00:00:00 → 00:00:03 คำว่า paring ไกับอาหารมันอร่อยขึ้นหรอ
00:00:03 → 00:00:05 หรือมันเป็นยังไงใช่มครับก็ต้องบอกว่า
00:00:05 → 00:00:09 จริงๆแล้วการจับคู่อาหารกับไวนเป็นรูป
00:00:09 → 00:00:12 ธรรมมากๆแล้วมันเป็นศาสตร์ชนิด
00:00:13 → 00:00:16 หนึ่งสวัสดีครับผมหมีจิรณรงค์ครับและนี่
00:00:16 → 00:00:18 คือรายการ podcast ที่คุยเรื่องเทรนด์การ
00:00:18 → 00:00:21 กินกับคนในวงการอาหาร E Direction EP
00:00:21 → 00:00:24 นี้มันเกิดขึ้นจากความสงสัยของเราว่าทำไม
00:00:24 → 00:00:26 เราต้องกินไวนกับอาหารวนมันทำงานยังไงกับ
00:00:26 → 00:00:28 อาหารแล้วมันทำให้อาหารอร่อยขึ้นได้จริงๆ
00:00:28 → 00:00:31 หรอเราก็เลยชวนเฟกล้องที่เป็นทั้งเชฟและ
00:00:31 → 00:00:33 สมยหรผู้เชี่ยวชายเรื่องไนจากร้านโลคมา
00:00:33 → 00:00:35 ให้คำตอบในเรื่องนี้ส่วนเนื้อหาจะเป็นยัง
00:00:35 → 00:00:38 ไงติดตามได้ใน E dire EP นี้ได้เลยครับ
00:00:39 → 00:00:42 eat Direction คุยกับคนในวงการอาหารว่า
00:00:42 → 00:00:46 เราควรกินอะไรถึงจะ
00:00:46 → 00:00:52 ดีก้องเป็นแขกรับเชิญคนแรกที่มาออก 2
00:00:52 → 00:00:55 ครั้งที่ 2 แล้วใช่รอบที่แล้วใครยังไม่
00:00:55 → 00:00:59 เคยดูน่าจะอยากให้ตามไปดูรอบที่แล้วคุย
00:00:59 → 00:01:01 กับกล้องเนี่ยสนุกมากพาเที่ยวเชียงราย
00:01:01 → 00:01:03 เนาะใช่พาเที่ยวเชียงรายมีคนพูดถึงเยอะ
00:01:03 → 00:01:05 เหมือนกันนะคนพูดถึงเยอะมากแล้วก็คนที่ไป
00:01:05 → 00:01:07 เที่ยวเชียงรายบางทีก็ส่งข้อความเข้ามาใน
00:01:07 → 00:01:09 ร้านว่าแบบเอ้ยเราได้ดู The าแล้วนะอะไ
00:01:09 → 00:01:12 เงี้โเราดีใจมากเป็นตอนที่คนสนใจเยอะจริง
00:01:12 → 00:01:16 ๆแล้วก็มีคนมาคอมเมนต์หลายอย่างก็มีแบบมา
00:01:16 → 00:01:19 ให้ข้อมูลเพิ่มอะไรเงี้ยก็ก็ก็ดีก็ขอบคุณ
00:01:19 → 00:01:22 เ้าด้วยมันก็ก็สนุกดีฮะแต่ว่าตอนเนี้ยไม่
00:01:22 → 00:01:24 ได้เกี่ยวอะไรกับเชียงรายเท่าไหร่เลยอื
00:01:24 → 00:01:27 แต่ว่าที่ชวนกล้องมาอีกรอบเนี่ยเพราะว่า
00:01:27 → 00:01:29 คือเราเวลาเราไปหากล้องที่เชียงรายเราไป
00:01:29 → 00:01:31 คุยเรื่องเรื่องเนี้ยตลอดเวลาคือเป็น
