค่อยกินน้ำตาลพี่ไม่กินแน่
00:25:37 → 00:25:41 นอนเลยค่ะ If พี่ไม่หลุดแน่นอนไปตกม้าตาย
00:25:41 → 00:25:45 ที่คำว่าโปรตีนจำไว้เลยนะครับคนส่วนใหญ่
00:25:45 → 00:25:47 ที่ทำไแล้วไม่ผอมนะแล้วร่างกายไม่ยอมไป
00:25:47 → 00:25:49 ใช้ไขมันเพราะระบบเผาผลาญพังจากการที่กิน
00:25:49 → 00:25:52 โปรตีนไม่เพียงพอผมเคยทำคลิปเกี่ยวกับ
00:25:52 → 00:25:55 โปรตีนไว้ในช่องนะไปย้อนดูได้เลยนะสำคัญ
00:25:55 → 00:25:57 มากๆเพราะโปรตีนเอาไว้สร้างกล้ามเนื้อ
00:25:57 → 00:26:00 กล้ากล้าเนื้อเปียบเสมือนเตาเผาพลังงาน
00:26:00 → 00:26:02 ของร่างกายถ้าคุณมีระบบเผาผลาญที่ดีมี
00:26:02 → 00:26:04 กล้ามเนื้อที่แข็งแรงผมไม่ได้บอกว่าคุณ
00:26:04 → 00:26:06 ต้องเป็นนักกล้ามนะคุณเชื่อมว่าผมเคยอ้วน
00:26:06 → 00:26:08 เหมือนกันหมอหนึ่งก็เคยอ้วนมีคลิปที่เอา
00:26:08 → 00:26:11 มาโชว์ตอนหมอหนึ่งอ้วนด้วยนะแต่ทุกวันนี้
00:26:11 → 00:26:13 หมอหนึ่งก็ไม่ได้มีกล้ามแบบพวกนักกล้ามก็
00:26:13 → 00:26:15 เราไม่ได้อยากมีแบบนั้นเราแค่อยากกลับมา
00:26:15 → 00:26:17 ใส่เสื้อผ้าหุ่นสวยๆมีความมั่นใจในตัวเอง
00:26:17 → 00:26:19 โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีซิ PAT ก็ได้เฉยๆ
00:26:19 → 00:26:22 อ่ะถูกมเราแค่บางคนแค่อยากกลับมาสุขภาพดี
00:26:22 → 00:26:24 อ่ะพออายุเยอะแล้วอยากไปเดินเที่ยวต่าง
00:26:24 → 00:26:26 ประเทศได้โดยที่ไม่ปวดเข่าไม่ต้องนั่งรถ
00:26:26 → 00:26:28 เข็นน่ะคือบางคนต้องการแค่นั้นเพราะ
00:26:28 → 00:26:32 ฉะนั้นโปรตีนสำคัญมากๆกินโปรตีนให้อิ่ม
00:26:32 → 00:26:35 ก่อนถ้าโปรตีนกินแล้วอิ่มร่างกายบอกว่า
00:26:35 → 00:26:37 เออโอเคฉันอิ่มแล้วนะตรงนั้นน่ะคือจุดที่
00:26:37 → 00:26:40 คุณประสบความสำเร็จคุณทำไแล้วคุณจะได้ผล
00:26:40 → 00:26:43 ส่วนใหญ่เนี่ยตกม้าตายข้อนี้แหละโอเคมย
00:26:43 → 00:26:45 เพราะฉะนั้น 5 ข้อนะครับนะที่หมอหนึ่งให้
00:26:45 → 00:26:47 ไปวันนี้เอาไปทำแล้วคุณจะสลับระบบพลังงาน
00:26:47 → 00:26:50 จากน้ำตาลกับแป้งไปใช้ไขมันได้ไวมากเลย
00:26:50 → 00:26:52 ทั้งหมดนี้ยังไม่พูดเรื่องออกกำลังกายเลย
00:26:52 → 00:26:54 เพราะอะไรออกกำลังกายเป็นแค่เครื่องจักร
00:26:54 → 00:26:58 ในการเอาวัตถุดิบเข้าไปผลิตเป็นพลังงาน
00:26:58 → 00:27:01 ถ้าคุณป้อนน้ำตาลมันก็ใช้น้ำตาลถ้าคุณ
00:27:01 → 00:27:04 ป้อนไขมันมันก็ใช้ไขมันโอเคป่านะอธิบายมา
00:27:05 → 00:27:07 ยาวมากๆเลยวันนี้นะแต่จะพยายามไม่ใช้
00:27:07 → 00:27:09 ศัพท์การแพทย์แล้วนะครับเนาะอะไรที่เป็น
00:27:09 → 00:27:10 ศัพท์การแพทย์ที่ไม่จำเป็นต้องรู้คุณไม่
00:27:10 → 00:27:13 จำเป็นต้องจำเลยนะแต่ให้เอาหลักการมันไป
00:27:13 → 00:27:15 ใช้คุณจะได้กลายเป็น Healthy ฮีโร่ของ
00:27:15 → 00:27:18 ครอบครัวบางคนบอกว่าคุณหมอคะทั้งบ้านเ
00:27:18 → 00:27:20 อ้วนหมดเลยค่ะคุณนนี่แหละจะเป็นคนแรกที่
00:27:20 → 00:27:23 ผอมแล้วคนอื่นจะเริ่มเห็นความเป็นไปได้
00:27:23 → 00:27:25 ว่าเฮ้ยคุณทำได้นี่นานะเฮ้ยหลานเราทำได้
00:27:25 → 00:27:28 เราก็น่าจะทำได้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พอ
00:27:28 → 00:27:31 อายุ 80 ปีแล้วคนแก่ส่วนใหญ่ 90% นั่งรถ
00:27:31 → 00:27:33 เข็นนะโอเคมั้ยเราจะไม่เป็นคนนั้นเด็ดขาด
00:27:33 → 00:27:35 พอเราเกษียณปั๊บอายุ 60 ปีเราไปเที่ยวเรา
00:27:35 → 00:27:38 อยากจะเดินเที่ยวแบบสวยๆถ่ายรูปสวยๆไม่
00:27:38 → 00:27:40 ใช่ต้องให้หลานเข็นรถเข็นไปเที่ยวอ่ะโอเค
00:27:40 → 00:27:43 ป่ะนะครับนะชีวิตของเรานะมันไม่ได้มีแง่
00:27:43 → 00:27:46 มุมแค่ว่าวันนี้ตื่นมาทำงานหาเงินทำงานหา
00:27:46 → 00:27:48 เงินทำงานหาเงินมันมีมิติอื่นด้วยใน
00:27:48 → 00:27:51 เรื่องของสุขภาพกับครอบครัวเพราะฉะนั้น
00:27:51 → 00:27:54 ต้องบานให้ดีๆเนาะปัจจุบันเนี่ยหม 1 เจอ
00:27:54 → 00:27:56 เยอะมากๆนะครับเนาะคือเครียดทำงานแล้ว
00:27:56 → 00:27:59 เครียดพอเครียดเสร็จปั๊บปัก็อยากกินอยาก
00:27:59 → 00:28:01 กินก็หิวแล้วไม่ได้ดูแลตัวเองสุดท้ายก็
00:28:01 → 00:28:03 อ้วนแล้วมันก็จะวนอยู่อย่างเงี้ยเป็นวงจร
00:28:04 → 00:28:06 ที่ไม่ดีเลยเพราะฉะนั้นสำคัญที่สุดนะเรา
00:28:06 → 00:28:08 จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้สุขภาพต้องมา
00:28:08 → 00:28:11 อันดับ 1 มันเป็นทัศนคติที่ดีเมื่อไหร่ก็
00:28:11 → 00:28:13 ตามที่คุณทำงานหรือว่าอะไรก็แล้วแต่แล้ว
00:28:13 → 00:28:16 คุณเจอเรื่องยากยากแต่สุขภาพคุณดีนะคุณมี
00:28:16 → 00:28:19 ต้นทุนเยอะกว่าคนอื่นแล้วเพราะอะไรถ้า
00:28:19 → 00:28:21 สุขภาพกายดีสุขภาพใจดีไม่เป็นไรพรุ่งนี้
00:28:21 → 00:28:23 มันก็สู้ใหม่ได้พรุ่งนี้มันก็เริ่มใหม่
00:28:23 → 00:28:26 ได้ถูกมยแต่ถ้าสุขภาพคุณไม่ดีนะต่อให้
00:28:26 → 00:28:28 พรุ่งนี้มีโอกาสเข้ามาคุณก็ไม่ความเริ่ม
00:28:28 → 00:28:30 ต้นอะไรสักอย่างนะครับเนาะเพราะฉะนั้น
00:28:30 → 00:28:32 หวังว่าจะได้ประโยชน์นะเพราะฉะนั้นก็ขอ
00:28:32 → 00:28:35 แสดงความยินดีกับท่านนี้ด้วยนะครับลดไป 13
00:28:35 → 00:28:40 กลในระยะเวลาแค่ 1 เดือนอ่าทุกคนก็ทำได้
00:28:40 → 00:28:42 เหมือนกันแน่นอนนะครับเนาะนะส่วนใครที่
00:28:43 → 00:28:45 ทักมาหลังไมค์เหมือนเดิมนะครับนะกลุ่ม
00:28:45 → 00:28:46 เรียนลดน้ำหนักครั้งสุดท้ายในชีวิตยัง
00:28:47 → 00:28:48 เปิดอยู่นะครับใครที่ดูคลิปนี้อยู่แล้ว
00:28:48 → 00:28:51 อยากเรียนลดน้ำหนักกับหมอ 1 นะในกลุ่ม
00:28:51 → 00:28:53 เรียนเนี่ยนะครับหมอ 1 จะเรียงลำดับไว้
00:28:53 → 00:28:55 ให้แล้วเนาะใครที่ไม่อยากลดด้วยตัวเองอ่ะ
00:28:55 → 00:28:56 ก็เข้าไปดูได้เลยนะว่าแต่ละวันเราต้องทำ
00:28:56 → 00:28:59 อะไรบ้าง 1 2 3 4 5 นะครับนะน้ำหนัก
00:28:59 → 00:29:01 เท่านี้ต้องกินโปรตีนประมาณเท่าไหร่หรือ
00:29:01 → 00:29:03 ใครที่อยากเรียนลึกๆเรื่องการแลกแป้ง
00:29:03 → 00:29:05 อย่างวันเนี้ยนะครับหมอ 1 พูดเรื่องการ
00:29:05 → 00:29:07 แลกแป้งไปถูกมั้ยนะใครที่อยากเรียนลึกๆ
00:29:07 → 00:29:09 เรื่องการแลกแป้งน่ะใช้เวลาเรียนหน่อยนะ
00:29:09 → 00:29:11 3-4 บทตรงนั้นน่ะอาจจะใช้เวลานิดนึงแต่
00:29:11 → 00:29:14 เหมือนๆดูซีรียส์ค่อยๆดูไปเรื่อยๆทีละบท
00:29:14 → 00:29:16 ว่าเออเฮ้ยมันสนุกดีจังแล้วบทถัดไปเราจะ
00:29:16 → 00:29:19 แก้ยังไงนะนะครับทักษะพวกเยมันจะติดตัว
00:29:19 → 00:29:21 คุณไปตลอดชีวิต 21 บทนะครับในนั้นที่เป็น
00:29:21 → 00:29:24 บทหลักเนาะเพียงแค่ผ่านไป 13 บทส่วนมาก
00:29:24 → 00:29:26 นักเรียนส่วนใหญ่ที่เรียนกับผมเนี่ย 13
00:29:26 → 00:29:29 บทแรกจะเห็นภาพการลดน้ำหนักชัดเจนละแต่ 1
00:29:29 → 00:29:30 สัปดาห์แรกจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงทัน
00:29:30 → 00:29:33 ทีที่เริ่มเรียนโอเคมยนะเพราะฉะนั้นใคร
00:29:33 → 00:29:34 ที่จะเรียนนะครับถ้าดูจาก Facebook หรือ
00:29:34 → 00:29:36 YouTube ก็ดูรายละเอียดที่อยู่ในลิงก์
00:29:36 → 00:29:38 ปักหมุดทางด้านล่างนะครับหรือจะแอด Line
00:29:38 → 00:29:39 Healthy Hero ไว้ก็ได้นะครับจะมีทีมงาน
00:29:39 → 00:29:42 คอยดูแลตลอดการเข้าเรียนนะครับเนาะบ1ึจะ
00:29:42 → 00:29:43 คอยตอบคำถามอยู่ในกลุ่มด้วยตัวเองด้วย
