00:00:00 → 00:00:03 เข้าไปร้านชาเนี่ยจะเจอชื่อชาเยอะมากเลย
00:00:03 → 00:00:07 ครับดีมันจะมีชาจัสมินชาคามิเลียชาแดงชา
00:00:07 → 00:00:10 ไทยชาใต้ชาซีรอนหอมมืนเต็มไปหมดเลยค่ะที
00:00:10 → 00:00:13 นี้อยากรู้เรื่องชานมเป็นหลักเลยชาพวก
00:00:13 → 00:00:17 เนี้ยเอาแบบไหนมาใช้เป็นทำชานมฮะถ้าเป็น
00:00:17 → 00:00:20 ชานมที่เป็นเมนกระแสหลักที่คนทั่วไปนึก
00:00:20 → 00:00:22 ถึงรวมถึงแบบเวลานึกถึงชาไทยชาใต้อะไร
00:00:22 → 00:00:24 เงี้ยก็จะเป็นชาแดงค่ะก็อีกอันนึงก็จะมี
00:00:24 → 00:00:26 เ่อที่พอทำได้เยอะหน่อยก็จะเป็นอู่หลงคา
00:00:26 → 00:00:28 ไทยเนี่ยอยู่ในกลุ่มเดียวกับ 2 อันนี้เลย
00:00:28 → 00:00:32 ทั้งฮ่องกงและทางชาใต้ถ้าแบ่งความแบบเข้ม
00:00:32 → 00:00:34 ข้นอะไรเงี้ยดีว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกันแต่
00:00:34 → 00:00:37 ว่าชาฮ่องกงกับชาใต้อ่ะมันเป็นชาที่เป็น
00:00:38 → 00:00:40 กลิ่นชาจริงๆแต่ว่าชาไทยเป็นflวอรทีเป็น
00:00:40 → 00:00:43 ชาแต่งกลิ่น e direction EP นี้เราจะมา
00:00:43 → 00:00:46 ทำความเข้าใจเรื่องชานมกันครับผมชวนดี
00:00:46 → 00:00:49 เจ้าของร้านเติงๆร้านชา Specialy ที่ตลาด
00:00:49 → 00:00:51 ภูมิมาคุยเรื่องชานมกันครับตอนนี้จะมี
00:00:51 → 00:00:54 ตั้งแต่การแบ่งประเภทชาคุยเรื่องวัฒนธรรม
00:00:54 → 00:00:57 ชานมตั้งแต่อดีตคุยเรื่องชาไทยชานมไข่มุก
00:00:57 → 00:00:59 แล้วก็ชามากมายในตลาด
00:00:59 → 00:01:01 รวมถึงวิธีการดื่มชานมยังไงที่ยังดีกับ
00:01:01 → 00:01:04 สุขภาพแต่ก็ยังมีความสุขกับการดื่มชานม
00:01:04 → 00:01:06 อยู่ทั้งหมดนี้อยู่ใน E Direction EP
00:01:06 → 00:01:07 นี้
00:01:07 → 00:01:10 [เพลง]
00:01:10 → 00:01:13 ครับ Eat Direction คุยกับคนในวงการ
00:01:13 → 00:01:19 อาหารว่าเราควรกินอะไรถึงจะ
00:01:19 → 00:01:24 ดีคือตอนเนี้เวลาจะสั่งเข้าไปใน delivery
00:01:24 → 00:01:27 ในแอป Delivy เนี่ยเข้าไปร้านชาเนี่ยจะ
00:01:27 → 00:01:30 เจอชื่อชาเยอะมากเลยครับดีมันจะมีตั้งแต่
00:01:30 → 00:01:35 อะไรอ่ะมีแบบชาจัสมินชาคาิเลียชาผลไม้
00:01:35 → 00:01:37 ต่างๆเนาะมีองุ่นมีพีชมีอะไรอย่างเงี้ยชา
00:01:38 → 00:01:41 แดงชาไทยชาใต้ชาซีรอนหอมมึนเต็มไปหมดเลย
00:01:41 → 00:01:44 ค่ะมันงงฮะว่าชาแต่ละอันน่ะมันคืออะไร
00:01:44 → 00:01:47 บ้างจริงๆแล้วมันมีการแบ่งประเภทชาที่แบบ
00:01:47 → 00:01:49 เราจะเข้าใจมันง่ายๆมั้ครับอค่ะงั้นอาจจะ
00:01:49 → 00:01:52 ขอเปิดเป็น 101 ให้คิดว่าง่ายๆก่อนแล้ว
00:01:52 → 00:01:54 กันค่ะเวลาแบบไปสั่งอะไรพวกนี้เพราะว่า
00:01:55 → 00:01:56 จริงๆแล้วองค์ประกอบที่เวลาเราเห็นในชื่อ
00:01:56 → 00:01:59 อ่ะค่ะมันจะมีทั้งประเภทชาแล้วก็กลิ่นชา
00:01:59 → 00:02:01 ที่มันโชว์มาด้วยงั้นขอเล่าคร่าวๆก่อน
00:02:01 → 00:02:04 แล้วกันว่าใบชาที่มีคาเฟอีนที่ปกติเรา
00:02:04 → 00:02:06 เอ่อกินกันอยู่ทุกวันเนี้ยค่ะมันจะมีแบ่ง
00:02:06 → 00:02:08 ออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกันก็คือกลุ่มเรียก
00:02:08 → 00:02:11 ง่ายๆว่ากลุ่มชาจีนกับกลุ่มชาสัมชาจีนก็
00:02:11 → 00:02:13 จะเป็นชาใบเล็กเราก็จะเห็นมากในพวกกลุ่ม
00:02:13 → 00:02:16 ชาจีนจริงๆชาไต้หวันเอ่อดาจิลิ่งของ
00:02:16 → 00:02:19 อินเดียอย่าเงี้ยค่ะก็เป็นกลุ่มชาจีนแล้ว
00:02:19 → 00:02:21 ก็ถ้าเป็นกลุ่มอสัมเนี่ยจะเป็นกลุ่มใบชา
00:02:21 → 00:02:24 ใบใหญ่ที่เราเห็นแบบในพวกชาภูเอ๋อหรือว่า
00:02:24 → 00:02:27 ชาอสัมของอินเดียหรือว่าเป็นพวกกลุ่มชา
00:02:27 → 00:02:30 ตามเมยังของทางเหนือของไทยอ่ะค่ะอันเนี้
00:02:30 → 00:02:32 ก็เป็นกลุ่มชาอสัเหมือนกันทั้งคู่อ่ะจะ
00:02:32 → 00:02:34 เป็นชายที่เอามาทำทั้งคู่เป็นเป็นชื่อสาย
00:02:34 → 00:02:37 พันธุ์ชายใหญ่ๆแบ่งด้วยต้นมันสายชสายสาย
00:02:37 → 00:02:40 พันธมันถูกมั้ใช่ค่ะก็จะเป็นเอ่อ synesis
00:02:40 → 00:02:42 synesis อันนี้เป็นกลุ่มชาจีนจะเป็นใบ
00:02:42 → 00:02:45 เล็กๆพุ่มเตี้ยไม่ค่อยสูงเท่าไหร่แต่ว่า
00:02:45 → 00:02:48 ถ้าเป็น Sinesisemica ก็คือสาก็จะเห็นว่า
00:02:48 → 00:02:50 โอหแบบต้นใหญ่ๆชาป่าชาออร์แกนิคที่
00:02:50 → 00:02:53 เชียงรายอะไรแบบเนี้ยค่ะหรือว่าพงศาลีที่
00:02:53 → 00:02:55 ลาวแบบเนี้ยจะเป็นอสัคือ 2 อย่างเนี้ยถ้า
00:02:55 → 00:02:57 สมมุติว่าที่จีนเนี่ยก็กินทั้ง 2 แบบกิน
00:02:57 → 00:03:00 ทั้ง 2 แบบคือเป็นเทสที่มันต่างกันคือรส
00:03:00 → 00:03:02 ชาติอ่ะค่ะก็จะต่างคาเฟอีนก็จะต่างถ้ายัง
00:03:02 → 00:03:05 เป็นชาอสัอ่ะรสมันจะมันจะมีความหนักกว่า
00:03:06 → 00:03:08 ด้วยตัวเนเจอร์ของมันเลยอ่ะค่ะแล้วก็เอ่อ
00:03:08 → 00:03:11 จะมีคาเฟอีนที่สูงกว่าอออืออ่าฮะทีนี้ไอ้
00:03:11 → 00:03:15 ชาต้นๆนึงอ่ะค่ะเราอ่ะสามารถใช้ process
00:03:15 → 00:03:17 ในการผลิตชามาได้หลายแบบอย่างที่เราคุ้น
00:03:17 → 00:03:20 หูกันจะเป็นเรียกตามสีเนาะแบบชาขาวชาแดง
00:03:20 → 00:03:23 ชาเขียวอ่าใช่ชาเหลืองแต่ชาเหลืองเนี่ยหา
00:03:23 → 00:03:25 ยากส่วนมากจะเฉพาะในจีนค่ะแล้วก็จะมี
00:03:25 → 00:03:28 อุหลงชาแดงแดงแต่ชาแดงอันเนี้ยเป็นการ
00:03:28 → 00:03:31 แบ่งแบบทางจีนทางไต้หวันทางญี่ปุ่นถ้า
00:03:31 → 00:03:33 เป็นฝรั่งเขาจะเรียกว่า Black Te ก็คือ
00:03:33 → 00:03:35 แบบตัวเดียวกันอ่าใช่ฝรั่งจะเรียกชาดำคน
00:03:35 → 00:03:37 ไทยก็จะมีความสับสนเอ๊ะชาดำกับชาแดงแต่
00:03:37 → 00:03:39 เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังค่ะแล้วก็ตัวสุดท้าย
00:03:39 → 00:03:42 อ่ะเป็นชาดำหมักทั้งหมดเนี้ยมันแบ่งตาม
00:03:42 → 00:03:44 เอ่อกระบวนการเา้าเรียกว่าสารเคมีในใบช้า
00:03:44 → 00:03:46 ที่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนก็คือที่จะขอ
00:03:46 → 00:03:49 เรียกว่าออกซิเดชแล้วกันคือเราลองนึกสภาพ
00:03:49 → 00:03:52 ว่าเราเด็ดอ่าทำคะน้าก็ได้ค่ะเด็ดคะน้า
00:03:52 → 00:03:54 ออกมาแล้วตั้งทิ้งไว้สักพักมันจะยมๆแบบ
00:03:54 → 00:03:56 เปลี่ยนสีใช่มั้คะอันนี้คือการทำปฏิเก
00:03:56 → 00:03:58 เกียร์กับออกซิเจนในธรรมชาติแต่ถ้าเราเอา
00:03:58 → 00:04:01 คนาที่เด็ดมาใหม่ๆแล้วไปผัดเลยอ่ะด้วย
00:04:01 → 00:04:03 ความร้อนสูงๆอ่ะน้องเฮาเจนเขียวอยู่
00:04:03 → 00:04:05 อันเนี้ยก็คือเหมือนกันเป็นการใช้ความ
00:04:05 → 00:04:08 ร้อนในการหยุด process ของสารเคมีในใบชา
00:04:08 → 00:04:10 ที่ทำปฏิกิยากออกซิเจนถ้าอย่างเป็นชา
00:04:10 → 00:04:13 เขียวอ่ะก็คือพอเด็ดไปชามาปุ๊บถ้าเป็น
00:04:13 → 00:04:15 ญี่ปุ่นสายญี่ปุ่นเขาจะไปนึ่งให้ชามัน
00:04:15 → 00:04:17 เขียวอยู่เป็นกลิ่นเขียวๆเหมือนผัดพน้า
00:04:17 → 00:04:19 นั่นแหละเออใช่แต่ว่าถ้าอย่างจีนนะคะนึ่ง
00:04:19 → 00:04:21 ก็ยังมีอยู่แต่เป็นกรรมวิธีโบราณหลังๆเขา
00:04:21 → 00:04:23 จะเริ่มเป็นพวกผัดคั่วอะไรอย่าเงี้ยอย่าง
00:04:23 → 00:04:25 หลงจริงอะไรเงี้ยก็จะเป็นแบบเขียวเอามา
00:04:25 → 00:04:27 ผัดอืออแต่ว่าถ้าเกิดว่าอย่างที่บอกว่า
00:04:27 → 00:04:30 เด็ดคน้ามาแล้วเอาไปตากแดดให้แห้งอันเนี้
00:04:30 → 00:04:32 เป็นชาขาวเป็นกรรมวิธี process โบราณคือ
00:04:32 → 00:04:34 คนเราเด็ดใบไม้มาปุ๊บก็มาตากแห้งอันนี้ชา
00:04:34 → 00:04:37 ขาวได้ชาขาวก็คือจะมีเลขออกซิเดชที่มาก
00:04:37 → 00:04:40 กว่าชาเขียวแล้วก็ถ้าอย่างเดี๋ยวชาหลิงจะ
00:04:40 → 00:04:43 สิปแล้วกันเพราะว่ามันหาน้อยมากๆจริงๆค่ะ
00:04:43 → 00:04:45 แล้วอย่างอู่หลงที่คนไทยฮิตเอ่อคนไทย
00:04:45 → 00:04:47 เชื้อใสจีนฮิตฮิกันเนี่ยจริงๆแล้วมันไม่
00:04:47 → 00:04:50 ได้เป็นชาที่คนจีนนิยมมากสุดคนจีนนิยมชา
00:04:50 → 00:04:53 เขียวมากกว่าเพียงแต่ว่าคนไทยเชื้อใส่จีน
00:04:53 → 00:04:55 น่ะคนจีนกลุ่มนั้นที่อพยพมาเป็นกลุ่มที่
00:04:55 → 00:04:57 กินชาอูหลงเป็นเมนกระแสหลักแต่อูหลงมันก็
00:04:57 → 00:05:01 ไม่ได้ดูเป็นเรียกจากสีนะอูหลงจริงๆมันมา
00:05:01 → 00:05:03 จากสีค่ะอูตัวนี้แปลว่าสีดำเหลืออม
00:05:03 → 00:05:06 น้ำเงินอ๋อก็คือเป็น 1 สีใช่แต่ว่าบางที่
00:05:06 → 00:05:09 อ่ะเขาก็จะเรียกว่าชิงฉาที่แปลว่าเขียว
00:05:09 → 00:05:12 เหมือนกันคือมันเป็นชาที่อยู่กึ่งแล้วแบบ
00:05:12 → 00:05:14 ชะเขียวไปชาแดงคือเขาจะเอามาหมักนิดนึง
00:05:14 → 00:05:17 คือถ้าเราเห็นใบชาอู่หลงจริงๆอ่ะที่ยัง
00:05:17 → 00:05:20 ไม่ได้ผ่านการขั้วแต่เป็นอู่หลงแล้วค่ะ
00:05:20 → 00:05:22 มันจะเป็นใบชาสีออกเขียวแล้วตรงขอบมันน่ะ
00:05:22 → 00:05:25 จะเป็นสีม่วงๆหรือเวลาชงเสร็จก็ได้ค่ะดู
00:05:25 → 00:05:28 ที่ใบชามันจะเป็นขอบม่วงๆก็คือเอ่อขอบที่
00:05:28 → 00:05:30 เรียกว่าเหมือนเป็นการออกซิไซขอบข้างนอก
00:05:30 → 00:05:32 เนี่ยจะแบบประมาณผู้อประมาณนึงส่วนมากก็
00:05:32 → 00:05:36 จะไม่เกิน 60% แต่ทีนี้ถ้าเกิดว่าขยับไป
00:05:36 → 00:05:39 มากอีกออกซีไidเกือบทั้งหมดจนถึงเกือบ 100
00:05:39 → 00:05:41 เงี้ยก็จะเป็นกลุ่มชาแดงรสมันก็จะจัดขึ้น
00:05:41 → 00:05:44 มีความสุขมากขึ้นอะไรประมาณนั้นแล้วก็พอ
00:05:44 → 00:05:46 หมด process ชาแดงปุ๊บมันก็จะมีชายอีก
00:05:46 → 00:05:49 กลุ่มนึงที่เอาชาที่ฟูิอกซidไดแล้วอ่ะไป
00:05:49 → 00:05:52 ใส่พวกจุลินทรีย์อ่ะค่ะเชื้อราบ้าง
00:05:52 → 00:05:54 แบคทีเรียบ้างเพื่อไปทำการหมักต่อกลุ่มเ
00:05:54 → 00:05:58 ก็คือชาดำหมักซึ่งเราจะเจอในเอ่อภูเอ๋สุข
00:05:58 → 00:06:01 หรือว่าชากลุ่มแบบกลุ่มชาโบราณชิงจ้วน
00:06:01 → 00:06:03 อะไรเงี้ยที่เขาอัดกอดเออเป็นชาที่เรียก
00:06:03 → 00:06:06 ว่ายิ่งเก็บนานยิ่งดีอะไรประมาณนี้แต่มัน
00:06:06 → 00:06:08 จะมีกลิ่นคล้ายๆกับกลิ่นของหมักอ่ะค่ะ
00:06:08 → 00:06:11 กลิ่นเหมือนหนังถ้าบางคนเป็นคนชอบน้ำหอม
00:06:11 → 00:06:13 กลิ่นโทนหนังโทนเอิร์ทอะไรก็จะชอบชัก
00:06:13 → 00:06:16 กลุ่มนี้คือเคยชิมเหมือนกันมันก็จะมีความ
00:06:16 → 00:06:19 แบบดินๆนิดๆใช่ๆคืออันนั้นหมักนานใช่แต่
