00:00:00 → 00:00:10 [เพลง]
00:00:10 → 00:00:17 มาเรื่องเรื่องสุดท้ายในวันนี้นะฮะนะ เรื่องสุดท้ายในวันนี้หมอจะพูดถึงเรื่อง
00:00:17 → 00:00:24 ว่าคนเราเนี่ยก็จะมีปัญหาไม่ว่าจะเป็น Sugar burner Fat burner หรือแม้แต่
00:00:24 → 00:00:30 คุณกินโลคะคีโต CD แล้วป่ะนะหลายคนเนี่ย ก็จะมีข้อสงสัยในเรื่องของ
00:00:30 → 00:00:41 ของการตื่นกลางดึกนะฮะนะคือคุณจะทำเ่ออ่า โภชนาการแบบ ow C If ออกกำลังกายอะไรก็
00:00:41 → 00:00:48 ตามนะคนที่เขามีปัญหาเรื่องการนอนหลับ เนี่ยเขก็จะมีปัญหากันจริงๆนะฮะนะถึงจะทำ
00:00:48 → 00:00:55 ดีขนาดไหนอะไตต่านะอ่าอันนี้ก็จะเป็น เทคนิคมาเสริมนะมาเสริมแล้วกันนะฮะถ้าใคร
00:00:55 → 00:01:03 หลับดีแล้วก็ไม่เป็นไรนะครับผมทีนี้ตรง นี้เนี่ยนะหัวข้อมันก็คือว่า 3A สารอาหาร
00:01:03 → 00:01:10 3 กลุ่มต่อไปนี้จะเป็นตัวช่วยเพิ่มสาร สื่อประสาทให้กับสมองแล้วทำให้เกิด
00:01:10 → 00:01:20 ปรากฏการณ์ที่คนมีปัญหากันบ่อยๆเนี่ยนะฮะ นะก็คือชอบตื่นขึ้นมาในช่วง 2:00 น 3:00
00:01:20 → 00:01:27 นนะแล้วนอนหลับต่อไม่ได้นะเเรียกว่าตื่น กลางดึกนะจะเป็นสาเหตุมาจากอะไรก็ตามนะ
00:01:27 → 00:01:36 แต่เดี๋ยวก็จะมีสรุปไว้ให้นะฮนะซึ่งถ้า เราสามารถได้รับสารอาหาร 3 กลุ่มหรือ 3A
00:01:36 → 00:01:47 เนี่ยนะฮะเข้าไปในร่างกายเราได้ในระดับ อย่างดีเลยอ่ะนะฮะนะเราจะหลับลึกและไอ้วง
00:01:47 → 00:01:54 จรที่จะมาตื่นในช่วงเนี้ยนะมันจะไม่เกิด นะฮะแล้วคุณก็จะหลับแบบมีคุณภาพลึกสนิท
00:01:54 → 00:02:02 ยาวนานไปตลอดอืมนี้น่าสนใจมั้ยนะน่าสน ครับผมเอออันเนี้ยเค้าเรียกว่าสารอาหาร 3
00:02:02 → 00:02:08 กลุ่มนะเราเรียกว่า 3A นะ 3A
00:02:08 → 00:02:15 อ่าเอ่อทีนี้ก่อนที่จะไปถึงรายละเอียด เนี่ยนะฮะก่อนหน้าเนี้ยก็จะมี 2 คำถามนะ
00:02:15 → 00:02:21 ฮะนะที่หมอก็ตอบไปสั้นๆน่ะอันที่ 1 เนี่ย ที่มีคนถาม
00:02:21 → 00:02:29 ว่าบางคนเนี่ยเค้าเข้ามาการกินแบบน้ำมัน ทีออยในช่วงแรกอ่ะนะก็คือกิน ow C High
00:02:29 → 00:02:36 good fy อ้อยนะแต่กินช่วงแรกกับอีกพวก นึงเนี่ยก็กินไปนานยาวนานพอสมควรแล้วหลาย
00:02:36 → 00:02:45 ๆเดือนไปแล้วนะฮะนะแต่ทำไมยังมีภาวะที่ เค้าง่วงนะหลังกินเอ่อเค้าง่วงหลังกินนะ
00:02:45 → 00:02:55 ฮะนะอันเนี้ยประเด็นนึงนะส่วนอีกประเด็น นึงเป็นของแอดมินของเราเองนะว่าเออคุณหมอ
00:02:55 → 00:03:03 เนี่ยก็กินอย่างนี้น่ะมาเกินครึ่งปีแล้ว ล่ะนะนะตั้งแต่เราไลฟ์กันมาเมื่อเกือบจะ
00:03:03 → 00:03:11 กลางปีที่แล้วนะฮะครับแมาถึงตอนเนี้ยแหม หลับได้หลับดีเหลือเกินหลับสนิทึกยาวนาน
00:03:11 → 00:03:21 อู้ยนะเอ่อดูไอ้ตัวมอนิเตอร์อะไรต่างๆเ ตัวเลขทุกอย่างดีหมดเลยนะแล้วก็การหลับดี
00:03:21 → 00:03:30 แค่ไหนก็ 90 กว่าเปอร์เซ็น 8 90 95% เ นะครับผมดีมาก 3 แห่นเนี้ยจะมาช่วยอธิบาย
00:03:30 → 00:03:37 นะฮะจะไม่ช่วยอธิบายอเพราะฉะนั้นเราก็ดู กันไปนะฮะอ่ะในเบื้องต้นเนี่ยตื่นเลยครับ
00:03:37 → 00:03:44 ตื่นเลย ครับหลับเห็นหลับดีอยู่เมื่อกี้การหลับ
00:03:44 → 00:03:52 ลึกไม่ตื่นนะฮะหลับลึกเนี่ยการหลับลึก เนี่ยให้โฟกัสคำว่าหลับลึกหลับลึกมันเกิด
00:03:52 → 00:04:00 จากนี่ฮะสารสื่อประสาทสมองนะอันนี้คือ สิ่งสำคัญที่สุดเลยนะเพราะฉะนั้นตัวสาร
00:04:00 → 00:04:13 สื่อประสาทสมองเราสมบูรณ์ครบพอมนะเนี่ย ถ้าพอเนี่ยนะอันนี้เป็นเรื่องหลักนะนะ
00:04:13 → 00:04:25 นะของการที่จะหลับลึกและมีคุณภาพสนิทยาว นานไม่ตื่นขึ้นมาในช่วงนี้นะฮะนะเนี่ยเออ
00:04:25 → 00:04:31 นะอันเนี้ยอันนี้อันนี้อันนี้ต้องให้ความ สำคัญตามมันจะประกอบไปด้วยอะไรบ้างเดี๋ยว
00:04:31 → 00:04:39 เราไปจะรู้นะอ่ะครับผมวงจรการนอนหลับหรือ Sleep Cycle ของคนเรานะฮะ 1 รอบนะเจะ
00:04:39 → 00:04:44 คิดเป็นเวลาเนี่ย 90 นาทีหรือชั่วโมง ครึ่งนะ
00:04:44 → 00:04:55 นะซึ่งก็จะประกอบไปด้วย 2 ลักษณะอันที่ 1 ก็คือ non L Sleep นะนะ non นะนะ non L
00:04:55 → 00:05:00 Sleep เนี่ยก็คือช่วงที่สมองหลับลึกลึก แบบสนิท
00:05:00 → 00:05:10 นะก็คือไม่ฝันไม่ฝันเอ่อนิ่งสนิทเสถียรคง ที่สมองนิ่งสนิทคลื่นสมองเป็นระเบียบ
00:05:10 → 00:05:15 เรียบร้อยนะ นะไม่มี
00:05:15 → 00:05:23 อ่าผิดปกติอะไรทั้งสิ้นนะฮะ นะก็แล้วแต่ว่าแต่ละบุคคลเนี่ยในช่วงนอน
00:05:23 → 00:05:31 เลม Sleep เนี่ยจะยาวนานแค่ไหนแต่ส่วน ใหญ่จะไม่ค่อยยาวไม่ค่อย
00:05:31 → 00:05:38 ยาวคือเขาบอกว่าการหลับใน 1 คืนเนี่ยนะฮะ นะคำที่ใช้คำว่าหลับลึกเนี่ยอย่างน้อยจะ
00:05:38 → 00:05:43 ต้องมีประมาณถ้าถือว่าสุขภาพดีนะต้องมี เกิน
00:05:43 → 00:05:53 25% ของของเวลาของการนอน หลับต้องมีเกิน 25% ขึ้นไปนะฮะแล้วที่
00:05:53 → 00:06:00 เหลือเนี่ยจะเป็นช่วงเลม Sleep นะคือตอนแรกๆเนี่ยเมื่อเราเข้านอนแล้วเรา
00:06:00 → 00:06:08 หลับนะเราจะหลับลึกในไซเคิลแรกนะเรียกว่า non L Sleep นะหลังจากนั้นเนี่ยอาจจะ
00:06:08 → 00:06:15 ไม่ยาวบางคนไม่ไม่ถึง 15 นาทีครึ่ง ชั่วโมงนะเแต่มันก็ลึกอ่ะนะแล้วจะค่อยๆ
00:06:15 → 00:06:23 กระเถิบกระเถิบเขยิบยิบเข้าสู่ภาวะเลม Sleep คำว่าเลม Sleep หมายถึงช่วงที่
00:06:23 → 00:06:29 สมองเริ่มตื่นแต่ตอนนั้นเราก็กำลังหลับ อยู่อ่ะแต่สมองกำลังเริ่มะเริ่มเริ่มแล้ว
00:06:29 → 00:06:38 ทีละนิดทีละนิดที่ตื่นๆๆอืตื่นตื่นคือรู้ สึกตัวนะฮะนะซึ่งในระหว่างนี้เนี่ยนะก็จะ
00:06:38 → 00:06:49 เกิดมีอ่ามีความฝันนะมีการฝันเกิดขึ้นนะ นะซึ่งเลม Sleep เนี่ยเป็นความฝันที่คน
00:06:49 → 00:06:57 เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วจะจำความฝันได้จะจำ ความแล้วทั้งหมดเนี่ย non L Sleep กับ
00:06:57 → 00:07:03 เลม Sleep เนี่ยนะจะอยู่ในไคลรวมๆทั้งหมด 90 นาทีก็แล้วแต่สัดส่วนอะไรจะมากน้อย
00:07:03 → 00:07:08 แค่ไหนนะส่วนใหญ่แล้วเลม Sleep จะเยอะ กว่า 1
00:07:08 → 00:07:19 ชมงเสมอนะฮะนะใช่ครับ ผมอ่าแล้วก็นอนเลมเนี่ยก็ส่วนใหญ่ไม่เคย
00:07:19 → 00:07:26 เกินครึ่งชั่วโมงอ่ะนะเว่างั้น นะทีนี้แล้วแต่เราเข้านอนเร็วหรือช้าถ้า
00:07:26 → 00:07:33 เข้านอนเร็วพอถึงช่วง 3:00 2:00 3 เนี่ยมันจะเป็นรอบที่ 3 แต่ถ้าเข้านอนสัก
00:07:33 → 00:07:44 23 นเยงนะฮะนะหรือประมาณเนี่ย 2 นเนี่ย นะอันเนี้ยมันจะไป 2 รอบนะไอ้เยออก็จะจะ
00:07:44 → 00:07:54 เป็นรอบที่ 2 เนี่ยที่เลม Sleep สมอง กำลังจะตื่นนะฮะในรอบที่ 2 พอดีเลยนะถ้า
00:07:54 → 00:08:02 นอน 23 น นะแล้วถ้าจะต้องตื่นนะฮะนะมีสิ่งกระตุ้น
00:08:02 → 00:08:10 ให้ตื่นนะหรือมีตัวไม่มีตัวเบรคให้ไม่ ตื่นให้หลับนะก็ต้องตื่นก็เลยกลายเป็น
00:08:10 → 00:08:19 ตื่น 2:00 นหรือ 3:00 น เนี่ยนะก็คือเลม Sleep เราจะถูกกระตุ้น
00:08:19 → 00:08:29 หรือถูกยับยั้งถ้าเลม Sleep ถูกยับยั้ง ได้เราจะหลับนะหลับสนิทยาวนานไปถื่นเาช
00:08:29 → 00:08:39 เลยนะแต่ Sleep ถูกรบกวนเเรียกว่า disrupt เนี่ยเราจะตื่นแล้วหลับไม่ได้หลับไม่ได้
00:08:39 → 00:08:48 นะอ่าสรุปคุณก็หลับได้แค่ 2 ไซเคิลนะ 2 หรือ 3 ไซเคิลเท่านั้นแหละนะ
00:08:48 → 00:08:55 ซึ่งอันนี้เป็นการหลับที่ไม่ถึง 5 ชั่วโมงคุณจะเสียสุขภาพเพะคุณจะป่วยในที่
00:08:55 → 00:09:05 สุดนะอ่ะทีนี้ในช่วงเวลา 2:00 3:00 น เนี่ยนะฮะเมื่อช่วงวงจรการนอนหลับนะหรือ
00:09:05 → 00:09:14 อ่า Sleep Cycle เนี่ยมันผ่านไป 2-3 วง รอบนะฮะนะจะเกิดความผิดปกตินะที่เป็นการ
00:09:14 → 00:09:21 รบกวนเลม Sleep นะฮะคลื่นสมองจะสะดุดนะ กระตุกและผวาตื่นขึ้นมาซึ่งเราเรียกว่า
00:09:21 → 00:09:30 cal bak นะหรือการ disrupt Sleep Cycle นะฮะนะเราพบว่าสิ่งที่เป็นตัว
00:09:30 → 00:09:39 disrupt นะฮะเป็นตัวเป็นรบกวนทำให้เลม Sleep เนี่ยนะไม่สามารถสงบหรือหลับต่อไป
00:09:39 → 00:09:48 ได้เนี่ยนะก็คือคอร์ติซอลอินซูลินรวมทั้ง การใช้ยาลดน้ำตาลและยาเบาหวาดนะอันนี้นะ
00:09:48 → 00:09:57 คอร์ติซอลมีผลมากที่สุดนะลองลงมาคือ อินซูลินนะเนี่ยนะแล้วก็เรื่องการรักษา
00:09:57 → 00:10:05 เบาหวานด้วยยานะะนะทนี้ข้ออธิบายมีอย่าง นี้นะฮะนะเอาเรื่องอินซูลินก่อนนะอิซูลิน
00:10:05 → 00:10:15 disrupt นะไอ้ตัวเนี่ยเลม Sleep เนี่ย อย่างไรนะฮะนะนะก็คือจำได้มยเมื่อกี้นี้
00:10:15 → 00:10:22 นะ อ่า 3 หย่าที่ทำให้น้ำตาลตกจำ 3 หย่าได้
00:10:22 → 00:10:35 มยนะฮะนะว่าอยกินคาแปรรูอ่าอย่าทำไโปรลอง ฟ้าที่ไม่เหมาะสมจะแรงออกกำลังอะไรต่างๆ
00:10:35 → 00:10:43 เพราะสิ่งเหล่านี้นะจะทำให้อ่าน้ำตาลมัน ตก
00:10:43 → 00:10:53 นะก็คือสิ่งเหล่านี้เนี่ย นะมันมักจะเป็นปัญหาในตอนกลางวันนะนะซึ่ง
00:10:53 → 00:10:58 กลางวันเนี่ยอินซูลินเนี่ยเรากินผิดไง กลางวันเราไปกินาฟเราไปกินอะไรต่างๆกิน
00:10:58 → 00:11:04 แป้งกินน้ำการกินผลไม้นะไปอัญเชิญ อินซูลินมาตั้งแต่ตอนกลางวันนะอินซูลิน
00:11:04 → 00:11:12 ที่มาตอนกลางวันเป็นอินซูลินดุร้ายและจะ เป็นอินซูลินที่ก้าวร้าวไม่อยู่ในร่องใน
00:11:12 → 00:11:20 รอยไม่ได้ทำอะไรตามหน้าที่เขาจะทำผิดหน้า ที่ไปหมดแทนที่มาแล้วจะลดไปเขาจะไม่ไปเา
00:11:20 → 00:11:29 จะลอยค้างนะเ่อเขาท้าทายนะฮะครับผมซึ่ง ถ้าเกิดคุณเป็นาร burner หรือค burner
00:11:29 → 00:11:36 เนี่ยนะแล้วคุณกินเหล่าเนี้ยที่หมอว่า เนี่ยผิดในช่วงกลางวันนะตั้งแต่ตื่นน่ะนะ
00:11:36 → 00:11:43 ก็รีบกินโงกินข้าวกินน้ำเต้าหู้กินผลไม้ กินแป้งกินน้ำตาลกินโอ้ไปเซเว่น fam
00:11:43 → 00:11:50 Family แมคโครโลตับิกซีกีกินๆนะเรียบ ร้อยอินซูลินมาทั้งวันแล้วอินซูลินมาแบบ
