00:00:00 → 00:00:13 [เพลง]
00:00:13 → 00:00:16 สวัสดีครับพี่หมอครับสวัสดีครับสวัสดี
00:00:16 → 00:00:25 ครับ
00:00:25 → 00:00:26 [เพลง]
00:00:26 → 00:00:30 วันนี้จะพูดถึงเรื่อง 2 เรื่องนะ
00:00:30 → 00:00:33 ก็ไม่น่าจะนานหรอก
00:00:33 → 00:00:38 ที่อยากจะเน้นก็คืออันที่ 1 ก็คือมุมมอง
00:00:38 → 00:00:41 ในเรื่องของความเครียด
00:00:42 → 00:00:44 ในยุคปัจจุบันณที่เกิดจากเรื่องของอาหาร
00:00:44 → 00:00:48 อันนี้เป็นมุมมองในฝั่งของกลุ่ม
00:00:48 → 00:00:51 ผู้ชนะการแบบครับต่ำ
00:00:51 → 00:01:05 ก็จะมีรายละเอียดนะครับ
00:01:05 → 00:01:10 ก็จะมีปัญหาอย่างหนึ่งก็คือทำไมคิดว่ากิน
00:01:10 → 00:01:12 โยคะอย่างดีแล้วถูกต้องเหมาะสมแล้วเนี่ย
00:01:12 → 00:01:16 แต่ทำไมอาการแล้วก็ผลแลปผลเลือดอะไรต่างๆ
00:01:16 → 00:01:23 มันยังไม่ดีขึ้น
00:01:23 → 00:01:28 เดี๋ยววันนี้เราคุยกันให้ฟังนิดนึงนะ
00:01:28 → 00:01:32 อันนี้หมอเริ่มที่สไลด์อันแรก
00:01:32 → 00:01:35 ในฝั่งของโภชนาการครับต่ำนี่แหละเราก็จะ
00:01:35 → 00:01:38 ถือว่าเรื่องของโภชนาการจะเป็นพื้นฐานของ
00:01:38 → 00:01:41 สุขภาพและคุณภาพชีวิตแล้วก็ในแง่ของการ
00:01:41 → 00:01:44 รักษาทางการแพทย์
00:01:44 → 00:01:46 เราจะต้องอิงกับพื้นฐานในอำเภอพัฒนาการ
00:01:46 → 00:01:50 เป็นหลักแต่หมายถึงโภชนาการสมัยใหม่นะ
00:01:50 → 00:01:53 โภชนาการแบบแบบใหม่เลยนะฮะไม่ใช่คนของการ
00:01:53 → 00:01:56 แบบ Standard ในการไดเอทหรือว่าพีระมิด
00:01:56 → 00:02:00 อาหารหรือพลอากาศ 5 หมู่อะไรเงี้ยไม่ใช่
00:02:00 → 00:02:04 อันนี้ก็มีมีมีหลายๆคนน่ะทั้งหมอและไม่
00:02:04 → 00:02:06 ใช่หมออะไรต่างๆก็ออกมาให้สโลแกนอะไรกัน
00:02:06 → 00:02:10 เยอะแยะไป
00:02:10 → 00:02:11 อันนี้ก็
00:02:11 → 00:02:15 ที่หมอบอกนะฮะนะว่ามุมมองในเรื่องของความ
00:02:15 → 00:02:19 เครียดกับอาหารเนี่ยเออ
00:02:19 → 00:02:21 คือเราก็รู้แต่ว่าความเครียดมันจะเกิดจาก
00:02:21 → 00:02:25 เรื่องจิตใจอารมณ์ความรู้สึกแนวความคิดนะ
00:02:25 → 00:02:28 เดี๋ยวมีความกดดันอะไรต่างๆ
00:02:28 → 00:02:31 พวกเนี้ยเป็นความเครียด
00:02:31 → 00:02:35 แต่ในเรื่องของอาหารการกินเขามองที่มัน
00:02:35 → 00:02:37 ค่อนข้างลึกไปกว่านั้นแล้วมันค่อนข้าง
00:02:37 → 00:02:39 เป็นเหตุเป็นผล
00:02:39 → 00:02:44 อีกอันหนึ่งก็คืออันนี้นะที่ที่มาเป็น
00:02:44 → 00:02:47 อันใหญ่ๆเนี่ย
00:02:47 → 00:02:50 ทำไมผลลัพธ์มันไม่ดีขึ้นกิน low carte
00:02:50 → 00:02:55 มาเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว 3 เดือนหรือ 6
00:02:55 → 00:02:58 เดือนขึ้นไปแล้วบางคนเป็นปีเลย 2 ปีก็มี
00:02:58 → 00:02:59 ครับ
00:02:59 → 00:03:04 คำตอบส่วนใหญ่ก็คืออยู่ที่เรื่องอาหาร
00:03:04 → 00:03:09 กินเป็นไหมกินถูกต้องไหมกินผิดๆอยู่หรือ
00:03:09 → 00:03:12 เปล่านะด้วยความเข้าใจหรือด้วยองค์ความ
00:03:12 → 00:03:15 รู้ในนี้ในแง่ของการแก้ไขรวมถึงความเหมาะ
00:03:15 → 00:03:23 สมด้วยถูกไม่ถูกมากน้อยขาดเกิน
00:03:23 → 00:03:26 ผ่านตากันอยู่บ่อยๆ
00:03:26 → 00:03:29 เราจะกินอะไรอันนี้ก็อยู่ที่ชนิดและ
00:03:29 → 00:03:32 ประเภทของอาหารกินเท่าไหร่คือปริมาณและ
00:03:32 → 00:03:33 สัดส่วน
00:03:33 → 00:03:38 อย่างไรคือการปรุงนะกินเมื่อไหร่นะฮะก็
00:03:38 → 00:03:40 คือเวนทูยนั่นแหละการกระจายเมืองหาอาหาร
00:03:40 → 00:03:44 การที่จะทำ is นะฮะแล้วก็การเบรกฟ้าที่
00:03:44 → 00:03:46 ที่ดีอ่ะ
00:03:46 → 00:03:49 แล้วทำไมต้องกินก็คือผลประโยชน์ที่พึงจะ
00:03:49 → 00:03:52 ได้รับ
00:03:52 → 00:03:56 ในแง่หลักๆของภาวะ Good metabolic
00:03:56 → 00:03:59 Health นะหรือภาวะสุขภาพที่ดีที่เรา
00:03:59 → 00:04:01 ปรารถนา
00:04:01 → 00:04:04 อันนี้มันเกิดจากอาหารที่เรากินในชีวิต
00:04:04 → 00:04:08 ประจำวันเราก็ต้องการหลักๆ 2 เรื่องคือ
00:04:08 → 00:04:11 เรื่องของการสร้างพลังงาน
00:04:11 → 00:04:15 กับเรื่องของการได้รับสารอาหารที่ดีถูก
00:04:15 → 00:04:20 ต้องแล้วก็ครบๆพลังงานก็ต้องเพียงพอ
00:04:20 → 00:04:23 ตัวตอบรับในเรื่องพลังงานเนี่ย
00:04:23 → 00:04:28 ก็คือร่างกายก็คือร่างกายทั้งร่างกายถ้า
00:04:28 → 00:04:31 มันได้พลังงานพอพอ
00:04:31 → 00:04:35 เขาก็จะมี activity มีการเคลื่อนไหวมีการ
00:04:35 → 00:04:39 ทำกิจกรรมมีการดำเนินรายการได้อย่าง
00:04:39 → 00:04:41 ได้อย่าง
00:04:41 → 00:04:45 ได้อย่างไม่เป็นปัญหาอะไรอ่ะครับ
00:04:45 → 00:04:49 ส่วนดีที่ 1 ศาลทหารสารอาหารเนี่ยนะตัว
00:04:49 → 00:04:52 ตอบรับก็คือสมองนะฮะคือสมอง
00:04:52 → 00:04:57 นะอาการแสดงของสมองก็คือการหลับแบบหลับ
00:04:57 → 00:05:01 ลึกลับมีคุณภาพ Deep Sleep อ่า
00:05:01 → 00:05:05 ลึกสนิทยาวนาน
00:05:05 → 00:05:08 อันนี้คือคุณภาพของการนอน
00:05:08 → 00:05:11 ซึ่งจะนอนได้อย่างนี้นะ
00:05:11 → 00:05:14 สารอาหารมันต้องครบ
00:05:14 → 00:05:19 แล้วสมองจะเป็นผู้บอกว่าครบหรือไม่ครบ
00:05:19 → 00:05:22 เราจะแยกอย่างหนึ่งเนี่ยนะฮะในเรื่องของ
00:05:22 → 00:05:25 พลังงานที่หมอพูดถึงว่าร่างกายจะเป็นตัว
00:05:25 → 00:05:30 ตอบรับว่าพลังงานพอไหมนะขาดพลังงานและ of
00:05:30 → 00:05:34 Energy อะไรหรือเปล่าหรือ over
00:05:34 → 00:05:37 การตอบรับของร่างกายในที่นี้ในที่นี้นะ
00:05:37 → 00:05:41 เราจะหมายถึงกายละเอียดนะฮะเราจะหมายถึง
00:05:41 → 00:05:46 สมองส่วนที่เรามีวิวัฒนาการเยอะๆเขาเรียก
00:05:46 → 00:05:49 สมองส่วนเป้า cortex สมองส่วนหน้าที่มัน
00:05:49 → 00:05:53 ใหญ่ๆครับอันนี้เขาเรียกว่าการตอบสนองใน
00:05:53 → 00:05:55 แง่ของกายละเอียด
00:05:55 → 00:05:59 หรือกายทางด้านจิตใจนะฮะ
00:05:59 → 00:06:01 ว่าได้พลังงานพอไหม
00:06:01 → 00:06:03 แล้วการตอบสนองนั้นพลังงานเนี่ยจะเป็นการ
00:06:03 → 00:06:06 ตอบสนองอย่างแรกของร่างกายที่มันไวที่สุด
00:06:06 → 00:06:11 พอไม่พอ
00:06:11 → 00:06:15 ในแต่ละวันหรือในแต่ละช่วงเวลาต่างๆที่
00:06:15 → 00:06:18 เรากินอาหารเข้าไป
00:06:18 → 00:06:21 ส่วนการตอบสนองของกายหยาบหรือกายเนื้อ
00:06:21 → 00:06:23 เนี่ยหรือสภาพร่างกายหรือโครงสร้างร่าง
00:06:23 → 00:06:26 กายเนี่ยอันนี้ก็จะหมายถึงเรื่องสารอาหาร
00:06:26 → 00:06:29 ที่ครบถ้วนเพียงพอ
00:06:29 → 00:06:32 เพื่อว่าเราจะได้ไปซ่อมแซมและเราไปสร้าง
00:06:32 → 00:06:35 สรรค์การเจริญเติบโตสร้างกล้ามเนื้อนะ
00:06:35 → 00:06:38 หรือสร้างอวัยวะใหม่ๆถ้ามันสร้างได้มัน
00:06:38 → 00:06:41 Legendary ได้
00:06:41 → 00:06:44 อันนี้อันนี้เป็นการตอบสนองในแง่ของกาย
00:06:44 → 00:06:47 เนื้อหรือกายหยาบ
00:06:47 → 00:06:50 ซึ่งควรตอบสนองสำคัญเนี่ยก็อยู่ในสมอง
00:06:50 → 00:06:54 ส่วนส่วนไฮโปทาลามัส
00:06:54 → 00:06:58 ส่วนก้านสมองส่วนของจิตใต้สำนึก
00:06:59 → 00:07:02 หรือทั้งจิตไร้สำนึกและจิตใต้สำนึก
00:07:02 → 00:07:05 อันนี้ข้อเปรียบเทียบที่เราจะแย่หรือให้
00:07:05 → 00:07:07 ดูได้ง่ายๆก็คือ
00:07:07 → 00:07:11 ยังเรามีคนไข้ประเภทนอนติดเตียงแล้วโคม่า
00:07:11 → 00:07:16 ไม่รู้สึกตัวนะ
00:07:16 → 00:07:20 ที่ดีเป็นภาวะศัพท์ความเชื่อเซมิความ
00:07:20 → 00:07:23 เชื่ออะไรก็ตามคือโครงสร้างร่างกายเขายัง
00:07:23 → 00:07:27 มีชีวิตต่อไปได้ด้วยอะไรสารอาหารเป็นหลัก
00:07:27 → 00:07:31 นะฮะเรื่องพลังงานนี่ก็ให้แค่เพียงพอนะ
00:07:31 → 00:07:34 ไม่ได้เป็นแบบมีการโฟกัสหรือคอนเสิร์ต
00:07:34 → 00:07:37 อะไรมากมายแต่ว่าศาลทหารเนี่ย
00:07:37 → 00:07:40 ให้ได้ครบนะนักเพราะฉะนั้นการหรือหมอที่
00:07:40 → 00:07:45 ดูแลเนี่ยดูได้ดีๆการเป็นภาวะติดเตียง
00:07:45 → 00:07:47 หรือการที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หรือการ
00:07:47 → 00:07:50 ไม่รู้สึกตัวอะไรต่างๆ
00:07:50 → 00:07:54 โครงสร้างร่างกายมันก็ยังรันต่อดำเนินต่อ
00:07:54 → 00:07:56 ไปได้
00:07:56 → 00:07:59 เพราะฉะนั้นที่พูดอย่างนี้นะ
00:07:59 → 00:08:02 ทำไมเราถึงได้มีการพูดกันว่า
00:08:02 → 00:08:04 สารอาหารสำคัญกว่าพลังงาน
00:08:04 → 00:08:08 อีกหนึ่งเนี่ยที่อยากให้ดูง่ายๆเลยหรือ
00:08:08 → 00:08:09 แยกแยะได้
00:08:09 → 00:08:12 ก็คืออย่างนี้ก็เกิดเราเจอคนไข้ติดเตียง
00:08:12 → 00:08:15 คนไข้ที่นอนเป็นผักเป็นปลาแล้วก็ทำอะไร
00:08:15 → 00:08:20 ไม่ได้แล้วก็แทบจะไม่รับรู้อะไรแหละ
00:08:20 → 00:08:23 พอๆแยกได้นะอันนี้ฮะศาลทหารสำคัญกว่าพลัง
00:08:23 → 00:08:26 งานเพื่อที่นี่
00:08:26 → 00:08:29 ครับผม
00:08:29 → 00:08:32 อ่ะอาหารจะเป็นตัวกำหนดฮอร์โมนคืออาหาร
00:08:32 → 00:08:33 ที่เรากินเนี่ย
00:08:33 → 00:08:36 เขาจะกำหนดฮอร์โมนต่างๆ
00:08:36 → 00:08:41 นะให้เกิดการออกมาทำปฏิกิริยาหรือเกิดการ
00:08:41 → 00:08:43 ตอบสนองนะฮะนะ
00:08:43 → 00:08:46 จากนั้นจะมีการกระตุ้นทางด้านระบบประสาท
00:08:46 → 00:08:48 ส่วนกลางคือสมองกับระบบประสาทอัตโนมัติ
00:08:48 → 00:08:52 เกิดการสั่งการทำงานเนี่ยนะฮะให้มีการ
00:08:52 → 00:08:57 สร้างเก็บสะสมสลายเผาผลาญซ่อมแซมหรือ
00:08:57 → 00:09:01 เจริญเติบโต
00:09:01 → 00:09:04 แต่ทีนี้การกำหนดฮอร์โมน
00:09:04 → 00:09:08 นะอาหารกำหนดฮอร์โมนแต่ฮอร์โมนมันจะมี
00:09:08 → 00:09:11 ที่เรารู้ว่าก็คืออินซูลิน
00:09:11 → 00:09:15 กับกับที่ไม่ใช่อินซูลินเนี่ย
00:09:15 → 00:09:18 เขาไม่อยู่ภายใต้สมองและระบบประสาท
00:09:18 → 00:09:20 อัตโนมัติ
00:09:20 → 00:09:23 นะอาหารกระตุ้นฮอร์โมนอินซูลินอินซูลินก็
00:09:23 → 00:09:27 จะมีการเกิดปฏิกิริยา
00:09:27 → 00:09:29 เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างหรือ
00:09:29 → 00:09:33 อวัยวะเป็นเลยโดยไม่ผ่านอันนี้นะ
00:09:33 → 00:09:40 แต่ถ้าฮอร์โมนตัวอื่นๆนะ
00:09:40 → 00:09:43 อันนี้จะต้องมาผ่านสมองและระบบอัตโนมัติ
00:09:43 → 00:09:45 พวกนี้ก่อน
00:09:45 → 00:09:49 ส่วนในช่องทางเนี่ยที่เราพอรู้กันน่ะ
00:09:49 → 00:09:52 เออหญิงสุรินทร์เข้าไปทางระบบเลือด
00:09:52 → 00:09:54 ดำ
00:09:54 → 00:09:55 แต่
00:09:55 → 00:09:57 ตัวอื่นๆเนี่ย
00:09:57 → 00:10:01 เขาก็ไปได้ทั้งระบบเลือดกับระบบน้ำเหลือง
00:10:01 → 00:10:07 ระบบสีเหลือง
00:10:07 → 00:10:09 แต่อินซูลินเขาไม่มาอยู่ในระบบท่อน้ำ
00:10:09 → 00:10:15 เหลืองอินซูลินอยู่ในระบบน้ำเหลืองไม่ได้
00:10:15 → 00:10:19 อันนี้เป็นข้อสรุปพอรู้นะครับทีนี้จะมี
00:10:19 → 00:10:24 คำนึงเนี่ยก็เรียกว่าวิว Power
00:10:24 → 00:10:28 คือคำแปลเนี่ยอาจจะไม่ไม่ตรงนะ
00:10:28 → 00:10:33 นะจิตตานุภาพหรือเป็นสติอะไรก็ได้สติความ
00:10:33 → 00:10:35 รู้ตัวทั่วพร้อม
00:10:35 → 00:10:39 เรารู้ว่ามีความเชื่อว่าจิตเป็นนายกาย
00:10:39 → 00:10:42 เป็นบ่าว
00:10:42 → 00:10:44 [เพลง]
00:10:44 → 00:10:48 คือจีนเนี่ยเป็นนายของร่างกายร่างกายเป็น
00:10:48 → 00:10:49 ตัวรับใช้จิต
00:10:49 → 00:10:52 แต่มุมมองในเรื่องของอาหารเรื่องโภชนาการ
00:10:52 → 00:10:54 สมัยใหม่
00:10:54 → 00:10:56 เขาไม่ได้มองอย่างนี้นะฮะเขาไม่ได้มอง
00:10:56 → 00:10:58 อย่างนี้
00:10:58 → 00:11:02 เขาจะให้ความสำคัญต่อตัวร่างกายหรือกาย
00:11:02 → 00:11:05 หยาบกายเนื้อเป็นหลัก
00:11:05 → 00:11:08 เพราะว่าจิตนะที่ว่าเป็นนายเนี่ยนะฮะ
00:11:08 → 00:11:10 จิตเนี่ยหรือสติเนี่ย
00:11:10 → 00:11:13 ต้องอยู่ต้องอาศัยอยู่ในกาย
00:11:13 → 00:11:18 นะแล้วกายเนี่ยถ้ามันผิดปกติเนี่ยจิตมัน
00:11:18 → 00:11:21 จะทำอะไรต่อนักไม่ได้โดยเฉพาะคนไข้ที่
00:11:21 → 00:11:23 โคม่านอนอยู่บนเตียง
00:11:23 → 00:11:27 เป็นผักเป็นปลายอยู่
00:11:27 → 00:11:30 แล้วกายหรือกายเนื้อกายหยาบมันก็ถูกหล่อ
00:11:30 → 00:11:32 เลี้ยงด้วย
00:11:32 → 00:11:34 ด้วยอาหาร
00:11:34 → 00:11:37 อาหารเป็นกระตุ้นฮอร์โมนฮอร์โมนไปกระตุ้น
00:11:37 → 00:11:38 ระบบ
00:11:38 → 00:11:41 ประสาทต่างๆการทำงานของระบบอัตโนมัติอีก
00:11:41 → 00:11:44 ทีนึงกรณีที่สมองเนี่ย
00:11:44 → 00:11:47 มันน็อคไปแล้ว
00:11:47 → 00:11:51 ระบบอัตโนมัติเนี่ยนะคือพวกปมประสาทต่างๆ
00:11:51 → 00:11:54 นะที่อยู่ตามไขสันหลังหรือตัวไขสันหลัง
00:11:54 → 00:11:58 เองอะไรต่างๆก็ยังพอจะสั่งการได้นะฮะนะ
00:11:58 → 00:12:03 ทั้งๆที่สมองมันน็อคไปแล้วนะ
00:12:03 → 00:12:05 เพราะฉะนั้นเนี่ย
00:12:05 → 00:12:08 ต้องบอกว่าในเรื่องของวีรกรรมใหม่เนี่ย
00:12:08 → 00:12:12 เราค่อนข้างให้ความสำคัญกับอาหารจึงมีการ
00:12:12 → 00:12:15 ให้ความสำคัญต่อสารอาหารและเรื่องของกาย
00:12:15 → 00:12:19 เนื้อหรือกายหยาบค่อนข้างมาก
00:12:19 → 00:12:22 อาหารที่เรากินเข้าสู่ร่างกายไม่ว่ามันจะ
00:12:22 → 00:12:27 ดีแล้วถูกผิดมากน้อยขาดเกินอะไรก็ตามนะ
00:12:27 → 00:12:30 ระบบฮอร์โมนจะเป็นผู้รับรู้และเกิดการตัด
00:12:30 → 00:12:33 สินว่าถูกผิด
00:12:33 → 00:12:36 แล้วหลังจากนั้นก็จะมีอาการและอาการแสดง
00:12:36 → 00:12:41 ออกมาต่างๆ
00:12:41 → 00:12:45 ทีนี้มีบางคำที่นอกจากคำในประโยคอันนี้
00:12:45 → 00:12:47 แล้วเนี่ยก็จะมีเรื่องของว่า
00:12:47 → 00:12:52 กินตามใจปากกินตามใจอยากกินตามใจตัวเอง
00:12:52 → 00:12:55 คำพวกนี้มันจะหมายถึงอาหารเป็นผู้ควบคุม
00:12:55 → 00:12:58 ตัวเรา
00:12:58 → 00:13:01 คืออาหารที่ตัวกำหนดให้เราหย่าจะกินโน่น
00:13:01 → 00:13:03 กินนี่กินหวานกินเค็มเปรี้ยวหวานมันเค็ม
00:13:03 → 00:13:08 เย็นร้อนอ่อนแข็งอะไรอย่างนี้
00:13:08 → 00:13:10 เพราะฉะนั้นเนี่ยการมีสติเนี่ยให้เราดู
00:13:10 → 00:13:12 ตรงนี้นะฮะ
00:13:12 → 00:13:15 ก่อนที่จะกินอาหารเข้าร่างกาย
00:13:15 → 00:13:27 ตัวเรานะ
00:13:27 → 00:13:31 หรือความคิดนะหรือการตัดสินว่า
00:13:31 → 00:13:35 เออมันจะกินอะไรดีนะ
00:13:35 → 00:13:38 แล้วบางครั้งเนี่ยเราก็ไม่รู้ว่าเราตัด
00:13:38 → 00:13:43 สินไปตามความรู้ไงตามความรู้ตามข้อมูล
