00:00:00 → 00:00:01 ดื่มชาเขียวแล้วทำให้เลือดจางจริงหรอคะ
00:00:02 → 00:00:03 ดื่มชาเขียวไปกินสลัดไปอย่างเงี้ยนึกว่า
00:00:03 → 00:00:06 สุขภาพดีอันเนี้ยขาดท่าเหล็กได้แน่นอน
00:00:06 → 00:00:09 >> การกินมัฉะในช่วงมีประจำเดือนเนี่ยมันจะ
00:00:09 → 00:00:11 ทำให้เลือดยิ่งจางหรือเปล่าคะคุณหมอ
00:00:11 → 00:00:13 >> ขึ้นอยู่กับวิธีการกินของเราว่าเรากินแบบ
00:00:13 → 00:00:15 ไหนมากกว่าดื่มท้องว่างหรือดื่มพร้อม
00:00:16 → 00:00:18 อาหารชาเขียวเนี่ยมันกินทุกวันได้จริง
00:00:18 → 00:00:18 มั้ยคะ
00:00:18 → 00:00:21 >> ก่อนที่คุณจะกินชาเขียวเข้าไปอ่ะค่ะดูนิด
00:00:21 → 00:00:24 นึงก็คือมาจากไหนด้วยถ้ามันปลูกในที่ที่
00:00:24 → 00:00:26 มันมีสารพิษโรฮันน่ะก็เหมือนคุณกินสารหนู
00:00:26 → 00:00:29 เข้าไปแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ามัฉะที่เรา
00:00:29 → 00:00:31 ซื้อเนี่ยมันเป็นคุณภาพดีจริงๆอันนี้ต้อง
00:00:31 → 00:00:34 บอกว่าชาเขียวกับมัจฉะอันไหนดีที่สุดคะ
00:00:34 → 00:00:37 >> มัจฉะ 1 แก้วเนี่ยมีสารต้านอนุมูลอิสระ
00:00:37 → 00:00:40 มากกว่าชาเขียวธรรมดาถึง 10 เท่าฉันก็
00:00:40 → 00:00:43 เลือกเอาบางคนน่ะดื่มเพื่อที่จะผ่อนคลาย
00:00:43 → 00:00:45 บางคนน่ะดื่มปุ๊บตาค้างเลยทีนี้
00:00:45 → 00:00:48 >> ดื่มมัฉะ 1 แก้วได้คาเฟอินีน 70 มกรัภาย
00:00:48 → 00:00:51 ใน 4-6 ชมงเนี่ยคาเฟอินจาก 70 จะเหลือแค่
00:00:51 → 00:00:55 35 มกับางคนเนี่ยขับแย่มาก 12 ชมงขับได้
00:00:55 → 00:00:58 ครึ่งนึงเวลาเราดื่มคาเฟอีนเข้าไปทำให้
00:00:58 → 00:01:00 ต่อมหมวกไตเราอ่ะสร้างฮอร์โมนที่ชื่อว่า
00:01:00 → 00:01:02 คอร์ดิโซค่อนข้างสูงทำให้เรานอนไม่หลับ
00:01:02 → 00:01:06 เราต้องไปหาตัวช่วยที่ทำให้คอร์ดิโซลดลง
00:01:06 → 00:01:08 เช่น
00:01:08 → 00:01:11 สวัสดีค่ะอยู่กับ Doctor พcastที่จะพาคุณ
00:01:11 → 00:01:14 ไปพบแพทย์เพื่อถามคำถามสุขภาพเจนรัฐภันธ์
00:01:14 → 00:01:17 ค่ะถ้าชอบคเทนสุขภาพแบบนี้นะคะช่วยกดไและ
00:01:18 → 00:01:20 subscribe เป็นกำลังใจให้เจนคุณหมอแล้ว
00:01:20 → 00:01:22 ก็ทีมงานได้ผลิตผลงานดีๆแบบนี้ออกมา
00:01:22 → 00:01:26 เรื่อยๆนะคะช่วงนี้เป็นกระแสแรงมากๆนะคะ
00:01:26 → 00:01:29 กับชาเขียวแล้วก็มัฉะเพราะใครๆก็บอกว่าพอ
00:01:29 → 00:01:32 ดื่มแล้วเนี่ยดีต่อสุขภาพแต่กลับกันบางคน
00:01:32 → 00:01:35 พอดื่มแล้วรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนผื่นขึ้น
00:01:35 → 00:01:37 อันเนี้ยเป็นอาการแพ้ชาเขียวหรือเปล่านะ
00:01:37 → 00:01:40 คะหรือข้อมูลที่เขาบอกว่าดื่มชาเขียวแล้ว
00:01:40 → 00:01:43 เลือดจางอันเนี้ยจริงมยนะคะวันนี้เจเลย
00:01:43 → 00:01:46 เชิญหมอเอมมี่มาให้ข้อมูลกันค่ะเราจะได้
00:01:46 → 00:01:49 ดื่มชาเขียวได้อย่างสบายใจนะคะและดีต่อ
00:01:49 → 00:01:51 สุขภาพเพราะเชื่อว่าบางคนเนี่ยตั้งใจจะ
00:01:51 → 00:01:53 ดื่มชาเขียวเพื่อที่จะรู้สึกผ่อนคลายใช่
00:01:53 → 00:01:55 มั้คะแต่บางคนรู้สึกพอดื่มอ้าวแล้วทำไม
00:01:55 → 00:01:59 ฉันตาค้างนอนไม่หลับเฉยนะคะวันนี้จะได้
00:01:59 → 00:02:02 รับคำแนะนำดีๆจากคุณหมอแน่นอนค่ะสวัสดี
00:02:02 → 00:02:03 ค่ะคุณหมอี่
00:02:03 → 00:02:06 >> สวัสดีค่ะแพทย์หญิงเอ็มอรพัทรมคลการหมอ
00:02:06 → 00:02:08 เอมมี่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์
00:02:08 → 00:02:08 ป้องกันค่ะ
00:02:09 → 00:02:11 >> หมอเอมมี่เองก็ดื่มพาเขียวเป็นประจำใช่
00:02:11 → 00:02:11 มั้คะ
00:02:11 → 00:02:14 >> ดื่มทุกวันค่ะพูดง่ายๆใช่
00:02:14 → 00:02:16 >> คำถามนี้ค่ะเจเนสก็เห็นว่าเป็นกระแสมากๆ
00:02:16 → 00:02:19 ในโซเชียลมีเดียนะคะชอบกินชาเขียวมากๆเลย
00:02:19 → 00:02:22 ค่ะแต่ไปเจอคอนเทนนึงบอกว่ากินชาเขียว
00:02:22 → 00:02:25 แล้วทำให้เลือดจางอันเนี้ยจริงมั้คะเพราะ
00:02:25 → 00:02:28 ว่าปกติเนี่ยกินชาเขียวทุกเช้าเลยค่ะ
00:02:28 → 00:02:30 เพราะว่าพอกินเนี่ยจะรู้สึกตื่นตัวแล้วก็
00:02:30 → 00:02:34 สดชื่นดีแล้วถ้าเป็นความจริงแบบเนี้ยเป็น
00:02:34 → 00:02:37 โลหิตจางหรือกำลังมีประจำเดือนเนี่ยเรา
00:02:37 → 00:02:39 สามารถดื่มชาเขียวได้มั้ยคะเพราะมันจะทำ
00:02:40 → 00:02:42 ให้เลือดยิ่งจางหรือเปล่าคะคุณหมอ
00:02:42 → 00:02:44 >> อันนี้ต้องบอกว่าจริงก่อน
00:02:44 → 00:02:46 >> จริงๆก็คือว่าดื่มชาเขียวแล้วทำให้เลือด
00:02:46 → 00:02:47 จางจริงหรอคะ
00:02:47 → 00:02:49 >> จริงค่ะอันนี้ต้องบอกว่าจริงๆแต่ว่ามันมี
00:02:49 → 00:02:53 ข้อแมนนิดนึงข้อแมที่บอกว่าการที่คุณดื่ม
00:02:53 → 00:02:55 ชาเขียวแล้วให้เลือดจางเนี่ยทำให้เลือด
00:02:55 → 00:02:58 จางเนี่ยแปลว่าคุณต้องดื่มพร้อมอ่ะอาหาร
00:02:58 → 00:03:00 >> หรือแบบว่ากินอาหารไปก็ซิปไปอะไรอย่าง
00:03:00 → 00:03:02 เงี้ยอันนี้อาจทำให้จริงต้องอธิบายก่อน
00:03:02 → 00:03:05 ว่าในอาหารของเราอ่ะมันมีรูปแบบธาตุเหล็ก
00:03:05 → 00:03:08 อยู่ 2 แบบเนาะคือปกติแล้วอ่ะค่ะธาตุ
00:03:08 → 00:03:10 เหล็กถ้าหมอจะบอกว่าเอ๊ะถ้าเราเลือดจาง
00:03:10 → 00:03:12 เนี่ยอยากให้กินธาตุเหล็กพวกแบบเนื้อแดง
00:03:13 → 00:03:14 เนาะหรือว่าให้กินธาตุเหล็กจากแบบเลือด
00:03:15 → 00:03:16 หรืออะไรอย่างเงี้ยหรือจากตับเพราะว่า
00:03:16 → 00:03:19 อะไรในเนื้อแดงหรือว่าในตับเนี่ยค่ะมันจะ
00:03:19 → 00:03:21 มีธาตุเหล็กแบบ 2 ประเภทประเภทที่ 1 อ่ะ
00:03:21 → 00:03:24 เรียกว่าธาตุเหล็กแบบnonฮีมเนาะnonฮีม
00:03:24 → 00:03:26 เนี่ยค่ะจะมีอยู่ประมาณ 60%
00:03:27 → 00:03:29 ซึ่งอันเนี้ยจะดูดซึมได้ที่ไม่ค่อยดีอยู่
00:03:29 → 00:03:31 แล้วกินอันนี้เข้าไปปุ๊บอาจจะดูดซึมได้
00:03:31 → 00:03:35 แค่ 2%- 20% ซึ่งกลุ่มนอนนจะอยู่ในเนื้อ
00:03:35 → 00:03:38 แดงแบบนึงแต่ว่าส่วนมากจะอยู่ในพวกแบบว่า
00:03:38 → 00:03:41 เวลาเรากินผักใบเขียวเวลาเรากินถั่วกิน
00:03:41 → 00:03:42 อะไรอย่างเงี้ยค่ะที่บอกว่าได้ธาตุเหล็ก
00:03:42 → 00:03:44 เหมือนกันน่ะจะเป็นตระกูลนอนฮีมซะเยอะ
00:03:44 → 00:03:47 เนาะแต่แบบที่ 2 เนี่ยก็คือเรียกว่าแบบ
00:03:47 → 00:03:50 ฮีมแบบฮีมเนี่ยจะเป็นที่แบบว่ากินเนื้อ
00:03:50 → 00:03:53 แดงเราได้แบบโอธาตุเหล็กเต็มๆเลยดูดซึม
00:03:53 → 00:04:02 ได้แบบ 35 40% เลยเนี่ยอืม
00:04:02 → 00:04:04 ซึมที่กียฮม
00:04:04 → 00:04:08 >> อ่าก็คือกินเข้าไปปึ๊บเนี่ยพร้อมอาหารใช่
00:04:08 → 00:04:10 แล้วในผักเนี่ยมันมีธาตุเหล็กแบบเกือบหมด
00:04:10 → 00:04:13 เลยคราวนี้มันก็จะบล็อกการดูดซึมถึง 70%
00:04:13 → 00:04:14 >> โอโห
00:04:14 → 00:04:17 >> เออแล้วเราไอ้นอนอ่ะมันดูดซึมได้แค่ 2-20%
00:04:17 → 00:04:19 ก็คือน้อยอยู่แล้วอ่ะแล้วกินพร้อมกับชา
00:04:19 → 00:04:22 เขียวบล็อกการดูดซึมไปอีก 70% อย่างเงี้ย
00:04:22 → 00:04:25 ฉะนั้นคุณก็ได้ทัลเหล็กแค่แบบเดียวเออ
00:04:25 → 00:04:27 แล้วมันไม่พออยู่แล้วเนาะคราวนี้ก็เลยว่า
00:04:27 → 00:04:31 เอ๊ะถ้าเราเนี่ยเป็นโรคโลหิตจางอยู่แล้ว
00:04:31 → 00:04:33 เพราะขาดธาตุเหล็กก็เลยไม่ควรดื่มชาเขียว