00:11:50 → 00:11:58 เนี้ยเป็นอินซูลินดูร้ายเขาจะลอยค้างอยู่ ทั้งวันแล้วเขาก็จะเผื่อแผ่ตัวเขาเองอ่า
00:11:58 → 00:12:06 ไม่ลงกูไม่ลงกูไม่ลงกูไม่ลงนะยาวต่อ เนื่องไปถึงกลางค่ำกลางคืนนะฮะแล้วมันจะ
00:12:06 → 00:12:15 เป็นยังไงอ่ะนะแน่นอนอินซูลินเนี่ยที่เมา เนี่ยเมาเอาน้ำตาลลงแล้วการที่อินซูลินเ
00:12:15 → 00:12:21 ดุร้ายก้าวร้าวเนี่ยเวลาเ้าเอาน้ำตาลลง เ้าเอาลงแบบหัวทิ่มบ่อนะเ้าไม่ได้ค่อยๆ
00:12:21 → 00:12:29 เอาลงเออเไม่ใช่อินซูลินพ่อพระที่มาตอน เย็นๆตามธรรมชาติอินซูลินแบบนี้ที่มาตั้ง
00:12:29 → 00:12:37 แกแแหกหูแหกตามาตั้งแต่เช้าเพราะเรากิน ผิดเนี่ยนะเขมาปุ๊บเนี่ยนะเออเขาก็าศเลย
00:12:37 → 00:12:44 ครับเออเขาก็แอบแอบๆอยู่ข้างบนนั่นแหละ ลอยอยู่ข้างบนน่ะนะนะน้ำตาลจะลงก็ลงไปแต่
00:12:44 → 00:12:52 กูอยู่ข้างบนนะนะแล้วก็อยู่ไปกลางค่ำกลาง คืนด้วยอ่ะนะฮะเพราะฉะนั้นเนี่ยอันนี้คือ
00:12:52 → 00:13:00 ภาวะน้ำตาลโตะอันเนื่องมาจากกินนะฮะอัน เนื่องมาจากการกินที่ไม่ถูกต้องนะเนี่ย
00:13:00 → 00:13:07 เรื่องกินเรื่องใหญ่นะเพราะเกิดภาวะช่วง กลางวันน้ำตาลมันสวิงนะแล้วก็หักหัวลงนะ
00:13:07 → 00:13:14 แล้วไงอ่ะคอร์ติซอลก็มามาเอาขึ้นอินซูลิน เอาลงคอร์ติซอลเอาาขึ้นอินซูลินเอาลงนะ
00:13:14 → 00:13:22 กลางวันมันก็จะเกิดสงครามพ่อแม่อย่าง เงี้ยงัดงัดงัดกินอยู่ครับผมเอทีนี้นี่
00:13:22 → 00:13:28 คือบทบาทข้อแรกของอินซูลินนะซึ่งเมื่อเขา อยู่ไปจนถึงกลางค่ำกลางคืนนี่แหละนั่น
00:13:28 → 00:13:39 แหละนะเค้าก็จะไปทำให้เกิดการ disrupt นะ นะเนี่ยเนี่ยตัว R Sleep ในช่วงสมองที่
00:13:39 → 00:13:50 ตื่นนะนะทำให้ต้องตื่นนะฮะนะนะเพราะการ รับอันนี้นะตัวแม่ก็จะมา
00:13:50 → 00:14:00 นะตัวพ่อไม่ไปสักทีตัวแม่ก็ก็ต้องมาประกบ อ่ะนะนะพอคอซอมาเนี่ยตื่นต่อนะคือกระบวน
00:14:00 → 00:14:06 การซับอันนี้เนี่ยส่วนใหญ่มันจะเป็น อิทธิพลของคอร์ติซอลแต่อินซูลินเนี่ยนะ
00:14:06 → 00:14:14 เขาก็มาทำทางไว้ให้แล้วล่ะนะเนี่ยพอไม่ลง อ่ะคอร์ติซอลก็มานะอ่ะต่อไปอินซูลินไม่
00:14:14 → 00:14:20 ได้ทำข้อ 1 ข้อเดียวนะที่ทำให้น้ำตาลสวิง แล้วตกอินซูลินเนี่ยที่สูงค้างในตอนกลาง
00:14:20 → 00:14:32 วันนะเขาจะทำให้เกิดนะสิ่งนึงก็คือการ กระตุ้นระบบประสาทซิมพาเตินะฮะนะของการ
00:14:32 → 00:14:41 ปวดปัสสาวะในตอนกลางคืนอ่านี่แหละนะจนทน ไม่ได้นะต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วลุกไป
00:14:41 → 00:14:50 ฉี่นะในตอนกลางดึกนะคือบางคนก็ฉี่ทั้งคืน นะโดยเฉพาะถ้าเป็นเบาหวานไปแล้วนะฮะแต่
00:14:50 → 00:14:58 พระบางคนเนี่ยเป็นแค่ดื้ออินซูลินเฉยๆนะ หรือเป็นแค่อะไรอ่ะภาวะก่อนเบาหวานเนี่ย
00:14:58 → 00:15:03 นะ อาจจะไม่ได้ฉี่ทั้งคืนแต่เวลาที่จะเกิด
00:15:03 → 00:15:11 การสะดุ้งตื่นแล้วขึ้นมาฉี่ทั้งคืนเนี่ย ก็คือเวลา 2:00 น - 3:00 นนะเพราะว่าถ้า
00:15:11 → 00:15:19 อินซูลินที่เยังสูงค้างนะแต่เขไม่ได้มีผล ต่อการเหวี่ยงน้ำตาลอะไรมากมายนะบางที
00:15:19 → 00:15:26 อินซูลินเนี่ยไปมีผลที่ไตนะที่จะทำให้ เกิดการกระตุ้นนะระบบทางเดินปัสสาวะทั้ง
00:15:26 → 00:15:32 ไตทั้งเอ่อทั้งไตทั้งกระเพาะปัสสาวะนี่ แหละนะที่จะทำให้เกิดการปวดปัสสาวะและ
00:15:32 → 00:15:39 สะดุ้งตื่นขึ้นมาเนี่ยการตื่นเนี่ยนะ อินซูลินไม่ได้ทำให้ตื่นนะฮะนะแต่ตัวที่
00:15:39 → 00:15:45 ทำให้ตื่นคือคอร์ติซอลเพราะั้นอินซูลิน สูงค้างไม่ลงนะแล้วไปมีผลอย่างงนี้ต่อ
00:15:45 → 00:15:53 ระบบปัสสวะคอร์ติซอลเต้องมาทำให้ตื่น เพื่อจะไปฉี่ไม่งั้นจะเกิดภาวะฉี่ราดตอน
00:15:53 → 00:16:01 กลางคืนแบบในเด็กนะฮะนะแต่ผู้ใหญ่เนี่ย มันไม่ได้เป็นภาวะว่าอย่างนั้นนะฮะเนี่ย
00:16:01 → 00:16:06 ก็คือเด็กเนี่ยที่มันฉี่ราดตอนกลางคืน เนี่ยเพราะว่าอินซูลินเทำให้ไปฉี่ให้ทำ
00:16:06 → 00:16:15 ให้ฉี่ราดเพียงแต่ว่าเด็กมันไม่ตื่นเพราะ คอร์ติซอลมันไม่มามันไม่มาด้วยนะคือเด็ก
00:16:15 → 00:16:23 มันก็กินกๆๆที่กระตุ้นอินซูลินซะจนแบบนี่ แหละนะไปเกิดชีราดในตอนกลางคืนน่ะนะเพียง
00:16:23 → 00:16:33 แต่ว่าคอร์ติซอลก็ไม่มาสะดุ้งตื่นให้ไป ฉี่นะก็เลยต้องลากออกไปนะอันนี้คือผลของ
00:16:33 → 00:16:39 อินซูลินนะนะเนี่ยนะแต่ผลเช่นนี้ของ อินซูลินเนี่ยนะอินซูลิน Action ก่อนแล้ว
00:16:39 → 00:16:48 คอร์ติซอลมาเก็บงานนะก็เลยต้องตื่นนะฮะ แต่อันนี้ฮะเป็นผลของคอร์ติซอลโดยตรงก็
00:16:48 → 00:16:54 คือ If โปรลองฟาและออกกำลังกายที่ไม่ เหมาะสมอันนี้ร่างกายก็เกิดความเครียด
00:16:54 → 00:16:59 เกิดคอร์ติซอล นะคือคนเนี่ยมันก็อาจไปออกแรงออกกำลัง
00:16:59 → 00:17:05 เดี๋ยวคืนนี้จะได้หลับสนิทหลับลึกๆหลับ ไม่ตื่นเลยนะเพราะร่างกายอ่อนเพี้ยเพีย
00:17:05 → 00:17:13 ล้าแต่มันไม่ใช่อ่ะมันไม่ใช่นะฮะมัน คอร์ติซอลมันมาซะก่อนนะฮะนะเพราะว่ามัน
00:17:13 → 00:17:20 ไม่เหมาะสมนะไม่เหมาะสมคอร์ติซอลมาก็ เรียบร้อยไม่ไม่หลับนะเกิด cal เบรกหมดนะ
00:17:20 → 00:17:28 disrupt หมดนะอันที่ 4 สารสื่อประสาท สมองต่างๆที่เกิดจากการกินอาหารใน 1 วัน
00:17:28 → 00:17:36 ไม่พออันนี้แะเป็นอะไรโดยตรงเลยนะฮะนะ เดี๋ยวเราก็รู้ว่าสารสื่อประสาทที่ว่า
00:17:36 → 00:17:45 เนี่ย 3A เนี่ยคืออะไรเราต้องกินอะไรนะ ถ้ากินพอก็จะไม่เกิดภาวะ disrupt นะ Sleep
00:17:45 → 00:17:55 Cycle ในช่วง rem Sleep นะฮะนะเอ่าอัน นี้ก็เราก็รู้แล้วเนาะว่านี่แหละผมคิอจะ
00:17:55 → 00:18:04 มาคิอที่มาเนี่ยในตอนเเลเบรกเนี่ยนะฮะนะเ จะมาพร้อมกับแอรีนนะฮะนะนะแล้วก็มาแล้ว
00:18:04 → 00:18:12 เนี่ยเก็จะสร้างน้ำตาลก็คือกลูโคเจนิที่ ต่นะฮะนะรวมทั้งอินซูลินเนี่ยนะทั้ง
00:18:12 → 00:18:19 คอร์ติซอลและอินซูลินจะปลุกให้เราต้อง ตื่นนะฮะคือยากนะที่จะฝืนนอนหลับต่อได้นะ
00:18:19 → 00:18:27 ฮะนะแล้วก็เป็นการตื่นในช่วงเ่อ 2:00 3 นะกลางดึกนะนะนอกจากนี้จะเกิดความหิวเกิด
00:18:27 → 00:18:35 ความหิวนะเกิดใจสั่นจากแอรีนเกิดความ หงุดหงิดจากแอรีนนะกับคอร์ติซอลนะจนนอน
00:18:35 → 00:18:43 หลับต่อไปอีกไม่ได้เลยนะฮะอ่ะทีนี้สาร สื่อประสาทที่ว่าเนี่ยยคือ 3A เหล่าเนี้ย
00:18:43 → 00:18:50 นะฮะ 3A เหล่าเยนะสารสื่อประสาทเหล่านี้ มีผลต่อการทำงานเซลล์สมองที่จะทำให้เกิด
00:18:50 → 00:19:00 การหลับอย่างมีคุณภาพคือการหลับที่สนิท ลึกและยาวนานนะสารอาหาร 3A เหล่านี้นะจะ
00:19:00 → 00:19:09 ต้องใส่เข้าร่างด้วยการกินในอาหารต่างๆ อย่างถูกต้องใน 1 วันทั้งมื้อแรกและมื้อ
00:19:09 → 00:19:17 เย็นรวมทั้งในบางคนอาจจะต้องมีมื้อแทรก หรืออาหารระหว่างมื้อด้วยนะฮะอัน
00:19:17 → 00:19:28 นี้แล้วสารอาหารที่จะไม่มีผลนะในการกำกับ ภาวะเลม Sleep ให้สามารถหลับลึกๆต่อไปได้
00:19:28 → 00:19:36 ดยโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมาคืออะไรบ้างนะฮะนะ ก็ 3A นี้ก็คือ 1 เซติลีนนะฮะ 2
00:19:36 → 00:19:44 แอนซีและ 3 เอมีนแล้วเรียกว่าไบโอนิค เอมีนนะฮะนะคือจริงๆแล้วร่างกายก็คือ
00:19:44 → 00:19:50 อาหารนี่เองนะฮะนะร่างกายสมงสมองอะไรต่าง ๆเนี่ยคืออาหารอาหารก็ประกอบไปด้วยสาร
00:19:50 → 00:19:59 อาหารและพลังงานสารอาหารและพลังงานนะนะก็ มาดูอ่ามาดูอาหารซึ่งจะประกอบไปด้วยสาร
00:19:59 → 00:20:08 อาหารและพลังงานนะที่เรารู้เรียกว่า 3A นะเซติลีนคืออะไรนะอ่าเราแบ่ง 2 คำคือคำ
00:20:08 → 00:20:22 ว่าซิลกับคำว่าโคลีนนะซิลก็คือมีคำว่า อะไรซิโตอะซิเตตนะอ่ะิซิเนี่ยซิโตอะซิเตต
00:20:22 → 00:20:34 นะอะซิติกแอซิดนะแล้วก็โลรีนะฮะนะิงเรา นี้คืออะไรโลรีคือโลรีมันอยู่ในอะไรอยู่
00:20:34 → 00:20:43 ในโปรตีนโคลีนเนี่ยเป็นวิตามิน B4 แต่เข บอกว่าวิตามินตัวเนี้ยนะมันมีรูปแบบที่
00:20:43 → 00:20:51 เกิดความก้ำกึ่งเป็นโปรตีนก็ได้เป็นไขมัน ก็ได้นะแล้วก็เป็นวิตามินบีก็ได้นะแต่
00:20:51 → 00:20:59 ส่วนใหญ่มันมีความค่อนข้างจะไปเป็นโปรตีน นะฮะโปรตีนนะเนี่ยซิโต
00:20:59 → 00:21:06 ก็ คือก็คือไขมันอะซิติกก็คือคือกรดนะฮะคือ
00:21:06 → 00:21:14 กรดนะฮะซึ่งทั้งหมดเนี้ยนะมันจะฟอร์มตัว กันเป็นเซติโลรีนะเพราะฉะนั้น
00:21:14 → 00:21:17 อะเซติลคลอไรด์
00:21:28 → 00:21:35 เสมอปะปนร่วมอยู่ด้วยเสมอ นะ
00:21:35 → 00:21:43 โปรดคืออะซิติลโคลีนเป็นโปรตีนที่ได้จาก อาหารโปรตีนที่มีไขมันปะปนร่วมอยู่ด้วย
00:21:43 → 00:21:54 เสมอนะเพราะฉะนั้นเราจะมี อาเซติคอ่าไปช่วยเบรกภาวะเลม Sleep นะทำ
00:21:54 → 00:21:59 ให้หลับต่อไปได้เนี่ยเราต้องกินเนื้อ สัตว์ติดหนังติดมา
00:21:59 → 00:22:07 กินไข่ทั้งฟองนะฮะห้ามกินโปรตีนเดี่ยวๆ ที่ไม่มีโปรตีนเอ้ยที่ไม่มีไขมันนะไม่ได้
00:22:07 → 00:22:13 ไม่ได้เราจะไม่หลับนะฮะเราจะไม่หลับอัน นั้นเยิ่งจะไปกระตุ้นคอร์ติซอลกับแอรีนนะ
00:22:13 → 00:22:22 นะทนี้บทบาทของอะซิติลลอรีนเนี่ยเขาเป็น สารสื่อประสาทที่จะไปกระตุ้นระบบประสาท
00:22:22 → 00:22:35 พาซินะก็คือปสาทสมองคู่ที่ 10 นะฮะซึ่งึ เวลาถูกกระตุ้นจะเกิดการนิ่งสงบผ่อนคลาย
00:22:35 → 00:22:44 ของสมองิครับผมเอเพราะฉะนั้นเราก็สู่ภวัง ของการหลับหรือง่วงหลับต่อนะไม่ไม่เกิด
00:22:44 → 00:22:54 การ disrupt อ่าเรื่องเลม Sleep นะนะคือ เราจะหลับได้ไม่ต้องตื่นไม่ต้องตื่นนะ
00:22:54 → 00:23:04 แล้วอคีนจะเป็นตัวที่สำคัญมากๆนะฮะมากๆใน เรื่องของเนี่ยเอ่อเลม Sleep นะนะเนี่ย
00:23:04 → 00:23:12 การยับยั้งน่ะนะคือถ้ามีไม่พอเนี่ยนะมัน ก็จะเกิดเลม Sleep ที่เราจะต้องตื่นนะฮะ
