00:00:00 → 00:00:02 ความคิดของเราเป็นตัวสร้างโรคอุ๊ยเกิดโรค
00:00:02 → 00:00:05 ร้ายขึ้นเรายังมีสติแล้วเราก็ค่อยๆจัดการ
00:00:05 → 00:00:07 ชีวิตเราในแต่ละวันเราจะโฟกัสที่ความรัก
00:00:07 → 00:00:10 ให้กับตัวเองมาเราก็จะมีกำลังใจให้กับตัว
00:00:10 → 00:00:12 เองได้เยอะขึ้นอารมณ์ที่ทำร้ายเอาไว้เอ
00:00:12 → 00:00:14 ภายในทั้งหมดความเศร้าเนี่ยทำร้ายปอดโดย
00:00:14 → 00:00:18 ตรงความดีใจเกินไปทำร้ายหัวใจความโกรธทำ
00:00:18 → 00:00:21 ร้ายตับความคิดมากวิตกกังวลมากจะทำร้าย
00:00:21 → 00:00:23 หมมใจก็คือแบบความกลัวเพราะงั้นอารมณ์
00:00:23 → 00:00:25 เนี่ยสัมพัน์กับร่างกายพฤติกรรมต่างๆทำ
00:00:25 → 00:00:28 ให้เร่งความเสื่อมของร่างกายนะการออก
00:00:28 → 00:00:30 กำลังกายเลยเป็นสิ่งที่สำคัญจริงๆคนที่
00:00:30 → 00:00:32 แข็งแรงมาตลอดอ่ะจะชอบละเลยชีวิตไม่รู้
00:00:32 → 00:00:34 ว่าความป่วยคืออะไรเราก็ทำอะไรมันก็ไม่
00:00:34 → 00:00:36 ป่วยหรอกกินอันนั้นก็ได้กินอันนี้ก็ได้พอ
00:00:36 → 00:00:39 เราไม่ระวังจนถึงจุดที่เราตกถ้าเราดูแล
00:00:39 → 00:00:41 ตอนต้นไม่ดีเนี่ยมันจะทรุดอแล้วเราก็จะ
00:00:41 → 00:00:43 ป่วยกำเริบหลายๆโรคได้ง่ายสีหน้าจะแสดง
00:00:43 → 00:00:46 ถึงหัวใจคุมุกันเนี่ยปอดผมของเราเนี่ยจะ
00:00:46 → 00:00:49 สะท้อนไตตเขาจะสัมพันธ์กับเรื่องอารมณ์
00:00:49 → 00:00:51 แล้วก็การนอนหลับถ้าเราเนี่ยเป็นคนที่ยัง
00:00:51 → 00:00:53 จับโทรศัพท์ถึง 21:00 นอยู่มันก็จะหลับ
00:00:53 → 00:00:56 ได้ยากหลายคนที่นอนไม่หลับตาสว่างประสาท
00:00:56 → 00:00:58 แบบวิ่งตลอดเวลาเนี่ยเพราะว่าเราฝึกวางใจ
00:00:58 → 00:01:01 ไม่เป็นเราไม่วางเนี่ยเราก็จะแบบตาสว่าง
00:01:01 → 00:01:03 ตอนนี้แต่ถ้านอนไม่หลับรู้สึกว่าเอ้ยมัน
00:01:03 → 00:01:04 หลายชั่วโมงแล้วยังไม่หลับสักทีแนะนำให้
00:01:04 → 00:01:07 ลุกขึ้นมายืดเส้นถ้าเกิดว่าเราต้องการให้
00:01:07 → 00:01:10 ความทรงจำสมองของเราดีก็จะต้องดูแล
00:01:10 → 00:01:13 พฤติกรรมการกินออกกำลังกายการนอนหายขาด
00:01:13 → 00:01:15 อยู่ที่พฤติกรรมพฤติกรรมเราดีมันก็จะดี
00:01:16 → 00:01:21 ขึ้นมาเกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไก่
00:01:21 → 00:01:24 โรคเดี๋ยววันนี้เรามาคุยกันยาวๆเลยแบบ
00:01:24 → 00:01:27 เป็นวีดีโอที่แบบยาวๆเออยาวจริงๆวันนี้คำ
00:01:27 → 00:01:29 ถามเยอะมากอใช่ค่ะคุณหมอทักอย่างงี้ตั้ง
00:01:29 → 00:01:33 แต่เจอกันเลยเพราะฉะนั้นทุกคนก็ช่วยเป็น
00:01:33 → 00:01:35 กำลังใจนะคะกดไลก์กดแชร์แล้วก็ดูกับเราไป
00:01:35 → 00:01:38 จนถึงนาทีสุดท้ายด้วยนะคะก่อนอื่นหนูอยาก
00:01:38 → 00:01:41 รู้ว่าเราสามารถที่จะสังเกตร่างกายจากภาย
00:01:41 → 00:01:44 นอกได้ไมมคะเช่นผิวพรุหน้าตาผมอะไรอย่าง
00:01:44 → 00:01:46 เงี้ยว่าตอนนี้เรามีสุขภาพยังไงบ้างถ้า
00:01:46 → 00:01:48 เกิดว่าสังเกตจากภายนอกอ่ะจริงๆร่างกาย
00:01:48 → 00:01:51 ของเราข้างในเริ่มสุดแล้วอ่ะเราจะมี
00:01:51 → 00:01:54 อวัยวะทั้ง 5 ที่สะท้อนออกทางร่างกายภาย
00:01:54 → 00:01:57 นอกยกตัวอย่างเชสีหน้าถ้าเกิดว่าเราดูแล
00:01:57 → 00:01:59 ตัวเองไม่ดีสีหน้าจะหมองคำได้ง่ายไม่ใช่
00:01:59 → 00:02:01 แต่แดกแล้วดำนะบางคนก็คือไม่ได้ตักแดกแต่
00:02:01 → 00:02:04 เขาก็จะดูหมองค้ำอมเขียวอมม่วงหรือว่า
00:02:04 → 00:02:08 อยู่ๆหน้าแดงค้างไว้ไม่หายะทีก็จะแสดงถึง
00:02:08 → 00:02:11 ภายในส่วนใหญ่สีหน้าจะแสดงถึงหัวใจหัวใจ
00:02:11 → 00:02:13 จะดูแลเรื่องเลือดและหลอดเลือดทีถเกิด
00:02:13 → 00:02:17 ภูมิของกันเนี่ยหลายคนจะคิดถึงปอดใช่มั้ย
00:02:17 → 00:02:19 คะปอดเนี่ยเขาจะดูแลสิ่งสะท้อนที่มองว่า
00:02:19 → 00:02:21 ปอดแข็งแรงก็จะเป็นเรื่องของผิวหนังแล้ว
00:02:21 → 00:02:24 ก็ขนถ้าเกิดว่าผิวหนังขนของเราแข็งแรงดี
00:02:24 → 00:02:27 เนี่ยเราจะสามารถต้านทานต่อสภาพอากาศแวด
00:02:27 → 00:02:31 ล้อม PM 2.5 อากาศร้อนอากาศเย็นเราจะไม่
00:02:31 → 00:02:33 แพ้ง่ายแต่ถ้าเกิดว่าปอดอ่อนแอเนี่ยไอ้
00:02:33 → 00:02:35 พวกเมันก็จะทำงานได้ไม่ดีเราโดนนิดโดน
00:02:35 → 00:02:37 หน่อยก็จะแพ้อันนี้ก็จะเป็นตัวสังเกตว่า
00:02:38 → 00:02:41 ปอดเริ่มไม่ดีผมของเราเนี่ยจะสะท้อนไตอื
00:02:41 → 00:02:45 ใช่ค่ะถ้าเกิดว่าผมร่วงผมขาวค่ะจริงๆถ้า
00:02:45 → 00:02:48 เกิดว่าอาการแบบเนี้ยไตกับตาเขาจะทำงาน
00:02:48 → 00:02:51 สัมพันธ์กันมันจะมีความเครียดนอนไม่พอไต
00:02:51 → 00:02:53 เนี่ยจะเป็นตัวเก็บสารจริงสารจริงจะเป็น
00:02:53 → 00:02:56 เป็นคำเรียกของแพทยแผ่นจีนจะเป็นตัวหล่อ
00:02:56 → 00:02:58 เลี้ยงสร้างเซลล์ร่างกายทนี้พอสารจริงของ
00:02:58 → 00:03:01 ไตอ่อนแอไปเนี่ยเขาก็จะไม่สามารถช่วยไป
00:03:01 → 00:03:03 ผลิตเลือดอเลือดกับสารจริงเขาจะเป็น
00:03:03 → 00:03:06 เหมือนคู่กันทเนี้ยพอตับเก็บเลือดได้ไม่
00:03:06 → 00:03:09 ดีผมเนี่ยเป็นส่วนเกินของเลือดเลือดไม่พอ
00:03:09 → 00:03:12 เลือดไม่ดีผมมันก็เลยแห้งขาดร่วงหรือขาว
00:03:12 → 00:03:15 ได้ง่ายโดยเฉพาะคนที่วัยทำงานเริ่มเครียด
00:03:15 → 00:03:18 นอนไม่พอมันมันก็จะแสดงถึงเส้นผมที่
00:03:18 → 00:03:20 เปลี่ยนไปอพอรอายุเยอะขึ้นผมมันก็เลยบัง
00:03:20 → 00:03:22 ลงได้ง่ายใช้หัวสมองเยอะก็จะบังลงได้ง่าย
00:03:22 → 00:03:25 ออันนี้หนูถามเพิ่มค่ะบางคนยังไม่ได้อายุ
00:03:25 → 00:03:28 เยอะเลยอ่ะแต่ผมหงอกแล้วผมข่าวแล้วถ้าใน
00:03:28 → 00:03:30 ปัจจุบันเนี่ยเาจะพูดถึง 2 อันอันแรกก็
00:03:30 → 00:03:34 คือพันธุกรรมอือ่าแต่จริงๆแล้วถ้าเราอยาก
00:03:34 → 00:03:37 ดูแลเส้นผมของเราซึ่งบางคนเนี่ยพอดูแลตัว
00:03:37 → 00:03:40 เองได้ดีผมขาวก็กลับมาดำได้โดยเฉพาะในวัย
00:03:40 → 00:03:42 เด็กแล้วเราบอกเอ้ยทำไมอายุแค่ 10 กว่า 20
00:03:43 → 00:03:45 กว่าทำไมผมขาวแล้วเขาดูแลพฤติกรรมได้ดี
00:03:45 → 00:03:48 เนี่ยผมที่จากขาวสามารถกลับมาดำได้การที่
00:03:48 → 00:03:52 ดูแลเส้นผมของเราให้กลับมาดกดำแล้วก็ไม่
00:03:52 → 00:03:55 แห้งก็ต้องดูแลตับกับไตอย่างที่กล่าวไป
00:03:55 → 00:03:56 เมื่อสักครู่นี้ตับเป็นตัวเก็บเลือดแล้ว
00:03:56 → 00:03:59 ก็ไตเป็นตัวเก็บสารจริงถ้าเกิดว่าตัวของ
00:03:59 → 00:04:01 ตับเองเนี่ยเขาจะสัมพันธ์กับเรื่องอารมณ์
00:04:01 → 00:04:04 แล้วก็การนอนหลับงั้นเด็กๆสมัยนี้ก็คือ
00:04:04 → 00:04:07 อาจจะใช้เสษตาเยอะก็จะเป็นการทำลายเลือด
00:04:07 → 00:04:09 เลือดไม่พอก็จะไม่มีพลังงานเพียงพอไป
00:04:09 → 00:04:12 สร้างเป็นผมอแล้วเพราะว่าภายในเขายังใช้
00:04:12 → 00:04:14 ไม่พอเลยเขาก็จะภายนอกของเราอ่ะมันก็เลย
00:04:14 → 00:04:17 ดูชราก่อนไวใช่เขาจะดึงพลังงานไปไปซ่อม
00:04:17 → 00:04:19 แซมข้างในเพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าเราอยาก
00:04:19 → 00:04:21 ให้ปรับให้ผมกลับมาสวยงามเนี่ยก็ต้องปรับ
00:04:21 → 00:04:24 พฤติกรรมการกินการนอนการใช้ชีวิตก็จะทำ
00:04:24 → 00:04:27 ให้ร่างกายของเรากลับมาคือเขาบอกว่าภาย
00:04:27 → 00:04:29 ภายในสู่ภายนอกใช่มั้ยถ้าภายในมันพอมันก็
00:04:29 → 00:04:31 ก็จะไปเลี้ยงภายนอกได้พอนิยามของคำว่าสวย
00:04:31 → 00:04:34 จากภายในสู่ภายนอกที่แท้ภายนอกใช่ถ้าเกิด
00:04:34 → 00:04:36 ว่าข้างในมันเต็มแล้วจริงๆเขาก็จะไปสร้าง
00:04:36 → 00:04:38 ภายนอกให้เราได้ดีเมื่อสักครู่นี้น้องถาม
00:04:38 → 00:04:41 ถึงเรื่องผิวหนังก็คือพอผิวหนังของเรา
00:04:41 → 00:04:44 อักเสบเนี่ยจะเป็นเรื่องของปอดใช่มั้ยคะ
00:04:44 → 00:04:47 ทีเนี้ยปอดที่แพ้ได้ง่ายเนี่ยเขาก็จะย้อน
00:04:47 → 00:04:51 กลับไปว่าเส้นลมปราณอะไรที่ทำร้ายปอดบ้าง
00:04:51 → 00:04:53 ก่อนหน้าที่จะถึงเส้นลมปราณของปอดเนี่ยจะ
00:04:53 → 00:04:56 เป็นเส้นปบาของตับซึ่งเป็นตัวเก็บเลือด
00:04:56 → 00:04:58 ถ้าเกิดว่าเรานอนได้ไม่ดีมีความเครียดก็
00:04:58 → 00:05:01 จะกระตุ้นทำให้ภูคุ้มกันของเราอ่อนแออจะ
00:05:01 → 00:05:04 เกิดความอักเสบได้มากในร่างกายแล้วเขาก็
00:05:04 → 00:05:07 จะปะทุออกทางผิวหนังแล้วก็จะมีพวกล้มพิษ
00:05:07 → 00:05:10 ผื่นคันถ้าเกิดว่าคนที่เป็นเลือดกำเดาไหล
00:05:10 → 00:05:13 หรือว่าแพ้อากาศง่ายพักผ่อนไม่พอก็จะทำ
00:05:13 → 00:05:16 ให้อาการเหล่าเนี้ยกำเริบได้ง่ายหนูสงสัย
00:05:16 → 00:05:18 ว่าแล้วอย่างเงี้ยมันเกิดจากการที่เรา
00:05:18 → 00:05:20 เป็นคนมีนิสัยนั้นแล้วทำให้เกิดโรคหรือ
00:05:20 → 00:05:22 ว่าโรคนั่นแหละมันทำให้เราเป็นคนมีนิสัย
00:05:22 → 00:05:25 นั้นอมันเป็นตัวสร้างกันและกันเลยอ่าถ้า
00:05:25 → 00:05:27 เกิดว่าเริ่มต้นเนี่ยเรายังไม่มีโรคเรา
00:05:27 → 00:05:30 เกิดมาเป็นคนที่แข็งแรง 100% ใช่่มั้ยถ้า
00:05:30 → 00:05:31 เกิดว่าเราไม่ได้เกิดมาแบบมีปัญหาอะไร
00:05:31 → 00:05:33 อย่างเงี้ยนิสัยของเราพฤติกรรมของเราใน
00:05:33 → 00:05:36 แต่ละวันความคิดของเราในแต่ละวันเนี่ย
00:05:36 → 00:05:40 เป็นตัวสร้างโรคเลยความคิดใช่เขาบอกว่า
00:05:40 → 00:05:42 หัวใจเสาแผเป็นจีนดูแลเลือดและหลอดเลือด
00:05:42 → 00:05:45 จำได้มแล้วก็อีกตัวนึงเนี่ยก็คือดูแล
00:05:45 → 00:05:48 เรื่องจิตเราจะเรียกว่าสินเินก็คือแบบเรา
00:05:48 → 00:05:50 มองแววตาแล้วสดใสเปลี่ยงประกายดีเราลอง
00:05:50 → 00:05:52 สังเกตคนที่ทานแอลกอฮอล์หรือว่าเสพยาเสพ
00:05:52 → 00:05:55 ติดดวงตาเขาจะแข็งก้าวหรือว่ามองเข้าไป
00:05:55 → 00:05:57 ไม่เห็นคนในนั้นน่ะเราจะรู้สึกว่าดวงตา
00:05:57 → 00:06:00 นั้นมันว่างเปล่าใช่อันนี้ก็คือเป็นตัว
00:06:00 → 00:06:04 จิตที่เราจะมองออกงั้นคนที่มีหัวใจที่ดี
00:06:04 → 00:06:07 มีจิตใจที่ดีเขาจะส่งต่อถึงเลือดเลยหลาย
00:06:08 → 00:06:10 คนจะแยกออกจิตใจกับร่างกายใช่ไหมแต่จริงๆ
00:06:10 → 00:06:12 แล้วมันคือเรื่องเดียวกันทางสาตแพแผนจีน
00:06:12 → 00:06:14 น่ะเขาจะพูดถึงหัวใจแค่ 2 ข้อนี้เลยก็คือ
00:06:14 → 00:06:16 ดูแลเรื่องเลือดกับหลอดเลือดแล้วก็ดูแล
00:06:16 → 00:06:19 เรื่องจิตเป็นตัวหัวใจจเดียวกันทีนี้พอ
00:06:19 → 00:06:22 หัวใจดวงเนี้ยเขาเป็นจิตใจที่ดีเขาก็จะ
00:06:22 → 00:06:25 ควบคุมเลือดการไหลเวของเลือดแล้วก็เลือด
00:06:25 → 00:06:28 ที่ดีนั้นไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆอร่างกายของ