00:29:44 → 00:29:45 เนาะก็หวังว่าวันนี้จะได้ประโยชน์นะครับ
00:29:45 → 00:29:47 ใครที่เพิ่งมาติดตามอย่าลืมนะครับก่อนจาก
00:29:47 → 00:29:50 การวันนี้กดหัวใจกดแชร์กดติดตามกดกระดิ่ง
00:29:50 → 00:29:52 แจ้งเตือนกดอะไรก็ได้แล้วก็พิมพ์คอมเมนต์
00:29:52 → 00:29:54 คุยกันด้านล่างได้นะครับเดี๋ยวหม 1 มาตอบ
00:29:54 → 00:29:57 นะครับแล้วพบกันคลิปถัดไปนะครับชมคลิปหมอ
00:29:57 → 00:29:58 1 จบแล้วนะครับอย่าลืมกดติดตามเพื่อที่
00:29:58 → 00:30:00 จะได้ไม่พลาดคลิปใหม่ๆจากหมอ 1 นะครับ
00:30:00 → 00:30:02 ส่วนคลิปอื่นๆที่น่าสนใจกดดูจากทางซ้าย
00:30:02 → 00:30:04 มือได้เลยครับส่วนใครที่อยากลดน้ำหนัก
00:30:04 → 00:30:06 ครั้งสุดท้ายในชีวิตในกลุ่มเรียนกับม 1
00:30:06 → 00:30:08 นะครับกดดูรายละเอียดจากทางขวามือหรือดู
00:30:08 → 00:30:09 รายละเอียดจากลิงก์ในคอมเมนต์ได้เลยนะ
00:30:09 → 00:30:13 ครับแล้วพบกันในกลุ่มเรียนนะครับ
00:00:00 → 00:00:02 5 ขั้นตอนนะครับบังคับให้ร่างกายใช้ไข
00:00:02 → 00:00:05 มันแทนน้ำตาลเพื่อลดน้ำหนักนะครับทำยังไง
00:00:06 → 00:00:08 นะครับหลายคนถามมาอยากได้คลิปนี้ดูให้จบ
00:00:08 → 00:00:10 นะครับสวัสดีครับผมหมอ 1 Healthy ฮีโร่
00:00:10 → 00:00:12 นะครับลดน้ำหนักครั้งสุดท้ายในชีวิตคิด
00:00:12 → 00:00:14 ถึงหมอ 1 Healthy ฮีโร่นะครับคราวนี้
00:00:14 → 00:00:17 เนี่ยมีหลายคนที่ดูคลิปของหมอ 1 ในช่อง
00:00:17 → 00:00:18 Facebook และ YouTube แล้วถามคำถามนี้มา
00:00:18 → 00:00:20 ซึ่งมันน่าสนใจมากเลยนะครับก็คือทำยังไง
00:00:20 → 00:00:23 ดีนะคะคุณหมอที่จะให้ร่างกายเราใช้ไขมัน
00:00:23 → 00:00:25 แทนที่จะไปใช้น้ำตาลเนาะหมอหนึ่งเคยพูดไป
00:00:25 → 00:00:27 แล้วว่าระบบพลังงานของคนเราถ้าจะลดน้ำ
00:00:27 → 00:00:29 หนักต้องเข้าใจว่ามันมีใช้ทั้งน้ำตาลและ
00:00:29 → 00:00:32 แป้งแล้วก็ใช้ไขมันถูกมยแต่ถ้าอยากจะใช้
00:00:32 → 00:00:33 ไขมันเยอะๆอ่ะเน้นเรื่องนี้อย่างเดียวเลย
00:00:33 → 00:00:35 เนี่ยต้องทำอะไรบ้างวันนี้หมอเดกเลยเอามา
00:00:35 → 00:00:38 พูดให้ใน 5 ขั้นตอนซึ่งถ้าคุณทำตรงนี้ได้
00:00:38 → 00:00:40 นะยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องออกกำลังกายเลย
00:00:40 → 00:00:42 นะแค่ทำ 5 ขั้นตอนนี้ได้ร่างกายก็พร้อม
00:00:42 → 00:00:44 ใช้ไขมันแล้วนะครับโอเคมั้ยนะครับเพราะ
00:00:44 → 00:00:46 ฉะนั้นมาดูกันนะว่ามีอะไรบ้างนะครับแต่
00:00:46 → 00:00:47 ก่อนอื่นนะครับตามธรรมเนียมนะครับนะก็ขอ
00:00:47 → 00:00:50 แสดงความยินดีกับคนนี้เนี่ยเบอกว่าติดตาม
00:00:50 → 00:00:52 หมอหนึ่งมาแล้วก็ได้ตัดสินใจลองทำตามนะ
00:00:53 → 00:00:55 ครับคนนี้เนี่ยเค้างดน้ำตาลไปเลย 100%
00:00:55 → 00:00:58 กลับไปกินกาแฟดำทั้งๆที่จะแต่ก่อนกินน้ำ
00:00:58 → 00:01:00 ตาลหวานปกติเดี๋ยวจะบอกให้นะครับว่าจริงๆ
00:01:00 → 00:01:02 แล้วเนี่ยคนที่ติดกาแฟเนี่ยเราจะปรับยัง
00:01:02 → 00:01:05 ไงกาแฟอะไรที่ต้องระวังบ้างแล้วถ้ายังติด
00:01:05 → 00:01:07 หวานอยู่เนี่ยแล้วไม่อยากตัดน้ำตาลไปเลย
00:01:07 → 00:01:09 เนี่ยทำยังไงร่างกายถึงจะไปใช้ไขมันได้ดี
00:01:09 → 00:01:11 โดยที่ยังกินกาแฟอร่อยอยู่ด้วยเดี๋ยวตั้ง
00:01:11 → 00:01:14 ใจฟังต่อเนาะนะเริ่มเน้นทานโปรตีนจากพวก
00:01:14 → 00:01:16 เนื้อสัตว์หมูไก่นะแล้วก็มีผักต้มผักหัว
00:01:16 → 00:01:19 ด้วยอ่านะครับนะเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังว่า
00:01:19 → 00:01:22 มันเป็นยังไงผลไม้พวกฝรั่งแก้วมังกรจริงๆ
00:01:22 → 00:01:24 ผลไม้เนี่ยถ้าเลือกผิดเนี่ยจะทำให้คุณไม่
00:01:24 → 00:01:27 ผอมเลยนะแต่ถ้าเลือกถูกนะผมบอกเลยว่ายัง
00:01:27 → 00:01:29 กินผลไม้อร่อยแล้วร่างกายใช้ไขมันได้ด้วย
00:01:29 → 00:01:32 ด้วยแทนที่จะใช้น้ำตาลนะอโอเคมั้ยนะครับ
00:01:32 → 00:01:35 แล้วก็ยังกินครบ 3 มื้อสิ่งที่หลายๆคน
00:01:35 → 00:01:37 พลาดมากๆที่เริ่มต้นลดน้ำหนักคืออะไรรู้
00:01:37 → 00:01:40 มั้ยตัดมื้ออาหารออกโดยที่เข้าใจว่าการ
00:01:40 → 00:01:43 ตัดมื้ออาหารเนี่ยเป็นการทำ If ซึ่งจริงๆ
00:01:43 → 00:01:45 ไม่ใช่ใครที่เคยได้ยินคำว่า If แต่ไม่เคย
00:01:45 → 00:01:47 เข้าใจฟังคลิปนี้ให้ดีๆเดี๋ยวจะรู้ว่า
00:01:47 → 00:01:49 จริงๆไม่จำเป็นต้องตัดมื้ออาหารคนนี้ก็ทำ
00:01:49 → 00:01:52 If เหมือนกันนะครับนะแต่ไม่ได้ตัดอาหาร
00:01:52 → 00:01:54 ออกเลยนะครับอิ่มด้วยเนาะแล้วก็เริ่มลด
00:01:54 → 00:01:57 น้ำหนักไปนะครับจาก 112 เหลือ 99 ภายใน
00:01:57 → 00:02:00 เวลาแค่ 1 เดือนเหลือ 2 หลักเลยนะอยากได้
00:02:00 → 00:02:02 แบบนี้มยอยากได้ฟังให้จบนะครับเนาะเพราะ
00:02:02 → 00:02:04 ฉะนั้นก็ดีใจกับนักเรียนท่านนี้ด้วยนะ
00:02:04 → 00:02:07 ครับนะลดไป 13 กกเนาะคราวนี้มาดูนะ 5
00:02:07 → 00:02:09 ขั้นตอนมีอะไรบ้างก่อนอื่นเราต้องอธิบาย
00:02:09 → 00:02:12 แบบนี้ก่อนว่าระบบพลังงานของเราเนี่ยมัน
00:02:12 → 00:02:14 มีใช้น้ำตาลกับแป้งเป็นหลักแล้วก็ใช้ไข
00:02:14 → 00:02:17 มันเป็นหลักแต่ถ้าใครฟังมาหลายคลิปมากๆจะ
00:02:17 → 00:02:19 รู้ว่าหมอ 1 จะบอกเสมอนะครับว่าถ้าร่าง
00:02:19 → 00:02:22 กายมีน้ำตาลมันจะใช้น้ำตาลก่อนอย่างแรก
00:02:22 → 00:02:24 บางคนบอกเพราะอะไรอ่ะคะคุณหมอคือถ้า
00:02:24 → 00:02:27 อธิบายกันในรายละเอียดที่มันลงลึกไปนะ
00:02:27 → 00:02:30 จริงๆแล้วร่างกายมันใช้น้ำตาลได้ง่ายมาก
00:02:30 → 00:02:32 มีน้ำตาลปั๊บคุณเคยสังเกตมยคนที่เคยเป็น
00:02:32 → 00:02:34 เบาหวานน่ะแล้วน้ำตาลในเลือดต่ำจากการที่
00:02:35 → 00:02:37 บางวันอาจจะกินน้อยแล้วกินยาอยู่ปกติแต่
00:02:37 → 00:02:39 กินข้าวไม่ค่อยได้นะครับนะเพราะฉะนั้นพอ
00:02:39 → 00:02:42 น้ำตาลในเลือดต่ำก็จะใจสั่นพอเให้อมน้ำ
00:02:42 → 00:02:44 หวานปั๊บเป็นไงตื่นเลยเพราะอะไรรู้มั้ย
00:02:44 → 00:02:46 เพราะว่าพวกน้ำตาลเนี่ยมันซึมเข้ากระแส
00:02:46 → 00:02:48 เลือดได้เร็วมากแต่ในขณะที่ไขมันเวลาคุณ
00:02:48 → 00:02:51 จะเผาผลาญมันนะมันต้องผ่านกระบวนการหลาย
00:02:51 → 00:02:53 ชั้นกว่าจะได้เป็นพลังงานออกมาดังนั้นเลย
00:02:53 → 00:02:55 ไม่แปลกว่าทำไมเวลาอ้วนแล้วถึงลดยากนะ
00:02:55 → 00:02:57 ครับถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องระบบพลังงานตรง
00:02:57 → 00:03:00 นี้ดังนั้นหอึงเลยบอกว่าถ้าคุณอยากอยากจะ
00:03:00 → 00:03:02 เปลี่ยนจากการใช้น้ำตาลไปใช้ไขมันเนี่ย
00:03:02 → 00:03:05 มันเลยจะต้องเข้าใจว่าอ๋อจริงๆแล้วสเต็ป
00:03:05 → 00:03:08 ในการลดน้ำหนักเนี่ยมันมีอยู่ 2 สต็ปหลัก
00:03:08 → 00:03:10 ๆนะเอาเข้าใจต้องเข้าใจตรงนี้นะอธิบายแบบ
00:03:10 → 00:03:13 นี้ให้ฟังก่อนนะสเต็ปที่ 1 คือคุณต้อง
00:03:13 → 00:03:16 เปลี่ยนให้ร่างกายของคุณเนี่ยจากที่ใช้
00:03:16 → 00:03:21 น้ำตาลไปใช้ไขมันก่อนถ้าคุณไม่ทำตรงนี้
00:03:21 → 00:03:23 สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรรู้มั้ยเวลาคนเรา
00:03:23 → 00:03:26 ออกกำลังกายเนี่ยนะมักจะคาดหวังว่าฉันออก
00:03:26 → 00:03:29 กำลังกายเยอะๆแล้วฉันจะผอมแต่บางคนเข้า
00:03:29 → 00:03:32 ยิมวันละชั่วโมง 2 ชั่วโมงไม่ผอมเลยเพราะ
00:03:32 → 00:03:34 ไม่เข้าใจว่าร่างกายเนี่ยกำลังใช้แต่น้ำ
