ทำไมการใส่ผงชูรสในอาหารที่อร่อยแล้วจึงไม่แนะนำ

Eat Direction | EP. 23 | ใส่ผงชูรสเท่าไหร่ ใส่ตอนไหน ปลอดภัยและอร่อยที่สุด

จากช่อง : The Cloud


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:03 ภาษาบ้านๆนะอาหาร 1 จานผงชืลดแค่ 1/4

00:00:0300:00:06 ช้อนชาหรือว่า 1.0 ศูนย์กรมเพียงพอแล้วใน

00:00:0600:00:07 การทำให้อาหารกลมกรอบขึ้น

00:00:0700:00:11 >> แต่เราอ่ะไม่ได้กินแม่ค้าแค่นิดเดียวเรา

00:00:1100:00:13 จะมีแบบผงสรสในทุกอย่าง

00:00:1300:00:16 >> มันเป็นความเชื่อที่ว่าใส่เยอะอร่อยเยอะ

00:00:1600:00:16 >> ใช่

00:00:1600:00:18 >> ซึ่งมันไม่จริงหลักการใส่คืออย่าอย่าใส่

00:00:1800:00:21 ในอาหารที่อร่อยแล้วเพราะถ้าอาหารอร่อย

00:00:2100:00:22 แล้วโซเดียมมันเยอะอยู่แล้ว

00:00:2200:00:24 >> อ๋อคือโซเดียมมันเต็มที่ของมันอยู่แล้ว

00:00:2400:00:26 >> ให้ปรุงอาหารนั้นให้เกือบอร่อยไม่ได้

00:00:2600:00:28 สปอนเซอร์นะครับอันนี้ผมพูดในฐานะนัก

00:00:2800:00:31 วิชาการที่ผมจบปเอกด้านผงชูรสโดยตรง

00:00:3100:00:34 >> โอห EP นี้ผมชวนเชฟทักจากเพจทักกับเชฟ

00:00:3400:00:37 กลับมาคุยกันอีกรอบนึงครับแต่ตอนนี้เราจะ

00:00:3700:00:39 พูดถึงเรื่องผงชูรสโดยเฉพาะเพราะว่าผมได้

00:00:3900:00:41 ยินมาตลอดว่าผงชูรสเนี่ยเป็นสิ่งที่

00:00:4100:00:44 อันตรายกับพวกเราแต่จริงๆแล้วอยากรู้ว่า

00:00:4400:00:47 มันอันตรายแค่ไหนมันอันตรายจริงมยแล้วที่

00:00:4700:00:49 บอกว่าอันตรายมันอันตรายยังไงและมันมี

00:00:4900:00:51 วิธีใช้ที่ปลอดภัยกับเรามยถ้าอยากรู้คำ

00:00:5200:00:54 ตอบของคำถามเหล่านี้ติดตามได้ใน EP นี้

00:00:5400:00:57 เลยครับ

00:00:5700:01:00 Eat Direction คุยกับคนในวงการอาหารว่า

00:01:0000:01:02 เราควรกินอะไรถึงจะ

00:01:0200:01:05 [เพลง]