00:23:12 → 00:23:20 นะเลม Sleep ตื่นถ้ามีมากพอเนี่ยนะอ่ามัน ก็จะทำให้ไม่เกิดเลม Sleep นะเราก็ต้อง
00:23:20 → 00:23:28 ไม่เราก็จะไม่ตื่นและหลับได้ต่อนะอันนี้ นะ Action ของเขาก็คือเรื่อง 30 สมองไป
00:23:28 → 00:23:35 กระตุ้นเส้นประสาทสมองคู่ที่ 10 นะ พาซิให้เกิดการผ่อนคลาย
00:23:35 → 00:23:43 นะต่อไปแอนซีนะแอนซีนี่ก็จะเป็นสารชนิด นึงนะอ่า
00:23:43 → 00:23:52 ที่ที่มันมีอยู่แล้วในสมองนะฮะแต่แต่มัน จะต้องมีวิธีการที่จะทำให้สมองเนี่ยสร้าง
00:23:52 → 00:24:01 สารนี้ขึ้นมานะนะแล้วถ้ามีสารเนี้ยเยอะๆ สมองก็จะหลับหลับจะหลับ
00:24:01 → 00:24:11 นะปกติเนี่ยเราจะพูดสารที่ชื่อว่าแอนซี เนี่ยคู่กับคาเฟอีนใช่มคาเฟอีนนะเขาบอก
00:24:11 → 00:24:20 ว่าการกินกาแฟแล้วไม่ง่วงนะเป็นผลมาจาก คาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์ไปขัดขวางยับยั้งการ
00:24:20 → 00:24:30 ทำงานของสารออดินสีนต่อสมองต่อสมองแอนลีน เนี่ยแอนซีเนี่ยมันเป็นสารอ่าจริงๆแล้ว
00:24:30 → 00:24:38 แอนซีคือพลังงานจากไขมันนั่นแหละนะฮะ แอดซีนะมันจะทำให้เกิดความเหนื่อยล้าของ
00:24:38 → 00:24:48 สมองนะครับผมซึ่งจะไปมีผลทำให้ช่วงเล็ม Sleep เนี่ยนะเกิดยากนะเพราะฉะนั้นก็จะ
00:24:48 → 00:24:59 เกิดการหลับสนิทแล้วไม่ตื่นนะไม่ตื่นนะฮะ อดังเช่นที่เราคิดว่าถ้าเราไปออกกำลังกาย
00:24:59 → 00:25:05 ให้หนักๆในช่วงตอนเย็นๆค่ำๆแล้วเดี๋ยวคืน นี้ร่างกายก็จะอ่อนเพียเหนื่อยล้าจน
00:25:05 → 00:25:14 กระทั่งนอนหลับสนิทได้ดีในเวลากลางคืน นะแต่ว่าอันนี้ก็ถูกในในส่วนนึงในส่วนนึง
00:25:14 → 00:25:21 เพียงแต่ว่าคุณเนี่ยก็จะต้องทำให้เกิด ความผอดิบพอดีนะอ่าไม่ได้แบบหักโหมจน
00:25:21 → 00:25:28 กระทั่งคอโมนเครียดคอร์ติซอลมาคุณจะไม่ หลับนะฮะนะทีนี้บางคนเนี่ยในเรื่องของการ
00:25:28 → 00:25:34 ออกออกกำลังกายมันก็ทำไม่ได้หรือมีข้อ จำกัดนะไอ้คนที่ทำได้เนี่ยนะมันมีน้อยอ่ะ
00:25:34 → 00:25:40 คนส่วนใหญ่เเไม่ค่อยได้ออกกำลังกายหรอกนะ ฮะนะเพราะฉะนั้นทำยังไงล่ะเขาก็อยากจะได้
00:25:40 → 00:25:46 แอนซีน่ะมาทำให้เกิดความเหนื่อยร้าของ สนองมันจะได้หลับแล้วไม่เกิดการตื่นใน
00:25:46 → 00:25:54 ช่วง 2:00 3 นะทีนี้เบอกต้นกำเนิดของสาร อินซีเนี่ยก็คือพลังงานที่ร่างกายจะต้อง
00:25:54 → 00:25:59 เกิดการเผาผลาญเหมือนๆกับเราไปออกกำลัง กายนั่นแหละคือคนออกกำลังกายมันก็เกิดการ
00:25:59 → 00:26:07 เผาผลนพลังงานนะแอดซีก็เป็นสารที่เกิดจาก การเผาผลาญพลังงานนะฮะการเผาผลาญพลังงาน
00:26:07 → 00:26:15 ที่ว่าเนี้ยนะคือการเผาผลาญไขมันนั่นเอง นะเมื่อเผาผลาญไขมันร่างกายจะเกิดสารที่
00:26:15 → 00:26:19 เราเรียกว่าแอนซีไตรฟอสเฟตเนี่ยเราก็จะ ได้
00:26:19 → 00:26:30 แอนซีนะแอนซีจะมีผลต่อสมองคือการเกิดความ เหนื่อยล้าง่วงและอยากจะนอนนะฮะสรุปนะถ้า
00:26:30 → 00:26:36 เมื่อไหร่เรามีการสลายเผาผลาญพลังงานจาก ไขมันเราจะได้
00:26:36 → 00:26:46 แอนซีซึ่งเป็นสารที่คล้ายๆยานอนหลับนั่น เองนะนะเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าไปออกกำลังกาย
00:26:46 → 00:26:52 อันนี้ก็ได้แล้วแต่ไม่มีใครห้ามแต่ก็ทำ ให้พอดีนะอย่าให้เครียดนะหรืออย่าให้เกิด
00:26:52 → 00:26:59 [\h__\h]เอฟเฟคไม่งั้นแล้วคอร์ติซอลก็จะมานะอื ครับผมแต่ถ้าไม่สะดวกในเรื่องการออกกำลง
00:26:59 → 00:27:07 กายหรือจะหาทางออกแบบอื่นๆในการสร้างสาร นี้ก็คือการปรับสภาพให้ร่างกายอยู่ในโหมด
00:27:07 → 00:27:11 การสลายเผาผลาพลังงานนั่นเองนะฮะไม่ต้อง เคลื่อนหวงเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อหรือออก
00:27:11 → 00:27:20 กำลังกายอะไรก็ได้แต่ให้ทำโดยวิธีการออก กำลังกายตับออกกำลังกายตับๆๆนะฮะนั่นก็
00:27:20 → 00:27:31 คือการใส่วัตถุดิบต้นทางคือแฟตหรือออยที่ ดีที่ดีนะนะเช่นการกินน้ำสลัดทรีออยนะ
00:27:31 → 00:27:39 อย่างถูกต้องในมื้อแรกนะร่างกายก็จะเข้า สู่กระบวนการเผาผลาญสลายพลังงานต่างๆนะฮะ
00:27:39 → 00:27:51 เกิดเป็นสาร ATP และเกิดสารยาที่ชื่อ แอนซีอย่างมากมายมหาศาลไปสะสมที่สมองนะ
00:27:51 → 00:28:00 เนี่ยนะเราเรียกว่าเป็นการออกกำลังกายตับ ในช่วงกลางวันนะโดยการกิน lo C H Fat
00:28:00 → 00:28:12 TE Oil ที่จะสะสมสารแอนซีอ่าไปมีผลต่อ สมองในตอนกลางคืนเพื่อให้เกิดการหลับลึก
00:28:12 → 00:28:17 สนิทยาวนานอย่างมีคุณภาพเพราะฉะนั้นการ ที่ทัเนี่ย
00:28:17 → 00:28:25 นะบอกว่าตอนเนี้ย นะตีทะลุเรื่อง low C High GR Z
00:28:25 → 00:28:31 เรียบร้อยแล้วผลที่ตามมาก็คือการหลับจาก สาร
00:28:31 → 00:28:41 แอนซีนะเพราะว่าร่างกายเาเผาผลาญพลังงาน จากไขมันเป็นหลักคีโตซีสอะไรต่างๆนะ
00:28:41 → 00:28:49 แอนซีนะ อ่าก็จะมีผลแตกต่างจากคีโตนนะฮะครับผมว่า
00:28:49 → 00:28:58 สารตัวนี้เขมีผลในแง่ของความง่วงเอ้ยของ การเหนื่อยล้าแล้วก็ง่วงนะถ้าแอ
00:28:58 → 00:29:08 ก็คือตอนเนี้ยเราเค้าเรียกว่า Fat adapt ket ket adapt แล้วนะฮะนะซึ่งซึ่งนะ
00:29:08 → 00:29:14 ซึ่งถ้าแออินสีนมีมากกว่าคีโตนเราจะเป็น ไง
00:29:14 → 00:29:26 หลับเออแต่ถ้าอ่าแอนซีสร้างได้น้อยคีโตน สร้างได้เยอะเราจะดีดดีตื่นนะเพราะฉะนั้น
00:29:26 → 00:29:37 คุณก็จะต้องมาปรับมาลดการสร้างคีโตนลงนะ เนี่ยมันก็ต้องดูเป็นคนๆดูเป็นกรณีกรณีไป
00:29:37 → 00:29:47 นะเพราะก็มีใช่มยล่ะว่าคีตสิคีโต adap แล้วตื่นไม่หลับเลยหลับไม่ได้เลยนะนะ
00:29:47 → 00:29:55 เพราะว่าคีโตนมันมากกว่าแอนซีนะถ้าอยาก ให้หลับทำไงอ่ะก็ต้องลดคีโตนนะก็แล้วแต่
00:29:55 → 00:30:02 จะไป cheating cing อะไรต่างๆ นะเนี่ยนะเนี่ยเพื่อให้สัดส่วนของแอดซี
00:30:02 → 00:30:12 มันเยอะมากกว่าคีโตนนะครับผมตกลงมี 2 ตัว แล้วนะ 2 ตัวเนี้ยส่วนใหญ่เขาสร้างกันใน
00:30:12 → 00:30:22 ตอนกลางวันแต่มันเป็น 2a ที่จะไปมีผลตอน กลางคืนและไปมีผลต่อเลม Sleep นะก็คือไป
00:30:22 → 00:30:32 มีผลยับยั้งเลม Sleep ทำให้ไม่ตื่นพอไม่ ตื่นก็จะหลับสนิทยาวนานไปนะฮะสุดท้ายนะ
00:30:32 → 00:30:42 อีกตัวนึงนะเค้าเรียกว่าสารเอมีนเอมีนนะ ฮะนะแต่เป็นไบโอนิคเอมีนสารเอมีนเกิดจาก
00:30:42 → 00:30:49 การกินอาหารในกลุ่มโปรตีนคุณภาพที่มีคาฟ ร่วมด้วยนะเพราะฉะนั้นเนี่ย 1 2 3 นะฮะ
00:30:49 → 00:30:59 ข้อ 1 นี่คือโปรตีนที่มีไข มันร่วมด้วยข้อ 2 เนี่ยคืออะไรคือการกินี
00:30:59 → 00:31:08 Oil นั่นเองข้อ 2 อินซีคือไขมันคือการ กินไขมันเพื่อจะไปสร้างอินซีนะอ่าให้เยอะ
00:31:08 → 00:31:17 ๆกว่าคีโตนนะจะได้หลับได้นะนะแต่ข้อแรก คืออติรีนเป็นโปรตีนเป็นหลักแต่ต้องเป็น
00:31:17 → 00:31:24 โปรตีนที่มีไขมันนะอันที่ 2 คือไขมันเป็น หลักนะส่วนอันที่ 3 คือโปรตีนที่มี
00:31:24 → 00:31:32 คาฟโปรตีนที่มีคาฟเพื่อเพื่อจะมาสร้างสาร ไบโอนิคเอมีนและจริงๆสารไบโอนิคเอมีนที่
00:31:32 → 00:31:44 ว่านี้คือเมลาโทนินคือฮอร์โมนเมลาโทนินนะ ฮะเนี่คือแผ่นสุดท้ายนะฮะครับผมเทีนี้การ
00:31:44 → 00:31:53 สร้างไบโอนิคเอมีนนะฮะร่างกายจะต้องระดม สารอาหารที่ว่าก็คือโปรตีนที่มีาฟนะฮะนะ
00:31:53 → 00:32:06 และสิ่งต่างๆเช่นแสงน้ำ คลื่นรังสีนะฮะเหล่านี้เนี่ยอ่ามาที่
00:32:06 → 00:32:15 เซลล์สมองนะฮะคือคือเหล่าเนี้ยนะจะมา ประกอบร่างกันกลายเป็นอ่าเป็นวัตถุดิบ
00:32:15 → 00:32:21 พื้นฐานในการสร้างฮอร์โมนตัวสำคัญชื่อ เมลตนินเพรางั้นเมลาโทนินเนี่ยที่บอกว่า
00:32:21 → 00:32:28 มันเป็นฮอร์โมนชนิดเดียวใน้างกายที่มันมี สีมันมีสอยอีสีด้วยนะเพราะว่ารมนอื่นๆ
00:32:28 → 00:32:34 เค้าไม่มีสีนะฮะเนี่ยอ่าเพราะว่าองค์ ประกอบของเค้าเนี่ยก็มีมาตั้งแต่อะไรอ่ะ
00:32:34 → 00:32:42 ตั้งแต่โปรตีนตั้งแต่คาฟที่เป็นคาฟเชิง ซ้อนและมีสารพฤษษาเคมีสีจัดๆโดยเฉพาะสี
00:32:42 → 00:32:49 ออกไปทางแดงๆน้ำตาลน้ำตาลน้ำเงินอะไร อย่างเงี้ยนะฮะมีแสงนะแสงเนี้ยจะต้องมี
00:32:49 → 00:32:59 ทั้งแสง uvb และแสงอินฟราเรดอ่า uvb ก็ เป็นแสงอะไรอ่าสีน้ำเงินสีม่วงเหนือม่วง
00:32:59 → 00:33:08 นะตอนกลางวันตอนเช้าอ่ะตนเช้าครับผมเี่ก็ สีแดงๆส้มๆเ่ะนะสีทั้งนั้นเลยใช่มฮะแสงก็
00:33:08 → 00:33:18 ยังมีสีเลยนะอันเนี้ยนะมีน้ำมีน้ำมีคลื่น มีรังสีจริงๆรังสีในที่นี้คือรังสีคอสมิค
00:33:18 → 00:33:28 นะฮะรังสีคอสมิคนะก็เป็นแสงเงินแสงทองเ เรียกว่าอย่างงั้นเออมาตอนเช้ามืดนะก่อน
00:33:28 → 00:33:37 พระอาทิตย์จะขึ้นแผ่รังสีคอสมิกออกมาก่อน อเป็นคอสมิคเลนะเหล่าเนี้ทั้งหมดเนี้ยคือ
00:33:37 → 00:33:44 ตัวที่จะมาสร้างเมลาโทนินนะฮะซึ่งองค์ ประกอบจะครบไม่ครบนะก็แล้วแต่ว่าเมตน
00:33:44 → 00:33:50 เนี้ยจะมีประสิทธิภาพคุณภาพดีไม่ดีนะฮะ เพราะบางครั้งเนี่ยองค์ประกอบต่างๆมันไม่
00:33:50 → 00:33:59 ครบมันก็จะเป็นเมลามินที่ที่กรุดๆด้วนๆ กระพองกระแพงประสิทธิภาพไม่ดีโลนะฮะนะค
00:33:59 → 00:34:07 ครับผมแต่ถ้าคุณเป็นคนดูแลสุขภาพเนี่ยเอ ติ้งกาวดิ้งตากดงตากแดดอะไรต่างๆของคุณ
00:34:07 → 00:34:16 น่ะนะเ่าเใช้แสงใช้รังสงรังสีเหยียบหญ้า โดนดินน้ำลมไฟกินอาหารอะไรต่างๆนะเนี่ย
00:34:16 → 00:34:25 อย่างถูกต้องอะไรอย่างเงี้ยนะคุณก็จะเป็น เมลาโทนินคุณภาพเกดเออ่ะนะฮดีมั้ยล่ะนะนะ
00:34:25 → 00:34:34 มันก็หลับดีหลับลึกสนิทยาว นานเแต่เมโตนินเนี่ยก็เป็นสารเอมีนนะฮะ
00:34:34 → 00:34:40 ที่จะเป็นองค์ประกอบชนิดนึงเนี่ยในการที่ จะทำให้เราอ่าเกิดการยับยั้งในเรื่องของ
00:34:40 → 00:34:47 เลม Sleep นะฮะซึ่งเลมสปก็จะทำให้เราต้อง ตื่น