00:13:43 → 00:13:47 ต่างๆที่เราได้รับมา
00:13:47 → 00:13:49 แต่ครั้นเมื่ออาหารเข้าสู่ร่างกายแล้ว
00:13:49 → 00:13:53 เนี่ยตัวควบคุมเนี่ยตัวควบคุมจริงๆเนี่ย
00:13:53 → 00:13:57 ก็คืออาหารที่จะไปควบคุมกายหยาบหรือร่าง
00:13:57 → 00:13:59 กาย
00:13:59 → 00:14:03 ซึ่งเวลาร่างกายเกิดการตอบสนองต่ออาหาร
00:14:03 → 00:14:09 เขาอาจจะไม่ได้ตอบสนองตามที่ตอนแรกๆที่
00:14:09 → 00:14:12 ตัวเราหรือกายละเอียด
00:14:12 → 00:14:13 คิด
00:14:13 → 00:14:19 อย่างเช่นกายละเอียดเนี่ยนะ
00:14:19 → 00:14:21 เป็นการกินไขมัน
00:14:21 → 00:14:25 แต่พอชี้กับเบคอนเข้าสู่ร่างกายแล้วร่าง
00:14:25 → 00:14:29 กายหรือกายหยาบหรือกายเนื้อเนี่ยเขาตอบ
00:14:29 → 00:14:34 สนองกับชีสและเบคอนเป็นโปรตีนไม่ใช่ตอบ
00:14:34 → 00:14:37 สนองเป็นแบบไขมันตามองค์ความรู้ที่เรารู้
00:14:37 → 00:14:43 มาจากการเรียนหรือจากงานอะไรก็ตาม
00:14:43 → 00:14:44 อันนี้นะ
00:14:44 → 00:14:47 ครับเพราะฉะนั้นเนี่ยบางครั้งเนี่ยไส้ใน
00:14:47 → 00:14:51 ของอาหารที่เราคุยกันเนี่ย
00:14:51 → 00:14:53 บางทีเราก็รู้ว่า
00:14:53 → 00:14:55 เออต้องกินสัดส่วนเท่านั้นเท่านี้โปรตีน
00:14:55 → 00:14:58 คาร์โบไฮเดรตไขมันต้องกินรูปแบบนั้นรูป
00:14:58 → 00:14:59 แบบนี้
00:14:59 → 00:15:04 แต่พอถึงเวลาที่มันเข้าร่างเข้าเซลล์อ่ะ
00:15:04 → 00:15:07 การตอบสนองอาจจะไม่เป็นไปดังที่เรารู้
00:15:07 → 00:15:10 ครับ
00:15:10 → 00:15:13 เพราะฉะนั้นก็เลยต้องเข้าใจอะไรมันลึกๆ
00:15:13 → 00:15:18 ลึกๆพอสมควร
00:15:18 → 00:15:20 ทางด้านอาหารสมัยใหม่เขาก็เลยสรุปว่า
00:15:20 → 00:15:24 อาหารเนี่ยมีอำนาจสูงสุดในการควบคุมและ
00:15:24 → 00:15:26 กำหนดร่างกายรวมทั้งการมีชีวิตอยู่ของคน
00:15:26 → 00:15:28 เรา
00:15:28 → 00:15:30 โดยผ่านการควบคุมที่
00:15:30 → 00:15:34 กายละเอียดหรือกายเนื้อ
00:15:34 → 00:15:37 แล้วไปต่อด้วยเรื่องของ
00:15:37 → 00:15:40 เดินทางการควบคุมด้วยกาย
00:15:40 → 00:15:44 กายหยาบหรือกายเนื้อและก็ไปมีผลต่อกาย
00:15:44 → 00:15:47 ละเอียดหรือกายเห็นจิต
00:15:47 → 00:15:54 งงๆไปไหมเนี่ย
00:15:54 → 00:15:57 คืออันนี้มันจะต้องรู้รู้ว่าบางครั้ง
00:15:57 → 00:16:00 เนี่ยเราคิดอย่างนึงเนี่ยแต่ร่างกายเขา
00:16:00 → 00:16:06 ไม่ได้ตอบสนองแบบนั้น
00:16:06 → 00:16:09 ทีนี้ปัญหาเนี่ยปัญหาของอาหารมาตลอดเวลา
00:16:09 → 00:16:13 ต่างๆที่เป็นยุคสมัยที่เกิดการแปรรูป
00:16:13 → 00:16:17 อาหารเกิดอุตสาหกรรมอาหารนะเกิดเอ่อ
00:16:17 → 00:16:20 เกิดการจัดสรรอาหารต่างๆให้เกิดความสะดวก
00:16:20 → 00:16:24 สบายหรือฝืนธรรมชาติไป
00:16:24 → 00:16:27 อันนี้เขาก็ถือว่าการกินอาหารคนในยุค
00:16:27 → 00:16:30 ปัจจุบันเป็นการกินที่เกิดความไม่ยืด
00:16:30 → 00:16:37 หยุ่น
00:16:37 → 00:16:41 มันมีผลต่อพลังงานกับสารอาหาร
00:16:41 → 00:16:44 พลังงานก็มักจะเป็นการ
00:16:44 → 00:16:46 ล้นเกินสะสม
00:16:46 → 00:16:48 สารอาหารก็จะเป็นการ
00:16:48 → 00:16:53 defitis หรือการขาดแคลนนี้โอเวอร์
00:16:53 → 00:16:56 เอ็นเนอร์จี
00:16:56 → 00:16:59 ซึ่งผลพวกนี้มันก็จะมีผลต่อร่างกายทั้ง
00:16:59 → 00:17:02 กายหยาบไกลละเอียดนะ
00:17:02 → 00:17:04 นี่ในรายละเอียดนะ
00:17:04 → 00:17:06 ว่าอาหารปัจจุบันเนี่ย
00:17:06 → 00:17:07 มันผิด
00:17:07 → 00:17:10 ไม่ดียังไงก็จะเป็นอย่างนี้ว่าเรามีการ
00:17:10 → 00:17:14 กินแต่รูปนะซึ่งมักจะเป็น Craft กับไขมัน
00:17:14 → 00:17:18 ก็จะมีโปรตีนแปรรูปเอ่อร่วมร่วมด้วยนะ
00:17:18 → 00:17:22 เพราะว่าคนเรามันคิดอะไรต่างๆที่มัน
00:17:22 → 00:17:25 มันคิดมันไม่ได้คิดถูกต้องนะครับ
00:17:25 → 00:17:26 อ่าๆๆ
00:17:26 → 00:17:29 นะ
00:17:29 → 00:17:33 กินแปรรูปมากและบ่อยครั้งเรากินครับ
00:17:33 → 00:17:37 มากและบ่อยครั้งแล้วกินโปรตีนปริมาณน้อย
00:17:37 → 00:17:40 ไม่เพียงพอ
00:17:40 → 00:17:45 เรากินไขมันไขมันเป็นเรื่องใหญ่สุดเลยนะ
00:17:45 → 00:17:49 ที่ผิดประเภทผิดสัดส่วนผิดเวลาผิดวิธีการ
00:17:49 → 00:17:52 ปลูกซึ่งผมก็เสนอข้อมูลอะไรต่างๆมาพอสม
00:17:52 → 00:17:55 ควรแล้วทั้งโปรตีนทั้งไขมัน
00:17:55 → 00:18:00 เปื้อน
00:18:00 → 00:18:02 เป็นข้อสรุป
00:18:02 → 00:18:05 ว่าถ้าเกิดปัญหาการกิน
00:18:06 → 00:18:08 โดยไม่รู้ตัวนะ
00:18:08 → 00:18:11 โดยกระแสสังคมบริโภคนิยมเสรีนิยม
00:18:12 → 00:18:13 พากันไป
00:18:13 → 00:18:16 ก็จะเกิดความเครียดเรื้อรังต่อทั้งร่าง
00:18:16 → 00:18:17 กายและจิตใจ
00:18:17 → 00:18:20 ซึ่งมันเป็นผลมาจากเรื่องของพลังงานกับ
00:18:21 → 00:18:24 สารอาหาร
00:18:24 → 00:18:25 บางครั้งก็
00:18:25 → 00:18:28 บางคนเนี่ยมันถึงจุดนึงก็อาจจะอยู่ใน
00:18:28 → 00:18:31 สภาวะวิกฤตได้นะ
00:18:31 → 00:18:34 โดยมีความเรื้อรัง
00:18:34 → 00:18:37 มาเรื่อยๆ
00:18:37 → 00:18:40 ถ้าจัดสรรแยกเป็นส่วนสูงเรื่อง
00:18:40 → 00:18:45 ส่วนใหญ่เราก็จะกิน overcast Over แล้ว
00:18:45 → 00:18:48 เกิดอนาคต
00:18:48 → 00:18:53 ส่วนไขมันก็คือกินผิดกินมั่วๆ
00:18:53 → 00:18:57 แล้วมักจะขาดพลังงาน
00:18:57 → 00:18:58 ขาดพลังงาน
00:18:58 → 00:19:01 ไขมันก็ส่วนหนึ่งเป็นพลังงานส่วนหนึ่ง
00:19:01 → 00:19:06 เป็นโครงสร้างแต่คำผิดผิดจะทำให้
00:19:06 → 00:19:09 อย่างน้ำมันสกัดเย็นหรือตรีออยในรูปแบบ
00:19:09 → 00:19:16 น้ำสลัดคนไม่ดีขึ้น
00:19:16 → 00:19:20 ในที่นี้หมายถึงจะเป็นการขาดไขมันดีไขมัน
00:19:20 → 00:19:22 ที่ถูกต้อง
00:19:22 → 00:19:26 ส่วนการ Over จะหมายถึง
00:19:26 → 00:19:29 เป็นการ Over Craft โดยเฉพาะ Craft
00:19:29 → 00:19:32 เว้นเวลาคำพูดพวกนี้ออกมาเนี่ยจะต้องตี
00:19:32 → 00:19:34 ความ
00:19:34 → 00:19:36 เพราะในแง่ของพลังงานเนี่ย
00:19:36 → 00:19:38 มันมีทั้งเรื่องของ
00:19:38 → 00:19:41 Over ID แล้วกันและออฟ
00:19:41 → 00:19:46 เข้าใจให้ดีว่ามันถึงสารอาหารในกลุ่มหลัก
00:19:46 → 00:19:47 จะไม่ใช่ว่า
00:19:48 → 00:19:49 เออ
00:19:49 → 00:19:52 อย่างเดียว
00:19:52 → 00:19:55 ตอนนี้เรื่องของโปรตีนเนี่ยส่วนใหญ่นะฮะ
00:19:55 → 00:19:56 ส่วนใหญ่
00:19:56 → 00:20:01 เวลาเรา Over หรือเราและออฟไอ้[\h__\h]
00:20:01 → 00:20:04 เรื่องของโปรตีนมักจะเป็นการขาดไม่เพียง
00:20:04 → 00:20:06 พอ
00:20:06 → 00:20:09 ถ้าเกิดอันนี้หมายถึงหมอหมายถึงทั่วๆไป
00:20:09 → 00:20:12 ทั่วๆไป
00:20:12 → 00:20:14 แต่เดี๋ยวเวลาที่เรามากิน low carp
00:20:14 → 00:20:19 เนี่ยเรื่องเหล่านี้มันก็จะเปลี่ยนไปอีก
00:20:19 → 00:20:22 ใช่ไหม
00:20:22 → 00:20:27 ตรงนี้ไม่มีอ่ะ
00:20:27 → 00:20:30 ก็คือคุณขาดไขมันดีที่จะมาเป็นพลังงาน
00:20:30 → 00:20:34 หลัก
00:20:34 → 00:20:37 เพราะคุณจะไปเอาโปรตีนเยอะๆ High ปกติ
00:20:37 → 00:20:40 มาเป็นพลังงานเนี่ยร่างกายมัน
00:20:40 → 00:20:43 มันจะเครียดเกินไป
00:20:43 → 00:20:48 เขาเขาจะไม่โอเคอ่ะ
00:20:48 → 00:20:49 ครับ
00:20:49 → 00:20:53 อีกส่วนในเรื่องของโปรตีนเวลาเรากิน
00:20:53 → 00:20:58 มันมีทั้ง Over และ Under
00:20:58 → 00:21:01 เวลาเรากินพวก
00:21:01 → 00:21:03 จีนนะ
00:21:03 → 00:21:06 มันก็โอเวอร์โปรตีน
00:21:06 → 00:21:08 แล้วก็มันก็เปลี่ยนแปลงเป็นอะไรอย่างนี้
00:21:08 → 00:21:11 แล้วแต่
00:21:11 → 00:21:12 แต่ว่า
00:21:12 → 00:21:16 บางครั้งก็เป็นโรคเนี่ยแต่ว่า
00:21:16 → 00:21:21 Rover newient ของโปรตีนก็มีถ้ากินไม่
00:21:21 → 00:21:22 ถูกต้อง
00:21:22 → 00:21:29 เดี๋ยวหมอจะยกตัวอย่างในตอนท้าย
00:21:29 → 00:21:33 ก็ตามนี้ในเรื่องตอนแรกเนี่ยเราจะพูดกัน
00:21:33 → 00:21:36 ถึงเรื่องของความเครียดนะว่าไม่ได้เกิด
00:21:36 → 00:21:40 จากความคิดเป็นหลักไม่ใช่สาเหตุหลักความ
00:21:40 → 00:21:43 เครียดเนี่ยมาจากเรื่องของการกินผิดและ
00:21:43 → 00:21:47 สะสมมาเป็นเวลายาวนานร่างกายก็เลยมีปัญหา
00:21:47 → 00:21:50 ในเรื่องของพลังงานและสารอาหารระบบ
00:21:50 → 00:21:55 ฮอร์โมนก็เลยมีความเสียสมดุลไปเรื่อยๆ
00:21:55 → 00:21:59 ความเครียดก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ
00:21:59 → 00:22:03 ก็จะมีการแยกกันระหว่างคนของคนสมส่วนแล้ว
00:22:03 → 00:22:08 ก็คนอ้วนครับผู้คนเหล่านี้เนี่ยนะ
00:22:08 → 00:22:12 ก็จะเกิดปัญหาความเครียดเท่านั้นแหละ
00:22:12 → 00:22:14 แต่หลักๆของความเครียดเนี่ยนะเขาเรียกว่า
00:22:14 → 00:22:16 เกรดดิ้งนะ
00:22:16 → 00:22:20 หรือความหนักเบามันก็ไม่ค่อยเหมือนกัน
00:22:20 → 00:22:24 ส่วนใหญ่นะฮะตามสถิติเนี่ยนะคนที่พร้อม
00:22:24 → 00:22:31 น้ำหนักน้อยรูปร่างเล็กนะหรือผอมแล้วค่อน
00:22:31 → 00:22:34 ข้างไปทางสมส่วนหรือแม้แต่คนอวบอ้วนแล้ว
00:22:34 → 00:22:38 ลดน้ำหนักลงมาจนกระทั่งผอมหรือจนกระทั่ง
00:22:38 → 00:22:43 สมส่วนก็ตามคนพวกนี้เนี่ยเราจะถือว่า
00:22:43 → 00:22:46 ร่างกายจะมีความเครียดสะสมเรื้อรังค่อน
00:22:46 → 00:22:48 ข้างมาก
00:22:48 → 00:22:52 มากกว่าคนอ้วนหรือคนอวบๆหรือสมส่วนค่อน
00:22:52 → 00:22:55 ข้างอ้วน
00:22:55 → 00:23:00 แล้วก็เกิดความเครียดได้เร็วกว่านะความ
00:23:00 → 00:23:02 เครียดหรือแก้ไขในเรื่องของความเครียดได้
00:23:02 → 00:23:06 ค่อนข้างยากกว่านานกว่าคนที่อ้วนๆน้ำหนัก
00:23:06 → 00:23:08 เกินนะ
00:23:08 → 00:23:10 ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของการปรับตัวของ
00:23:10 → 00:23:15 กลไกในระบบฮอร์โมน
00:23:15 → 00:23:18 เพราะฉะนั้นถ้าดูอย่างนี้สายเปย์
00:23:18 → 00:23:21 เราจะมีแนวโน้มที่จะมีความเครียดและการ
00:23:21 → 00:23:25 เพิ่มขึ้นของความเครียดค่อนข้างเร็วและ
00:23:25 → 00:23:29 มากกว่าสายเนื้อหรือสายที่เขาเป็นพุง
00:23:29 → 00:23:33 เครียดหรือสายเอสโตรเจนเด็ก
00:23:33 → 00:23:37 ข้อสรุปเลยเนี่ยนะฮะเนี่ยจะเป็นในลักษณะ
00:23:37 → 00:23:39 นี้
00:23:39 → 00:23:42 ความเครียดต่างๆหมอก็เอามาเขียนอธิบายใน
00:23:42 → 00:23:44 เรื่องของกายหยาบกายเนื้อแล้วก็กาย
00:23:44 → 00:23:46 ละเอียด
00:23:46 → 00:23:49 ว่าเราคิดว่านะเราคิดว่า
00:23:49 → 00:23:53 ระบบความเครียดน่าจะมาจากอาหารสารอาหาร
00:23:53 → 00:23:58 และพลังงาน
00:23:58 → 00:24:00 ก็สุดท้าย
00:24:00 → 00:24:04 เขาเรียกสภาวะธำรงดุลหรือ homeios States
00:24:04 → 00:24:06 ของร่างกายก็จะต้อง
00:24:06 → 00:24:07 เกิดการเปลี่ยนไป
00:24:07 → 00:24:11 ก็มาจากเรื่องของอาหารและสารอาหารรวมทั้ง
00:24:11 → 00:24:14 พลังงานที่ว่า
00:24:14 → 00:24:19 มันจะมีผลผ่านทั้งกายหยาบกายละเอียด
00:24:19 → 00:24:22 แต่นี้ต้องไปอ่านดูนะแล้วก็ทำความเข้าใจ
00:24:22 → 00:24:28 นิดนึง
00:24:28 → 00:24:31 ทีนี้เวลาที่คนเราเครียดเนี่ย
00:24:31 → 00:24:33 นะ
00:24:33 → 00:24:37 หมอสรุปประเด็นของความเครียดที่จะมีสัญญา
00:24:37 → 00:24:40 อะไรที่จะเป็นตัวบอก
00:24:40 → 00:24:44 สัญญาณอะไรบ้าง
00:24:44 → 00:24:46 ตื่นกลางดึก
00:24:46 → 00:24:56 คนตื่นขึ้นมาทำอะไร
00:24:56 → 00:24:59 หรือตื่นแล้วนอนต่อไม่ได้
00:24:59 → 00:25:03 มันจะมีหลายรูปแบบ
00:25:03 → 00:25:05 อันต่อมาก็คือพวกกล้ามเนื้อ
00:25:05 → 00:25:09 กล้ามเนื้อต้นแขนต้นขา
00:25:09 → 00:25:12 เล็กลง
00:25:12 → 00:25:14 เพราะว่าบริเวณโครงสร้างพวกนี้ของร่างกาย
00:25:14 → 00:25:16 มันมีตัว
00:25:16 → 00:25:19 ตอบสนองเขาเรียก receptor ต่อฮอร์โมน
00:25:19 → 00:25:22 เครียดคอติซอล
00:25:22 → 00:25:25 ออกมาเยอะๆนะ
00:25:25 → 00:25:28 ความเครียดในรูปแบบไหนก็ตามไม่ว่าจะเป็น
00:25:28 → 00:25:31 จิตใจหรืออ่า
00:25:31 → 00:25:34 ฮอร์โมนข้อที่ 2 ก็จะไปเอาพวกกล้ามเนื้อ
00:25:34 → 00:25:38 ไปเอาไขมันต่างๆที่สะสมบริเวณนี้มา
00:25:38 → 00:25:40 เปลี่ยนแปลงมาใช้ก่อน
00:25:40 → 00:25:44 งานเข้างานเข้านานเข้าก็เกือบภาวะรีบอร์น
00:25:45 → 00:25:49 ครับผมแต่ส่วนอื่นๆของร่างกายมันก็จะ
00:25:49 → 00:25:52 คุณก็จะใหญ่นะฮะแกนกลางของร่างกายใหญ่
00:25:52 → 00:25:54 เป็นรูปแบบ
00:25:54 → 00:25:56 อะไรแอปเปิ้ลเชฟ
00:25:56 → 00:25:59 อ๋อ
00:25:59 → 00:26:04 พุงด้านบนหลังเลยก็ถ้ามีเอสโตรเจนไม่
00:26:04 → 00:26:08 เกี่ยวด้วยเนี่ยก็ภูมิร่างภูมิหมาน้อยก็
00:26:08 → 00:26:11 ก็ยื่น
00:26:11 → 00:26:13 แต่แขนขามันเล็ก
00:26:14 → 00:26:17 ไม่สมส่วน
00:26:17 → 00:26:24 ความดันเลือดสูงก็ตามที่เคยพูดไปแล้ว
00:26:24 → 00:26:27 ข้อที่สองจะเป็นตัวที่ปรับความดันเลือด
00:26:27 → 00:26:31 ให้พุ่งขึ้นต้านแรงโน้มถ่วง
00:26:31 → 00:26:36 ก็กูโคนิวส์ก็จะต้องทำให้ระดับน้ำตาล
00:26:36 → 00:26:40 เพิ่มส่วนใหญ่ก็คือเป็นน้ำตาลตอนเช้าๆที่
00:26:40 → 00:26:42 ไม่มีอาหารไม่มีอินซูลินอะไรต่างๆมา
00:26:42 → 00:26:44 เกี่ยวข้องด้วย
00:26:44 → 00:26:47 จัดการสำเร็จเลยที่เราพูดผ่านมาในเรื่อง
00:26:47 → 00:26:52 ของ Don't
00:26:52 → 00:26:55 ความร้อนในร่างกายพุ่ง
00:26:55 → 00:26:58 อันนี้ก็จะเป็นปฏิกิริยาบางอย่างของภาวะ
00:26:58 → 00:27:02 ไม่สมดุลแบบร้อนเกินอ๋อที่มีผลต่อระบบ
00:27:03 → 00:27:07 ฮอร์โมนคือข้อที่ 2 ที่มันเยอะๆๆๆๆเนี่ย
00:27:07 → 00:27:10 ร่างกายมันจะ compense การ compense
00:27:11 → 00:27:14 เกี่ยวกับเรื่องของข้อที่ 2 ที่มันเยอะ
00:27:14 → 00:27:18 หรือมันไม่ยอมทำงานตามปกติ
00:27:18 → 00:27:22 ก็คือร่างกายเขาก็จะสร้างความร้อนเรามีคำ
00:27:22 → 00:27:24 ว่า
00:27:24 → 00:27:29 ไว้ต้นทรายก็คือวัดอุณหภูมิวัดความดันนะ
00:27:29 → 00:27:33 หัวใจเต้นเร็วขึ้นการหายใจเร็วขึ้นทั้ง
00:27:33 → 00:27:40 หมดเนี่ยเพื่อเพื่อการที่จะมาลดคอร์ติซอล
00:27:40 → 00:27:44 แล้วก็อุณหภูมิต่างๆอุณหภูมิจะเป็นตัว
00:27:44 → 00:27:47 หลักเลยนะที่มันจะร้อนขึ้น
00:27:47 → 00:27:51 ถ้าความร้อน
00:27:51 → 00:27:54 ความร้อนมันก็มีซะจนแบบ
00:27:54 → 00:27:57 เนี่ยมันผิดปกติเป็นแบบนี้ไป
