00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcast Talk ความรู้
00:00:03 → 00:00:06 สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่
00:00:06 → 00:00:08 >> สวัสดีครับวันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่อง
00:00:08 → 00:00:11 ที่เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังเข้าใจผิดกัน
00:00:11 → 00:00:13 อยู่เยอะเลยนะครับก็คือเรื่องของไขมัน
00:00:13 → 00:00:15 อิ่มตัวนี่แหละครับเรามักจะได้ยินกันบ่อย
00:00:15 → 00:00:18 ๆว่ามันคือผู้ร้ายตัวฉกาดแต่ความจริงแล้ว
00:00:18 → 00:00:20 เนี่ยเรื่องราวของไขมันอิ่มตัวมันซับซ้อน
00:00:20 → 00:00:23 และน่าสนใจกว่าที่เราคิดเยอะเลยครับเคย
00:00:23 → 00:00:26 คิดกันเล่นๆมั้ยครับว่าเอ๊ะจะมีไขมันอิ่ม
00:00:26 → 00:00:28 ตัวชนิดไหนมนะที่มันไม่แค่ไม่ทำร้ายเรา
00:00:29 → 00:00:31 แต่กลับช่วยเราได้ด้วยซ้ำแถมยังช่วยลด
00:00:31 → 00:00:33 คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีหรือที่เรารู้จักกัน
00:00:33 → 00:00:37 ในชื่อ LDL ลงได้อีกคำถามนี้แหละครับคือ
00:00:37 → 00:00:39 หัวใจสำคัญของการวิเคราะห์ข้อมูลในวันนี้
00:00:39 → 00:00:44 เลยเอาล่ะครับงั้นเรามาเริ่มกันเลยมาทลาย
00:00:44 → 00:00:46 ความเชื่อเดิมๆที่เราเคยได้ยินกันมาก่อน
00:00:46 → 00:00:49 ดีกว่าครับคือภาพจำของคนส่วนใหญ่เลยใช่
00:00:49 → 00:00:52 มั้ครับพอพูดถึงไขมันอิ่มตัวปุ๊บก็จะนึก
00:00:52 → 00:00:55 ถึงน้ำมันหมูที่พ่อเอาไปแช่ตู้เย็นแล้ว
00:00:55 → 00:00:58 มันแข็งเป็นไขเราก็เลยกลัวกันว่าโหถ้ากิน
00:00:58 → 00:01:01 เข้าไปมันจะไปแข็งไปอุดตันในเส้นเลือดของ
00:01:01 → 00:01:03 เราหรือเปล่าความกลัวนี้แหละครับที่ทำให้
00:01:03 → 00:01:06 หลายๆคนหันไปใช้น้ำมันพืชกันหมดแต่เดี๋ยว
00:01:06 → 00:01:08 ก่อนความจริงแล้วเบื้องลึกเบื้องหลังของ
00:01:08 → 00:01:11 ไขมันอิ่มตัวเนี่ยมันมีอะไรที่ซับซ้อน
00:01:11 → 00:01:14 กว่านั้นเยอะเลยครับและนี่คือจุดที่สำคัญ
00:01:14 → 00:01:17 มากๆเลยครับต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าคำ
00:01:17 → 00:01:19 ว่าไขมันอิ่มตัวเนี่ยมันไม่ใช่สารประกอบ
00:01:19 → 00:01:22 แค่ตัวเดียวนะครับแต่มันเหมือนเป็นชื่อ
00:01:22 → 00:01:25 ของตระกูลใหญ่ๆตระกูลนึงเลยที่มีสมาชิก
00:01:25 → 00:01:27 หลักๆอยู่ 4 ตัวแล้วจะบอกว่าแต่ละตัว
00:01:27 → 00:01:29 เนี่ยนิสัยไม่เหมือนกันเลยครับส่งผลต่อ
00:01:29 → 00:01:32 ร่างกายเราแตกต่างกันแบบคนละเรื่องเลยมา
00:01:32 → 00:01:35 ดูตัวแรกกันก่อนเลยกรดปามิติกตัวนี้เป็น
00:01:35 → 00:01:38 กรดไขมันแบบสายยาวซึ่งความที่มันสายยาว
00:01:38 → 00:01:40 เนี่ยมันก็เลยจะย่อยยากหน่อยดูดซึมยาก
00:01:40 → 00:01:43 หน่อยทำให้ร่างกายเราเผ่าผ่านได้ช้าลงเรา
00:01:43 → 00:01:45 จะเจอเจ้าตัวนี้เยอะในไขมันจากสัตว์ปกตัว
00:01:45 → 00:01:48 ใหญ่ๆครับอย่างเนื้อวัวเนื้อหมูหรือในน้ำ
00:01:48 → 00:01:51 มันปาล์มต้องบอกว่าเจ้านี่แหละครับคือตัว
00:01:51 → 00:01:53 ที่สร้างชื่อเสียให้กับตระกูลไขมันอิ่ม
00:01:53 → 00:01:57 ตัวเลยก็ว่าได้ตัวที่ 2 นะครับกรดไมติตัว
00:01:57 → 00:02:00 นี้ก็ยังเป็นสายยาวเหมือนกันพบได้ทั้งใน
00:02:00 → 00:02:03 ผลิตภัณฑ์จากนมอย่างเนยชีสแล้วก็เจอในพืช
00:02:03 → 00:02:06 อย่างมะพร้าวด้วยบทบาทของมันก็จะมีความ
00:02:06 → 00:02:09 ซับซ้อนขึ้นมาอีกสเต็ปนึงครับตัวที่ 3
00:02:09 → 00:02:12 ครับกรดลอริกตัวนี้จะเป็นสายปานกลางค่อน
00:02:12 → 00:02:15 ไปทางยาวนิดๆส่วนใหญ่เราจะเจอมันในพืช
00:02:15 → 00:02:18 เป็นหลักเลยโดยเฉพาะในน้ำมันมะพร้าวกับ
00:02:18 → 00:02:21 เนื้อในของปาล์มครับและตัวสุดท้ายพระเอก
00:02:21 → 00:02:24 ของเราในวันนี้ครับกรดสริกถึงแม้ว่าเฮ้ย
00:02:24 → 00:02:27 มันจะเป็นกรดไขมันสายยาวเหมือนกันนะแต่
00:02:27 → 00:02:29 เจ้าหนี้มันมีความลับพิเศษบางอย่างซ่อน
00:02:29 → 00:02:32 อยู่ครับซึ่งทำให้มันกลายเป็นฮีโร่ของ
00:02:32 → 00:02:34 เรื่องนี้แบบที่เราคาดไม่ถึงกันเลยที
00:02:34 → 00:02:37 เดียวโอเครู้จักรากฆ่าตากันครบทั้ง 4 ตัว
00:02:37 → 00:02:40 แล้วทีนี้ก็ได้เวลามาดูกันแบบชัดๆแล้วล่ะ
00:02:40 → 00:02:42 ครับว่าแต่ละตัวเนี่ยมันส่งผลต่อร่างกาย
00:02:42 → 00:02:45 เราต่างกันยังไงลองดูตารางนี้กันนะครับ
00:02:45 → 00:02:48 โอ้โหเห็นภาพชัดเลยใช่มั้ครับดูที่กรดปาม
00:02:48 → 00:02:52 มิติก่อนเลยมันไปเพิ่ม LDL หรือไขมันเลว
00:02:52 → 00:02:55 แบบพุ่งปรี๊ดเลยโดยที่ไม่ช่วยเพิ่ม HDL
00:02:55 → 00:02:58 หรือไขมันดีเลยสักนิดในขณะที่กรดไมลิติ
00:02:58 → 00:03:01 เนี่ยอ่ะยังดีหน่อยเพิ่มทั้งคู่แต่ที่มัน
00:03:01 → 00:03:04 พีคสุดๆเลยก็คือตรงนี้ครับกรดlaorิกับกรด
00:03:04 → 00:03:08 สริก 2 ตัวนี้กลับช่วยลด LDL ลงได้เห็น
00:03:08 → 00:03:10 มั้ครับเพราะฉะนั้นเนี่ยประเด็นสำคัญที่
00:03:10 → 00:03:13 สุดเลยคือเราจะไปเหมารวมว่าไขมันอิ่มตัว
00:03:13 → 00:03:16 ทุกชนิดมันเลวร้ายเหมือนกันหมดไม่ได้เด็ด
00:03:16 → 00:03:19 ขาดเลยครับและนี่แหละครับคือกับดักที่คน
00:03:19 → 00:03:22 รักสุขภาพหลายๆคนโดยเฉพาะคนที่ทานคีโต
00:03:22 → 00:03:25 หรือโลคามเนี่ยพลัดตกลงไปคือพอเราตั้งใจ
00:03:25 → 00:03:28 จะลดแป้งลดน้ำตาลเราก็มักจะหันไปกินไขมัน
00:03:28 → 00:03:30 จากเนื้อสัตว์ใหญ่ๆแทนใช่มั้ยครับซึ่ง
00:03:30 → 00:03:32 นั่นแหละมันทำให้ร่างกายได้รับกรดปราิติก