00:01:31 → 00:01:34 เรื่องเรื่องไวนเนาะไวนใช่ใช่เรื่องไวน
00:01:34 → 00:01:38 แล้วก็เร็วๆเนี้ยคือเหมือนก็กำลังทำ
00:01:38 → 00:01:41 โปรเจคใหม่ของตัวเองเป็นการให้บริการครับ
00:01:41 → 00:01:44 อ่าเป็นแบรนด์ที่ชื่อว่า The pair Smith
00:01:44 → 00:01:46 ครับมันคืออะไรครับก้องช่างฝีมือที่เป็น
00:01:46 → 00:01:49 นักจับคู่อืครับจับคู่ของอยู่ด้วยกันจริง
00:01:49 → 00:01:51 ๆเราก็พูดถึงอาหารกับวายแหละทีเนี้ยเราก็
00:01:52 → 00:01:53 เลยชวนเรื่องนี้แหละเพราะว่าอยากคุย
00:01:53 → 00:01:56 เรื่องไวกับกล้องเคยคุยไปหลายครั้งะแต่
00:01:56 → 00:01:59 มันก็อยู่นอกรายการบ้างอยู่ในบทความอยู่
00:01:59 → 00:02:03 ในการคุยกันมาตอนเจอกันเนาะแต่ว่ามันก็มี
00:02:03 → 00:02:06 คำถามที่แบบเรารู้สึกว่าเออเราก็ยังสงสัย
00:02:06 → 00:02:09 อยู่คนทั่วไปก็คิดว่าน่าจะสงสัยแบบเดียว
00:02:09 → 00:02:15 กับเราทำไมเราต้องแิวายกับอาหารด้วย
00:02:15 → 00:02:20 เออคำว่าแิไกับอาหารอ่ะมันค่อนข้างล่อง
00:02:20 → 00:02:23 ลอยอ่ะเราเราเราจับไม่ค่อยได้ว่าอเอ้ยมัน
00:02:23 → 00:02:26 มันสรุปแล้วมันมันจริงป่ะมันมันจับด้วย
00:02:26 → 00:02:29 กันแล้วมันมันต้องรู้สึกยังไงนะอือมัน
00:02:29 → 00:02:31 อร่อยขึ้นเหรอหรือหรือมันเป็นยังไงใช่
00:02:31 → 00:02:34 มั้ยครับอก็ต้องบอกว่าจริงๆแล้วการจับคู่
00:02:34 → 00:02:37 อาหารกับวนเป็นรูปธรรมมากๆแล้วมันเป็น
00:02:37 → 00:02:39 ศาสตร์ชนิดหนึ่งมันเป็นศาสตร์เลยใช่มั้ย
00:02:40 → 00:02:42 มันเป็นศาสตร์ชนิดหนึ่งซึ่งมีหนังสือ
00:02:42 → 00:02:44 เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมากใช่ครับอ
00:02:44 → 00:02:48 คือบางทีเราไปตามร้านอาหารแล้วเราก็ไปกิน
00:02:48 → 00:02:51 ข้าวแล้วเก็อ่ะลองไ paring หน่อยเค้าพูด
00:02:51 → 00:02:55 อะไรเราก็คลอยตามไปตามนั้นนะซึ่งก็ดีนะ
00:02:55 → 00:02:58 ซึ่งก็ดีใช่มซึ่งก็ดีสิเพราะว่าเค้าเก็พา
00:02:58 → 00:03:00 เราเที่ยวอ่ะแต่เราก็อยากรู้สึกว่าว่าเอ
00:03:00 → 00:03:02 จริงๆแล้วอ่ะไอ้สิ่งที่เขาต้องการบอกเรา
00:03:02 → 00:03:05 มันคืออะไรสิ่งที่เค้าต้องการบอกว่าวาย
