00:00:13 → 00:00:20 หืออะไรก็ไม่รู้อมันกระจุ๊กกระจิ๊กอ่ะมัน เดี๋ยวนี้มันเหมือนมาทีนึงมีหลายๆ
00:00:20 → 00:00:28 เรื่องครับผมเอาเรื่องแรกที่ตั้งใจไว้ ก่อนแล้วกันครับครับมีใครจะคุยอะไร
00:00:28 → 00:00:31 ประเดิมก่อนมั้ย
00:00:32 → 00:00:40 มีครับ อมีมยไม่มีประเดิมประเดิมเรื่องโบนบออ
00:00:40 → 00:00:49 ครับผมน้ำซุปโบนบคือวันเนี้ยวันนี้เมื่อ เช้าเนี่ยก็ได้ลิงก์อะไรนะของยอะไรนะไป
00:00:49 → 00:00:56 ให้ดูอ่ะอ่าครับผมครับเป็นคลิปที่เทำด้วย กระดูกหมูหรือว่าพวกกระดูกไก่อะไรอย่า
00:00:56 → 00:01:04 เงี้นะโครงไก่กับกับปีนไก่ครับผมแต่เออ นั่นแหละนั่นแหละแล้วก็เอ่อแล้วเ้ากินไอ้
00:01:04 → 00:01:13 พวกเศษโ่งไก่เค้าเทิ้งหมดเลยอครับหรือว่า เค้าเค้าเอาแต่น้ำเพะอย่างเดียวเเอาแต่
00:01:13 → 00:01:20 น้ำแล้วก็ในน้ำเนี่ยอย่างของไอ้ที่ทำมา จากโครงไก่อ่ะทำมาจากตีนไก่โครงไก่อ่ะ
00:01:20 → 00:01:30 ครับเค้าเค้ามันมีไขมันเยอะไงไขมันมันจะ ดูเยอะเก็เลยมีตักออกเป็นบางส่วนอือแต่
00:01:30 → 00:01:39 เค้าก็ก็ดูดูคลิปก็พอเข้าใจอยู่อือใช่ ครับผมแต่ก็ยังยังสงสัยอยู่ว่าถ้าพโปรตีน
00:01:39 → 00:01:47 ที่ไอ้พวกไอ้พวกเนื้อเนื้อเศษไก่ไอ้พวกเ ถ้าเราเอาไปกินแล้วแล้วไอ้ที่คุณหมอเคย
00:01:47 → 00:01:54 บอกว่าไอ้โปรตีนพวกนี้มันจะกลายสภาพไป อย่างอื่นแล้วเราจะเอามากินซ้ำไม่ได้แล้ว
00:01:54 → 00:02:04 ครับคือเวลาต้มเนี่ยเค้าเคอาจเเาจะใช้เอา เค้าจะเอาน้ำมาได้ 2 ช่วงอ่ะมาได้ 2 ช่วง
00:02:04 → 00:02:11 อครับคือบางทีต้มไปสักประมาณสัก 2 ชั่วโมงอ่ะนะแต่ว่าช่วงแรกเนี่ยก็ใส่ไอ้
00:02:11 → 00:02:18 พวกไอ้พวกที่มันเป็นเนื้อหนังอะไรต่างๆ เนี่ยสัก 2 ชั่วโมงก็สลายตัวหมดแล้วล่ะนะ
00:02:18 → 00:02:25 แล้วก็เอาชุดนั้นน่ะมากินเป็นแบบเหมือน เค้าเรียกว่าเหมือนอะไรอ่ะเหมือนต้มเล้ง
00:02:25 → 00:02:32 อ่ะเหมือนต้มแบบแต่จริงๆต้มเล้งเนี่ยมัน ก็มันก็ต้มนานน่ะมันนานมันต้มมันเคี้ยว
00:02:32 → 00:02:39 นานโอแกอ่ะมันเหมือนเราต้มกระดูกหมูผัก กาดดองอ่ะอือเพราะฉะนั้นมีกระดูกด้วยมี
00:02:39 → 00:02:44 เนื้อด้วยอะไรด้วยเนี่ยก็ต้มแค่เดือดแล้ว ก็กระดูกมันสุกเนื้อมันสุกอ่ะนะแล้วก็จะ
00:02:44 → 00:02:52 มากินอ่าก็ได้แล้วหลังจากนั้นเอาแต่เฉพาะ โครงกระดูกอ่ะต้มต่อไปยาวๆให้มันได้เป็น
00:02:52 → 00:03:01 โบนบอดออกมาเลยคือต้ม 2 จังหวะแต่จังหวะ แรเนี่ยอเราก็ให้ตัวพวกที่มันเป็น
00:03:01 → 00:03:10 คอลลาเจนพวกเส้นเอ็นพวกกระดูกอ่อนพวก เนี้ยนะเนื้อๆบางส่วนเนี่ยมันเกิดการ
00:03:10 → 00:03:20 ละลายแล้วก็เอาเป็นน้ำซุปก็เป็นน้ำซุปอ่า ทั่วๆไปแหละนะเป็นน้ำสต๊อกได้ด้วยใช่มั้ย
00:03:20 → 00:03:28 ครับผมเวลาไปทำข้าวเออเดี๋ยวมันจะมีเออ เนี่ยๆมันจะมีของของไอ้แช Out เนี่ยที่
00:03:28 → 00:03:35 เขาเคยทำไว้้เนี่ยนะเนี่ยครับผมมีเนื้อ สัตว์ไม่มีกระดูกนะมีผักต่างๆเครื่องเทศ
00:03:35 → 00:03:42 ต่างๆอันนี้ก็จะต้มอยู่ในช่วงหนึงได้ครับ โอเคครับต่อเลยครับเดี๋ยวนะพูดรัดไปนิด
00:03:42 → 00:03:49 นึงก่อนเนี่ยเนี่ยมันจะมีอย่างเงี้ยมีมี บอดเนี่ย OT ก็คือก็คือน้ำซุปอ่ะน้ำซุป
00:03:49 → 00:03:55 ที่มาจากสัตว์น่ะนะแล้วก็สต๊อกเนี่ยสต๊อก เนี่ยเอ่อก็เป็นส่วนใหญ่เป็นสัตว์กับพืช
00:03:55 → 00:04:04 แต่พืชจะมักจะมากกว่าเเรียกน้ำสต๊อกอัน นี้เเน้นโซมนี่เน้นโปแทสเซียมอ่าถ้าบอ
00:04:04 → 00:04:11 เนี่ยบอดเนี่ยเค้าก็จะเน้นไอพวกโปรตีน โปรตีนเโปรตีนแบบคนเป็นไข้หวัดเงี้ยเอ่อ
00:04:11 → 00:04:20 เด็กเป็นไข้หวัดอะไรเงี้ยนะเ่าแต่ถ้าเกิด โบนบอดเนี่เเน้นไขมันอันเนี้ยเน้นไขมันนะ
00:04:20 → 00:04:26 ฮะจริงๆเนี่ยน้ำซุปต้มกระดูกจริงๆเนี่ยเา ก็ใส่แต่กระดูกไขกระดูกอ่ะเป็นหลักเลยนะ
00:04:26 → 00:04:32 ไอ้ปริมาณสัดส่วนที่มันจะเป็นเนื้อสัตว์ ปะปนมานิดๆหน่อยๆได้ส่วนไอ้พวกผักเครื่อง
00:04:32 → 00:04:37 เทศอะไรต่างๆนี่เค้าก็ไม่ไม่ค่อยจะใส่ อะไรนักหรอกอาจจะใส่ไปดับกลิ่นคาวนิดๆ
00:04:37 → 00:04:45 หน่อยๆแต่จริงๆเนี่ยท่ามกลางกาลเวลาที่ มันต้มนานๆเนี่ยนานๆเนี่ยนะเอพวกเนี้ยมัน
00:04:45 → 00:04:51 มันไม่ต้องเอาไอ้พวกสัตว์เนื้อสัตว์หรือ ว่าพืชผัดเครื่องเทศอะไรใส่ไปมากมายเา้า
00:04:51 → 00:04:59 ก็เน้นการไอ้พวกสกัดจากไอ้ตัวกระดูกอ่ะ เนี่ยซึ่งมันก็ใช้เวลานะแต่ถ้าเป็นน้ำ
00:04:59 → 00:05:07 สต๊อกน้ำสต๊อกพวกนี้ก็ก็ส่วนใหญ่เจะเน้น ผักอ่ะเป็นโปแตสเซียมเอาามาเป็นน้ำสต๊อก
00:05:07 → 00:05:14 ในคนคนไข้ที่เป็นมะเร็งอ่ะเอืออืพกนี้เ เน้นพืชไม่เน้นสัตว์อยู่แล้วอ่ะมะเร็งเ
00:05:14 → 00:05:20 กลัวสัตว์นะเพราะฉะนั้นการใส่เนื้อสัตว์ ใส่กระด่งกระดูกต่างๆก็ไม่ค่อยใส่
00:05:20 → 00:05:30 กันแล้วก็บอดบอก็คือน้ำซุปต้มกระดูกอนี้ เน้นโปรตีนมาฟื้นฟูการเจ็บป่วยสั้นๆเ่ะ
00:05:30 → 00:05:38 อย่างเช่นคนไข้ที่เขาเป็นไอ้ท้องเสีย เงี้ยเ้าท้องเสียนะแก่ๆท้องเสียกินอะไร
00:05:38 → 00:05:45 ไม่ค่อยได้เลยเนี่ยนะก็กินเป็นน้ำซุปต้ม กระดูกก่อนเลยแต่เป็นการต้มประเททต้มช่วง
00:05:45 → 00:05:51 สั้นๆ 2 ชมง 2 ชั่วโมง 3-4 ชั่วโมงนะแล้วก็มาก
00:05:51 → 00:05:57 กว่า 4-6 ชั่วโมงครับผมผมแบบไม่ไม่ไม่ไม่ได้ทำแบบ
00:05:57 → 00:06:04 บางที่ก็ทำตุ๋นข้ามคือเลยครับผมว่าใช้พอ เราใช้หม้อแรงดันมันจะใช้เวลาระยะเวลาที่
00:06:04 → 00:06:10 สั้นลงครับผมลงครึ่งนึงเออแล้วยิ่งถ้าใช้ กระดูกสัตว์เล็กๆอ่ะเอ่อก็ไม่ต้องนานถึง
00:06:10 → 00:06:18 ขนาดนั้นไม่ต้องถึง 6 ชมงอ่ะนะเอาครึ่ง นึงของ 6 ช่มก็เหลือ 2 3 3 ชั่วโมงพอ
00:06:18 → 00:06:25 แล้วใช่ครับแล้วก็มันมีแค่มีตัวช่วงที่ผม ทำก็คือช่วงแรกเป็นที่เา้าเรียกว่าการ
00:06:25 → 00:06:32 ชูวีครับการชูชูวีก็การทำให้พวกเครื่อง เทศเข้าไปในเนื้อสัตว์ก็คือใช้ความร้อน
00:06:32 → 00:06:37 ต่ำมากครับต่ำ ประมาณรู้สึกว่าเครื่องนี้ทำได้ถึงประมาณ
00:06:37 → 00:06:45 45 องศถึง 6 ต่ำสุดก็คือ 45 45 องศครับ ผมผมลองทำดูครั้งที่ครั้งที่แล้วว่าชูวี
00:06:45 → 00:06:55 ประมาณ 6 ชมใช้ความร้อนประมาณของผมตั้ง ไว้ที่ 50 50 องศาอืแล้วพอจบพอจบ 50 องศ
00:06:55 → 00:07:05 6 5-6 ชมปั๊บแล้วก็มาตุนต่อใช้ใชใช้การ ตุนต่อใช้ตุนแค่ประมาณ 50 50 นาทีครับ
00:07:05 → 00:07:12 อือเนื้อละเอียด เลยขนาดกระดูกไก่ไก่ดำอครับไก่ดำเป็น
00:07:12 → 00:07:19 กระดูกที่ว่าแข็งแขงกว่าไก่อื่นผมว่าเออ ครั้งนี้ครั้งนี้องทำลองลองลองลองลองดู
00:07:19 → 00:07:25 กับไก่ดำไก่ดำกลายเป็นว่านิ่มกว่าเดิม เพราะครั้งแรกทำยังแข็งอยู่เลยกระดูกที่
00:07:25 → 00:07:32 ยิ่งแข็งมันก็มีแคลเซียมเยอะอืเป็น ประโยชน์นะสำหรับคนที่มีปัญหากระดูกระดูก
00:07:32 → 00:07:40 บางกระดูกจางเนี่ยอ๋อแคลเซียมอ่ะแคลเซียม กับโซเดียมเนี่ยมันไปด้วยกันนะแต่มันต้อง
00:07:40 → 00:07:48 เป็นของธรรมชาติแบบเนี้ยมันถึงจะเข้า กระดูดได้ดีแล้วก็มีเคทก็ไปจัดสรรเข้าไป
00:07:48 → 00:07:58 นะถ้าเกิดว่าเนี่ยเอ่อจะจะบำรุงกระดูก บำรุงกระดูกเ้าก็ต้องทำแบบนี้อครับตอนนี้
00:07:58 → 00:08:04 ก็ได้จไก่ดำของของที่วันก่อนที่คุยกับ เพื่อนทำฟาร์มใช่มั้ยครับผมผมก็สติ๊ก
00:08:04 → 00:08:12 เรื่องการให้อาหารไก่กินของเพื่อนเพตอน แรกแรกๆก็บ่นๆๆหลังๆเก็เริ่มเข้าใจะอือ
00:08:12 → 00:08:19 แล้วเก็บอกว่าตอนนี้พันธุ์ไก่ไก่ดำภูพาน ที่ที่ของเขาเไม่ขายใครเลยตอนนี้เขาเก็บเ
00:08:19 → 00:08:27 ทำพันธุ์ชุดเนี้ยให้ดำแบบไก่ดำแบบดำถึง กระดูกเลยครับผมแล้วจะส่งให้ผมคนครับผม
00:08:27 → 00:08:36 ให้ผมทดลองทำๆๆแล้วก็เอาไปไ่อว่ากันแต่ ว่าคนในพื้นที่ไม่ได้กินเลยครับเพเพื่อน
00:08:36 → 00:08:43 จะทำส่งที่ผมที่เดียวครับผมของเค้าดำดำ แบบว่าดำทุกยันเนื้อข้างในเลยครับผมเค้า
00:08:43 → 00:08:50 แบบโชว์ที่อื่นที่อื่นน่ะไก่ดำแต่ว่าผ่า ข้างในจะเป็นสีเนื้อข้างในจะเป็นสีขาวแต่
00:08:50 → 00:08:58 ของของฟาร์มเพื่อนผมคือผ่าข้างในก็เป็น เนื้อดำเลยดำดำถึงข้างในเลยครับผมมีไม่ดำ
00:08:58 → 00:09:05 อย่างเดียวก็คือตับตับจะเป็นสีแดงที่อัน เดียวอย่างอื่นอย่างอื่นดำ
00:09:05 → 00:09:12 หมด ครับโอเคแค่นี้ครับผมนี่วันนี้เราเริ่ม
00:09:12 → 00:09:19 คุยกันเรื่องน้ำซุปต้มกระดูกโบนบอทนะฮะก็ มันมีองค์ความรู้จากหลายทิศทางแล้วก็
00:09:19 → 00:09:26 เรื่องบนบอทเนี่ยมันก็มีมานานแล้วนะฮะนะ การสื่อถึงความรู้หรือว่าเอ่อข้อมูลต่างๆ
00:09:26 → 00:09:33 รวมทั้งวิธีการทำแต่ในวันเนี้ยเราจะเน้น ถึงวิธีการทำแต่แต่ก็ไม่ได้เน้นอะไรมากนะ
00:09:33 → 00:09:39 ฮะไม่มีใครถูกใครผิดนะพวกนี้ก็คือหลักการ คือก็คือการต้มนั่นแหละการต้มผ่านความ
00:09:39 → 00:09:46 ร้อนเนี่ยนะฮะนะแล้วก็เป็นการสกัดสารตาม ธรรมชาติซึ่งพวกเนี้ยเป็นวิธีการทาง
00:09:46 → 00:09:55 กายภาพทางกายภาพเป็นมดเป็นแมดอะไรกันอยู่ แล้วนะฮน้ำส้มน้มก็ดทำยากแล้วทำผิดๆถูกๆ
00:09:55 → 00:10:02 อ่ะมันก็ได้ประโยชน์นะมันก็ได้ประโยชน์ อันเนี้ยหมอฉากภาพของดรอริเกนะฮะนะซึ่งก็
00:10:02 → 00:10:11 เป็นคนเแผมในเรื่องของ low C High Fat หรือ low C จการโคนี่แหละนะฮะนะเอ่อใน
00:10:11 → 00:10:18 กรณีเอ่อในในลักษณะของบนบอดที่ดรอิเบกเมา เผยแพร่เก็จะเป็นแบบเนี้ยนะฮะนะมีทั้งรูป
00:10:18 → 00:10:24 มีทั้งการไลฟ์ของเขาเนี่ยนะฮะนะก็ไลฟ์ อยู่หน้าเนี้ยนะฮะซึ่งเขาก็จะใช้กระดูก
00:10:24 → 00:10:35 ประมาณ 3 ปอนด์นะฮะก็โลโลกว่าๆนะครับ ครึ่งนะแล้วก็ใช้น้ำ 2 แกลอนนะ 2 แกลอนนะ
00:10:35 → 00:10:40 ฮะือไม่รู้แกลอนพอตเนี่ยพอตเนี่ยไม่รู้ มันสักกี่ซีซี
00:10:40 → 00:10:49 อ่ะนะแต่ของเราเนี่ยกระดูกเท่าไหร่เราก็ เติมน้ำแค่ท่วมอ่ะนะผมแล้วเก็จะใช้ไอ้ตัว
00:10:49 → 00:10:57 acv อ่ะนะ 2 ช้อนหรือ 30 ซีซนะโดยเขาก็ จะบอยหรือต้มเนี่ยอันนี้ไปก่อนสัก 30
00:10:57 → 00:11:05 นาทีแล้วก็จะเติม acv เป็น 2 ช้อนโต๊ะนะ ฮะนะอาจจะมีการแอแอดออนพวกเนี่ยสมุนไพร
00:11:05 → 00:11:15 พวกผักนะหรือก็จะมีการใส่ไอ้เกลือทะเลนะ แล้วหลังจากนั้นเนี่ยนะพอมันเดือดได้ที่
00:11:15 → 00:11:23 แล้วก็ลาไฟอ่อนๆแล้วก็เนี่ยต้มหรือเคี้ยว ต่ออยู่ในช่วงประมาณ 10-24 ชมงอันนี้อัน
00:11:23 → 00:11:30 นี้เป็นสูตรพื้นฐานทั่วๆไปเลยในช่วงแรกนะ ฮะนะครับผมในการไลฟของเค้าเก็บอกว่าเอ่อ
00:11:30 → 00:11:38 คนเราเนี่ยนะเอ่อเค้าบอกว่ามันคือเรากิน สัตว์เนี่ยเรากินในรูปของเนื้อสัตว์ค่อน
00:11:38 → 00:11:47 ข้างเยอะแต่เราค่อนข้างละเนะละเลในเรื่อง ของอ่าส่วนส่วนอื่นๆของสัตว์น่ะนะฮะนะโดย
00:11:47 → 00:11:55 เฉพาะตัวกระดูกนะก็คือคนคนก็เป็นสถาบัน สำนึกอ่ะไม่รู้จะกินยังไงอ่ะกระดูกอ่ะมัน
00:11:55 → 00:12:01 มันไม่รู้จะไปกัดไปแทะหรือจะไปทำยังไงนะ ฮะแต่ยังไงก็ตามตามกระดูกสัตว์เนี่ยก็มี
00:12:01 → 00:12:08 ประโยชน์จริงๆเ่ออะไรนะเ่อตั้งแต่ noose ทลอ่ะนะของสัตว์เนี่ยมีประโยชน์ทุกอย่าง
00:12:08 → 00:12:15 ทุกส่วนนะนะนะแล้วก็ด้านในสุดลึกสุดเลยก็ คือตัวกระดูกอ่ะนะกระดูกเนี่ยนะก็พวก
00:12:15 → 00:12:22 เนี้ยก็มีประโยชน์ด้วยอ่ะเพียงแต่ว่าจะทำ ยังไงให้สารอาหารต่างๆในกระดูกเนี่ยนะมัน
00:12:22 → 00:12:30 มันออกมานะเนี่ยแล้วก็เขาก็บอกว่าในแง่ ของบนบอดหรือน้ำซุกส้มกระดูกเนี่ย
00:12:30 → 00:12:37 นะมันจะมีสไอ้ตัวกดอะมิโนคือไกลซีนนะ ไกลซีนนะแต่ในเนื้อสัตวเนี่ยมันมี
00:12:37 → 00:12:46 เมไทโอนีนเยอะนะฮะนะพวกนี้ก็เป็นเิไม่ จำเป็นครับผมคือไกลซีนในโบนบอทเนี่ยช่วย
00:12:46 → 00:12:55 มากๆเลยในเรื่องของการนอนนะฮะคือกดอะมิโน ในในคอลลาเจนของโบนบอดของน้ำซุปต้มกระดูก
00:12:55 → 00:13:02 นะต้องบอกก่อนว่าน้ำซุปต้มกระดูกเป็น โปรตีนไม่สมสมบูรณ์นะฮะนะอีกหนอีกชื่อนึง
00:13:02 → 00:13:09 เนี่ยนะที่เราจะได้นะเราเรียกว่าคอลลาเจน นั่นเองนะฮะคอลลาเจนในน้ำซุบส้มกระดูกเรา
00:13:09 → 00:13:14 เน้นที่กระดูกนะก็เป็นคอลลาเจน type 2 นะฮะซึ่งองค์ประกอบคอลลาเจน type 2
00:13:14 → 00:13:21 เนี่ยมันจะมีกดอะมิโนหลักๆอยู่ 3 ตัวแต่ มันเป็นกรดอะมิโนที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่ไม่
00:13:21 → 00:13:30 จำเป็นนะฮะนะเนี่ยอก็มีไกลซีนอ่าไกลซีน แล้วก็มีตัวอ่า
00:13:30 → 00:13:36 อะไรนะมีไกลซีนมีเซรีนแล้วก็มีลืมไปแล้ว ตัว
00:13:36 → 00:13:47 นึงเอ่อโปลีนหรือเปล่าไกลซีนนะโปลีนแล้ว ก็เซรีนใช่นะฮะแต่ไซนเนี่ยจะมีฤทธิ์โดด
00:13:47 → 00:13:52 เด่นที่สุดนะฮะนะคือการเหตุผลหนึอ่ะที่ เราให้กินน้ำซุปต้มกระดูกตลอดทั้งวันทุก
00:13:52 → 00:14:02 มื้อเนี่ยนะก็เพราะว่านะแม้ว่าจะเป็นกรด อะมิโนที่ไม่จำเป็นก็ตามนะฮะนะแต่นะอย่าง
00:14:02 → 00:14:10 กรณีมื้อเย็นเนี่ยนะตัวไกซีนเนี่ยที่เป็น ส่วนประกอบของกดอมิโนในน้ำซุปส้มกระดูก
00:14:10 → 00:14:16 เราเนี่ยก็ช่วยในเรื่องการนอนหลักนะไกซีน ตัวนี้ช่วยในเรื่องการนอน
00:14:16 → 00:14:22 หลับเป็นโปรตีนสำคัญตัวนึงที่จะไปเป็น ส่วนหนึ่งของโครงสร้างของ
00:14:22 → 00:14:30 เมลาโทนินแล้วไกลซีนเนี่ยเป็นกดอะมิโนที่ เอ่อช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดนะฮะนะช่วยใน
00:14:30 → 00:14:41 เรื่องอ่านรมิตรนะฮะเนี่ยเก็เป็นสารสื่อ ประสาทนะฮะนอกจากนี้เนี่ยตัวไกลซีนเนี่ย
00:14:41 → 00:14:50 ก็ยังมีผลในเรื่องของข้อต่อกับเยื่อบุ ผนังลำไส้นะในการป้องกันี้กันะฮะคือใคร
00:14:50 → 00:14:58 ที่มีปัญหาในเรื่องของภูมิเพี้ยนนะภูมิ คุ้มกันทำลายตัวเองนะจากปัญหาลำไส้รั่ว
00:14:58 → 00:15:06 ขี้กัดเนี่ยเราแนะนำให้กินน้ำซุปกระดูก ตลอดนะทุกมื้อต้องมีทุกมื้อนะเพราะว่ามัน
00:15:06 → 00:15:16 มีตัวไลซีนเี่นะอมันเป็นตัวช่วยลด อ่าลดการเกิดโนรินนะฮะนะเนี่ยการทางออก
00:15:16 → 00:15:24 ของเซลล์เยื่อบวนะที่มันจะมีปัญหาใน เรื่องของสารแปลกปลอมซึมเข้าไปอันนี้ก็
00:15:24 → 00:15:30 เป็นหลักๆนะของบนบอทจริงๆโบนบอทเนี่ยเอ่อ มันก็
00:15:30 → 00:15:38 เป็นเป็นของเสริมอ่ะเป็นตัวเสริมแต่ก็มี ความจำเป็นนะแล้วก็ควรในการกินแบบคจะการ
00:15:38 → 00:15:46 คับต่ำเนี่ยก็ควรมีในทุกมื้อนะไม่ไม่ควร จะลืมเขาอ่ะนะฮะอก็เป็นประโยชน์นะก็มี
00:15:46 → 00:15:52 หลายอย่างนะฮะเขาก็เรียงมาให้เรียง 10 อย่างเลยนะฮะ
00:15:52 → 00:15:59 อแล้วทีนี้ลักษณะของน้ำซุปเนี่ยอันนี้ คร่าวๆนะฮะนะถ้าเป็นบอดเนี่ยบอดเนี่ยก็
00:15:59 → 00:16:07 คือน้ำซุปจากองค์ประกอบของสัตว์ทั้งตัวนะ เนี่ยสัตว์ทั้งตัวนะนะจะมีหรือไม่มี
00:16:07 → 00:16:15 กระดูกก็ได้นะแต่ส่วนใหญ่เนี่ยเราต้มไอ้ พวกองค์ประกอบของสัตว์เนี่ยก็คือพวกเนื้อ
00:16:15 → 00:16:20 กับเครื่องในอ่ะนะเราก็ไม่ค่อยจะใส่ กระดูกนอกจากกระดูกเล็กๆช่งกระดูกไก่อะไร
00:16:20 → 00:16:26 เงี้ยนะฮะหรือตีนไก่อะไรเงี้ยเราก็ใส่ลง ไปด้วยนะแต่กระดูกใหญ่ๆเราไม่มาต้มที่จะ
00:16:26 → 00:16:34 เป็นบรอดนะฮะนะอันนี้เราาจะใส่พวกผักต่าง ๆเครื่องเทศต่างๆแล้วก็ทำเป็นน้ำซุปนะของ
00:16:34 → 00:16:42 สัตว์นะฮะนะเราเรียกว่าบลอดนะฮะนะอันนี้ ต้มไม่นานนะมีประโยชน์ยังไงก็เอามาใช้นะ
00:16:42 → 00:16:49 ในการฟื้นฟูร่างกายนะช่วงที่เค้าเรียก อะไรฟื้นไข้ใช่มั้ยนะโดยเฉพาะเป็นไข้หวัด
00:16:49 → 00:16:57 เออสามารถกินไอ้ตัวบลออันเนี้ยนะเ่อไปได้ เลยนะฮะมีประโยชน์มีประโยชน์มากด้วยนะนะ
00:16:57 → 00:17:03 สารอาหารที่สำคัญในในส่วนนี้ก็คือโปรตีน นะฮะโปรตีนนะเพราะว่าอย่างเนื้อสัตว์
00:17:03 → 00:17:11 เนี่ยมันเป็นกรดอะมิโนจำเป็นอยู่แล้วนะ อันนี้นะกรณีนี้มันจะได้โปรตีนที่เป็น
00:17:11 → 00:17:18 โปรตีนสมบูรณ์แบบนะส่วนกรณีน้ำสต๊อกนะฮะ คำว่าน้ำสต๊อกนี่ส่วนใหญ่เราจะหมายถึงพืช
00:17:18 → 00:17:26 นะฮะนะนะแล้วก็สารอาหารที่เราจะเอาจากการ เอ่อทำน้ำสต๊อกก็คือโปแตสเซียมนะฮะโดย
00:17:26 → 00:17:35 เฉพาะคไข้มะเร็งนะนะหรืออ่าคนไข้ที่อ่า ต้องการอะไรอ่ะฟื้นฟูเรี่ยวแรงกำลังวังชา
00:17:35 → 00:17:43 อะไรต่างๆโดยจะต้องมีการเติมโปแทสเซียม จากธรรมชาติเงี้ยก็เติมจากน้ำสต๊อกนะนะ
00:17:43 → 00:17:52 น้ำสต๊อกส่วนใหญ่เราใช้พืชเเครื่องเทศนะ เอามาต้มกันนะฮะนะผักหัวๆต่างๆนะเนี่ยหัว
00:17:52 → 00:17:59 ใช้เท้าแครอทเอ่อมันฝรั่งนะมันฝรั่งนี่ โพแทสเซียมก็ก็เยอะ
00:17:59 → 00:18:07 นะพวกเนี้ยนะฮะที่เป็นหัวๆเป็นก้อนๆเนี่ย นะฮะนะทีนี้บางครั้งในช่วงหลังๆเนี่ยเก็
00:18:07 → 00:18:14 มีใส่เนื้อสัตว์ใส่กระดูกนิดๆหน่อยๆใส่ เครื่องเทศแต่หลักๆคือพืชผักนะฮะนะก็ต้ม
00:18:14 → 00:18:22 เป็นน้ำสต๊อกนะอันนี้ก็จะต้มนานขึ้นไปนิด นึงนะประมาณ 3-4 ชั่วโมงนะแล้วก็ทำไว้กิน
00:18:22 → 00:18:30 นะโดยแบ่งเป็นถุงๆแล้วก็แช่ช่องฟีดนะแล้ว ก็เอามาอุ่นนะฮะทำแกงจืดทำน้ำซุปน้ำแกง
00:18:30 → 00:18:38 อะไรต่างๆนะอย่างคนไข้มะเร็งก็ต้องใช้นะ เพิ่มโปแตสเซียมนะฮะนะนี้บนบอของเราเนี่ย
00:18:38 → 00:18:43 ในที่พูดกันในวันนี้เนี่ยส่วนใหญ่อันนี้ เราเน้นเรื่องไขมันนะฮะสิ่งที่ต้องการ
00:18:43 → 00:18:52 จริงๆจากบนบอทเนี่ยก็คือไขมันนะโดยเฉพาะ ไขมันอิ่มตัว c18 นะฮะนะสิ Acid
00:18:52 → 00:19:00 นะเพราะว่าเราเราต้องมีองค์ความรู้นิดนึง อ่ะนะฮะว่าในส่วนที่เป็นกระดูกอ่ะนะสวนพ
00:19:00 → 00:19:06 คือหลักการเนี่ยคือสัตว์ทั้งตัวเนี่ยนะฮะ ในแง่วิวัฒนาการแล้วเนี่ยกรณีที่ถามว่า
00:19:06 → 00:19:12 เอ่อไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงหรือการอยู่ใน สิ่งแวดล้อมหรือการใช้ยาการใช้สารเร่งโต
00:19:12 → 00:19:20 การใช้ฮอร์โมนการใช้อาหารเสริมอะไรต่างๆ เหล่าเนี้ยนะเอาล่ะสัตว์มันก็โตตัวใหญ่นะ
00:19:20 → 00:19:26 เอ่ออยู่ในฟาร์มอะไรต่างๆแล้วมาให้เรากิน เนี่ยนะฮะแต่ว่ากลไกโดยธรรมชาติเนี่ยนะฮะ
00:19:26 → 00:19:35 นะสัตว์เนี่ยจะเอาเอาสิ่งที่มันเป็นของมี พิษหรือของไม่ดีอะไรต่างๆเนี่ยนะไม่ได้
00:19:35 → 00:19:41 เอาไว้ที่ตัวกล้ามเนื้อกับกระดูกนะเนี่ย อันนี้เป็นเรื่องหลักสามัญสำนึกเลยเพราะ
00:19:41 → 00:19:50 ว่าถ้าเกิดไปเลี้ยงสัตว์แบบเลี้ยงเป็น ฟาร์มแล้วก็ไปใช้แต่ยาสารเร่งโตฮอร์โมน
00:19:50 → 00:19:56 เร่งตายอะไรอย่างเงี้ยนะอย่างนี้นี่ไม่ ไหวนะฮะถ้าเกิดไปกินแต่เนื้อสัตว์หรือกิน
00:19:56 → 00:20:02 พวกกระด่งกระดูกอะไรต่างๆไปด้วยเนี่ยนะ แล้วสารพิษไปหลอดไปสะสมอยู่ในนั้นเนี่ย
00:20:02 → 00:20:10 เราก็แย่ครับผมแต่ส่วนใหญ่สารพิษในไขมัน นั่นแหละนะฮะเหมือนคนเราอ่ะออนะเวลาสะสม
00:20:10 → 00:20:16 แล้วมันก็จะต้องมีการเค้าเรียกว่าเ่อมี การ accumulate มีการสะสมสารพิษร่วมด้วย
00:20:16 → 00:20:25 งั้นเวลาเราสลายไขมันเราถึงเกิดคีโตฟลู ไงครับผมนะพวกนี้อืมนะเนี่ยเพราะฉะนั้น
00:20:25 → 00:20:31 เนี่ยค่อนข้างปลอดภัยในระดับนึงนะในการจะ กินสัตว์นะไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์หรือ
00:20:31 → 00:20:39 กระดูกนี้กรณีการทำน้ำซุปต้นกระดูกโบนบอด เนี่ยนะก็ความเป็นพิษนะหรือการเจือปนของ
00:20:39 → 00:20:46 สิ่งที่ไม่น่าจะดีนักเนี่ยนะมันมันพวก เนี้ยมันมันอาจจะน้อยนะตามเรื่อง
00:20:46 → 00:20:52 วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหว ได้โดยเฉพาะอาณาจักรสัตว์นะฮะแต่ในพืช
00:20:52 → 00:21:00 เนี่ยเราใส่ปุ๋ยใส่เคมีเราฉีดยานะโอ้อัน นี้ก็มันมันมันมันใส่ไปตรงไหนมันก็อยู่
00:21:00 → 00:21:05 ตรงนั้นแหละนะฮะนะเพฉะนั้นพืชเนี่ยที่บอก ว่ามีแอนตี้นิวเทรียนหรือว่ามีของไม่ดี
00:21:05 → 00:21:12 เยอะแยะไปหมดเลยเนี่ยนะมันก็กระจายทั่วไป หมดนะก็ต่างจากสัตว์นิดนึงนะ
00:21:12 → 00:21:21 อืออันนี้ก็จะเป็นประโยชน์นะฮะของโนบอ Diet นะฮะนะเขาเอามาใช้ในกรณีไหนบ้างนะ
00:21:21 → 00:21:28 นะก็อันนี้มันก็แล้วแต่นะฮะนะโดยเฉพาะที่ จำหน่ายกันทั่วๆไปเนี่ยเขาจะเน้นในเรื่อง