00:06:28 → 00:06:30 เราก็จะไม่เกิดความอักเสบหลายคนจะชอบลด
00:06:30 → 00:06:32 การอักเสบความอักเสบเนี่ยจะแปลเป็นภาษา
00:06:32 → 00:06:35 จีนว่าไฟเกินหรือพลังอย่างเกินได้ใช่ค่ะ
00:06:35 → 00:06:38 ถ้าเกิดว่าเรามีคนที่จิตใจดีก็จะช่วยป้อง
00:06:38 → 00:06:41 กันโรคได้มากหรือเราค้นพบแล้วอุ๊ยเกิดโรค
00:06:41 → 00:06:44 ร้ายขึ้นแต่ว่าหัวใจเรายังมีกำลังอเรายัง
00:06:44 → 00:06:46 มีสติแล้วเราก็ค่อยๆจัดการชีวิตเราในแต่
00:06:47 → 00:06:49 ละวันอันนี้คือมีกำลังใจถ้าเราไม่มีกำลัง
00:06:49 → 00:06:53 ใจที่ดีเราจะสุดอืหลายคนฟังปุ๊บเสียงที่
00:06:53 → 00:06:55 คุณหมอพูดมาว่าเราเป็นโรคอะไรปุ๊บแล้วเรา
00:06:55 → 00:06:58 ก็ดิ่งเลยอันนี้ก็อันนี้ก็จะป่วยได้ง่าย
00:06:58 → 00:07:00 แต่ถ้าเกิดว่าเราฟังคุณหมอแล้วคุณหมอเรา
00:07:00 → 00:07:02 เริ่มเห็นแนวโน้นว่าคุณหมออาจจะพูดคำไม่
00:07:02 → 00:07:05 ดีออกมาให้เราหายใจขอกยาวๆพยายามทำจิตใจ
00:07:05 → 00:07:08 ให้เราสบายพิษจากการได้ยินนั้นจะไม่ทำ
00:07:08 → 00:07:10 ร้ายเรามากทุกครั้งที่เราอยู่ในสภาพแวด
00:07:10 → 00:07:12 ล้อมที่ไม่ดีหรือได้ยินสิ่งที่ไม่ดีเข้า
00:07:12 → 00:07:15 มาแล้วเรารับมันเต็มๆเนี่ยมันจะไปสะสมที่
00:07:15 → 00:07:17 หัวใจหัวใจก็จะเดินเลือดให้เราได้ไม่ดี
00:07:17 → 00:07:21 อ่าเซลล์ของเราก็จะแย่ไปคนที่มีนิสัยแบบ
00:07:21 → 00:07:26 ขี้โมโหขี้ร้อนฟังมาปุ๊บออกทางสีหน้าทัน
00:07:26 → 00:07:30 ทีหรือว่าเอาไปคิดเป็นอีก 3 4 วันกว่าจะ
00:07:30 → 00:07:32 ลืมเรื่องนั้นเนี่ยก็จะเป็นเซลล์มันก็จะ
00:07:32 → 00:07:35 ไม่ดีตามถ้าเราเป็นคนที่รับมาง่ายปล่อย
00:07:35 → 00:07:39 ง่ายมันก็จะไม่กระทบเรามากอืค่ะเมื่อ
00:07:39 → 00:07:41 เมื่อสักครู่เนี่ยมีสิ่งที่น่าสนใจ 2
00:07:41 → 00:07:43 อย่างก็คือเรื่องของอารมณ์ที่มันมีผลกับ
00:07:43 → 00:07:45 อีกเรื่องนึงคือเรื่องของการสร้างกำลังใจ
00:07:45 → 00:07:47 อหนูขออนุญาตถามถึงเรื่องของการสร้าง
00:07:47 → 00:07:50 กำลังใจก่อนว่าเราจะมีวิธีการสร้างกำลัง
00:07:50 → 00:07:52 ใจยังไงแล้วสมาธิเนี่ยช่วยได้ไหมคะช่วย
00:07:52 → 00:07:55 ได้มากนะคะปอดเนี่ยเขาดูแลพลังชีทั้งหมด
00:07:55 → 00:07:58 ในร่างกายของเราใช่ไหมมแล้วเขาก็เป็นตัว
00:07:58 → 00:08:02 ดูแลโงจมูกทีนี้พอเราหายใจเข้าหายใจออกนะ
00:08:02 → 00:08:05 หัวใจที่เป็นตัวดูแลเลือดเขาจะรับพลังชีพ
00:08:05 → 00:08:08 จากปอดเข้ามาเก็จะมีพลังชีพที่พอใจของเรา
00:08:08 → 00:08:12 มันก็จะไม่โวงเหวงง่ายอพลังชีพมันเต็มแรง
00:08:12 → 00:08:16 ของเลือดมันเต็มลองหายใจเข้าออกยาวๆช้าๆ
00:08:16 → 00:08:20 อือเราก็จะรู้สึกว่าเออมันเบาลงจากเรื่อง
00:08:20 → 00:08:22 ที่เมื่อสักครู่นี้เราอาจจะได้รับเรื่อง
00:08:22 → 00:08:25 ที่ไม่ดีเข้ามาให้เราลองหายใจคือพอไม่
00:08:25 → 00:08:27 อยากให้ไปทำอะไรที่มันยากเกินไปแค่เราลอง
00:08:27 → 00:08:30 หายใจดีๆเนี่ยมันจะช่วยเราได้มากๆแล้วพอ
00:08:30 → 00:08:33 เรามีสติละหายใจได้ดีละแล้วกำลังใจเดี๋ยว
00:08:33 → 00:08:36 เรามันจะค่อยๆมาก็คือเราจะโฟกัสที่ความ
00:08:36 → 00:08:39 รักให้กับตัวเองอ่ามาเราก็จะมีกำลังใจให้
00:08:39 → 00:08:41 กับตัวเองได้เยอะขึ้นแน่นอนว่ามันเกี่ยว
00:08:41 → 00:08:43 กับสิ่งแวดล้อมด้วยแต่ถ้าว่าสิ่งแวดล้อม
00:08:43 → 00:08:45 ของเราไม่ดีจริงๆเราก็ต้องให้กำลังใจตัว
00:08:45 → 00:08:48 เองอ่ะเริ่มต้นที่การหายใจอ่ะถ้าเราหายใจ
00:08:48 → 00:08:51 ค่อยๆไปสติก็จะมาเท่าที่ฟังก็คือร่างกาย
00:08:51 → 00:08:53 เรามันมีกลไกที่เขาจะจัดการหลายๆอย่าง
00:08:53 → 00:08:56 แหละแต่เราต้องช่วยเาใช่เราแค่ต้องรู้ว่า
00:08:56 → 00:08:58 เขาทำได้จริงๆปอดเนี่ยหน้าที่ของเขาอีก
00:08:58 → 00:09:01 อันนึงคือเราจะเรียกว่าจู่จื้อเจียก็คือ
00:09:01 → 00:09:04 เป็นการปรับสมดุลในร่างกายของเราถ้าเกิด
00:09:04 → 00:09:07 ว่าเราแบบอยากได้ยาวิเศษในการปรับสมดุล
00:09:07 → 00:09:10 เนี่ยให้ฝึกลมหายใจทางของฝรั่งเขาก็จะมี
00:09:10 → 00:09:13 ศาสตร์การหายใจละแต่ว่าจริงๆตำราแพทย์แผน
00:09:13 → 00:09:15 จีนน่ะถ้าเราไปอ่านลึกซึ้งเขาก็จะพูดถึง
00:09:15 → 00:09:17 เรื่องนี้มาตำราเนี่ยเป็นเป็นพันปีแล้ว
00:09:17 → 00:09:20 เหมือนกันคือแค่เรารู้จักการหายใจเนี่ย
00:09:20 → 00:09:22 หลายๆอย่างมันจะเบาลงคุณหมอพอจะสาธิตได้
00:09:23 → 00:09:25 มั้คะหายใจแบบไหนถ้าเกิดหมอเนี่ยเรียน
00:09:25 → 00:09:28 โยคะหมอก็เลยจะหายใจแบบโยคะในวันที่หนักอ
00:09:28 → 00:09:31 เราจะหายใจเข้าช้า
00:09:31 → 00:09:35 ๆพอสุดหายใจให้สุดถึงจุดป่าหุ้ยอ่ะแล้ว
00:09:35 → 00:09:41 เราก็ค่อยๆผ่อนยาวๆแต่ว่าเป็นเสียงคลื่น
00:09:41 → 00:09:45 ทะเลอ้ายจริงด้วยทุกคนเวลาหายใจออกออกให้
00:09:45 → 00:09:48 สุดถึงเราจะเรียกว่าจุดชหายจะอยู่ที่ท้อง
00:09:48 → 00:09:50 น้อยของเราอ่ะเวลาหายใจเข้าเข้าลึกถึง
00:09:51 → 00:09:54 ป่ายหุ้ยเราจะดึงเลือดพลังชีไปถึงกาง
00:09:54 → 00:09:56 กระหม่อมของเราได้ดีแล้วหายใจออกหายใจออก
00:09:56 → 00:09:59 ให้ออกจากทางท้องน้อยออกให้หมดเราทำแบบ
00:09:59 → 00:10:03 เนี่ยยช้าๆค่อยๆทำไปแล้วมันจะผ่อนพลังงาน
00:10:04 → 00:10:06 ในร่างกายของเราได้คือความอักเสบอ่ะมันจะ
00:10:06 → 00:10:08 ทำให้เราร้อนหล่นอ่าแต่ถ้าเกิดว่าเราหาย
00:10:08 → 00:10:10 ใจได้ดีมันจะทำให้เรานิ่งขึ้นแล้วหลายๆ
00:10:10 → 00:10:13 เรื่องมันก็จะกลับมาได้ดีแต่หลายคนพอแบบ
00:10:13 → 00:10:16 เจอปัญหาชีวิตเจอโรคภัยไข้เจ็บปุ๊บก็ร้อน
00:10:16 → 00:10:19 ลนละแล้วก็ลืมไปเลยว่าควรจะหายใจยังไงมัน
00:10:19 → 00:10:21 ก็เลยเหมือนจะยิ่งเจอแต่เรื่องร้ายๆเข้า
00:10:21 → 00:10:24 มาแต่เราลองแบบตัดบทก่อนลองหายใจก่อนแล้ว
00:10:24 → 00:10:27 มันจะพาเราไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ทุก
00:10:27 → 00:10:30 อย่างมันเกี่ยวกันหมดเลยอืออืลองดูนะคะ
00:10:30 → 00:10:33 เพราะว่าลองง่ายมากแล้วน่าจะได้ผลดีด้วย
00:10:33 → 00:10:35 ใช่ค่ะอแล้วจริงๆเราก็น่าจะรู้นะว่า
00:10:35 → 00:10:37 อารมณ์ที่ดีเนี่ยก็จะทำให้สุขภาพเราดี
00:10:37 → 00:10:39 อารมณ์ที่ไม่ค่อยดีอาจจะทำให้สุขภาพเรา
00:10:39 → 00:10:41 ไม่ค่อยดีแต่ว่าอยากให้คุณหมอขยายความ
00:10:41 → 00:10:43 หน่อยว่ามันทำงานยังไงอ่ะค่ะอารมณ์กับ
00:10:43 → 00:10:46 ภูมิคุ้มกันใช่มั้ใช่ค่ะจริงๆจะเราจะแบ่ง
00:10:46 → 00:10:48 ภูมคมกันออกเป็น 2 อันคะภูมิคุ้มกันที่
00:10:48 → 00:10:51 ปอดผิวหนังก็คือแพ้อากาศกับภูมิคุ้มกัน
00:10:51 → 00:10:53 ระดับลึกเราจะเรียกว่าออโตอิมมูนภูมิคุ้ม
00:10:53 → 00:10:56 กันทำร้ายตัวเองอ่ะทั้งหมดเยจริงๆแล้วคน
00:10:56 → 00:10:59 ที่เป็นออโตอิมมูนเนี่ยจะค่อนข้างได้รับ
00:10:59 → 00:11:03 พิษจากอารมณ์ค่อนข้างมากอารมณ์อันนึงก็
00:11:03 → 00:11:06 คือความโมโหความเครียดอทำให้พลังชี่เลือด
00:11:06 → 00:11:10 ติดขัดถ้าพูดถึงอารมณ์ที่ทำร้ายเอไววาภาย
00:11:10 → 00:11:12 ในทั้งหมดความเศร้าเนี่ยทำร้ายปอดโดยตรง
00:11:13 → 00:11:15 อ่าถ้าเกิดว่าเราแบบใครที่เป็นโควิดอยู่
00:11:16 → 00:11:18 แล้วดูซีรี่ส์ร้องไห้หนักๆเนี่ยระวังพลัง
00:11:18 → 00:11:21 ชีพของปอดจะยิ่งตกเราจะยิ่งป่วยไม่หาย
00:11:21 → 00:11:24 หรือว่าไอไม่หายอเพราั้นเราอยากไปปรุง
00:11:24 → 00:11:27 แต่งอารมณ์มากอความเศร้าทำร้ายปอดนะคะ
00:11:27 → 00:11:30 ความดีใจเกินไปความปาดใจอุ๊ยดีใจจังเลย
00:11:30 → 00:11:33 ถูกหวยแล้วก็หัวใจช็อกวายไปอันนี้คือทำ
00:11:33 → 00:11:37 ร้ายหัวใจความโกรธทำร้ายตับความคิดมากเรา
00:11:38 → 00:11:40 คิดมากวิตกกังวลมากจะทำร้ายหมท้องเราจะ
00:11:40 → 00:11:43 อืดกินข้าวไม่ลงอันนี้จะเกี่ยวกับภูมิคม
00:11:43 → 00:11:46 กันหมดเลยใช่เพราะว่าถ้าเรากินไม่ดีเนี่ย
00:11:46 → 00:11:48 ร่างกายก็จะไม่มีพลังงานใหม่ไปเลี้ยงหรือ
00:11:48 → 00:11:51 ถ้าเรากินมากเกินไปหรือกินน้อยเกินไปก็จะ
00:11:51 → 00:11:54 ผิดสมดุลในร่างกายอเราก็เหลือไตไตก็คือ
00:11:54 → 00:11:57 แบบความกลัวความกลัวแล้วสังเกตนะถ้าเรา
00:11:57 → 00:11:59 แบบไปทำให้เราตกใจเนี่ยพลังชีพมันจะจะลง
00:11:59 → 00:12:02 ภาษาไทยก็เลยพูดว่าตกใจเนาะหัวใจมันตกไป
00:12:02 → 00:12:05 ถึงตาตุมใช่พออยู่ๆเนี่ยพลังชีเราดันลง
00:12:05 → 00:12:08 วูบหัวใจมันจะขาดเลือดอเราจะรู้สึกใจสั่น
00:12:08 → 00:12:12 ได้ง่ายทพอเด็กๆให้เขาตกใจกลัวบ่อยๆหรือ
00:12:12 → 00:12:14 ไปทำให้ผู้สูงอายุตกใจกลัวบ่อยๆเขาก็จะ
00:12:14 → 00:12:17 ป่วยได้ง่ายได้เลยอเขาจะแบบเป็นไข้หวัด
00:12:17 → 00:12:21 ง่ายไอจามไม่หายหรือว่าเป็นคนสะดุ้งตื่น
00:12:21 → 00:12:23 หรือปัสสาวะราชก็คือควบคุมการปัสสวะ
00:12:23 → 00:12:25 อุจจระไม่ได้เพราะงั้นอารมณ์เนี่ย
00:12:26 → 00:12:28 สัมพันธ์กับร่างกายมากๆทีนี้เราจะเจาะไป
00:12:28 → 00:12:31 ที่ภูมิกันหามว่าอารมณ์ไหนทำค่อนข้างทำ
00:12:31 → 00:12:33 ล้ายภูมิพมกันตอนนี้หนูกำลังอารมณ์ตื่น
00:12:33 → 00:12:36 เต้นเลยค่ะว้าวมากค่ะพอทีนี้เพะถ้าเกิด
00:12:36 → 00:12:38 ว่าเราอยากให้ภูมิค้มกันของเราแข็งแรงดี
00:12:38 → 00:12:42 จริงๆอหมอจะให้เป็นคนที่แบบสมูทนะถ้า
00:12:42 → 00:12:44 อารมณ์เรามันสวิงมากเนี่ยยังไงก็ป่วยอาจ
00:12:44 → 00:12:46 เราจะจอดลึกว่าถ้าเราไปทำให้ร่างกายของ
00:12:46 → 00:12:49 เราเศร้ามากๆจากผิวหนังข้างนอกก็จะดูหมอง
00:12:49 → 00:12:54 ค้ำซีดไม่สดใสอ่ะปอดมันถูกทำร้ายพลังชีพ
00:12:54 → 00:12:56 ก็จะไหลเวียนไปถึงผิวได้ไม่ดีผิวขาด
00:12:56 → 00:13:00 ออกซิเจนถ้าเกิดว่าเราเป็นคนที่เ่อขี้
00:13:00 → 00:13:03 โมโหมากๆพอเราโมโหมากๆแล้วเรานอนหลับพัก
00:13:03 → 00:13:06 ผ่อนไม่ดีอเป็นคนที่เครียดขี้โมโหกลางคืน
00:13:06 → 00:13:09 ก็นอนไม่หลับมันจะสัมพันธ์กันมันก็ทำให้
00:13:09 → 00:13:13 ร่างกายของเราฟื้นฟูระบบภูมคุ้มกันไม่ได้
00:13:13 → 00:13:14 เราจะเปรียบตอนกลางคืนน่ะเป็นพลังหยิน
00:13:15 → 00:13:18 กลางวันเป็นพลังหยางกลางวันเราใช้ Energy
00:13:18 → 00:13:20 แล้วก็กลางคืนเนี่ยให้นอนหลับพักผ่อนที
00:13:20 → 00:13:22 นี้พอเราเป็นคนที่กลางวันก็ขี้โมโหเครียด