00:04:33 → 00:04:37 พร้อมอาหารอ่าแต่ว่าถ้าเราเนี่ยไม่ได้
00:04:37 → 00:04:39 เป็นโลหิตจางแต่เริ่มขาดธาตุเหล็กก็ต้อง
00:04:39 → 00:04:42 ระวังละเออส่วนถ้าเราเป็นคนปกติเราอยาก
00:04:42 → 00:04:44 ดื่มชาเขียวอันนี้ก็ไม่ค่อยคอนเซิร์นเท่า
00:04:44 → 00:04:46 ไหร่คราวนี้เรามาถามบอกว่าเอ๊ะแล้วถ้าเรา
00:04:46 → 00:04:49 เป็นเราเห็ดจางเรายิ่งมีประจำเดือนเนี่ย
00:04:49 → 00:04:51 มันต้องหยุดเลยมั้ยจริงๆก็บอกว่าเออไม่
00:04:51 → 00:04:53 ต้องหยุดนะแต่ว่าเราเนี่ยต้องเว้นระยะ
00:04:53 → 00:04:57 ห่างนิดนึงเช่นกินอาห้
00:04:57 → 00:04:59 ปกติแล้วพอเราอยากดื่มชาเหนียวก็ให้เว้น
00:04:59 → 00:05:02 หาง 1-
00:05:02 → 00:05:03 ก็โอเค
00:05:03 → 00:05:03 >> อื
00:05:04 → 00:05:06 >> อฉันหมายความว่าถ้าสมมุติว่าเรามี
00:05:06 → 00:05:09 พฤติกรรมที่ชอบแบบดื่มชาเขียวไปกินขนมไป
00:05:09 → 00:05:11 ดื่มชาเขียวไปกินสลัดไปอย่างเงี้ยนึกว่า
00:05:11 → 00:05:14 สุขภาพดีอันเนี้ยทำให้คุณขาดธาตุเหล็กได้
00:05:14 → 00:05:15 แน่นอน
00:05:15 → 00:05:18 >> ก็แปลว่าจริงๆแล้วอ่ะค่ะมันอยู่ที่การกิน
00:05:18 → 00:05:19 พร้อมอาหาร
00:05:19 → 00:05:22 >> หลักๆเลยนะคะถ้าเรากินตอน
00:05:22 → 00:05:24 >> ตอนที่เว้นช่วงสัก 2 ชั่วโมงโมหรือว่าบาง
00:05:25 → 00:05:26 คนที่สามารถกินตอนท้องว่างได้เนี่ย
00:05:26 → 00:05:29 อันเนี้ก็จะไม่ได้มีผลต่อเลือดเพราะว่า
00:05:29 → 00:05:32 เลือดองค์ประกอบหลักก็คือธาตุเหล็กถูกคะ
00:05:32 → 00:05:34 ทีนี้เราก็ต้องรับประทานอาหารเพื่อให้ดับ
00:05:34 → 00:05:36 ธาตุเหล็กแต่พอควบคู่ไปกับชาเขียวเท่า
00:05:36 → 00:05:39 นั้นแหละมันเลยบล็อกการดูดซึมได้โดยเฉพาะ
00:05:39 → 00:05:41 อาหารที่เป็นคุณหมอบอกว่าเรียกว่าnonฮีม
00:05:42 → 00:05:44 ซึ่งจะพบได้ในผักแบบไหนประเภทไหนบ้างคะ
00:05:44 → 00:05:46 >> ผักใบเขียวส่วนใหญ่ที่เราบอกว่าเอ๊ะผักใบ
00:05:46 → 00:05:49 เขียวเนี่ยไม่ว่าจะเป็นพวกผักขมนะคะเนาะ
00:05:49 → 00:05:52 ผักคะน้าสาหล่ต่างๆพวกเนี้ยหรือว่าถั่ว
00:05:52 → 00:05:55 เช่นถั่วเหลืองถั่วถั่วเลนทิลพวกเนี้ยมี
00:05:55 → 00:05:56 ธาตุเหล็กค่อนข้างเยอะ
00:05:56 → 00:05:58 >> แต่ถ้าเรากินพร้อมกับชาเขียวก็เลยทำให้มี
00:05:58 → 00:05:59 ปัญหาอ
00:05:59 → 00:06:00 >> อือแล้วก็พวกถั่วด้วย
00:06:00 → 00:06:02 >> ใช่พวกถั่วเปลือกแข็งต่างๆด้วยเหมือนกัน
00:06:02 → 00:06:04 >> ทีนี้หลายๆร้านนะค่ะโดยเฉพาะร้านอาหาร
00:06:04 → 00:06:07 ญี่ปุ่นเนาะชาเขียวรีฟิวฟรี
00:06:07 → 00:06:10 >> แล้วชาเขียวก็กินพร้อมสหรัดกินพร้อม
00:06:10 → 00:06:12 >> บางทีก็มีถั่วด้วยหรือว่ากินพร้อมสาหร่าย
00:06:12 → 00:06:13 อย่างเงี้ย
00:06:13 → 00:06:14 >> แล้วเราทำยังไงดีล่ะคะ
00:06:14 → 00:06:17 >> เราก็ขอเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่า
00:06:17 → 00:06:17 >> ออ
00:06:17 → 00:06:19 >> ใช่อันเนี้ต้องระวังนิดนึงเพราะว่าอะไร
00:06:19 → 00:06:22 เพราะว่าถ้ายิ่งกินบ่อยแล้วชาเขียวอ่ะมัน
00:06:22 → 00:06:25 ขึ้นอยู่กับว่าเค้าชงแบบไหนด้วยเพราะว่า
00:06:25 → 00:06:27 ถ้าปกติแล้วถ้าเราชงชาเขียวเองแบบว่าที่
00:06:27 → 00:06:30 เราใส่ 1 2 นาทีอย่างเงี้ยค่ะมันจะมีสาร
00:06:30 → 00:06:34 ที่ชื่อว่าคาเชซีนค่อนข้างน้อยคาเชซีนนี่
00:06:34 → 00:06:36 แหละที่เราบอกว่าเป็น EGCG เนาะที่มันทำ
00:06:36 → 00:06:39 ให้เราสุขภาพร่างกายแข็งแรงลดการอักเสบ
00:06:39 → 00:06:41 เนาะช่วยเรื่องแบบคอเลสเตอรอลต่างๆไอ้ตัว
00:06:41 → 00:06:43 นี้แหละที่ไปบล็อกการดูดซึมของธาตุเหล็ก
00:06:44 → 00:06:44 >> อื
00:06:44 → 00:06:46 >> อืแต่ว่าถ้าสมมุติว่าเป็นของที่เขาแบบชง
00:06:46 → 00:06:49 มาแล้วแล้วแช่ไม่รู้กี่นาทีอ่ะแล้วมัน
00:06:49 → 00:06:51 ยิ่งเข้มอ่ะมันก็ยิ่งทำให้สารคาซีซีน
00:06:51 → 00:06:53 เนี่ยออกมาเยอะพอยิ่งยิ่งเยอะยิ่งเข้มก็
00:06:53 → 00:06:55 ยิ่งทำให้บล็อกธาตุเหล็กได้มากขึ้นกว่า
00:06:55 → 00:06:58 เดิมชั้นก็คือขึ้นอยู่กับว่า 1 คุณชงแบบ
00:06:58 → 00:07:01 เข้มไม่เข้มด้วย 2 คุณกินกับอาหารมากน้อย
00:07:01 → 00:07:03 แค่ไหนด้วยอย่างเงี้ยก็เลยต้องระวังพาร์ท
00:07:03 → 00:07:05 นี้นิดนึงโดยเฉพาะในร้านอาหารญี่ปุ่น
00:07:05 → 00:07:07 อย่างที่เจนพูดเมื่อกี้เนาะถ้าเป็นหมอหมอ
00:07:07 → 00:07:09 ก็แนะนำว่าเออถ้าจะกินน่ะกินเป็นน้ำเปล่า
00:07:09 → 00:07:13 ดีกว่าเออเนาะนะคะแล้วค่อยแบบว่าไปกินตอน
00:07:13 → 00:07:15 ที่แบบว่าอาจจะใส่เขาเรียกว่าใส่แก้วกลับ
00:07:15 → 00:07:17 บ้านหรืออะไรอย่างเงี้ยน่าจะโอเคที่สุด
00:07:17 → 00:07:19 แต่ถ้าสมมุติว่าวันนั้นน่ะเราไปกินขนมกับ
00:07:19 → 00:07:20 เพื่อนอะไรอย่างเงี้ยแล้วกินกับชาเขียว
00:07:20 → 00:07:23 อันนี้โอเคอเอออันนั้นน่ะไม่วาดกัน
00:07:23 → 00:07:26 >> มันแล้วแต่เป้าหมายของแต่ละคนด้วยเนาะถ้า
00:07:26 → 00:07:28 สมมุติว่าเป็นผู้หญิงที่รู้สึกว่าาธาตุ
00:07:28 → 00:07:30 เหล็กเราต่ำอยู่แล้วหรือว่าจริงๆแล้วเรา
00:07:30 → 00:07:32 มื้ออาหารนี้เราตั้งใจจะกินเพื่อให้ได้
00:07:32 → 00:07:34 รับสารอาหารที่ครบอาจจะต้องเลือกน้ำที่
00:07:34 → 00:07:37 ดื่มนิดนึงแต่ถ้าสมมุติว่าเป็นผู้ชายที่
00:07:37 → 00:07:39 ไม่ได้careครอยู่แล้วก็ฉันเหล็กเยอะอยู่
00:07:39 → 00:07:41 แล้วหรือเป็นผู้หญิงที่มีธาตุเหล็กที่ดี
00:07:41 → 00:07:43 มากๆเนี่ยบางทีคุณก็จะกินพร้อมชาเขียวก็
00:07:43 → 00:07:46 ได้ถ้าคุณไม่ได้มีปัญหาเรื่องนั้นนะคะ
00:07:46 → 00:07:48 ฉะนั้นก็ต้องเลือกให้เหมาะกับตัวเราใช่
00:07:48 → 00:07:50 โดยเฉพาะอะไรโดยเฉพาะบางทีเรานึกว่าแบบ
00:07:50 → 00:07:52 เออกินน้ำอะไรก็ได้แล้วก็กินกับอาหาร
00:07:52 → 00:07:54 เสริมอย่างเงี้ยแล้วกินอาหารเสริมที่มี
00:07:54 → 00:07:56 เหล็กอยู่แล้วแล้วกินกับชาเขียวเข้าไป
00:07:56 → 00:07:58 อย่างเงี้ยโอ้โหอาหารเสริมคุณก็ไม่เวิร์ค
00:07:58 → 00:07:58 เลยนะ
00:07:58 → 00:08:00 >> เหมือนกันฉันก็เลยต้องระวังพาร์ทนี้นิด
00:08:00 → 00:08:01 นึงแค่นั้นเอง
00:08:01 → 00:08:03 >> ชาเขียวนอกจากห้ามกินกับธาตุเหล็กเนี่ย
00:08:04 → 00:08:05 ห้ามกินกับอะไรอีกบ้างคะ
00:08:05 → 00:08:08 >> จริงๆต้องบอกว่าเนื่องจากความว่าเป็นชาชา
00:08:08 → 00:08:10 มันมีสารที่ชื่อว่าแทนนินเนาะนะคะมัน
00:08:10 → 00:08:13 บล็อกการดูดซึมสารอาหารหลายๆตัวเลยฉันก็
00:08:13 → 00:08:17 เลยบอกว่าจริงๆอ่ะชาไม่ควรกินพร้อมกับยา
00:08:17 → 00:08:20 หรืออาหารเสริมอยู่แล้วควรกินแบบว่าถ้า
00:08:20 → 00:08:22 คุณจะกินอะไรที่เป็นเม็ดอ่ะควรกินกับน้ำ
00:08:22 → 00:08:23 เปล่าเฉยๆดีกว่า
00:08:23 → 00:08:26 >> อืแล้วเมื่อกี้เค่ะเมีถามเรื่องช่วงมี
00:08:26 → 00:08:28 ประจำเดือนด้วยนะคะเลยอยากรู้ว่า
00:08:28 → 00:08:31 >> การกินมัฉะในช่วงมีประจำเดือนเนี่ยมัน
00:08:31 → 00:08:33 เชื่อมโยงกันยังไงอ่ะคะ
00:08:33 → 00:08:34 >> คือต้องบอกก่อนว่าตอนที่เรามีประจำเดือน
00:08:35 → 00:08:37 น่ะผู้หญิงอ่ะค่ะแต่ละไซเคิลที่เรามี