00:01:0500:01:07 EP นี้เชฟทักกลับมาให้เราอีกแล้วนะครับ

00:01:0700:01:10 เป็นรอบที่ 3 แล้วเนาะเป็น EP ที่ 3 ที่ 3

00:01:1000:01:12 เป็นเสื้อเดิมเสื้อดำเหมือนเดิม

00:01:1200:01:14 >> เสื้อดำเหมือนเดิมก็เราคุยกันไปหลาย

00:01:1400:01:16 เรื่อง Full Safety ก็คุยไปแล้วคุย

00:01:1600:01:18 เรื่องแรกคือโคล่าแต่รอบเนี้ยมันก็จะแบบ

00:01:1800:01:21 ค่อนข้างต่างมันจะเป็นเรื่องรสชาติ

00:01:2100:01:26 >> ที่ผมสงสัยคือเรามันเป็นรสชาติที่คนได้

00:01:2600:01:29 ยินบ่อยๆแต่ก็ไม่สามารถแบบแยกออกว่าอัน

00:01:2900:01:32 นี้คืออะไรกันแน่ได้ชัดๆอ่ะก็คือรสอุมามิ

00:01:3200:01:36 คือเราได้เรารู้จักรสเค็มเปรี้ยว

00:01:3600:01:37 >> หวาน

00:01:3700:01:37 >> ขม

00:01:3700:01:41 >> ขมกันเออแต่ก็มันก็จะมีอีกเรื่องเผ็ด

00:01:4100:01:45 เรื่องฝาดเรื่องอะไรอย่างเงี้ยอืซึ่ง

00:01:4500:01:48 >> อุมามิเนี่ยได้ยินบ่อยแต่ว่าไม่รู้ว่ามัน

00:01:4800:01:52 คืออะไรกันแน่ที่ที่อุมามิคืออะไร

00:01:5200:01:54 >> เป็นหนึ่งในรสชาติเทียบเท่ากับเค็ม

00:01:5400:01:56 เปรี้ยวหวานขมเป็นหนึ่งในรสชาติพื้นฐาน

00:01:5600:01:57 เลยครับอ

00:01:5700:01:57 >> อือ

00:01:5700:02:00 >> เพราะว่าเผ็ดมันมันไม่นับเป็นรสชาติเพราะ

00:02:0000:02:01 มันคือความรู้สึกอื

00:02:0100:02:04 >> มันคือเคลือบปากเผ็ดคือการระคายเคืองปาก

00:02:0400:02:08 ฝาดเฝื่อนคือความรู้สึกขรุขะของสารบางตัว

00:02:0800:02:12 บนลิ้นกับเพดานอ่อนแต่การที่จะนิยามว่า

00:02:1200:02:15 สารไหนรสชาติไหนเป็นรสชาติพื้นฐานจริงๆ

00:02:1500:02:17 อ่ะนักวิทยาศาสตร์ต้องเจอ

00:02:1700:02:20 >> ต่อมรับรสเฉพาะของมันหรือเทสตอรขมก็มี

00:02:2000:02:23 เฉพาะของมันหวานก็มีเค็มก็มีเหมือนกันแต่

00:02:2300:02:25 อุมามีหลายคนคิดว่าพอชิมแล้วแบบ

00:02:2500:02:28 >> สมมุติชิมเนี่ยชิมผงชูรสแล้วเหมือนจะเค็ม

00:02:2800:02:29 หรือจะหวานหรือจะเปรี้ยวหลายคนคิดว่ามัน

00:02:2900:02:31 คือเปรี้ยวเปรี้ยวเค็มหวานรวมกันความจริง

00:02:3100:02:32 ไม่ใช่

00:02:3200:02:32 >> อื

00:02:3200:02:34 >> อุมามิคือแยกไปเลย

00:02:3400:02:35 >> ก็คือลดอุมามิ

00:02:3600:02:38 >> ใช่เพราะล่าสุดประมาณ 100 กว่าปี 150 ปี

00:02:3800:02:41 เาเพิ่งค้นพบเทสรีซปเตอร์เฉพาะของอุมามิ

00:02:4100:02:41 เลยครับ

00:02:4100:02:43 >> บนลิ้นเหรอทั้งหมดนี่คือบนลิ้นเราหมดเลย

00:02:4300:02:46 >> บนลิ้นแล้วเจอเพดานอ่อนนิดหน่อยแล้วบางที

00:02:4600:02:47 ไปเจอใน

00:02:4700:02:49 >> หลอดอาหารเจอในทางเดินอาหารด้วย

00:02:4900:02:51 >> โอ้มันยังมีรสชาติอยู่ใช่มั้ย

00:02:5100:02:53 >> เราไม่ได้รับรถแต่มันไปเจอเทสบัในนั้น

00:02:5300:02:56 >> ใช่มันเทสรีซตอของอุมามิมันชื่อว่า T1 R1

00:02:5600:02:58 T1 R3 ชื่อยาวๆหน่อย

00:02:5800:02:59 >> อือๆอถ้าถ้าแบบ

00:03:0000:03:02 >> อือมองดีๆเนี่ยมันมีเรื่องรสชาติกับความ

00:03:0200:03:05 รู้สึกเนาอันนี้ขอขอย้อนกลับไปที่เรื่อง

00:03:0500:03:06 ความรู้สึกน่าสนใจคือ

00:03:0700:03:09 >> ผมก็ชอบติดเขียนว่ามันมีรสเผ็ดรสมันอย่าง

00:03:0900:03:11 เงี้ยอาจจะไม่ใช่ละมันคือความรู้สึก

00:03:1100:03:13 >> ความจริงคือความรู้สึก

00:03:1300:03:15 >> แต่เวลาพูดกันก็ใช้คำว่ารสได้ถ้าบอกอาหาร

00:03:1500:03:16 นี้มี

00:03:1700:03:17 >> รสเผ็ด

00:03:1700:03:20 >> ความรู้สึกเผ็ดหรือความรู้สึกระคายเคือง

00:03:2000:03:22 มันจะมัน

00:03:2200:03:23 >> จักจี้บอกว่ารสเผ็ดก็รสเผ็ดไป

00:03:2300:03:25 >> เออรสเผ็ดก็ได้ก็เข้าใจกันอยู่แล้วว่ามัน

00:03:2500:03:26 คือหมายถึงอะไร

00:03:2700:03:29 >> ทีนี้รสอุมามิมันเป็นรสที่ลึกลับพอสมควร

00:03:2900:03:30 >> อืออื

00:03:3000:03:31 >> อุมามิเนี่ยอธิบายได้มั้ครับว่ามันเกิด

00:03:3100:03:32 ขึ้นจากอะไรได้บ้าง

00:03:3300:03:35 >> ส่วนใหญ่มันเกิดขึ้นจากกรดอะมิโนซึ่งกรด

00:03:3500:03:37 อะมิโนเนี่ยเป็นหน่วยย่อยที่สุดของโปรตีน

00:03:3700:03:39 มันไม่ได้เกิดจากโปรตีนเพราะโปรตีนค่อน

00:03:3900:03:41 ข้างใหญ่โปรตีนเกิดจากกรดอะมิโนเป็นล้าน

00:03:4100:03:43 ตัวต่อๆกันแต่กดอมิโนคือตัวเดียวตัวเดียว

00:03:4300:03:46 ตัวเดียวพอโปรตีนมันใหญ่มากมันเข้า test

00:03:4600:03:48 receptor ไม่ได้ test receptor ลักษณะ

00:03:4800:03:50 เป็นแบบเยครับเป็นปากเล็กๆ

00:03:5000:03:50 >> ออ

00:03:5000:03:53 >> พอโปรตีนใหญ่เข้าไม่ได้เรากินเนื้อไก่เฉย

00:03:5300:03:57 ๆจืดแต่พอเอาเนื้อไก่ไปต้มนานๆกดอะมี

00:03:5700:03:59 โปรตีนมันโดนย่อยเป็นกดอะมิโน

00:03:5900:04:03 >> เออกินน้ำซุปต้มไก่เลยมีรสอูิเพราะว่า

00:04:0300:04:04 >> เล็กๆ

00:04:0400:04:04 >> อ

00:04:0400:04:06 >> โปรตีนมันโดนย่อยเป็นกดอะมิโนใช่มั้ครับ

00:04:0600:04:08 มันเข้าไปในtestสรีซตได้ก็เกเลยเกิดกระแส

00:04:0800:04:10 ประสาทได้รสชาติอูมิออกมา

00:04:1000:04:13 >> เราเราเคี้ยวไก่อมไก่อมข้าวไว้เนี่ยมันก็

00:04:1300:04:16 จะได้มากกว่าเดิมเหมือนกันป่ะ

00:04:1600:04:16 >> ไม่

00:04:1600:04:17 >> ไม่ก็ต้องเป็น

00:04:1700:04:21 >> อมข้าวนานแป้งโดนย่อยในปากอครับ

00:04:2100:04:23 >> ได้น้ำตาลไม่ใช่รสอุมามิ

00:04:2300:04:24 >> มันเป็นรสหวานอ

00:04:2400:04:25 >> ครับ

00:04:2500:04:27 >> แต่ก็ต้องเอาไปต้มเป็นซุปก่อนเท่านั้น

00:04:2700:04:30 >> ต้มน้ำเพราะฉะนั้นถ้าใครอยากงงว่าใครอยาก

00:04:3000:04:33 รู้ว่ารสอุามิรสชาติเป็นยังไง 1 ชิมผง

00:04:3300:04:37 ชูรสเนี่ยชิมเข้าไปโซเดียมโคตหรือเอา

00:04:3700:04:39 กระดูกหมูกระดูกไก่หรือเนื้อไก่ไม่ต้อง

00:04:3900:04:41 ใส่เกลือนะครับต้มในน้ำเปล่าต้ม 3-4

00:04:4100:04:44 ชั่วโมงแล้วชิมน้ำซุปนั้นเพราะฉะนั้นรส

00:04:4400:04:47 ชาติอิอุมามิถ้าพูดเป็นภาษาแบบเข้าใจง่าย

00:04:4700:04:51 ๆคือเป็นรสชาติน้ำที่ใช้ต้มเนื้อนานๆอัน

00:04:5100:04:51 นี้คือรสอุมามิ

00:04:5100:04:52 >> เนื้อเท่านั้นหรือเปล่าครับ

00:04:5300:04:55 >> ผักบางชนิดก็ให้รสอุหมิได้แต่เนื้อจะชัด

00:04:5500:04:59 สุด

00:04:5900:05:03 เอ่อการทำงานของอูมิมันคือมันคือรถที่เรา

00:05:0300:05:05 ได้รับเท่านั้นเลยใช่มั้ยไม่ได้ไปเพิ่ม

00:05:0500:05:05 เติมอะไร

00:05:0500:05:06 >> เพิ่มด้วยเพิ่มด้วย

00:05:0600:05:09 >> รสมันเองก็ให้รสอุมามิสมมุติเนี่ยผม

00:05:0900:05:10 >> สมมุติผมชิม

00:05:1000:05:11 >> อ

00:05:1100:05:14 >> เดี๋ทำตามนะเพราะว่าหลายคนกินเป็นช้อนก็

00:05:1400:05:17 ไม่ควรสมมติว่าผมกินผงชูรสนิดหน่อย

00:05:1700:05:22 มันก็ให้รสอุมามิแต่ถ้าเอาผงชูรสที่มีรส

00:05:2200:05:24 อุมามิไปใส่ในอาหารที่มีรสเค็มอยู่แล้ว

00:05:2400:05:27 สมมุติว่าทำปรุงสมมุติปรุงแกงจืดเกือบ

00:05:2700:05:29 อร่อยใส่แต่เกลือกับซีอิ๊วขาวใช่มั้ครับ

00:05:2900:05:29 เกือบอร่อย

00:05:3000:05:31 >> แล้วใส่อุมามิลงไป

00:05:3100:05:33 >> มันจะอร่อยง่ายขึ้น

00:05:3300:05:35 >> อุมามินี่หมายถึงเราไม่จำเป็นจะต้องผง

00:05:3500:05:37 ช่องผงชูรสก็ได้

00:05:3700:05:38 >> แค่น้ำซุปที่เราทำไว้

00:05:3800:05:40 >> น้ำอาจจะเป็นสมมุติ 2 สูตรเนี่ยใส่เกลือ

00:05:4000:05:42 กับซีเท่ากันสูตรนึงเริ่มจากน้ำเปล่าสูตร

00:05:4200:05:44 นึงเริ่มจากน้ำสต๊อกไอ้ที่จากน้ำสต๊อกอ่ะ

00:05:4500:05:47 เค็มกว่าเพราะอุมามิมีสมบัติในการดันรส

00:05:4700:05:47 เค็ม

00:05:4700:05:49 >> อ๋อก็ไปขยายตัวใน

00:05:4900:05:52 >> อุมามิเป็น test enhancer ด้วยคือขยายรส

00:05:5200:05:55 เค็มขยายรสหวานหรือทำให้กลิ่นเครื่องเทศ

00:05:5500:05:56 มันมันแรงขึ้น

00:05:5600:06:02 >> อืแล้วแบบมันมีคนเคยใช้คำว่าเอ่ออุมามิ

00:06:0200:06:03 เนี่ยมันคือรสที่เรามันโครงค้างอยู่ในปาก

00:06:0400:06:05 มันติดลิ้นเราอันนั้นคืออะไร

00:06:0500:06:07 >> ก็เกี่ยวเหมือนกันอุมามิคือรสทุกรสชาติ

00:06:0700:06:09 มันจะมี after test ครับมันจะมีระยะเวลา

00:06:0900:06:11 อยู่ในปากเี่ตอนนี้ผมกินไปประมาณ 1 นาที

00:06:1100:06:12 ยังอยู่

00:06:1200:06:12 >> อือ

00:06:1200:06:15 >> มันจะมีระยะเวลาที่อยู่ในปากมันจะมีเทส

00:06:1500:06:17 ช่วงแรกกับ after test ช่วงหลัง

00:06:1700:06:17 >> อือ

00:06:1700:06:19 >> อูิก็มี after test ค่อนข้างยาวเหมือน

00:06:1900:06:20 กัน

00:06:2000:06:20 >> ครับ

00:06:2000:06:22 >> แต่ที่เราได้โหมันค้างในปากนมันคือ after

00:06:2200:06:25 test ช่วงหลังที่กลืนไปแล้วยังยังมีรส

00:06:2600:06:26 อุมหมี่