00:21:28 → 00:21:36 เรื่องของคอลลาเจนนะฮะเขาไม่ได้เน้นว่า ฉันทำบนบอดขายนะแล้วสิ่งที่คุณจะได้ก็คือ
00:21:36 → 00:21:43 ไขมันอิ่มตัว 48 สิ Acid ที่จะไปมี ประโยชน์อย่างนั้นอย่างนี้นะฮะเพราะ
00:21:43 → 00:21:50 ฉะนั้นจุดมุ่งหมายในการทำเพื่อการค้าส่วน ใหญ่เขาจะทำบนบอทเพื่อให้ร่างกายได้รับ
00:21:50 → 00:21:59 คอลลาเจนนะคอลลาเจนเป็นโปรตีนที่ไม่ สมบูรณ์ตๆนะก็จะมีทั้งเอ่อไทวัน typ 2
00:21:59 → 00:22:04 ถ้า typ 2 ก็จะเป็นประโยชน์กับตัวกระดูก นะฮะแต่ถ้า typ วันเนี่ยก็จะเป็นประโยชน์
00:22:04 → 00:22:13 กับผิวหนังนะฮะอันนี้ก็แล้วแต่เเอ่อการ โฆษณาอะไรต่างๆพวกเนี้ยนะนะรวมทั้งเมื่อ
00:22:13 → 00:22:18 กี้ที่บอกไปแล้วพวกกดอมิโนบางอย่างที่ เป็นองค์ประกอบในคอลลาเจนของโบนบอดเนี่ย
00:22:18 → 00:22:25 พวกนี้เนี่ยเนี่ยมันก็จะมีผลต่อการนอน หลับต่อภาวะิขี้กัดอ่าลำไส้รั่วอะไรต่างๆ
00:22:25 → 00:22:33 นะหรือในแง่ของการทำดีท็อกซ์ของตับนะอ๋อ ครับผมเก็แล้วแต่อ่ะเราต้องดูจุดประสงค์
00:22:33 → 00:22:39 ให้ออกนะฮะแต่ของเราเนี่ยถ้าเราไม่ได้ไป ซื้อกินนะฮะนะส่วนใหญ่เนี่ยเราก็จะเน้น
00:22:39 → 00:22:48 การทำเองนะฮะใช่ครับ ผมทีนี้ก็แล้วแต่เราจะเลือกใช้อ่าสัตว์
00:22:48 → 00:22:56 ที่อยู่บนบกนั่นแหละนะจะตัวใหญ่ตัวเล็กนะ ฮะนะมันก็มีมีทริกบางอย่างเนี่ยต้องต้อง
00:22:56 → 00:23:02 เข้าใจนิดนึงนะฮะคือคงกระดูกของสัตว์เรา เนี่ยมันมี 2 รูปแบบนะฮะรูปแบบนึงก็เป็น
00:23:02 → 00:23:09 โครงกระดูกมีลักษณะแบนๆซึ่งพวกเนี้ยตัวไข กระดูกมันจะน้อยมากนะฮะอีกแบบหนึงก็คือ
00:23:09 → 00:23:16 โครงกระดูกที่มีลักษณะเป็นท่อนๆแล้วเป็น ลักษณะกลมๆหรืออาจจะเป็นเหลี่ยมๆ 6
00:23:16 → 00:23:22 เหลี่ยม 8 เหลี่ยมอะไรต่างๆสามเหลี่ยมก็ ได้นะฮะนะก็คือเป็นเหลี่ยมและกลมๆนะฮะถ้า
00:23:22 → 00:23:27 เป็นกระดูกท่อนๆพวกเนี้ยมันจะมีไขกระดูก นะฮะซึ่งมันจะอยู่ในพื้นที่ในสุดของตัว
00:23:27 → 00:23:36 โพรงกระดูกนะนะตัวกระดูกเนี่ยองค์ประกอบ ส่วนใหญ่อ่าองค์ององค์ประกอบส่วนใหญ่ของ
00:23:36 → 00:23:42 กระดูกมันก็คือโปรตีนกับแคลเซียมที่อยู่ ในเนื้อกระดูกนะฮะในเนื้อ
00:23:42 → 00:23:49 กระดูกแต่ในไขกระดูกหรือบนแมโร่เนี่ยองค์ ประกอบส่วนใหญ่มันคือคือไขมันกับโซเดียม
00:23:49 → 00:23:57 นะฮะคือไขมันกับโซเดียมเกลือโซเดียมเอ๋อ คือเกลือโซเดียมอันดับ 1 อยู่ในกระแส
00:23:57 → 00:24:03 เลือดและอันดับ 2 2 อยู่ในไขกระดูกไข กระดูกเอออยู่ในไขกระดูกแต่ส่วนใหญ่ก็
00:24:03 → 00:24:09 อยู่ที่ไขกระดูกแต่แคลเซียมมันอยู่ที่ เนื้อกระดูกนะฮะโดยเนื้อกระดูกเนี่ยมัน
00:24:09 → 00:24:16 เป็นโปรตีนเพราะฉะนั้นมีแคลเซียมไปเป็น โครงร่างร่วมด้วยมันเลยแข็งไนะแต่ตัวไข
00:24:16 → 00:24:24 กระดูกจริงๆเนี่ยมันเป็นไขมันนะแล้วไขมัน ที่ที่ไขกระดูกตามธรรมชาติของสัตว์เนี่ย
00:24:24 → 00:24:32 นะที่มีมากที่สุดเนี่ยก็คือไขมันอิ่มตัว อ่าโดยเฉพาะเป็นโครงสร้างประเภท c18 ที่
00:24:32 → 00:24:38 เราเรียกว่า stearic Acid ครับผมเพราะฉะนั้นว่าอันนี้ต้อง
00:24:38 → 00:24:46 เข้าใจนิดนึงว่าถ้าคุณต้องการ เอ่อสารอาหารที่เป็นไขกระดูกนะที่เรา
00:24:46 → 00:24:57 เรียกโนบอเนี่ยนะเราก็จะได้ตัวกดไขมัน อิ่มตัวสิ 418 กับเกลือกับเกลือ
00:24:57 → 00:25:07 นะออันนี้เป็นหลักนะฮะแต่เวลาแล้วเราที นี้จะทำยังไงอ่ะที่เราจะหาไอ้อะไรที่มัน
00:25:07 → 00:25:14 มีไขกระดูกนนะเยอะๆนะเพราะเราอยากได้ เหลือเกินไอ้พวกไขมันหยิ่มตัว c18 เี่มี
00:25:14 → 00:25:18 ประโยชน์อย่างงั้นอย่างงี้รวมทั้งโซเดียม หรือเกลือ
00:25:18 → 00:25:26 นะเพราะนั้นก็เนี่ยมันก็ต้องหาจากไอ้โครง กระดูกที่มันเป็นลักษณะเป็นท่อนๆเป็นกลมๆ
00:25:26 → 00:25:33 เป็นเหลี่ยมๆไม่ใช่แบนๆนะนะฮะทนี้ก็ดูว่า สัตว์ใหญ่สัตว์เล็กเนะฮะในน้ำหนักที่เท่า
00:25:33 → 00:25:42 กันนะฮะเราพบว่าพื้นที่ของโพงกระดูกอ่ะ หรือตัวไขกระดูกบนแมโร่เนี่ยนะนะสัตว์ที่
00:25:42 → 00:25:49 มีกระดูกเที่ค่อนข้างเล็กกว่านะนะในจำนวน น้ำหนักที่เท่ากันเนี่ยพื้นที่ของโนแร่
00:25:49 → 00:25:56 มันจะเยอะกว่าแต่พื้นที่ของเนื้อกระดูก เนื้อกระดูกนะฮะเข้าใจเนื้อกระดูกเนาะนะ
00:25:56 → 00:26:05 ก็คือเนี่ยมันจะน้อยกว่ามันจะน้อยกว่า เพราะฉะนั้นเนี่ยอยากได้ไขกระดูกก็ต้อง
00:26:05 → 00:26:15 ส่วนใหญ่เราก็ใช้พวกไก่ขาไก่เออเป็นพวก สัตว์ปีกครับผมเอ่อเป็นไกห่านเนะเอ่อแต่
00:26:15 → 00:26:26 ถ้าไม่พอไม่พอก็ไปหาจากอะไร อ่ะจากหมูจากวัวนะหรือจากแพะจากแกะเอ่า
00:26:26 → 00:26:31 หรือบางคนเ้าก็เอากระดูกปลากระบุกปลา แซลมอนนะฮะนะ
00:26:31 → 00:26:40 นะแต่ว่าส่วนใหญ่สัตว์บกเนี่ยมันเป็น แหล่งของไขมันอิ่มตัวนะสเตียริกนะนะถ้า
00:26:40 → 00:26:46 อยู่ในไขกระดูกนะมันจะเยอะกว่าเยอะกว่าใน สัตว์น้ำนะ
00:26:46 → 00:26:55 อแล้วก็ปลาเนี่ยมันก็อืมก็บอกยากน่ะนะนะ เพราะว่าส่วนใหญ่อ่ะที่เรารู้ๆกันเนี่ยนะ
00:26:55 → 00:27:02 เราก็เราก็จะได้จากไอ้ไอ้ตัวกระดูกไก่ หรือกระดูกของสัตว์ปีกเนี่ยก็คือไก่เนี่ย
00:27:02 → 00:27:09 มันมีเยอะที่สุดนะฮะเนี่ยแล้วเราก็เอาอัน นี้มานะฮะทนี้ถ้ากรณีที่
00:27:09 → 00:27:16 เอ่อไม่หายากหรือไม่ได้จริงๆอะไรอย่าง เงี้ยนะก็แล้วแต่นะสัตว์เนี่ยที่มีลักษณะ
00:27:16 → 00:27:24 กระดูกกลมๆนะหรือเหลี่ยมๆอะไรเงี้ยอไม่ เอาแบนๆนะก็ใช้ได้นะฮะก็แล้วแต่นะฮะเอ่อ
00:27:24 → 00:27:31 ที่คนจีนเค้าทำน้ำซุปต้มกระดูกกันเนี่ย เา้าก็เอาคาตั้งคาตั้งกระเเอี่ยวเร่งนะฮะ
00:27:31 → 00:27:40 นะเอ่อคาตั้งเนี่ยคาตั้งก็จะเป็นกระดูก อะไรอ่ะกระดูกหมูขามูกระดูกต้นเออกระดูก
00:27:40 → 00:27:48 ขาตนบนน่ะนะฮะเดี๋ยวเลงก็เป็นกระดูกสัน หลังที่เ้ามักจะเอามาทำอะไรกันนะต้มเล้ง
00:27:48 → 00:27:55 ต้มเล้งครับผมตเล้งใช่มเออนั่นแหละต้ม เล้งก็คือเอี่ยวเร่งเอ่าเอี่ยวเร่งตาตั้ง
00:27:55 → 00:28:01 นะเนี่ยนะ คืออันเนี้ยอันเนี้ยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยจุด
00:28:01 → 00:28:08 มุ่งหมายในการเอาไอ้กระดูกสัตว์ใหญ่ๆพวก เนี้ยส่วนใหญ่เเค้ามักจะอยากได้คอลลาเจน
00:28:08 → 00:28:13 น่ะอยากได้โปรตีนนะก็ไม่ได้อยากได้ไขมัน นะ
00:28:13 → 00:28:19 ฮะแต่ถ้าใคร อ่าเอากระดูกไก่อะไรอย่างเงี้ยนะฮะนะ
00:28:19 → 00:28:26 กระดูกสัตว์ปีกอะไรเงี้ยอ่ามันจะได้ไขมัน นะฮะเดี๋ยวหมอจะลงคลิปให้ดู 2 คลิปเมัน
00:28:26 → 00:28:33 แตกต่างกันนะเนี่ยเนี่ยเวลาเา้าทำบนบอท จากกระดูกไก่เนี่ยนะแล้วน้ำที่มันออกมา
00:28:33 → 00:28:39 เนี่ยปรากฏว่าเอ่อมันจะมีชั้นของไขมัน หน้าหนาเลยและไอ้ชั้นที่เป็นคอลลาเจนน้อย
00:28:39 → 00:28:46 ๆเลยนะฮะทีนี้คนไม่รู้เหตุผลเนี่ยเขาคก็ จะรู้สึกเลี่ยนไขมันโอ้โหน้ำมันมันมัน
00:28:46 → 00:28:52 เยิมมันเยอะไปหมดเลยนะฮะนะแล้วเอาเวลาไป แช่ช่องฟีดเนี่ยชั้นของไขมันมันจะเยอะบาง
00:28:52 → 00:28:59 คนก่อนที่จะกินเก็ตักไอ้พวกไขมันเนี่ย เหมือนเหมืเหมือนสังขยานะทิ้งไปนะเเ
00:28:59 → 00:29:08 เลี่ยนไงเเลี่ยนเขาก็จะกินแต่คอลลาเจนนะ อะไรอย่างเงี้ยนะแต่ถ้าอยากได้ไขมันเนี่ย
00:29:08 → 00:29:14 แล้วก็ไอ้กระดูกสัตว์ปีกเนี่ยนะรับรองอ่า ต้มแล้วเนี่ยตัวชั้นไขมันหนามากนะ
00:29:14 → 00:29:22 คอลลาเจนก็มีพอประมาณนะต่างกันต่างกันนะ ฮะเนี่ยเนี่ยอันนี้อันนี้น้ำซุปต้มกระดูก
00:29:22 → 00:29:29 จากไอ้พวกไอ้พวกที่ไม่ใช่สัตว์ปีกอ่ะไอ้ พวกไอพวกหมูวัวอะไรพวกเนี้ยนะน้ำซุปมันจะ
00:29:29 → 00:29:35 เป็นอย่างเงี้ยนะฮะแล้วชั้นไขมันไม่เยอะ นะแต่ชั้นคอลลาเจนจะเยอะนะแต่ถ้าเป็นของ
00:29:35 → 00:29:42 ไก่อันนี้เป็นของไก่นะฮะเนี่ยเนี่ยของไก่ พวกเนี้ยนะฮะเนี่ยชั้นไขมันจะหนาชั้นที่
00:29:42 → 00:29:51 เป็นคอลลาเจนไม่หนาไม่เยอะเยอะนะเประมาณ นี้แหละนะฮะนี้เวลาเราจะต้มก็แล้วแต่นะฮะ
00:29:51 → 00:29:57 ใครจะใส่่ไอ้พวกไอ้พวกเนี้ยไอ้พวกนี้เป็น ตัวเสริมอ่ะนะฮะนะนะแล้วก็เครื่องปรุงก็
00:29:57 → 00:30:04 มีมีเกลือกับน้ำส้มไายชูนะ ฮะมีอยู่อย่างนึงก็คือไอ้ตัวที่เป็น
00:30:04 → 00:30:11 กระดูกนะกระดูกท่อนท่อนพวกเนี้ยนะฮะนะบาง ครั้งเนี่ยนะมันต้องหลายหลายขั้นตอนนะฮะ
00:30:11 → 00:30:18 ก็คือส่วนใหญ่เขาก็จะเอาไปเผาก่อนเผาให้ มันร้อนให้เนื้อกระดูกมันร้อนก่อนเลยนะฮะ
00:30:18 → 00:30:26 แล้วอาจจะมีการใช้มีดมีดปังตอเนี่ยเคาะ ให้มันร้าวๆนะฮะร้าวๆนะเพื่อเวลาต้มเนี่ย
00:30:26 → 00:30:34 เมันก็จะได้มีการซึมซ่านเข้าไปของความ ร้อนในการไปสกัดนะเอาตัวเนื้อกระดูกกับ
00:30:34 → 00:30:41 ตัวไขกระดูกอ่ะสารหารในนั้นออกมานะฮะอัน นี้ก็แล้วแต่เทคนิคก็มีอย่างเงี้ยนะคือ
00:30:41 → 00:30:50 คือพวกนี้หาดูได้ทั่วไปนะฮะนะเอนะก็การทำ น้ำซุปต้มกระดูกนะอีกเหตุผลนึงก็คือใน
00:30:50 → 00:30:56 เรื่องของช่วงเวลานะแล้วก็เรื่องของการ สิ้นเปลืองของความร้อนกับแก๊สเนี่ยนะฮะนะ
00:30:56 → 00:31:03 หรือแก๊สด้วยไฟก็ตามนะนะพวกเนี้ยถ้าเรา ใช้นะกระดูกค่อนข้างเล็กนะฮะโดยเฉพาะ
00:31:03 → 00:31:09 กระดูกสัตว์ปีกเนี่ยนะเราจะใช้เวลาไม่นาน นะยิ่งถ้าใช้หม้อแรงดันด้วยเนี่ยก็เวลา
00:31:09 → 00:31:17 มันส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเกิน 4-5 ชมงอ่ะก็พอ แล้วนะฮะนะแต่ถ้าเป็นกระดูกใหญ่เนี่ยนะ
00:31:17 → 00:31:24 กระดูกใหญ่เนี่ยเรามักจะต้องนานหน่อยนะฮะ นานหน่อยเพราะกว่าที่มันจะค่อยๆสลายเอา
00:31:24 → 00:31:32 สิ่งต่างๆออกมานะในตัวเนื้อกระดูกแล้วตัว ไขกระดูกเนี่ยมันมันต้องบางทีก็ต้องเป็น
00:31:32 → 00:31:39 ถึงครึ่งวันน่ะ 12 ชั่วโมงก็มีนะหรือค้าง คืนไปเลยก็มีอย่างของอ B เนี่ยเใช้เวลา
00:31:39 → 00:31:49 10-24 ชมงนะฮะอันเนี้ยเป็นเป็นเรื่องของ เทคนิคบางอย่างรวมทั้งอ่าความรู้ยิบย่อย
00:31:49 → 00:31:58 อ่ะเดียวกับเกี่ยวกับไอ้พวกโบนบอะนะ เอ่อมีอะไรอ่ะ
00:31:59 → 00:32:08 เตรงเนี้ยมีสงสัยอะไรมั้ยนะก็เทคนิคการทำ อะไรต่างๆเี่ดูได้ในคลิปทั่วไปนะฮะนะส่วน
00:32:08 → 00:32:16 การจะใส่ไอ้พวกผักหัวต่างๆอ่าลงไปด้วยนะ ก็แล้วแต่นะฮะบางคนใส่บางคนไม่ใส่บางคน
00:32:16 → 00:32:22 ใส่น้อยบางคนก็ใส่เยอะเอแล้วแต่ว่าจะไป ดับกินอะไรต่าง
00:32:22 → 00:32:32 ๆทำทีนึงเนี่ยก็ทำได้เป็นหม้อๆนะฮะนะแล้ว ก็เอามาใส่ถุงแช่ช่องฟีดไว้นะเวลาจะกิน
00:32:32 → 00:32:41 เนี่ยเราก็เอาออกมาอุ่นนะเป็นถ้วยน้อยๆ ประมาณ 150 ถึง 250 ซีซีแล้วแต่คนตัวใหญ่
00:32:41 → 00:32:49 ตัวเล็กชอบไม่ชอบกินนะแล้วก็เราสามารถไป ทำน้ำซุปน้ำแกงแกงจืดนะจะไปกินแบบกิน
00:32:49 → 00:32:54 ก๋วยเตี๋ยวน้ำก๋วยเตี๋ยวอะไรอย่างเงี้ยนะ ใช้น้ำซุปต้มกระดูกของเราเลยนะฮะที่เราทำ
00:32:54 → 00:33:02 ไว้นะอันนี้ก็มีประโยชน์นะฮะมีประโยชน์ หลากหลายนะอันนี้เป็นเรื่องน้ำซุปต้ม
00:33:02 → 00:33:13 กระดูกนะฮะนะอ่าเป็นตัวเสริมที่จำเป็นขาด ไม่ได้และแนะนำให้กินทุกๆวันนะ
00:33:14 → 00:33:18 ฮะเอา
00:33:20 → 00:33:28 นะก็อันนี้ก็เสริมในเรื่องของ PP โปรตีน เนี่ยนะฮะนะอันนี้ของดร David jer เนี่ย
00:33:28 → 00:33:38 นะฮะเก็ความสำคัญของเรื่องโปรตีนนะฮะนะ เนี่ยเราก็คงพอรู้แล้วล่ะนะฮะเนี่ยเอ่อ
00:33:38 → 00:33:47 กรณีสำคัญเลยเนี่ยก็คือเรื่องอ่า Muscle โน synthesis นะฮะนะเรามีบชนอมิโนแอซิด
00:33:47 → 00:33:53 ที่ชื่อลิวซีนนะฮะนะอ่าตัวสร้างกล้าม เนื้อเนี่ยหลักการสำคัญของโปรตีนก็คือการ
00:33:53 → 00:33:59 ซ่อมแซมและการมีความหวังที่จะสร้างกล้าม เนื้อนะฮะเพราะว่ากล้ามเนื้อเนี่ยมันเป็น
00:33:59 → 00:34:08 เค้าเรียกว่ามันเป็นมาเกอร์ของความยืนยาว ของชีวิตอ่ะนะเอ่อเพราะฉะนั้นวิธีการ
00:34:08 → 00:34:14 เนี่ยนะ อ่าที่เราจะได้รับโปรตีนอะไรต่างๆนะจุด
00:34:14 → 00:34:20 ประสงค์ส่วนใหญ่ก็คือการซ่อมแล้วก็การ สร้างใหม่ของอวัยวะที่มันเกิดความเสื่อม
00:34:20 → 00:34:27 หรือเสียหายนะฮะนะทีนี้ถ้าเกิดจะสร้าง กล้ามเนื้อเนี่ยนะฮะเนี่ยเราก็ดูว่านะ
00:34:27 → 00:34:34 ช่วงน้ำหนักของแต่ละบุคคลเนี่ยนะฮะนะควร จะได้ตัวลิวซีนซึ่งเป็น b Chin อิน Acid
00:34:34 → 00:34:44 เนี่ยนะอย่างน้อยอ่ะอย่างน้อยอ่ะนะฮะนะ ประมาณแค่ไหนนะเนี่ยนะอันนี้ต่อมื้อนะฮะ
00:34:44 → 00:34:49 ต่อมื้อก็คือเปรมนะฮะอันนี้อันเนี้ย
00:34:51 → 00:34:59 แล้วก็ตัวแหล่งของโปรตีนต่างๆ นะก็จะมีทั้งพืชทั้งสัตว์นะฮะซึ่งเรา
00:34:59 → 00:35:07 เรียกว่าโปรตีนคุณภาพนะฮะนะสาเหตุก็เพราะ ว่าคือโปรตีนเนี่ยนะแล้วแต่อัตราแต่ยังไง
00:35:07 → 00:35:13 ก็ตามนะคือโปรตีนสัตว์ต้องมากกว่าพืชตาม ที่เคยบอกสัตว์เนี่ยอย่างน้อยต้อง 2 ใน 3
00:35:13 → 00:35:22 60 - 70% นะฮะแต่ในพืชเนี่ยไม่ควรไม่ ควรเกิน 1 ใน 3 หรือ 30% นะยกเว้นในช่วง
00:35:22 → 00:35:28 สั้นๆที่จะต้องปรับเปลี่ยนอะไรบางสิ่งบาง อย่างโดยเฉพาะการลดไอ้พวกคอสอะไรอย่า
00:35:28 → 00:35:34 เงี้ยนะฮะเราอาจจะอัพโปรตีนพืชขึ้นไปได้ ถึง 1:1 อ่ะ 50% นะฮะหลังจากนั้นมันดี
00:35:34 → 00:35:40 ขึ้นแล้วเราก็ปรับลดลงมานะเพราะว่าคนเรา เป็นสัตว์ก็อย่างน้อยต้องต่อชีวิตด้วย
00:35:40 → 00:35:47 โปรตีนสัตว์เป็นหลักนะฮะเพราะว่าเนี่ย ความสำคัญมันอยู่ที่ตัวกดอะมิโนต่างๆนะเเ
00:35:47 → 00:35:53 แล้วกดอะมิโนจำเป็นเอมิน Acid เนี่ยส่วน ใหญ่มันก็จะมีมากในเรื่องของโปรตีนสัตว์
00:35:53 → 00:36:00 นะนี่ก็พูดๆคุยๆกันไปหลายครั้งนะจริงๆอ นี้อยากจะให้มาดูภาพเนี่ยนะฮะว่าส่วนใหญ่
00:36:00 → 00:36:06 เนี่ยเค้ากินอะไรกันนะฮะที่เป็นแหล่งเ เรียกเสโปรตีน sce นะฮะอ่าก็คือส่วนใหญ่
00:36:06 → 00:36:14 จะมาจากสัตว์นะก็เป็นเนื้อเกลือไข่นะ เนื้อสัตว์นะสัตว์บกสัตว์น้ำมีไข่นะฮะอาจ
00:36:14 → 00:36:24 จะมีพวกโยเกิร์ตนะหรือมีพวกชีสนะฮะเนี่ย นะเนี่ยออร์แกนิคชีสเนี่ยนะแล้วก็จะมีพวก
00:36:24 → 00:36:31 อะไรโปรตีนเสริมนะฮะนะส่ใหญ่ก็มาจากพืชนะ แล้วก็อาจจะเป็นโปรตีนเสริมจาก Daily
00:36:31 → 00:36:39 produc ก็มีก็ได้นะฮนะแต่ของพวกเนี้ยมัน ต้องกินเ่อในอาหารมื้อหลักๆนะแล้วก็ต้อง
00:36:39 → 00:36:45 กินค่อนข้างจะตามหลังหรือพร้อมๆไปกับ โปรตีนหลักข้างบน
00:36:47 → 00:36:55 นี้อันนี้ก็เป็นโปรตีนนะหลักๆเลยที่เรา กินในชีวิตประจำวันนะฮะเ่อก็จะมีอ่าแหล่ง
00:36:55 → 00:37:02 โปรตีนจากพืชน่ะนะฮะนะพวกเนี้ยนะเอามา หมุนเวียนได้นะฮะนะเพราะไงร่างกายเราชอบ
00:37:02 → 00:37:09 การหมุนเวียนสารอาหารต่างๆนะฮะอันนี้เบอก ว่า Top me โปน source นะฮะนะก็คือแหล่ง
00:37:09 → 00:37:17 ของโปรตีนที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์นะฮะเนี่ย พวกนี้ก็เป็นแหล่งโปรตีนอ่อสูงนะฮะอ่า
00:37:17 → 00:37:23 แล้วก็เอามาสลับสับเปลี่ยนได้นะอ่าไม่ ต้องไปกินซ้ำ
00:37:24 → 00:37:31 ซ้ำในเรื่องของไขมันเนี่ยนะฮะนะเราก็พูด กันคุยกันไปหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับไขมัน
00:37:31 → 00:37:39 สัตว์นะฮะคือ นะในการเจียวน้ำมันต่างๆเหล่าเนี้ยนะฮะนะ
00:37:39 → 00:37:47 คำว่าไขมันนะที่จะกลายเป็นน้ำมันเนี่ยมัน ต้องเป็นไขมันที่ขูดออกมาในลักษณะไม่ติด
00:37:47 → 00:37:55 หนังนะฮะไม่ติดหนังไม่ติดเนื้ออ่าไม่ติด เอ็นไม่ติดกระดูกนะฮะก็คือเป็นก้อนไขมัน
00:37:55 → 00:38:03 แบบเนี้ยนะฮะเนี่ยอ่าอย่างนี้เนี่ยเราถึง นับเป็นโควต้าไขมันไม่ได้นับเป็นโปรตีนนะ
00:38:03 → 00:38:10 เนี่ยมันมีก้อนของไขมันนะอ่าแล้วก็เราจะ มาใช้ในการขัดทอดอะไรอย่างเงี้ยก็ใช้โดย
00:38:10 → 00:38:16 ตรงจากก้อนแบบนี้เลยซึ่งเป็นเร Food นะฮะ นะไม่ใช่เอาไปเกียวก่อนแล้วเป็นน้ำมัน
00:38:16 → 00:38:24 แล้วเอาน้ำมันเนี่ยมาทอดมาผัดอีกทีนึงอัน นี้ไม่ใช่นะฮะนะไม่งั้นแล้วอ่ะเ่อพวกเมัน
00:38:24 → 00:38:30 ก็จะโดนความร้อนไป 2 ครั้งนะนะถ้าจะโดน ความร้อนให้โดนครั้งเดียวนะใช้มันแบบ
00:38:30 → 00:38:38 เนี้ยมันหมูวมันวัวหรือมันไก่อะไรพวก เนี้ยนะแล้วก็จะมาเจียวมาผัดมาทอดก็ใส่
00:38:38 → 00:38:44 เข้าไปเลยนะฮะแล้วก็ใส่เนื้อลงไปใส่ผักลง ไปอ่าโดนความร้อนแค่ครั้งเดียวกินเข้าว
00:38:44 → 00:38:51 ล่างเอนะอันนี้เเรียกว่าไขมันล้วนๆนะฮะ อ่าซึ่งเป็นมันของสัตว์
00:38:51 → 00:39:01 นะเเนาะเออผมก็ในการเลือกต้องเข้าใจเข้า ใจนะฮะว่าถ้าไขมันแบบเนี้ยเราจะนับเป็นไข
00:39:01 → 00:39:09 มันแต่ถ้าไม่ใช่แบบเนี้ยมันติดหนังเอ่อ มันติดเนื้อมันติดเอ็นติดกระดูกเขต่อนะ
00:39:09 → 00:39:18 เ่ออันนี้เนับเป็นโปรตีนอ่าไม่ใช่นะฮะ เนี่ยมันมีรูปให้ดูดูอย่างนี้เลยนะนะแล้ว
00:39:18 → 00:39:23 ก็ใช้ให้ถูกคนส่วนใหญ่ก็ยังไปใช้น้ำมัน หมูอะไรกันอย่างเงี้ยนะฮะซึ่งก็ผ่านความ
00:39:23 → 00:39:33 ร้อน 2 รอบอืในแง่ของของเกลือเมื่อเร็วๆ นี้เราก็มีการคุยกันไปแล้วเนาะเนะก็คือ
00:39:33 → 00:39:39 ร่างกายเนี่ยไม่ต้องการน้ตาลแต่เพราะว่า น้ำตาลร่างกายสร้างได้แต่ร่างกายต้องการ
00:39:39 → 00:39:46 เกลือเพราะเกลือร่างกายสร้างไม่ได้นะฮะ เกลือร่างกายส้างนะแล้วคุณสมบัติทั้ง
00:39:46 → 00:39:54 เกลือกับน้ำตามันจะตรงข้ามกันนะเกลือ เนี่ยอ่าเป็นตัวลดนะเค้าเรียก Sugar cing
00:39:54 → 00:40:02 นะฮะนะเพราะฉะนั้นอ่าใครที่ติดหวานเนี่ย นะฮะนะแปลว่าคุณค่อนข้างจะขาดเกลืออย่าง
00:40:02 → 00:40:13 รุนแรงนะคุณต้องเติมเกลือนะอย่างมากพอสม ควรเลยโดยเฉพาะมันจะไปมีผลในการช่วยลดทอน
00:40:13 → 00:40:22 ความติดยึดติดอยากความหวานนะเแล้วหลังจาก นั้นคุณก็ต้องเเรียกไอทโปรตีนให้ถึงนะฮะ
00:40:22 → 00:40:29 แล้วก็ใส่ไขมันดีเป็นพลังงานนะเพราะงั้น หลักการมันก็จะแล้วก็อาจจะมีตัวไฟเบอร์นะ
00:40:29 → 00:40:38 ฮะมันจะเป็น 4 เสาหลักอันเนี้ยนะฮะนะก็ คือพวกเกลือธรรมชาตินะพวกโปรตีนนะพวกไข
00:40:38 → 00:40:45 มันดีแล้วก็พวกไฟเบอร์นะฮะเนี่ยอันนี้ เหล่าเนี้ยเป็นทั้งเรื่องของสารอาหารและ
00:40:45 → 00:40:51 พลังงานตัวจริงเสียงจริงอที่เราควรจะได้
00:40:53 → 00:41:03 เอ่าก็เคยมีคำถามเนี่ยบอกว่ากินโลคราฟ แล้วกินเกลือแค่ไหนนะฮะถ้ากินเยอะๆเป็น
00:41:03 → 00:41:10 อะไรหรือเปล่านะเพราะว่าอยู่กับการที่ไม่ ได้กินโลคราฟแล้วเป็นชูการเนอรมานานซึ่ง
00:41:10 → 00:41:16 พวกนั้นเสอนให้เรารังเกียจเกลือนะอย่ากิน เกลือเยอะเดี๋ยวมันจะเป็นโน่นเป็นนั่น
00:41:16 → 00:41:24 เป็นนี่เต็มไปหมดนะเพราะอะไรอ่ะเพราะพื้น ฐานเคุณกินน้ำตาลคิคฟไนะงั้นเวลาเราตัดคฟ
00:41:24 → 00:41:32 low Car very low คฟคีโตอะไรพวกเนี้ย นะอันนี้เนี่ยถ้ายังไปติดยึดนิสัยเดิมๆนะ
00:41:32 → 00:41:39 ความเชื่อเดิมๆความเข้าใจเดิมๆนะในเรื่อง ของการเ่อรังเกียจเกลือหรือไม่กล้าที่จะ
00:41:39 → 00:41:45 กินเกลือไม่กล้าที่จะเพิ่มความเค็มอะไร ต่างๆให้ถูกต้องเหเนี้ยนะมันก็จะมีปัญหา
00:41:45 → 00:41:54 น่ะฮะมีปัญหานะเอ่อเพราะฉะนั้นตัดคาฟโคาฟ แล้วต้องเติมเกลือนะตอนเนี้ยที่ได้สูงสุด
00:41:54 → 00:42:02 เนี่ยก็คือ 3 ช้อนโต๊ะเได้นะฮะอย่างน้อยๆ ก็ 2 ช้อนโต๊ะนะฮะให้ได้ไว้เลยในช่วงแรกๆ
00:42:02 → 00:42:10 นะฮะนะ 2 ช้อนโต๊ะนะอ่ากลางๆนะฮะคนตัว ใหญ่ๆบางทีต้อง 3 ช้อนโต๊ะนะฮะก็แบ่งไปจะ
00:42:10 → 00:42:17 ผสมน้ำกินจิบดื่มไปบ้างหรือว่าจะทำเป็น อาหารแต่ส่วนใหญ่แนะให้อยู่ในตัวอาหารนะ
00:42:17 → 00:42:23 ก่อนเข้าสู่ร่างกายจะไม่ค่อยมีปัญหานะฮะ เนี่ยเพราะถ้าขาดเกลือเมื่อไหร่ก็ปัญหา
00:42:23 → 00:42:31 ตามมาเยอะแยะเนี่ยนะอันนี้อยากจะให้ดู เรื่องของเกลือแร่ต่างๆนะที่มีความสำคัญ
00:42:31 → 00:42:41 ต่อร่างกายนะฮะเนะโซเดียมโปแตสเซียม แมกนีเซียมอ่า 3 ตัวเนี้ยเป็น 3 ตัวหลัก
00:42:41 → 00:42:50 นะนะเนี่ย 3 ตัวท็อปเนี่ยนะฮะอันนี้อ่า ขาดไม่ได้นะฮะนะยิ่งกินโลคาฟเนี่ยโซเดียม
00:42:50 → 00:42:58 โปแทสเซียมแมกนีเซียมนะฮะนะจะต้องถึงอ่ะ จะต้องถึงนะอ่าส่วนพวกตัวตัวแคลเซียม