00:13:22 → 00:13:25 ง่ายแล้วก็ไฟนั้นเกิดไฟหัวใจขึ้นกลางคืน
00:13:25 → 00:13:28 นอนไม่หลับพอกลางคืนไม่ยอมนอนเนี่ยความ
00:13:28 → 00:13:30 ร้อนมันจะเกินอ่าเหมือนกับเราเปิดมอเตอร์
00:13:30 → 00:13:32 ตลอดเวลาแล้วเราไม่ได้ปิดสวิตช์เลยกลาง
00:13:32 → 00:13:35 คืนถ้าเรานอนหลับจะเป็นตัวปิดสวิตช์ทีนี้
00:13:35 → 00:13:37 พอเราไม่ปิดสวิตช์เลยเครื่องมันร้อนเกินอ
00:13:37 → 00:13:40 มันก็จะทำให้เรากลางวันเนี่ยเป็นผื่นคัน
00:13:40 → 00:13:43 ภูมิแพ้แพ้อากาศง่ายภูมิกันตกขั้นที่ 1
00:13:43 → 00:13:46 พอเรามีพฤติกรรมแบบเนี้ยไปยาวๆมันจะมี
00:13:46 → 00:13:48 โอกาสไปทำร้ายภูมิคุ้มกันเราจะเรียก
00:13:48 → 00:13:51 ออโตอิมมูนก็คือกลุ่มโรคภูมิคุ้มกันบก
00:13:51 → 00:13:55 พร่องก็คือจะเป็นแบบ sle ผื่นแดงเป็นปวด
00:13:56 → 00:13:59 ข้อเป็นต้นได้เลยเพราะงั้นถ้าเกิดว่าเรา
00:13:59 → 00:14:01 ดูแลอารม์ได้ดีสัมพันธ์กับการนอนที่ดีก็
00:14:01 → 00:14:04 ทำให้ภูมิคุกันของเราฟื้นฟูขึ้นมาขออีก
00:14:04 → 00:14:06 อันนึงก็คือมมก็คือการกินถ้าเกิดว่าเรา
00:14:06 → 00:14:10 อ่ะเป็นคนที่มีนิสัยคิดมากมากๆวิตกกังวล
00:14:10 → 00:14:12 นะคะจะกินอันดีหรือจะกินอันดีหรือว่าคิด
00:14:12 → 00:14:15 มากทุกเรื่องคิดมากทุกเรื่องอาการเจริญ
00:14:15 → 00:14:17 อาหารของเราจะแย่ลงความเจริญอาหารก็คือ
00:14:17 → 00:14:19 ถ้าเกิดว่าเราทานอาหารเข้ามากระเพาะย่อย
00:14:19 → 00:14:22 เก่งม้ำดุดซึมเก่งเราจะผลิตพลังชีพและ
00:14:22 → 00:14:24 เลือดได้พอพลังชีพและเลือดนี้ไปเลี้ยงหัว
00:14:24 → 00:14:26 ใจแลปอดอ่ะภูมิคุมกันของเราก็จะแข็งแรง
00:14:26 → 00:14:28 แต่พอเราคิดมากปุ๊บกะพอก็ย่อยไม่ดีมมก็
00:14:28 → 00:14:31 ดูดซึไม่ดีก็ไม่มีพลังงานไปเปลี่ยนเป็น
00:14:31 → 00:14:34 พลังชีพและเลือดปอดได้รับพลังชีพไม่พอหัว
00:14:34 → 00:14:36 ใจได้รับเลือดไม่พออ่ะภูมิคงการเราก็จะ
00:14:36 → 00:14:38 ตุกได้ง่ายกลับกันถ้าเกิดว่าคนกินเยอะ
00:14:38 → 00:14:40 เกินไปอีกมันหนักเกินไปเขาก็ไม่มีแรงใน
00:14:40 → 00:14:42 การไปเผาผลาร่างกายของเราก็จะขาดได้
00:14:42 → 00:14:44 เหมือนกันเพราะงั้นบางคนน่ะยิ่งกินยิ่ง
00:14:44 → 00:14:46 อ้วนแต่พอหยุดกินปุ๊บก็ยิ่งอ้วนเข้าไปอีก
00:14:46 → 00:14:48 เพราะว่า้ำกระเพาเขาว่าอ่อนแอไปแล้วตั้ง
00:14:48 → 00:14:51 แต่เรากินมากๆงั้นเราก็ต้องค่อยๆปรับ
00:14:51 → 00:14:54 พฤติกรรมกำลังว้าวอยู่ค่ะทุกคนคือหนูว้าว
00:14:54 → 00:14:56 เพราะว่าบางอย่างมันเป็นพฤติกรรมที่เรา
00:14:56 → 00:14:59 ไม่ได้คิดว่ามันจะนำไปสู่โลกอ่ะค่ะคือแบบ
00:14:59 → 00:15:01 อันนี้หนุยกตัวอย่างเช่นอ่าคุณหมอพูดมา
00:15:01 → 00:15:03 ว่าตอนกลางคืนจริงๆเราควรจะพักผ่อนเนาะ
00:15:03 → 00:15:05 เพราะว่ามันเป็นช่วงของพลังหินก็คือพลัง
00:15:05 → 00:15:08 เย็นๆน่ะต้องพักแะแต่เราแบบเราทำงานทั้ง
00:15:08 → 00:15:10 วันไงยังไม่ได้แบบผ่อนคลายเลยตอนกลางคืน
00:15:10 → 00:15:12 ขอดูซีรีส์หน่อยหรือบางคนหนักกว่านั้นค่ะ
00:15:12 → 00:15:15 เดี๋ยวนี้นิยมดูหนังผีนิยมฟังเรื่องผีอา
00:15:15 → 00:15:18 นี่ทำให้ตกใจกลัวนะใช่มันคือพฤติกรรมการ
00:15:18 → 00:15:19 เลือกของเราด้วยนะเพราะเขาไม่รู้หรือ
00:15:19 → 00:15:22 เปล่าอ่ะแล้วการที่เลือกดูแบบเยค่ะคุณหมอ
00:15:22 → 00:15:24 อ่ะสมมุติเลือกดูซีรีส์ร้องไห้ก็คือความ
00:15:24 → 00:15:28 เศร้าใช่ค่ะหนังผีกลัวก็ความกลัวใช่ขม
00:15:28 → 00:15:30 ขวัญตัวเองอ้าแล้วสิ่งที่เราได้มาจากการ
00:15:30 → 00:15:33 ที่เราไม่รู้มันจะสะสมเป็นนิสัยของเราเรา
00:15:33 → 00:15:35 อาจจะคิดว่าเอ้ยดูแล้วมันแบบตื่นเต้นสนุก
00:15:35 → 00:15:37 ในตอนนั้นแต่ว่ามันจะเริ่มทำให้เราอาจจะ
00:15:37 → 00:15:39 เป็นคนที่ขี้กลัวได้ง่ายหรือว่านอนหลับ
00:15:39 → 00:15:41 ไม่สนิทหรือว่าบางทีเราสะดุ้งตื่นหรือ
00:15:41 → 00:15:44 ตื่นบ่อยๆเพราะว่าขวัญของเราภาษาไทยมันจะ
00:15:44 → 00:15:46 ค่อนข้างเป็นคำที่ดีมากเราจะแยกเป็นออก
00:15:46 → 00:15:49 จากจิตเนาะถ้าขวัญของเรามันไม่นิ่งไม่สงบ
00:15:49 → 00:15:52 มันเหมือนกับถูกกระตุ้นมาคือเราก็รู้แหละ
00:15:52 → 00:15:54 เหมือนสมองเราก็รู้แล้วว่าอันนี้มัน
00:15:54 → 00:15:56 เรื่องปลอมหรือว่าอันนี้มันดูมาไม่ใช่เรา
00:15:56 → 00:15:58 ไม่ได้เจอจริงๆแต่ว่ามันข่มขวัญเราไปแล้ว
00:15:58 → 00:16:00 เรารู้สึกจริงจริงๆไปแล้วตอนที่เราดูมัน
00:16:00 → 00:16:02 ก็คือยังไงก็ทำร้ายหัวใจของเราตอนที่เรา
00:16:02 → 00:16:04 อายุน้อยๆแล้วเราไปฟังอะไรแบบเนี้ยอ่ะเรา
00:16:04 → 00:16:06 อาจจะรู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นอะไรแต่จริงๆพอ
00:16:06 → 00:16:10 เราไปขมขวัญของไตมากๆไตเนี่ยจะดูแลกระดูก
00:16:10 → 00:16:13 คเรื่องการเจริญเติบโตไตจะขึ้นดนึงสาร
00:16:13 → 00:16:16 อาหารไปเลี้ยงสมองช่วยเรื่องความทรงจำที
00:16:16 → 00:16:18 นี้ถ้าเกิดว่าเราอ่ะไปข่มขวัญของไตมากๆใน
00:16:18 → 00:16:21 เด็กเล็กอ่ะเด็กเล็กต่ำกว่า 14 ปีชอบดู
00:16:21 → 00:16:24 หนังผีตอนกลางคืนไม่ยอมนอนก็จะทำให้พลัง
00:16:24 → 00:16:27 งานของไตอาจจะต่ำจนทำให้เราสูงไม่พอแล้ว
00:16:27 → 00:16:29 ความจำอาจจะยังไม่ดีด้วยดูหนังผีทำไมหนู
00:16:29 → 00:16:34 ไม่สวยนอนดึกมั้ยกันสุดยอดเลยค่ะค่ะเมื่อ
00:16:34 → 00:16:36 เมื่อกี้ก็คือพฤติกรรมที่เราเลือกเนาะมัน
00:16:37 → 00:16:39 จริงๆมันก็คือส่งผลหมดเลยถ้าเป็นวัยผู้
00:16:39 → 00:16:41 ใหญ่ล่ะคะคุณหมอผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อยอาจจะ
00:16:41 → 00:16:43 ไม่ได้ดูซีรีส์ไม่ได้ฟังหนังผีและแต่ว่า
00:16:43 → 00:16:47 หนูอยากรู้ว่าการเสพข่าวข่าวคราวต่างๆอ
00:16:47 → 00:16:50 อ่ะมีผลต่ออารมณ์และมีผลต่อการเกิดโรคเรา
00:16:50 → 00:16:54 มยคะมีมากๆเลยหมอจะยกช่วงตัวอย่างโควิด
00:16:54 → 00:16:58 ค่ะโควิดเนี่ยเราเสพข่าวที่ด้านลบมากเกิน
00:16:58 → 00:17:00 ไปจริงๆแล้วมันอาจจะไม่ได้ไร้แรงอย่างที่
00:17:00 → 00:17:04 ข่าบอกแต่เราอไปเครียดไปก่อนนะในช่วง
00:17:04 → 00:17:06 โควิดอ่ะเราอาจจะป่วยเป็นโควิดเพราะความ
00:17:06 → 00:17:09 เครียดได้นะความเครียดจะทำให้เซลล์ยิ่ง
00:17:09 → 00:17:11 อักเสบอักเสบปุ๊บภูมิของเราก็จะตกคนที่
00:17:11 → 00:17:14 เขาแข็งแรงจริงๆเนี่ยเ้ารับพิษเขาอาจจะ
00:17:14 → 00:17:17 ไม่ป่วยแบบเขาว่าผิดทำร้ายเขาไม่ได้แต่พอ
00:17:17 → 00:17:20 เราเกิดความเครียดเซลล์อักเสบอ่ะมันไม่มี
00:17:20 → 00:17:24 เซลล์ดีๆในการต้านทานโรคแล้วเราก็ไปอยู่
00:17:24 → 00:17:25 ในสิ่งแวดล้อมที่มีพิษเนี่ยพิษมันก็จะ
00:17:26 → 00:17:27 เข้ามาได้ง่ายเพรางั้นความเครียดการเสียบ
00:17:27 → 00:17:32 ขาวที่มากเกินไปแล้วเราจิตตกยังไงก็มีผล
00:17:32 → 00:17:35 ต่อร่างกายอือฮึอ่านอกจากการเสพเมื่อกี้
00:17:35 → 00:17:38 มีซีรี่ส์มีดูนังผีมีเสพข่าวแล้วมี
00:17:38 → 00:17:40 พฤติกรรมอะไรอีกบ้างคะที่มันอาจจะทำให้
00:17:40 → 00:17:42 ร่างกายเราเนี่ยภูมิคุ้มกันตกแล้วหมอจะ
00:17:42 → 00:17:45 สรุปไล่สั้นๆเลยตั้งแต่ตอนเช้าตื่นมาถ้า
00:17:45 → 00:17:49 เรากินอาหารที่ดีเข้าไปมมก็พอจะดูดซึมสาร
00:17:49 → 00:17:52 อาหารให้เราได้ดีแต่้าตอนเช้าเราไม่กิน
00:17:52 → 00:17:54 อาหารหรือกินอาหารที่ไม่ดีก็คือพวกแปรรูป
00:17:54 → 00:17:57 มก็เพราะอ่อนแอเขาจะไม่มีกำลังส่งไปให้
00:17:57 → 00:17:59 ปอดอันนี้ก็จะเป็นภูมิแพ้หลายคนจะกิน
00:17:59 → 00:18:02 อาหารไม่ดีจนภูมิแพ้กำเริบกินเย็นเกินไป
00:18:02 → 00:18:05 กินแป้งเยอะเกินไปเดี๋ยวก็มีผืนคันเดี๋ยว
00:18:05 → 00:18:08 ก็หายใจไม่ออกพอเรากินเสร็จเรื่องการขับ
00:18:08 → 00:18:10 ถ่ายถ้าเกิดว่าเรามีพฤติกรรมการขับถ่าย
00:18:10 → 00:18:13 ที่ไม่ดีเลยอ่ะบางคนคือถ่ายเหลียวกินปุ๊บ
00:18:13 → 00:18:16 ถ่ายปั๊บอันเนี้ยก็คือกำลังของมาไม่ดีแต่
00:18:16 → 00:18:19 ถ้าเกิดว่าเรา 3-4 วันไม่ถ่ายอ่ะลำไส้
00:18:19 → 00:18:21 ร้อนเกินไปลำไส้ใหญ่กับปอดเขาจะทำงาน
00:18:21 → 00:18:24 ประสานกันร่างกายของเราจำเป็นที่จะต้อง
00:18:24 → 00:18:26 ขับถ่ายออกไปเพื่อไม่ให้กักเก็บความร้อน
00:18:27 → 00:18:30 อักเสบจนกระทบปอดงั้นหลายคนที่ปอดอักเสบ
00:18:30 → 00:18:32 ง่ายหรือผิวอักเสบง่ายเพราะว่าขับถ่ายได้
00:18:32 → 00:18:35 ไม่ดีไฟมันก็ตีขึ้นตีขึ้นปอดงั้นพอเรากิน
00:18:35 → 00:18:38 ดีแล้วขับถ่ายดีแล้วนะคะระหว่างวันจิบน้ำ
00:18:38 → 00:18:41 บ่อยๆอ่ะหลายคนไม่ยอมทานน้ำเลยมันก็จะทำ
00:18:41 → 00:18:43 ให้ร่างกายของเราไม่มีสารหล่อเลี้ยงร่าง
00:18:43 → 00:18:45 กายของเราก็จะทำงานได้ยากขึ้นเลือดของเรา
00:18:45 → 00:18:47 ก็จะไหล่เว้นได้แย่ขึ้นพอเราขับถ่ายได้ดี
00:18:47 → 00:18:50 แต่ว่าไม่ปัสสาวะชอบกลั้นปัสสาวะอ่าเส้นม
00:18:51 → 00:18:53 ปานกระเพาะปัสสาวะเนี่ยเขาจะเป็นยาวตั้ง
00:18:53 → 00:18:56 แต่หัวตาผ่านแผ่นหลังไปจนถึงปลายเท้าที
00:18:56 → 00:18:59 เนี้ยคนที่เป็นภูมิแพ้มากๆก็คือโดนอากาศ
00:18:59 → 00:19:01 โดนหลังไม่ได้เลยโดนไหลไม่ได้เลยจะจามมี
00:19:01 → 00:19:03 น้ำมูกเพราะเส้นลมปานกระเพาะปัสสาวะเขาค
00:19:04 → 00:19:06 อ่อนแอสาเหตุนึงเนี่ยนอกจากการกินน้ำก็
00:19:06 → 00:19:09 คือการกลั้นปัสสาวะทำให้เส้นลมปานพลังชีพ
00:19:09 → 00:19:11 ของเขาติดขัดต่อมาก็คือการนอนละก็คือกลาง
00:19:11 → 00:19:14 คืนถ้าเกิดว่าเรามีพฤติกรรมการนอนไม่ดีดู
00:19:14 → 00:19:18 ใช้เสตาเยอะดูจอมากอ่าเราพักผ่อนไม่พอก็
00:19:18 → 00:19:20 ทำให้ภูมิปกันของเราอ่อนแอได้มากค่ะก็ไล่
00:19:20 → 00:19:23 ตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงกลางคืนเลยซึ่งเป็น
00:19:23 → 00:19:26 รูทีนที่ใครหลายๆคนก็เป็นอย่างงั้นอยู่นะ
00:19:26 → 00:19:29 ใช่ไม่ปรับแล้วก็หลายคนมทำไมไม่หหายซักที
00:19:29 → 00:19:31 เพราะว่าเรายังไม่ดูแลพฤติกรรมของเราที
00:19:31 → 00:19:33 นี้มันมีพฤติกรรมอะไรอีกบ้างคะที่เรายิ่ง
00:19:33 → 00:19:36 ทำเนี่ยมันยิ่งทำร้ายสมองเอ่อการที่สมอง
00:19:36 → 00:19:38 ของเราเป็นแบบเนี้ยจริงๆทางสาภาพแผ่นจีน
00:19:38 → 00:19:41 จะมองว่าสมองเนี่ยคือเราจะดึงสารน้ำพลัง
00:19:41 → 00:19:44 งานของไตเนี่ยขึ้นมาเลี้ยงสมองของเราทำ