00:06:19 → 00:06:22 ว่าถ้าเก็บไปนานๆอ่ะค่ะกลิ่นมันก็จะเบาลง
00:06:22 → 00:06:25 แล้วก็จะมีการพัฒนาอย่างบางบางตัวจะได้
00:06:25 → 00:06:28 กลิ่นเป็นเหมือนกลิ่นพุซาอก็มีอะไรแบบนี้
00:06:28 → 00:06:31 หรือว่าถ้าใครไม่ชอบกลิ่นแบบเนี้ยก็จะแนะ
00:06:31 → 00:06:33 นำว่าไม่ต้องไปชงน้ำร้อนให้ไปต้มการต้ม
00:06:33 → 00:06:35 มันจะช่วยลดกลิ่นแบบนี้ลงแล้วต้องล้างน้ำ
00:06:35 → 00:06:38 ออกป่ะไม่ต้องก็คือเอาไปต้มเฉยๆเลยกลิ่น
00:06:38 → 00:06:40 มันหายไปเพราะอะไรก็ความร้อนอะไรอย่าง
00:06:40 → 00:06:42 เงี้ยแล้วกลิ่นพวกมันคงเป็นพวกสารระเหย
00:06:42 → 00:06:44 อะไรเงี้ยค่ะก็ออกอตอนนี้เรามี process
00:06:44 → 00:06:47 เรื่องออกซิไดizมันแล้วก็เอาไปหมักต่อใช่
00:06:47 → 00:06:49 ค่ะทีนี้ก็จะได้เป็นกลุ่มที่เราเห็นว่าชา
00:06:49 → 00:06:52 เขียวชาแดงแหละใช่มทีนี้มันก็มี process
00:06:52 → 00:06:54 ในการเพิ่มรสชาติอีกสมมุติว่าได้มาเป็นชา
00:06:54 → 00:06:56 อุหลงชาอุหลงเนี่ยโดยตัวเบสเดิมอ่ะเนี่ย
00:06:56 → 00:06:59 ถ้าหมักนานหน่อยบางตัวมันจะได้กลิ่นนมอ่ะ
00:06:59 → 00:07:01 ค่ะแล้วถ้าเราเอาไปคั่วด้วยไฟต่ออ่ะ
00:07:01 → 00:07:03 อารมณ์เหมือนโฮสติชาเอาชาเขียวมาคั่วใช่
00:07:03 → 00:07:05 มั้คะอันนี้ก็จะเป็นอู่หลงออกมาคั่วกลิ่น
00:07:05 → 00:07:08 มันก็จะนมขึ้นไปอีกอ่าเป็นการปรับปรับ
00:07:08 → 00:07:11 กลิ่นปรับรสหรืออย่างบางคนบอกว่าเอ้ยชา
00:07:11 → 00:07:13 ที่ได้มาคุณภาพตัวชาจริงๆทั้งกรรมวิธี
00:07:13 → 00:07:16 ทั้งใบชาอาจจะดีไม่มากพอเขาก็ไปอบดอกไม้
00:07:16 → 00:07:18 เพิ่มอันเนี้ยก็จะได้เป็นกลิ่นดอกไม้เช่น
00:07:18 → 00:07:21 กลิ่นดอกดอกชากลิ่นดอกคาเมเลียกลิ่นเอ่อ
00:07:21 → 00:07:24 มะลิอกลิ่นกุหลาบอะไรเงี้ยค่ะแต่ทีนี้การ
00:07:24 → 00:07:27 แต่งกลิ่นน่ะมันก็มีหลายแบบส่วนมากมันจะ
00:07:27 → 00:07:29 มีแต่งแบบธรรมชาติก็คืออาจจะเป็นดอกไม้สด
00:07:29 → 00:07:32 หรือดอกไม้แห้งเอามาเบนกับชาอย่างวิธีอบ
00:07:32 → 00:07:35 ดอกไม้สดเนี่ยมันก็จะมีว่าระหว่างการทำชา
00:07:35 → 00:07:38 เอาดอกไม้สดมาวางเลยนะอฮแล้วก็พอผ่านไป
00:07:38 → 00:07:40 คืนนึงมะลิจะบานแล้วร่อนมะลิออกแล้วก็
00:07:40 → 00:07:41 เปลี่ยนใหม่อย่างเงี้ยเ้าเรียกวิธีซุ่นก็
00:07:41 → 00:07:44 คือทำแบบโอ 7-8 วันจนชาติดกลิ่นมันจะเป็น
00:07:44 → 00:07:46 กลิ่นแบบดอกไม้สดๆอ่ะค่ะอ๋อก็คือใช้ดอก
00:07:46 → 00:07:48 ใช้กลิ่นดอกไม้จริงๆเปลี่ยนไปทุกวันใช่
00:07:48 → 00:07:50 แต่ว่าใช่แต่ว่าถ้าเป็นเบนดอกไม้แห้งอ่ะ
00:07:50 → 00:07:53 ดอกไม้ที่ได้มันก็จะเป็นกลิ่นแห้งๆนิดนึง
00:07:53 → 00:07:58 อที่เวลาเราเห็นพวกชาฝรั่งทำคือเขาจะกับ
00:07:58 → 00:08:01 oil อย่างชาแบบชาฝรั่งเศสแบรนด์ดังๆชา
00:08:01 → 00:08:04 อังกฤษแบรนด์ดังๆเขาก็จะนิยมเอาน้ำมันหอม
00:08:04 → 00:08:06 ระเหยอ่ะค่ะมาเบนกลิ่นมันจะมีความชัดกว่า
00:08:06 → 00:08:09 โดนเป็นน้ำมันที่สกัดมาจากดอกไม้ทีใช่ใช่
00:08:09 → 00:08:11 ค่ะแล้วก็จะมีอีกประเภทนึงก็อันนี้ก็จะ
00:08:11 → 00:08:13 เป็นแบบประเภทแต่งกลิ่นไปเลยเป็นกลิ่น
00:08:13 → 00:08:15 สังเคราะห์อะไรอย่างเงี้ยค่ะก็จะให้ความ
00:08:15 → 00:08:18 ชัดก็คืออันเนี้ยเลือกตามที่ชอบมันไม่มี
00:08:18 → 00:08:20 ข้อผิดข้อถูกเพราะว่าบางคนน่ะชอบกลิ่นเบา
00:08:20 → 00:08:23 ๆแบบกินแล้วสดชื่นลื่นแบบดอกไม้สโสดบางคน
00:08:23 → 00:08:25 ชอบกลิ่นแบบอืใส่น้ำแข็งชงแล้วกลิ่นตี
00:08:25 → 00:08:27 หน้าเลยอะไรเงี้ยก็จะแนะนำไปทางกลุ่ม
00:08:27 → 00:08:29 Essential Oil แล้วก็พวกแต่งกลิ่น
00:08:29 → 00:08:34 สังเคราะหค่ะ
00:08:34 → 00:08:36 การแต่งกลิ่นนะครับส่วนใหญ่เขาก็จะใช้
00:08:36 → 00:08:39 process ชาจากเอ่อขั้นสีไหนนะครับถ้า
00:08:39 → 00:08:42 เป็นชามะลิส่วนมากนะคะจะเป็นชาเขียวเพราะ
00:08:42 → 00:08:44 ว่าไปกันได้ดีเออมันส่วนใหญ่จะเห็นเสิร์ช
00:08:44 → 00:08:48 เข้าไปชาเขียวเขียวใช่แล้วก็หอหมื่นลี้
00:08:48 → 00:08:50 เนี่ยจะนิยมที่อู่หลงกับชาแดงแต่ส่วนมาก
00:08:50 → 00:08:52 จะเป็นอู่หลงมากกว่าหอหมื่นนี้คือชื่อของ
00:08:52 → 00:08:55 ดอกดอกไม้ใช่ค่ะคนจีเรียกว่ากล้วยควา
00:08:55 → 00:08:57 ฝรั่งเรียกว่าออทามนทัที่เอาไปทำน้ำหอม
00:08:57 → 00:08:59 มันจะเป็นกลุ่มดอกสารพีไม่น่าจะสารพี
00:08:59 → 00:09:01 ฝรั่งรือเปล่าที่เป็นดอกเล็กๆอ่ะค่ะกลิ่น
00:09:01 → 00:09:06 จะโทนไปทางพีชออืเขาก็จะกลิ่นมันหอมชัด
00:09:06 → 00:09:08 มากค่ะเขาก็เลยจะนิยมเอามาเบนกับพวกเอ่อ
00:09:08 → 00:09:11 อุหลงบ้างอย่างในไทยก็จะนิยมทำกับอุโหลง
00:09:11 → 00:09:14 อืค่ะแล้วก็มีพวกชาแดงบ้างนิดหน่อยก็คือ
00:09:14 → 00:09:17 จะแล้วแต่ว่าอันไหนเหมาะกับอะไรจริงๆเค้า
00:09:17 → 00:09:21 ใช้ทุกสีมาทำเป็นทุกสีทำได้ค่ะแต่ว่าอัน
00:09:21 → 00:09:23 ไหนมันจะแมแมสชในตลาดไหนมากกว่าแบบหินๆ
00:09:23 → 00:09:25 มากกว่าอะไรเงี้ยอย่างกุหลาบอ่ะก็จะนิยม
00:09:25 → 00:09:29 ไปแมทชคู่กับชาแดงออือเพราะว่าเอ่อโทรรถ
00:09:29 → 00:09:30 บางทีมันจะเป็นแบบกุหลาบกุหลาบลิ้นจี่
00:09:30 → 00:09:32 ลิ้นจี่อะไรอย่างเงี้ยมันจะเสริมกันไปกัน
00:09:32 → 00:09:35 ได้ดีแล้วก็มีความจัดประมาณนั้นอถ้าเมื่อ
00:09:35 → 00:09:37 กี้ฟังจากดีแล้วเราก็จะแบบเจอว่ามันมี
00:09:37 → 00:09:40 เรื่องของเอ่อการ process ออกซิidizชา
00:09:40 → 00:09:42 เนาะอันนั้นคือแบ่งประเภทอย่างนึงขั้นตอน
00:09:42 → 00:09:46 ที่ 2 คือเอาไปหมักใช่อ่ะจริงๆหมักอ่ะมัน
00:09:46 → 00:09:49 ถูกเรียงไปอยู่ใน process เวลาเขาพูดถึง
00:09:49 → 00:09:51 จะชอบอยู่ในพวกกลุ่มออกซีไดเลยออยู่แล้ว
00:09:51 → 00:09:53 ใช่ๆก็คือแบบ fully oอกidizแล้วก็แบบไป
00:09:53 → 00:09:55 pofmented เสร็จแล้วหลังจากนั้นน่ะก็จะ
00:09:55 → 00:09:58 เป็น process ที่ว่าอาจจะเอาไปคั่วเอาไป
00:09:58 → 00:10:01 อบเอาไปผักคือชาแบบนี้คือเรียกว่าเป็นชา
00:10:01 → 00:10:04 ใบส่วนอีกอันที่ 2 ก็คือชาที่เป็นแต่ง
00:10:04 → 00:10:07 กลิ่นละใช่ก็คือหลังจากนั้นเราก็เอาชาที่
00:10:07 → 00:10:08 ได้มาเนี่ยมาแต่งกลิ่นอแปลว่าถ้าพี่ถาม
00:10:08 → 00:10:12 ว่าชาคาเลียคืออะไรพี่ก็จะตอบว่าต้องดู
00:10:12 → 00:10:14 ก่อนว่าอ่ะมันเป็นชาอะไรที่ร้านเอาจจะ
00:10:14 → 00:10:15 เขียน description ข้างล่างเป็น reda
00:10:15 → 00:10:17 back แล้วก็ with ดอกไม้อะไรประมาณแต่
00:10:17 → 00:10:22 มันคือชาเวเวอรชาแต่งกินใช่ๆนอกจากนั้นก็
00:10:22 → 00:10:25 จะเป็นเรื่องชาที่อย่างชพวกชาพีชอย่าง
00:10:25 → 00:10:29 เงี้ยมันก็คือชาจริงๆที่เอาไปอบพีชอมีมี
00:10:29 → 00:10:31 หลายกลุ่มเหมือนกันค่ะมีทั้งกลุ่มที่อบ
00:10:31 → 00:10:35 กับพีชจริงๆอกับกลุ่มที่แต่งกลิ่นแต่ว่า
00:10:35 → 00:10:36 อันนี้ก็ต้องพูดตามตรงว่าส่วนมากพอมัน
00:10:36 → 00:10:39 เป็นชายเย็นที่ใส่น้ำแข็งอ่ะค่ะมันก็จะไป
00:10:39 → 00:10:42 ทนในกลุ่มแต่งกลิ่นสมัครก่อนอแต่พี่พี่
00:10:42 → 00:10:45 เคยแบบก็ไม่รู้เรื่องชาขนาดที่แบบว่าชา
00:10:45 → 00:10:48 พีชชาองุ่นก็อาจจะเป็นองุ่นตากแห้งหรือ
00:10:48 → 00:10:50 พีชตากแห้งอะไรอย่างเงี้ยแล้วเอาไปทำเป็น
00:10:50 → 00:10:52 ชาอะไรอย่างเงี้ยมีค่ะก็ถ้าถามว่ามีมั้ย
00:10:52 → 00:10:54 มันก็มีแต่ว่าอันนี้ก็พูดตามตรงว่าในเชิง
00:10:54 → 00:10:56 แบบพาณิชย์ที่เขามาทำทั่วไปไม่ได้ 100%
00:10:56 → 00:10:59 แต่ว่าส่วนมากอ่ะก็จะเป็นเอ่อกลุ่มแต่ง
00:10:59 → 00:11:02 กลิ่นเพราะว่าพอชามันมาโชงแล้วใส่น้ำแข็ง
00:11:02 → 00:11:04 อ่ะค่ะมันจะมีการเจือจางมีการระเหยของ
00:11:04 → 00:11:06 กลิ่นอะไรเยอะแยะเลยมันก็มันก็ต้องใช้
00:11:06 → 00:11:08 กลิ่นที่มันชัดๆมากๆนิดนึงอะไรอย่างเงี้ย
00:11:08 → 00:11:11 อโอเคแล้วมันพอเมื่อกี้มันมีเรื่องนี้
00:11:11 → 00:11:13 แล้วมันอีกอันนึงคือที่สงสัยก็คือพวกชา
00:11:13 → 00:11:16 ไทยชาใต้ชาอะไรเนี่ยมันจัดอยู่ในหมวดไหน
00:11:16 → 00:11:19 อ๋อถ้ากลุ่มพวกชาไทยชาใต้อะไรอย่างเงี้ย
00:11:19 → 00:11:22 ค่ะหรือว่าชาพม่าจะอยู่ในกลุ่มหมดส่วนมาก
00:11:22 → 00:11:23 จะอยู่ในกลุ่มหมวดที่เราเรียกว่าชาแดงแต่
00:11:23 → 00:11:26 ว่าด้วยความที่อิทธิพลของชาพวกเนี้ยตอน
00:11:26 → 00:11:28 เข้ามาอยู่ในไทยอ่ะค่ะเราอาจจะถูกมองผ่าน
00:11:28 → 00:11:30 ทางฝรั่งอีกทีนึงเราก็เลยจะเรียกเป็น
00:11:30 → 00:11:32 Black Te แล้วก็จะเป็นชาดำเราก็เลยจะ
00:11:32 → 00:11:34 ได้ยินว่าเวลาแบบกินชาไทยเงี้ยเดี๋ยวก็ชา
00:11:34 → 00:11:37 แดงเดี๋ก็ชาดำอ่าเพราะว่าเพราะว่าคนจีน
00:11:37 → 00:11:39 น่ะเรียกว่าชาแดงแต่ว่าฝรั่งอ่ะเรียกว่า
00:11:39 → 00:11:43 ชาดำอือืแต่จริงๆมันคือชาที่ออกซิไซจน
00:11:43 → 00:11:45 เป็นสีแดงแล้วอมันเป็นกลุ่มเดียวกันใช่
00:11:45 → 00:11:47 มันคืออันเดียวกันแต่ว่าชื่อเรียกไม่
00:11:47 → 00:11:48 เหมือนกันเวestจะเรียกว่า Black T แต่
00:11:48 → 00:11:55 ว่าเอ่อถ้าไปทางฝันเจะเรียกคงชาชาแดงอื
00:11:55 → 00:11:59 เท่าที่พี่เข้าใจมันจะมีชาที่เราชงน้ำกับ
00:11:59 → 00:12:03 ชาที่เรากินทั้งใบเหมือนกันอันนั้นมันอาจ
00:12:03 → 00:12:05 จะแบบเป็นเรื่องของประเภทอีกแบบนึงใช่มั้
00:12:05 → 00:12:09 ฮะใช่ต้องบอกว่าถ้าพูดถ้าพูดย้อนกลับไป
00:12:09 → 00:12:12 เลยอ่ะคือการกินชาทั้งใบอ่ะมันเป็นการกิน
00:12:12 → 00:12:15 ชาไปที่โบราณโบราณมากๆคือก่อนก่อนที่เรา
00:12:16 → 00:12:18 จะมากินชาใบอ่ะคนจีนเองยุคที่กินชาบแบบ
00:12:18 → 00:12:21 แรกๆค่ะเค้าเอาใบชาไปบดแล้วไอ้ใบชาใบบด
00:12:21 → 00:12:24 เนี้ยพระญี่ปุ่นก็เข้ามาเห็นแล้วก็เอาใบ
00:12:24 → 00:12:26 ญี่ปุ่นก็เลยไปมาชาพวกนี้ก็กินชาทั้งใบ
00:12:26 → 00:12:30 เลยเอาใบชามากินแต่ว่าพอหลังจากนั้นมาก็
00:12:30 → 00:12:33 จะมีการแบบผิดคนมันยากใช่มั้คะไปไหนต้อง
00:12:33 → 00:12:35 บดต้องกีอะไรเงี้อ่ะก็ทำเป็นแห้งๆชงเป็น
00:12:35 → 00:12:37 ชาเส้นอะไรเงี้ยมันก็เลยมีการกินใบช้า
