00:00:06 → 00:00:08 คนเราเนี่ยบอกเลยว่าต้องการน้ำคุณขาด
00:00:09 → 00:00:11 อาหารคุณยังมีชีวิตอยู่ได้หลายวันแต่ขาด
00:00:11 → 00:00:13 น้ำนี่ไม่กี่วันคุณตายนะครับบางคนอย่าง
00:00:13 → 00:00:16 นี้โอ้โหกินน้ำได้เพียงพอกับความต้องการ
00:00:16 → 00:00:19 ซึ่งปริมาณโดยทั่วไปเราแนะนำเนี่ยน้ำ
00:00:19 → 00:00:22 เปล่าเนี่ยคือดื่มวันละประมาณ 2-3 ลิตรก็
00:00:22 → 00:00:25 คือ 8-10 แก้ววิธีการคำนวณง่ายๆในปริมาณ
00:00:25 → 00:00:28 น้ำที่เราจะดื่มเนี่ยเอาน้ำหนักตัวของเรา
00:00:28 → 00:00:32 คูณด้วย 30 เช่นหนัก 65 65 คูณ 30 ปุ๊บ
00:00:33 → 00:00:36 อาจารย์ก็จะ 1,950 cc ก็คือวันนึงประมาณ
00:00:36 → 00:00:36 2 วินาที
00:00:36 → 00:00:38 [เพลง]
00:00:38 → 00:00:42 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:42 → 00:00:48 การรองหมอกิตฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:48 → 00:00:50 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังค่ะขอต้อนรับเข้าสู่
00:00:50 → 00:00:53 รายการตรงหมอทางไทย pbsort Class ค่ะพบ
00:00:53 → 00:00:56 กันเช่นเคยนะฮะอ้าววันนี้ติดตามรับฟัง
00:00:56 → 00:00:59 สาระดีๆกันเช่นเคยเรื่องของการดื่มน้ำแบบ
00:00:59 → 00:01:04 ไหนดีต่อสุขภาพหือดื่มน้ำแบบไหนดื่มน้ำ
00:01:04 → 00:01:06 มันก็ต้องดีต่อสุขภาพแล้วสิมันต้องมีแบบ
00:01:06 → 00:01:10 ไหนด้วยหรอเดี๋ยววันนี้มาหาคำตอบกันกับ
00:01:10 → 00:01:13 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรเอกราชบำรุงพืชจาก
00:01:13 → 00:01:14 วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการมหาวิทยาลัย
00:01:14 → 00:01:17 ธุรกิจบัณฑิตค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์คะสวัสดี
00:01:17 → 00:01:20 ครับคุณลีมันเป็นคำถามขึ้นมาแล้วดื่มน้ำ
00:01:20 → 00:01:22 แบบไหนดีต่อสุขภาพอ้าวเราก็รู้อยู่แล้ว
00:01:22 → 00:01:25 ว่าน้ำมันดีต่อสุขภาพมันต้องมีแบบไหนด้วย
00:01:25 → 00:01:29 หรอคะอาจารย์ต้องมีครับ
00:01:29 → 00:01:31 กรณีล่าสุดนะครับ
00:01:32 → 00:01:38 กินน้ำเหมือนกันแต่เป็นน้ำอัดลม
00:01:38 → 00:01:41 แทนน้ำเปล่าก็ทำให้
00:01:41 → 00:01:46 เลือดข้นหนืดเสี่ยงต่อการเกิดโรค Stroke
00:01:46 → 00:01:50 หลอดเลือดตีบตันเข้าไปอ่านเรื่องราวของ
00:01:50 → 00:01:52 เขาอยู่เหมือนกันแต่แบบกำลังสงสัยว่าเฮ้ย
00:01:52 → 00:01:55 คนเราไม่กินน้ำเปล่าหรือได้ด้วยหรอมีครับ
00:01:55 → 00:01:58 อาจารย์จำได้เลยแถวบ้านเนี่ยตอนเด็กๆ
00:01:58 → 00:02:03 เนี่ยเป็นร้านค้านี่แหละเขาจะมีกระติกน้ำ
00:02:03 → 00:02:06 กระติกน้ำตั้งไว้เลยนะครับ
00:02:06 → 00:02:09 เช้ามาเขาจะเอาน้ำแข็งใส่กระติกกระติก
00:02:09 → 00:02:10 กระติกใหญ่
00:02:11 → 00:02:15 แล้วเขาก็จะเทน้ำอัดลมขนาดขวดลิตรอ่ะครับ
00:02:15 → 00:02:17 ใส่ลงไปเลย
00:02:17 → 00:02:20 1 ขวดใหญ่ 1 ลิตร
00:02:20 → 00:02:23 แล้วพอช่วงบ่ายเขาก็ทำอย่างนี้อีกเติมน้ำ
00:02:23 → 00:02:24 แข็ง
00:02:24 → 00:02:26 กินน้ำอัดลมอย่างเดียวกินน้ำเปล่าเนี่ย
00:02:26 → 00:02:30 แทนกินน้ำอัดลมแทนน้ำเปล่า 2 ลิตร
00:02:30 → 00:02:33 เห็นอันนี้เห็นตั้งแต่เด็กเลยแบบโอ้โห
00:02:33 → 00:02:34 ทำไม
00:02:34 → 00:02:37 เจ๊คนนี้กินแบบ
00:02:37 → 00:02:39 สุดๆ
00:02:39 → 00:02:42 มากถ้าเปลี่ยนจากน้ำอัดลมอันนั้นเป็นน้ำ
00:02:42 → 00:02:44 เปล่าเรากินได้ 2 ลิตรอย่างนั้นนะดีถูก
00:02:44 → 00:02:49 ต้องเป็นน้ำเปล่าเนี่ยดีเลยคุณแบบโอ้โห
00:02:49 → 00:02:53 มากินน้ำอัดลมแทนน้ำเปล่า
00:02:53 → 00:02:55 อ๋อคือสิ่งที่อาจารย์กำลังจะบอกว่าดื่ม
00:02:55 → 00:02:58 น้ำแบบไหนดีต่อสุขภาพคือมันเราไม่ได้บอก
00:02:58 → 00:03:00 ว่าเราจะมาดื่มแต่น้ำเปล่าแล้วแบบดื่มยัง
00:03:00 → 00:03:03 ไงให้แบบดีแต่ว่าอาจารย์กำลังจะสะท้อนให้
00:03:03 → 00:03:06 เห็นว่าน้ำที่มันเป็นน้ำอัดลมเครื่องดื่ม
00:03:06 → 00:03:09 อื่นๆที่เราแบบดื่มแทนน้ำบ้างหรือว่าแบบ
00:03:09 → 00:03:13 อะไรก็แล้วแต่เนี่ยมันมีผลต่อสุขภาพได้
00:03:13 → 00:03:16 เหมือนกันถูกต้องครับผม
00:03:16 → 00:03:20 บอกเลยว่าน้ำเปล่า 3 เปล่าของเรานี่แหละ
00:03:20 → 00:03:25 ครับดีที่สุดสุขภาพร่างกายของเรา
00:03:25 → 00:03:27 เพราะบางคนเนี่ยแบบว่าเอ้ยเช้านี้ไม่กิน
00:03:27 → 00:03:30 น้ำเปล่าเลยเพราะแต่กินกาแฟแล้วกินกาแฟ
00:03:30 → 00:03:33 เย็นแล้ว 1 แก้วน้ำเปล่าอย่างเงี้ยคิดแบบ
00:03:33 → 00:03:35 นั้นเหมือนกันค่ะอาจารย์จริงๆแล้วไม่ได้
00:03:35 → 00:03:39 ครับ
00:03:39 → 00:03:43 เพราะคนเราเนี่ยบอกเลยว่าต้องการน้ำคุณ