00:27:57 → 00:27:58 อันต่อมาเนี่ย
00:27:58 → 00:28:00 คราวที่แล้วก็พูดไปแล้ว
00:28:00 → 00:28:03 ว่าข้อที่ 2 เยอะ
00:28:03 → 00:28:07 มันจะขับกดออกจากร่างกาย
00:28:07 → 00:28:11 ฮอร์โมนที่ออกมาไล่กดออกไป
00:28:11 → 00:28:14 แล้วทำให้ร่างกายเป็นด่าง
00:28:14 → 00:28:17 เขาไล่กดแล้วก็ไล่
00:28:17 → 00:28:20 อ๋อ
00:28:20 → 00:28:22 ส่วนใหญ่มันจะขับออกทั้งระบบทางเดิน
00:28:22 → 00:28:25 ปัสสาวะ
00:28:25 → 00:28:29 ร่างกายเป็นด่างเพราะเครียดนะครับ
00:28:29 → 00:28:31 ภูมิแพ้ภูมิเพี้ยนก็
00:28:31 → 00:28:35 จะได้ทีเล่นงานเรา
00:28:35 → 00:28:39 เป็นเวลาร่างกายมีกรดลดลงนะ
00:28:39 → 00:28:41 ก็เงี้ยการย่อย
00:28:41 → 00:28:46 นะไม่ดีนะโกรธในกระเพาะนะซึ่งเป็นตำแหน่ง
00:28:46 → 00:28:49 แกนกลางของร่างกายมันก็จะลดลงเพราะว่าโรค
00:28:49 → 00:28:52 กรดไหลย้อนเหลือเกินก็คือภาวะที่น้ำย่อย
00:28:52 → 00:28:56 ที่มีไปกรดของกระเพาะ
00:28:56 → 00:28:59 เกิดจากความเครียดด้วยนะความเครียดเป็น
00:28:59 → 00:29:03 หลักเพราะเครียดเป็นหลักเลยอ่ะครับมันขับ
00:29:03 → 00:29:09 กดออกไป
00:29:09 → 00:29:11 หรือ
00:29:11 → 00:29:16 กรดเนี่ย
00:29:16 → 00:29:19 กดที่สำคัญคือกฎไม่เปรี้ยวกดไม่เปรี้ยว
00:29:19 → 00:29:23 คือกดอะมิโนก็กดไขมัน
00:29:23 → 00:29:27 เราต้องกินเนื้อเกลือไข่
00:29:27 → 00:29:29 เพื่อให้ได้กรดไม่เปรี้ยว
00:29:29 → 00:29:34 ซึ่งเป็นหลักเพราะกลัว
00:29:34 → 00:29:38 ที่จะมากลายเป็นไฮโดรเจนไอออน
00:29:38 → 00:29:42 ตั้งต้นให้กับน้ำย่อยในกระเพาะ
00:29:42 → 00:29:46 กินเกลือเข้าไปเนี่ยเราได้โซเดียมคลอไรด์
00:29:46 → 00:29:47 ตัวละคร
00:29:47 → 00:29:50 ก็จะไปรวมกับไฮโดรเจนไอออนเป็น
00:29:50 → 00:29:53 hydrocholic Acid ก็ช่วยย่อย
00:29:53 → 00:29:57 คุณเป็นกรดไหลย้อนคุณก็ต้องกินเนื้อเกลือ
00:29:57 → 00:30:01 ไข่ให้มันได้กรดที่ไม่เปรี้ยว
00:30:01 → 00:30:04 ให้มันได้เกลือจากคลอไรด์มาเป็น
00:30:04 → 00:30:08 ไฮโดรคลอริกแอซิกก็จะช่วยย่อย
00:30:08 → 00:30:10 แต่ถ้ากดไม่พอ
00:30:10 → 00:30:13 คุณก็เป็นโรคกรดไหลย้อนหรือว่าท้องอืดโรค
00:30:13 → 00:30:15 กระเพาะอะไรอยู่อย่างนี้
00:30:15 → 00:30:19 เพราะพวกนี้กดน้ำย่อยมันน้อยมันน้อยเกิน
00:30:19 → 00:30:23 ไป
00:30:23 → 00:30:25 แล้วก็ในช่วง
00:30:25 → 00:30:27 อีกช่วงนึงเนี่ยคือคุณต้องกินกฏเปรี้ยว
00:30:27 → 00:30:31 อ่ะฮะจะกิน acvcv กินมโนมะนาวอะไร
00:30:31 → 00:30:34 ก็ไปช่วยได้ชั่วครั้งชั่วคราว
00:30:34 → 00:30:37 แต่ไฮโดรเจนไอออนหลักๆของร่างกายต้องมา
00:30:37 → 00:30:40 จากกฎอะมิโนปรากฎไขมันจำเป็น
00:30:40 → 00:30:46 ยุคนี้พ.ศนี้คนกิน Over Craft คนกินแต่
00:30:46 → 00:30:51 รูปทางด้านพวกแป้งพวกน้ำตาลพวกอะไรต่างๆ
00:30:51 → 00:30:53 เยอะ
00:30:53 → 00:30:58 ทำให้การกินประเภทกดอะมิโนจากโปรตีนกรดไข
00:30:58 → 00:30:59 มันดีอะไรต่างๆ
00:30:59 → 00:31:03 รถน้อยไปโดยปริยายเพราะฉะนั้นก็เป็นกรด
00:31:03 → 00:31:06 ไหลย้อนได้ไม่แปลก
00:31:06 → 00:31:08 แล้วตามสถิติ
00:31:08 → 00:31:11 งานวิจัยทั่วโลกเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า
00:31:11 → 00:31:16 โรคกระเพาะเรื้อรังสะกดไหลย้อนในปัจจุบัน
00:31:16 → 00:31:20 เกิดจากอันดับ 1
00:31:20 → 00:31:22 [เพลง]
00:31:22 → 00:31:23 ผลไม้
00:31:23 → 00:31:26 อุ๊ย
00:31:26 → 00:31:57 แค่นี้ก่อนนะ
00:31:57 → 00:32:01 ในทางเดินอาหาร
00:32:01 → 00:32:03 แต่ถ้าเกิดเขาไม่เครียดเขาไม่เครียดก็
00:32:03 → 00:32:09 ส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาที่ Over Craft
00:32:09 → 00:32:16 แป้งน้ำตาลพืชผักผลไม้นม
00:32:16 → 00:32:19 โปรตีนไขมันมันน้อย
00:32:19 → 00:32:22 อีกอันนึงก็คือพวกนี้
00:32:22 → 00:32:25 ข้อที่ 2 ก็จะมีผลต่อเรื่อง
00:32:25 → 00:32:26 สมอง
00:32:26 → 00:32:30 ส่วนที่เกี่ยวกับความจำ Memory
00:32:30 → 00:32:33 เขาเรียกสมองส่วนที่ procampus
00:32:33 → 00:32:35 พวกนี้
00:32:35 → 00:32:38 พวกนี้มันจะขาด
00:32:38 → 00:32:40 คือมัน
00:32:40 → 00:32:43 คือมันจะเอางี้มันๆมันจะเกิดความเสื่อม
00:32:43 → 00:32:46 จากการขาดสารอาหารบางอย่าง
00:32:46 → 00:32:53 โดยเฉพาะตัวกฎอะมิโนคลอรีนนะ
00:32:53 → 00:32:55 เพราะฉะนั้นการเรียนรู้อะไรต่างๆหรือเกิด
00:32:55 → 00:32:57 ภาวะสมองเสื่อม
00:32:57 → 00:32:59 อันนี้เป็นอาการและอาการแสดงที่เป็นสัญญา
00:32:59 → 00:33:01 ของเรื่องความเครียดนะครับความเครียด
00:33:01 → 00:33:06 เรื้อรัง
00:33:06 → 00:33:09 ทีนี้หมอก็จะมีโรค
00:33:09 → 00:33:11 เนี่ยที่จะยกตัวอย่างให้ดูแล้วกันนะครับ
00:33:11 → 00:33:13 นะ
00:33:13 → 00:33:17 โรคจิตเวชในปัจจุบันเนี่ยทั่วๆไปใน opd
00:33:17 → 00:33:19 เค้กนะฮะที่เราเจอกันเนี่ย
00:33:19 → 00:33:23 มันก็จะมีเนี่ยจิตเภทไปโคราช
00:33:23 → 00:33:29 ซึมเศร้าแล้วก็
00:33:29 → 00:33:33 ในฝั่งของโภชนาการเรื่องอาหารของเรา
00:33:33 → 00:33:35 เราก็คิดว่า
00:33:35 → 00:33:38 5 โรคพวกนี้นะ
00:33:38 → 00:33:41 มันเป็นเหตุหรือมันอาจจะดีขึ้นได้ด้วย
00:33:41 → 00:33:44 อาหาร
00:33:44 → 00:33:48 อันนี้พวกนี้เป็นข้อสรุปเอาไว้ไปดู
00:33:48 → 00:33:52 วิตามินบี 1 ที่เราจะนำมาแก้พวกนี้ที่เรา
00:33:52 → 00:33:58 ใช้กันเนี่ยนะฮะ
00:33:58 → 00:34:03 เราต้องใช้ปี 1 ที่ละลายในไขมัน
00:34:03 → 00:34:04 เคยได้ยินไหม
00:34:04 → 00:34:07 ดี 1 ละลายในไขมันมันชื่อว่าเป็นฟ่อ
00:34:07 → 00:34:08 ไทอามีน
00:34:08 → 00:34:13 มี 250 มี 300 มิลลิกรัมอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:34:13 → 00:34:16 ครับ
00:34:16 → 00:34:19 เป็นวิตามินละลายน้ำ
00:34:19 → 00:34:22 แต่ในกรณีผมมีก็ C ที่จะมาใช้กับกลุ่มโรค
00:34:22 → 00:34:25 จิตเวชหรือทางสมองอะไรพวกนี้เราต้องใช้
00:34:25 → 00:34:29 ที่มันละลายในไขมัน
00:34:29 → 00:34:33 ไม่ได้นะส่วนอีกที่ละลายน้ำนี่เข้าน้อย
00:34:33 → 00:34:47 มาก
00:34:47 → 00:34:50 ไปสร้างไอ้พวกสารต่างๆโดยเฉพาะสารสื่อ
00:34:50 → 00:34:57 ประสาทรายได้พวกนี้หายหมดแหละ
00:34:57 → 00:35:00 เราก็ต้องทำให้มีคีโตนให้ได้ด้วย
00:35:00 → 00:35:12 รักษาโดยการทำให้เกิด
00:35:12 → 00:35:17 ยิ่งกินยายิ่งอ้วนยิ่งอ้วนก็ยิ่งกิน
00:35:17 → 00:35:22 มันก็ไม่หายสักทีจริงยาเขาช่วยแต่สิ่งที่
00:35:22 → 00:35:25 ที่ที่มันผิดเนี่ยคืออาหารคือวัตถุอย่าง
00:35:25 → 00:35:29 นี้นั่นแหละคือคุณกินยาหรือคุณก็ไปกินพิษ
00:35:29 → 00:35:35 นั่นแหละอย่านั่นแหละ
00:35:35 → 00:35:38 คือเหมือนบอกว่าจะพูดว่าอาหารเป็นพิษ
00:35:38 → 00:35:44 มึงก็อาหารญี่ปุ่น
00:35:44 → 00:35:48 ในการออกฤทธิ์ของยายามันก็ออกฤทธิ์เป็น
00:35:48 → 00:35:52 แบบแกนๆนะ
00:35:52 → 00:35:55 กินยาไปเรื่อยๆ
00:35:55 → 00:36:04 [เสียงหัวเราะ]
00:36:04 → 00:36:08 เพราะว่ากินยาไป 1 มื้อก็กินสารพิษเข้าไป
00:36:08 → 00:36:10 อีกกินเข้าไปอีก
00:36:10 → 00:36:12 เพราะฉะนั้นก็คือต้องเรียนรู้ต้องทำความ
00:36:12 → 00:36:17 เข้าใจแล้วก็ต้องเปิดใจรับปรับใจทำที่
00:36:17 → 00:36:20 ที่จะใช้อาหารให้ถูกต้องแล้วก็ใช้ยามา
00:36:20 → 00:36:21 ช่วย
00:36:21 → 00:36:25 แต่คนส่วนใหญ่ใช้ยาเป็นหลักใช้อาหารอะไร
00:36:25 → 00:36:28 ยังไม่รู้อาหารแทบไม่ใช้เลยพี่หมออาหาร
00:36:28 → 00:36:30 แทบไม่ใช้เลย
00:36:30 → 00:36:44 ใช่ครับใช่ครับ
00:36:44 → 00:36:49 [เพลง]
00:36:49 → 00:36:59 หรือในเรื่องของไบโพล่าอะไรด้วยนะครับ
00:36:59 → 00:37:01 อันนี้เป็นอันที่คนเนี่ย
00:37:01 → 00:37:05 จะดีขึ้นได้ชัดเจนอ่ะนะฮะแล้วหลายเคส
00:37:05 → 00:37:07 เนี่ยไอ้เรื่อง Panic เนี่ยมันลดลงแล้ว
00:37:07 → 00:37:11 มันก็หายไปได้เลย
00:37:11 → 00:37:12 ว่า
00:37:12 → 00:37:15 สำหรับเรื่องอาการตื่นตระหนกหรือแพนิค
00:37:15 → 00:37:16 Attack
00:37:16 → 00:37:20 มันเป็นภาวะที่สมองขาดสารอาหารที่จะนำไป
00:37:20 → 00:37:22 สร้างสื่อประสาทสารสื่อประสาทถ้าเรามี
00:37:22 → 00:37:23 ความเข้าใจ
00:37:23 → 00:37:28 หมอมีอยู่ 2 หน้าสรุปประเด็นมา
00:37:28 → 00:37:31 เราถือว่ามีการขาดสารอาหาร 3 อย่างต่อไป
00:37:31 → 00:37:35 นี้ถ้าเราสามารถทำความเข้าใจแล้วกินอาหาร
00:37:36 → 00:37:38 ที่ได้สารอาหาร 3 อย่างหรือ 3 กลุ่มนี้
00:37:39 → 00:37:42 ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมในแต่ละวันแต่ละ
00:37:42 → 00:37:45 วันเนี่ยยาที่จะใช้ในระงับการระงับอาการ
00:37:45 → 00:37:50 เนี่ยมันไม่ต้องใช้
00:37:50 → 00:37:53 สารอาหาร 3 อย่างเนี่ยนะคืออะไรบ้างคือ
00:37:53 → 00:37:55 อะไรบ้าง
00:37:55 → 00:37:57 อันแรกเลยเนี่ย
00:37:57 → 00:38:01 คือคนที่เป็นแพนิคเนี่ยหมอเขาจะจ่ายยานะ
00:38:01 → 00:38:03 ฮะอันดับ 1 เนี่ยเขาก็จะจ่ายยาไอ้ประเภท
00:38:03 → 00:38:05 เอ่อ
00:38:05 → 00:38:10 ยาเรื่องรถความเครียดวิตกกังวล
00:38:10 → 00:38:13 อันที่ 2 เนี่ยเค้าจะจ่ายกลุ่มยาประเภท
00:38:13 → 00:38:17 นั้นยาแก้ประสาท
00:38:17 → 00:38:21 ครับแล้วก็ต่อไปก็คือยานอนหลับ
00:38:21 → 00:38:23 ยานอนหลับเสริม
00:38:23 → 00:38:26 นะครับทีนี้เราก็มาดูอ่ะนะ
00:38:26 → 00:38:29 ยาลดความวิตกกังวลเนี่ยมันคือยาอะไร
00:38:29 → 00:38:33 การออกฤทธิ์ของยาลดความวิตกกังวลนะในคน
00:38:33 → 00:38:34 ไข้แพนิค
00:38:34 → 00:38:37 มันก็คือยาที่จะไปกระตุ้นให้สมองสร้างสาร
00:38:37 → 00:38:40 ตัวนี้มันชื่อกาบ้า
00:38:40 → 00:38:46 คือแกรมม่าอะมิโนบิลผลิต
00:38:46 → 00:38:50 ยาตัวนี้แต่สารตัวนี้มันสร้างได้จากอาหาร
00:38:50 → 00:38:52 แล้วการสร้างกาบ้านจากอาหาร
00:38:52 → 00:38:56 จะดีกว่าทุกอย่างในโลกนี้ดีกว่ายาไอ้พวก
00:38:56 → 00:39:01 เอ่อเขาเรียกทานไรเซอร์อะไรต่างๆเป็นต้น
00:39:01 → 00:39:03 เยอะแยะเลย
00:39:03 → 00:39:06 เพียงแต่ว่าคนในโลกนี้มันกิน
00:39:06 → 00:39:08 มันกิน
00:39:08 → 00:39:11 สารอาหารที่ไปสร้างกาพย์บ้าไม่ถูกและตัว
00:39:11 → 00:39:14 ที่ไปสร้างกาบ้าแล้วก็แปลตรงตัวเลย
00:39:14 → 00:39:19 เอ็มม่าก็คือ amino คือโปรตีน
00:39:19 → 00:39:21 หรือเกมมาก
00:39:21 → 00:39:25 ก็คือคีโตน
00:39:25 → 00:39:29 ่าอีกตัวนึงมันมีแอลฟา
00:39:29 → 00:39:30 เบต้าแกรมม่า
00:39:30 → 00:39:32 เอ็มม่า
00:39:32 → 00:39:37 อะมิโนมันก็คือคีโตนประเภทหนึ่งอ่ะ
00:39:37 → 00:39:41 กาบาคือคีโตนชนิดหนึ่งที่ต้องมีองค์
00:39:41 → 00:39:45 ประกอบเป็นโปรตีนกับไขมัน
00:39:45 → 00:39:48 การจะกินอาหารให้ได้กาบ้า
00:39:48 → 00:39:51 ก็กินในมื้อแรก
00:39:51 → 00:39:52 มื้อแรก
00:39:52 → 00:39:54 ที่เราเบรคฟ้านะ
00:39:54 → 00:39:56 ฮะเรามื้อแรกเราเบรคฟ้าเนี่ยเราจะกิน
00:39:56 → 00:40:01 โปรตีนกับไขมันแล้วเราจะตัดครับลดครับ
00:40:01 → 00:40:05 เพื่อให้ร่างกายได้พลังงานจากไขมัน
00:40:05 → 00:40:09 แต่ทั้งโปรตีนและไขมันส่วนครึ่งหนึ่งที่
00:40:09 → 00:40:10 กิน
00:40:10 → 00:40:13 ก็จะไปช่วยกันสร้างไอ้ตัวนี้แหละแกมม่า
00:40:13 → 00:40:15 aminox
00:40:15 → 00:40:18 งั้นอาหารในมื้อแรกเป็นอาหารที่จะมาสร้าง
00:40:18 → 00:40:20 ศาลตัวนี้
00:40:20 → 00:40:23 ที่จะออกฤทธิ์ควบคุมสมอง
00:40:23 → 00:40:24 เพื่อจะลด
00:40:24 → 00:40:29 ปัญหาจิตเวชอันนี้
00:40:29 → 00:40:32 แล้วเรากินถูกไหมล่ะ
00:40:32 → 00:40:35 ที่เรากินไม่ถูกเพราะอะไรฮะ
00:40:35 → 00:40:38 อย่างหมอเล่าตามประสบการณ์นะส่วนหนึ่งอ่ะ
00:40:38 → 00:40:41 ของคนไข้ Panic อ่ะที่เจอคือพวกที่กิน
00:40:41 → 00:40:44 คลีนนะ
00:40:44 → 00:40:49 [เสียงหัวเราะ]
00:40:49 → 00:40:52 เราก็ซักประวัติเขาเขากินคลีนกินอะไรเรา
00:40:52 → 00:40:55 ก็รู้อยู่ว่ากินมันก็คือคืออะไรที่มัน
00:40:55 → 00:41:17 เลี่ยงไขมันสุดฤทธิ์เลย
00:41:17 → 00:41:23 มันไม่อร่อยนะ
00:41:23 → 00:41:26 มันก็จะมีข้อจำกัดอันนี้แหละฮะนะ
00:41:26 → 00:41:29 เพราะว่ามันจะเป็นการตัดไอ้ตัวนี้ตัวไข
00:41:29 → 00:41:31 มัน
00:41:31 → 00:41:34 เพราะการตัดไขมันในลักษณะนี้นะไอ้ตัววิว
00:41:34 → 00:41:36 ผลิตหรือ
00:41:36 → 00:41:39 ไอ้ตัวกรดไขมันอิสระที่ตับมันจะ Converse
00:41:39 → 00:41:42 ให้เป็นคีโตนเนี่ยมันเกิดได้ยาก
00:41:42 → 00:41:45 อันนี้โอกาสที่สมองจะเอาไปสร้างเป็นกาบ้า
00:41:45 → 00:41:48 มันก็น้อยนะ
00:41:48 → 00:41:54 เราก็เจอคนกินก็ไม่รู้จะแก้ยังไงอ่ะนะ
00:41:54 → 00:41:58 เพราะว่าคุณไปเป็นล็อกเอ่อไอ้เรื่องของไข
00:41:58 → 00:42:01 มันซะอย่างเงี้ยนะ
00:42:01 → 00:42:05 แล้วคุณก็เน้นแต่โปรตีน
00:42:05 → 00:42:09 ไขมันในเรื่องใหญ่จริงๆไขมันเนี่ยนะต้อง
00:42:09 → 00:42:12 คู่กับโปรตีนเพราะโปรตีนก็เป็นสารอาหาร
00:42:12 → 00:42:13 ที่เขาเลือกข้าง
00:42:13 → 00:42:21 โปรตีนก็ไม่อยากอยู่กับครับนะ
00:42:21 → 00:42:24 มันจะไปสร้างสารสื่อประสาทอะไรต่างๆมันจะ
00:42:24 → 00:42:27 ไปสร้างโครงสร้างของร่างกายซ่อมแซมอะไร
00:42:27 → 00:42:30 ต่างๆเยอะแยะไปหมดเลย
00:42:30 → 00:42:35 ก็คือพวกออกกำลังกายเยอะๆ
00:42:35 → 00:42:37 พวกออกกำลังกายเยอะๆแล้วจะกินโปรตีนกินไข
00:42:37 → 00:42:38 มันไม่ถึง
00:42:39 → 00:42:42 นะหรือไปมัวแต่เติมครับเติมโปรตีนแปรรูป
00:42:42 → 00:42:45 อะไรต่างๆพวกเนี้ยซึ่งของพวกเนี้ยมันมัน
00:42:45 → 00:42:47 ไขมันมันน้อย
00:42:47 → 00:42:50 มันไม่ใช่ไขมัน
00:42:50 → 00:42:53 ไขมันที่จะไปพร้อมกับโปรตีนที่ดีนัก
00:42:53 → 00:42:56 อีพวกนั้นก็คือกลุ่มรถน้ำหนัก
00:42:57 → 00:43:00 นอก
00:43:00 → 00:43:04 กินๆออกกำลังกายแบบเยอะๆนะแล้วก็ลดน้ำ
00:43:04 → 00:43:07 หนักพวกนี้จะนอนไม่หลับ
00:43:07 → 00:43:14 เพราะว่ามันขาดครับ
00:43:14 → 00:43:17 ทั้งๆที่เขาบอกว่าเขากินโปรตีนนะเน้น
00:43:17 → 00:43:22 โปรตีนเน้นไฟเบอร์
00:43:22 → 00:43:26 อันนี้ก็คือก็คือความเครียดอย่างหนึ่งของ