00:03:34 → 00:03:37 ตาลกับแป้งอยู่แต่ในขณะที่นักเรียนผมใคร
00:03:37 → 00:03:38 ที่เป็นนักเรียนในกลุ่ม VIP ผมจะรู้เลย
00:03:39 → 00:03:40 ว่าผมสอนเรื่องนี้ตั้งแต่บทแรกๆเลยนะถ้า
00:03:40 → 00:03:42 คุณไม่รู้จักการเปลี่ยนการใช้น้ำตาลให้
00:03:42 → 00:03:44 ร่างกายคุณไปใช้ไขมันก่อนนะคุณออกกำลัง
00:03:44 → 00:03:45 กายให้ตายคุณก็ไม่ผอมหรอกเพราะร่างกายไม่
00:03:45 → 00:03:48 ใช้ไขมันเลยแต่นักเรียนผมแต่ละคนเป็นไง
00:03:48 → 00:03:50 จากน้ำตาลเปลี่ยนมาใช้ไขมันก่อนแล้วหลัง
00:03:50 → 00:03:54 จากนั้นค่อยเปลี่ยนจากไขมันไปเป็นพลังงาน
00:03:54 → 00:03:56 ถ้าคุณทำได้นะคุณจะออกกำลังกายแค่ 10-15
00:03:56 → 00:03:59 นาทีต่อวันเท่านั้นเองแล้วผอมเลยเพราะ
00:03:59 → 00:04:02 อะไรเพราะเพราะทุกนาทีที่คุณออกคุณใช้แต่
00:04:02 → 00:04:04 ไขมันแต่แต่ก่อนเนี่ยคุณออกกำลังกายเป็น
00:04:04 → 00:04:07 ชั่วโมงเลยนะได้พลังงานก็จริงนะแต่ไขมัน
00:04:07 → 00:04:10 เนี่ยเป็นไงไม่หายไปเลยมีแต่น้ำตาลที่หาย
00:04:10 → 00:04:13 ไปโอเคไหนะครับเพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่คุณ
00:04:13 → 00:04:16 ต้องทำนะคือไม่อยากให้ร่างกายใช้น้ำตาล
00:04:16 → 00:04:18 เยอะใช่ไหมอย่ากินเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
00:04:18 → 00:04:21 อ่าไม่แปลกร่างกายมีน้ำตาลเยอะก็ใช้น้ำ
00:04:21 → 00:04:24 ตาลเยอะถูกมเช่นอะไรบ้างอ่าบางคนบอกว่า
00:04:24 → 00:04:26 คุณหมอคะคุณหมอพูดแบบนี้มันง่ายแต่บางที
00:04:26 → 00:04:28 พี่ไม่รู้ว่ามันมีอะไรบ้างนะครับอันที่ 1
00:04:28 → 00:04:30 หมวดกาแฟ
00:04:30 → 00:04:34 ใครที่ชอบกินกาแฟโดยเฉพาะกาแฟ 3 in one
00:04:34 → 00:04:36 ชื่อมันบอกอยู่แล้ว 3 in one 3 ใน 1
00:04:36 → 00:04:39 ใส่อะไรมาบ้างน้ำตาลครีมเทียมถูกมยนะครับ
00:04:39 → 00:04:43 นะมีอะไรอีกอ้านอกจากกาแฟท in one พวก
00:04:44 → 00:04:49 กาแฟใส่ไซหลับอ่ากาแฟใส่ไซหลับใส่อะไรใส่
00:04:49 → 00:04:52 นมกาแฟใส่นมจริงๆกาแฟใส่นมน่ะถ้าคุณเลือก
00:04:52 → 00:04:56 นมถูกนะคุณกินได้นะเช่นอะไรบ้างกาแฟที่
00:04:56 → 00:04:58 ใส่นมที่หมอหนึ่งจะกินนะก็คือกาแฟที่ใส่
00:04:58 → 00:05:01 พวกนมอัลมอนด์นมอัลมอนเนี่ยดีต่อสุขภาพ
00:05:01 → 00:05:03 แต่ปริมาณโปรตีนมันอาจจะไม่ได้เยอะโอเคมย
00:05:03 → 00:05:05 นะครับนะสัดส่วนแต่ละอย่างมันจะไม่ค่อย
00:05:05 → 00:05:07 เยอะแต่มันมีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพใส่
00:05:07 → 00:05:09 ได้แต่ใส่ตอนทำไไม่ได้นะใครที่เคยรู้จัก
00:05:10 → 00:05:12 การทำไน่ะนะครับเราไม่สามารถใส่นมในกาแฟ
00:05:12 → 00:05:15 ตอนทำไได้เนาะแล้วก็มีนมอะไรอีกนมโปรตีน
00:05:15 → 00:05:18 สูงพอได้เพราะว่าพวกเยเขาจะไม่เติมน้ำตาล
00:05:18 → 00:05:19 มาก็จะมีน้ำตาลแค่อยู่ในนมอย่างเดียวก็
00:05:19 → 00:05:22 ถือว่าพอรับได้แต่พวกนมอื่นๆที่บางคนบอก
00:05:22 → 00:05:26 ว่าคุณหมอคะดิฉันเติมนมพร่องมันเนยค่ะถ้า
00:05:26 → 00:05:28 ไปดูฉลากนะนมพร่องมันเนยเนี่ยไขมันไม่มี
00:05:28 → 00:05:31 แต่น้ำตาลปานเบอเลยเเห็นมยพวกเนี้ยคือน้ำ
00:05:31 → 00:05:33 ตาลที่มันสอดแทรกอยู่ที่เราไม่รู้มีอยู่
00:05:33 → 00:05:36 ในไหนอีกที่มีน้ำตาลนะครับนะอ้าอันถัดมา
00:05:36 → 00:05:43 ชาต่างๆชาต่างๆโดยเฉพาะชานมไข่มุกโอ้โห
00:05:43 → 00:05:46 อันเนี้ยสุดยอดเลยนะไข่มุกก็ทำมาจากแป้ง
00:05:46 → 00:05:48 ถูกมยแล้วชานมตรงนั้นน่ะเค้าใส่น้ำตาล
00:05:48 → 00:05:50 เยอะไม่งั้นมันอร่อยมยไม่อร่อยเพราะ
00:05:50 → 00:05:52 ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้กาแฟให้เปลี่ยนไปเป็น
00:05:52 → 00:05:56 พวกกาแฟดำส่วนพวกชาให้เปลี่ยนไปเป็นพวกชา
00:05:56 → 00:06:00 เขียวหรือชาดำเลยที่ไม่มีน้ำตาลและดีที่
00:06:00 → 00:06:02 สุดเลยถ้าบางคนไม่กินชาไม่กินกาแฟอยู่
00:06:02 → 00:06:05 แล้วนะครับก็คือพวกน้ำเปล่าโอเคมน้ำเปล่า
00:06:05 → 00:06:07 ชากาแฟดำน้ำเปล่าชากาแฟดำท่องไว้แบบนี้
00:06:07 → 00:06:10 เลยนะครับเนาะและน้ำเปล่าสำคัญกับการลด
00:06:10 → 00:06:13 น้ำหนักมากๆนะคนที่ลดน้ำหนักได้ช้าส่วน
00:06:13 → 00:06:16 นึงเป็นเพราะติดนิสัยไม่ค่อยกินน้ำถามว่า
00:06:16 → 00:06:18 ทำไมน้ำถึงสำคัญกับการลดน้ำหนักมากๆใน
00:06:18 → 00:06:21 ร่างกายของคนเราเนี่ย 100% มีน้ำเป็นส่วน
00:06:21 → 00:06:24 ประกอบอยู่ 60-70 per หมายความว่าอะไร
00:06:24 → 00:06:26 ครับคุณหมอผมหมายความว่าถ้าคุณน้ำหนัก
00:06:26 → 00:06:30 10070 กกเป็นน้ำหนักของน้ำนแสดงว่ามัน
00:06:30 → 00:06:32 อยู่ในเซลล์ต่างๆของร่างกายคุณหมดเลยถูก
00:06:32 → 00:06:35 มยเลือดก็เป็นน้ำถูกมยนะครับเพราะฉะนั้น
00:06:35 → 00:06:37 การที่คุณมีน้ำในร่างกายไม่เพียงพอเนี่ย
00:06:37 → 00:06:40 มันจะทำให้ร่างกายของคุณขาดน้ำแล้วเซลล์
00:06:40 → 00:06:42 ต่างๆทำงานได้ไม่เต็มที่มันเหมือนเครื่อง
00:06:42 → 00:06:44 จักรอ่ะมันจะรันได้มันต้องมีน้ำมัน
00:06:44 → 00:06:46 เครื่องหล่อลื่นถูกมยนะครับแล้วคุณคิดดู
00:06:46 → 00:06:48 ว่าวันนึงคุณสูญเสียน้ำไปเท่าไหร่นะสูญ
00:06:48 → 00:06:50 เสียจากการหายใจอ่าเป็นระเหยเป็นจากการ
00:06:50 → 00:06:53 หายใจสูญเสียทางเหงื่อสูญเสียทางปัสสาวะ
00:06:53 → 00:06:55 เยอะที่สุดเลยถูกมั้ยสูญเสียทางอุจจาระ
00:06:55 → 00:06:57 เพราะฉะนั้นพวกเนี้ยรวมๆกันแล้วเนี่ยต่อ
00:06:58 → 00:07:00 วันเนี่ยเราจะขาดน้ำออกทางช่องทางต่างๆ
00:07:00 → 00:07:02 เนี่ยประมาณ 1.5 -2 ลิตรดังนั้นบางคนกิน
00:07:02 → 00:07:05 น้ำยังไม่ได้ 1.5 -2 ลิตรต่อวันเพราะ
00:07:05 → 00:07:07 ฉะนั้นร่างกายก็ขาดน้ำพอขาดน้ำร่างกายก็
00:07:07 → 00:07:09 ทำงานได้ไม่ดีนี่คือเหตุผลว่าทำไมเ้าชอบ
00:07:09 → 00:07:11 พูดว่าให้กินน้ำวันนึงให้ได้ 6-8 แก้ว
00:07:11 → 00:07:14 เพราะ 6-8 แก้วมันปริมาณประมาณ 1.5 -2
00:07:14 → 00:07:17 ลิตรเพื่อชดเชยสิ่งที่เราขาดหายไปโอเคมย
00:07:17 → 00:07:19 นะครับเนาะเพราะฉะนั้นน้ำเปล่า 1.5 -2
00:07:19 → 00:07:21 ลิตรอันเนี้ยเป็นสิ่งที่ควรทำได้นะครับ
00:07:21 → 00:07:24 โดยที่ถ้าไม่ได้มีข้อจำกัดนะบางคนเป็นโรค
00:07:24 → 00:07:26 ไตวายไปแล้วบางคนเป็นโรคหัวใจต้องจำกัด
00:07:26 → 00:07:28 น้ำอันนั้นก็ต้องจำกัดแต่คนปกติที่ไม่ได้
00:07:28 → 00:07:30 มีโรคประจำตัวแบบนั้นน่ะกินได้เลยแบบนี้
00:07:30 → 00:07:32 โอเคมยแล้วเวลาเราออกกำลังกายถ้าเราออก
00:07:32 → 00:07:34 กำลังกายแล้วเราเสียเหงื่อเยอะเราก็ต้อง
00:07:34 → 00:07:36 กินน้ำเติมกลับเข้าไปแค่นั้นเองนะครับ
00:07:36 → 00:07:38 คราวนี้มันจะมีอีกบางอันที่เป็นเครื่อง
00:07:38 → 00:07:40 ดื่มที่มีน้ำตาลแต่หลายคนเนี่ยไม่ค่อย
00:07:40 → 00:07:45 เข้าใจนะครับเช่นอะไรบ้างเช่นนมเปรี้ยวนม
00:07:45 → 00:07:49 เปรี้ยวน้ำผลไม้โอ้โห 2 อันนี้เนี่ยสุดๆ
00:07:49 → 00:07:52 เลยนะใครที่เคยเห็นนมเปรี้ยวนะเราจริงๆ
00:07:52 → 00:07:54 เรากินนมเปรี้ยวอ่ะเราอยากได้วิตามินถูก
00:07:54 → 00:07:56 มั้ยเราอยากได้ใยอาหารแต่ถ้าใครไปเปิด
00:07:56 → 00:07:59 ข้างกล่องดูนะใยอาหารูพูดง่ายๆไม่มีใย
00:07:59 → 00:08:02 อาหารเลยมีแต่น้ำตาลอย่างเดียวน้ำผลไม้
00:08:02 → 00:08:04 กล่องก็เหมือนกันส่วนใหญ่ใยอาหารไม่มีเลย