00:34:47 → 00:34:56 น่ะอันนี้นะก็เนี่ยในช่วงเวลาเหล่านี้ เนี่ยอิทธิพลของทั้งซิรีนนะทั้งอินซีทั้ง
00:34:56 → 00:35:06 เมลาโทนินเนี่ยอ่าก็จะมีผลร่วมกันนะฮะนะ ซึ่งเขาบอกว่านะเวลาของเมลาโทนินเนี่ย
00:35:06 → 00:35:13 จริงๆแล้วเนี่ยเมลาโทนินเนี่ยมันจะเกิด มันจะเริ่มๆเกิดในสมองเนี่ยตั้งแต่ช่วง
00:35:13 → 00:35:19 ตั้งแต่ช่วงประมาณ 14:00 นแล้วล่ะช่วง เย็นๆเนี่ยนะช่วงที่พระอาทิตย์ยังไม่ได้
00:35:19 → 00:35:26 ตกดินดีอ่ะแต่เกิดภาวะแสงอ่าเรดไลท์แสง แดงแสงลำไรอะไรต่างๆเนี่ยเนี่ยเมลาโทนิน
00:35:26 → 00:35:31 ก็เริ่มผลิตแล้วล่ะมันเป็นสัญญาณตาม ธรรมชาติตามเซอกระเดี่ยนะฮะนะแต่เขาบอก
00:35:31 → 00:35:39 ว่าพีคเมลาโทนินเนี่ยมันจะเป็นพีคสูงสุด เนี่ยในช่วงเดียวกับโดฮอร์โมนนะฮะอืครับ
00:35:39 → 00:35:46 ก็คือพีคของเขาจะเป็นพีคสูงสุดในช่วง 1 - 3:00 ปี 1 3 แต่เตนเนี่ยเสร้างก่อน
00:35:46 → 00:35:53 สร้างสะสมขึ้นไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆนะทั้งจาก ภายนอกภายในอะไรต่างๆเนี่ยมันเป็น
00:35:53 → 00:36:03 แฟกเตอร์มันเป็นปัจจัยนะที่มาบวกๆๆๆๆๆบก เสริมๆๆๆๆอ่าเปลี่ยนๆๆี่ๆอย่างเงี้นะเ
00:36:03 → 00:36:09 ส่วนโกดฮอร์โมนโกดฮอร์โมนคนเรามักจะมาตอน ไหนอ่ะนะส่วนใหญ่มันก็จะมาตอนประมาณ 23 น
00:36:09 → 00:36:18 อ่ะนะมาในช่วงของระบบน้ำดีนะนะก็คือมา ประมาณเนี้ยช่วง 23 นนะแล้วก็มันจะอยู่
00:36:18 → 00:36:25 ประมาณ 4 ชมงก็คือ 23 นถึง 3 แต่พีคมันจะ สูงสุดก็ช่วง 2:00 3:00 นะเพราะฉะนั้น
00:36:25 → 00:36:33 ทั้งเมลานินทั้งโกดฮอร์โมนเจะพที่สูงสุด ในช่วง 2:00 3 นะแต่ถ้าเมลาโทนินคุณภาพ
00:36:33 → 00:36:42 ต่ำนะอ่าไม่ดีนะฮะนะโดฮอร์โมนร่างกาย สร้างไม่ได้นะฮะเกิดภาวะเคเดนเบรกนะไอ้
00:36:42 → 00:36:50 ตัวเลมสฟเนี่ยอ่าก็จะไม่มีอะไรไปขัดขวาง เขานะในที่สุดเราก็ต้องตื่นอ่าแล้วก็มามา
00:36:50 → 00:37:00 ตื่นช่วงเนี้ยนะยิ่งถ้าอะซิติลโคลีนแอนซี ก็หงอยก๋อยอ่าไม่มีประสิทธิภาพนักอะไร
00:37:00 → 00:37:08 อย่างงี้นะอ่าทีนี้ดูรายละเอียดนิดนึงว่า ไอมีนเนี่ยประกอบไปด้วยอะไรนะฮะไบออน
00:37:08 → 00:37:14 เนี่ยมีองค์ประกอบก็จะมีอะไรนะมีสารสื่อ ประสาทสมองเล็กๆน้อยๆนะก็คือซีโรโทนิน
00:37:14 → 00:37:22 โดปามีนนารีนนะอันนี้เป็นสารสื่อประสาท ของสมองนะซึ่งพวกเนี้มันต้องเข้าไปรวมกัน
00:37:22 → 00:37:30 ทั้งหมดแล้วในในแล้วแล้วก็สร้างเป็นนี่ เมลาโทนินนะฮะนะทีนี้ไบออนเนี่ยนะตัวหลัก
00:37:30 → 00:37:39 เลยเนี่ยก็คือกดอะมิโนที่ชื่อไฟ hdy trt แฟนนะกดอะมิโนตัวนี้นะซึ่งจะ
00:37:39 → 00:37:46 อ่าเราจะต้องได้รับจากอาหารอาหารก็คือ โปรตีนในเนื้อสัตว์และรวมทั้งในในสั่ว
00:37:46 → 00:37:53 เหลืองหมักอะไรต่างๆพวกเนะฮะนะเอ่อแต่ตัว ทิปโทแฟนเนี่ยนะ
00:37:53 → 00:38:01 อ่าจะต้องอะไรอ่ะจะต้อง มีมีการไปพร้อมกับแป้งเชิงซ้อนและฮอร์โมน
00:38:01 → 00:38:11 อินซูลินในขนาดต่ำๆพอดีพอดีด้วยเสมอนะคือ ในขนาดเซอลหรือเกินจากเซออ่าอ่า 2 เท่า
00:38:11 → 00:38:17 อะไรอย่างเงี้ยนะฮะไม่เยอะเพราะอินซูลิน ต้องไม่เยอะนะฮะนะแล้วขณะเดียวกันต้องมี
00:38:17 → 00:38:25 แป้งเชิงซ้อนในโคต้าที่ถูกจำกัดควบคุมว่า กินได้เท่าไหร่นะเนี่ยหรือถ้าเป็นเบาหวาน
00:38:25 → 00:38:32 แป้งเชิงซ้อนไม่ได้ก็ต้องเป็นผักหู นะคืออย่างน้อยต้องมีคาฟในขนาดต่ำๆนะอ่า
00:38:32 → 00:38:41 แล้วมีฮอร์โมนอินซูลินในขนาดพอดีๆๆนะเซอ เลเวลไม่เกิน 2 เท่านะเงี้ยแล้วก็มีกด
00:38:41 → 00:38:51 อะมิโนทิปโทแฟนจากโปรตีนพืชโปรตีนสัตว์ ครับผมอันนี้เขาเป็นโครงสร้างและอ่าเป็น
00:38:51 → 00:39:00 ตัวที่จะทำให้อินซูลินเอทำให้เมลาโทนิน เนี่ยทำงานได้นะซึ่งจะทำให้เราหลับได้นะ
00:39:00 → 00:39:08 สรุปโครงสร้างของเมลาโทนินเนี่ยนะฮะเขาจะ ต้องมีคาฟรวมอยู่ด้วยเสมอนะนะนะแล้วเรา
00:39:08 → 00:39:18 รู้มลว่าฮอร์โมนนะที่เป็นคฟ Dependent เนี่ยอ่าก็จะมีอยู่ 4 ตัวนะคือนอกจาก
00:39:18 → 00:39:25 เมลานินแล้วเนี่ยนะฮะเพราะว่าคก็ไปเป็น โครงสร้างนะไทรรอยด์โปรเจสเตอโรนเลปตินนะ
00:39:25 → 00:39:31 ฮะ 3 ตัวนี้เนี่ยก็จะต้องมีคาฟไปอยู่ใน โครงสร้างของไทรรอยด์โปรเจสเตอโรนกับ
00:39:31 → 00:39:40 เลปตินด้วยเสมอนะเลปตินเนี่ยต้องมีคานะ คุณจะให้เรตินออกมาได้และทำงานได้ดีและ
00:39:40 → 00:39:48 การหายจากการดื้อเลปตินคุณต้องใส่คาฟไป ด้วยนะเพราะโครงสร้างของเลปตินที่มันแี
00:39:48 → 00:39:54 เนี่ยมันจะต้องมีโครงสร้างของคาฟอยู่ด้วย โปรเจสเตอโรนต้องมีคาฟนะเพราะงั้นในช่วง
00:39:54 → 00:40:00 ที่จะมีประจำดวงประจำเดือนต้องกินคาฟก่อน ที่จะเป็นเมนนะฮะไทรรอยด์ก็ต้องมีคาฟ
00:40:00 → 00:40:08 เมลาโทนินต้องมีคาฟเพราะฉะนั้นด้วยเหตุ เนี้ยเราถึงต้องมีการเติมคาฟที่ถูกต้อง
00:40:08 → 00:40:18 และที่ดีในมื้อเย็นแต่ต้องมีการควบคุม จำกัดนะในเรื่องของโควต้าและสัดส่วน
00:40:18 → 00:40:25 เด้อครับผมอ่าอย่างอื่นนะฮะนอกจากตัว โปรตีนที่ทิซแฟนที่สำคัญแล้วก็วิตามินดี
00:40:25 → 00:40:33 นะจากแสงแดดนะเพราะการตากแดด uva uvb ไอ ไอ้แล้วก็ Red Light อะไรต่างๆเนี่ยนะ
00:40:33 → 00:40:41 อ่าโดยเฉพาะในช่วงอ่าที่มี uvb มาเนี่ย เราก็จะมีการสร้างวิตามิน D นะอ่าวิตามิน
00:40:41 → 00:40:49 B1 นะอันนี้ก็จากเนื้อสัตว์แมกนีเซียม อันนี้ต้องจากพืชผักประเภทคาฟนะฮะสังกสี
00:40:49 → 00:40:57 นะส่วนใหญ่ก็อยู่ในสัตว์ทะเลวิตามินซีอ่า วิตามินซีส่วนใหญ่ต้องต้องต้องมากับารฟ
00:40:57 → 00:41:07 เป็นหลักนะอถึงแม้ว่าตับสัตว์จะมีวิตามิน ซีเยอะแต่มันไม่มีอินซูลินในขนาดต่ำต่ำนะ
00:41:07 → 00:41:15 ออินซูลินมันต่ำเกินไปนะต้องเป็น C จาก พืชนะฮะที่จะมีวิตามินซีพาเข้าเซลล์ครับ
00:41:15 → 00:41:22 ผมนะนอกจากคุณไปกินแบบวิตามินซีที่ถูกไข มันพาเข้าเซลล์อ่ะอันนั้นก็ต้องซื้อแล้ว
00:41:22 → 00:41:28 ล่ะเเรียกไพซอล ไซมอลครับผม
00:41:28 → 00:41:34 อ่าเหล่านี้ก็คือไบโอเอมีน เมลาโทนินที่จะออกฤทธิ์ทำงานได้อย่างมี
00:41:34 → 00:41:43 ประสิทธิภาพมีคุณภาพและจะไปยับยั้งเรื่อง ของเลม Sleep ทำให้เราไม่ต้องตื่นและหลับ
00:41:43 → 00:41:52 ต่อได้ทสดุสุดท้ายก็คือแล้วอาหารอะไรเอ่ย อ่าในมื้อเย็นที่กินแล้วจะได้สารนไบโอน
00:41:52 → 00:41:57 เมลาโทนินคำตอบก็คืออาหารทะเลสัตว์น้ำ นั่นแหละ
00:41:57 → 00:42:06 นะอาหารทะเลนะกินกับแป้งเชิงซ้อนถั่ว เมล็ดแห้งกินอาพืดอะไรอย่างงี้นะเพราะ
00:42:06 → 00:42:13 ฉะนั้นเนี่ยหมอเคยไปลงให้เมื่อวานเนี้ยนะ เกี่ยวกับการกินอาหารสร้างกล้ามในมื้อ
00:42:13 → 00:42:20 เย็นนี่แหละนะฮะใช่ครับผมก็คืออาหารที่ เป็นไบโอเอมีนเมลาโทนินนี่แหละนะฮะนะให้
00:42:20 → 00:42:28 กินอย่างนี้นะส่วนใหญ่ก็เป็นข้าวต้มทะเล ข้าวต้มปลาข้าวต้มกุ้งนะอ่าอาจจะมีมียำมี
00:42:28 → 00:42:40 เ่อแกงจืดนะอ่าหรือก็มีพวกเครื่องในสัตว์ นะฮะนะพวกนี้ก็เป็นเป็นเป็นเป็นไอ้ตัวที่
00:42:40 → 00:42:50 จะทำให้มีทิปโทแฟนเยอะมากนะนะพวกต้มเลือด หมูต้มเครื่องในอะไรต่างๆเนี่ยนะอืซึ่งแก
00:42:50 → 00:42:55 ว่าคนส่วนใหญ่มากินตอนเช้าจริงๆเต้องกิน ตอนเย็นนะฮะต้องกินตอนเย็นสลับกันเลยครับ
00:42:55 → 00:43:00 ผมเออมันแปลกสลับกันกินตอนเช้ากินเศษก็ ไม่นอน
00:43:00 → 00:43:06 เออกมีเสษแล้วง่วงต้องทำงานอย่าเงี้ยเหรอ เออเราก็ไม่รู้เหมือนกันคนยุคนี้สมัยนี้
00:43:06 → 00:43:13 นะเอ่อพูดอะไรไปเค้าก็ไม่เชื่อหาว่าขี้ โม้เพราะว่าไอ้คนที่รู้ก็ตายกันไปหมดแล้ว
00:43:13 → 00:43:20 เทยอยตายกันไปหมด แล้วนะเ้าสรุปนะสรุปจริงๆแล้วเนี่ยสาร
00:43:20 → 00:43:28 อาหาร 3A เนี่ยนะเอ่อที่เขาจะกลายไปเป็น ศาลสื่อประสาทนะฮะนะแล้วจริงๆเนี่ยทั้ง
00:43:28 → 00:43:33 หมดนี้นะฮะ 3A เนี่ยไม่ว่าจะเป็นอิลีนไม่ ว่าจะเป็น
00:43:33 → 00:43:42 แอนซีหรือเมลาโทนินก็ตามนะสุดท้ายแล้ว เมื่อเกิดปฏิกิริยาในสมองจริงๆเนี่ยเขาจะ
00:43:42 → 00:43:49 อยู่ในรูปแบบของความเป็นพลังงานหรือเป็น Energy นะฮะนะเเรียกว่า powerful Energy
00:43:49 → 00:43:56 powerful Energy นะฮะเนี่ยนะเพราะ ฉะนั้นร่างกายที่ได้กินอิ่มเรามีศัพท์คำ
00:43:56 → 00:44:04 ว่ากินอิ่มหลับอิ่มในที่นี้คือกินนครบนะ โดยเฉพาะการครบด้วยสารอาหาร 3A นะซิติลีน
00:44:04 → 00:44:14 อินซีและอะไรอ่ะแล้วก็เอมีนไอจิเอมีนนะฮะ นะเราจะนอนหลับได้นะฮะการนอนหลับลึกๆเป็น
00:44:14 → 00:44:22 การสร้างพลังงานนะเป็นการสร้างพลังงานรูป แบบหนึ่งก็คือร่างกายโดยสมองเนี่ยเกิดการ
00:44:22 → 00:44:29 เผาผลนพลังงานนั่นแหละนะฮะก็เป็น the most powerful Energy นะฮะนะสมองเนี่ย
00:44:29 → 00:44:36 นะซึ่งในส่วนของสมองมีทั้งกายหยาบกับกาย ละเอียดนะนะสมองในส่วนที่เป็นกายละเอียด
00:44:36 → 00:44:46 นะฮะคือกายแห่งจิตนะเนี่ย เอ่อนะจะเกิดความนิ่งสงบและหลับได้ด้วย
00:44:46 → 00:44:53 พลังงาน Energy Balance นะฮะก็คือนี่ แหละพลังงานที่ว่าทั้งหมดนี่แหละจาก 3A
00:44:53 → 00:45:00 นี่แหละนะการนอนหลับอย่างมีคุณภาพลึกสนิ ยาวนานติดต่อกันถือว่าเป็นกระบวนการสลาย
00:45:00 → 00:45:06 เผ่าผันพลังงานอย่างมากแบบนึงของร่างกาย โดยมีชื่อเรียกว่า resting Energy
00:45:06 → 00:45:14 expenditure นะและพบว่าพลังงานที่จะนำมา ใช้ในการสลายเผาผลาญที่สมนที่สุดก็คือไข
00:45:14 → 00:45:21 มันไขมันไข มันนี่แหละอันเนี้ยก็สำคัญมากนะฮะเพราะ
00:45:21 → 00:45:27 งั้นเราคอยรู้เรื่อง 3A แล้วเนาะเออครับ เอ่อวันนี้ก็คุยกัน
00:45:27 → 00:45:43 แค่นี้เนาะอ่าครับผม [เพลง]