00:08:37 → 00:08:39 ประจำเดือนเนี่ยเราจะสูญเสียเลือดประมาณ
00:08:39 → 00:08:43 สักแบบ 60 ซีซ 70 ซีซเนาะซึ่งมันก็สูญ
00:08:43 → 00:08:45 เสียธาตุเหล็กค่อนข้างเยอะพอสมควรพอเป็น
00:08:45 → 00:08:47 อย่างเงี้ยเราก็จะทำให้รู้สึกเพียง่าย
00:08:47 → 00:08:49 เหนื่อยง่ายอยู่แล้วซึ่งเป็นช่วงระยะเวลา
00:08:49 → 00:08:52 ที่เราต้องการเติมธาตุเหล็กค่อนข้างเยอะ
00:08:52 → 00:08:54 เราก็เลยบอกว่าเออเลือดต้องกินสิตับต้อง
00:08:54 → 00:08:57 กินสิเนื้อแดงต้องกินสิอย่างเงี้ยแต่พอ
00:08:57 → 00:08:59 เราแทนที่ต้องการเพิ่มธาตุเหล็กแต่คุณไป
00:08:59 → 00:09:02 กินอ่ามชาเขียวช่วงนั้นมัจฉะช่วงนั้นค่อน
00:09:02 → 00:09:04 ข้างเยอะเนี่ยพร้อมอาหารวงเล็บพร้อมอาหาร
00:09:04 → 00:09:07 เนาะก็จะทำให้เรายิ่งสูญเสียธาตุเหล็ก
00:09:07 → 00:09:09 ยิ่งทำให้เพียง่ายเหนื่อยง่ายไปมากกว่า
00:09:09 → 00:09:12 เดิมแต่ว่าถ้าในทางกลับกันเราไม่ได้กิน
00:09:12 → 00:09:14 พร้อมอาหารนี่ถูกป่ะปกติก็ไม่มีปัญหาไงก็
00:09:15 → 00:09:17 เลยขึ้นอยู่กับวิธีการกินของเราว่าเรากิน
00:09:17 → 00:09:18 แบบไหนมากกว่า
00:09:18 → 00:09:21 >> ทีนี้อยากถามค่ะว่าระหว่างชาเขียวกับมัฉะ
00:09:21 → 00:09:23 อันไหนดีที่สุดคะสำหรับสุขภาพ
00:09:23 → 00:09:26 >> ถ้าบอกว่าดีที่สุดคงไม่มีเจนเพราะว่ามัด
00:09:26 → 00:09:30 ชาเขียวกับมัชะอ่ะมันก็มีข้อดีแตกต่างกัน
00:09:30 → 00:09:32 คราวนี้ต้องขออธิบายก่อนว่าคำว่าชาเขียว
00:09:32 → 00:09:35 กับมัชฉามันต่างกันตรงไหนจริงๆมันก็คือ
00:09:35 → 00:09:37 แบบสายพันธุ์เหมือนกันเนาะสายพันธุ์ชา
00:09:37 → 00:09:40 เขียวเหมือนกันอย่างเงี้ยค่ะแต่วิธีการ
00:09:40 → 00:09:42 ปลูกกับการเก็บมันต่างกัน
00:09:42 → 00:09:45 >> อืชาเขียวหมายถึงว่าอ่ะคุณปลูกมาใช่มั้
00:09:45 → 00:09:48 ต้นชานะคะคุณก็ชาเนี่ยก็โดนแสงแดดเต็มๆ
00:09:48 → 00:09:52 เลยพอถึงเวลาการเก็บเเก็บใบชามาเนาะนะคะ
00:09:52 → 00:09:54 แล้วก็เอาใบชาไปตากแห้งพอตากแห้งเสร็จ
00:09:54 → 00:09:56 ปุ๊บเนี่ยเราก็ค่อยเอามาชงอ่าอันนี้เป็น
00:09:56 → 00:09:58 วิธีเก็บของชาเขียวแต่มัจฉะเนี่ยไม่
00:09:58 → 00:10:01 เหมือนกันมัจฉะเนี่ยตอนที่เขาปลูกเสร็จ
00:10:01 → 00:10:03 ปุ๊บก่อนเก็บประมาณสัก 3 สัปดาห์เนี่ยเขา
00:10:03 → 00:10:05 จะให้มัจฉะเนี่ยต้นชาเขียวตอนนั้นอยู่ใน
00:10:05 → 00:10:06 ที่ร่มก่อน
00:10:06 → 00:10:07 >> อื
00:10:07 → 00:10:10 >> ที่ร่มเพราะอะไรเพราะพอต้นชามันไม่เจอแสง
00:10:10 → 00:10:13 อาทิตย์อ่ะมันก็จะผลิตคอโรฟิวให้มากขึ้น
00:10:13 → 00:10:15 >> อ่ามันเป็นกลไกธรรมชาติเพราะมันต้องการ
00:10:15 → 00:10:17 ได้รับเหมือนกับว่าสารอาหารแสงแดดเข้าไป
00:10:17 → 00:10:19 สังเคราะห์แสงเออเนาะ
00:10:19 → 00:10:25 พอมันขึ้มันจะขึ้นนะคะแล้วก็ถูกวิธีการ
00:10:25 → 00:10:28 เก็บของเขาก็จะไปนึ่งก่อนแล้วก็ค่อยมาบด
00:10:28 → 00:10:31 เป็นผงฉะนั้นการเวลาที่เรากินมัฉเนี่ยเรา
00:10:31 → 00:10:34 กินทั้งใบมันไปเลยอ่ะไม่ได้กินแค่ชงน้ำ
00:10:35 → 00:10:38 เฉยๆชั้นสารอาหารมันจึงได้ไม่เหมือนกันนะ
00:10:38 → 00:10:41 คะแล้วที่สำคัญน่ะความแตกต่างอ่ะระหว่าง
00:10:41 → 00:10:44 ชาเขียวกับมัฉะคือตอนชงตอนชงเพราะอะไร
00:10:44 → 00:10:47 เพราะชาเขียวบอกแล้วมันเป็นใบแห้งมาถูก
00:10:47 → 00:10:50 มั้ยคุณก็แค่เหมือนกับว่าเทน้ำร้อนใส่ชง
00:10:50 → 00:10:52 2-3 นาทีแล้วคุณก็เอาขึ้นอันนี้คือวิธี
00:10:52 → 00:10:54 การกินถูกมยแล้วคุณก็ดื่มมันฉะนั้นในแก้ว
00:10:54 → 00:10:57 นึงของชาเขียวเนี่ยค่ะมันจะมีคาเฟอีน
00:10:57 → 00:11:00 เนี่ยประมาณแค่ประมาณ 35-40 มิลกรัมต่อ
00:11:00 → 00:11:01 แก้วแค่นั้นเอง
00:11:01 → 00:11:01 >> อื
00:11:02 → 00:11:04 >> มันไม่ได้เยอะมากเนาะนะคะแต่ถ้าเป็นมัจฉะ
00:11:04 → 00:11:07 เนี่ยเวลาเรากินน่ะก็คือมันขึ้นอยู่ว่า
00:11:07 → 00:11:10 คุณชอบกินเข้มไม่เข้มถูกมยคุณก็จะกินเป็น
00:11:10 → 00:11:13 ผงคุณก็ตักประมาณครึ่งช้อนชาถึง 1 ช้อนชา
00:11:13 → 00:11:16 แล้วแต่คนชอบถ้าครึ่งช้อนชาโดยปกติอ่ะค่ะ
00:11:16 → 00:11:19 มันจะได้คาเฟอีนน่ะประมาณ 70 มิลกรัละอ่า
00:11:19 → 00:11:22 มันก็จะมีความเข้มของคาเฟอีนมากกว่า
00:11:22 → 00:11:25 >> เท่าตัวเลยใช่ฉะนั้นเวลากินมัฉะมันเลยจะ
00:11:25 → 00:11:26 อัลเิรtกว่าอ
00:11:26 → 00:11:29 >> อ้าอ่ะฉะนั้นมันก็เลยมีข้อแตกต่างกันตรง
00:11:29 → 00:11:31 นี้นิดนึงแล้วไม่ใช่เท่านั้นเนี่ยในในชา
00:11:31 → 00:11:34 เขียวกับมัฉ
00:11:34 → 00:11:36 คืออะไรมันมีสารที่ชื่อว่า EGCG ที่เรา
00:11:36 → 00:11:39 บอกแล้วซึ่งสารตัวเนี้ยค่ะเป็นสารที่ลด
00:11:39 → 00:11:42 การอักเสบได้นะช่วยเรื่องคอเลสเตอรอลได้
00:11:42 → 00:11:44 นะบางคนผมบางอ่าบอกว่าช่วยเรื่องผมบางได้
00:11:44 → 00:11:47 ด้วยนะคะแล้วในงานวิจัยในหลอดทดลองก็บอก
00:11:47 → 00:11:49 ว่าช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งได้บางตัวด้วย
00:11:49 → 00:11:52 คราวนี้เนี่ยเราก็โอ้โหมันแบบมันดีมากๆ
00:11:52 → 00:11:55 เลยมันamิมากเลยคนก็เลยแบบโอ๊ยอยากจะดื่ม
00:11:55 → 00:11:58 อยากจะกินมันแต่คราวเนี้ยเนื่องจากมันมี
00:11:58 → 00:12:00 ปริมาณคาเฟอีนที่ค่อนข้างแตกต่างกันเราก็
00:12:00 → 00:12:03 เลยจำเป็นจะต้องดูนิดนึงว่าเอ๊ะเราเนี่ย
00:12:03 → 00:12:06 ดื่มคาเฟอีนได้มากน้อยแค่ไหนอ่าเพราะแต่
00:12:06 → 00:12:08 ละคนไม่เหมือนกันการที่ 2 เนื่องจากว่า
00:12:08 → 00:12:12 มัจฉะเป็นทั้งใบสารอาหารมันจะครบมากกว่า
00:12:12 → 00:12:14 เออกดที่เรียกว่ากดอะมิโนอซิดที่เรียกว่า
00:12:14 → 00:12:17 แtานินก็จะมีมากกว่าฉะนั้นเวลาเรากิน
00:12:17 → 00:12:20 มัจฉะหรือชาเขียวค่ะมันมีทั้งคาเฟอีนมี
00:12:20 → 00:12:23 ทั้งแอลทอนีนเข้าไปใช่มยคุณจะได้ความalิt
00:12:23 → 00:12:25 แต่ได้alิtแบบสงบ
00:12:25 → 00:12:26 >> อิแบบslลว
00:12:26 → 00:12:30 >> แบบslลวแบบว่าโอแบบว่าคามดาวสามารถโฟกัส
00:12:30 → 00:12:32 ได้ทำงานได้ค่อนข้างดีฉะนั้นถ้าเราดูเป็น
00:12:32 → 00:12:34 กราฟอ่ะค่ะเวลาเรากินมัฉะชาเขียวเนี่ย
00:12:34 → 00:12:37 กราฟคาเฟอีมจะขึ้นเป็นเหมือนเบลเชฟก็คือ
00:12:37 → 00:12:40 ขึ้นๆมนแล้วก็ลงมนๆมันจะไม่เหมือนกาแฟที่
00:12:40 → 00:12:42 คืนขึ้นอย่างเงี้ยแล้วลงอย่างเงี้ยเออ
00:12:42 → 00:12:44 ซึ่งมันจะไม่เหมือนกันข้อนี้ก็เลยข้อดี
00:12:44 → 00:12:47 ของการกินชาเขียวกับมัฉะว่ากินแล้วเนี่ย
00:12:47 → 00:12:50 มันได้ความแต่สงบสามารถโฟกัสได้ค่อนข้าง
00:12:50 → 00:12:50 ดีอ
00:12:50 → 00:12:52 >> อืฉะนั้นเท่าที่ฟังเนี่ยจริงๆอ่ะดีทั้ง
00:12:52 → 00:12:55 คู่แต่ว่าแค่ว่าเอ่อมัจฉะเนี่ยมันจะเข้ม
00:12:55 → 00:12:57 ข้นกว่านะคะแล้วก็จริงๆก็มีสารอาหารที่
00:12:57 → 00:12:59 ครบกว่าด้วยแต่ว่าอาจจะมีคาเฟอีนสูง
00:12:59 → 00:13:02 ฉะนั้นอาจจะต้องระมัดระวังว่าแต่ละคน
00:13:02 → 00:13:02 เนี่ย
00:13:02 → 00:13:05 >> อาจจะกินเensitiveต่อคาเฟอีนไม่เหมือนกัน