00:08:04 → 00:08:07 ถ้าจะกินน้ำผลไม้กล่องกินน้ำผลไม้ปั่น
00:08:07 → 00:08:09 หรือคั้นยังจะดีกว่ามันยังมีใยอาหารอยู่
00:08:09 → 00:08:11 บ้างแต่ถ้าสมมุติว่าดีที่สุดเลยคือกิน
00:08:11 → 00:08:14 ผลไม้ที่เป็นลูกๆโอเคไหนะครับเนาะเพราะ
00:08:14 → 00:08:16 ฉะนั้นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทั้งหมดพวก
00:08:16 → 00:08:18 เนี้ยพยายามเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าชากาแฟดำ
00:08:18 → 00:08:21 ดีที่สุดละหรือบางคนบอกว่าคุณหมอคะพี่กิน
00:08:21 → 00:08:26 กาแฟดำไม่ไหวใส่สิ่งที่เราเรียกว่าสารให้
00:08:26 → 00:08:29 ความหวานได้มยอ่าสารให้ความหวานใส่ได้มย
00:08:29 → 00:08:31 ใส่ได้ครับถ้าให้หมอหนึ่งแนะนำนะอันที่ 1
00:08:31 → 00:08:34 ก็คือพวกที่เป็นหญ้าหวานแต่ใส่แค่พอให้
00:08:34 → 00:08:36 ได้รสชาตินะไม่ใช่ว่าเราเติมเข้าไปเพื่อ
00:08:36 → 00:08:39 ที่จะได้กลับไปติดหวานเหมือนเดิมลิ้นคน
00:08:39 → 00:08:42 เราเนี่ยสำคัญมากๆใครที่ตอนนี้ยังกินของ
00:08:42 → 00:08:44 หวานจนชินนะคุณลองหยุดสัก 3 วันแล้วไปกิน
00:08:44 → 00:08:46 กาแฟดำเอาเคดกาแฟอย่างเดียวเลยนะแล้วกลับ
00:08:47 → 00:08:50 ไปกินม็อค่ากลับไปกินลาเต้คาปูชิโน่ใหม่
00:08:50 → 00:08:52 คุณจะรู้เลยว่าลิ้นคุณมันจะต่อต้านเฮ้ย
00:08:52 → 00:08:54 ทำไมมันหวานมากเลยบางคนกินแล้วเวียนหัว
00:08:54 → 00:08:56 เลยมีใครเคยเป็นมั้ยตัดหวานเสร็จปั๊บอีก 3
00:08:56 → 00:08:58 วันกลับมากินเวียนหัวเลยเพราะว่าร่างกาย
00:08:58 → 00:09:00 เราไม่ชินกับการติดหวานแล้วลิ้นเราเริ่ม
00:09:00 → 00:09:03 รับรสได้ดีขึ้นแต่ปกติคนที่กินหวานอยู่
00:09:03 → 00:09:05 แล้วเนี่ยมันจะต้องกินหวานขึ้นไปเรื่อยๆ
00:09:05 → 00:09:06 เพราะว่าอะไรเพราะว่าลิ้นมันเคยชินกับ
00:09:07 → 00:09:09 ระดับความหวานที่เป็นแบบเนี้ยหมอ1ึไปกิน
00:09:09 → 00:09:10 อาจจะบอกว่ามันหวานมากแต่คุณกินทุกวันคุณ
00:09:10 → 00:09:13 รู้สึกว่ามันปกตินะครับเนาะอีกอันนึงที่
00:09:13 → 00:09:15 ใช้ได้มีอะไรบ้างอีกนะครับนะก็มีอันที่
00:09:15 → 00:09:19 เรียกว่าอิออ่าอิอก็ใช้ได้ส่วนใหญ่จะใช้
00:09:19 → 00:09:21 ในขนมแล้วก็พวกสารสกัดหล่อังกล้วยพวกเได้
00:09:21 → 00:09:25 หมดเลยนะครับแต่ใช้แค่เพื่อให้ได้ความ
00:09:25 → 00:09:29 หวานในช่วงที่เรากำลังลดหวานลงโอเคปป่า
00:09:29 → 00:09:31 ส่วนใครที่ทำอออยู่ช่วงทำออจริงๆพวกนี้ก็
00:09:31 → 00:09:33 ใช้ได้แต่ถ้าถามหมอ 1 นะหมอ 1 ไม่ใช้
00:09:33 → 00:09:36 เพราะอะไรรู้มยมันจะทำให้คุณติดหวานลิ้น
00:09:36 → 00:09:38 เราจะติดหวานแล้วสุดท้ายพอเราหาพวกสารให้
00:09:38 → 00:09:40 ความหวานไม่ได้แล้วเราโหยมากๆเราก็ต้อง
00:09:40 → 00:09:42 กลับไปกินของหวานเหมือนเดิมนะครับเนาะ
00:09:42 → 00:09:44 เพราะฉะนั้นอันที่ 1 ตัดเครื่องดื่มที่มี
00:09:44 → 00:09:46 น้ำตาลทิ้งไปก่อนร่างกายมีน้ำตาลน้อยลง
00:09:46 → 00:09:49 มันจะถึงจะไปยอมใช้ไขมันมากขึ้นนะเราถึง
00:09:49 → 00:09:51 จะบังคับให้ร่างกายใช้ไขมันได้ข้อที่ 2
00:09:51 → 00:09:54 อ้าเมื่อกี้เราพูดถึงเครื่องดื่มที่มีน้ำ
00:09:54 → 00:09:57 ตาลแล้วพูดถึงน้ำผลไม้ใช่มยข้อที่ 2
00:09:57 → 00:10:01 ผลไม้ข้อนี้สำคัญมากคนส่วนใหญ่ลดน้ำหนัก
00:10:01 → 00:10:02 ไม่ได้เพราะข้อนี้เพราะบ้านเราเนี่ย
00:10:02 → 00:10:04 ประเทศไทยโดยเฉพาะผู้หญิงใช่มั้ยผลไม้มัน
00:10:04 → 00:10:06 หากินง่ายนะครับ
00:10:06 → 00:10:12 ผลไม้ที่เราเลือกจะต้องเป็นผลไม้รสไม่
00:10:12 → 00:10:16 หวานผลไม้รสไม่หวานผลไม้รสหวานจำไว้เลยนะ
00:10:16 → 00:10:18 ครับอะไรที่กินแล้วหวานอันนั้นหวานหมดแต่
00:10:18 → 00:10:21 ถ้าเราสัมผัสได้นะลูกเล็กๆแล้วหวานจัดๆ
00:10:21 → 00:10:24 อันนั้นน่ะคือผลไม้ที่ไม่ควรกินเช่นร่อง
00:10:24 → 00:10:27 กองมีอะไรอีกที่กินเป็นเม็ดๆพวงๆแล้วหวัน
00:10:27 → 00:10:32 มากๆอ้าวลิ้นจี่ลิ้นจี่อะไรอีกลำไยลำไย
00:10:32 → 00:10:36 พวกเนี้ยหวานมากๆไม่ควรโอเคมนะครับแล้ว
00:10:36 → 00:10:38 ถ้าพูดถึงอันที่เรากินได้บ้างล่ะอ่าที่
00:10:38 → 00:10:41 เรากินได้ก็มีนะครับนะพวกกลุ่มตระกูลที่
00:10:41 → 00:10:43 เป็นเบอร์รี่ทั้งหลายสตรอเบอร์รี่
00:10:43 → 00:10:47 บลูเบอร์รี่ได้หมดโอเคมถ้าลงท้ายด้วย
00:10:47 → 00:10:50 เบอร์รี่พวกนี้กินได้น้ำตาลน้อยชมพู่กิน
00:10:50 → 00:10:52 ได้แล้วผลไม้อย่างอื่นจริงๆไม่ใช่ว่ากิน
00:10:52 → 00:10:56 ไม่ได้นะครับกินได้แต่หมอหนึมีย้ำคำว่า
00:10:56 → 00:10:59 แต่นะในปริมาณที่เหมาะสมไม่มีนะครับคนที่
00:10:59 → 00:11:02 บอกว่ากินผลไม้เท่าไหร่ก็ได้แล้วชีวิต
00:11:02 → 00:11:04 สุขภาพดีเป็นไปไม่ได้อาหารทุกอย่างบนโลก
00:11:04 → 00:11:07 นี้มันมีปริมาณที่เหมาะสมของมันหมอ1ึไม่
00:11:07 → 00:11:08 เคยบอกว่าคุณจะกินเนื้อสัตว์เท่าไหร่ก็
00:11:08 → 00:11:11 ได้คุณจะกินผักเท่าไหร่ก็ได้คุณจะกิน
00:11:11 → 00:11:14 ผลไม้เท่าไหร่ก็ได้น้ำหนักของแต่ละคนมัน
00:11:14 → 00:11:17 มีปริมาณที่เหมาะสมอยู่โอเคยนะครับถ้าใคร
00:11:17 → 00:11:19 อยากเรียนรู้เรื่องนี้เพิ่มเติมให้ไปลอง
00:11:19 → 00:11:23 เสิร์ชคำว่าดัชนีน้ำตาลอ่าดัชนีน้ำตาลนะ
00:11:23 → 00:11:25 เดี๋ยวไว้ถ้ามีเวลาจะเอามาทำเรื่องนี้
00:11:25 → 00:11:28 เพิ่มให้นะครับดัชนีน้ำตาลหรือค่า GI มัน
00:11:28 → 00:11:30 ย่อมาจากคำว่าไกลไมิ index จำชื่อจริงไม่
00:11:30 → 00:11:34 ได้ช่างมันนะครับแต่ไกลซีมิกไกลซีนคือน้ำ
00:11:34 → 00:11:36 ตาล index คือดัชนีดัชนีน้ำตาลคือค่าที่
00:11:36 → 00:11:38 บอกว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรากินไอ้สิ่ง
00:11:38 → 00:11:40 นั้นเข้าไปแล้วมันจะทำให้น้ำตาลในเลือด
00:11:40 → 00:11:43 ของเราอ่ะสูงขึ้นเร็วหรือช้าถ้าค่า GI
00:11:43 → 00:11:46 สูงหมายความว่ากินแป๊บเดียวน้ำตาลพุ่ง
00:11:46 → 00:11:48 กระฉูดปี๊ดเลยเช่นอะไรเช่นพวกข้าวข้าวขาว
00:11:48 → 00:11:51 ข้าวเหนียวกินปั๊บน้ำตาลพุ่งกระฉูดเลยขนม
00:11:51 → 00:11:55 ปังสีขาวพวกเยนะครับแต่ถ้าค่า GI ต่ำๆนะ
00:11:55 → 00:11:58 นะกินเสร็จปั๊บร่างกายย่อยช้าดูดซึมน้ำ
00:11:58 → 00:12:00 ตาลช้าพวกนี้ก็จะทำให้คุณลดน้ำหนักได้ดี
00:12:00 → 00:12:02 กว่านะครับเพราะฉะนั้นถ้าอยากรู้ว่าผลไม้
00:12:02 → 00:12:05 อะไรบ้างที่กินได้เสิร์คำว่าดัชนีน้ำตาล
00:12:05 → 00:12:07 โอเคมยแล้วก็พวกผลไม้ที่น้ำเยอะจริงๆก็
00:12:07 → 00:12:10 กินได้นะแตงโมเเนี่ยบางคนไปเสิร์ชดูดัชนี
00:12:10 → 00:12:12 น้ำตาลอาจจะสูงหน่อยแต่มันเป็นผลไม้ที่มี
00:12:12 → 00:12:14 น้ำเยอะเพราะฉะนั้นแตงโมก็กินได้แต่กินใน
00:12:14 → 00:12:16 เสี้ยวที่ไม่ใช่กินเอาอิ่มอ่ะคนเราเวลา
00:12:17 → 00:12:19 มันจะอิ่มเนี่ยมันจะอิ่มจากโปรตีนไม่ได้
00:12:19 → 00:12:22 อิ่มจากแป้งกับน้ำตาลน้ำตาลกินเท่าไหร่ก็
00:12:22 → 00:12:24 ไม่อิ่มคุณลองสังเกตนะพวกที่มันมีรสหวาน
00:12:24 → 00:12:26 น่ะคุณกิน 8:00 นเดี๋ 10:00 นคุณก็หิวอีก
00:12:26 → 00:12:28 แล้วเพราะอะไรเพราะน้ำตาลในเลือดคุณมันจะ
00:12:28 → 00:12:31 แกว่งขึ้นแกว่งลงแบบนี้พอครูกินน้ำตาลไป
00:12:31 → 00:12:33 น้ำตาลสูงแป๊บนึงเดี๋ยวร่างกายก็ดึงน้ำ
00:12:33 → 00:12:35 ตาลกลับไปเก็บเพราะไม่อยากเป็นเบาหวานแต่