00:06:2600:06:30 >> อือๆแต่เราก็ไม่จำเป็นจะต้องไปต้มไก่ต้ม

00:06:3000:06:33 เห็ดต้มอะไรทุกครั้งในการเพิ่มรสของอาหาร

00:06:3300:06:36 >> มันมีโอ้โหมันมีหลายเทคนิคมากถ้าเรามี

00:06:3600:06:38 เวลาแล้วก็งบประมาณ

00:06:3800:06:40 >> เราสามารถทำอย่างนั้นได้เพราะวัตถุดิบ

00:06:4000:06:41 หลายอย่างมันมีมูลค่าใช่มั้ครับ

00:06:4100:06:44 >> แต่ถ้าอยากได้อุมามิแบบเร็ว

00:06:4400:06:45 >> แล้วก็ไม่ต้องมานั่งสกัด

00:06:4500:06:46 >> อือ

00:06:4600:06:49 >> ก็ใช้ผงชูรสได้แต่ต้องใช้ในปริมาณที่ถูก

00:06:4900:06:54 ต้องเดี๋ยวค่อยคุยกันอีกที

00:06:5400:06:58 พอพอพูดถึงเรื่องผงชุรสเนี่ยมันมีประเด็น

00:06:5800:07:01 เยอะมากเลยคือแบบมีทั้งแบบคนบอกว่ามันคือ

00:07:0100:07:03 สิ่งอันตรายมากสิ่งที่แบบ

00:07:0300:07:05 >> ไม่ควรใช้อะไรอย่างเงี้ยแต่บางคนก็คือแบบ

00:07:0500:07:06 ฉันต้องใช้

00:07:0600:07:07 >> ฉันต้องใช้

00:07:0700:07:10 >> ฉันต้องมียังไงก็ต้องใส่มันติดเออผมคิด

00:07:1000:07:11 ถึงว่ามันมันทำให้ติดจริงมั้ย

00:07:1100:07:14 >> มีส่วนคือทำให้เราลดติดรสชาติในอาหารที่

00:07:1400:07:16 ค่อนข้างจัดเพราะอย่าลืมว่าอุมามิมันทำ

00:07:1600:07:18 ให้ทั้งรสชาติเดิมที่มีเวลาเปรี้ยวเข้ม

00:07:1800:07:19 หวานจัดขึ้น

00:07:1900:07:19 >> ครับ

00:07:1900:07:21 >> แล้วก็ทำให้กลิ่นเครื่องเทศแรงั้นคนที่

00:07:2100:07:25 ชอบกินรสจัดส่วนใหญ่จะติดอาหารที่มีผง

00:07:2500:07:27 ชูรสไม่ว่าจะผงชูรสแบบ

00:07:2700:07:30 >> ที่เขาทำให้บริสุทธิ์มาแล้วหรือผงชูรสจาก

00:07:3000:07:31 วัตถุดิบธรรมชาติ

00:07:3100:07:31 >> อ

00:07:3100:07:33 >> เพราะมันก็ตัวเดียวกันกุตาเมดเหมือนกัน

00:07:3300:07:35 ครับในผักเป็นกูตาเมดในผงชูรสนี้มันก็

00:07:3500:07:38 กูตาเมดเหมือนกันแค่นี้มันมัน puify มา

00:07:3800:07:39 >> puifายให้บริสุทธิ์มาที่สุด

00:07:3900:07:40 >> ใช้ง่ายขึ้น

00:07:4000:07:43 >> งั้นย้อนกลับไปเลยว่าเรามีผงชรสเกิดขึ้น

00:07:4300:07:44 มาในโลกทำไมอ่ะ

00:07:4400:07:47 >> มันเป็นความบังเอิญของโปรเฟสเซอร์อิเคดะ

00:07:4700:07:49 เมื่อโอ้โห 100 กว่าปีที่แล้วที่

00:07:4900:07:51 >> ไปเอาเจอสาหลัใส่คอมมุมาแล้วพอเอาไปต้ม

00:07:5100:07:53 แล้วเกินแล้วมันไม่ใช่เแล้วโปรเฟซอร์ก็

00:07:5300:07:55 บอกว่ามันไม่ใช่รสชาติเค็มเปรี้ยวหวานรส

00:07:5500:07:56 ชาติอะไรบางอย่าง

00:07:5600:07:57 >> อือ

00:07:5700:07:59 >> เค้าก็ไปเจอว่าไอ้สาหร่ายคอมบุครับตาก

00:07:5900:08:02 แห้งแล้วขึ้นผมขาวๆอ่ะเคยเห็นมั้ย

00:08:0200:08:03 >> อันนั้นไม่ใช่คราบเกลืออันนั้นคือคราบ

00:08:0300:08:05 กลูตาเมจที่มันเยอะมากจนมันตกผลึก

00:08:0600:08:07 >> ออเข้าใจว่าเกลือ

00:08:0700:08:08 >> ไม่ใช่เกลือไม่ใช่เกลือลองลองขุดดูแล้ว

00:08:0800:08:11 ชิมไม่เค็มนะอูมะหมิเหมือนผงชูรสเลย

00:08:1100:08:13 >> เก็ไปเข้าเครื่องดูว่าคืออะไรสุดท้ายก็

00:08:1300:08:16 เจอว่าเป็นกรดอะมิโนกลูตาเมตซึ่งพบได้

00:08:1600:08:18 >> ในทุกอาหารแม้กระทั่งเส้นผม

00:08:1800:08:22 >> อ่าผิวหนังคนน้ำนมแม่ชีสมะเขือเทศเจอ

00:08:2200:08:23 กลูตาเมตหมด

00:08:2300:08:24 >> มันคือกลูตาเมจตัวเดียว

00:08:2400:08:27 >> ตัวเดียวกันมันคือกดอะมิโนตัวเดียวกัน

00:08:2700:08:29 เพราะกดอะมิโนกูตาเมตอยู่ในทุกสิ่งมี

00:08:2900:08:32 ชีวิตครับแค่พออยู่ในรูปผงชูรส

00:08:3200:08:35 >> ปกติผิวหนังเราอ่ะอาจจะมีกูตาเมจแค่

00:08:3500:08:38 10-20% แล้วมันเป็นกูตาเมจที่เกาะกับกด

00:08:3800:08:39 อะมิโนตัวอื่น

00:08:3900:08:41 >> พอเรากัดหนังมันไม่มันเลยไม่รู้สึกอูมามิ

00:08:4200:08:44 เพราะกูมันเข้าไปในtestตอรไม่ได้

00:08:4400:08:44 >> อือ

00:08:4400:08:46 >> แต่อันเนี้ยเขาแค่มา puify ให้ว่าใน 1

00:08:4600:08:50 ถุงอ่ะมีกู 100% แล้วอยู่ในรูปอิสระเวลา

00:08:5000:08:51 เราชิมก็เลยมีรสชาติ

00:08:5100:08:51 >> อื

00:08:5200:08:54 >> แล้วมันใช้ง่ายกว่าตรงที่ว่าสมมุติเราไป

00:08:5400:08:57 สกัดเองอาหารบางชนิดมันไม่ควรมีกลิ่นเห็ด

00:08:5700:08:58 หอม

00:08:5800:08:58 >> ใช่มั้ย

00:08:5800:08:59 >> อ๋ออ่ะ

00:08:5900:09:01 >> กลิ่นมันรบกวนด้วยเพราะอย่าลืมว่าเห็ดหอม

00:09:0100:09:04 นอกจากมีกวนในเลตที่มีอุมามิแล้วอ่ะมันมี

00:09:0400:09:05 กลิ่นเห็ดหอมด้วย

00:09:0500:09:07 >> แต่อันเนี้มันให้แต่อุมามิอย่างเดียว

00:09:0700:09:08 >> อ๋อ

00:09:0800:09:10 >> ที่ไม่ได้มีกลิ่นมารบกวน

00:09:1000:09:14 >> แล้วไอ้การที่แบบเราทำน้ำซุปเองเนี่ยมัน

00:09:1400:09:18 จะมีเอ่อผักมีเห็ดมีเนื้อสัตว์เนี่ยเรา

00:09:1800:09:20 เราก็จะจะได้สิ่งที่มันเป็นผงชรสแบบนี้

00:09:2000:09:21 เหมือนกันหรือเปล่า

00:09:2100:09:23 >> ถ้าลงลึกระดับโมเลกุล

00:09:2300:09:25 >> นะครับการต้มพวกนั้นน่ะมันจะได้ฟรี

00:09:2500:09:28 กลูตาเมตแบบกลุตาเมดเป็นกดอะมิโนเพียวๆ

00:09:2800:09:31 แต่ถามว่าทำไมผู้ผลิตผงชูรสไม่ผลิต

00:09:3100:09:33 กลูตาเมตเพียวๆทำไมต้องมีโมโนโซเดียมมา

00:09:3300:09:36 เกาะเพราะถ้าเป็นกลูตาเมดเพียวๆจะชื้นมาก

00:09:3600:09:38 แล้วตักยากมากเเลยต้องเอาโซเดียมมาเกาะ

00:09:3800:09:41 นิดนึงเพื่อให้มันเป็นผลึกที่ง่ายแต่

00:09:4100:09:42 เมื่อละลายน้ำแล้ว

00:09:4200:09:44 >> เหมือนกับกูตาเมจที่ได้มาจากวัตถุดิบ

00:09:4400:09:45 ธรรมชาติเลยครับ

00:09:4500:09:46 >> ก็คือเป็น

00:09:4600:09:48 >> คือกูตาเมจมันจะดึงออกมาแล้วโซเดียมมันจะ

00:09:4800:09:50 มันจะร่องรอยไปอีกอันนึงไม่ไม่ได้เกี่ยว

00:09:5000:09:51 กันแต่ว่า

00:09:5100:09:51 >> อ

00:09:5100:09:55 >> การต้มกระดูกหมูการต้มผักการต้มเห็ดมันจะ

00:09:5500:09:58 ได้กูตาเมดเพียวๆโดยที่ไม่ได้มาจากการที่

00:09:5800:09:59 เกาะจากโซเดียมอ

00:09:5900:10:01 >> อ๋อไม่ไม่มีรสเค็มจากเกลือว่างั้นฮะไม่มี

00:10:0100:10:02 โซเดียม

00:10:0200:10:05 >> ใช่ก็ลองลองต้มกระดูกหมูเปล่าๆมันจะเป็น

00:10:0500:10:07 รสอุ้มหมี่แบบไม่ได้เค็มเหมือนมี

00:10:0700:10:07 >> อือๆ

00:10:0700:10:10 >> ไม่ได้เค็มเหมือนเหมือนผงชูรสแต่ถามว่า

00:10:1000:10:11 กระดูกหมูมีโซเดียมมั้ยอ

00:10:1100:10:14 >> มีเพราะทุกสิ่งมีชีวิตในโลกนี้มันมีมันมี

00:10:1400:10:15 โซเดียมอยู่แล้ว

00:10:1500:10:16 >> แต่มันไม่ได้เยอะ

00:10:1600:10:17 >> แต่มันไม่ได้เยอะสัดส่วนมันไม่ได้เยอะ

00:10:1700:10:18 เยอะเท่าผงชูรส

00:10:1800:10:20 >> แต่ผงชูรสโซเดียมก็สัดส่วนไม่ได้เยอะกว่า

00:10:2100:10:22 เกลือเรียงแบบนี้

00:10:2200:10:25 >> อ่าโอเคก็ก็มันก็เป็นลำดับขั้นเนาะต้มเอง

00:10:2500:10:26 ใช้ผงชรสหรือใช้เกลือเลย

00:10:2600:10:29 >> ใช่เกลือใช้โซเดียมได้เยอะสุด

00:10:2900:10:30 >> ซิวขาวรองลงมา

00:10:3000:10:31 >> ออ

00:10:3100:10:34 >> MSG โซเดียมรอนลงมาอีกใกล้ๆซิวขาวส่วน

00:10:3400:10:37 การต้มวัตถุดิบตามธรรมชาติเองโซเดียมน้อย

00:10:3700:10:39 ที่สุดแต่มีข้อเสียคือ

00:10:3900:10:41 >> เรื่องต้นทุนกับต้องใช้เวลาในการเคี่ยว

00:10:4100:10:41 นาน

00:10:4100:10:44 >> อ่าต้นเรื่องต้นทุนแล้วแหละใช่มั้ยเพราะ

00:10:4400:10:46 ฉะนั้นส่วนใหญ่ก็จะใช้งรสกัน

00:10:4600:10:48 >> เป็นตัวเพิ่มรถนิดนึง

00:10:4800:10:50 >> ถูกแต่ต้องใช้ให้ถูกต้อง 1 จานใส่แค่กรัม

00:10:5000:10:52 เดียว 1 สีช้อนชาพอ

00:10:5200:10:52 >> ครับ

00:10:5200:10:56 >> โอเคแล้วแล้วมันจะมีอีกอย่างนึงที่สงสัย

00:10:5600:11:00 อยู่คือพวกพวกผงไก่กับผงหมูอันนั้นคือผง

00:11:0000:11:01 ชูรสหรือเปล่าครับ

00:11:0200:11:05 >> มันผงรสไก่กับผงรสหมูอ่ะส่วนใหญ่จะมีผง

00:11:0500:11:07 ชูรสหรือว่าโมโนโซเดียมกูตาเมตอยู่ประมาณ

00:11:0700:11:09 30-40% อยู่แล้วแล้วแต่สูตร

00:11:1000:11:11 >> ที่เหลือก็เป็นผง

00:11:1100:11:14 >> เป็นเกลือเป็นน้ำตาลเป็นผงกระเทียมผงไก่

00:11:1400:11:15 กลิ่นอะไรว่าไป

00:11:1500:11:16 >> อือ

00:11:1600:11:18 >> แต่มีอยู่แล้วล่ะหลายคนบอกอาหารฉันไม่ใส่

00:11:1800:11:18 ผงชูรส

00:11:1800:11:19 >> อ

00:11:1900:11:22 >> แต่ใส่ผงรสไก่ก็มีผงชูรสเหมือนกัน

00:11:2200:11:22 >> อก็มีผงชูรสอยู่ดี

00:11:2300:11:23 >> อือ

00:11:2300:11:23 >> เออ

00:11:2300:11:26 >> แต่แต่คนไม่รู้ไงคนคิดว่าผงรสไก่คือเอ้ย

00:11:2600:11:27 ไก่ผงหรือเปล่า

00:11:2700:11:27 >> เออๆ

00:11:2700:11:30 >> ไม่ใช่ครับผงชูรส 30% อ

00:11:3000:11:34 >> โอเค

00:11:3400:11:37 >> แล้วทีนี้ประโยชน์เราคุยกันแล้วว่าไอ้ผง