00:03:32 → 00:03:35 เข้าไปแบบเต็มๆผลก็คือค่าย LDL พุ่งสูง
00:03:35 → 00:03:37 ปรี๊ดเกิดการอักเสบร่างกายเครียดโดยที่
00:03:37 → 00:03:41 เราไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำโอเคพอเรารู้ปัญหา
00:03:41 → 00:03:44 แล้วก็ต้องมาดูทางออกกันต่อครับว่าแล้ว
00:03:44 → 00:03:47 เราจะเลือกกินไขมันยังไงล่ะให้มันฉลาด
00:03:47 → 00:03:50 ขึ้นข้อได้เปรียบสำคัญของพืชเลยนะครับคือ
00:03:50 → 00:03:53 สิ่งที่เรียกว่าไตฟตorซึ่งในเนี้ยมันจะ
00:03:53 → 00:03:55 ประกอบไปด้วยสารดีๆที่เราเรียกว่าสาร
00:03:55 → 00:03:59 พฤกษ์เคมีกับไฟโตสเตอรอลพวกเนี้ยเปรียบไป
00:03:59 → 00:04:01 ก็เหมือนเป็นยาจากธรรมชาติเลยครับดังนั้น
00:04:01 → 00:04:03 การที่เรากินแต่ไขมันสัตว์เยอะๆโดยที่ไม่
00:04:03 → 00:04:05 มีตัวช่วยดีๆจากพืชเลยเนี่ยมันอาจจะไม่
00:04:06 → 00:04:08 ใช่ทางออกที่ดีที่สุดเราเลยต้องรู้จักผสม
00:04:08 → 00:04:11 ผสานกินทั้ง 2 อย่างให้มันลงตัวครับและ
00:04:11 → 00:04:14 นี่คือสัดส่วนพองคำของการกินไขมันในแต่ละ
00:04:14 → 00:04:17 วันเลยครับลองจำภาพนี้ไว้นะครับไขมันอิ่ม
00:04:17 → 00:04:20 ตัวเนี่ยควรจะอยู่ที่ประมาณ 30% ส่วนไข
00:04:20 → 00:04:23 มันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวอย่างพวกน้ำมัน
00:04:23 → 00:04:26 มะกอกอันนี้เยอะหน่อย 50% และที่เหลืออีก
00:04:26 → 00:04:29 20% เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนการ
00:04:29 → 00:04:32 รักษาสมดุลตรงนี้แหละครับคือหัวใจสำคัญ
00:04:32 → 00:04:36 เลยทีนี้ในโควต้า 30% ของไขมันอิ่มตัว
00:04:36 → 00:04:38 เนี่ยเราก็ต้องมาแบ่งที่มาของมันให้ดี
00:04:38 → 00:04:41 ด้วยนะครับคือควรจะมาจากพืชสัก 80% อย่าง
00:04:41 → 00:04:44 เช่นน้ำมันมะพร้าวหรือโกโก้แล้วก็มาจาก
00:04:44 → 00:04:48 สัตว์แค่ประมาณ 20% พอเช่นเนยหรือกีที่
00:04:48 → 00:04:51 สำคัญเลยคือถ้าเลือกได้ให้เลือกชนิดสกัด
00:04:51 → 00:04:53 เย็นนะครับแล้วก็เอ่ออย่าไปดื่มน้ำมัน
00:04:53 → 00:04:56 เพียวๆนะครับควรจะเอาไปผสมกับอาหารราด
00:04:56 → 00:04:59 สลัดใส่ในซุปอะไรแบบนี้จะดีที่สุดครับเอา
00:04:59 → 00:05:02 ล่ะครับมาถึงช่วงไฮไลท์ช่วง Clx ของการ
00:05:02 → 00:05:04 วิเคราะห์ข้อมูลในวันนี้กันแล้วเรากำลัง
00:05:04 → 00:05:07 จะมาเปิดเผยอาวุธลับที่ดีที่สุดในการจัด
00:05:07 → 00:05:10 การกับเจ้า LDL ครับพร้อมกันหรือยังครับ
00:05:10 → 00:05:13 สำหรับคำตอบว่ากรดไขมันอิ่มตัวไหนกันแน่
00:05:13 → 00:05:16 ที่เป็นที่สุดของที่สุดในการลดไขมันเร็ว
00:05:16 → 00:05:20 คำตอบก็คือกรดสเตีริกหรือสเตรินั่นเอง
00:05:20 → 00:05:23 ครับกลไกของมันเนี่ยต้องบอกว่าเรียบง่าย
00:05:23 → 00:05:26 แต่ทรงพลังมากๆเลยครับคือพอเรากินกรด
00:05:26 → 00:05:30 สตริกเข้าไปมันจะไปส่งsignนลไปบอกตับว่า
00:05:30 → 00:05:33 เฮ้ยลดการสร้างโปรตีนที่ชื่อ APOB ลง
00:05:33 → 00:05:35 หน่อยซึ่งเจ้า APOB เนี่ยมันเป็นส่วน
00:05:35 → 00:05:39 ประกอบสำคัญของ LDL เลยนะครับพอวัตถุดิบ
00:05:39 → 00:05:42 ในการสร้าง LDL มันน้อยลงตับก็ผลิต LDL
00:05:42 → 00:05:45 ออกมาน้อยลงผลลัพธ์สุดท้ายก็คือระดับ
00:05:45 → 00:05:47 คอเลสเตอรอลเร็วในเลือดของเราก็ลดลงตามไป
00:05:47 → 00:05:51 ด้วยนั่นเองครับง่ายๆแบบนี้เลยและคำถาม
00:05:51 → 00:05:54 ต่อมาก็คือแล้วเราจะหากรดสเตริกดีๆแบบนี้
00:05:54 → 00:05:57 ได้เจ็ที่ไหนเยอะที่สุดล่ะคำตอบก็คือ
00:05:57 → 00:06:00 แหล่งที่ดีที่สุดเข้มข้นที่สุดคือเนย
00:06:00 → 00:06:03 โกโก้หรือที่เรียกว่าแควเตครับแต่เดี๋ยว
00:06:03 → 00:06:06 ก่อนนะครับต้องทำความเข้าใจความแตกต่าง
00:06:06 → 00:06:09 ของ 2 คำนี้ให้ดีๆก่อนคำว่าคาคาหรือคาคา
00:06:10 → 00:06:12 เนี่ยมันคือเมล็ดโกโก้ดิบที่ผ่านกระบวน
00:06:13 → 00:06:16 การสกัดเย็นซึ่งมันทำให้สารอาหารดีๆสาร
00:06:16 → 00:06:19 ต้านอนุมูลอิสระต่างๆยังอยู่ครบถ้วนในขณะ
00:06:19 → 00:06:21 ที่โกโก้หรือโคโคที่เราคุ้นๆกันตามท้อง
00:06:22 → 00:06:24 ตลาดส่วนใหญ่มันจะผ่านความร้อนสูงมาแล้ว
00:06:24 → 00:06:27 ครับแถมบางทีอาจจะมีส่วนผสมอื่นๆอย่างน้ำ
00:06:27 → 00:06:30 ตาลครีมเทียมปนเข้ามาด้วยซึ่งแน่นอนว่า
00:06:30 → 00:06:33 คุณประโยชน์มันก็ลดลงไปเยอะเลยงั้นมาดูคำ
00:06:33 → 00:06:36 แนะนำง่ายๆในการเลือกกินกันครับสำหรับ
00:06:36 → 00:06:39 คาคาวเนี่ยเราสามารถทานได้ค่อนข้างบ่อย
00:06:39 → 00:06:42 เลยวันละประมาณ 5-28 กรัมส่วนพงโกโก้อาจ
00:06:42 → 00:06:45 จะทานแค่บางวันก็พอแล้วก็พวกช็อกโกแลต
00:06:45 → 00:06:49 สำเร็จรวบต่างๆอันนี้ควรจะทานให้น้อยที่
00:06:49 → 00:06:52 สุดนานๆครั้งพอครับและคำถามสุดท้ายที่
00:06:52 → 00:06:55 อยากจะทิ้งท้ายไว้ให้ไปคิดกันต่อนะครับ
00:06:55 → 00:06:57 หลังจากที่ได้ฟังข้อมูลทั้งหมดนี้แล้วมี
00:06:57 → 00:06:59 ไขมันชนิดไหนในจานอาหารที่เรากินอยู่ทุก
00:06:59 → 00:07:02 วันที่อยากจะลองกลับไปทบทวนหรือปรับ
00:07:02 → 00:07:04 เปลี่ยนดูบ้างมั้ครับเพราะบางทีการเข้าใจ
00:07:04 → 00:07:06 ความแตกต่างเล็กๆน้อยๆแบบนี้แหละครับอาจ
00:07:06 → 00:07:08 จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับ
00:07:08 → 00:07:12 สุขภาพของเราได้เลยนะครับ
00:07:12 → 00:07:16 สวัสดีครับกลับมาเจาะลึกข้อมูลน่าสนใจกัน
00:07:16 → 00:07:19 อีกครั้งนะครับวันนี้เรามีเรื่องที่เอ่อ
00:07:19 → 00:07:23 หลายคนอาจจะเอ๊ะจริงเหรอเนี่ยคือเรื่องไข