00:00:00 → 00:00:10 [เพลง]
00:00:10 → 00:00:17 มาเรื่องเรื่องสุดท้ายในวันนี้นะฮะนะ เรื่องสุดท้ายในวันนี้หมอจะพูดถึงเรื่อง
00:00:17 → 00:00:24 ว่าคนเราเนี่ยก็จะมีปัญหาไม่ว่าจะเป็น Sugar burner Fat burner หรือแม้แต่
00:00:24 → 00:00:30 คุณกินโลคะคีโต CD แล้วป่ะนะหลายคนเนี่ย ก็จะมีข้อสงสัยในเรื่องของ
00:00:30 → 00:00:41 ของการตื่นกลางดึกนะฮะนะคือคุณจะทำเ่ออ่า โภชนาการแบบ ow C If ออกกำลังกายอะไรก็
00:00:41 → 00:00:48 ตามนะคนที่เขามีปัญหาเรื่องการนอนหลับ เนี่ยเขก็จะมีปัญหากันจริงๆนะฮะนะถึงจะทำ
00:00:48 → 00:00:55 ดีขนาดไหนอะไตต่านะอ่าอันนี้ก็จะเป็น เทคนิคมาเสริมนะมาเสริมแล้วกันนะฮะถ้าใคร
00:00:55 → 00:01:03 หลับดีแล้วก็ไม่เป็นไรนะครับผมทีนี้ตรง นี้เนี่ยนะหัวข้อมันก็คือว่า 3A สารอาหาร
00:01:03 → 00:01:10 3 กลุ่มต่อไปนี้จะเป็นตัวช่วยเพิ่มสาร สื่อประสาทให้กับสมองแล้วทำให้เกิด
00:01:10 → 00:01:20 ปรากฏการณ์ที่คนมีปัญหากันบ่อยๆเนี่ยนะฮะ นะก็คือชอบตื่นขึ้นมาในช่วง 2:00 น 3:00
00:01:20 → 00:01:27 นนะแล้วนอนหลับต่อไม่ได้นะเเรียกว่าตื่น กลางดึกนะจะเป็นสาเหตุมาจากอะไรก็ตามนะ
00:01:27 → 00:01:36 แต่เดี๋ยวก็จะมีสรุปไว้ให้นะฮนะซึ่งถ้า เราสามารถได้รับสารอาหาร 3 กลุ่มหรือ 3A
00:01:36 → 00:01:47 เนี่ยนะฮะเข้าไปในร่างกายเราได้ในระดับ อย่างดีเลยอ่ะนะฮะนะเราจะหลับลึกและไอ้วง
00:01:47 → 00:01:54 จรที่จะมาตื่นในช่วงเนี้ยนะมันจะไม่เกิด นะฮะแล้วคุณก็จะหลับแบบมีคุณภาพลึกสนิท
00:01:54 → 00:02:02 ยาวนานไปตลอดอืมนี้น่าสนใจมั้ยนะน่าสน ครับผมเอออันเนี้ยเค้าเรียกว่าสารอาหาร 3
00:02:02 → 00:02:08 กลุ่มนะเราเรียกว่า 3A นะ 3A
00:02:08 → 00:02:15 อ่าเอ่อทีนี้ก่อนที่จะไปถึงรายละเอียด เนี่ยนะฮะก่อนหน้าเนี้ยก็จะมี 2 คำถามนะ
00:02:15 → 00:02:21 ฮะนะที่หมอก็ตอบไปสั้นๆน่ะอันที่ 1 เนี่ย ที่มีคนถาม
00:02:21 → 00:02:29 ว่าบางคนเนี่ยเค้าเข้ามาการกินแบบน้ำมัน ทีออยในช่วงแรกอ่ะนะก็คือกิน ow C High
00:02:29 → 00:02:36 good fy อ้อยนะแต่กินช่วงแรกกับอีกพวก นึงเนี่ยก็กินไปนานยาวนานพอสมควรแล้วหลาย
00:02:36 → 00:02:45 ๆเดือนไปแล้วนะฮะนะแต่ทำไมยังมีภาวะที่ เค้าง่วงนะหลังกินเอ่อเค้าง่วงหลังกินนะ
00:02:45 → 00:02:55 ฮะนะอันเนี้ยประเด็นนึงนะส่วนอีกประเด็น นึงเป็นของแอดมินของเราเองนะว่าเออคุณหมอ
00:02:55 → 00:03:03 เนี่ยก็กินอย่างนี้น่ะมาเกินครึ่งปีแล้ว ล่ะนะนะตั้งแต่เราไลฟ์กันมาเมื่อเกือบจะ
00:03:03 → 00:03:11 กลางปีที่แล้วนะฮะครับแมาถึงตอนเนี้ยแหม หลับได้หลับดีเหลือเกินหลับสนิทึกยาวนาน
00:03:11 → 00:03:21 อู้ยนะเอ่อดูไอ้ตัวมอนิเตอร์อะไรต่างๆเ ตัวเลขทุกอย่างดีหมดเลยนะแล้วก็การหลับดี
00:03:21 → 00:03:30 แค่ไหนก็ 90 กว่าเปอร์เซ็น 8 90 95% เ นะครับผมดีมาก 3 แห่นเนี้ยจะมาช่วยอธิบาย
00:03:30 → 00:03:37 นะฮะจะไม่ช่วยอธิบายอเพราะฉะนั้นเราก็ดู กันไปนะฮะอ่ะในเบื้องต้นเนี่ยตื่นเลยครับ
00:03:37 → 00:03:44 ตื่นเลย ครับหลับเห็นหลับดีอยู่เมื่อกี้การหลับ
00:03:44 → 00:03:52 ลึกไม่ตื่นนะฮะหลับลึกเนี่ยการหลับลึก เนี่ยให้โฟกัสคำว่าหลับลึกหลับลึกมันเกิด
00:03:52 → 00:04:00 จากนี่ฮะสารสื่อประสาทสมองนะอันนี้คือ สิ่งสำคัญที่สุดเลยนะเพราะฉะนั้นตัวสาร
00:04:00 → 00:04:13 สื่อประสาทสมองเราสมบูรณ์ครบพอมนะเนี่ย ถ้าพอเนี่ยนะอันนี้เป็นเรื่องหลักนะนะ
00:04:13 → 00:04:25 นะของการที่จะหลับลึกและมีคุณภาพสนิทยาว นานไม่ตื่นขึ้นมาในช่วงนี้นะฮะนะเนี่ยเออ
00:04:25 → 00:04:31 นะอันเนี้ยอันนี้อันนี้อันนี้ต้องให้ความ สำคัญตามมันจะประกอบไปด้วยอะไรบ้างเดี๋ยว
00:04:31 → 00:04:39 เราไปจะรู้นะอ่ะครับผมวงจรการนอนหลับหรือ Sleep Cycle ของคนเรานะฮะ 1 รอบนะเจะ
00:04:39 → 00:04:44 คิดเป็นเวลาเนี่ย 90 นาทีหรือชั่วโมง ครึ่งนะ
00:04:44 → 00:04:55 นะซึ่งก็จะประกอบไปด้วย 2 ลักษณะอันที่ 1 ก็คือ non L Sleep นะนะ non นะนะ non L
00:04:55 → 00:05:00 Sleep เนี่ยก็คือช่วงที่สมองหลับลึกลึก แบบสนิท
00:05:00 → 00:05:10 นะก็คือไม่ฝันไม่ฝันเอ่อนิ่งสนิทเสถียรคง ที่สมองนิ่งสนิทคลื่นสมองเป็นระเบียบ
00:05:10 → 00:05:15 เรียบร้อยนะ นะไม่มี
00:05:15 → 00:05:23 อ่าผิดปกติอะไรทั้งสิ้นนะฮะ นะก็แล้วแต่ว่าแต่ละบุคคลเนี่ยในช่วงนอน
00:05:23 → 00:05:31 เลม Sleep เนี่ยจะยาวนานแค่ไหนแต่ส่วน ใหญ่จะไม่ค่อยยาวไม่ค่อย
00:05:31 → 00:05:38 ยาวคือเขาบอกว่าการหลับใน 1 คืนเนี่ยนะฮะ นะคำที่ใช้คำว่าหลับลึกเนี่ยอย่างน้อยจะ
00:05:38 → 00:05:43 ต้องมีประมาณถ้าถือว่าสุขภาพดีนะต้องมี เกิน
00:05:43 → 00:05:53 25% ของของเวลาของการนอน หลับต้องมีเกิน 25% ขึ้นไปนะฮะแล้วที่
00:05:53 → 00:06:00 เหลือเนี่ยจะเป็นช่วงเลม Sleep นะคือตอนแรกๆเนี่ยเมื่อเราเข้านอนแล้วเรา
00:06:00 → 00:06:08 หลับนะเราจะหลับลึกในไซเคิลแรกนะเรียกว่า non L Sleep นะหลังจากนั้นเนี่ยอาจจะ
00:06:08 → 00:06:15 ไม่ยาวบางคนไม่ไม่ถึง 15 นาทีครึ่ง ชั่วโมงนะเแต่มันก็ลึกอ่ะนะแล้วจะค่อยๆ
00:06:15 → 00:06:23 กระเถิบกระเถิบเขยิบยิบเข้าสู่ภาวะเลม Sleep คำว่าเลม Sleep หมายถึงช่วงที่
00:06:23 → 00:06:29 สมองเริ่มตื่นแต่ตอนนั้นเราก็กำลังหลับ อยู่อ่ะแต่สมองกำลังเริ่มะเริ่มเริ่มแล้ว
00:06:29 → 00:06:38 ทีละนิดทีละนิดที่ตื่นๆๆอืตื่นตื่นคือรู้ สึกตัวนะฮะนะซึ่งในระหว่างนี้เนี่ยนะก็จะ
00:06:38 → 00:06:49 เกิดมีอ่ามีความฝันนะมีการฝันเกิดขึ้นนะ นะซึ่งเลม Sleep เนี่ยเป็นความฝันที่คน
00:06:49 → 00:06:57 เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วจะจำความฝันได้จะจำ ความแล้วทั้งหมดเนี่ย non L Sleep กับ
00:06:57 → 00:07:03 เลม Sleep เนี่ยนะจะอยู่ในไคลรวมๆทั้งหมด 90 นาทีก็แล้วแต่สัดส่วนอะไรจะมากน้อย
00:07:03 → 00:07:08 แค่ไหนนะส่วนใหญ่แล้วเลม Sleep จะเยอะ กว่า 1
00:07:08 → 00:07:19 ชมงเสมอนะฮะนะใช่ครับ ผมอ่าแล้วก็นอนเลมเนี่ยก็ส่วนใหญ่ไม่เคย
00:07:19 → 00:07:26 เกินครึ่งชั่วโมงอ่ะนะเว่างั้น นะทีนี้แล้วแต่เราเข้านอนเร็วหรือช้าถ้า
00:07:26 → 00:07:33 เข้านอนเร็วพอถึงช่วง 3:00 2:00 3 เนี่ยมันจะเป็นรอบที่ 3 แต่ถ้าเข้านอนสัก
00:07:33 → 00:07:44 23 นเยงนะฮะนะหรือประมาณเนี่ย 2 นเนี่ย นะอันเนี้ยมันจะไป 2 รอบนะไอ้เยออก็จะจะ
00:07:44 → 00:07:54 เป็นรอบที่ 2 เนี่ยที่เลม Sleep สมอง กำลังจะตื่นนะฮะในรอบที่ 2 พอดีเลยนะถ้า
00:07:54 → 00:08:02 นอน 23 น นะแล้วถ้าจะต้องตื่นนะฮะนะมีสิ่งกระตุ้น
00:08:02 → 00:08:10 ให้ตื่นนะหรือมีตัวไม่มีตัวเบรคให้ไม่ ตื่นให้หลับนะก็ต้องตื่นก็เลยกลายเป็น
00:08:10 → 00:08:19 ตื่น 2:00 นหรือ 3:00 น เนี่ยนะก็คือเลม Sleep เราจะถูกกระตุ้น
00:08:19 → 00:08:29 หรือถูกยับยั้งถ้าเลม Sleep ถูกยับยั้ง ได้เราจะหลับนะหลับสนิทยาวนานไปถื่นเาช
00:08:29 → 00:08:39 เลยนะแต่ Sleep ถูกรบกวนเเรียกว่า disrupt เนี่ยเราจะตื่นแล้วหลับไม่ได้หลับไม่ได้
00:08:39 → 00:08:48 นะอ่าสรุปคุณก็หลับได้แค่ 2 ไซเคิลนะ 2 หรือ 3 ไซเคิลเท่านั้นแหละนะ
00:08:48 → 00:08:55 ซึ่งอันนี้เป็นการหลับที่ไม่ถึง 5 ชั่วโมงคุณจะเสียสุขภาพเพะคุณจะป่วยในที่
00:08:55 → 00:09:05 สุดนะอ่ะทีนี้ในช่วงเวลา 2:00 3:00 น เนี่ยนะฮะเมื่อช่วงวงจรการนอนหลับนะหรือ
00:09:05 → 00:09:14 อ่า Sleep Cycle เนี่ยมันผ่านไป 2-3 วง รอบนะฮะนะจะเกิดความผิดปกตินะที่เป็นการ
00:09:14 → 00:09:21 รบกวนเลม Sleep นะฮะคลื่นสมองจะสะดุดนะ กระตุกและผวาตื่นขึ้นมาซึ่งเราเรียกว่า
00:09:21 → 00:09:30 cal bak นะหรือการ disrupt Sleep Cycle นะฮะนะเราพบว่าสิ่งที่เป็นตัว
00:09:30 → 00:09:39 disrupt นะฮะเป็นตัวเป็นรบกวนทำให้เลม Sleep เนี่ยนะไม่สามารถสงบหรือหลับต่อไป
00:09:39 → 00:09:48 ได้เนี่ยนะก็คือคอร์ติซอลอินซูลินรวมทั้ง การใช้ยาลดน้ำตาลและยาเบาหวาดนะอันนี้นะ
00:09:48 → 00:09:57 คอร์ติซอลมีผลมากที่สุดนะลองลงมาคือ อินซูลินนะเนี่ยนะแล้วก็เรื่องการรักษา
00:09:57 → 00:10:05 เบาหวานด้วยยานะะนะทนี้ข้ออธิบายมีอย่าง นี้นะฮะนะเอาเรื่องอินซูลินก่อนนะอิซูลิน
00:10:05 → 00:10:15 disrupt นะไอ้ตัวเนี่ยเลม Sleep เนี่ย อย่างไรนะฮะนะนะก็คือจำได้มยเมื่อกี้นี้
00:10:15 → 00:10:22 นะ อ่า 3 หย่าที่ทำให้น้ำตาลตกจำ 3 หย่าได้
00:10:22 → 00:10:35 มยนะฮะนะว่าอยกินคาแปรรูอ่าอย่าทำไโปรลอง ฟ้าที่ไม่เหมาะสมจะแรงออกกำลังอะไรต่างๆ
00:10:35 → 00:10:43 เพราะสิ่งเหล่านี้นะจะทำให้อ่าน้ำตาลมัน ตก
00:10:43 → 00:10:53 นะก็คือสิ่งเหล่านี้เนี่ย นะมันมักจะเป็นปัญหาในตอนกลางวันนะนะซึ่ง
00:10:53 → 00:10:58 กลางวันเนี่ยอินซูลินเนี่ยเรากินผิดไง กลางวันเราไปกินาฟเราไปกินอะไรต่างๆกิน
00:10:58 → 00:11:04 แป้งกินน้ำการกินผลไม้นะไปอัญเชิญ อินซูลินมาตั้งแต่ตอนกลางวันนะอินซูลิน
00:11:04 → 00:11:12 ที่มาตอนกลางวันเป็นอินซูลินดุร้ายและจะ เป็นอินซูลินที่ก้าวร้าวไม่อยู่ในร่องใน
00:11:12 → 00:11:20 รอยไม่ได้ทำอะไรตามหน้าที่เขาจะทำผิดหน้า ที่ไปหมดแทนที่มาแล้วจะลดไปเขาจะไม่ไปเา
00:11:20 → 00:11:29 จะลอยค้างนะเ่อเขาท้าทายนะฮะครับผมซึ่ง ถ้าเกิดคุณเป็นาร burner หรือค burner
00:11:29 → 00:11:36 เนี่ยนะแล้วคุณกินเหล่าเนี้ยที่หมอว่า เนี่ยผิดในช่วงกลางวันนะตั้งแต่ตื่นน่ะนะ
00:11:36 → 00:11:43 ก็รีบกินโงกินข้าวกินน้ำเต้าหู้กินผลไม้ กินแป้งกินน้ำตาลกินโอ้ไปเซเว่น fam
00:11:43 → 00:11:50 Family แมคโครโลตับิกซีกีกินๆนะเรียบ ร้อยอินซูลินมาทั้งวันแล้วอินซูลินมาแบบ