00:11:3700:11:41 ชรสเนี่ยมันช่วยมันช่วยทำให้รสอาหารชัด

00:11:4100:11:41 เจนขึ้น

00:11:4100:11:43 >> ทำให้รพออาหารชัดเจนขึ้นอีกอันนึงที่เรา

00:11:4300:11:46 ลืมพูดกันน่ะคือพออาหารมันพออาหารรสถ้า

00:11:4600:11:48 มันจัดง่ายขึ้น

00:11:4800:11:48 >> ครับ

00:11:4800:11:51 >> โดยที่ใส่ผงชูรสนิดเดียวข้อดีของมันคือ

00:11:5100:11:53 ช่วยลดโซเดียมในอาหารไง

00:11:5300:11:53 >> อื

00:11:5300:11:56 >> อาหารลดโซเดียมหลายตำรับใช้ผงชูรสในการ

00:11:5600:11:56 ช่วย

00:11:5700:12:00 >> เออไม่ค่อยผงชูรสแว่าปกติเราจะใส่เกลือ

00:12:0000:12:00 ประมาณนึง

00:12:0000:12:03 >> อ่ะสมมุติว่าอาหารจานนึงสมมุติว่าแกงจืด

00:12:0300:12:05 จานนึงแต่แป๊บนึงนะพูดเหมือนจะโปรโมทผง

00:12:0500:12:08 ชูรสไม่ได้สปอนเซอร์นะครับอันนี้ผมพูดใน

00:12:0800:12:11 ฐานะนักวิชาการที่ผมจบปเอกด้านผงชูรสโดย

00:12:1100:12:12 ตรง

00:12:1200:12:12 >> อ๋อ

00:12:1200:12:13 >> อ

00:12:1300:12:15 >> ผมทำวิทยานิพลเรื่องผงชูรส 2 เปเปอร์อ่า

00:12:1500:12:18 ฮะนะครับผมผมรู้หมดไส้หมดพุงมันน่ะ

00:12:1800:12:19 >> อๆๆๆ

00:12:1900:12:20 >> สมมุติอาหารจานนึง

00:12:2000:12:20 >> ครับ

00:12:2000:12:23 >> แกงจืดต้องใส่เกลือ 10 กรัมถึงอร่อย

00:12:2300:12:24 >> อื

00:12:2400:12:26 >> เกิดอะไรขึ้นถ้าใช้ใส่เกลือเหลือ 5 กรัม

00:12:2600:12:28 สมมุติคุณหมอบอกว่าเอ้ยทำอาหารรสโซเดียม

00:12:2800:12:30 สิเพราะว่าคุณแม่คุณยายกำลังจะเป็นโรค

00:12:3000:12:33 ความดันหรือจะเป็นโรคไตเกอรเหลือ 5 กรัม

00:12:3300:12:34 เกิดอะไรขึ้นจืด

00:12:3400:12:35 >> เออ

00:12:3500:12:37 >> กินไม่ได้แล้วสุดท้ายคุณพอคุณแม่คุณยาย

00:12:3700:12:40 คุณย่ากินอาหารจืดกินอาหารไม่ได้ก็ทุบ

00:12:4000:12:42 โภชนาการเพราะได้สารอาหารไม่ครบอีก

00:12:4200:12:43 >> ก็ไม่ได้อยากกิน

00:12:4300:12:45 >> เพราะงั้นคนญี่ปุ่นโรงพยาบญี่ปุ่นหลาย

00:12:4500:12:47 แห่งแม้กระทั่งโรงพยาบาลในไทยอ่ะ

00:12:4700:12:47 >> อือ

00:12:4700:12:49 >> ลดเหลือ 5 กรัม

00:12:4900:12:49 >> อือฮึ

00:12:4900:12:51 >> 10 กรัมไม่ได้โซเดียมเยอะแต่อร่อยเหลือ 5

00:12:5100:12:53 กรัมไม่ได้โซเดียมน้อยนะ

00:12:5300:12:53 >> น้อยไป

00:12:5300:12:55 >> แต่จืด

00:12:5500:12:55 >> อือ

00:12:5500:13:00 >> ถ้าใส่ผงชูรสใหม่นะเกลือ 5 กรัมผงชูรส 2

00:13:0000:13:02 กรัมสูตรใหม่กลายเป็น 5 +2 ใช่มั้ครับ

00:13:0200:13:04 เชื่อมั้ยสูตรใหม่

00:13:0400:13:05 >> อร่อยกว่าสูตร

00:13:0500:13:06 >> เกลือ 10 กรัม

00:13:0600:13:10 >> แล้วโซเดียมลดลงประมาณ 40%

00:13:1000:13:13 >> อ่าก็คือประโยชน์ของมันก็คือทำให้อร่อย

00:13:1300:13:13 ขึ้น

00:13:1300:13:16 >> ทำให้อาหารอร่อยง่ายขึ้นโดยที่ไม่ต้องใส่

00:13:1600:13:16 เยอะ

00:13:1600:13:17 >> อือ

00:13:1700:13:19 >> แล้วถามหลายแล้วคุณหมอบางคนสงสัยว่าเฮ้ย

00:13:1900:13:21 ผงชุรสมันมีโซเดียมนะ

00:13:2100:13:22 >> เออๆใช่

00:13:2200:13:26 >> ลองเปิดสูตรเคมีครับเกลือ 1 กรัมโซเดียม

00:13:2600:13:27 400 มิลกั

00:13:2700:13:29 >> เกลือเกลือ 1 กรัมโซเดียม 0.4

00:13:2900:13:29 >> อือ

00:13:2900:13:33 >> แต่ผงชูรส 1 กรัมโซเดียม 0.12 ดังนั้นใน

00:13:3300:13:35 จำนวนเท่ากันน่ะผงชูรสมีโซเดียมน้อยก็

00:13:3500:13:37 เกลือกี่เท่าคำนวณทันมั้ย

00:13:3700:13:37 >> ไม่ทัน

00:13:3700:13:40 >> 0.1 0.12 ก็ 0.4 โอเค

00:13:4100:13:43 >> 3 เท่านั่นแหละครับเพราะฉะนั้น

00:13:4300:13:45 >> อันนี้คือประโยชน์ของคุณคือจำนวนเท่ากัน

00:13:4500:13:48 นะโซเดียมน้อยกว่าเกลือแต่ทำให้อาหาร

00:13:4800:13:50 อร่อยง่ายขึ้นกว่าเกลืออันนี้คือคอนเซปต

00:13:5000:13:53 ว่าทำไมอาหารลดโซเดียมหลายตำรับต้องใช้

00:13:5300:13:55 MSG หรือผงชูรสในการช่วย

00:13:5500:13:58 >> การทำงานของผงชูรสนี่มันทำอะไรกับลิ้นเรา

00:13:5800:13:59 ครับหรือตอมรับรถเรา

00:13:5900:14:02 >> ก็ไม่มีอะไร 1 เกาะเกาะ test receptตor

00:14:0200:14:05 >> ให้รถอุมามิไม่พอไอ้ไอ้สัญญาณรถอุมามิที่

00:14:0500:14:09 ลงไปไปขยายสัญญาณเค็มเปรี้ยวหวานแล้วก็

00:14:0900:14:13 กลิ่นสปิ่นมันแรงขึ้นมันก็บอกชื่อตามตรง

00:14:1300:14:16 เลยผงชูรส FL TAST enhancer

00:14:1600:14:19 >> คือทำให้ใหญ่ขึ้น

00:14:1900:14:22 >> อืคนที่น่าจะมีเรียกว่าได้ประโยชน์จากผม

00:14:2200:14:24 ชูรสก็คือกลุ่มคนที่

00:14:2400:14:28 >> กลุ่มผู้สูงอายุหรือคนที่เป็นมะเร็งแล้ว

00:14:2800:14:32 เค้าต้องฉายรังสีพอฉายรังสีอ่ะการรับรถ

00:14:3200:14:34 หรือว่าให้คีโมอ่ะการรับรถมันจะแย่ลงไง

00:14:3400:14:35 >> ครับ

00:14:3500:14:36 >> แต่คุณหมอบอกคุณยังต้องกินข้าวนะเพราะว่า

00:14:3600:14:38 คุณต้องได้รับสารอาหาร

00:14:3800:14:38 >> อือื

00:14:3800:14:42 >> เพราะฉะนั้นหลายๆเคสที่ผู้ป่วยเป็นมะเร็ง

00:14:4200:14:44 อ่ะครับเขาใส่ผงชูรสไปนิดนึงในอาหารทำให้

00:14:4400:14:48 อาหารมัน palatable หรือว่าอร่อยมากขึ้น

00:14:4800:14:50 ทำให้เขาสามารถกินได้ Enjoy life ได้

00:14:5000:14:52 >> สารอาหารเขาก็ได้ได้ครบไม่ต้องกินอาหาร

00:14:5200:14:57 เสริม

00:14:5700:14:59 >> แต่แต่แบบพอพูดถึงผมสุรสคนก็จะแบบรู้สึก

00:14:5900:15:01 ว่ามันเป็นแบบยาพิษอ่ะเออ

00:15:0100:15:03 >> มันมีข้อจำกัดอยู่

00:15:0300:15:04 >> เออคือแบบจำ

00:15:0400:15:07 >> แค่แบบว่าพูดถึงคนป่วยหรือคนผู้สูงอายุ

00:15:0700:15:11 เนี่ยก็ยังรู้สึกว่าอุ้ยให้ให้คนแก่กิน

00:15:1100:15:13 ได้จริงๆหรอให้คนแบบเป็นมะเร็งกินได้จริง

00:15:1300:15:14 ๆหรอเนี่ย

00:15:1400:15:16 >> ในไทยยังไม่เท่าไหร่แต่ในญี่ปุ่นผมเคยไป

00:15:1600:15:17 ฝึกงานเยอะครับ

00:15:1700:15:20 >> แต่เค้าแต่อย่าลืมว่าเขาใช้แบบมีการชั่ง

00:15:2000:15:23 ตรวงวัดเนี่ยผมจะโยงมาว่าในทุกอย่างในโลก

00:15:2300:15:25 เไม่มีอะไรที่เพเfคสมบูรณ์

00:15:2500:15:28 >> เพราะว่าข้อจำกัดของพงชูรสคืออ

00:15:2800:15:30 >> ตะกี้อีกแฟกนึงคือผงชูรสมีโซเดียมแน่นอน

00:15:3000:15:32 แต่น้อยกว่าเกลือใช่มั้ครับ

00:15:3200:15:33 >> แต่แต่ยังมี

00:15:3300:15:33 >> อื

00:15:3300:15:37 >> แต่ข้อเสียของผงชูรสคือพี่หมีชิมดี

00:15:3800:15:40 ผมจะให้ชิมเกลือเทียบกับผงชูรส

00:15:4000:15:40 >> เออ

00:15:4100:15:44 >> โอ้โหอันนี้เกลือแกงปกติอ่ะลองๆชิม

00:15:4400:15:48 >> ตักๆเกลือ

00:15:4800:15:49 ชิมเกลือ

00:15:4900:15:52 >> อือ

00:15:5200:15:52 >> อื

00:15:5200:15:54 >> จี๊ดเลยอ่ะทีนี้พี่หมีชิมเกลือไปแล้วรส

00:15:5500:15:56 ชาติก็เค็มปกติ

00:15:5600:15:56 >> เค็มปกติ

00:15:5600:15:59 >> เค็มแหลมๆอ่ะแล้วลองชิมชิมผงชูรส

00:15:5900:16:01 >> ผมอ่ะไม่เคยกินผงชูรสแบบนี้นะ

00:16:0100:16:03 >> อลองชิมดูเปิดประสบการณ์ครับ

00:16:0300:16:05 >> ความคิดแรกอ่ะผมรู้สึกว่าผงชูรสมันต้อง

00:16:0500:16:11 เค็มเพราะว่ามันเหมือนแบบเกลือ

00:16:1100:16:14 มันเค็มแป๊บนึงแล้วมันก็หายไปแล้วมันก็มี

00:16:1400:16:17 แบบหวานโอเคผมเข้าใจแล้วว่าไอ้สิ่งนี้มัน

00:16:1700:16:20 คืออะไรมันติดอยู่ในลิ้น

00:16:2000:16:22 >> อ่ามันจะกลมกว่า

00:16:2200:16:23 >> มันจะมันจะไม่เค็ม

00:16:2300:16:25 >> มันจะไม่เค็มโดดเหมือนในปริมาณเท่ากันนะ

00:16:2500:16:29 ครับก็คือเกลือเนี่ยเค็มแบบเค็มอ่ะกิน

00:16:2900:16:29 เกลือ

00:16:2900:16:31 >> ใชเพราะโซเดียมมันสูงกว่าผงชูรส 3 เท่า

00:16:3100:16:31 >> แต่

00:16:3100:16:33 >> ส่วนใหญ่ตัวที่ทำให้เค็มคือตัวโซเดียมนี่

00:16:3300:16:34 แหละครับอ

00:16:3400:16:34 >> อือ

00:16:3400:16:36 >> ไอ้เนี่ยผมจะโยงมาว่าเนี่ยคือข้อจำกัดของ

00:16:3600:16:40 ผงชูรสตรงที่ว่าผงชูรสตัวมันเองอ่ะครับ

00:16:4000:16:42 ถ้าใส่เยอะๆมันจะไม่เค็มจัด

00:16:4200:16:42 >> อือ

00:16:4200:16:45 >> ลองจินตนาการว่าส้มตำ 2 ครกนะครกนึงใส่

00:16:4500:16:47 เกลือ 1 ขวด

00:16:4700:16:48 >> อ่า

00:16:4800:16:49 >> อีกครกนึง

00:16:4900:16:49 >> ใส่มัน

00:16:4900:16:53 >> ใส่ผงชูรส 1 ขวดคิดว่าครกไหนกินได้แต่มัน

00:16:5300:16:56 ไม่ควรกินนะแต่ครกไหนคิดว่ากินแบบรอด

00:16:5600:16:57 >> ก็ต้องผงชูรสป่ะครับ

00:16:5700:16:59 >> อืเพราะมันเค็มไม่จัด

00:16:5900:17:00 >> อือ

00:17:0000:17:02 >> อันเนี้คือข้อจำกัดของผงชูรสตรงที่ว่า

00:17:0200:17:06 >> พอมันเค็มไม่จัดเรากินได้เรื่อยๆแต่เกลือ

00:17:0700:17:09 เราจะหยุดไงเพราะงั้นอาหารไหนที่เค็มจาก