00:07:23 → 00:07:24 มันอิอิ่มตัวครับ
00:07:24 → 00:07:25 >> ค่ะสวัสดีค่ะ
00:07:25 → 00:07:28 >> ปกติเราได้ยินกันบ่อยๆเนาะว่าไขมันอิ่ม
00:07:28 → 00:07:31 ตัวนี่เอ้ยต้องเลี่ยงน้ำไม่ดีแต่ว่าข้อ
00:07:31 → 00:07:34 มูลที่เราจะมาคุยกันวันนี้ครับมันชี้ว่า
00:07:34 → 00:07:37 อาจจะมีไขมันอิ่มตัวบางชนิดที่ไม่ได้แย่
00:07:37 → 00:07:38 >> อื
00:07:38 → 00:07:41 >> แถมบางตัวอาจจะดีด้วยซ้ำคือช่วยลด
00:07:41 → 00:07:44 คอเลสเตอรอลตัวร้ายหรือ LDL ได้ด้วยครับ
00:07:44 → 00:07:46 อันนี้มันก็ท้าทายความคิดเดิมๆเลยนะที่
00:07:46 → 00:07:49 เรากลัวไขมันที่เป็นไขเวลาเจออากาศเย็นๆ
00:07:49 → 00:07:52 กลัวมันไปอุดตันในเส้นเลือดอะไรแบบเนี้ย
00:07:52 → 00:07:55 >> ใช่เลยค่ะเป็นความเชื่อที่ฝังใจกันมานาน
00:07:55 → 00:07:56 เหมือนกันนะคะ
00:07:56 → 00:08:00 >> ครับวันนี้เราเลยจะมาเอ่อลงลึกในราย
00:08:00 → 00:08:04 ละเอียดจากบทความไขมันดีลด LDL เทคนิคและ
00:08:04 → 00:08:06 แหล่งอาหารนี่แหละครับเพื่อให้เข้าใจกัน
00:08:06 → 00:08:09 ชัดๆไปเลยว่ากรดไขมันอิ่มตัวแต่ละตัว
00:08:09 → 00:08:10 เนี่ยมันต่างกันยังไง
00:08:11 → 00:08:11 >> ค่ะ
00:08:11 → 00:08:14 >> มันส่งผลกับร่างกายเราแบบไหนแล้วก็ที่
00:08:14 → 00:08:17 สำคัญเลยจะเลือกกินยังไงดีให้ได้ประโยชน์
00:08:17 → 00:08:20 โดยเฉพาะคนที่สนใจแนวทางแบบโลคาฟหรือคีโต
00:08:20 → 00:08:22 ที่ไขมันเป็นเรื่องใหญ่มาก
00:08:22 → 00:08:23 >> สำคัญทันมากค่ะ
00:08:23 → 00:08:26 >> ใช่ครับเป้าหมายเราวันนี้ก็คือแยกให้ออก
00:08:26 → 00:08:30 เลยครับไขมันอิ่มตัวไหนดีตัวไหนควรระวัง
00:08:30 → 00:08:32 มาจากไหนเราต้องกินแบบไหนถึงจะเวิร์ค
00:08:32 → 00:08:33 >> เยี่ยมเลยค่ะ
00:08:33 → 00:08:36 >> งั้นเรามาเริ่มที่ภาพกว้างๆก่อนเลยความ
00:08:36 → 00:08:38 เชื่อเดิมๆที่ว่าไขมันอิ่มตัวทั้งหมด
00:08:38 → 00:08:41 เนี่ยมันไม่ดีมันเลยทำให้ยุคนึงเนี่ยน้ำ
00:08:41 → 00:08:43 มันพืชดูเป็นพระเอกขึ้นมาแทนที่น้ำมันหมู
00:08:43 → 00:08:46 ไปเลยแต่จริงๆแล้วมันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ
00:08:46 → 00:08:47 เลยใช่มั้ครับ
00:08:47 → 00:08:50 >> ถูกต้องเลยค่ะเราจะไปเหมาว่าไขมันอิ่มตัว
00:08:50 → 00:08:53 ทุกตัวเหมือนกันหมดไม่ได้เลยค่ะมันมีความ
00:08:53 → 00:08:56 หลากหลายมากเอ่อขึ้นอยู่กับโครงสร้างทาง
00:08:56 → 00:08:59 เคมีโดยเฉพาะความยาวของสายคาร์บอน
00:08:59 → 00:09:01 >> อ๋อความยาวสาย
00:09:01 → 00:09:04 >> ใช่ค่ะความยาวสายคาร์บอนเนี่ยส่งผลต่อการ
00:09:04 → 00:09:08 ที่ร่างกายเราจะย่อยจะดูดซึมแล้วก็ผล
00:09:08 → 00:09:11 กระทบต่อสุขภาพเนี่ยต่างกันไปเลยค่ะหลักๆ
00:09:11 → 00:09:13 ที่เราควรรู้จักนะคะมีอยู่ 4 ตัวค่ะ
00:09:13 → 00:09:14 >> ครับมีอะไรบ้างครับ
00:09:15 → 00:09:20 >> ก็จะมีกรดปามิตินะคะพมิติ acid ตัวนี้ 46
00:09:20 → 00:09:20 ค่ะ
00:09:20 → 00:09:21 >> 46
00:09:21 → 00:09:22 >> กรดไม
00:09:22 → 00:09:25 Misicid อันนี้ 44
00:09:25 → 00:09:26 >> 44
00:09:26 → 00:09:29 >> แล้วก็กรดสตริ
00:09:29 → 00:09:31 ตัวนี้ยาวหน่อย 48
00:09:31 → 00:09:32 >> 48
00:09:32 → 00:09:36 >> และสุดท้ายกรด Lauric Lauric Acci อัน
00:09:36 → 00:09:39 นี้ C12 ค่ะเป็นสายปานกลางพ่นไปทางยาวนิด
00:09:39 → 00:09:40 นึง
00:09:40 → 00:09:45 >> อ๋อครับมี 46 44 48 C 42
00:09:45 → 00:09:49 >> ใช่ค่ะโดยทั่วไปนะคะพวกสายยาวๆตั้งแต่ C14
00:09:49 → 00:09:52 ขึ้นไปเนี่ยร่างกายจะย่อยแล้วก็ดูดซึมได้
00:09:52 → 00:09:55 เอ่อยากกว่าพวกสายสั้นหรือสายกลาง
00:09:55 → 00:09:56 >> อืม
00:09:56 → 00:09:58 >> แล้วบางตัวเนี่ยก็อาจจะไปกระตุ้นการ
00:09:59 → 00:10:01 อักเสบหรือว่าเพิ่มระดับโอเลสเตอรอลโดย
00:10:01 → 00:10:02 รวมได้มากกว่าด้วยค่ะ
00:10:02 → 00:10:05 >> เข้าใจแล้วครับงั้นเราลงมาเจาะทีละตัวเลย
00:10:05 → 00:10:09 ดีกว่าเริ่มจากตัวที่คนน่าจะเอ่อกังวลกัน
00:10:09 → 00:10:12 มากที่สุดกรดปามิติก C16 ครับตัวนี้เป็น
00:10:13 → 00:10:14 ยังไงครับ
00:10:14 → 00:10:18 >> ค่ะตัวปามิติ C16 เนี่ยนะคะเป็นสายยาวเลย
00:10:18 → 00:10:21 พบเยอะมากในไขมันจากสัตว์บกเลี้ยงลูกด้วย
00:10:21 → 00:10:22 นมค่ะพวกตัวใหญ่ๆ
00:10:22 → 00:10:24 >> สัตว์บกตัวใหญ่ๆ
00:10:24 → 00:10:29 >> ใช่ค่ะอย่างวัวควายแกดหมูโดยเฉพาะตรงส่วน
00:10:29 → 00:10:33 ไขมันเขาเลยมันหมูหนังหมูอะไรแบบเนี้ยค่ะ
00:10:33 → 00:10:33 >> ครับ
00:10:33 → 00:10:36 >> ส่วนในพืชนะคะจะเจอเยอะในน้ำมันที่สกัด
00:10:36 → 00:10:39 จากเนื้อของผลปาล์มค่ะที่เราเรียกว่า
00:10:39 → 00:10:43 พมฟรุต oil แล้วก็เจอในถั่วลิสง์ด้วย
00:10:43 → 00:10:46 >> อ๋อน้ำมันปาล์มขวดแดงๆที่เราเห็นกัน
00:10:46 → 00:10:49 >> สามารถเพิ่มได้ทั้งคอเลสเตอรอลรวมหรือ TC
00:10:49 → 00:10:52 >> แล้วก็ LDL หรือไขมันตัวร้ายเนี่ยได้ค่อน
00:10:52 → 00:10:55 ข้างสูงเลยค่ะที่สำคัญคือมันไม่ช่วยเพิ่ม
00:10:55 → 00:10:57 HDL หรือไขมันดีเลย
00:10:57 → 00:10:59 >> อ้าวไม่เพิ่มตัวดีเลย
00:10:59 → 00:11:02 >> ใช่ค่ะแถมยังอาจจะไปกระตุ้นการอักเสบใน
00:11:02 → 00:11:05 ร่างกายได้อีกด้วยนี่เลยเป็นเหตุผลว่า
00:11:05 → 00:11:07 ทำไมถึงเอ่อไม่แนะนำให้เราซัดไขมันจาก
00:11:07 → 00:11:10 สัตว์บกพวกนี้มากเกินไปนักค่ะ
00:11:10 → 00:11:14 >> ฟังอยู่แล้วปามิติกนี่ตัว C16 นี่ต้อง