00:13:05 → 00:13:07 >> มากน้อยแค่ไหนใช่แล้วก็จริงๆแล้วอ่ะมัน
00:13:07 → 00:13:10 ไม่ใช่แค่คาเฟอีนเนาะอย่างที่บอกว่ามัฉะ
00:13:10 → 00:13:12 เนี่ยมันอาจจะมีสารอาหารตัวอื่นเช่น
00:13:12 → 00:13:20 แอลทอนีนก็มีสูงกว่าคลอโรฟิอย่างเงี้ย
00:13:20 → 00:13:22 ซึ่ง
00:13:22 → 00:13:26 พิโลหะมันช่วยขับสารพิษโลหะหนักได้ด้วย
00:13:26 → 00:13:29 >> ก็เลยข้อเขียวของมัฉะมันเลยค่อนข้างเยอะ
00:13:29 → 00:13:31 >> ทีนี้ค่ะบางคนน่ะอย่างที่คุณหมอบอกไปว่า
00:13:32 → 00:13:33 จริงๆแล้วอ่ะค่ะพอมันเป็นเ curve เนาะพอ
00:13:33 → 00:13:36 เราดื่มแล้วก็ค่อยๆเราก็ alerte แต่ว่า
00:13:36 → 00:13:38 ไม่ได้แบบดีดแบบอื้อหือขนาดนั้นก็คือเรา
00:13:38 → 00:13:40 ทำให้เรามีสมาธิแล้วก็มีสติในการทำงาน
00:13:40 → 00:13:43 เนาะแต่ว่าทีเนี้ยบางคนน่ะดื่มเพื่อที่จะ
00:13:43 → 00:13:48 ผ่อนคลายแต่บางคนน่ะดื่มปุ๊บทำให้ยิ่งนอน
00:13:48 → 00:13:51 ไม่หลับแทนที่จะผ่อนคลายนะคะแต่ว่าก็คือ
00:13:51 → 00:13:55 >> ตาค้างเลยทีนี้ตกลงจะทำยังไงดีคะเพราะว่า
00:13:55 → 00:13:58 ต้องการให้ผ่อนคลายแต่ก็ตอนกลางคืนก็ยัง
00:13:58 → 00:13:59 อยากรับได้ดี
00:13:59 → 00:14:03 >> อืจริงๆอ่ะเวลาเรากินกาแฟหรือกินชาค่ะเรา
00:14:03 → 00:14:05 จะดูว่าเรากินalิtแล้วนอนหลับไม่หลับแค่
00:14:05 → 00:14:08 ไหนอ่ะแต่ละคนไม่เท่ากันนะเจนคล้ายๆกับ
00:14:08 → 00:14:10 ว่าเวลาเราดื่มแอลกอฮอล์อ่ะทำไมบางคนกิน
00:14:10 → 00:14:12 แล้วแบบเมาเร็วเออบางคนกินแล้วไม่เห็นรู้
00:14:13 → 00:14:14 สึกอะไรเลยเพราะว่าอะไรอันเนี้ยมันขึ้น
00:14:14 → 00:14:17 อยู่กับยีนของแต่ละคนว่าตับเราอ่ะค่ะ
00:14:17 → 00:14:20 สามารถขับเนาะตัวคาเฟอีนได้เร็วมากน้อย
00:14:20 → 00:14:22 แค่ไหนเราบอกว่าโดยเฉลี่ยเนี่ยแต่ละคนน่ะ
00:14:22 → 00:14:23 เวลาดื่มเข้าไปแก้วนึงเนี่ยสมมุติเราบอก
00:14:23 → 00:14:26 ว่าดื่มมาฉะ 1 แก้วได้คาเฟอิน 70 มกัใช่
00:14:26 → 00:14:30 มยภายใน 4-6 ชมงเนี่ยคาเฟอีนจาก 70 จะ
00:14:30 → 00:14:32 เหลือแค่ 35 มกัหายไปครึ่งนึงเนาะเรา
00:14:32 → 00:14:33 เรียกว่า half
00:14:33 → 00:14:37 >> คราวเนี้ยบางคนเนี่ยขับคาเฟอินีนได้ดีมาก
00:14:37 → 00:14:39 2 ช่โมงหายไปเลยครึ่งนึง
00:14:39 → 00:14:43 >> แต่บางคนขับแย่มาก 12 ชมงขับได้ครึ่งนึง
00:14:43 → 00:14:45 อ่าฉะนั้นแต่ละคนจึงไม่เหมือนกันฉันโดย
00:14:45 → 00:14:48 เฉลี่ยแล้วอ่ะเราก็จะแนะนำคนไข้ว่าถ้าคุณ
00:14:48 → 00:14:52 น่ะดื่มกาแฟนะหรือดื่มแบบพวกชานะควรจะ
00:14:52 → 00:14:55 ดื่มก่อนสัก 14:00 น.เพราะถ้าสมมุติว่า
00:14:55 → 00:14:57 คุณดื่ม 14:00 น.เนี่ยกว่าจะถึง 22:00 น.
00:14:57 → 00:14:59 อ่ะมันก็แบบเกือบ 10 ชม.แล้วมันน่าจะขับ
00:14:59 → 00:15:03 หมดแต่ถ้าคุณเป็นกลุ่มแบบ 12 ชม.อ่ะ 14:00
00:15:03 → 00:15:06 น.ยังไม่พอนะคุณต้องดื่มก่อนเที่ยน.อีก
00:15:06 → 00:15:09 มันถึงจะโอเคแล้วนอกจากเก็ขึ้นอยู่ปริมาณ
00:15:09 → 00:15:12 ด้วยว่าคุณดื่ม 1 แก้วคุณดื่ม 2 แก้วหรือ
00:15:12 → 00:15:14 ว่าคุณดื่มกี่ช็อตอย่างเงี้ยใช่มกาแฟก็
00:15:14 → 00:15:17 เหมือนเป็นช็อตมัฉะก็เหมือนกันว่าคุณดื่ม
00:15:17 → 00:15:20 แบบว่าใส่ผงครึ่งช้อนชาใส่เต็มครึ่งช้อน
00:15:20 → 00:15:22 หรืออะไรอย่างเงี้ยมันก็ความเข้มข้นไม่
00:15:22 → 00:15:25 เท่ากันแล้วอีกอันนึงที่สำคัญมากๆดื่ม
00:15:25 → 00:15:27 ท้องว่างหรือดื่มพร้อมอาหาร
00:15:27 → 00:15:27 >> อื
00:15:27 → 00:15:30 >> อืเพราะอะไรการที่คุณดื่มท้องว่างค่ะร่าง
00:15:30 → 00:15:33 กายเราอ่ะดูดซึมคาเฟอีนเข้าไปเต็มๆเลยนะ
00:15:33 → 00:15:36 โดยเฉพาะถ้าเราใส่น้ำตาล
00:15:36 → 00:15:38 >> น้ำตาลเนี่ยจะยิ่งทำให้ลำไส้อ่ะมัน
00:15:38 → 00:15:40 เคลื่อนไหวเร็วขึ้นใช่มยแล้วก็ทำให้มัน
00:15:40 → 00:15:42 ดูดซึมได้เร็วขึ้นฉะนั้นคาเฟอีนจะเข้าไป
00:15:42 → 00:15:43 ในร่างกายเร็วมาก
00:15:43 → 00:15:43 >> อื
00:15:43 → 00:15:46 >> อืก็เลยทำให้alิtเลยโอ๊ยดื่มแล้วแบบรู้
00:15:46 → 00:15:48 สึกมีกระปี้กระเป๋าอะไรเงี้ยแต่ในทางกลับ
00:15:48 → 00:15:50 กันถ้าเราดื่มพร้อมอาหารอย่างที่เราบอก
00:15:50 → 00:15:53 ว่าเออมันทำให้ธาตุเหล็กดูดซึมไม่ดีนะแต่
00:15:53 → 00:15:56 ถ้าดื่มพร้อมอาหารเนี่ยมันจะไปslลว์ดาว
00:15:56 → 00:15:58 การดูดซึมของคาเฟอีนก็เลยทำให้เราไม่ค่อย
00:15:58 → 00:16:00 ได้รับคาเฟอีนเยอะเท่าไหร่มันก็เลยมีหลาย
00:16:00 → 00:16:03 ปัจจัยว่า 1 ร่างกายคุณเป็นยังไง 2 คน
00:16:03 → 00:16:06 ดื่นเข้มข้นมากน้อยแค่ไหน 3 คนดื่นพร้อม
00:16:06 → 00:16:08 อะไรหรือเปล่าถ้ายิ่งดื่มท้องว่างยิ่ง
00:16:08 → 00:16:09 เป็นได้ง่าย
00:16:09 → 00:16:11 >> งั้นต้องสังเกตตัวเองดีๆเนาะเพราะแต่ละคน
00:16:11 → 00:16:11 ไม่เหมือนกันจริงๆ
00:16:11 → 00:16:13 >> ไม่เหมือนกันจริงๆแล้วก็ต้องดูด้วยว่าคุณ
00:16:13 → 00:16:15 ดื่มเพื่ออะไร
00:16:15 → 00:16:18 >> ดื่มเพื่อสุขภาพมยดื่มเพื่อความมหรืออะไร
00:16:18 → 00:16:20 อย่างเงี้ยเพราะว่าแต่ละอย่างก็ไม่เหมือน
00:16:20 → 00:16:20 กัน
00:16:20 → 00:16:23 >> แล้วทีนี้ถ้าเป็นกลุ่มคนที่ขับคาเฟอีนออก
00:16:23 → 00:16:27 ช้านะคะแต่ว่าอยากหลับลึกอยากหลับสบาย
00:16:27 → 00:16:30 สามารถหาตัวช่วยตัวไหนทำให้เขาสามารถหลับ
00:16:30 → 00:16:31 ได้ลึกบ้างคะ
00:16:31 → 00:16:33 >> ก็ต้องกลับไปที่อันเดิมก่อนที่เราบอกว่า 1
00:16:33 → 00:16:36 เนี่ยต้องดูเรื่องเวลาก่อนก็อยากให้ดื่ม
00:16:36 → 00:16:38 เร็วขึ้นนิดนึงนะคะเนาะไม่ให้แบบว่าดื่ม
00:16:38 → 00:16:41 ช้าเกินไปเนาะ 2 ถ้าสมมุติว่าเราดื่มไป
00:16:41 → 00:16:44 แล้วเนี่ยก็ควรดื่นพร้อมอาหารใช่มั้คะ
00:16:44 → 00:16:47 เพราะว่ามันทำให้การดูดซึมลดลงเนาะแต่ถ้า
00:16:47 → 00:16:50 3 ดื่มไปแล้วล่ะมันเข้าไปเรียบร้อยแล้ว
00:16:50 → 00:16:53 ทำยังไงดีเนาะแน่นอนค่ะน้ำช่วยได้เนาะ
00:16:53 → 00:16:55 เพราะว่าคาเฟอีนน่ะค่ะจะเป็นตัวที่ทำให้
00:16:55 → 00:16:58 เราเนี่ยขับปัสสาวะมากขึ้นบางทีมันทำให้
00:16:58 → 00:17:00 เราเหมือนแฮงอ่ะปวดหัวง่ายฉันดื่มน้ำให้
00:17:00 → 00:17:04 เพียงพอจึงสำคัญเนาะแต่ 4 ถ้าสมมุติว่า
00:17:04 → 00:17:07 มันมีคาเฟอีนแบบเยอะแล้วมันทำให้แบบว่า
00:17:07 → 00:17:08 เรานอนไม่หลับเนี่ยเกิดจากอะไรเนาะต้อง
00:17:08 → 00:17:11 บอกว่าเวลาเราดื่มคาเฟอีนเข้าไปปุ๊บเนี่ย
00:17:11 → 00:17:14 ค่ะมันจะไปทำให้ต่อมหมวกไตเราอ่ะสร้าง
00:17:14 → 00:17:16 ฮอร์โมนที่ชื่อว่าคอิโซค่อนข้างสูง
00:17:16 → 00:17:18 >> ซึ่งคอร์ดิโซนี่แหละทำให้เรานอนไม่หลับ
00:17:18 → 00:17:21 คราวนี้ก็แปลว่าเราต้องไปหาตัวช่วยที่ทำ
00:17:21 → 00:17:24 ให้ตัวคอร์ดิโซลลดลงเนาะนะคะฉะนั้นตัวที่
00:17:24 → 00:17:27 ทำให้คอร์ิโซอลลดลงก็มีหลายอย่างเช่นคุณ
00:17:27 → 00:17:29 อาจจะกินแมกนีเซียมนะที่ทำให้ถ้วยผ่อน
00:17:29 → 00:17:37 คลายคามดาวหรือที่เราเรียกว่าแอนตัว
00:17:37 → 00:17:39 หรือ
00:17:39 → 00:17:42 เคยกินเข้านะคะเพื่อทำให้แบบว่ารู้สึก
00:17:42 → 00:17:45 ง่วงนอนอยากเข้านอนแล้วหลับสบายเนาและอีก