00:03:06 → 00:03:08 ชนิดนี้กินกับอาหารชนิดนี้แล้วมันไปด้วย
00:03:08 → 00:03:11 กันได้เนี่ยเฮ้ยเราเราเราควรจะสังเกตอะไร
00:03:11 → 00:03:14 อะไรอ่าโอเคแต่สิ่งที่ผมพูดต่อไปนี้เป็น
00:03:14 → 00:03:16 มุมมองของผมก็คือในมุมมองของผมเนี่ยการแิ
00:03:16 → 00:03:19 การจับคู่ของด้วยกันเนี่ยมันควรจะสร้าง
00:03:19 → 00:03:22 สิ่งใหม่อือือผมมักจะยกตัวอย่างอย่างงี้
00:03:22 → 00:03:27 ครับพี่ถ้ามีเอิ่มผู้หญิงคนนึงสีไอลินอือ
00:03:27 → 00:03:30 เล่นไอลินอยู่แล้วเ้าเป็นโซลที่เพราะมาก
00:03:30 → 00:03:34 คือเล่นคนเดียวแล้วอยู่ๆแบนด์ก็อุ้มขึ้น
00:03:34 → 00:03:36 มาข้างหลังความรู้สึกตอนที่แบนด์มันอุ้ม
00:03:36 → 00:03:38 ขึ้นมาข้างหลังคือวงสิงทั้งหมดอ่ะมัน
00:03:38 → 00:03:40 ซัพพอร์ตเขาขึ้นมาถ้าพี่ฟังออเคสตร้า
00:03:40 → 00:03:43 จังหวะที่มันเคาน์เตอร์กันน่ะมันเป็น
00:03:43 → 00:03:47 จังหวะที่พี่ขนลุกออก็คือเป็นการสร้าง
00:03:47 → 00:03:51 สร้างบความรู้สึกบางอย่างให้กับคนฟังหรือ
00:03:51 → 00:03:53 คนกินใช่ถูกต้องมันคือจุดร่วมของของ 2
00:03:53 → 00:03:56 อย่างอือใช่มั้ยครับประสบการณ์ที่ดีเนี่ย
00:03:56 → 00:03:57 ไม่ผมไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจากเพียง
00:03:57 → 00:04:00 อย่างเดียวอือฮึอ่ะ Let สมมุตินะพี่เรา
00:04:00 → 00:04:03 ลองนึกถึงคนที่เรารักที่สุดกับเอิ่มอากาศ
00:04:03 → 00:04:08 เย็นแล้วก็ทะเลตอนกลางคืนนะโหโรแมนติกสุด
00:04:08 → 00:04:12 แต่ถ้ามีเทียนน่ะอ่ามันก็จะดูถ้า Lighting
00:04:12 → 00:04:15 ดีขึ้นถ้ามีเต็นท์น่ะอืองค์ประกอบพวก
00:04:15 → 00:04:18 เนี้ยพอมันเสริมขึ้นมาไอ้คำว่าโรแมนติก
00:04:18 → 00:04:21 สุดเมื่อกี้โรแมนติกกว่านั้นได้นะอืใช่
00:04:21 → 00:04:23 ป่ะมันมันถ้ามันมี Element อื่นเข้ามาผม
00:04:23 → 00:04:25 คิดแบบเนี้ยแล้วเพราะฉะนั้นกับอาหาร 1
00:04:25 → 00:04:28 จานเนี่ยมันสามารถขยายขอบเขตได้เยอะมาก
00:04:28 → 00:04:31 เลยนะออฮะถ้าเราเจอคู่ของเขามันดูเป็น
00:04:31 → 00:04:33 ความรู้สึกเนาะแต่ว่าเมื่อกี้ก้องบอกว่า
00:04:33 → 00:04:36 มันมีศาสตร์ของมันเลยใช่ๆไวนนี่มันช่วย
00:04:37 → 00:04:39 อะไรกับอาหารบ้างไวนเนี่ยจริงๆแล้วถูก