00:11:14 → 00:11:16 ระวังเป็นพิเศษเลยนะครับโดยเฉพาะถ้ามาจาก
00:11:16 → 00:11:20 สัตว์บกตัวใหญ่ๆกับน้ำมันเนื้อปาล์มที
00:11:20 → 00:11:24 ขยับมาที่ C14 บ้างกรดไมติตัวนี้ละครับ
00:11:24 → 00:11:28 ที่ว่าเจอในนมเนยมะพร้าวมันต่างกันยังไง
00:11:28 → 00:11:29 กับ 46
00:11:29 → 00:11:34 >> ตัว C14 ไมตินี้ก็น่าสนใจค่ะเพราะว่าเจอ
00:11:34 → 00:11:36 ได้ทั้งในพืชอย่างเนื้อมะพร้าวหรือว่าเนย
00:11:36 → 00:11:37 จันทเทศ
00:11:37 → 00:11:37 >> ครับ
00:11:38 → 00:11:40 >> แล้วก็เจอในผลิตภัณฑ์จากนมสัตว์อย่างเช่น
00:11:40 → 00:11:44 เนยเนยสายหรือกีแล้วก็ชีสต่างๆซึ่งพวกนี้
00:11:44 → 00:11:46 จะมีไมลิสติกเยอะกว่าในส่วนเนื้อติดมัน
00:11:46 → 00:11:49 หรือหนังหมูนะคะอันนั้นจะมีปารมิติ C16
00:11:49 → 00:11:50 เยอะกว่า
00:11:50 → 00:11:50 >> อ๋อครับ
00:11:50 → 00:11:54 >> ผลของ C14 เนี่ยจะต่างจาก C16 นิดหน่อย
00:11:54 → 00:11:54 ค่ะ
00:11:54 → 00:11:54 >> อื
00:11:54 → 00:11:58 >> คือถึงแม้จะเพิ่ม TC กับ LDL เหมือนกัน
00:11:58 → 00:12:01 >> แต่ว่ามันช่วยเพิ่ม HDL หรือไถมัน D ได้
00:12:01 → 00:12:02 ด้วยค่ะ
00:12:02 → 00:12:05 >> อ๋ออันนี้ดีขึ้นมาหน่อยเพิ่มตัวดีด้วย
00:12:05 → 00:12:07 >> ใช่ค่ะก็ถือว่าดีขึ้นมานิดนึงแต่ก็ยัง
00:12:07 → 00:12:09 ต้องระวังปริมาณอยู่ดีนะคะไม่ใช่ว่ากิน
00:12:09 → 00:12:10 ได้ไม่อั้น
00:12:10 → 00:12:14 >> ครับเข้าใจครับมีทั้งข้อดีข้อเสียทีนี้มา
00:12:14 → 00:12:17 ถึงตัวที่เอ่อในข้อมูลนี้ดูเหมือนจะยกให้
00:12:17 → 00:12:20 เป็นดาวเด่นเลยกดสิ C18
00:12:20 → 00:12:21 >> ค่ะ
00:12:21 → 00:12:22 >> เห็นว่ามีประโยชน์มากๆ
00:12:22 → 00:12:26 >> ใช่เลยค่ะ C18 STIC เนี่ยถือว่าเป็นกดไข
00:12:26 → 00:12:30 มันอิ่มตัวที่แบบว่าน่าสนใจที่สุดเลยค่ะ
00:12:30 → 00:12:33 ในแง่ของการช่วยจัดการคอเลสเตอรอลนะคะ
00:12:33 → 00:12:33 >> ครับ
00:12:33 → 00:12:36 >> พบมากในไขมันสัตว์ปีกค่ะพวกไก่เป็ด
00:12:36 → 00:12:38 >> อ๋อพวกสัตว์ปีก
00:12:38 → 00:12:40 >> แล้วก็สัตว์น้ำในส่วนที่เป็นไขมันอิ่มตัว
00:12:40 → 00:12:43 ของเขานะคะแล้วก็ที่สำคัญมากๆคือพบเยอะใน
00:12:43 → 00:12:46 พืชอย่างโกโก้ดิบหรือที่เรียกว่าแคดเข่า
00:12:46 → 00:12:47 >> แค่า
00:12:47 → 00:12:51 >> ค่ะแล้วก็เนยโกโก้หรือแคออันนี้แหล่ง
00:12:51 → 00:12:54 สำคัญเลยแล้วก็มีในถั่วพีinัของ
00:12:54 → 00:12:55 ฟิลิปปินส์ด้วยค่ะ
00:12:55 → 00:12:56 >> โหมีในคาคาวด้วย
00:12:56 → 00:13:00 >> ใช่ค่ะจุดเด่นมากๆของสตีicนะคะคือมันไม่
00:13:00 → 00:13:02 เพิ่ม LDL ค่ะ
00:13:02 → 00:13:04 >> ไม่เพิ่มเลยเหรอครับ
00:13:04 → 00:13:07 >> ไม่เพิ่มค่ะแถมยังมีงานวิจัยชี้ว่าอาจจะ
00:13:07 → 00:13:10 ช่วยลดการสร้าง LDL ได้ด้วยซ้ำ
00:13:10 → 00:13:12 >> โหลดได้ด้วยสุดยอดเลย
00:13:12 → 00:13:16 >> ค่ะกลไกที่เขาอธิบายไว้นะคะก็คือกรดสเตริ
00:13:16 → 00:13:19 เนี่ยมันไปช่วยลดการสังเคราะห์โปรตีนตัว
00:13:19 → 00:13:21 นึงชื่อโปลิโปโปโปรตีน
00:13:21 → 00:13:24 B หรือเรียกสั้นๆว่า AB
00:13:24 → 00:13:25 >> Aโป
00:13:25 → 00:13:28 >> ใช่ค่ะ AB นี่เปรียบเหมือนรสบรรทุกที่จะ
00:13:28 → 00:13:30 ต้องสร้างมาพร้อมกับ LDL เพื่อขนส่ง
00:13:30 → 00:13:33 คอเลสเตอรอลไปตามร่างกายทีนี้พอสเตริมัน
00:13:33 → 00:13:35 ไปลดการสร้าง AOB
00:13:35 → 00:13:36 >> ครับ
00:13:36 → 00:13:39 >> การสร้าง LDL โดยรวมจากตับมันก็เลยลดลงไป
00:13:39 → 00:13:39 ด้วยค่ะ
00:13:39 → 00:13:43 >> อ๋อลดตัวขนส่ง LDL ก็เลยน้อยลง
00:13:43 → 00:13:46 >> ประมาณนั้นเลยค่ะแล้วนอกจากนี้นะคะยังพบ
00:13:46 → 00:13:49 ว่ามันช่วยเร่งการเผาผลานไขมันในร่างกาย
00:13:49 → 00:13:51 ได้ดีขึ้นด้วยถือว่าเป็นไขมันอิ่มตัวที่
00:13:52 → 00:13:54 เป็นมิตรกับระดับ LDL มากที่สุดเลยค่ะตัว
00:13:54 → 00:13:55 นี้
00:13:55 → 00:14:01 >> ฟังดูดีมากๆเลยครับกรดสตริ
00:14:01 → 00:14:03 ครับกรด Lauric C12
00:14:03 → 00:14:07 >> ค่ะกรด Lauric C12 อันนี้เป็นสายปานกลาง
00:14:07 → 00:14:10 ค่อนไปทางยาวนิดๆนะคะพบมากในพืชตระกูล
00:14:10 → 00:14:11 มะพร้าวเลยค่ะ
00:14:11 → 00:14:12 >> อ๋อมะพร้าว
00:14:12 → 00:14:15 >> ใช่ค่ะทั้งในเนื้อมะพร้าวกะทิน้ำมัน
00:14:15 → 00:14:18 มะพร้าวแล้วก็พวก MCT น่ะค่ะที่สกัดมาจาก
00:14:19 → 00:14:20 มะพร้าวนี่อีกทีนึง
00:14:20 → 00:14:24 >> ครับ MCT Oil รวมไปถึงในเนื้อในของเมล็ด
00:14:24 → 00:14:27 ปาล์มด้วยนะครับที่เรียกว่า Palm knal
00:14:27 → 00:14:29 Oil ซึ่งอันนี้ต้องแยกนะครับมันไม่
00:14:30 → 00:14:33 เหมือนกับน้ำมันจากเนื้อปาลมหรือพมุต Oil
00:14:33 → 00:14:36 ที่เราคุยกันตอนแรกอันนั้น C16 เยอะกว่า
00:14:36 → 00:14:38 >> อ๋อคนละส่วนกัน
00:14:38 → 00:14:39 >> คนละส่วนครับ
00:14:39 → 00:14:42 >> ประโยชน์ของ Laoric C12 นะคะคือช่วยลด
00:14:43 → 00:14:45 ได้ทั้ง LDL และ HDL เลยค่ะ
00:14:45 → 00:14:46 >> ลด LDL ด้วย
00:14:46 → 00:14:49 >> ใช่ค่ะแล้วก็ยังช่วยเพิ่ม HDL ไขมันดีได้
00:14:49 → 00:14:53 ด้วยจัดว่าเป็นไขมันอิ่มตัวที่ดีมากๆอีก
00:14:53 → 00:14:53 ตัวนึงเลยค่ะ
00:14:53 → 00:14:56 >> เยี่ยมเลยครับสรุปคือมีทั้งตัวที่ต้อง
00:14:57 → 00:15:02 ระวัง 46 พิติตัวกลางๆ 44 ไมติแล้วก็ตัว
00:15:02 → 00:15:05 ดี 48 Ster กับ 42 Lauric
00:15:05 → 00:15:07 >> ใช่ค่ะพอจะแบ่งกลุ่มคร่าวๆได้แบบนั้นเลย
00:15:07 → 00:15:08 ค่ะ