00:19:44 → 00:19:47 ให้เรามีความทรงจำที่ดีการเจริญเติบโต
00:19:47 → 00:19:50 ร่างกายของข้อกระดูกต่างๆดีขึ้นถ้าเกิด
00:19:50 → 00:19:53 ว่าเราต้องการให้ความทรงจำสมองของเราดี
00:19:53 → 00:19:56 ใช่ไหมมคะก็จะต้องดูแลพฤติกรรมอ่ะอันแรก
00:19:56 → 00:20:00 เลยก็คือการกินอ่าเพราะหลังจากที่เราคลอด
00:20:00 → 00:20:01 ออกมาแล้วเนี่ยเราก็ต้องึหาการกินหลายคน
00:20:01 → 00:20:04 เนี่ยกินแต่ของหวานของมันกินเสร็จแล้วไม่
00:20:04 → 00:20:07 ออกกำลังกายพวกหวานๆมันๆเราจะเรียกว่า
00:20:08 → 00:20:10 อาหารเหนียวหนืดพอทานเข้ามาปุ๊บการไหล่เว
00:20:10 → 00:20:12 ของเลือดแย่ลงแย่ลงไม่พอแล้วเรายังไม่ออก
00:20:12 → 00:20:15 กำลังกายการไหลเวของเลือดยิ่งแยกเข้าไป
00:20:15 → 00:20:17 อีกอ่าแล้วหลอดเลือดของเราเสื่อมการไหล
00:20:17 → 00:20:19 เวียของเลือดขึ้นไปเลี้ยงสมองน้อยลงสมอง
00:20:19 → 00:20:22 ก็ขาดออกซิเจนจะไม่ถึงขั้นขาดจนถึงขั้น
00:20:22 → 00:20:24 เราแบบเอามาพาดทันทีแต่ว่ามันจะค่อยๆทำ
00:20:24 → 00:20:26 ให้เซลล์สมองเสื่อมอีกพฤติกรรมนึงนอกจาก
00:20:27 → 00:20:29 การกินแล้วก็การออกกำลังกายก็ก็คือการนอน
00:20:29 → 00:20:31 เพราะว่าตอนช่วงเวลาของการนอนเนี่ยร่าง
00:20:31 → 00:20:34 กายของเราจะล้างพิษออกจากร่างกายของเราง
00:20:34 → 00:20:36 พอเราไม่ยอมนอนเราก็ใช้ประสาทสมองตลอด
00:20:36 → 00:20:39 เวลาสมองมันก็จะถูกกระตุ้นเขาไม่ได้พัก
00:20:39 → 00:20:42 ผ่อนมันก็จะเริ่มหลงๆลืมๆได้ง่ายงั้นเรา
00:20:42 → 00:20:45 ก็ต้องระวังพฤติกรรมเหล่านี้ให้ดีค่ะแล้ว
00:20:45 → 00:20:48 หลงๆลืมๆอ่ะขี้หลงขี้ลืมอาการเนี้ยเป็น
00:20:48 → 00:20:52 แค่ไหนที่มันแบบเริ่มต้องใส่ใจแล้วนะถ้า
00:20:52 → 00:20:54 เกิดว่าเริ่มมีเนี่ยเราก็ต้องเริ่มใส่ใจ
00:20:54 → 00:20:57 เลยก็อยู่ๆจะไปเปิดตู้เย็นเอ๊ะเราจะไปเอา
00:20:58 → 00:21:01 อะไรอือ่ะแบบเเราก็ต้องเริ่มใส่แล้วสมอง
00:21:01 → 00:21:03 ของเราเริ่มไม่ดีเนื่องจากช่วงเวลานั้น
00:21:03 → 00:21:06 เราไปทำอะไรมากินเยอะเกินไปหรือว่านอนไม่
00:21:06 → 00:21:09 พอนะคะแล้วก็ไม่เคยฝึกสมาธิออกกำลังกาย
00:21:09 → 00:21:11 มันก็จะออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอเราไม่
00:21:11 → 00:21:14 เคยใช้สมองสมองมันก็จะเสื่อมได้ง่ายหมอจะ
00:21:14 → 00:21:17 มีคนไข้ผู้สูงอายุพอวัยเกษียณละแล้วก็จะ
00:21:17 → 00:21:19 ไม่ต้องทำอะไรอยู่บ้านเฉยๆแล้วเขาก็ไม่
00:21:19 → 00:21:22 ขยับเขยื้อนร่างกายเลยนับวันยิ่งแย่ลงตอน
00:21:23 → 00:21:25 ที่ทำงานยังกระฉับกระเฉงแข็งแรงเดินไปมา
00:21:25 → 00:21:28 ได้ความจำดีแต่พอหยุดทุกอย่างปุ๊บแล้วตัว
00:21:28 → 00:21:31 เองไม่ยอมฝึกสมองต่อไปเนี่ยมันก็จะเสื่อม
00:21:31 → 00:21:33 ได้ง่ายเพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าเราต้องการ
00:21:33 → 00:21:36 ทำให้ความทรงจำของเราดีเราก็ต้องดูแลสิ่ง
00:21:37 → 00:21:40 เหล่านี้ทีนี้อาหารเนี่ยมันจะเป็นตัวที่
00:21:40 → 00:21:43 จะไปดึงเลือดลมขึ้นไปเลี้ยงสมองอ่าความ
00:21:43 → 00:21:46 หลงๆลืมๆอันนึงเนี่ยจะมาจากม้ามดึงพลังชี
00:21:46 → 00:21:48 และเลือดขึ้นไปเลี้ยงสมองไม่พอในทางสาไพย
00:21:48 → 00:21:50 แผ่นจีนเวลารักษาคนไข้กลุ่มเนี้ยเราจะไป
00:21:50 → 00:21:53 บำรุงเลือดของม้ามและหัวใจอ่ะทำให้เขานอน
00:21:53 → 00:21:56 หลับสบายแล้วก็ไม่ขี้หลุงขี้ลืมแต่ว่าใน
00:21:56 → 00:21:57 วัยผู้สูงอายุเนี่ยจะไม่ได้เกี่ยวกับมำ
00:21:57 → 00:22:00 อย่างเดียวแล้วจะเกี่ยวกับพลังงานของไต
00:22:00 → 00:22:04 อ่าผู้สูงอายุพอพลังไตเสื่อมพลังไตตกเขา
00:22:04 → 00:22:07 ก็จะตาฝ่าฟางความจำแบบเริ่มคุยไม่รู้
00:22:07 → 00:22:10 เรื่องละลืมตัวเองว่าติดกระดุมยังไงกิน
00:22:10 → 00:22:12 ข้าวยังไงอันนี้คือเราจะมองว่าเป็นพลัง
00:22:12 → 00:22:15 งานของไตตกจนทำให้สมองเริ่มเสื่อมซึ่งเรา
00:22:15 → 00:22:18 สามารถป้องกันก่อนที่พลังงานของไตจะตกมาก
00:22:18 → 00:22:21 ขนาดนั้นได้อ่าจะมีผู้สูงอายุที่เสื่อมไป
00:22:21 → 00:22:24 เลยกับคนที่เขาพยายามดูแลตัวเองไม่ให้ไป
00:22:24 → 00:22:29 ถึงขั้นนั้นซึ่งมีวิธีดูแลอยู่อืวิธีดูแล
00:22:29 → 00:22:32 ต้องถามต่ออ่ะก็อันนึงเลยก็คือพลังงานของ
00:22:32 → 00:22:36 ไตเนี่ยเขาจะต้องพึ่งพาการทานอาหารของม้า
00:22:36 → 00:22:38 เราจะเรียกว่าสารจริงอ่าสารจริงแต่กำเนิด
00:22:38 → 00:22:40 เนี่ยคือไตดูแลแต่ว่าเขาจะต้องพึ่งพาสาร
00:22:40 → 00:22:43 จริงของอาหารก็คือตัวของม้ามเนี่ยเขาจะ
00:22:43 → 00:22:45 จัดการกับอาหารของเราไปผลิตพลังชีและ
00:22:45 → 00:22:48 เลือดส่งเสริมให้สร้างเลือดสร้างพลังชี
00:22:48 → 00:22:50 สร้างสรรค์จริงในร่างกายของเราพอเรากิน
00:22:50 → 00:22:53 ได้ดีกินอาหารที่สะอาดสะอาดในที่นี้ก็คือ
00:22:53 → 00:22:57 ไม่ปรุงแต่งไม่หนักรสจัดอ่าไม่แปรรูปมาก
00:22:57 → 00:22:59 เกินไปหเขาจะชอบแนะนำให้ทานอาหารธรรมชาติ
00:23:00 → 00:23:02 หลากหลายหมุนเวียนดีเพราะมันจะเข้ามามได้
00:23:02 → 00:23:04 ดีแล้วเขาจะย่อยเก่งดูดซึมเก่งแบบเนี้ย
00:23:04 → 00:23:06 แล้วเขาจะผลิตพลังชีพและเลือดขึ้นไป
00:23:06 → 00:23:09 เลี้ยงหัวสมองของเราได้ดีสังเกตงคนในวัย
00:23:09 → 00:23:12 ทำงานอยู่ๆคีลืมขึ้นมาเนี่ยก็คือกินแต่
00:23:12 → 00:23:15 อาหารสำเร็จรูปแล้วก็กินเสร็จแล้วนั่งนาน
00:23:15 → 00:23:18 ๆนั่งทำงานต่อไปนานๆเนี่ยเขาอาจจะรู้สึก
00:23:18 → 00:23:20 ว่าความจำของเขาได้ไม่ดีหรือว่ารู้สึกว่า
00:23:20 → 00:23:22 ความเสื่อมของร่างกายมีมากขึ้นหลอดเลือก
00:23:22 → 00:23:24 ของเราเริ่มเสื่อมแล้วจะเกี่ยวกับมมนะเรา
00:23:24 → 00:23:27 ปรับอาหารของเราให้ดีขึ้นม้ามทำงานได้ดี
00:23:27 → 00:23:29 เขาก็จะดึงพลังชีพและเลือดไปเลี้ยงหัว
00:23:29 → 00:23:31 สมองของเราได้ดีแล้วเขาก็ลงไปเลี้ยงไต
00:23:31 → 00:23:34 ด้วยไตก็จะทำงานไม่หนักแต่ก็กลับกันกิน
00:23:34 → 00:23:37 อาหารทอดๆหวานๆมันๆทานแอลกอฮอล์อันนี้
00:23:37 → 00:23:40 เป็นตัวสร้างความเสื่อมของเซลล์หลอดเลือด
00:23:40 → 00:23:42 เซลล์สมองเลยอ่ะพอเราทานอาหารกลุ่มนี้มาก
00:23:43 → 00:23:45 ๆนอกจากไตจะเสื่อมจริงๆแล้วเนี่ยสมองก็จะ
00:23:45 → 00:23:48 เสื่อมไปด้วยสารจริงของไตไม่ขึ้นไปเลี้ยง
00:23:48 → 00:23:50 สมองของเราถ้าพูดถึงเรื่องความทรงจำหรือ
00:23:50 → 00:23:51 ว่าการเจริญเติบโตของร่างกายเนี่ยในทาง
00:23:51 → 00:23:54 สาภาพแผ่นจินจะพูดถึงพลังงานของไตผู้หญิง
00:23:54 → 00:23:56 เนี่ยจะเริ่มเสื่อมตอน 35 ค่ะคือเสื่อมก็
00:23:56 → 00:23:59 คือพลังงานของไตตกมันจะเร่มมีความเหี่ยว
00:23:59 → 00:24:02 ย่นผมขาวแก่ง่ายหรือว่าระบบสืบพันธุ์แย่
00:24:02 → 00:24:06 ลงผู้ชายก็ประมาณ 40 ทีนี้ผู้หญิงจะเป็น
00:24:06 → 00:24:09 หนักมากๆเนี่ยตอนประมาณ 49 ก็คือช่วงวัย
00:24:09 → 00:24:11 ทองหลังวัยทองไปเนี่ยมันจะเริ่มมีปัญหา
00:24:11 → 00:24:15 ระบบต่างๆรวนผู้ชายเนี่ยจะประมาณ 64 อผู้
00:24:15 → 00:24:18 ชายจะช้ากว่าถ้าดูแลตัวเองดีนะแล้วคนที่
00:24:18 → 00:24:21 ดูแลตัวเองไม่ดีจะเป็นเร็วกว่านั้นได้ใช่
00:24:21 → 00:24:24 ทีนี้สารจริงของไตเนี่ยมันจะตกตามขั้น
00:24:24 → 00:24:28 บันไดผู้หญิง 35 42 49 แล้วก็ยาวไปใช่
00:24:29 → 00:24:31 ไหมมเราอ่ะไม่ต้องการให้เขาตกแบบนี้เราจะ
00:24:31 → 00:24:33 ค่อยๆให้เขาแบบยังไงคนเราก็ต้องแก่แต่ทำ
00:24:33 → 00:24:36 ยังไงให้แก่ช้าเราก็ต้องรักษาพลังงานของ
00:24:36 → 00:24:39 ไตหมอจะชอบให้ทุกคนดูแลพลังงานของไต่ค่ะ
00:24:39 → 00:24:42 บำรุงกำลังของไตง่ายๆเลยก็คือดูแลตั้งแต่
00:24:42 → 00:24:45 ระบบการกินเพราะปัจจุบันเนี่ยถ้าโรคไต
00:24:45 → 00:24:47 เสื่อมก็มักจะมาจากการกินโรคเบาหวานต่อ
00:24:47 → 00:24:50 เนื่องไปจนทำให้ระบบเลือดเสื่อมจนไต
00:24:50 → 00:24:54 เสื่อมใช่มั้ยคะต่อมาก็คือคนที่นอกจากกิน
00:24:54 → 00:24:56 ไม่ดีแล้วก็ไม่ขยับเขยื้อนร่างกายคะทำให้
00:24:57 → 00:24:59 ผิวหนังกล้ามเนื้อหหดเลือดเส้นเอ็นกระดูก
00:24:59 → 00:25:02 เสื่อมเพราะเราไม่ใช้งานมันมันก็จะผัด
00:25:02 → 00:25:04 เซลล์ใหม่ได้ไม่ดีหลอดเลือดของเราก็จะ
00:25:04 → 00:25:08 แข็งทื่อต่อไปก็จะมีความดันสูงง่ายขจัด
00:25:08 → 00:25:10 เสมหักไขมันในหลอดเลือดได้ยากขึ้้นงั้นพอ
00:25:10 → 00:25:12 การไหลเวียนของเลือดแย่ลงหลอดเลือดของเรา
00:25:12 → 00:25:15 เสื่อมแล้วการไหลเวียนเป็นเลี้ยงที่สมอง
00:25:15 → 00:25:18 แย่ลงมาขัดออกซิเจนนำส่งไม่พอเซลล์ต่างๆ
00:25:18 → 00:25:20 นอกจากสมองก็คือทั้งร่างกายเลยนะก็จะมี
00:25:20 → 00:25:23 ปัญหาเพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าเราต้องการดู
00:25:23 → 00:25:26 แลระบบประสาทของเราได้ดีรักษาพลังงานของ
00:25:26 → 00:25:29 ไตให้ดีเนี่ยนอกจากการกินก็คือการออก
00:25:29 → 00:25:31 กำลังกายอต่อมาก็คือการนอนหลับพักผ่อนให้
00:25:31 → 00:25:33 เพียงพอเพราะยิ่งเราฝืนก็เหมือนกับเราใช้
00:25:33 → 00:25:35 ร่างกายหนักเกินไปอเซลล์ร่างกายของเราก็
00:25:35 → 00:25:38 ไม่ได้ถูกฟื้นฟูเพราะขยะในสมองก็ไม่ได้
00:25:38 → 00:25:41 ขจัดเรานอนหลับนอกจากดังเลือดแล้วเซลล์
00:25:41 → 00:25:43 ใหม่ของเราก็จะถูกฟื้นฟูไม่ให้เกิดการ
00:25:43 → 00:25:47 อักเสบได้อืก็คือต้องดูแลตัวเองหนูมีคำ
00:25:47 → 00:25:50 ถามนึงค่ะถ้าเป็นกลุ่มของอาจจะเป็นวัยทำ
00:25:50 → 00:25:53 งานก็ได้เป็นเทรนสุขภาพอ่ะก็กินดีออก
00:25:53 → 00:25:56 กำลังแล้วนะแต่ว่าอาจจะทำงานเยอะอ่ะแล้ว
00:25:56 → 00:25:59 เขาก็มีอาการเเรียกว่าภาษาสมัยนี้ก็จะแบบ
00:25:59 → 00:26:02 อ๊องๆก็คือแบบว่าขี้หลงขี้ลืมบ้างเพราะ
00:26:02 → 00:26:04 ว่าทำงานเยอะการทำงานเยอะใช้สมองเยอะมัน
00:26:04 → 00:26:07 มีผลทำให้เราขี้หลงขี้ลืมมั้คะถ้าเกิดว่า
00:26:07 → 00:26:11 อ่ะเราออกกำลังกายเรากินดีเราทำงานเยอะมี
00:26:11 → 00:26:14 ความเครียดใช่มยแล้วก็เราจัดการกับความ
00:26:14 → 00:26:17 เครียดไม่ได้อสมองของเราก็จะเริ่มอองๆได้
00:26:17 → 00:26:21 อ่าแต่ถ้าเกิดว่าเราทำงานเยอะกินดีออก
00:26:21 → 00:26:23 กำลังกายนอนหรับพักผ่อนดีแล้วก็จัดการกับ
00:26:23 → 00:26:26 ความเครียดได้จริงๆสมองของเราจะไวนะเพคน