00:17:0900:17:13 เกลือเราจะกินแค่ช้อนแรกแล้วแล้วหยุดเลย

00:17:1300:17:13 >> อือๆ

00:17:1300:17:17 >> แต่อาหารไหนที่มีผงชูรสเยอะเราสามารถ

00:17:1700:17:17 >> อ

00:17:1700:17:20 >> กินได้หมดจานแต่อย่าลืมว่าผงชูรสมี

00:17:2000:17:23 โซเดียมเหมือนกันการกินหมดจานของผงชูรส

00:17:2300:17:25 ได้โซเดียมเยอะกว่าที่ร่างกายต้องการ

00:17:2500:17:26 มหาศาลอ

00:17:2600:17:29 >> ผมแต่การมีอาหาร 1 จันทแล้วใส่ผงชูรส 1

00:17:2900:17:33 ทัพอ่ะเป็นเรื่องที่ผิดเพราะผงชูรสมันจะ

00:17:3300:17:36 เป็นกราฟแบบใส่น้อยอร่อยมาก

00:17:3600:17:39 >> แต่ถ้าใส่เยอะมันจะอร่อยนิ่งละมันจะมีจุด

00:17:3900:17:40 แม็กของมันที่

00:17:4000:17:41 >> เพราะฉะนั้น

00:17:4100:17:42 >> เยอะไปก็ไม่ได้

00:17:4200:17:43 >> เยอะไปก็ไม่มีประโยชน์

00:17:4300:17:46 >> แต่ได้โทษคือโซเดียมเยอะเพราะอย่าลืมว่า

00:17:4600:17:48 ผมชูก็มีโซเดียม 12% ต่อต่อน้ำหนัก

00:17:4800:17:49 >> อ

00:17:4900:17:51 >> อันนี้คือข้อเสียเพราะงั้นร้านอาหารส่วน

00:17:5100:17:53 ใหญ่พอใส่เยอะกว่าที่ต้องการใช่มั้ยครับ

00:17:5300:17:56 โซเดียมเข้าไปสู่ร่างกายเยอะเกินไป

00:17:5600:17:58 >> ก็เลยเกิดสภาวะหิวน้ำ

00:17:5800:17:58 >> อือ

00:17:5800:18:01 >> หรือแล้วโซเดียมมันเป็นไม่ใช่สารสื่อ

00:18:0100:18:02 ประสาทอ่ะแต่มันเกี่ยวกับระบบประสาท

00:18:0200:18:06 >> บางทีคันบางทีแพ้ความจริงไม่ใช่คนไม่ได้

00:18:0600:18:12 แพ้ผงชูรสนะคนแพ้ผงชูรสที่มากเกินไป

00:18:1300:18:15 เออแล้วมันเกิดการแพ้เพราะอะไรครับถ้ามัน

00:18:1500:18:16 มากเกินไป

00:18:1600:18:18 >> ปัจจุบันเนี้ยนักวิทยาศาสตร์เขาได้แค่

00:18:1800:18:21 ตั้งทฤษฎีแต่ยังไม่มีใครตอบได้ 100% 1

00:18:2100:18:22 โซเดียมเยอะเกินไป

00:18:2200:18:22 >> อือ

00:18:2200:18:24 >> ทำไมหิวน้ำ

00:18:2400:18:27 >> พอกินส้มตำที่ผงชีรส 1 ทัพีอ่ะโซเดียมใน

00:18:2700:18:29 เลือดเยอะพอโซเดียมในเลือดเยอะร่างกาย

00:18:2900:18:32 ต้องปรับสมดุลว่าเฮ้ยทำยังไงให้

00:18:3200:18:34 >> ความเข้มข้นโซเดียมมันกลับมาเท่าเดิม

00:18:3400:18:36 >> อือก็เลยสาสมองว่ากินน้ำเข้าไปสีก็เลยรู้

00:18:3600:18:37 สึกสภาวะหิวน้ำไง

00:18:3700:18:39 >> ออโอเค

00:18:3900:18:42 >> เกลือเหมือนกันถ้าเรากินส้มตำที่เกลือ

00:18:4200:18:42 >> อือ

00:18:4200:18:45 >> เยอะเท่าผงชูรสก็หิวน้ำเหมือนผงชูรส

00:18:4500:18:47 >> ก็เลือดมันก็จะแบบขมือนงั้นการที่บอกว่า

00:18:4700:18:50 ผงชูรสทำให้หิวน้ำเกลือก็ทำให้หิวน้ำแต่

00:18:5000:18:51 เกลือในความเป็นจริงเราไม่กินเพราะมัน

00:18:5100:18:52 เค็ม

00:18:5200:18:52 >> อื

00:18:5200:18:53 >> แต่ผงชมันกลม

00:18:5300:18:54 >> อือ

00:18:5400:18:56 >> กลไกที่ 2 เวลาเกิดอาการแพ้อะไรประมาณ

00:18:5600:18:59 เนี้ยครับคันนู่นนี่นั่นน่ะเ้ามีสมมติฐาน

00:18:5900:19:01 ว่ากลูตาเมด

00:19:0100:19:04 มันเป็นกรดอะมิโนที่พบได้ตามธรรมชาติก็

00:19:0400:19:06 จริงแต่พอเรากินเข้าไปเยอะๆเขาบอกมันเกิด

00:19:0600:19:09 glutamate flux คือ glutamate มันอยู่

00:19:0900:19:11 ในกระแสเลือดเยอะเกินไปแล้ว glutamate

00:19:1100:19:14 ถ้าไปเสิร์ชดูคือหนึ่งในสารสื่อประสาทนะ

00:19:1400:19:14 >> อื

00:19:1400:19:16 >> แล้วคิดดูสารสืบประสาทเราได้รับเยอะกว่า

00:19:1600:19:19 ผิดปกติมันก็เลยเกิดสภาวะผิดปกติที่เรา

00:19:1900:19:20 ไม่ควรจะเป็นน่ะ

00:19:2000:19:21 >> อื

00:19:2100:19:25 >> เดี๋ก็หิวน้ำเดี๋ยวก็หูแดงปากแดงอันเนี้ย

00:19:2500:19:25 คือ

00:19:2500:19:26 >> เออผมไม่แน่ใจว่า

00:19:2600:19:27 >> อ

00:19:2700:19:29 >> อาการแพ้ของชุรสของแต่ละคนเกิดอะไรขึ้น

00:19:2900:19:30 บ้างด้วยคือผมไม่ได้เป็นแต่แบบ

00:19:3000:19:32 >> เหมือนแต่พูดง่ายๆมันคือการที่ได้รับ

00:19:3200:19:35 โซเดียมกับหรือกลูตอุตาเมจเยอะกว่าที่ควร

00:19:3500:19:39 จะเป็น

00:19:3900:19:41 >> อืซึ่งที่บอกว่าควรจะเป็นเนี่ยมันควรจะ

00:19:4100:19:42 เป็นเท่าไหร่ครับ

00:19:4200:19:44 >> ภาษาบ้านๆนะอาหาร 1 จาน

00:19:4400:19:47 >> ผงชืลดแค่ 1/4 ช้อนชาหรือว่า 1.0 ศูนย์

00:19:4700:19:49 กรัมเพียงพอแล้วในการทำให้อาหารกลมกรอบ

00:19:4900:19:50 ขึ้น

00:19:5000:19:53 >> อาหาร 1 จานคืออ่ะทำสมมุติทำส้มตำครกนึง

00:19:5300:19:54 >> ประมาณ 2-300 กรัมอ่ะ

00:19:5400:19:55 >> 2-300 กรัม

00:19:5500:19:57 >> ประมาณ 2 232.3 3 ขีด

00:19:5700:19:59 >> ผัดหมูหรือว่า

00:19:5900:20:02 >> แกงจื 2-300 กรัมก็คือ 1 ถ้วยตวง

00:20:0200:20:02 >> อือ

00:20:0200:20:04 >> ก็คือ 1 เสิร์ฟ

00:20:0400:20:08 >> 1 4 ช้อนชาก็คือเราจะมีช้อนตวงแบบนี้

00:20:0800:20:08 ใช่มั้ยครับ

00:20:0800:20:09 >> อ

00:20:0900:20:12 >> ถ้าใครไม่มีเครื่องชั่งใช้ช้อนชาตักขึ้น

00:20:1200:20:15 มาและปาดต้องปาดนะต้อง

00:20:1500:20:15 >> ปาด

00:20:1500:20:17 >> แค่นี้เอง 1/4 ช้อนชา

00:20:1700:20:20 >> นี่คือปริมาณที่พอดีของต่อ 1 เสิร์ฟ

00:20:2000:20:20 >> ต่อ 1 เสิร์ฟ

00:20:2000:20:22 >> แต่ถ้าเกิดจะเอามาเทียบกับช้อนแกงง่ายๆ

00:20:2200:20:23 คือแม่ค้าทุกคนมีเนี่ยแค่นี้

00:20:2300:20:25 >> ประมาณนี้พอแล้ว

00:20:2500:20:28 >> แล้ว 1/4 ช้อนชาโซเดียมเพิ่มขึ้นมาแค่ 1/4

00:20:2800:20:30 คือ 1 กรัมใช่มั้ครับโซเดียมเพิ่มขึ้นมา

00:20:3000:20:32 แค่ 120 มลกรั

00:20:3200:20:33 >> อ

00:20:3300:20:34 >> ซึ่ง WHO บอกว่า

00:20:3400:20:37 >> คนไทยปกติกินโซเดียมวันนึงอ่ะประมาณ 4,000

00:20:3700:20:38 มิลกรัม

00:20:3800:20:41 >> ซึ่ง 4,000 มิลกรัมมันประมาณไหนของอันนี้

00:20:4100:20:42 >> มากกว่านี้

00:20:4200:20:44 >> WHO บอกห้ามกินโซเดียมเกิน 2,000 ใช่มั้

00:20:4400:20:47 ครับแต่เอา 2,000 มันเป็นไปไม่ได้

00:20:4700:20:47 >> อือ

00:20:4700:20:49 >> คนไทยกินประมาณ 4,000 มิลกรั

00:20:4900:20:49 >> อื

00:20:4900:20:55 >> ผงชูรส 1 ช้อนมีแค่ 120 มิลกรัม 120 จาก

00:20:5500:20:56 4,000 น่ะโอเค

00:20:5600:20:57 >> นิดเดียว

00:20:5700:20:58 >> เออ

00:20:5800:21:00 >> งั้นผงชูรสไม่ได้เป็นสิ่งหลักที่ทำให้

00:21:0000:21:02 โซเดียมในอาหารเยอะ

00:21:0200:21:03 >> อื

00:21:0300:21:04 >> แต่ส่วนใหญ่เป็นเครื่องปรุงอื่น

00:21:0400:21:06 >> เช่นเกลือมีโซเดียมปลาไปแล้ว

00:21:0600:21:07 >> ครับ

00:21:0700:21:08 >> 0.4 4 กรัม

00:21:0800:21:09 >> อ

00:21:0900:21:10 >> ต่อเกลือ 1 กรัม

00:21:1000:21:13 >> วันนึงเราควรกิน 2,000

00:21:1300:21:15 >> อันนั้นคือไอดอลแต่ความเป็นจริงอ่ะ

00:21:1600:21:17 >> 3,000 ได้ก็เก่งแล้ว

00:21:1700:21:17 >> อ่ะสมมุติ 3,000

00:21:1700:21:18 >> อ่า 3,000

00:21:1800:21:20 >> 3,000 เอ่อช้อนแค่นั้นน่ะมันก็ประมาณกี่

00:21:2100:21:22 เท่าไหร่นะ 105 120

00:21:2200:21:24 >> 120 จาก 3,000 คือกี่เปอร์เซ็นต์น่ะนิด

00:21:2500:21:25 เดียว

00:21:2500:21:29 >> เออนิดเดียวซึ่งแต่เราอ่ะไม่ได้กินแม่ค้า

00:21:2900:21:32 แค่นิดเดียวเราจะมีแบบผงสรสแฝงในทุกอย่าง

00:21:3200:21:35 >> อมันเป็นความเชื่อที่ว่าใส่เยอะอร่อยเยอะ

00:21:3500:21:35 >> ใช่

00:21:3500:21:38 >> ซึ่งมันไม่จริง 1 เปลืองด้วยแล้วผงชูรส

00:21:3800:21:41 ใส่เยอะๆมันจะมี after test ขมติดมา

00:21:4100:21:41 >> อ๋อ

00:21:4100:21:44 >> ใช่มันจะมีมันจะมีกูตาเมดมันจะให้รสขมติด

00:21:4400:21:47 ลิ้นตะกี้ที่ที่ติดลิ้นนะครับ

00:21:4700:21:49 >> ถ้าเยอะเกินไปมันจะเปลี่ยนเป็นขมนะ

00:21:4900:21:51 >> อ๋อถ้ากินแบบเยอะๆครับทีเดียวเนี่ย

00:21:5100:21:54 >> ใช่ 1 จานน่ะ 1/4 ช้อนชาพอแล้วแล้วสมมุติ

00:21:5400:21:57 เรากินสมมุตินะ 1 วันเรากินอาหาร 3 มื้อ

00:21:5700:21:58 >> ครับ

00:21:5800:22:01 >> ก็ใส่แค่ก็แบ่งเป็น 1 กรัม 1 กรัม 1 กรัม

00:22:0100:22:05 ก็แค่ 3 กรัมแล้วมีโซเดียมแค่ 360

00:22:0500:22:06 มิลลกรัมแค่นั้นเองอ

00:22:0600:22:07 >> อือื

00:22:0700:22:10 >> แทนแล้วการใส่หลักการใส่คืออย่าอย่าใส่ใน

00:22:1000:22:12 อาหารที่อร่อยแล้วเพราะถ้าอาหารอร่อยแล้ว

00:22:1200:22:13 โซเดียมมันเยอะอยู่แล้ว

00:22:1300:22:15 >> อ๋อคือโซเดียมมันเต็มที่ของมันอยู่แล้ว

00:22:1500:22:17 >> ให้ปรุงอาหารนั้นให้เกือบอร่อย

00:22:1700:22:18 >> เกือบอร่อยมันเป็นยังไง

00:22:1800:22:21 >> สมมุติว่าข้าวผัดข้าวผัด

00:22:2100:22:23 >> จานนึงใส่ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา

00:22:2300:22:23 >> อ่าฮะ

00:22:2300:22:26 >> ให้ลองลดเหลือช้อนชาเดียว

00:22:2600:22:28 >> แล้วลองชิมดิยังไม่อร่อย

00:22:2800:22:28 >> อือ

00:22:2800:22:31 >> แล้วใส่ MSG 1/4 ช้อนชา

00:22:3100:22:33 >> จะได้ข้าวผัดที่ทั้งอร่อยและ

00:22:3400:22:35 >> โซเดียมลดลง

00:22:3500:22:39 >> ออผมผมเจอบ่อยนะแบบขออนุญาตผมไปตามร้าน

00:22:3900:22:40 ส้มตำ

00:22:4000:22:42 >> แล้วคุยกับแม่ค้าด้วยแม่ค้าก็บอกว่าฉัน

00:22:4200:22:46 ต้องใส่เพื่อความมั่นใจแต่ว่าที่เค้าปรุง

00:22:4600:22:48 อ่ะเค้าปรุงอร่อยแล้วนะ

00:22:4800:22:48 >> อือ

00:22:4800:22:50 >> แล้วเค้าก็ใส่ผงชรสเข้าไปอีกเพื่อความให้

00:22:5000:22:52 มันแรงให้มันชัวร์

00:22:5200:22:53 >> เออผมก็รู้สึกว่าอันนั้นน่ะมันก็จะทำให้

00:22:5300:22:56 เกินอย่างที่เชฟบอกแล้วป่ะว่าอาหารที่มัน

00:22:5600:22:57 อร่อยอยู่แล้ว

00:22:5700:22:58 >> ใส่เข้าไปอีก

00:22:5800:22:58 >> ถูก

00:22:5800:22:59 >> ก็จะเกินละ

00:22:5900:23:01 >> งชูรสช่วยในอาหารที่เกือบอร่อย

00:23:0100:23:01 >> เกือบอร่อย

00:23:0100:23:03 >> เพราะงั้นอาหารที่เกือบอร่อยทุกอย่างที่

00:23:0300:23:04 เกือบอร่อยโซเดียมจะไม่เยอะ

00:23:0400:23:07 >> อออองชรสเข้ามาช่วยตรงนี้ครับ

00:23:0700:23:08 >> ไอ้ที่บอกว่าเกลือไม่อร่อยที่เชฟบอกเมื่อ

00:23:0800:23:11 กี้ก็คือสมมุติว่าปกติเราใส่ 2 ช้อน

00:23:1100:23:14 >> อ่ะสมมุติสมมุติใส่เกลือ 2 ช้อน 2 ช้อนชา

00:23:1400:23:15 ก็คือ 10 กรัมอ่ะแหละ

00:23:1500:23:15 >> เออ

00:23:1500:23:17 >> ให้รสเหลือช้อนชาเดียว

00:23:1700:23:18 >> มันก็จะแบบยังไม่ยังไม่เต็ม

00:23:1800:23:21 >> ยังไม่แล้วอย่าอย่าแทนผงชูรสด้วยจำนวน

00:23:2100:23:24 เกลือที่ลดลงนะให้แทนแค่สมสมมุติเกลือ 2

00:23:2400:23:25 ช้อนชา

00:23:2500:23:25 >> ครับ

00:23:2500:23:28 >> เอาเกลือหายไป 1 ช้อนชาให้แทนผงชูรสแค่

00:23:2800:23:31 ครึ่งช้อนชาของที่หายไปมันจะได้อร่อยโดย

00:23:3100:23:33 ที่โซเดียมหายไปเยอะมาก

00:23:3300:23:34 >> ให้นึกว่าแบบผงชรสมันคือเหมือนเป็นลำ

00:23:3400:23:35 ลำโพง

00:23:3500:23:38 >> มันคือลำโพงเลยมันคือเทสมันคือแampลอร์

00:23:3800:23:39 เลยครับ

00:23:3900:23:41 >> มันทำให้รสชาติตะโกนดังขึ้นโดยที่ไม่ต้อง

00:23:4100:23:42 ใส่แรงเยอะ

00:23:4200:23:44 >> เพราะฉะนั้นคุณไม่ควรเปิดเสียงดังก่อน

00:23:4400:23:46 แล้วคุณเปิดต่อลำโพงอีกทีนะ

00:23:4600:23:48 >> ไม่มีประโยชน์หูแตกก็คือโซเดียมเกิน

00:23:4800:23:51 >> เอออ่าเปิดแค่ครึ่งนึงแล้วก็ค่อยต่อลำโพง

00:23:5100:23:53 ก็จะแบบอันนั้นคือสิ่งแล้วควรใส่ตอนหลัง

00:23:5300:23:54 สุดด้วย

00:23:5400:23:55 >> เออทำไมครับ

00:23:5500:23:58 >> ผงชิรสเป็นกรดอะมิโนกูตาเมตเป็นโปรตีนใช่

00:23:5800:24:00 มั้ยครับเป็นกรดอะมิโนกรดอะมิโนพอผ่าน

00:24:0000:24:02 ความร้อนไปเยอะๆอ่ะครับมันจะไปทำปฏิยากับ

00:24:0200:24:04 น้ำตาลถ้าหลายคนคุ้นมันคือปฏิยาเค้าเรียก

00:24:0400:24:07 เรียกว่าเมาดเมดคือน้ำตาลทำปัญญากับกด

00:24:0700:24:07 อะมิโน

00:24:0700:24:09 >> เพงั้นถ้าเราสมมุติทำข้าวผัด

00:24:0900:24:12 >> แล้วใส่ผงชูรสตั้งแต่แรกแล้วผัดไปเรื่อยๆ

00:24:1200:24:15 >> น้ำตาลในข้าวน้ำตาลในสมมุติเราใส่น้ำตาล

00:24:1500:24:18 ในบน้ำตาลบางส่วนจะทำยากับผงชูรสพอทำ

00:24:1800:24:20 เสร็จปุ๊บผงชูรสไปเกาะกับน้ำตาลกลายเป็น

00:24:2000:24:22 สารใหม่แทนที่มันจะลงลิ้นเราได้ให้รส

00:24:2200:24:23 อุมามิ

00:24:2300:24:23 >> อมันก็จะใหญ่ขึ้นไปอีก

00:24:2300:24:26 >> มันใหญ่มันก็กลายมันก็เข้ารถเราไม่ได้เรา

00:24:2600:24:28 ก็เลยดีทครสอุมามิในผงชูรสได้น้อยลงแก้

00:24:2800:24:30 ปัญหาคือการอ

00:24:3000:24:32 >> เติมเพิ่มพอเติมเพิ่มโซเดียมมันก็

00:24:3200:24:35 ขึ้นงั้นอาหารทุกจานปุให้เกือบอร่อยก่อน

00:24:3500:24:39 เสิร์ฟใส่ MSG ลงไปตามที่ผมบอก

00:24:3900:24:39 >> อือ

00:24:3900:24:41 >> โดยที่ไม่ต้องไม่จำเป็นต้องให้ความร้อน

00:24:4100:24:42 อีกแล้วเพราะมันละลายน้ำง่าย

00:24:4200:24:42 >> ครับ

00:24:4200:24:43 >> มันจะอร่อย

00:24:4300:24:44 >> โอห

00:24:4400:24:47 >> มันไม่ได้ระเหยนะกูเมตเป็นกรดอะมิโนระเหย

00:24:4700:24:50 ไม่ได้ครับแต่มันแค่ไปทำยามันไปเกาะอาหาร

00:24:5000:24:53 เกาะน้ำตาลในอาหารทำให้เรารับรสอุมามิของ

00:24:5300:24:54 มันได้น้อยลงอ

00:24:5400:24:54 >> อื

00:24:5400:24:58 >> ชัดมากลองทำแกงจืดก่อนเสิร์ฟเติมผงชูรส

00:24:5800:25:01 แล้วชิมหรือเอาแกงจืดนั้นน่ะไปต้มอีกสัก

00:25:0100:25:02 10 นาทีรสชาติเปลี่ยน

00:25:0200:25:03 >> อื

00:25:0300:25:08 >> อุมามิไม่เท่าครับ

00:25:0800:25:10 >> แล้วเราไม่ใช้ผงชรสได้มั้ครับไม่ใช่

00:25:1000:25:12 >> ได้แต่ต้อง Mix and match ด้วยวัตถุดิบ

00:25:1200:25:13 ธรรมชาติอันนั้น

00:25:1300:25:14 >> อื

00:25:1400:25:17 >> ก็ต้องจะไป comomise เรื่องต้นทุนกับเวลา

00:25:1700:25:20 ที่ต้องเสียในการสกัดงชูรสธรรมชาติออกมา

00:25:2000:25:23 >> อืแต่ถ้าคุณเป็นเชฟคุณมีแบบความรู้ความ

00:25:2300:25:24 สามารถในการ

00:25:2400:25:25 >> ดึงได้

00:25:2500:25:26 >> ดึงได้ก็ใช้ไปเถอะ

00:25:2600:25:29 >> ใช่หรือแม้กระทั่งเชฟจีนเถามถามว่าต้มน้ำ

00:25:2900:25:31 สต๊อกเป็นมั้ยน้ำสต๊อกเค้าอร่อยมาก

00:25:3100:25:31 >> เออ

00:25:3100:25:33 >> แต่ก็ยังเห็นใส่

00:25:3300:25:33 >> เออเออ

00:25:3300:25:35 >> ผงชูรสอยู่

00:25:3500:25:36 >> นั่นแหละ

00:25:3600:25:37 >> เหมือนให้รสมันคมขึ้นเฉยๆ

00:25:3700:25:38 >> อือๆ

00:25:3800:25:39 >> ให้รสชาติมัน

00:25:3900:25:40 >> ชัดเจนขึ้น

00:25:4000:25:41 >> มันมันแหลมขึ้น

00:25:4100:25:41 >> อือๆ

00:25:4100:25:43 >> หรือหลายคนบอกว่าไม่ใส่ผงชูรส

00:25:4300:25:46 >> ไปใช้ซีวขาวหรือน้ำปลา

00:25:4600:25:46 >> เออ

00:25:4700:25:48 >> ซีวขาวกับน้ำปลาอย่าลืมมันคืออาหารหมัก

00:25:4800:25:51 จากโปรตีนน้ำปลาหมักปลา

00:25:5100:25:53 >> ซิวขาวหมักถั่วเหลืองมันคือโปรตีนสายสั้น

00:25:5300:25:56 ลงมันเกิดผงชีรสจากกระบวนการหมักธรรมชาติ

00:25:5600:25:57 อยู่แล้ว

00:25:5700:25:57 >> อื

00:25:5700:26:00 >> ผมจะบอกไงว่าใช้ซีอิ๊วใช้น้ำปลามันเจอผง

00:26:0000:26:02 ชูรสอยู่แล้วครับแต่เป็นผงชูรสจากการหมัก

00:26:0200:26:04 ไม่ใช่ผงชูรสรสจากการเติมหรือบางยี่ห้อก็

00:26:0400:26:05 มีการเติม

00:26:0500:26:05 >> เติมเข้าไป

00:26:0500:26:07 >> ใช่มันก็ไม่หนีไม่พ้นอยู่ดีอ่ะ

00:26:0700:26:09 >> อือเหมือนแบบบางคนก็บอกว่าร้านฉันไม่ให้

00:26:0900:26:12 ใส่ผงชรสนะแต่ฉันก็ใช้ซอสพุงรสยี่ห้อนี้

00:26:1200:26:13 อะไรอย่างเงี้ย

00:26:1300:26:14 >> ก็มีผงชาตอยู่แล้ว

00:26:1400:26:16 >> ก็มีผงชิมเข้าไปก็อาจจะไม่มี

00:26:1600:26:17 >> ใช่ถูกต้อง

00:26:1700:26:22 >> เออ

00:26:2200:26:25 >> อืมผมเคยได้ยินมันมีแบบการรวมกันประมาณ

00:26:2500:26:28 3-4 อย่างที่ทำให้เกิดรถอมามิเช่นแบบ

00:26:2800:26:30 เอ่อกวนในเรทผมเคยได้ยินอยู่

00:26:3000:26:32 >> อ๋อโอเคอันนั้นเป็นเรื่องของ syergy

00:26:3200:26:34 >> อ่าอ่าsyนergyหมายความว่า 1 + ปกติ 1 +

00:26:3400:26:35 1 ได้เท่าไหร่

00:26:3500:26:35 >> 2

00:26:3500:26:38 >> แต่syerร์gyคือ 1 + 1 ได้มากกว่า 2

00:26:3800:26:38 >> อื

00:26:3800:26:43 >> เช่นสมมุติว่าเราต้มไก่ชิมอุมามิอีกระดับ

00:26:4300:26:43 นึง

00:26:4300:26:44 >> อือ

00:26:4400:26:47 >> ต้มเห็ดอุมามิอีกระดับนึงต้มผักอุมามิ

00:26:4700:26:50 ระดับนึงแต่ถ้าเอาไก่กับเห็ดมาต้มพร้อม

00:26:5000:26:52 กันโอ้โหอุมามิมันจะพุ่งแรงมาก

00:26:5200:26:52 >> อือ

00:26:5200:26:54 >> แรงแบบมากกว่า 1 + 1 = 2 ก็กลายเป็น 1

00:26:5400:26:56 + 1 = 6 = 7

00:26:5600:26:57 >> ก็ทวีคูณไป

00:26:5700:26:59 >> ทวีคูณมันคือsyergyจyคือภาษาไทยคือทวีคูณ

00:26:5900:26:59 >> อ

00:26:5900:27:01 >> อันนี้คือการแมตชอุมามิที่ต่างกันเพราะ

00:27:0100:27:04 ว่าอุมามิไก่คืออิโนซิเนต

00:27:0400:27:06 >> ในเห็ดมันกลไนในผักมันเป็นกูตาเมต

00:27:0600:27:07 >> อ

00:27:0700:27:09 >> แต่ถ้า 3 ชนิดนี้รวมกันมันจะแรงมาก

00:27:0900:27:11 >> อืแปลว่าจริงๆแล้วอุมามิเนี่ยอยู่ในอย่าง

00:27:1100:27:14 ใดอย่างหนึ่งก็มีอุมามิได้ป้อมไก่อย่าง

00:27:1400:27:14 เดียวก็มี

00:27:1400:27:15 >> มี

00:27:1500:27:17 >> แต่มันจะเป็นอิโนซิateนำหน่อยนึง

00:27:1700:27:18 >> อ๋อ

00:27:1800:27:20 >> เพราะในไก่ความจริงกูมateก็มีแต่มันจะมี

00:27:2000:27:23 ตัวนึงที่นำมีตัวนึงที่ dominance ในเหตุ

00:27:2300:27:25 ของความจริงในเห็ดหอมมีกูเมดateมั้ยมีแต่

00:27:2500:27:27 โกเนตนำมากกว่าในผักมี

00:27:2700:27:31 >> มีโกไนเรตมั้ยมีแต่กูตาเมจนำกว่าครับ

00:27:3100:27:35 >> แปลว่าที่เขาบอกว่าเอาซุปไก่แล้วจะได้

00:27:3500:27:37 อุมามิสูงสุดเนี่ยเพราะว่ามันทุกอย่างมัน

00:27:3700:27:39 รวมอยู่ในนั้นหมดเลยเขาทำสต๊อกกันไว้

00:27:3900:27:40 เนี่ยก็จะใส่ผักใส่

00:27:4100:27:43 >> ใส่ผักหอมใหญ่มีกูตาเมดเห็ดมีกวนเรตไก่มี

00:27:4300:27:46 อิโนซิเนตดังนั้นถ้าอยากต้มอะไรให้

00:27:4600:27:49 >> อุมามิสูงสุดต้องแมตชให้ครบ 3 kิomใครเคย

00:27:4900:27:52 เรียนอนุกรมวิทานตอนม. 6 มั้ Kingdom

00:27:5200:27:54 ต้องมีทั้งอนิเลียคือจากสัตว์ได้

00:27:5400:27:55 อิโนซิเนสตจากเห็ด

00:27:5500:27:56 >> อื

00:27:5600:27:58 >> ก็คือฟังจายได้กวนในแล้วก็จากผักก็คือ

00:27:5800:28:00 แพนเต้ได้กูเมะ

00:28:0000:28:01 >> อื

00:28:0100:28:04 >> อาหารฝรั่งเชฟอาหารฝรั่งเศสเวลาเขาต้มเ

00:28:0400:28:06 เลยต้องต้มเขาจะไม่ต้มแต่กระดูกวัวไง

00:28:0600:28:07 >> เาก็ต้ม

00:28:0700:28:10 >> กระดูกวัวแล้วมีพัวมีพัวก็คืออะไรหอมใหญ่

00:28:1000:28:12 เี่แครอทอันนั้นให้กูตาเมดแล้วใส่เห็ด

00:28:1200:28:14 แชมปิยองไปหน่อยให้ได้กวนกวนในเรทอ

00:28:1400:28:15 >> ก็สร้างอุมามิธรรมดา

00:28:1500:28:17 >> สร้างอุมามิแบบทวีคูณ

00:28:1700:28:17 >> ทวีคูณ

00:28:1700:28:18 >> ใช่

00:28:1800:28:20 >> อืแล้วสิ่งนี้ไปทำอะไรก็จะ

00:28:2000:28:20 >> อร่อย

00:28:2100:28:21 >> นั่นแหละครับ

00:28:2100:28:26 >> อื

00:28:2600:28:29 ทีนี้ผงชูรสอ่ะมันอยู่ในอะไรอีกม้างครับ

00:28:2900:28:32 นอกจากอาหารหรือผงชรสที่เป็นแบบผงๆอย่าง

00:28:3200:28:35 เงี้ยมันมีแฝงๆอยู่ในแบบอาหารทั่วไปมั้ย

00:28:3500:28:39 ฮะแต่ที่ถามนี่หมายถึงว่าเอ่อทั้งซีเมื่อ

00:28:3900:28:43 กี้ซอสต่างๆนะมันก็จะมีการผสมผงชูรสเข้า

00:28:4300:28:44 ไปบ้างในบางยี่ห้อ

00:28:4400:28:45 >> เข้าไปบ้างหลังหลังจากหมักแล้ว

00:28:4500:28:48 >> หลังจากหมักแล้วขนมถุงมีผงชูรสจริงมั้ฮะ

00:28:4900:28:50 >> ต้องดูฉลาก

00:28:5000:28:52 >> เพราะบางทีเขาก็เติมเข้าไป

00:28:5200:28:52 >> เออ

00:28:5200:28:54 >> เพราะว่าผงชูรที่เขาเติมเข้าไปในกระถมถุง

00:28:5400:28:56 มันไม่ใช่มีแต่โมโนโซเดียมกูตาเมตนะ

00:28:5600:28:59 >> มันมีมันมีสารอีก 2 ตัวที่ให้รถอุมามี

00:28:5900:29:00 เหมือนกันตะกี้ที่เราคุยกันคือตัว

00:29:0000:29:01 >> อ

00:29:0100:29:02 >> กัวเรตกับ

00:29:0200:29:03 >> อนซิate

00:29:0300:29:03 >> อิโนซิเนต

00:29:0300:29:04 >> อนซิสต

00:29:0400:29:07 >> พอ 3 ตัวนี้มันเจอกันนะครับขนมถุงหรือว่า

00:29:0700:29:09 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอ่ะมันจะนัวแบบอยาก