00:15:08 → 00:15:12 >> ทีนี้ในข้อมูลที่เราดูมาพูดถึงชื่อนึงที่
00:15:12 → 00:15:16 คล้ายกันมากเลยครับคือ Parmito Acid มี
00:15:16 → 00:15:19 ตัว OE ตรงกลางตัวนี้มันต่างจาก pamatic
00:15:19 → 00:15:22 acid 46 ที่เราคุยไปตอนแรกยังไงครับอัน
00:15:22 → 00:15:24 นี้ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษมั้ย
00:15:24 → 00:15:28 >> โอ้คำถามนี้ดีมากเลยค่ะอันนี้สำคัญสุดๆ
00:15:28 → 00:15:32 เลยค่ะเพราะคนสับสนกันเยอะมากต้องแยกให้
00:15:32 → 00:15:35 ออกนะคะมี 3 ตัวที่ชื่อคล้ายกัน
00:15:35 → 00:15:35 >> ครับ
00:15:35 → 00:15:41 >> 1 เมตติเปมิติ C16 อันนี้คือกรดไขมัน
00:15:41 → 00:15:43 อิ่มตัวที่เรากินเข้าไปจากอาหารที่เราคุย
00:15:43 → 00:15:47 กันไปตะกี้นี้ค่ะทั้งจากพืชจากสัตว์ครับ
00:15:47 → 00:15:48 ตัวที่กินเข้าไป
00:15:48 → 00:15:51 >> 2 เปา
00:15:51 → 00:15:52 เปมิโตอิค
00:15:52 → 00:15:56 อันนี้สำคัญมากนะคะมันคือกรดไขมันอิ่มตัว
00:15:56 → 00:15:59 สายยาวที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมาเองค่ะ
00:15:59 → 00:16:01 >> ร่างกายสร้างเอง
00:16:01 → 00:16:03 >> ใช่ค่ะสร้างขึ้นมาเองจากพลังงานส่วนเกิน
00:16:04 → 00:16:06 ที่เรากินเข้าไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพวก
00:16:06 → 00:16:10 น้ำตาลแป้งคาร์โบไฮเดรตต่างๆพอกินเกิน
00:16:10 → 00:16:12 แล้วพลังงานมันเหลือใช้ตับเราจะเปลี่ยน
00:16:12 → 00:16:15 มันเป็นไขมันอิ่มตัวชนิดนี้ล่ะค่ะเพื่อ
00:16:15 → 00:16:17 เอาไปเก็บสะสมตามพุงตามตัว
00:16:17 → 00:16:18 >> อ๋อ
00:16:18 → 00:16:21 >> ซึ่งตัวนี้ล่ะค่ะถือเป็นไขมันอิ่มตัวรูป
00:16:21 → 00:16:25 แบบไม่ดีแล้วก็เป็นตัวการของปัญหาสุขภาพ
00:16:25 → 00:16:27 หลายๆอย่างเลยตัวนี้ต่างหากที่เราต้อง
00:16:28 → 00:16:31 พยายามลดการสร้างโดยการคุมอาหารพวกแป้ง
00:16:31 → 00:16:34 น้ำตาลไม่ใช่การไปกินไขมันเพิ่มเพื่อขับ
00:16:34 → 00:16:36 ไล่มันนะคะ
00:16:36 → 00:16:40 >> โหชัดเลยครับแสดงว่าตัวร้ายที่เกิดจากการ
00:16:40 → 00:16:42 กินแป้งน้ำตาลเกินไม่ใช่ไขมันที่เรากิน
00:16:43 → 00:16:45 แต่เป็นพมic
00:16:45 → 00:16:47 ที่ร่างกายสร้างเองนี่เอง
00:16:47 → 00:16:49 >> ถูกต้องเป๊ะเลยค่ะตัวนี้แหละค่ะที่น่า
00:16:49 → 00:16:50 กลัว
00:16:50 → 00:16:52 >> แล้วตัวที่ 3 ล่ะครับ
00:16:52 → 00:16:55 >> 3 พิตโทเละอิอันนี้มีโอเล่ตรงกลางนะคะ
00:16:55 → 00:16:58 อันนี้เป็นคนละกลุ่มเลยค่ะเป็นไขมันไม่
00:16:58 → 00:17:01 อิ่มตัวเชิงเดี่ยวหรือ MUFA กลุ่มเดียว
00:17:01 → 00:17:02 กับน้ำมันมะกอก
00:17:02 → 00:17:03 >> ออกคนละพวกเลย
00:17:03 → 00:17:07 >> ใช่ค่ะพบในน้ำมันแมคคาเดเมียหรือซีบัซอน
00:17:07 → 00:17:09 ตัวนี้ถือเป็นไขมันดีอีกชนิดนึงค่ะเป็น
00:17:10 → 00:17:11 โอเมก้า 7
00:17:11 → 00:17:14 >> เคลียร์เลยครับขอบคุณมากครับแยกชัดเจน
00:17:14 → 00:17:18 พมติกินพามิโทอีิสร้างเองจากแป้งน้ำตาล
00:17:18 → 00:17:22 ไม่ดีพิโทเลอิ MUFA ดี
00:17:22 → 00:17:24 >> ใช่ค่ะจำง่ายๆแบบนี้เลยค่ะ
00:17:25 → 00:17:27 >> ทีนี้พอเรารู้จักหน้าตานิสัยของกรดไขมัน
00:17:27 → 00:17:30 อิ่มตัวแต่ละตัวแล้วนะครับการนำไปปรับใช้
00:17:30 → 00:17:33 จริงโดยเฉพาะเอ่อคนที่กินแนว LC คีโตที่
00:17:33 → 00:17:36 ต้องเน้นไขมันเป็นพลังงานหลักเนี่ยควรจะ
00:17:36 → 00:17:39 ทำยังไงดีครับข้อมูลที่เราดูมาบอกว่ามีคน
00:17:39 → 00:17:40 กินผิดพลาดกันเยอะเลย
00:17:40 → 00:17:44 >> ใช่ค่ะตรงนี้เป็นจุดที่เอ่ออยากจะเน้นย้ำ
00:17:44 → 00:17:46 มากๆเลยค่ะข้อผิดพลาดที่เจอบ่อยจริงๆใน
00:17:46 → 00:17:50 กลุ่มคนที่ทานแอลซีคีโตนะคะคือการไปเน้น
00:17:50 → 00:17:52 กินไขมันอิ่มตัวจากสัตว์บกตัวใหญ่ๆ
00:17:52 → 00:17:55 >> อืพวกเนื้อติดมันหนังหมู
00:17:55 → 00:17:59 >> ใช่ค่ะเนื้อติดมันหนังหมู 3 ชั้นน้ำมัน
00:17:59 → 00:18:02 หมูกินแบบนี้เยอะๆในระยะยาวซึ่งเราก็รู้
00:18:02 → 00:18:05 แล้วว่ามันอุดมไปด้วยกรดพามิติ C16
00:18:05 → 00:18:07 >> ครับตัวเพิ่ม LDL
00:18:07 → 00:18:10 >> ถูกค่ะตัวที่เพิ่ม LDL โดยไม่เพิ่ม HDL
00:18:10 → 00:18:13 แล้วยังก่อการอักเสบได้อีกถึงแม้ว่าช่วง
00:18:13 → 00:18:15 แรกๆที่เริ่มกิน LC คีโตอาจจะยังไม่เห็น
00:18:15 → 00:18:19 ผลเสียชัดเจนน้ำหนักลดแต่พอนานๆไปร่างกาย
00:18:19 → 00:18:22 จะเริ่มเครียดค่ะเกิดการอักเสบสะสมแล้ว
00:18:22 → 00:18:25 ค่าคอเลสเตอรอลโดยเฉพาะ TC กับ LDL เนี่ย
00:18:25 → 00:18:28 อาจจะพุ้นสูงปรี๊ดจนน่าตกใจได้เลย
00:18:28 → 00:18:30 >> โหน่ากลัวเหมือนกันนะครับระยะยาว
00:18:30 → 00:18:32 >> ใช่ค่ะแล้วก็มีอีกประเด็นสำคัญที่หลายคน
00:18:32 → 00:18:35 อาจจะมองข้ามไปนะคะคือในพืชเนี่ยเขามีสาร
00:18:35 → 00:18:39 ประกอบสำคัญที่เรียกว่าไฟ Factor ค่ะ
00:18:39 → 00:18:40 >> ไฟ Factor
00:18:40 → 00:18:43 >> ใช่ค่ะไฟacตorมันเป็นคำรวมๆหมายถึงพวกสาร
00:18:43 → 00:18:46 พฤกษเคมีหรือ phytochemicals แล้วก็
00:18:46 → 00:18:49 phสterolsหรือ phosterols
00:18:49 → 00:18:51 >> อ๋อพวกสารดีๆในพืช
00:18:51 → 00:18:54 >> ใช่แล้วค่ะสารประกอบตามธรรมชาติในพืชที่
00:18:54 → 00:18:57 มีประโยชน์ต่อสุขภาพเยอะมากเลยเปรียบ
00:18:57 → 00:19:00 เหมือนเป็นตัวช่วยชั้นดีจากธรรมชาติซึ่ง
00:19:00 → 00:19:03 สารพวกเนี้ยในไขมันสัตว์มันไม่มีนะคะ
00:19:03 → 00:19:04 >> อ๋อจริงด้วย