00:12:37 → 00:12:40 ขึ้นมาซึ่งทั้งคู่อ่ะถ้าเอามาทำชานมอ่ะ
00:12:40 → 00:12:42 ค่ะมันก็จะได้ความต่างกันเพราะว่าอันนึง
00:12:42 → 00:12:44 มันคือการสกัดน้ำชาออกมามันจะมีความเบา
00:12:44 → 00:12:47 กว่าบอดี้หน่อยกว่าแล้วก็คาเฟอีนต่ำกว่า
00:12:47 → 00:12:49 ด้วยอือขณะที่กินชาทั้งใบเนี่ยอันนี้ก็จะ
00:12:49 → 00:12:53 ได้ความเเรียกว่าเอ่อความเข้มข้นแล้วก็
00:12:53 → 00:12:54 กลิ่นหรืออะไรอย่าเงี้ยที่ค่อนข้างชัด
00:12:55 → 00:12:57 เพราะว่าเขามาทั้งใบเลยบอดี้คาเฟอีนอะไร
00:12:57 → 00:12:59 มันเยอะกว่าด้วยเปล่าถ้าเทียบในหมวดเดียว
00:12:59 → 00:13:01 กันสมมุติว่าชาเขียวกับชาเขียวอ่ะมัฉาจะ
00:13:01 → 00:13:03 เยอะกว่าเพราะว่าเรากินทั้งใบใช่ตอนนั้น
00:13:03 → 00:13:06 ก็คือเรากินน้ำออกมาแต่ว่าคาเฟอีน่ะมัน
00:13:06 → 00:13:09 ขึ้นอยู่กับพันธุชาชิ้นส่วนของชาเช่น
00:13:09 → 00:13:11 สมมุติว่าเอ่อเรากินชาเขียวเหมือนกันแต่
00:13:11 → 00:13:13 เรากินก้านอย่างเงี้ยมันก็จะคาเฟอีน้อย
00:13:13 → 00:13:16 กว่ากินยอดอ่อนแล้วก็อย่างที่บอกค่ะใบก็
00:13:16 → 00:13:18 คือกินทั้งใบการกินทั้งไปมันมีมาก่อนการ
00:13:18 → 00:13:22 ต้มน้ำใช่ค่ะถ้ากินเป็นแบบกระแสหลักคือ
00:13:22 → 00:13:25 ถ้าแบบอย่างช่วงยุคแบบราชวงศ์ส้มเงี้ยจะ
00:13:25 → 00:13:28 มีพิธีชงชาที่เหมือนพระชาเลยคะเอาชามาแต่
00:13:28 → 00:13:30 ว่าเขาจะไปปิ๊งๆนิดนึงเสร็จแล้วก็มาบดๆ
00:13:30 → 00:13:32 แล้วก็ตีให้ขึ้นฟองอย่างเงี้ยแล้วไม่
00:13:32 → 00:13:35 จำเป็นต้องเป็นชาเขียวเท่านั้นด้วยใช่มั้
00:13:35 → 00:13:38 ต้องบอกว่าชายุคแรกๆอ่ะที่มันเกิดขึ้นน่ะ
00:13:38 → 00:13:40 ค่ะมันจะเป็นชาเขียวกับชาดำหมักอือคือจะ
00:13:40 → 00:13:43 ไม่มีอู่ไม่มีชาแดงพวกนี้เป็นชาที่เรียก
00:13:43 → 00:13:46 ว่าค่อนข้างเกิดใหม่อือๆแต่ก็คือไม่ได้
00:13:46 → 00:13:49 ใหม่มากนะคือแกใช่ๆค่ะแต่ว่าคือค่อนข้าง
00:13:49 → 00:13:51 แบบว่าเป็นชากลุ่มแรกๆคือชาเขียวเงี้ยมัน
00:13:51 → 00:13:53 จะเป็นชาที่เกิดขึ้นมาก็เลยเราก็เลยเห็น
00:13:53 → 00:13:55 ว่าเอ้ยญี่ปุ่นที่เขากินเยอะเขาจะกินเป็น
00:13:55 → 00:13:57 ชาเขียวเงี้ยเพราะว่าเขารับไปแบบมันมีการ
00:13:57 → 00:14:00 แบบfreีซing culture อะไรประมาณนี้ออโอเค
00:14:00 → 00:14:02 แปว่าแต่ตอนนี้เราน่าจะคุยกันเรื่องเอ่อ
00:14:02 → 00:14:05 ชาที่เป็นชาใบเนาะชามัฉะมันน่าจะเป็นอีก
00:14:05 → 00:14:06 เรื่องนึง
00:14:06 → 00:14:12 เลยอีกจักรวาลนึง
00:14:12 → 00:14:15 ทีนี้อยากรู้เรื่องชานมเป็นหลักเลยชาพวก
00:14:15 → 00:14:15 เนี้ย
00:14:15 → 00:14:19 นิยมเอาแบบไหนมาใช้เป็นทำชานมฮะถ้าเป็นชา
00:14:19 → 00:14:22 นมที่เป็นเมนกระแสหลากที่คนทั่วไปนึกถึง
00:14:22 → 00:14:23 รวมถึงแบบเวลานึกถึงชาไทยชาใต้อะไรเงี้ย
00:14:24 → 00:14:26 ก็จะเป็นชาแดงค่ะอือ Black T เนาะอ่า
00:14:26 → 00:14:28 Black G แล้วก็อีกอันนึงก็จะมีอ่าที่พอ
00:14:28 → 00:14:30 ทำได้เยอะหน่อยก็จะเป็นอู่หลงเพราะว่า
00:14:30 → 00:14:32 กลิ่นมันไปกันได้คือกลิ่นอู่หลงมันมีความ
00:14:32 → 00:14:34 นมอยู่แล้วอ่ะเวลายิ่งเอาไปคั่วไฟมันจะ
00:14:34 → 00:14:37 ยิ่งนมเก็เลยนิยมเอามาทำเป็นชานมอืมัน
00:14:37 → 00:14:39 เพราะว่าอะไรมันถึงแบบเลือกชา 2 ประเภท
00:14:39 → 00:14:43 นี้มาแล้วอันนี้มุมมองส่วนตัวนะคะคือส่วน
00:14:43 → 00:14:46 ตัวมองว่าอันดับแรกเลยอ่ะเพราะว่าเทสการ
00:14:46 → 00:14:49 กินตอนแรกของชานมที่เป็นชานมก่อนที่มา
00:14:49 → 00:14:51 เป็นชานมใส่น้ำแข็งอ่ะชานมในยุคใหม่ๆอ่ะ
00:14:51 → 00:14:54 มันมาโดยฝรั่งซึ่งเขาอ่ะนิยมกินชาแดงอ
00:14:54 → 00:14:57 แล้วพอใส่นมเราเราก็เลยมาแบบโลคalizเป็น
00:14:57 → 00:15:00 ชมแบบไซส์แก้วของเราอกับอีกอันนึงก็คือ
00:15:00 → 00:15:03 เอ่อกลุ่มแรกๆที่เอาจริงๆมีการติดต่อกับ
00:15:03 → 00:15:05 ฝรั่งมีการค้าขายซื้อใบชากันเนี่ยก็จะ
00:15:05 → 00:15:07 เป็นกลุ่มชาวจีนโฮกเกี้ยนชาวจีนกองตู้ม
00:15:07 → 00:15:09 ชาวจีนตาจิ๋วอะไรอย่างเงี้ยซึ่งกลุ่มคน
00:15:10 → 00:15:11 กลุ่มเนี้ยเขากินอู่หลงกันอยู่แล้วอ่ะค่ะ
00:15:12 → 00:15:14 ก็เลยแบบเอ้ยง่ายใกล้เอามาทำอะไรเงี้ยชา
00:15:14 → 00:15:18 นมงั้นงั้นถามย้อนไปเลยว่าแบบจริงๆแล้ว
00:15:18 → 00:15:20 ประวัติศาสตร์การมีชานมเนี่ยมันมันน่าจะ
00:15:20 → 00:15:22 เกิดขึ้นมาจากอะไรเข้าค่ะถ้าผิดยังไงฝาก
00:15:22 → 00:15:25 คอมเมนต์บอกด้วยค่ะเพราะว่าไม่ได้จบ
00:15:25 → 00:15:27 ประวัติศาสตร์ก็คือแรกๆเลยอ่ะค่ะเขาบอก
00:15:27 → 00:15:30 ว่าชานมยุคเก่าเลยอ่ะมันเป็นชานมเค็มแล้ว
00:15:30 → 00:15:32 ก็เกิดขึ้นในเอเชียนี่แหละคือเกิดขึ้นใน
00:15:32 → 00:15:36 ทิเบตต้องบอกว่าการกินชาในจีนยุคแรกๆเลย
00:15:36 → 00:15:39 อ่ะเ้าไม่ได้คือเขากินแบบปรุงรสแล้วก็
00:15:39 → 00:15:42 นิยมใส่เกลือด้วยแบบใส่เพื่อ 1 เกลือแพง
00:15:42 → 00:15:44 กินเพื่อแบบร่างกายเพื่อรสชาติอะไรเงี้ย
00:15:44 → 00:15:48 เป็นเทสของเขาอืทีนี้การกินช้าก็ฮิตกันมา
00:15:48 → 00:15:51 เรื่อยๆแล้วจนวันนึงมีองค์หญิงองค์นึง
00:15:51 → 00:15:53 แต่งงานไปอยู่ที่เบตแบบเชื่อมความ
00:15:53 → 00:15:56 สัมพันธ์กันแล้วคนทิเบตเขาก็นิยมกินนม
00:15:56 → 00:15:59 อยู่แล้วใช่มั้ยคะแล้วก็บางทีนมมันก็ย่อย
00:15:59 → 00:16:01 ยากอะไรยากทีนี้ก็อารมณ์แบบเจ้าหญิงเอาชา
00:16:01 → 00:16:04 มาด้วยเอ้ยเอามาลองชงเอามาต้มกันกินมั้ย
00:16:04 → 00:16:06 แล้วเก็บอกว่าชาในกลุ่มชาดำหมักอ่ะมันมี
00:16:07 → 00:16:10 พวกโปรไบโอติกอืมีแบบพีโพอะไรเงี้ยเป็น
00:16:10 → 00:16:12 ไมโครโบรมอะไรเขาบอกว่ามันทำให้การกินนม
00:16:12 → 00:16:15 ย่อยง่ายขึ้นอะไรขึ้นแล้วก็แบบเหมือนปรุง
00:16:15 → 00:16:17 รสชาติให้มันดีเขาก็เลยเอามาต้มมาทำเป็น
00:16:17 → 00:16:20 ขนมแล้วก็บางทีก็ใส่เนยใส่อะไรลงไปกินแบบ
00:16:20 → 00:16:23 เป็นของเค็มๆอ่ะเป็นร่องแถวที่เบสแถวที่
00:16:23 → 00:16:26 ออใช่แถวทิเบตแถวที่ยาก็จะมีร่องรอยการ
00:16:26 → 00:16:29 กินอันเนี้ยอยู่แล้วก็อย่างในอ่าอินเดีย
00:16:29 → 00:16:31 แถบแคชเมียร์ค่ะก็จะมีการกินเขาเรียกว่า
00:16:31 → 00:16:37 นูนใจเป็นเอาชามาต้มกับนมแล้วก็ใส่พวก
00:16:37 → 00:16:39 เอ่อแต่ก่อนมันจะเป็นเ้าเรียกว่าหินที่
00:16:39 → 00:16:41 เป็นด่างพวกอาจจะเป็นพวกแบบยิบซัม
00:16:41 → 00:16:43 อะไรอย่าเงี้ยถ้าจำผิดคอมเมนต์บอกนะคะไม่
00:16:43 → 00:16:45 แน่ใจเหมือนกันกลัวเนี่ยแต่ว่าเขาจะใส่
00:16:45 → 00:16:49 เกลือลงไปให้มันเค็มๆแล้วเอ่อตัวนมชานม
00:16:49 → 00:16:51 อ่ะค่ะพอมันโดนดักมันจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู
00:16:51 → 00:16:53 อันเนี้เรียกว่านูนใจก็จะมีร่องรอยการกิน
00:16:53 → 00:16:55 อันเนี้ยอยู่ในตามแถบอินเดียตอนแบบที่
00:16:55 → 00:16:58 อยู่ใกล้ๆหิมาแล้วก็ชาโนมพวกเนี้ยมันก็พอ
00:16:58 → 00:17:02 มันไปทางทิเบศใช่มั้คะมันก็มีการฟเอเชีย
00:17:02 → 00:17:04 กลางอะไรอย่างเงี้ยรวมไปถึงมองโกก็มีการ
00:17:04 → 00:17:05 กินชานมแบบนี้ด้วยเหมือนกันเเรียกว่าเป็น
00:17:05 → 00:17:09 ชานมยุคเก่าๆแบบยุคแบบอันนู้นเลยอืก่อน
00:17:09 → 00:17:12 ที่จะมีเป็นชานมฝรั่งเออก็จะแบ่งกันว่ามี
00:17:13 → 00:17:15 ชานมเอเซียฝรั่งใช่แต่ก็คืออันนี้มันก็
00:17:15 → 00:17:17 ไม่ได้เป็นเมนกระแสหลักอ่ะค่ะถ้าถามว่า
00:17:17 → 00:17:20 ทุกวันนี้มีให้กินมั้ยก็มีแต่ก็คือแบบใคร
00:17:20 → 00:17:22 มีโอกาสร้านอาหารทิเบตในไทยอย่างเงี้ยก็
00:17:22 → 00:17:25 มีให้ชิมหรือว่าใครมีโอกาสไปทิเบตมีโอกาส
00:17:25 → 00:17:28 ไปมองโกลหรือว่าไปจีนโซนที่มีชนกลุ่ม
00:17:28 → 00:17:31 ทิเบตอยู่ก็จะได้ชิมเหมือนกันมันจะแบบอ
00:17:31 → 00:17:35 ครีมๆมันๆแล้วก็เค็มๆดูมันต่างจากภาค
00:17:35 → 00:17:37 ปัจจุบันมากใช่ๆแต่ว่าเดี๋ยวนี้เก็มีการ
00:17:37 → 00:17:40 แบบโมเดอไลนนะแบบว่าปรุงให้มันมีรสหวานก็
00:17:40 → 00:17:42 มีมีแบบหลายรสให้เลือกแต่ถ้าอยากกินแบบ
00:17:42 → 00:17:45 จริงๆก็จะเค็มๆมันอิ่มถ้วยอิ่มจริงๆน่า
00:17:45 → 00:17:48 ลองนะแบบทำร้านชานมรสเค็มนี่แบบน่าจะแบบ
00:17:48 → 00:17:52 ถ้าไม่ขายดีก็เจ๊งอ่ะ 2 อย่างอยากลองก็
00:17:52 → 00:17:55 ต้องแบบได้ลองประมาณนั้นอันกลิ่นชามันจะ
00:17:55 → 00:17:57 ไม่ได้เป็นกลิ่นชาแดงที่เราคุ้นเคยเท่า
00:17:57 → 00:17:59 ไหร่มันจะเป็นกลิ่นชาดำหมักอย่างที่ดีบอก
00:17:59 → 00:18:03 อ่ะค่ะมันจะมีความแบบต่างกันออกไปซึ่ง
00:18:03 → 00:18:06 เอ่อหลังๆมาเขาก็มีการแบบอย่างที่บอกว่า
00:18:06 → 00:18:08 นอกจากปรับรสหวานแล้วบางทีเขาก็เปลี่ยนชา
00:18:08 → 00:18:11 typ ชามาใช้ชาแดงบ้างก็เยอะเหมือนกัน
00:18:11 → 00:18:14 ปรับเปลี่ยนให้มันแบบรึอือๆไม่งั้นรสมัน
00:18:14 → 00:18:16 จะแบบนี่นิดนึงอย่างมองโกบางทีเขาใส่แบบ
00:18:17 → 00:18:20 เนื้อแห้งลงไปในเหรอในชาใช่ค่ะหรืออย่าง
00:18:20 → 00:18:23 ถ้าในคนจีนที่ถามว่าร่องรอยการกินชาเค็ม
00:18:23 → 00:18:26 มีมจะมีเขาเรียกว่าเหลือยชาเป็นชาของพวก
00:18:26 → 00:18:29 โฮกเกี้ยนนะคะกินเป็นรักไต้หวันก็ยังมี
00:18:29 → 00:18:31 กินอยู่คือเอาใบชาไปบดๆใส่งาใส่ถั่วอะไร
00:18:31 → 00:18:34 อย่างเงี้ยแล้วก็มีใส่แบบเอ่อน้ำบางคนก็
00:18:34 → 00:18:36 จะใส่น้ำตาลบางคนก็ใส่เกลือกินเป็นอ
00:18:36 → 00:18:40 เหมือนเป็นอาหารน่ะแต่ว่าแบบเป็นชาใช่
00:18:40 → 00:18:44 [เพลง]
00:18:44 → 00:18:46 คือวัฒนธรรมชาที่มาในบ้านเราเนี่ยส่วน
00:18:46 → 00:18:50 ใหญ่มันจะมาจากทางจีนถูกมั้ฮะอือค่ะมาจาก
00:18:50 → 00:18:52 ทางจีนคิดว่าใช่คิดว่าคิดว่าน่าจะใช่นะ
00:18:52 → 00:18:55 มันก็แบบเหมือนกินชากันมาเรื่อยๆแต่ว่าชา
00:18:55 → 00:18:58 นมเนี่ยเท่าที่เราเท่าที่พี่นึกออกพี่ก็
00:18:58 → 00:19:02 นึกออกชาไต้หวันชาวฮ่องกงอืออเป็นหลักอื
00:19:02 → 00:19:04 อะไรอย่างเงี้ยชาวไต้หวันเนี่ยเอ้ยเอาไม่
00:19:04 → 00:19:06 รู้เหมือนกันชาวฮ่องกงกับชาวไต้หวันนี่