00:43:26 → 00:43:27 ร่างกาย
00:43:27 → 00:43:31 ที่เกิดจากเนี่ยประเด็นของสารอาหาร
00:43:31 → 00:43:34 ที่เหมาะสม
00:43:34 → 00:43:38 ในแง่ของเขาก็เลยวิเคราะห์กันออกมาอย่าง
00:43:38 → 00:43:40 นี้
00:43:40 → 00:43:42 อีสานอาหารตัวต่อมานอกจากกาบ้าแล้วเนี่ย
00:43:42 → 00:43:44 ก็คือซีโร่
00:43:44 → 00:43:50 ตัวนี้ก็คือสารแห่งความเป็นสุขมีซีโร่ตัว
00:43:50 → 00:43:54 นิลนะสมองเนี่ยนะ
00:43:54 → 00:44:01 การแปลความของสมองก็คือร่างกายมันเป็นสุข
00:44:01 → 00:44:03 ทีนี้เนี่ย
00:44:03 → 00:44:06 องค์ประกอบที่สำคัญของศิโรตัวนินหรือโครง
00:44:06 → 00:44:10 สร้างหนี้ก็คือโปรตีนไขมันต่ำ
00:44:10 → 00:44:13 โดยเฉพาะเนี่ยตัวนี้นะฮะไฟว์ไฮดรอกซี่
00:44:13 → 00:44:15 ทิพย์โทแฟร์
00:44:15 → 00:44:19 ก็คือโปรตีนชนิดกดอะมิโนทิปโทแฟร์
00:44:19 → 00:44:28 เป็นกฎอะมิโนไม่จำเป็นร่างกายสร้างได้
00:44:28 → 00:44:31 ต้องมีคอเลสเตอรอลต้องมีวิตามินดี
00:44:31 → 00:44:35 และต้องมีครับเชิงซ้อน
00:44:35 → 00:44:37 ซึ่งถ้าครบชุดอย่างนี้
00:44:37 → 00:44:42 ทั้งการสร้างและการนำเข้าสู่สมอง
00:44:42 → 00:44:44 จะสมบูรณ์แบบ
00:44:44 → 00:44:48 ซีโรโอลินส่วนใหญ่ถูกสร้างในลำไส้
00:44:48 → 00:44:52 ในลำไส้ในตอนกลางวัน
00:44:52 → 00:44:53 แล้วพอตอนเย็น
00:44:53 → 00:44:59 ครับโดยอินซูลินนะฮะที่กระตุ้นจะมาพาเอา
00:44:59 → 00:45:03 สารตัวนี้เนี่ยเข้าสู่สมอง
00:45:03 → 00:45:06 เพื่อจะทำให้เกิด
00:45:06 → 00:45:10 การเริ่มวงจรการนอนหลับ
00:45:10 → 00:45:12 เพราะคนจะนอนหลับได้เนี่ย
00:45:12 → 00:45:15 ต้องมีความสุขซะก่อน
00:45:17 → 00:45:20 โดยความสุขอันนี้มันเกิดจากสารอาหาร
00:45:20 → 00:45:21 ประเภท
00:45:21 → 00:45:26 เชิงซ้อน
00:45:26 → 00:45:31 ในหัวข้อนี้นะถามว่าขาดอะไรนะขาดแป้งเชิง
00:45:31 → 00:45:34 ซ้อนที่ถูกต้องและในมื้อที่ถูกต้องด้วยใน
00:45:34 → 00:45:38 ปริมาณและช่วงเวลาที่ถูกต้อง
00:45:38 → 00:45:42 โดยแป้งเชิงซ้อนในนี้จะมีผลต่อสารตัวที่
00:45:42 → 00:45:44 ชื่อซีโล
00:45:44 → 00:45:48 โทนินเป็นกรดอะมิโนจากโปรตีนที่มีไขมัน
00:45:48 → 00:45:50 ต่ำต่ำนะ
00:45:50 → 00:45:53 เพราะมื้อเย็นเราไม่ได้กินพวก
00:45:53 → 00:45:56 กลุ่มโปรตีนไขมันสูงอยู่แล้ว
00:45:56 → 00:45:59 โปรตีนไขมันต่ำที่กินในมื้อเย็นก็อาจจะ
00:45:59 → 00:46:02 เป็นพวกคล้ายๆเกือบจะลีนโปรตีน
00:46:02 → 00:46:06 ทาให้คุณตัดเองและให้กินตัดน้ำหรือเราให้
00:46:06 → 00:46:08 กินพวกเครื่องใน
00:46:08 → 00:46:12 พวกนี้ก็จะมีซีโร่มีคอเลสเตอรอลเยอะ
00:46:12 → 00:46:15 กลางวันเราตากตรงตากแดดมื้อเย็นมีครับ
00:46:15 → 00:46:17 เล็กน้อยนะ
00:46:17 → 00:46:21 ที่เป็นแป้งเชิงซ้อนถ้าอย่างนี้นะ
00:46:21 → 00:46:24 มันจะเริ่มวงจรการนอนหลับแน่นอน
00:46:24 → 00:46:27 เพราะร่างกายจะมีความสุขและในมื้อนี้จะ
00:46:27 → 00:46:31 ฟินเรียบร้อยแล้ว
00:46:31 → 00:46:33 แต่คนส่วนใหญ่
00:46:33 → 00:46:35 เป็นไงอ่ะ
00:46:35 → 00:46:39 ก็กินไม่ถูก
00:46:39 → 00:46:44 กินไม่ถูกคือกินแบบไม่อร่อยอ่ะนะฮะ
00:46:44 → 00:46:47 ส่วนใหญ่กินไม่อร่อยก็คือกินพวกกลุ่มลีน
00:46:47 → 00:46:50 โปรตีนทั้งหมดอ่ะนะคือเวลาเขาจะกินเขาก็
00:46:50 → 00:46:53 จะไม่กินแบบประเภทโปรตีนที่มีไขมัน
00:46:53 → 00:46:56 สูงหรือไขมันปานกลางอะไร
00:46:56 → 00:46:58 หลายคนก็จะเลี่ยงนะ
00:46:58 → 00:47:02 โปรตีนไม่ติดหนังไม่ติดมันนะ
00:47:02 → 00:47:07 กินพวกกินปลากินอกไก่กิน
00:47:07 → 00:47:11 ที่มันไม่มันไม่มันเขี่ยมันออก
00:47:11 → 00:47:12 อย่างนี้
00:47:12 → 00:47:16 ซึ่งถ้าทั้งวันกินอย่างนี้นะ
00:47:16 → 00:47:17 มันไม่ได้
00:47:17 → 00:47:21 คือปกติไขมันสูงไขมันปานกลางมันต้องกินใน
00:47:21 → 00:47:24 มื้อแรกแต่โปรตีนไขมันต่ำที่มี
00:47:24 → 00:47:27 คอเลสเตอรอลพวกสัตว์ปีกสัตว์น้ำเนี่ยเรา
00:47:27 → 00:47:32 มาเติมเป็นเป็นตัวเสริมให้มันพอดี
00:47:32 → 00:47:34 โปรตีนมื้อแรกถ้าเรากิน 2 มื้อเนี่ยมื้อ
00:47:34 → 00:47:37 แรกก็จะต้องมากกว่าครึ่งนึงก็ประมาณ 50
00:47:37 → 00:47:40 ถึง 70% ได้เลย
00:47:40 → 00:47:42 นะเราก็เลยกินเนื้อเกลือไข่แบบพลังกาย
00:47:42 → 00:47:47 เป็นสัตว์บกใหญ่ๆตัวใหญ่ๆเนื้อแดงๆมีตีน
00:47:47 → 00:47:49 เยอะๆ
00:47:49 → 00:47:50 นะ
00:47:50 → 00:47:53 แต่ถ้าช่วงเย็นเนี่ยเรากินแค่โปรตีนเสริม
00:47:53 → 00:47:56 ให้มันได้สารอาหารปกติ
00:47:56 → 00:47:59 นะเพื่อนเราจะหลับเพื่อเราจะหลับ
00:47:59 → 00:48:02 แต่ถ้าตอนกลางวันเราได้มาแล้วเนี่ยมันก็
00:48:02 → 00:48:04 เกิดการสร้าง Zero ตัวนินในช่วงกลางวัน
00:48:04 → 00:48:08 แล้วตัดผมตากแดดเออ
00:48:08 → 00:48:11 เรียบร้อยนะเดี๋ยวมื้อเย็นนี่
00:48:11 → 00:48:15 แค่มีอินซูลินกับมีน้ำตาลนะไม่เยอะนะแล้ว
00:48:15 → 00:48:19 ก็พาเข้าสมองไปตั้งต้นวงจรการนอนหลับได้
00:48:19 → 00:48:22 เลย
00:48:22 → 00:48:26 เราถึงคือต้องกินให้ถูก
00:48:26 → 00:48:29 มันก็ปัญหาด้วยอ่ะคนส่วนใหญ่ก็มื้อเย็น
00:48:29 → 00:48:33 ไม่กินไม่กินข้าว
00:48:33 → 00:48:38 หรือเย็นกินน้อยพลังงานไม่พอ
00:48:38 → 00:48:42 เย็นไปกินอะไรแปลกๆอ่ะที่เคยบอกไปเมื่อ
00:48:42 → 00:48:44 คราวที่แล้ว
00:48:44 → 00:49:05 ผลไม้กินสลัด
00:49:05 → 00:49:10 คงลูกแล้วก็เป็นโปรตีนที่มีไขมันต่ำถึง
00:49:10 → 00:49:17 ต่ำมาก
00:49:17 → 00:49:19 อันนี้
00:49:19 → 00:49:23 ก็ที่เราบอกนะว่าเรากินสัตว์น้ำตึกตรงนี้
00:49:23 → 00:49:26 โปรตีนที่มีคอเลสเตอรอลเยอะๆ
00:49:26 → 00:49:30 ไม่ใช่ปลานะ
00:49:30 → 00:49:32 ได้แต่ต้องเป็นปลาตัวใหญ่
00:49:32 → 00:49:35 เราเน้นที่หอยกุ้ง
00:49:35 → 00:49:37 แล้วก็ปู
00:49:37 → 00:49:41 หอยหอยปูกุ้ง
00:49:41 → 00:49:43 แต่ปลาเนี่ย
00:49:43 → 00:49:45 ถ้าปลาสีๆ
00:49:45 → 00:49:48 ก็เยอะ
00:49:48 → 00:49:52 คอเลสเตอรอลไขมันเยอะแต่ปลาขาวๆปลาดอลลี่
00:49:52 → 00:49:55 ไปเลยฮะเรียบร้อย
00:49:55 → 00:50:01 มากเกินไปหรือเปล่าเนี่ย
00:50:01 → 00:50:04 ไม่ปกติผมก็ชอบกินปลาดอลลี่ไงก็ถือว่าไม่
00:50:04 → 00:50:09 ตายอย่างนี้
00:50:09 → 00:50:14 ไม่ได้พลังงานนะเอาพลังงานขาดไทรอยด์ต่ำ
00:50:14 → 00:50:15 นะ
00:50:15 → 00:50:21 ไทรอยด์เตาโอ้ยตายๆไม่น่าล่ะพี่หมอ
00:50:21 → 00:50:25 ช่วงนั้นผมนอนไม่หลับเลยอ่ะตอนที่กินแบบ
00:50:25 → 00:50:31 ของขาวอกไก่
00:50:31 → 00:50:35 ไม่ได้ไม่ได้อะไรเลยนะ
00:50:36 → 00:50:39 ผมว่าต้องรื้อรื้อครับระบบการสอนใหม่หมด
00:50:39 → 00:50:40 แล้วพี่หมอ
00:50:40 → 00:50:45 อันต่อมาก็คือศาลสื่อประสาทนะตัวนี้
00:50:45 → 00:50:48 นออินอันนี้ก็จะมาด้วยกัน
00:50:48 → 00:50:52 อันนี้คือสารแห่งความสำเร็จก็คือการเกิด
00:50:52 → 00:50:55 รำพึงพอใจความภาคภูมิใจ
00:50:55 → 00:50:57 ในความสำเร็จ
00:50:57 → 00:50:59 ศาล 2 ตัวนี้
00:50:59 → 00:51:03 มีสารตั้งต้นก็คือกฎอะมิโนที่เป็นโปรตีน
00:51:03 → 00:51:07 ไขมันต่ำเช่นเดียวกัน
00:51:07 → 00:51:10 แล้วเขาก็อาศัยคาร์โบไฮเดรตแต่ไม่เยอะนะ
00:51:10 → 00:51:13 ฮะไม่เยอะเท่ากับ 4 กิโลกรัมตัวนี้
00:51:13 → 00:51:17 แต่เขาก็ต้องมีครบชุดของเขาอ่ะ
00:51:17 → 00:51:20 คือต้องมีทั้งโปรตีนไขมันต่ำแล้วก็ต้องมี
00:51:20 → 00:51:23 เชิงซ้อน
00:51:24 → 00:51:26 หลังพวกนี้ก็สร้างใน
00:51:26 → 00:51:28 ในมื้อเย็นเนี่ยแหละเป็นหลักนะฮะแล้วก็
00:51:28 → 00:51:30 เอาไปเก็บไว้ที่สมอง
00:51:30 → 00:51:32 นะก็ไปพร้อมๆกัน
00:51:32 → 00:51:33 เพราะ
00:51:33 → 00:51:36 สารสื่อประสาทเนี่ยนะ
00:51:36 → 00:51:41 สารสื่อประสาทที่ว่าเนี่ยจากศาลทหาร
00:51:41 → 00:51:45 ซีโร่ตัวนี้สารแห่งความสุขนะฮะกลับ
00:51:45 → 00:51:47 บ้านนี่ก็เป็นศาลสื่อประสาทที่จะทำให้
00:51:47 → 00:51:50 หลับนะศาลแห่งความเป็นสุขมันต้องสุขก่อน
00:51:50 → 00:51:54 ถึงจะหลับถ้ามันทุกข์เขาจะเข้ามาไม่หลับ
00:51:54 → 00:51:58 แล้วก็เกิดความอะไรอ่ะพอใจนะ
00:51:58 → 00:52:00 เกิดความสำเร็จ
00:52:00 → 00:52:02 เกิด
00:52:02 → 00:52:06 มันก็เนี่ยศาลพึงพอใจ
00:52:06 → 00:52:12 ดีใจไชโยโห่
00:52:12 → 00:52:21 ผู้นี้มาจากอาหารดังที่บอกเพราะฉะนั้น
00:52:21 → 00:52:24 ข้อที่ 3 ก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนที่มี
00:52:24 → 00:52:26 ปัญหาทางด้าน Panic ด้วย
00:52:26 → 00:52:28 แล้วจะสังเกตว่าแพนิคมันจะมาพร้อมกับ
00:52:28 → 00:52:32 เกิร์ล
00:52:32 → 00:52:36 มาพร้อมกับอาการอะไรต่างๆนะที่ทางด้าน
00:52:36 → 00:52:38 ระบบประสาทซิมพาเทติกอ่ะระบบประสาท
00:52:38 → 00:52:43 อัตโนมัติอีกแบบกระตุ้นๆๆอ่ะนะมันจะทำงาน
00:52:43 → 00:52:45 ค่อนข้างเยอะนะ
00:52:45 → 00:52:49 เออเช่นอะไร
00:52:49 → 00:52:51 เช่น
00:52:51 → 00:52:54 มือเกร็งมือจีบหายใจ
00:52:54 → 00:53:07 แน่นหน้าอกหายใจไม่ทันนะ
00:53:07 → 00:53:11 คือเวลาเราเจอคนไข้เกิดส่วนใหญ่มันก็จะมี
00:53:11 → 00:53:13 ผลเรื่องนอนไม่หลับ
00:53:13 → 00:53:16 ใจสั่น
00:53:16 → 00:53:19 เป็นเรื่องของอาการทางด้านจิตเวชร่วมด้วย
00:53:19 → 00:53:23 เสมอ
00:53:23 → 00:53:24 [เพลง]
00:53:24 → 00:53:27 ที่ถูกต้องที่จะไปแก้ปัญหาของสารสื่อ
00:53:27 → 00:53:29 ประสาทในสมอง
00:53:29 → 00:53:34 สิ่งเหล่านี้สำคัญไม่แพ้ไม่แพ้กันนะฮะก็
00:53:34 → 00:53:36 คือน้ำ
00:53:36 → 00:53:37 กรด
00:53:37 → 00:53:42 กรดมีทั้งหมดเปรี้ยวกว่ากดไม่เปรี้ยว
00:53:42 → 00:53:50 เค็มเกลือไม่เค็ม
00:53:50 → 00:53:54 นอกจากเรื่องของโปรตีนไขมันเชิงซ้อนอะไร
00:53:54 → 00:53:57 แล้วเนี่ยนะฮะ
00:53:57 → 00:54:02 เค้าพูดงี้ช่วยในเรื่องของการย่อยเอ่อ
00:54:02 → 00:54:04 ช่วยในเรื่องของการ
00:54:04 → 00:54:05 นี่แหละ
00:54:05 → 00:54:09 เป็นเป็นองค์ประกอบแวดล้อม
00:54:09 → 00:54:13 น้ำเนี่ยต้องถึง
00:54:13 → 00:54:16 กดไม่เปรี้ยวเมื่อกี้พูดไปแล้วก็คือ
00:54:16 → 00:54:18 โปรตีน
00:54:18 → 00:54:21 กรดอะมิโนกรดไขมันซึ่งมันจะเป็นตัว
00:54:21 → 00:54:24 ไฮโดรเจนไอออนในกระเพาะเป็นสารตั้งต้นของ
00:54:24 → 00:54:26 การที่เกิดย่อย
00:54:26 → 00:54:31 แล้วก็เกลือโซเดียมคลอไรด์
00:54:31 → 00:54:35 ประจุลบก็จะไปจับกับไฮโดรเจนไอออนกลาย
00:54:36 → 00:54:38 เป็นน้ำย่อยไฮโดรคลอริกแอซิด
00:54:38 → 00:54:41 มีน้ำย่อยมันถึงจะย่อย
00:54:41 → 00:54:46 ถ้าไม่มีคุณกินโปรตีนที่มีไขมันสูงกลาง
00:54:46 → 00:54:52 ต่ำอะไรก็ไปเนี่ยมันก็มันก็ย่อยยาก
00:54:52 → 00:54:56 นิดหน่อยนะฮะก็คือ acvcv หรือไม่ก็บรรดา
00:54:56 → 00:55:00 หรือผลไม้เปรี้ยวๆมะขามป้อม
00:55:00 → 00:55:02 ตรงนี้ส้มจี๊ดก็ได้
00:55:02 → 00:55:07 ไม่ต้องเยอะนะฮะในเมื่ออาหารต่างๆ
00:55:07 → 00:55:09 ต้องมีเกลือนะ
00:55:09 → 00:55:13 นอกจากเกลือเค็มก็ต้องเป็นเกลือประเภท
00:55:13 → 00:55:15 เกลือโปรแตสเซียมเกลือแมกนีเซียมเกือบ
00:55:15 → 00:55:17 แห้ง
00:55:17 → 00:55:20 เกือบพวกนี้ก็อยู่ในพืชผัก
00:55:20 → 00:55:24 อาจจะอยู่ในคลาสเชิงซ้อนที่เรากิน
00:55:24 → 00:55:30 มันก็มีเกลือประเภทเกลือแร่ธาตุพวกนี้
00:55:30 → 00:55:32 ผักผง
00:55:32 → 00:55:34 ผักดอง
00:55:34 → 00:55:39 มีกินกันแล้วยังผักดองนะครับ
00:55:39 → 00:55:41 มีเกลือแร่พวกนี้อยู่แล้ว
00:55:41 → 00:55:49 แล้วก็บนบอร์ดน้ำซุปต้มกระดูกหมู
00:55:49 → 00:55:52 ส่วนเกลือแคลเซียมเกลือแคลเซียมอยู่ใน
00:55:52 → 00:55:54 อะไร
00:55:54 → 00:55:57 เกิดแคลเซียมก็อยู่ในพวกชีส
00:55:57 → 00:56:00 ที่เป็นโปรตีน
00:56:00 → 00:56:04 ตายอยู่ในนม
00:56:04 → 00:56:08 อันนี้หมายถึงนมเต็มรูปถ้ามีการกินนม
00:56:08 → 00:56:09 อยู่ในพวกกุ้ง
00:56:09 → 00:56:12 กุ้งแห้งกะปิเออ
00:56:12 → 00:56:17 ปลาตัวเล็กตัวน้อยที่มีที่กินทั้งกระดูก
00:56:17 → 00:56:18 นะ
00:56:18 → 00:56:24 พืชผักหลายๆอย่างนะครับผักใบเขียวก็มี
00:56:24 → 00:56:26 โอเมก้า 3 นะ
00:56:26 → 00:56:29 คือมื้อเย็นเนี่ยมื้อเย็นที่เรากินอย่าง
00:56:29 → 00:56:31 ถูกต้องเราก็จะมีพวก
00:56:31 → 00:56:37 โปรตีนไขมันต่ำกินกินปลากินไข่กินสัตว์
00:56:37 → 00:56:41 ปีกกินหอยแนะนำ
00:56:41 → 00:56:45 ก็หอยหอยกินกุ้ง
00:56:45 → 00:56:47 กินปู
00:56:47 → 00:56:50 กินไข่ได้
00:56:50 → 00:56:54 คือทุกอย่างก็ต้องต้องถูกผูกมือด้วย
00:56:54 → 00:56:58 มื้อแรกกินยังไงมื้อเย็นกินยังไง
00:56:58 → 00:57:00 เพราะว่าทุกอย่างมันมีความหมาย
00:57:00 → 00:57:08 ต่อร่างกายต่อพลังงานและต่อศาลทหาร
00:57:08 → 00:57:18 ที่เป็นสารสื่อประสาทต่างๆก็มาครบ
00:57:18 → 00:57:20 เพราะ
00:57:20 → 00:57:23 เรื่องจิตเวชอันนี้หมอยกตัวอย่าง
00:57:23 → 00:57:27 พวกนี้ช่วงแรกๆเนี่ยเป็นปัญหาเนี่ยอาจจะ
00:57:27 → 00:57:31 ต้องไปหากินนะฮะนะ
00:57:31 → 00:57:34 ไม่มีปัญหาก็ไม่ต้องไปกินกินจากอาหารส่วน
00:57:34 → 00:57:37 มากจะเป็นกันเยอะพี่หมอซึมเศร้า
00:57:37 → 00:57:41 เออมันแบบแสงๆเนี่ยแสงๆ
00:57:41 → 00:57:45 แล้วถ้าเกิดเนี่ยจัดการแหล่งของสารอาหาร
00:57:45 → 00:57:46 ดังที่บอก
00:57:46 → 00:57:51 นะกาบาเน้นโปรตีนไขมันในมื้อแรกมื้อแรก
00:57:51 → 00:57:59 แกรมม่า
00:57:59 → 00:58:05 เลยนะโอกาสจะเกิดแพนิคน้อย
00:58:05 → 00:58:21 แต่คนเป็นยังไงอ่ะ
00:58:21 → 00:58:24 นั่งออฟฟิศ
00:58:24 → 00:58:38 [เพลง]
00:58:38 → 00:58:44 มามื้อแรกกินถูกต้องโปรตีนไขมันตัดครับ
00:58:44 → 00:58:53 นะมีแต่ดีกับดีอ่ะ
00:58:53 → 00:58:57 ครับแต่ไม่ได้กินแบบ overcast เออไม่ได้
00:58:57 → 00:59:00 กินจนอิ่มตาม
00:59:00 → 00:59:01 [เพลง]
00:59:01 → 00:59:04 เน็ตครับที่ควรจะได้ต่อวันก็แล้วแต่เรา
00:59:04 → 00:59:08 ป่วยแค่ไหนหรือเรายังสุขภาพดีถ้าสุขภาพดี
00:59:08 → 00:59:11 เนี่ยอาจจะได้ถึง 100 กรัมเด็ดขาดครับ
00:59:12 → 00:59:14 หรือออกกำลังกายด้วย
00:59:14 → 00:59:17 แต่ถ้าป่วยถ้าเป็นเบาหวานเนี่ยก็ขอไว้สัก