00:17:45 → 00:17:48 ตัวนึงที่น่าสนใจค่ะก็คือเซเมนเนาะนะคะ
00:17:48 → 00:17:49 เพราะเซซามนเนี่ยเราเรียกว่า
00:17:49 → 00:17:52 แอนตี้ออกซidนนะคะหรือว่าสารต้านอนุมูล
00:17:52 → 00:17:54 อิสระเนาะเพราะว่าเมื่อคุณมีอนุมูลอิสระ
00:17:54 → 00:17:56 ค่อนข้างเยอะอ่ะค่ะจะทำให้ร่างกายเรา
00:17:56 → 00:17:59 เนี่ยสร้างมาลาทนินได้น้อยลงเมื่อคุณ
00:17:59 → 00:18:02 มีนาทนินน้อยลงคุณก็นอนไม่ดีละฉัน
00:18:02 → 00:18:04 เซตซามินก็เลยช่วยได้เนาะแล้วอีกอันนึง
00:18:04 → 00:18:06 ที่น่าสนใจเนี่ยสารเซซามินเนี่ยก็สามารถ
00:18:07 → 00:18:09 ช่วยปรับนะคะบาลานซารสื่อประสาทสมองไม่
00:18:09 → 00:18:12 ว่าจะเป็นตัวเซลาโทนินนะคะหรือว่ากาบ้า
00:18:12 → 00:18:15 ที่มันช่วยทำให้เราผ่อนคลายคามดาวนะคะ
00:18:15 → 00:18:17 แล้วก็สร้างมาทนินได้ดีขึ้นฉะนั้นก็แปล
00:18:17 → 00:18:19 ว่าการที่คุณได้เซามินเข้าไปก็สามารถช่วย
00:18:19 → 00:18:21 ทำให้เรานอนได้ดีขึ้น
00:18:21 → 00:18:22 >> เพราะว่าอย่างที่คุณหมอบอกไปเนาะจริงๆ
00:18:22 → 00:18:25 แล้วอ่ะค่ะคาเฟอีนนะคะแต่ละคนไม่เหมือน
00:18:25 → 00:18:28 กันถ้าเรากินเร็วกกินตั้งแต่เช้าก็แล้ว
00:18:28 → 00:18:31 แต่ตอนกลางคืนก็โอ๊ยยังนอนไม่หลับยังรู้
00:18:31 → 00:18:33 สึกว่าไม่ผ่อนคลายเนี่ยตัวช่วยพวกนี้มัน
00:18:33 → 00:18:34 ก็ช่วยได้มากๆเลยนะคะ
00:18:34 → 00:18:35 >> ใช่ค่ะ
00:18:35 → 00:18:39 >> อ่ะทีนี้สิ่งนึงที่เจนได้พูดไว้ตั้งแต่
00:18:39 → 00:18:41 ต้นก็คือแล้วก็ถามคุณหมอไปแล้วคุณหมอก็
00:18:41 → 00:18:44 บอกว่าใช่ฉันกินชาเขียวทุกวันเลยจ้าอยาก
00:18:44 → 00:18:46 จะถามว่าตกลงกินชาเขียวเนี่ยมันกินทุกวัน
00:18:46 → 00:18:47 ได้จริงมั้ยคะ
00:18:47 → 00:18:51 >> กินทุกวันได้แน่นอนแต่ว่าอันดับแรกเนาะ
00:18:51 → 00:18:53 ก่อนที่คุณจะกินชาเขียวเข้าไปอ่ะค่ะอัน
00:18:53 → 00:18:56 ที่หมออยากให้ดูนิดนึงก็คือมาจากไหนด้วย
00:18:56 → 00:18:57 >> อื
00:18:57 → 00:18:59 >> อ้าเพราะว่าอะไรเพราะอย่างที่บอกว่าชา
00:18:59 → 00:19:02 เขียวอ่ะคุณก็ต้องแบบว่าชงประมาณ 1-2 2
00:19:02 → 00:19:04 นาทีใช่มยให้มันได้พอดีเพราะว่าถ้าคุณได้
00:19:04 → 00:19:07 ซอสที่ไม่ดีอ่ะค่ะถุงชาที่ไม่โอเคอ่ะมัน
00:19:07 → 00:19:09 ก็ทำให้เราได้สารไม่โอเคจากถุงอันนั้น
00:19:09 → 00:19:12 ด้วยมันก็ไม่ดีต่อร่างกายละอีกแง่นึงถ้า
00:19:12 → 00:19:15 คุณกินมัจฉะยิ่งแย่กว่าเดิมอีกนะเพราะว่า
00:19:15 → 00:19:18 บอกแล้วว่ามัจฉะเราเอามาทั้งใบแล้วเราบด
00:19:18 → 00:19:21 มาใช่มยถ้ามันปลูกในที่ที่มันมีแบบว่าสาร
00:19:21 → 00:19:24 พิษโลหะหนักเยอะๆแบบดินอะไรก็ไม่รู้มา
00:19:24 → 00:19:26 อย่างเงี้ยคุณก็เหมือนคุณกินสารหนูเข้าไป
00:19:26 → 00:19:29 คุณกินแคทเมียมเข้าไปแทนที่คุณจะได้สาร
00:19:29 → 00:19:31 ต้านอนุมูลอิสระที่คุณอยากได้คุณกลับได้
00:19:31 → 00:19:34 สารพิษค่อนข้างเยอะฉันก่อนที่จะกินแบบไหน
00:19:34 → 00:19:37 เลือกซอสก่อนอ่ะถ้าซอสของเขาน่าเชื่อถือ
00:19:37 → 00:19:41 ได้โอเคอ่ะสามารถดื่มได้ละ 2 ดูที่ตัวเอง
00:19:41 → 00:19:44 ก่อนว่าร่างกายเราอ่ะกินแบบไหนได้กินช่วง
00:19:44 → 00:19:47 เวลาไหนได้แล้วเราขาดธาตุเหล็กหรือเปล่า
00:19:47 → 00:19:49 อ่าถ้าเราไม่มีปัญหาเหล่าเนี้ยเราก็
00:19:49 → 00:19:51 สามารถกินเมื่อไหร่ก็ได้แต่ถ้าคุณมีปัญหา
00:19:51 → 00:19:53 ก็เหมือนที่เราdisัสกันไปเมื่อกี้นะคะว่า
00:19:53 → 00:19:57 ควรจะเลือกกินแบบไหนเนาะ 3 ดูว่าเรากินยา
00:19:57 → 00:19:59 อะไรด้วยมหรือมีปัญหาสุขภาพอะไรด้วยมั้ย
00:19:59 → 00:20:02 เช่นถ้าคุณเป็นโรคกระเพาะอยู่แล้วอ่ะแล้ว
00:20:02 → 00:20:04 คุณดื่มชาเขียวที่มีคาเฟอีนเยอะๆอ่ะมันก็
00:20:05 → 00:20:07 สามารถระคายเคืองกระเพาะอาหารทำให้เป็นกด
00:20:07 → 00:20:10 ไหลย้อนได้มากขึ้นถูกมยอันนี้คุณก็ต้องลด
00:20:10 → 00:20:12 นิดนึงกินเบาๆหน่อยไม่ให้กินเยอะอย่าง
00:20:12 → 00:20:15 เงี้ยค่ะหรือว่าคนไข้บางคนอายุเยอะแล้ว
00:20:15 → 00:20:18 เนาะเราต้องแบบว่ามีปัญหาเรื่องหลอดเลือด
00:20:18 → 00:20:20 นะคะว่าเลือดมันหนืดอย่างเงี้ยต้องกินแบบ
00:20:20 → 00:20:22 ว่าเา้าเรียกว่ายาวาฟารีนนะคะที่ทำให้
00:20:22 → 00:20:25 เลือดมันไม่ข้นไม่หนืดเกินไปคราวนี้ในชา
00:20:25 → 00:20:28 เขียวอ่ะมันเหมือนผักเลยเจนมันมีวิตามิน K
00:20:28 → 00:20:31 ค่อนข้างเยอะซึ่งวิตามิน K เนี่ยเนี่ยจะ
00:20:31 → 00:20:34 ทำให้ยาวาฟารินน่ะค่ะไม่ทำงาน
00:20:34 → 00:20:34 >> ออ
00:20:34 → 00:20:37 >> อ่าก็เลยทำให้แทนที่เลือดมันจะเหลวเลือด
00:20:37 → 00:20:39 มันก็หนืดขึ้นกระทันก็ทำให้มีปัญหากับ
00:20:39 → 00:20:41 สุขภาพตัวเองได้อย่างเงี้ยคุณก็ต้องระวัง
00:20:41 → 00:20:45 ว่าคุณก็ไม่ควรกินเยอะเกินไปถูกมยอย่าง
00:20:45 → 00:20:47 เงี้ยค่ะอย่างที่หมออยากจะบอกก็คือว่าถ้า
00:20:47 → 00:20:49 คนสุขภาพร่างกายแข็งแรงอ่ะกินได้นะไม่
00:20:49 → 00:20:52 ปัญหาแต่ถ้าคุณมีปัญหาสุขภาพอ่ะต้องศึกษา
00:20:52 → 00:20:55 นิดนึงอ่าว่ากินเมื่อไหร่ได้นะหรือว่ากิน
00:20:55 → 00:20:57 พร้อมอะไรไม่ได้อย่างเงี้ยค่ะเพราะมัน
00:20:57 → 00:21:00 ค่อนข้างมีปัญหากับอ่าร่างกายของเราหรือ
00:21:00 → 00:21:02 ที่เราเคย discus ไปแล้วก่อนหน้านี้ถ้าคน
00:21:02 → 00:21:05 ไข้เป็นโรคมะเร็งเนาะแล้วกำลังทำคีโมอยู่
00:21:05 → 00:21:09 อ่ะแต่เผอิญชาเขียวถ้าคุณกินเป็นเม็ดเนาะ
00:21:09 → 00:21:12 หรือถ้าคุณเก็มเขมเข้มข้นมากๆก็ทำให้ยา
00:21:12 → 00:21:14 คีโมอาจจะไม่เวิร์คหรือไม่ทำงานอย่าง
00:21:14 → 00:21:17 เงี้ยมันก็ค่อนข้างอันตรายต่อคนไข้หรือ
00:21:17 → 00:21:19 ว่าสุดท้ายสุดเนี่ยเราคิดว่ากินชาเขียวดี
00:21:19 → 00:21:22 มากเลยโหวันนึงกินเป็น 10 แก้วแต่ปรากฏ
00:21:22 → 00:21:25 ว่าสารที่ชื่อ EGCG แทนที่มันจะดีต่อร่าง
00:21:25 → 00:21:27 กายแต่พอคุณกินเป็น 10 แก้วต่อวันน่ะ
00:21:27 → 00:21:30 ปริมาณมันเยอะมากมันเกิน 800 มิลกัก็ทำ
00:21:30 → 00:21:34 ให้ตับอันตรายได้แล้วก็อักเบนทุกอย่างคือ
00:21:34 → 00:21:35 ความพอดี
00:21:35 → 00:21:37 >> รู้ไหคะไม่ใช่แค่คนไทยที่มีปัญหาเรื่อง
00:21:37 → 00:21:40 การนอนหลับแต่ผู้ใหญ่ทั่วโลกมากถึง 1 ใน 3
00:21:40 → 00:21:43 เนี่ยมีปัญหาการนอนหลับเป็นประจำและ 80%
00:21:43 → 00:21:45 ต้องการปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับให้ดี
00:21:45 → 00:21:47 ขึ้นวันนี้เจเลยอยากจะแนะนำอาหารเสริมอีก
00:21:47 → 00:21:50 ตัวนึงค่ะที่ช่วยให้เรานอนหลับได้ดีขึ้น
00:21:50 → 00:21:52 หลับได้ลึกขึ้นซึ่งก็คือ VRA Sesamine
00:21:52 → 00:21:55 Night Time ซึ่ง Wistra เป็นแบรนด์ของ
00:21:55 → 00:21:57 Sunry Wellness ประเทศญี่ปุ่นบริษัทที่
00:21:57 → 00:22:00 มียอดขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอันดับ 1 ของ
00:22:00 → 00:22:03 ประเทศญี่ปุ่นเลยนะคะทำให้มั่นใจได้ถึง
00:22:03 → 00:22:06 คุณภาพแน่นอนค่ะผลิตภัณฑ์นี้ใช้สารสกัด
00:22:06 → 00:22:09 เซซามีนเข้มข้นถึง 10 มกรัมจากประเทศ