00:19:06 → 00:19:08 มันมีความแตกต่างหรือเหมือนกันมั้ถ้าพูด
00:19:08 → 00:19:10 ถึงชาวไต้หวันในความรู้รู้สึกคนช้าทั่วไป
00:19:10 → 00:19:13 อ่ะที่เป็นชานมอ่ะนิยามชานมไต้หวันจริงๆ
00:19:13 → 00:19:16 คือชานมที่ใส่ไข่มุกอ๋อนั่นคือแค่นิยาม
00:19:16 → 00:19:20 ใช่ใช่ส่วนชาฮ่องกงก็คือชงด้วยวิธีเค้า
00:19:20 → 00:19:23 เรียกอะไรใช้ถุงน่องใช้ถุงเท้าถุงเท้าใช่
00:19:23 → 00:19:26 เ้าเรียกสตอกค่ะเป็นแบบว่าชงโดยใช้ถุงแบบ
00:19:26 → 00:19:28 นั้นแต่ทีนี้ถ้าเล่าลองเล่าดีเทลนิดนึง
00:19:28 → 00:19:33 ว่าคือตอนแรกอ่ะอ่าวัฒนธรรมการกินชานมของ
00:19:33 → 00:19:35 ไต้หวันน่ะค่ะมันจะมันมี 2 ที่มาแล้วแต่
00:19:35 → 00:19:37 ว่าจะเชื่อที่มาไหนคือมีที่มานึงเขาเล่า
00:19:37 → 00:19:39 ว่ามาจากการที่ตอนที่ญี่ปุ่นปุ่นเค้าไปปก
00:19:39 → 00:19:42 ครองไต้หวันคือคนญี่ปุ่นน่ะก็จะมีเทสแบบ
00:19:42 → 00:19:44 เทสฝรั่งนิดนึงมีช่วงนึงที่เขาแบบได้รับ
00:19:44 → 00:19:47 อิทธิพลมาคือถ้าเราไปญี่ปุ่นเราจะเจอชาย
00:19:47 → 00:19:49 อยู่ 2 กลุ่มใหญ่ๆครับถ้าไม่นับพวกแบบเกน
00:19:49 → 00:19:50 เมชาพวกอะไรอย่างงี้นะคะจะเป็นชาเขียวไป
00:19:50 → 00:19:53 เลยกับอีกแบบนึงก็เป็นชาแดงพวกซีอนรับมา
00:19:53 → 00:19:56 จากฝรั่งกินแบบเป็นอหลายๆลูกพี่ซียอะไร
00:19:56 → 00:19:58 อย่างเงี้ยค่ะจะเป็นพวกแบบซีรอนเขาก็ชอบ
00:19:58 → 00:20:01 กินชาแดงแล้วทีเนี้ยไต้หวันมีศักยภาพใน
00:20:01 → 00:20:04 การทำเขาก็เอ่อเอาพันธุ์มาให้ปลูกแถวๆ
00:20:04 → 00:20:06 เอ่อทะเลสาบสมุนเล็กอ่ะค่ะแถวนั้นจะมี
00:20:06 → 00:20:09 ศูนย์วิจัยพันธุ์พวกชาอสัมชาอะไรเงี้ยเอา
00:20:09 → 00:20:11 ชามาปลูกแล้วก็ทำชาแดงแล้วก็เลยมีการกิน
00:20:11 → 00:20:14 ชานมเกิดขึ้นทีนี้กินไปกินมามันก็ไม่ได้
00:20:14 → 00:20:17 อะไรจนกระทั่งมาพ็อปตอนที่เขาเอาแป้งมัน
00:20:17 → 00:20:21 สับปะหลังอ่ะมาปั้นแล้วก็ใส่เอ่อน้ำตาล
00:20:21 → 00:20:23 สายแดงลงไปแล้วก็เป็นชานมไข่มอันเนี้ยเลย
00:20:23 → 00:20:26 กลายเป็นrepีเซนของชาตไหวแต่ถ้าเป็นชาใส่
00:20:26 → 00:20:29 นมทั่วไปก็จะเฉยๆไม่ได้อะไรตัดมาที่
00:20:29 → 00:20:32 ฮ่องกงก็คือฮ่องกงเนี่ยจะเป็นอีกนึงคือ
00:20:32 → 00:20:34 ฮ่องกงอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษครับ
00:20:34 → 00:20:38 อ่ะทีนี้รสนิยมการกินก็เอาใจผู้ปกครองนิด
00:20:38 → 00:20:42 เอออใช่ๆก็อังกฤษทีนี้อังกฤษเนี่ยเซี่การ
00:20:42 → 00:20:45 กินชาชาแดงเรียกว่าชาดำแล้วกันนะคะในที่
00:20:45 → 00:20:48 นี้คืออันเดียวกันเนย้ำกันอีกทีว่าชาแดง
00:20:48 → 00:20:50 กับชาดำนี่คือเป็นเดียวกันรบกวนคนฟัง
00:20:50 → 00:20:53 คอมเมนต์นิดนึงเงงมั้เดี๋ยวอันนี้เรียก
00:20:53 → 00:20:55 เป็นอะไรดีเอาเป็นชาแดงแล้วกันโอเคทีนี้
00:20:55 → 00:20:58 เ้าเอ่อด้วยความที่ว่าเขาชอบมากจนจริงๆ
00:20:58 → 00:21:00 มันจะเล่าได้อีกเรื่องนึงเลยด้วยซ้ำว่า
00:21:00 → 00:21:05 เขาไปขโมยชากับการทำชาคืออังกฤษอ่ะค่ะ
00:21:05 → 00:21:07 ช่วงจะเห็นว่าที่มีทำสงครามฝีทำอะไรเงี้ย
00:21:07 → 00:21:10 ส่วนหนึงเอยากได้ใบช้าคือเซี่การกินชามาก
00:21:10 → 00:21:13 แล้วอก่อนหน้าเนี้ยสมัยโปรตุเกสเข้ามาขาย
00:21:13 → 00:21:15 กับตีแรกอ่ะชาที่ได้มันจะเป็นพวกแบบกลุ่ม
00:21:15 → 00:21:18 ชาเขียวซึ่งกว่าจะเอาชาเขียวอ่ะเรือลง
00:21:18 → 00:21:21 เรือไปถึงยุโรปอ่ะก็คือชาเขียวมันก็หมด
00:21:21 → 00:21:24 คุณภาพแล้วชาเขียวอายุการเก็บสั้นอันนี้
00:21:24 → 00:21:27 เราก็รู้ดีแต่ทีนี้มันพอมียุคนึงมันมีการ
00:21:27 → 00:21:30 บังเอิญว่าคนจีนไปทำชาเป็นชาแดงโดยไม่ได้
00:21:30 → 00:21:34 ตั้งใจขายกันเองก็ไม่ค่อยรอดด้วยฝรั่งชอบ
00:21:34 → 00:21:36 ที่เราได้ยินแลชาสูอ่ะค่ะเคยได้ยินใช่มั้
00:21:36 → 00:21:39 คะเออเคยได้ยินแต่ไม่รู้ฝรั่งฝรั่งเล็กๆ
00:21:39 → 00:21:43 ซาซูซองคนจีเรียกซาเสียวโสงก็คือเอาใบชาเ
00:21:43 → 00:21:45 ไปแล้วก็เฮ้ยแบบรสรสชาติมันดีแล้วคน
00:21:45 → 00:21:48 อังกฤษก็คนอังกฤษก็ชอบแบบใครๆก็ชอบคนญี่ป
00:21:48 → 00:21:50 ชอบแต่ว่ายุโรปคนอื่นเขาก็ไม่ได้อะไรมาก
00:21:50 → 00:21:53 แต่คืออังกฤษอ่ะฉันจะเอาแล้วเขาก็เลยแบบ
00:21:53 → 00:21:55 ว่าคนจีนก็ห่วงเพราะมันเหมือนเป็นแบบพืช
00:21:55 → 00:21:58 เศรษฐกิจสุดๆอ่ะค่ะเขาก็ใช้วิธีว่าจ้าง
00:21:58 → 00:22:01 นักพฤกษศาสตร์อ่ะปลอมตัวเป็นคนจีนน่ะเข้า
00:22:01 → 00:22:04 ไปเพื่อที่จะแบบไปคุยกับคนทำช้านู่นนี่
00:22:04 → 00:22:07 นั่นก็ตอนแรกดีก็งงนะหน้าเป็นฝรั่งปอมไป
00:22:07 → 00:22:10 แล้วเไม่สงสัยหรอกแต่เขาก็บอกว่าจีนน่ะคน
00:22:10 → 00:22:13 หน้าตาแตี้เยอะอ๋ออืก็เลยเหมือนเอาเข้าไป
00:22:13 → 00:22:15 แล้วก็ขโมยต้นชาพร้อมกับโนหาค่ะเอาไปปลูก
00:22:15 → 00:22:18 ที่เกาตาที่อินเดียอแล้วเสร็จแล้วก็ไป
00:22:18 → 00:22:20 เรื่อยๆมาเรื่อยๆลงไปในที่ที่ปลูกได้แล้ว
00:22:20 → 00:22:23 ก็เอาพันชาอะไรเงี้ยไปศรีลังกาไปเคน่าที่
00:22:23 → 00:22:25 เป็นอาณานิคมของตัวเองไปปลูกก็เลยแบบเออ
00:22:25 → 00:22:28 มีแบบชาแดงขึ้นมาเป็นของตัวเองทีนี้ย้อน
00:22:28 → 00:22:31 กลับมาฮ่องกงกลับมาไกลก็เ้าเอ่อด้วยความ
00:22:31 → 00:22:34 ที่เขาเป็นอันเอ่ออยู่ภายใต้กำหนดของ
00:22:34 → 00:22:37 อังกฤษเขาก็เลยจะเอานิยมเอาชาจากศรีลังกา
00:22:37 → 00:22:39 ค่ะเป็นพวกชาสีหล่อนน่ะเข้ามาทำแต่ด้วย
00:22:39 → 00:22:43 ความที่ว่านมสดอ่ะมันสมัยก่อนตู้เย็นมัน
00:22:43 → 00:22:45 ก็ไม่ค่อยมีอะไรก็ไม่ค่อยมีก็นมข้นมันจะ
00:22:45 → 00:22:49 ตอบโจทย์อ๋อตู้ตู้เย็นหายากแล้วก็เอาจริง
00:22:49 → 00:22:53 ๆนมสดมันไม่ใช่รสชาติที่คนเอเชียแถบเนี้ย
00:22:53 → 00:22:55 คุ้นมันจะไปทางโซนแบบเอเชียกลางหรืออะไร
00:22:55 → 00:22:56 งี้ที่คุณใช่ก็อย่างที่บอกอย่างที่เบสก็
00:22:56 → 00:22:58 ยังกินแบบเป็นนมอะไรกันอย่างงั้นกันใช่
00:22:58 → 00:23:01 ทางนู้นน่ะเคคิดแต่ว่าแบบเหมือนอย่างถ้า
00:23:01 → 00:23:03 ลงมาแบบทางแถบบ้านเราเงี้ยคะเราจะไม่ค่อย
00:23:03 → 00:23:05 กินกันนมสดเราจะรู้สึกมันคาวอะไรใช่มั้คะ
00:23:05 → 00:23:09 แล้วตู้เย็นก็แพงเขาก็เลยเอานมข่ะมาใส่
00:23:09 → 00:23:11 กับชาตัวนี้แล้วมันก็ชงด้วยวิธีสต๊อกอ่ะ
00:23:11 → 00:23:14 ค่ะเพราะฉะนั้นเบสของชาฮ่องกงจริงๆส่วน
00:23:14 → 00:23:17 มากอ่ะก็จะเป็นเบสชาซีอนแต่ว่าหลังๆอ่ะ
00:23:17 → 00:23:20 เขาก็จะมีเอามาเบนแบบเบนผุเอ๋อเบนอู่หลง
00:23:20 → 00:23:22 อะไรเงี้ยเล่นลูกเล่นของแต่ละร้านไม่
00:23:22 → 00:23:24 เหมือนกันแต่ว่าเบสส่วนมากก็ยังจะเป็น
00:23:24 → 00:23:27 ซีอนที่เป็นชาแดงอยู่แล้วก็ใช้นมข้นเนี่ย
00:23:27 → 00:23:29 แหละค่ะเป็นตัวเป็นตัวปราสาโทษนะเมื่อกี้
00:23:29 → 00:23:31 พอได้ยินซีอนแล้วมันก็เลยนึกถึงว่าซีอน
00:23:31 → 00:23:34 มันคืออะไรนะคอยชาชาจากศรีลังกาค่ะชาจาก
00:23:34 → 00:23:36 ศรีลังกาใช่ชาจากศรีลังกาแต่ว่าส่วนมาก
00:23:36 → 00:23:39 process ที่นิยมทำอ่ะก็จะเป็นชาแดงแต่
00:23:39 → 00:23:41 ว่าจริงๆแล้วซีรอนเขาก็มีทั้งชาเขียวชา
00:23:41 → 00:23:43 อะไรเงี้ยเยอะแยะเหมือนกันอืแต่ว่าที่ทิด
00:23:43 → 00:23:45 ๆแล้วก็เป็นรูปธรรมมากสุดที่เรารู้จักกัน
00:23:45 → 00:23:48 น่ะก็จะเป็นชาแดงชาซีอนอืตัวเดียวกับที่
00:23:49 → 00:23:51 เอ่อชาใต้บ้านเรานิยมก็จะนิยมเป็นซีรอน
00:23:51 → 00:23:53 เหมือนกันอืมันคือตัวเดียวกับชาใต้ค่ะ
00:23:53 → 00:23:55 ซีอนคือชื่อของศรีลังกาใช่มันชื่อ
00:23:55 → 00:23:58 ศรีลังกาแต่ว่ากำลังคิดอยู่ว่ามันคือชา
00:23:58 → 00:24:02 ตัวเดียวกันกับที่จีนใช้มั้ยในไต้หวันใช้
00:24:02 → 00:24:07 อเป็นมันมีทั้งใช้น้ำเข้าซีอนก็มีใช้อัส
00:24:07 → 00:24:10 โลคalในพื้นที่ก็มีอือเพราะว่าอย่างเอ่อ
00:24:10 → 00:24:12 ไต้หวันเองเขาก็ผลิตอัสของเขาได้ผลิตชา
00:24:12 → 00:24:15 แดงเขาได้หลายตัวหลังๆอ่ะไต้หวันพอเหมือน
00:24:16 → 00:24:18 กระแสมันเริ่มมาเรื่อยๆใช่ไหมคะมันก็จะมี
00:24:18 → 00:24:20 ความ specicialy มากขึ้นเช่นแบบเอาเ้า
00:24:20 → 00:24:22 เรียกว่าภาษาอังกฤษเรียกรูบี้เจตอ่ะหงอี้
00:24:22 → 00:24:26 แบบชาแดงพันธุพันธุหงอี้มาทำเป็นชมอะไร
00:24:26 → 00:24:28 อย่างเงี้ยเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้นออ
00:24:28 → 00:24:31 อือแต่ว่าเอ่อ
00:24:31 → 00:24:33 เค้าเรียกว่าอะไรหลักของคำว่าชาไต้หวัน
00:24:33 → 00:24:36 น่ะก็คือชามใส่ไข่มุกอืออส่วนของเอ่อ
00:24:36 → 00:24:39 ฮ่องกงก็คือชาที่ชงด้วยถุงทาแล้วใส่ใส่นม
00:24:39 → 00:24:43 ข้นก่อนเพราะว่าเราไม่ชินกันตรงสใช่ๆแล้ว
00:24:43 → 00:24:46 ถ้าแบบเอ่อเอานมข้นอื่นมาทำรสไม่ค่อย
00:24:46 → 00:24:47 เหมือนนะคะต้องเป็นนมข้นของเขาอ่ะที่มัน
00:24:47 → 00:24:50 เป็นกระป๋องขาวแดงเหรอใช่รสจะแบบแบบดิฟ
00:24:50 → 00:24:53 มากๆต่างมากๆแล้วก็เบนของเขาก็จะเบนแบบ
00:24:54 → 00:24:56 เบนตัวเบสชาเข้มเลยอ่ะแบบเบนชาแดงเข้มๆ
00:24:56 → 00:24:59 เบนตัวใบชาแปลว่ามันไม่ได้ใช้ใบชาประเภท
00:24:59 → 00:25:02 เดียวถูกเลยส่วนมากจะเป็นประมาณนั้นก็คือ
00:25:02 → 00:25:04 อาจจะเป็นแบบคือคือมันเป็นชาร์ที่แบบไม่
00:25:04 → 00:25:07 ได้เป็นชาดีแบบเขาก็เอามาปรุงผสมๆกันอะไร
00:25:07 → 00:25:09 เงี้ยค่ะยังเป็นที่บอกว่าเป็นเอาซีรอนอาจ
00:25:09 → 00:25:11 บางที่อาจจะเป็นซีรอนเพียวๆบ้างบางที่ก็
00:25:11 → 00:25:13 อาจจะเป็นซีรอนผสมผูเอ๋ออะไรเงี้ยแล้วแต่
00:25:13 → 00:25:16 เจ้าแล้วก็ถ้าบางคนง่ายสุดเขาก็จะใช้เป็น
00:25:16 → 00:25:18 ชาซองอะไรอย่างเงี้ยค่ะอันเนี้ยก็จะนิยม
00:25:18 → 00:25:21 เอามาทำเหมือนกันเอาชาอันเนี้ยมาทำแต่ว่า
00:25:21 → 00:25:23 ของฮ่องกงดีเข้าใจว่าเ้าน่าจะเบนไม่
00:25:23 → 00:25:25 เหมือนของเราอ่ะไอ้ตัวยี่ห้อนั้นน่ะรถมัน
00:25:25 → 00:25:29 จะหนักกว่าอืแต่ว่าดูแล้วแบบฮ่องกงกับชา
00:25:29 → 00:25:32 ทางใต้เนี่ยมันดูแบบวัฒนธรรมมันห่างไกล