00:26:26 → 00:26:29 ที่เขาทำงานเก่งดูแลตัวเองในหลายๆเรื่อง
00:26:29 → 00:26:32 เนี่ยเขาจะมีระบบประสาที่ไวคิดไวทำไวแล้ว
00:26:32 → 00:26:34 เขาจัดการกับความเครียดได้สมองก็ได้รับ
00:26:35 → 00:26:38 การพักผ่อนแต่ถ้าคนๆนั้นน่ะเหมือนจะดูแล
00:26:38 → 00:26:40 ตัวเองทุกอย่างดีแต่ว่าจัดการกับความ
00:26:40 → 00:26:42 เครียดของตัวเองไม่ได้มันก็จะเหมือนความ
00:26:42 → 00:26:44 เครียดเนี่ยจะกระทบพลังงานของตับตับจะดู
00:26:45 → 00:26:47 แลเส้นเอ็นร่างกายเราจะตึงทั้งตัวสังเกต
00:26:47 → 00:26:49 ง่ายๆว่าเอ๊ะฉันเครียดหรรือเปล่าหรือว่า
00:26:49 → 00:26:51 เราร่างกายมันตึงไถ้าเกิดว่าตึงมากๆเนี่ย
00:26:51 → 00:26:54 การไหลเวียงของเลือกของเราก็จะแย่ลงคอือ
00:26:54 → 00:26:57 ฮึสมองของเราก็จะประมวลผลอาจจะช้าหรือว่า
00:26:57 → 00:27:01 แบบลืมว่าเราทำอะไรไปอันนี้ก็คือเป็นส่วน
00:27:01 → 00:27:03 ของวัยของคนทำงานแต่ว่าที่คุณหมอบอกก็คือ
00:27:03 → 00:27:06 ถ้าเป็นผู้สูงอายุที่เริ่มจะวัยทองหรือ
00:27:06 → 00:27:08 อะไรขึ้นไปเนี่ยก็คือยังไงร่างกายเรามัน
00:27:08 → 00:27:11 ก็เสื่อมลงเสื่อมอยู่แล้วใช่แต่เรามีวิธี
00:27:11 → 00:27:14 การฝึกสมองได้อ้ายังไงคะเราจะแนะนำให้คน
00:27:14 → 00:27:17 ที่อายุเยอะขึ้นเริ่มฝึกการทำสิ่งใหม่
00:27:17 → 00:27:20 อย่างประเทศจีนเนี่ยผู้สูงอายุตอนเช้าจะ
00:27:20 → 00:27:23 นัดรวมกลุ่มกันเพราะว่าเขาอยู่ในช่วงวัย
00:27:23 → 00:27:25 ที่ผู้สูงอายุเริ่มเยอะละค่ะแล้วก็แบบ
00:27:25 → 00:27:27 เด็กคนนึงเนี่ยวัยทำงานอย่างเราเนี่ยจะ
00:27:27 → 00:27:29 ต้องดูแลผู้สูงอายุมา 4 5 คนเลยเพราะว่า
00:27:29 → 00:27:31 ลูกเน้อยเนาะทีเยผู้สูงอายุกลุ่มเเนี่ย
00:27:31 → 00:27:33 เพื่อไม่ให้เป็นปัญหากับเด็กๆเขาก็จะรวม
00:27:33 → 00:27:36 กลุ่มกันรัฐบาลก็จะรวมกลุ่มกันมีกิจกรรม
00:27:36 → 00:27:39 ยามเช้าให้ไปเขียนผู้กันจีนเราจะถ้าใครไป
00:27:39 → 00:27:41 ประเทศจีนแล้วไปในศูนยสาธารณะเนี่ยเขาจะ
00:27:41 → 00:27:43 มาฝึกเขียนผู้กันจีนซึ่งการเขียนตัวจีน
00:27:43 → 00:27:46 น่ะมันจะค่อนข้างใช้สมองมันจะต้องจำแต่ละ
00:27:46 → 00:27:48 ขีดว่ามันเขียนยังไงก่อนอ่าอันนี้ก็เป็น
00:27:48 → 00:27:51 หนึ่งและที่ได้ข้อดีของเขาเราก็สามารถเอา
00:27:51 → 00:27:54 มาประยุกต์ได้อาจจะฝึกเขียนฝึกวาดรูปใหม่
00:27:54 → 00:27:57 เขียนกถึงฮอ้าบางคนยังจำไม่ได้นะอันนี้ก็
00:27:57 → 00:27:59 ฝึกสมองได้เพราะถ้าเรายิ่งใช้มันก็จะได้
00:27:59 → 00:28:02 ทำงานแต่ถ้าเราปล่อยเลยไม่อยากเรียนรู้
00:28:02 → 00:28:04 สิ่งใหม่อันนี้มันจะเสื่อมเสื่อมไวคือ
00:28:04 → 00:28:07 ยิ่งใช้ยิ่งคมคนที่เป็นคนเจ้าอารมณ์คนที่
00:28:07 → 00:28:11 มักโกรธอ่าอันนี้อาจจะเป็นแบบโกรธง่ายอาจ
00:28:11 → 00:28:14 จะโทษสิ่งรอบตัวอย่างอื่นง่ายอ่าอย่างงี้
00:28:14 → 00:28:17 มีผลในการเพิ่มความดันในตัวมั้ยคะเพิ่ม
00:28:17 → 00:28:20 แน่นอนเลยเราจะเคยดูละครผู้สูงอายุท่าน
00:28:20 → 00:28:22 นึงอเป็นคุณแม่พระเอกนางเอกแล้วก็มีคนทำ
00:28:22 → 00:28:26 เรื่องไม่ถูกใจก็แบบหมดสติความดันขึ้นหมด
00:28:26 → 00:28:28 สติไปเป็นต้นอันนี้คือละครของเทำไว้แต่
00:28:28 → 00:28:31 ซึ่งมันสอดคล้องกับปัจจุบันก็คือถ้าเกิด
00:28:31 → 00:28:33 ว่าเราเป็นคนที่อาจจะมีโรคประจำตัวหรือ
00:28:33 → 00:28:35 อาจจะไม่มีหรือเราไม่รู้ตัวใช่มั้ยแล้ว
00:28:35 → 00:28:37 เราก็เป็นคนที่ขี้โมโหอยู่ตลอดเวลาหรือ
00:28:37 → 00:28:40 อยู่ๆเจอเรื่องที่ทำให้เราโกรธจัดมแรงดัน
00:28:40 → 00:28:43 ขึ้นทันทีบางคนก็ดับดับในที่นี้ก็คือเส้น
00:28:43 → 00:28:46 เลข 2 อาจจะตีบมาการไหลเวียนของเลือดมัน
00:28:46 → 00:28:48 เร็วชะงักแล้วสิ่งที่อุดตันในหดดเลือดมัน
00:28:48 → 00:28:51 ไปอุดอ่าหรือว่าทำให้ติดหรือทำให้แตกก็ทำ
00:28:51 → 00:28:54 ให้เราเป็นสตกได้เส้นเรสมองตีบแตกตันทำ
00:28:54 → 00:28:57 ให้เป็นอัมพาตหรือบางคนก็คือความดันขึ้น
00:28:57 → 00:29:00 ชั่วคราวว่าปวดขมับปวดตาหน้าแดงอารมณ์
00:29:00 → 00:29:03 โกรธโมโหหน้าแดงขึ้นมาก็กระตุ้นความดัน
00:29:03 → 00:29:05 ได้แล้วพวกเนี้ยหลอดเลือกของเราก็จะยิ่ง
00:29:05 → 00:29:08 เสื่อมง่ายใช่ค่ะอารมณ์นี้สำคัญมากอีกอัน
00:29:08 → 00:29:12 นึงก็คือหลายคนที่เร่งรีบขี้โมโหมักจะ
00:29:12 → 00:29:15 ถ่ายยากขับถ่ายยากอเพราะว่าไฟพวกเนี้ยมัน
00:29:15 → 00:29:18 จะไปเผาผาญสารน้ำสารน้ำแห้งเราก็จะขับ
00:29:18 → 00:29:21 ถ่ายได้ยากขึ้นแล้วความขับถ่ายยากขึ้นจะ
00:29:21 → 00:29:24 ยิ่งเป็นตัวเร่งความดันเพราะว่ามันไม่ได้
00:29:24 → 00:29:28 ระบายไฟออกไปอ่าแล้วคนที่เป็นโรคหัวใจอ่า
00:29:28 → 00:29:30 คนโรคความดันสูงเขาจะเป็นห่วงมากๆเรื่อง
00:29:30 → 00:29:33 การขับถ่ายมันจะมีเคสในโรงพยาบาลเขาก็จะ
00:29:33 → 00:29:36 อาจารย์หมอเนี่ยจะเป็นห่วงคนไครมากว่าขับ
00:29:36 → 00:29:38 ถ่ายหรือยังจะต้องถามทุกเช้าในแผนกโรคหัว
00:29:38 → 00:29:40 ใจเพราะว่าถ้าคนไข้อยู่ๆไปถ่ายแล้วถ่าย
00:29:40 → 00:29:43 ยากแล้วเขาเบ่งขึ้นมาอือมันก็จะดันเลยอ่ะ
00:29:43 → 00:29:46 หัวใจก็อาจจะแบบวายได้หรือว่าเส้นเลือด
00:29:46 → 00:29:49 เพราะเราไอ้แรงเบ่งของเราเนี่ยมันก็จะไป
00:29:49 → 00:29:52 กระทบรอบเลือดเพรางั้นต้องรักษาการขับ
00:29:52 → 00:29:54 ถ่ายให้ดีปรับอารมณ์ให้อ่อนโยนนะไม่เร่ง
00:29:54 → 00:29:57 รีบเกินไปอือฮึต้องปรับที่ใจเราแหละเพราะ
00:29:57 → 00:29:59 บางทีทีอ่ะเรายังต้องใช้ชีวิตอยู่ในสภาพ
00:29:59 → 00:30:02 แวดล้อมเรานแบบนี้ใช่ค่ะต้องฝึกลมหายใจ
00:30:02 → 00:30:05 กับไปที่ฝึกลมหายใจเมื่อกี้เป็นพฤติกรรม
00:30:05 → 00:30:07 ของการใช้ชีวิตมีเรื่องการทานอาหารที่
00:30:07 → 00:30:11 เป็นอาหารฟิเข้ามาะแล้วคนที่ทานรสจัดแล้ว
00:30:11 → 00:30:13 คุณหมออ้ารสจัดก็มีส่วนอย่างมากที่จะ
00:30:13 → 00:30:14 กระตุ้นให้ความดันโดยเหตุสูงเราจะเรียก
00:30:14 → 00:30:17 ว่าโซเดียมเกินอการไหล่เวียนของเลือดของ
00:30:17 → 00:30:20 เราก็จะผิดปกติไปจริงๆโซเดียมอ่ะเราจะ
00:30:20 → 00:30:23 กลัวใช่มั้ยเมีประโยชน์และโทษแต่ว่าบางใน
00:30:23 → 00:30:25 ปัจจุบันเนี่ยเราจะมองว่าเขามีโทษมากกว่า
00:30:25 → 00:30:28 เพราะว่าเรากินโซเดียมเกินละสมัยก่อนอ่ะ
00:30:28 → 00:30:31 เขาจะมีสงครามแย่งเกลือกันเพราะว่าจริงๆ
00:30:31 → 00:30:34 เกลือเป็นสิ่งจำเป็นแต่ว่าในปัจจุบันน่ะ
00:30:34 → 00:30:36 มันมีเกินเยอะเกินไปแล้วเราบริโภคมากเกิน
00:30:36 → 00:30:39 ไปมันก็จะเป็นผิดเป็นโทษงั้นคนที่ทานรส
00:30:39 → 00:30:42 จัดเกินไปจริงๆรสจัดเนี่ยเราจะมองว่ารรส
00:30:42 → 00:30:45 เค็มจะทำให้ความดันสูงจริงๆในทางสระแพทย
00:30:45 → 00:30:48 แนจีนเราจะมองทั้ง 5 รถเลยอ่ะทั้งขมเกิน
00:30:48 → 00:30:52 ไปจริงๆรถขมมันจะลดไฟหัวใจนะพวกรดขมเนี่ย
00:30:52 → 00:30:56 จริงๆมันจะไปช่วยลดความดันได้อว่าขมมาก
00:30:56 → 00:30:58 เกินไปในคนที่ความดันต่ำเนี่ยอาจจะยิ่ง
00:30:58 → 00:31:01 ทรุดอ่าแต่ว่าอันนี้เเราก็มาเล่าให้เป็น
00:31:01 → 00:31:04 ความรู้รสเปรี้ยวเนี่ยเอ่อคนที่เครียดมาก
00:31:04 → 00:31:06 ๆเนี่ยทานเปรี้ยวได้มันจะทำให้อ่อนโยน
00:31:06 → 00:31:08 ขึ้นแต่ถ้าใครที่เหนื่อยมากๆทานเปรี้ยว
00:31:08 → 00:31:11 เกินไปมันจะทำให้เรายิ่งไม่มีแรงมันจะไป
00:31:11 → 00:31:15 ทำให้อ่อนทำให้ร่างกายอ่อนขึ้นอรสเผ็ดจะ
00:31:15 → 00:31:18 เป็นตัวที่จริงๆจะเข้าปอดอ่าแต่ว่ามันจะ
00:31:18 → 00:31:21 เป็นตัวเผ็ดร้อนเนี่ยมันจะไปเร่งความร้อน
00:31:21 → 00:31:24 ในร่างกายเร่งไฟอใครที่แกทานเผ็ดจนแบบหู
00:31:24 → 00:31:27 ดับหน้าแดงมันก็จะเป็นตัวเร่งได้อันนึง
00:31:27 → 00:31:30 ต่อมาก็คือรสเค็มแล้วก็หวานความหวานเนี่ย
00:31:30 → 00:31:34 จะเข้ามเ๋รสหวานจะบำรุงมแต่ถ้าหวานมาก
00:31:34 → 00:31:37 เกินไปทำร้ายมสาเหตุของไขมันความดันเบา
00:31:37 → 00:31:40 หวานก็มาจากตรงนี้เลยก็เลยเป็นสาเหตุว่า
00:31:40 → 00:31:43 ทำไมถึงไม่ให้กินหวานเกินไปอหวานเกินไปพอ
00:31:43 → 00:31:45 ทำร้ายม้ามม้ามอ่อนแอปุ๊บเขาก็จะไม่
00:31:45 → 00:31:48 สามารถผลิตพลังชีในเลือดได้เขาไม่สามารถ
00:31:48 → 00:31:51 จัดการกับเสมหะสิ่งผิดปกติได้ก็คือพวกไข
00:31:51 → 00:31:55 มันอุดกลั้นน้ำตาลตกค้างนะพอเรากินหวาน
00:31:55 → 00:31:58 มากเกินไปมีไขมันมีน้ำตาลเซลล์เริ่ม
00:31:58 → 00:32:01 เสื่อมมันก็จะทำให้แรงดันเกินขึ้นมาได้
00:32:01 → 00:32:03 เพราะฉะนั้นจริงๆในทุกๆรสชาติถ้าเราทาน
00:32:03 → 00:32:06 มากเกินไปหรือทานไม่สมดุลก็จะทำให้เราไม่
00:32:06 → 00:32:09 สบายได้ถ้าเราทานอาหารมาแล้วเรารสชาติ
00:32:09 → 00:32:11 ค่อนข้างจัดนิดนึงทำยังไงดีเราก็จิบน้ำ
00:32:11 → 00:32:14 เปล่าตามบ่อยๆอืน้ำเนี่ยเป็นตัวปรับสมดุล
00:32:14 → 00:32:17 ให้เราค่อยๆจิบค่อยๆจิบไปร่างกายของเราก็
00:32:17 → 00:32:19 จะมีการปรับบาลานซ์ได้โดยธรรมชาติเอ่า
00:32:19 → 00:32:22 หลายๆที่เราพูดมาก็จะเป็นพฤติกรรมที่อาจ
00:32:22 → 00:32:24 จะทำให้เรามีความดันมากขึ้นเมื่อกี้คุณ
00:32:24 → 00:32:26 หมอพูดถึงเรื่องหลอดเลือดสมองโรคหลอด
00:32:26 → 00:32:29 เลือดสมองในทางแค่แผ่นจีนอ่ะคะคืออะไรค่ะ
00:32:29 → 00:32:32 คนที่เป็นโรคหลอดเลือกสมองจีบแตกตันจน
00:32:32 → 00:32:34 กลายเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ละเพราะสมองของ
00:32:34 → 00:32:37 เราเนี่ยเป็นตัวควบคุมการทรงตัวภาษาจีน
00:32:37 → 00:32:40 น่ะมีโรคเมานานแล้วะเราจะเรียกว่าจ้งเฟิ
00:32:40 → 00:32:44 อ่าจ้งเฟิงก็คือเป็นพิษของลมในร่างกายของ
00:32:44 → 00:32:46 เราอันนึงที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เป็นโรป
00:32:46 → 00:32:49 เนี้ยได้มากในทางาแพเป็นจีนจะเขียนว่าพิษ
00:32:49 → 00:32:51 ลมจะสัมพันธ์กับตับตับจะสัมพันธ์กับแรง
00:32:51 → 00:32:53 ดันสูงในร่างกายของเราอ่ะถ้าเราฟังตั้ง
00:32:53 → 00:32:55 แต่ต้นเนาะทีนี้ถ้าเกิดว่าเราพักผ่อนไม่
00:32:55 → 00:32:58 พอมีความเครียดอ่ะขี้หงุดหงิดโมโหง่าย
00:32:58 → 00:33:01 ความร้อนในเลือดสูงขึ้นจนทำให้เกิดลมใน
00:33:01 → 00:33:03 เลือดหมอจะชอบยกตัวอย่างเราอ่ะตั้งตุ่น
00:33:04 → 00:33:06 เลือดของเราค่ะตอนที่เราไม่นอนตอนที่เรา