00:42:58 → 00:43:07 ฟอสฟอรัสนะอันนี้ก็ระดับกลางๆนะฮะนะอ่า คลอไรด์ไบคาร์บอเนตนะฮะอันนี้ก็ไม่ไม่
00:43:07 → 00:43:15 ต้องมากนะแต่ทั้งหมดจริงๆแล้วเนี่ยทั้ง 7 ตัวเนี้ยนะฮะนะมีความสำคัญหมดเลยนะฮะแต่ 3
00:43:15 → 00:43:22 ตัวแรกท th เนี่ยนะสำคัญยิ่งยวดสำคัญมาก ที่สุดนะโดยเฉพาะกรณีการมีภาวะดื้อ
00:43:22 → 00:43:27 อินซูลินหรือแม้แต่ภาวะที่อ่าอะไรอ่ะ คอร์ติซอล
00:43:27 → 00:43:33 อ่ามันมันดุเด่นดื้อด้วยนะฮะทั้งอินซูลิน ทั้งคอร์ติซอลเนี่ยนะฮะเรื่องของ
00:43:33 → 00:43:38 อิเล็กโตรไลต์หลักๆเลยก็คือเนี่ย โปแทสเซียมแมกนีเซียมโซเดียมนะเพราะ
00:43:38 → 00:43:44 ฉะนั้นเนี่ยอันนี้มีความจำเป็นมีความ จำเป็นเวลาที่เราจะแก้ทั้งการดื้อ
00:43:44 → 00:43:51 อินซูลินการดื้อคอร์ติซอลนะฮะทั้งตัวพ่อ ตัวแม่นะเพราะไม่งั้นแล้วเนี่ยคนเนี่ยมัน
00:43:51 → 00:43:59 ก็จะมีอ่ามีไ and symptom เนี่ยมีอาการ และอาการแสดงที่ไม่ปับปกติในลักษณะวนๆ
00:43:59 → 00:44:06 อยู่ของพวกเนี้ยนะฮะนะเนี่ยเห็นมเนี่ยมี อะไรอะไรพวกเนี้ยตามมานะนะรวมทั้งภาวะ
00:44:06 → 00:44:10 lack of Energy แต่ lack of Energy เนี่ยส่วนใหญ่ยเป็นเรื่องของการขาดพลัง
00:44:10 → 00:44:20 งานที่ถูกต้องเพราะว่ามันกินพลังงานผิด นะแต่ถ้าเกิดคอร์ติซอลเนี่ยนะมีผลเยอะๆนะ
00:44:20 → 00:44:25 นะนะเพราะฉะนั้นเนี่ยมันไม่ได้มีอาการ เฉพาะ lack of Energy อย่างเดียวหรอกนะ
00:44:25 → 00:44:34 ฮะนะมันก็จะมีของพวกเนี้ยร่วมมาด้วยนะฮะ นะอาการมันก็เลยยุบยับไปหมดนะ
00:44:34 → 00:44:42 ฮะก็เหมือนเดิมนะฮะในกรณีของการสวิงของ น้ำตาลแล้วก็อินซูลินนะฮะคือน้ำตาลพุ่ง
00:44:42 → 00:44:49 อินซูลินก็พุ่งประกบนัแหละนะฮะแล้วถ้า เกิดอินซูลินมาผิดช่วงเวลาโดยเฉพาะในช่วง
00:44:49 → 00:44:57 กลางวันในช่วงตั้งแต่มื้อแรกๆเงี้ยนะฮะนะ อินซูลินที่ออกมาไม่เป็นไปตามฟิสิโอโลจี
00:44:57 → 00:45:06 นะเืออินซูลินพวกนี้ก็จะเป็นอินซูลินที่ ดุร้ายรวมทั้งเขาจะแผงฤทธิ์แผงเดดนะในการ
00:45:06 → 00:45:13 ทำให้เกิดการดรอปหรือการอะไรอ่ะตกน้ำตาล ตกอ่ะเค้าเรียกว่าน้ำตาลตกนะซูก้า
00:45:13 → 00:45:20 Decrease เนี่ยนะแต่การตกแบบเนี้ยมันจะ ตกแบบชนิดที่หักหัวลงอ่ะนะฮะนะเคำพวก
00:45:20 → 00:45:26 เนี้ยนะฮะแต่เวลาคำว่าสวิงเนี่ยสวิง อินซูลินสปเนี่ยการสปเนี่ยมันไม่ได้พุ่ง
00:45:26 → 00:45:34 ขึ้นอย่างงี้เหมือนอะไรนะคือมันจะพุ่งแบบ ยังมียังมียังมีอะไรอ่ะยังมีการเอนเอียง
00:45:34 → 00:45:42 ของกราฟที่มันพุ่งขึ้นแต่เวลาอินซูลินตก เนี่ยนะฮะนะเที่รถไฟเหาะแล้วมันตีลังกา
00:45:42 → 00:45:50 การตีลังกาลงเนี่ยมันก็คือลงดิ่งแบบตรงๆ 90 องศาเลยนะจะบอกให้นะนะซึ่งสภาวะเนี้ย
00:45:50 → 00:45:57 ส่วนใหญ่มันจะลงมาแล้วเนี่ยมันจะทะลุเสน นะพอเมื่อไหร่ทะลุเบสไลน์ปุ๊บเนี่ย
00:45:57 → 00:46:04 คอร์ติซอลตัวแม่เขาจะต้องออกมาเพื่อเพื่อ มา Balance น่ะหรือมา compensate นะฮะนะ
00:46:04 → 00:46:12 ซึ่งเราก็รู้ว่าเออกมาเพื่อจะสร้างน้ำตาล นะเนี่ยเพราะว่าการการหักหัวลงแบบเนี้ยนะ
00:46:12 → 00:46:18 น้ำตาลมันก็ดรอปลงไปชนิดที่แบบเอ่อเกิด ภาวะวิกฤตนะร่างกายเเรียกว่าเป็นภาวะ
00:46:18 → 00:46:27 วิกฤตนะนี้นี้ธรรมชาติของเลเวลของ อินซูลินเนี่ยนะในคนปกตินะฮะเนี่ยเนี่ยคน
00:46:27 → 00:46:32 ปกติที่กินอยู่อย่างถูกต้องโดยเฉพาะ ow C High Good f TE Oil เนี่ยนะฮะนะเรา
00:46:32 → 00:46:40 จะเห็นว่าอิซูลินเลเวลอ่ะนะที่เป็นไปตาม ช่วงเวลาต่างๆนะโดยเฉพาะเวลากินเนี่ยนะ
00:46:40 → 00:46:48 เขาไม่เขาจะเป็นอย่างเงี้ยนะฮะนะเก็ค่อยๆ สลปขึ้นไปนะแล้วก็อยู่อยู่แบบอยู่ระยะ
00:46:48 → 00:46:57 เวลานึงระยะเวลาที่เเรียกว่าสิอยู่เนี่ย ก็คืออยู่ในช่วง 1-2 ชมงนะฮะนะเนี่ยอยู่
00:46:57 → 00:47:02 เพื่อจะเคลียร์น้ำตาลนั่นแหละนะฮะนะแล้ว หลังจากนั้นเก็จะดรอปลงมานะพร้อมกับน้ำ
00:47:02 → 00:47:10 ตาลที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปนะตามสภาวะความ จำเป็นนะฮะนะนะก็คือส่วนใหญ่แล้วตับเนี่ย
00:47:10 → 00:47:16 จะเรียกจะมีการเปลี่ยนแปลงไอ้ตัวน้ำตาล อะไรต่างๆที่เรากินในอาหารเข้าไปเรียบ
00:47:16 → 00:47:22 ร้อยนะฮะนะอินซูลินก็ประคับประคองไปให้ กระบวนการเหล่าเนี้ยมันเสร็จสิ้นไปใน
00:47:22 → 00:47:29 เรื่องของเบอิของคาร์โบไฮเดรตนะฮะแต่แต่ แต่ถ้ากรณีของการดื้ออินซูลินหรรือเกิด
00:47:29 → 00:47:34 ความผิดปกติในแง่ของคาร์โบไฮเดรตและ อินซูลินเนี่ยนะก็จะเกิดปัญหาเรื่องเนี่ย
00:47:34 → 00:47:41 เเรียกว่าอินซูลินมันสปนะฮะนะแล้วเสร็จ แล้วมันก็จะเนี่ยแล้วแต่การหักหัวลงจะหัก
00:47:41 → 00:47:47 ลงดิงๆหรือจะหักลงเป็นสโลปแต่สโลป อันเนี้ยก็เป็นสโลปที่มีความชันที่น้อย
00:47:47 → 00:47:57 กว่าการขึ้นของเนี่ยอินซูลินนะฮะนะเวลาลง มันลงแบบมันลงแบบดิ่งอ่ะนะเกือบ 90 องศา
00:47:57 → 00:48:03 แต่เวลามันขึ้นมันขึ้นเฉียงๆนะอนี้ไม่ เหมือนกันนะ
00:48:03 → 00:48:11 ฮะเอ่อทีนี้ก็ต่อมาเนี่ยเราจะพูดถึง เรื่องของวิธีเเรียกว่าการ Approach ใน
00:48:11 → 00:48:20 แง่ของการดูอาหารจากภายนอกนะฮะนะการดู อาหารจากภายนอกนะอ่าอันนี้ก็เป็นของดร
00:48:20 → 00:48:28 เอี่ชาตันนะฮะนะที่เราคุยกันไปเมื่อเร็วๆ นี้นะฮะนะตอนนี้เป็นหมอที่กำลังดังมากใน
00:48:28 → 00:48:37 นิวซีแลนด์นะนะเนี่ยอืครับเขพูดถึงเร 3 ความจริงนะเกี่ยวกับโภชนาการาฟต่ำและ
00:48:37 → 00:48:45 คอเลสเตอรอลนะฮะนะนะซึ่งการกินโภชนาการ คาฟต่ำเนี่ยทำให้ ldl particle size นะ
00:48:45 → 00:48:53 ฮะนะเป็นชนิดเค้าเรียกว่าคือคือยังไง ldl เนี่ยมันเพิ่มอยู่แล้วนะฮะนะแต่ก็จะเป็น
00:48:53 → 00:49:04 type a นะฮะซึ่งจะมีโอกาสน้อยในการเกิด การอุดตันนะหรือการเกิดการคอตของเส้น
00:49:04 → 00:49:12 เลือดนะฮะนะแล้วก็ไตกีสไลก็ลดลงนะฮะเพราะ ว่าเราจำกัดควบคุมขาใช่มั้ยล่ะนะพอไกไลลด
00:49:12 → 00:49:20 hdl ก็เพิ่มนะฮะนะอันนี้ก็เป็นหลักการ 3 อย่างในการนำเรื่องของอ่า ow C มาใช้
00:49:20 → 00:49:25 แล้วมันจะเกิดความจริงเกี่ยวกับเรื่องของ ไขมันแบบนี้
00:49:25 → 00:49:34 นะทีนี้อันนี้ก็เวลาการดูเรื่องอาหารนะฮะ นะนะก็มีให้พิจารณาว่ามื้ออาหารเหล่านั้น
00:49:34 → 00:49:40 น่ะอันไหนเนี่ยมีความเป็นเอนเนอร์ยีมาก กว่าสารอาหารนะฮะนะซึ่งสารอาหารในที่นี้
00:49:40 → 00:49:47 เขจะหมายถึงเฉพาะโปรตีนนะ เขแต่ที่เราพูดกันไปเนี่ยนะฮะในแง่ของ ow
00:49:47 → 00:49:54 C High ก Fat Oil นะฮะคำว่า Energy เนี่ยเราจะหมายถึงทั้งคาร์โบไฮเดรตโปรตีน
00:49:54 → 00:50:05 ไขมันนะฮะนะแต่คำว่านนเนะฮะนนเนะฮะนะส่วน ใหญ่เราจะหมายถึงโปรตีนกับไขมันนะเป็น
00:50:05 → 00:50:12 หลักเป็นหลัก นะในส่วนของที่เป็นส่วนย่อยๆจากคาฟเนี่ย
00:50:12 → 00:50:21 นะนะเราจะไม่ได้หมายถึงน้ำตาลแต่เราจะ หมายถึงไฟเบอร์เซึ่งเป็นสารอาหารนะแล้วก็
00:50:21 → 00:50:30 พวกวิตามินร่ธาตุเอนไซม์ก็ถือเป็นสารอหาร นะเพราะนั้นคำว่านินเนี่ยนะเ่อของเราจะมี
00:50:30 → 00:50:35 ความหมายแบบนั้นนะฮะส่วนคำว่า Energy เนี่ยจะเป็นคำกว้างๆซึ่งหมายถึง
00:50:35 → 00:50:44 คาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันส่วนคำว่าแคลอรี่ จะหมายถึงหมายถึงคาร์โบไฮเดรตกับไขมันอ่า
00:50:44 → 00:50:51 ไม่เอาโปรตีนมานับเเพราะฉะนั้นเพราะ ฉะนั้นก็แล้วแต่ในการดูเนี่ยนะฮะในการดู
00:50:51 → 00:50:59 เนี่ยซึ่งในแบบเนี้ยเขาสอนให้คนดูว่านะ อาหารในภาพที่เห็นเนี่ยนะมีความเป็น
00:50:59 → 00:51:08 เอนเนอร์ยีเยอะเลยนะฮะมีความเป็นโปรตีน น้อยนะฮะนะเนี่ยอาหารแบบนี้นะต้องดูให้
00:51:08 → 00:51:16 ออกว่าความเป็นเอนเนอร์ยีเยอะความเป็น โปรตีนน้อยนะฮะส่วนฝั่งนี้นะฮะฝั่งนี้นะ
00:51:16 → 00:51:23 ความเป็นโปรตีนเยอะนะฮะเอนเนอร์ยีน้อยนะ ฮะคืออันเนี้ยมันก็ดูแล้วมันก็เหมือนค่อน
00:51:23 → 00:51:29 ข้างง่ายนะฮะนะก็ดูแค่นั้นแ่ะนะแล้วตอน นี้คุณอยากได้อะไรอยากได้เอนเนอร์ยีหรือ
00:51:29 → 00:51:37 อยากได้โปรตีนนะฮะนะถ้าคุณอยากได้โปรตีน คุณก็กินมาแบบนี้
00:51:37 → 00:51:43 นะแต่ถ้าคลาใดนะที่สภาวะร่างกายคุณ ต้องการเอนเนอร์ยีเพื่อไปใช้ทำนู่นทำนี่
00:51:43 → 00:51:51 อะไรเงี้ยนะก็มากินแบบฝั่งนี้นะฮะนะซึ่ง จริงๆแล้วเนี่ยนะเ่อมันก็ใช้ได้แบบคร่าวๆ
00:51:51 → 00:52:00 นะฮะคร่าวๆนะว่าวันนี้มื้อนี้ เออหรือหลังจากไปทำไอ้เรื่องเหล่านี้มานะ
00:52:00 → 00:52:08 เก็จะต้องกินไปในแบบไหนเนี่ยนะฮะนะแต่อัน นี้มันก็จะค่อนข้างหยากไปนะฮะเนี่ยเค้าก็
00:52:08 → 00:52:12 บอกให้ถ่ายรูปอาหารมาแล้วก็มาให้ทำการ พิจารณานะ
00:52:12 → 00:52:15 ฮะ
00:52:15 → 00:52:24 นะหรือกรณีแบบเนี้ยนะฮะนะกรณีแบบเนี้ยนะ อ่าอันนี้ก็จะเป็นในเรื่องของเอ่อเขาคก็
00:52:24 → 00:52:33 บอกว่านะการกิน cd หรือ kcd แบบเคร่งครัด เนี่ยนะฮะนะสารอาหารทุกอย่างนะที่อยู่ใน
00:52:33 → 00:52:38 Animal Kingdom หรืออาณาจักรสัตว์เนี่ย มีครบแล้วนะไม่จำเป็นที่จะต้องไปพึ่งพา
00:52:38 → 00:52:45 อะไรจากพืชเลยนะฮะไม่จำเป็นนะฮะไมง ไฟเบอร์เนี่ยก็ไม่จำเป็นนักนะฮะไม่มี
00:52:45 → 00:52:54 ประโยชน์อะไรนะฮะนะก็คือคือค่อนข้างที่จะ เเรียกว่าตีทิ้งอ่ะเอไปแบบนั้นเลยนะอัน
00:52:54 → 00:53:02 นี้นะฮะนะเอแสดงให้ดูอ่ะนะสมมุติว่ากิน เนื้อเกลือไข่อ่ะนะไอทโปรตีนจากเนื้อ
00:53:02 → 00:53:08 สัตว์บกตัวใหญ่ๆเป็นเนื้อแดงดงอะไรเงี้ย นะแค่ก้อนไม่ต้องใหญ่โตมากมายอะไรต่างๆ
00:53:08 → 00:53:15 คุณก็ได้ครบแล้วะโปรตีนไขมันนะแล้วก็พวก วิตามินแร่ธาตุเอนไซม์อะไรอย่างเงี้นะฮะ
00:53:15 → 00:53:21 นะไฟเบอร์ไม่ต้องนะแล้วก็ไอ้ตัว คาร์โบไฮเดรตอะไรต่างๆมันก็อาจจะมี
00:53:21 → 00:53:34 ไกลโคเจนนิดๆหน่อยๆแต่ไม่จำเป็นงี้นะ อันนี้ก็เป็นในแนวทางนึนะฮะนะซึ่งเนี่ยอ
00:53:34 → 00:53:43 ก่อนจะถึงเคสนี้เนี่ยนะในแง่ในในแง่ของ แนวทางเนี่ยนะฮะนะที่หมออยากจะให้เราดู
00:53:43 → 00:53:50 กันเนี่ยนะฮะในเรื่องของวิชา low C High Good Fat เนี่ยนะฮะเราจะถือว่าอ่าสาร
00:53:50 → 00:53:58 อาหารก็มีหลักๆอยู่ 3 ตัวนนะคาร์โบไฮเดรต โปรตีนไขมันนะคาร์โบไฮเดรตกับโปรตีนเนี่ย
00:53:58 → 00:54:08 นะฮะนะในภาพที่สัมผัสด้วยอายตนะนะฮะนะอ่า ดูคำเคาะฟังหรืออะไรหูตาคอจมูกของเรา
00:54:08 → 00:54:15 เนี่ยนะฮะเอ่อโดยเฉพาะการดูด้วยตาเนี่ยนะ ฮะนะเรื่องของกลุ่มอาหารประเภท
00:54:15 → 00:54:24 คาร์โบไฮเดรตกับโปรตีนเนี่ยจะต้องให้เกิด การเห็นเอ่าเห็นด้วยตานะที่ว่าเป็น
00:54:24 → 00:54:30 คาร์โบไฮเดรตและเป็นโปรตีนจริงๆ นะคือไม่มีการดัดแปลงแปรรูปหรือปรุงแต่ง
00:54:30 → 00:54:40 นะจนมิตินะทางด้านการมองเห็นหรือ visible เ่ออ่า Food เนี่ย visible อ่า Reaction
00:54:40 → 00:54:46 เนี่ยนะคือคือการดูด้วยตาเนี่ยก็ต้องเห็น ข้าวเป็นข้าวต้องเห็นไข่แดงเป็นไข่แดงไข่
00:54:46 → 00:54:52 ขาวเป็นไข่ขาวเห็นเนื้อวัวเป็นเนื้อหมู เป็นเนื้อหมูอยู่นะฮะนะคุณอาจจะเอาไปดัด
00:54:52 → 00:55:03 แปลงเอาไปอ่าอ่าปรุงแต่งทางกายภาพไปสับไป หั่นเอ่อไปไปอะไรต่างๆมาเนี่ยแต่เวลาทำ
00:55:03 → 00:55:08 ให้มันสุกขึ้นมาพร้อมที่จะกินข้าวร่าง แล้วเมื่อไหร่เนะเม็ดข้าวก็ต้องยังเป็น
00:55:08 → 00:55:15 เม็ดข้าวนะฮะนะไอ้ตัวเนื้อหมูไอ้ตัวไข่ ข้าไข่แดงอ่ะก็ยังเห็นสภาพนั้นนะฮะ
00:55:15 → 00:55:23 อันเนี้ยคาฟกับโปรตีนเนี่ยเราเรียกว่าจะ ต้องนะจะต้องเห็นเป็นแบบ visible
00:55:23 → 00:55:30 substance นะฮะหรือ visible food นะฮะ นะคือต้องเห็นเป็นตัวต้นร่างหรือโครงร่าง
00:55:30 → 00:55:39 ที่ยังมีสภาพความเป็นค้าฟกับโปรตีนถึงจะ กินได้และมีประโยชน์และมีประโยชน์นะฮะนะ
00:55:39 → 00:55:45 แต่ถ้าเมื่อไหร่นะเกิดการแปลงสภาพแปลงรูป ไปแล้วอย่างเงี้ยนะถ้าอันเนี้ยเราถือว่า
00:55:45 → 00:55:54 ไม่ได้แล้วไม่มีประโยชน์นะเอ่อร่างกายไม่ รู้จักร่างกายอ่ารับเข้าไปก็อาจจะทำลาย
00:55:54 → 00:56:00 ทิ้งหรือว่าเอาไปเก็บสะสมเพราะว่าเอาไป ใช้ไม่ได้ก็คือไม่มีประโยชน์นะไม่มี
00:56:00 → 00:56:07 ประโยชน์ในระดับอ่าที่เข้าสู่ร่างกายหรือ ระดับเซลล์นะฮะหรือระดับชีวเคมีนะ
00:56:07 → 00:56:16 อันเนี้ยนะฮะเนี่ยเอ่อทีนี้ในแง่ของแฟต เนี่ยแฟตเนี่ยถ้าจะกินข้าวร่างเนี่ยเราจะ
00:56:16 → 00:56:23 ต้องมองไม่เห็นแฟตเนี่ยมันเป็นมิตินะของ invisible นะฮะคือจะต้องมองไม่เห็นเท่า
00:56:23 → 00:56:32 นั้นนะแล้วกินเข้าไปเนี่ยมันถึงจะดีนะฮะ แต่ถ้าคุณมองเห็นความเป็นแฟตนะอ่าแล้วคุณ
00:56:32 → 00:56:40 เอามากินมันจะไม่ดีมันจะไม่ดีนะเช่นน้ำ มันเนี่ยมันก็เป็นแฟตเป็นเพียว Energy
00:56:40 → 00:56:49 เพียว Oil เพียว Energy ใช่มนะหรือน้ำมัน หมูมันหมูมันวัวอะไรต่างๆเหล่าเนี้ยนะคุณ
00:56:49 → 00:56:56 จะกินเข้าไปอ่ะก็คงต้องไปใช้ความล้งความ ร้อนอะไรต่างๆพวกนั้นนะฮะนะนะยิ่งแปรรูป
00:56:56 → 00:57:04 มากเท่าไหร่ยิ่งมองเห็นเป็นน้ำมันเป็นไข มันเป็นมันๆอะไรอย่างเงี้ยนะอันนี้ไม่ดี
00:57:04 → 00:57:11 ไม่ได้นะฮะร่างกายเไม่รับเไม่รู้จักนะ เพราะฉะนั้นเนี่ยจึงเป็นเหตุผลที่ว่าการ
00:57:11 → 00:57:17 แนะนำการกินน้ำสลัดทีออยเนี่ยคุณจะมากรอก เข้าปากไม่ได้นะฮะคุณต้องทำให้อยู่ใน
00:57:17 → 00:57:24 เนื้ออาหารนะทำเป็นอาหารแล้วกินเข้าไปก็ คือทำเป็นน้ำสลัดนะอันนี้ก็คือข้อแตกต่าง
00:57:24 → 00:57:31 ใน 3 เรื่องเนี้ยนะนะฮะคือคาร์โบไฮเดรต โปรตีนไขมันนะฮะอย่าลืมว่าคาร์โบไฮเดรต
00:57:31 → 00:57:38 และโปรตีนต้องมองเห็นนะจากภายนอกเห็นเป็น รูปเป็นร่างเห็นเป็น
00:57:38 → 00:57:46 อ่าอะไรต่างๆที่มันยังมีสภาพของการที่จะ เป็นคาร์โบไฮเดรตและโปรตินนะแต่ถ้าเป็นไข
00:57:46 → 00:57:54 มันจะต้องไม่เห็นไม่เห็นนะฮะถ้าเห็นไม่ดี นะนี้นี้กรณีนึงเนี่ยต้องเข้าใจในเรื่อง
00:57:54 → 00:58:03 ของคาฟกับโปรตีนให้ดีๆนะฮะนะนะอย่างเช่น คาฟประเภทที่ที่เา้ามองเห็นน่ะเป็นรูป
00:58:03 → 00:58:08 ร่างของคาฟน่ะแต่เขาได้แปรรูปมาโดยเฉพาะ อะไร
00:58:08 → 00:58:15 ผลไม้ผลไม้ต่างๆเนี่ยเราต้องรู้นะว่ามัน ไม่ใช่เหมือนยุคก่อนนะแบบที่เราเอาภาพมา
00:58:15 → 00:58:23 ให้ดูกันน่ะนะเพราะฉะนั้นกินกล้วยกินส้ม กินงากินลองกองถึงแม้จะเป็นลักษณะมันค่อน
00:58:23 → 00:58:29 ข้างจะดูเป็นผลไม้โงรูปแล้วก็ตามแต่สิ่ง เหล่านี้นะมันแปรรูปมาเป็นชั้นๆจนถึง
00:58:29 → 00:58:36 ปัจจุบันซึ่งเราไม่แนะนำนะฮะเราถือว่า เป็นอะไรที่แม้จะมองเห็นเป็นรูปร่างแต่
00:58:36 → 00:58:45 มันไม่เหมือนรูปร่างแต่ดั้งเดิมนะเอ่อก็ ไม่ควรจะกินนะฮะเนี่ยอย่างในกรณีผลไม้ก็
00:58:45 → 00:58:53 ไม่แนะนำนะฮะหรืออย่างข้าวเงี้ยข้าวขาว เนี่ยกินได้มั้ยล่ะนะข้าวขาวเนี่ยนะมัน
00:58:53 → 00:59:00 กินได้แต่ถือว่าคุณประโยชน์มันจะน้อยลง เรื่อยๆนะน้อยลงเรื่อยๆนะฮะความเป็นโพช
00:59:00 → 00:59:05 เป็นพิษเป็นภัยจะมากขึ้นเรื่อยๆเพราะ ฉะนั้นการไปกินน้ำตาลน้ำหวานน้ำเชื่อม
00:59:05 → 00:59:12 อะไรต่างๆหรือน้ำผึ้งน้ำอ้อยนะหรือไอ้พวก อะไรนะน้ำตาลมะพร้มะพร้าวอะไรต่างๆ
00:59:12 → 00:59:20 อันเนี้ยไม่ได้เลยไม่ได้เลยนะฮะนะพวกนี้ ถือว่าเป็นอะไรที่ที่มันมันไปไกลแล้วอ่ะ
00:59:20 → 00:59:29 นะฮะนะจากการมองเห็นด้วยตานะนะแต่ถ้าเรา ยังสุขภาพดีแล้วอยากจะลิ้มรองก็อยู่ใน
00:59:29 → 00:59:37 โควต้า 802 อ่ะก็คืออยู่ในโควต้าของการ เรียนรู้เรื่องการรับพิษอ่าการฝึกขับพิษ
00:59:37 → 00:59:43 ทำลายพิษนะ 20% ก็จะต้องไม่เยอะแต่ถ้าเรา เจ็บป่วยแล้วมีปัญหาเรือรังทางด้านเบลิ
00:59:43 → 00:59:51 อะไรต่างๆแล้วมีโรค ncd แล้วก็ไม่ควรนะ ต้องตัดออกไปให้หมดนะนะนะหรืออย่างโปรตีน
00:59:51 → 00:59:57 ในกรณีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกรณีแป้ง เนี่ยถือว่าเป็นคาที่กินไม่ได้นะฮะนะ
00:59:57 → 01:00:03 เพราะว่ามันมองไม่เห็นความเป็นาฟไปแล้วนะ ฮะเห็นแต่อะไรผงๆขาวๆอะไรเงี้ยนนี่แม้แต่
01:00:03 → 01:00:09 โปรตีนแปลรูปอะไรต่างๆก็ตามนะพวกนี้ก็ถือ ว่ากินไม่ได้นะฮะเพราะว่ามันไม่รู้ว่าคือ
01:00:09 → 01:00:18 อะไรนะคืออะไรนะมันมันมันมันมันมองมองมอง ไม่รู้ด้วยด้วยตานะฮะด้วยตาเพราะฉนั้น
01:00:18 → 01:00:26 ร่างกายเราจะในแง่วิวัฒนาการแล้วมันเรา ไม่รู้จักเราไม่รู้จักอืนะ
01:00:27 → 01:00:37 ก็อันเนี้ยนะเอามาคั่นรายการน่ะนะฮะว่าใน แนวทางของ OC hil เนี่ยนะให้พิจารณาหาใน
01:00:37 → 01:00:46 รูปแบบนะของการมองเห็นหรือมองแล้วมองไม่ เห็นนะฮะนะอ่าแตกต่างกันยังไงระหว่างค้า
01:00:46 → 01:00:53 โปรตีนกับไขมันนะฮะซึ่งอันเนี้ยมันจะโยง ไปถึงประโยชน์และโทษนะที่จะเกิดขึ้นกับ
01:00:53 → 01:00:59 ร่างกายในแนวทางของวิวัฒนอารนะฮะนะเนี่ย
01:01:02 → 01:01:11 เอออย่างขั้นรายการเคสเนี่ยนะฮะเค้าก็มี คำถามน่ะนะฮะว่าผลเลือดประมาณนี้เลยอ่า
01:01:11 → 01:01:18 ทานแบบ omas นะแต่ก็ยังคุมความดันไม่ได้ ทานยาลดความดันวันละ 2 เม็ดความดันอยู่
01:01:18 → 01:01:27 ที่ 140 100 นะฮะอาหารที่ทานก็เป็นแบบ นี้จะมีผักลวกแก้มหมูย่าย่างนิดหน่อยนะฮะ
01:01:27 → 01:01:35 เนี่ยมีผักลวกแก้มหมูย่างเ่าอยู่นอกเฟรม นะฮะทุกอย่างดีขึ้นภูมิแพ้หายไมเกนนานๆมา
01:01:35 → 01:01:45 ทีแต่ความดันเนี่ยนะเอ่อไม่ลดเลยนะฮะไม่ ไม่ไม่อยู่ในเกณฑปกติเลยนะเวลานอนก็ 21:30
01:01:45 → 01:01:56 นตื่น 5:30 นนะอันนี้ก็ต้องเกือบ 8 ชมใช่ มั้ยฮะนะอ่าคุณหมอมีคำแนะนำอะไรเหคะเออ
01:01:56 → 01:02:03 มีคำแนะนำอะไรมั้ยล่ะเนี่ยนะอ่าเพราะว่า อันเนี้ยเขาก็ไม่ได้บอกถึงเรื่องน้ำหนัก
01:02:03 → 01:02:13 ส่วนสูงรูปร่างนะว่า เอ่อผอมอ้วนนะหรืออย่างไรอะไรอย่างเงี้ย
01:02:13 → 01:02:21 นะนะเพราะฉะนั้นมันก็พูดยากในเรื่องของบอ type นะฮะนะแต่คิดว่าน่าจะเป็นสายแป้ง่ะ
01:02:21 → 01:02:29 ฮะนะจะเป็นพุงตับหรือไทรรอยด์นะแต่มีแนว โน้มน่าจะเป็นพุงตัดนะแต่ต้องรู้นะฮะว่า
01:02:29 → 01:02:37 ในตอนเนี้ยร่างกายมันถูกเล่นงานด้วย คอร์ติซอลหรือฮอร์โมนเครียดเป็นหลักอือ่า
01:02:37 → 01:02:42 เพราะฉะนั้นเนี่ยไม่แปลกที่เรื่องความดัน เนี่ยมันจะเป็นการตอบสนองอย่างนึงของ
01:02:42 → 01:02:51 คอร์ติซอลนะฮะนะนะคอร์ติซอลไม่ลดนะนะคำ ตอบก็คือแม้ว่าอะไรต่างๆจะดีขึ้นแล้ว
01:02:51 → 01:02:56 เนี่ยนะฮะแต่ความดันไม่ลดเนี่ยเพราะว่า คอร์ติซอล
01:02:56 → 01:03:06 เขายังไม่ไม่สามารถที่จะิัหรือแก้ไขอะไร เขได้อ่ะนะนะยังมีบทบาทเยอะอยู่นะฮะนะก็
01:03:06 → 01:03:12 ต้องย้อนกลับไปแล้วล่ะนะว่าไอ้ที่กิน อย่างเนี้ยที่มาโชว์แบบเนี้ยนะเรากินมื้อ
01:03:12 → 01:03:22 เดียวด้วยนะนะนะถูกมยถูกมยนะฮะอ่าแล้วได้ พลังงานที่เหมาะสมมยเ่อเป็นการกินผิดหรือ
01:03:22 → 01:03:28 เปล่านะฮะเพราะเมื่อไหร่ก็ตามเกี่ยวกับ พลังงานนะอ่าตัวที่ตอบสนองที่สำคัญที่สุด
01:03:28 → 01:03:37 ก็คือคิอพภาวะ Energy Balance เนี่ยนะฮะ คิอเก็จะ Take Action ทันทีนะฮะซึ่งก็
01:03:37 → 01:03:42 แล้วแต่ว่าเขจะทำให้เกิดปัญหาอะไรต่างๆมี หลายอย่างเคยไลฟกันไปแล้วล่ะแล้วเรื่อง
01:03:42 → 01:03:50 ความนันสูงก็เป็นเรื่องหนึ่งนะฮะนะอันนี้ นะเอย่างน้อยเคสนี้ถ้าคิดว่าหรือแน่ใจว่า
01:03:50 → 01:03:56 ควบคุมอินซูลินได้เนี่ยก็ต้องประเมินจาก ค่าของอินซูลินหรือ
01:03:56 → 01:04:04 อะไรอ่ะหรือเอ่อระดับ fing อิซูลินอะไร ด้วยนะฮะนะแล้วก็ต้องมีค่าแลบอะไรต่างๆมา
01:04:04 → 01:04:11 ดูอ่ะนะรวมทั้งประวัติที่ละเอียดกว่านี้ นะรวมทั้งบอ typ ก็จะรู้แล้วล่ะว่าน่าจะ
01:04:11 → 01:04:16 เป็นอิทธิพลของอะไรมากกว่ากันระหว่าง อินซูลินกับคอร์ติซอลแต่ก็คิดว่าน่าจะ
01:04:16 → 01:04:21 เป็นผลมาจากตัวคอร์ติซอลนัแหละนะนะก็ไม่ รู้จะแนะนำเยังไง
01:04:21 → 01:04:28 เนา เอ้อก็เป็นอย่างเงี้ยนะฮะคือการเป็นอย่าง