00:29:0900:29:12 กินอีกเรื่อยๆมันคือความอุมามิที่รุนแรง

00:29:1200:29:13 มาก

00:29:1300:29:14 >> แล้วทำให้

00:29:1400:29:16 >> รสชาติอุมามิปกติตะกี้เรากินแล้วมันกลม

00:29:1600:29:16 ใช่มั้ย

00:29:1600:29:17 >> ใช่

00:29:1700:29:19 >> ถ้า 3 ตนั้นเจอกันจะเป็นอุมามิโปรไฟไฟ

00:29:1900:29:21 ใหม่คือแหลมมันจะลดจัด

00:29:2100:29:21 >> อ่า

00:29:2100:29:22 >> กินแล้วอยากกินเองอย่างเงี้เหรอ

00:29:2200:29:25 >> ใช่ซึ่งความจริงอ่ะในท้องตลาดอ่ะเพิ่งออก

00:29:2500:29:28 มาประมาณน่าจะ 5-6 ปีมั้งอันนี้คือกู

00:29:2800:29:30 กลูตาเมดโมโนโซเดียมเป็นกลูตาเมดateล้วน

00:29:3000:29:30 ใช่มั้ยครับ

00:29:3000:29:31 >> ครับ

00:29:3100:29:33 >> มันมีอีกตัวนึงที่ออกมาผสม

00:29:3300:29:33 >> 3 ตัว

00:29:3300:29:36 >> อิโนซิateกับโกนเลตมาแล้วชิมโอ้โหมันจะ

00:29:3600:29:38 จัดแบบ

00:29:3800:29:39 >> จัดจี๊ดเลย

00:29:3900:29:42 >> อืซึ่งไอ้สิ่งเนี้ยกินเยอะๆมันจะทำให้

00:29:4200:29:44 เกิดอะไรกับร่างกาย

00:29:4400:29:46 >> มันคือเรื่องโซเดียมเหมือนเดิมครับถ้าเรา

00:29:4600:29:49 ใส่เยอะเกินไปโซเดียมกับกูตูตาเมจโหลดใน

00:29:4900:29:51 ร่างกายมันก็เยอะก็เกิดอาจจะเกิดอาการ

00:29:5100:29:54 แปลกๆเพราะว่ากูเมจอย่าลืมคือสารสื่อ

00:29:5400:29:55 ประสาทเหมือนกัน

00:29:5500:29:55 >> อื

00:29:5500:30:00 >> อือ

00:30:0000:30:03 แล้วก็อีกอันนึงก็คือมีอีกคำถามนึงที่แบบ

00:30:0300:30:04 สงสัยมานานมากแล้ว

00:30:0400:30:05 >> เป็นมิสใช่มั้ย

00:30:0500:30:09 >> ใช่คือแบบคนชอบบอกว่ากินผงชรสแล้วผมร่วง

00:30:0900:30:10 จริงๆเลย

00:30:1000:30:11 >> มันไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

00:30:1100:30:14 >> แต่ถ้าคนพูดเยอะๆผมเชื่อนะแม้ว่าจะไม่มี

00:30:1400:30:17 งานวิจัยแต่เมื่อคนพูดเยอะๆมันต้องมีมูล

00:30:1700:30:17 >> เออเออ

00:30:1800:30:20 >> คำว่ามีมูนคือมันน่าจะมีหลักฐานแต่ไม่ใช่

00:30:2000:30:21 เชิงประจักษ์

00:30:2100:30:23 >> อันนี้สมมติฐานที่ผมเขียนเองนะไม่มี

00:30:2300:30:25 เปเปอร์ไหนเขียนเลยการที่บอกว่ากินผงชูรส

00:30:2500:30:28 แล้วหัวร้านแม้ว่าเปเปอร์วิชาการเขาจะออก

00:30:2800:30:30 มาว่าไม่จริง

00:30:3000:30:33 >> แต่ถ้ามันมีมูนโอกาสเป็นไปได้คือเมื่อส้ม

00:30:3300:30:36 ตำผงชดมันเยอะเกินไปโซเดียมเข้าร่างกาย

00:30:3600:30:36 เยอะ

00:30:3600:30:37 >> อ

00:30:3700:30:39 >> ร่างกายมันแห้งอ่ะเหมือนกินของเค็มเยอะๆ

00:30:3900:30:41 พอมันแห้งเยอะๆก็มีโอกาสที่เซลล์มันจะแบบ

00:30:4100:30:44 หลุดร่วงมันไม่มันมันไม่ชื้นอ่ะ

00:30:4400:30:44 >> อ

00:30:4400:30:46 >> ก็มีโอกาสได้แต่นี้ผมเป็นสมมุติฐานที่ผม

00:30:4600:30:49 >> เป็นสมมุติฐานตั้งขึ้นมาเองนะแม้ว่านัก

00:30:4900:30:50 วิทยาศาสตร์วิชาการเขาจะบอกว่ามันไม่

00:30:5100:30:51 เกี่ยว

00:30:5100:30:52 >> อื

00:30:5200:30:55 >> ก็ลองดูครับว่าใครกินชูรสแล้วเป็นยังไง

00:30:5500:30:55 บ้าง

00:30:5500:30:58 >> ใช่ไม่จริงอ่ะความจริงผมสอนการทำอาหารมา

00:30:5900:30:59 หลายคลาส

00:30:5900:31:00 >> อือ

00:31:0000:31:02 >> แล้วหลายคนก็แอนตี้การใช้ผงชูรสผมก็เลย

00:31:0200:31:04 บอกว่าลองใส่ผงชูรสตามที่ผมบอกไปสิแล้ว

00:31:0400:31:09 ลองกินดูผมก็ถามพอกินเสร็จปุ๊บถามมีใคร

00:31:0900:31:11 แม้กระทั่งคนที่บอกว่าแพ้ผงชูรสนะผืนผื่น

00:31:1100:31:13 ขึ้นมั้ยอ่ะก็ไม่เห็นขึ้นก็อยู่ด้วยจนจบ

00:31:1300:31:16 วันก็ไม่หิวน้ำด้วยถ้าใช้ได้ถูกต้องมันจะ

00:31:1600:31:20 อร่อยแล้วไม่มีโทษหมด

00:31:2000:31:24 >> แล้วผงชุรสเนี่ยถ้ามันเกินนะครับมันร่าง

00:31:2400:31:27 กายมันจัดการยังไงครับกับตัวผงชรสหรือ

00:31:2700:31:29 >> ผงชรสมันมีทั้งโซเดียมกับกูตาเมจใช่มั้

00:31:2900:31:29 ครับ

00:31:2900:31:30 >> ใช่ๆ

00:31:3000:31:32 >> เพราะก้อนแรกก่อนถ้าโซเดียมเกินอย่างที่

00:31:3200:31:33 ผมบอกเพราะโซเดียมในเลือดมันเยอะร่างกาย

00:31:3300:31:35 จะบอกว่าเฮ้ยเอาน้ำเข้าไปสิก็จะเกิดรู้

00:31:3500:31:36 สึกสภาวะหิวน้ำอ

00:31:3700:31:37 >> อือ

00:31:3700:31:39 >> เกลือก็เหมือนกันครับก็เลยต้องกินน้ำเยอะ

00:31:3900:31:41 พอกินน้ำเยอะหน้าก็บวมน้ำหนักก็ขึ้น

00:31:4100:31:41 >> อครับ

00:31:4100:31:43 >> แต่ถ้ากูตาเมจ

00:31:4300:31:45 >> มันเป็นสารสืบประสาทตอนแรกมันจะสูงช่วง

00:31:4500:31:47 นึงแล้วสุดท้ายภายร่างกายมันจะหาวิธีการ

00:31:4700:31:49 เมตabไลท์กูตาเมดateนั่นเองไปตับไปตาม

00:31:4900:31:52 อวัยวะต่างๆที่ปรับให้กูเมตมันเป็นสาร

00:31:5200:31:53 อื่นให้มันสมดุลอ

00:31:5300:31:53 >> อื

00:31:5300:31:55 >> มันมีวิธีการปรับของมัน

00:31:5500:31:55 >> อือ

00:31:5500:31:58 >> แต่ถ้าใช้ได้ตามที่ถูกต้องนะมันจะร่างกาย

00:31:5800:32:00 มันจะไม่แสดงอาการออกมา

00:32:0000:32:01 >> มันไม่โอเวอร์เกินไป

00:32:0100:32:04 >> ใช่พอมันพอมันต้องปรับแล้วมันต้องมีการ

00:32:0400:32:06 เปลี่ยนเป็นสารอื่นแล้วต้องกำจัดเยอะๆมัน

00:32:0600:32:07 จะฟ้องออกมาเป็นอาการ

00:32:0700:32:07 >> อ่า

00:32:0700:32:10 >> น้ำตาลก็เหมือนกันกินเยอะก็รู้สึกเพลีย

00:32:1000:32:10 รู้สึกง่วง

00:32:1000:32:11 >> อือ

00:32:1100:32:13 >> เกลือกินเยอะก็หิวน้ำ

00:32:1300:32:14 >> คันเหมือนกันแต่เกลือกินเยอะไม่ได้เพราะ

00:32:1400:32:15 มันเค็มไงครับ

00:32:1500:32:18 >> อือืนั่นแหละครับผมเลยบอกว่าข้อจำกัดของ

00:32:1800:32:20 ผงชูรสอยู่อย่างเดียวคือตัวมันเองอ่ะอ

00:32:2000:32:23 >> รสชาติไม่จัดพอไม่จัดใส่เยอะไม่รู้สึกอีก

00:32:2300:32:25 >> แต่เกลือน้ำตาลใส่เยอะรู้สึกมันจะเค็มไป

00:32:2500:32:27 หวานไปเราจะไม่กินอาหารนั้นอ

00:32:2700:32:27 >> อือ

00:32:2700:32:28 >> แค่นั้นเอง

00:32:2800:32:28 >> ได้

00:32:2800:32:31 >> ผมเลยบอกเวลาผมไปอบรมให้นักกำหนดอาหาร

00:32:3100:32:34 หรือแพทย์ตามโรงพยาบาลผมบอกว่าดูก่อนเวลา

00:32:3400:32:38 ทำอาหารให้คนไข้ถ้าแม่ครัวไม่ตวงผมไม่

00:32:3800:32:39 สนับสนุนให้ใส่ผงชูรส

00:32:3900:32:42 >> เพราะมันมีโอกาสโอเวอร์ดสูงแต่ถ้าเขาตวงเ

00:32:4200:32:43 ชั่งเใช้ช้อน

00:32:4300:32:46 >> เใช้ช้อนตวงที่ได้มาตรฐานผ่านผมเชียร์ให้

00:32:4600:32:47 ใช้

00:32:4700:32:47 >> อือ

00:32:4700:32:52 >> อืแค่นั้นเองครับ

00:32:5300:32:55 >> ผงชรสเนี่ยมันมีอีกเรื่องนึงที่แบบรู้สึก

00:32:5500:32:58 ว่ามันเป็นมันเป็นสินค้าอุตสาหกรรมเนาะ

00:32:5800:33:00 มันเกิดการแปรรูปอะไรบางอย่างเนี่ย

00:33:0000:33:03 >> การกระบวนการแปรรูปผงชรสเนี่ยมันมีผลกับ

00:33:0300:33:04 ร่างกายมั้ยครับ

00:33:0400:33:09 >> มีตรงที่ว่าผงชูรสเวลาสกัดออกมามันควรที่