00:03:43 → 00:03:47 ขาดอาหารคุณยังมีชีวิตอยู่ได้หลายวันแต่
00:03:47 → 00:03:49 น้ำเดือนแต่ขาดน้ำนี่ไม่กี่วันคุณตายนะ
00:03:49 → 00:03:52 ครับเพราะ 70% ขององค์ประกอบของร่างกาย
00:03:52 → 00:03:55 เนี่ยมีน้ำเป็นหลักเลยอ๋อในร่างกายของเรา
00:03:55 → 00:03:58 ใช่ครับผมแล้วมันมีบทบาทสำคัญประโยชน์
00:03:58 → 00:04:01 เยอะมากเอาง่ายๆเลยเนี่ยน้ำในร่างกายของ
00:04:01 → 00:04:03 เราเนี่ยจำเลือดในระบบไหลเวียนทั้งหลาย
00:04:03 → 00:04:07 แหล่ถูกไหมครับที่นำพาสารอาหารนำพา
00:04:07 → 00:04:10 ออกซิเจนนำพาโอ้โหเพียบเลยหลายสิ่งอย่าง
00:04:10 → 00:04:13 ที่มีประโยชน์ไหลเวียนทั่วร่างกายมันก็
00:04:13 → 00:04:16 ต้องเนี่ยอาศัยเรื่องของน้ำกระบวนการเผา
00:04:16 → 00:04:19 ผลาญมีแต่บริสุทธิ์ต่างๆก็ต้องอาศัยน้ำ
00:04:19 → 00:04:22 หรือผิวพรรณอย่างนี้ถ้าคุณขาดน้ำผิวพรรณ
00:04:22 → 00:04:24 คุณแห้งเลยนะ
00:04:24 → 00:04:28 ก็จะเห็นชัดเลยคนกินน้ำไม่ถึงเนี่ยนะขับ
00:04:28 → 00:04:29 ถ่ายก็ไม่ดี
00:04:29 → 00:04:33 ใช่ไหมอันนี้คือสิ่งที่ประจักษ์ชัดสะท้อน
00:04:33 → 00:04:36 ให้เราเห็นเลยว่ามันมีผลโดยตรงเลยเรื่อง
00:04:36 → 00:04:38 ของระบบไหลเวียนโลหิตกระบวนการเผาผลาญผิว
00:04:39 → 00:04:40 พรรณระบบขับถ่าย
00:04:40 → 00:04:43 ถ้าเราขาดน้ำกินน้ำไม่พอเห็นชัดๆเลยแบบ
00:04:43 → 00:04:45 ว่าท้องผูก
00:04:45 → 00:04:48 อันนี้จริงๆถึงบอกว่ามีความสำคัญแล้วถ้า
00:04:48 → 00:04:51 คุณรับประทานน้ำดื่มน้ำให้เพียงพอบริโภค
00:04:51 → 00:04:56 น้ำให้เพียงพอในแต่ละวันคือเขาสามารถที่
00:04:56 → 00:04:59 จะมีชีวิตที่เปลี่ยนไปเลยอาจารย์บอกเลย
00:04:59 → 00:05:03 บางคนอย่างนี้กินน้ำได้เพียงพอกับความ
00:05:03 → 00:05:05 ต้องการซึ่งปริมาณโดยทั่วไปเราแนะนำเนี่ย
00:05:05 → 00:05:09 น้ำเปล่าเนี่ยคือดื่มวันละประมาณ
00:05:09 → 00:05:12 2-3 ลิตร
00:05:12 → 00:05:14 นะก็คือ
00:05:14 → 00:05:19 8-10 แก้วอย่างเงี้ยอ่าต่อวันซึ่งแก้ว
00:05:19 → 00:05:23 นึงก็ประมาณนี้ 220-240 cc นะครับเริ่ม
00:05:23 → 00:05:26 หยิบขวดมาดูค่ะอันนี้กี่ลิตรอ่า
00:05:26 → 00:05:29 600 บาทค่ะใช่ 600 บาทเพราะอาจารย์ก็
00:05:29 → 00:05:32 อย่างนั้นอ่ะวันนึงก็อาจารย์ประมาณ 4 ขวด
00:05:32 → 00:05:35 4 ขวดนะอาจารย์กินเป็นคนกินน้ำเยอะ
00:05:35 → 00:05:38 อาจารย์ถึงใช่ไหมคะ
00:05:38 → 00:05:41 วิธีการคำนวณง่ายๆในปริมาณน้ำที่เราจะ
00:05:41 → 00:05:44 ดื่มเนี่ยคือเอาน้ำหนักตัวของเราคูณด้วย
00:05:44 → 00:05:49 30 น้ำจากตัวคุณได้ 30 เช่นอาจารย์หนัก
00:05:49 → 00:05:54 65 อาจารย์ก็ต้องเอา 65 คูณ 3 ได้ 30 65
00:05:54 → 00:05:58 คูณ 30 ปุ๊บอาจารย์ก็จะ 1,950 cc ก็คือ
00:05:58 → 00:06:00 วันนึงประมาณ 2 ลิตรอย่างนี้สำหรับ
00:06:00 → 00:06:03 อาจารย์อาจารย์ก็รู้แล้ววันละ 2 ลิตรโดย
00:06:03 → 00:06:06 ช่วงเวลาการดื่มน้ำก็มีผลนะครับ
00:06:06 → 00:06:10 มีผลไอ้น้ำเนี่ยจะบอกว่าน้ำเปล่าเนี่ยดี
00:06:10 → 00:06:11 ที่สุด
00:06:11 → 00:06:15 แล้วช่วงการดื่มเนี่ยคือปกติตื่นนอนมา
00:06:15 → 00:06:18 อาจารย์จะดื่มใน 1 แก้วเพราะว่าตื่นนอนมา
00:06:18 → 00:06:22 เนี่ยส่วนใหญ่คือเราไปห้องน้ำเราไปฉี่เรา
00:06:22 → 00:06:25 มีการสูญเสียนะครับและจัดการเอ่อสลาย
00:06:25 → 00:06:28 ไกลโคเจนจากการที่เราใช้พลังงานสำรองของ
00:06:28 → 00:06:31 ร่างกายแล้วช้ามาเนี่ยทุกคนก็จะไปปัสสาวะ
00:06:31 → 00:06:35 ก็จะขับน้ำออกไปสูญเสียน้ำใช่ตกจากร่าง
00:06:35 → 00:06:38 กายเติมเลยตื่นเช้ามาอาจารย์ก็จะเติมน้ำ 1
00:06:38 → 00:06:39 แก้ว
00:06:39 → 00:06:42 หรือ 1 ขวดมันจะมีขวดที่เป็นแบบขวดเล็ก
00:06:42 → 00:06:46 ขวดเล็กลงกว่านี้อีกอ่า
00:06:46 → 00:06:50 อาจารย์ก็จะดื่มทีเดียวเลย
00:06:50 → 00:06:54 ปึ๊บถูกต้องห้องน้ำอย่างเดียวเลยพอสักพัก
00:06:54 → 00:06:57 นึงมันจะเริ่มอยากจะพรวดนะฮะ
00:06:57 → 00:07:00 อยากจะเข้าห้องน้ำและมันเป็นการกระตุ้น
00:07:00 → 00:07:03 ระบบขับถ่ายของร่างกายด้วย
00:07:03 → 00:07:07 ฉะนั้นแล้วตื่นมาปุ๊บเนี่ยคือหลังตื่นนอน
00:07:07 → 00:07:09 เนี่ยเราดื่มน้ำ 1 แก้วน้ำระบบไหลเวียน
00:07:09 → 00:07:14 เราก็ดีขึ้นแล้วก็ช่วยชดเชยที่เราอดน้ำอด
00:07:14 → 00:07:17 อาหารมันทั้งคืนที่เรานอน
00:07:17 → 00:07:19 แล้วก็
00:07:19 → 00:07:22 กระตุ้นระบบขับถ่ายให้สะดวกง่ายถ่ายคล่อง
00:07:22 → 00:07:26 นะครับแต่ไม่แนะนำว่าอุ๊ยก่อนนอนบางคนแบบ
00:07:26 → 00:07:28 โอ๊ยดื่มน้ำไปก่อนนอน
00:07:28 → 00:07:31 ไปรบกวนการนอนและเพราะว่าเดี๋ยวจะรู้สึก
00:07:31 → 00:07:33 ตัว
00:07:33 → 00:07:37 ทั้งคืนเลยเนี่ย