01:04:28 → 01:04:36 เงี้ยนะอย่างน้อยมันต้องดูนะฮะนะมันต้อง มีการกลับไปดูนะว่าเราดูอาหารที่กินเนี่ย
01:04:36 → 01:04:45 ออกแค่ไหนนะฮะเนี่ยนะ นะคนนี้อาหารที่ดูเนี่ยมันก็อโปรตีนก็
01:04:45 → 01:04:54 เป็นโปรตีนนะแต่ฝั่งนี้เนี่ยนะฮะอ่ามัน เป็นมันดูแล้วมันเป็นโปรตีนมล่ะเนี่ยนะฮะ
01:04:54 → 01:05:00 นะจะเป็นไข่เจียวหมูสับหรือไข่เจียวอะไร ก็ตามนะฮะแต่เนี่ยมันไม่เห็นเป็นความเป็น
01:05:00 → 01:05:08 ไข่ขาวไข่แดงไปแล้วอ่ะนะไปหมดแล้วเรียบ ร้อยนะมันก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรนะฮะอันนี้
01:05:08 → 01:05:15 ก็คือเป็นโปรตีนสนิมหรือเป็นโปรตีนที่ เสียสภาพไปหมดเรียบร้อยนะฮะนะอันนี้อัน
01:05:15 → 01:05:22 นี้ก็ไม่ถูกนะฮะนะร่างกายไม่น่าจะได้ ประโยชน์อะไรนักหรือได้ประโยชน์น้อยนะฮะ
01:05:22 → 01:05:28 นะจากการกินโปรตีนที่เป็นแบบไข่ทอดไข่ เจียวแบบแบบนี้นะแต่อย่างฝั่งนี้ที่เากิน
01:05:28 → 01:05:36 นะฮะนะแล้วก็มีอะไรมีมีผักลวกมาแก้มใช่ มั้ยนะอันนี้ก็ยังได้ประโยชน์อยู่นะฮะพอ
01:05:36 → 01:05:45 เห็นสภาพของความเป็นเนื้อหมูหรือเนื้อ สัตว์นะที่มีการแปรรูปทางกายภาพมามาส่วน
01:05:45 → 01:05:51 นึงอ่ะนะฮะนะอืเพราะฉะนั้นอย่างเนี้ยก็ ยังจะได้ประโยชน์แต่ฝั่งนี้ก็ประโยชน์น่า
01:05:51 → 01:06:00 จะน้อยกว่านะฮะนะแต่ในแง่อื่นอื่นนะฮะนะ เราไม่เห็นเอ่อในเรื่อง
01:06:00 → 01:06:06 ของการที่จะได้พลังงานมาจากทางไหนนะฮะ เพราะว่าถ้าได้พลังงานมาจากโปรตีนเนื้อ
01:06:06 → 01:06:13 สัตว์พวกนี้มันไม่พอมันไม่ได้นะอย่างน้อย ร่างกายก็น่าจะขาดพลังงานแล้วล่ะนะฮะแม้
01:06:13 → 01:06:19 ว่าสารอาหารต่างๆโดยเฉพาะโปรตีนที่ไพอท้ มาเยอะๆแล้วถึงนะส่วนผักลวกแก้มหมูนิด
01:06:19 → 01:06:24 หน่อยเนี่ยก็คงจะไม่ค่อยมีความหมาย เยอะ
01:06:24 → 01:06:34 นะเคเนี่ยก็จบไปแล้ว 2 ตอนนะฮะ 2 ตอนนะมี ใครสงสัยอะไรมย
01:06:34 → 01:06:41 เออไปแล้วนะ 2 ตอนอืครับ ผม
01:06:41 → 01:06:48 ครับทีนี้ ก็อันนี้นะฮะอันนี้ก็จะเป็นอ่าอีกสัก 2
01:06:48 → 01:06:58 ตอนสั้นๆนะที่จะคุยกันถึงเรื่อง เอ่อคือคนส่วนใหญ่เเค้าก็จะมีตอนเนี้ยไอ้
01:06:58 → 01:07:05 การติด cgm แล้วก็ดูเรื่องเบาหวานนะฮะนะ ดูการควบคุมน้ำตาลดูปฏิกิริยาของอาหารกับ
01:07:05 → 01:07:12 น้ำตาลอ่าที่มันมีการสวิงอะไรต่างๆขึ้นๆ ลงๆอะไรอย่างงี้นะนะอีกอันนึงก็คือเรื่อง
01:07:12 → 01:07:21 ของการเกิด D phenomenal นะฮะที่ตัว cgm มันก็จะบอกได้นะฮะนะทีนี้เรามีวิธีอ่าเรา
01:07:21 → 01:07:28 ก็รู้ว่าฟมอเนี่ยอ่าหรือหรือน้ำตาลต่างๆ เนี่ยนะจริงๆแล้วเนี่ยในการกินคราฟอะไร
01:07:28 → 01:07:34 ต่างๆเข้าไปก็ตามหรือน้ำตาลที่จะมาจากทิศ ทางอื่นไม่ว่าจะเป็นโปรตีนหรือเป็นไขมัน
01:07:34 → 01:07:43 ก็ตามเนี่ยน้ำตาลพวกเนี้ยนะเป็นน้ำตาลที่ ที่จะถูกเปลี่ยนแปลงโดยตับนะบทบาทสำคัญ
01:07:43 → 01:07:51 เลยคือตับของคนเรานัแหละนะที่จะสร้างนะ แล้วก็จะเกิดการอ่าอ่าทำยังไงกับน้ำตาล
01:07:51 → 01:07:58 ที่มันเกิดขึ้นมานะฮะนะแล้วก็ ปฏิกิริยาสำคัญของศัพท์หรือหน้าที่สำคัญ
01:07:58 → 01:08:05 ของศัพท์ที่บอกอันดับ 1 ก็คือการกลูโค genesis นะฮะนะซึ่งตัจะต้องมีไกลโคเจน
01:08:05 → 01:08:13 เป็นแหล่งพลังงานนะหรือเป็นวัตถุดิบสำคัญ พื้นฐานนะที่จะนำไปใช้ในปฏิกิริยานี้นะ
01:08:13 → 01:08:20 คือกลูโค genesis นะนะเป็นปฏิกิริยาเป็น หน้าที่อย่างแรกเลยของตั
01:08:20 → 01:08:26 นะนะเพราะฉะนั้น เนี่ยคำว่านะ
01:08:26 → 01:08:32 การที่น้ำตาลเนี่ยที่มันพีคมันสวิงเกิด ดอนมนออะไรต่างๆเนี่ยส่วนหนึ่งเนี่ยก็มา
01:08:32 → 01:08:42 จากตับนี่แหละนะฮะที่ทำให้การควบคุมน้ำ ตาลต่างๆเนี่ยนะอยู่ในเกณฑ์อ่าคุมไม่ได้
01:08:42 → 01:08:50 หรือสูงนะฮะอะไรก็ตามนะนะนะเนี่ยเพราะ ฉะนั้นไอ้ตัวเครื่อง cgm เนี่ยก็เกิดการ
01:08:50 → 01:08:59 เปลี่ยนแปลงของของกราฟใช่มล่ะนะทนี้เรา เราควรจะมีวิธีการนะอ่าช่วยเหลือตับหรือ
01:08:59 → 01:09:06 หยุดตับที่จะสร้างน้ำตาลออกมาอย่างล้น เกินได้อย่างไรนะฮะก็จะมีอยู่ 3 อย่างกับ
01:09:06 → 01:09:16 10 สิ่งที่ต้องทำนะฮะอันนี้ก็จะเป็นหลัก การโดยสรุปนะฮะนะในการนำไปปฏิบัตินะฮะนะ
01:09:16 → 01:09:24 เพื่อจะแก้ไขนะทุกๆอย่างในแง่ของการทั้ง การกินการไม่กินการนอนการไการออกแรงออก
01:09:24 → 01:09:33 กำลังต่างๆซึ่งนะจะช่วยเหลือตับนะและ กล้ามเนื้อแต่โดยเฉพาะเราโฟกัสที่ตับใน
01:09:33 → 01:09:44 การสร้างผลิตน้ำตาลออกมาในระดับพอดีนะไม่ ล้นเกินมาอยู่ในกระแสเลือดนะฮะนะรวมทั้ง
01:09:44 → 01:09:50 การมุ่งประเด็นที่จะทำให้ระดับน้ำตาลใน เลือดเกิดความคงที่เสถียรไม่สวิงแล้วก็
01:09:50 → 01:10:00 ไม่ตกไม่ตกนะฮะเพราะว่าปัญหาส่วนใหญ่คือ ปัญหาน้ำตาลตกน้ำตาลมันตกนะฮะนะเนี่ยนะ
01:10:00 → 01:10:09 อันที่ 1 คือ 3 อย่าทำอตามที่อย่าทำตาม ที่ทำก็คืออย่าทำอะไรอย่ากินค้าแปรรูอย
01:10:09 → 01:10:18 กินแป้งอยกินน้ำตาลอยกินผลไม้นะฮะยกเว้น ผลไม้ไม่กี่อย่างนะ 3 อย่างใช่มั้ยล่ะนะ
01:10:18 → 01:10:27 เนื้อมะพร้าวอะโวคาโดมะนาวนะหรือมะกอก มะกอกต่าประเศเออนะเพราะฉะนั้นอย่าทำ 3
01:10:27 → 01:10:35 อย่างนี้ก็คืออย่ากินพวกนี้นะฮะรวมทั้งาฟ ใดๆที่มีค่า gic index สูงสูงแต่ถ้า
01:10:35 → 01:10:41 สามารถรู้ค่าอินซูลิน index ได้จะยิ่งดี กว่าจะยิ่งดีกว่านะแต่คนส่วนใหญ่ก็รับรู้
01:10:41 → 01:10:50 แต่ในเรื่องแค่ gic index gic โหดสูงๆ นะเพราะว่าหลายอย่างนะฮะที่ gic Index
01:10:50 → 01:11:01 ต่ำนะแม้แต่ไกไอ้ไกโดก็ต่ำแต่อิซูลิน index สูงนะเนี่ยเช่น
01:11:01 → 01:11:05 แตงโม โอ้โห
01:11:05 → 01:11:14 เอก็เพราะฉะนั้นอันนี้ไม่น่าไว้ใจนะฮะ เพราะยังไงคฟนะนะต้องอย่าใส่เข้าไปในร่าง
01:11:14 → 01:11:23 นะดีที่สุดนะฮะเราถึงมีวิชาครฟคีตหรือ very low C หรือแม้กระทั่ง CD kcd ก็
01:11:23 → 01:11:29 คือเป็นการที่จะต้องตัดจัดควบคุมาฟอย่าง เอาเป็นเอา
01:11:29 → 01:11:38 ตายต่อมาก็คือเรื่องการอดนะหรือ Time restricted feeding นะการกินการไม่กิน
01:11:38 → 01:11:46 นะฮะตามช่วงเวลาที่เหมาะสมนะฮะอันนี้นะ เป็นเรื่องของการทำไหรือโปรลองฟ้าที่ไม่
01:11:46 → 01:11:53 เหมาะสมนะกับรูปร่างกับ BP กับร่างกายกับ สภาพเบอิ
01:11:53 → 01:12:01 สตัสนะซึ่งสิ่งเหล่าเนี้ยเมื่อเกิดความ ไม่เหมาะสมนะก็จะเป็นการที่จะทำให้เกิด
01:12:01 → 01:12:07 ภาวะน้ำตาลมันตกหรือมันสวิงนะส่วนใหญ่ เป็นภาวะน้ำตาลที่มันตกเพราะว่าเราไม่กิน
01:12:07 → 01:12:16 น่ะนะโดยเฉพาะโปรลองฟาเนี่ยนะฮะนะยังไง ๆังไงพอใช้อใช้ไกลโคเจนใช้อ่าบางคลผอมๆก็
01:12:16 → 01:12:25 โป้รองฟ้าซะจนแบบไม่รู้จะเอาอะไรมามาใช้ แล้วน้ำตงก็ตกไปซะจนแบบเนี่ยนะ
01:12:25 → 01:12:30 อย่างแรกเนี่ยอย่างแรกเนี่ยไอ้พวกแปรรูป แปรรูปแปรรูปพวกนี้ก็เกิดอะไรเกิดปัญหา
01:12:30 → 01:12:37 น้ำตาลตกอยู่ดีนะฮะเพราะอินซูลินเวลาเออก มาแบบดุๆเนี่ยก็ดัมน้ำตาลลงนะเพราะฉะนั้น
01:12:37 → 01:12:46 อย่าทำทั้งหมดเนี่ยมันก็คือวิธีการที่ทำ ให้น้ำตาลตกน้ำตาลตกพอน้ำตาลตกเนี่ยออก
01:12:46 → 01:12:55 ข้อที่ 3 นี่ก็คือออกกำลังกายแบบหนักอโหม นะออกทีนึงทีนึงนานๆ 3-4 ชมงแล้วก็ยังทำ
01:12:55 → 01:13:02 แทบทุกวี่ทุกวันีๆบ่อยๆนะสัปดาห์นึงพัก วันเดียวบางทีก็ไม่ไม่ได้ะไม่ได้นะจะอึด
01:13:02 → 01:13:09 มาจากไหนก็ตามนะร่างกายมันไม่ไม่ได้สมบุก สมบันแบบนั้นนะเพราะฉะนั้นเนี่ยเรื่องกิน
01:13:09 → 01:13:18 เรื่องไม่กินและเรื่องออกแรงออกกำลังนะ ที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมนะไม่บังควรไม่รู้
01:13:18 → 01:13:27 ไม่เข้าใจนะฮะนะก็คือวิธีการทำที่จะทำให้ เกิดภาวะน้ำตาลตก
01:13:27 → 01:13:37 นะน้ำตาลตกแล้วไงอ่ะนะก็เดือดร้อนฮอร์โมน นะตัวแม่คือคอซอที่ออกมาพุ่งขึ้นหรือมา
01:13:37 → 01:13:45 สร้างพลังงานจัดหาพลังงานนะเพราะว่าร่าง กายจะถือว่าเป็นภาววิกฤตนะที่จะต้องมีการ
01:13:45 → 01:13:52 แก้ไขอย่างเร่งด่วนซึ่งเวลาจะแก้อะไร อย่างเร่งด่วนเนี่ยนะสิ่งต่างๆที่นำมาแก้
01:13:52 → 01:13:59 เนี่ยนะถ้าใครเคยอยู่ห้องฉุกเฉินจะรู้เลย ว่าเละตุ้มเป๊ะ
01:13:59 → 01:14:07 นะเหมือนกับมีอะไรต่างๆดึงมาหมดเต็มไปหมด เลยนะทุกสิ่งทุกอย่างมีทั้งคนมีทั้ง
01:14:07 → 01:14:14 เครื่องมือมีทั้งอุปกรณ์มีทั้งโอ้โหเเวลา ที่เปั๊มคนไข้ทีนึงเนะฮะนี่แหละภาวะ
01:14:14 → 01:14:23 ฉุกเฉินเนี่ยมันโอเวอร์ไว้ก่อนนะอ่ามา แล้วดีกว่า Under ไม่งั้นจะมาบอกว่าเสีย
01:14:23 → 01:14:29 ดายรู้งี้ก็รู้งี้ก็ก็นะฮเพราะฉะนั้นถึง ได้บอกไงคอร์ติซอลมาเมื่อไหร่เนี่ยเมื่อ
01:14:29 → 01:14:37 นั้นเนี่ยเอ่อมันทุกอย่างเนี่ยนะมันจะมาก มายไว้ก่อนนะเอ่อเพราะฉะนั้นไม่แปลกนะน้ำ
01:14:37 → 01:14:44 ตาลมันก็จะออกมาอย่างล้นเกินนะถ้าไปเกิด ภาวะน้ำตาลตกแล้วไปกระตุ้นคอร์ติซอลออกมา
01:14:44 → 01:14:52 ครับผมแล้วไม่อทีนี้ต้องทำอะไเออทำอะไร อ่ะนะที่ระดับน้ำตาลในเลือดเขาจะเสถียร
01:14:52 → 01:15:01 อ่าคงที่เสถียนเียไม่สวิงไม่เหวี่ยงนะ แล้วก็ไม่ตกเมื่อไม่เหวี่ยงไม่สวิงมันจะ
01:15:01 → 01:15:10 ไม่มีภาวะน้ำตาลตกแบบข้างบนนะ ฮะสิ่งที่เราต้องทำสิ่งที่ต้องทำก็คือ
01:15:10 → 01:15:19 อการดียการ กินการที่จะไม่รีบกินตั้งแต่แรกๆเลยนะ
01:15:19 → 01:15:27 ตั้งแต่แรกๆเลยนะฮะนะเพราะว่านะปกติแล้ว เนี่ยโดยธรรมชาติเนี่ยคอร์ติซอลมาปลุกให้
01:15:27 → 01:15:33 เราตื่นการมาปลุกให้เราตื่นเเป็นยังไงนะ พอปลุกให้เราตื่นเราตื่นดีแล้วเนี่ย
01:15:33 → 01:15:38 คอร์ติซอลเค้าก็หมดหน้าที่แล้วล่ะนะคือ คอร์ติซอลไม่ได้แค่ปลุกให้เราตื่นรู้สึก
01:15:38 → 01:15:45 ตัวนะฮะเยังจัดหาพลังงานอ่ายังยังเค้า เรียกกูโคเจนิเอาน้้ำตาลออกมาเพื่อให้ใช้
01:15:45 → 01:15:53 นะที่จะ Continue หรือรันนะไลฟ์สไตล์ต่อ ไปอนะฮะคือตื่นแล้วตื่นเลยไม่ใช่ตื่นแล้ว
01:15:53 → 01:15:57 หลับต่อนะฮะนะเพราะนั้น
01:15:59 → 01:16:02 คอริออลิส
01:16:03 → 01:16:12 อะไรอย่างเงี้ยนะฮะนี่แหละนะ เซึ่งนะฮะเนี่ยการมีพลังงานแล้วมีน้ำตาล
01:16:12 → 01:16:20 แล้วนะเราไม่ควรจะรีบกินนะฮะนะเพราะ ฉะนั้นทำไมนะการกินแบบ Two me a day
01:16:20 → 01:16:27 หรือ low C High Good Fat เนี่ยเรา ถึงพยายามแนะนำให้ XT นะหรือดียการกินไป
01:16:27 → 01:16:35 ให้ชิดๆเที่ยงหรือมงคลไม่กิน 13:00 น 14:00 นนะฮะนะเพราะว่าเป็นการปล่อยให้
01:16:35 → 01:16:43 ร่างกายเข้าสู่คีโตสิสยาวต่อไปเรื่อยๆนะ ฮะนะก็เหมือนเป็นการฟาสยาวไปอีกนะฮะนะและ
01:16:43 → 01:16:51 เป็นการที่จะทำให้คอร์ติซอลเค่อยๆปรับตัว หรือกลับไปพักนั่นเองนะฮะเนี่ยนะอันนี้นะ
01:16:51 → 01:16:58 เาจัดหาพลังงานมาให้แล้วก็คือน้ำตาลใน ช่วงแรกที่ตื่นหลังจากนั้นถ้าร่างกายเรา
01:16:58 → 01:17:09 เนี่ยนะอยู่ในอ่าเิสเตตัสที่ดีนะและมีการ ปรับตัวอะไรต่างๆเข้าที่เข้าทางดีแล้ว
01:17:09 → 01:17:17 เนี่ยเราก็ทราบแล้วว่าร่างกายจะเกิดภาวะ เอ่อคีโตซิสยาวไปเรื่อยๆในแง่ของการฟาส
01:17:17 → 01:17:27 ต่อเนื่องนะจนกระทั่งถึงจุดนะที่หิวร่าง กายส่งสัญญาณให้กินนะฮะนะก็ค่อยเริ่มที่
01:17:27 → 01:17:36 จะกินแล้วกินให้ถูกนะกินให้ถูกก็แล้วแต่ นะบางคนก็เ่อฟาสไปได้ถึงแค่ประมาณ 9:30 น
01:17:36 → 01:17:43 10 นก็จะกินมื้อแรกะแต่บางคนสามารถกิน ได้ที่ 10:30 11:00 นหรือเที่ยนหรือบาง
01:17:43 → 01:17:49 คนก็หลังเที่ยงไปอีกนิดๆหน่อยๆเออ อันเนี้ยนะฮะอันนี้ก็แล้วแต่นะฮะแต่ละ
01:17:49 → 01:17:58 บุคคลก็ต่างๆกันนะเพราะฉะนั้นให้กินช้าๆ นะแล้วขณะที่กินแล้วกินให้ถูกนะนะเพราะ
01:17:58 → 01:18:05 นั้นมื้อแรกมื้อแรกต้องกินอะไรกินโปรตีน กินไขมันดีกินไฟเบอร์นะนะอันเนี้ยนะเพราะ
01:18:05 → 01:18:14 ว่ามื้อแรกเป็นมื้อของการที่จะเรียจัดสรร หาพลังงานนะให้ร่างกายเกิดการอ่าเ้าเรียก
01:18:14 → 01:18:23 ว่าใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์นะต่อไปนะฮะนี่ แหละนะเอ่อในการกินก็ต้องเคี้ยวเหลวนะฮะ
01:18:23 → 01:18:29 เคี้ยวเหลวก็จะมีประโยชน์ในเรื่องของหลาย ๆอย่างนะฮะที่จะค่อยๆย่อยค่อยๆดูดซึมค่อย
01:18:29 → 01:18:37 ๆกระจายพลังงานนะอันนี้นะทุกอย่างเนี่ยนะ เริ่มต้นที่เรื่องกินช้าแล้วเคี้ยวเหลวนะ
01:18:37 → 01:18:44 ฮะนะอันต่อมาอาหารที่กินในมื้อแรกนะฮะ หลังเค Fast ก็ควรจะเป็นไอไ typ โปรตีนนะ
01:18:44 → 01:18:51 โดยเฉพาะโปรตีนที่มีไขมันสูงไขมันปานกลาง นะฮะอ่าตามด้วยไฟเบอร์กับ High Good
01:18:51 → 01:19:00 Healthy Fat โดยไม่มีคาฟโดยไม่มีคาฟนะ อ่าคาฟที่ไม่ควรจะมีเลยก็คือแป้งเชิงซ้อน
01:19:00 → 01:19:09 และผลไม้นะฮะนะแป้งเชิงซ้อนต่างๆไม่ควรจะ มีผลไม้ไม่ควรจะกินนะฮะนะอ่าไฟเบอร์ก็มา
01:19:09 → 01:19:16 จากผักใบผักหัวนิดหน่อยนะผักหัวที่มาใน แง่ของการที่จะเป็นประโยชน์ในแง่ของการ
01:19:16 → 01:19:24 เป็นไฟเบอร์ก็คือก็คือผักหัวประเภทที่ เป็นก้านเป็นดอกเป็นกิ่งเ่อเป็นยอดเป็น
01:19:24 → 01:19:33 ฝักอะไรพวกเนี้นะฮะไม่ใช่เป็นส่วนที่เป็น หัวผักหรือลำต้นของผักที่มีขนาดใหญ่ๆนะฮะ
01:19:33 → 01:19:41 ลำต้นเล็กๆก็พอได้นะนะซึ่งมันก็จะมีคาฟ น้อยมากนะฮะนะก็จะเป็นมักจะเป็นผักใบผัก
01:19:41 → 01:19:49 หัวไม่แน่ใจก็เอาแต่ผักใบพอแล้วนะนะนอก จากนี้ต้องมีฝักผักดองนะเป็นกิมมิกนิดๆ
01:19:49 → 01:19:53 หน่อยๆผักดองน้ำผักดองนะอันเนี้ยสำคัญใน มื้อแรก
01:19:53 → 01:20:01 นะมีการกินเกลือธรรมชาตินะกับน้ำส้มสายชู หมักนะฮะนะอันนี้นะ
01:20:01 → 01:20:08 อ่าอย่างเกลือกับนมส้มไายชูที่กินเนี่ยนะ ฮะจะทำให้เกิดภาวะ insulin sensitivity
01:20:08 → 01:20:18 นะนะอ่านะอาจจะกินมื้ออาหารนะรวมทั้งกิน ในในตัวอาหารเลยนะคือกินก่อนมื้ออาหารอ่า
01:20:18 → 01:20:27 จิบๆดื่มๆอ่าเป็น Water fl ไปก่อนก็ได้ นะฮะอ่าแล้วก็มากินเป็นส่วนผสมในอาหารนะ
01:20:27 → 01:20:32 โดยเฉพาะน้ำซุปบนบอดเนี่ยเราก็สามารถใส่ เกลือดำอะไรอย่างี้ก็ได้ใส่น้ำส้มใส่ชู
01:20:32 → 01:20:42 ร่วมไปด้วยก็ได้นะจากนั้นมีของหมักดองนะ ฮะนะอ่าก็ก็อยู่ในในชุดที่ 2 ด้วยนะฮะของ
01:20:42 → 01:20:49 หมักของดองที่มีทั้งพรีไบโอติกโปรไบโอติก นะแต่การหมักดองต้องถูกวิธีนะฮะนะไม่ใช่
01:20:49 → 01:20:55 ไปซื้อมานะฮะอันนั้นไม่น่าไว้ใจนะหรือไป หมักดองแล้วไปใส่น้ำตรงน้ำตา
01:20:55 → 01:21:03 ไปใส่่แป้งอะไรอย่างเงี้ยนะฮะอ่าไปใส่สาร กันบูดนะอันนี้ไม่ใช่แล้วนะฮะนะใช่ครับ
01:21:03 → 01:21:11 ครับจากนั้นในมื้อเย็นเนี่ยมื้อเย็นมีการ กินคาฟที่ดีนะฮะแต่ต้องอยู่ในเกณฑ์จำกัด
01:21:11 → 01:21:18 ควบคุมปริมาณนะฮะไม่กินเท่าไหร่ก็ได้นะนะ ซึ่งเราเน้นการกินผักหัวอันนี้ต้องมีแน่ๆ
01:21:18 → 01:21:25 ส่วนกรณีแป้งเชิงซ้อนจีไอต่ำในมื้อเย็นนะ เฉพาะในคนที่ไม่มีปัญญหาเกี่ยวกับการดื้อ
01:21:25 → 01:21:32 อินซูลินการเป็นเบาหวานเบาหวานยังไม่ มิชั่นหรือเบาหวานิัแล้วแต่ยังลูกผีลูกคน
01:21:32 → 01:21:40 กล้าๆกลัวๆอยู่ก็อย่าเพิ่งไปแตะนะฮะนะก็ ใช้แค่เรื่องักหัวเป็นหลักครับผมเอออย่าง
01:21:40 → 01:21:49 อื่นก็มีการตากแดดนะเพื่อจะรับไอ้ตัวแสง อ่าอุลตร้าไ Violet นะฮะในตอนเช้าในตอน
01:21:49 → 01:21:57 สายตอนเช้านะฮะร่วมกับการ gring นะฮะนะ ส่วนส่วนตอนเย็นๆนะก็จะต้องรับแสงรับ
01:21:57 → 01:22:05 คลื่นนะที่มันเป็น Red Light นะฮะหรือ อินฟราเรดนะฮะแต่ถ้าไม่สะดวกก็หาโคมไฟกก
01:22:05 → 01:22:14 ไก่เอามาส่องอครับเปิดในตอนนอนเนี่ยนะฮะ เนี่ยอันเนี้ยข้อ 6 ข้อ 7 เนี่ยเป็นเป็น
01:22:14 → 01:22:21 เรื่องที่ที่มันเป็นรูทีนอย่างนึงนะฮะใน การที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมหรืออยู่ใน
01:22:21 → 01:22:28 ธรรมชาติดินน้ำลมไฟนะนะนะที่จะมีประโยชน์ นะฮะเพราะพวกนี้เป็นการรับพลังงานรับ
01:22:28 → 01:22:38 คลื่นรับประจุนะรับไอออนอะไรต่างๆนะครับ ผมที่จะไปส่งผลนะในเรื่องของการควบคุมน้ำ
01:22:38 → 01:22:45 ตาลในเลือดนะฮะนะคืออันเนี้ยมันเหมือนมัน เหมือนเป็นอะไรที่ที่เหมือนแทบจะไม่รู้
01:22:45 → 01:22:52 ไม่เห็นอะไรต่างๆเหล่าเนี้ยแต่เากำลังมี งานวิจวิจัยมีเปเปอร์รายงานออกมาเยอะแยะ
01:22:52 → 01:22:59 นะฮะนะนะเพราะฉะนั้นในกระแสเนี่ยนะมันก็ มีอยู่แล้วล่ะนะถ้าคุณจะอ่าเป็นยิ่งเป็น
01:22:59 → 01:23:04 เบาหวงเบาหวานหรือดืสิเยอะๆหรือกลัวว่า เบต้าเซลล์ตับอ่อนจะเสียหายไปเยอะกว่า
01:23:04 → 01:23:10 เนี้ยอยากจะคุมน้ำตาลให้มันเสถียรให้มัน คงที่ให้มันไม่สวิงเหวี่ยงไม่ตกอะไรต่างๆ
01:23:10 → 01:23:14 เนี่ยมันก็มีสิ่งเหล่าเนี้ยซึ่งไม่ต้อง เสียเงินนะไม่ต้องเสียเงินมันคือธรรมชาติ
01:23:14 → 01:23:21 นะใช่ครับอันต่อมาคือต้องมวดระบบน้ำ เหลืองนะโดยเฉพาะบริเวณแกนกลางอ่ะ Call
01:23:21 → 01:23:31 Center คอ Center ก็คือที่ไหนบ้างนะนะฮะ ที่ที่บริเวณคอค้างกับคอนะฮะนะที่บริเวณ
01:23:31 → 01:23:40 หน้าท้องนะฮะหน้าท้องครับผมเนี่ยต่อมน้ำ เหลืองพวกเนี้ยนะสำคัญสำคัญ
01:23:40 → 01:23:49 นะอส่วนแกนกลางร่างกายอ่าด้านหลังอะไรเงย ก็แล้วแต่นะฮะคือการนวดต่อมน้ำเหลืองก็จะ
01:23:49 → 01:23:58 มีประโยชน์ในเรื่องของความแข็งแรงของระบบ การผ่องถ่ายพลังงานจากไขมันนะเพราะังไงก็
01:23:58 → 01:24:04 ตามพลังงานของร่างกายเราต้องให้เข้าทาง ระบบน้ำเหลืองนะฮะเพราะงั้นยังไงก็ตาม
01:24:04 → 01:24:10 ระบบน้ำเหลืองความแข็งแรงในระดับนึงนะ ซึ่งการนวดนวดๆนะโดยเฉพาะน้ำเหลืองระบบ
01:24:10 → 01:24:17 น้ำเหลืองในช่องท้องนี่สำคัญมากนะฮะแต่คน จะไม่ค่อยเข้าใจแล้วไม่รู้นะฮะบางคนก็มี
01:24:17 → 01:24:24 การออกกำลังกงออกกำลังกายไปแล้วคาดเข็ม ขัดที่มันหนุบๆหนับๆมันนวดพุงไปด้วยนะ
01:24:24 → 01:24:31 เรียกว่านวด นะแล้วก็มีการเดินก่อนหรือหลังทานอาหารนะ
01:24:31 → 01:24:39 นะโดยเฉพาะหลังทานอาหารอันนี้แนะนำนะฮะ แต่บางคนไม่สะดวกก็จะเดินก่อนอาหได้นะนะ
01:24:39 → 01:24:46 แต่หลังทานอาหารดีกว่านะแล้วถ้าไม่สะดวก เลยทั้งมื้อไหนมื้อไหนขอให้เป็นมื้อเย็น
01:24:46 → 01:24:52 มื้อเย็นนะอกินเสร็จให้ไปเดินนะอย่างน้อย ต้องมีในมื้อเย็น
01:24:52 → 01:25:01 นะสุดท้ายคือนอนลับสนิทแบบ Deep Sleep Deep Sleep นะะอันนี้ก็เข้าใจม Deep
01:25:01 → 01:25:09 Sleep นะเออ เนี่ยก็คืออันนี้มีมันมันมันสำคัญที่สุด
01:25:09 → 01:25:16 นะฮะถ้าเรานอนไม่ได้เนี่ยนะคอร์ติซอลมา เนี่ยก็อย่าหวังเลยว่าไอ้ตัวน้ำตรงน้ำตาล
01:25:16 → 01:25:25 หรือฟมอจะควบคุมไม่ได้นะจริงๆเนี่ยเขาก็ บอกว่าการทำ 1 2 3 4 5 6 7 89 นะ
01:25:25 → 01:25:35 นะไอ้ตัวข้อ 10 เนี่ยนะมันจะเกิดขึ้นได้ โดยปริยายอยู่แล้วนะอยู่แล้วนะนะแต่ถ้า
01:25:35 → 01:25:42 เกิดไม่เกิดในข้อ 10 เนี่ยคราวนี้มันก็ เป็นปัญหายุ่งเหมือนกันเลยนะเพราะว่าข้อ
01:25:42 → 01:25:50 10 เนี่ยก็มีความสำคัญโดดเด่นนะถ้าเกิด ว่าข้อ 1-9 ทำไม่สำเร็จหรือทำไม่เป็นน่ะ
01:25:50 → 01:25:57 นะนะไม่เข้าใจไม่ไม่รู้ทำบ้างไม่ทำบ้าง อะไรต่างๆนะจนกระทั่งมาส่งผลกับข้อ 10 นะ
01:25:57 → 01:26:05 อ่าก็เรียบร้อยนะก็ในที่สุดมันก็จะตีกลับ ไปเป็นมอนะเนี่ย
01:26:05 → 01:26:14 อเพราะฉะนั้นใครที่มีปัญหาฟมอเนี่ยก็ต้อง นี่ 1-10 นะฮะต้องทำความเข้าใจนะแล้วอัน
01:26:14 → 01:26:21 แรก 3 อย่าอันนี้ไม่ได้ไม่ ได้ทีนี้เราก็พูดกันถึงอีกเรื่องนึงเนะฮะ
01:26:21 → 01:26:31 ก็คือเรื่องตันะฮะเรตับนะคือเราจะเห็นว่า นะเนี่ยหยุดตับหยุดตับหยุดตับในการสร้าง
01:26:31 → 01:26:39 น้ำตาลออกมาอย่างล้นเกินนะฮะ เนี่ยหยุดตับเนี่ยก็คือ 3 อย่ากับ 10 ธรร
01:26:39 → 01:26:47 นะฮะทีนี้เพราะอะไรนะฮะเราอาจจะมามารู้ เกร็ดเล็กเกดน้อยเกี่ยวกับเรื่องของตับ