00:19:04 → 00:19:06 >> เพราะฉะนั้นการที่เรากินแต่ไขมันสัตว์
00:19:06 → 00:19:09 เยอะๆอย่างเดียวโดยที่ร่างกายไม่ได้รับไฟ
00:19:09 → 00:19:13 facตจากพืชเลยเนี่ยมันก็เลยไม่สามารถให้
00:19:13 → 00:19:15 ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อสุขภาพได้ค่ะหลัก
00:19:15 → 00:19:19 การสำคัญมันก็เลยอยู่ที่การกินเป็นค่ะ
00:19:19 → 00:19:19 >> กินเป็น
00:19:19 → 00:19:22 >> ใช่ค่ะคือต้องรู้จักผสมผสานแหล่งอาหารจาก
00:19:22 → 00:19:25 ทั้งพืชและสัตว์อย่างฉลาดไม่ใช่เน้นอย่าง
00:19:25 → 00:19:27 ใดอย่างหนึ่งแบบสุดต่งไปเลย
00:19:27 → 00:19:30 >> คำว่ากินเป็นกับเรื่องไฟacตorนี่น่าสนใจ
00:19:30 → 00:19:33 มากครับแสดงว่ามันไม่ใช่แค่เลือกชนิดไข
00:19:33 → 00:19:35 มันแล้วจบแต่ต้องดูภาพรวมจากแหล่งอาหาร
00:19:35 → 00:19:38 ด้วยว่าเราได้สารดีๆจากพืชมาช่วยด้วยหรือ
00:19:38 → 00:19:38 เปล่า
00:19:38 → 00:19:40 >> ถูกต้องเลยค่ะ
00:19:40 → 00:19:42 >> งั้นหลักการกินเป็นเพื่อจะคุมคอเลสเตอรอล
00:19:42 → 00:19:45 โดยเฉพาะเวลาต้องกินไขมันเยอะๆแบบ LC
00:19:45 → 00:19:47 คีโตเนี่ยคุณจะทำยังไงบ้างครับขอแบบเอาไป
00:19:47 → 00:19:48 ใช้ได้จริงเลย
00:19:48 → 00:19:51 >> ได้เลยค่ะสรุปเป็นหลักการง่ายๆแบบนี้นะคะ
00:19:51 → 00:19:52 >> ครับ
00:19:52 → 00:19:55 >> เน้นไขมันจากอาหารธรรมชาติก่อน real food
00:19:55 → 00:19:57 ค่ะคือพยายามกินไขมันที่มันที่มันอยู่ใน
00:19:57 → 00:20:00 รูปอาหารจริงๆไม่แปรรูปให้มากที่สุดเท่า
00:20:00 → 00:20:04 ที่จะทำได้เช่นไขมันในเนื้อปลาถั่วต่างๆ
00:20:04 → 00:20:06 อะโวคาโดเนื้อมะพร้าว
00:20:06 → 00:20:08 >> ครับกินจากตัวอาหารเลย
00:20:08 → 00:20:11 >> ใช่ค่ะ 2 ถ้าต้องเสริมไขมันเช่นใน LC
00:20:11 → 00:20:15 คีโตให้เลือกไขมันสกัดที่ดีค่ะถ้าโคต้าไข
00:20:15 → 00:20:18 มันจากอาหารธรรมชาติมันยังไม่พอเราต้อง
00:20:18 → 00:20:21 เติมน้ำมันเพิ่มควรเลือกน้ำมันพืชสกัด
00:20:21 → 00:20:24 เย็นที่มีคุณภาพดีเช่นน้ำมันมะพร้าวน้ำ
00:20:24 → 00:20:26 มันมะกอกน้ำมันอะโวคาโด
00:20:26 → 00:20:26 >> นินสกัดเย็น
00:20:26 → 00:20:30 >> ใช่ค่ะแล้วก็ 3 ผสมผสานพืชและสัตว์ให้
00:20:30 → 00:20:32 สมดุลอันนี้สำคัญมากครับ
00:20:32 → 00:20:35 >> คือต้องแยกส่วนกันนะคะส่วนที่เป็นไขมันมา
00:20:35 → 00:20:38 พร้อมโปรตีนอย่างไขมันที่ติดมากับเนื้อ
00:20:38 → 00:20:41 สัตว์ต่างๆหรือไข่หรือโปรตีนจากพืชอันนี้
00:20:41 → 00:20:43 เราไม่ได้นับเป็นโคโคต้าไขมันที่เราต้อง
00:20:43 → 00:20:45 กินเพิ่มนะคะมันเป็นส่วนหนึ่งของแหล่ง
00:20:45 → 00:20:46 โปรตีน
00:20:46 → 00:20:47 >> อ๋อครับ
00:20:47 → 00:20:50 >> ซึ่งโปรตีนก็ควรกินให้หลากหลายค่ะทั้งจาก
00:20:50 → 00:20:53 สัตว์เน้นปลาสัตว์ปีกไข่เครื่องในบ้าง
00:20:53 → 00:20:56 สลับกับเนื้อแดงติดมันน้อยๆแล้วก็จากพืช
00:20:56 → 00:20:59 เต้าหู้เชมเป้ถั่วต่างๆ
00:20:59 → 00:20:59 >> ครับ
00:20:59 → 00:21:03 >> ส่วนที่ 2 คือไขมันน้ำมันที่เรากินเสริม
00:21:03 → 00:21:05 เพื่อให้ได้โคต้าไขมันตามที่ต้องการในเอซ
00:21:05 → 00:21:08 คีโตอันเนี้ล่ะค่ะที่ควรจะเน้นให้มาจาก
00:21:08 → 00:21:09 พืชเป็นหลัก
00:21:09 → 00:21:11 >> เน้นจากพืชเป็นหลักเลย
00:21:11 → 00:21:16 >> ใช่ค่ะเช่นน้ำมันมะพร้าวได้ 42 lorิ mctil
00:21:16 → 00:21:21 น้ำมันมะกอกได้ mufa น้ำมันอะโวคาโด mufa
00:21:21 → 00:21:25 น้ำมันงาขี้หม่อนได้ PUFA โอเมก้า 3 แล้ว
00:21:25 → 00:21:28 ก็ที่สำคัญคือเนยโกโก้หรือคาคาวัเterอร์
00:21:28 → 00:21:30 ได้ 48 สตริ
00:21:30 → 00:21:30 >> ครับ
00:21:30 → 00:21:32 >> ไม่ใช่ว่าพอต้องเพิ่มไขมันแล้วไปเติมน้ำ
00:21:32 → 00:21:36 มันหมูหรือกินเบคอนกิน 3 ชั้นเพิ่มเยอะๆ
00:21:36 → 00:21:39 เพื่อให้ได้โคต้าแบบนั้นมันอาจจะได้ C16
00:21:39 → 00:21:41 ปลามากเกินไปค่ะ
00:21:41 → 00:21:43 >> อ๋ออ๋อเข้าใจเลยครับคือไขมันที่กินเสริม
00:21:43 → 00:21:46 ควรมาจากพืชที่มีประโยชน์เป็นหลัก
00:21:46 → 00:21:48 >> ใช่ค่ะแล้วถ้าจะให้ละเอียดลงไปอีกนะคะ
00:21:48 → 00:21:51 เรื่องสัดส่วนภาพรวมของไขมัน 3 กลุ่มคือ
00:21:52 → 00:21:55 ไขมันอิ่มตัว SFA ไขมันไม่อิ่มตัวเชิง
00:21:55 → 00:21:59 เดี่ยว MUFA และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน
00:21:59 → 00:22:00 PFA
00:22:00 → 00:22:02 >> สัดส่วนยังไงดีครับ
00:22:02 → 00:22:04 >> ข้อมูลแนะนำว่าสัดส่วนประมาณอิ่มตัวเชิง
00:22:04 → 00:22:08 เดี่ยวเชิงซ้อนเท่ากับ 30 50 20 น่าจะ
00:22:08 → 00:22:09 กำลังดีฮะ
00:22:09 → 00:22:14 >> 30 50 20 ใช่ค่ะโดยใน 30% ที่เป็นไข
00:22:14 → 00:22:17 มันอิ่มตัวก็ควรจะมาจากแหล่งดีๆอย่าง
00:22:17 → 00:22:21 มะพร้าวคาคาวหรือไขมันจากสัตว์ปีกปลามาก
00:22:21 → 00:22:23 กว่าไขมันจากสัตว์บุกตัวใหญ่ๆค่ะ
00:22:23 → 00:22:26 >> ครับแล้วก็อีกอย่างคือห้ามดื่มน้ำมันเพล
00:22:26 → 00:22:27 ใช่มั้ครับ
00:22:27 → 00:22:30 >> โอ้อันนี้สำคัญมากค่ะห้ามเด็ดขาดไม่ว่าจะ
00:22:30 → 00:22:33 น้ำมันเทพแค่ไหนก็ตามห้ามซดห้ามกรอกเข้า
00:22:33 → 00:22:36 ปากโดยตรงนะคะมันย่อยยากแล้วก็ดูดซึมไม่
00:22:36 → 00:22:40 ดีควรจะเอาไปผสมในอาหารค่ะเช่นทำน้ำสลัด
00:22:40 → 00:22:44 ราดบนกับข้าวใส่ในซุปอะไรแบบเค่ะจะดีที่
00:22:44 → 00:22:44 สุด
00:22:44 → 00:22:47 >> ชัดเจนมากครับโดยเฉพาะเรื่องไขมันเสริม
00:22:47 → 00:22:51 เน้นจากพืชสัดส่วน 30 50 แล้วก็ห้ามสด