00:33:06 → 00:33:08 โมโหเนี่ยเหมือนเราจุดไฟเผาเลือดของเรา
00:33:08 → 00:33:10 แล้วเลือดมันร้อนร้อนแล้วมันก็จะเกิดฟอง
00:33:10 → 00:33:13 อากาศอ่ะเหมือนเราต้มน้ำในทางสาแพทยแผ่น
00:33:13 → 00:33:15 จรินเขาจะเปรียบเทียบว่าเลือดที่ร้อนจัด
00:33:15 → 00:33:18 จะทำให้เกิดลมในเลือดมาทีนี้พอเกิดลมใน
00:33:18 → 00:33:21 เลือดปุ๊บแล้วมันก็จะไปอุดตันได้อ่ะพอเรา
00:33:21 → 00:33:24 นอนไม่พอโมโหขึ้นมามันก็จะดันจนทำให้ตีบ
00:33:24 → 00:33:27 หรือแตกอ่าทีงในทางสาแพจริงๆเจะแบ่งออก
00:33:27 → 00:33:29 เป็น 2 อันก็คือจ้งจริงรั่วก็คือเป็น
00:33:29 → 00:33:31 ระดับจริงรั่วมันก็จะแบบคนที่เป็นโรคหน้า
00:33:31 → 00:33:34 เบี้ยวเพี่ไอ้พวกนี้ก็จะเป็นโรคลมทั้ง
00:33:34 → 00:33:37 สิ้นนะคะก็คือแบบหน้าเบี้ยวชั่วคราวขยับ
00:33:37 → 00:33:40 เขยื้อนร่างกายได้ช้าลงครึ่งซีกชั่วคราว
00:33:40 → 00:33:42 อะไรอย่างงี้เนาะกับอีกอันนึงคือจ้งจ้าง
00:33:42 → 00:33:45 ฝูก็คือเป็นหนักและถึงภายในเขาจะเป็นถึง
00:33:45 → 00:33:47 ขั้นหมดสติไปค่ะคนที่เส้นเลือดสมองแตก
00:33:47 → 00:33:50 แล้วก็หมดสติไปยาวนานอะไเงี้ยเจะเป็นทำ
00:33:50 → 00:33:53 ให้ข้างในดับอ่ะจะมีทัวร์เจิ้งกับปี้
00:33:53 → 00:33:56 เจิ้งปี้ก็คือปิดก็คือแบบกัดฟันแข็งตัว
00:33:56 → 00:33:59 แข็งื่อแล้วก็หมดสติไปกับอีกคนนึงก็คือ
00:33:59 → 00:34:02 ทัวร์ก็คือเหมือนกับเขาไปเลยอย่างเงี้ย
00:34:02 → 00:34:05 ถ้าเราช่วยไม่ทันเขาก็จะโอกาสฟื้นยากแต่
00:34:05 → 00:34:07 เขาฟื้นมาแล้วสมองถูกทำลายไปลหลายคนก็จะ
00:34:07 → 00:34:10 ผ่าตัดสมองออกไปอ่ะสมองแหว่งแล้วก็จะเดิน
00:34:10 → 00:34:13 ได้ยากขึ้นเดินได้แย่ขึ้นหมอมีเคสคนไข้เา
00:34:13 → 00:34:16 อายุไม่ถึง 30 กินแอลกอฮอล์กับเพื่อนทานๆ
00:34:16 → 00:34:20 ๆๆๆแล้วเขาจะเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วเขาล้ม
00:34:20 → 00:34:22 แล้วเพื่อนคิดว่าเขาเมาอือ่าแล้วตอนเช้า
00:34:23 → 00:34:25 ก็คือยังไม่ตื่นถึงได้พาไปโรงพยาบาลเคส
00:34:25 → 00:34:28 นี้ก็เป็นเคสที่สมองแหว่งเพะแตกละเรียบ
00:34:28 → 00:34:30 ร้อยแล้วก็เอาเลือดออกโชคดีที่ไม่เสีย
00:34:31 → 00:34:33 ชีวิตแต่ว่าก็เดินกลับมาไม่ได้ไม่ปกติ
00:34:33 → 00:34:35 เพราะฉะนั้นอันตรายมากโดยเฉพาะคนที่ไม่
00:34:35 → 00:34:38 รู้ตัวเองว่ามีความเสี่ยงะกินแอลกอฮอล์
00:34:38 → 00:34:40 กินของทอดอายุยังน้อยพักผ่อนน้อยกิน
00:34:40 → 00:34:43 แอลกอฮอล์ชอบกินกันดึกๆอ่าแล้วคนที่กิน
00:34:43 → 00:34:45 ด้วยกันก็เมาเหมือนกันก็เขาก็ปฐมพยาบาล
00:34:45 → 00:34:48 เราได้ไม่ทันค่ะอ่ะวิธีการสังเกตคนที่โรค
00:34:48 → 00:34:50 หลอดเลือดสมองกำลังจะมาะถ้าเกิดว่าเขาทำ
00:34:50 → 00:34:52 อะไรอยู่เขาก็จะค้างไว้ท่านั้นคือเขาทำ
00:34:52 → 00:34:54 ไม่หยุดเพราะเขาสั่งการร่างกายของเขาไม่
00:34:54 → 00:34:56 ได้หรืออ่อนแรงไปเลยอ่อนแรงไปเลยก็คือแบบ
00:34:56 → 00:34:59 ทรุดไปเลยเดินต่อไปไม่ได้ขาอ่อนแรงภาพ
00:34:59 → 00:35:01 เห็นไม่ชัดเขาจะมองมองไม่เห็นเราหรือว่า
00:35:01 → 00:35:04 พูดไม่ได้พูดเราลิ้นแข็งองั้นการพูดของ
00:35:04 → 00:35:07 เราเนี่ยสัมพันธ์กับสมองมากๆแล้วอยู่ๆพูด
00:35:07 → 00:35:09 ไม่ได้ลิ้นแข็งขึ้นมาก็จะบอกว่าสมองของ
00:35:09 → 00:35:12 เราเริ่มมีปัญหาฮีสโตกเนี่ยมันทำงานกับ
00:35:12 → 00:35:14 ร่างกายเรายังไงแล้วก็อันเนี้ยมีอัตราการ
00:35:14 → 00:35:17 เสียชีวิตเร็วไปง่ายกว่าโรคหลอดเลือดด้วย
00:35:17 → 00:35:20 หรือเปล่าใช่ๆเพราะว่าหลายคนไม่รู้ตัว
00:35:20 → 00:35:22 แล้วก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรอยู่ๆมันก็มา
00:35:22 → 00:35:25 ความร้อนเกินอ่ะอันนี้จะให้จำไฟหัวใจเอา
00:35:25 → 00:35:27 ไว้อ่ะไฟหัวใจใช่มั้ยทีนี้ความร้อนเนี่ย
00:35:27 → 00:35:30 อากาศเนี่ยมันมากระตุ้นไฟในร่างกายของเรา
00:35:30 → 00:35:32 ทำให้มันแรงเกินไปแล้วปกติแล้วร่างกายของ
00:35:32 → 00:35:35 เราของคนที่แข็งแรงเนี่ยจะสามารถปรับความ
00:35:35 → 00:35:37 ร้อนเย็นได้แล้วเพ้าอากาศร้อนมากเราจะ
00:35:37 → 00:35:40 เหงื่อออกน้ำเหงื่อเนี่ยคือน้ำของหัวใจ
00:35:40 → 00:35:42 เป็นน้ำที่เราระบายพิษร้อนภายในหัวใจออก
00:35:42 → 00:35:45 มาอ่า้าคนที่เป็นไขมันในหลอดเลือกสูงแล้ว
00:35:45 → 00:35:47 ออกกำลังกายเราจะบอกว่าเป็นการระบายไขมัน
00:35:47 → 00:35:50 พิร้อนในร่างกายใช่มั้ยทีนี้คนที่อยู่ๆ
00:35:50 → 00:35:53 เจอสภาพอากาศที่ร้อนเกินไปส่วนใหญ่เขาจะ
00:35:53 → 00:35:55 บอกว่าเกิดจากกับเด็กกับผู้สูงอายุใช่
00:35:55 → 00:35:57 มั้ยไม่ออกกำลังกายพักผ่อนไม่พอไอ้พวกเ
00:35:57 → 00:35:59 ภูมิปุกันมันไม่ดีหมดเลยงั้นมันก็เลยตัว
00:35:59 → 00:36:01 ที่ช่วยปรับอุณหภูมิร่างกายของเราความ
00:36:01 → 00:36:04 ร้อนเย็นเนี่ยมันไม่ทำงานทีนี้พอเราเจอ
00:36:04 → 00:36:06 อากาศร้อนปุ๊บเหงื่อไม่ออกอร่างกายของเรา
00:36:06 → 00:36:09 ก็เลยสะสมความร้อนขึ้นสูงถึง 40 องศมันก็
00:36:09 → 00:36:13 เลยทำให้มันจะคล้ายๆอาการของสตกปกติใชเะ
00:36:13 → 00:36:16 แล้วการทำงานของหัวใจผิดปกติอ่าการทำงาน
00:36:16 → 00:36:19 ของสมองผิดปกติเกินไปความร้อนเกินเครื่อง
00:36:19 → 00:36:22 ก็พังเราก็จะวูบได้ง่ายบางคนก็คือวูบไป
00:36:22 → 00:36:25 เลยหรือว่าบางคนก็จะมีอาการเกร็งหน้าแดง
00:36:25 → 00:36:28 ก่ำแล้วก็ความร้อนเกินแต่เหงื่อไม่ออก
00:36:28 → 00:36:30 วิธีการที่ให้เราไม่เป็นเนี่ยเราจะต้อง
00:36:30 → 00:36:32 พยายามรู้ว่าช่วงนี้อากาศร้อนเราต้องพัก
00:36:32 → 00:36:35 ผ่อนให้พออ่าพยายามพกน้ำจิบน้ำบ่อยๆเพราะ
00:36:35 → 00:36:38 น้ำเป็นตัวปรับความเย็นให้เราแล้วก็ถ้า
00:36:38 → 00:36:40 อากาศมันร้อนมากเนี่ยแต่เรายังจำเป็นที่
00:36:40 → 00:36:43 ต้องออกกำลังกายอยู่จะให้ค่อยๆยืดเส้นอ่ะ
00:36:43 → 00:36:45 ค่อยๆออกกำลังกายแบบทำให้ร่างกายค่อยๆ
00:36:45 → 00:36:48 วอร์มขึ้นไม่ให้มันร้อนแรงเกินไปทีเดียว
00:36:48 → 00:36:50 เพราะบางคนก็รับไม่ทันแต่ออกกำลังกายยัง
00:36:50 → 00:36:52 จำเป็นอ่ะอย่างน้อยขยับเล็กน้อยเพราะ
00:36:52 → 00:36:54 สมดุลการปรับร้อนเย็นเนี่ยมันต้องพึ่งพา
00:36:54 → 00:36:56 พลังชีพของปอดถ้าเกิดว่าเราไม่ออกกำลัง
00:36:56 → 00:36:59 กายเลยแล้วเจออากาศร้อนๆการปรับสมดุลร้อน
00:36:59 → 00:37:01 เย็นก็จะทำงานได้ช้าหรือแย่ลงเพราะงั้น
00:37:02 → 00:37:04 ออกกำลังกายสำคัญแต่ว่าต้องค่อยๆออกกำลัง
00:37:04 → 00:37:06 กายหาจิบน้ำบ่อยๆพักผ่อนให้เพียงพออันนี้
00:37:07 → 00:37:09 จะป้องกันไม่ให้เป็นแต่ถ้าเป็นแล้วเราก็
00:37:09 → 00:37:11 ต้องรีบปลดปล่อยไม่ให้ใส่เสื้อรัดเกินไป
00:37:11 → 00:37:14 ค่ะพยายามเช็ดอันนี้จะเป็นเส้นลมปานของ
00:37:14 → 00:37:16 เยื่อหุ้มหัวใจเราต้องการระบายความร้อน
00:37:16 → 00:37:19 ออกจากหัวใจของเราเราจะเช็ดขึ้นเช็ดย้อน
00:37:19 → 00:37:22 รูขุมขนใช่เช็ดขึ้นมาแล้วก็เช็ดลักแร้ข้อ
00:37:22 → 00:37:25 พับคอต่างๆเช็ดบ่อยๆแล้วระหว่างนี้ให้รีบ
00:37:25 → 00:37:28 ไปนำส่งโรงพยาบาลคนที่อยู่ด้วยเบื้องต้น
00:37:28 → 00:37:30 อาจจะไม่รู้เขาคเป็นอะไรใช่มั้ยแต่ว่าเรา
00:37:30 → 00:37:32 ถ้าเกิดเขาเป็นไปละเราก็รีบเช็ดแล้วก็ลอง
00:37:32 → 00:37:35 รีบส่งโรงพยาบาลเพราะไม่รู้ว่าสมองเขาถูก
00:37:35 → 00:37:38 กระทบกระเทือนหรรือยังอันนี้คือฮีสกเนี่ย
00:37:38 → 00:37:41 ก็คือถ้ามีอาการต้องปฐมพยาบาลทันทีปฐม
00:37:41 → 00:37:43 พยาบาลทันทีถ้าเรารู้ตัวว่าเอ้ยตาเริ่ม
00:37:43 → 00:37:46 ผ้ามัวเริ่มแบบสมองหนักอึ้งพูดไม่รู้
00:37:46 → 00:37:48 เรื่องรู้สึกร้อนเกินเนี่ยเราต้องรีบหาคน
00:37:48 → 00:37:50 ใกล้ตัวบางคนคือเขาอยู่คนเดียวเนาะแต่ว่า
00:37:50 → 00:37:53 ถ้าเรามีอาการเล็กน้อยเนี่ยเราก็รีบหาคน
00:37:53 → 00:37:55 มาอยู่ใกล้ๆก่อนแล้วเรารีบจิบน้ำบ่อยๆ
00:37:55 → 00:37:57 พยายามต้องทำให้เหงื่อออกอเหงื่อเป็นการ
00:37:57 → 00:38:00 ระบายหัวใจอถ้ายิ่งเหงไม่ออกเราต้องยิ่ง
00:38:00 → 00:38:03 สังเกตแล้วว่าผิดปกติพาตัวเองไปโรงพาบาล
00:38:03 → 00:38:05 เลยก็ได้ปลอดภัยไว้ก่อนไปนอนอยู่ใกล้ๆ
00:38:05 → 00:38:07 ห้องฉุกเฉิแล้วมันไม่เป็นอะไรก็กลับบ้าน
00:38:07 → 00:38:09 บางคนก็คือปล่อยปะลัเลยมันก็เลยมีอัตรา
00:38:09 → 00:38:11 การเสียชีวิตสูงเพราะเขาไม่รู้ว่ามันคือ
00:38:11 → 00:38:14 อะไรอยู่ๆมันก็เป็นขึ้นมาใช่ค่ะเพราะว่า
00:38:14 → 00:38:17 พวกนี้มันไปไวมากเพราะฉะนั้นแล้วสุดท้าย
00:38:17 → 00:38:20 ทุกคนต้องหมั่นสังเกตร่างกายตัวเองเนาะ
00:38:20 → 00:38:23 ว่าขณะนี้อุณหภูมิในร่างกายเราเป็นยังไง
00:38:23 → 00:38:26 นะหรืออะไรเพราะว่าอย่างโรคอื่นๆอาจจะใช้
00:38:26 → 00:38:30 เวลาก่อตัวหน่อยแต่อย่างคือเร็วใช่จำเป็น
00:38:30 → 00:38:33 ที่จะต้องใส่ใจเราตลอดเวลาแหละเออยิ่งคน
00:38:33 → 00:38:36 ที่ทำงานอยู่กลางแสงแดดด้วยใช่ๆค่ะค่ะใน
00:38:36 → 00:38:39 วัยทำงานค่ะมันจะมีบางคนที่ตอนกลางคืนน่ะ
00:38:39 → 00:38:42 นอนไม่หลับยังไงก็นอนไม่หลับแต่ตอนเช้า
00:38:42 → 00:38:45 ไม่อยากตื่นไม่อยากตื่นอ่าพอตื่นมาแล้วก็
00:38:45 → 00:38:48 ไม่สดชื่นไม่สดชื่นอ่าทำยังไงดีคะอันนี้
00:38:48 → 00:38:51 จะให้ปรับพฤติกรรมตั้งแต่ตอนกลางวันเลย
00:38:51 → 00:38:54 เพราะเราจะต้องไล่พฤติกรรมใหม่ทั้งหมดอ่า
00:38:54 → 00:38:56 หลายคนน่ะก็คือถึงเวลานอนไม่นอนทำไมถึง
00:38:56 → 00:38:58 เวลานอนไม่นอนเพราะเพว่ากลางวันอาจจะยัง
00:38:58 → 00:38:59 ทำเรื่องที่เราอยากอยากทำไม่เสร็จกว่าเรา
00:39:00 → 00:39:02 จะตั้งหลักได้ก็อหัวค่ำแล้วกว่าจะทำเสร็จ
00:39:02 → 00:39:04 ก็ดึกดื่นเที่ยงคืนหรือว่าตอนกลางวันไม่
00:39:04 → 00:39:06 ได้ใช้พลังอย่างเลยหมอจะบอกว่าเวลากลาง
00:39:06 → 00:39:08 วันพาอาทิตย์ขึ้นเนี่ยเป็นเวลาแห่งพลัง
00:39:08 → 00:39:11 หยางพลังหยงแปลว่าพลังงานทำให้เรามีพลัง
00:39:11 → 00:39:12 งานเราต้องใช้พลังงานให้หมดแต่ถ้าเราใช้
00:39:12 → 00:39:15 พลังงานไม่หมดมันจะเป็นไฟทสุมตอนกลางคืน
00:39:15 → 00:39:18 ทำให้เรารู้สึกตาสว่างไม่ง่วงนอนเลยแล้ว
00:39:18 → 00:39:21 ก็พอจะนอนอีกทีก็เกือบสว่างแล้วพอเราถึง
00:39:21 → 00:39:23 เวลาจะตื่นก็ไม่อยากตื่นเพราะว่ายังนอน