01:26:47 → 01:26:55 นิดนึงนะฮะนะเนี่ยเราตั้งต้นน่ะที่อวัยวะ สำคัญที่สุดในการปรับเปลี่ยนในเรื่อง
01:26:55 → 01:27:02 เนี้ยนะฮะนะก็คือตับนะเพราะฉะนั้นอาหาร ที่ตับชอบอันนี้ต้องเข้าใจเพราะยังไงก็
01:27:02 → 01:27:09 ตามเรื่องกินเ่ะนะฮะนะอวัยวะเซ็นเตอร์ที่ สำคัญที่สุดนะของการเปลี่ยนแปลงพลังงาน
01:27:09 → 01:27:16 จากการกินหรือสารอาหารจากการกินก็คือตับ นะฮะนะก็มี 4 4 อย่างนะที่เกี่ยวกับตับ
01:27:16 → 01:27:24 โดยตรงนะฮะก็คือ 2 อย่างเนี่ยไม่ชอบกับ อ่าตับเนี่ยเชอบนะอ่าอันนี้ต้องมีความ
01:27:24 → 01:27:31 เข้าใจนะฮะก็คือตับไม่ชอบน้ำตาลจากภายนอก นะคือน้ำตาลทุกรูปแบบนะฮะไม่ว่าจะเป็น
01:27:31 → 01:27:36 อะไรก็ตามมาในรูปแบบไหนก็ตามเมื่อเข้าสู่ ร่างกายแล้วถูกเปลี่ยนแปลงเป็นน้ำตาล
01:27:36 → 01:27:44 เนี่ยอันนี้ตัไม่ชอบไม่ชอบเลยนะฮะเมื่อ ไม่ชอบทำยังไงนะฮะนะเอ่อน้ำตาลเหล่านี้
01:27:44 → 01:27:52 เนี่ยจะไม่สามารถถูกส่งผ่านไปยังอวัยวะ อื่นๆได้นะเพราะตับจะเกิดการปรับเปลี่ยน
01:27:52 → 01:28:05 นะน้ำตาลจากภันอกในทุกคิดทุกทางนะทุกคิด ทุกทางนะนี่แหละนะก็แล้วแต่นะว่า 1 นะก็
01:28:05 → 01:28:11 รู้แล้วว่าหน้าที่ของตัพคือสะสมไกลโคเจน ก่อนนะฮะถ้าเขาบกพร่องเาขาดไกลโคเจนเขาก็
01:28:11 → 01:28:18 ต้องเอาน้ำตาลไปเปลี่ยนเป็นไกลโคเจนนะอัน ที่ 2 นะถ้าไกลโคเจนเต็มแล้วหรือไกลโคเจน
01:28:18 → 01:28:24 มีพอไม่ได้ถูกใช้อะไรแล้วเนี่ยตับจะ เปลี่ยนน้ำตาลจากภายนอกทุกรูปแบบทั้งหมด
01:28:24 → 01:28:31 หมดทั้งหลายทั้งปวงไม่ว่าจะมาเป็นแบบไหน ก็ตามนะฮะให้กลายเป็นไตรกีสไลนะแล้วก็เอา
01:28:31 → 01:28:41 ไปสะสมนะถ้าแหล่งในการสะสมเต็มนะเต็มก็จะ เกิดการล่องลอยอยู่ในกระแสเลือดนะแต่ใน
01:28:41 → 01:28:49 ขบวนการสะสมเนี่ยนะฮะนะบางครั้งเนี่ยนะ เอ่อถ้าแหล่งสะสมตามธรรมชาติก็คือศัพ์คิว
01:28:49 → 01:28:56 ทาเนียเนี่ยมันเต็มเนี่ยนะอ่ามันก็จะมี แหล่งสะสมซึ่งซึ่งอยู่ในอะไรอยู่ในช่อง
01:28:56 → 01:29:05 ท้องคือ vis ใช่มนะแต่การสะสมที่ viser เ กลายเป็น viser Fat ต่างๆเนะเอ่อมันจะ
01:29:05 → 01:29:11 เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างตับกับ คอร์ติซอลคอร์ติซอลนะฮะนะแต่ส่วนใหญ่จะ
01:29:11 → 01:29:17 เป็นการโบงการของคอร์ติซอลมากกว่า อินซูลินนะฮะทำงานร่วมกันระหว่างอินซูลิน
01:29:17 → 01:29:25 กับคอร์ติซอลนะคอร์ติซอลมีบทบาทมากกว่า ถ้าจะเอาเไปสะสมที่ผิดธรรมชาติเนี่ยก็คือ
01:29:25 → 01:29:35 ที่พุงหรหรืออวัยวะภายในต่างๆนะฮะนะอัน นี้ก็รู้ะนะตับไม่ชอบน้ำตาลตับไม่ชอบพลัง
01:29:35 → 01:29:44 งานใดๆนะฮะที่ผิดและมากจนล้นเกินความ ต้องการของร่างกายนะฮะคำว่าพลังงานที่ผิด
01:29:44 → 01:29:52 นะอ่าพลังงานนี้หมายถึงเอนเนอร์ยีไม่ใช่ แคลอรี่นะฮะพลังงานที่ผิดนะและมากจนล้น
01:29:52 → 01:30:01 เกินความต้องการของร่างกายนะก็คือ 1 พลัง งานจากคาฟนะ 2 พลังงานที่มาจากโปรตีนเกิน
01:30:01 → 01:30:12 นะฮะและ 3 พลังงานที่มาจากไขมันเกินและ ผิดนะฮะเกินและผิดนะฮะนะนะตามความต้องการ
01:30:12 → 01:30:19 ของร่างกายความต้องการของร่างกายเนี่ยใน ระดับ Bal metabolic Rate นะฮะนะร่าง
01:30:19 → 01:30:28 กายเต้องการนะปริมาณและอัตราส่วนของ Energy Balance หรือพลังงานจากคาฟจาก
01:30:28 → 01:30:36 โปรตีนจากแฟตก็เป็นไปตามที่เราพูดอยู่ ตลอดนะฮะก็คือคาฟ 5-20 per แล้วแต่อ่า
01:30:36 → 01:30:44 ลักษณะร่างกายและสภาวะสุขภาพด้วยนะฮะนะ 2 โปรตีนก็อยู่ในช่วง 20 ถึงไม่เกิน 30%
01:30:44 → 01:30:54 แล้วก็ 3 ไขมันนะต้องเป็นไขมันดีและจะ ต้องมีสัดส่วนที่มากกว่าพลังงานจากคาฟและ
01:30:54 → 01:31:01 โปรตีนรวมกันอ่าก็คือส่วนใหญ่เราให้ตัว เลขที่ประมาณ 60 ขึ้นไปนะ 60 ขึ้นไปควรจะ
01:31:01 → 01:31:11 เกิน 60 ขึ้นไปนะฮะ 60% นะฮะนะนะถ้าเป็น เช่นนี้เนี่ยถือว่าเป็นพลังงานที่ถูกและ
01:31:11 → 01:31:19 พอดีตามความต้องการของร่างกายนะออันนี้ ตับเขาก็จะชอบนะฮะแต่ถ้าผิดไปจากสิ่ง
01:31:19 → 01:31:29 เหล่านี้นะฮะตับจะไม่ชอบนะฮะ เพราะฉะนั้นใครที่กินอยู่ยังไงอะไรนะคุณ
01:31:29 → 01:31:37 กินที่ไปมีผลทำให้ตับเเกลียดเไม่ชอบสิ่ง ที่คุณกินหรือเปล่า
01:31:37 → 01:31:44 นะนะแต่ถ้ายังน้ำตาลหรือาฟเนี่ยในข้อแรก เนี่ยอันนี้โดดเด่นที่สุดเพราะตับครกทั้ง
01:31:44 → 01:31:51 ไม่ชอบทั้งกลัวทั้งเกลียดมากๆนะฮะ นะนะแต่อย่างที่ 2 เนี่ยมันจะเป็นเรื่อง
01:31:51 → 01:32:00 รวมๆนะของพลังงานทั้งหมดก็คือค้าโปรตีนไข มดอ่ะทีนี้มาดูข้อที่เหลือนะฮะแล้วตับ
01:32:00 → 01:32:07 เนี่ยเขาชอบอะไรอ่ะนะฮะนะคือเซลล์ของตับ หรือเฮาโตไตเนี่ยนะฮะเขาก็จะมีโครงสร้าง
01:32:07 → 01:32:16 ที่เรียกว่าไมโทคอนเดรียนะฮะเซลล์ของตับ นะนะหรือไมโตคอนเดรียของตับเขาชอบการเผา
01:32:16 → 01:32:22 ผลาญพลังงานไม่ชอบการเก็บสะสมพลังงาน เพราะฉะนั้นไอ้ตัวตับเนี่ยซึ่งเป็น
01:32:22 → 01:32:26 อวัยยวะ อย่างนึงเนี่ยนะแต่เป็นอวยะชนิดแรกเลยของ
01:32:26 → 01:32:35 ร่างกายที่ต้องการและใช้พลังงานมากที่สุด นะฮะนะโดยอ่าไมโตคอนเดรียของตับของเซลล์
01:32:35 → 01:32:40 ตับเขาชอบการเผาผลาญสลายพลังงานเพราะ ฉะนั้นก็เลยต้องมีพลังงานมาให้เขาเบิร์น
01:32:40 → 01:32:49 นะเพราะเชอบการเบิรนเไม่ชอบการเก็บสะสม ไม่ชอบการเป็นไขมันพอกตับแฟวอร์นะฮะอัน
01:32:49 → 01:32:58 นั้นเขาจะทำานเขาจะป่วยนะเขาจะอักเสบเสพ ก็จะไม่ดีนะฮะนะอืครับ
01:32:58 → 01:33:05 ผมทีนี้ข้อสุดท้ายก็คือตับหรือ ไมโตคอนเดรียของตัพเนี่ยอ่าจะชอบเรารู้
01:33:05 → 01:33:11 ว่าชอบการเบิรนในข้อที่ 3 แล้วใช่มั้ยไม่ ชอบการสะสมสิ่งที่เอามาเบิรนที่ตับชอบมาก
01:33:11 → 01:33:22 ที่สุดคือไขมันดีๆนะเพงั้นคำจำกัดความของ ไขมันที่ดีๆนะฮะคืออะไรนะฮะนะคืออะไรเป็น
01:33:22 → 01:33:28 อย่างไรนะ ไขมันที่ดีก็ต้องเป็นไขมันอิ่มตัวไม่อิ่ม
01:33:28 → 01:33:35 ตัวเชิงเดี่ยวไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนในปริมาณ และสัตส่วนเท่านั้นเท่านี้อะไรต่างๆนะอัน
01:33:35 → 01:33:48 นี้แหละนะเพราะอะไรตับถึงชอบเบิร์นไขมัน อ่าที่ดีๆที่ดีๆนะเเออทำไมต้องใช้ไขมัน
01:33:48 → 01:33:56 ล่ะนะอะไอย่าเงี้นะ ฮะอันนี้ก็จะมีการขยายความให้รู้ต่อๆไปใน
01:33:56 → 01:34:04 เชิงลึกครับผมเนี่ยเอ่อทั้งหมดเนี้ยเนี่ย เราพอเข้าใจอะไรหรือยังในการรักษาระดับ
01:34:04 → 01:34:13 น้ำตาลในเลือดนะเนี่ย อืสจนะครับผมอันนี้นะ
01:34:13 → 01:34:19 เออ เอ้อ
01:34:19 → 01:34:27 นะก็อันนี้จะเป็นหลักการคร่าวๆนะที่เอามา บอกอื
01:34:27 → 01:34:37 นะเอ่อข้อ 4 เนี่ยนะข้อ 4 เนี่ยนะ ฮะข้อ 4 เนี่ยมันจะมีอยู่ 2 ประเด็นนะฮะ
01:34:37 → 01:34:48 นะนะเอ่อตับเนี่ยชอบไขมันดีใช่มั้ยล่ะนะ เพราะอะไรนะใชครับผม 4.1 นะฮะเพราะหน้า
01:34:48 → 01:34:55 ที่หลักสำคัญที่สุดของตัคือหน้าที่ของการ สร้างไกโคเจน
01:34:55 → 01:35:05 สร้างไกลโคเจนหรือเก็บไกลโคเจนสะสมไว้ตาม เกณฑนะฮะตามเกณฑ์ที่จะเก็บสะสมได้นะก็
01:35:05 → 01:35:12 แล้วแต่ว่าตัของคนคนนั้นน่ะควรจะมีไสะสม ในอัตราส่วนในสัดส่วนเท่าไหร่เท่าไหร่
01:35:12 → 01:35:18 นะเพราะฉะนั้นอันเนี้ยเป็นหน้าที่ก่อนอัน ที่ 1 ก่อนนะแต่หน้าที่อันที่ 2 นี่แหละ
01:35:18 → 01:35:24 ฮะมันจะเกี่ยวกับไอ้ตัวไขมันดีๆโดยตรงเลย แต่หน้าที่อันที่ 1 เนี่ยนะ
01:35:24 → 01:35:31 ก็เป็นหน้าที่ที่ตับจะต้องผ่านสิ่งนี้ ก่อนนะฮะถึงจะไปทำหน้าที่ที่ 2 นะซึ่งการ
01:35:31 → 01:35:40 ทำหน้าที่ที่ 2 เนี่ยมันจะเกี่ยวข้องกับ การที่เขาจะชอบไขมันดีในการเอามาใช้ในการ
01:35:40 → 01:35:48 เบนนะหน้าที่ที่ 2 ก็คือหน้าที่ของตับใน การที่จะสร้างน้ำดีนะตัมีหน้าที่ที่ 2
01:35:48 → 01:35:57 ลองจากการสร้างไกลโคเจนนะคือการสร้างดีนะ ฮะนะโดยนะการสร้างน้ำดีจะเกิดขึ้นเมื่อ
01:35:57 → 01:36:05 ตับมีขบวนการเบินเท่านั้นนะฮะเพราะเมื่อ ไหร่ก็ตามที่สะตับสะสมเนี่ยอย่างข้อที่ 1
01:36:05 → 01:36:13 ตับสะสมคือสะสมไกลโคเจนแต่ถ้าเกินเลยกว่า ไกลโคเจนตับจะสะสมไขมันพอตับสะสมไขมันก็
01:36:13 → 01:36:20 จะเกิดฮอร์โมนอินซูลินเกิดคอร์ติซอลเกิด เอสโตรเจนนะฮะนะซึ่งการเกิดในสิ่งเหล่า
01:36:20 → 01:36:28 เนี้ยจะไม่สามารถทำให้ตับสร้างน้ำดีได้จะ สร้างได้น้อยมากการสร้างน้ำดีที่เป็นหน้า
01:36:28 → 01:36:37 ที่อันดับต่อไปของตับนะมันจะถูกจำกัด นะนะแต่แต่ถ้าหน้าที่แรกเนี่ยก็คือหน้า
01:36:37 → 01:36:45 ที่ในการสะสมไกลโคเจนเนะนะซึ่งเราจะต้อง เติมคาฟในระดับนึงอ่ะนะฮะที่ไปให้เขา
01:36:45 → 01:36:52 สร้างเป็นไกลโคเจนสะสมไว้นะเพื่อต่อๆไปใน ช่วงเช้าที่จะปลุกให้ตื่นแล้วก็การเบรก
01:36:52 → 01:36:59 คอร์ติซอลด้วยอย่าเงี้ยนะฮะนั่นแหละถ้า หน้าที่นี้สำเร็จปุ๊บนะฮะนะตับจะเริ่มทำ
01:36:59 → 01:37:07 การเบินก่อนเลยอ่าเบิร์นๆๆพอเบิร์นมาปุ๊บ เนี่ยนะฮะนะเบิรนไอ้พวกไขมันต่างๆที่มา
01:37:07 → 01:37:13 กับอาหารหรือมากับการสลายไขมันที่สะสมใน ร่างกายเนี่ยพอเบิรนเรียบร้อยแล้วเนี่ยก็
01:37:13 → 01:37:21 จะสร้างน้ำดีอ่ะนะฮะเพราะผลจากการเบิรน มันจะเกิดอะไรอ่ะการสลายพอผันพลังงานก็
01:37:21 → 01:37:26 ย่อมจะเกิดคอเลสเตอรอล ที่จะต้องมีการหมุนเวียนถ่ายเทออกทางระบบ
01:37:26 → 01:37:34 น้ำดีนี่แหละนะเพราะฉะนั้นหลังการเบิรน หลังการเกิดคอเลสเตอรอลนะก็จะต้องมีการ
01:37:34 → 01:37:41 ที่จะเอาคอเลสเตอรอลออกทางระบบน้ำดีก็ เป็นหน้าที่ที่ 2 นะตามครับตามมาโดย
01:37:41 → 01:37:48 อัตโนมัตินะฮะ อืซึ่งเมื่อสร้างน้ำดีได้เนี่ยเขาก็จะ
01:37:48 → 01:37:59 Activate ไทรรอยให้เป็น Active นะไทรรอย ได้นะฮะหลังจากนั้นเนี่ยนะเคก็เาก็จะอ่า
01:37:59 → 01:38:06 อะไรอ่ะสร้างหรือทำหรือเกิดกระบวนการ detoxification อะไรต่างๆนะซึ่งเป็นหน้า
01:38:06 → 01:38:13 ที่รองๆไปอะไรอย่างเงี้ยนะสร้างวิตามินดี สร้าง
01:38:13 → 01:38:20 อ่าอะไรต่างๆอ่ะที่เป็นหน้าที่ประมาณ 500 อย่างนะในลำดับต่อไปนะแต่อย่างน้อยเนี่ย
01:38:20 → 01:38:28 จะต้องผ่านข้อ 1 กับข้อ 2 ก็คือการสะสม ไกลโคเจนไม่สะสมไตกิลด์และอันที่ 2 ก็คือ
01:38:28 → 01:38:35 การสร้างน้ำดีโดยเอ่อสามารถที่จะเข้าสู่ กระบวนการสลายเผ่าผลาพลังงานหรือเบินๆๆ
01:38:35 → 01:38:45 ได้ครับผมอันนี้ก็คือเรื่องสำคัญที่ต้อง ทำความเข้าใจนะรู้ทุกคนจะเข้าใจ
01:38:45 → 01:38:54 มั้ยครับผมเอค่อยๆศึกษากันครับ ผมเนี่ยเอ่อ
01:38:54 → 01:38:59 เดี๋ยวเรามาดูหน้านี้อีกหน้านึงนะฮะนะอัน
01:39:00 → 01:39:09 นี้อ่าดูเชิงลึกไปอีกนิดนึงจะเข้าใจอะไร มากขึ้นนี่อันนี้เห็นมตัวคใช่ม
01:39:09 → 01:39:17 นะไมโตคอนเดรียเนี่ยมันมีอยู่ในเซลล์ทุกๆ เซลล์อ่ะนะนะแต่เซลล์ไขมันเนี่ยมันจะมี
01:39:17 → 01:39:23 น้อยนะแล้วก็เซลล์ที่ใช้แต่น้ำตาลไม่ สามารถใช้ออกซิเจนได้อะไรอย่างเงี้ยนะฮะ
01:39:23 → 01:39:28 ก็จะไม่มีไมโทคอนเดรียในการเผาผลาญพลัง งานคือการเผาผลนพลังงานไมโทคอนเดรียเพใช้
01:39:28 → 01:39:34 ออกซิเจนนะฮะ นะแล้วไมโทคอนเดรียเนี่ยมันจะอยู่ที่ไหน
01:39:34 → 01:39:41 ส่วนใหญ่ก็ตับเนี่ยไมโทคอนเดรียที่ตับตับ เนี่ยจะสำคัญที่สุดนะฮะ
01:39:41 → 01:39:47 นะ What Make You mondia Healthy ทำ ยังไงให้ไมโทคอนเดรียมันแข็งแรงแล้วเผา
01:39:47 → 01:39:55 ผาญพลังงานได้นะฮะก็ต้องเป็น Good Healthy Food นะฮะอ่าต้องมี
01:39:55 → 01:40:03 ออกซิเจนเข้าไปให้ไมโตคอนเดรียใช้ได้นะมี ไฮโดรเจนน้ำนะจากการกินน้ำนะฮะนะน้ำน้ำ
01:40:03 → 01:40:13 ธรรมดานะฮะต้องมีแสงนะฮะนะมีแสงมีคลื่นนะ ฮะก็คือแสงอะไรนะฮะแสง UV ออ่าแล้วก็แสง
01:40:13 → 01:40:21 อินฟาเรดอินฟาเรด UV มาตอนกลางวัน อินฟาเรดมาตอนกลางคืนนะฮะนะเนี่ยแล้วก็
01:40:21 → 01:40:30 ต้องมีพลังงานก็คือคีโตนนะคีนนะฮะซึ่ง คีโตนเนี่ยนะอ่ามันจะเกิดการสร้างที่ตับ
01:40:30 → 01:40:41 นะแต่ตับใช้คีโตนไม่ได้นะฮะคีโตนอันนี้มา จากที่ไหนนะที่จะมาให้ไมโตคอนเดรียของตับ
01:40:41 → 01:40:53 นะสร้างอ่าใช้เป็นพลังงานได้คีโตน อันเนี้ยมาจากมาจากช่วงเย็นๆที่ที่
01:40:53 → 01:41:02 ที่ไหนที่เรากินคาฟในมื้อเย็นคาฟครับผมเอ แล้วคาฟในมื้อเย็นเนี่ยนะหรือการกิน
01:41:02 → 01:41:08 ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำต่างๆนะมาทั้งวันเลย หรือจะเป็น
01:41:08 → 01:41:17 ในของดองๆเหล่าเนี้ยไปทำให้จุลินทรีย์ในำ ไส้้หรือโปรไบโอติกเนี่ยเปลี่ยนแปลงนะ
01:41:17 → 01:41:24 ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำกลายเป็นชอ chain fatty Acid หรือเป็นคีโตนนะฮะนะแล้ว
01:41:24 → 01:41:31 คีโตนเหล่าเนี้ยก็จะมาให้ไมโทคอนเดรียของ ตับได้ใช้ในช่วงสั้นๆคือในตอนมื้อเย็น
01:41:31 → 01:41:38 เพราะมื้อเย็นเนี่ยร่างกายกินคาฟแล้วมี อินซูลินอินซูลินมาเบรกมาเบรกคีโตนมาเบรก
01:41:38 → 01:41:44 การสร้างคีโตนของตับนะฮะนะแต่คีโตนที่ตับ จะใช้เนี่ยในตอนมื้อเย็นต่างๆเหล่าเนี้ย
01:41:44 → 01:41:53 นะก็จะเป็นคีโตนที่มาจากลำไส้มาจากลำไส้ เป็นช่วงเวลาสั้นๆชั่วโมงที่อินซูลินมามา
01:41:53 → 01:42:01 และจะค่อยๆหายไปตรงนี้คนก็ไม่ค่อยรู้ เรื่องคืออินครับอินซูลินมาช่วงช่วงเย็น
01:42:01 → 01:42:08 แล้วก็ตับหยุดสร้างคีโตนแต่ว่าเป็นช่วง เวลาที่ตับเอาคีโตนไปใช้ได้จากลำไส้ใช่
01:42:08 → 01:42:13 มั้ครับผมใช่เพราะในช่วงนั้นเนี่ยตับเอง เนี่ยก็ยังต้องทำงานในการย่อย
01:42:13 → 01:42:22 อาหารครับนะในการจัดการกับคาร์โบไฮเดรตใน มื้อเย็นโปรตีนครับผมอ่าที่กินในมื้อเย็น
01:42:22 → 01:42:27 นะ เพราะฉะนั้นเนี่ยนะตับก็ยังต้องทำงานอยู่
01:42:27 → 01:42:34 แทบจะตลอดเวลาแล้วแหละนะฮะแต่ในช่วงของ พลังงานที่จะเอามาทำงานในมื้อเย็นที่กิน
01:42:34 → 01:42:40 คาฟและอินซูลินมาบล็อกอนะก็คือมีคีโตนมา จากำ
01:42:40 → 01:42:48 ไส้ครับผมเนี่ยอันนี้ก็ให้ดูคร่าวๆนะว่า ไมโทคอนเดรียเนี่ย Factor ต่างๆเนี่ยที่
01:42:48 → 01:42:53 จะให้เขา Healthy อ่ะนะเนี่ยเเรียก Healthy ไมโทคอนเดรีย
01:42:53 → 01:43:02 นะก็ต้องอาหารดีออกซิเจนต้องมีไฮโดรเจน ต้องมีแสงต้องมีคลื่นต้องมีอ่าเนี่ยแล้ว
01:43:02 → 01:43:11 ก็คีโตนต้องมีช่วงสั้นๆโดยเฉพาะในมื้อ เย็นนะฮะอทีนี้เราก็กลับไปครับผมเ่อ
01:43:11 → 01:43:17 เรื่องราวเนี่ยมันก็จะเป็นอย่างงี้นะฮะ เราเนี่ยถ้าเป็นชูการเบอร์เนอร์กินคาฟ
01:43:17 → 01:43:24 เยอะๆอกินคาฟเยอะๆน้ำตาลในร่างกายน้ำตาล ในเลือดน้ำตาลในในอวัยวะต่างๆโดยเฉพาะน้ำ
01:43:24 → 01:43:31 ตาลในตับเยอะมั้ยเยอะเกิดการคั่งท้าเกิด การสะสมอะไรต่างๆ
01:43:31 → 01:43:41 นะทีนี้ถ้าดูในระดับของไมโทคอนเดรียของ ตับเนี่ยนะว่าเวลาเเจอกับน้ำตาลเยอะๆนนะ
01:43:41 → 01:43:46 คือน้ำตาลเนี่ยร่างกายเอาไปใช้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นด่านแรกเลยที่น้ำตาลเข้าสู่
01:43:46 → 01:43:53 ร่างกายทางระบบทางเดินอาหารเนี่ยก็จะต้อง ไปที่ตับตับจะต้องทำงานหนักมากในการจัด
01:43:53 → 01:43:59 การกันน้ำตาลนะแล้วเซลล์ตับที่นะจะทำหน้า ที่ในการจัดการน้ำตาลเนี่ยก็คือ
01:43:59 → 01:44:06 ไมโทคอนเดรียหรือเตาเผาพลังงานนะฮะครับผม ไคอนเดียหรือเตาเผาพลังงานที่ตับเนี่ยจะ
01:44:06 → 01:44:14 ต้องนะทำให้ตัวเองอ่ะเกิดการเผาผลาญน้ำ ตาลกลูโคสที่เราเรียกว่าเคปไซเคิลนะฮะ
01:44:14 → 01:44:22 ครับผมนะแต่ด้วยโมเลกุลของน้ำตาลเนี่ยกับ ไมโตคอนเดรียเนี่ยเวลาน้ำตาลมันเข้าเซลล์
01:44:22 → 01:44:28 นะฮะนะแล้วมันไปเจอไอ้ตัวเตาเผา ไมโทคอนเดียเนี่ยนะฮะเไมโทคอนเดียเนี่ย
01:44:28 → 01:44:36 มันกลัวมากมันจะเหี่ยวฮะไมโทคอนเดรียจะ กลัวน้ำตาลนะเหี่ยวขอเพราะว่า
01:44:36 → 01:44:42 ไมโทคอนเดรียมันเป็นออร์แกแนลที่อยู่ใน เซลล์ซึ่งโครงร่างของไมโตคอนเดรียคือ
01:44:42 → 01:44:49 โปรตีนนะฮะนะโครงร่างของไมโตคอนเดรียที่ เป็นเป็นแบบเนี้ยนะมันคือโปรตีนทั้งหมด
01:44:49 → 01:44:57 เลยนะฮะแล้วโปรตีนเวลาเจอกับน้ำตาลเกิด อะไรขึ้นนะก็เกิด Advance
01:44:57 → 01:45:09 ไชอเกิดขบงการไชันะฮไชัครับผมเออน้ำตาล มันทำลายโปรตีนไน้ำตาลมันทำลายโปรตีนทำ
01:45:09 → 01:45:17 ให้เราผิวเหี่ยวทำให้เราเกิดเซลลูไลท์ทำ ให้เราเกิดความแก่นะแก่ก็เหยี่ยวนะก็ไม่
01:45:17 → 01:45:25 เต่งตึงก็ไม่เฟชอ่านี่แหละนะพอ ไมโตคอนเดรียซึ่งเป็นโปรตีนเจอกับโมเลกุล
01:45:25 → 01:45:30 ของน้ำตาลเยอะๆๆๆๆๆๆๆนะฮะคือไอ้ส่วนที่ เ้าต้องจัดการน้ำตาลเปลี่ยนแปลงพลังงาน
01:45:30 → 01:45:36 ต่างๆแต่สันดาบพลังงานเนี่ยเค้าก็ทำไปแต่ อีตัวเค้าเนี่ยน้ำตาลมันมาล้อมเยอะๆเนี่ย
01:45:36 → 01:45:41 น้ำตาลมันก็ทำปฏิกิริยากับโปรตีน ไมโตคอนเดรียไมโตคอนเดรียก็เลยเหยี่ยวฟอ
01:45:41 → 01:45:48 นะฮะซึ่งถ้าเป็นลักษณะเช่นนี้เช่นนี้เป็น ไมโตคอนเดรียที่ไม่ Healthy นะ
01:45:48 → 01:45:57 ไมโทคอนเดรียที่ไม่ Healthy จะเกิดแรงดึง ดูดออกซิเจนได้ไม่ดีนะฮะเนี่ยนะคือ
01:45:57 → 01:46:04 ไมโตคอนเดรียที่ไม่ Healthy จะดึงดูด ออกซิเจนเข้าสู่ตัวเขาได้ไม่ดีนะเพราะ
01:46:04 → 01:46:12 เวลาไมโตคอนเดรียเขาจะสันดาบพลังงานหรือ เผาผลาพลังงานเต้องใช้ออกซิเจนนะแต่ถ้า
01:46:12 → 01:46:23 เกิดเขาโดนน้ำตาลมาสกำอ่ะมารุมสกำนะเก็ บอบช้ำนะป่วยอักเสบหรือว่าจะเรียกว่าอะไร
01:46:23 → 01:46:30 อ่ะนะระบมนะเพราะฉะนั้นเนี่ยเขาจะเอาโน่น เอานี่เข้าตามปกติเนี่ยโดยเฉพาะออกซิเจน
01:46:30 → 01:46:38 น้ำเนิ้มอะไรอย่าเงี้ยหืมันเข้าได้ไม่ดี นะฮะนะเนี่ยออันนี้ขั้นตอนนี้นะฮะ
01:46:38 → 01:46:46 อ่าขณะเดียวกันตัวไมโทคอนเดรียที่โดนรุม สกรด้วยน้ำตาลเนี่ยนะจะต้องมีการฝืนทำงาน
01:46:46 → 01:46:51 ในการสันดาบพลังงานจากน้ำตาลที่เยอะแยะ เหลือเกินเพราะคุณน่ะเป็นชูการเบอร์เนอร์
01:46:51 → 01:47:00 ติดยึดติดยากในการกินคาฟแปรรูปนะนะนะซึ่ง ออกซิเจนเข้าไม่ดีนะไมโตคอนเดรียจะเกิด
01:47:00 → 01:47:10 ภาวะไฮพอกซีคือออกซิเจนมันต่ำนะแล้วการ สันดาบพลังงานจากน้ำตาลในขณะที่ออกซิเจน
01:47:10 → 01:47:18 ต่ำมันจะทำให้เกิดกดพิษอย่างนึงเเรียกกรด แลคติกนะกดแลคติกก็อย่างเช่นเวลาเราออก
01:47:18 → 01:47:27 กำลังกายเซลล์มันต้องใช้พลังงานเยอะๆนะนะ มันก็จะต้องปรับโหมดของการที่จากการใช้
01:47:27 → 01:47:34 ออกซิเจนมาเป็นแบบไม่ใช้ออกซิเจนเนะหรือ เป็นการสันดับพลังงานในขณะที่ไม่ใช้
01:47:34 → 01:47:41 ออกซิเจนหรือออกซิเจนมันต่ำไฮพอกเซีย ไฮพอกเซียนะนะพวกเนี้ยนะเซลล์มันจะเกิด
01:47:41 → 01:47:51 การสะสมกดพิษเเรียกกดแลคติกกดแลคติกนะกด แลเอทำให้สภาพร่างกายทั้งหมดเคลียไม่มี
01:47:51 → 01:47:59 แรงปดปดเมื่อยระบมเมื่อยล้าแล้วก็ง่วง เหงาหานอนอยากนอนอยากพักอยากปิดสวิตช์อ
01:47:59 → 01:48:08 นี่เป็นผลของกฎแลคติกดติครับผมถ้าเกิดว่า ยังฝืนเป็นชูการเบอร์เนอร์กินคาฟเยอะๆๆๆๆ
01:48:08 → 01:48:17 ๆร่างกายคุณจะเกิดภาวะขาดออกซิเจนแบบ เรื้อรังนะร่างกายคุณจะขาดออกซิเจนแบบ
01:48:17 → 01:48:26 เรื้อรังนะฮะนะเซลล์ต่างๆเนี่ยเมื่อเกิด การผิดปกติในลักษณะที่เป็นผลมาจากน้ำตาล
01:48:26 → 01:48:34 พวกนี้นะฮะนะนะไม่แค่ตับหรอกฮะนะทุกเซลล์ จะเกิดภาวะ insulin resistance หรือการ
01:48:34 → 01:48:42 ดื้ออินซูลินนะการดื้ออินซูลินแล้วเซลล์ ต่างๆเนี่ยจะพยายามลดการสันดาบน้ำตาลแต่
01:48:42 → 01:48:50 พยายามที่จะเพิ่มการเปลี่ยนแปลงนะน้ำตาล ที่มีพิษเี่กลายเป็นของไม่มีพิษคือ
01:48:50 → 01:48:58 ไตกีสไลนะเพราะฉะนั้นไตกีสไลก็จะเพิ่ม ขึ้นในขณะที่ไอ้ตัวการสร้างพลังงานที่
01:48:58 → 01:49:04 เป็นเคปไซเคิลอะไรต่างๆจากน้ำตาลเนี่ยมัน ลดลงเรื่อยๆนะเนี่ยแล้วกดแลคติกก็เยอะ
01:49:04 → 01:49:10 ขึ้นเรื่อยๆด้วยเซลล์มันก็กลัวนะมีแต่ของ ไม่ดีทนั้นน้ำตาลก็ไม่ดีแลคติกก็ไม่ดีนะ