00:04:39 → 00:04:41 สร้างเอาแบบ brief history เลยนะมันมัน
00:04:41 → 00:04:43 ถูกสร้างมาเมื่อประมาณ 8,000 ปีที่แล้ว
00:04:44 → 00:04:46 แถวประเทศที่ณปัจจุบันเขาเรียกว่าเป็น
00:04:46 → 00:04:49 เอิ่มซีเรียประเทศซีเรียมันถูกสร้างขึ้น
00:04:50 → 00:04:52 มาด้วยจุดมุ่งหมายอย่างแรกสุดก็คือเพื่อ
00:04:52 → 00:04:55 ดื่มกับอาหารสำหรับเราเรารู้สึกว่าก็คนก็
00:04:55 → 00:04:58 ชอบเปิดวายดื่มกันสังสรรค์อะไรอย่างเงี้ย
00:04:58 → 00:05:01 ยุคสมัยมันไม่ไม่ไม่เหมือนแล้วนะผมว่านะอ
00:05:01 → 00:05:02 แล้วอีกอย่างก็คือเทคโนโลยีก็ไม่เหมือน
00:05:02 → 00:05:06 กันอืในอดีตเนี่ยผมมั่นใจ 100% ว่าไวนที่
00:05:06 → 00:05:08 เขาทำอ่ะกินเปล่าๆไม่น่าได้อือเพราะมัน
00:05:09 → 00:05:11 น่าจะแข็งมากมันน่าจะด้วยเทคโนโลยีที่ไม่
00:05:11 → 00:05:13 มีเนาะด้วยฟที่อยากจะยังไม่ถึงอะไรเงี้ย
00:05:13 → 00:05:15 มันก็น่าจะกินยากด้วยตัวมันเองเพราะ
00:05:15 → 00:05:19 ฉะนั้นก็ต้องกินกับอาหารออืตัว y เองอ่ะ
00:05:19 → 00:05:21 มันทำหน้าที่อย่างนึงที่เราเรียกกันว่า
00:05:21 → 00:05:24 มัน cin Pet คนไอ่า C pallet ก็คือการ
00:05:24 → 00:05:27 ล้างลิ้นให้สะอาดนั่นแหละพูดง่ายๆอเอิ่ม
00:05:27 → 00:05:29 แล้วผมก็จะมีคำพูดพวกเนี้ยค่อนข้างบ่อย
00:05:29 → 00:05:34 ว่าว่าเรากินข้าวผัดคำแรกอร่อยที่สุดเออ
00:05:34 → 00:05:36 ครับคำที่ 2 จะอร่อยน้อยลงคำที่ 3 จะ
00:05:36 → 00:05:38 อร่อยน้อยลงคำที่ 4 เรื่อง First
00:05:38 → 00:05:40 impression ด้วยป่ะด้วยแต่ว่ามันเป็นเช
00:05:40 → 00:05:45 Pet คือลิ้นเรามันยังไม่ถูกทำให้อเเรียก
00:05:45 → 00:05:47 ว่ายังไม่มีรสชาติอื่นไปกระทบยังไม่มี
00:05:47 → 00:05:49 อะไรมากวนอืเพราะฉะนั้นคำแรกอร่อยสุดคำ
00:05:49 → 00:05:52 ที่ 2 เนี่ยร่างกายเราจะเป็นออติที่จะ
00:05:52 → 00:05:55 เริ่มปรับพาเลตตัวเองให้ให้พยายามเซต
00:05:55 → 00:05:58 background ออืตัวอย่างก็คือถ้าเราเดิน
00:05:58 → 00:06:02 ลงไปเจอฟาร์มหมูอเราจะเหม็นมากประมาณ 5
00:06:02 → 00:06:05 นาทีแรกออแล้วหลังจากนั้นมันจะไม่เหม็น
00:06:05 → 00:06:07 แล้วเพราะว่าเราชินมากขึ้นชินคำว่าชิน