00:07:37 → 00:07:40 ก่อนนอน
00:07:40 → 00:07:44 ไปตื่นนอนเนี่ยไปเลย 1 แก้วนะครับอ่าแล้ว
00:07:44 → 00:08:01 กินข้าวหลังกินข้าว
00:08:01 → 00:08:35 [เพลง]
00:08:51 → 00:08:54 อาจจะเป็นเทคนิคสำหรับคนอ้วนที่ดื่มน้ำ
00:08:54 → 00:08:57 ก่อนรับประทานอาหารครึ่งชั่วโมงเพื่อจะ
00:08:57 → 00:08:59 ให้มันอิ่มๆ
00:08:59 → 00:09:03 แต่ถ้าในคนปกติก็สามารถที่จะแบบ
00:09:03 → 00:09:07 จิบเอาใช้วิธีการจีบเอานะอันนี้ก็จะก็จะ
00:09:07 → 00:09:11 ดีนะครับคือคือประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน
00:09:11 → 00:09:16 แล้วก็หลังอาหารไม่ควรจะกินน้ำแบบอัดๆๆนะ
00:09:16 → 00:09:19 ครับอย่างที่บอกเพราะว่าระบบการย่อยน้ำ
00:09:19 → 00:09:22 ย่อยหรือเฉพาะผู้สูงอายุบางทีเราไปกินน้ำ
00:09:22 → 00:09:25 แร่น้ำแร่เนี่ยคือถ้ากินได้ถูกเวลามันมี
00:09:25 → 00:09:26 ประโยชน์
00:09:26 → 00:09:37 นี่เป็นเวลาด้วยถูกต้องครับ Amazing
00:09:37 → 00:09:41 คิดง่ายๆเนี่ยเรากินน้ำแร่หลังมื้ออาหาร
00:09:41 → 00:09:43 บางคนบอกว่ากินน้ำแร่ดีพอกินข้าวเสร็จ
00:09:43 → 00:09:45 ปุ๊บโดยเฉพาะผู้สูงอายุนะมื้อนั้นกิน
00:09:45 → 00:09:47 โปรตีนเข้าไปเยอะด้วยอะไรด้วยมันต้อง
00:09:47 → 00:09:50 อาศัยกรดในการย่อยอาหารแต่คุณกินน้ำแร่
00:09:50 → 00:09:53 เข้าไปเลยอุ๊ยน้ำแร่ดีอ่ะๆๆหมดๆเลยบางที
00:09:53 → 00:09:55 ร้านอาหารบางที่ไปนั่งกินเสริมน้ำแร่อ่า
00:09:55 → 00:09:58 ใช่ว่าจะดีเสมอไปอ่านึกออกมั้ยครับถ้าเรา
00:09:58 → 00:10:01 จีบๆก็โอเคแต่ถ้าเกิดว่าเรากินแบบๆๆๆเลย
00:10:01 → 00:10:04 หมดขวดหมดแก้วเลยหรือขวดนึง 600 เนี่ยบาง
00:10:04 → 00:10:07 ทีโอกินน้ำเยอะทีหลังสักพักนึงโอ้โหท้อง
00:10:07 → 00:10:12 อืดอัดแน่นท้องง้าวเพราะอาหารไม่ย่อยได้
00:10:12 → 00:10:14 ไม่ดีคือ
00:10:14 → 00:10:17 น้ำย่อยมีความเป็นกรดแล้วดื่มที่กระเพาะ
00:10:17 → 00:10:20 กำลังที่จะย่อยกลายเป็นเอาด่างไปสะเทิน
00:10:20 → 00:10:22 ความเป็นกรด
00:10:22 → 00:10:27 ก็เลยมันก็เลยกลายเป็นว่าระบบการย่อยก็ทำ
00:10:27 → 00:10:29 งานได้ไม่ดีโดยเฉพาะผู้สูงอายุท้องอืดเลย
00:10:29 → 00:10:34 ทีนี้อันนี้เป็นเหตุอันนึงแล้วบางทีกลาย
00:10:34 → 00:10:36 เป็นร่วมกับการกินผลไม้ที่ใยอาหารสูงมาก
00:10:36 → 00:10:41 หลังมื้ออาหารบางทีกินฝรั่งอย่างนี้อัน
00:10:41 → 00:10:43 นี้ในเคสผู้สูงอายุนะแต่ถ้าในคนปกติอ่ะ
00:10:43 → 00:10:45 กินได้ปกติอาจารย์หลังมื้ออาหารเมื่อวาน
00:10:45 → 00:10:47 อาจารย์ก็กินฝรั่งก็ปกติเพราะฝรั่ง
00:10:47 → 00:10:49 อาจารย์ที่เลือกกินเนี่ยเป็นฝรั่งกิมจู
00:10:49 → 00:10:50 ที่นิ่ม
00:10:50 → 00:10:54 อ่าคือคือมันต้องมันต้องสูบมันต้องนี่มัน
00:10:54 → 00:10:56 ต้องแบบเฮ้ยหวานหน่อยเราก็ไม่กินขนมหวาน
00:10:56 → 00:10:59 อะไรเราก็กินผลไม้เนี่ยตามมื้ออาหารหรือ
00:10:59 → 00:11:00 สับปะรด
00:11:00 → 00:11:04 ช่วยย่อยค่ะอย่างเงี้ยได้แตงโมอย่างเงี้ย
00:11:04 → 00:11:08 ก็ได้ครับอ่าให้น้ำด้วยสดชื่นด้วยอ๋อไม่
00:11:08 → 00:11:11 น่ารักเขาร้านอาหารชอบเสิร์ฟแบบมีแตงโม
00:11:11 → 00:11:15 ค่ะสับปะรดอ้าแตงโมสับปะรดฝรั่ง 3 สหาย
00:11:15 → 00:11:17 เขานี่แหละก็จะมีประจำแต่ฝรั่งเนี่ยบาง
00:11:17 → 00:11:23 ที่มันจะแข็งมันจะแบบฟาดๆตรงนี้
00:11:23 → 00:11:27 เอออย่าไปกินกินเลยดีกว่านะหรือถ้ากินคุณ
00:11:27 → 00:11:30 ก็กินระหว่างมื้ออาหารไปค่ะระหว่างมื้อ
00:11:30 → 00:11:32 อาหารไปเพราะว่าฝาดฝาดเนี่ยมันจะมีสารที่
00:11:32 → 00:11:35 ชื่อว่า tanin อยู่สูงเจ้าแทนนินเนี่ยจะ
00:11:35 → 00:11:38 ไปขัดขวางการดูดซึมแร่ธาตุที่บรรจุ 2+
00:11:39 → 00:11:42 เช่นแคลเซียมเอยธาตุเหล็กเอยค่ะอันนี้ไม่
00:11:42 → 00:11:48 แนะนำให้รับประทานแบบฝรั่งที่มีรถฝาดหรือ
00:11:48 → 00:11:51 พุทราที่มีรถฝาดหลังมื้ออาหารพุทราบางที
00:11:51 → 00:11:53 ฝาด
00:11:53 → 00:11:56 อาจารย์ก็จะไม่แนะนำแต่ถ้าระหว่างมื้อ
00:11:56 → 00:11:59 อาหารคุณกินก็ไม่เป็นไรแต่ว่าใยอาหาร
00:12:00 → 00:12:01 อย่างที่บอกหลายๆมื้ออาหารบางทีผู้สูง
00:12:01 → 00:12:03 อายุกินสับปะรด
00:12:03 → 00:12:06 ช่วยย่อยค่ะอันนี้ก็จะดีตรงแกนสับปะรด
00:12:06 → 00:12:09 เนี่ยจะมีเอนไซม์ที่ชื่อว่าอยู่สูงอันนี้
00:12:09 → 00:12:12 จะดีส่วนใหญ่จะโดนเขาหั่นทิ้งหมดเออ
00:12:12 → 00:12:17 อาจารย์ซื้อมาแบบว่าไอ้นี่เองเลยบอกเอง
00:12:17 → 00:12:19 [เสียงหัวเราะ]
00:12:19 → 00:12:22 เฮ้ยเป็นไงรู้ไหมครับคุณลีอ้าวนี่เนื้อ
00:12:22 → 00:12:24 หายหมด
00:12:24 → 00:12:27 เนื้อแกะสับปะรดออกอ๋อเลยหั่นเนื้อไปด้วย