01:49:10 → 01:49:15 อ่าเพราะฉะนั้นอยากทันนั้นเลยมึงกินอะไร เข้าไปเมื่อไหร่ที่เป็นคาฟเนี่ยกูเปลี่ยน
01:49:15 → 01:49:22 เป็นไตกิลหมดเลยนะฮะนะแล้วกูก็ทุกอย่าง ไม่มีเรี่ยวแรงไม่มีพลังงานอักเสบเรื้อ
01:49:22 → 01:49:30 รังกันไปหมดนะไม่มีออกซิออกซิเจนดีๆนะฮะ เนี่ยไซกิสไลดเพิ่มไขมันสะสมร่างกายมี
01:49:30 → 01:49:37 ขบวนการอักเสเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะสุดท้าย เกิดภาวะเซลล์กายพันธุ์เจ็บป่วย
01:49:37 → 01:49:45 ออเพราะฉะนั้นการ้าเบอร์เนอร์เนี่ยจึงมี กระบวนการหรือขั้นตอนของเซลล์และ
01:49:45 → 01:49:52 ไมโทคอนเดรียเนี่ยมันเป็นอย่างเงี้ยมัน เป็นอย่างเงี้ยแล้วอันแรกเลยที่เกี่ยวกับ
01:49:52 → 01:49:57 อาหารการกินที่เข้าร่างเราเนี่ยนะที่มัน จะเกิดปัญหาอย่างนี้ก่อนเลยเนี่ยคืออะไร
01:49:57 → 01:50:03 ก็คือ ตับเพราะฉะนั้นเซลล์ตับไมโทคอนเดรียของ
01:50:03 → 01:50:12 ตับนะเนี่ยพี่เรากินไม่เป็นกินงั่วซั่ว กินไม่ถูกอะไรอย่างเงี้ยนะก็เรียบร้อยนะ
01:50:12 → 01:50:19 โดยเฉพาะในฝั่ง Standard American Diet คฟแปรรูปไขมันแปรรูปแนมไซเคิลนะ
01:50:19 → 01:50:25 ไมโตคอนเดรียของตับก็อยู่ในสภาพอย่างนี้ ช่วนาตปีจนกระทั่งเป็นไรไปก็ไม่รู้
01:50:25 → 01:50:36 เยี้ครับผมอ้าแก้ไขยังไงแก้ไขยังไงนะการ แก้ไขเราใช้ 3 กรดคือเหล่านี้เนี่ย
01:50:36 → 01:50:46 นะน้ำตาลมากๆค้าง้างสะสมจะได้กฎแลคติกแต่ เราถือว่ากฎแลคติกเป็นกฎที่เกิดขึ้นมา
01:50:46 → 01:50:56 พร้อมกับความไม่ดีความเป็นพิษเป็นสิ่งที่ ที่ที่น่าเกลียดอ่ะนะไม่ใช่ของดีอ่ะ
01:50:56 → 01:51:05 เออแต่เราจะแก้ไขอันเนี้ยนะเราก็ต้องเอา กฎ 3 กฎเนี่ยซึ่งเป็นกฎที่ดีเ่อเป็นกฎใน
01:51:05 → 01:51:15 ฝ่ายเทพอ่ะอ่าครับผมกดเอาไปแก้กดฝ่ายมาร หรือกดแลคติกนะฮะอ่ากฎที่ดี 3 กรดเนี่ยก็
01:51:15 → 01:51:22 เป็นกรฎธรรมชาตินี่แหละก็คือกดอะมิโนจาก โปรตีนกดไขมันอก็ต้องฟรีแฟตตี้แอซิดที่ดี
01:51:22 → 01:51:30 ด้วยแล้วกดอิติ 2 กดแรกเนี่ยไม่เปรี้ยว แต่กดตัวที่ 3 มันเป็นกดเปรี้ยวเปรี้ยว 3
01:51:30 → 01:51:40 กดเนี่ยเป็นกดฝั่งเทพที่จะไปไปปรับไปแก้ อีกดมารกดพิษอันเนี้ยนะเออแติด
01:51:40 → 01:51:47 อ่าเพราะฉะนั้นต้องกินอะไรต้องทำยังไงอ่ะ ในทางปฏิบัติอ่าเพราะฉะนั้นทางปฏิบัติ
01:51:47 → 01:51:53 เนี่ยก็ไม่กินน้ำตาลไม่กินสิ่งที่เปลี่ยน แปลงเป็นน้ำตาลอะไรต่างๆนะเนี่ย
01:51:53 → 01:52:01 แล้วก็ดูตามสภาวะทางด้านอะไรอ่ะการเผาผลา พลังงานของแต่ละบุคคลด้วยว่าไปถึงขั้นไหน
01:52:01 → 01:52:09 กันแล้วนะฮะนะครับผมอ่าแล้วการแก้ก็ใช้ กินอย่างงี้รับสิ่งเหล่านี้กดพวกนี้เข้า
01:52:09 → 01:52:15 ไปกดอะมิโนก็คือเนื้อสัตว์กดไขมันอ่าก็ เป็นกดไขมันดี Good Healthy Fat TE
01:52:15 → 01:52:24 Oil กดก็คือ acv ccv ของหักกครับผมนี้ เราก็มาดูเนี่ยหมอสรุปมาแล้วกระบวนการเผา
01:52:24 → 01:52:33 ผาญพลังงานจากอาหารนะที่มีลักษณะเป็นกรด เหล่าเย 3 กรดเนี้ยกรดเทพเหล่าเนี้ยนะเรา
01:52:33 → 01:52:42 จะเรียกว่าเป็นกระบวนเป็นเป็นเป็นกรดนะ ที่ที่ร่างกายที่ไปที่จะไปกระตุ้นร่างกาย
01:52:42 → 01:52:48 ให้เกิดการเผาผ่านนะเพราะว่าการกินแบบนี้ ก็คือการกินแบบโคฟ High Fat หรือคีโต
01:52:48 → 01:52:55 นั่นแหละนะหรือไม่กับพวก CD kcd ก็ เหมือนกันมันก็จะได้เป็นหลักนะฮะซึ่งมัน
01:52:55 → 01:53:01 จะทำให้ร่างกายนะเหนี่ยวนำเข้าสู่กระบวน การสลายเผ่าผลาญพลังงานนะฮะเราเรียกว่า
01:53:01 → 01:53:10 การสลายเผาผลาญพลังงานจากอาหารที่มีฤทธิ์ เป็นกดนะหรือ nutritional acidity นะฮะ
01:53:10 → 01:53:17 ร่างกายก็จะเกิดความเป็นกรฎขึ้นมานะแต่ กรฎที่เป็นผลพวงมาจากการสลายเผาผลาญพลัง
01:53:17 → 01:53:25 งานอันนี้เขาเรียกว่า คีโตนใช่มั้ยล่ะครับผมเอเรากินโละไ Good
01:53:25 → 01:53:33 Fat อยู่เนี่ยร่างกายเราได้กรดคีโตนมัน เป็นกรดอย่างนึงเอเขาเรียกว่าอะไรเอ่อ
01:53:33 → 01:53:41 เบต้าบิิ aid เออมันเป็นแซมันเป็นคีโตนนะ คีโตนเป็นแิ
01:53:41 → 01:53:52 นะซึ่งคีโตนเหล่าเนี้ยมันจะทำหน้าที่เป็น เหมือนพลังงานนะนะก็คือคุณเผาผลาญพลังงาน
01:53:52 → 01:54:00 จากอาหารที่มีความเป็นกรดที่ดีหรือกดเทพ ทำให้เซลล์หรือระร่างกายในระดับเซลล์
01:54:00 → 01:54:12 เนี่ยนะเกิดกรดที่ที่จะเป็นพลังงานต่อนะ ฮะเนี่ยคือเอากรดไปลดกรดพิษนะแล้วก็ไป
01:54:12 → 01:54:22 สร้างกรดที่จะเป็นพลังงานนะใช้ประโยชน์ ต่อไปในระดับเซลล์นะฮะนะนะเพราะว่าีน
01:54:22 → 01:54:28 เนี่ยมันก็ทำให้เซลล์อย่างงู้นอย่างงี้ อย่างงั้นอะไรต่างๆอ่าเยอะแยะไปหมดเราพูด
01:54:28 → 01:54:35 ไปแล้วนะฮะอซึ่งอันนี้มันเป็นกระบวนการ ที่เกิดในระดับเซลล์นะฮะโดยเบอกกระบวนการ
01:54:35 → 01:54:42 ที่เกิดเป็นกฎที่เรียกว่าคีโตนเนี่ยมัน เป็น Cellular respiration คือเป็น
01:54:42 → 01:54:49 ลักษณะการหายใจในระดับเซลล์อย่างหนึนะโดย จะให้คล้ายกับการไปออกกำลังกายนั่นเองนะ
01:54:49 → 01:54:54 ฮะเพราะการไปออกกำลังกายเราร่างกายมนุษย์ ก็จะเกิดเซลล respiration ในแบบที่จะเกิด
01:54:54 → 01:55:02 กรดขึ้นมาเช่นเดียวกันนะก็ถ้าออกกำลังกาย ไม่ได้มากมายหักโหมอะไรมันก็จะเป็นกรด
01:55:02 → 01:55:08 อะไรกรดคาร์บอนิกไงกรดคาร์บอนไดออกไซด์ อ่ะนะกับน้ำน่ะกลายเป็นกรดคาร์บอนิกนะฮะ
01:55:08 → 01:55:17 กดคาร์บอนิกก็แล้วแต่ส่วนใหญ่ก็ขับออกทาง ฉีนะฮะหรือทางเมือเออเป็นน้ำอ่ะนะฮะนะแต่
01:55:17 → 01:55:23 ถ้าเกิดออกกำลังกายหักโหมมันจะได้กด คาร์บอนิกวดกดแลคติกกดแลคติกไม่ไม่ดีนะฮะ
01:55:23 → 01:55:30 แต่อันเนี้ยเราไม่ได้ไปออกกำลังกายแต่เรา กินกดนะเพื่อให้ไปเผาผลาญเป็นพลังงานแล้ว
01:55:30 → 01:55:36 เกิดเป็นกรด คีโตนขึ้นมานะฮะ
01:55:36 → 01:55:43 นะซึ่งคีโตนเนี่ยมันจะเป็นพลังงานในระดับ เซลล์ที่จะเกิดการหรือเป็นเหมือนคนงาน
01:55:43 → 01:55:50 เนี่ยฮะที่จะเอาสารอาหารต่างๆนะที่เรากิน เข้าไปในมื้ออาหารเนี่ยเอาไปซ่อมแซมร่าง
01:55:50 → 01:55:56 กายเพราะงั้นคีโตนก็ก็เลยมีหน้าที่ต่อ เนื่องเป็นลูกโซ่ไปเลยนะฮะนะทุกอย่างเป็น
01:55:56 → 01:56:04 ของดีไปหมดเลยนะฮะฝั่งนี้เป็นฝั่งที่จะ เกิดการซ่อมแซมร่างกายสร้างร่างกายสร้าง
01:56:04 → 01:56:14 เซลล์ใหม่นะฮะแต่ฝั่งนี้กดแลคติกเป็นยัง ไงอ่ะนะทำลายร่างกายนะทำร้ายทำลายร่างกาย
01:56:14 → 01:56:22 นะไม่ได้ซ่อมอะไรร่างกายเลยแล้วยิ่งทำให้ ร่างกายเป็นงงี้ๆๆๆงี้ดีมั้ยล่ะครับผมเออ
01:56:22 → 01:56:27 ไม่ไม่โอเคเลยเพรานั้นที่มาเนี่ยคุณจะกิน อะไรอ่ะอย่างงี้กินแบบนี้นะถ้าอย่างงี้
01:56:27 → 01:56:36 กินแบบนี้เด้อครับผมนะเพราะฉะนั้นเนี่ยนะ นี้มาดูในส่วนที่เป็นไมโทคอนเดรียนะ
01:56:36 → 01:56:42 ไมโทคอนเดรียเนี่ยนะซึ่งเรารู้ว่าเมื่อ กี้พูดไปแล้วไมโทคอนเดรียมันเป็นโปรตีนม
01:56:42 → 01:56:51 มันเป็นโปรตีนนะไมโทคอนเดรียที่มีคีโตน เกิดขึ้นนะฮะจากจากการที่มันสร้างขึ้นมา
01:56:51 → 01:56:56 ล่ะเหล่าเนี้ยนะฮะนะมันสร้างขึ้นมาเหล่า เนี้ยนะ
01:56:56 → 01:57:03 เอ่อมันจะมีลักษณะเอ่อคือไมโตคอนเดรียมัน เป็นโปรตีนอยู่แล้วนะฮะพอมันเข้าสู่
01:57:03 → 01:57:09 กระบวนการเผาผลาญที่ถูกต้องจาก 3 กฎเนี้ย ตัวไมโตคอนเดรียมันจะฟูฟ่องขึ้นนะมันจะ
01:57:09 → 01:57:16 ขยายตัวฟูฟ่องขึ้น นะแล้วเขาจะเกิดการทำหน้าที่ในการเผาผลา
01:57:16 → 01:57:25 อ่อพวกไขมันต่างๆนะอ่อครับผมไปต่อไปต่อไป เ้าเรียกว่า signaling โมเลกุลเนี่ยก็คือ
01:57:25 → 01:57:31 คีโตนมันเป็นโมเลกุลเนี่ยที่จะทำให้เกิด ลูกโซ่ของความต่อเนื่องนะในการเผาผลาญไข
01:57:31 → 01:57:36 มันคือไมโตคอนเดรียมันก็ชอบเผาผลาญไขมัน นะอยู่แล้วอ่ะนะฮะเพราะงั้นไขมันก็จะถูก
01:57:36 → 01:57:46 เผาๆๆๆๆนะแล้วเวลาไขมันเผาอ่ะนะฮะนะมันจะ เกิดการดูดเอาออกซิเจนจากข้างนอกเข้ามาใน
01:57:46 → 01:57:55 เซลล์มากยิ่งขึ้นนะนอกจากนี้ตัวคีโตนจะทำ หน้าที่เป็น signaling โมเลกุลส่งสัญญาณ
01:57:55 → 01:58:04 นะในการเผาผลาญเ่อไขมันต่อเนื่องแบบรูป โซ่ไปยังเซลล์อื่นๆนะซึ่งอันแรกเนี่ยมัน
01:58:04 → 01:58:09 เกิดที่อวัยวะก็คือไมโทคอนเดรียของเซลล์ ต่ำใช่มั้ยล่ะนะหลังจากนั้นเนี่ยจะเกิด
01:58:09 → 01:58:16 signaling ลกุลในการให้เซลล์อื่นๆเนี่ย เอ่อเกิดการเกิดไมโตคอนเดรียของเซล์อื่นๆ
01:58:16 → 01:58:24 เนี่ยเกิดการเผาผลาพลังงานที่เป็นไขมัน ต่อๆไปนะต่อๆไปนะฮะอันนี้อันนี้อันนี้ดู
01:58:24 → 01:58:31 ให้ได้นะว่าเนี่ยถ้ามันถูกต้องเมื่อไหร่ ออกซิเจนจะดูดเข้ามานะฮะคีโตนที่มันเกิด
01:58:31 → 01:58:39 ขึ้นเนี่ยเนี่ยมันจะไป signaling โมเลกุล อื่นๆนอกจากตับหือเขเรียกเต้าเปาเนี่ยนะ
01:58:39 → 01:58:49 ในการเผาผลาญที่ไขมันที่สะสมอยู่นะครับผม เป็นพลังงานหลักนะของเซลล์นะฮะนอกจากนี้
01:58:49 → 01:58:57 ยังมีการจะเกิดการแปลง่างของกลุ่มเซลล์ไข มันสีน้ำตาลที่จะเกิดการสลายเผาผลาญไขมัน
01:58:57 → 01:59:06 ที่เก็บสะสมไว้ในเนื้อเยื่อไขมันให้ลดลง อีกด้วยนะฮะคือคือไขมันเนี่ยเซลล์ไขมัน
01:59:06 → 01:59:16 เนี่ยมันจะมี 3 รูปแบบแต่รูปแบบที่มัน เค้าเรียกว่าบา Fat หรือไขมันสีน้ำตาลบา
01:59:16 → 01:59:23 Fat เนี่ยนะคือเซลล์ไขมันน่ะมันจะไม่มี ไมโตคอนเดรียอยู่ะเพราะมันจะสะสมสะสมสะสม
01:59:23 → 01:59:33 สะสมแต่ยังไงก็ตามนะถ้าเกิดการ signaling โมเลกุลนะอยู่นานๆเข้านานๆเข้าอ่ะนะฮะนะ
01:59:33 → 01:59:41 ที่เรียกว่าร่างกายใช้ไขมันเป็นใช้คีโตน เป็นนะไอ้การใช้คีโตนเป็นหรือ signaling
01:59:41 → 01:59:47 โมเลกุลที่เป็นคีโตนเนี่ยมันจะไป signal ไอ้เซลล์ไขมันสีน้ำตาลเนี่ยคือให้ให้
01:59:47 → 01:59:54 เซลล์ไขมันสีขาวเนี่ยนะมีไมโทคอนเดรีย เกิดขึ้นในเซเซลล์ไขมันแล้วเปลี่ยนแปลง
01:59:54 → 02:00:00 ตัวมันเองแปลงร่างอ่ะกลายเป็นเซลล์ไขมัน สีน้ำตาลซึ่งเซลล์ไขมันสีน้ำตาเป็นเซลล์
02:00:00 → 02:00:07 ไขมันที่สามารถเผาผ่านไขมันเป็นพลังงาน ได้อครับผมแต่เซลล์ไขมันสีขาวมันเผาไขมัน
02:00:07 → 02:00:16 ไม่ได้มันเก็บสะสมเป็นหลักนะเนี่ยอันนี้ มันก็มันเป็นอะไรที่ความวิเศษของตัวคีโตน
02:00:16 → 02:00:22 เนี่ยนะอ่าเดี๋ยวทั้งหมดตรงนี้หมอจะเรียก เรียงใหม่ให้ดีๆเื่อกี้
02:00:22 → 02:00:30 มากครับผม ครับทีนี้เ่อทั้งหมดนี้นะฮะนะทั้งหมดเย
02:00:30 → 02:00:40 มันก็คือกระบวนการเผาผลาญทำลายนะซึ่งผล พวงจากการสลายเผาผลาญนะจะเกิดท็อกซินนะฮะ
02:00:40 → 02:00:47 ก็คือเกิดขยะเกิดพิษเกิดของไม่ดีเกิด อนุมูลอิสระเหล่านี้แหละนะฮะนะในแนวทาง
02:00:47 → 02:00:53 ของการกินแบบ ow C High Good Fat เนี่ยเรายังต้องมีการกินคาในบางส่วนกิน
02:00:53 → 02:01:00 ไฟเบอร์กินคาฟกินวิตามินเกลือแร่กินสาร พรึกษาเคมีกินเอนไซม์อะไรต่างๆนะฮะซึ่ง
02:01:00 → 02:01:07 สิ่งเหล่านี้เนี่ยนะเมื่อกินเข้าไปแล้ว เนี่ยนะเขาจะไปช่วยในการขบวนการดีทอก
02:01:07 → 02:01:15 ification ลดพิษของไมโตคอนเดรียที่เกิด การเผาผลาญสลายพลังงานนะฮะนะแล้วเกิดการ
02:01:15 → 02:01:23 ขจัดออกจากเซลล์เพราะฉะนั้นเซลล์นะอ่าที่ ที่บอกว่ามีไปตัวขนยในการใช้ไขมันเป็น
02:01:23 → 02:01:33 พลังงานก็จะกลายเป็นเซลล์สะอาดนะนะอ อวัยวะมันก็เลยจะยิ่งแข็งแรงยิ่งชะลอไว
02:01:33 → 02:01:41 ยิ่งมีอายุยืนยาวนะคือคือมันต้องมีอันนี้ อ่ะร่วมด้วยในกระบวนการของอาหารที่เรียก
02:01:41 → 02:01:49 ว่า ow cf าร Good Fat ซึ่งเราก็ไม่ได้ ตัดคาฟหรือเอ่ออะไรอ่ะ No Car อะไรอย่าง
02:01:49 → 02:01:54 เงี้ยใช่มั้ยล่ะนะอันนี้ก็เป็นข้อก็ อธิบายที่ว่ามันน่าจะครบเครื่องมากที่สุด
02:01:54 → 02:02:02 แล้วล่ะนะฮะอ่าครับผมเนี่ยเราเข้าใจใช่ มั้ยแยกแยะได้เนาะเนี่ยครับ
02:02:03 → 02:02:12 อืก็พวกนี้ก็เป็นข้อสรุปนะฮะคือจริงๆ เนี่ยหมอเตรียมมาอีกเรื่องนึงไม่รู้จะเอา
02:02:12 → 02:02:19 หรือไม่เอามีใครอยู่มั้ยนะอยู่ครับผมอยู่ ครับอยู่
02:02:19 → 02:02:28 ครับเป็นอีก 3 นะเป็นอีก 3 หน้านะ
02:02:28 → 02:02:35 ฮะ เอ่อเรื่องกดก็ไปแล้วเนาะเรื่องการจะทำ
02:02:35 → 02:02:43 ยังไงน้ำตาลในเลือดดีเนะอ่ะทีนี้มาเรื่อง เรื่องสุดท้ายในวันนี้นะฮะนะเรื่องสุด
02:02:43 → 02:02:50 ท้ายในวันนี้หมอจะพูดถึงเรื่อง ว่าคนเราเนี่ยก็จะมีปัญหาไม่ว่าจะเป็น
02:02:50 → 02:02:56 Sugar burner fat bur หรือแม้แต่คุณ กินโลคะคีโต CD แล้วป่ะนะหลายคนเนี่ยก็จะ
02:02:56 → 02:03:08 มีข้อสงสัยในเรื่องของของการตื่นกางดึกนะ ฮะนะคือคุณจะทำเ่ออ่าโภชนาการแบบ owc If
02:03:08 → 02:03:14 ออกกำลังกายอะไรก็ตามนะคนที่เามีปัญหา เรื่องการนอนหลับเนี่ยเก็จะมีปัญหากัน
02:03:14 → 02:03:22 จริงๆนะฮะนะถึงจะทำดีขนาดไหนอะไต่านะอ่า อันนี้ก็จะเป็นเทคนิคมาเสริมนะมาเสริม
02:03:22 → 02:03:30 แล้วกันนะฮะถ้าใครหลับดีแล้วก็ไม่เป็นไร นะครับผมทีนี้ตรงนี้เนี่ยนะมาหัวข้อมันก็
02:03:30 → 02:03:37 คือว่า 3A สารอาหาร 3 กลุ่มต่อไปนี้จะ เป็นตัวช่วยเพิ่มสารสื่อประสาทให้กับสมอง
02:03:37 → 02:03:47 แล้วทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่คนมีปัญหากัน บ่อยๆเนะฮะนะก็คือชอบตื่นขึ้นมาในช่วง
02:03:47 → 02:03:54 2:00 น 3:00 นนะแล้วนอนหลับต่อไม่ได้นะเ เรียกว่าตื่นกลางดึกนะจะเป็นสาเหตุมาจาก
02:03:54 → 02:04:03 อะไรก็ตามนะแต่เดี๋ยวก็จะมีสรุปไว้ให้นะ นะซึ่งถ้าเราสามารถได้รับสารอาหาร 3
02:04:03 → 02:04:13 กลุ่มหรือ 3A เนี่ยนะฮะเข้าไปในร่างกาย เราได้ในระดับอย่างดีเลยอ่ะนะฮะนะเราจะ
02:04:13 → 02:04:21 หลับลึกและไอ้วงจรที่จะมาตื่นในช่วงเนี้ย นะมันจะไม่เกิดนะฮะแล้วคุณก็จะหลับแบบมี
02:04:21 → 02:04:29 คุณคภาพลึกสนิทยาวนานไปตลอดอืนี้น่าสนใจ มั้ยนะน่าสนครับผมเอออันเนี้ยเค้าเรียก
02:04:29 → 02:04:36 ว่าสารอาหาร 3 กลุ่มนะเราเรียกว่า 3A นะ 3A
02:04:37 → 02:04:43 อ่ะเอ่อทีนี้ก่อนที่จะไปถึงรายละเอียด เนี่ยนะฮะก่อนหน้าเนี้ยก็จะมี 2 คำถามนะ
02:04:43 → 02:04:50 ฮะนะที่หมอก็ตอบไปสั้นๆน่ะอันที่ 1 เนี่ย ที่มีคนถาม
02:04:50 → 02:04:57 ว่าบางคนเนี่ยเเข้ามาการกินแบบน้ำมัน TE ออยในช่วงแรกอ่ะนะก็คือกิน ow C High
02:04:57 → 02:05:04 Good Fat TE Oil นะแต่กินช่วงแรกกับ อีกพวกนึงเนี่ยก็กินไปนานยาวนานพอสมควร
02:05:04 → 02:05:14 แล้วหลายๆเดือนไปแล้วนะฮะนะแต่ทำไมยังมี ภาวะที่เง่วงนะหลังกินเอ่อเง่วงหลังกินนะ
02:05:14 → 02:05:23 ฮะนะอันเนี้ยประเด็นนึงนะส่วนอีกประเด็น นึงเป็นของแอดมินของเราเองนะนะว่าเออคุณ
02:05:23 → 02:05:31 หมอเนี่ยก็กินอย่างงนี้เนี่ยมาเกินครึ่ง ปีแล้วล่ะนะนะตั้งแต่เราไลฟ์กันมาเมื่อ
02:05:31 → 02:05:38 เกือบจะกลางปีที่แล้วนะฮะครับแมาถึงตอน เนี้ยแหมหลับได้หลับดีเหลือเกินหลับสนิท
02:05:38 → 02:05:45 ึกยาวนาน อู้ยนะเอ่อดูไอ้ตัวมอนิเตอร์อะไรต่างๆเ
02:05:45 → 02:05:55 ตัวเลขทุกอย่างดีหมดเลยนะแล้วก็การหลับดี แค่ไหนก็ 90 กเปอร์เซ 85 90 95% นะครับ
02:05:55 → 02:06:02 ผมดีมาก 3 แผ่นเนี้ยจะมาช่วยอธิบายนะฮะจะ มาช่วยอธิบายอเพราะฉะนั้นเราก็ดูกันไปนะ
02:06:02 → 02:06:12 ฮะอ่ะในเบื้องต้นเนี่ยตื่นเลยครับตื่นเลย ครับเอหลับเห็นหลับดีอยู่เมื่อกี้การหลับ
02:06:12 → 02:06:20 ลึกไม่ตื่นนะฮะหลับลึกเนี่ยการหลับลึก เนี่ยให้โฟกัสคำว่าหลับลึกหลับลึกมันเกิด
02:06:20 → 02:06:29 จากนี่ฮะาลสื่อประสาทสมองนะอันนี้คือสิ่ง สำคัญที่สุดเลยนะเพราะฉะนั้นตัวสารลสื่อ
02:06:29 → 02:06:42 ประสาทสมองเราสมบูรณ์ครบพอมยนะเนี่ยถ้าพอ เนี่ยนะอันนี้เป็นเรื่องหลักนะนะ
02:06:42 → 02:06:54 นะของการที่จะหลับลึกและมีคุณภาพสนิทยาว นานไม่ตื่นขึ้นมาในช่วงนี้นะฮะนะเออนะอัน
02:06:54 → 02:07:00 นี้อันนี้อันนี้อันนี้ต้องให้ความสำคัญอ มันจะประกอบไปด้วยอะไรบ้างเดี๋ยวเราไปจะ
02:07:00 → 02:07:07 รู้นะอ่ะครับผมวงจรการนอนหลับหรือ Sleep Cycle ของคนเรานะฮะ 1 รอบนะเขาจะคิดเป็น
02:07:07 → 02:07:16 เวลาเนี่ย 90 นาทีหรือชั่วโมงครึ่งนะ นะซึ่งก็จะประกอบไปด้วย 2 ลักษณะอันที่ 1
02:07:16 → 02:07:26 ก็คือ non เลม Sleep นะฮะนะ non นะอนะ non L Sleep เนี่ยก็คือช่วงที่สมองหลับลึก
02:07:26 → 02:07:38 ลึกแบบสนิทนะก็คือไม่ฝันไม่ฝันเอ่อนิ่ง สนิทเสถียรคงที่สมองนิ่งสนิทคลื่นสมอง
02:07:38 → 02:07:44 เป็นระเบียบเรียบร้อยนะ นะไม่มี
02:07:44 → 02:07:52 อ่าผิดปกติอะไรทั้งสิ้นนะฮะ นะก็แล้วแต่ว่าแต่ละบุคคลเนี่ยในช่วง non
02:07:52 → 02:07:59 rem Sleep เนี่ยจะยาวนานแค่ไหนแต่ส่วน ใหญ่จะไม่ค่อยยาวไม่ค่อย
02:07:59 → 02:08:07 ยาวคือเขาบอกว่าการหลับใน 1 คืนเนี่ยนะฮะ นะคำที่ใช้คำว่าหลับลึกเนี่ยอย่างน้อยจะ
02:08:07 → 02:08:12 ต้องมีประมาณถ้าถือว่าสุขภาพดีนะต้องมี เกิน
02:08:12 → 02:08:22 25% ของของเวลาของการนอน หลับต้องมีเกิน 25% ขึ้นไปนะฮะแล้วที่
02:08:22 → 02:08:28 เหลือเนี่ยจะเป็นช่วงเลม Sleep นะคือตอนแรกๆเนี่ยเมื่อเราเข้านอนแล้วเรา
02:08:28 → 02:08:36 หลับนะเราจะหลับลึกในไซเคิลแรกนะเรียกว่า non L Sleep นะหลังจากนั้นเนี่ยอาจจะ
02:08:36 → 02:08:44 ไม่ยาวบางคนไม่ไม่ถึง 15 นาทีครึ่ง ชั่วโมงนะแต่มันก็ลึกอ่ะนะแล้วจะค่อยๆ
02:08:44 → 02:08:52 กระเถิบกระบขยิบบเข้าสู่ภาวะเลม Sleep คำ ว่าเลม Sleep หมายถึงช่วงที่สมองเริ่ม
02:08:52 → 02:08:58 ตื่นแต่ตอนนั้นเราก็กำลังหลับอยู่อ่ะแต่ สมองกำลังเริ่มะเริ่มแล้วเริ่มแล้วทีละ
02:08:58 → 02:09:06 นิดทีละนิดที่ตื่นๆตื่นอืตื่นตื่นคือรู้ สึกตัวนะฮะนะซึ่งในระหว่างนี้เนี่ยนะก็จะ
02:09:06 → 02:09:18 เกิดมีอ่ามีความฝันนะมีการฝันเกิดขึ้นนะ นะซึ่งเลมสลีฟเนี่ยเป็นความฝันที่คนเมื่อ
02:09:18 → 02:09:26 ตื่นขึ้นมาแล้วจะจำความฝันได้จะจำความห แล้วทั้งหมดเนี่ย non L Sleep กับเลม
02:09:26 → 02:09:32 Sleep เนี่ยนะจะอยู่ในไซเคิลรวมๆทั้งหมด 90 นาทีก็แล้วแต่สัดส่วนอะไรจะมากน้อย
02:09:32 → 02:09:38 แค่ไหนนะส่วนใหญ่แล้วเลม Sleep จะเยอะ กว่า 1 ช่วโมง
02:09:38 → 02:09:49 เสมอนะฮะนะใช่ครับผมอ่าแล้วก็นอนเล็ม เนี่ยก็ส่วนใหญ่ไม่เคยเกินครึ่งชั่วโมง
02:09:49 → 02:09:54 อ่ะนะเว่างั้นนะ ทีนี้แล้วแต่เราเข้านอนเร็วหรือช้าถ้า
02:09:54 → 02:10:01 เข้านอนเร็วพอถึงช่วง 3:00 น 2:00 3:00 นเนี่ยมันจะเป็นรอบที่ 3 แต่ถ้าเข้านอน
02:10:01 → 02:10:12 สัก 23 นเยงนะฮะนะหรือประมาณเนี่ย 23 น เนี่ยนะอันเนี้ยมันจะไป 2 รอบนะไอ้เยอก็
02:10:12 → 02:10:22 จะจะเป็นรอบที่ 2 เนี่ยที่เลม Sleep สมอง กำลังจะตื่นนะฮะในรอบที่ 2 พอดีเลยนะ
02:10:22 → 02:10:31 ถ้านอน 23 น นะแล้วถ้าจะต้องตื่นนะฮะนะมีสิ่งกระตุ้น
02:10:31 → 02:10:38 ให้ตื่นนะหรือมีตัวไม่มีตัวเบรคให้ไม่ ตื่นให้หลับนะก็ต้องตื่นก็เลยกลายเป็น
02:10:38 → 02:10:49 ตื่น 2:00 นหรือ 3:00 นเนี่ยนะก็คือเลม Sleep เราจะถูกกระตุ้นหรือถูกยับยั้งถ้า
02:10:49 → 02:11:00 เลมสลปถูกยับยั้งได้เราจะหลับนะหลับสนิท ยาวนานไปตื่นตอเช้าเลยนะครับแต่ Sleep
02:11:00 → 02:11:10 ถูกรบกวนเเรียกว่า disr เนี่ยเราจะตื่น แล้วหลับไม่ได้หลับไม่ได้นะเ่อสรุปคุณก็
02:11:10 → 02:11:16 หลับได้แค่ 2 ไซเคิลนะ 2 หรือ 3 ไซเคิลเท่านั้นแหละนะ
02:11:16 → 02:11:23 ซึ่งอันเนี้ยเป็นการหลับที่ไม่ถึง 5 ช่วโมงคุณจะเสียสุขภาพเพคุณจะปวดในที่
02:11:23 → 02:11:33 สุดนะอ่ะทีนี้ในช่วงเวลา 2:00 3:00 น เนี่ยนะฮะเมื่อช่วงวงจรการนอนหลับนะหรือ
02:11:33 → 02:11:42 อ่า Sleep Cycle เมันผ่านไป 2-3 วงรอบนะ ฮะนะจะเกิดความผิดปกตินะที่เป็นการรบกวน
02:11:42 → 02:11:51 เลม Sleep นะฮะคลืนสมองจะสะดุดนะกระตุก และผวาตื่นขึ้นมาซึ่งเราเรียกว่า cal bak
02:11:51 → 02:11:59 นะหรือการ disrupt Slip Cycle นะฮะนะ เราพบว่าสิ่งที่เป็นตัว disr up นะฮะ
02:11:59 → 02:12:09 เป็นตัวไปรบกวนทำให้เลม Sleep เนี่ยนะไม่ สามารถสงบหรือหลับต่อไปได้เนี่ยนะก็คือ