00:11:50 → 00:11:58 เนี้ยเป็นอินซูลินดูร้ายเขาจะลอยค้างอยู่ ทั้งวันแล้วเขาก็จะเผื่อแผ่ตัวเขาเองอ่า
00:11:58 → 00:12:06 ไม่ลงกูไม่ลงกูไม่ลงกูไม่ลงนะยาวต่อ เนื่องไปถึงกลางค่ำกลางคืนนะฮะแล้วมันจะ
00:12:06 → 00:12:15 เป็นยังไงอ่ะนะแน่นอนอินซูลินเนี่ยที่เมา เนี่ยเมาเอาน้ำตาลลงแล้วการที่อินซูลินเ
00:12:15 → 00:12:21 ดุร้ายก้าวร้าวเนี่ยเวลาเ้าเอาน้ำตาลลง เ้าเอาลงแบบหัวทิ่มบ่อนะเ้าไม่ได้ค่อยๆ
00:12:21 → 00:12:29 เอาลงเออเไม่ใช่อินซูลินพ่อพระที่มาตอน เย็นๆตามธรรมชาติอินซูลินแบบนี้ที่มาตั้ง
00:12:29 → 00:12:37 แกแแหกหูแหกตามาตั้งแต่เช้าเพราะเรากิน ผิดเนี่ยนะเขมาปุ๊บเนี่ยนะเออเขาก็าศเลย
00:12:37 → 00:12:44 ครับเออเขาก็แอบแอบๆอยู่ข้างบนนั่นแหละ ลอยอยู่ข้างบนน่ะนะนะน้ำตาลจะลงก็ลงไปแต่
00:12:44 → 00:12:52 กูอยู่ข้างบนนะนะแล้วก็อยู่ไปกลางค่ำกลาง คืนด้วยอ่ะนะฮะเพราะฉะนั้นเนี่ยอันนี้คือ
00:12:52 → 00:13:00 ภาวะน้ำตาลโตะอันเนื่องมาจากกินนะฮะอัน เนื่องมาจากการกินที่ไม่ถูกต้องนะเนี่ย
00:13:00 → 00:13:07 เรื่องกินเรื่องใหญ่นะเพราะเกิดภาวะช่วง กลางวันน้ำตาลมันสวิงนะแล้วก็หักหัวลงนะ
00:13:07 → 00:13:14 แล้วไงอ่ะคอร์ติซอลก็มามาเอาขึ้นอินซูลิน เอาลงคอร์ติซอลเอาาขึ้นอินซูลินเอาลงนะ
00:13:14 → 00:13:22 กลางวันมันก็จะเกิดสงครามพ่อแม่อย่าง เงี้ยงัดงัดงัดกินอยู่ครับผมเอทีนี้นี่
00:13:22 → 00:13:28 คือบทบาทข้อแรกของอินซูลินนะซึ่งเมื่อเขา อยู่ไปจนถึงกลางค่ำกลางคืนนี่แหละนั่น
00:13:28 → 00:13:39 แหละนะเค้าก็จะไปทำให้เกิดการ disrupt นะ นะเนี่ยเนี่ยตัว R Sleep ในช่วงสมองที่
00:13:39 → 00:13:50 ตื่นนะนะทำให้ต้องตื่นนะฮะนะนะเพราะการ รับอันนี้นะตัวแม่ก็จะมา
00:13:50 → 00:14:00 นะตัวพ่อไม่ไปสักทีตัวแม่ก็ก็ต้องมาประกบ อ่ะนะนะพอคอซอมาเนี่ยตื่นต่อนะคือกระบวน
00:14:00 → 00:14:06 การซับอันนี้เนี่ยส่วนใหญ่มันจะเป็น อิทธิพลของคอร์ติซอลแต่อินซูลินเนี่ยนะ
00:14:06 → 00:14:14 เขาก็มาทำทางไว้ให้แล้วล่ะนะเนี่ยพอไม่ลง อ่ะคอร์ติซอลก็มานะอ่ะต่อไปอินซูลินไม่
00:14:14 → 00:14:20 ได้ทำข้อ 1 ข้อเดียวนะที่ทำให้น้ำตาลสวิง แล้วตกอินซูลินเนี่ยที่สูงค้างในตอนกลาง
00:14:20 → 00:14:32 วันนะเขาจะทำให้เกิดนะสิ่งนึงก็คือการ กระตุ้นระบบประสาทซิมพาเตินะฮะนะของการ
00:14:32 → 00:14:41 ปวดปัสสาวะในตอนกลางคืนอ่านี่แหละนะจนทน ไม่ได้นะต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วลุกไป
00:14:41 → 00:14:50 ฉี่นะในตอนกลางดึกนะคือบางคนก็ฉี่ทั้งคืน นะโดยเฉพาะถ้าเป็นเบาหวานไปแล้วนะฮะแต่
00:14:50 → 00:14:58 พระบางคนเนี่ยเป็นแค่ดื้ออินซูลินเฉยๆนะ หรือเป็นแค่อะไรอ่ะภาวะก่อนเบาหวานเนี่ย
00:14:58 → 00:15:03 นะ อาจจะไม่ได้ฉี่ทั้งคืนแต่เวลาที่จะเกิด
00:15:03 → 00:15:11 การสะดุ้งตื่นแล้วขึ้นมาฉี่ทั้งคืนเนี่ย ก็คือเวลา 2:00 น - 3:00 นนะเพราะว่าถ้า
00:15:11 → 00:15:19 อินซูลินที่เยังสูงค้างนะแต่เขไม่ได้มีผล ต่อการเหวี่ยงน้ำตาลอะไรมากมายนะบางที
00:15:19 → 00:15:26 อินซูลินเนี่ยไปมีผลที่ไตนะที่จะทำให้ เกิดการกระตุ้นนะระบบทางเดินปัสสาวะทั้ง
00:15:26 → 00:15:32 ไตทั้งเอ่อทั้งไตทั้งกระเพาะปัสสาวะนี่ แหละนะที่จะทำให้เกิดการปวดปัสสาวะและ
00:15:32 → 00:15:39 สะดุ้งตื่นขึ้นมาเนี่ยการตื่นเนี่ยนะ อินซูลินไม่ได้ทำให้ตื่นนะฮะนะแต่ตัวที่
00:15:39 → 00:15:45 ทำให้ตื่นคือคอร์ติซอลเพราะั้นอินซูลิน สูงค้างไม่ลงนะแล้วไปมีผลอย่างงนี้ต่อ
00:15:45 → 00:15:53 ระบบปัสสวะคอร์ติซอลเต้องมาทำให้ตื่น เพื่อจะไปฉี่ไม่งั้นจะเกิดภาวะฉี่ราดตอน
00:15:53 → 00:16:01 กลางคืนแบบในเด็กนะฮะนะแต่ผู้ใหญ่เนี่ย มันไม่ได้เป็นภาวะว่าอย่างนั้นนะฮะเนี่ย
00:16:01 → 00:16:06 ก็คือเด็กเนี่ยที่มันฉี่ราดตอนกลางคืน เนี่ยเพราะว่าอินซูลินเทำให้ไปฉี่ให้ทำ
00:16:06 → 00:16:15 ให้ฉี่ราดเพียงแต่ว่าเด็กมันไม่ตื่นเพราะ คอร์ติซอลมันไม่มามันไม่มาด้วยนะคือเด็ก
00:16:15 → 00:16:23 มันก็กินกๆๆที่กระตุ้นอินซูลินซะจนแบบนี่ แหละนะไปเกิดชีราดในตอนกลางคืนน่ะนะเพียง
00:16:23 → 00:16:33 แต่ว่าคอร์ติซอลก็ไม่มาสะดุ้งตื่นให้ไป ฉี่นะก็เลยต้องลากออกไปนะอันนี้คือผลของ
00:16:33 → 00:16:39 อินซูลินนะนะเนี่ยนะแต่ผลเช่นนี้ของ อินซูลินเนี่ยนะอินซูลิน Action ก่อนแล้ว
00:16:39 → 00:16:48 คอร์ติซอลมาเก็บงานนะก็เลยต้องตื่นนะฮะ แต่อันนี้ฮะเป็นผลของคอร์ติซอลโดยตรงก็
00:16:48 → 00:16:54 คือ If โปรลองฟาและออกกำลังกายที่ไม่ เหมาะสมอันนี้ร่างกายก็เกิดความเครียด
00:16:54 → 00:16:59 เกิดคอร์ติซอล นะคือคนเนี่ยมันก็อาจไปออกแรงออกกำลัง
00:16:59 → 00:17:05 เดี๋ยวคืนนี้จะได้หลับสนิทหลับลึกๆหลับ ไม่ตื่นเลยนะเพราะร่างกายอ่อนเพี้ยเพีย
00:17:05 → 00:17:13 ล้าแต่มันไม่ใช่อ่ะมันไม่ใช่นะฮะมัน คอร์ติซอลมันมาซะก่อนนะฮะนะเพราะว่ามัน
00:17:13 → 00:17:20 ไม่เหมาะสมนะไม่เหมาะสมคอร์ติซอลมาก็ เรียบร้อยไม่ไม่หลับนะเกิด cal เบรกหมดนะ
00:17:20 → 00:17:28 disrupt หมดนะอันที่ 4 สารสื่อประสาท สมองต่างๆที่เกิดจากการกินอาหารใน 1 วัน
00:17:28 → 00:17:36 ไม่พออันนี้แะเป็นอะไรโดยตรงเลยนะฮะนะ เดี๋ยวเราก็รู้ว่าสารสื่อประสาทที่ว่า
00:17:36 → 00:17:45 เนี่ย 3A เนี่ยคืออะไรเราต้องกินอะไรนะ ถ้ากินพอก็จะไม่เกิดภาวะ disrupt นะ Sleep
00:17:45 → 00:17:55 Cycle ในช่วง rem Sleep นะฮะนะเอ่าอัน นี้ก็เราก็รู้แล้วเนาะว่านี่แหละผมคิอจะ
00:17:55 → 00:18:04 มาคิอที่มาเนี่ยในตอนเเลเบรกเนี่ยนะฮะนะเ จะมาพร้อมกับแอรีนนะฮะนะนะแล้วก็มาแล้ว
00:18:04 → 00:18:12 เนี่ยเก็จะสร้างน้ำตาลก็คือกลูโคเจนิที่ ต่นะฮะนะรวมทั้งอินซูลินเนี่ยนะทั้ง
00:18:12 → 00:18:19 คอร์ติซอลและอินซูลินจะปลุกให้เราต้อง ตื่นนะฮะคือยากนะที่จะฝืนนอนหลับต่อได้นะ
00:18:19 → 00:18:27 ฮะนะแล้วก็เป็นการตื่นในช่วงเ่อ 2:00 3 นะกลางดึกนะนะนอกจากนี้จะเกิดความหิวเกิด
00:18:27 → 00:18:35 ความหิวนะเกิดใจสั่นจากแอรีนเกิดความ หงุดหงิดจากแอรีนนะกับคอร์ติซอลนะจนนอน
00:18:35 → 00:18:43 หลับต่อไปอีกไม่ได้เลยนะฮะอ่ะทีนี้สาร สื่อประสาทที่ว่าเนี่ยยคือ 3A เหล่าเนี้ย
00:18:43 → 00:18:50 นะฮะ 3A เหล่าเยนะสารสื่อประสาทเหล่านี้ มีผลต่อการทำงานเซลล์สมองที่จะทำให้เกิด
00:18:50 → 00:19:00 การหลับอย่างมีคุณภาพคือการหลับที่สนิท ลึกและยาวนานนะสารอาหาร 3A เหล่านี้นะจะ
00:19:00 → 00:19:09 ต้องใส่เข้าร่างด้วยการกินในอาหารต่างๆ อย่างถูกต้องใน 1 วันทั้งมื้อแรกและมื้อ
00:19:09 → 00:19:17 เย็นรวมทั้งในบางคนอาจจะต้องมีมื้อแทรก หรืออาหารระหว่างมื้อด้วยนะฮะอัน
00:19:17 → 00:19:28 นี้แล้วสารอาหารที่จะไม่มีผลนะในการกำกับ ภาวะเลม Sleep ให้สามารถหลับลึกๆต่อไปได้
00:19:28 → 00:19:36 ดยโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมาคืออะไรบ้างนะฮะนะ ก็ 3A นี้ก็คือ 1 เซติลีนนะฮะ 2
00:19:36 → 00:19:44 แอนซีและ 3 เอมีนแล้วเรียกว่าไบโอนิค เอมีนนะฮะนะคือจริงๆแล้วร่างกายก็คือ
00:19:44 → 00:19:50 อาหารนี่เองนะฮะนะร่างกายสมงสมองอะไรต่าง ๆเนี่ยคืออาหารอาหารก็ประกอบไปด้วยสาร
00:19:50 → 00:19:59 อาหารและพลังงานสารอาหารและพลังงานนะนะก็ มาดูอ่ามาดูอาหารซึ่งจะประกอบไปด้วยสาร
00:19:59 → 00:20:08 อาหารและพลังงานนะที่เรารู้เรียกว่า 3A นะเซติลีนคืออะไรนะอ่าเราแบ่ง 2 คำคือคำ
00:20:08 → 00:20:22 ว่าซิลกับคำว่าโคลีนนะซิลก็คือมีคำว่า อะไรซิโตอะซิเตตนะอ่ะิซิเนี่ยซิโตอะซิเตต
00:20:22 → 00:20:34 นะอะซิติกแอซิดนะแล้วก็โลรีนะฮะนะิงเรา นี้คืออะไรโลรีคือโลรีมันอยู่ในอะไรอยู่
00:20:34 → 00:20:43 ในโปรตีนโคลีนเนี่ยเป็นวิตามิน B4 แต่เข บอกว่าวิตามินตัวเนี้ยนะมันมีรูปแบบที่
00:20:43 → 00:20:51 เกิดความก้ำกึ่งเป็นโปรตีนก็ได้เป็นไขมัน ก็ได้นะแล้วก็เป็นวิตามินบีก็ได้นะแต่
00:20:51 → 00:20:59 ส่วนใหญ่มันมีความค่อนข้างจะไปเป็นโปรตีน นะฮะโปรตีนนะเนี่ยซิโต
00:20:59 → 00:21:06 ก็ คือก็คือไขมันอะซิติกก็คือคือกรดนะฮะคือ
00:21:06 → 00:21:14 กรดนะฮะซึ่งทั้งหมดเนี้ยนะมันจะฟอร์มตัว กันเป็นเซติโลรีนะเพราะฉะนั้น
00:21:14 → 00:21:17 อะเซติลคลอไรด์
00:21:28 → 00:21:35 เสมอปะปนร่วมอยู่ด้วยเสมอ นะ
00:21:35 → 00:21:43 โปรดคืออะซิติลโคลีนเป็นโปรตีนที่ได้จาก อาหารโปรตีนที่มีไขมันปะปนร่วมอยู่ด้วย
00:21:43 → 00:21:54 เสมอนะเพราะฉะนั้นเราจะมี อาเซติคอ่าไปช่วยเบรกภาวะเลม Sleep นะทำ
00:21:54 → 00:21:59 ให้หลับต่อไปได้เนี่ยเราต้องกินเนื้อ สัตว์ติดหนังติดมา
00:21:59 → 00:22:07 กินไข่ทั้งฟองนะฮะห้ามกินโปรตีนเดี่ยวๆ ที่ไม่มีโปรตีนเอ้ยที่ไม่มีไขมันนะไม่ได้
00:22:07 → 00:22:13 ไม่ได้เราจะไม่หลับนะฮะเราจะไม่หลับอัน นั้นเยิ่งจะไปกระตุ้นคอร์ติซอลกับแอรีนนะ
00:22:13 → 00:22:22 นะทนี้บทบาทของอะซิติลลอรีนเนี่ยเขาเป็น สารสื่อประสาทที่จะไปกระตุ้นระบบประสาท
00:22:22 → 00:22:35 พาซินะก็คือปสาทสมองคู่ที่ 10 นะฮะซึ่งึ เวลาถูกกระตุ้นจะเกิดการนิ่งสงบผ่อนคลาย
00:22:35 → 00:22:44 ของสมองิครับผมเอเพราะฉะนั้นเราก็สู่ภวัง ของการหลับหรือง่วงหลับต่อนะไม่ไม่เกิด
00:22:44 → 00:22:54 การ disrupt อ่าเรื่องเลม Sleep นะนะคือ เราจะหลับได้ไม่ต้องตื่นไม่ต้องตื่นนะ
00:22:54 → 00:23:04 แล้วอคีนจะเป็นตัวที่สำคัญมากๆนะฮะมากๆใน เรื่องของเนี่ยเอ่อเลม Sleep นะนะเนี่ย
00:23:04 → 00:23:12 การยับยั้งน่ะนะคือถ้ามีไม่พอเนี่ยนะมัน ก็จะเกิดเลม Sleep ที่เราจะต้องตื่นนะฮะ