00:12:35 → 00:12:37 เวลาเก็บมันไม่ได้เก็บธรรมดามันเอาไปเก็บ
00:12:37 → 00:12:39 หมดเลยเพราะฉะนั้นน้ำตาลก็อยู่ต่ำกว่า
00:12:39 → 00:12:41 เกณฑ์ที่ร่างกายอยากได้ร่างกายก็เลยโหย
00:12:41 → 00:12:43 แล้วก็อยากกินอันนี้คืออาการโหยโหยน้ำตาล
00:12:43 → 00:12:45 โอเคมยนะครับเนาะเพราะฉะนั้นอันนี้คือ
00:12:45 → 00:12:48 เรื่องของผลไม้แล้วก็สังเกตง่ายๆผลไม้สุก
00:12:48 → 00:12:51 จะหวานกว่าผลไม้ดิบด้วยเหตุผลอะไรคะคุณ
00:12:51 → 00:12:54 หมอปกติไอ้ผลไม้ดิบมันมีแป้งเยอะน้ำตาล
00:12:54 → 00:12:56 น้อยแต่พอทิ้งไว้นานๆแล้วมันบ่มอยู่ใน
00:12:56 → 00:12:59 นั้นเนี่ยแป้งมันจะถูกย่อยกลายเป็นน้ำตาล
00:12:59 → 00:13:01 ด้วยพวกน้ำย่อยที่อยู่ในผลไม้เพราะฉะนั้น
00:13:01 → 00:13:03 พอแป้งย่อยเป็นน้ำตาลปั๊บจากมะม่วงดิบ
00:13:03 → 00:13:05 กลายเป็นมะม่วงสุกมะม่วงสุกเลยหวานเพราะ
00:13:05 → 00:13:08 น้ำตาลเยอะแป้งน้อยแต่มะม่วงดิบแป้งเยอะ
00:13:08 → 00:13:11 น้ำตาลน้อยโอเคไหมนะครับเนาะนะอ่ะเพราะ
00:13:11 → 00:13:14 ฉะนั้นพวกผลไม้อันที่ 2 เนาะถัดมานะครับ
00:13:14 → 00:13:18 อันที่ 3 อะไรที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ลด
00:13:18 → 00:13:20 เพราะเราอยากจะสลับระบบพลังงานจากน้ำตาล
00:13:20 → 00:13:22 ไปใช้ไขมันถูกป่าเพราะฉะนั้นอะไรที่
00:13:22 → 00:13:25 เปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ต้องลดลงก่อนสิ่งที่
00:13:25 → 00:13:28 เปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้สิ่งนั้นเราเรียกว่า
00:13:28 → 00:13:31 แป้งอ่าเราเรียกว่าแป้งนะครับหรือบางคนจะ
00:13:31 → 00:13:36 เรียกว่าขาบหรือบางคนจะเรียกว่าคาร
00:13:36 → 00:13:40 โบไฮเดรตก็ได้อ่าพวกเนี้ยนะครับพวกเเรา
00:13:40 → 00:13:42 เรียกว่าแป้งหมดเลยใครที่อยู่ในกลุ่ม
00:13:42 → 00:13:44 เรียนลดน้ำหนักของหมอ 1 นะครับให้ไปทบทวน
00:13:44 → 00:13:47 บทที่ 5 ถึงบทที่ 8 เพราะการแลกแป้งสำคัญ
00:13:47 → 00:13:49 มากแต่คนที่เพิ่งมาเจอหมอ 1 แล้วเพิ่ง
00:13:49 → 00:13:52 เริ่มต้นลดน้ำหนักเวลาที่เราเริ่มต้นลด
00:13:52 → 00:13:54 น้ำหนักเอาง่ายๆก่อนให้เราเริ่มเบื้องต้น
00:13:54 → 00:13:57 ให้ได้ก่อนเราจะได้มีกำลังใจในการไปต่อ
00:13:57 → 00:13:59 ถูกมยเพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้คือตัด
00:13:59 → 00:14:02 ปริมาณมันก่อนนึกอะไรไม่ออกอันที่ 1 ลด
00:14:03 → 00:14:06 ปริมาณลงครึ่งนึงได้มยอ่าลดปริมาณลง 1/2
00:14:06 → 00:14:09 ได้มเคยกินข้าว 2 ทัพพีเหลือ 1 ทัพพีได้
00:14:09 → 00:14:13 มยเคยกินขนมปัง 2 แผ่นเหลือ 1 แผ่นได้ม
00:14:13 → 00:14:16 เคยกินผลไม้ 10 ชิ้นเหลือ 5 ชิ้นได้มยเคย
00:14:16 → 00:14:18 เห็นภาพมยนะครับคือบางคนบอกว่าเอผลไม้
00:14:18 → 00:14:20 เกี่ยวด้วยหรอคุณหมออต้องบอกแบบนี้นะครับ
00:14:20 → 00:14:22 ว่าจริงๆพวกแป้งเนี่ยมันได้เกี่ได้แก่
00:14:22 → 00:14:25 อะไรบ้างมันได้แก่พวกข้าวพวกเส้นบางคนชอบ
00:14:25 → 00:14:27 กินก๋วยเตี๋ยวมากแล้วเพิ่มเส้นถูกมั้ย
00:14:27 → 00:14:29 แล้วก็ต้องลดเส้นลงเพเส้นก็เป็นแป้งย่อย
00:14:29 → 00:14:31 เสร็จก็เป็นน้ำตาลถูกมยเพราะฉะนั้นได้แก่
00:14:31 → 00:14:35 พวกข้าวเส้นขนมปังผักหัวทั้งหลายแล้วก็
00:14:35 → 00:14:38 พวกผลไม้ต่างๆพวกนี้เป็นแป้งหมดเลยให้ลด
00:14:38 → 00:14:40 ปริมาณจากที่เคยกินลงครึ่งนึงอีกอันนึง
00:14:40 → 00:14:43 ที่เจอบ่อยก็คือนมนะนมก็เป็นแป้งแบบนึงนะ
00:14:43 → 00:14:45 ครับเด็กไทยเนี่ยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยไม่
00:14:45 → 00:14:48 ค่อยได้อ้วนจากพวกอาหารหรอกแต่มักจะอ้วน
00:14:48 → 00:14:51 จากพวกน้ำอัดลมกับนมผมเคยเห็นเด็กบางคนน
00:14:51 → 00:14:53 บาปรึกษาบอกว่าคุณหมอคะลูกอ้วนมากเลยอยาก
00:14:53 → 00:14:56 ลดน้ำหนักทำยังไงดีคือเด็กเจะมีกิจกรรม
00:14:56 → 00:14:58 ทางกายอยู่แล้วใครที่ที่บ้านมีเด็กลอง
00:14:58 → 00:15:01 สังกสังเกตดีๆนะครับเด็กเพร้อมจะลดไขมัน
00:15:01 → 00:15:03 อยู่แล้วแต่หลักๆเี่มักจะเสียที่การกิน
00:15:03 → 00:15:06 โดยเฉพาะพวกอะไรที่น้ำตาลกับแป้งเยอะนม
00:15:06 → 00:15:09 บางคนกินทีเนี่ยกิน 6 กล่องต่อวันมันเยอะ
00:15:09 → 00:15:12 เกินไปนะหรือบางคนกินข้าวเติมแล้วเติมอีก
00:15:12 → 00:15:15 เพราะว่าคนแต่ก่อนเขาสอนกันมาว่ากินข้าว
00:15:15 → 00:15:18 เยอะๆจะได้โตไวๆไม่นะครับนะถ้ากล้ามเนื้อ
00:15:18 → 00:15:20 จะเติบโตกระดูกจะเติบโตต้องมีโปรตีนที่
00:15:20 → 00:15:23 เหมาะสมไม่ใช่กินแป้งเข้าไปเยอะๆแล้วไม่
00:15:23 → 00:15:25 ได้ใช้อันนั้นอาจจะเป็นเด็กอ้วนไม่ค่อยดี
00:15:25 → 00:15:27 เนาะโอเคมยนะครับเพราะฉะนั้นลดปริมาณลง
00:15:27 → 00:15:30 ครึ่งนึงอีกเทคนิอีกนึงที่หมอหนึ่งบอกนะ
00:15:30 → 00:15:33 ครับนะคุณอาจจะยังไม่รู้ว่ามันมีวิธีแลก
00:15:33 → 00:15:36 แป้งอะไรกับอะไรบ้างในปริมาณเท่าไหร่เนาะ
00:15:36 → 00:15:40 แต่ให้รู้ไว้ว่าเอาง่ายๆแบบนี้เราจะไม่
00:15:40 → 00:15:43 กินแป้งอย่างเดียวกันในมื้อเดียวกันอ่า
00:15:43 → 00:15:46 หมายความว่าอะไรครับคุณหมอหมายความว่า
00:15:46 → 00:15:48 สมมุติเช้านี้คุณเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ
00:15:48 → 00:15:51 แล้วเมักจะวางไอ้กล้วยหอมอ่ะใช่มั้ยอ่า
00:15:51 → 00:15:54 แล้วก็มีแซนวิชด้วยแล้วก็หยิบแซนวิชแล้ว
00:15:54 → 00:15:56 ก็หยิบกล้วยหอมแบบเไม่ดีที่มันไม่ดีเพราะ
00:15:56 → 00:15:59 อะไรที่มันไม่ดีเพราะว่าแซนวิชก็เป็นแป้ง
00:15:59 → 00:16:03 ใครขนมปังก็เป็นแป้งกล้วยก็เป็นแป้งกิน
00:16:03 → 00:16:05 แซนวิชแล้วก็กินกล้วยด้วยถ้าใครที่เรียน
00:16:05 → 00:16:08 กับหม 1 มาจะรู้ว่าแซนวิชมีขนมปัง 2 แผ่น
00:16:08 → 00:16:11 แป้ง 2 ส่วนกล้วยหอมลูกนึงใหญ่ๆแป้งอีก 2
00:16:11 → 00:16:13 ส่วนรวมกันเป็น 4 ส่วนมื้อเดียวได้แป้งไป
00:16:13 → 00:16:16 4 ส่วนแล้วกินอย่างงี้ 3 มื้อแป้ง 12
00:16:16 → 00:16:18 ส่วนเยอะระเบิดระเบ้อเลยถูกมยนะครับเพราะ
00:16:18 → 00:16:21 ฉะนั้นถ้าไม่รู้อะไรเลยยังนับแป้งยังแลก
00:16:21 → 00:16:24 แป้งไม่เป็นอยกินแป้งหลายชนิดใน 1 มื้อ
00:16:24 → 00:16:26 ให้กินแป้งแค่ชนิดเดียวแล้วลดปริมาณลง
00:16:27 → 00:16:29 เช่นหมอหนึ่งบอกว่าหน้านี้หน้าทุเรียนอ่า
00:16:29 → 00:16:32 นักเรียนผมอยากกินทุเรียนผมบอกว่าได้สิ
00:16:32 → 00:16:34 ครับอยากกินทุเรียนน่ะแต่ว่าแลกแป้งนะเอา
00:16:34 → 00:16:37 งี้ได้มยตอนเช้าอยากกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง
00:16:37 → 00:16:39 อ่ะแต่ว่าทุเรียนก็อยากกินด้วยอ่ะข้าว
00:16:39 → 00:16:42 เหนียวก็แป้งทุเรียนก็แป้งเลือกแป้งสัก
00:16:42 → 00:16:44 อย่างนึงเป็นคุณคุณจะเลือกอะไรครับหมู
00:16:44 → 00:16:46 ปิ้งข้าวเหนียวหรือทุเรียนหมูปิ้งนัก
00:16:46 → 00:16:48 เรียนผมเลือกทุเรียนหมูปิ้งนะมันไม่แปลก
00:16:48 → 00:16:50 ถูกมยเพราะจริงๆแล้วไอ้ข้าวเหนียวกับทุ
00:16:50 → 00:16:52 ข้าวเหนียวกับหมูปิ้งมันถูกเอามาจับคู่
00:16:52 → 00:16:54 กันเฉยๆจริงๆเรากินหมูปิ้งอย่างเดียวก็
00:16:54 → 00:16:57 ได้แต่เราไปเอาแป้งจากทุเรียนแทนเห็นป่ะ
00:16:57 → 00:16:59 การเลือกแบบเยจะทำให้เรากินได้ทุกอย่าง