02:12:09 → 02:12:14 คอร์ติซอลอินซูลินรวมทั้งการใช้ยารดน้ำ ตาลและยาเบา
02:12:14 → 02:12:21 หวาดนะอันนี้นะคอร์ติซอลมีผลมากที่สุดนะ รองลงมาคืออินซูลิน
02:12:21 → 02:12:30 นะเนี่ยนะแล้วก็เรื่องการรักษาเบาหวาน ด้วยยานะฮะนะทีนี้ข้ออธิบายมีอย่างนี้นะ
02:12:30 → 02:12:39 ฮะนะเอาเรื่องอินซูลินก่อนนะอิซูลิน disrupt นะไอ้ตัวเนี่ยเลม Sleep เนี่ย
02:12:39 → 02:12:45 อย่างไรนะฮะนะนะก็คือจำได้มั้ยเมื่อกี้ นี้นะ
02:12:45 → 02:12:58 อ่า 3 อย่าที่ทำให้น้ำตาลตกจำ 3 อย่าได้ มั้ยนะฮะนะว่าอย่ากินคาแปรรูกอ่าอย่าทำ If
02:12:58 → 02:13:08 โปรลองฟ้าที่ไม่เหมาะสมอย่าแรงออกกำลัง อะไรต่างๆเพราะสิ่งเหล่านี้นะจะทำให้อ่า
02:13:08 → 02:13:15 น้ำตาลมันตก นะก็คือสิ่งเหล่านี้เนี่ย
02:13:15 → 02:13:24 นะมันมักจะเป็นปัญหาในตอนกลางวันนะนะซึ่ง กลางวันเนี่ยอินซูลินเนี่ยเรากินผิดไง
02:13:24 → 02:13:29 กลางวันเราไปกินคราฟเราไปกินอะไรต่างๆกิน แป้งกินน้ำตาลกินผลไม้นะไปอัญเชิญ
02:13:29 → 02:13:36 อินซูลินมาตั้งแต่ตอนกลางวันนะอินซูลิน ที่มาตอนกลางวันเป็นอินซูลินดุร้ายและจะ
02:13:36 → 02:13:44 เป็นอินซูลินที่ก้าวร้าวไม่อยู่ในร่องใน รอยไม่ได้ทำอะไรตามหน้าที่เขาจะทำผิดหน้า
02:13:44 → 02:13:55 ที่ไปหมดแทนที่มาแล้วจะลดไปเขาจะไม่ไปเจะ ลอยค้างนะเ่าเท้าทายนะฮะอครับผมซึ่งถ้า
02:13:55 → 02:14:00 เกิดคุณเป็นชูการเบอร์เนอร์หรือคฟ เบอร์เนอร์เนี่ยนะแล้วคุณกินเหล่าเนี้ย
02:14:00 → 02:14:07 ที่หมอว่าเนี่ยผิดในช่วงกลางวันนะตั้งแต่ ตื่นน่ะนะก็รีบกินขงกินข้าวกินน้ำเต้าหู้
02:14:07 → 02:14:15 กินผลไม้กินแป้งกินน้ำตาลกินโอ้ไปเซเว่น fam แมคโครโลตัสบิ๊กซีกินกิๆนะเรียบร้อย
02:14:15 → 02:14:23 อินซูลินมาทั้งวันแล้วอินซูลินมาแบบเนี้ย เป็นอินซูลินดูร้ายเขาจะลอยค้างอยู่ทั้ง
02:14:23 → 02:14:31 วันแล้วเขาก็จะเผื่อแผ่ตัวเขาเองอ่าไม่ลง กูไม่ลงกูไม่ลงกูไม่ลงนะยาวต่อเนื่องไป
02:14:31 → 02:14:40 ถึงกลางค่ำกลางคืนนะฮะแล้วมันจะเป็นยังไง อ่ะนะแน่นอนอินซูลินเนี่ยที่เขมาเนี่ยเมา
02:14:40 → 02:14:47 เอาน้ำตาลลงแล้วการที่อินซูลินเดุร้าย ก้าวร้าวเนี่ยเวลาเเอาน้ำตาลลงเเอาลงแบบ
02:14:47 → 02:14:55 หัวทิ่มบ่อนะเไม่ได้ค่อยๆเอาลงเออเไม่ใช่ อินซูลินพ่อพระที่มาตอนเย็นๆตามธรรมชาติ
02:14:55 → 02:15:02 อินซูลินแบบนี้ที่มาตั้งแต่แแหกหูแหกต่า มาตั้งแต่เช้าเพราะเรากินผิดเนี่ยนะเขมา
02:15:02 → 02:15:10 ปุ๊บเนี่ยนะเออเขาก็โอกาสเลยครับเออเขาก็ แอบแอบๆอยู่ข้างบนนั่นแหละลอยอยู่ข้างบน
02:15:10 → 02:15:18 น่ะนะนะน้ำตาลจะลงก็ลงไปแต่กูอยู่ข้างบน นะนะแล้วก็อยู่ไปกลางค่ำกลางคืนด้วยอ่ะนะ
02:15:18 → 02:15:25 ฮะเพราะฉะนั้นเนี่ยอันนี้คือพว่าน้ำตาลตก อันเนื่องมาจากกินนะฮะอันเนื่องมาจากการ
02:15:25 → 02:15:32 กินที่ไม่ถูกต้องนะเนี่ยเรื่องกินเรื่อง ใหญ่นะพอเกิดภาวะช่วงกลางวันน้ำตาลมัน
02:15:32 → 02:15:40 สวิงนะแล้วก็หักหัวลงนะแล้วไงอ่ะ คอร์ติซอลก็มามาเอาขึ้นอินซูลินเอาลง
02:15:40 → 02:15:47 คอร์ติซอลเอาขึ้นอินซูลินเอาลงกลางวันมัน ก็จะเกิดสงครามพ่อแม่อย่างเงี้ยงัดงัดงัด
02:15:47 → 02:15:55 กินอยู่ครับผมเออทีนี้นี่คือบทบาทข้อแรก ของอินซูลินนะซึ่งเมื่อเขาอยู่ไปจนถึง
02:15:55 → 02:16:05 กลางค่ำกลางคืนนี่แหละนั่นแหละนะเคก็จะไป ทำให้เกิดการ disrupt นะนะเนี่ยเนี่ยตัว
02:16:05 → 02:16:16 rem Sleep ในช่วงสมองที่ตื่นนะนะทำให้ ต้องตื่นนะฮะนะนะเพราะการรัอันนี้นะตัว
02:16:16 → 02:16:23 แม่ก็จะมา นะตัวพ่อไม่ไปสักทีอ่ะตัวแม่ก็ก็ต้องมา
02:16:23 → 02:16:31 ประกบอ่ะนะนะพอคอซอมาเนี่ยตื่นต่อนะคือ ขบวนการซับอันนี้เนี่ยส่วนใหญ่มันจะเป็น
02:16:31 → 02:16:37 อิทธิพลของคอร์ติซอลแต่อินซูลินเนี่ยนะ เขาก็มาทำทางไว้ให้แล้วล่ะนะเนี่ยพอไม่ลง
02:16:37 → 02:16:45 อ่ะคอร์ติซอลก็มานะอ่ะต่อไปอินซูลินไม่ ได้ทำข้อหนึข้อเดียวนะที่ทำให้น้ำตาลสวิง
02:16:45 → 02:16:55 แล้วตกอินซูลินเนี่ยที่สูงค้างในตอนกลาง วันนะเจะทำให้เกิดนะสิ่งนึงก็คือการ
02:16:55 → 02:17:06 กระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติกนะฮะนะของการ ปวดปัสสาวะในตอนกลางคืนอ่านี่แหละนะจนทน
02:17:06 → 02:17:15 ไม่ได้นะต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วลุกไป ฉี่นะในตอนกลางดึกนะคือบางคนก็ฉี่ทั้งคืน
02:17:15 → 02:17:23 นะโดยเฉพาะถ้าเป็นเบาหวานไปแล้วนะฮะแต่ พระบางคนเนี่ยเป็นแค่ดื้ออินซูลินเฉยๆนะ
02:17:23 → 02:17:31 หรือเป็นแค่อะไรอ่ะภาวะก่อนเบาหวานเนี่ย นะอาจจะไม่ได้ฉี่ทั้งคืนแต่เวลาที่จะเกิด
02:17:31 → 02:17:40 การสะดุ้งตื่นแล้วขึ้นมาฉี่ทั้งคืนเนี่ย ก็คือเวลา 2:00 นถึง 3 นะเพราะว่าถ้า
02:17:40 → 02:17:48 อินซูลินที่เยังสูงค้างนะแต่เขาไม่ได้มี ผลต่อการเหวี่ยงน้ำตาลอะไรมากมายนะบางที
02:17:48 → 02:17:55 อินซูลินเนี่ยไปมีผลที่ไตนะที่จะทำให้ เกิดการกระตุ้นนะระบบทางเดินปัสสาวะทั้ง
02:17:55 → 02:18:00 ไตทั้งเ่าทั้งไตทั้งกระเพาะปัสสาวะนี่ แหละนะที่จะทำให้เกิดการปวดปัสสาวะและ
02:18:00 → 02:18:08 สะดุ้งตื่นขึ้นมาเนี่ยการตื่นเนี่ยนะ อินซูลินไม่ได้ทำให้ตื่นนะฮะนะแต่ตัวที่
02:18:08 → 02:18:14 ทำให้ตื่นคือคอร์ติซอลเพราะั้นอินซูลิน สูงค้างไม่ลงนะแล้วไปมีผลอย่างงนี้ต่อ
02:18:14 → 02:18:21 ระบบปัสสวะคอร์ติซอลเต้องมาทำให้ตื่น เพื่อจะไปฉี่ไม่งั้นจะเกิดภาวะฉี่ราดตอน
02:18:21 → 02:18:30 กลางคืนแบบในเด็กนะฮะนะแต่ผู้ใหญ่เนี่ย มันไม่ได้เป็นภาวะอย่างนั้นนะฮะเนี่ยก็
02:18:30 → 02:18:35 คือเด็กเนี่ยที่มันฉี่ราดตอนกลางคืนเนี่ย เพราะว่าอินซูลินเทำให้ไปฉี่ให้ทำให้ฉี่
02:18:35 → 02:18:43 ราดเพียงแต่ว่าเด็กมันไม่ตื่นเพราะ คอร์ติซอลมันไม่มามันไม่มาด้วยนะคือเด็ก
02:18:43 → 02:18:51 มันก็กิ๊นกๆกินเที่กระตุ้นอินซูลินซะจน แบบนี่แหละนะไปเกิดอชีราชในตกาคืนน่ะนะ
02:18:51 → 02:18:56 เพียงแต่ว่าคอร์ติซอลเไม่มาสะดุ้งตื่นให้ ไป
02:18:56 → 02:19:04 ขี่นะก็เลยต้องลดออก ไปนะอันนี้คือผลของอินซูลินนะนะเนี่ยนะ
02:19:04 → 02:19:11 แต่ผลเช่นนี้ของอินซูลินเนี่ยนะ incent Action ก่อนแล้วคอร์ติซอลมาเก็บงานนะก็
02:19:11 → 02:19:20 เลยต้องตื่นนะฮะแต่อันนี้ฮะเป็นผลของ คอร์ติซอลโดยตรงก็คือ If โปรลองฟาและออก
02:19:20 → 02:19:24 กำลังกายที่ที่ไม่เหมาะสมอันนี้ร่างกายก็ เกิดความเครียดเกิดคอร์ติซอล
02:19:24 → 02:19:30 นะคือคนเนี่ยมันก็อาจจะไปออกแรงออกกำลัง เดี๋ยวคืนนี้จะได้หลับสนิทหลับลึกๆหลับ
02:19:30 → 02:19:37 ไม่ตื่นเลยนะเพราะร่างกายอ่อนเพี้ยเพีย ล้าแต่มันไม่ใช่อ่ะมันไม่ใช่นะฮะมัน
02:19:37 → 02:19:44 คอร์ติซอลมันมาซะก่อนนะนะเพราะว่ามันไม่ เหมาะสมไไม่เหมาะสมคอร์ติซอลมาก็เรียบ
02:19:44 → 02:19:51 ร้อยไม่ไม่หลับนะเกิด cal เบรกหมดนะ disrupt หมดนะ
02:19:51 → 02:19:58 อันที่ 4 สารสื่อประสาทสมองต่างๆที่เกิด จากการกินอาหารใน 1 วันไม่พออันนี้แะเป็น
02:19:58 → 02:20:06 อะไรโดยตรงเลยนะฮะนะเดี๋ยวเราก็รู้ว่าสาร สื่อประสาทที่ว่าเนี่ย 3A เนี่ยคืออะไร
02:20:06 → 02:20:15 เราต้องกินอะไรนะถ้ากินพอก็จะไม่เกิดภาวะ disrupt นะ Sleep Cycle ในช่วง rem
02:20:15 → 02:20:25 Sleep นะฮะนะเออ่าอันนี้ก็เราก็รู้แล้ว เนาว่านี่แหละครับผมคอร์ติซอลจะมาคอซอที่
02:20:25 → 02:20:33 มาเนี่ยในตอน cal เบรกเนี่ยนะฮะนะเจะมา พร้อมกับแอรีนนะนะนะแล้วก็มาแล้วเนี่ยเา
02:20:33 → 02:20:41 ก็จะสร้างน้ำตาลก็คือกลูโคนิจิที่ตันะฮะ นะรวมทั้งอินซูลินเนี่ยนะทั้งคอร์ติซอล
02:20:41 → 02:20:48 และอินซูลินจะปลุกให้เราต้องตื่นนะฮะคือ ยากนะที่จะฝืนนอนหลับต่อได้นะฮะนะแล้วก็
02:20:48 → 02:20:57 เป็นการตื่นในช่วงเอ่อตี 2 3 นะกลางดึก นะนะนอกจากนี้จะเกิดความหิวเกิดความหิวนะ
02:20:57 → 02:21:04 เกิดใจสั่นจากแดรีเกิดความหงุดหงิดจาก แอรีนนะกับคอร์ติซอลนะจนนอนหลับต่อไปอีก
02:21:04 → 02:21:13 ไม่ได้เลยนะฮะอ่ะทีนี้สารสื่อประสาทที่ ว่าเยคือ 3A เหล่าเนี้ยนะะ 3 a เหล่า
02:21:13 → 02:21:19 เนี้ยนะสารสื่อประสาทเหล่านี้มีผลต่อการ ทำงานเซลล์สมองที่จะทำให้เกิดการหลับ
02:21:19 → 02:21:29 อย่างมีคุณภาพคือการหลับที่สนิทลึกและยาว นานนะสารอาหาร 3A เหล่านี้นะจะต้องใส่
02:21:29 → 02:21:38 เข้าวร่างด้วยการกินในอาหารต่างๆอย่างถูก ต้องใน 1 วันทั้งมื้อแรกและมื้อเย็นรวม
02:21:38 → 02:21:45 ทั้งในบางคนอาจจะต้องมีมื้อแทรกหรืออาหาร ระหว่างมื้อด้วยนะฮะ
02:21:46 → 02:21:56 นี้แล้วสารอาหารที่จะไม่มีผลนะในการกำกับ ภาวะเลม Sleep ให้สามารถหลับลึกๆต่อไปได้
02:21:56 → 02:22:05 โดยไม่ต้องตื่นขึ้นมาคืออะไรบ้างนะฮะนะก็ 3A นี้ก็คือ 1 เซติโคลีนนะฮะ 2
02:22:05 → 02:22:12 แอนซีและ 3 เอมีนแล้วเรียกว่าไบโอนิค เอมีนนะฮะนะคือจริงๆแล้วร่างกายก็คือ
02:22:12 → 02:22:19 อาหารนี่เองนะฮะนะร่างกายสมงสมองอะไรต่าง ๆเนี่ยคืออาหารอาหารก็ประกอบไปด้วยสาร
02:22:19 → 02:22:27 อาหารและพลังงานสารอาหารและพลังงานนะนะก็ มาดูอ่ามาดูอาหารซึ่งจะประกอบไปด้วยสาร
02:22:27 → 02:22:37 อาหารและพลังงานนะที่เรารู้เรียกว่า 3A นะซิลีนคืออะไรนะอ่าเราแบ่ง 2 คำคือคำว่า
02:22:37 → 02:22:49 ซิลกับคำว่าโลรีนะ ซิลก็คือมีคำว่าอะไรซิโตอะซิเตตนะอ่าอิซิ
02:22:49 → 02:23:00 เนี่ยซิโตอิตเบสนะอะซิติกแอซิดนะแล้วก็ โลรีนะฮะนะสิ่งเหล่านี้คืออะไรโคลีนคือ
02:23:00 → 02:23:08 โลรีมันอยู่ในอะไรอยู่ในโปรตีนโคลีนเนี่ย เป็นวิตามิน B4 แต่เขบอกว่าวิตามินตัว
02:23:08 → 02:23:17 เนี้ยนะมันมีรูปแบบที่เกิดความก้ำกึ่ง เป็นโปรตีนก็ได้เป็นไขมันก็ได้นะแล้วก็
02:23:17 → 02:23:24 เป็นวิตามินบีก็ได้นะแต่ส่วนใหญ่มันมี ความค่อนข้างจะไปเป็นโปรตีนนะฮะโปรตีนนะ
02:23:24 → 02:23:35 เนี่ยซิโตอะซิเตตก็ คือก็คือไขมันอะซิติกก็คือคือกรดนะฮะคือ
02:23:35 → 02:23:42 กรดนะฮะซึ่งทั้งหมดเนี้ยนะมันจะฟอร์มตัว กันเป็นอะเซติลคลอไรด์
02:23:50 → 02:23:58 โปรตีนแต่มีข้อแม้ว่าโปรตีนนั้นต้องเป็น โปรตีนที่มีไขมันปะปนร่วมอยู่ด้วยเสมอปะ
02:23:58 → 02:24:08 ปนร่วมอยู่ด้วยเสมอ นะโปรเกือซิติโคลีนเป็นโปรตีนที่ได้จาก
02:24:08 → 02:24:18 อาหารโปรตีนที่มีไขมันปะปนร่วมอยู่ด้วย เสมอนะเพราะฉะนั้นเราจะมีเซติโคลีนอ่าไป
02:24:18 → 02:24:26 ช่วยเบรกาวะเลม Sleep นะทำให้หลับต่อไป ได้เนี่ยเราต้องกินเนื้อสัตว์ติดหนังติด
02:24:26 → 02:24:35 มันกินไข่ทั้งฟองนะฮะห้ามกินโปรตีนเดี่ยว ๆที่ไม่มีโปรตีนเอ้ยที่ไม่มีไขมันนะไม่
02:24:35 → 02:24:40 ได้ไม่ได้เราจะไม่หลับนะฮะเราจะไม่หลับ อันนั้นเยิ่งจะไปกระตุ้นคอร์ติซอลกับ
02:24:40 → 02:24:49 แอรีนนะนะนี้นี้บทบาทของอะซิติลลอรีน เนี่ยเขาเป็นสารสื่อประสาทที่จะไปกระตุ้น
02:24:49 → 02:24:57 ระบบประสาท พาซินะก็คือปราสาทสมองคู่ที่ 10 นะฮะซึ่ง
02:24:57 → 02:25:08 เวลาถูกกระตุ้นเนี่ยจะเกิดการนิ่งสงบผ่อน คลายของสมองิครับผมเอเพราะฉะนั้นเราก็สู่
02:25:08 → 02:25:19 ภวังของการหลับหรือง่วงหลับต่อนะไม่ไม่ เกิดการ disr อ่าเรื่องเลม Sleep นะนะคือ
02:25:19 → 02:25:27 เราจะหลับได้ไม่ต้องตื่นไม่ต้องตื่นนะ แล้วอคีนจะเป็นตัวที่สำคัญมากๆนะฮะมากๆใน
02:25:27 → 02:25:37 เรื่องของเนี่ยเอ่อเลม Sleep นะนะเนี่ย การยับยั้งน่ะนะคือถ้ามีไม่พอเนี่ยนะมัน
02:25:37 → 02:25:45 ก็จะเกิดเลม Sleep ที่เราจะต้องตื่นนะฮะ นะเลม Sleep ตื่นถ้ามีมากพอเนี่ยนะอ่ามัน
02:25:45 → 02:25:52 ก็จะทำให้ไม่เกิดเลม Sleep นะเราก็ต้อง ไม่เราก็จะไม่ตื่นและหลับได้ต่อนะฮะอัน
02:25:52 → 02:25:59 นี้นะแชของเขาก็คือเรื่องสสประสาทสมองไป กระตุ้นเส้นประสาทสมองคู่ที่ 10 นะ
02:25:59 → 02:26:05 พาราซิมพาติให้เกิดการผ่อนคลาย นะต่อไป
02:26:05 → 02:26:16 แอนซีนะแอนซีนี่ก็จะเป็นสารชนิดนึงนะ อ่าที่ที่มันมีอยู่แล้วในสมองนะฮะแต่แต่
02:26:16 → 02:26:24 มันจะต้องมีวิธีการที่จะทำให้สมองเนี่ย สร้างสารนี้ขึ้นมานะนะแล้วถ้ามีสารเนี้ย
02:26:24 → 02:26:29 เยอะๆสมองก็จะหลับจะ
02:26:29 → 02:26:40 หลับปกติเนี่ยเราจะพูดสารที่ชื่อว่าแอนซี เนี่ยคู่กับคาเฟอีนใช่มคาเฟอีนอเขาบอกว่า
02:26:40 → 02:26:48 การกินกาแฟแล้วไม่ง่วงนะเป็นผลมาจาก คาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์ไปขัดขวางยับยั้งการ
02:26:48 → 02:26:57 ทำงานของสารแอิซีนต่อสมองต่อสมองแอนลีน เนี่ยแอนซีเนี่ยมันเป็นสาร
02:26:57 → 02:27:06 อ่าจริงๆแล้วแอนซีคือพลังงานจากไขมันนั่น แหละนะฮะแอนซีนะมันจะทำให้เกิดความ
02:27:06 → 02:27:16 เหนื่อยล้าของสมองนะครับผมซึ่งจะไปมีผลทำ ให้ช่วงเลม Sleep เนี่ยนะเกิดยากนะเพราะ
02:27:16 → 02:27:22 ฉะนั้นก็จะเกิดการหลับสนิทแล้วไม่ตื่นนะ ไม่ตื่นนะ
02:27:22 → 02:27:30 ฮะดังเช่นที่เราคิดว่าถ้าเราไปออกกำลัง กายให้หนักๆในช่วงตอนเย็นๆค่ำๆแล้วเดี๋ยว
02:27:30 → 02:27:37 คืนนี้ร่างกายก็จะอ่อนเพียเหนื่อยล้าจน กระทั่งนอนหลับสนิทได้ดีในเวลากลางคืน
02:27:37 → 02:27:45 นะแต่ว่าอันนี้ก็ถูกในในส่วนนึงในส่วนนึง เพียงแต่ว่าคุณเนี่ยก็จะต้องทำให้เกิด
02:27:45 → 02:27:53 ความผอดิตพอดีนะอ่าไม่ได้แบบหักโหมจนท้าง ฮอร์โมนเครียดคอร์ติซอลมาคุณจะไม่หลับนะ
02:27:53 → 02:27:59 ฮะนะทีนี้บางคนเนี่ยในเรื่องของการออก กำลังกายมันก็ทำไม่ได้หรือมีข้อจำกัดนะ
02:27:59 → 02:28:07 ไอ้คนที่ทำได้เนี่ยนะมันมีน้อยอ่ะคนส่วน ใหญ่เเไม่ค่อยได้ออกกำลังกายหรอกนะฮะนะ
02:28:07 → 02:28:12 เพราะฉะนั้นทำยังไงล่ะเขาก็อยากจะได้ แอนซีเนี่ยมาทำให้เกิดความเหนื่อยล้าของ
02:28:12 → 02:28:18 สนองมันจะได้หลับแล้วไม่เกิดการตื่นใน ช่วง 2:00 3 นะทีนี้เขบอกต้นกำเนิดของ
02:28:18 → 02:28:25 สารแอนซีเนี่ยก็คือพลังงานที่ร่างกายจะ ต้องเกิดการเผาผลาญเหมือนๆกับเราไปออก
02:28:25 → 02:28:31 กำลังกายนั่นแหละคือคนไปออกกำลังกายมันก็ เกิดการเผาผลาพลังงานนะแอดซีก็เป็นสารที่
02:28:31 → 02:28:38 เกิดจากการเผาผลาญพลังงานนะฮะการเผาผลา พลังงานที่ว่าเนี้ยนะคือการเผาผลาญไขมัน
02:28:38 → 02:28:46 นั่นเองนะเมื่อเผาผลาญไขมันร่างกายจะเกิด สารที่เราเรียกว่าแอนซีไตรฟอสเฟตเนี่ยเรา
02:28:46 → 02:28:52 ก็จะได้ แอนซีนะแอนซีจีนจะมีผลต่อสมองคือการเกิด
02:28:52 → 02:29:01 ความเหนื่อยล้าง่วงและอยากจะนอนนะฮะสรุป นะถ้าเมื่อไหร่เรามีการสลายเผาผลาญพลัง
02:29:01 → 02:29:08 งานจากไขมันเราจะได้ แอนซีซึ่งเป็นสารที่คล้ายๆยานอนหลับนั่น
02:29:08 → 02:29:17 เองนะนะเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าไปออกกำลังกาย อันนี้ก็ได้แล้วแต่ไม่มีใครห้ามแต่ก็ทำ
02:29:17 → 02:29:24 ให้พอดีนะอย่าให้เครียดนะหรืออยากให้เกิด [\h__\h]เอฟเฟคไม่งั้นแล้วคอร์ติซอลก็จะมานะอื
02:29:24 → 02:29:30 ครับผมแต่ถ้าไม่สะดวกในเรื่องการออกกำลง กายหรือจะหาทางออกแบบอื่นๆในการสร้างสาร
02:29:30 → 02:29:38 นี้ก็คือการปรับสภาพให้ร่างกายอยู่ในโหมด การสลายเผาผลาพลังงานนั่นเองนะฮะไม่ต้อง
02:29:38 → 02:29:44 เคลื่อนหวงเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อหรือออก กำลังกายอะไรก็ได้แต่ให้ทำโดยวิธีการออก
02:29:44 → 02:29:54 กำลังกายตับออกกำลังกายตับๆๆนะฮะนั่นก็ คือการใส่วัตถุิดิบต้นทางคือแฟตหรือออย
02:29:54 → 02:30:03 ที่ดีที่ดีนะนะเช่นการกินน้ำสลัดทรีออยนะ อย่างถูกต้องในมื้อแรกนะร่างกายก็จะเข้า
02:30:03 → 02:30:12 สู่กระบวนการเผาผลาญสลายพลังงานต่างๆนะฮะ เกิดเป็นสาร ATP และเกิดสารยาที่ชื่อ
02:30:12 → 02:30:23 แอนซีอย่างมากมายมหาศาลไปสะสมที่สมองนะ เนี่ยนะเราเรียกว่าเป็นการออกกำลังกายตับ
02:30:23 → 02:30:36 ในช่วงกลางวันนะโดยการกินโลคาฟ High ก Fat teil ที่จะสะสมสารแออินสีนอ่าไปมีผลต่อ
02:30:36 → 02:30:42 สมองในตอนกลางคืนเพื่อให้เกิดการหลับลึก สนิทยาวนานอย่างมี
02:30:42 → 02:30:50 คุณภาพเพราะฉะนั้นการที่ทัเนี่ย อ่าบอกว่าตอนเนี้ยนะ
02:30:50 → 02:30:57 ตีทะลุเรื่อง ow C High กุ Z T Oil เรียบร้อยแล้วผลที่ตามมาก็คือการหลับจาก
02:30:57 → 02:30:59 สาร
02:31:00 → 02:31:09 แอนซีนะเพราะว่าร่างกายเาเผาผลาญพลังงาน จากไขมันเป็นหลักคีโตซีสอะไรต่างๆนะ
02:31:09 → 02:31:18 แอนซีนะ อ่าก็จะมีผลแตกต่างจากคีโตนนะฮะครับผมว่า
02:31:18 → 02:31:27 สารตัวนี้เมีผลในแง่ของความง่วงเอ้ยของ การเหนื่อยล้าแล้วก็ง่วงนะถ้าแนก็คือตอน
02:31:27 → 02:31:37 เนี้ยเราเค้าเรียกว่า Fat adapt ket ket adapt แล้วนะฮะนะซึ่งซึ่งนะซึ่งถ้า
02:31:37 → 02:31:48 แอนซีมีมากกว่าคีโตนเราจะเป็นไงหลับหลับ เอแต่ถ้าอ่าแอนซีสร้างได้น้อยคีโตนสร้าง
02:31:48 → 02:31:55 ได้เยอะเราจะ ดีดดีดตื่นนะเพราะฉะนั้นคุณก็จะต้องมา
02:31:55 → 02:32:05 ปรับมาลดการสร้างคีโตนลงนะเนี่ยมันก็ต้อง ดูเป็นคนๆดูเป็นกรณีกรณีไป
02:32:05 → 02:32:16 นะเพราะก็มีใช่มยล่ะว่าคีซีคีต adap แล้ว ตื่นไม่หลับเลยหลับไม่ได้เลยนะนะเพราะว่า
02:32:16 → 02:32:24 คีโตนมันมากกว่าแอนซีนะถ้าอยากให้หลับทำ ไงอ่ะก็ต้องลดคีโตนนะก็แล้วแต่จะไป
02:32:24 → 02:32:34 cheating ไซคิอะไรต่างๆนะเนี่ยนะเเพื่อ ให้สัดส่วนของออซีมันเยอะมากกว่าคีโตนนะ
02:32:34 → 02:32:44 ครับผมตกลงมี 2 ตัวแล้วนะ 2 ตัวเนี้ยส่วน ใหญ่เขาสร้างกันในตอนกลางวันแต่มันเป็น 2a
02:32:44 → 02:32:53 ที่จะไปมีผลตอนกลางคืนและไปมีผลต่อเลม Sleep นะนะก็คือมีผลยับยั้งเลม Sleep ทำ
02:32:53 → 02:32:58 ให้ไม่ตื่นพอไม่ตื่นก็จะหลับสนิทยาวนานไป นะ
02:32:58 → 02:33:08 ฮะสุดท้ายนะอีกตัวนึงนะเ้าเรียกว่าสาร เอมีนเอมีนนะฮะนะแต่เป็นไบโอนิคเอมีนสาร
02:33:08 → 02:33:16 เอมีนเกิดจากการกินอาหารในกลุ่มโปรตีน คุณภาพที่มีคาฟร่วมด้วยนะเพราะฉะนั้น
02:33:16 → 02:33:21 เนี่ย 1 2 3 นะฮะข้อ 1 นี่คือโปโปตีน ที่มีไข
02:33:21 → 02:33:32 มันร่วมด้วยข้อ 2 เนี่ยคืออะไรคือการกิน ทีออยนั่นเองข้อ 2 แอนซีคือไขมันคือการ
02:33:32 → 02:33:41 กินไขมันเพื่อจะไปสร้างแอนซีนะอ่าให้เยอะ ๆกว่าคีโตนนะจะได้หลับได้นะนะแต่ข้อแรก
02:33:41 → 02:33:48 คือเซติลีนเป็นโปรตีนเป็นหลักแต่ต้องเป็น โปรตีนที่มีไขมันนะอันที่ 2 คือไขมันเป็น
02:33:48 → 02:33:57 หลักนะส่วนอันที่ 3 คือโปรตีนที่มี คาฟโปรตีนที่มีคาฟเพื่อจะมาสร้างสาร
02:33:57 → 02:34:06 ไบโอนิกเอมีนและจริงๆสารจนิเอมีนที่ว่า นี้คือเมลาโทนินคือฮอร์โมนอเมลาโทนินนะฮะ
02:34:06 → 02:34:17 เนี่คือแผ่นสุดท้ายนะฮะครับผมเทีนี้การ สร้างไบโอนิคเอมีนนะฮะร่างกายจะต้องระดม
02:34:17 → 02:34:29 สารอาหารที่ว่าก็คือโปรโปรตีนที่มีคาฟนะ ฮะนะและสิ่งต่างๆเช่นแสงน้ำคลื่นรังสีนะ
02:34:29 → 02:34:39 ฮะเหล่านี้เนี่ย อ่ามาที่เซลล์สมองนะฮะคือคือเหล่าเนี้ยนะ
02:34:39 → 02:34:46 จะมาประกอบร่างกันกลายเป็นอ่าเป็นวัตถุ ดิบพื้นฐานในการสร้างฮอร์โมนตัวสำคัญชื่อ
02:34:46 → 02:34:51 เมลาโทนินเพรางั้นเมลาโทนินเนี่ยที่บอก ว่ามันเป็นฮอร์โมนชนิดเดียวในร่างกายที่
02:34:51 → 02:34:59 มันมีสีมันมีสอยอีสีด้วยนะเพราะว่า ฮอร์โมนอื่นๆเขไม่มีสีนะฮะเนี่ยอ่าเพราะ
02:34:59 → 02:35:06 ว่าองค์ประกอบของเค้าเนี่ยก็มีมาตั้งแต่ อะไรอ่ะตั้งแต่โปรตีนตั้งแต่คาฟที่เป็น
02:35:06 → 02:35:13 คาฟเชิงซ้อนและมีสารพฤษษาเคมีสีจัดๆโดย เฉพาะสีออกไปทางแดงๆน้ำตาลน้ำตาลน้ำเงิน
02:35:13 → 02:35:23 อะไรอย่างเงี้ยนะฮะมีแสงนะแสงเนี่ยยจะ ต้องมีทั้งแสง uvb และแสงอินฟราเรดอ่ะ uvb
02:35:23 → 02:35:31 ก็เป็นแสงอะไรอ่าสีน้ำเงินสีม่วงเหนือ ม่วงอ่ะนะตอนกลางวันตอนเช้าอ่ะตอนเช้าผม
02:35:31 → 02:35:42 เี่ก็สีแดงๆส้มๆเ่ะนะสีทั้งนั้นเลยใช่มฮะ แสงก็ยังมีสีเลยนะอันเนี้ยนะมีน้ำมีน้ำมี
02:35:42 → 02:35:50 คลื่นมีรังสีจริงๆรังสีในที่นี้คือรังสี คอสมิคนะฮะรังสีคอสมิค