00:12:27 → 00:12:29 เนื้อไปด้วยเลยกลายเป็นอ้าวทำไมเหลือกิน
00:12:29 → 00:12:35 แค่นี้เองไง
00:12:35 → 00:12:40 ก็ต้องระวังเขาจะไปชุบไอ้พวกอะไรอ่ะขัน
00:12:40 → 00:12:42 ทศกรเอ้ยอะไรเอ่ยนึกออกไหมครับ
00:12:42 → 00:12:46 ไอ้พวกที่มันหวานอ่ะข้าเพิ่มความหวานอ่ะ
00:12:46 → 00:12:50 แล้วให้คุณแบบอร่อยอ่าอันนี้ก็ต้องพึง
00:12:50 → 00:12:53 ระวังอีกนะแต่ถ้าเราซื้อเองเราสบายใจเรา
00:12:53 → 00:12:56 ปอกเองของเรานึกออกไหมเราไม่ต้องไปกินขี้
00:12:56 → 00:12:59 มือชาวบ้านเขาแล้วก็บอกอาจารย์เดี๋ยว
00:12:59 → 00:13:02 เรื่องนี้อยากจะเล่าให้ฟังมากเลยคือไม่
00:13:02 → 00:13:03 ได้เป็นเกี่ยวกับสับปะรดเลยค่ะ
00:13:03 → 00:13:05 อยากกินน้ำมะพร้าว
00:13:05 → 00:13:09 ในร้านเนี่ยเขาก็ลงรูปไว้เป็นลูกมะพร้าว
00:13:09 → 00:13:13 อ่อนเราก็เออเขาคงจะแบบมีเป็นใส่เป็นถ้วย
00:13:13 → 00:13:16 มาให้เราแล้วมีเนื้อมะพร้าวมานะเออสั่งมา
00:13:16 → 00:13:19 ปุ๊บมาเป็นลูกเลยส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนั้น
00:13:19 → 00:13:24 แล้วก็ทำไงดีเนี่ยแกะไม่ได้อ่ะคือคือน้ำ
00:13:24 → 00:13:27 หมดแล้วแกะไม่ได้คือไม่ได้คือมันมาเป็น
00:13:27 → 00:13:34 ลูกจริงๆอ้าวแล้วเขาไม่ปลอมไม่มีเลยค่ะ
00:13:34 → 00:13:37 แล้วทำยังไงอ่ะคือต้องโยนจากชั้นบนลงมา
00:13:37 → 00:13:40 ข้างล่างมั้ยหรือยังไงเพื่อให้มันแบบแตก
00:13:40 → 00:13:42 หรืออะไรก็พยายามไปเอามีดอ๋อสั่ง
00:13:42 → 00:13:45 เดลิเวอรี่
00:13:45 → 00:13:50 ไม่ได้เฉาะมาให้มาเฉาะหัวแล้วก็แบบมีดบิน
00:13:51 → 00:13:52 เลยอ่ะ
00:13:52 → 00:13:55 มีดบินก็ยังดีกว่ามือมือบีบนะครับกลัว
00:13:55 → 00:13:58 นิ้วจะขาดมากเลยแต่สุดท้ายไม่ได้กินค่ะ
00:13:58 → 00:13:59 อ้าว
00:13:59 → 00:14:04 เพราะว่าเบิกไม่ได้ไม่ได้หมดความสามารถ
00:14:04 → 00:14:07 แล้วก็ไม่รู้จะแบบว่าจะมีใครช่วยในนาที
00:14:07 → 00:14:08 นั้น
00:14:08 → 00:14:12 ถ้าไม่ปอกเองแบบนี้ก็ไม่ไหวนะอาจารย์ก็
00:14:12 → 00:14:14 เลยต้องแบบ
00:14:14 → 00:14:16 เดี๋ยวของอาจารย์ป๋องเองเลยหรอสับปะรดเลย
00:14:16 → 00:14:17 นะ
00:14:17 → 00:14:25 [เสียงหัวเราะ]
00:14:25 → 00:14:27 เราไม่ค่อยได้กินเนื้อ
00:14:27 → 00:14:31 มันหายถูกเพราะเราหั่นตาสับปะรดลงไปลึก
00:14:31 → 00:14:33 มันก็เลยเหลือเนื้อน้อยแต่แกนสับปะรด
00:14:33 → 00:14:36 เนี่ยอาจารย์ชอบเพราะว่าใยอาหารสูงแล้วก็
00:14:36 → 00:14:39 จะมีเอนไซม์อยู่สูงโบมีเลนเนี่ยมันจะช่วย
00:14:39 → 00:14:42 ย่อยครับช่วยย่อยพวกกลุ่มของโปรตีน
00:14:42 → 00:14:46 ได้ดีแล้วก็พวกแผลในกระเพาะเอยอะไรเอ่ย
00:14:46 → 00:14:49 เนี่ยพวกนี้มันจะต้านการอักเสบได้ดีเขา
00:14:49 → 00:14:52 ทำไมอาหารเขาทำไมเอาทิ้งตลอดเลยเอาแต่
00:14:52 → 00:14:54 เนื้อให้เราทั้งที่มันก็มีประโยชน์ซึ่ง
00:14:54 → 00:14:56 แต่จริงๆถ้าเกิดว่ามีเห็นขายบางที่เนี่ย
00:14:56 → 00:14:59 เราก็จะบอกเขาเลยว่าขอซื้อแต่บางครั้งเขา
00:14:59 → 00:15:01 ก็ไม่คิดตังค์แล้วนะเอาไปเลยอะไรอย่าง
00:15:01 → 00:15:04 เงี้ยอันนี้กินไปเถอะแต่เมย์ฝรั่งไม่แนะ
00:15:04 → 00:15:06 นำมันจะมีแกนสับปะรดกับเม็ดฝรั่งไงสมัย
00:15:06 → 00:15:09 ก่อนกินเม็ดฝรั่งเยอะเดี๋ยวจะเป็นไส้ติ่ง
00:15:09 → 00:15:12 หรืออะไรอ๋อที่แบบเอาเม็ดไหมครับเขาจะบอก
00:15:12 → 00:15:15 ว่าไม่เอามีดเนี่ยเราไม่เอาแกนนะเราต้อง
00:15:15 → 00:15:18 เอามาด้วยนะสับปะรดด้วย
00:15:18 → 00:15:22 ฝรั่งไม่กินเม็ด
00:15:22 → 00:15:25 อย่างที่บอกว่าเอนไซม์เนี่ยมันจะช่วยย่อย
00:15:25 → 00:15:26 โดยเฉพาะผู้สูงอายุอายุกินสับปะรดหลัง
00:15:26 → 00:15:27 มื้ออาหาร
00:15:27 → 00:15:31 ประมาณสัก 6-8 ชิ้นคำ
00:15:31 → 00:15:35 ต้องบอกด้วยบางทีมันหวานจัดไงที่มันหวาน
00:15:35 → 00:15:38 เกินอันนี้มันก็จะมีเอนไซม์มาช่วยย่อยพวก
00:15:38 → 00:15:40 โปรตีนก็จะลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อทั้ง
00:15:40 → 00:15:43 หลายแหล่ได้ดีนะเขาถึงใช้พวก
00:15:43 → 00:15:47 สับปะรดเนี่ยกลับมะละกอมะละกอจะมีปลาตีน
00:15:47 → 00:15:53 ไปย่อยพวกพวกเนื้อสัตว์ให้มันนุ่มก่อนที่
00:15:53 → 00:15:59 จะเอาไปปรุงประกอบอ๋อ
00:15:59 → 00:16:04 พวกสับปะรดพวกมะละกออันนี้จะดีมากซึ่งมัน
00:16:04 → 00:16:05 เป็นๆเขาเรียกว่าอะไรเป็นกรดจากธรรมชาติ
00:16:05 → 00:16:08 ด้วยใช่มั้ยฮะอาจารย์ใช่ถูกต้องครับผมมัน
00:16:08 → 00:16:10 ก็จะมีมีเอนไซม์นี่แหละ
00:16:10 → 00:16:14 ทรายมาช่วยย่อยโปรตีนมะละกอมะละกอโดย
00:16:15 → 00:16:17 เฉพาะมะละกอดิบหรือห่ามหน่อยเหมือนที่เรา