00:25:32 → 00:25:34 กันมากเลยเนาะแต่กินคล้ายกันมากเลยใช่คือ
00:25:34 → 00:25:37 เป็นชาแดงเหมือนกันกินกับขนมข้นหวานอัน
00:25:37 → 00:25:39 นี้ในมุมส่วนตัวดีนะแต่ว่าถ้าแบบเรื่อง
00:25:39 → 00:25:40 ประวัติศาสตร์ลึกๆเนี่ยอันนี้อาจจะไม่
00:25:40 → 00:25:43 เป๊ะแต่คิดว่ามันเกิดจากการที่เขาเป็น
00:25:43 → 00:25:45 อาณานิคมของอังกฤษเหมือนกันอือแล้วก็มา
00:25:45 → 00:25:48 ทางเดียวกันรูทเดียวกันอาณานิคมอังกฤษมา
00:25:48 → 00:25:50 แต่คือชาใต้อ่ะมันก็มี 2 กระแสว่ามาจาก
00:25:50 → 00:25:53 ทางแบบแขกทมิฬอยู่ในมาลายูอะไรอย่างเงี้ย
00:25:53 → 00:25:56 หรือว่ากับอีกอันนึงก็บอกว่ามาพร้อมกับ
00:25:56 → 00:25:58 ชาวอังกฤษคือเราจะเห็นแบบร้านเค้าเรียก
00:25:58 → 00:26:01 ร้านอาหารเช้าแบบสไตล์ฝรั่งที่อือที่
00:26:02 → 00:26:04 ฝรั่งไม่จริงอ่ะฝรั่งแบบฝรั่งกู Shop แบบ
00:26:04 → 00:26:06 อะไรประมาณนั้นเป็นแบบว่ามีกเค้าเรียกว่า
00:26:06 → 00:26:09 อะไรร้านกปี้ใช่มั้คะใช่ที่มันจะมีแบบไข่
00:26:09 → 00:26:12 ดาวมีขนมปังที่มันจะดูแบบดูเป็นเอเชียนิด
00:26:12 → 00:26:14 นึงเป็นขนมปังนิ่มไข่ดาวแล้วก็จะมีน้ำ
00:26:15 → 00:26:17 สลัดที่หวานๆนิดนึงแล้วก็จะมีกาแฟโบราณ
00:26:17 → 00:26:19 แล้วก็ชาโบราณอะไรอย่าเงี้ยดีว่ามันจะมา
00:26:19 → 00:26:21 ทางรู้เดียวกันเพราะว่าร้านแบบนี้มันมีใน
00:26:21 → 00:26:24 ฮ่องกงแล้วมันก็มาพ็อปที่ในแบบมาเลแล้วก็
00:26:24 → 00:26:26 ขึ้นมาทางตอนใต้ของไทยแล้วก็เข้าก็เป็นไป
00:26:26 → 00:26:29 ได้เพราะว่าอย่างมาเลเซียหรือสิงคโปร์ก็
00:26:29 → 00:26:32 มีมีอังกฤษปกครองคล้ายๆกันเพราะฉะนั้น
00:26:32 → 00:26:34 วัฒนธรรมมันก็มีความคล้ายแต่ว่าต้องบอก
00:26:34 → 00:26:36 ท่านผู้ชมไว้ก่อนว่าเอ่อมันไม่ใช่รายการ
00:26:36 → 00:26:40 ประวัติศาสตร์นะอาจจะแบบว่ามาคอมเมนต์แก้
00:26:40 → 00:26:42 ไขกันได้ครับแต่ว่าอันนี้คือความเข้าใจ
00:26:42 → 00:26:45 แล้วก็ลองคุยกันดูอะไรเพราะว่าเท่าที่ดี
00:26:45 → 00:26:48 เคยไปมาเลมาดีจะเห็นร้านชามาเล่ะ 2 กลุ่ม
00:26:48 → 00:26:51 ก็คือกลุ่มเป็นแบบร้านที่ทำโดยคนจีนก็จะ
00:26:51 → 00:26:54 ชงแบบอารมณ์เหมือนบ้านเราใช่ไหมคะที่แบบ
00:26:54 → 00:26:58 มีแบบว่าเป็นสมัยก่อนมันจะเป็นแก้วแบบ
00:26:58 → 00:27:01 แก้วแยมเก่าอ่ะแล้วก็ข้างล่างใส่นมข้น
00:27:01 → 00:27:03 แล้วก็เป็นชาแล้วก็คนคนอันนี้อยู่ในร้าน
00:27:03 → 00:27:05 จีนแบบอย่างงั้นน่ะแล้วก็ร้านเหมือนสภา
00:27:05 → 00:27:08 กาแฟตอนเช้ากับอีกแบบนึงก็คือทำโดยแบบดู
00:27:08 → 00:27:10 เป็นคนแข็งๆหน่อยเป็นทางแบบมลายูที่เขาจะ
00:27:10 → 00:27:14 ใช้วิธีชักชักชาแต่ว่าทั้งคู่อ่ะค่ะเบสชา
00:27:14 → 00:27:16 ที่ใช้อ่ะจะค่อนข้างคล้ายกันก็คือเป็นพวก
00:27:16 → 00:27:19 กลุ่มซีลอนอแล้วก็ใส่นมข้นเหมือนกันคือใน
00:27:19 → 00:27:22 มุมส่วนตัวดีอดีคิดว่าชาที่มันไม่ว่าจะมา
00:27:22 → 00:27:24 จากในฮ่องกงหรือว่าในอาเซียนน่ะค่ะส่วน
00:27:24 → 00:27:27 มากเราจะกินเป็นชานมที่เป็นคิ้วเป็นนมข้น
00:27:27 → 00:27:30 นมข้นจืดนมข้นหวานอย่างที่บอกว่าตู้เย็น
00:27:30 → 00:27:32 สมัยก่อนมันแพง
00:27:32 → 00:27:37 อื
00:27:37 → 00:27:40 กลับมาที่ชาที่เราน่าจะคุ้นกันสุดเลยก็
00:27:40 → 00:27:43 คือชาไทยชาไทยเนี่ยอยู่ในกลุ่มเดียวกับ 2
00:27:43 → 00:27:47 อันนี้มั้ยทั้งฮ่องกงและทางชาใต้ถ้าแบ่ง
00:27:47 → 00:27:49 ความแบบเข้มข้นอะไรเงี้ยดีว่าอยู่ในกลุ่ม
00:27:49 → 00:27:52 เดียวกันแต่ว่าชาฮ่องกงกับชาใต้อ่ะมัน
00:27:52 → 00:27:54 เป็นชาที่เป็นกลิ่นชาจริงๆแต่ว่าชาไทยมัน
00:27:55 → 00:27:58 เป็นflเวอร์ทเป็นชาแต่งกลิ่นอืคือใบอ่าชา
00:27:58 → 00:28:01 ไทยที่ต้องนิยามก่อนว่าชาไทยอ่ะที่เราพูด
00:28:01 → 00:28:05 เป็นเครื่องดื่มอ่ะมันก็คือเอาชาแดงมา
00:28:05 → 00:28:08 แต่งกลิ่นวานิลาค่ะแล้วก็ใส่สีให้เป็นสี
00:28:08 → 00:28:11 ส้มอันเนี้ยเป็นเป็นนิยามชาไทยจะคนละแบบ
00:28:11 → 00:28:14 กับใบชาที่ปลูกในไทยแล้วเป็น G อ่ะค่ะ
00:28:14 → 00:28:16 อย่างชาเชียงรายชาอะไรเงี้ยคนละอันอันนี้
00:28:16 → 00:28:19 จะพูดถึงชาที่แต่งกลิ่นซึ่งกลิ่นน่ะจะ
00:28:19 → 00:28:22 ค่อนข้างเฉพาะตัวมันจะไม่ได้แบบวานิลา
00:28:22 → 00:28:24 หวานแบบฝรั่งแต่มันออกมาแล้วมันพอดีหอม
00:28:24 → 00:28:26 เป็นแบบเป็นเอกลักษณ์ของเราใช่ไม่ได้ที่
00:28:26 → 00:28:29 อื่นกลิ่นกลิ่นชาไทยที่เราได้กลิ่นกัน
00:28:29 → 00:28:32 เนี่ยมันไม่ใช่ใบใบชามันคือใบชาบางส่วน
00:28:32 → 00:28:34 ใช่แต่ว่าเป็นแต่งกลิ่นวนิลาแต่งกลิ่น
00:28:34 → 00:28:38 วานิลาใช่ค่ะอืก็เราจะได้ความเข้มหนักของ
00:28:38 → 00:28:42 ชาแล้วก็กลิ่นของวานิลาที่ผสมกับชาอือแต่
00:28:42 → 00:28:45 ก่อนเลยอ่ะเท่าที่เคยไปคุยๆกับคนทำชาไทย
00:28:45 → 00:28:48 มานะคะเขาบอกว่าใบชาก็คือนำเข้ามาจากสี
00:28:48 → 00:28:51 หลังกาชาซีอนใช้ซาซิลอนเหมือนกันแล้วก็มา
00:28:51 → 00:28:54 แต่งกินทีนี้หลังๆอ่ะพอไทยอ่ะค่ะพัฒนาชา
00:28:54 → 00:28:57 อสัชาแดงอะไรของเราได้เยอะเราก็เอาชาอสั
00:28:57 → 00:29:00 ในไทยอ่ะมาแต่งกลิ่นแทนอือืรถมันก็คงจะ
00:29:00 → 00:29:03 เปลี่ยนจากในอดีตไปหน่อยนึงอาจจะไม่มาแต่
00:29:03 → 00:29:05 เขาก็เบนๆนะคะเพราะว่าชาพวกนี้มันไม่ได้
00:29:05 → 00:29:07 เป็นแบบ sle origin อ่ะเขาจะเอามาเบนๆ
00:29:07 → 00:29:10 กันเมื่อกี้ดีพูดเรื่องใส่สีเลยสนใจ
00:29:10 → 00:29:13 เรื่องนี้เหมือนกันคือเราใส่สีเขจริงๆ
00:29:13 → 00:29:16 แล้วใบชาเนี่ยมันไม่ได้ทำให้เกิดสีส้ม
00:29:16 → 00:29:19 ขนาดนั้นถูกมั้ยไม่ขนาดนั้นค่ะอือถ้าจะ
00:29:19 → 00:29:21 ส้มได้เกือบขนาดนั้นน่ะจะเป็นอยู่ในพวก
00:29:21 → 00:29:25 กลุ่มชาแบบชะมักอ่ะชาภูเอ๋สุกมันจะออกส้ม
00:29:25 → 00:29:28 ๆแดงๆแต่ก็ไม่ได้แบบส้มอือๆแล้วสิ่งนั้น
00:29:28 → 00:29:31 คือการเติมสีเข้าไปใช่ค่ะอืเป็นการใส่สี
00:29:31 → 00:29:34 สังเคราะห์ซึ่งส่วนมากสีที่เขาใส่กันน่ะ
00:29:34 → 00:29:36 ค่ะมันก็จะเป็นสีที่ชื่อว่า Sunset
00:29:36 → 00:29:39 Yellow Sunset Yellow ใช่ค่ะเป็นสีที่
00:29:39 → 00:29:42 ใส่อาหารได้แต่ว่าอเป็นสีผสมอาหารใช่เป็น
00:29:42 → 00:29:44 สีผสมอาหารแต่ว่า WHO เนี่ยเขาก็มีแนะนำ
00:29:44 → 00:29:47 เอาไว้นิดนึงเหมือนกันว่าก็คือวันนึงไม่
00:29:47 → 00:29:50 ควรกินเกิน 4 มลกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก.
00:29:50 → 00:29:53 มันคือแค่ไหนนะ 4
00:29:53 → 00:29:56 มิลกรรมเยอะมากไม่ได้เยอะมากแล้วก็ก็คือ
00:29:56 → 00:29:58 คิดว่าเป็นเลเวลที่กินได้นั่นแหละแต่ว่า
00:29:58 → 00:30:02 ต้องบอกก่อนว่าคือพอดีอันเนี้เป็น WHO
00:30:02 → 00:30:03 แนะนำแล้วมันก็จะมีช่วงนึงที่มันจะมีงาน
00:30:03 → 00:30:06 วิจัยออกมาค่อนข้างเยอะค่ะก็ลองไปหาอ่าน
00:30:06 → 00:30:08 ได้ว่าสีเนี้ยมันอาจจะทำให้เสี่ยงต่อการ
00:30:08 → 00:30:11 เป็นพวกแบบสมาธิสั้นเป็นแบบเป็นมะเร็ง
00:30:11 → 00:30:13 อะไรแต่มันก็คือเป็นแค่งานวิจัยซึ่งเราก็
00:30:13 → 00:30:15 ไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่จริงอะไรอย่าง
00:30:15 → 00:30:18 เงี้ยเนาะแล้วก็ WHO อ่ะเขาก็แนะนำไว้แต่
00:30:18 → 00:30:22 ก็คิดว่าวันๆนึงคนทั่วไปอ่ะก็ไม่ถ้าไม่
00:30:22 → 00:30:24 ได้กินเป็นทุกวันก็ไม่น่าจะกินเกินก็ไม่
00:30:24 → 00:30:27 ได้กินแบบเออกินเป็นกิโลกินชาเป็นกิโลใช่
00:30:27 → 00:30:29 ใช่ค่ะแล้วก็ในไทยเองเนี่ยจริงๆเขาก็จะมี
00:30:29 → 00:30:32 การเอ่อจำกัดเอาไว้ด้วยในชาอย่างเงี้ยนะ
00:30:32 → 00:30:37 คะว่าเออแบบปกติแล้วก็คือ 1 ชา 1 กก.ห้าม
00:30:37 → 00:30:40 มีเกิน 100 มลกรัอืแต่ทีนี้ก็มันเป็นการ
00:30:41 → 00:30:44 จำกัดในตัวซองชาในตัวผลิตภัณฑ์ชาก็จะต้อง
00:30:44 → 00:30:47 ดูว่าชาที่เราไปกินน่ะตอนเราชงอ่ะเราอาจ
00:30:47 → 00:30:49 จะต้องคิดนิดนึงเพราะว่าถ้าเราเป็นแบบทำ
00:30:49 → 00:30:52 กินเองใช่มั้คะร่ำรวยใส่ไวชาเยอะๆเอาหอมๆ
00:30:52 → 00:30:55 เงี้ยก็อาจจะได้สีที่มันแบบเข้มคือถ้า
00:30:55 → 00:30:57 เป็นคนไม่ได้สตริกอะไรกับเรื่องของแบบไอ้
00:30:57 → 00:31:00 ตัวสีก็อาจจะดูว่าเออโอเคมันไม่เกินที่
00:31:00 → 00:31:03 เขากำหนดก็ก็อาจจะไม่ได้อะไรแต่ว่าถ้าใคร
00:31:03 → 00:31:05 แบบซีเรียสว่าเอ้ยกินทุกวันแล้วกลัวมัน
00:31:05 → 00:31:07 สะสมอะไรเงี้ยอาจจะต้องเลี่ยงนิดนึงค่ะ
00:31:07 → 00:31:09 แต่ว่าพี่ก็จะแบบเป็นพวกประมาณประมาณที่
00:31:10 → 00:31:13 ดีอ่ะบอกนั่นแหละก็คือพออยากกินชาไทยที่
00:31:13 → 00:31:16 มันแบบเข้มข้นหวานมันเนี่ยก็จะแบบเอาชามา
00:31:16 → 00:31:19 เองเลยแล้วก็ใช้เยอะแล้วก็แช่นานด้วยเยอะ
00:31:19 → 00:31:22 ใช่เพราะว่าการใช้ใบชาเยอะอ่ะค่ะมันจะทำ
00:31:22 → 00:31:25 ให้ชาหอมและการแช่นานทำให้มันเค็มคือ
00:31:25 → 00:31:28 สมมุติเราใช้ใบชาเท่ากันแต่ว่าแช่เวลานาน
00:31:28 → 00:31:30 กับแช่เวลาน้อยจริงๆแช่เวลาน้อยมันจะหอม
00:31:30 → 00:31:32 กว่าเพราะว่าเป็นกลุ่มน้ำมันหอมระเหยแต่
00:31:32 → 00:31:35 ว่าแช่นานเราจะได้ความเข้มฝาดขึ้นมาก็ถ้า
00:31:35 → 00:31:39 ดีก็เหมือนกันถ้าดีชงกินเองอ่ะดีก็ใส่จัด
00:31:39 → 00:31:41 เต็มแล้วก็อย่างที่บอกว่ามันแล้วแต่คน
00:31:41 → 00:31:43 คอนเซิร์นเพราะว่าอย่างบางประเทศเอ่อ
00:31:43 → 00:31:45 อย่างกลุ่ม EU อะไรอย่างเงี้ยค่ะหรือว่า
00:31:45 → 00:31:47 เกาหลีบที่ทำผิดเขาจะค่อนข้างคอนเซิร์น
00:31:47 → 00:31:49 เรื่องนี้มากแล้วก็เลยทำให้ผู้ผลิตชาไทย
00:31:49 → 00:31:52 อ่ะที่ส่งออกอ่ะเขาไม่ได้ใส่สีลงไปด้วย
00:31:52 → 00:31:54 เวลาส่งออกเพราะฉะนั้นถ้าเราไปดูตาม
00:31:54 → 00:31:56 ซุปเปอร์ที่เอ่อยุโรปอะไรอย่างเงี้ยก็จะ
00:31:57 → 00:31:59 ได้ใบชาที่เอากลับมาชงแล้วเป็นสีน้ำตาลก็
00:31:59 → 00:32:01 จะตกใจนิดนึงว่าทำไมสีไม่เหมือนกันแต่
00:32:01 → 00:32:03 กลิ่นมันเหมือนอะไรอย่างเงี้ยแต่มันอาจจะ
00:32:03 → 00:32:05 แบบสมองก็จะคิดแล้วเอ๊ะแบบทำไมมันแบบ