02:35:50 → 02:35:59 นะก็เป็นแสงเงินแสงทองเรียกว่าอย่างงั้น เออมาตอนเช้ามืดก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นแผ่
02:35:59 → 02:36:07 รังสีคอสมิกออกมาก่อนเป็นคอสมิกเลนะเหล่า เทั้งหมดเนี้ยคือตัวที่จะมาสร้าง
02:36:07 → 02:36:13 เมลาโทนินนะฮะซึ่งองค์ประกอบจะครบไม่ครบ นะก็แล้วแต่ว่าเมลาโทนินเนี้ยจะมี
02:36:13 → 02:36:19 ประสิทธิภาพคุณภาพดีไม่ดีนะฮะเพราะบาง ครั้งเนี่ยองค์ประกอบต่างๆมันไม่ครบมันก็
02:36:19 → 02:36:28 จะเป็นเมลามินที่ที่กรุดๆด้วนๆกระพอง กระแพงประสิทธิภาพไม่ดีโลเกตนะฮะนะครับผม
02:36:28 → 02:36:36 แต่ถ้าคุณเป็นคนดูแลสุขภาพเนี่ยเอิ้งกาว ดิ้งตากด่งตากแดดอะไรต่างๆของคุณน่ะนะเ่า
02:36:36 → 02:36:45 เใช้แสงใช้รังสงรังสีเหยียบหญ้าโดนดินน้ำ ลมไฟกินอาหารอะไรต่างๆนะเนี่ยอย่างถูก
02:36:45 → 02:36:53 ต้องอะไรอย่างเงี้ยนะคุณก็จะเป็น เมลาโทนินคุณภาพเกด a อ่ะนะฮดีมั้ยล่ะนะ
02:36:53 → 02:37:02 นะมันก็หลับดีหลับลึกสนิทยาว นานเนี่ยแต่เมโตนินเนี่ยก็เป็นสารเอมีนนะ
02:37:02 → 02:37:09 ฮที่จะเป็นองค์ประกอบชนิดนึงเ่ะในการที่ จะทำให้เราอ่าเกิดการยับยั้งในเรื่องของ
02:37:09 → 02:37:15 เลม Sleep นะฮะซึ่งเลม Sleep ก็จะทำให้ เราต้องตื่น
02:37:15 → 02:37:24 น่ะอันนี้นะก็เนี่ยในช่วงเวลาเหล่านี้ เนี่ยอิทธิพลของทั้งซิติรีนนะทั้งแอนซี
02:37:24 → 02:37:34 ทั้งเมลาโทนินเนี่ยอ่าก็จะมีผลร่วมกันนะ ฮะนะซึ่งเา้าบอกว่านะเวลาของเมลาโทนิน
02:37:34 → 02:37:41 เนี่ยจริงๆแล้วเนี่ยเมลาโทนินเนี่ยมันจะ เกิดมันจะเริ่มๆเกิดในสมองเนี่ยตั้งแต่
02:37:41 → 02:37:47 ช่วงตั้งแต่ช่วงประมาณ 14:00 นแล้วล่ะ ช่วงเย็นๆเนี่ยนะช่วงที่พระอาทิตย์ยังไม่
02:37:47 → 02:37:54 ได้ตกดินดีอ่ะแต่เกิดภาวะแสงอ่าเรดไลท์ แสงแดงแสงรำไรอะไรต่างๆเนี่ยเนี่ย
02:37:54 → 02:37:59 เมลาโทนินก็เริ่มผลิตแล้วล่ะมันเป็น สัญญาณตามธรรมชาติตามเกเดนะฮะนะแต่เขาบอก
02:37:59 → 02:38:08 ว่าพีคเมลานินเนี่ยมันจะเป็นพีคสูงสุด เนี่ยในช่วงเดียวกับโดฮอร์โมนนะฮะอืครับ
02:38:08 → 02:38:15 ก็คือพีคของเขาจะเป็นพีคสูงสุดในช่วง 1 - 3:00 น 1 3 แต่เติเนี่ยเสร้างก่อนสร้าง
02:38:15 → 02:38:22 สะสมขึ้นไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆนะทั้งจากภาย นอกภายในอะไรต่างๆเนี่ยมันเป็นแฟกเตอร์
02:38:22 → 02:38:32 มันเป็นปัจจัยนะที่มาบวกๆๆๆๆๆเสริมๆๆๆๆ อ่าเปลี่ยนๆๆเปลี่ยๆอย่างเงี้นะเส่วนโกด
02:38:32 → 02:38:38 ฮอร์โมนโกดฮอร์โมนคนเรามักจะมาตอนไหนอ่ะ นะส่วนใหญ่มันก็จะมาตอนประมาณ 23:00 นอ่ะ
02:38:38 → 02:38:47 นะมาในช่วงของระบบน้ำดีนะนะก็คือมาประมาณ เนี้ยช่วง 23:00 นนะแล้วก็มันจะอยู่
02:38:47 → 02:38:54 ประมาณ 4 ชมก็คือ 23 นถึง 3 แต่พีคมันจะ สูงสุดก็ช่วง 2:00 3 นะเพราะฉะนั้นทั้ง
02:38:54 → 02:39:01 เมลานินทั้งโกดฮอร์โมนเขาจะพีคสูงสุดใน ช่วง 2:00 ที่ 3 นะแต่ถ้าเมลาโทนินคุณภาพ
02:39:01 → 02:39:11 ต่ำนะเไม่ดีนะฮะนะโสฮอร์โมนร่างกายสร้าง ไม่ได้นะฮะเกิดภาวะเคนเบรกนะไอ้ตัวเลม
02:39:11 → 02:39:19 Sleep เนี่ยเ่าก็จะไม่มีอะไรไปขัดขวาง เขานะในที่สุดเราก็ต้องตื่นอ่าแล้วก็มาตื
02:39:19 → 02:39:29 ืช่วงเนี้ยนะยิ่งถ้าอะซิติลโคลีนแอนซีก็ หงอยก๋อยอ่าไม่มีประสิทธิภาพนักอะไรอย่าง
02:39:29 → 02:39:37 งี้นะอ่าทีนี้ดูรายละเอียดนิดนึงว่าไบออน เนี่ยประกอบไปด้วยอะไรนะฮะไบโอมินเนี่ย
02:39:37 → 02:39:44 องค์ประกอบก็จะมีอะไรนะมีสารสื่อประสาท สมองเล็กๆน้อยๆนะก็คือซีโรโทนินโดปามีน
02:39:44 → 02:39:52 นารีนนะอันนี้เป็นสารสื่อประสาทของสมองนะ ซึ่งพวกเมันต้องเข้าไปรวมกันทั้งหมดแล้ว
02:39:52 → 02:40:00 ในในแล้วแล้วก็สร้างเป็นนี่เมลาโทนินนะนะ ทีนี้ไอมีนเนี่ยนะตัวหลักเลยเนี่ยก็คือกด
02:40:00 → 02:40:07 อะมิโนที่ชื่อไฟไฮดรอกซี่ทิปโทแฟนนะกด อะมิโนตัวนี้นะซึ่งจะ
02:40:07 → 02:40:15 อ่าเราจะต้องได้รับจากอาหารอาหารก็คือ โปรตีนในเนื้อสัตว์และรวมทั้งในในถั่ว
02:40:15 → 02:40:23 เหลืองหมักอะไรต่างๆพวกเนะฮะนะเอ่อแต่ตัว ตัวทิปโทแฟนเนี่ยนะอ่าจะต้องอะไรอ่ะจะ
02:40:23 → 02:40:29 ต้อง มีมีการไปพร้อมกับแป้งเชิงซ้อนและฮอร์โมน
02:40:29 → 02:40:40 อินซูลินในขนาดต่ำๆพอดีพอดีด้วยเสมอนะคือ ในขนาดเบเซอหรือเกินจากเซอลอ่าอ่า 2 เท่า
02:40:40 → 02:40:45 อะไรอย่างเงี้ยนะฮะไม่เยอะเพอินซูลินต้อง ไม่เยอะนะฮะนะแล้วขณะเดียวกันต้องมีแป้ง
02:40:45 → 02:40:54 เชิงซ้อนในโควต้าที่ถูกจำกัดควบคุมว่ากิน ได้เท่าไหร่นะเนี่ยหรือถ้าเป็นเบาหวาน
02:40:54 → 02:41:01 แป้งเชิงซ้อนไม่ได้ก็ต้องเป็นผักหัวนะคือ อย่างน้อยต้องมีคาฟในขนาดต่ำๆนะอ่าแล้วมี
02:41:01 → 02:41:09 ฮอร์โมนอินซูลินในขนาดพอดีๆๆนะเซอ Level ไม่เกิน 2 เท่านะเงี้ยแล้วก็มีกดอมิโน
02:41:09 → 02:41:21 ทิปโทแฟนจากโปรตีนพืชโปรตีนสัตว์ครับผม อันนี้เขาเป็นโครงสร้างและอ่าเป็นตัวที่
02:41:21 → 02:41:29 จะทำให้อินซูลินเอทำให้เมลานีนเนี่ยทำงาน ได้นะซึ่งจะทำให้เราหลับได้นะสรุปโครง
02:41:29 → 02:41:37 สร้างของเมลาโทนินเนี่ยนะฮะเขาจะต้องมี คาฟรวมอยู่ด้วยเสมอนะนะนะแล้วเรารู้มล่ะ
02:41:37 → 02:41:47 ว่าฮอร์โมนนะที่เป็นคฟ Dependent เนี่ยอ ก็จะมีอยู่ 4 ตัวนะคือนอกจากเมลาโทนิน
02:41:47 → 02:41:54 แล้วเนี่ยนะฮะเพราะว่าคาฟต้องไปเป็นโครง สร้างนะไทรรอยด์โปรเจสเตอโรนเลปตินนะฮะ 3
02:41:54 → 02:42:00 ตัวนี้เนี่ยก็จะต้องมีคาฟไปอยู่ในโครง สร้างของไทรอยด์โปรเจสเตอโรนกับเลปติน
02:42:00 → 02:42:09 ด้วยเสมอนะเลปตินเนี่ยต้องมีคนะนะคุณจะ ให้เลปตินออกมาได้และทำงานได้ดีและการหาย
02:42:09 → 02:42:16 จากการดื้อเลปตินคุณต้องใส่คาฟไปด้วยนะ เพราะโครงสร้างของเลปตินที่มันแีเนี่ยมัน
02:42:16 → 02:42:22 จะต้องมีโครงสร้างของคาฟอยู่ด้วย โปรเจสเตอโรนต้องมีคาฟนะเพราะงั้นในช่วง
02:42:22 → 02:42:29 ที่จะมีประจำดวงประจำเดือนต้องกินคาฟก่อน ที่จะเป็นเมนนะฮะไทรรอยด์ก็ต้องมีคาฟ
02:42:29 → 02:42:37 เมลาโทนินต้องมีคาฟเพราะฉะนั้นด้วยเหตุ เนี้ยเราถึงต้องมีการเติมคาฟที่ถูกต้อง
02:42:37 → 02:42:46 และที่ดีในมื้อเย็นแต่ต้องมีการควบคุม จำกัดนะในเรื่องของโควต้าและสัดส่วน
02:42:46 → 02:42:55 เด้อครับผมอ้าอย่างอืนะฮะนอกจากตัวโปรตีน ที่ทฟนที่สำคัญแล้วก็วิตามินดีนะจากแสง
02:42:55 → 02:43:02 แดดนะเพราะการตากแดด uaa uvb ไอ้ไอ้แล้ว ก็ Red Light อะไรต่างๆเนี่ยนะอ่าโดย
02:43:02 → 02:43:11 เฉพาะในช่วงอ่าที่มี uvb มาเนี่ยเราก็จะ มีการสร้างวิตามิน D นะอ่าวิตามิน B1 นะ
02:43:11 → 02:43:18 อันนี้ก็จากเนื้อสัตแมกนีเซียมอันนี้ต้อง จากพืชผักประเภทคาฟนะฮะสังกสีนะส่วนใหญ่
02:43:18 → 02:43:25 ก็อยู่อยู่ในสัตว์ทะเลวิตามินซีอ่า วิตามินซีส่วนใหญ่ต้องต้องต้องมากับคาฟ
02:43:25 → 02:43:35 เป็นหลักนะอถึงแม้ว่าตับสัตว์จะมีวิตามิน ซีเยอะแต่มันไม่มีอินซูลินในขนาดต่ำๆนะ
02:43:35 → 02:43:43 อ่าอินซูลินมันต่ำเกินไปนะต้องเป็นซีจาก พืชนะฮะที่จะมีวิตามินซีพาเข้าเซลล์ครับ
02:43:43 → 02:43:51 ผมนะนอกจากคุณไปกินแบบวิตามินซีที่ถูกไข มันพาเข้าเซลล์อ่ะอันนั้นก็ต้องซื้อแล้ว
02:43:51 → 02:43:58 ล่ะเเรียก ไซมอลไซมอลครับผมอ่าเหล่านี้ก็คือไบโอ
02:43:58 → 02:44:03 เอมีน เมลาโทนินที่จะออกฤทธิ์ทำงานได้อย่างมี
02:44:03 → 02:44:11 ประสิทธิภาพมีคุณภาพและจะไปยับยั้งเรื่อง ของเลม Sleep ทำให้เราไม่ต้องตื่นและหลับ
02:44:11 → 02:44:21 ต่อได้ทิสดุสุดท้ายคือแล้วอาหารอะไรเอ่ย อ่าในมื้อเย็นที่กินแล้วจะได้สารไบโอมิน
02:44:21 → 02:44:30 เมลาโทนินคำตอบก็คืออาหารทะเลสัตว์น้ำ นั่นแหละนะอาหารทะเลนะกินกับแป้งเชิงซ้อน
02:44:30 → 02:44:38 ถั่วเมล็ดแห้งกินอาพืดอะไรอย่างงี้นะ เพราะฉะนั้นเนี่ยหมอเคยไปลงให้เมื่อวาน
02:44:38 → 02:44:45 เนี้ยนะเกี่ยวกับการกินอาหารสร้างกล้ามใน มื้อเย็นนี่แหละนะฮะใช่ครับผมก็คืออาหาร
02:44:45 → 02:44:51 ที่เป็นไบโอเอมีนเมลาโทนินนี่แหละนะฮะนะ นะให้กินอย่างนี้นะส่วนใหญ่ก็เป็นข้าวต้ม
02:44:51 → 02:45:02 ทะเลข้าวต้มปลาข้าวต้มกุ้งนะอ่าอาจจะมียำ มีอ่าแกงจืดนะอ่าหรือก็มีพวกเครื่องใน
02:45:02 → 02:45:13 สัตว์นะฮะนะพวกนี้ก็เป็นเป็นเป็นเป็นไอ้ ตัวที่จะทำให้มีทิปโทแฟนเยอะมากนะนะพวก
02:45:13 → 02:45:20 ต้มเลือดหมูต้มเครื่องในอะไรต่างๆเนี่ยนะ อืึแปลคนส่วนใหญ่เมื่อกินตอนเช้าจริงๆเ
02:45:20 → 02:45:26 ต้องกินตอนเย็นนะฮะต้องกินตอนเย็นสลับกัน เลยครับผมเออมันแปลกสลับกันกินตอนเช้ากิน
02:45:26 → 02:45:32 เสร็จก็ไม่นอน เออมีเขนแล้วง่วงต้องทำงานเงี้ยเหรอเออ
02:45:32 → 02:45:38 เราก็ไม่รู้เหมือนกันคนยุคนี้สมัยนี้นะ เอ่อพูดอะไรไปเค้าก็ไม่เชื่อหาว่าขี้โม้
02:45:38 → 02:45:44 เพราะว่าไอ้คนที่รู้เตายกันไปหมดแล้วเ ทยอยตายกันไปหมด
02:45:44 → 02:45:53 แล้วนะเ้าสรุปนะสรุปจริงๆแล้วเนี่ยสาร อาหาร 3A เนี่ยนะเอ่อที่เขาจะกลายไปเป็น
02:45:53 → 02:46:00 สารสื่อประสาทนะฮะนะแล้วจริงๆเนี่ยทั้ง หมดนี้นะฮะ 3A เนี่ยไม่ว่าจะเป็นอิลีนไม่
02:46:00 → 02:46:07 ว่าจะเป็น แอนซีหรือเมลาโทนินก็ตามนะสุดท้ายแล้ว
02:46:07 → 02:46:13 เมื่อเกิดปฏิกิริยาในสมองจริงๆเนี่ยเขาจะ อยู่ในรูปแบบของความเป็นพลังงานหรือเป็น
02:46:13 → 02:46:19 Energy นะฮะนะเเรียกว่า powerful Energy powerful En
02:46:19 → 02:46:26 นะฮะเนี่ยนะเพราะฉะนั้นร่างกายที่ได้กิน อิ่มเรามีศัพท์คำว่ากินอิ่มนอนหลับอิ่มใน
02:46:26 → 02:46:35 ที่นี้คือกินครบนะโดยเฉพาะการครบด้วยสาร อาหาร 3A นะอะซิติลลีนแอนซีและอะไรอ่ะ
02:46:35 → 02:46:44 แล้วก็เอมีนไอจิเอมีนนะฮะนะเราจะนอนหลับ ได้นะฮะการนอนหลับลึกๆเป็นการสร้างพลัง
02:46:44 → 02:46:51 งานนะเป็นการสร้างพลังงานรูปแบบหนึ่งก็ คือคือร่างกายโดยสมองเนี่ยเกิดการเผาผลน
02:46:51 → 02:46:58 พลังงานนั่นแหละนะฮะก็เป็น the most powerful Energy นะฮะนะสมองเนี่ยนะซึ่ง
02:46:58 → 02:47:05 ในส่วนของสมองมีทั้งกายหยาบกับกายละเอียด นะนะสมองในส่วนที่เป็นกายละเอียดนะฮะคือ
02:47:05 → 02:47:17 กายแห่งจิตนะเนี่ยเ่อนะจะเกิดความนิ่งสงบ และหลับได้ด้วยพลังงาน Energy Balance
02:47:17 → 02:47:24 นะฮะก็คือนี่แหละพลังงานที่ว่าทั้งหมดนี่ แหละจาก 3A นี่แหละนะการนอนหลับอย่างมี
02:47:24 → 02:47:30 คุณภาพลึกสนิทยาวนานติดต่อกันถือว่าเป็น กระบวนการสลายเผ่าผันพลังงานอย่างมากแบบ
02:47:30 → 02:47:38 นึงของร่างกายโดยมีชื่อเรียกว่า resting Energy expenditure นะและพบว่าพลังงาน
02:47:38 → 02:47:44 ที่จะนำมาใช้ในการสลายเผาผลาที่สมินที่ สุดก็คือไขมันไขมันไข
02:47:44 → 02:47:52 มันนี่แหละอันเนี้ยก็สำคัญมากนะฮะเพราะ งั้นเราคอยรู้เรื่อง 3A แล้วเนาะเออครับ
02:47:52 → 02:48:03 เ่อวันนี้ก็คุยกันแค่นี้เนาะอ่าครับ ผมโอเคค่ะเป็นเรื่องลึกๆนะฮะเป็นเรื่อง
02:48:03 → 02:48:12 ลึกๆนะที่เป็นข้ออธิบายยิบย่อยว่าถ้าคุณ ถลำตัวมากิน ow C High Good Fat แล้ว
02:48:12 → 02:48:19 เนี่ยในส่วนที่เป็นปฏิยาชีวเคมีส่วนที่ เป็นข้อมูลข้ออธิบายในเรื่องของพลังงาน
02:48:19 → 02:48:28 สารอาหารเนี่ยมันหรือเรื่องการทำงานของ ตับเิบอะไรต่างๆอ่ะนะก็คืออย่าลืมว่า
02:48:28 → 02:48:35 อวัยวะเนี่ยนะที่ที่จริงๆแล้วเหมือนก็คือ กล้ามเนื้อนี่แหละคล้ายๆกล้ามเนื้อเนี่ย
02:48:35 → 02:48:40 ที่มันที่มันต้องออกแรงออกกำลังเนี่ยมัน คือกล้ามเนื้อลายไงแต่อวัยวะที่คล้ายๆ
02:48:40 → 02:48:47 กล้ามเนื้อเนี่ยแต่เเป็นการทำงานด้วยระบบ อัตโนมัติเนี่ยนะเไม่ได้ถูกสั่งงานแบบ
02:48:47 → 02:48:53 กล้ามเนื้อเนี่ยนะเพราะฉะนั้นเขาอยู่นิ่ง ๆเขาก็จะใช้พลังงานออกแรงออกกำลังอย่าง
02:48:53 → 02:49:00 มากอันดับ 1 คือตับอันดับ 2 หัวใจอันดับ 3 สมองอันดับ 4 ไตและอันดับ 5 คือกล้าม
02:49:00 → 02:49:06 เนื้อเรียบของท่อหลอดเลือดของท่อทางเดิน อาหารอะไรต่างๆพวกนี้เนี่ยเขาเผาผันพลัง
02:49:06 → 02:49:15 งานนะโดยตับเนี่ยอันดับ 1 ที่สุดนะแต่เขา ทำทำงานในช่วงที่อยู่นิ่งๆแล้วช่วงไหนล่ะ
02:49:15 → 02:49:21 ที่ร่างกายนิ่งที่สุดก็คือช่วงที่นอนหลัก นอนครับผมเพราะฉะนั้นเนี่ยคำว่าการนอน
02:49:21 → 02:49:30 หลับจึงเป็นการเผาผลาญพลังงานมากที่สุดใน ร่างกายของมนุษย์นะเพราะมันไม่ได้มันมัน
02:49:30 → 02:49:37 ทั้งล่างอ่ะรวมทั้งอวัยวะหลักๆที่เขานิ่ง แล้วเเผาพ่านเกงๆอะไรอย่าเงี้ยนะก็คือ 5
02:49:37 → 02:49:43 56 อย่างที่บอกไปเนี่ยนะแต่ถ้าเป็นกล้าม เนื้อลายเนี่ยนะอันนี้เเผาต่อเมเต้องมี
02:49:43 → 02:49:50 การเคลื่อนไหวไงนะแต่เขาไม่ได้อยู่ภายใต้ แบบระบบอัตโนมัติแบบตับแบบสมองแบบหัวใจเ
02:49:50 → 02:49:56 กล้ามเนื้อลายมันต้องยืดมาหดมันออกแรงออก กำลังมันต้องวิ่งมันต้องเดินมันต้องลุก
02:49:56 → 02:50:04 นั่งมันต้องเคลื่อนไหวอ่ะนะฮะเนี่ยมันก็ เลยต่างกันนะนะเพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจ
02:50:04 → 02:50:10 ว่าทำไมเหตุผลของการนอนหลับจึงเผาผลาญ พลังงานได้ดีเหลือเกินนะเพราะฉะนั้นถ้า
02:50:10 → 02:50:16 ใครอยากเผาผลาพลังงานเก่งๆดีๆถูกต้องกิน ให้ถูกแล้วไปนอน
02:50:16 → 02:50:23 นะเพราะฉะนั้นเนี่ย หมอแถมชาร์จสุดท้ายแล้วกันนะลืมไปลืมไป
02:50:23 → 02:50:32 เนสพอจะมีเวลาใช่มยครับผมไม่เกิน 2300 น ไม่เกิน 23 นนะเดี๋ยวนะครับนะครับเออวัน
02:50:32 → 02:50:38 นี้ทำไว้นะฮะอันมา
02:50:55 → 02:51:04 ทำไมแล้วไปใส่ไปที่ไหน แป๊บครับผมอ๋อแผ่นเดียว่ะ
02:51:04 → 02:51:10 ฮะเราต้องแชร์ไปใหม่ใช่มั้ย
02:51:21 → 02:51:25 ใส่เนื้อพุงเครียด
02:51:33 → 02:51:37 คิอไนะ
02:51:38 → 02:51:47 ฮะไปแล้วโคครับผมมาแล้วครับเออสายสาย เนื้อพุงเขตอนไม่เหมาะกับการวิ่งปั่น
02:51:47 → 02:51:56 จักรยานฮะคือในบอ type เนี่ยทั้ง 4 type เนี่ยนะฮะนะถามว่า type ไหนเนี่ยไม่เหมาะ
02:51:56 → 02:52:03 กับการออกกำลังกายมากที่สุดก็คือไท้ที่ เป็นพุงเครียดคอร์ติซอลสายเนื้อเนี่ยฮะ
02:52:03 → 02:52:11 อืมเพราะฉะนั้นเนี่ยเราจะเห็นกูรูต่างๆนะ เอ่อหรือว่าองค์ความรู้ในดนโคฟเนี่ยที่
02:52:11 → 02:52:19 ผ่านๆมาบอกว่าถ้าคุณอ้วนเยอะๆน่ะในช่วง แรกของการกินโลคราฟเนี่ยคุณกินให้ถูกกิน
02:52:19 → 02:52:25 ให้เป็นนะแล้วพอกินถูกกินเป็นแล้วคุณต้อง ตามด้วย If ส่วนที่ออกกำลังกายเนี่ยทดไว้
02:52:25 → 02:52:32 ก่อนอย่าเพิ่งทำไม่ต้องทำในช่วงแรกๆไม่ ต้องไม่ต้องนะให้ไปทำในตอนหลังๆตอนที่น้ำ
02:52:32 → 02:52:37 หนักมันลง แล้วอันนี้เคยได้ยิน
02:52:37 → 02:52:40 มย
02:52:43 → 02:52:50 อ่าคือคนที่อ้วนมากๆแล้วลักษณะเป็นสาย เนื้อแบบพุงเครียดเนี่ยนะฮะช่วงแรกๆของ
02:52:50 → 02:52:58 การทำคกินแบบโคาฟเนี่ยนะฮะนะก็กินมัน อย่างเดียวแหละเป็นหลักกินให้เป็นกินให้
02:52:58 → 02:53:07 ถูกนะกินให้ได้กินให้โดนก่อนโดยเฉพาะการ กินไขมันที่ถูกต้องนะหลังจากนั้นผ่านไป
02:53:07 → 02:53:15 สักอาทิตย์ 2 อาทิตย์ไม่เกิน 3 อาทิตย์ เนี่ยนะก็ค่อยเริ่ม If นะก็จะไอสั้นๆยาวๆ
02:53:15 → 02:53:26 หรือค่อยๆขลขยายระยะเวลาไปเนี่ยก็ขึ้น อยู่กับกับความสะดวกนะฮะนะกินก่อน If นะ
02:53:26 → 02:53:32 ฮะระหว่างกินระหว่างไนี่ยังไม่ต้องนะที่ จะไปออกแรงออกกำลังไม่ต้องคาร์ดิโอไม่
02:53:32 → 02:53:39 ต้องเวทไม่ต้องเอ่อ heat เอะไรต่างๆไม่ ต้องนะฮะนะอ่าเพราะไม่อย่างนั้นแล้วเนี่ย
02:53:39 → 02:53:46 มันจะเครียดนะก็คือปกติคุณอ้วนน่ะเพราะ คุณเป็น Sugar เนอร C burner เนี่ยคุณก็
02:53:46 → 02:53:51 ใช้แต่ไอ้เรื่องคาร์โบไฮเดรต เป็นพลังงานเ่ะไม่รู้จักการใช้ไขมันร่าง
02:53:51 → 02:53:58 กายมีอินซูลินเยอะๆก็ปิดสวิตช์การใช้ไข มันใช้ไม่เป็นหรอกนะงั้นช่วงแรกเนี่ยค่อย
02:53:58 → 02:54:04 ๆปรับการกินไขมันลดคาร์โบไฮเดรตลงอย่า เงี้ยนะฮะเนี่ยร่างกายมันอยู่ในระหว่าง
02:54:04 → 02:54:10 การปรับที่จะใช้ไขมันให้เป็นให้เก่งมัน ไม่ใช้เวลาไม่นานนักหรอกนะฮะนะแล้วมันก็
02:54:10 → 02:54:19 ไม่มีพวกอ่าพวกแป้งพวกน้ำตาลพวกาฟพวกอ่า พวกกลูโคสมาใช้อ่ะนะฮะมันก็จะทำใจต้องใช้
02:54:19 → 02:54:29 ไขมันค่อยๆให้ปรับไปนะเพราะว่าถ้าเกิดคุณ มาถึงคุณรีบปรับอาหารเ่าตัดคาฟกินไขมัน
02:54:29 → 02:54:37 กินโปรตีนเยอะๆแล้วคุณก็ทำ If แล้วคุณก็ อะไรอ่ะออกแรงออกกำลังด้วยเนี่ยอทั้ง If
02:54:37 → 02:54:43 ทั้งการออกแรงออกกำลังกายเนี่ยร่างกายมัน ต้องใช้พลังงานแต่ตอนเแหล่งพลังงานของคุณ
02:54:43 → 02:54:50 น่ะไม่มีแล้วไอ้คฟ Sugar burner คฟ burner ที่ใช้ประจำเนี่ยนะแล้วคุณพยายาม
02:54:50 → 02:54:58 ฝึกร่างกายให้ใช้ไขมันเป็นพลังงานแต่ก็ ใช่ว่านะมันจะใช้ได้ดีได้เก่งๆง่ายๆอ่ะนะ
02:54:58 → 02:55:06 แต่คุณเนี่ยมีสิ่งที่จะต้องใช้พลังงาน เนี่ยทั้งการกินทั้งการ If ทั้งการออกแรง
02:55:06 → 02:55:12 ออกกำลังเนี่ยมันก็จะเกินเกินไปไงเพราะ ฉะนั้นเนี่ยร่างกายไม่มีพลังงานพอใช้ร่าง
02:55:12 → 02:55:20 กายก็เครียดคอร์ติซอลก็จะมาแหละนะเพราะ ฉะนั้นเนี่ยมันต้องเริ่มด้วยการปรับอาหาร
02:55:20 → 02:55:26 แล้วค่อยๆมาเสริมในการอดกันไหรือจะทำ โปรลองฟา 2 อย่างเเป็นหลักสุดสุดแล้ว
02:55:26 → 02:55:34 สำหรับคนอ้วนคนสายพุงเครียดนะนะออกแรงออก กำลังกายไว้หลังสุดเพราะว่าคนอ้วนกับการ
02:55:34 → 02:55:41 ออกแรงออกกำลังเนี่ยมันจะเป็นอะไรที่มัก จะมักจะแนวโน้มส่วนใหญ่จะไปเพิ่มความ
02:55:41 → 02:55:50 เครียดซะมากกว่านะฮะเออเพราะฉะนั้นยิ่ง เครียดคราวนี้ก็จะยิ่งยิ่งไปกันใหญ่น้ำ
02:55:50 → 02:55:58 หนงน้ำหนักไม่ลดร่างกายก็จะถูกบล็อกอะไร ไปหมดนะอันนี้แหละก็เลยมีมีการเนี่ยเคย
02:55:58 → 02:56:07 ตอบไปแล้วล่ะฮะนะนะแต่ก็อยากจะมาอธิบาย ให้รู้นะเหตุผลที่พูดไปเมื่อกี้อ่ะนะว่า
02:56:07 → 02:56:13 อะไรอ่ะ นะทำไมบางครั้งการออกกำลังกายเนี่ยก็ไม่
02:56:13 → 02:56:21 ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับคนบางกลุ่มอ๋อครับ ผมคนบางรูปร่างคนบางกลุ่มโดยเฉพาะสายหุง
02:56:21 → 02:56:30 เครียดเออหุงเครียดนี่เอาเรื่องวท eat เรื่องกินให้จังหนับก่อนเลยนะอือครับผม
02:56:30 → 02:56:39 ตามด้วยไนะออกกำลังกายไว้ที่โหลไกล้ๆเลย เนะไม่ต้องรีบ
02:56:39 → 02:56:47 นะนี่แหละมันมีเหตุผลเนี่ยแบบนี้เลยแล้ว หากจะออกกำลังกายให้ไปทำอะไรเนี่ยๆมาอ่าน
02:56:47 → 02:56:55 เฉลเในนี้ได้เลยแผ่นสุดท้ายนะฮะนะก็คือคน พุงเครียดเนี่ยเาไม่เหมาะกับการคาร์ดิโอ
02:56:55 → 02:57:04 นะเจะเหมาะกับการฮิตฮิินะ อ่าแล้วลองลงมาก็คือพวกเวทนะก็คือต้องให้
02:57:04 → 02:57:09 ความสำคัญกับการฮิตถ้าจะออกกำลังกายนะ หลังจากทุกอย่างดีแล้วนะจากการปรับอาหาร
02:57:09 → 02:57:17 จากการทำไนะจะมาเสริมเนี่ยนะให้เสริมด้วย การทำฮิตเป็นหลักนะวันเว้นวันไม่เกิน 3
02:57:17 → 02:57:25 ครั้งต่อสัปดาห์นะแต่ถ้าเกิดว่าอยากจะมี การอ่าอะไรอ่ะเ่อฟื้นฟูกล้ามเนื้ออะไร
02:57:25 → 02:57:30 ต่างๆหรือว่าฝึกความแข็งแกร่งของกล้าม เนื้อเนี่ยก็อาจจะมีฮิตสัปดาห์ละวัน 2
02:57:30 → 02:57:39 วันเอ้ยเอ่อไม่ใช่ฮิตอ่ามีเวทสัปดาห์ละ วัน 2 วันแต่คาร์ดิโอไม่ควรอ่าไม่ควรเลย
02:57:39 → 02:57:46 นะฮะนะยกเว้นแต่ว่า อ่าเค้าจะเรียกคาร์ดิโอมั้ยล่ะนะก็คือให้
02:57:46 → 02:57:55 ไปเดินน่ะให้ไปเดินพักผ่อนอ่าผ่อนคลาย เดินชิลๆเดินสบายๆหลังมื้ออาหารนะนะเดินเ
02:57:55 → 02:58:02 เรียกคาร์ดิโอโซน 1 อ่ะนะแค่นั้นแหละนะ ไม่ต้องไปคาร์ดิโอโซน 2 โซน 3 โซน 4 อะไร
02:58:02 → 02:58:08 ต่างๆไม่ต้องนะอันนี้มันจะไปเพิ่มความ เครียดเออ่าหลักการก็จะเป็นอย่างเงี้ยนะ
02:58:08 → 02:58:20 ฮะนะเเคเนาะเหมดแล้วนะพอดีเวลาครับ ผมโอเคครับไปแล้วครับเออติดไลฟ์ได้เลย
02:58:20 → 02:58:26 ครับขอบคุณมากครับครับขอบคุณมากครับผมสดี
02:58:47 → 02:58:51 ครับ y