00:59:17 → 00:59:20 ไม่เกิน 20 กรัมนะเนี่ย
00:59:20 → 00:59:23 ถ้าไม่ได้เป็นเบาหวานแต่ก็ดื้ออินซูลินก็
00:59:23 → 00:59:25 ไม่เกิน 50 กรัม
00:59:25 → 00:59:27 และจัดสรรมา
00:59:27 → 00:59:30 แล้วก็ what to eat ในแง่ของโปรตีนนะ
00:59:30 → 00:59:35 หรือคอเลสเตอรอลอะไรอย่างนี้จากมื้อเย็น
00:59:35 → 00:59:38 มื้อเย็น
00:59:38 → 00:59:41 อันนี้ก็เนี่ยที่ถามไปใช่ไหมว่า
00:59:42 → 00:59:44 แล้วถ้าเกิดเราอ่ะ
00:59:44 → 00:59:48 มาเข้าสู่วงการคีโตโร่ครับ
00:59:48 → 00:59:52 ผลอาการแสดงน้ำหนัก
00:59:52 → 00:59:55 เอ่อมันค้างอะไรอย่างเงี้ยเออมันไม่ไปต่อ
00:59:55 → 00:59:59 แล้วเดือนก็แล้ว 2 เดือนก็แล้วกันอะไรก็
00:59:59 → 01:00:01 แล้วเนี่ยมันยังไม่อยู่ในทิศทางที่จะดี
01:00:01 → 01:00:03 ขึ้นน่ะ
01:00:03 → 01:00:06 การย้อนกลับมาสำรวจตรวจสอบเนี่ย
01:00:06 → 01:00:10 ก็ดูเรื่องกินนี่แหละฮะนะดูไส้ในของอาหาร
01:00:10 → 01:00:14 อันนี้เราก็พอจะรู้ว่า
01:00:14 → 01:00:18 สาเหตุกินไม่เป็นนะไล่ไปเลยในแต่ละเรื่อง
01:00:18 → 01:00:20 เกิดกินแปรรูปอยู่หรือเปล่า
01:00:20 → 01:00:23 กินครับผิดในเรื่องไหนในเรื่องประเภท
01:00:23 → 01:00:25 ปริมาณหรือช่วงเวลา
01:00:25 → 01:00:27 เวลาก็จะกินมื้อเย็น
01:00:27 → 01:00:30 นะปริมาณก็แล้วแต่เน็ตครับที่พูดไปเมื่อ
01:00:30 → 01:00:31 กี้
01:00:31 → 01:00:34 ประเภทก็
01:00:34 → 01:00:38 หักหัวกับแป้งเชิงซ้อนนะผักใบนี้เขาไม่
01:00:38 → 01:00:39 นับ
01:00:39 → 01:00:42 ผลไม้ต้องมีข้อจำกัด
01:00:42 → 01:00:44 แล้วจะกินต่อเมื่อต้องมีการออกกำลังกาย
01:00:44 → 01:00:49 หรือในวันชีวิตดีชีวิตดี
01:00:49 → 01:00:50 อย่างโปรตีน
01:00:50 → 01:00:53 ก็มื้อแรกกับมื้อเย็น
01:00:53 → 01:00:57 มื้อแรกก็เป็นโปรตีนที่มีไขมันสูง 10% มี
01:00:57 → 01:01:01 ไขมันปานกลางประมาณ 50%
01:01:01 → 01:01:04 มื้อเย็นต้องเป็นโปรตีนที่มีไขมันต่ำถึง
01:01:04 → 01:01:10 ต่ำมากประมาณ 40%
01:01:10 → 01:01:15 ปริมาณก็ไม่ต้องโอเวอร์
01:01:15 → 01:01:19 คนไปกินโลกครับ
01:01:19 → 01:01:22 ก็ต้องดูตอนที่ไทยด้วยว่า
01:01:22 → 01:01:25 ร่างกายไหวไหมที่จะรับนะไม่งั้นแล้วหาย
01:01:25 → 01:01:34 ปกติที่มันเหลือนะครับ
01:01:34 → 01:01:40 โปรตีนก็ต้องดูประเภทโปรตีนด้วยนะ
01:01:40 → 01:01:44 ช่วงเวลาในการกินมื้อแรกกับมื้อเย็น
01:01:44 → 01:01:46 ไขมัน
01:01:46 → 01:01:51 ไปกินไขมันอะไรมาครบถ้วนถูกต้องไหมปริมาณ
01:01:51 → 01:01:56 เท่าไหร่สัดส่วนบอกแล้วไขมัน
01:01:56 → 01:01:58 30-50
01:01:58 → 01:02:02 ช่วงเวลาในการกินมื้อแรกน้ำมันกินมื้อแรก
01:02:02 → 01:02:07 มีกินมื้อเย็นมื้อเย็น
01:02:07 → 01:02:12 ยังไงมื้อเย็นปรุงยังไง
01:02:12 → 01:02:19 พูดไปหมดเลย
01:02:19 → 01:02:23 เพราะว่าในเรื่องของสารอาหารต่างๆ
01:02:23 → 01:02:26 การกระตุ้นฮอร์โมนอะไรต่างๆมันก็แตกต่าง
01:02:26 → 01:02:27 กัน
01:02:27 → 01:02:40 ครับ
01:02:40 → 01:02:46 [เพลง]
01:02:46 → 01:02:48 โปรตีน
01:02:48 → 01:02:50 โปรตีนกระตุ้นอินซูลินไม่มาก
01:02:50 → 01:02:53 แต่มันเป็นกระตุ้น
01:02:53 → 01:02:59 ปูขาก้อน
01:02:59 → 01:03:05 แล้วก็มีการกระตุ้นพวกไทรอยด์
01:03:05 → 01:03:11 ด้วยก็แล้วแต่ว่าโปรตีนไปกินร่วมกับเรา
01:03:11 → 01:03:14 ตับมันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเสาเผาผลาญ
01:03:14 → 01:03:15 หรือสะสม
01:03:15 → 01:03:23 อันนี้ก็ต้องรู้ว่ามันเป็นหลัก
01:03:23 → 01:03:27 ฐานที่จะออกมาอย่างเช่นโปรตีนแล้วมีไขมัน
01:03:27 → 01:03:33 ประเภทความมิติ 3
01:03:33 → 01:03:37 ที่มันไวจากการตอบรับแล้วมันยัง
01:03:37 → 01:03:52 อ่า
01:03:52 → 01:03:55 แต่ถ้าเรากินน้ำมันสกัดเย็น
01:03:55 → 01:03:56 นะ
01:03:56 → 01:03:59 ก็จะเป็นการสลายพลังงานหมดเลยคอร์ดที่
01:03:59 → 01:04:03 เศร้าก็ไม่มาอินซูลินก็ไม่มามาแต่ฮอร์โมน
01:04:03 → 01:04:05 ลูกเทพ
01:04:05 → 01:04:16 หรือถ้าเรากินเป็นโปรตีนคู่กับสเตียรอยด์
01:04:16 → 01:04:26 ลูกเทพคล้ายๆกับน้ำมันสกัดเย็น
01:04:26 → 01:04:29 ที่ถูกต้องในแบบ Low Class
01:04:29 → 01:04:39 โปรตีนคุณภาพครับ
01:04:39 → 01:04:43 ซึ่งการจัดสรรก็อยู่ในรูปของ
01:04:43 → 01:04:47 น้ำสลัด
01:04:47 → 01:04:52 เป็นอาหารไม่ใช่เกาะแล้วก็มีไฟเพิ่ม
01:04:52 → 01:04:55 ไฟเบอร์ละลายน้ำเพื่อจะเป็นอาหารของ
01:04:55 → 01:04:59 แบคทีเรียในลำไส้
01:04:59 → 01:05:01 แต่ว่า
01:05:01 → 01:05:02 คนที่มากิน
01:05:02 → 01:05:10 หรือว่ากินในโภชนาการ
01:05:10 → 01:05:15 ที่เขากำหนดกันมาอย่างนี้ไหม
01:05:15 → 01:05:16 ส่วนใหญ่คือ
01:05:16 → 01:05:20 กินโปรตีนมาก
01:05:20 → 01:05:23 แล้วมีการจับคู่ของโปรตีนที่ไม่ถูกต้อง
01:05:23 → 01:05:26 ไม่ถูกต้อง
01:05:26 → 01:05:32 เพราะโปรตีนที่จับคู่กับไขมัน
01:05:32 → 01:05:35 แต่อันนี้ก็ค่อนข้างจะน้อยเพราะว่าในสูตร
01:05:35 → 01:05:40 ทุกๆค่ายที่มีการกินแบบ low ก็พยายามจะ
01:05:40 → 01:05:42 ควบคุมจำกัดตัดครับ
01:05:42 → 01:05:46 แต่มันเป็นการจับคู่ของโปรตีนกับไขมันที่
01:05:46 → 01:05:53 ไม่ค่อยเหมาะสม
01:05:53 → 01:06:09 ที่ไม่ค่อยสำคัญเลยนะ
01:06:09 → 01:06:13 กินมากกินผิดเวลาเออ
01:06:13 → 01:06:16 หรือบางคนมีการทำไมเว็บในรูปแบบต่างๆ
01:06:16 → 01:06:22 กับการกินของฮอร์โมนหรือการต่อร่างกายมัน
01:06:22 → 01:06:24 ก็จะไม่โอเค
01:06:24 → 01:06:28 ปัญหาส่วนใหญ่เมื่อเรากินโภชนาการค้าต่ำ
01:06:28 → 01:06:32 แล้วเนี่ยปัญหาที่มันยังแก้ไม่ได้หรือยัง
01:06:32 → 01:06:36 ยังไปไม่ถึงก็คือความผิดปกติวนๆในเรื่อง
01:06:36 → 01:06:40 ของโปรตีนกับไขมัน
01:06:40 → 01:06:44 อันนี้ก็อยากจะย้ำว่าในสัดส่วนที่เราใช้
01:06:44 → 01:06:47 โปรตีนต่อวัน
01:06:47 → 01:06:49 ต้องเป็นโปรตีนไขมันปานกลางอันนี้มากที่
01:06:49 → 01:06:54 สุด 50%
01:06:54 → 01:07:05 ส่วนโปรตีนที่มีไขมันสูงเนี่ยไม่เกิน 10%
01:07:05 → 01:07:10 อันดับ 2
01:07:10 → 01:07:12 โปรตีนไขมันต่ำมาก
01:07:12 → 01:07:14 เยอะเกินไป
01:07:14 → 01:07:16 ครับ
01:07:16 → 01:07:21 จากเคยที่มีจิตใต้สำนึกกลัวไขมันนะ
01:07:21 → 01:07:25 หรือกลัวอะไรอ่ะ
01:07:25 → 01:07:28 กลัวสามชั้นเอ่ออะไรอย่างนี้มันยังฝัง
01:07:28 → 01:07:29 อยู่อ่ะ
01:07:29 → 01:07:30 นะ
01:07:30 → 01:07:32 เพราะฉะนั้นเอาล่ะในเมื่อให้กินโลคะให้
01:07:32 → 01:07:36 กิน High โปรตีนหรือบางช่วงที่
01:07:36 → 01:07:39 จะต้อง low Fat เนี่ยเขาก็เลยมากินเนี่ย
01:07:39 → 01:07:43 พวกนี้นะ
01:07:43 → 01:07:48 ก็มีแต่สัตว์ปีกที่เป็นไม่ติดหนังมีแต่ตา
01:07:48 → 01:07:51 ปลา
01:07:51 → 01:07:54 อันนี้เดี๋ยวจะมียกตัวอย่างนะในแง่ของไข
01:07:54 → 01:07:58 มันนะอันนี้ก็อิ่มเดียวซ้อนตามสัดส่วนนะ
01:07:58 → 01:08:03 30 50 20 มื้อแรกกินยังไงมื้อเย็นกิน
01:08:03 → 01:08:09 ยังไง
01:08:09 → 01:08:13 ที่บอก
01:08:13 → 01:08:18 ต้องให้ถูกสัตว์
01:08:18 → 01:08:21 โปรตีนตอนเนี้ย
01:08:21 → 01:08:25 ตอนเนี้ยที่หลายคนอาจจะมีการตัดพวกพลัง
01:08:25 → 01:08:26 งานจากไขมัน
01:08:26 → 01:08:30 หรือกินกินยังไม่ถูกอ่ะนะฮะ
01:08:30 → 01:08:34 แล้วก็คิดว่าโลคาร์บแล้วหายโปรตีนเนี่ย
01:08:34 → 01:08:36 ให้โปรตีนมันจะได้ไขมัน
01:08:36 → 01:08:38 พอนะ
01:08:39 → 01:08:41 แต่มันไม่พอพลังงานมันไม่พอนะ
01:08:41 → 01:08:43 ครับถูกนะ
01:08:43 → 01:08:47 High โปรตีนแต่หวังว่าในโปรตีนเนี่ยจะมี
01:08:47 → 01:08:51 ไขมันที่มาเป็นพลังงาน
01:08:51 → 01:08:55 แต่ร่างกายเขาตอบสนองต่อโปรตีนที่มาที่มี
01:08:55 → 01:08:58 ไขมันมาด้วยไม่ใช่ตอบสนองที่จะเอาไปทำ
01:08:58 → 01:09:02 เป็นพลังงาน
01:09:02 → 01:09:04 อย่างเช่นอย่างนี้
01:09:04 → 01:09:09 อย่างข้อ 1 กับข้อ 2 หมอก็บอกแล้วว่า
01:09:09 → 01:09:13 ในการกินมื้อแรกที่เราเบรคฟ้าเรากิน
01:09:13 → 01:09:17 โปรตีนไขมันสูงได้แก่อะไรบ้างพวกนี้ 10%
01:09:17 → 01:09:20 ไขมันปานกลางก็คือพวกนี้
01:09:20 → 01:09:21 50%
01:09:22 → 01:09:26 แต่อย่างเนสเนี่ยหมอบอกก่อนนะว่าในเรื่อง
01:09:26 → 01:09:29 ถั่ว
01:09:29 → 01:09:32 เราเอามากินมื้อเย็นจะดีกว่านะ
01:09:32 → 01:09:37 ครับเออเราไว้มื้อเย็น
01:09:37 → 01:09:42 เราก็เลือกกินพวกนี้นะฮะ
01:09:42 → 01:09:44 แล้วก็พวกนี้เราก็ต้องมี
01:09:44 → 01:09:47 พวกเนี้ยมันก็เป็นโปรตีนที่มีไขมันอยู่
01:09:47 → 01:09:50 แล้วใช่ไหมฮะแต่ไขมันในโปรตีนพวกนี้เขา
01:09:50 → 01:09:52 ไม่เป็นพลังงานนะเขาไปเป็นโครงสร้างกับ
01:09:52 → 01:09:55 ร่างกาย
01:09:55 → 01:09:59 แต่ร่างกายเพราะฉะนั้นต้องเติมพลังงานจาก
01:09:59 → 01:10:02 น้ำมันสกัดเย็นในรูปแบบของน้ำสลัดทีอ่อน
01:10:02 → 01:10:06 คนหลายคนเขาไม่เข้าใจเรื่องน้ำมันและเขา
01:10:06 → 01:10:09 ไม่ได้ทำน้ำสลัดอะไรมากินหรือบางคนก็กิน
01:10:09 → 01:10:12 น้ำมัน Add on ด้วยแต่ไปกินแบบกรอกเข้า
01:10:12 → 01:10:13 ไป
01:10:13 → 01:10:16 ร่างกายก็ยัง Last of Energy ที่จะเป็น
01:10:16 → 01:10:19 ได้จากพลังงานไขมัน
01:10:19 → 01:10:23 ครับผมมันเรื่องเรื่องนี้จะเป็นเรื่อง
01:10:23 → 01:10:25 ใหญ่แต่ควรจะไม่เข้าใจแล้วก็ไม่พูดได้พูด
01:10:25 → 01:10:28 ถึงกัน
01:10:28 → 01:10:31 คือแรกอ่ะมันกินแต่มันถูกครึ่งเดียว
01:10:31 → 01:10:34 นะมันยังขาดพลังงานแต่ไอ้ภัยคนละท้าย
01:10:34 → 01:10:38 โปรตีนแล้วก็ low caft เนี่ยโอเคแล้วกู
01:10:38 → 01:10:39 นะ
01:10:39 → 01:10:42 อันนี้สำคัญ
01:10:42 → 01:10:44 เพราะว่าไงไม่งั้นเนี่ยคุณขาดพลังงาน
01:10:44 → 01:10:46 เนี่ยคุณจะแล็ก
01:10:46 → 01:10:49 คุณอย่าไปกินน้ำมันในช่วงนี้ก็ไม่ได้นะ
01:10:49 → 01:10:52 แล้วมื้อเย็นเนี่ยมันจะไปการอัด
01:10:52 → 01:10:55 ไอ้พวกอะไรอ่ะ
01:10:55 → 01:10:58 ไอ้พวกพวกโปรตีนที่มีไขมันสูงมันก็ไม่ได้
01:10:58 → 01:11:03 อ่ะร่างกายมันมันมันไม่มันจะมันจะนอนไม่
01:11:03 → 01:11:04 หลับ
01:11:04 → 01:11:08 มันจะไม่ย่อยนะน่ะ
01:11:08 → 01:11:11 เป็นร่างกายเนี่ยในมื้อเย็นน่ะอ่าก็ต้อง
01:11:11 → 01:11:14 เป็นโปรตีนไขมันต่ำถึงต่ำมากแล้วดูสิ
01:11:14 → 01:11:17 โปรตีนไขมันต่ำมีอะไรมีปลาตัวใหญ่มี
01:11:17 → 01:11:21 เครื่องในมีสันในมีโอกาส
01:11:21 → 01:11:24 แล้วโปรตีนไขมันต่ำมากก็เป็นสัตว์น้ำนะ
01:11:24 → 01:11:29 ตัวเล็กตัวน้อยหมดเลย
01:11:29 → 01:11:33 ทำไมมื้อเย็นเราถึงต้องกินโปรตีนไขมันต่ำ
01:11:33 → 01:11:37 ถึงต่ำมาก
01:11:37 → 01:11:40 เพราะอะไร
01:11:40 → 01:11:42 คือมื้อเย็นเนี่ยเหมือนเราไม่ต้องการพลัง
01:11:42 → 01:11:44 งานแล้ว Craft เนี่ยเราก็จำกัดเพราะ
01:11:44 → 01:11:47 ฉะนั้นพลังงานที่ได้จาก Craft เนี่ยมันก็
01:11:47 → 01:11:49 ไม่ได้เยอะแยะ
01:11:49 → 01:11:51 เพราะเราบอกว่ามื้อเย็นอย่างเดียวเราจะ
01:11:51 → 01:11:54 นอนแล้วเราไม่ต้องการพลังงานเยอะ
01:11:54 → 01:11:57 แต่สารอาหารพวกนี้
01:11:57 → 01:12:01 หรือแม้แต่ craft ที่ไม่ได้เยอะก็ตาม
01:12:01 → 01:12:05 มันก็ต้องมีพลังงานส่วนหนึ่งอ่ะนะ
01:12:05 → 01:12:06 ที่
01:12:06 → 01:12:11 ที่บอกว่าร่างกายจะกินเข้าไปซ่อมแซมนะ
01:12:11 → 01:12:12 การซ่อมแซมเนี่ย
01:12:12 → 01:12:16 ร่างกายโดยธรรมชาติเขาซ่อมแซมในเวลากลาง
01:12:16 → 01:12:17 คืน
01:12:17 → 01:12:19 พลังงานที่ร่างกายจะเอามาซ่อมแซมก็คือ
01:12:19 → 01:12:25 พลังงานที่เกิดจากไขมันที่ร่างกายสะสมไว้
01:12:25 → 01:12:28 เหตุผลที่เราไม่กินน้ำมันไม่กินไขมันสูง
01:12:28 → 01:12:32 นะในมื้อเย็นก็เพราะว่าเพื่อให้ว่าเวลา
01:12:32 → 01:12:35 เราหลับไปแล้วเนี่ยร่างกายจะเกิดการเผา
01:12:35 → 01:12:39 ผลาญพลังงานไขมันที่เราสะสมไว้แล้วได้เอา
01:12:39 → 01:12:43 มาใช้โดยพลังงานเหล่านี้จะเอาสารอาหารที่
01:12:43 → 01:12:48 เป็นไขโปรตีนไขมันต่ำถึงต่ำมากรวมเนี่ย
01:12:48 → 01:12:53 แล้วก็ไขมันคงรูปอีกนิดหน่อยเอาเข้าไป
01:12:53 → 01:12:57 สร้างโครงสร้างของร่างกาย
01:12:57 → 01:12:59 สรุปเข้าใจไหม
01:12:59 → 01:13:02 เข้าใจครับเข้าใจเนาะมื้อแรกนี่ให้พลัง
01:13:02 → 01:13:05 งานมือที่ 2 ในเรื่องโครงสร้างใช่มื้อแรก
01:13:05 → 01:13:08 ให้พลังงานต้องมาจากน้ำมันสกัดเย็น
01:13:09 → 01:13:11 แต่ไอ้พวกโปรตีน
01:13:11 → 01:13:14 ในมื้อแรกเนี่ยก็เอาไปสร้างเอาไปซ่อมแซม
01:13:14 → 01:13:17 ร่างกาย
01:13:17 → 01:13:20 เพราะว่าร่างกายมันซ่อมทั้งวันทั้งคืน
01:13:20 → 01:13:23 นะแต่คนในยุคปัจจุบันเนี่ย
01:13:23 → 01:13:25 เขาไม่ได้กินแบบนี้
01:13:25 → 01:13:28 กลางวันก็ซ่อมไม่ได้เพราะอินซูลินเข้ามา
01:13:28 → 01:13:30 เขาสะสมอย่างเดียวกูไม่ให้มึงซ่อมกูไม่
01:13:30 → 01:13:34 ให้มึงซ่อมมึงต้องเก็บๆๆๆนะ
01:13:34 → 01:13:36 แล้วกลางคืนเนี่ย
01:13:36 → 01:13:40 เขาก็ซ่อมไม่ได้เพราะข้อที่ 2 มาไงฮะ
01:13:40 → 01:13:43 เนื่องจากเขากินผิดมื้อเย็นเนี่ยเขาไม่
01:13:43 → 01:13:46 ได้กินครับเชิงซ้อนไม่ได้กินโปรตีนที่ถูก
01:13:46 → 01:13:50 ต้องไม่ได้กินสารสื่อประสาทที่จะเข้าไป
01:13:50 → 01:13:52 แล้วทำให้สมองมันสงบสุข
01:13:52 → 01:13:55 เพราะฉะนั้นแม่ก็มา
01:13:55 → 01:14:07 แม่เข้ามาจัดการซะมื้อเย็นน่ะหลับไหมล่ะ
01:14:07 → 01:14:09 ช่วงนั้นแต่ผมช่วงนั้นผมเล่นแน่ๆเลยนะ
01:14:09 → 01:14:14 บุฟเฟ่ต์เนื้อ
01:14:14 → 01:14:17 กลับมานี่ร้อนโอ้เปลืองไฟอีกเพราะว่าต้อง
01:14:17 → 01:14:22 เปิดแอร์เปิดแอร์ให้เย็นน่ะนอนไม่ได้
01:14:22 → 01:14:31 หมออยากจะโฟกัสตรงนี้
01:14:31 → 01:14:34 แต่วิธีการกินโปรตีนกินไขมันเนี่ยเมื่อ
01:14:34 → 01:14:38 คุณตัดขาแล้วเนี่ยในมื้อแรกเนี่ยในมื้อ
01:14:38 → 01:14:41 แรกกับมื้อเย็นเนี่ยเอ่อ
01:14:41 → 01:14:46 บางทีมันไม่ถูกนะเอามื้อแรก
01:14:46 → 01:14:48 นะฮะ
01:14:48 → 01:14:50 ซึ่งเดี๋ยวตัวอย่างเคสเนี่ยที่จะยกเนี่ย