00:06:07 → 00:06:10 เนี่ยคือการที่ Sensor ของเราอ่ะมันเซต
00:06:10 → 00:06:12 สิ่งเนี้ยให้กลายเป็น background ก็คือ
00:06:12 → 00:06:15 มันปรับตัวให้มันให้มันคุ้นชินคุ้นชินใช่
00:06:15 → 00:06:18 โอเคเวลากินข้าวก็เหมือนกันครับ Pet เรา
00:06:18 → 00:06:20 ก็จะทำตัวเองให้คุณชินมันคือการที่แบบ
00:06:20 → 00:06:23 สิ่งเมันอยู่ในปากเราตลอดเวลาใช่ครับมัน
00:06:23 → 00:06:25 เป็น sensory pallet อ่ะมันเป็นมันเป็น
00:06:25 → 00:06:27 sensory ที่ที่มันเกิดขึ้นน่ะคือคนคนเรา
00:06:27 → 00:06:30 มันรับรับแบบนี้ครับไวนเนี่ยมันเข้าไป
00:06:30 → 00:06:34 ล้างตรงนั้นอแล้วเซตให้มันอร่อยเป็นคำแรก
00:06:35 → 00:06:38 ตลอดอ่ะอันนี้คือ 1 ใน Property Property
00:06:38 → 00:06:41 ที่ 2 ก็คือมันเข้าไปส่งเสริมคือเสริมให้
00:06:42 → 00:06:44 มันมีอะไรเกิดขึ้นมาถูกต้องผมยกตัวอย่าง
00:06:44 → 00:06:48 อย่างเนื้อกับวแดงซึ่งมันจริงมันส่งกัน
00:06:48 → 00:06:52 เพราะว่าฮีโมโกบินของของเนื้ออเลือดสีแดง
00:06:52 → 00:06:55 เนี่ยตรงนั้นน่ะมันเป็นธาตุเหล็กอืแล้วพอ
00:06:55 → 00:06:59 แนิแล้วก็ไอ้ตัวรสชาติที่เป็นเขาเรียกว่า
00:06:59 → 00:07:02 สาประกอบฟีนก็คือกลิ่นเนี้ยครับมันพุ่ง
00:07:02 → 00:07:05 เข้าไปเนี่ยมันเสริมให้รสชาตินั้นน่ะมัน
00:07:05 → 00:07:09 ใหญ่ขึ้นอืมอ่ะนั่นคือลักษณะของการ
00:07:09 → 00:07:12 สนับสนุนรนี่คือหลักวิทยาศาสตร์ที่รองรับ
00:07:12 → 00:07:16 สิ่งนี้อยู่ใช่ครับวิทยาศาสตร์มากๆแปลว่า
00:07:16 → 00:07:20 เราต้องรู้ไปหมดเลยว่าในวายแต่ละขวดมี
00:07:20 → 00:07:23 อะไรที่มันจะไม่สามารถทำให้
00:07:23 → 00:07:27 อาหารเสริมอาหารได้ใช่ครับอย่างแรกการ
00:07:27 → 00:07:31 แพมันคือคือพี่ต้องรู้ทั้งอาหารและวาย
00:07:31 → 00:07:33 ซึ่งก้องเป็นคนได้เปรียบมากผมได้เปรียบ
00:07:33 → 00:07:35 มากครับคือคือกล้องเนี่ยต้องบอกว่ากล้อง
00:07:35 → 00:07:37 เป็นทั้งเชฟอยู่แล้วเนาะเชฟกล้องเนี่ยผม
00:07:37 → 00:07:40 เป็นเชฟใช่ครับแล้วก็เป็นซอมาิด้วยแล้วก็
00:07:40 → 00:07:43 ไปสอบเป็น certified ซอใช่ครับก็กลายเป็น