00:32:05 → 00:32:07 ภาพจำอะไรเงี้ยมันไม่เหมือนกันเพราะว่า
00:32:08 → 00:32:11 จริงๆแล้วเราก็คือเราติดกลิ่นวณิรานั่น
00:32:11 → 00:32:14 แหละใช่ๆแต่ว่าพอสีมันไม่ได้ออกมาเหมือน
00:32:14 → 00:32:17 แบบสมมุติว่าเราไปที่เกาหลีเราไปซื้อชา
00:32:17 → 00:32:20 ยี่ห้อนึงที่แบบเป็นชาไทยนันะแล้วก็มาต้ม
00:32:20 → 00:32:22 เองมันจะไม่ใช่สีส้มอย่างที่เราเห็นแต่
00:32:22 → 00:32:24 กลิ่นนี่ใช่เลยใช่กลิ่นนี่ใช่เลยค่ะแล้ว
00:32:24 → 00:32:27 ก็จริงๆดีว่ามันเป็นวานิลาที่มีเสน่ห์นะ
00:32:27 → 00:32:29 เพราะว่าถ้าเราเอาวานิลาไปเบรนกับชายอีก
00:32:29 → 00:32:31 อ่ะก็จะไม่ได้กินอ้าเหรอใช่คือคือดีเคย
00:32:31 → 00:32:35 ลองเอาแบบวานิลาทั้งวานิลาฝักวานิลาชาแบบ
00:32:35 → 00:32:36 ที่มันเป็น extract อะไรอย่างเงี้ยเอามา
00:32:36 → 00:32:39 ชงกับชาก็ไม่ได้กลิ่นนี้นะต้องเป็นกลิ่น
00:32:39 → 00:32:41 แบบกลิ่นแบบเประเด็นมาให้กับชาแล้วไม่รู้
00:32:41 → 00:32:44 ว่าทำยังไงอแต่แบบผู้ผลิตชาไทยหลายเจ้า
00:32:44 → 00:32:46 เงี้ยทำกลิ่นออกมาตรงกันหมดอะไรอย่าง
00:32:46 → 00:32:48 เงี้ยค่ะออีกปัญหานึงเราอาจจะติดเรื่องสี
00:32:48 → 00:32:51 กันนะคือถ้ามันไม่ส้มเราก็ไม่รู้สึกว่า
00:32:51 → 00:32:57 มันไม่ใส่ใจเอออะไรอย่างเงี้ย
00:32:57 → 00:33:00 อีกอันนึงที่แบบรู้สึกสงสัยก็คือเมื่อกี้
00:33:00 → 00:33:02 ที่คุยกันไปแล้วว่าไอ้การแช่ชาเยอะหรือ
00:33:02 → 00:33:05 แช่ชานานเนี่ยมันมันมีผลต่อร่างกายเรา
00:33:05 → 00:33:08 มั้ยหมายถึงว่าอันนี้คือใบชาปกติเลยก็ได้
00:33:08 → 00:33:11 ค่ะก็จริงๆก็มีเพราะว่า
00:33:11 → 00:33:14 ถ้าแช่นานใช่มั้ยมันก็จะมีสารมคือขึ้น
00:33:14 → 00:33:17 อยู่กับอุณหภูมิของน้ำที่แช่ด้วยถ้าอย่าง
00:33:17 → 00:33:20 คนที่กังวลเรื่องอเอางี้ถ้าดีอ่ะเป็นลูก
00:33:20 → 00:33:22 คนจีนใช่มเวลาแบบอยู่บ้านเนี่ยอาม่าอาจจะ
00:33:22 → 00:33:25 ไม่ให้แช่ชาในการนานบอกกินแล้วเดี๋ยวทอง
00:33:25 → 00:33:27 ผูกมันเป็น noh ที่เขาแบบสะสมมาโดยที่ไม่
00:33:27 → 00:33:30 รู้มันคืออะไรเพราะว่าเอ่อในใบชาอ่ะค่ะ
00:33:30 → 00:33:33 มันจะมีสารแทนนินอยู่ซึ่งแทนนินตัวเนี้ย
00:33:33 → 00:33:36 มันทำให้ท้องผูกอือแล้วการที่เราแช่นานๆ
00:33:36 → 00:33:38 ในน้ำอุณหภูมิสูงอ่ะเขาก็จะออกมามากขึ้น
00:33:38 → 00:33:41 เรื่อยๆมันก็ทำให้ท้องเราประมาณนั้นแต่
00:33:41 → 00:33:43 ถ้าเราแบบเอ่อไม่ได้อยากได้ความฝาดขนาด
00:33:43 → 00:33:46 นั้นดื่มเป็นปกติไม่อยากท้องผูกก็คือแช่
00:33:46 → 00:33:48 เพราะให้มีกลิ่นแล้วก็ลิ่นออกมาก็จะไม่มี
00:33:48 → 00:33:50 ไม่มีประเด็นเรื่องนี้หรือว่าเอาไปสกัด
00:33:50 → 00:33:52 เย็นเพราะว่าน้ำอุณหภูมิต่ำอ่ะแทนินมันก็
00:33:52 → 00:33:59 จะออกมาได้น้อยอืค่ะประมาณนั้นอือ
00:33:59 → 00:34:03 อีกอันนึงคือบางทีไปร้านชาชาไทยก็จะมีชา
00:34:03 → 00:34:05 ไทยที่ที่เรารู้รู้จักเนี่ยมีสีส้มกลิ่น
00:34:05 → 00:34:08 ลิลาอีกอันคือชาใต้ที่มันจะแบบเอ่อมี
00:34:08 → 00:34:10 กลิ่นชาแล้วก็มีรสฝาดเหมือนกันอันเนี้คือ
00:34:10 → 00:34:13 ความแตกต่างของมันคืออะไรค่ะก็ชาใต้เป็น
00:34:13 → 00:34:16 ซีรอนชาใต้เป็นซีรอนใช่เป็นซีรอนเป็นชา
00:34:16 → 00:34:17 แบบไม่แต่งกลิ่นวานิลเป็นกลิ่นเพียวๆของ
00:34:17 → 00:34:20 เขาเลยอะไรประมาณเยกลิ่นมันก็จะแบบเข้มๆ
00:34:20 → 00:34:22 ก็อย่างที่บอกว่า process ชาแดงอ่ะจริงๆ
00:34:22 → 00:34:25 เอามาทำชานมอ่ะมันเลือกได้หลายกลิ่นมาก
00:34:25 → 00:34:30 อย่างเอ่อฝรั่งเองอ่ะค่ะเขาจะเบนอย่างที่
00:34:30 → 00:34:32 เราเคยเรียน English ใช่มั้คะเบนให้มี
00:34:32 → 00:34:35 ความเข้มเข้มๆใส่กับนมก็จะมีทั้งเบนที่
00:34:35 → 00:34:37 เป็นชาไบฝรั่งจะเรียกวิธีการทำชาบว่า
00:34:37 → 00:34:41 อthodoxออท็อกแต่ว่าถ้าทำชาโนมาทีเขาจะ
00:34:41 → 00:34:45 ใช้วิธี CTC ก็คือแบบ Cur ก็คือเป็นแบบ
00:34:45 → 00:34:48 เหมือนเอาใบชาไปทำให้น้องช้ำมากๆซึ่งถ้า
00:34:48 → 00:34:50 เป็นคนกินชาใบแบบ Specicialy อ่ะเขาจะไม่
00:34:50 → 00:34:53 ชอบเพราะเขาบอกว่าความ complex ในชาบางที
00:34:53 → 00:34:57 มันหายไปมันคือวิธียังไงนะเหมือนจับน้อง
00:34:57 → 00:34:59 ชาไปขยี้ไปทำอะไรเงี้ยค่ะให้มันแบบรุนแรง
00:34:59 → 00:35:01 ให้แบบว่าเา้ามีความแบบเหมือนกระทบ
00:35:01 → 00:35:03 กระเทือนเยอะๆจนสุดท้ายแบบแล้วก็ไปผ่าน
00:35:03 → 00:35:05 ความร้อนอะไรเงี้ยจนออกมาเข้มมากๆซึ่ง
00:35:05 → 00:35:08 ชาเนี้ยถ้าถามอ่ะดีคิดว่ามันเป็นรสชาติ
00:35:08 → 00:35:11 ของกระแสหลักความนิยมที่คนดื่มชานมที่ชอบ
00:35:11 → 00:35:14 ตัวอย่างเงี้ยค่ะก็คือพอชงออกมาเขาจะมี
00:35:14 → 00:35:17 ความเข้มกว่าคนอื่นเข้มกว่าพวกชาใบคือถ้า
00:35:17 → 00:35:19 ชาใบแล้วเอาเศษชามาชงอ่ะมันก็จะได้ความ
00:35:19 → 00:35:21 เข้มแล้วใช่มั้คะแต่มันจะไม่เข้มเท่าใบ
00:35:21 → 00:35:24 ถ้าเป็นใบเลยเมันจะอ่อนมันจะอ่อนกว่ามัน
00:35:24 → 00:35:26 จะใช้เวลาในการคลายคืออย่างถ้าเป็นพวก
00:35:26 → 00:35:30 กลุ่มชาเอ่อชาบดอ่ะมันจะมีพวกผงชาปนเข้า
00:35:30 → 00:35:32 ไปในน้ำชาด้วยค่ะมันก็จะมีแบบเหมือนมาชา
00:35:32 → 00:35:34 มันจะมีบอดี้ในตัวน้ำชาแต่ถ้าอันนี้มัน
00:35:34 → 00:35:36 เหมือนผ่าน process มาเพื่อเพื่อทำเป็นชา
00:35:36 → 00:35:38 นมอ่ะเขาจะไม่ค่อยกินเป็นชาใสกันเท่าไหร่
00:35:38 → 00:35:41 อารมณ์เหมือนเราบางทีเขาแบบไม่ไม่เอาไม่
00:35:41 → 00:35:43 กินโรบาสต้าขั้วเข้มๆอะไรอย่างเงี้ยเราขอ
00:35:43 → 00:35:47 เป็นแบบอราิก้าขั้วแบบพessอะไรอย่างเงี้ย
00:35:47 → 00:35:49 ประมาณนั้นแต่นี้ก็จะเป็นแบบอีกแบบนึง
00:35:49 → 00:35:53 ซึ่งเวลาอินเดียเขาไปทำพวกแบบชาต้มอ่ะค่ะ
00:35:53 → 00:35:56 ครับนอกเอ่อไม่ว่าจะเป็นชาไม่ได้มีเ้าไม่
00:35:56 → 00:35:58 ได้มีแค่มาซาร่าใจมาสซาร่าใจคือชาใส่
00:35:58 → 00:36:00 เครื่องเทศแต่จริงๆเขามีชาขิงชาอะไรของ
00:36:00 → 00:36:02 เขาเยอะไม่หมดเลยเจะนิยมใช้ชากลุ่มเนี้ย
00:36:02 → 00:36:05 เพราะว่าราคามันถูกแล้วก็ลดแบบลดเข้มอืม
00:36:05 → 00:36:08 เอามาสู้กับหนมชาที่นิยมเอาไปทำชานมจริงๆ
00:36:08 → 00:36:11 ใช่ๆจริงๆแล้วเวลาบางทีเราซื้อแบบทbมา
00:36:11 → 00:36:13 อย่างเงี้ยค่ะแกะมาข้างในก็จะเป็นกลุ่ม
00:36:13 → 00:36:15 แบบนี้ก็มีอืคือเราต้องการเข้มความเข้ม
00:36:15 → 00:36:17 ข้นเราจะเลือกแบบนี้กันมากกว่าโอเคแต่
00:36:17 → 00:36:20 จริงๆแล้วมันสามารถใช้ชาใบไปทำอยู่แล้ว
00:36:20 → 00:36:24 ได้ใช่เพราะว่าหลังๆอ่ะค่ะเอ่อชาถ้าเราไป
00:36:24 → 00:36:26 ร้านชมมเราจะเห็นว่ามันจะมีความ specialy
00:36:26 → 00:36:30 มากขึ้นอย่างยิ่งหลังๆอ่ะอ่าพวกแบรนด์จีน
00:36:30 → 00:36:32 มาเปิดอ่ะค่ะเขาจะมีแบบชื่อสายพันธุ์ชามา
00:36:32 → 00:36:35 เลยแบบว่าเช่นแบบเตียนหงส์อ่าชาเตียนหงส์
00:36:35 → 00:36:37 เป็นชาแดงอันนึงในแถบยูนาชื่อชาเตียนหงส์
00:36:37 → 00:36:40 จะมีกลิ่นจะมีรสของเขาอีกแบบนึงหรือว่า
00:36:40 → 00:36:43 แบบอารมณ์แบบของเผาอะไรอย่างเงี้ยค่ะเป็น
00:36:43 → 00:36:46 อูหลงใช่เป็นอูหลงก็นิยมเอามาพูดถึง
00:36:46 → 00:36:48 เหมือนกันภูเอิร์สุกอะไรอย่างเงี้ยก็จะมี
00:36:48 → 00:36:51 แบรนด์จีนหลายๆแบรนด์ที่เข้ามาก็จะเริ่ม
00:36:51 → 00:36:53 เอาอันนี้มาแล้วก็ล่าสุดที่ดีไปไต้หวัน
00:36:53 → 00:36:55 น่ะดีก็เห็นเออไต้หวันเขาก็มีแบบอย่างนี้
00:36:55 → 00:36:57 แล้วเหมือนกันนะอะไรอย่างเงี้อืคือร้าน
00:36:57 → 00:37:01 น่ะเริ่มลงลึกเป็นเรื่องใบชามากขึ้นใช่
00:37:01 → 00:37:03 ใช่ค่ะแต่ก็จะเป็นชาใบเลยไม่ใช่เป็นชาที่
00:37:03 → 00:37:07 มันทำแล้วใช่เอ่อถ้าเป็นร้านกึ่งๆสalyอ่ะ
00:37:07 → 00:37:10 จะเป็นชาใบเลยอ่ะค่ะเอใช่ซึ่งจริงๆแล้ว
00:37:10 → 00:37:11 มันไม่ได้มีความอันตรายเท่าไหร่หรอกมัน
00:37:11 → 00:37:14 แค่เป็นเรื่องของเกรดใช่ๆเป็นเรื่องของ
00:37:14 → 00:37:18 เกรดเออแล้วก็บางคนบางงานวิจัยอีกแล้ว
00:37:18 → 00:37:20 เหมือนกันคือต้องบอกว่างานวิจัยเราก็ตอบ
00:37:20 → 00:37:22 ไม่ได้มันจริงไม่จริงเาบอกว่ากลุ่มชาแดง
00:37:22 → 00:37:24 อ่ะค่ะมันออกซลตเยอะเอสารออกซาเลตเยอะมัน
00:37:24 → 00:37:27 อาจจะทำให้เสี่ยงการเป็นนิ่วมากกว่ากลุ่ม
00:37:27 → 00:37:30 อื่นๆอะไรประมาณนั้นแต่ก็คือต้องดื่มแบบ
00:37:30 → 00:37:33 เข้มๆหนักๆทุกวี่ทุกวันดื่มน้ำน้อยอะไร
00:37:33 → 00:37:35 เงี้ยหรืออาจจะไปเจอน้ำที่มีความกระด้าง
00:37:35 → 00:37:38 สูงออือถึงจะประมาณนั้นอันนี้งานวิจัย
00:37:38 → 00:37:44 เค้าก็ว่ากันมาแบบนั้นอโอเค
00:37:44 → 00:37:47 ว่าตอนเนี้ยจากที่ฟังดีเล่ามาทั้งหมด
00:37:47 → 00:37:49 เนี่ยเหมือนชานมอ่ะมันเปลี่ยนแปลงมาจาก
00:37:49 → 00:37:52 ที่เขา้ากินแบบเค็มด้วยซ้ำไปอะไรอย่าง
00:37:52 → 00:37:55 เงี้ยแล้วก็ใช้นมสดมันก็จะมีการพัฒนามา
00:37:55 → 00:37:57 แบบถึงการใช้นมข้นเพราะเราไม่คุ้นเคยเนาะ
00:37:57 → 00:38:00 เราเก็บได้นานกว่าถูกมั้ฮะแล้วก็แต่ไอ้
00:38:00 → 00:38:03 ตัวชาเนี่ยก็จะแบบเหมือนจะคงมาตลอดตั้ง
00:38:03 → 00:38:05 แต่แรกจนถึงปัจจุบันเนี่ยไม่ได้มีความ
00:38:05 → 00:38:08 เปลี่ยนแปลงเท่าไหร่อหมายถึงว่าเมื่อก่อน
00:38:08 → 00:38:10 กินชาแดงเดี๋ยวนี้ก็ยังใช้ชาแดงมันเป็น
00:38:10 → 00:38:14 เบสในการทำอยู่อืเดี๋ยวนี้เริ่มมีนี่แบบ
00:38:14 → 00:38:16 กลุ่มชาวอุหลงอย่างที่บอกค่ะกลุ่มชาว
00:38:16 → 00:38:18 อุหลงเข้ามาจริงๆกลุ่มชาวอุหลงอดีไม่แน่
00:38:18 → 00:38:21 ใจว่าเทรนด์มันฮิตมาจากทางไต้หวันหรือ
00:38:21 → 00:38:22 เปล่าหรือว่าจากทางจีนอ่ะไม่แน่ใจแต่ว่า
00:38:22 → 00:38:24 มันจะมีชาชานมอุหลงอันเนี้ยเคยได้ยินที่
00:38:24 → 00:38:27 บอกว่ากลิ่นมันมิmilกี้อ่ะไปกันได้แล้ว
00:38:27 → 00:38:31 หลังๆก็เริ่มแบบพิเศษมาขึ้นเอ่อชาเขียวใบ
00:38:31 → 00:38:35 ก็เริ่มเอามาทำชมก็มีใช่แล้วก็เริ่มมีแบบ
00:38:35 → 00:38:38 อู่หลงแบบที่ไม่ใช่อู่หลงคั่วก็มีค่ะ