00:23:12 → 00:23:20 นะเลม Sleep ตื่นถ้ามีมากพอเนี่ยนะอ่ามัน ก็จะทำให้ไม่เกิดเลม Sleep นะเราก็ต้อง
00:23:20 → 00:23:28 ไม่เราก็จะไม่ตื่นและหลับได้ต่อนะอันนี้ นะ Action ของเขาก็คือเรื่อง 30 สมองไป
00:23:28 → 00:23:35 กระตุ้นเส้นประสาทสมองคู่ที่ 10 นะ พาซิให้เกิดการผ่อนคลาย
00:23:35 → 00:23:43 นะต่อไปแอนซีนะแอนซีนี่ก็จะเป็นสารชนิด นึงนะอ่า
00:23:43 → 00:23:52 ที่ที่มันมีอยู่แล้วในสมองนะฮะแต่แต่มัน จะต้องมีวิธีการที่จะทำให้สมองเนี่ยสร้าง
00:23:52 → 00:24:01 สารนี้ขึ้นมานะนะแล้วถ้ามีสารเนี้ยเยอะๆ สมองก็จะหลับหลับจะหลับ
00:24:01 → 00:24:11 นะปกติเนี่ยเราจะพูดสารที่ชื่อว่าแอนซี เนี่ยคู่กับคาเฟอีนใช่มคาเฟอีนนะเขาบอก
00:24:11 → 00:24:20 ว่าการกินกาแฟแล้วไม่ง่วงนะเป็นผลมาจาก คาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์ไปขัดขวางยับยั้งการ
00:24:20 → 00:24:30 ทำงานของสารออดินสีนต่อสมองต่อสมองแอนลีน เนี่ยแอนซีเนี่ยมันเป็นสารอ่าจริงๆแล้ว
00:24:30 → 00:24:38 แอนซีคือพลังงานจากไขมันนั่นแหละนะฮะ แอดซีนะมันจะทำให้เกิดความเหนื่อยล้าของ
00:24:38 → 00:24:48 สมองนะครับผมซึ่งจะไปมีผลทำให้ช่วงเล็ม Sleep เนี่ยนะเกิดยากนะเพราะฉะนั้นก็จะ
00:24:48 → 00:24:59 เกิดการหลับสนิทแล้วไม่ตื่นนะไม่ตื่นนะฮะ อดังเช่นที่เราคิดว่าถ้าเราไปออกกำลังกาย
00:24:59 → 00:25:05 ให้หนักๆในช่วงตอนเย็นๆค่ำๆแล้วเดี๋ยวคืน นี้ร่างกายก็จะอ่อนเพียเหนื่อยล้าจน
00:25:05 → 00:25:14 กระทั่งนอนหลับสนิทได้ดีในเวลากลางคืน นะแต่ว่าอันนี้ก็ถูกในในส่วนนึงในส่วนนึง
00:25:14 → 00:25:21 เพียงแต่ว่าคุณเนี่ยก็จะต้องทำให้เกิด ความผอดิบพอดีนะอ่าไม่ได้แบบหักโหมจน
00:25:21 → 00:25:28 กระทั่งคอโมนเครียดคอร์ติซอลมาคุณจะไม่ หลับนะฮะนะทีนี้บางคนเนี่ยในเรื่องของการ
00:25:28 → 00:25:34 ออกออกกำลังกายมันก็ทำไม่ได้หรือมีข้อ จำกัดนะไอ้คนที่ทำได้เนี่ยนะมันมีน้อยอ่ะ
00:25:34 → 00:25:40 คนส่วนใหญ่เเไม่ค่อยได้ออกกำลังกายหรอกนะ ฮะนะเพราะฉะนั้นทำยังไงล่ะเขาก็อยากจะได้
00:25:40 → 00:25:46 แอนซีน่ะมาทำให้เกิดความเหนื่อยร้าของ สนองมันจะได้หลับแล้วไม่เกิดการตื่นใน
00:25:46 → 00:25:54 ช่วง 2:00 3 นะทีนี้เบอกต้นกำเนิดของสาร อินซีเนี่ยก็คือพลังงานที่ร่างกายจะต้อง
00:25:54 → 00:25:59 เกิดการเผาผลาญเหมือนๆกับเราไปออกกำลัง กายนั่นแหละคือคนออกกำลังกายมันก็เกิดการ
00:25:59 → 00:26:07 เผาผลนพลังงานนะแอดซีก็เป็นสารที่เกิดจาก การเผาผลาญพลังงานนะฮะการเผาผลาญพลังงาน
00:26:07 → 00:26:15 ที่ว่าเนี้ยนะคือการเผาผลาญไขมันนั่นเอง นะเมื่อเผาผลาญไขมันร่างกายจะเกิดสารที่
00:26:15 → 00:26:19 เราเรียกว่าแอนซีไตรฟอสเฟตเนี่ยเราก็จะ ได้
00:26:19 → 00:26:30 แอนซีนะแอนซีจะมีผลต่อสมองคือการเกิดความ เหนื่อยล้าง่วงและอยากจะนอนนะฮะสรุปนะถ้า
00:26:30 → 00:26:36 เมื่อไหร่เรามีการสลายเผาผลาญพลังงานจาก ไขมันเราจะได้
00:26:36 → 00:26:46 แอนซีซึ่งเป็นสารที่คล้ายๆยานอนหลับนั่น เองนะนะเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าไปออกกำลังกาย
00:26:46 → 00:26:52 อันนี้ก็ได้แล้วแต่ไม่มีใครห้ามแต่ก็ทำ ให้พอดีนะอย่าให้เครียดนะหรืออย่าให้เกิด
00:26:52 → 00:26:59 [\h__\h]เอฟเฟคไม่งั้นแล้วคอร์ติซอลก็จะมานะอื ครับผมแต่ถ้าไม่สะดวกในเรื่องการออกกำลง
00:26:59 → 00:27:07 กายหรือจะหาทางออกแบบอื่นๆในการสร้างสาร นี้ก็คือการปรับสภาพให้ร่างกายอยู่ในโหมด
00:27:07 → 00:27:11 การสลายเผาผลาพลังงานนั่นเองนะฮะไม่ต้อง เคลื่อนหวงเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อหรือออก
00:27:11 → 00:27:20 กำลังกายอะไรก็ได้แต่ให้ทำโดยวิธีการออก กำลังกายตับออกกำลังกายตับๆๆนะฮะนั่นก็
00:27:20 → 00:27:31 คือการใส่วัตถุดิบต้นทางคือแฟตหรือออยที่ ดีที่ดีนะนะเช่นการกินน้ำสลัดทรีออยนะ
00:27:31 → 00:27:39 อย่างถูกต้องในมื้อแรกนะร่างกายก็จะเข้า สู่กระบวนการเผาผลาญสลายพลังงานต่างๆนะฮะ
00:27:39 → 00:27:51 เกิดเป็นสาร ATP และเกิดสารยาที่ชื่อ แอนซีอย่างมากมายมหาศาลไปสะสมที่สมองนะ
00:27:51 → 00:28:00 เนี่ยนะเราเรียกว่าเป็นการออกกำลังกายตับ ในช่วงกลางวันนะโดยการกิน lo C H Fat
00:28:00 → 00:28:12 TE Oil ที่จะสะสมสารแอนซีอ่าไปมีผลต่อ สมองในตอนกลางคืนเพื่อให้เกิดการหลับลึก
00:28:12 → 00:28:17 สนิทยาวนานอย่างมีคุณภาพเพราะฉะนั้นการ ที่ทัเนี่ย
00:28:17 → 00:28:25 นะบอกว่าตอนเนี้ย นะตีทะลุเรื่อง low C High GR Z
00:28:25 → 00:28:31 เรียบร้อยแล้วผลที่ตามมาก็คือการหลับจาก สาร
00:28:31 → 00:28:41 แอนซีนะเพราะว่าร่างกายเาเผาผลาญพลังงาน จากไขมันเป็นหลักคีโตซีสอะไรต่างๆนะ
00:28:41 → 00:28:49 แอนซีนะ อ่าก็จะมีผลแตกต่างจากคีโตนนะฮะครับผมว่า
00:28:49 → 00:28:58 สารตัวนี้เขมีผลในแง่ของความง่วงเอ้ยของ การเหนื่อยล้าแล้วก็ง่วงนะถ้าแอ
00:28:58 → 00:29:08 ก็คือตอนเนี้ยเราเค้าเรียกว่า Fat adapt ket ket adapt แล้วนะฮะนะซึ่งซึ่งนะ
00:29:08 → 00:29:14 ซึ่งถ้าแออินสีนมีมากกว่าคีโตนเราจะเป็น ไง
00:29:14 → 00:29:26 หลับเออแต่ถ้าอ่าแอนซีสร้างได้น้อยคีโตน สร้างได้เยอะเราจะดีดดีตื่นนะเพราะฉะนั้น
00:29:26 → 00:29:37 คุณก็จะต้องมาปรับมาลดการสร้างคีโตนลงนะ เนี่ยมันก็ต้องดูเป็นคนๆดูเป็นกรณีกรณีไป
00:29:37 → 00:29:47 นะเพราะก็มีใช่มยล่ะว่าคีตสิคีโต adap แล้วตื่นไม่หลับเลยหลับไม่ได้เลยนะนะ
00:29:47 → 00:29:55 เพราะว่าคีโตนมันมากกว่าแอนซีนะถ้าอยาก ให้หลับทำไงอ่ะก็ต้องลดคีโตนนะก็แล้วแต่
00:29:55 → 00:30:02 จะไป cheating cing อะไรต่างๆ นะเนี่ยนะเนี่ยเพื่อให้สัดส่วนของแอดซี
00:30:02 → 00:30:12 มันเยอะมากกว่าคีโตนนะครับผมตกลงมี 2 ตัว แล้วนะ 2 ตัวเนี้ยส่วนใหญ่เขาสร้างกันใน
00:30:12 → 00:30:22 ตอนกลางวันแต่มันเป็น 2a ที่จะไปมีผลตอน กลางคืนและไปมีผลต่อเลม Sleep นะก็คือไป
00:30:22 → 00:30:32 มีผลยับยั้งเลม Sleep ทำให้ไม่ตื่นพอไม่ ตื่นก็จะหลับสนิทยาวนานไปนะฮะสุดท้ายนะ
00:30:32 → 00:30:42 อีกตัวนึงนะเค้าเรียกว่าสารเอมีนเอมีนนะ ฮะนะแต่เป็นไบโอนิคเอมีนสารเอมีนเกิดจาก
00:30:42 → 00:30:49 การกินอาหารในกลุ่มโปรตีนคุณภาพที่มีคาฟ ร่วมด้วยนะเพราะฉะนั้นเนี่ย 1 2 3 นะฮะ
00:30:49 → 00:30:59 ข้อ 1 นี่คือโปรตีนที่มีไข มันร่วมด้วยข้อ 2 เนี่ยคืออะไรคือการกินี
00:30:59 → 00:31:08 Oil นั่นเองข้อ 2 อินซีคือไขมันคือการ กินไขมันเพื่อจะไปสร้างอินซีนะอ่าให้เยอะ
00:31:08 → 00:31:17 ๆกว่าคีโตนนะจะได้หลับได้นะนะแต่ข้อแรก คืออติรีนเป็นโปรตีนเป็นหลักแต่ต้องเป็น
00:31:17 → 00:31:24 โปรตีนที่มีไขมันนะอันที่ 2 คือไขมันเป็น หลักนะส่วนอันที่ 3 คือโปรตีนที่มี
00:31:24 → 00:31:32 คาฟโปรตีนที่มีคาฟเพื่อเพื่อจะมาสร้างสาร ไบโอนิคเอมีนและจริงๆสารไบโอนิคเอมีนที่
00:31:32 → 00:31:44 ว่านี้คือเมลาโทนินคือฮอร์โมนเมลาโทนินนะ ฮะเนี่คือแผ่นสุดท้ายนะฮะครับผมเทีนี้การ
00:31:44 → 00:31:53 สร้างไบโอนิคเอมีนนะฮะร่างกายจะต้องระดม สารอาหารที่ว่าก็คือโปรตีนที่มีาฟนะฮะนะ
00:31:53 → 00:32:06 และสิ่งต่างๆเช่นแสงน้ำ คลื่นรังสีนะฮะเหล่านี้เนี่ยอ่ามาที่
00:32:06 → 00:32:15 เซลล์สมองนะฮะคือคือเหล่าเนี้ยนะจะมา ประกอบร่างกันกลายเป็นอ่าเป็นวัตถุดิบ
00:32:15 → 00:32:21 พื้นฐานในการสร้างฮอร์โมนตัวสำคัญชื่อ เมลตนินเพรางั้นเมลาโทนินเนี่ยที่บอกว่า
00:32:21 → 00:32:28 มันเป็นฮอร์โมนชนิดเดียวใน้างกายที่มันมี สีมันมีสอยอีสีด้วยนะเพราะว่ารมนอื่นๆ
00:32:28 → 00:32:34 เค้าไม่มีสีนะฮะเนี่ยอ่าเพราะว่าองค์ ประกอบของเค้าเนี่ยก็มีมาตั้งแต่อะไรอ่ะ
00:32:34 → 00:32:42 ตั้งแต่โปรตีนตั้งแต่คาฟที่เป็นคาฟเชิง ซ้อนและมีสารพฤษษาเคมีสีจัดๆโดยเฉพาะสี
00:32:42 → 00:32:49 ออกไปทางแดงๆน้ำตาลน้ำตาลน้ำเงินอะไร อย่างเงี้ยนะฮะมีแสงนะแสงเนี้ยจะต้องมี
00:32:49 → 00:32:59 ทั้งแสง uvb และแสงอินฟราเรดอ่า uvb ก็ เป็นแสงอะไรอ่าสีน้ำเงินสีม่วงเหนือม่วง
00:32:59 → 00:33:08 นะตอนกลางวันตอนเช้าอ่ะตนเช้าครับผมเี่ก็ สีแดงๆส้มๆเ่ะนะสีทั้งนั้นเลยใช่มฮะแสงก็
00:33:08 → 00:33:18 ยังมีสีเลยนะอันเนี้ยนะมีน้ำมีน้ำมีคลื่น มีรังสีจริงๆรังสีในที่นี้คือรังสีคอสมิค
00:33:18 → 00:33:28 นะฮะรังสีคอสมิคนะก็เป็นแสงเงินแสงทองเ เรียกว่าอย่างงั้นเออมาตอนเช้ามืดนะก่อน
00:33:28 → 00:33:37 พระอาทิตย์จะขึ้นแผ่รังสีคอสมิกออกมาก่อน อเป็นคอสมิคเลนะเหล่าเนี้ทั้งหมดเนี้ยคือ
00:33:37 → 00:33:44 ตัวที่จะมาสร้างเมลาโทนินนะฮะซึ่งองค์ ประกอบจะครบไม่ครบนะก็แล้วแต่ว่าเมตน
00:33:44 → 00:33:50 เนี้ยจะมีประสิทธิภาพคุณภาพดีไม่ดีนะฮะ เพราะบางครั้งเนี่ยองค์ประกอบต่างๆมันไม่
00:33:50 → 00:33:59 ครบมันก็จะเป็นเมลามินที่ที่กรุดๆด้วนๆ กระพองกระแพงประสิทธิภาพไม่ดีโลนะฮะนะค
00:33:59 → 00:34:07 ครับผมแต่ถ้าคุณเป็นคนดูแลสุขภาพเนี่ยเอ ติ้งกาวดิ้งตากดงตากแดดอะไรต่างๆของคุณ
00:34:07 → 00:34:16 น่ะนะเ่าเใช้แสงใช้รังสงรังสีเหยียบหญ้า โดนดินน้ำลมไฟกินอาหารอะไรต่างๆนะเนี่ย
00:34:16 → 00:34:25 อย่างถูกต้องอะไรอย่างเงี้ยนะคุณก็จะเป็น เมลาโทนินคุณภาพเกดเออ่ะนะฮดีมั้ยล่ะนะนะ
00:34:25 → 00:34:34 มันก็หลับดีหลับลึกสนิทยาว นานเแต่เมโตนินเนี่ยก็เป็นสารเอมีนนะฮะ
00:34:34 → 00:34:40 ที่จะเป็นองค์ประกอบชนิดนึงเนี่ยในการที่ จะทำให้เราอ่าเกิดการยับยั้งในเรื่องของ
00:34:40 → 00:34:47 เลม Sleep นะฮะซึ่งเลมสปก็จะทำให้เราต้อง ตื่น