01:14:50 → 01:14:51 นะ
01:14:51 → 01:14:53 ก็คือ
01:14:53 → 01:14:57 คือเขามากินโภชนาการครับต่ำก็จริงแต่เขา
01:14:57 → 01:15:00 ไม่ยอมกินไอ้พวกเขาฝังใจเรื่องไขมันสูง
01:15:00 → 01:15:02 อ่ะเงื่อนไขแดงอะไรพวกเนี้ย
01:15:03 → 01:15:05 เรื่องสัตว์เรื่องเนื้อสัตว์ติดหนังติด
01:15:06 → 01:15:06 เนื้อ
01:15:06 → 01:15:10 เค้าก็เลยกินแต่อย่างเงี้ยฮะโปรตีนไขมัน
01:15:10 → 01:15:11 ต่ำนะ
01:15:11 → 01:15:13 ทั้งมื้อแรกและก็มื้อเย็น
01:15:13 → 01:15:17 คือกินปลาปลาๆ
01:15:17 → 01:15:24 แล้วก็กินพวกอกไก่กินไข่ขาวกินสันใน
01:15:24 → 01:15:28 กินอย่างนี้มื้อแรกกิน 3 มื้อสมมุติเขา
01:15:28 → 01:15:33 ผอมๆเยอะ
01:15:33 → 01:15:37 [เสียงหัวเราะ]
01:15:37 → 01:15:48 โครงสร้างร่างกาย 4 ระบบมันเพี้ยนหมดเลย
01:15:48 → 01:15:52 มื้อแรกมีไขมันสูงไขมันปรุงปานกลาง
01:15:52 → 01:15:54 อินซูลินเขาไม่ออกมา
01:15:54 → 01:15:57 หรือเขาออกมาแบบเบซอลอินซูลิน
01:15:57 → 01:16:00 นะเพราะฉะนั้นพวกเนี้ยกินพวกเนี้ยนะ
01:16:00 → 01:16:05 อินซูลินไม่กระโดดอ่ะไม่พูดไม่สวิงเอ้ย
01:16:05 → 01:16:10 ไม่เค้าเรียกว่าไม่อะไรไม่สวิงฮะเออนะไม่
01:16:10 → 01:16:12 รู้เลิกคอสเตอร์แบบนี้นะฮะนะ
01:16:12 → 01:16:16 ด้วยเหตุเนี้ยอาหารเนี่ยในกลุ่มที่ 1 ที่
01:16:16 → 01:16:19 2 จึงต้องมากินในมื้อแรก
01:16:19 → 01:16:22 แล้วเราก็มีน้ำมันสกัดเย็นในรูปของน้ำ
01:16:22 → 01:16:26 สลัดทีออยที่มาคอยอ่าช่วยให้พลังงานแก่
01:16:26 → 01:16:29 ร่างกายซึ่งทั้งอินซูลินและข้อที่ 2 ก็
01:16:29 → 01:16:31 Happy
01:16:31 → 01:16:35 เหตุผลของมื้อแรกที่ต้องให้ได้พลังงานและ
01:16:35 → 01:16:37 ให้ได้สารอาหารแบบนี้นะ
01:16:37 → 01:16:41 จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่อินซูลิน
01:16:41 → 01:16:47 คอร์ติซอลสงบสุข
01:16:47 → 01:16:50 แต่ถ้าเราไปกินแบบนี้
01:16:50 → 01:16:52 เพราะว่าอะไรเพราะเรากลัวไขมัน
01:16:52 → 01:16:54 เรากลัวไข่แดง
01:16:54 → 01:16:58 เรากลัวหนังเรากลัวมันสัตว์
01:16:58 → 01:17:01 เราก็มากินอกไก่นะทั้งมื้อแรกมื้อหลังก็
01:17:01 → 01:17:08 กินไข่ขาวเรากินไอ้พวกโปรตีนแปรรูป
01:17:08 → 01:17:11 ไก่อะไรอย่างนี้
01:17:11 → 01:17:14 [เพลง]
01:17:14 → 01:17:21 ปลาทูโน่ทูน่าปลาเนื้อขาวอ่ะเนื้อขาว
01:17:21 → 01:17:26 มันก็เลยมันก็เลยนี่น้ำตาลในเลือดก็สวิง
01:17:26 → 01:17:29 คือมันเป็นโปรตีนก็จริงนะฮะนะ
01:17:29 → 01:17:31 แต่โปรตีนแบบเนี้ย
01:17:31 → 01:17:34 นะคอสีส้มก็จะมาเปลี่ยนเป็นน้ำตาและ
01:17:34 → 01:17:35 อินซูลินเข้ามา
01:17:35 → 01:17:38 นะเพราะฉะนั้นคุณจะกินมื้อแรกหรือกินมื้อ
01:17:39 → 01:17:43 เย็นเนี่ยร่างกายมันไม่สงบสุข
01:17:43 → 01:17:51 มันก็เกิดโรลเลอร์โคสเตอร์แบบนี้
01:17:51 → 01:17:53 อกไก่
01:17:53 → 01:18:17 เนื้อปลาขาว
01:18:17 → 01:18:26 นะไก่งวง
01:18:26 → 01:18:29 แต่หอยบ้านเราเนี่ยเป็นหอยสีนะ
01:18:29 → 01:18:32 หอยบ้านเรากุ้งบ้านเรานะ
01:18:32 → 01:18:34 ปลาหมึกอันนี้อันนี้
01:18:34 → 01:18:38 อันนี้ยังดีอ่ะนะยังค่อนข้างยังค่อนข้าง
01:18:38 → 01:18:46 ดีกว่าปลาน่ะปลาเนื้อขาว
01:18:46 → 01:18:50 อันนี้ก็จะให้พูดคร่าวๆไปก่อนนะว่า
01:18:50 → 01:18:53 ถ้าเป็นเงินที่บอกแบบนี้เรายังถือว่าคุณ
01:18:53 → 01:18:58 กินไม่เป็นกินไม่ถูกนะนะเพราะฉะนั้นคุณก็
01:18:58 → 01:19:01 ยังไม่ Reverse อย่างดีนักหรอกนะพลังงาน
01:19:01 → 01:19:05 มันมันน้อยไปมันไม่เสถียร
01:19:05 → 01:19:11 แล้วก็สารอาหารอาจจะสมดุลหรือไม่สมดุลก็
01:19:11 → 01:19:14 แล้วแต่ยังกินมากกินน้อยหรือไปฟิกไอเดีย
01:19:14 → 01:19:18 ว่ามื้อเย็นไม่กินนู่นไม่กินนี่อะไรต่างๆ
01:19:18 → 01:19:21 อย่างไม่ถูกต้อง
01:19:21 → 01:19:22 คือ
01:19:22 → 01:19:25 คือความไม่สมดุลทางด้านสารอาหารของร่าง
01:19:25 → 01:19:28 กาย
01:19:28 → 01:19:31 ละเอียดนะ
01:19:31 → 01:19:36 หรือสมองส่วนหน้าเนี่ยมันจะรับรู้และแต่
01:19:36 → 01:19:39 ความของความผิดปกติก่อนอันนั้นก็คือการ
01:19:39 → 01:19:44 แปลความในเรื่องของการขาดพลังงาน
01:19:44 → 01:19:47 ส่วนในแง่ของกายเนื้อหรือกายหยาบเนี่ยมัน
01:19:47 → 01:19:49 จะมาทีหลังในแง่ของความไม่ครบถ้วนของสาร
01:19:49 → 01:19:51 อาหาร
01:19:51 → 01:19:55 มันจะมีปัญหาระยะยาวๆเลยนะที่ร่างกายมัน
01:19:55 → 01:19:57 จะไม่ดี
01:19:57 → 01:20:01 แต่การและอ๊อฟเนี่ยร่างกายก็จะเกิดการตอบ
01:20:01 → 01:20:03 สนองก่อนนะ
01:20:03 → 01:20:09 ของอะไรของฮอร์โมนนะของตับของไตของอ่าลำ
01:20:09 → 01:20:18 ไส้ของสมองอะไรอย่างนี้
01:20:18 → 01:20:22 แบบที่เคยพูดไปอวัยวะแรกสุดที่จะมีผลใน
01:20:22 → 01:20:25 เรื่องของการที่ร่างกายขาดสารอาหารโทษที
01:20:25 → 01:20:27 ขาดพลังงานหรือความไม่เสถียรพลังงานคือ
01:20:27 → 01:20:41 ตาย
01:20:41 → 01:20:47 น้ำตาลทั้งไขมันทั้งความดันทั้งค่าและ
01:20:47 → 01:20:51 ก็ต่อมต่างๆต่อมไร้ท่อต่อมมีท่อที่จะได้
01:20:51 → 01:21:03 รับผลมากที่สุดก็คือไทยลอยกระทง
01:21:03 → 01:21:05 ที่สุด
01:21:05 → 01:21:08 ในเรื่องของการขาดพลังงานหรือการที่พลัง
01:21:08 → 01:21:12 งานไม่เสถียรเกิดการสวิงนะฮะ
01:21:12 → 01:21:14 ครับ
01:21:14 → 01:21:20 บ๊ายบายก่อนเลย
01:21:20 → 01:21:23 อันนี้ก็จะเป็นเรื่องที่ว่า
01:21:23 → 01:21:26 เอาล่ะถ้าเราอยู่ในโภชนาการค้าต่ำอะไร
01:21:26 → 01:21:32 ต่างๆไปช่วงนึงแล้วเนี่ยนะเราไม่เข้าใจใน
01:21:32 → 01:21:35 เรื่องของพลังงานนัก
01:21:35 → 01:21:38 เราไป low carp low Fat แล้วก็หาย
01:21:38 → 01:21:43 โปรตีนหายไฟเบอร์นะครับอันนี้มันต้องแบ่ง
01:21:43 → 01:21:47 กลุ่มหรือแบ่งชนิดของคนด้วยคือถ้าเป็นคน
01:21:47 → 01:21:52 อ้วนเนี่ยโอเคถ้าคุณเข้าคีโตซีดคุณ Fat
01:21:52 → 01:21:53 อะแดปกี่ตัว
01:21:53 → 01:21:57 ในเรื่องของไขมันโดยเฉพาะจากน้ำมันต่างๆ
01:21:57 → 01:22:01 ที่แนะนำก็สามารถปรับลดได้จนถึงครึ่ง
01:22:01 → 01:22:02 หนึ่งนะ
01:22:02 → 01:22:06 แต่หมอต้องบอกก่อนว่าการแนะนำให้กินพวกไฮ
01:22:06 → 01:22:09 Good Fat ในรูปของน้ำมันและทำให้น้ำ
01:22:09 → 01:22:10 สลัด
01:22:10 → 01:22:13 เราต้องกินพอดีกับความต้องการพลังงานจริง
01:22:13 → 01:22:17 ๆของร่างกายเราไม่ได้แบบ Over ให้มัน
01:22:17 → 01:22:24 เหลือนะฮะให้มันเหลือหรือให้มันเกิน
01:22:24 → 01:22:28 มันก็กินเกินยากนะพี่หมอก็กินยากด้วยกิน
01:22:28 → 01:22:34 ยาก
01:22:34 → 01:22:39 เนี่ยนะปรับลดได้ปรับลดได้เพราะยังไงร่าง
01:22:39 → 01:22:42 กายมันที่มันอ้วนอยู่หรือว่ามันสมส่วน
01:22:42 → 01:22:45 ค่อนอ้วนมีพลังงานรีเสิร์ฟอยู่ไม่กลัว
01:22:45 → 01:22:50 หรอกนะพลังงานในศาลทหารยังสะสมยังสะสมไม่
01:22:50 → 01:22:51 ได้
01:22:51 → 01:22:56 เหือดแห้งหายไปแบบมากมายอะไรนัก
01:22:56 → 01:22:59 แต่สำหรับคนที่น้ำหนักตัวน้อยรูปร่างเล็ก
01:22:59 → 01:23:01 พายพอหรือ
01:23:01 → 01:23:04 นะ
01:23:04 → 01:23:07 อันนี้ไม่ได้ไม่ได้
01:23:07 → 01:23:13 การคงไว้ซึ่งความพอดีนะของทุกอย่างทั้ง
01:23:13 → 01:23:17 เรื่องทับเชิงซ้อนเรื่องโปรตีนลดโปรตีน
01:23:17 → 01:23:20 อาจจะต้อง Over ขึ้นไปนิดหน่อยด้วย
01:23:20 → 01:23:23 แล้วก็เรื่องไขมันหรือน้ำมันเนี่ยนะ
01:23:23 → 01:23:27 ยังปรับลดไม่ได้ไม่ได้นะไม่ได้
01:23:27 → 01:23:31 เพียงอาจจะต้องแบ่งมื้ออ่ะนะแบ่งมื้อแล้ว
01:23:31 → 01:23:35 ก็ตัวที่จะปรับในคนที่น้ำหนักน้อยๆอ่ะนะ
01:23:35 → 01:23:40 ก็คือตัวโปรตีนเป็นหลัก
01:23:40 → 01:23:42 อันนี้พวกน้ำหนักด้านล่างเนี่ย
01:23:42 → 01:23:44 เราควรจะปรับโปรตีน
01:23:45 → 01:23:46 นะครับแต่ปรับ
01:23:46 → 01:23:51 ปรับให้ให้หลายมื้อแล้วก็
01:23:51 → 01:23:55 อาจจะต้องเพิ่มขึ้นอีกนิดนึงด้วย
01:23:55 → 01:23:58 ส่วนเนื้อมุงน้ำมันอะไรต่างๆก็คงที่
01:23:58 → 01:24:01 แต่คนน้ำหนักเยอะเนี่ยนะ
01:24:01 → 01:24:04 อันนี้อันนี้ปรับลดได้
01:24:04 → 01:24:14 ลดได้ไขมันน้ำมันน้ำมันสกัดเย็นปรับลด
01:24:14 → 01:24:15 ทีนี้ก็
01:24:15 → 01:24:19 เดี๋ยวจะยกตัวอย่างอีกนิดนึงนะ
01:24:19 → 01:24:23 ในเรื่องของการกินผิดที่แบบที่บอกเมื่อ
01:24:23 → 01:24:25 กี้เนี่ย
01:24:25 → 01:24:26 ว่า
01:24:26 → 01:24:30 ก็หลายคนน่ะเวลากินโภชนาการ low carp
01:24:30 → 01:24:33 แล้วพอไป low carte low fat
01:24:33 → 01:24:36 แล้วก็ High ปกติหรือพายอไทป์โปรตีนแล้ว
01:24:36 → 01:24:40 เขาไม่เข้าใจเรื่องของตัวโปรตีนเนี่ยนะ
01:24:40 → 01:24:43 เออเขาไม่เข้าใจเรื่องตัวโปรตีนเนี่ยแล้ว
01:24:43 → 01:24:46 ก็ไปทำโปรตีนประเภทโปรตีนที่มีไขมันต่ำ
01:24:46 → 01:24:50 ถึงต่ำมากเป็นหลักอ่ะเป็นหลักทั้งหมดเลย
01:24:50 → 01:24:53 อ่ะนะฮะมันจะเกิดความผิดปกติใน 5 เรื่อง
01:24:53 → 01:24:55 นะ
01:24:55 → 01:24:58 อันที่ 1 คือฮอร์โมนอันที่ 2 คือตับอัน
01:24:58 → 01:25:01 ที่ 3 ลำไส้อันที่ 4 กล้ามเนื้อและอันที่
01:25:01 → 01:25:05 5 สมอง
01:25:05 → 01:25:10 คือคนพวกนี้ที่เจอมาเนี่ยนะส่วนใหญ่เราจะ
01:25:10 → 01:25:11 เจอในคนที่
01:25:12 → 01:25:16 1 เป็นพวกสายแป้ง 2 จะเป็นคนที่สมส่วน
01:25:16 → 01:25:19 ค่อนผอมหรือคนผอม
01:25:19 → 01:25:23 ซึ่งคนพวกนี้แต่ไหนแต่ไรมาแล้วเนี่ย
01:25:23 → 01:25:28 ระบบร่างกายเขาหรือความความคิดความเคยชิน
01:25:28 → 01:25:32 ด้วยการปลูกฝังเนี่ยเขาก็จะมีการรับรู้ใน
01:25:32 → 01:25:35 ลักษณะการกิน
01:25:35 → 01:25:39 บางทีมันก็ถอนตัวยากหน่อยบุคคลพวกนี้มี
01:25:39 → 01:25:41 ลักษณะอย่างไร
01:25:41 → 01:25:48 คนพวกนี้ก็คือมีกล้ามน้อยนะ
01:25:48 → 01:25:50 พวกนี้มักจะ
01:25:50 → 01:25:54 มักจะมีแนวโน้มออกกำลังกายน้อย
01:25:54 → 01:25:58 นะ
01:25:58 → 01:26:01 หรือบางทีก็ไม่ได้
01:26:01 → 01:26:03 ก็ไม่ได้มากมายเลยต่างๆเขายังไม่เข้าสู่
01:26:03 → 01:26:08 วงการแล้วก็มามาเจอแนวทางที่ว่าจะต้อง
01:26:08 → 01:26:11 เวรต้องคาร์ดิโอต้อง resistance Training
01:26:11 → 01:26:13 ต้องยึดอะไรอย่างนี้
01:26:13 → 01:26:15 แล้วเขาก็คิดว่า
01:26:15 → 01:26:19 ก็แค่ออกกำลังกายนิดๆหน่อยๆก็แล้ว
01:26:19 → 01:26:22 พวกนี้มีแนวโน้มกินพลังงานต่ำ
01:26:22 → 01:26:25 แล้วมันจะกินออกไปทันทีนะคือมีการกลัวไข
01:26:25 → 01:26:28 มันแบบที่พูดกันไป
01:26:28 → 01:26:31 พวกนี้จะนอนไม่ค่อยหลับ
01:26:31 → 01:26:36 หรือจะหลับจับไม่ดีเลยหลับไม่ดีนะ
01:26:36 → 01:26:39 อาจจะมีพุงนะ
01:26:39 → 01:26:41 แต่เป็นลักษณะภูมิ
01:26:41 → 01:26:42 ภูมิด้านล่าง
01:26:42 → 01:26:45 พุงใต้
01:26:45 → 01:26:48 พวกนี้มีแนวโน้มที่จะกินแป้งกินน้ำตาลกิน
01:26:48 → 01:26:50 หวานกินผลไม้
01:26:50 → 01:26:52 [ปรบมือ]
01:26:52 → 01:26:54 กินน้ำเต้าหู้
01:26:54 → 01:27:07 หรือกินอาหารแปรรูป
01:27:07 → 01:27:09 เวลาเขามากินโปรตีนเนี่ย
01:27:09 → 01:27:12 เขาก็มักจะไม่ได้เลือกโปรตีนที่จะมีไขมัน
01:27:12 → 01:27:13 สูง
01:27:13 → 01:27:17 หรือสูงมาก
01:27:17 → 01:27:22 ถ้าเกิดเขากินปลากินอกไก่กินเนื้อรินๆกิน
01:27:22 → 01:27:27 หมูสันในเอ่อกินไข่ขาวเยอะๆกินไข่แดงลูก 2
01:27:27 → 01:27:29 ลูกอะไรเงี้ยแทนที่จะกินทั้งฟองอะไรต่างๆ
01:27:29 → 01:27:30 ครับ
01:27:30 → 01:27:33 อันที่ 1 เลยนะ
01:27:33 → 01:27:35 ยังไงอ่ะ
01:27:35 → 01:27:37 กลุ่มพวกนี้
01:27:37 → 01:27:41 เป็นโปรตีนไขมันต่ำแล้วไขมันที่มีส่วน
01:27:41 → 01:27:44 ใหญ่จะค่อนข้างโน้มเอียงไปทางไขมันไม่
01:27:44 → 01:27:49 อิ่มตัวไขมันอิ่มตัวก็จะน้อยลง
01:27:49 → 01:27:52 เพราะเมื่อกินไปเนี่ยในความรู้สึกเขาก็
01:27:52 → 01:27:56 เรียกว่ากินพอแล้วกินถึงแล้วกินอิ่มแล้ว
01:27:56 → 01:27:59 แต่ร่างกายเนี่ยร่างกายหรือกายเนื้อกาย
01:27:59 → 01:28:02 หยาบ
01:28:02 → 01:28:04 และกายละเอียดด้วย
01:28:04 → 01:28:08 เขาก็จะบอกว่าไม่ถึงมันไม่พอมันไม่อิ่ม
01:28:08 → 01:28:13 คือคำว่าไขมันไม่อิ่มตัวเนี่ย
01:28:13 → 01:28:15 ไขมันไม่อิ่มตัวมันก็คือไม่อิ่ม
01:28:15 → 01:28:16 นะ
01:28:16 → 01:28:19 ส่วนไขมันอิ่มตัวมันก็คืออิ่มอ่ะตาม
01:28:19 → 01:28:20 commones
01:28:20 → 01:28:23 เพราะฉะนั้นคุณกินโปรตีนที่มีไขมันอิ่ม
01:28:23 → 01:28:26 ตัวเยอะหรือปานกลางอะไรต่างๆความอิ่ม
01:28:27 → 01:28:29 เนี่ยความพอดีความครบถ้วนศาลทหารมันก็จะ
01:28:29 → 01:28:30 เยอะ
01:28:30 → 01:28:32 แต่ถ้าพวกไม่อิ่ม
01:28:32 → 01:28:36 นะเช่นอยากที่กินกันเนี่ยที่กินปลากินอก
01:28:36 → 01:28:40 ไก่กินเนื้อดิบอ่ะมันไม่อิ่ม
01:28:40 → 01:28:44 อย่างข้อมูลเนี่ยเขาบอกว่าไข่ 1 ส่วนไข่
01:28:44 → 01:28:49 ที่เทียบเท่าโปรตีน 1 ส่วนก็คือ 1 ลูก
01:28:49 → 01:28:54 มันก็จะมีโปรตีน 7 กรัมมีไขมัน 5 กรัม
01:28:54 → 01:28:57 ไข่ที่เป็นโปรตีนไขมันปานกลาง
01:28:57 → 01:29:00 แต่ถ้าคุณกินปลานะ
01:29:00 → 01:29:11 30 กรัม
01:29:11 → 01:29:15 ไข่มี 5 นะปลามี 1 กำ
01:29:15 → 01:29:22 ถ้าเป็นโปรตีนไขมันต่ำมาก
01:29:22 → 01:29:24 แล้วก็สัดส่วนของไขมันที่ไม่อิ่มตัวจะ
01:29:24 → 01:29:31 เยอะสัดส่วนของไขมันอีกตัวจะน้อย
01:29:31 → 01:29:34 หรือกินโปรตีนไขมันต่ำแบบที่บอกเนี่ยคุณ
01:29:34 → 01:29:38 ก็จะร่างกายเนี่ยร่างกายมันก็ตีความมาว่า
01:29:38 → 01:29:42 ไม่มีพลังงานและ of Energy ขาดพลังงาน
01:29:42 → 01:29:44 ขาดพลังงานไม่มีแรง
01:29:44 → 01:29:47 ไม่มีแรง
01:29:47 → 01:29:51 ซึ่งตัวละคร sensitive ที่สุดเลยต่อใน
01:29:51 → 01:29:54 ลักษณะการเปลี่ยนแปลงแบบนี้คือไทรอยด์
01:29:54 → 01:29:57 ไทรอยด์ก็จะไปก่อนเลย
01:29:57 → 01:30:06 เพราะพลังงานมันน้อย
01:30:06 → 01:30:13 เพราะมันไม่อิ่มอ่ะ
01:30:13 → 01:30:16 ขาดพลังงานแม่ก็ต้องมา
01:30:16 → 01:30:19 เพื่อคล้ายๆมาหาพลังงาน
01:30:19 → 01:30:22 จากน้ำตาลไกลโคเจนจะมาเอาจากไขมันจะมาเอา
01:30:22 → 01:30:29 จากโปรตีนอะไรก็ตามไปลอยต่ำคอติซอลสูง