00:38:38 → 00:38:41 เพราะว่าเหมือนกับหลังๆอ่ะมันจะมีการเอา
00:38:41 → 00:38:45 นมมากับใบชาเลยออประมาณนั้นทำเป็นชานม
00:38:45 → 00:38:47 กลุ่มสเปชalyอ่ะก็มีกลิ่นอยู่มันอร่อย
00:38:47 → 00:38:49 กว่ายังไงครับคือต้องบอกก่อนว่าปกติเราชง
00:38:49 → 00:38:52 น้ำชาใช่มั้คะก็คือน้ำแล้วก็ใส่ความเข้ม
00:38:52 → 00:38:55 ข้นลงไปก็เลือกได้ถ้าทั่วไปร้านที่ขาย
00:38:55 → 00:38:57 ทั่วไปเป็นกระแสหลักก็จะใส่ครีมเทียม
00:38:57 → 00:38:59 เพราะว่าน้องเขาข้นโดยที่ไม่ไม่ต้องเพิ่ม
00:38:59 → 00:39:02 ของเหลวเป็นการเอาครีมเทียมใส่ไปในน้ำชา
00:39:02 → 00:39:05 อันนี้ก็จะเป็นชาที่กินกันส่วนใหญ่แล้ว
00:39:05 → 00:39:07 ลองลงมาก็จะเป็นเอ่อนมข้นใช่มั้คะเพราะ
00:39:07 → 00:39:10 ว่านมข้นก็แน่นอนของเหลวก็น้อยเพราะว่า
00:39:10 → 00:39:13 เขาคดมาแล้วส่วนถ้าอันเนี้ยใบชาก็คือเอา
00:39:13 → 00:39:17 ใบชากับนมมาของเหลวมันก็จะน้อยอน้อยลงใช่
00:39:17 → 00:39:20 มันจะมีความนมกับชาเลยแต่ว่าถ้าถามถึงรส
00:39:20 → 00:39:23 ชาติอ่ะเค้าอันเนี้เขาจะเน้นเป็นแนวแบบนม
00:39:23 → 00:39:29 กับใบชากลมๆนวลรสแบบรสแบบชาวสปชalตี้อ่ะอ
00:39:29 → 00:39:31 โอเคไม่ไม่ได้แบบแรงกระแทกแบบต้องการความ
00:39:31 → 00:39:34 เข้มข้นขนาดอารมณ์เหมือนแบบกินกาแฟดิริป
00:39:34 → 00:39:37 กาแฟขอได้กลิ่นนิดหน่อยมีความคเพกอยู่
00:39:37 → 00:39:39 บ้างอะไรใช่เวลากินมาคนเจะบอกว่าเอ้ยแบบ
00:39:39 → 00:39:42 มันมีมิติของแบบดอกไม้อยู่อะไรอย่างเงี้ย
00:39:42 → 00:39:45 ค่ะสมมุติว่าเอาทิกวนอิ่มแบบอซีแบบที่ไม่
00:39:45 → 00:39:48 ได้แบบหมักมากแบบออกซีไซดน้อยๆมันจะมี
00:39:48 → 00:39:51 กลิ่นความเขียวความอยู่เอามากับนมก็จะได้
00:39:51 → 00:39:54 เป็นชาเขียวนมที่มีความแบบดอกไม้ดอกไม้
00:39:54 → 00:39:57 กินเข้าไปแล้วเป็นเหมือนนมรสดอกไม้โดยที่
00:39:57 → 00:39:59 ไม่ต้องแบบแต่งกลิ่นอะไรประมาณนั้นอซึ่ง
00:39:59 → 00:40:02 ตอนนี้ในบ้านเราเนี่ยมีร้านที่ทำแบบนี้มี
00:40:02 → 00:40:04 ทำอยู่ค่ะแต่ว่าส่วนใหญ่น่าจะเป็นเข้าใจ
00:40:04 → 00:40:07 ว่าน่าจะต้องแบบพลีอหรืออะไรแบบนี้ซะมาก
00:40:07 → 00:40:11 กว่าออก็จะเป็นแบบใบชากับนมเอดไปเลยนมใช่
00:40:11 → 00:40:14 ๆซึ่งถ้าถามเห็นแล้วราคาสูงก็ไม่ต้องแปลก
00:40:14 → 00:40:18 ใจเพราะว่าเป็นชนั้นคือการกินเพื่อจะเอา
00:40:18 → 00:40:21 รสชาด้วยเนาะด้วยค่ะแต่ว่ามันก็อย่างที่
00:40:21 → 00:40:25 บอกอ่ะมันจะเป็นรสชาที่คนไทยส่วนมากคนไทย
00:40:25 → 00:40:27 ทั่วไปที่ไม่ได้เป็นสาย speciciality ค่ะ
00:40:27 → 00:40:30 รู้สึกว่าเอ้ยกลิ่นชามันเบาเพราะว่าภาพจำ
00:40:30 → 00:40:33 กลิ่นชาเราคืออื้อหือเข้มฝาดใช่ๆแบบอย่าง
00:40:33 → 00:40:35 น้อยแบบต้องได้ชาแบบอะโกงอะไรอย่างเงี้ย
00:40:35 → 00:40:38 ค่ะหรือไม่ก็ต้องแบบแบบชาแดงนี่ต้องขั้น
00:40:38 → 00:40:40 ต่ำ English ที่มันหนักๆเฟื่อนๆหน่อยอะไร
00:40:40 → 00:40:42 เงี้ยแต่ทางนู้นเขาจะเน้นแบบไม่เฝื่อน
00:40:42 → 00:40:51 เน้นหอมแบบกินลิ้นจีกินอือืประมาณนั้น
00:40:51 → 00:40:54 พอหลังจากนั้นแบบชามันก็เริ่มมีส่วนผสม
00:40:54 → 00:40:57 เข้าไปมากกว่ามากกว่าชากับนมมันมีครีม
00:40:57 → 00:41:00 เทียมมีนมข้นหวานมีกลิ่นนู่นมีสีนี่ชานม
00:41:00 → 00:41:03 มันมีเอ่อข้อควรระวังหรือความการความ
00:41:03 → 00:41:06 อันตรายมั้ฮะในการกินจริงๆที่น่าเป็น
00:41:06 → 00:41:10 กังวลก็คือเรื่องน้ำตาลกับพวกเอ่อครีม
00:41:10 → 00:41:13 เทียมแล้วก็ไขมันอันนี้ส่วนตัวเป็นคน
00:41:13 → 00:41:15 คอนเซิร์นเองอยู่พอสมควรก็คือว่าคือถ้า
00:41:15 → 00:41:18 ดื่มทุกวันของแบบนี้มันก็อาจจะไม่ค่อยดี
00:41:18 → 00:41:19 เท่าไหร่อาจจะต้องระวังแต่ถ้าบอกว่าเป็น
00:41:19 → 00:41:22 คนที่ดื่มแล้วแล้วออกกำลังกายเยอะๆอะไร
00:41:22 → 00:41:24 อย่างเงี้ยก็อาจจะไม่ได้มีแบบประเด็นอะไร
00:41:24 → 00:41:28 มากใช่แล้วก็อ่ะอาจจะหรือว่าถ้าใครอยากจะ
00:41:29 → 00:41:32 แบบเออแบบลดการดื่มครีมเทียมอะไรอย่าง
00:41:32 → 00:41:34 เงี้ยหรือว่านมข้นก็อาจจะเปลี่ยนมาเป็นนม
00:41:34 → 00:41:36 สดมันอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าหรืออาจ
00:41:36 → 00:41:39 จะงดการใส่น้ำตาลแบบกินน้ำตาลน้อยลงอะไร
00:41:39 → 00:41:41 อย่างเงี้ยเป็นแบบใช้ความหวานจากใบชามั้ย
00:41:41 → 00:41:43 เพราะว่าใบชาบางตัวมันอาจจะหวานถ้าในกรณี
00:41:43 → 00:41:46 แบบมาทำกินเองอะไรอย่างเงี้ยอ่ะค่ะก็จะ
00:41:46 → 00:41:48 ประมาณนั้นที่น่ากลัวก็คือเรื่องของน้ำ
00:41:48 → 00:41:51 ตาลกับไข่มันเออแต่ถ้าถามว่าเรื่องแบบสาร
00:41:51 → 00:41:53 ออกซาเลตในชาหรืออะไรอย่างเงี้ยส่วนตัวดี
00:41:53 → 00:41:56 ยังมองว่ามันไม่ได้น่ากังวลขนาดนั้นตราบ
00:41:56 → 00:41:58 ที่เราไม่ได้กินชานมแทนน้ำอ่ะหมายความว่า
00:41:58 → 00:42:00 แบบไม่ได้กินแบบอื้อหืออาจจะกินเป็นมื้อ
00:42:00 → 00:42:03 แบบวันละแก้ว 2 แก้วก็อาจจะกังวลเรื่อง
00:42:03 → 00:42:05 น้ำหนักกับค่าเลือดนิดนึงอะไรประมาณนี้
00:42:05 → 00:42:08 ค่ะแต่ว่าเรื่องอื่นๆน่ะดิคิดว่าถ้าจะกิน
00:42:08 → 00:42:11 ให้มันเจอผลแบบงานวิจัยก็คือต้องกินแบบ
00:42:11 → 00:42:15 เยอะมากจริงๆเออๆแล้วก็ถ้าคนที่คาดหวัง
00:42:15 → 00:42:18 ว่าจะกินนมแล้วได้ประโยชน์หรือกินชาเพื่อ
00:42:18 → 00:42:20 เอาประโยชน์การกินชานมอาจจะไม่ได้ตอบ
00:42:20 → 00:42:23 โจทย์ขนาดนั้นเพราะว่านมกับชามันเหมือน
00:42:23 → 00:42:25 แบบเหมือนจริงๆมันทำให้รสชาติดีขึ้นแต่
00:42:25 → 00:42:28 ว่ามันเป็นคู่ที่อาจจะไม่ค่อยถูกขั่เพราะ
00:42:28 → 00:42:31 ว่าเอ่อชามันจะไปขวางการดูดซึมแคลเซียม
00:42:31 → 00:42:35 ใช่ส่วนอ่อใช่ค่ะแล้วก็นมมันก็จะไปลดพวก
00:42:35 → 00:42:38 แบบสารแอนตี้ออกซidanceในชาอะไรก็คือฆ่า
00:42:38 → 00:42:41 กันเองใช่ๆแต่คือเขา้าถ้าถามดีอยู่ด้วย
00:42:41 → 00:42:43 กันมันก็เป็นแบบ 0 น่ะมันไม่ได้เป็นแบบลบ
00:42:43 → 00:42:45 ๆอะไรอย่างเงี้ยคือมันก็รสชาติดีขึ้น
00:42:45 → 00:42:48 เพราะว่าอย่างการกินชาที่มันเข้มๆฝาดๆบาง
00:42:48 → 00:42:51 ทีมันก็มันจะฝาดไปเงี้ยเขาก็เลยเติมนมลง
00:42:51 → 00:42:57 ไปให้มันมีความแบบ complex มากขึ้น
00:42:57 → 00:43:01 อถ้าไม่ต้องแบบชาใสหรือชานมดีแนะนำว่าเรา
00:43:01 → 00:43:03 กินชายังไงถึงจะได้ประโยชน์จากชามากที่
00:43:03 → 00:43:05 สุดกินประโยชน์จากชามากที่สุดดีก็คงต้อง
00:43:05 → 00:43:09 เป็นชาใสชาใสใช่ก็ถ้าเกิดว่าใครแบบ
00:43:09 → 00:43:11 เอ่อกินชา
00:43:11 → 00:43:15 ใสจริงๆชาใสในขอเลฟพวกแบบงานวิจัยอ่ะพวก
00:43:15 → 00:43:17 ชาแต่ละกลุ่มแบบชาเขียวชาขาวอะไรอย่าง
00:43:17 → 00:43:20 เงี้ยมันมีการทำวิจัยว่าคุณลักษณะเด่นของ
00:43:20 → 00:43:23 ชาที่ผ่าน process แบบนั้นน่ะมันมันมีข้อ
00:43:23 → 00:43:25 ดีข้อแบบมันมีข้อดีที่ต่างกันอย่างเช่น
00:43:25 → 00:43:27 แบบชาเขียวเราก็จะเคยได้ยินเรื่องแบบเร่ง
00:43:27 → 00:43:29 การเผาผลาญอย่างชาขาวอย่าเงี้ยค่ะเขาก็
00:43:29 → 00:43:31 บอกว่ามันจะบำรุงหัวใจคืออันเนี้ทั้งงาน
00:43:31 → 00:43:34 วิจัยของตะวันตกแล้วก็ความเชื่อของชาวจีน
00:43:34 → 00:43:35 โบราณเขาก็มองเหมือนกันว่ากินแล้วบำรุง
00:43:35 → 00:43:38 หัวใจหรือว่าอย่างแบบอู่หลงมันจะมีสาร
00:43:38 → 00:43:40 พิเศษที่มีเฉพาะในอู่หลงเรื่องแบบดักจับ
00:43:40 → 00:43:42 ไขมันในเลือดอะไรอย่างเงี้ยค่ะหรือว่า
00:43:42 → 00:43:46 อย่างพวกกลุ่มเผอสุขหรือว่าพวกเอ่อชาดำ
00:43:46 → 00:43:49 หมักอ่ะมันก็จะมีในเรื่องของไมโครโบมอื
00:43:49 → 00:43:52 พวกแบบโปรีอะไรอย่างงี้ใช่ค่ะแต่ว่าถ้า
00:43:52 → 00:43:55 เอาไปต้มจนเดือดก็คือไม่เหลือนะอาจจะชง
00:43:55 → 00:43:57 น้ำอะไรอย่างเงี้ยแช่เอาไว้ประมาณนั้นก็
00:43:57 → 00:44:00 ก็คือแช่ชงน้ำเย็นอืมจริงๆดีๆว่าชงน้ำแบบ
00:44:00 → 00:44:02 อุ่นๆอะไรอย่างเงี้ยก็น่าจะได้เพราะว่า
00:44:02 → 00:44:05 แบบเค้ากินแบบเพื่อเรื่องของแบบระบบขับ
00:44:05 → 00:44:08 ถ่ายอะไรอย่างเงี้ยก็มีแล้วก็อหลังๆอ่ะ
00:44:08 → 00:44:10 ค่ะมันงานวิจัยอ่ะมันไปเยอะที่ภูเอ๋อ
00:44:10 → 00:44:12 ศุกร์ที่มันเป็นชาอสัภูสุขคือเอาชาอสัไป
00:44:12 → 00:44:16 ทำโพส fermented อืมันจะเป็นเรื่องของแบบ
00:44:16 → 00:44:19 ไขมันกับน้ำตาลคือคนจะฮิตมากถ้าเราไป
00:44:19 → 00:44:22 เสิร์ชว่าแบบกินชาแล้วดีต่อเอ่อไขมันใน
00:44:22 → 00:44:25 เลือดกับน้ำตาอะไรเงี้ยก็จะแบบชูตัวเผสุข
00:44:25 → 00:44:29 รีเสิร์ชpapเปอร์แนนกอือันนั้นคือแนะนำไป
00:44:29 → 00:44:31 เป็นชาใสใช่ก็แนะนำเป็นกลุ่มแบบนั้นแล้ว
00:44:31 → 00:44:35 ก็อาจจะดื่มแบบดื่มดื่มทั้งวันดื่มแทนน้ำ
00:44:35 → 00:44:37 อะไรเงี้ยค่ะแต่ว่าสำหรับคนที่แพ้คาเฟอีน
00:44:37 → 00:44:39 หรืออะไรเงี้ยอาจจะต้องระวังคอนเซิร์นนิด
00:44:39 → 00:44:45 นึงเพราะว่ามันก็มันก็เยอะ
00:44:45 → 00:44:48 คือฟังดูแล้วชานมมันไม่ได้มีเพื่อสุขภาพ
00:44:48 → 00:44:50 เท่าไหร่นะแต่ว่ามันมีเพื่อความพึงพอใจ
00:44:50 → 00:44:53 อ่ะคือกินแล้วมันอร่อยอย่างที่ดีบอกค่ะ
00:44:53 → 00:44:56 แต่ว่าถ้าในทุกวันเนี้ยในตลาดอ่ะเราจะ
00:44:56 → 00:44:59 เลือกกินชานมอ่ะมันมีวิธีที่ทำให้เราแบบ
00:44:59 → 00:45:02 healthy ที่สุดในการเลือกชานมแล้วยังมี
00:45:02 → 00:45:04 ความสุขกับการกินอยู่บ้างมยก็ถ้าหมายถึง
00:45:04 → 00:45:07 ว่าถ้าไม่นับทำเองใช่ไหมคะคือก็จะแนะนำ
00:45:07 → 00:45:10 ให้ดูเป็นพวกกลุ่มที่มันจะมีร้านชานมที่
00:45:10 → 00:45:13 เขาอาจจะเป็นนมสดก็จะมีหลายร้านเหมือนกัน
00:45:13 → 00:45:15 ค่ะอาจจะเห็นเป็นแบบทีลาเต้อาจจะลองถาม
00:45:15 → 00:45:17 ร้านเ้าดูก่อนก็ได้ว่าตัวไหนที่แบบเอ่อ
00:45:17 → 00:45:19 เป็นนมสดบ้างแต่ก็ต้องพูดตามตรงว่าอาจจะ
00:45:19 → 00:45:22 ต้องรับได้กับรสชาติที่มันเบาเบาลงใช่เรา
00:45:23 → 00:45:25 อาจจะต้องลดความหวานมันลงอะไรอย่างเงี้ย