00:34:47 → 00:34:56 น่ะอันนี้นะก็เนี่ยในช่วงเวลาเหล่านี้ เนี่ยอิทธิพลของทั้งซิรีนนะทั้งอินซีทั้ง
00:34:56 → 00:35:06 เมลาโทนินเนี่ยอ่าก็จะมีผลร่วมกันนะฮะนะ ซึ่งเขาบอกว่านะเวลาของเมลาโทนินเนี่ย
00:35:06 → 00:35:13 จริงๆแล้วเนี่ยเมลาโทนินเนี่ยมันจะเกิด มันจะเริ่มๆเกิดในสมองเนี่ยตั้งแต่ช่วง
00:35:13 → 00:35:19 ตั้งแต่ช่วงประมาณ 14:00 นแล้วล่ะช่วง เย็นๆเนี่ยนะช่วงที่พระอาทิตย์ยังไม่ได้
00:35:19 → 00:35:26 ตกดินดีอ่ะแต่เกิดภาวะแสงอ่าเรดไลท์แสง แดงแสงลำไรอะไรต่างๆเนี่ยเนี่ยเมลาโทนิน
00:35:26 → 00:35:31 ก็เริ่มผลิตแล้วล่ะมันเป็นสัญญาณตาม ธรรมชาติตามเซอกระเดี่ยนะฮะนะแต่เขาบอก
00:35:31 → 00:35:39 ว่าพีคเมลาโทนินเนี่ยมันจะเป็นพีคสูงสุด เนี่ยในช่วงเดียวกับโดฮอร์โมนนะฮะอืครับ
00:35:39 → 00:35:46 ก็คือพีคของเขาจะเป็นพีคสูงสุดในช่วง 1 - 3:00 ปี 1 3 แต่เตนเนี่ยเสร้างก่อน
00:35:46 → 00:35:53 สร้างสะสมขึ้นไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆนะทั้งจาก ภายนอกภายในอะไรต่างๆเนี่ยมันเป็น
00:35:53 → 00:36:03 แฟกเตอร์มันเป็นปัจจัยนะที่มาบวกๆๆๆๆๆบก เสริมๆๆๆๆอ่าเปลี่ยนๆๆี่ๆอย่างเงี้นะเ
00:36:03 → 00:36:09 ส่วนโกดฮอร์โมนโกดฮอร์โมนคนเรามักจะมาตอน ไหนอ่ะนะส่วนใหญ่มันก็จะมาตอนประมาณ 23 น
00:36:09 → 00:36:18 อ่ะนะมาในช่วงของระบบน้ำดีนะนะก็คือมา ประมาณเนี้ยช่วง 23 นนะแล้วก็มันจะอยู่
00:36:18 → 00:36:25 ประมาณ 4 ชมงก็คือ 23 นถึง 3 แต่พีคมันจะ สูงสุดก็ช่วง 2:00 3:00 นะเพราะฉะนั้น
00:36:25 → 00:36:33 ทั้งเมลานินทั้งโกดฮอร์โมนเจะพที่สูงสุด ในช่วง 2:00 3 นะแต่ถ้าเมลาโทนินคุณภาพ
00:36:33 → 00:36:42 ต่ำนะอ่าไม่ดีนะฮะนะโดฮอร์โมนร่างกาย สร้างไม่ได้นะฮะเกิดภาวะเคเดนเบรกนะไอ้
00:36:42 → 00:36:50 ตัวเลมสฟเนี่ยอ่าก็จะไม่มีอะไรไปขัดขวาง เขานะในที่สุดเราก็ต้องตื่นอ่าแล้วก็มามา
00:36:50 → 00:37:00 ตื่นช่วงเนี้ยนะยิ่งถ้าอะซิติลโคลีนแอนซี ก็หงอยก๋อยอ่าไม่มีประสิทธิภาพนักอะไร
00:37:00 → 00:37:08 อย่างงี้นะอ่าทีนี้ดูรายละเอียดนิดนึงว่า ไอมีนเนี่ยประกอบไปด้วยอะไรนะฮะไบออน
00:37:08 → 00:37:14 เนี่ยมีองค์ประกอบก็จะมีอะไรนะมีสารสื่อ ประสาทสมองเล็กๆน้อยๆนะก็คือซีโรโทนิน
00:37:14 → 00:37:22 โดปามีนนารีนนะอันนี้เป็นสารสื่อประสาท ของสมองนะซึ่งพวกเนี้มันต้องเข้าไปรวมกัน
00:37:22 → 00:37:30 ทั้งหมดแล้วในในแล้วแล้วก็สร้างเป็นนี่ เมลาโทนินนะฮะนะทีนี้ไบออนเนี่ยนะตัวหลัก
00:37:30 → 00:37:39 เลยเนี่ยก็คือกดอะมิโนที่ชื่อไฟ hdy trt แฟนนะกดอะมิโนตัวนี้นะซึ่งจะ
00:37:39 → 00:37:46 อ่าเราจะต้องได้รับจากอาหารอาหารก็คือ โปรตีนในเนื้อสัตว์และรวมทั้งในในสั่ว
00:37:46 → 00:37:53 เหลืองหมักอะไรต่างๆพวกเนะฮะนะเอ่อแต่ตัว ทิปโทแฟนเนี่ยนะ
00:37:53 → 00:38:01 อ่าจะต้องอะไรอ่ะจะต้อง มีมีการไปพร้อมกับแป้งเชิงซ้อนและฮอร์โมน
00:38:01 → 00:38:11 อินซูลินในขนาดต่ำๆพอดีพอดีด้วยเสมอนะคือ ในขนาดเซอลหรือเกินจากเซออ่าอ่า 2 เท่า
00:38:11 → 00:38:17 อะไรอย่างเงี้ยนะฮะไม่เยอะเพราะอินซูลิน ต้องไม่เยอะนะฮะนะแล้วขณะเดียวกันต้องมี
00:38:17 → 00:38:25 แป้งเชิงซ้อนในโคต้าที่ถูกจำกัดควบคุมว่า กินได้เท่าไหร่นะเนี่ยหรือถ้าเป็นเบาหวาน
00:38:25 → 00:38:32 แป้งเชิงซ้อนไม่ได้ก็ต้องเป็นผักหู นะคืออย่างน้อยต้องมีคาฟในขนาดต่ำๆนะอ่า
00:38:32 → 00:38:41 แล้วมีฮอร์โมนอินซูลินในขนาดพอดีๆๆนะเซอ เลเวลไม่เกิน 2 เท่านะเงี้ยแล้วก็มีกด
00:38:41 → 00:38:51 อะมิโนทิปโทแฟนจากโปรตีนพืชโปรตีนสัตว์ ครับผมอันนี้เขาเป็นโครงสร้างและอ่าเป็น
00:38:51 → 00:39:00 ตัวที่จะทำให้อินซูลินเอทำให้เมลาโทนิน เนี่ยทำงานได้นะซึ่งจะทำให้เราหลับได้นะ
00:39:00 → 00:39:08 สรุปโครงสร้างของเมลาโทนินเนี่ยนะฮะเขาจะ ต้องมีคาฟรวมอยู่ด้วยเสมอนะนะนะแล้วเรา
00:39:08 → 00:39:18 รู้มลว่าฮอร์โมนนะที่เป็นคฟ Dependent เนี่ยอ่าก็จะมีอยู่ 4 ตัวนะคือนอกจาก
00:39:18 → 00:39:25 เมลานินแล้วเนี่ยนะฮะเพราะว่าคก็ไปเป็น โครงสร้างนะไทรรอยด์โปรเจสเตอโรนเลปตินนะ
00:39:25 → 00:39:31 ฮะ 3 ตัวนี้เนี่ยก็จะต้องมีคาฟไปอยู่ใน โครงสร้างของไทรรอยด์โปรเจสเตอโรนกับ
00:39:31 → 00:39:40 เลปตินด้วยเสมอนะเลปตินเนี่ยต้องมีคานะ คุณจะให้เรตินออกมาได้และทำงานได้ดีและ
00:39:40 → 00:39:48 การหายจากการดื้อเลปตินคุณต้องใส่คาฟไป ด้วยนะเพราะโครงสร้างของเลปตินที่มันแี
00:39:48 → 00:39:54 เนี่ยมันจะต้องมีโครงสร้างของคาฟอยู่ด้วย โปรเจสเตอโรนต้องมีคาฟนะเพราะงั้นในช่วง
00:39:54 → 00:40:00 ที่จะมีประจำดวงประจำเดือนต้องกินคาฟก่อน ที่จะเป็นเมนนะฮะไทรรอยด์ก็ต้องมีคาฟ
00:40:00 → 00:40:08 เมลาโทนินต้องมีคาฟเพราะฉะนั้นด้วยเหตุ เนี้ยเราถึงต้องมีการเติมคาฟที่ถูกต้อง
00:40:08 → 00:40:18 และที่ดีในมื้อเย็นแต่ต้องมีการควบคุม จำกัดนะในเรื่องของโควต้าและสัดส่วน
00:40:18 → 00:40:25 เด้อครับผมอ่าอย่างอื่นนะฮะนอกจากตัว โปรตีนที่ทิซแฟนที่สำคัญแล้วก็วิตามินดี
00:40:25 → 00:40:33 นะจากแสงแดดนะเพราะการตากแดด uva uvb ไอ ไอ้แล้วก็ Red Light อะไรต่างๆเนี่ยนะ
00:40:33 → 00:40:41 อ่าโดยเฉพาะในช่วงอ่าที่มี uvb มาเนี่ย เราก็จะมีการสร้างวิตามิน D นะอ่าวิตามิน
00:40:41 → 00:40:49 B1 นะอันนี้ก็จากเนื้อสัตว์แมกนีเซียม อันนี้ต้องจากพืชผักประเภทคาฟนะฮะสังกสี
00:40:49 → 00:40:57 นะส่วนใหญ่ก็อยู่ในสัตว์ทะเลวิตามินซีอ่า วิตามินซีส่วนใหญ่ต้องต้องต้องมากับารฟ
00:40:57 → 00:41:07 เป็นหลักนะอถึงแม้ว่าตับสัตว์จะมีวิตามิน ซีเยอะแต่มันไม่มีอินซูลินในขนาดต่ำต่ำนะ
00:41:07 → 00:41:15 ออินซูลินมันต่ำเกินไปนะต้องเป็น C จาก พืชนะฮะที่จะมีวิตามินซีพาเข้าเซลล์ครับ
00:41:15 → 00:41:22 ผมนะนอกจากคุณไปกินแบบวิตามินซีที่ถูกไข มันพาเข้าเซลล์อ่ะอันนั้นก็ต้องซื้อแล้ว
00:41:22 → 00:41:28 ล่ะเเรียกไพซอล ไซมอลครับผม
00:41:28 → 00:41:34 อ่าเหล่านี้ก็คือไบโอเอมีน เมลาโทนินที่จะออกฤทธิ์ทำงานได้อย่างมี
00:41:34 → 00:41:43 ประสิทธิภาพมีคุณภาพและจะไปยับยั้งเรื่อง ของเลม Sleep ทำให้เราไม่ต้องตื่นและหลับ
00:41:43 → 00:41:52 ต่อได้ทสดุสุดท้ายก็คือแล้วอาหารอะไรเอ่ย อ่าในมื้อเย็นที่กินแล้วจะได้สารนไบโอน
00:41:52 → 00:41:57 เมลาโทนินคำตอบก็คืออาหารทะเลสัตว์น้ำ นั่นแหละ
00:41:57 → 00:42:06 นะอาหารทะเลนะกินกับแป้งเชิงซ้อนถั่ว เมล็ดแห้งกินอาพืดอะไรอย่างงี้นะเพราะ
00:42:06 → 00:42:13 ฉะนั้นเนี่ยหมอเคยไปลงให้เมื่อวานเนี้ยนะ เกี่ยวกับการกินอาหารสร้างกล้ามในมื้อ
00:42:13 → 00:42:20 เย็นนี่แหละนะฮะใช่ครับผมก็คืออาหารที่ เป็นไบโอเอมีนเมลาโทนินนี่แหละนะฮะนะให้
00:42:20 → 00:42:28 กินอย่างนี้นะส่วนใหญ่ก็เป็นข้าวต้มทะเล ข้าวต้มปลาข้าวต้มกุ้งนะอ่าอาจจะมีมียำมี
00:42:28 → 00:42:40 เ่อแกงจืดนะอ่าหรือก็มีพวกเครื่องในสัตว์ นะฮะนะพวกนี้ก็เป็นเป็นเป็นเป็นไอ้ตัวที่
00:42:40 → 00:42:50 จะทำให้มีทิปโทแฟนเยอะมากนะนะพวกต้มเลือด หมูต้มเครื่องในอะไรต่างๆเนี่ยนะอืซึ่งแก
00:42:50 → 00:42:55 ว่าคนส่วนใหญ่มากินตอนเช้าจริงๆเต้องกิน ตอนเย็นนะฮะต้องกินตอนเย็นสลับกันเลยครับ
00:42:55 → 00:43:00 ผมเออมันแปลกสลับกันกินตอนเช้ากินเศษก็ ไม่นอน
00:43:00 → 00:43:06 เออกมีเสษแล้วง่วงต้องทำงานอย่าเงี้ยเหรอ เออเราก็ไม่รู้เหมือนกันคนยุคนี้สมัยนี้
00:43:06 → 00:43:13 นะเอ่อพูดอะไรไปเค้าก็ไม่เชื่อหาว่าขี้ โม้เพราะว่าไอ้คนที่รู้ก็ตายกันไปหมดแล้ว
00:43:13 → 00:43:20 เทยอยตายกันไปหมด แล้วนะเ้าสรุปนะสรุปจริงๆแล้วเนี่ยสาร
00:43:20 → 00:43:28 อาหาร 3A เนี่ยนะเอ่อที่เขาจะกลายไปเป็น ศาลสื่อประสาทนะฮะนะแล้วจริงๆเนี่ยทั้ง
00:43:28 → 00:43:33 หมดนี้นะฮะ 3A เนี่ยไม่ว่าจะเป็นอิลีนไม่ ว่าจะเป็น
00:43:33 → 00:43:42 แอนซีหรือเมลาโทนินก็ตามนะสุดท้ายแล้ว เมื่อเกิดปฏิกิริยาในสมองจริงๆเนี่ยเขาจะ
00:43:42 → 00:43:49 อยู่ในรูปแบบของความเป็นพลังงานหรือเป็น Energy นะฮะนะเเรียกว่า powerful Energy
00:43:49 → 00:43:56 powerful Energy นะฮะเนี่ยนะเพราะ ฉะนั้นร่างกายที่ได้กินอิ่มเรามีศัพท์คำ
00:43:56 → 00:44:04 ว่ากินอิ่มหลับอิ่มในที่นี้คือกินนครบนะ โดยเฉพาะการครบด้วยสารอาหาร 3A นะซิติลีน
00:44:04 → 00:44:14 อินซีและอะไรอ่ะแล้วก็เอมีนไอจิเอมีนนะฮะ นะเราจะนอนหลับได้นะฮะการนอนหลับลึกๆเป็น
00:44:14 → 00:44:22 การสร้างพลังงานนะเป็นการสร้างพลังงานรูป แบบหนึ่งก็คือร่างกายโดยสมองเนี่ยเกิดการ
00:44:22 → 00:44:29 เผาผลนพลังงานนั่นแหละนะฮะก็เป็น the most powerful Energy นะฮะนะสมองเนี่ย
00:44:29 → 00:44:36 นะซึ่งในส่วนของสมองมีทั้งกายหยาบกับกาย ละเอียดนะนะสมองในส่วนที่เป็นกายละเอียด
00:44:36 → 00:44:46 นะฮะคือกายแห่งจิตนะเนี่ย เอ่อนะจะเกิดความนิ่งสงบและหลับได้ด้วย
00:44:46 → 00:44:53 พลังงาน Energy Balance นะฮะก็คือนี่ แหละพลังงานที่ว่าทั้งหมดนี่แหละจาก 3A
00:44:53 → 00:45:00 นี่แหละนะการนอนหลับอย่างมีคุณภาพลึกสนิ ยาวนานติดต่อกันถือว่าเป็นกระบวนการสลาย
00:45:00 → 00:45:06 เผ่าผันพลังงานอย่างมากแบบนึงของร่างกาย โดยมีชื่อเรียกว่า resting Energy
00:45:06 → 00:45:14 expenditure นะและพบว่าพลังงานที่จะนำมา ใช้ในการสลายเผาผลาญที่สมนที่สุดก็คือไข
00:45:14 → 00:45:21 มันไขมันไข มันนี่แหละอันเนี้ยก็สำคัญมากนะฮะเพราะ
00:45:21 → 00:45:27 งั้นเราคอยรู้เรื่อง 3A แล้วเนาะเออครับ เอ่อวันนี้ก็คุยกัน
00:45:27 → 00:45:43 แค่นี้เนาะอ่าครับผม [เพลง]