00:16:59 → 00:17:01 ที่เราอยากกินไม่จำเป็นจะต้องมานั่งจำกัด
00:17:01 → 00:17:03 จำเขี่ยว่าอันนั้นกินไม่ได้อันนี้กินไม่
00:17:03 → 00:17:04 ได้ทุกอย่างกินได้หมดแต่แต่ต้องมีความรู้
00:17:04 → 00:17:07 เฉยๆเพราะฉะนั้นลองใช้เทคนิคนี้ดูไม่กิน
00:17:07 → 00:17:09 แป้งซ้ำซ้อนหรือเทคนิคที่บันหนึเคยสอนใน
00:17:09 → 00:17:12 กลุ่มคืนแรกแป้งไปทบวนบทที่ 5 ถึงบทที่ 8
00:17:12 → 00:17:13 นะใครที่อยู่ในกลุ่มเรียนนะครับเนาะอัน
00:17:13 → 00:17:16 นี้อันที่ 3 นะลดปริมาณมันลงถัดมานะครับ
00:17:16 → 00:17:19 เทคนิคที่ 4 เทคนิคที่ 4 ทำยังไงร่างกาย
00:17:19 → 00:17:22 ถึงจะไม่ใช้น้ำตาลแล้วไปใช้ไขมันน่าเมื่อ
00:17:22 → 00:17:26 กี้พูดถึงเรื่องปริมาณคราวนี้เราจะพูดถึง
00:17:26 → 00:17:29 ชนิดของแป้งบ้างชนิดของแป้งแป้งจริงๆ
00:17:29 → 00:17:32 เนี่ยมันมีอยู่ 2 ชนิดหลักๆนะครับคือชนิด
00:17:32 → 00:17:35 ที่เราเรียกว่าเชิงเดี่ยวกับแป้งที่เป็น
00:17:35 → 00:17:39 เชิงซ้อนหมายความว่าอะไรคะคุณหมอแป้งเชิง
00:17:39 → 00:17:42 เดี่ยวเนี่ยมันคือแป้งที่พูดง่ายๆเลยแป้ง
00:17:42 → 00:17:45 ที่มีสีขาวผ่านกระบวนการการขัดสีอะไรมา
00:17:45 → 00:17:49 หมดแล้วขัดยังไงบ้างเอาเปลือกออกถูกมยขัด
00:17:49 → 00:17:51 เอาใยอาหารออกเพราะฉะนั้นได้แก่พวกขนมปัง
00:17:51 → 00:17:54 ขาวทั้งหลายพวกเส้นแป้งสาลีทั้งหลายข้าว
00:17:55 → 00:17:57 ขาวพวกเนี้ยนะแต่ถ้าเป็นพวกเชิงซ้อน
00:17:57 → 00:18:00 คีย์เวิร์ดเดียวเลยคือคำคำว่าใยอาหารใคร
00:18:00 → 00:18:03 ที่ฟังแล้วหลายๆรอบนะฟังซ้ำมันจะจดจำได้
00:18:03 → 00:18:05 โดยที่คุณไม่ต้องจดเลยนะหลายๆคลิปเนี่ย
00:18:05 → 00:18:08 หมอหนึ่งก็จะพูดอยู่อย่างเงี้ยซ้ำๆบางที
00:18:08 → 00:18:10 เราฟังรอบเดียวเราจำไม่ได้บางคนจำได้แต่
00:18:10 → 00:18:13 ยังไม่เชื่อว่าเฮ้ยมันได้จริงๆหรอบางคน
00:18:13 → 00:18:15 ฟังคลิปหมอหนมา 5 คลิ๊ปกว่าจะเริ่มลงมือ
00:18:15 → 00:18:17 ทำอ่ะเพราะอะไรตอนนั้นใจเรามันยังไม่
00:18:17 → 00:18:20 เชื่อว่ามันเป็นไปได้แต่ผมบอกเลยว่าเมื่อ
00:18:20 → 00:18:22 ไหร่ก็ตามที่คุณเริ่มเชื่อแล้วนะคุณจะลด
00:18:22 → 00:18:24 น้ำหนักได้ติดจรวดมากๆแล้วสุดท้ายคุณจะ
00:18:25 → 00:18:27 สุขภาพดีแบบที่คุณไม่เคยคิดเลยว่าชีวิต
00:18:27 → 00:18:30 นี้จะมีได้โอเคมยนะครับเนาะแต่บางคนบอก
00:18:30 → 00:18:32 ว่าเราหาไม่ได้อ่ะค่ะคุณหมอข้าวแป้งเชิง
00:18:32 → 00:18:36 เดี่ยวทำยังไงดีคะก็กินข้าวสินะกินข้าว
00:18:36 → 00:18:39 ขาวสิแต่บวกผักได้มยเพราะผักเราก็มีใย
00:18:39 → 00:18:42 อาหารถูกเ่าหรือบางทีแลกแป้งแบบข้อเมื่อ
00:18:42 → 00:18:45 กี้ได้มยมีข้าวขาวถ้าต้องเทียบกับการที่
00:18:45 → 00:18:48 เราจะกินฟักทองอ้าฟักทองเป็นแป้งเชิงซ้อน
00:18:48 → 00:18:50 เพราะอะไรเพราะฟักทองเนี่ยเป็นผักหัวก็
00:18:50 → 00:18:52 จริงนะผักหัวได้แก่พวกข้าวโพดเผือกมันฟัก
00:18:52 → 00:18:55 ทองพวกเนี้ยเป็นผักหัวมีแป้งอยู่ในนั้น
00:18:55 → 00:18:57 แต่มีใยอาหารอยู่ในนั้นด้วยเพราะฉะนั้นก็
00:18:57 → 00:18:59 จะเป็นเชิงซ้อนถ้าสมมุติว่าหมอหนึเลือก
00:18:59 → 00:19:02 ได้ว่ามื้อนี้หมอหนึ่งต้องมีข้าวแล้วก็มี
00:19:02 → 00:19:05 ฟักทองผัดไข่หมอหนึ่งจะกินฟักทองผัดไข่
00:19:05 → 00:19:07 โดยที่อาจจะไม่กินข้าวเลยก็ได้เพราะฟัก
00:19:07 → 00:19:11 ทองก็มีแป้งแล้วไข่คือโปรตีนแต่ถ้าเรากิน
00:19:11 → 00:19:13 ข้าวกับฟักทองผัดไข่มันจะกลายเป็นแป้ง
00:19:13 → 00:19:16 แป้งโปรตีนเอาแป้งอันนึงออกดีกว่าถูกมยก็
00:19:16 → 00:19:19 ต้องเลือกฟักทองฟักทองมีใหญ่อาหารเห็นมย
00:19:19 → 00:19:21 เราจะเลือกเก่งขึ้นน่ะทักษะพวกนี้มันเป็น
00:19:21 → 00:19:23 ทักษะที่จำเป็นนะแต่โรงเรียนไม่เคยสอนเรา
00:19:23 → 00:19:26 เท่านั้นเองนะครับเนาะนะอ่ะแล้วก็ข้อสุด
00:19:27 → 00:19:29 ท้ายถ้าไม่อยากใช้น้ำตาลอยากให้ร่างกาย
00:19:29 → 00:19:32 บังคับให้ใช้ไขมันได้นะครับก็คือข้อที่ 5
00:19:32 → 00:19:36 คือการทำ If บางคนรู้แล้วแต่ว่าทำผิดเยอะ
00:19:36 → 00:19:38 นะเจอเยอะมากหลายคนที่มาเรียนกับหมอ 1
00:19:38 → 00:19:41 แล้วบอกว่าคุณหมอคะทำ If มาปีนึงแล้วค่ะ
00:19:41 → 00:19:44 แต่ไม่ผอมเลยค่ะพี่ทำถูกแน่นอนเพราะว่า
00:19:44 → 00:19:47 ช่วงอดพี่ไม่กินอะไรเลยค่ะแต่ว่าไม่รู้
00:19:47 → 00:19:49 เหมือนกันว่าทำไมน้ำหนักมันถึงไม่ลงสำคัญ
00:19:49 → 00:19:53 มากๆนะข้อนี้นะครับผมจะบอกเลยนะว่าหลายคน
00:19:53 → 00:19:55 เข้าใจผิดจริงๆ If เนี่ยคำว่า
00:19:55 → 00:19:57 intermittent เนี่ยมันแปลว่าเป็นช่วงๆ
00:19:57 → 00:19:59 fasting แปลว่าอดอาหารเพราะฉะนั้น
00:19:59 → 00:20:02 intermittent fasting แปลว่าอดอาหาร
00:20:02 → 00:20:04 เป็นช่วงๆใครที่เคยฟังเรื่อง If มาแล้ว
00:20:04 → 00:20:06 ตั้งใจฟังคลิปนี้ให้ดีเพราะคุณอาจจะทำมัน
00:20:06 → 00:20:08 ผิดอยู่ก็ได้นะครับเนาะมันแปลว่าอดอาหาร
00:20:08 → 00:20:11 เป็นช่วงๆหมายความว่าใน 1 วันเรามีช่วง
00:20:11 → 00:20:15 กินกับมีช่วงอดโอเคมยมีช่วงกินกับช่วงอด
00:20:15 → 00:20:18 ไอ้ช่วงอดเนี่ยเขาบอกเลยว่าถ้าคุณจะลดน้ำ
00:20:18 → 00:20:21 หนักได้ดีคุณต้องมีช่วงอดเนี่ยที่นานกว่า
00:20:22 → 00:20:25 12 ช่วโมงหมายความว่าอะไรหมายความว่าถ้า
00:20:25 → 00:20:29 วันนี้หมอหนึ่งหยุดกินตอน 20:00 นหลัง
00:20:29 → 00:20:31 20:00 นหมอหนึ่งกินแต่น้ำเปล่าเลยนะวัน
00:20:31 → 00:20:33 รุ่งขึ้นหมอหนึ่งจะเริ่มกินได้คือหลัง
00:20:33 → 00:20:36 8:00 นเป็นต้นไปเพราะอะไรเพราะเราจะอด 12
00:20:36 → 00:20:38 ชั่วโมงถูกมั้ยแต่บางคนน่ะชอบติดนิสัยกิน
00:20:38 → 00:20:40 จุกจิกก่อนนอนก็ยังกินอันเนี้ยคุณก็จะมี
00:20:40 → 00:20:43 เวลาที่ร่างกายใช้ไขมันได้น้อยทำไมการทำไ
00:20:43 → 00:20:45 มันถึงได้ผลรู้มั้ยเพราะว่าร่างกายของเรา
00:20:45 → 00:20:47 ถ้ามีพลังงานภายนอกมันใช้พลังงานจากสิ่ง
00:20:47 → 00:20:49 ที่เรากินก่อนบางทีเราสู้ใจตัวเองไม่ได้
00:20:50 → 00:20:52 อ่ะตอนกลางคืนปั๊บกำลังจะนอนเห็นของกิน
00:20:52 → 00:20:54 เปิดตู้เย็นมาปั๊บเอาสักคำวะทั้งๆที่หยุด
00:20:54 → 00:20:57 กินตอน 20:00 นนะแต่เที่ยงคืนเปิดตู้มา
00:20:57 → 00:20:59 เอาสักคำวะกลายเป็นหยุดกินเที่ยงคืน 8:00
00:20:59 → 00:21:02 นตื่นมากินอีกแล้วเวลาหยุดกินแค่ 8 ชมมัน
00:21:02 → 00:21:04 ไม่เพียงพอเพราะว่าร่างกายเริ่มใช้ไขมัน
00:21:04 → 00:21:07 ได้ดีตั้งแต่ 12 ชมขึ้นไปและจาก
00:21:07 → 00:21:11 ประสบการณ์หมอหนึ่งนะ 15-18 ชมงถือว่า
00:21:11 → 00:21:14 เป็นช่วงที่กำลังดีมากๆเฮ้ยคุณหมอแต่ว่า
00:21:14 → 00:21:18 เคยเห็นบางคนเทำ If แบบ 23/1 นะ 23/1
00:21:18 → 00:21:20 หมายความว่าอะไรอ่าเลขมันจะมี 2 ตัวใช่มย
00:21:20 → 00:21:23 นะครับเนาะ 23 หมายความว่าอด 23 ชมแล้ว
00:21:23 → 00:21:25 กิน 1 ช่วโมงคนบ้านอะไรจะกินวันละ 1
00:21:25 → 00:21:27 ชั่วโมงคือกินมื้อเดียวใช่มั้ยใช่ครับ
00:21:27 → 00:21:29 เนี่ยคือคนที่เขากินมื้อเดียวถามว่าดีมย
00:21:30 → 00:21:32 ดีในระยะสั้นมันจะลดน้ำหนักได้ดีในระยะ
00:21:32 → 00:21:35 สั้นแต่ระยะยาวไม่ดีถ้าทำแบบนี้ตลอดแล้ว
00:21:35 → 00:21:37 ติดจนเป็นนิสัยคือมนุษย์เราเนี่ยมันมี
00:21:37 → 00:21:41 สิ่งที่ไม่ดีอยู่อย่างนึงนะเราจะเป็นคน