00:45:25 → 00:45:27 ค่ะอหวานอาจจะไม่ลดก็ได้แต่ว่าอาจจะลด
00:45:27 → 00:45:30 ความมันลงซึ่งก็มีหลายเจ้ามากๆเลยในใน
00:45:30 → 00:45:33 ตลาดที่เป็นแบรนด์แสก็มีค่ะเขาจะมีให้
00:45:33 → 00:45:35 เลือกกลุ่มแบบชาธรรมดาของเขากับกลุ่มที่
00:45:35 → 00:45:38 ส่วนมากเขาจะชอบเขียนว่าลาเต้อ่ะนมอะไร
00:45:38 → 00:45:40 อย่างเงี้ยหรือไม่ก็เป็นแบบนมสดลองไปดู
00:45:40 → 00:45:44 ประมาณนั้นพวกนี้ก็จะอลดครีมเทียมลงมาอื
00:45:45 → 00:45:46 นมมันอาจจะไม่ได้อันตรายเท่าครีมเทียมและ
00:45:46 → 00:45:50 นมคนหวานน้ำตาลใช่มั้ใช่ใช่ในอันนี้คือใน
00:45:50 → 00:45:53 ความรู้ในความรู้สึกเราก็อะไรอ่ะวิชา
00:45:53 → 00:45:56 สุขศึกษาสอนมาเชอบบอกว่าแบบกินครีมเทียม
00:45:56 → 00:45:58 มันไม่ค่อยดีอะไรอย่างเงี้ยออแต่พี่ว่า
00:45:58 → 00:46:01 แบบวันนึงเราจะกินชาไทยที่มันมีสีก็ได้นะ
00:46:01 → 00:46:04 แต่ว่าแค่รู้ว่ามันควรกินแค่ไหนใช่ใช่คือ
00:46:04 → 00:46:07 ถามดีๆคิดว่าเราอ่ะกินได้ไม่มันไม่ได้รู้
00:46:07 → 00:46:09 สึกว่ามันเป็นของอันตรายขนาดนั้นแต่ว่า
00:46:09 → 00:46:11 มันก็ต้องแบบไม่ไม่ได้แบบโอ้โหวันนึงกิน
00:46:11 → 00:46:13 แทนน้ำกินเป็นฤทธิ์อะไรอย่างเงี้ยอันนี้
00:46:13 → 00:46:15 ถึงน่ากลัวเพราะว่าเรื่องสีอาจจะไม่น่า
00:46:15 → 00:46:19 กลัวเท่ากับเรื่องของน้ำตาลน้ำตาลกับไข
00:46:19 → 00:46:24 มันอะไรประมาณนี้ค่ะ
00:46:24 → 00:46:27 พี่ชวนดีมาคุยเนี่ยเพราะว่าเพราะว่าเห็น
00:46:27 → 00:46:31 อันล่าสุดเนี่ยคือบอกว่าทุกคนว่าดีทำร้าน
00:46:31 → 00:46:34 ชื่อติ่งๆตนะเออจะอ่านยากหน่อยคือร้านดี
00:46:35 → 00:46:37 เนี่ยเขียนว่าคนอาจจะชอบอ่านว่าเด้งๆ
00:46:37 → 00:46:40 เพราะมันเขียนว่า d
00:46:40 → 00:46:43 แต่ว่าจริงๆว่าเติิ่งๆคือดีทำร้านชาแล้ว
00:46:43 → 00:46:46 ก็อันล่าสุดที่ชวนมาคุยเนี่ยเพราะว่าดีทำ
00:46:46 → 00:46:51 ชาไทยที่ไม่ใส่สีอืค่ะมันดีกว่ายังไง
00:46:51 → 00:46:53 คมอาจจะไม่ได้พูดว่าดีกว่ายังไงแล้วกัน
00:46:53 → 00:46:55 แต่เรียกว่ามันเป็นความชอบส่วนตัวของทาง
00:46:55 → 00:46:57 ดีอ่ะคือเป็นคนที่ค่อนข้างชอบกินอะไรที่
00:46:57 → 00:47:00 มันแบบว่าเป็นคนชอบกินชาอยู่แล้วแล้วก็
00:47:00 → 00:47:02 ถ้าเป็นไปได้อ่ะมันก็ไม่อยากจะกินพวกแบบ
00:47:02 → 00:47:04 สีสังเคราะห์หรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะส่วน
00:47:04 → 00:47:06 ตัวเป็นคนชอบแล้วก็ตามหาแบบชาไทยที่มัน
00:47:06 → 00:47:08 แบบไม่มีสีมานานแล้วเวลาไปต่างประเทศก็
00:47:08 → 00:47:10 คือไปซื้อกลับมาคือเป็นคนชอบกินชาไทยแหละ
00:47:10 → 00:47:13 แต่ว่าอเวลาล้างจานล้างแก้วอะไรเงี้ยเห็น
00:47:13 → 00:47:15 สีส้มๆมันก็ปวดใจคือมันก็ไม่ได้เป็น
00:47:15 → 00:47:17 เรื่องแบบผลกระทบสุขภาพนะคะล้างแก้วแล้ว
00:47:17 → 00:47:20 แก้วติดสีทีนี้ก็เลยเหมือนกับว่าบังเอิญ
00:47:20 → 00:47:24 ว่ารู้จักกับคนที่เขาส่งออกชาค่ะซึ่งปกติ
00:47:24 → 00:47:26 เขาไม่ได้ขายในประเทศก็เลยขอคุยเพื่อที่
00:47:26 → 00:47:28 จะแบบว่าเอ่อขายเป็นตัวชาไทยไม่ใส่สีแล้ว
00:47:28 → 00:47:31 ก็เอามาเบนซ์เพิ่มแบบเบนซ์เพิ่มรสชาติให้
00:47:31 → 00:47:33 ได้ความเข้มแบบที่ชอบเงี้ยค่ะแล้วก็เลย
00:47:33 → 00:47:35 ไหนๆก็กินเองแล้วมันต้องซื้อเยอะอ่ะค่ะก็
00:47:35 → 00:47:39 เลยเอามาขายด้วยอเพราะว่าก็มีลูกค้าหลาย
00:47:39 → 00:47:41 คนที่แบบมาที่ร้านโดยเฉพาะชาวต่างชาติไง
00:47:41 → 00:47:44 เขาอยากกินชาไทยก็เลยเออเอาลองมาเสิร์ฟดู
00:47:44 → 00:47:46 ก็แรกๆก็จะมีถามบ้างเรื่องสีอะไรประมาณ
00:47:46 → 00:47:49 นี้อว่าทำไมไม่มีสีเหรอใช่ๆว่าทำไมเอ้ย
00:47:49 → 00:47:51 ทำไมแบบชาไทยแบบไม่ส้มนี่ชาไทยพร้อมหรือ
00:47:51 → 00:47:53 เปล่าอะไรเงี้ยก็ต้องอธิบายงี้อคือจริงๆ
00:47:53 → 00:47:57 แล้วเราอาจจะติดเรื่องกลิ่นซึ่งดีก็ทำให้
00:47:57 → 00:48:00 มันมีกลิ่นที่เป็นชาไทยได้อยู่แต่ว่าสี
00:48:00 → 00:48:01 นี่อาจจะดึงออกแต่ถ้าเกิดแบบเราติดเรื่อง
00:48:02 → 00:48:05 สีจริงๆดีคิดว่าดีจะลองหาวิธีทำสีส้มเข้า
00:48:05 → 00:48:07 ไปโดยที่เป็นแบบธรรมชาติบ้างมั้ยจริงๆมัน
00:48:07 → 00:48:10 ทำได้นะคะก็สามารถใช้พวกเอ่อดอกคำฝอยหรือ
00:48:10 → 00:48:13 ว่าเมล็ดเนี่ยเมล็ดดอกผุดอ่ะกีจีอ่ะค่ะ
00:48:13 → 00:48:16 ที่เขาเอามาย้อมใช้เท้าของเกาหลีอ่ะ
00:48:16 → 00:48:19 ญี่ปุ่นเอ่อที่เอาไปต้มน้ำเก็หวยก็ได้ค่ะ
00:48:19 → 00:48:22 มันก็สามารถให้สีได้เหมือนกันถ้าถ้าคนพึง
00:48:22 → 00:48:24 พอใจในสีตรงนี้แต่อาจจะต้องคอนโทรลนิดนึง
00:48:24 → 00:48:26 เพราะว่ามันเป็นสีเหลืองเหมือนกันใส่ลงไป
00:48:26 → 00:48:28 แล้วมันจะได้ส้มๆนัแหละแต่ขึ้นอยู่กับว่า
00:48:28 → 00:48:30 อยากได้เฉดไหนอาจจะต้องมาปรับอะไรประมาณอ
00:48:30 → 00:48:33 ก็อยู่ที่ว่าเราติดเรื่องสีหรือใช่ๆติด
00:48:33 → 00:48:35 แค่ไหนอะไรแต่ว่าจริงๆที่ร้านเนี่ยไม่ใช่
00:48:35 → 00:48:38 มีแค่ชาไทยไม่มีสีเท่านั้นนะคือที่ร้านมี
00:48:38 → 00:48:40 มีชาแบบไหนบ้างครับถ้าเกิดไทยอืก็มีเป็น
00:48:40 → 00:48:43 พวกกลุ่มชาร้อนชาใบแบบเนี้ยค่ะส่วนถ้า
00:48:43 → 00:48:46 เป็นชาเย็นน่ะก็จะเป็นกลุ่ม House เบนของ
00:48:46 → 00:48:48 ทางร้านก็จะเป็นเบสพวกแบบเป็น
00:48:48 → 00:48:51 speciciality ทีนิดนึงอะไรประมาณนั้นแต่
00:48:51 → 00:48:54 ว่ารสก็คิดว่ากินไม่ยากสั่งไม่ยากค่ะก็
00:48:54 → 00:48:57 อย่างเช่นพวกกลุ่มชาผลไม้เราก็จะใช้เป็น
00:48:57 → 00:49:00 เอ่อชาตันฉงเป็นอุหลงอย่างนึงซึ่งสั่งทำ
00:49:00 → 00:49:02 มาสำหรับชงเย็นโดยเฉพาะเพราะว่าปกติต้อง
00:49:02 → 00:49:05 บอกก่อนว่าชาใบที่มันแบบมีชื่อยากๆแบบ
00:49:05 → 00:49:08 เนี้ยของจีนน่ะเขาถูกเอ่อ process ออกมา
00:49:08 → 00:49:10 เพื่อชงเป็นชาร้อนรสชาติจะกลิ่นเป็นอีก
00:49:10 → 00:49:13 แบบนึงพอมาโดนน้ำแข็งปุ๊บอ่ะความดีงาม
00:49:13 → 00:49:15 เพราะมันจะหายไปเเป็นชายที่ดีมากแต่มันจะ
00:49:15 → 00:49:17 หายเราก็เลย process มาสำหรับทำเป็นชาย
00:49:17 → 00:49:19 เย็นโดยเฉพาะพอเพราะว่าเมืองไทยมันอากาศ
00:49:19 → 00:49:24 ร้อนอือๆก็จะมีทั้งชาใสและชานมใช่ค่ะอยู่
00:49:24 → 00:49:27 แล้วก็อีกอย่างนึงคือเหมือนมีนมทางเลือก
00:49:27 → 00:49:29 อยู่ด้วยมั้ยฮะใช่ค่ะก็ที่ร้านจะใช้เป็น
00:49:30 → 00:49:33 นมมะพร้าวอค่ะนมมะพร้าวต้องบอกก่อนว่ามัน
00:49:33 → 00:49:36 ไม่ได้เป็นกะทิมันไม่เหมือนกันถ้ามันจะ
00:49:36 → 00:49:39 เป็นเนื้อมะพร้าวกับน้ำมะพร้าวมาผสมกัน
00:49:39 → 00:49:43 อ๋อใช่ก็สำหรับคนที่แบบแพ้พวกนมสดอะไร
00:49:44 → 00:49:46 ประมาณนี้ค่ะเพราะว่าที่ร้านน่ะเราก็จะ
00:49:46 → 00:49:49 พยายามไม่ใช่คือเราไม่ใช่ครีมเถียมอืออื
00:49:49 → 00:49:51 ประมาณนั้นอยากให้เป็นแบบเครื่องดื่มชา
00:49:51 → 00:49:56 ที่แบบ enjoy แบบดื่มได้น่าจะทุกวันอืค่ะ
00:49:56 → 00:49:58 ซึ่งเอ่อคำถามก็คือแบบถ้าเราไม่ใช้นมสดนม
00:49:58 → 00:50:01 ทางเลือกมันจะแบบทำให้กลิ่นชานู่นนี่มัน
00:50:01 → 00:50:03 หายไปมั้มันจะมีบางตัวที่เกลี่ยนหายค่ะ
00:50:03 → 00:50:05 อันนี้พูดถึงนมทางเลือกถ้าไม่ได้เฉพาะคือ
00:50:06 → 00:50:07 อย่างของที่ร้านอ่ะมันก็จะเป็นนมมะพร้าว
00:50:08 → 00:50:11 บางตัวมันจะมีกลิ่นมะพร้าวนิดนึงแต่ว่า
00:50:11 → 00:50:14 ถ้าอยากให้อยากหายน้อยเลยก็จะเหมือนกาแฟ
00:50:14 → 00:50:16 ค่ะนมโอดก็จะตอบโจทย์ถ้าอย่างนมถั่วเหลือ
00:50:16 → 00:50:18 เหลืองก็กลิ่นก็จะมากลบกลิ่นชาเหมือนกัน
00:50:18 → 00:50:22 อือๆหรือดีไม่ดีบางนมตัวเลือกอาจจะต้องดู
00:50:22 → 00:50:24 เพราะบางตัวพอมาผสมกับชาแล้วอาจจะเป็น
00:50:24 → 00:50:28 เคิดๆก็มีอืค่ะโอเคชงกินเองแล้วก็ไม่ได้
00:50:28 → 00:50:31 อะไรก็อาจจะเป็นนมโอ๊ตถ้าถ้าชอบนมโอ๊ตอือ
00:50:31 → 00:50:34 ๆสำหรับคนชงเองบ้างดีแนะนำว่าต้องทำยังไง
00:50:34 → 00:50:39 บ้างถ้าชงเป็นชมใช่มั้คะถ้าชอบรสแบบเข้มๆ
00:50:39 → 00:50:41 ก็จะแนะนำให้เป็นพวกกลุ่มเอ่อชาแดงเนี่ย
00:50:42 → 00:50:46 แหละแต่ว่าให้ไปดูเป็นเอ่อลาดถ้ายังไม่มี
00:50:46 → 00:50:48 กลิ่นในใจที่ชอบนะคะก็จะแนะนำให้ไปดูพวก
00:50:48 → 00:50:51 ร้านอินเดียที่เป็นแบบชา CTC ชาเข้มๆเลย
00:50:51 → 00:50:53 หรือว่าแบบพวกชาพม่าชาซีอนแบบนี้ก็ได้ค่ะ
00:50:53 → 00:50:57 แล้วก็เอามาอาจจะเอามาต้มกับนมก็ได้หรือ
00:50:57 → 00:50:59 ว่าอีกช้อยส์นึงถ้าเป็นพวกชาใบหรือว่ามี
00:50:59 → 00:51:02 ชาแดงที่คัดเลือกไว้ในใจแล้วอาจจะชงเอา
00:51:02 → 00:51:05 ไว้ให้มันเข้มๆนิดนึงอาจจะใส่เป็นใบชา
00:51:05 → 00:51:08 เหนอซักแบบ 1 ต่อ 1 กับน้ำเอาเข้มๆเลยนะ
00:51:09 → 00:51:11 คะเสร็จแล้วชงแล้วก็ผสมนมลงไปแล้วก็ค้าง
00:51:11 → 00:51:15 คืนไปในตู้เย็นนะคะอมันจะให้นมกับเอ่อน้ำ
00:51:15 → 00:51:17 ชาบ่มกันแล้วมันจะมีความเข้มข้นมากขึ้นอื
00:51:17 → 00:51:20 อือันนี้ก็จะทำให้ได้ชานมรสชาติเข้มข้น
00:51:20 → 00:51:22 แต่อาจจะต้องใช้เวลานิดนึงอือแล้วที่
00:51:23 → 00:51:26 เหลือก็คืออยากเติมเอ่อน้ำตาลหรือนมอะไร
00:51:26 → 00:51:28 ก็แล้วแต่แล้วใช่มั้ฮะใช่แต่ส่วนใหญ่ถ้า
00:51:28 → 00:51:31 บ่มเอาไว้อ่ะค่ะเป็นนมสดอ่ะเขาก็จะแบบ
00:51:31 → 00:51:33 เข้มเข้มข้นมากๆเลยนะอะไรอย่างเงี้ยรส
00:51:34 → 00:51:37 ชาติจะดีขึ้นออืโอเควันนี้แบบขอบคุณดีมาก
00:51:37 → 00:51:42 ครับเล่าเรื่องนมชานมคือไล่มาตั้งแต่ชา
00:51:42 → 00:51:44 เป็นประเภทไหนเลยนะทำให้เราเข้าใจมากขึ้น
00:51:44 → 00:51:46 ทีนี้แบบวันที่เราไปสั่งเราก็จะเข้าใจว่า
00:51:47 → 00:51:49 เออไอ้ชาประเภทนี้มันคือชาแบบไหนมีผลยัง
00:51:50 → 00:51:53 ไงบ้างแล้วก็ได้ความรู้เรื่องชาลงไปอีก
00:51:53 → 00:51:55 เยอะมากอะไรเงี้ยขอบคุณดีมากครับถ้าเกิด
00:51:55 → 00:51:57 จับตาไปที่ร้านก็คือไปที่ตลาดปูเนาะใช่
00:51:58 → 00:52:02 ค่ะร้านเต๋งๆเติงๆขอโทษทีร้านเต๋งๆครับ
00:52:02 → 00:52:09 นี้ขอบคุณดีมากๆนะครับขอบคุณครับขอบคุณ
00:52:09 → 00:52:14 [เพลง]