00:33:0900:33:12 จะเป็นโมโนโซเดียมกูตาเมต 100% แต่บาง

00:33:1200:33:15 เจ้าสมมุติได้คือมันผลิตจากมันสัปะหลัง

00:33:1500:33:16 กับอ้อยใช่มั้

00:33:1600:33:18 >> ตอนแรกที่มันสกัดออกมาเราให้จุลินทรีย์

00:33:1800:33:19 หมักอ่ะมัน

00:33:1900:33:20 >> มันยังไม่บริสุทธิ์

00:33:2000:33:21 >> อื

00:33:2100:33:24 >> แต่ละยี่ห้อความบริสุทธิ์ต่างกันชัดเจน

00:33:2400:33:25 >> มีบริสุทธิ์ไม่บริสุทธิ์อีกเหรอ

00:33:2500:33:27 >> ใช่บางบางยี่ห้อมันไม่ได้เพียวมากผมเลย

00:33:2800:33:30 บอกว่าผงชูรสหรือหลายคนที่เชฟหลายคนบอก

00:33:3000:33:32 ว่าเฮ้ยผงชูรสแท้หรือไม่แท้อะไรประมาณ

00:33:3200:33:33 เนี้ย

00:33:3300:33:34 >> เออยังจะมี

00:33:3400:33:38 >> คือหลังๆอ่ะมันมีผงชูรสมาจากแผ่นดินนึง

00:33:3800:33:38 ค่อนข้างเยอะ

00:33:3800:33:39 >> อ

00:33:3900:33:40 >> แล้วคุณภาพมัน

00:33:4000:33:42 >> พูดตามตรงไม่ได้เพียวขนาดนั้น

00:33:4200:33:44 >> แล้วอะไรที่มันไม่เพียวมาเราไม่รู้ว่าไอ้

00:33:4400:33:46 1% นั้นๆน่ะมันมีอะไรบ้าง

00:33:4600:33:47 >> อื

00:33:4700:33:50 >> หลายคนก็บอกว่ากินสารผงชุสที่มันไม่เพียว

00:33:5000:33:52 มากเลยผงชูรสปลอมเกิดอาการแพ้ก็มีเหมือน

00:33:5200:33:53 กัน

00:33:5300:33:54 >> ซึ่งแพ้จากสารอะไรบางอย่าง

00:33:5400:33:56 >> ซึ่งเราไม่รู้ผมก็ไม่รู้เพราะมันไม่เพียว

00:33:5600:33:57 มา

00:33:5700:33:58 >> มันเหมือนเป็นสารเค้าเรียกว่า impiority

00:33:5800:34:01 มาเพราะงั้นถ้าเลือกได้ควรจะเลือกผงชรส

00:34:0100:34:02 ที่มั่นใจแน่ๆว่าแท้ทุกคนก็รู้อยู่แล้ว

00:34:0300:34:05 ยี่ห้ออะไรที่มันแบบขึ้นชื่ออยู่แล้วอ่ะ

00:34:0500:34:07 ก็แล้วแต่วิจารณญาณอ่ะ

00:34:0700:34:09 >> อ่าแล้วเราเช็คได้มั้ครับไม่ได้เลยใช่

00:34:0900:34:13 มั้ยว่าอันไหนที่แบบเป็นผงชละ

00:34:1300:34:15 กินได้นอกจากยี่ห้อพ่อนะ

00:34:1500:34:18 >> ชัวร์สุดก็ถ้าขยันหน่อยก็ส่งแลบกลางกรม

00:34:1800:34:19 วิทยาศาสตมาให้เค้าตัว

00:34:1900:34:20 >> ขยันจริงนะเนี่ย

00:34:2000:34:22 >> แต่หลังๆมันจะมีวิธีการเยอะมากซึ่งมันไม่

00:34:2200:34:26 ได้มีมันไม่ได้มีงานวิจัยรองรับว่าเป็น

00:34:2600:34:31 วิธีมาตรฐานเช่นบางคนเนี่ยใส่ช้อนแล้วก็

00:34:3100:34:32 เอาไปเผา

00:34:3200:34:32 >> เออ

00:34:3200:34:35 >> ตามทฤษฎีเค้าบอกว่าถ้างงชูรสแท้มันควรดำ

00:34:3500:34:37 หมดเพราะอย่าลืมมันก็คือโปรตีนชนิดหนึ่ง

00:34:3700:34:37 >> เออ

00:34:3700:34:40 >> หลายคนบอกถ้าผงชูรสไม่แท้เผายังไงก็ก็ไม่

00:34:4000:34:43 ดำก็ไม่ได้มีอะไรยืนยันว่าใช่มั้ครับอาจ

00:34:4300:34:46 อาจจะมีมูนว่าว่าจริงก็ได้

00:34:4600:34:48 >> เพราะมันก็สอดคล้องโปรตีนเวลาโดนความร้อน

00:34:4800:34:49 ก็จะเกรียมขึ้น

00:34:4900:34:50 >> อือๆ

00:34:5000:34:52 >> ก็จะจะทดลองแบบนั้นก็ได้แต่ชัวร์สุดคือ

00:34:5300:34:54 เลือกยี่ห้อที่แบบเรามั่นใจอ่ะ

00:34:5400:34:55 >> อื

00:34:5500:34:58 >> เลือกยี่ห้อญี่ปุ่นอ่ะชัวร์ผมไม่รู้ผม

00:34:5800:35:00 เป็นคนเชื่อความญี่ปุ่นอ่ะชัวร์สุด

00:35:0000:35:04 >> อๆๆอ่ะให้สรุปกันอีกทีก็คือผงชูรสเนี่ย

00:35:0400:35:05 >> อื

00:35:0500:35:07 >> มันมีประโยชน์ในการขยายรสชาติ

00:35:0700:35:08 >> รสชาติครับ

00:35:0800:35:11 >> แต่มันก็มีโทษเหมือนกันถ้าใช้ไม่ถูก

00:35:1100:35:14 >> ถ้าใช้ไม่ถูกเพราะใส่เยอะเยอะเราจะไม่รู้

00:35:1400:35:14 สึก

00:35:1400:35:15 >> อื

00:35:1500:35:16 >> ทำให้โซเดียมมันเข้าไปเยอะเกินไป

00:35:1700:35:21 >> เออแล้วงงชรสเนี่ยใส่ในปริมาณนึงก็พอแล้ว

00:35:2100:35:23 ที่เหลือเนี่ยคือเปลืองแล้ว

00:35:2300:35:25 >> เปลืองอไม่มีประโยชน์ประโยชน์มากกว่านั้น

00:35:2500:35:26 รถนิ่งละ

00:35:2600:35:28 >> เออแล้วก็คนที่ได้ประโยชน์เมื่อกี้ที่เชฟ

00:35:2800:35:31 เล่าให้ฟังก็คือเอ่อคนที่อาจจะมีปัญหา

00:35:3100:35:34 เรื่องต่อมรับรถปุ่มรับรถต่างๆแล้วเนาะ

00:35:3400:35:36 คือเทำให้เค้ากินอาหารได้ง่ายได้ได้อร่อย

00:35:3600:35:38 ขึ้นง่ายได้ง่ายขึ้นแล้วก็ช่วยลดโซเดียม

00:35:3800:35:40 ในอาหารอันนี้คืออ

00:35:4000:35:43 >> หลักการสำคัญมากแล้วก็อย่าลืมถ้าอยากได้

00:35:4300:35:46 ประโยชน์จากมันไม้ที่สุดใส่หลังสุดอย่า

00:35:4600:35:48 ให้โดนความร้อนเพราะโดนความร้อนมันจะไป

00:35:4800:35:50 เกาะกับอาหารครับ

00:35:5000:35:51 >> เราก็จะได้รับลดน้อยลง

00:35:5100:35:54 >> อืโอเควันนี้น่าจะประมาณนี้ครับแต่ผมคิด

00:35:5400:35:56 ว่าน่าจะมีคนสงสัยเรื่องผงชรสอีกซึ่งผม

00:35:5600:35:58 อาจจะไม่ได้ถามเนอะก็

00:35:5800:35:59 >> แต่ก็พอครอบคลุมอยู่นะ

00:35:5900:36:00 >> พอครอบคลุมแหละ

00:36:0000:36:02 >> ตอนแรกผมไม่คิดว่าจะพูดไปถึงอิโนซิเนตกับ

00:36:0200:36:03 โกไนเรสด้วย

00:36:0300:36:04 >> ออ

00:36:0400:36:06 >> แต่มันเป็นสิ่งที่แบบเคยได้ยินมาครับแล้ว

00:36:0600:36:09 ก็สิ่งเนี้ยมันก็คือผงชรสที่เกิดจาก

00:36:0900:36:10 ธรรมชาติ

00:36:1000:36:13 >> หมายถึงว่าการต้มการอะไรจากฝีมือเชฟ

00:36:1300:36:14 >> ใช่ๆ

00:36:1400:36:17 >> แล้วก็ถ้ามีฝีมือทำแบบธรรมชาติก็ได้ถ้า

00:36:1700:36:19 ไม่ถ้าไม่ชัวร์

00:36:1900:36:20 >> แต่ถ้าเกิดแบบคิดว่า

00:36:2000:36:22 >> อยากจะลองปงนิดหน่อยก็เมื่อกี้ดูปริมาณ

00:36:2200:36:24 ที่มันพอเหมาะแล้วก็

00:36:2400:36:25 >> ใช้ให้มันถูกวิธี

00:36:2600:36:29 >> ก็ก็จบถูกต้องถ้าหม้อนึงใส่เท่าตะกี้ก็

00:36:2900:36:30 ไม่พอก็ต้องมาดูว่าหม้อนึงสมมุติหม้อนึง

00:36:3000:36:31 มัน 10 ลิตร

00:36:3100:36:31 >> ครับ

00:36:3100:36:34 >> ก็ต้องเอา 10 มาหารสัก 200 ก็จะได้ 20

00:36:3400:36:37 เท่าก็ต้องใส่ตะกี้เล็กๆ 20 ช้อนอ

00:36:3700:36:39 >> อือๆก็ดีครับก็ค่อนข้างเปลี่ยนมุมมองผม

00:36:3900:36:42 นิดนึงนะเพราะว่าอันนี้ย้ำกันอีกทีครับ

00:36:4200:36:45 ไม่ได้มาโฆษณาพงชรสนะแต่ว่า

00:36:4500:36:46 >> เทปนี้เราไม่ได้สปอนเซอร์

00:36:4600:36:48 >> ไม่ได้สปอนเซอร์

00:36:4800:36:50 >> แต่ผมสงสัยเองว่าผงชรสมันมีข้อดีของมัน

00:36:5000:36:52 หรือเปล่าเพราะว่าอ

00:36:5200:36:54 >> จริงๆใช้แล้วมันก็

00:36:5400:36:58 ผมรู้สึกว่ามันก็อร่อยขึ้นจริงแต่ว่าข้อ

00:36:5800:37:00 มูลของผงชรสที่เป็นผู้ร้ายเนี่ยมันค่อน

00:37:0000:37:03 ข้างเยอะเหมือนกันก็เลยอยากจะรู้ก็เลยเชฟ

00:37:0300:37:05 ศึกษาเรื่องของชรสอยู่แล้วก็เลยแบบชวนมา

00:37:0500:37:08 คุยด้วยเลยครับวันนี้ขอบคุณเชฟทักอีกแล้ว

00:37:0800:37:09 ครับหวังว่ามีโอกาสหน้ามาคุยกันได้อีก

00:37:0900:37:10 ครับ

00:37:1000:37:11 >> ขอบคุณมากนะครับ

00:37:1100:37:15 >> ขอบคุณขอบคุณครับ

00:37:1500:37:18 >> Eat Direction คุยกับคนในวงการอาหารว่า

00:37:1800:37:21 เราควรกินอะไรถึงจะ