00:21:41 → 00:21:43 ที่ยึดติดพระพุทธเจ้าใช้คำว่ายึดติดเนาะ
00:21:43 → 00:21:46 อะไรที่ทำแล้วดีเราจะเชื่อว่าสิ่งนั้นมัน
00:21:46 → 00:21:50 จะดีตลอดไปคนๆนึงลดน้ำหนักด้วยการกินคีโต
00:21:50 → 00:21:53 มาแล้วลดจนน้ำหนักนิ่งบางคนนะที่มาเจอผม
00:21:53 → 00:21:56 นะลดจาก 100 มาเหลือ 80 กินคีโตมาผมไม่
00:21:56 → 00:21:59 ได้บอกว่าคีโตไม่ดีนะแต่พอกินคีโตมาเสร็จ
00:21:59 → 00:22:01 น้ำหนักนิ่งนิ่งแล้วเกิดอะไรขึ้นฉันเชื่อ
00:22:01 → 00:22:04 ว่าคีโตมันดีที่สุดพอน้ำหนักนิ่งฉันจะ
00:22:04 → 00:22:06 ต้องพยายามทำคีโตให้หนักกว่าเดิมน้ำหนัก
00:22:06 → 00:22:09 ก็ยิ่งนิ่งเข้าไปอีกหมอหนึ่งบอกว่าเฮ้ย
00:22:09 → 00:22:11 ถ้าน้ำหนักลดมาถึงตรงนี้เรานิ่งอ่ะกลับไป
00:22:11 → 00:22:13 กินแป้งซะแล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาลดต่อ
00:22:13 → 00:22:16 เดี๋ยวลดได้ไม่เชื่อก็กลับไปพยายามจนสุด
00:22:16 → 00:22:18 ท้ายไปไหนไม่ได้แล้วไม่รู้จะทำยังไงหมอ
00:22:18 → 00:22:20 หนึ่งช่วยหน่อยค่ะพอหมอหนึ่งสอนว่าเราจะ
00:22:20 → 00:22:22 กลับไปกินแป้งยังไงให้กลับมาลดต่อได้พอ
00:22:22 → 00:22:24 เริ่มทำตามปั๊บเริ่มกายเริ่มเปลี่ยนแปลง
00:22:24 → 00:22:27 เออเฮ้ยมันมหัศจรรย์จังเลยทำไมเป็นแบบนี้
00:22:27 → 00:22:29 ได้กลไกร่างกายเราถึงต้องเข้าใจไงโอเค
00:22:29 → 00:22:31 มั้ยนะครับเนาะเพราะฉะนั้นทุกวิธีการลด
00:22:31 → 00:22:34 น้ำหนักไม่ว่าจะเป็นคีโตแนเบส If อะไรมัน
00:22:34 → 00:22:36 ดีหมดแหละแต่เราต้องเข้าใจมันก่อนว่าหลัก
00:22:36 → 00:22:38 การมันคืออะไรแล้วร่างกายเราทำงานยังไง
00:22:38 → 00:22:40 เราถึงจะได้ดึงข้อดีของมันมาใช้ได้เนาะ
00:22:40 → 00:22:43 เพราะฉะนั้นมหนึเลยไม่ค่อยแนะนำให้ใครทำ
00:22:43 → 00:22:46 23/1 คือกินแค่วันละมื้อไม่เอานะครับการ
00:22:46 → 00:22:49 ที่เรามีช่วงอด 15-18 ชมถ้าเราอด 15 ช่ม
00:22:49 → 00:22:51 หมายความว่าเรามีเวลากิน 9 ช่มใช่มยอ่า
00:22:51 → 00:22:54 แต่ถ้าเราอด 18 ชมแสดงว่าเรามีเวลากิน 6
00:22:54 → 00:22:57 ชมใช่มั้ย 6 ชมเนี่ยมันก็ยังเพียงพอที่จะ
00:22:57 → 00:23:00 ได้สารอาหารครบถ้วนโดยเฉพาะโปรตีนนะตอน
00:23:00 → 00:23:01 ที่หมอหนึ่งตรวจคนไข้เนี่ยแต่ก่อนเนี่ย
00:23:01 → 00:23:03 หมอหนึ่งตรวจคนไข้อยู่ที่โรงพยาบาลเนี่ย
00:23:03 → 00:23:06 นะครับผมเริ่มกินมื้อแรกเที่ยงนะแล้วหยุด
00:23:06 → 00:23:10 กินตอน 18:00 น 18:00 นจนถึง 8:00 นเอ่อ
00:23:10 → 00:23:13 จนถึงเที่ยนอีกวันนึงผม 18 ชมเนี่ยกินน้ำ
00:23:13 → 00:23:16 เปล่ากับกาแฟดำตื่นเช้ามาแต่ก่อนติดนิสัย
00:23:16 → 00:23:17 ต้องหาอะไรกินตอนเช้าไม่งั้นจะไม่มีแรง
00:23:17 → 00:23:19 มันเป็นความเชื่อเรานะว่ามันจะไม่มีแรงทำ
00:23:19 → 00:23:23 งานแต่พอกินกาแฟดำไป 3 วันคุณเคยมั้ยเวลา
00:23:23 → 00:23:25 งานยุ่งมากๆผมตรวจคนไข้ึ่งเช้า 60 คน
00:23:25 → 00:23:28 อย่างเงี้ยนะครับมันยุ่งมากๆจนมันไม่มี
00:23:28 → 00:23:30 เวลาเวลาไปสงสัยว่าตัวเองหิวหรือเปล่า
00:23:31 → 00:23:33 8800 นอาจจะหิวอยู่นะแต่หลัง 8:00 นไป
00:23:33 → 00:23:35 ปั๊บตรวจไปยาวๆปั๊บเอ้า 10:00 นหายหิว
00:23:35 → 00:23:37 แล้วร่างกายเรามันเป็นแบบนี้แหละเวลามัน
00:23:38 → 00:23:40 มาเคาะประตูว่าหิวนะเราต้องมีสติแป๊บนึง
00:23:40 → 00:23:42 พอมันเคาะสักครึ่งชั่วโมงแล้วเราไม่กิน
00:23:42 → 00:23:45 อะไรเนี่ยมันไปเอาไขมันมาใช้เองเราต้อง
00:23:45 → 00:23:47 อย่าไปสนใจมันเยอะความหิวจะมาเป็นลูก
00:23:47 → 00:23:49 คลื่นผมพูดประโยคนี้กับนักเรียนในกลุ่มใน
00:23:49 → 00:23:52 คอร์สผมบ่อยมากเลยนะความหิวจะมาเป็นลูก
00:23:52 → 00:23:55 คลื่นเราต้องมีสติกับมันนิดนึงว่ามันไม่
00:23:55 → 00:23:58 ได้มาเสร็จปั๊บแล้วเราจะต้องตอบสนองกับ
00:23:58 → 00:24:01 มันทันทีเราแค่ต้องรู้ว่าเรากำลังหิวแล้ว
00:24:01 → 00:24:03 เดี๋ยวพอถึงเวลาจะกินเราค่อยกินเดี๋ยว
00:24:03 → 00:24:07 ความหิวมันจะหายไปโอเคไยนะครับเนาะนะ
00:24:07 → 00:24:09 เพราะฉะนั้นก็การอดเนี่ยดีจริงๆก็คือช่วง
00:24:09 → 00:24:12 15-18 ชมและไม่ได้หมายความว่ากินอะไรไม่
00:24:12 → 00:24:14 ได้นะสิ่งที่กินได้ก็คืออะไรน้ำเปล่า
00:24:14 → 00:24:17 สำคัญมากนะบางคนทำฟาสติ้งแล้วไม่กินอะไร
00:24:17 → 00:24:19 เลยน้ำเปล่าก็ไม่กินร่างกายเหี่ยวมากเลย
00:24:19 → 00:24:21 นะครับวันนึงบอกแล้วว่าเซลล์ต่างๆในร่าง
00:24:21 → 00:24:23 กายจำเป็นต้องใช้น้ำนะเนาะเพราะฉะนั้นก็
00:24:23 → 00:24:27 มีพวกน้ำเปล่ากาแฟดำพวกเยได้แต่ว่าไม่
00:24:27 → 00:24:29 ค่อยแนะนำให้กินพวกพวกชากับกาแฟดำในช่วง
00:24:30 → 00:24:32 หลังมื้อสุดท้ายของวันไปแล้วเนาะเพราะมัน
00:24:32 → 00:24:34 จะทำให้นอนไม่หลับการนอนมีผลกับการนนน้ำ
00:24:34 → 00:24:36 หนักพอสมควรเลยนะครับเดี๋ยวจะอธิบายใน
00:24:36 → 00:24:39 คลิปอื่นๆเนาะนะส่วนคนที่มักจะทำผิดคือ
00:24:39 → 00:24:43 ช่วงด้านซ้ายคือไอ้ช่วงการกินคุณหมอเพี่
00:24:43 → 00:24:47 าติ 18/6 16/8 มาไม่ผอมเลยค่ะเพราะอะไร
00:24:47 → 00:24:50 รู้มยสมมุติหมอหนึ่งบอกว่ามีคนคนนึงทำ If
00:24:50 → 00:24:54 16/8 หมายความว่าอด 16 ชมทำได้ดีมากเลย
00:24:54 → 00:24:57 การที่คุณอดได้ 16 ชมงจินตนาการภาพนะครับ
00:24:57 → 00:25:00 หลอดเลือดของเราอ่ามีน้ำตาลกับไขมันลอย
00:25:00 → 00:25:03 อยู่ในนั้นอ่านะแต่ถ้าสมมุติว่าเราทำไาติ
00:25:03 → 00:25:05 ได้ 16 ชั่วโมงคือหยุดกิน 16 ชั่วโมงร่าง
00:25:05 → 00:25:07 กายจะปล่อยไขมันออกมาเพราะมันไม่มีน้ำตาล
00:25:07 → 00:25:09 จากภายนอกถูกมยมันก็จะปล่อยไขมันเข้ามา
00:25:09 → 00:25:12 เข้ามาเข้ามาแล้วพอคุณออกกำลังกายแค่ 5-10
00:25:12 → 00:25:14 นาทีตอนเริ่มต้นนะมันจะเอาไขมันไปใช้เร็ว
00:25:14 → 00:25:17 มากเลยบางคนบอกว่าพี่ทำข้อนี้ได้ดีมากเลย
00:25:17 → 00:25:20 ค่ะแต่ไอ้ 8 ชมงในช่วงกินเนี่ยทำได้ไม่ดี
00:25:20 → 00:25:23 เลยหมายความว่าอะไร 8 ชมงนี้บางคนกิน
00:25:23 → 00:25:26 อาหารที่น้ำตาลสูงเพราะน้ำตาลสูงในช่วง 8
00:25:26 → 00:25:29 ชมนี้มันก็ใช้ไม่หมดหมดมันก็เอาไปเก็บ
00:25:29 → 00:25:32 เป็นไขมันถูกมั้ยบางคนยังกินอาหารที่มี
00:25:32 → 00:25:35 แป้งเยอะอยู่บางคนบอกว่าคุณหมอคะแต่พี่
00:25:35 → 00:25:37 อ่ะแป้งก็ไม่ค่อยกินน้ำตาลพี่ไม่กินแน่
00:25:37 → 00:25:41 นอนเลยค่ะ If พี่ไม่หลุดแน่นอนไปตกม้าตาย
00:25:41 → 00:25:45 ที่คำว่าโปรตีนจำไว้เลยนะครับคนส่วนใหญ่
00:25:45 → 00:25:47 ที่ทำไแล้วไม่ผอมนะแล้วร่างกายไม่ยอมไป
00:25:47 → 00:25:49 ใช้ไขมันเพราะระบบเผาผลาญพังจากการที่กิน
00:25:49 → 00:25:52 โปรตีนไม่เพียงพอผมเคยทำคลิปเกี่ยวกับ
00:25:52 → 00:25:55 โปรตีนไว้ในช่องนะไปย้อนดูได้เลยนะสำคัญ
00:25:55 → 00:25:57 มากๆเพราะโปรตีนเอาไว้สร้างกล้ามเนื้อ
00:25:57 → 00:26:00 กล้ากล้าเนื้อเปียบเสมือนเตาเผาพลังงาน
00:26:00 → 00:26:02 ของร่างกายถ้าคุณมีระบบเผาผลาญที่ดีมี
00:26:02 → 00:26:04 กล้ามเนื้อที่แข็งแรงผมไม่ได้บอกว่าคุณ
00:26:04 → 00:26:06 ต้องเป็นนักกล้ามนะคุณเชื่อมว่าผมเคยอ้วน
00:26:06 → 00:26:08 เหมือนกันหมอหนึ่งก็เคยอ้วนมีคลิปที่เอา
00:26:08 → 00:26:11 มาโชว์ตอนหมอหนึ่งอ้วนด้วยนะแต่ทุกวันนี้