00:39:23 → 00:39:25 ไม่พอนั่นเองเพราะงั้นเราจะแนะนำให้ตื่น
00:39:25 → 00:39:28 ถ้าเราอยากปรับปลูกทั้งใหม่หมดตื่นเช้ามา
00:39:28 → 00:39:31 ใช้พลังงานพลังงานจะมี 2 อันก็คือพลังงาน
00:39:31 → 00:39:33 ของหัวใจกับพลังงานของร่างกายพลังงานของ
00:39:33 → 00:39:35 ร่างกายก็คือการออกกำลังกายอ่าเราต้องใช้
00:39:35 → 00:39:37 แรงกายให้หมดเสร็จแล้วใช้พลังงานของใจก็
00:39:37 → 00:39:40 คือสิ่งที่เป็นเป้าหมายในชีวิตของเราหรือ
00:39:40 → 00:39:42 ว่าเป้าหมายในการทำงานเราต้องดึงพลังงาน
00:39:42 → 00:39:44 เหล่านั้นอ่ะมาใช้บางคนคือคิดอย่างเดียว
00:39:44 → 00:39:47 ไม่ทันได้ลงมือทำมันก็จะเป็นไฟสุมหัวใจ
00:39:47 → 00:39:49 ปัญหานึงของคนสมัยนี้ก็คือคิดไม่หยุดแต่
00:39:50 → 00:39:52 ไม่ลงมือทำซะทีมันก็จะเหมือนเป็นไฟค้าง
00:39:52 → 00:39:54 อยู่ในร่างกายของเราอ่ะถึงเวลานอนก็จะแบบ
00:39:54 → 00:39:56 คิดกระสับกระส่ายนอนไม่หลับเพราะงั้นตอน
00:39:56 → 00:39:59 กลางวันของทุกวันต้องใช้พลังงานกายให้หมด
00:39:59 → 00:40:01 แล้วก็ใช้พลังงานของใจให้หมดก็คือสิ่งที่
00:40:01 → 00:40:03 เราต้องการจะทำให้เราเริ่มลงมือทำเราจะทำ
00:40:03 → 00:40:05 ไม่เสร็จก็ไม่เป็นไรแต่พอเราได้เริ่มลง
00:40:05 → 00:40:07 มือทำเนี่ยมันจะทำให้ไฟหัวใจไม่เกินเพราะ
00:40:07 → 00:40:09 เราได้ใช้เราเริ่มได้เริ่มใช้ไฟหัวใจแล้ว
00:40:09 → 00:40:12 พอถึงตอนกลางคืนไฟหัวใจสงบพอดีเราก็จะนอน
00:40:12 → 00:40:15 หลับได้ง่ายทีนี้ถึงเวลาง่วงนอน 5600 น
00:40:15 → 00:40:17 ง่วงนอนคือถ้าเราเห็นแสงโพ้เพพแล้วเรา
00:40:17 → 00:40:19 ง่วงนอนเนี่ยมันเป็นเวลาตามธรรมชาติที่
00:40:19 → 00:40:22 ธรรมชาติจะบอกสมองเราให้แบบถึงเวลาที่จะ
00:40:22 → 00:40:24 ค่เข้านอนแล้วนะเราก็จะรู้สึกง่วงขึ้นมา
00:40:24 → 00:40:26 แต่เราฝืนเนื่องด้วยเรื่องต่างๆทำให้เรา
00:40:26 → 00:40:29 เลยเวลานอนกว่าจะง่วอีกทีมันก็จะดึกเกิน
00:40:29 → 00:40:31 ไปงั้นถ้าเกิดว่าเราต้องการใช้ชีวิตตาม
00:40:31 → 00:40:33 ธรรมชาติเนี่ยพอเราเห็นแสงสีส้มของ
00:40:33 → 00:40:35 ธรรมชาติในตอนเย็นแล้วเนี่ยร่างกายก็จะ
00:40:35 → 00:40:37 เริ่มหลั่งสาทำให้เราง่วงนอนแล้วก็อยาก
00:40:37 → 00:40:39 เข้านอนได้ง่ายแบบนี้ก็จะนอนเวลาตาม
00:40:39 → 00:40:42 ธรรมชาติได้ง่ายหลายคนฝืนจนทำให้เขาเป็น
00:40:42 → 00:40:45 โรคนอนหลับยากนอนไม่หลับจะถึงเวลาตื่นก็
00:40:45 → 00:40:48 ไม่อยากตื่นหรือกลางวันไม่สดชื่นงั้นเรา
00:40:48 → 00:40:50 ต้องใช้พลังงานให้ถูกเวลาคุณหมอบอกว่าตอน
00:40:50 → 00:40:53 กลางวันเราต้องใช้พลังงานให้หมดทีเนี้ย
00:40:53 → 00:40:56 หนูสงสัยว่าแล้วถ้าทำงานมาเหนื่อยๆตอน
00:40:56 → 00:40:58 เย็นตบุฟเฟ่ต์ซะหน่อยให้รางวัลตัวเองกิน
00:40:58 → 00:41:01 อาหารเข้าไปซะหน่อยอันนี้เพิ่มพลังงานอ่า
00:41:01 → 00:41:03 มีผลต่อการนอนไม่หลับเาภาษาจีนเคจะเรียก
00:41:03 → 00:41:06 ว่าเว้ยปุเหอเจอะโว่ปุอั๋เว่ยคือกระเพาะ
00:41:06 → 00:41:08 อาหารปู้เหหคือไม่สมดุลไม่บาลานซ์โว่ปู้
00:41:08 → 00:41:11 อันก็คือการนอนคือนอนหลับไม่สงบคนที่หิว
00:41:11 → 00:41:14 เกินไปจะนอนก็กว่าจะข่มตาหลับก็หลับยากคน
00:41:14 → 00:41:17 ที่อิ่มเกินไปหลายคนมีกดไหลย้อนกินตอน
00:41:17 → 00:41:19 เย็นหนักๆพอจะนอนทีอุ้ยกระเพาะดันหัวใจ
00:41:19 → 00:41:21 รู้สึกหัวใจเต้นแรงกระสับกระสายนอนไม่
00:41:21 → 00:41:24 หลับอีกพอืดพอมขึ้นมาเพราะฉะนั้นอาหาร
00:41:24 → 00:41:27 มื้อเย็นเนี่ยมันเป็นมื้อที่เราต้องค่อย
00:41:27 → 00:41:29 ค่อยระวังถ้าเกิดว่าในบางคนที่เรารู้สึก
00:41:29 → 00:41:31 ว่าพลังงานไม่พอแล้วตอนเย็นเราอดอาหาร
00:41:31 → 00:41:34 เนี่ยเราอาจจะนอนหลับไม่สบายอ่ะผมด้วง
00:41:34 → 00:41:36 ง่ายส่วนคนที่กินเยอะเกินไปตอนาคืนก็
00:41:36 → 00:41:38 ระวังกดไหลย้อนอ่ะเผาย่อยไม่ดีก็นอนหลับ
00:41:38 → 00:41:40 ไม่สบายอีกงั้นเราก็ต้องทานอย่างเหมาะสม
00:41:40 → 00:41:42 ถ้าตอนเย็นเราทานอาหารมากเกินไปแนะนำให้
00:41:42 → 00:41:45 เดินเดินดินดใช้พลังงานหน่อยใช่ๆแล้วจะ
00:41:45 → 00:41:47 สบายตัวขึ้นแต่ว่าทางที่ดีอยากกินเยอะเลย
00:41:47 → 00:41:50 อ่าเอาพอประมาณเอาพอประมาณค่ะทีนี้เมื่อ
00:41:50 → 00:41:53 กี้อาจจะมีเรื่องของคนที่นอนไม่หลับอือ
00:41:53 → 00:41:55 มันมีอีกกรณีนึงค่ะคือตั้งใจมันก็คือนอน
00:41:56 → 00:41:58 ไม่หลับนี่แหละแต่ว่ายังอยู่บนเตียงนอน
00:41:58 → 00:42:01 เลยนะแล้วก็พยายามทำให้หลับคือหนูอ่ะไป
00:42:01 → 00:42:03 ศึกษาแล้วหนูเจอมาว่าอันเนี้ยมันไม่ดีต่อ
00:42:03 → 00:42:06 หัวใจคือเราพยายามจะให้มันหลับแต่มันไม่
00:42:06 → 00:42:08 หลับอืออ่ามันเป็นถ้าเป็นทางศาสตร์
00:42:08 → 00:42:10 วิทยาศาสตร์เขาจะเรียกว่าค่า iem อะไร
00:42:10 → 00:42:13 อย่างเงี้ยค่ะเขาก็มีคำแนะนำว่าแบบเออถ้า
00:42:13 → 00:42:15 นอนไม่หลับจริงๆอ่ะลุกไปหาอะไรทำดีกว่าอื
00:42:15 → 00:42:17 มันจะได้ทำให้เราง่วงได้ง่ายขึ้นทาง
00:42:17 → 00:42:19 ศาสตร์การแพทย์แผนจีนมองยังไงคะอันเนี้ย
00:42:19 → 00:42:21 ก็คือถ้าเกิดว่าเราเตรียมพร้อมตั้งแต่ตอน
00:42:21 → 00:42:23 กลางวันอย่างที่เล่าไปเมื่อสักครู่เนี่ย
00:42:23 → 00:42:25 กลางคืนแล้วยังนอนไม่หลับอยู่อหมอจะพูด
00:42:25 → 00:42:28 ถึงเส้นลมปานของเยื่อหุ้มหัวใจเยื่อหัวใจ
00:42:28 → 00:42:31 เนี่ยจะอยู่ที่ 19 น - 21 นช่วงเวลาเ
00:42:31 → 00:42:33 เป็นช่วงเวลาเตรียมตัวเข้านอนถ้าเราเนี่ย
00:42:33 → 00:42:36 เป็นคนที่ยังจับโทรศัพท์ถึง 21:00 นอยู่
00:42:36 → 00:42:37 ถึงแม้ว่าเราง่วงแล้วหรือว่าเรายังไม่
00:42:37 → 00:42:39 ง่วงแล้วยังจับอยู่เนี่ยมันก็จะหลับได้
00:42:39 → 00:42:41 ยากเราอจจะยืดเส้นเส้นลมปานเมื่อสักครู่
00:42:41 → 00:42:44 นี้ที่หมอยืดไปอ่าค่อยๆหายใคอกยาวๆก็
00:42:44 → 00:42:47 เตรียมตัวให้พร้อมหลายคนที่นอนไม่หลับตา
00:42:47 → 00:42:49 สว่างประสาทแบบวิ่งตลอดเวลาเนี่ยเพราะว่า
00:42:49 → 00:42:53 เราไม่ทันได้วางแบบฝึกวางใจไม่เป็นพอเรา
00:42:53 → 00:42:55 ไม่วางเนี่ยเราก็จะแบบตาสว่างตอนนี้แต่
00:42:55 → 00:42:57 ถ้าเราบอกร่างกายว่าตอนนี้ถึงเวลานอนแล้ว
00:42:57 → 00:43:00 ตอนกลางวันเนี่ยเราทำทุกอย่างครบหมดะมี
00:43:00 → 00:43:02 แบบทำงานให้ตัวเองได้ดีสิ่งที่ต้องการทำ
00:43:02 → 00:43:04 ทำเสร็จเรียบร้อยละอ่ะเราคุยกับหัวใจของ
00:43:04 → 00:43:06 เราบ่อยๆหัวใจของเราก็จะสงบไฟได้ง่ายอ่า
00:43:07 → 00:43:08 แล้วเราก็จะเข้านอนได้ง่ายนี่คือ 2
00:43:08 → 00:43:10 ช่วโมงที่เตรียมตัวก่อนเข้านอนเราอาจจะ
00:43:10 → 00:43:12 ยังไม่ได้เข้านอนจริงๆแต่เราอาจจะอาจจะ
00:43:12 → 00:43:14 เขียนไดอารี่คนที่นอนไม่ดับเนาะหรืออาจจะ
00:43:14 → 00:43:16 อ่านหนังสือแต่ไม่ให้มองจอที่เป็นจอแล้ว
00:43:16 → 00:43:18 เวลาที่เราอ่านหนังสือเราควรเป็นแสงแบบ
00:43:19 → 00:43:22 ไหนคะจริงๆแสงที่มา2องเนี่ยก็จะเป็นแสง
00:43:22 → 00:43:24 ไม่มืดแต่ว่าไม่สว่างเป็นแสงสลั่วเนาะ
00:43:24 → 00:43:26 แล้วแสงสีส้มได้อ่ะมันจะเป็นแสงที่ใกล้
00:43:26 → 00:43:29 เคียงที่ทำให้เราไม่กระตุ้นประสาทมากเกิน
00:43:29 → 00:43:31 ไปแล้วก็สบายสายตาในการอ่านหนังสือแล้วพอ
00:43:31 → 00:43:33 เราอ่านไปสักพักเนี่ยบางคนก็อ่านติดเพลิน
00:43:33 → 00:43:36 เลยสนุกงั้นจะแนะนำให้ไม่อ่านซีรียส์อ่าน
00:43:36 → 00:43:39 เป็นแนวฝึกหรือว่าอ่านแนวธรรมะทำให้เรา
00:43:39 → 00:43:41 แบบสงบอ่านแนวที่มันทำให้จิตใจเราสงบอย่า
00:43:41 → 00:43:44 อ่านแนวที่มันแบบสนุกสนานมากเกินไปใช่
00:43:44 → 00:43:46 เดี๋ยวมันเพลินอ่าพวกนี้จะไม่ให้อ่านเ
00:43:46 → 00:43:49 อ่านอะไรที่มันแบบเป็นความรู้เก็ดความรู้
00:43:49 → 00:43:51 ที่อ่านแล้วเรารู้สึกง่วงนอน่ายๆเนี่ยเอา
00:43:51 → 00:43:54 เอาพวกเยมาอ่านเสมสเอาหนังสือเรียนหลายคน
00:43:54 → 00:43:56 อ่านแป๊บนึงก็จะง่วงเลยเอาพวกนี้มาใช้
00:43:56 → 00:43:58 แล้วก็จดบันทึกเป็นการทำความเข้าใจกับหัว
00:43:58 → 00:44:00 ใจเนี่ยหลายคนที่ปัญหานอนไม่หลับเพราะว่า
00:44:00 → 00:44:02 ไฟหัวใจมันเกินมันมีเรื่องภายในใจตกค้าง
00:44:02 → 00:44:05 อยู่เราก็เลยไม่สงบใจซะทีแล้วก็พยายาม
00:44:05 → 00:44:08 ปล่อยใจอ่าพยายามฝึกหัวใจทำแบบเไปเรื่อยๆ
00:44:08 → 00:44:11 พอถึงช่วงเวลาของซานเจียวก็คือ 21:00 น
00:44:11 → 00:44:13 ถึง 23:00 นช่วงเวลาเยเป็นช่วงเวลาที่แนะ
00:44:13 → 00:44:15 นำให้นอนเข้านอนเข้านอนก็คือปิดไฟแล้วก็
00:44:15 → 00:44:18 นอนพอเรามี 2 ช่วโมงที่ปรับการนอนหลับให้
00:44:18 → 00:44:20 เราเนี่ยพอถึง 21:00 นเป็นต้นไปเนี่ยเรา
00:44:20 → 00:44:22 จะนอนหลับได้ง่ายแต่ถ้านอนไม่หลับเหมือน
00:44:22 → 00:44:25 ที่บอกเรารู้สึกเครียดกระวนกระวายรู้สึก
00:44:25 → 00:44:26 ว่าเอ้ยมันหลายชั่วโมงแล้วยังไม่หลับสัก
00:44:26 → 00:44:27 ที
00:44:27 → 00:44:31 อืขึ้นมานะนำใหุ้ขึ้นมายืดเ้นพอยืดเส้ปุ๊
00:44:31 → 00:44:34 งกายของเราเนี่ยมันจะผ่อคายความเครียดออก
00:44:34 → 00:44:36 กล้ามเนื้อเส้นกระตุ้นการไหลเวียของเลือด
00:44:36 → 00:44:38 มันจะมีธาตุที่ทำให้เลือดไหลมาเลี้ยงสมอง
00:44:38 → 00:44:40 ได้ดีขึ้นสงบขึ้นเราก็จะนอนหลับสบายยืด
00:44:40 → 00:44:43 เส้นสักรอบนึงก็จะแบบเข้านอนได้ง่ายขึ้น
00:44:43 → 00:44:46 ท่านั้นคือท่ามันก็จะมีหลายท่าเนาะเรายืด
00:44:46 → 00:44:48 เส้นแขนเสร็จแล้วอแล้วก็ไปยืดเส้นขาเสร็จ
00:44:48 → 00:44:50 แล้วพอเรายืดเส้นขาเนี่ยเส้นล่มปานั้นจะ
00:44:50 → 00:44:52 เป็นเส้นลมปานกระเพาะปัสสาวะเส้นมปา
00:44:52 → 00:44:55 กระเพาะปัสวะเขจะหัวตาผ่านสมองผ่านไขสัน
00:44:55 → 00:44:58 หลังอ่าแล้วไปถึงไปปลายเท้าเนี่ยผ่านน่อง
00:44:58 → 00:45:00 ของเราใครที่แบบปวดน่องกลางคืนนอนไม่สบาย
00:45:00 → 00:45:02 เนี่ยยืดเส้นท่านี้ปุ๊บเราจะโล่งตัวขึ้น
00:45:02 → 00:45:05 แล้วก็จบด้วยท่าหมอกก็คือหน้าผากของเรา
00:45:05 → 00:45:07 เนี่ยแตะที่พื้นเอาหมอบลงไปจุดนี้ก็เป็น
00:45:07 → 00:45:10 จุดยิ่งทางที่ทำให้เรานอนหลับสบายนอนหลับ
00:45:10 → 00:45:13 ง่ายพอเราจบท่าเนี่ยแล้วเราฟุบทำอยู่บน
00:45:13 → 00:45:15 เตียงเนี่ยเราก็จะแบบค่อนข้างเคลิ้มหลับ
00:45:15 → 00:45:17 ได้ง่ายแล้วก็นอนหลับได้แล้วบางคนถ้าเกิด