00:22:51 → 00:22:55 เพียวๆทีนี้ขอกลับมาที่ตัวพระเอกนิดนึง
00:22:55 → 00:22:59 ครับกรดสิริ C18 ที่บอกว่าช่วยลด LDL
00:22:59 → 00:23:01 เนี่ยข้อมูลเน้นเรื่องเนยโกโก้หรือ
00:23:01 → 00:23:05 คาคาวัต์เป็นพิเศษเลยอยากให้ช่วยขยายความ
00:23:05 → 00:23:08 ตรงนี้หน่อยครับว่าทำไมต้องตัวนี้แล้วมัน
00:23:08 → 00:23:10 ต่างจากผงโกโก้ที่เราชงดื่มกันทั่วๆไปยัง
00:23:10 → 00:23:11 ไงครับ
00:23:11 → 00:23:14 >> ได้เลยค่ะที่เน้นคาคาบัตเตอร์นะคะก็เพราะ
00:23:14 → 00:23:18 ว่ามันเป็นแหล่งของกรดสตริที่ยอดเยี่ยม
00:23:18 → 00:23:21 มากๆแล้วก็มาจากพืชซึ่งแน่นอนว่ามีไฟ
00:23:21 → 00:23:22 factตอมาด้วย
00:23:22 → 00:23:22 >> ครับ
00:23:22 → 00:23:26 >> OB ทำให้ LDL ลดลงการที่เรากินแครกา
00:23:26 → 00:23:29 Butัเตอรเป็นประจำเนี่ยก็เลยเป็นเหมือน
00:23:29 → 00:23:32 กลยุทธ์ที่ดีในการช่วยจัดการ LDL ค่ะแต่
00:23:32 → 00:23:34 ทีนี้เราต้องเข้าใจความแตกต่างของ
00:23:34 → 00:23:37 ผลิตภัณฑ์จากเมล็ดโกโก้ก่อนนะคะมันมีหลาย
00:23:38 → 00:23:38 แบบ
00:23:38 → 00:23:40 >> ใช่ครับมีเยอะมาก
00:23:40 → 00:23:44 >> หลักๆมี 3 อย่างค่ะ 1 คาคาวอันนี้คือแบบ
00:23:44 → 00:23:48 ดิบค่ะทำจากเมล็ดโกโก้ดิบเอามาบดเย็นไม่
00:23:48 → 00:23:51 ผ่านความร้อนสูงทำให้ยังคงสารต้านอนุมูล
00:23:51 → 00:23:54 อิสระไว้ได้เยอะมากค่า ORAC สูงกว่าโกโก้
00:23:54 → 00:23:57 ทั่วไป 3-4 เท่าเลยนะคะ
00:23:57 → 00:23:58 >> โอหเยอะมาก
00:23:58 → 00:24:02 >> ค่ะแล้วก็ยังมีพวกFlวนอยสpoิฟนอลแร่ธาตุ
00:24:02 → 00:24:05 ดีๆหลังแมกนีเซียมโพแทสเซียมวิตามิน
00:24:05 → 00:24:08 ไฟเบอร์ครบเลยค่ะแล้วก็ไม่มีส่วนผสมอื่น
00:24:08 → 00:24:12 เจือปนตัวนี้ดีต่อสุขภาพองค์รวมมากๆเลย
00:24:12 → 00:24:14 ค่ะแนะนำให้ทานได้บ่อยๆเลย
00:24:14 → 00:24:15 >> ครับตัวคาคาวดิบ
00:24:15 → 00:24:19 >> 2 โกโก้อันนี้คือผงสำเร็จรูปที่เราคุ้น
00:24:19 → 00:24:22 เคยกันมากกว่าค่ะมันผ่านกระบวนการใช้ความ
00:24:22 → 00:24:25 ร้อนสูงทำให้สารอาหารดีๆพวกนั้นลดลงไป
00:24:25 → 00:24:26 เยอะเลย
00:24:26 → 00:24:27 >> อ๋อ
00:24:27 → 00:24:29 >> แล้วก็มักจะมีส่วนผสมอื่นเติมเข้ามาด้วย
00:24:29 → 00:24:33 เช่นน้ำตาลครีมเทียมนมผงอะไรแบบเนี้ยค่ะ
00:24:33 → 00:24:36 ตัวนี้ประโยชน์จะน้อยกว่าคาดิบเยอะควรทาน
00:24:36 → 00:24:37 นานๆครั้งดีกว่าค่ะ
00:24:37 → 00:24:39 >> ครับพุกผงชงดื่มสำเร็จรูป
00:24:39 → 00:24:43 >> 3 ช็อกโกแลตอันนี้คือเอาโคโคมาผสมกับ
00:24:43 → 00:24:45 คาเคาบัตเตอร์อีกทีแล้วก็มักจะเติมน้ำตาล
00:24:46 → 00:24:48 นมหรือส่วนผสมอื่นๆเข้าไปอีกค่ะยิ่ง
00:24:48 → 00:24:51 เปอร์เซ็นต์โกโก้ต่ำๆนะคะก็ยิ่งมีน้ำตาล
00:24:51 → 00:24:54 เยอะตัวนี้ก็ควรทานให้น้อยที่สุดค่ะนานๆ
00:24:54 → 00:24:56 นานๆครั้งจริงๆ
00:24:56 → 00:24:59 >> เข้าใจความต่างแล้วครับคักขาวดีบที่สุด
00:24:59 → 00:25:01 รองมาคือโกโก้ผงแล้วก็ช็อกโกแลต
00:25:01 → 00:25:04 >> ใช่ค่ะดังนั้นเทคนิคก็คือถ้าอยากได้
00:25:04 → 00:25:06 ประโยชน์จากโกโก้แบบเต็มๆนะคะให้เลือกใช้
00:25:06 → 00:25:10 ผงคักคาดิบเพื่อให้ได้สารพฤกษมีต่างๆค่ะ
00:25:10 → 00:25:14 >> ครับแล้วถ้าต้องการเน้นเรื่องการลด LDL
00:25:14 → 00:25:17 โดยเฉพาะอยากได้กรดสเตริเยอะๆก็ให้เติม
00:25:17 → 00:25:19 เนยโกโก้หรือคักคาบัตเตอร์เพิ่มเข้าไป
00:25:19 → 00:25:20 ด้วยครับ
00:25:20 → 00:25:22 >> อ๋อใช้คู่กันไปเลย
00:25:22 → 00:25:24 >> ใช่ครับอาจจะเอาไปผสมในเครื่องดื่ม
00:25:24 → 00:25:28 สมูทตี้หรือเอาไปทำขนมคีโตขนมโลคาฟก็ได้
00:25:28 → 00:25:31 ครับเป็นการใช้ประโยชน์จากไขมันอิ่มตัว
00:25:31 → 00:25:33 ชนิดดีอย่าง 48 ได้อย่างชานฉลาดเลยครับ
00:25:34 → 00:25:36 >> เยี่ยมเลยค่ะเลือกใช้คาคาวดิบเป็นหลัก
00:25:36 → 00:25:38 แล้วเสริมด้วยคาคาวบัตเตอร์เพื่อบูostกรด
00:25:38 → 00:25:42 สตริจะมีคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับคนทาน lc
00:25:42 → 00:25:45 คีโตโดยรวมด้วยใช่ไหมคะเกี่ยวกับการเลือก
00:25:45 → 00:25:49 กินโปรตีนกับไขมันขอแบบสรุปสั้นๆอีกทีได้
00:25:49 → 00:25:50 ไหมคะเผื่อเอาไปปรับใช้
00:25:50 → 00:25:53 >> ได้ค่ะได้ค่ะสรุปหลักการกินโปรตีนกับไข
00:25:53 → 00:25:56 มันสำหรับ LC คีโตแบบกระชัดกระชับอีกรอบ
00:25:56 → 00:25:57 นะครับ
00:25:57 → 00:25:57 >> ค่ะ
00:25:57 → 00:25:59 >> เรื่องโปรตีนนะครับก็คือเลือกโปรตีน
00:25:59 → 00:26:03 คุณภาพดีซึ่งส่วนใหญ่มันก็จะมาพร้อมไขมัน
00:26:03 → 00:26:05 อยู่แล้วควรกระจายแหล่งโปรตีนให้หลากหลาย
00:26:05 → 00:26:08 ในแต่ละวันค่ะทั้งกลุ่มกลุ่มที่มีไขมัน
00:26:08 → 00:26:11 ปานกลางถึงสูงอย่างเช่นไข่เนื้อสัตว์ติด
00:26:11 → 00:26:13 มันบ้างถั่วเหลืองอันนี้อาจจะเหมาะกับ
00:26:13 → 00:26:14 มื้อแรกๆของวัน
00:26:15 → 00:26:15 >> ค่ะ
00:26:15 → 00:26:18 >> แล้วก็กินสลับกับกลุ่มที่มีไขมันต่ำเช่น
00:26:18 → 00:26:22 เนื้อปลาอกไก่เครื่องในอาหารทะเลต่างๆอัน
00:26:22 → 00:26:23 นี้อาจจะเหมาะกับมือเย็นเพื่อให้ย่อยง่าย
00:26:23 → 00:26:24 ขึ้นค่ะ
00:26:24 → 00:26:26 >> แบ่งตามมื้อด้วยน่าสนใจค่ะ
00:26:26 → 00:26:28 >> ส่วนเรื่องไขมันนะครับสำหรับ LC คีโตที่
00:26:28 → 00:26:31 ต้องกินไขมันเยอะๆเนี่ยเน้นสัดส่วน
00:26:31 → 00:26:34 >> พยายามให้มาจากน้ำมันพืชสกัดเย็นเป็นหลัก
00:26:34 → 00:26:38 ค่ะอาจจะ 80-90% เลยพวก MUFA PUFA ที่