00:22:09 → 00:22:11 ญี่ปุ่นไม่ใช่แค่น้ำมันงาสกัดเย็นนะคะ
00:22:11 → 00:22:14 ซึ่งงานวิจัยค้นพบว่าเซซามีนช่วยปรับ
00:22:14 → 00:22:16 คุณภาพการนอนให้กับคนที่มีความเหนื่อยล้า
00:22:17 → 00:22:19 หากรับประทานต่อเนื่องกันอย่างน้อย 4
00:22:19 → 00:22:21 สัปดาห์ใครที่มีปัญหานอนไม่หลับหลับไม่
00:22:21 → 00:22:23 สนิทตื่นมาไม่เฟรชหรือใช้ชีวิตเต็มที่จน
00:22:23 → 00:22:26 รู้สึกเหนื่อยลาและอยากจะฟื้นฟูร่างกายใน
00:22:26 → 00:22:30 เวลาที่จำกัดเนี่ยเซามine night วันละ 1
00:22:30 → 00:22:33 เม็ดทุกคืนก่อนนอนก็สามารถช่วยให้หลับลึก
00:22:33 → 00:22:35 ขึ้นแล้วก็ตื่นมาแล้วรู้สึกเฟรชขึ้นตลอด
00:22:35 → 00:22:38 ทั้งวันเลยค่ะสำหรับใครที่สนใจ VDRA เซิน
00:22:38 → 00:22:40 Night Time สามารถหาซื้อได้ตามร้านขาย
00:22:41 → 00:22:43 ยาชั้นนำทั่วไปนะคะหรือทางช่องทางออนไลน์
00:22:43 → 00:22:45 เนี่ยจะเป็น Wistra Official Store ค่ะ
00:22:45 → 00:22:48 คำถามต่อมาค่ะปกติเป็นคนไม่กินกาแฟเลยค่ะ
00:22:48 → 00:22:50 แต่พอได้ไปลองมัฉะครั้งแรกที่ประเทศ
00:22:50 → 00:22:53 ญี่ปุ่นเนี่ยติดใจก็เลยซื้อกลับมาและกิน
00:22:53 → 00:22:56 ทุกวันเลยค่ะแต่ล่าสุดกินมัจฉะและผื่น
00:22:56 → 00:23:00 ขึ้นนะคะพอลองทดลองกินวันต่อมาเนี่ยก็ยัง
00:23:00 → 00:23:03 ขึ้นอยู่แบบเนี้ยถือว่าแพ้มัจฉะหรือเปล่า
00:23:03 → 00:23:06 คะแล้วทำไมก่อนหน้าเนี้ยถึงกินได้คะ
00:23:06 → 00:23:09 >> อันเนี้ยต้องบอกก่อนว่าคนที่แพ้มัจฉะหรือ
00:23:09 → 00:23:12 แพ้ชาเขียวมีมแต่ว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้าง
00:23:12 → 00:23:14 น้อยมากนะคะเนาะฉะนั้นคราวนี้บอกก่อนว่า
00:23:14 → 00:23:16 ที่เรากินมัฉะไปเนี่ยแล้วกินแล้วผื่นขึ้น
00:23:17 → 00:23:19 น่ะมันก็จะแปลได้ว่าอาจจะเป็น 2 กรณีกรณี
00:23:19 → 00:23:22 ที่ 1 คืออาจจะแพ้จริงๆนะเพราะแรกๆอ่ะ
00:23:22 → 00:23:24 ร่างกายเราอ่ะอาจจะไม่ค่อยได้กินมัจฉะ
00:23:24 → 00:23:27 เท่าไหร่นะคะมันก็เลยยังจับสารอะมิโนอซิด
00:23:27 → 00:23:29 หรือโปรตีนต่างๆอ่ะยังไม่ค่อยได้พอกินไป
00:23:29 → 00:23:32 บ่อยๆอ่ะมันเริ่มสะสมมากขึ้นเรื่อยๆเนาะ
00:23:32 → 00:23:34 ก็เลยทำให้ปฏิกิริยาภูมิแพ้เนี่ยมีอาการ
00:23:34 → 00:23:37 ได้มากขึ้นอันเนี้ยเป็นไปได้อันนี้คือแพ้
00:23:37 → 00:23:39 จริงๆนะคะฉะนั้นถ้าเป็นกรณีแพ้จริงๆก็คือ
00:23:39 → 00:23:42 แนะนำเลี่ยงจะดีกว่านะคะเนาะกรณีที่ 2
00:23:42 → 00:23:44 บอกไปแล้วเมื่อกี้ว่าคนที่กินมัจฉะส่วน
00:23:44 → 00:23:47 ใหญ่คุณกินทั้งใบเลยนะแล้วเราไม่รู้ว่า
00:23:47 → 00:23:50 ไอ้ตัวที่เขาตั้งต้นมาเนี่ยเขาปลูกยังไง
00:23:50 → 00:23:52 มีสารพิษโลหะหนักเยอะมั้ยหรือมีสารอย่าง
00:23:52 → 00:23:55 อื่นได้มั้ยเราอาจจะแพ้ในสารเหล่านั้นก็
00:23:55 → 00:23:58 ได้อาจจะไม่ใช่มัฉะจริงๆก็อาจจะลอง
00:23:58 → 00:23:59 เปลี่ยนยี่ห้อดู
00:23:59 → 00:24:01 >> อาจจะลองเปลี่ยนยี่ห้อดูใช่ฉันเนี่ยอาจจะ
00:24:01 → 00:24:03 เป็นหนึ่งในตัวทริกง่ายๆว่าเออลองเปลี่ยน
00:24:03 → 00:24:05 ดูซิว่าเรากินแล้วเป็นมหรือจากมัชเป็นชา
00:24:05 → 00:24:08 เขียวธรรมดาซิเออว่าเรามีปัญหามยถ้ากิน
00:24:08 → 00:24:10 แล้วไม่มีปัญหาแปลว่าไม่ใช่น่าจะเป็นสาร
00:24:10 → 00:24:13 อะไรที่อยู่ข้างในมากกว่าแต่ทั้งนี้ทั้ง
00:24:13 → 00:24:15 นั้นน่ะค่ะก็ต้องระวังนิดนึงเพราะว่าทุก
00:24:15 → 00:24:17 ครั้งที่เรากินเข้าไปแล้วมีผื่นแปลว่ามี
00:24:17 → 00:24:19 การอักเสบเนาะแล้วการอักเสบนานๆแล้วอยู่
00:24:19 → 00:24:22 แล้วว่าไม่ดีต่อร่างกายของเรานะคะฉะนั้น
00:24:22 → 00:24:24 ไม่ใช่ว่ากินแล้วผื่นขึ้นแล้วกินยาแก้แพ้
00:24:24 → 00:24:27 นะอันนี้ไม่ถูกเวยเนาะควรจะงดมากกว่า
00:24:27 → 00:24:29 >> แล้วมันเป็นไปได้มั้คะว่าอันเนี้เป็น
00:24:29 → 00:24:31 เพราะว่าเขาแพ้คาเฟอีน
00:24:31 → 00:24:34 >> คาเฟอีนน่ะอาการไม่ใช่แบบว่าผื่นเนาะนะคะ
00:24:34 → 00:24:36 จริงๆแล้วอ่ะคำว่าแพ้คาเฟอีนน่ะมันมี 2
00:24:36 → 00:24:39 รูปแบบแบบเหมือนกันแบบแรกคือแพ้จริงๆนะคะ
00:24:39 → 00:24:41 แพ้แล้วแบบว่าผื่นขึ้นเลยแต่ถ้าคุณแพ้
00:24:41 → 00:24:44 คาเฟอีนน่ะไม่ว่าจะเป็นกาแฟไม่ว่าจะเป็น
00:24:44 → 00:24:48 ชาไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลมนะคะเนาะหรือว่า
00:24:48 → 00:24:50 อิ่มไอ้คาเฟอีอื่นๆในเช่นในช็อกโกแลต
00:24:50 → 00:24:51 เนี่ยคุณก็ต้องแพ้หมดนะ
00:24:51 → 00:24:52 >> อื
00:24:52 → 00:24:54 >> อ่าถูกมยถึงมีอาการแต่อีกแบบนึงเราเรียก
00:24:54 → 00:24:57 ว่า intolerance intolerance ที่หมอ
00:24:57 → 00:24:59 อธิบายไปก่อนนว่าขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของ
00:24:59 → 00:25:02 แต่ละคนเลยว่าเราขับคาเฟอีนน่ะได้เร็วมาก
00:25:02 → 00:25:04 น้อยแค่ไหนเพราะว่าถ้าสมมุติว่าเราขับได้
00:25:04 → 00:25:07 ค่อนข้างน้อยหรือช้าค่ะก็จะทำให้เวลาเรา
00:25:07 → 00:25:10 กินชาพวกนี้หรือกาแฟเข้มๆเข้าไปอ่ะทำให้
00:25:10 → 00:25:13 มีอาการปวดหัวใจสั่นได้อะไรได้หรือกระวน
00:25:13 → 00:25:16 กระวายอยู่ไม่สุขนอนไม่หลับนี่อันสุดท้าย
00:25:16 → 00:25:18 นะอืฉะนั้นน่ะมันดูมากกว่าว่าปฏิกิริยา
00:25:18 → 00:25:20 ร่างกายของเราเป็นแบบแพ้หรือเป็นแบบ
00:25:20 → 00:25:22 intorance มากกว่าค่ะ
00:25:22 → 00:25:25 >> อแล้วอยากรู้ว่าฉะนั้นน่ะก็แปลว่ามันจะ
00:25:25 → 00:25:27 ต้องดูว่าเราแพ้หรือว่าเป็นแค่
00:25:27 → 00:25:28 intolerance
00:25:28 → 00:25:30 >> ใช่สำหรับตัวคาเฟอีนนะคะใช่ค่ะ
00:25:30 → 00:25:33 >> ฉะนั้นน่ะค่ะการแพ้มัฉะกับแพ้กาแฟเนี่ย
00:25:33 → 00:25:34 มันก็ไม่เหมือนกันสิคะ
00:25:34 → 00:25:37 >> มันก็ไม่เหมือนกันใช่เพราะว่าสารมันไม่
00:25:37 → 00:25:39 เหมือนกันเลยแล้วจริงๆถ้าเราเทียบอ่ะค่ะ
00:25:39 → 00:25:42 ระหว่างการกินชากาแฟบอกแล้วว่ามันมีสีสัน
00:25:42 → 00:25:44 ของมันเนาะมันทำให้การดูดซึมคาเฟอีนน่ะ
00:25:44 → 00:25:47 ได้ได้น้อยกว่าถ้าเราเทียบกับการดื่มน้ำ
00:25:47 → 00:25:48 อัดลมที่มีคาเฟอีน
00:25:48 → 00:25:49 >> อื
00:25:49 → 00:25:52 >> เออแล้วเพราะนัดลมมีน้ำตาลน้ำตาลจะทำให้
00:25:52 → 00:25:55 ดูดซึมได้เร็วขึ้นอ่าแต่ในชากาแฟมีสีสาร
00:25:55 → 00:25:58 จะทำให้ดูดคาเฟอีนได้ลดลงฉะนั้นกินชากาแฟ
00:25:58 → 00:26:00 คาเฟอีนจะเสถียรกว่าการกินจากน้ำอัดลม
00:26:00 → 00:26:01 อยู่แล้ว
00:26:01 → 00:26:02 >> เอาจริงๆนะคะคนไม่ค่อยพูดถึงคาเฟอีนในน้ำ
00:26:03 → 00:26:05 อัดลมเนาะทุกคนก็จะพูดถึงคาเฟอีนในกาแฟใน
00:26:05 → 00:26:08 ชาเขียวแต่ในอน้ำอัดลมหนักกว่าอีกจ้า
00:26:08 → 00:26:11 เพราะน้ำตาลเยอะนะสมมุติว่าสมมุติว่าเรา
00:26:11 → 00:26:13 กินเป็นกระป๋องแล้วกันแล้วแต่ยี่ห้ออะไร
00:26:13 → 00:26:16 ก็แล้วแต่คาเฟอีนนี่แบบมีไม่น้อยนะ 10
00:26:16 → 00:26:17 กว่า 20 กรัมเลยนะแต่กระป๋อง
00:26:17 → 00:26:20 >> ก็คือบางทีกินน้ำอัดลม 1 กระป๋องเนี่ย
00:26:20 → 00:26:22 เทียบเท่ากับกินมัฉะบางทีแบบ 2-3 แก้วเลย