00:26:11 → 00:26:13 หมอหนึ่งก็ไม่ได้มีกล้ามแบบพวกนักกล้ามก็
00:26:13 → 00:26:15 เราไม่ได้อยากมีแบบนั้นเราแค่อยากกลับมา
00:26:15 → 00:26:17 ใส่เสื้อผ้าหุ่นสวยๆมีความมั่นใจในตัวเอง
00:26:17 → 00:26:19 โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีซิ PAT ก็ได้เฉยๆ
00:26:19 → 00:26:22 อ่ะถูกมเราแค่บางคนแค่อยากกลับมาสุขภาพดี
00:26:22 → 00:26:24 อ่ะพออายุเยอะแล้วอยากไปเดินเที่ยวต่าง
00:26:24 → 00:26:26 ประเทศได้โดยที่ไม่ปวดเข่าไม่ต้องนั่งรถ
00:26:26 → 00:26:28 เข็นน่ะคือบางคนต้องการแค่นั้นเพราะ
00:26:28 → 00:26:32 ฉะนั้นโปรตีนสำคัญมากๆกินโปรตีนให้อิ่ม
00:26:32 → 00:26:35 ก่อนถ้าโปรตีนกินแล้วอิ่มร่างกายบอกว่า
00:26:35 → 00:26:37 เออโอเคฉันอิ่มแล้วนะตรงนั้นน่ะคือจุดที่
00:26:37 → 00:26:40 คุณประสบความสำเร็จคุณทำไแล้วคุณจะได้ผล
00:26:40 → 00:26:43 ส่วนใหญ่เนี่ยตกม้าตายข้อนี้แหละโอเคมย
00:26:43 → 00:26:45 เพราะฉะนั้น 5 ข้อนะครับนะที่หมอหนึ่งให้
00:26:45 → 00:26:47 ไปวันนี้เอาไปทำแล้วคุณจะสลับระบบพลังงาน
00:26:47 → 00:26:50 จากน้ำตาลกับแป้งไปใช้ไขมันได้ไวมากเลย
00:26:50 → 00:26:52 ทั้งหมดนี้ยังไม่พูดเรื่องออกกำลังกายเลย
00:26:52 → 00:26:54 เพราะอะไรออกกำลังกายเป็นแค่เครื่องจักร
00:26:54 → 00:26:58 ในการเอาวัตถุดิบเข้าไปผลิตเป็นพลังงาน
00:26:58 → 00:27:01 ถ้าคุณป้อนน้ำตาลมันก็ใช้น้ำตาลถ้าคุณ
00:27:01 → 00:27:04 ป้อนไขมันมันก็ใช้ไขมันโอเคป่านะอธิบายมา
00:27:05 → 00:27:07 ยาวมากๆเลยวันนี้นะแต่จะพยายามไม่ใช้
00:27:07 → 00:27:09 ศัพท์การแพทย์แล้วนะครับเนาะอะไรที่เป็น
00:27:09 → 00:27:10 ศัพท์การแพทย์ที่ไม่จำเป็นต้องรู้คุณไม่
00:27:10 → 00:27:13 จำเป็นต้องจำเลยนะแต่ให้เอาหลักการมันไป
00:27:13 → 00:27:15 ใช้คุณจะได้กลายเป็น Healthy ฮีโร่ของ
00:27:15 → 00:27:18 ครอบครัวบางคนบอกว่าคุณหมอคะทั้งบ้านเ
00:27:18 → 00:27:20 อ้วนหมดเลยค่ะคุณนนี่แหละจะเป็นคนแรกที่
00:27:20 → 00:27:23 ผอมแล้วคนอื่นจะเริ่มเห็นความเป็นไปได้
00:27:23 → 00:27:25 ว่าเฮ้ยคุณทำได้นี่นานะเฮ้ยหลานเราทำได้
00:27:25 → 00:27:28 เราก็น่าจะทำได้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พอ
00:27:28 → 00:27:31 อายุ 80 ปีแล้วคนแก่ส่วนใหญ่ 90% นั่งรถ
00:27:31 → 00:27:33 เข็นนะโอเคมั้ยเราจะไม่เป็นคนนั้นเด็ดขาด
00:27:33 → 00:27:35 พอเราเกษียณปั๊บอายุ 60 ปีเราไปเที่ยวเรา
00:27:35 → 00:27:38 อยากจะเดินเที่ยวแบบสวยๆถ่ายรูปสวยๆไม่
00:27:38 → 00:27:40 ใช่ต้องให้หลานเข็นรถเข็นไปเที่ยวอ่ะโอเค
00:27:40 → 00:27:43 ป่ะนะครับนะชีวิตของเรานะมันไม่ได้มีแง่
00:27:43 → 00:27:46 มุมแค่ว่าวันนี้ตื่นมาทำงานหาเงินทำงานหา
00:27:46 → 00:27:48 เงินทำงานหาเงินมันมีมิติอื่นด้วยใน
00:27:48 → 00:27:51 เรื่องของสุขภาพกับครอบครัวเพราะฉะนั้น
00:27:51 → 00:27:54 ต้องบานให้ดีๆเนาะปัจจุบันเนี่ยหม 1 เจอ
00:27:54 → 00:27:56 เยอะมากๆนะครับเนาะคือเครียดทำงานแล้ว
00:27:56 → 00:27:59 เครียดพอเครียดเสร็จปั๊บปัก็อยากกินอยาก
00:27:59 → 00:28:01 กินก็หิวแล้วไม่ได้ดูแลตัวเองสุดท้ายก็
00:28:01 → 00:28:03 อ้วนแล้วมันก็จะวนอยู่อย่างเงี้ยเป็นวงจร
00:28:04 → 00:28:06 ที่ไม่ดีเลยเพราะฉะนั้นสำคัญที่สุดนะเรา
00:28:06 → 00:28:08 จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้สุขภาพต้องมา
00:28:08 → 00:28:11 อันดับ 1 มันเป็นทัศนคติที่ดีเมื่อไหร่ก็
00:28:11 → 00:28:13 ตามที่คุณทำงานหรือว่าอะไรก็แล้วแต่แล้ว
00:28:13 → 00:28:16 คุณเจอเรื่องยากยากแต่สุขภาพคุณดีนะคุณมี
00:28:16 → 00:28:19 ต้นทุนเยอะกว่าคนอื่นแล้วเพราะอะไรถ้า
00:28:19 → 00:28:21 สุขภาพกายดีสุขภาพใจดีไม่เป็นไรพรุ่งนี้
00:28:21 → 00:28:23 มันก็สู้ใหม่ได้พรุ่งนี้มันก็เริ่มใหม่
00:28:23 → 00:28:26 ได้ถูกมยแต่ถ้าสุขภาพคุณไม่ดีนะต่อให้
00:28:26 → 00:28:28 พรุ่งนี้มีโอกาสเข้ามาคุณก็ไม่ความเริ่ม
00:28:28 → 00:28:30 ต้นอะไรสักอย่างนะครับเนาะเพราะฉะนั้น
00:28:30 → 00:28:32 หวังว่าจะได้ประโยชน์นะเพราะฉะนั้นก็ขอ
00:28:32 → 00:28:35 แสดงความยินดีกับท่านนี้ด้วยนะครับลดไป 13
00:28:35 → 00:28:40 กลในระยะเวลาแค่ 1 เดือนอ่าทุกคนก็ทำได้
00:28:40 → 00:28:42 เหมือนกันแน่นอนนะครับเนาะนะส่วนใครที่
00:28:43 → 00:28:45 ทักมาหลังไมค์เหมือนเดิมนะครับนะกลุ่ม
00:28:45 → 00:28:46 เรียนลดน้ำหนักครั้งสุดท้ายในชีวิตยัง
00:28:47 → 00:28:48 เปิดอยู่นะครับใครที่ดูคลิปนี้อยู่แล้ว
00:28:48 → 00:28:51 อยากเรียนลดน้ำหนักกับหมอ 1 นะในกลุ่ม
00:28:51 → 00:28:53 เรียนเนี่ยนะครับหมอ 1 จะเรียงลำดับไว้
00:28:53 → 00:28:55 ให้แล้วเนาะใครที่ไม่อยากลดด้วยตัวเองอ่ะ
00:28:55 → 00:28:56 ก็เข้าไปดูได้เลยนะว่าแต่ละวันเราต้องทำ
00:28:56 → 00:28:59 อะไรบ้าง 1 2 3 4 5 นะครับนะน้ำหนัก
00:28:59 → 00:29:01 เท่านี้ต้องกินโปรตีนประมาณเท่าไหร่หรือ
00:29:01 → 00:29:03 ใครที่อยากเรียนลึกๆเรื่องการแลกแป้ง
00:29:03 → 00:29:05 อย่างวันเนี้ยนะครับหมอ 1 พูดเรื่องการ
00:29:05 → 00:29:07 แลกแป้งไปถูกมั้ยนะใครที่อยากเรียนลึกๆ
00:29:07 → 00:29:09 เรื่องการแลกแป้งน่ะใช้เวลาเรียนหน่อยนะ
00:29:09 → 00:29:11 3-4 บทตรงนั้นน่ะอาจจะใช้เวลานิดนึงแต่
00:29:11 → 00:29:14 เหมือนๆดูซีรียส์ค่อยๆดูไปเรื่อยๆทีละบท
00:29:14 → 00:29:16 ว่าเออเฮ้ยมันสนุกดีจังแล้วบทถัดไปเราจะ
00:29:16 → 00:29:19 แก้ยังไงนะนะครับทักษะพวกเยมันจะติดตัว
00:29:19 → 00:29:21 คุณไปตลอดชีวิต 21 บทนะครับในนั้นที่เป็น
00:29:21 → 00:29:24 บทหลักเนาะเพียงแค่ผ่านไป 13 บทส่วนมาก
00:29:24 → 00:29:26 นักเรียนส่วนใหญ่ที่เรียนกับผมเนี่ย 13
00:29:26 → 00:29:29 บทแรกจะเห็นภาพการลดน้ำหนักชัดเจนละแต่ 1
00:29:29 → 00:29:30 สัปดาห์แรกจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงทัน
00:29:30 → 00:29:33 ทีที่เริ่มเรียนโอเคมยนะเพราะฉะนั้นใคร
00:29:33 → 00:29:34 ที่จะเรียนนะครับถ้าดูจาก Facebook หรือ
00:29:34 → 00:29:36 YouTube ก็ดูรายละเอียดที่อยู่ในลิงก์
00:29:36 → 00:29:38 ปักหมุดทางด้านล่างนะครับหรือจะแอด Line
00:29:38 → 00:29:39 Healthy Hero ไว้ก็ได้นะครับจะมีทีมงาน
00:29:39 → 00:29:42 คอยดูแลตลอดการเข้าเรียนนะครับเนาะบ1ึจะ
00:29:42 → 00:29:43 คอยตอบคำถามอยู่ในกลุ่มด้วยตัวเองด้วย
00:29:44 → 00:29:45 เนาะก็หวังว่าวันนี้จะได้ประโยชน์นะครับ
00:29:45 → 00:29:47 ใครที่เพิ่งมาติดตามอย่าลืมนะครับก่อนจาก
00:29:47 → 00:29:50 การวันนี้กดหัวใจกดแชร์กดติดตามกดกระดิ่ง
00:29:50 → 00:29:52 แจ้งเตือนกดอะไรก็ได้แล้วก็พิมพ์คอมเมนต์
00:29:52 → 00:29:54 คุยกันด้านล่างได้นะครับเดี๋ยวหม 1 มาตอบ
00:29:54 → 00:29:57 นะครับแล้วพบกันคลิปถัดไปนะครับชมคลิปหมอ
00:29:57 → 00:29:58 1 จบแล้วนะครับอย่าลืมกดติดตามเพื่อที่
00:29:58 → 00:30:00 จะได้ไม่พลาดคลิปใหม่ๆจากหมอ 1 นะครับ
00:30:00 → 00:30:02 ส่วนคลิปอื่นๆที่น่าสนใจกดดูจากทางซ้าย
00:30:02 → 00:30:04 มือได้เลยครับส่วนใครที่อยากลดน้ำหนัก
00:30:04 → 00:30:06 ครั้งสุดท้ายในชีวิตในกลุ่มเรียนกับม 1
00:30:06 → 00:30:08 นะครับกดดูรายละเอียดจากทางขวามือหรือดู
00:30:08 → 00:30:09 รายละเอียดจากลิงก์ในคอมเมนต์ได้เลยนะ
00:30:09 → 00:30:13 ครับแล้วพบกันในกลุ่มเรียนนะครับ