00:07:43 → 00:07:46 เชฟซอเป็นเชฟซอคนเดียวซึ่งมีตำแหน่งนี้
00:07:46 → 00:07:49 อยู่เมีมีจริงๆมีจริงๆเรียกว่าเชฟซอเชฟซอ
00:07:49 → 00:07:53 มีคือคนที่ทำทั้งเชฟและซอมเฟซด้วยซึ่งใน
00:07:53 → 00:07:55 โลกนี้ก็มีแหละแต่ว่าก็อาจจะไม่ได้เยอะ
00:07:55 → 00:07:59 นักซึ่งดูมีข้อได้เปรียบูใช่ครับมาถาม
00:07:59 → 00:08:04 ก่อนว่าเชฟเคนรู้จักอยู่แล้วซยเนี่ยคือ
00:08:04 → 00:08:08 อะไรถ้าเอาในบริบทปัจจุบันแปลตรงตัวคือ
00:08:08 → 00:08:12 เป็นบริกรไวนออืบริกรก็คือผู้ให้บริการ
00:08:12 → 00:08:15 ไวนครับอ่ะแต่ว่าเขาไม่ได้ทำแค่เรื่องไวน
00:08:15 → 00:08:17 ถ้าอยู่ในร้านอาหารเาทำทุกอย่างครับเขา
00:08:17 → 00:08:20 ต้องช่วยเสิร์ฟด้วยเทน้ำเป็นลูกค้าแต่
00:08:20 → 00:08:21 เรื่องไวนการบริการไวนจะเป็นหน้าที่หลัก
00:08:21 → 00:08:25 ของเขาอืถ้าเชฟเป็นหัวหน้าในครัวครับซอม
00:08:25 → 00:08:28 ก็จะเป็นหัวหน้าของแผนกไวนซอมต้องรู้จาก
00:08:28 → 00:08:32 ไวนทุกขวดที่เขาจะเสิร์ฟใช่ครับเอ่ออย่าง
00:08:32 → 00:08:35 มอตโต้ของผมก็คือผมไม่ขายสิ่งที่ผมไม่เคย
00:08:35 → 00:08:39 ชิมอ๋อถ้าแบบพี่เลือกอือแล้วผมมองว่าผม
00:08:39 → 00:08:42 ไม่เคยกินนะผมก็จะบอกพี่เลยว่าถ้าพี่เคย
00:08:42 → 00:08:45 ดื่มแล้วอ่ะโอเคอแต่อันเนี้ยผมยังไม่เคย
00:08:45 → 00:08:48 ดื่มผมไม่กล้าขายผมก็พูดตรงๆครับอจริงๆ
00:08:48 → 00:08:51 แล้วเรื่องการสอบซอมของกล้องเนี่ยจะคุย
00:08:51 → 00:08:53 ได้อีกตอนนึงเลยนะเพราะมันแบบดูมันมีราย
00:08:53 → 00:08:55 ละเอียดดีเทลมากแต่ว่าเคยเขียนไปแล้วในบท
00:08:55 → 00:08:57 ความที่สัมภาษณ์กล้องรอบนึงนะฮะอาจจะไป
00:08:57 → 00:09:00 อ่านในนั้นได้ก่อนแต่ถ้าถ้าเกิดอยากรู้
00:09:00 → 00:09:03 เนี่ยเดี๋ยวอาจจะเชิญมาคุยกันได้เลยถ้า
00:09:03 → 00:09:05 อยากฟังว่าการจะไปสอบซอมเนี่ยเทำอะไรกัน
00:09:06 → 00:09:07 บ้างเนี่ยก็ลองคอมเมนต์มากันคอมเมนต์ข้าง
00:09:07 → 00:09:11 ล่างนี่ขายของก็เดี๋ยขายแต่ว่าอ่ะโอเค
00:09:11 → 00:09:14 กลับมาที่ซอมฮะครับเอ่อซอมาอเนี่ยจะเป็น
00:09:14 → 00:09:18 คนที่เราเข้าเป็นร้านอหารแล้วเขาก็จะมาส
00:09:18 → 00:09:21 เสนอไวนกับเราเนาะใช่ครับซึ่งคนส่วนใหญ่