00:26:22 → 00:26:26 ป่ะคะไม่สักันสับกันก็คือว่าถ้ากินมัฉะ 1
00:26:26 → 00:26:29 แก้วมัน 70 ไงคาเฟอีนกระป๋องปานแค่ 20
00:26:29 → 00:26:31 เองอ่าแต่ว่าก็ทำให้ดูซึม
00:26:31 → 00:26:34 >> มันดูดซึมได้เร็วใช่แล้วบวกกับน้ำตาลที่
00:26:34 → 00:26:37 คุณกินเข้าไปคุณก็เลยยิ่งเต็มสดชื่นใช่
00:26:37 → 00:26:40 >> อ๋อแล้วทีเนี้ยค่ะอย่างที่คุณหมอบอกไปว่า
00:26:40 → 00:26:43 จริงๆแล้วอาการผื่นขึ้นจากการดื่มมัฉจริง
00:26:43 → 00:26:46 ๆเนี่ยมันมีมันเป็นไปได้หลายปัจจัยเนาะที
00:26:46 → 00:26:48 เนี้ยแล้วบางคนที่เขาบอกว่ากินชาเขียว
00:26:48 → 00:26:51 แล้วคลื่นไส้อาเจียนรู้สึกอยากจะอ้วก
00:26:51 → 00:26:53 อันเนี้ยคือถือว่าแพ้ชาเขียวแล้วเธอต้อง
00:26:53 → 00:26:53 หยุดหรือเปล่าคะ
00:26:53 → 00:26:55 >> อไม่อันเนี้ยอาจจะเป็นเหมือนกับอย่างที่
00:26:55 → 00:26:57 บอกว่าเป็นเรื่องของคาเฟอีนหรือเปล่าเนาะ
00:26:57 → 00:27:00 เพราะว่าบอกแล้วว่ายิ่งถ้าเรากินท้องว่าง
00:27:00 → 00:27:03 อ่ะร่างกายเราจะดูดซึมแล้วแsอร์บได้ค่อน
00:27:03 → 00:27:06 ข้างเร็วเนาะนะคะฉะนั้นแปลว่าอะไรถ้าเรา
00:27:06 → 00:27:08 รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นแบบนั้นเนี่ย 1 ก็
00:27:08 → 00:27:11 คือคุณต้องลดความเข้มข้นของชาเขียวหรือ
00:27:11 → 00:27:12 มัฉะลงก่อน
00:27:12 → 00:27:14 >> อ่าเช่นสมมุติว่าคุณอาจจะเคยกิน 1 แก้ว
00:27:14 → 00:27:16 เท่านี้นะกินครึ่งแก้วแล้วผสมน้ำเข้าไป
00:27:16 → 00:27:20 ก่อนนิดนึงเนาะนะคะแล้วก็ 2 เนี่ยเวลากิน
00:27:20 → 00:27:22 ไม่ควรกินท้องว่างอย่างที่บอกควรจะมีอะไร
00:27:22 → 00:27:25 ในท้องตัวที่ช่วยได้ดีๆก็คือพวกพวกโปรตีน
00:27:25 → 00:27:28 ไขมันและไฟเบอร์ถ้าเรากินโปรตีนไขมันและ
00:27:28 → 00:27:30 ไฟเบอร์ค่ะแล้วบวกชาหรือกาแฟเข้าไปเนี่ย
00:27:30 → 00:27:33 ทำให้การดูดซึมอ่ะของคาเฟอีนลดลงจะไม่
00:27:33 → 00:27:35 ค่อยทไม่ค่อยแบบขึ้นไส้อยากจะอ้วกอะไร
00:27:35 → 00:27:38 อยู่แล้วเนาะฉะนั้นเราต้องดูก่อนว่าเอ๊ะ
00:27:38 → 00:27:41 เราเนี่ยมันinทอanceนะคะหรือว่าขับได้ไม่
00:27:41 → 00:27:44 ดีมดซึมเร็วไปมเลยทำให้มีอาการเนาะฉัน
00:27:44 → 00:27:47 อย่างง่ายๆกินแอปเปิ้ลก็ได้อ่ะบวกกับชาย
00:27:47 → 00:27:49 อย่างเงี้ยเพราะในแอปเปิ้ลน่ะค่ะเปลือก
00:27:49 → 00:27:51 มันน่ะจะมีตัวที่ชื่อว่าเปกตินนะสีแดงๆ
00:27:51 → 00:27:53 อ่ะก็จะทำให้ลดการดูดซึมของคาเฟอีนได้
00:27:53 → 00:27:55 ค่อนข้างค่อนข้างดีค่ะ
00:27:55 → 00:27:57 >> แล้วกินกล้วยได้มั้คะกล้วยช่วยให้ลดการ
00:27:57 → 00:27:59 ดูดซึมของคาเฟอีนได้ด้วยมั้คะ
00:27:59 → 00:28:00 >> แน่นอนเพราะในกล้วยมีไฟเบอร์อยู่แล้ว
00:28:00 → 00:28:03 อย่างที่เราบอกนะชั้นการกินกล้วยเนี่ยค่ะ
00:28:03 → 00:28:05 ก็สามารถกินพร้อมกับชาได้ถ้าเราไม่อยาก
00:28:05 → 00:28:08 ได้รับแบบคาเฟอีนมากเกินไปแต่กล้วยก็
00:28:08 → 00:28:11 เหมือนกันว่ากล้วยน้ำว้ากล้วยอิ่หอมอย่าง
00:28:11 → 00:28:14 เงี้ยก็จะมีน้ำตาลไม่เท่ากันถ้าอะไรยิ่ง
00:28:14 → 00:28:16 มีน้ำตาลเยอะก็จะทำให้ดูดซึมได้เร็ว
00:28:16 → 00:28:16 เหมือนกัน
00:28:16 → 00:28:18 >> แล้วอยากรู้อ่ะค่ะว่าคนเป็นโรคกระเพาะ
00:28:18 → 00:28:20 เนี่ยกินชาเขียวได้มั้คะ
00:28:20 → 00:28:22 >> อย่างที่บอกเมื่อกี้ว่าชาเขียวอ่ะจริงๆ
00:28:22 → 00:28:25 อ่ะมันจะมี 2 แอเนี่ยแง่นึงบอกว่าในหลอด
00:28:25 → 00:28:28 ทดลังนะถ้าคุณกินชาเขียวแล้วมี EGCG
00:28:28 → 00:28:31 เนี่ยช่วยลดนะคะแบคทีเรียที่ชื่อว่า HY
00:28:31 → 00:28:32 ได้
00:28:32 → 00:28:34 >> ซึ่ง Hory นี่แหละเป็นตัวทำให้เกิดโรค
00:28:34 → 00:28:37 กระเพาะอาหารอักเสบเนาะแล้วเป็นแผลนะคะ
00:28:37 → 00:28:40 มันช่วยลดได้เนาะแล้วก็สารชาเขียวช่วยลด
00:28:40 → 00:28:44 การอักเสบได้แต่มีแต่ชาเขียวมีคาเฟอีน
00:28:44 → 00:28:44 >> อื
00:28:44 → 00:28:48 >> อ่าซึ่งคาเฟอีนถ้ามีเยอะๆจะทำให้กระเพาะ
00:28:48 → 00:28:50 อาหารเราอ่ะค่ะสร้างกรดมากขึ้นอีก
00:28:50 → 00:28:50 >> อื
00:28:50 → 00:28:53 >> พอสร้างกรดมากขึ้นก็ป๊ามันก็ยิ่งระคาย
00:28:53 → 00:28:55 เคืองมากขึ้นใช่มทำให้เกิดกดไหลย้อนได้
00:28:55 → 00:28:58 ง่ายอะไรได้ง่ายฉะนั้นมันต้องพอดีเนาะ
00:28:58 → 00:29:02 แล้วอันดับที่ 2 เนี่ยค่ะในตัวของชาเขียว
00:29:02 → 00:29:04 เองอ่ะมันมีสารที่บอกว่าเป็นสารที่เป็นสี
00:29:04 → 00:29:07 ๆของมันเนาะพวกโพลิฟิโนต่างๆนะคะอันเนี้ย
00:29:07 → 00:29:10 ก็ทำให้ระคายเคืองอ่ะคะกับพวกกระเพาะ
00:29:10 → 00:29:12 อาหารได้เหมือนกันฉะนั้นมันก็เลยต้องดู
00:29:12 → 00:29:15 ว่าเอ๊ะถ้าเราดื่มเข้าไปเนี่ยดื่มพร้อม
00:29:15 → 00:29:18 กับอะไรดีกว่ามยอ่าอย่าดื่มท้องว่างเนาะ 2
00:29:18 → 00:29:21 ความเข้มข้นอาจจะแบบไม่ต้องแบบโหคนอื่น
00:29:21 → 00:29:24 เขาทรง 2 ช้อนฉันต้องทรง 2 ช้อนชันเอช้อน
00:29:24 → 00:29:26 หรือครึ่งช้อนก็พอให้มันพอดีพอดีกับเรา
00:29:26 → 00:29:29 อย่าเงี้ค่ะซึ่งว่าถ้าเรากินพอดีโอเคแต่
00:29:29 → 00:29:31 ว่าถ้าเรากินน้อยแล้วยังเป็นก็ไม่ควรดื่ม
00:29:31 → 00:29:32 ดีกว่า
00:29:32 → 00:29:36 >> คนปกตินะคะที่อาจจะสุขภาพไม่ได้มีโรค
00:29:36 → 00:29:40 ประจำตัวอะไรอย่างเงี้ยค่ะควรจะกินมัจฉะ
00:29:40 → 00:29:41 ได้กี่แก้วต่อวันคะ
00:29:41 → 00:29:44 >> อันนี้ต้องบอกก่อนว่ามัจฉะเนี่ยเนาะก็คือ
00:29:44 → 00:29:47 มี 2 สำคัญก็คือ 1 คือคาเฟอีน 1 แก้ว
00:29:47 → 00:29:51 เนี่ยประมาณ 70 มกรัคาเฟอีนนะคะคาเฟอีน
00:29:51 → 00:29:53 ต่อวันไม่ควรเกิน 400 มลกรั
00:29:53 → 00:29:56 >> อันนี้คือmaimัเลยนะแต่ทั่วๆไปเราก็จะกิน
00:29:56 → 00:29:58 น้ำมันสัก 200 มกรัมชั้นมัฉะแก้วนึงอ่ะ
00:29:58 → 00:30:00 ค่ะก็ประมาณ 2-3 แก้วต่อวัน
00:30:00 → 00:30:03 >> โอเคละเนาะกับอันที่ 2 บอกแล้วว่าในมัจฉะ
00:30:03 → 00:30:06 จะมี EGCG เนาะที่ไม่ควรเกิน 800 มลกรัม
00:30:06 → 00:30:08 อ่ะ 800 มลกรัมก็คือต้องเกิน 10 แก้วเนาะ
00:30:08 → 00:30:11 ฉะนั้นก็คือ 2-3 แก้วเนี่ยโอเคแล้วก็อยาก
00:30:11 → 00:30:14 บอกทริกนิดนึงสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆไม่
00:30:14 → 00:30:17 ว่าจะเป็น EGCG ชาเขียวอ่ะถ้าคุณกินชา
00:30:17 → 00:30:20 เขียว 1 แก้วกับมัจฉะ 1 แก้วมัจฉะ 1 แก้ว
00:30:20 → 00:30:23 เนี่ยมีสารต้านอนุมมดอิสระมากกว่าชาเขียด
00:30:23 → 00:30:24 ธรรมดาถึง 10 เท่า
00:30:24 → 00:30:25 >> โอโห
00:30:25 → 00:30:27 >> อ่าเนาะฉันก็เลือกเอา
00:30:27 → 00:30:29 >> เลือกเอาว่าอยากจะกินอันไหน
00:30:29 → 00:30:29 >> ใช่
00:30:29 → 00:30:31 >> มีคนบอกว่าถ้าดื่มชาเขียวหรือมัฉามากเกิน
00:30:31 → 00:30:34 ไปเนี่ยจะทำให้เป็นนิ่วในไตไตไวได้เลยอัน
00:30:34 → 00:30:36 นี้มันขนาดนั้นเลยหรอคะ
00:30:36 → 00:30:39 >> อ่ะกลับมาสูตรตั้งต้นเหมือนเดิมของเรานะ
00:30:39 → 00:30:42 คะชาเขียวมีสารที่ชื่อว่าแบบว่าอ่ามี EGCG
00:30:42 → 00:30:45 ที่เป็นสีเนาะในสีเหล่าเนี้ยค่ะมันจะมี
00:30:45 → 00:30:47 สารที่ชื่อว่าออกซาเลตค่อนข้างเยอะซึ่งใบ