01:30:29 → 01:30:32 ทีนี้ผลในลักษณะนี้
01:30:32 → 01:30:34 นะโดยเฉพาะผลไทรอยด์ต่ำ
01:30:34 → 01:30:36 มันจะมีผลอะไร
01:30:36 → 01:30:39 มันก็ไปทำให้รีเซ็ตเตอร์ที่ต่ำ
01:30:39 → 01:30:40 หายไป
01:30:40 → 01:30:42 ครับ
01:30:42 → 01:30:45 เวลาร่างกายเนี่ย
01:30:45 → 01:30:48 เผาผลาญพลังงานอะไรต่างๆแล้วเนี่ย
01:30:48 → 01:30:52 ldl คอเลสเตอรอลไม่มีที่ไป
01:30:52 → 01:30:55 ตามรีเซ็ตเตอร์ที่ต่ำหายไปเพราะฉะนั้น
01:30:55 → 01:30:58 เวลาเจาะ Lap พวกนี้ ldl ก็ขึ้น
01:30:58 → 01:31:06 เนื่องจากการกินปกติ
01:31:06 → 01:31:10 ปกติตับเนี่ยเขาจะเอาคอเลสเตอรอลไปสร้าง
01:31:10 → 01:31:11 น้ำดี
01:31:11 → 01:31:14 คือการที่ตับมี receptor เพื่อที่จะให้
01:31:14 → 01:31:21 ไอ้ตัว ldl เนี่ยที่ Lip
01:31:21 → 01:31:24 ก็จะมีการส่งผ่านไอ้ตัวคอเลสเตอรอลออกภาย
01:31:24 → 01:31:28 นอกจากระบบเลือดครับเขาก็จะต้องเอาไปแปลง
01:31:28 → 01:31:31 เป็นน้ำดีนะ
01:31:31 → 01:31:34 เพื่อจะเอาคอเลสเตอรอลเข้าไปสู่ลำไส้
01:31:34 → 01:31:37 เพื่อจะได้ขับถ่ายทิ้ง
01:31:37 → 01:31:40 แต่ทีนี้ถ้าเราทำอย่างนี้นะ
01:31:40 → 01:31:43 การที่ตับมันไม่สามารถที่จะเอา
01:31:43 → 01:31:46 คอเลสเตอรอลเข้าเซลล์ตับเพื่อจะไปเป็นน้ำ
01:31:46 → 01:31:49 ดีได้
01:31:49 → 01:31:53 น้ำดีก็สร้างยากสร้างไม่ได้
01:31:53 → 01:31:57 ขอคอเลสเตอรอลก็อยู่ในกระแสเลือด
01:31:57 → 01:32:00 ไม่ถูกระบายออก
01:32:00 → 01:32:05 เพราะว่าน้ำดีเนี่ยมันจะเป็นตัว
01:32:05 → 01:32:10 มันจะเป็นน้ำย่อยอ่ะตัวสำคัญมากอ่ะนะ
01:32:10 → 01:32:13 ที่จะออกมาแล้วก็
01:32:13 → 01:32:16 คือถ้าเรามีไขมันเนี่ยนะไขมันมันจะเป็น
01:32:16 → 01:32:20 ตัวกระตุ้นการสร้างน้ำดีของตับอยู่แล้ว
01:32:21 → 01:32:24 แต่ถ้าเรากินอาหารที่มีไขมันต่ำ
01:32:24 → 01:32:27 มันก็ไม่สร้าง
01:32:27 → 01:32:30 ไม่สร้างเอาน้ำดีไม่ออกเนี่ยการย่อยอาหาร
01:32:30 → 01:32:37 ที่มีไขมันอะไรต่างๆมันจะไม่สมบูรณ์
01:32:37 → 01:32:41 อีกอย่างนึงการที่เราไปกินตั้งใจกิน
01:32:41 → 01:32:45 โปรตีนไขมันน้อยพวกนี้
01:32:45 → 01:32:48 เวลาเรากินเนี่ยร่างกายหรือตับเนี่ยเขาก็
01:32:48 → 01:32:49 จะรับรู้เลย
01:32:49 → 01:32:53 นะเพราะว่าเรากินของที่มันไม่อิ่มตัว
01:32:53 → 01:32:59 มันไม่อิ่มมันไม่อิ่มมันก็ไม่สั้น
01:32:59 → 01:33:05 มันไม่สร้างน้ำดีอ่ะ
01:33:05 → 01:33:08 พอไม่สร้างน้ำดีน้ำดีไม่สามารถที่จะเป็น
01:33:08 → 01:33:12 ตัวขับถ่ายของเสียหรือขับถ่ายอุจจาระได้
01:33:12 → 01:33:14 เราก็จะท้องผูก
01:33:14 → 01:33:17 มันระบายไม่ออก
01:33:17 → 01:33:20 แล้วเมื่อกี้บอกว่า
01:33:20 → 01:33:21 ไทรอยด์ต่ำ
01:33:21 → 01:33:23 ข้อที่ 2 สูง
01:33:23 → 01:33:26 เนี่ยเขามีผลนะฮะ
01:33:26 → 01:33:31 ต่อการสร้างน้ำย่อยต่างๆของกระเพาะของตับ
01:33:31 → 01:33:35 ของตับอ่อนอะไรต่างๆหมดเลยน้ำย่อยจะถูก
01:33:36 → 01:33:39 สร้างน้อยถ้าเกิดร่างกายเครียดเพราะพลัง
01:33:39 → 01:33:42 งานไม่พอแล้วคอติซอลเข้ามา
01:33:42 → 01:33:45 น้ำดีก็สร้างน้อยนะ
01:33:45 → 01:33:49 น้ำย่อยอะไรต่างๆน้อยไปหมดเลยนะ
01:33:49 → 01:33:54 ร่างกายก็จะเกิดวงจรของการขาดสารอาหารขาด
01:33:54 → 01:33:59 วิตามินอะไรต่างๆร่วมด้วย
01:33:59 → 01:34:02 แล้วลำไส้ลำไส้
01:34:02 → 01:34:05 ลำไส้เนี่ยปกติ
01:34:05 → 01:34:08 เขาจะมีการขับคอเลสเตอรอลออกจะขับออกได้
01:34:08 → 01:34:12 ดีต่อเมื่อมีน้ำดีจากถุงน้ำดีจากตับ
01:34:12 → 01:34:14 มากระตุ้น
01:34:14 → 01:34:18 แต่ถ้าน้ำดีมันออกมาน้อย
01:34:18 → 01:34:20 ถ้าน้ำดีมันออกมาน้อยอันนี้ต้มยำเลยนะฮะ
01:34:20 → 01:34:22 นะ
01:34:22 → 01:34:25 จะเกิดการหมุนเวียนกลับของคอเลสเตอรอล
01:34:25 → 01:34:28 เข้าสู่ร่างกาย
01:34:28 → 01:34:31 ไม่ถูกขับออกนะ
01:34:31 → 01:34:35 ไม่ถูกขับออก
01:34:36 → 01:34:40 คือปกติเนี่ยถ้าน้ำดีออกมาเยอะนะ
01:34:40 → 01:34:44 น้ำดีที่เยอะๆเนี่ยเขาจะเอาไอ้ตัวเกลือ
01:34:44 → 01:34:48 น้ำดีที่มันอยู่ในลำไส้เนี่ยกับเข้าสู่
01:34:48 → 01:34:49 ร่างกาย
01:34:49 → 01:34:52 เรือน้ำดีก็คือน้ำ
01:34:52 → 01:34:56 บวกกับไอ้ตัวน้ำย่อยที่เป็นน้ำดี
01:34:56 → 01:35:01 อยู่ในลูกของเกลือหรือบ่ายสอง
01:35:01 → 01:35:02 อันนี้
01:35:02 → 01:35:06 กลับเข้าสู่ร่างกาย
01:35:06 → 01:35:10 แต่ถ้าเกิดมันออกมาน้อยเนี่ยนะ
01:35:10 → 01:35:13 เขาจะเอาคอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกาย
01:35:13 → 01:35:17 มันก็จะสวนทางกันแล้วก็ท้องก็ผูกอีกนะ
01:35:17 → 01:35:21 ยิ่งท้องผูกเท่าไหร่นะการดูดกลับของ
01:35:21 → 01:35:23 คอเลสเตอรอลก็จะเพิ่มขึ้น
01:35:23 → 01:35:26 เพราะฉะนั้นในที่สุดแล้วเนี่ยคอเลสเตอรอล
01:35:26 → 01:35:28 ก็ไม่ไปไหนอ่ะก็ค้างอยู่ในกระแสเลือดอยู่
01:35:28 → 01:35:31 อย่างนั้นน่ะเหตุเพราะว่าการตั้งต้นก็คือ
01:35:31 → 01:35:33 การกิน
01:35:33 → 01:35:39 โปรตีนที่มันมีไขมันน้อยเกินไป
01:35:39 → 01:35:41 ข้อที่ 4 เนี่ยนะ
01:35:42 → 01:35:43 พวกโปรตีน
01:35:43 → 01:35:46 ที่เป็นโปรตีนจากสัตว์เล็กๆไม่ใช่สัตว์
01:35:46 → 01:35:48 ใหญ่นะครับ
01:35:48 → 01:35:52 มันจะเอามาแปลงเป็นโปรตีนในร่างกายอ่ะโดย
01:35:52 → 01:35:56 เฉพาะการสร้างกล้ามเนื้อเนี่ยไม่ดีคือ
01:35:56 → 01:35:57 มนุษย์จะเป็นสัตว์และเป็นสัตว์เลี้ยงลูก
01:35:57 → 01:36:02 ด้วยนมเป็นสัตว์บกเรามี 2 ขา 2 แขนสองมือ
01:36:02 → 01:36:04 มันก็เหมือนเป็นสัตว์ 4 ตีน
01:36:04 → 01:36:08 ถ้าโปรตีนเนี่ยที่ร่างกายมันจะเอาไปต่อ
01:36:08 → 01:36:11 ชีวิตเราได้เนี่ยมันควรจะเป็นโปรตีนแบบ
01:36:11 → 01:36:12 ไหน
01:36:12 → 01:36:15 ก็แบบสัตว์แบบที่อยู่ในอาณาจักรสัตว์
01:36:15 → 01:36:18 เดียวกันน่ะของการเลี้ยงลูกด้วยนม
01:36:18 → 01:36:23 แต่นี้เราไปเลือกกินสัตว์เล็กหรือกินเป็น
01:36:23 → 01:36:25 สัตว์เล็กที่ไม่มีไขมันอะไรดังที่ว่า
01:36:25 → 01:36:29 เนี่ยเรากินไม่ถูกนะ
01:36:29 → 01:36:31 เมื่อเรากินไม่ถูกเนี่ยมันก็ยาก
01:36:31 → 01:36:33 ยาก
01:36:33 → 01:36:36 เพราะฉะนั้นตัวคอเลสเตอรอลก็ดีตัวโปรตีน
01:36:36 → 01:36:39 ก็ดีนะคือการสร้างกล้ามเนื้อเนี่ยอวัยวะ
01:36:39 → 01:36:41 ที่สร้างกล้ามเนื้อ
01:36:41 → 01:36:44 มันจะต้องมีทั้งคอเลสเตอรอลมีทั้งโปรตีน
01:36:44 → 01:36:49 นะในรูปแบบที่เป็นโปรตีนที่เอาไปสร้าง
01:36:49 → 01:36:51 กล้ามเนื้อได้ง่ายๆ
01:36:51 → 01:36:53 นะไม่ใช่เป็นโปรตีนจากสัตว์เล็กๆนะฮะไม่
01:36:53 → 01:36:57 ใช่กินปลากินอกไก่แล้วมันจะเกิด
01:36:57 → 01:37:01 กล้ามเนื้อนะที่ดีได้นะ
01:37:01 → 01:37:03 คือทั้งโปรตีนทั้งคอเลสเตอรอลที่จะไป
01:37:03 → 01:37:06 สร้างกล้ามเนื้อใหม่ของตัวเรา
01:37:06 → 01:37:09 อย่างน้อยตัวโปรตีนมันต้องเป็นโปรตีนที่
01:37:09 → 01:37:13 ทัดเทียมกันคือเราต้องกินหมูกินวัวกิน
01:37:13 → 01:37:16 สัตว์ใหญ่
01:37:16 → 01:37:18 เพราะมัวแต่ไปกินโปรตีนจากสัตว์เล็กๆมัน
01:37:18 → 01:37:23 ห่างกันมันห่างใช่ไหมล่ะ
01:37:23 → 01:37:29 มันก็เลยสร้างยากสร้างยาก
01:37:29 → 01:37:32 แล้วทีนี้ไอ้ตัวคอเลสเตอรอลที่จะมาสร้าง
01:37:32 → 01:37:35 กล้ามเนื้อเนี่ยนะ
01:37:35 → 01:37:38 เราพอเข้าใจแล้วว่าร่างกายเนี่ยมันมันมี
01:37:38 → 01:37:42 การสร้าง Connection จาก 2 รูปแบบ
01:37:42 → 01:37:45 ก็คือ 1 รูปแบบของการสะสมพลังงานกับการ
01:37:45 → 01:37:49 สลายพลังงานเวลาเราจะสร้างกล้ามเนื้อเรา
01:37:49 → 01:37:51 ก็ต้องมีคอเลสเตอรอลมีโปรตีนแล้วก็มีสาร
01:37:51 → 01:37:54 อาหารรอง
01:37:54 → 01:37:58 รูปแบบไหนล่ะที่เราจะไปสร้างกล้ามเนื้อ
01:37:58 → 01:38:02 เราจะใช้คอเลสเตอรอลแบบไหน
01:38:02 → 01:38:03 อันนี้อยากรู้
01:38:03 → 01:38:04 เออ
01:38:04 → 01:38:07 ก็มันก็มีเนี่ยคุณจะเอาคอเลสเตอรอลในฝั่ง
01:38:07 → 01:38:14 สะสมพลังงานไปสร้างหรือเอาฝั่งยังไง
01:38:14 → 01:38:18 เรากินเนี่ยนะแล้วกินแบบไหนอ่ะที่มันเกิด
01:38:18 → 01:38:22 คอเลสเตอรอลในฝั่งสะสมพลังงานหรือที่เขา
01:38:22 → 01:38:24 เรียกว่าไม่ดี
01:38:24 → 01:38:28 ก็คือเรากินที่มันไปกระตุ้นไอ้พวกฮอร์โมน
01:38:28 → 01:38:34 อินซูลินออกมาครับเป็น Sugar berner
01:38:34 → 01:38:38 พวกนี้ร่างกายมันก็จะสร้างคอเลสเตอรอล
01:38:38 → 01:38:41 ถ้าเป็นคอเลสเตอรอลโมเลกุลก็เป็น type B
01:38:41 → 01:38:46 อ๋อครับแต่ถ้าเรากินในฝั่งที่เป็นน้ำมัน
01:38:46 → 01:38:49 สกัดเย็นกิน
01:38:49 → 01:38:53 High โปรตีนแล้วก็มีไขมันเยอะๆอะไรอย่าง
01:38:53 → 01:38:54 นี้
01:38:54 → 01:38:58 การกินแบบนี้เนี่ยฮอร์โมนลูกเทพออกมา
01:38:58 → 01:39:02 ก็จะมีการสร้างคลอเรสเตอรอล
01:39:02 → 01:39:06 แต่ก็จะเป็นคอเลสเตอรอลไทย A
01:39:06 → 01:39:09 แล้วร่างกายก็ฝั่งนี้ร่างกายก็จะเผาผลาญ
01:39:09 → 01:39:14 พลังงานแล้วเอาไปซ่อม
01:39:14 → 01:39:16 หรือได้เป็นเงินงานจาก
01:39:16 → 01:39:19 พวกนี้ไปสร้างกล้ามเนื้อ
01:39:19 → 01:39:23 พร้อมทั้งเป็นคอเลสเตอรอลที่เป็น type A
01:39:23 → 01:39:26 ก็ทำอย่างนี้เนี่ยเอ่อเราจะสร้างกล้าม
01:39:27 → 01:39:31 เนื้อได้ได้เยอะด้วยได้ดีด้วย
01:39:31 → 01:39:34 แต่ถ้าเป็นอีกฝั่งนึงเนี่ยที่เป็นการกิน
01:39:34 → 01:39:38 พวกค้าบหรือเป็นการกิน
01:39:38 → 01:39:41 ไขมันกินโปรตีนอะไรต่างๆที่ไม่ค่อยถูก
01:39:41 → 01:39:42 ต้อง
01:39:42 → 01:39:45 มันก็จะได้เป็น type B
01:39:45 → 01:39:46 แล้วพวกนี้
01:39:46 → 01:39:52 มันก็ไม่ค่อยสร้างกล้ามเนื้อด้วยมันหยุด
01:39:52 → 01:39:53 เพราะว่าอินซูลินนี่
01:39:53 → 01:39:57 เขาเขาสะสมอย่างเดียวไง
01:39:57 → 01:39:59 เขาไม่สร้าง
01:40:00 → 01:40:03 อ้าวเหรอครับ
01:40:03 → 01:40:04 อันนี้หมายถึง
01:40:04 → 01:40:09 กล้ามเนื้อนะ
01:40:09 → 01:40:12 ครับพี่
01:40:12 → 01:40:15 ฮอร์โมนตัวที่สร้างกล้ามเนื้อก็คือ
01:40:15 → 01:40:19 ก็คือ Ghost ฮอร์โมนหรือลูกของ IG F1
01:40:19 → 01:40:26 แล้วก็
01:40:26 → 01:40:30 แต่เป็นอินซูลินในตอนเย็นน่ะนะที่เป็นการ
01:40:30 → 01:40:35 กิน
01:40:35 → 01:40:41 ตอนมื้อแรกมื้อกลางวัน
01:40:41 → 01:40:43 อืมซึ่ง
01:40:43 → 01:40:47 ต้องกินคอเลสเตอรอลเยอะๆอยู่แล้วนะ
01:40:47 → 01:40:49 เพราะว่าตัวนี้เนี่ยมันเป็นฮอร์โมนที่
01:40:49 → 01:40:52 ต้องมาจากตัวคอเลสเตอรอล
01:40:52 → 01:40:56 อ๋อครับก็มาจากคอเลสเตอรอลอีกเพราะฉะนั้น
01:40:56 → 01:40:58 มื้อเย็นกินอะไรอ่ะที่ได้คอเลสเตอรอลเยอะ
01:40:58 → 01:41:01 ๆนะ
01:41:01 → 01:41:05 ก็กินประเภทที่บอกไปเมื่อกี้เนี่ยกินหอย
01:41:05 → 01:41:07 กินปูกินกุ้ง
01:41:07 → 01:41:12 กินไข่
01:41:12 → 01:41:16 ครับ
01:41:16 → 01:41:19 คือการสร้างกล้ามเนื้อนะฮะการสร้างกล้าม
01:41:19 → 01:41:21 เนื้อเนี่ยแต่ว่ามัน
01:41:21 → 01:41:25 ในแง่ของการเผาผลาญพลังงานเนี่ยนะ
01:41:25 → 01:41:28 ร่างกายมีโครงสร้างที่จะเผาผลาญพลังงาน
01:41:28 → 01:41:32 หลักๆเลยคือ 2 เรื่องคือตับกับกล้ามเนื้อ
01:41:32 → 01:41:35 โดยทั่วไปแล้วร่างกายจะให้ความสำคัญต่อ
01:41:35 → 01:41:38 เรื่องของการเผาผลาญพลังงานหรือการสร้าง
01:41:38 → 01:41:42 พลังงานเนี่ยกับตับเนี่ยเป็นอวัยวะที่
01:41:42 → 01:41:44 สำคัญที่สุด
01:41:44 → 01:41:48 นะส่วนกล้ามเนื้อเนี่ยเป็นเรื่องรองลงมา
01:41:48 → 01:41:51 อย่างกล้ามเนื้อที่เราพูดไปเนี่ยนะถ้าเรา
01:41:51 → 01:41:55 อยากจะสร้างจริงๆเนี่ยมันก็ต้องมีโปรตีน
01:41:55 → 01:42:00 มีคอเลสเตอรอลแล้วก็มีพลังงานแล้วก็มีการ
01:42:00 → 01:42:04 ทำงานของฮอร์โมนลูกเทพ
01:42:04 → 01:42:10 โซนโซโลนแล้ว
01:42:10 → 01:42:12 ซึ่งบางครั้งเนี่ย
01:42:12 → 01:42:16 มันไม่ได้แปลว่าทุกคนน่ะจะทำได้ดีเสมอไป
01:42:16 → 01:42:18 ฉะนั้นเนี่ย
01:42:18 → 01:42:21 แหล่งจริงๆแล้วในการที่จะเผาผลาญพลังงาน
01:42:21 → 01:42:24 ที่ดีคือตับๆๆ
01:42:24 → 01:42:25 นะ
01:42:25 → 01:42:27 อีกอย่างหนึ่งในเรื่องของกล้ามเนื้อเนี่ย
01:42:27 → 01:42:31 ลืมพูดไปเมื่อกี้นี้ว่าเวลาคุณจะสร้าง
01:42:31 → 01:42:33 กล้ามเนื้อเนี่ยมันไม่ได้อยู่เฉยๆแล้วก็
01:42:33 → 01:42:36 ทุกๆสิ่งทุกอย่างเนี่ยมันจะเอาสารอาหาร
01:42:36 → 01:42:39 เอาฮอร์โมนแล้วไปสร้าง
01:42:39 → 01:42:41 คุณก็ต้องมีเงื่อนไขเช่นคุณต้องไป
01:42:41 → 01:42:46 Exercise
01:42:46 → 01:42:49 อะไรก็ตาม
01:42:49 → 01:42:52 ถามว่าการทำอย่างนี้
01:42:52 → 01:42:53 มันเครียด
01:42:53 → 01:42:56 แล้วใครมาขอที่ซ่อนมา
01:42:56 → 01:42:57 [เพลง]
01:42:57 → 01:43:03 แล้วเขาก็จะเบรกเทสโซโลนเบรคฮอร์โมน
01:43:03 → 01:43:06 มันไม่เสมอไปงานที่เราจะสร้างอะไรกล้าม
01:43:06 → 01:43:10 เนื้อล่ะได้ง่ายๆเพราะเขามาเวลาเรา
01:43:10 → 01:43:12 Exercise
01:43:12 → 01:43:16 แต่ถ้าเราทำเป็นเรามีองค์ความรู้เราเข้า
01:43:16 → 01:43:18 ใจอะไรอย่างนี้
01:43:18 → 01:43:22 เราลดการมาของคอเลสเตอรอลได้เนี่ยเราก็
01:43:22 → 01:43:24 สร้างกล้ามเนื้อได้
01:43:24 → 01:43:26 ก็เลยต้องมีการเรียนรู้ว่า
01:43:26 → 01:43:29 แต่ถ้าเกิดว่าทั่วๆไปแล้ว
01:43:29 → 01:43:32 ถ้าจะเผาผลาญพลังงานแล้วก็
01:43:33 → 01:43:38 อินซูลินคอร์ติซอลไม่ต้องมาเยอะๆนะก็ตัด
01:43:38 → 01:43:43 นะ
01:43:43 → 01:43:50 แล้วเขาจะเผาผลาญพลังงานเมื่อไหร่อ่ะ
01:43:50 → 01:43:53 ก็เมื่อมีฮอร์โมนลูกเทพมา
01:43:53 → 01:43:56 จังหวะมื้อแรกอ่ะ
01:43:56 → 01:44:00 คุณก็ให้ตับกินโปรตีนกินไขมันไม่กินครับ
01:44:00 → 01:44:04 ไม่กินครับเนี่ยเอ่ออินซูลินก็ไม่มาแล้ว
01:44:04 → 01:44:08 กินโปรตีนกินไขมันดีกินน้ำมันสกัดเย็นกิน
01:44:08 → 01:44:12 น้ำสลัดทีออยฮอร์โมนลูกเทพก็มาแล้ว
01:44:12 → 01:44:13 ถ้ามาแบบเนี้ย
01:44:13 → 01:44:16 ตับเขาเผาผลาญพลังงานเข้าคีโตเศษสร้าง
01:44:16 → 01:44:18 คีโตน
01:44:18 → 01:44:24 ดีไหมล่ะ