00:09:21 → 00:09:25 จะกลัวคุณซอมมากใช่คือ 1 คือแบบเราอ่ะไม่
00:09:25 → 00:09:28 มั่นใจเราเองนะไม่รู้คนอื่นเป็นยังไงแล้ว
00:09:28 → 00:09:30 เราก็จะแบบแล้วูจะต้องทำังไงกับซอมวะเข้า
00:09:30 → 00:09:33 ใจเข้าใจเลยอย่างแรกจำไว้ว่าซอมเป็นคน 1
00:09:33 → 00:09:37 คนไม่ไม่ได้อะไรมากมายแล้วก็ผมคิดว่าสิ่ง
00:09:37 → 00:09:39 ที่สำคัญที่สุดในฐานะที่ผมเป็นซอมเองครับ
00:09:39 → 00:09:42 สิ่งที่ผมอยากรู้ที่สุดคือผมอยากรู้จักคน
00:09:42 → 00:09:44 ที่ผมจะให้บริการไม่ได้แปลว่าพี่ชื่ออะไร
00:09:44 → 00:09:47 หรืออย่างงี้ใช่นะครับแต่ว่าอสมมุติว่า
00:09:47 → 00:09:51 พี่มีความรู้เรื่องไวนแค่อ่านหนังสือเล่น
00:09:51 → 00:09:54 เฉยๆแต่แบบไม่ได้รู้เยอะอ่ะพี่ควรจะบอก
00:09:54 → 00:09:58 ซ่อมว่าอ่ะเรื่องไวนเนี่ยผมอาจจะไม่มี
00:09:58 → 00:10:01 ความรู้มากเท่าไหร่ผมเคยกินนมาอันนี้อัน
00:10:01 → 00:10:04 นี้อือแล้วผมรู้สึกว่าผมชอบอะไรประมาณนี้
00:10:04 → 00:10:08 อืบอก background ให้ถ้าบอก background
00:10:08 → 00:10:10 ให้เนี่ย 1 เลยซอมก็จะรู้ะอ่ะสมมุติผมอ่ะ
00:10:10 → 00:10:13 สมมุติสถานการณ์จริงเลยสมมติเราอพี่เลย
00:10:13 → 00:10:16 แล้วผมก็เอาไลมาปึ๊บอ่ะวันนี้แบบอันนี้
00:10:16 → 00:10:17 อันนี้เป็น Wireless ของที่รันะครับมีตรง
00:10:17 → 00:10:19 ไหนอะไรยังไงให้ผมช่วยเหลือได้มั้ยอะไร
00:10:19 → 00:10:22 อย่าเงี้ยสมมุติก็เข้ามาผมอ่ะจำไววายที่
00:10:22 → 00:10:26 ผมเคยกินมาไม่ได้หรอกอืโอเคแต่ว่าที่ที่
00:10:26 → 00:10:29 ที่จะชอบก็คือไวยที่แบบเราไม่เคยได้มาได้
00:10:29 → 00:10:33 รสชาตินี้มาก่อนอ่าโอเคเจอเจอไวนยิ่งใหม่
00:10:33 → 00:10:36 ยิ่งสนุกพี่แบบได้ลองไวนมาประมาณกี่ปีละ
00:10:36 → 00:10:39 กินมาน่าจะสัก 4-5 ปีครับโอเคแล้วก็ถาม
00:10:39 → 00:10:42 ว่าความรู้มีแค่ไหนเนี่ยพอรู้แต่ไม่ได้
00:10:42 → 00:10:46 ลึกอ่ะอแค่เนี้ยผมก็จะพอเข้าใจแล้วว่าผม
00:10:46 → 00:10:48 ต้องเลือกอะไรให้พี่ 1 ไวนที่ผมอยากเลือก
00:10:48 → 00:10:51 ให้พี่คือน่าจะเป็นไวนที่ออกจากขนบเดิมออ
00:10:51 → 00:10:54 พี่หาสิ่งใหม่ครับ 2 พี่มีประสบการณ์กับ Y