00:30:47 → 00:30:50 ชาทั้งหมดมีหมดเลยไม่ว่าจะเป็นชาดำชาแดง
00:30:50 → 00:30:53 ที่เรากินนะคะออกซิเลตเนี่ยในชาเขียวมี
00:30:53 → 00:30:56 น้อยกว่าชาดำนะฉะนั้นถ้าสมมุติคุณกินชานม
00:30:56 → 00:30:58 อ่ะกับกินชาเขียวชานมมีเยอะกว่า
00:30:58 → 00:30:58 >> ชาเขียวดีกว่า
00:30:58 → 00:31:01 >> อ่าชาเขียวมีน้อยกว่านะฉะนั้นไม่ใช่แค่ชา
00:31:01 → 00:31:03 เขียวเนาะแล้วก็อันที่ 2 นะคะเนาะมันขึ้น
00:31:04 → 00:31:06 อยู่ร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกันเพราะว่า
00:31:06 → 00:31:08 มันขึ้นกับพันธุกรรมบางคนน่ะค่ะเวลาเรา
00:31:08 → 00:31:11 กินชาเข้าไปเนี่ยตัวออกซิเรตอ่ะจะไปจับ
00:31:11 → 00:31:13 กับแคลเซียมได้ค่อนข้างง่ายเนาะในไตเลยทำ
00:31:13 → 00:31:14 ให้เป็นนิ่้ว
00:31:14 → 00:31:17 >> อ่าแต่บางคนขับออกได้ดีไม่เหมือนกัน
00:31:17 → 00:31:19 ฉะนั้นร่างกายเราไม่เหมือนกันเนาะ
00:31:19 → 00:31:22 >> 3 ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่เราดื่มด้วยนะ
00:31:22 → 00:31:24 คะว่าถ้าเราดื่มน้ำเพียงพอค่อนข้างโอเคก็
00:31:24 → 00:31:27 ไม่ค่อยมีปัญหาคราวนี้เนี่ยก็เลยไปหางาน
00:31:27 → 00:31:30 วิจัยนะคะนิดนึงก็คือในเมืองจีนเนาะที่
00:31:30 → 00:31:33 ที่อ่าเสี้ยงไฮอ่ะค่ะเมีการทำวิจัยอ่ะเอา
00:31:33 → 00:31:35 ประชากรมาเป็นแสนคนเลยเนาะมาดูผู้หญิงผู้
00:31:35 → 00:31:37 ชายอ่ะค่ะที่ดื่มชาเขียวแล้วเนี่ยแล้ว
00:31:37 → 00:31:40 เปรียบเทียบคนดื่มกับไม่ดื่มเนาะปี 2019
00:31:40 → 00:31:42 ว่าเอ๊ะถ้าคนดื่มชาเขียวเนี่ยจะทำให้มี
00:31:42 → 00:31:45 เป็นนิ้วในไตได้มากกว่าจริงหรือเปล่าเนาะ
00:31:45 → 00:31:47 ปรากฏว่าเขาบอกว่าไม่จริงในงานวิจัยบอก
00:31:47 → 00:31:49 อย่างงั้นนะเป็นแสนคนเลยเนาะเค้าก็เลยบอก
00:31:49 → 00:31:51 ว่าเอ๊ะทำไมถึงเป็นอย่างนั้นนะคะเค้าก็
00:31:51 → 00:31:55 เจอว่าในสารชาเขียวเนี่ยค่ะมันจะทำให้ไต
00:31:55 → 00:31:57 เนี่ยสามารถขับสารที่ชื่อว่าซิเตรตได้
00:31:57 → 00:32:00 ค่อนข้างเยอะซึ่งซิเนี่ยมันจะเป็นสาร
00:32:00 → 00:32:02 เหมือนคล้ายๆว่าต้านนิ่วอ่ะทำให้ตัว
00:32:02 → 00:32:05 ออกซิเลตไม่ไปจับกับแคลเซียมนะคะก็เลยอาจ
00:32:05 → 00:32:07 จะเป็นหนึ่งในทฤษฎีที่ว่าทำไมกินชาเขียว
00:32:07 → 00:32:10 เนาะแล้วไม่ทำให้เป็นนิ่้วได้เหมือนกัน
00:32:10 → 00:32:12 เออฉะนั้นในงานเยังมีการเ้าเรียกว่าการถก
00:32:12 → 00:32:14 เถียงกันอยู่ว่าใช่หรือไม่ใช่แต่อย่างที่
00:32:14 → 00:32:17 หมอบอกว่า 1 ขึ้นอยู่กับร่างกายคนไข้นะ
00:32:17 → 00:32:19 พันธุกรรมมันเป็นยังไง 2 ขึ้นอยู่กับวิธี
00:32:19 → 00:32:22 การดื่มว่าคุณดื่มแบบไหนคุณดื่มน้ำเพียง
00:32:22 → 00:32:24 พอนะคะแล้วก็ 3 ถ้าเป็นชาเขียวได้คุณภาพ
00:32:24 → 00:32:27 ดีอ่ะจริงๆแล้วงานวิจัยว่ามันช่วยลดนิ่ว
00:32:27 → 00:32:28 ได้ด้วยซ้ำ
00:32:28 → 00:32:30 >> อือฉะนั้นจริงๆแล้วทุกอย่างอ่ะมันขึ้น
00:32:30 → 00:32:33 อยู่กับความพอดีเลยเนาะเรื่องการกินชา
00:32:33 → 00:32:35 เขียวก็หาความพอดีของตัวเองให้เจอ
00:32:36 → 00:32:38 >> ใช่ใช่แล้วก็ที่สำคัญฟังร่างกายเรานิดนึง
00:32:38 → 00:32:39 ค่ะว่ามันต้องการอะไร
00:32:39 → 00:32:42 >> แล้วสุดท้ายค่ะคุณหมอมีทิกอันนี้อาจจะ
00:32:42 → 00:32:44 เป็นคำถามที่ตอบไม่ได้นะแต่อยากถามเผื่อ
00:32:44 → 00:32:46 จังเลยเพราะว่าเดี๋ยวเนี้ยพอมันเป็น
00:32:46 → 00:32:48 เทรนด์แล้วทุกคนก็ซื้อกินชาเขียวอย่าง
00:32:48 → 00:32:49 เงี้ยค่ะแล้วก็
00:32:49 → 00:32:52 >> มันมีวิธีการสังเกตยังไงดีคะหรือว่าดูม
00:32:52 → 00:32:55 ว่ามัจฉะอันไหนอ่ะคุณภาพดีเพราะอย่างที่
00:32:55 → 00:32:57 คุณหมอบอกไปว่าจริงๆมัจฉะเนี่ยมันคือทั้ง
00:32:57 → 00:33:00 ใบทั้งหมดเลยแล้วถ้าใบไม่ได้คุณภาพเนี่ย
00:33:00 → 00:33:02 มันก็อาจจะมีสารป้นเปื้อนอะไรก็ได้แล้ว
00:33:02 → 00:33:04 เราจะรู้ได้ยังไงว่ามัจฉะที่เราซื้อเนี่ย
00:33:04 → 00:33:06 มันเป็นคุณภาพดีจริงๆ
00:33:06 → 00:33:09 >> จริงๆต้องบอกว่าถ้าเอาตามสแตนดารดทั่วไป
00:33:09 → 00:33:11 อย่างเงี้ยค่ะส่วนใหญ่นะเขาบอกว่า 1
00:33:11 → 00:33:13 เลือกดูประเทศก่อนอ่าว่าคุณได้มาจาก
00:33:13 → 00:33:15 ประเทศอะไรเพราะว่าโดยส่วนมากแล้วอ่ะ
00:33:15 → 00:33:17 อย่างสมมุติถ้าญี่ปุ่นเอย่างเงี้ยค่ะ
00:33:17 → 00:33:26 มาตรฐานเขาจะค่อนข้างสูงอยู่อื
00:33:26 → 00:33:29 อะไรอย่างเงี้หรือสิ่งแวดลมที่โอเคอันจะ
00:33:29 → 00:33:32 ค่อนข้างเชื่อถือได้นะคะเนาะชั้น 1 เลือก
00:33:32 → 00:33:34 ยี่ห้อก่อนนะคะประเทศว่ามาจากอันไหนก่อน
00:33:34 → 00:33:37 เนาะ 2 เนี่ยก็ให้ดูว่าเขาผลิตมานานแล้ว
00:33:37 → 00:33:40 หรือยังนะคะหรือว่ามันแบบว่าเพิ่งเก็บไม่
00:33:40 → 00:33:41 นานอย่างเงี้ยเพราะยิ่งถ้าเก็บไม่นานก็
00:33:42 → 00:33:45 แปลว่ามันยังสดใหม่ยังจะค่อนข้างโอเคกว่า
00:33:45 → 00:33:47 อยู่แล้วเนาะนะคะและอีกอันนึงที่มันพูด
00:33:47 → 00:33:50 ยากคือว่าที่เราสถานที่เราซื้ออ่ะว่า
00:33:50 → 00:33:52 ผลิตภัณฑ์ที่เราได้มาเป็นของจริงของปลอม
00:33:52 → 00:33:56 เอออันเนี้ยมันก็ดูไม่ได้เนาะฉะนั้นเราก็
00:33:56 → 00:33:58 อาจจะต้องเลือกซื้อร้านที่น่าเชื่อถือได้
00:33:58 → 00:34:00 แต่ถ้าคุณซื้อออนไลน์หรืออะไรที่เราไม่
00:34:00 → 00:34:02 รู้เนี่ยหมอว่ามันค่อนข้างแบบน่ากลัวนิด
00:34:02 → 00:34:03 นึงอ
00:34:03 → 00:34:05 >> อืเพราะว่าจริงๆคุณภาพของมัชฉาเนี่ยสำคัญ
00:34:05 → 00:34:08 มากๆเลยนะคะไม่ใช่แล้วแล้วอย่างที่คุณหมอ
00:34:08 → 00:34:11 บอกว่ามันมีคาพีอีนเยอะนะคะแล้วก็
00:34:11 → 00:34:14 >> คุณภาพไม่ว่าจะเป็นสารเปื้อนๆเนี่ยมันส่ง
00:34:14 → 00:34:15 ผลต่อสุขภาพได้มากจริงๆ
00:34:15 → 00:34:17 >> อใช่แล้วก็อีกอันสุดท้ายแน่นอนถ้าร้านที่
00:34:17 → 00:34:19 เราไปกินน่ะได้มาตรฐานหมอคิดว่าเขาก็น่า
00:34:20 → 00:34:21 จะเลิกอะไรที่โอเคให้เราเนาะ
00:34:21 → 00:34:24 >> อือโอยวันนี้ได้ความรู้เกี่ยวกับมัฉาเยอะ
00:34:24 → 00:34:25 ขึ้นมากๆค่ะแล้วก็รู้สึกว่าเคลียร์ความ
00:34:25 → 00:34:29 เข้าใจเนาะว่าตกลงควรจะกินได้กี่แก้วนะคะ
00:34:29 → 00:34:32 แล้วก็มันช่วยทำให้เลือดจางได้จริงมยนะคะ
00:34:32 → 00:34:34 จริงๆทุกอย่างอ่ะเหมือนคีย์เวิร์ดวันนี้
00:34:34 → 00:34:36 คือความพอดีของตัวเราต้องหาที่เจอนะคะ
00:34:36 → 00:34:38 เพราะว่าแต่ละคนก็
00:34:38 → 00:34:40 >> ไม่ใช่ทุกคนกินชาเขียวแก้วเดียวกันได้
00:34:40 → 00:34:42 >> นะคะแต่ละคนก็ลองสังเกตตัวเองดูแล้วกัน
00:34:42 → 00:34:46 แล้วก็ใครนะคะที่รู้สึกว่ายังไม่จุใจนะคะ
00:34:46 → 00:34:49 เรายังไม่ได้แตะประเด็นชาเขียวประเด็นไหน
00:34:49 → 00:34:51 ที่รู้สึกว่าอยากจะรู้นะคะก็สามารถพิมพ์
00:34:51 → 00:34:54 คอมเมนต์เข้ามาได้เลยนะคะเดี๋ยวทางทีมงาน
00:34:54 → 00:34:56 จะรวบรวมแล้วก็มาถามคุณหมอใหม่ในคลิปหน้า
00:34:56 → 00:34:59 ค่ะสำหรับวันนี้ลาไปก่อนพบกันใหม่ใน EP
00:34:59 → 00:35:00 หน้านะคะสวัสดีค่ะ
00:35:00 → 00:35:04 >> สวัสดีค่ะ