00:45:17 → 00:45:20 ว่าไปดูซีรีส์เลยหรือว่าไปเสพข่าวเลยอาจ
00:45:20 → 00:45:23 จะยาวมันยาวถึงเช้าได้เลยเพราะั้นกิจกรรม
00:45:23 → 00:45:25 ที่จะทำระหว่างที่เรานอนไม่หลับเนี่ยแนะ
00:45:25 → 00:45:27 นำให้เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เรานอน
00:45:27 → 00:45:28 หลับอย่าเป็นกิจกรรมที่ทำให้เรายิ่ง
00:45:28 → 00:45:31 กระตุ้นไฟขึ้นมาอือหนูอยากรู้อีกอย่างนึง
00:45:31 → 00:45:33 เพราะเราจะได้ยินกันมาว่าธรรมชาติอ่ะช่วย
00:45:33 → 00:45:36 บำบัดได้ธรรมชาติช่วยบำบัดอาการปวดหรือ
00:45:36 → 00:45:38 ว่าความเครียดได้ยังไงบ้างคะความเครียด
00:45:38 → 00:45:40 สัมพันธ์กับตับใช่มั้ยคะตับสัมพันธ์กับสี
00:45:40 → 00:45:43 เขียวถ้าเกิดว่าเราเนี่ยมองจอหรือว่าเจอ
00:45:43 → 00:45:45 เรื่องเครียดมาหรือว่าอยู่ในห้องแคบความ
00:45:45 → 00:45:47 รู้สึกของร่างกายของเราเนี่ยมันจะอึดอัด
00:45:47 → 00:45:50 แต่พอเราเอาตัวเองไปอยู่ธรรมชาติสีเขียว
00:45:50 → 00:45:52 สัมผัสกับท้องฟ้าต้นไม้เนี่ยถ้าเราเดิน
00:45:52 → 00:45:54 ออกไปแล้วข้างนอกเป็นสีเขียวธรรมชาติเรา
00:45:54 → 00:45:56 จะรู้สึกความแตกต่างเลยแล้วเราจะสัมผัส
00:45:56 → 00:45:58 ได้ว่าธรรมชาติช่วยเราได้จริงๆแล้วสี
00:45:58 → 00:46:00 เขียวมันจะเดินทำให้พลังงานของตับอ่อน
00:46:00 → 00:46:03 นุ่มขึ้นการไหลเวของเลือดสมูทขึ้นอ่าแล้ว
00:46:03 → 00:46:05 เราก็จะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นนั้นหลายคน
00:46:05 → 00:46:08 คนกุงก็เลยชอบไปต่างจังหวัดไปพักผ่อนนะ
00:46:08 → 00:46:09 ค่ะเพราะมันได้ผ่อนคลายความเครียดเพราะ
00:46:09 → 00:46:12 ปกติถ้าเราอยู่กับแสงแบบเนี้ยเราก็จะไม่
00:46:12 → 00:46:14 ได้เห็นธรรมชาติเลยตั้งแต่เช้าจนเย็นแทบ
00:46:14 → 00:46:16 จะไม่ได้เห็นอะไรเลยเนาะมันก็สะสมความ
00:46:16 → 00:46:18 เครียดในร่างกายถึงแม้เราอาจจะทำงานสมูท
00:46:18 → 00:46:20 ดีไม่มีปัญหาอารมณ์ก็ดีอยู่ไม่มีปัญหาแต่
00:46:20 → 00:46:22 ว่าร่างกายเราจะตึงไม่สบายความเครียดของ
00:46:22 → 00:46:25 ตับจะทำให้เส้นเอ็นตึงอ่าเส้นเอ็นในร่าง
00:46:25 → 00:46:26 กายของเราจะสัมพันธ์กับตับแต่พอเราไปเจอ
00:46:26 → 00:46:29 เจอธรรมชาติเดินเล่นกับธรรมชาติปุ๊บเราก็
00:46:29 → 00:46:31 จะรู้สึกผ่อนคลายได้ง่ายเส้นเอ็นไหลเวียน
00:46:31 → 00:46:34 ดีเลือดไหลเวียนดีอีกอันนึงค่ะอยากรู้ค่ะ
00:46:34 → 00:46:36 เขาจะบอกว่าให้กดิคือการที่เราเหยียบลงบน
00:46:36 → 00:46:39 หญ้าอ่าอันนี้มันเบอกเป็นการถ่ายเทพลัง
00:46:39 → 00:46:41 งานมันมันเป็นยังไงคะอาจเรียกแบบนั้นก็
00:46:41 → 00:46:44 ได้ถ้าเกิดว่ามือของเราเนี่ยสัมผัสแต่กับ
00:46:44 → 00:46:46 หน้าจอแล้วมือเราเจ็บมากอหมอจะใช้มือเป็น
00:46:46 → 00:46:49 ตัวอย่างเนาะบบางคนกดกดจอจนรู้สึกว่าปวด
00:46:49 → 00:46:52 มือด้านไปหมดแล้วเราลองเอามืออ่ะไปจับที่
00:46:52 → 00:46:55 ดินไปเล่นดินไปปลูกต้นไม้มือของเราที่
00:46:55 → 00:46:57 เจ็บนั้นเนี่ยมันจะหายไปเเราจะเรียกว่า
00:46:57 → 00:47:00 แลกเปลี่ยนพลังงานออกไปพลังงานที่เราเจอ
00:47:00 → 00:47:03 แบบแสงความร้อนเพราะว่าเครื่องโทรศัพท์
00:47:03 → 00:47:06 หรือว่าเราสัมผัสแต่กับสิ่งวัตถุที่พลัง
00:47:06 → 00:47:08 งานไม่ดีเนี่ยเขาก็จะคลายพลังงานของเขา
00:47:08 → 00:47:10 เข้ามาหาเราเราก็ต้องเอาพิษพลังงานเหล่า
00:47:10 → 00:47:12 นั้นเนี่ยคลายออกไปได้โดยธรรมชาติแล้ว
00:47:12 → 00:47:14 ร่างกายของเราคือธรรมชาติอันนึงแต่เราชอบ
00:47:14 → 00:47:16 อยู่กับสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมชาติเยอะเกินไป
00:47:16 → 00:47:19 จนทำให้เราเป็นพิษนะเราจะเรียกว่าเป็นพิษ
00:47:19 → 00:47:21 ข้างในเนาะเกิดขึ้นแต่พอเราสื่อสารกับ
00:47:21 → 00:47:24 ธรรมชาติได้มากขึ้นอยู่ๆเราก็จะคิดแบบอาจ
00:47:24 → 00:47:27 จะคิดเรื่องงานออกอ่าหรือว่าเราจะผอนขาย
00:47:27 → 00:47:30 ได้มากขึ้นได้ง่ายอันนึงที่หนูอยากรู้คือ
00:47:30 → 00:47:33 ตอนนอนเรานอนแล้วแหละเราทำตามที่คุณหมอ
00:47:33 → 00:47:35 บอกทุกอย่างเลยอ่ะเราไม่ได้เล่นโทรศัพท์
00:47:35 → 00:47:39 เราทำการเยียดเหยียดเออจะนอนละแต่
00:47:39 → 00:47:41 โทรศัพท์วางไว้ข้างๆเลยอ่ะอันเนี้ย
00:47:41 → 00:47:44 อันตรายไคะหลายคนจะกลัวเนาะแล้วแต่ก่อน
00:47:44 → 00:47:46 หมอก็เคยอ่านว่าเขาจะส่งสัญญาณหรือว่า
00:47:46 → 00:47:51 สัญญาณ WiFi จะมาทำขึ้นถ้าเรากังวลเพราะ
00:47:51 → 00:47:53 ความคิดกังวลว่าถ้าเราเชื่อว่ามันส่งผล
00:47:53 → 00:47:56 น่ะมันก็จะส่งผลจริงๆเพความคิดมันตัวนำ
00:47:56 → 00:47:59 กายทีถ้าเราเชื่อแบบนั้นแล้วเราจะแนะนำ
00:47:59 → 00:48:01 ให้อ่ะปิดสวิตช์สัญญาณ WiFi หรือเอา
00:48:01 → 00:48:04 โทรศัพท์ไปไว้ไกลตัวอเราก็จะรู้สึกสบายใจ
00:48:04 → 00:48:07 มากขึ้นหรือว่าถ้าเกิดว่าเราไม่ได้เชื่อ
00:48:07 → 00:48:10 ว่าเขาทำร้ายเราซึ่งมันก็จะมีงานที่เขา
00:48:10 → 00:48:13 พูดถึงว่าโทรศัพท์เนี่ยขึ้นของเขาไม่ได้
00:48:13 → 00:48:16 ทำร้ายเซลล์ในร่างกายของเราได้อ่าแต่ว่า
00:48:16 → 00:48:19 มันจะเป็นทั้งงานวิทยาศาสตร์อ่ากับงานที่
00:48:19 → 00:48:22 เรามีเป็นความเชื่อถ้าเราเชื่อว่าเขาไม่
00:48:22 → 00:48:24 ได้ทำร้ายเรามากแต่ว่าเสียงดังของ
00:48:24 → 00:48:27 โทรศัพท์หรือแสงที่มันวาบๆปิดผิดอย่าง
00:48:27 → 00:48:28 เงี้ยแล้วมันทำให้เรานหรับไม่สนิท
00:48:28 → 00:48:30 อันเนี้ยมีผลแน่ๆแต่ว่าคื่นจากโทรศัพท์
00:48:30 → 00:48:33 ที่มากระทบเราเนี่ยบางงานเขาบอกว่าไม่ได้
00:48:33 → 00:48:35 ทำร้ายเราจริงๆแต่ว่าถ้าจิตใจของเราอ่ะ
00:48:35 → 00:48:37 รู้สึกว่าสิ่งเนี้ยทำร้ายเราเราจะต้องเอา
00:48:37 → 00:48:40 สิ่งเออกไปออ่าเพื่อที่จะได้ทำให้จิตใจ
00:48:40 → 00:48:42 ของเราสบายนะทำเพื่อความสบายใจได้เพราะ
00:48:42 → 00:48:45 ความสบายใจจะเป็นจุดกำเนิดของความแข็งแรง
00:48:45 → 00:48:47 ของร่างกายเพราะเมื่อไหร่ที่เรากังวลกลัว
00:48:47 → 00:48:50 แล้วสิ่งนั้นยังอยู่เราก็จะคิดไม่ตกซักที
00:48:50 → 00:48:52 ว่ามันเป็นยังไงกันแน่ก็เอาอนั้นออกไปมัน
00:48:52 → 00:48:55 ทำไม่ได้ยากเกินไปอือใช่ค่ะก็คือทำยังไง
00:48:55 → 00:48:58 ก็ได้ให้เราไม่กังวลอไม่กังวลเราความรู้
00:48:58 → 00:49:00 เนี่ยจะเป็นตัวที่ตัดความกังวลได้ถ้าเรา
00:49:00 → 00:49:02 อ่านจนเจอแล้วเออมันไม่ได้ทำร้ายเราจริงๆ
00:49:02 → 00:49:05 เราก็สบายใจได้คำถามสุดท้ายค่ะคุณหมออยาก
00:49:05 → 00:49:08 รู้ว่าสมาธิเนี่ยมีส่วนช่วยในการลดอาการ
00:49:08 → 00:49:11 ปวดได้ไหมคะถ้าใครคเล่นโยคะการเล่นโยคะ
00:49:11 → 00:49:14 เนี่ยจุดที่ยืดเส้นมากๆเนี่ยมันจะเจ็บมาก
00:49:14 → 00:49:16 ทีเนี้ยการเล่นยคเนี่ยเขาจะฝึกลมหายใจยพอ
00:49:16 → 00:49:20 เราจะสามารถหายใจสม่ำเสมอเราจะสามารถทน
00:49:20 → 00:49:22 ความเจ็บปวดนั้นได้การทำสมาธิเนี่ยก็คือ
00:49:22 → 00:49:26 การฝึกลมหายใจทำให้เรามีสติเราสามารถแยก
00:49:26 → 00:49:29 จิตของเรามามองความเจ็บปวดได้อถ้าใครเล่น
00:49:29 → 00:49:31 อยู่ค้าถึงจุดนึงจะรู้สึกว่าโอ้ยมันทรมาน
00:49:31 → 00:49:33 มากบางคนก็คือหายใจไม่ไหวแล้วก็อยู่ไม่
00:49:33 → 00:49:37 ได้ละเราก็จะคายไปแต่ว่าคนที่สมาธิฝึกจิต
00:49:37 → 00:49:38 ดีเพราะว่าการออกกำลังกายเป็นการฝึกสมาธิ
00:49:38 → 00:49:41 อย่างนึงเนาะพอเราจิตของเราเนี่ยสามารถ
00:49:41 → 00:49:43 แยกมาเห็นแล้วว่าอันนี้คือความเจ็บปวดแต่
00:49:43 → 00:49:45 เราอยู่ได้โดยที่เราไม่ทรมานคือมันเจ็บ
00:49:45 → 00:49:48 อยู่แต่ว่าเราอยู่กับมันได้อ่ะมันไม่
00:49:48 → 00:49:51 กระวนกระวายงั้นการที่เรามีสมาธิหรือฝึก
00:49:51 → 00:49:54 สมาธิเป็นประจำมันก็จะทำให้เราสามารถทน
00:49:54 → 00:49:57 ต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงหรือความ
00:49:57 → 00:49:59 เจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้เราอาจจะไม่ได้แบบ
00:49:59 → 00:50:01 หายใจหายใจแล้วมันหายไปแต่ว่าเราจะอยู่
00:50:01 → 00:50:03 กับมันได้แล้วอาการปวดแบบเถ้าเราบริหาร
00:50:03 → 00:50:05 ร่างกายร่วมด้วยเนี่ยมันก็จะทำให้มันหาย
00:50:05 → 00:50:07 คือมันหายได้ตอนที่เรามันปวดอยู่เรา
00:50:07 → 00:50:10 สามารถอยู่กับมันได้โดยที่ไม่ทรมานก็คือ
00:50:10 → 00:50:12 ว่าเพราะว่าบางคนอาจจะพอมีอาการปวดแล้ว
00:50:12 → 00:50:14 อือหนูเข้าใจแบบนี้นะว่าลมหายใจอ่ะมัน
00:50:14 → 00:50:17 ช่วยให้เราคามลงหมายถึงว่าสงบลงเพราะว่า
00:50:17 → 00:50:20 ถ้าสมมุติเราปวดแล้วเราแบบกันหายใจสั้น
00:50:20 → 00:50:22 อีกหุดหีบอีกอะไรอืกจปวดหนักอ่าก็เพิ่ม
00:50:22 → 00:50:25 การทำงานข้างในอีกใช่ๆค่ะพอเราแบบฝึกลม
00:50:25 → 00:50:27 หายใจได้ๆเราก็จะอยู่กับมันได้ง่ายขึ้น
00:50:27 → 00:50:30 แล้วมันก็จะสบายขึ้นอค่ะก็วันนี้นะคะหนู
00:50:30 → 00:50:33 เชื่อว่าคนที่ดูเนี่ยน่าจะได้ข้อมูลดีๆ
00:50:33 → 00:50:35 และอีกอย่างนึงนะคะทุกคนอย่าลืมว่าเรื่อง
00:50:35 → 00:50:37 ของนิสัยเนี่ยยังเป็นเรื่องที่สำคัญอยู่
00:50:37 → 00:50:39 เพราะว่านิสัยเนี่ยเป็นตัวกำหนดโรคของเรา
00:50:39 → 00:50:42 ได้เลยเนาะอืค่ะแล้วก็อีกอย่างนึงคืออย่า
00:50:42 → 00:50:45 ลืมดูแลร่างกายนะคะทั้งการกินการนอนการ
00:50:45 → 00:50:47 ออกกำลังกายเพราะว่าเมื่อเราเป็นอะไรขึ้น
00:50:48 → 00:50:49 มาแล้วเนี่ยอยากไปฝากภาระไว้ที่คุณหมอ
00:50:49 → 00:50:51 อย่างเดียวอย่างที่คุณหมอการบอกเนาะเรา
00:50:51 → 00:50:53 ต้องช่วยคุณหมอด้วยถ้าสมมุตินะคะว่าใคร
00:50:53 → 00:50:56 ที่ดูแล้วมีความคิดเห็นยังไงคอมเมนต์บอก
00:50:56 → 00:50:57 เราเป็นกำลังใจใจให้เราด้วยนะคะถ้าชอบกด
00:50:57 → 00:51:00 ไลก์กดแชร์กด Subscribe นะคะแล้วก็ถ้าใคร
00:51:00 → 00:51:02 ยังไม่จุใจนะคะอยากรู้หรือว่ามีอาการอื่น
00:51:02 → 00:51:05 ๆอีกนะคะสามารถไปติดตามที่ช่องของคุณหมอก
00:51:05 → 00:51:07 ได้นะคะเดี๋ยวจะขึ้นเอาไว้ให้เออตามที่
00:51:07 → 00:51:09 ขึ้นไว้เลยนะคะวันนี้นะคะต้องขอขอบคุณคุณ
00:51:09 → 00:51:12 หมอกมากๆเลยนะคะขอบคุณ
00:51:12 → 00:51:25 [เพลง]
00:51:25 → 00:51:29 ค่ะ n
00:51:29 → 00:51:34 [เพลง]