00:26:39 → 00:26:42 สมดุล SFA ดีๆจากพืชส่วนที่เหลืออีก
00:26:42 → 00:26:45 10-20% ก็มาจากไขมันที่อยู่ในอาหารตาม
00:26:45 → 00:26:48 ธรรมชาติสัดส่วนรวมก็ย้ำอีกทีค่ะไม่อิ่ม
00:26:48 → 00:26:52 ตัว 70% เน้น MUFA อิ่มตัว 30% เน้นจาก
00:26:52 → 00:26:56 พืชอย่างมะพร้าวคักคาวเป็นแนวทางที่ดีค่ะ
00:26:56 → 00:26:58 ความหลากหลายอันนี้สำคัญที่สุดเลยค่ะคือ
00:26:58 → 00:27:00 หมุนเวียนชนิดของน้ำมันและไขมันที่จริง
00:27:01 → 00:27:03 ยินอะไรซ้ำๆเดิมๆทุกวันนะคะ
00:27:03 → 00:27:04 >> ครับต้องหมุนเวียน
00:27:04 → 00:27:08 >> ใช่ค่ะไขมันอิ่มตัว SF FA ก็เน้นจากพืช
00:27:08 → 00:27:12 มะพร้าว MCT เนยโกโก้ถั่วพิรินัสให้มาก
00:27:12 → 00:27:15 กว่าจากสัตว์น้ำมันหมูเนยกี่ไขมันไม่อิ่ม
00:27:15 → 00:27:18 ตัวเชิงเดี่ยวแหล่งที่ดีก็น้ำมันมะกอกน้ำ
00:27:19 → 00:27:21 มันอะโวคาโดน้ำมันเมล็ดชาแล้วก็พกถั่ว
00:27:21 → 00:27:24 เปลือกแข็งอย่างแมคาเดเมียพี่แคนอัลมอน
00:27:24 → 00:27:27 แต่ถั่วควรกินบับอบหรือขั่วไฟอ่อนๆนะคะ
00:27:27 → 00:27:29 หรือแช่น้ำก่อนเพื่อลดกรดไฟติดแล้วก็ไม่
00:27:30 → 00:27:32 ให้ความร้อนทำลายไขมันดีกับวิตามินอีค่ะ
00:27:32 → 00:27:36 ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน PUFA หัวใจสำคัญ
00:27:36 → 00:27:39 คือสมดุลโอเมก้า 6 กับโอเมก้า 3 ค่ะ
00:27:39 → 00:27:41 พยายามเพิ่มแหล่งโอเมก้า 3 ให้มากขึ้น
00:27:41 → 00:27:45 เช่นน้ำมันงาขิมอนน้ำมันเมล็ดแฟลกหรือกิน
00:27:45 → 00:27:47 ปลาทะเลน้ำลึกบ่อยๆแล้วก็หมุนเวียนใช้
00:27:47 → 00:27:50 แหล่งโอเมก้า 6 ที่ดีบ้างเช่นน้ำมันเมล็ด
00:27:50 → 00:27:54 ทานตะวันน้ำมันรำข้าวแต่ระวังอย่าให้สัด
00:27:54 → 00:27:56 ส่วนโอเมก้า 6 มันสูงเกินไปเมื่อเทียบกับ
00:27:56 → 00:27:58 โอเมก้า 3 ค่ะ
00:27:58 → 00:28:00 >> โอ้โหละเอียดเลยครับเรื่อง PUFA
00:28:00 → 00:28:03 >> ใช่ค่ะมันมีรายละเอียดนิดนึงแต่หลักๆคือ
00:28:03 → 00:28:06 นิ้นสมดุลค่ะแล้วก็ย้ำอีกครั้งนะคะไม่ว่า
00:28:06 → 00:28:09 จะไขมันชนิดไหนน้ำมันอะไรควรผสมในอาหาร
00:28:09 → 00:28:11 เสมอค่ะอย่ากินเพียวๆนะคะ
00:28:11 → 00:28:14 >> ขอบคุณมากครับได้หลักการที่ชัดเจนมากๆ
00:28:14 → 00:28:17 แล้วก็เอาไปปรับใช้ได้จริงเลยนะครับสรุป
00:28:17 → 00:28:19 แล้วจากที่เราเจาะลึกข้อมูลชุดนี้กันมา
00:28:19 → 00:28:21 เนี่ยทำให้เห็นภาพชัดขึ้นเยอะเลยครับว่า
00:28:21 → 00:28:24 ไขมั่นอิ่มตัวเนี่ยมันไม่ได้น่ากลัวไปซะ
00:28:24 → 00:28:25 ทั้งหมดจริงๆนะครับ
00:28:25 → 00:28:26 >> ใช่ค่ะ
00:28:26 → 00:28:28 >> หัวใจสำคัญมันอยู่ที่การเลือกให้ถูกชนิด
00:28:28 → 00:28:32 กรดเซริ 48 จากเนยโกโก้หรือไขมันสัตว์ปีก
00:28:32 → 00:28:35 สัตว์น้ำแล้วก็กรดลอริก 42 จากมะพร้าว
00:28:35 → 00:28:37 ดูจะเป็นมิตรแล้วก็อาจจะช่วยเรื่อง LDL
00:28:37 → 00:28:38 ได้ด้วยซ้ำ
00:28:38 → 00:28:39 >> ค่ะ
00:28:39 → 00:28:42 >> ตัวช่วยเลยในขณะที่กรดปามมิติก 46 จาก
00:28:42 → 00:28:44 สัตว์บกตัวใหญ่ๆหรือน้ำมันเนื้อปาล์ม
00:28:44 → 00:28:46 เนี่ยเป็นตัวที่ควรจะจำกัดปริมาณแล้วก็
00:28:46 → 00:28:50 การผสมผสานแหล่งที่มาทั้งพืชทั้งสัตว์ให้
00:28:50 → 00:28:52 ความสำคัญกับphฟตFacตorจากพืชเนี่ยดูจะ
00:28:52 → 00:28:54 เป็นกุญแจสำคัญเลยนะครับ
00:28:54 → 00:28:57 >> ถูกป้อมที่สุดเลยค่ะคำว่ากินเป็นนี่คือ
00:28:57 → 00:29:00 หัวใจจริงๆค่ะมันคือการเข้าใจว่าอาหารแต่
00:29:00 → 00:29:03 ละอย่างให้อะไรกับเราบ้างแล้วก็รู้จัก
00:29:03 → 00:29:05 เลือกรู้จักผสมผสานอย่างมีกลยุทธ์
00:29:06 → 00:29:06 >> อืม
00:29:06 → 00:29:09 >> ไม่ใช่แค่การตัดนู่นตัดนี่ออกไปหรือว่า
00:29:09 → 00:29:11 กินอะไรอย่างเดียวเยอะๆแต่คือการเลือก
00:29:12 → 00:29:14 เติมสิ่งที่ดีๆสิ่งที่หลากหลายเข้าไปใน
00:29:14 → 00:29:17 ร่างกายเราเพื่อให้ระบบต่างๆมันทำงานได้
00:29:17 → 00:29:19 อย่างสมดุลที่สุดค่ะ
00:29:19 → 00:29:22 >> ครับผมฟังแล้วก็ทำให้เกิดความคิดต่อยอด
00:29:22 → 00:29:25 ที่น่าสนใจเหมือนกันนะครับจากข้อมูลที่
00:29:25 → 00:29:28 เราคุยกันมาทั้งหมดโดยเฉพาะประเด็นที่ว่า
00:29:28 → 00:29:31 คุณภาพแล้วก็ชนิดของไขมันอิ่มตัวเนี่ยมัน
00:29:31 → 00:29:35 มีความสำคัญกับ LDL มากกว่าแค่ปริมาณรวมๆ
00:29:35 → 00:29:36 ที่เรากินเข้าไป
00:29:36 → 00:29:38 >> อืน่าคิดนะคะ
00:29:38 → 00:29:42 >> มันก็ชวนให้คิดว่าเอ๊ะหรือว่าแนวทางการดู
00:29:42 → 00:29:44 แลสุขภาพหัวใจในอนาคตเนี่ยอาจจะไม่ได้
00:29:44 → 00:29:47 อยู่ที่การกลัวไขมันทั้งหมดแต่เป็นการหัน
00:29:47 → 00:29:50 มาเรียนรู้ที่จะเลือกกินไขมันแต่ละชนิด
00:29:50 → 00:29:52 ให้เป็นมากขึ้นหรือเปล่า
00:29:52 → 00:29:53 >> เป็นไปได้มากเลยค่ะ
00:29:53 → 00:29:55 >> หรืออีกมุมนึงการที่เราเพิ่งมาให้ความ
00:29:56 → 00:29:58 สำคัญกับสารจากพืชอย่าง Phctors มากขึ้น
00:29:58 → 00:30:02 เนี่ยมันอาจจะนำไปสู่การเอ่อค้นคว้าหรือ
00:30:02 → 00:30:05 ค้นพอประโยชน์ของไขมันจากพืชชนิดอื่นๆที่
00:30:05 → 00:30:07 เราอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักกันในปัจจุบัน
00:30:07 → 00:30:10 นี้เพื่อเอามาใช้ส่งเสริมสุขภาพในรูปแบบ
00:30:10 → 00:30:12 ใหม่ๆก็เป็นได้นะครับ
00:30:12 → 00:30:15 >> น่าสนใจมากค่ะอาจจะมีขุ่มซับซ่อนอยู่ใน
00:30:15 → 00:30:18 พืชอีกเยอะที่เรายังไม่รู้ก็ได้นะคะ
00:30:18 → 00:30:36 [เพลง]