00:16:17 → 00:16:21 กินส้มตำอ่ะอ๋อมันแบบนั้นแหละใช่แต่ถ้า
00:16:21 → 00:16:24 สูบปุ๊บมันก็จะมีปริมาณน้อยลงแต่มันก็ได้
00:16:24 → 00:16:25 ประโยชน์ของมัน
00:16:25 → 00:16:28 พวกเนี้ยส่วนใหญ่อาจารย์ก็จะกินหลังมื้อ
00:16:28 → 00:16:29 อาหาร
00:16:29 → 00:16:32 มันก็มันก็จะมีมีประโยชน์สำหรับสุขภาพ
00:16:32 → 00:16:34 ร่างกายของเราอ่ะเนาะแล้วเราก็ไม่ต้อง
00:16:34 → 00:16:38 กลัวว่าแบบว่าจะทำให้ท้องอืดเพราะตัวมัน
00:16:38 → 00:16:40 ช่วยย่อยอยู่แล้วด้วยเราก็ไม่ต้องกลัวบาง
00:16:40 → 00:16:43 คนก็จะบ่นแบบอาจารย์กินผลไม้ท้องอึดเคย
00:16:43 → 00:16:45 ได้ยินไหมครับพีนผลไม้หลังมื้ออาหารไม่ดี
00:16:45 → 00:16:48 นะต้องไปกินก่อนมื้ออาหารบางคนบอกกินก่อน
00:16:48 → 00:16:50 ไม่ดีต้องมากินหลังโอ้โหกลายเป็นว่าแล้ว
00:16:50 → 00:16:53 ฉันจะกินตอนไหนกลายเป็นไม่ได้กินเลยทุก
00:16:53 → 00:16:55 วันนี้คนไทยกินใยอาหารไม่พอเพราะว่ามัว
00:16:55 → 00:16:58 แต่ดราม่าเรื่องว่าจะกินก่อนกินเหล้าคุณ
00:16:58 → 00:17:02 ก็ต้องดูว่าคุณคุณย่อยได้ไม่ดีคุณก็ไป
00:17:02 → 00:17:05 เลือกชนิดผลไม้ที่มันอ่อนนุ่มคุณก็เลือก
00:17:05 → 00:17:10 สับปะรดคุณก็เลือกมะละกอแก้วมังกรอย่าง
00:17:10 → 00:17:15 เงี้ยค่ะนุ่มๆก็กินได้นี่แหละ
00:17:15 → 00:17:18 แต่น้ำน้ำแร่เนี่ยต้องพึงระวังอย่างที่
00:17:18 → 00:17:21 บอกแต่ถ้าคุณรีตื่นมาปุ๊บเนี่ยดื่มตอน
00:17:21 → 00:17:22 เช้าได้เลยเพราะเรายังไม่ได้กินข้าวอะไร
00:17:22 → 00:17:25 เราดื่มน้ำแร่ให้เลยน้ำแร่เลยหรอคะมันจะ
00:17:25 → 00:17:27 เพิ่มความเป็นด่างให้กับร่างกายด้วยแล้ว
00:17:27 → 00:17:29 จะทำให้เราสดชื่นเวลาเรากินน้ำแร่เนี่ย
00:17:29 → 00:17:32 หรือระหว่างระหว่างวันอย่างเงี้ยคุยกับ
00:17:32 → 00:17:34 อาจารย์ไปจิบไปด้วยมั้ย
00:17:34 → 00:17:37 อันนี้นะคือมันก็จะทำให้ร่างกายเนี่ยได้
00:17:37 → 00:17:42 รับแร่ธาตุหรือเกลือแร่ซึ่งมันก็จะรู้สึก
00:17:42 → 00:17:46 สดชื่นนะข้อดีของการดื่มน้ำแร่แล้วก็
00:17:46 → 00:17:50 ส่วนใหญ่เนี่ยบางทีคุณน่ะชอบแบบไปกินน้ำ
00:17:50 → 00:17:53 หวานน้ำอัดลมหรือบางทีน้ำสมุนไพรที่มีน้ำ
00:17:53 → 00:17:57 ตาลแฝงอยู่สูงรอฮั่งกล้วยเอยน้ำจับเลี้ยง
00:17:57 → 00:17:59 เอยเก๊กฮวยเอยอะไรพวกนี้ที่ไปร้านสะดวก
00:17:59 → 00:18:03 ซื้อแล้วไปดูสิน้ำตาลอื้อเลยถามว่าบางที
00:18:03 → 00:18:05 เรากินน้ำแร่น้ำเปล่าเนี่ยหรือน้ำแช่เย็น
00:18:05 → 00:18:08 เนี่ยเราก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาแล้วนะแต่
00:18:08 → 00:18:10 มันไม่เหมือนกันเข้าใจว่าเราต้องการความ
00:18:10 → 00:18:15 หวานนะก็หวานลองก่อนแล้วเดี๋ยวร่างกายมัน
00:18:15 → 00:18:17 จะเรียนรู้เมื่อก่อนอาจารย์กินกาแฟเย็น
00:18:17 → 00:18:20 โอ้โหต้องใส่น้ำตาลใส่ไซรัปน้ำเชื่อม
00:18:20 → 00:18:24 เพราะตอนหลังรถครึ่งนึงลด 25% เอาค่อยๆไป
00:18:24 → 00:18:28 ตอนหลังปรับไปเลยได้เลย
00:18:28 → 00:18:31 ร่างกายมันก็จะค่อยๆปรับตัวลดความหวานเรา
00:18:31 → 00:18:34 เองแล้วเราก็จะกินน้ำ
00:18:34 → 00:18:39 ปกติที่ไม่ได้หวานได้เองบางทีเราสร้าง
00:18:39 → 00:18:43 สร้างความเคยชินสร้างว่าเราต้องกินน้ำ
00:18:43 → 00:18:45 หวานสร้างว่าเราต้องกินน้ำอัดลมเวลา
00:18:45 → 00:18:50 เหนื่อยๆอย่างนี้แล้วมันก็ติดมากเกินนานๆ
00:18:50 → 00:18:52 กินทีได้แต่อยากกินทีอย่างที่บอกแล้วน้ำ
00:18:52 → 00:18:55 อีก 1 น้ำที่ต้องพึงระวังก็คือน้ำ RO
00:18:55 → 00:18:58 Reverse osmosis ที่ตามหอพักตามตู้ที่
00:18:58 → 00:19:01 เขาหยอดเหรียญกัน
00:19:01 → 00:19:04 เขียนเลย
00:19:04 → 00:19:08 ฟังดูเหมือนดีมันคือเหมือนน้ำกลั่นน่ะที่
00:19:08 → 00:19:10 ไม่มีแร่ธาตุเพราะมันไม่มีแร่ธาตุปุ๊บ
00:19:10 → 00:19:14 เนี่ยมันจะมีความเป็นกรด
00:19:14 → 00:19:18 อันนี้ไม่มีค่ะมันเป็น nsf
00:19:18 → 00:19:21 สถาบันการันตี
00:19:21 → 00:19:24 มันกลั่นมันเอาแร่ธาตุออกอ่ะ
00:19:24 → 00:19:29 ที่เติมรถยนต์สมัยก่อนมันบริสุทธิ์มากจน
00:19:29 → 00:19:32 มันไม่มีแร่ธาตุเพราะมันมีแร่ธาตุ
00:19:32 → 00:19:36 เนี่ยมันจะให้ความเป็นด่างกับร่างกายนี้
00:19:36 → 00:19:38 ภาวะร่างกายของเราเนี่ยมีความเป็นด่าง
00:19:38 → 00:19:40 อ่อนๆในเลือดของเราเนี่ย
00:19:41 → 00:19:44 7.37.4 ถ้าแล้วเขามีการศึกษาวิจัยเนี่ย
00:19:44 → 00:19:49 เขาพบว่าเออภาวะแวดล้อมเซลล์ที่มีความ
00:19:49 → 00:19:53 เป็นกรดเชื้อโรคไวรัสจะบุกรุกได้ง่ายกว่า
00:19:53 → 00:19:54 เป็นดาว
00:19:54 → 00:19:57 เราต้องทำให้ร่างกายของเราเป็นด่างอ่อนๆ
00:19:57 → 00:20:00 น้ำแร่ก็ได้แต่แค่ว่าหลังมื้ออาหารเนี่ย