01:44:24 → 01:44:26 ครับคำนี้
01:44:26 → 01:44:30 แล้วก็โฟกัสไปที่ตับนะให้ครบเผาผลาญพลัง
01:44:30 → 01:44:34 งานให้เขาสร้างคีโตนได้นะแทบจะทั้งวัน
01:44:34 → 01:44:35 ทั้งคืนเลย
01:44:35 → 01:44:44 นะ
01:44:44 → 01:44:47 ตับถึงจะ
01:44:47 → 01:44:49 เผาผลาญพลังงานได้ดี
01:44:49 → 01:44:54 ก็ทำให้ f นะ
01:44:54 → 01:44:54 นะ
01:44:54 → 01:44:56 เพราะฉะนั้นกินให้เป็นนะ
01:44:56 → 01:45:02 ทำ If ให้ถูกออกกำลังกายให้ให้เหมาะสม
01:45:02 → 01:45:07 ตับมันก็จะเบิร์นๆๆทั้งวัน
01:45:07 → 01:45:10 คือทั้งปรับทั้งกล้ามเนื้อเนี่ยนะฮะนะ
01:45:10 → 01:45:14 เวลาเขาเผาผลาญเวลาเขาซ่อมแซมตัวเขาอ่ะนะ
01:45:14 → 01:45:18 เขาจะต้องเอาคอเลสเตอรอลไปซ่อม
01:45:18 → 01:45:21 คอเลสเตอรอลมันเป็นตัวซ่อมเป็นปาสเตอร์ยา
01:45:21 → 01:45:23 อยู่แล้ว
01:45:23 → 01:45:26 เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวนะ
01:45:26 → 01:45:30 การที่เราทำอะไรต่ออะไรมาผิดๆนะแล้ว
01:45:30 → 01:45:34 คอเลสเตอรอลมันเยอะ ldl มันเยอะนะแม้ว่า
01:45:34 → 01:45:37 เราจะกินคีโตโรคัพเราจะใช้โภชนาการคราบ
01:45:37 → 01:45:40 ต่ำทำ If ออกกำลังกายแล้ว
01:45:40 → 01:45:42 แต่ผล Lab
01:45:42 → 01:45:44 ไอ้ตัว ldl มันสูงตัวเต้าคอเลสเตอรอลมัน
01:45:44 → 01:45:48 สูง hdl บางคนสูงบางคนไม่สูงอย่างนี้
01:45:48 → 01:45:51 แล้วจะทำยังไงทำยังไงช่วยหน่อยจะต้องกิน
01:45:51 → 01:45:57 ยาลดไขมันไหมมันก็เป็นปัญหาชั่วกัลปาวสาน
01:45:57 → 01:45:58 [เพลง]
01:45:58 → 01:46:01 ๆรู้รายละเอียดเกี่ยวกับว่าจะกินให้เป็น
01:46:01 → 01:46:03 กินให้ถูก
01:46:03 → 01:46:07 ถ้าไม่ถูกแล้วมันจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
01:46:07 → 01:46:11 มันจะมีแนวทางออกนะฮะนะเนี่ยมีแนวทางออก
01:46:11 → 01:46:13 เออ
01:46:13 → 01:46:17 นะแล้วเราใช้โครงสร้างของร่างกายอ่ะเออใน
01:46:17 → 01:46:20 การเผาผลาญในการจัดการพลังงานในการจัดการ
01:46:20 → 01:46:24 คอเลสเตอรอลให้เป็นเนี่ย
01:46:24 → 01:46:26 เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเกิดเรามีข้อจำกัดใน
01:46:26 → 01:46:29 เรื่องการออกกำลังกายเรื่องของกล้ามเนื้อ
01:46:29 → 01:46:32 เอ้อคุณจะสร้างกล้ามเนื้ออะไรต่างๆหรือ
01:46:32 → 01:46:35 ข้อจำกัดของบอดี้ไทยเอ่อมันสร้างยากสร้าง
01:46:35 → 01:46:39 เย็นเหลือเกินนะแล้วก็เอ่อรูปร่างอีกทั้ง
01:46:39 → 01:47:24 พร้อมทั้ง
01:47:24 → 01:47:27 ออกมาอย่างเงี้ย
01:47:27 → 01:47:30 ครับ
01:47:30 → 01:47:33 เพราะถ้าบางทีหวังพึ่งกล้ามเนื้อเนี่ย
01:47:33 → 01:47:36 มันมีแม่มาด้วยคนจะมา
01:47:36 → 01:47:38 [เพลง]
01:47:38 → 01:47:39 แต่ถ้าตับเนี่ย
01:47:39 → 01:47:43 เราไม่ไม่ใส่โปรตีนไม่ใส่ไขมันที่ผิดนะฮะ
01:47:43 → 01:47:46 คือหมายถึงเรา low calf เหรอเนี่ย
01:47:46 → 01:47:49 ไม่ไปแหย่เขาอ่ะนะ
01:47:49 → 01:47:51 คุณจะไปแหย่ตับ
01:47:51 → 01:47:54 เอ่อคุณจะไปแหย่คอติซอลเนี่ยที่จะมีผลต่อ
01:47:54 → 01:47:58 ตับเนี่ยก็คือคุณใส่โปรตีนไม่ถูกอ่ะคือ
01:47:58 → 01:48:08 เป็นโปรตีนประเภทโปรตีนแปรรูปอ่ะ
01:48:08 → 01:48:12 ไปใส่ไขมันแปรรูปเป็นใส่น้ำมันพืชไปใส่ไข
01:48:12 → 01:48:16 มันเทียมมาการีนอะไรพวกนี้
01:48:16 → 01:48:20 หรือไปใส่สารอาหารที่เป็นผงนู่นผงนี้แปร
01:48:20 → 01:48:35 รูปอร่อยแซ่บหลายแซ่บหลาย
01:48:35 → 01:48:40 แล้วมันกลายเป็นได้คอเลสเตอรอลไม่ดี
01:48:40 → 01:48:43 เยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งจะมีผลต่อรีเซ็ตเตอร์
01:48:43 → 01:48:47 ที่ต่ำด้วย
01:48:47 → 01:48:48 นะ
01:48:48 → 01:48:51 ครับ
01:48:51 → 01:49:01 ทั้งอวัยวะทั้งฮอร์โมน
01:49:01 → 01:49:02 ครับ
01:49:02 → 01:49:05 อันนี้เราเราพอเข้าใจไหม
01:49:05 → 01:49:12 คือคุณโฟกัสนะ
01:49:12 → 01:49:16 คอเลสเตอรอลออกไปเป็นน้ำดี
01:49:16 → 01:49:19 แล้วก็กระตุ้นให้น้ำดีมันออกมาดีๆออกมา
01:49:19 → 01:49:24 เยอะๆแล้วท้องทั้งไม่ถูกเนี่ยนะมันจะถ่าย
01:49:24 → 01:49:26 คอเลสเตอรอลออกไป
01:49:26 → 01:49:31 คือถ้าท้องก็ทีนี้บอกไงว่ามันมีผลต่ออะไร
01:49:31 → 01:49:33 บ้างล่ะ 1 ฮอร์โมน
01:49:33 → 01:49:35 ฮอร์โมนก็คือ
01:49:35 → 01:49:39 คืออะไรคือข้อที่คือไทรอยด์กับคอติซอลนะ
01:49:39 → 01:49:40 [เพลง]
01:49:40 → 01:49:42 ดี
01:49:42 → 01:49:46 สร้างไม่สร้างสร้างน้อยสร้างมากลำไส้ลำ
01:49:46 → 01:49:49 ไส้ก็เป็นผลต่อเนื่องมาจากตับกับน้ำดีนี่
01:49:49 → 01:49:50 แหละ
01:49:50 → 01:49:54 ถ้าเกิดเป็นท้องผูกท้องผูกคอเลสเตอรอลมัน
01:49:54 → 01:49:57 จะตีกลับนะ
01:49:57 → 01:49:59 เพราะว่าจริงๆแล้วเนี่ย
01:49:59 → 01:50:01 ถ้าท้องไม่ผูกเนี่ย
01:50:01 → 01:50:04 ตับเขาจะไล่คอเลสเตอรอลออกแล้วก็จะดูด
01:50:04 → 01:50:08 กลับไอ้พวกเกลือน้ำดีแท้
01:50:08 → 01:50:10 หลังจากนั้นก็จะเป็นเรื่องกล้ามเนื้อ
01:50:10 → 01:50:15 อ๋อกล้ามเนื้อเนี่ยเราไปโฟกัสนักไม่ได้นะ
01:50:15 → 01:50:18 เราต้องมีความรู้เพราะไม่งั้นขอติดเศร้า
01:50:18 → 01:50:22 ก็จะออกมาด้วย
01:50:22 → 01:50:28 ย้อนกลับมาว่าจัดการที่ต่ำให้ดีๆให้ดีๆ
01:50:28 → 01:50:35 จะกินให้มันถูกจะทำ If อะไรอย่างนี้นะ
01:50:35 → 01:50:37 แล้วสุดท้ายคือสมอง
01:50:37 → 01:50:42 เพราะว่าสมองเนี่ยมันจะเป็นตัวตัดสิน
01:50:42 → 01:50:45 ว่าจะหลับหรือไม่หลับการตัดสินก็คือการ
01:50:45 → 01:50:48 หลับ
01:50:48 → 01:50:52 ถ้าทุกอย่างถูกต้องหมดเลยอ่ะมันจะหลับ
01:50:52 → 01:50:55 อย่างเช่นตอนนี้
01:50:55 → 01:51:04 ใช่ไหมยังไม่หลับพี่หมอยังอยู่ครับผม
01:51:04 → 01:51:07 ใช่ครับช่วงนี้แต่ว่าช่วงป่วยนี่รู้
01:51:07 → 01:51:10 เรื่องเลยครับช่วงป่วยหลับไม่ดีแต่ว่าตอน
01:51:10 → 01:51:19 นี้เริ่มเริ่มดีแล้วครับ
01:51:19 → 01:51:22 พี่หมอแล้วออกกำลังกายหนักแล้วก็กินโลคา
01:51:22 → 01:51:25 ด้วยเนี่ยอันนี้รู้เรื่องเลยครับนอนนอน
01:51:25 → 01:51:31 ไม่ดีคะแนนน้อยนี่ 70 80 ตลอด
01:51:31 → 01:51:37 เพราะว่าสารอาหารต้องกลับวันที่ 3 อาหาร
01:51:37 → 01:51:40 ตอนนี้สบายแล้วครับ
01:51:40 → 01:51:45 นะพฤติกรรมของการหลับที่ไม่มีคุณภาพเช่น
01:51:45 → 01:51:49 หลับยากตื่นกลางดึกเอ่อตื่นขึ้นมาแล้ว
01:51:49 → 01:51:51 หลับต่อไม่ได้เออ
01:51:51 → 01:51:55 หรือก็นอนไม่หลับทั้งคืนเลยอ่ะนะมันๆเป็น
01:51:55 → 01:51:58 แบบไม่ Deep sleep
01:51:58 → 01:52:02 หรือว่ามีนอนกรนนอนกรน
01:52:02 → 01:52:05 นอนกรนนี่ก็ถือว่าเป็นการนอนไม่หลับนอน
01:52:05 → 01:52:07 หลับไม่มีคุณภาพ
01:52:07 → 01:52:10 หรือคุณวัดด้วยนาฬิกาแล้วไง
01:52:10 → 01:52:13 แล้วมันก็บอกว่าไอ้สัดส่วนของของการหลับ
01:52:13 → 01:52:18 ไม่ดี
01:52:18 → 01:52:20 ก็มีประเด็นอย่างนึงอ่ะแต่หมอไม่ได้เขียน
01:52:21 → 01:52:24 ไว้นะฮะ
01:52:24 → 01:52:25 นะ
01:52:25 → 01:52:29 คือคอเลสเตอรอลสูงเนี่ยมันเป็นการตอบสนอง
01:52:29 → 01:52:32 ต่ออะไรบ้างในปัจจุบันเนี้ยนะฮะ
01:52:32 → 01:52:35 ที่ว่าตรวจแลปแล้วเขาเลสเตอรอลโดยเฉพาะ
01:52:35 → 01:52:38 คอเลสเตอรัลกับ ldl มันเยอะๆ
01:52:38 → 01:52:41 อันที่ 1 คือการอักเสบนะฮะ
01:52:41 → 01:52:43 ยังไม่สบายเนี่ยมันก็เป็นการรัสเซียอย่าง
01:52:43 → 01:52:44 นี้
01:52:44 → 01:52:49 เจ็บป่วยไม่สบายนะหรือเป็นการอักเสบ
01:52:49 → 01:52:53 เออรัง
01:52:53 → 01:53:09 นะ
01:53:09 → 01:53:14 คือเวลาอักเสบเนี่ยนะไอ้ตัวคอเลสเตอรอล
01:53:14 → 01:53:17 เนี่ยมันจะต้องมันจะต้องมากขึ้น
01:53:17 → 01:53:18 มากขึ้น
01:53:18 → 01:53:21 โดยอัตโนมัติเพราะว่าร่างกายก็จะต้อง
01:53:21 → 01:53:25 พยายามทั้งสร้างทั้งเก็บคอเลสเตอรอลเพื่อ
01:53:25 → 01:53:26 มา
01:53:27 → 01:53:29 แก้กันอักเสบ
01:53:29 → 01:53:32 อีกสภาวะหนึ่งก็คือสภาวะที่ร่างกายสร้าง
01:53:32 → 01:53:35 มีการสร้างฮอร์โมนลดลงเช่น
01:53:35 → 01:53:39 เช่นสูงวัยวัยทอง
01:53:39 → 01:53:41 ระบบ
01:53:41 → 01:53:44 บางอย่างของร่างกายที่มันทำงานลดลงหรือ
01:53:44 → 01:53:48 ว่ามันเสื่อมเยอะๆโดยเฉพาะระบบเพศหรือพวก
01:53:48 → 01:53:52 ต่อมหมวกไต
01:53:52 → 01:53:56 ถ้ามีลักษณะอะไรที่มันเป็นอย่างนี้นะ
01:53:56 → 01:53:59 ร่างกายก็จะมีมีอย่างเงี้ยมีการที่จะต้อง
01:53:59 → 01:54:04 คงสภาพของพวกคอเลสเตอรอลไว้เยอะๆนะ
01:54:04 → 01:54:07 เออเวลาเจาะ Lab มึงก็พุ่งอ่ะ
01:54:07 → 01:54:15 ภาวะที่มีกล้ามเนื้อน้อย
01:54:15 → 01:54:18 มันมีแนวโน้มอ่ะนะพร้อมผสมส่วนเอ่อ
01:54:18 → 01:54:22 ผายผอมตัวเล็กอะไรเงี้ยนะพวกนี้พอจะเล่า
01:54:22 → 01:54:26 เยอะอยู่แล้วนะคนไม่ออกกำลัง
01:54:26 → 01:54:29 แล้วก็คนที่นอนไม่หลับ
01:54:29 → 01:54:32 หลับยากหลับไม่ดี
01:54:32 → 01:54:37 พรุ่งนี้ตรวจ
01:54:37 → 01:54:41 คือเขาบอกว่า ldl เนี่ยแม้ว่ามันจะเป็น
01:54:41 → 01:54:45 ตัวเลขของ ldl เนี่ยมันไม่ใช่ตัวปัญหามัน
01:54:45 → 01:54:48 จะสูงมันจะต่ำมันจะน้อยมันจะมากอะไรไม่
01:54:48 → 01:54:49 ใช่ตัวปัญหา
01:54:49 → 01:54:52 อยู่ที่ตัวเรา
01:54:52 → 01:54:56 ตัวเราตัวเราคือตัวเราเนี่ย
01:54:56 → 01:55:01 จะบริหารจัดการยังไงให้ไอ้ตัว ldl ที่มัน
01:55:01 → 01:55:03 จะมากมันจะน้อยอะไรก็ตาม
01:55:03 → 01:55:07 มันเป็นประโยชน์มันไม่เป็นโทษมันไม่เป็น
01:55:07 → 01:55:11 ปัญหา
01:55:11 → 01:55:14 คือเราเราจะทำยังไงอ่ะเราก็รู้แล้วว่า
01:55:14 → 01:55:15 อ้าว
01:55:15 → 01:55:19 ถ้าเกิดว่าเราพยายามทำให้ร่างกายมีการ
01:55:19 → 01:55:22 เบิร์นไขมันดีๆ
01:55:22 → 01:55:26 มีการกินน้ำมันสกัดเย็นมีการกินโลคัทที่
01:55:26 → 01:55:31 ถูกต้องมีการทำ If มีการออกกำลังที่มี
01:55:31 → 01:55:34 ความรู้อ่ะนะฮะไม่สร้างฮอร์โมนเครียดมานะ
01:55:34 → 01:55:38 พวกเนี้ยร่างกายมันก็จะเบิร์นดีนะ ldl
01:55:38 → 01:55:42 ถึงมันจะมากมันจะน้อยมันจะเป็น type A
01:55:42 → 01:55:45 แล้วมึงก็จะไปสร้างฮอร์โมนดีๆสร้างเซลล์
01:55:45 → 01:55:50 สร้างเยื่อหุ้มเซลล์สร้างน้ำดีสร้างได้
01:55:50 → 01:55:55 วิตามินชะลอวัยสร้างเยอะแยะเลยเพราะ
01:55:55 → 01:55:57 ฉะนั้นผิวดีผมดีหน้าเด็ก
01:55:57 → 01:56:04 กล้ามเนื้อสู้กล้ามเนื้อ
01:56:04 → 01:56:07 ขณะเดียวกันถ้า
01:56:07 → 01:56:10 เราสร้างตัวคอเลสเตอรอลถึงจะมากจะน้อยก็
01:56:10 → 01:56:12 ตามแต่มันเป็นไทยดีอ่ะ
01:56:12 → 01:56:14 [เพลง]
01:56:14 → 01:56:30 ครับ
01:56:30 → 01:56:34 sogen ถ้าอย่างนี้ก็เรียบร้อย
01:56:34 → 01:56:38 มันจะดีไหมล่ะคอเลสเตอรอลจะมากมันจะเป็น
01:56:38 → 01:56:42 ปัญหา
01:56:42 → 01:56:51 ร่างกายต้องฮอร์โมนร่างกายมันจะแก่เอ่อ
01:56:51 → 01:56:54 หรือจะเป็นอย่างเงี้ยก็คือข้อสรุปทั้งหมด
01:56:54 → 01:56:58 เลยทุกอย่างก็กลับมาที่การกินแล้วความ
01:56:58 → 01:57:01 เข้าใจในเรื่องฮอร์โมนในเรื่องของวัยวะ
01:57:01 → 01:57:07 ต่างๆนะและในเรื่องของปฏิกิริยาชีวะเคมี
01:57:07 → 01:57:12 แต่ว่าเนี่ยถ้าใครถามมาหมอก็อาจจะไม่ตอบ
01:57:12 → 01:57:17 ด้วยแผ่นภาพอันนี้มันจะเป็นอะไรเป็นไหม
01:57:17 → 01:57:22 ก็ขอแนะนำให้หาความรู้เยอะๆ
01:57:22 → 01:57:32 ก็ต้องพึ่งพาตนเองแหละ
01:57:32 → 01:57:39 อาหารเป็นเอกที่สุดแล้วของโลกใบนี้
01:57:39 → 01:57:42 ก็เรียนรู้เรื่องอาหารทำความเข้าใจ
01:57:42 → 01:57:46 หาข้อมูลฟัง
01:57:46 → 01:57:49 คนที่เขามาพูดคุยในเรื่องอาหาร
01:57:49 → 01:57:51 ในหลายๆรายละเอียดในเชิงลึก
01:57:51 → 01:57:55 เดี๋ยวเราก็ได้เดี๋ยวเราก็ได้
01:57:55 → 01:57:59 ครับ
01:57:59 → 01:58:18 บอกว่า
01:58:18 → 01:58:30 หัวไวใจสู้
01:58:30 → 01:58:56 รอดูทีท่าเบิ่งตาลังเลต้นตารอคอย
01:58:56 → 01:58:58 ไม่เอาไหนเลย
01:58:58 → 01:59:10 [เสียงหัวเราะ]
01:59:10 → 01:59:16 นะข้อมูลเลยคำอธิบายเอยชีวะ
01:59:16 → 01:59:19 เดี๋ยวค่อยไปอธิบายทีหลัง
01:59:19 → 01:59:31 ทำดูก่อน
01:59:31 → 01:59:34 อันนี้ก็หลวงพ่อ
01:59:34 → 01:59:38 บรมคตบอกว่ามนุษย์ที่สมบูรณ์คือกินอิ่ม
01:59:38 → 01:59:45 นอนหลับถ่ายดีไม่มีโรคหรือมีโรคน้อย
01:59:45 → 01:59:49 อันนี้คือสูงสุดแล้วนะของการเกิดมันมี
01:59:49 → 01:59:51 ชาติหนึ่ง
01:59:51 → 01:59:53 ครับ
01:59:53 → 01:59:55 ตามนี้แหละ
01:59:55 → 01:59:57 ครับผม
01:59:57 → 02:00:06 เดี๋ยวต้องไปทบทวนแล้วครับ
02:00:06 → 02:00:08 พี่หมอครับเดี๋ยวคราวหน้าเราจะคุยเรื่อง
02:00:08 → 02:00:09 อะไรนะครับ
02:00:09 → 02:00:25 เอที่เตรียมเตรียมไว้ก็ครับ
02:00:25 → 02:00:40 [เพลง]
02:00:40 → 02:00:45 โอเคครับต่อเลยครับนะก็ลองทบทวนดูแล้วกัน
02:00:45 → 02:00:49 แล้วพิจารณาดูโฟกัสเรื่องอาหารดีๆ
02:00:49 → 02:00:53 โฟกัสแนวทางของอาหารดีๆครับไม่มียังไง
02:00:53 → 02:00:56 โปรตีนไขมันอะไรต่างๆ
02:00:56 → 02:00:59 เพราะว่าพวกนี้มันเป็นพื้นฐานที่สุดแล้ว
02:00:59 → 02:01:03 อ่ะวันนึงเราก็ต้องกินนั่นแหละนะลองกิน
02:01:03 → 02:01:08 อย่างนี้ดูสินะคนอื่นเขาได้ผลนะแล้วหลาย
02:01:08 → 02:01:11 คนที่ก็ยังกินไม่ถูกต้องนักเนี่ยแล้วมัน
02:01:11 → 02:01:16 ก็ยังไม่ได้ผลอะไรอย่างนี้นะ
02:01:16 → 02:01:18 อาหารเนี่ย
02:01:18 → 02:01:21 จะบอกว่าไม่มีถูกไม่มีผิดก็ใช่
02:01:21 → 02:01:25 แต่มันก็ถึงจุดนึงอ่ะที่ระบบของเราเนี่ย
02:01:25 → 02:01:29 มันปรับตัวได้ยังปรับตัวไม่ได้ก็ต้องหา
02:01:29 → 02:01:33 ช่องทางแล้วก็หารายละเอียดอ่ะนะที่มาปรับ
02:01:33 → 02:01:37 มาปรับไปอ่ะนะฮะ
02:01:37 → 02:01:39 ที่จะพอบอกได้อ่ะ
02:01:39 → 02:01:42 ว่าโอเคแล้วหรือยัง
02:01:42 → 02:01:46 หรือไม่โอเคครับ
02:01:46 → 02:01:48 วันนี้
02:01:48 → 02:01:52 โอเคครับงั้นเจอกันคราวหน้านะครับพี่หมอ
02:01:52 → 02:01:54 โอเคขอบคุณมากเลยครับ
02:01:54 → 02:01:59 ครับสวัสดีครับ
02:01:59 → 02:02:08 [เพลง]
02:02:08 → 02:02:08 [ปรบมือ]
02:02:08 → 02:02:20 [เพลง]
02:02:20 → 02:02:29