00:20:00 → 00:20:02 ไม่ควรแนะนำให้ดื่มดื่มตอนเช้าตื่นขึ้นมา
00:20:02 → 00:20:07 หรือระหว่างมื้ออาหารน้ำ RO เลี้ยงได้
00:20:07 → 00:20:09 เป็นดีเลี่ยงได้ก็เลี่ยงแต่ถ้าเลี่ยงไม่
00:20:09 → 00:20:11 ได้ปุ๊บโอ้โหฉันขาดน้ำแล้วเนี่ยจะต้องกิน
00:20:11 → 00:20:15 ก็กินได้อาจารย์ถึงบอกว่ามันต้องมีความ
00:20:15 → 00:20:18 flexible ไม่ใช่ว่าฉันไม่กินหรอกน้ำ RO
00:20:18 → 00:20:21 เพราะมันเป็นกฎมันไม่ดีกับสุขภาพแต่ถ้า
00:20:21 → 00:20:23 คุณไม่มีทางเลือกอ่ะอย่างน้อยมันคือน้ำก็
00:20:23 → 00:20:25 ยังดีกว่าถูกต้องดีกว่าคุณไปกินน้ำหวาน
00:20:25 → 00:20:29 น้ำอัดลมแล้วแต่ว่าดูตรงขวดเนี่ยเพิ่ง
00:20:29 → 00:20:32 เห็นเพิ่งสังเกตเห็นว่าควรบริโภคก่อนวัน
00:20:32 → 00:20:34 เดือนปีดูที่ขวดน้ำเปล่ามีหมดอายุเนี่ย
00:20:34 → 00:20:36 หรอคะ
00:20:36 → 00:20:39 Amazing อีกแล้วเราไม่เห็นเคยรู้เลยมี
00:20:39 → 00:20:42 ครับโอ้โห
00:20:42 → 00:20:43 นี่คือแบบทำให้คุยกับอาจารย์เรื่องนี้นี่
00:20:43 → 00:20:46 หยิบน้ำขึ้นมาแบบเฮ้ยใช่ด้วยก็ต้องสังเกต
00:20:46 → 00:20:51 เพราะทุกอย่างมีมีชีวิตมี x ปลายหมดน้ำ
00:20:51 → 00:20:52 เปล่าน่าจะถูกต้อง
00:20:52 → 00:20:56 ทำไมมันเสื่อมสภาพได้หมดนะ
00:20:56 → 00:21:02 ครับทุกทุกอย่างที่มีชีวิต
00:21:02 → 00:21:05 นะครับคุณลีเคยดูอ่านงานวิจัยเคยดูงาน
00:21:05 → 00:21:08 วิจัยของญี่ปุ่นมั้ยอ่ะคุณผู้ฟังลองไป
00:21:08 → 00:21:10 ซื้อดูนะน้ำที่เขาเปิดเพลงให้มันฟังอ่ะ
00:21:10 → 00:21:14 แล้วจะเปลี่ยนไปนี่อาจารย์เคยมีงานวิจัย
00:21:14 → 00:21:17 อันนึงอ่ะคุณหมอทำนะเออคุณหมอทำอาจารย์ไป
00:21:17 → 00:21:21 เป็นเอ่อประธานสอบเนี่ยสวดมนต์
00:21:21 → 00:21:25 แล้วโมเลกุลน้ำเปลี่ยนญี่ปุ่นเปิดเพลง
00:21:25 → 00:21:30 เปิดเราสวดมนต์สวดมนต์
00:21:30 → 00:21:33 คาถาอะไรก็ได้จริงๆแล้วอ่ะอะไรก็ได้ที่
00:21:33 → 00:21:35 มันเป็นพลังงานที่เป็นมงคลจริงๆแล้วมัน
00:21:35 → 00:21:38 คือ Energy Medicine นะครับ
00:21:38 → 00:21:40 Energy Medicine
00:21:40 → 00:21:43 ของน้ำที่เราพูดวิทยาศาสตร์กันนะเราไม่
00:21:43 → 00:21:46 ได้พูดไม่ได้ไม่มีความเชื่ออะไรอย่างนั้น
00:21:46 → 00:21:50 นะคะ
00:21:50 → 00:21:54 ที่เป็นพลังงานที่ดีเหมือนพลังบวกครับ
00:21:54 → 00:21:58 พลังงานบวกแล้วเนี่ยเขาเปิดเพลงที่ดีให้
00:21:58 → 00:22:00 น้ำฟังเฮ้ยโมเลกุลของน้ำมันเปลี่ยนเลย
00:22:00 → 00:22:04 ผลึกของน้ำมันเปลี่ยนอย่างเงี้ยสรุปยัง
00:22:04 → 00:22:05 กับ
00:22:05 → 00:22:10 คริสตัลกี้โอ้โหสวยสวยแล้วก็เหมือนกันสวด
00:22:10 → 00:22:14 สวดมนต์เนี่ยเขาพบว่าโมเลกุลของน้ำเนี่ย
00:22:14 → 00:22:15 เปลี่ยน
00:22:15 → 00:22:18 แล้วมันทำให้น้ำมีความเป็นด่าง
00:22:18 → 00:22:22 น้ำที่ผ่านการสวดมนต์หรือส่งพลังงานที่ดี
00:22:22 → 00:22:26 Energy Medicine น้ำจะมีความเป็นด่างที
00:22:26 → 00:22:28 นี้ถ้าน้ำมันเป็นด่างปุ๊บอ่ะคุณลีเอาง่าย
00:22:28 → 00:22:31 ๆเลยนะน้ำมนต์อันนี้พูดถึงความเชื่อนะ
00:22:31 → 00:22:35 ความเชื่อคนเจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบายนี่ไปหา
00:22:35 → 00:22:37 ไปกินน้ำมนต์สิไปเอาน้ำมนต์ที่วัดนี้สิ
00:22:37 → 00:22:45 เอาน้ำมนต์มากินค่ะ
00:22:45 → 00:22:49 มันคือน้ำด่างค่ะคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยไม่
00:22:49 → 00:22:54 สบายส่วนใหญ่เราร่างกายจะมีภาวะเป็นกรดมี
00:22:54 → 00:22:57 การอักเสบเรื้อรังเกิดขึ้นเวลาเจ็บไข้ไม่
00:22:57 → 00:23:00 สบายจะมีการอักเสบเรื้อรังเกิดขึ้นมีความ
00:23:00 → 00:23:04 เป็นกรดในร่างกายสูงน้ำมนต์ที่กินเข้าไป
00:23:04 → 00:23:09 มันไปสะเทินความเป็นกรดน้อยลงอ๋อทำให้ลด
00:23:09 → 00:23:10 ความเจ็บ
00:23:10 → 00:23:14 กดดันในร่างกายก็มีส่วนช่วยไม่ได้บอกว่า
00:23:14 → 00:23:18 รักษานะส่วนช่วยมีส่วนช่วยเป็นอีกหนึ่ง
00:23:18 → 00:23:21 จิ๊กซอว์ชิ้นนึงที่มันอธิบายได้ด้วยกลไก
00:23:21 → 00:23:24 ทางวิทยาศาสตร์ว่าทำไมโอ๊ยคนกินน้ำมนต์
00:23:24 → 00:23:27 ต้องแบบว่า
00:23:27 → 00:23:31 มันก็มีส่วนช่วยไปล้มฤทธิ์ความเป็นกรดของ
00:23:31 → 00:23:33 ร่างกายเออแต่ไม่ได้แบบว่าให้ไปกินน้ำ
00:23:33 → 00:23:36 มนต์อย่างเดียวแล้วนะคะใจเย็นๆนะคุณกิน
00:23:36 → 00:23:38 อาหารที่สร้างด่างได้นอกจากน้ำแร่เนี่ย
00:23:38 → 00:23:42 อะไรรู้ไหมครับผักผลไม้
00:23:42 → 00:23:45 มันมีความเป็นด่างบางคนกินแพ้นเบสเขามี
00:23:45 → 00:23:47 ร่างกายเป็นด่างสูงไม่จำเป็นต้องกินน้ำ
00:23:47 → 00:23:48 แร่ก็ได้
00:23:48 → 00:23:51 เพราะน้ำที่ให้ความเป็นด่างบางทีพูดถึง
00:23:51 → 00:23:52 เรื่องน้ำเนาะก็ต้องฝากไว้บางทีไปซื้อ
00:23:52 → 00:23:54 เครื่องกรองน้ำแพงๆ 230,000 บาทเนี่ยก็มี
00:23:54 → 00:23:58 นะแพงมากไงเป็นแสนแล้วคุณลีเครื่องกรอง
00:23:58 → 00:24:01 น้ำไม่ใช่ว่ามันไม่มีประโยชน์นะแต่เราบาง
00:24:01 → 00:24:05 ทีเราจ่ายแพงอ่ะนึกออกไหมมันมันแพงเกิน
00:24:05 → 00:24:09 มันไม่สมเหตุสมผลอย่างนั้นเก็บกับตังค์ไป
00:24:09 → 00:24:12 ซื้อพืชผักผลไม้ดีกว่าอ่าสามารถเป็นแบบ
00:24:12 → 00:24:15 เป็นด่างได้แบบธรรมชาติโดยเฉพาะเมื่อก่อน
00:24:15 → 00:24:19 ที่มีดราม่าที่ว่าเฮ้ยกินน้ำด่างน้ำมะนาว
00:24:19 → 00:24:22 รักษามะเร็งอ่ะใช่ๆอ่าอาจารย์บอกเลยว่า
00:24:22 → 00:24:24 จริงๆแล้วมีประโยชน์แต่มันไม่ถึงขนาด
00:24:24 → 00:24:27 โอเวอร์เครมไปรักษามะเร็งอันนั้นมัน Over
00:24:27 → 00:24:28 ไปหน่อย
00:24:28 → 00:24:31 คือกันจริงมากคือตระกูลมะนาวส้มมะนาว
00:24:31 → 00:24:33 เนี่ยซีต้าเนี่ยมันจะมีกรดที่เขาเรียกว่า
00:24:33 → 00:24:36 citic assist เวลาร่างกายได้รับเข้าไป
00:24:36 → 00:24:38 มันจะถูกเม็ดตามเวลาให้ถูกสลายกลายเป็น
00:24:38 → 00:24:42 ด่างเป็นสารที่มีความเป็นด่างค่ะแล้วเรา
00:24:42 → 00:24:44 กินน้ำมะนาวเนี่ยอยู่ข้างนอกร่างกายเป็น
00:24:44 → 00:24:47 กรดแต่เวลาเรากินเข้าไปเป็นด่างนะครับมี
00:24:47 → 00:24:51 ประโยชน์อ๋อแต่ทั้งหมดทั้งปวงก็เถอะน้ำ
00:24:51 → 00:24:52 เปล่า
00:24:52 → 00:24:56 ดีที่สุดอาจารย์อันนี้นิดนึงดูได้ไงรู้
00:24:56 → 00:24:59 ว่าเราดื่มน้ำเพียงพอแล้วอ้าวแน่นอนก็คือ
00:24:59 → 00:25:01 ถ้ามันไม่พอเราจะหิวน้ำ
00:25:01 → 00:25:04 ง่ายๆเลยถูกต้องไม่ต้องหลักการอะไรร่าง
00:25:04 → 00:25:06 กายที่มันจะกระตุ้นสมองกระตุ้นมีความ
00:25:06 → 00:25:11 สมดุลของเหลวในร่างกายเราจะหิวน้ำฉะนั้น
00:25:11 → 00:25:13 แล้วเราจะรู้สึกแล้วเมื่อไรก็ตามบางคนหิว
00:25:13 → 00:25:15 แล้วฉันขี้เกียจกินเหมือนคนไปนั่งทำงาน
00:25:15 → 00:25:18 แล้วแบบปวดฉี่อ่ะ
00:25:18 → 00:25:21 ฉันขี้เกียจไปฉี่เพราะคุณกระเพาะปัสสาวะ
00:25:21 → 00:25:25 อักเสบเลยทุกครั้งที่คุณเอาออกฉี่คุณเติม
00:25:25 → 00:25:29 เข้าถูกต้องง่ายๆนะทุกครั้งที่เอาออกก็
00:25:29 → 00:25:32 เติมเข้าไปแล้วก็คำนวณตามความเหมาะสมโดย
00:25:32 → 00:25:35 เฉพาะคนกินน้ำน้อยก็ต้องดูแล้วบางคนเขาจะ
00:25:35 → 00:25:37 ซื้อน้ำขวดลิตรมาตั้งไว้เลย 2 ขวดเพื่อ
00:25:37 → 00:25:40 อะไรเพื่อจะดูว่าวันนึงอ่ะจะกินพอไหม
00:25:40 → 00:25:45 ครึ่งเช้าครึ่งใบจบอย่างนี้ก็ได้เป็นวิธี
00:25:45 → 00:25:47 การให้ร่างกายได้รับน้ำได้อย่างเพียงพอ
00:25:47 → 00:25:51 มันก็จะทำให้เราเนี่ยสุขภาพดีได้
00:25:51 → 00:25:54 เทคนิควิธีนะคะคุณผู้ฟังน้ำเปล่าดีที่สุด
00:25:54 → 00:25:55 ค่ะ
00:25:55 → 00:25:58 ขอบคุณอาจารย์เอกราชค่ะสวัสดีค่ะสวัสดี
00:25:58 → 00:26:01 ครับหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังพบกันใหม่
00:26:01 → 00:26:03 ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอทางไทย
00:26:03 → 00:26:05 พีบีเอสพอร์ทคลาสนะคะวันนี้ลาไปก่อนค่ะ
00:26:05 → 00:26:08 สวัสดีค่ะ This Is Point previouse
00:26:08 → 00:26:11 อาการอะไรของโรคลมพิษถือว่าอันตรายถึง
00:26:11 → 00:26:14 ชีวิตต้องรีบพบแพทย์นายแพทย์จิรวัฒน์
00:26:14 → 00:26:16 เที่ยวเฉลิมศรีจากศูนย์การแพทย์
00:26:16 → 00:26:18 ปัญญานันทภิกขุชลประทานมหาวิทยาลัย
00:26:18 → 00:26:21 ศรีนครินทรวิโรฒมาเล่าให้ฟังครับ
00:26:21 → 00:26:25 ก็โรคลมพิษเนี่ยเป็นลักษณะของคนไข้ที่มี
00:26:25 → 00:26:28 ผื่นลักษณะของผื่นของลมพิษเนี่ยคือเป็น
00:26:28 → 00:26:32 ผื่นที่เป็นนูนแดงนะครับเนาะเป็นปื้นๆนะ
00:26:32 → 00:26:36 ครับเนาะยิ่งเกายิ่งลำมากขึ้นนะครับและ
00:26:36 → 00:26:39 มักจะมีอาการคันเด่นมากๆครับบางคนเป็น
00:26:39 → 00:26:42 เยอะเยอะผื่นอาจจะเป็นลามทั้งตัวได้หรือ
00:26:42 → 00:26:45 อาจจะมีหน้าบวมตาบวมปากบวมร่วมด้วยได้
00:26:45 → 00:26:47 ด้วยครับเกิดได้หลายสาเหตุมากๆเลยครับ
00:26:47 → 00:26:50 ปกติแล้วอ่ะถ้าเวลาไปพบแพทย์แพทย์จะแบ่ง
00:26:50 → 00:26:53 ลมพิษง่ายๆก่อนก็คือแบ่งเป็นลมพิษแบบฉับ
00:26:53 → 00:26:56 พลันกับแบบไม่ฉับพลันครับซึ่งการแบ่งแบบ
00:26:56 → 00:26:59 นี้มันช่วยแยกได้หลายอย่างเพราะว่ายกตัว
00:26:59 → 00:27:01 อย่างเช่นถ้าคนไข้ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็น
00:27:01 → 00:27:03 ลมพิษเลยเพิ่งไปรับประทานอาหารมานะครับ
00:27:03 → 00:27:06 สักประมาณชั่วโมง 2 ชั่วโมงฝึกลมพิษลำ
00:27:06 → 00:27:08 ทั้งตัวอย่างเงี้ยครับอันนี้จะเข้า
00:27:09 → 00:27:12 definition ของฉับพลันถ้าแบบฉับพลัน
00:27:12 → 00:27:14 เนี่ยเราต้องระวังในกลุ่มพวกกลุ่มที่แพ้
00:27:14 → 00:27:19 อาหารแพ้ยานะครับแพ้แมลงนะครับแล้วก็มัน
00:27:19 → 00:27:21 อาจจะเป็นจากการติดเชื้อหรืออะไรที่
00:27:21 → 00:27:23 กระตุ้นได้แบบฉับพลันนะครับแล้วถ้าแบบไม่
00:27:24 → 00:27:26 ฉับพลันเนี่ยตัวเนี้ยมันเป็นได้หลายอย่าง
00:27:26 → 00:27:29 มากเลยนะครับแล้วในปัจจุบันเจอเยอะด้วยนะ
00:27:29 → 00:27:31 ครับเนาะอย่างคนไข้เวลามีการติดเชื้อต่าง
00:27:31 → 00:27:34 ๆขึ้นมายกตัวอย่างเช่นโควิดก็ได้นะครับ
00:27:34 → 00:27:36 เนาะหรือได้รับวัคซีนโควิดมาอย่างเงี้ย
00:27:36 → 00:27:39 ครับนะสักประมาณอ่าเดือนนึงเกือบๆเดือน
00:27:39 → 00:27:41 นึงเนี่ยผมเริ่มรู้สึกมีลมพิษขึ้นเกือบ
00:27:41 → 00:27:43 ทุกวันโดยที่ไม่สัมพันธ์กับอาหารไม่
00:27:43 → 00:27:45 สัมพันธ์กับอะไรพวกนี้อาจจะสัมพันธ์กับ
00:27:45 → 00:27:47 ภูมิคุ้มกันของเราที่มันเพี้ยนไปนะครับ
00:27:47 → 00:27:50 ที่ทำให้สั่งการที่ทำให้ผื่นลมพิษมันเกิด
00:27:50 → 00:27:52 ขึ้นมาแล้วคราวนี้เกิดขึ้นได้ทุกวันโดย
00:27:52 → 00:27:55 ไม่มีปัจจัยกระตุ้นก็ได้หรือถ้าเกิดว่า
00:27:55 → 00:27:58 แบบไม่ฉับพลันก็อาจจะเป็นเซลล์ที่ทำให้
00:27:58 → 00:28:01 เกิดผื่นลมพิษเองนะครับเนาะซึ่งเซลล์นี้
00:28:01 → 00:28:04 ดันถูกกระตุ้นด้วยอะไรที่ไม่ควรทำให้เกิด
00:28:04 → 00:28:07 ผื่นลมพิษนะครับเช่นความร้อนความเย็นการ
00:28:07 → 00:28:09 ออกกำลังกายต่างๆพวกนี้กระตุ้นได้หมดเลย
00:28:09 → 00:28:13 เวลาการแพ้จริงๆมันมีอาการได้หลายระบบมาก
00:28:13 → 00:28:17 ๆไม่ใช่แค่ผิวหนังนะครับและการแพ้แพ้จริง
00:28:17 → 00:28:19 ๆอ่ะเราจะแบ่งเป็นการแพ้ฉับพลันกับไม่ฉับ
00:28:19 → 00:28:21 พลันอีกลักษณะของผื่นลมพิษเนี่ยเวลาเรา
00:28:21 → 00:28:24 เป็นมักจะเป็นการแพ้ฉับพลันเช่นเรารับ
00:28:24 → 00:28:26 ประทานอาหารไปเนี่ยภายใน 6 ชั่วโมงเรามัก
00:28:26 → 00:28:28 จะเกิดถ้าเราแพ้อาหารชนิดนั้นและในนี้
00:28:28 → 00:28:31 สำคัญมากๆเพราะว่าเวลาไปเจอคุณหมอเนี่ย
00:28:31 → 00:28:33 คุณหมอจะซักประวัติละเอียดมากและอยากให้
00:28:33 → 00:28:35 คนไข้เนี่ยทบทวนอาหารทั้งหมดที่รับประทาน
00:28:35 → 00:28:38 ด้วยนะครับเพราะว่าต้องบอกว่าเดี๋ยวนี้
00:28:38 → 00:28:42 เราเจอคนไข้ที่แพ้อาหารเยอะมากขึ้นเรื่อย
00:28:42 → 00:28:45 ๆอาหารที่เคยทานมาได้ตลอดเราก็เพิ่งมาแพ้
00:28:45 → 00:28:49 ได้นะครับเราเพิ่งเจอแบบคนที่แพ้แป้งสาลี
00:28:49 → 00:28:52 เนี่ยส่วนใหญ่ที่เจอเยอะสุดอายุประมาณ 30
00:28:52 → 00:28:55 ปลายๆ 40 ทั้งๆที่เคยกินขนมปังมาได้ตลอด
00:28:55 → 00:28:59 พวกแพกุ้งก็จะแพ้ประมาณสักอายุ 20 ทั้งๆ
00:28:59 → 00:29:01 ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยผ่านมาได้ตลอดทาน
00:29:01 → 00:29:03 บุฟเฟ่ต์เลยด้วยซ้ำเช่นเดียวกันสองถ้า
00:29:03 → 00:29:06 ฝั่งตะวันตกเขาทานพวกพีนัทพวกถั่วเยอะเขา
00:29:06 → 00:29:08 ก็แพ้พี่นัดเยอะมากเพราะฉะนั้นเนี่ยตรง
00:29:08 → 00:29:11 นี้ก็คือลักษณะของการแพ้เนี่ยถ้าเป็นฉับ
00:29:11 → 00:29:12 พลันเนี่ยจริงๆมันเป็นได้หลายระบบเหมือน
00:29:12 → 00:29:15 กันนะครับแต่ถ้าเป็นผื่นลมพิษเนี่ย
00:29:15 → 00:29:18 มันชอบอ่าเป็นลักษณะที่เป็นการแพ้แบบฉับ
00:29:18 → 00:29:21 พลันทีนี้นะครับระบบอื่นๆของการแพ้มันมี
00:29:21 → 00:29:23 ได้เหมือนกันนะครับอย่างเช่นหายใจไม่ออก
00:29:23 → 00:29:27 หลอดลมตีบแล้วก็อาจจะมีความดันตกช็อกเลย
00:29:27 → 00:29:29 ได้ถ้ารุนแรงบางรายอาจจะมีถ่ายเหลวเยอะๆ
00:29:29 → 00:29:32 ปวดท้องมากๆได้พวกนี้ถ้ามีอาการ 2 ใน 4
00:29:32 → 00:29:35 ระบบนะครับที่เมื่อกี้ผมพูดมามี 4 อาการ
00:29:35 → 00:29:39 ทางผิวหนังอาการทางระบบทางเดินหายใจอาการ
00:29:39 → 00:29:41 ทางระบบทางเดินอาหารแล้วก็อาการทางระบบ
00:29:41 → 00:29:43 หัวใจและหลอดเลือดที่ความดันตกนะครับนะ
00:29:43 → 00:29:45 วูบหมดสติพวกเนี้ยนะครับถ้ามี 2 ใน 4
00:29:45 → 00:29:48 ระบบถือว่าเป็นอาการแพ้รุนแรงซึ่งถึง
00:29:48 → 00:29:51 ชีวิตได้ครับ
00:29:51 → 00:29:56 This Is Choice PBS
00:29:56 → 00:29:59 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ Application
00:29:59 → 00:30:03 ของไทยพีแดชพอดคลาส spotify soundcloud
00:30:03 → 00:30:06 Google podcast Apple podcast และ
00:30:06 → 00:30:09 YouTube Channel Thai PBS portcast
00:30:09 → 00:30:13 PBS beautiful
00:30:13 → 00:30:19 [เพลง]