00:10:54 → 00:10:57 4-5 ปีเพราะฉะนั้นเนี่ยผมสามารถเลือกเ้า
00:10:57 → 00:11:00 เรียกว่าเลเวลของ Y ได้อเลลของ W ไม่ได้
00:11:00 → 00:11:02 บอกว่า W ถูกไแพงนะครับแต่เรากำลังพูดถึง
00:11:02 → 00:11:05 beginner อ intermediate กับ Advance W
00:11:05 → 00:11:07 Advance W ที่มันยากๆเลยอย่างยกตัว
00:11:07 → 00:11:12 อย่างเช่น tino อย่าเงี้ยคอย santino มัน
00:11:12 → 00:11:16 เป็นไวนจากเอ่ออุรครับแต่ถ้าสมมุติว่าพี่
00:11:16 → 00:11:18 ไม่มีประสบการณ์กับไวนแล้วพี่ไปกิน tino
00:11:18 → 00:11:20 พี่จะเลิกกินไปเลยอืเพราะมันมันค่อนข้าง
00:11:20 → 00:11:22 Advance ต้องมีคนประสบการณ์หน่อยเพราะ
00:11:22 → 00:11:25 อะไรเพราะมันมันเป็นไวนใหญ่มากมันเป็นไว
00:11:25 → 00:11:27 ใหญ่คืออะไรครับมันเป็นไวนที่ี้มันเยอะ
00:11:27 → 00:11:31 มากอืภาษาอิตาเลียนมันจะมีคำนึงที่พูด
00:11:31 → 00:11:34 เวลาหลังจากกิน tino ว่าครับออป่าผมไม่
00:11:35 → 00:11:36 รู้ผมออกเสียงถูกหรือแล้วนะแต่มันแปลว่า
00:11:36 → 00:11:39 หลักๆแปลว่าลิ้นใช้งานไม่ได้แล้วอฮคือกิน
00:11:39 → 00:11:41 อีนี่ไปคือลิ้นใช้งานไม่ได้แล้วไม่ต้อง
00:11:41 → 00:11:44 กินอะไรต่อแล้วออย่างถ้าพี่มีพอมี
00:11:44 → 00:11:46 ประสบการณ์เงี้ยเราอาจจะคุยกันว่าพี่
00:11:46 → 00:11:48 สมมุติว่าอาหารมันเหมาะกับอันนี้จริงๆ
00:11:48 → 00:11:50 ครับผมก็จะบอกพี่ได้ว่าเฮ้ยแต่ไวนมันใหญ่
00:11:51 → 00:11:53 นะออ่ะมันมันจะมีอย่างงี้นะใช่มแต่ถ้า
00:11:53 → 00:11:55 สมมุติพี่เป็น beginner เลยอ่ะผมว่าอัน
00:11:55 → 00:11:57 นี้ไม่เหมาะละควรจะเป็นบางอย่างที่จับ
00:11:57 → 00:11:58 ต้องง่ายขึ้นเพราะฉะนั้นผมได้ข้อมูลจาก
00:11:58 → 00:12:00 พี่แล้วเนี่ยผมเริ่มรู้แล้วว่าผมต้อง
00:12:00 → 00:12:03 เลือกอะไรแบบไหนเ่างั้นถามเผื่อ beginner
00:12:03 → 00:12:06 ครับว่าถ้า beginner ถึงระดับที่กินวายมา
00:12:06 → 00:12:09 ประมาณนึงเนาะเวลาเเกินวายกับกับอาหาร
00:12:09 → 00:12:15 เนี่ยเค้าควรจะสังเกตหรือหรือรู้อะไร
00:12:15 → 00:12:19 บ้างอย่างแรกเลยรู้ว่าพออยู่ด้วยกันแล้ว
00:12:19 → 00:12:21 มันอร่อยจังเลยมันสนุกจังเลยมันเข้ากัน
00:12:21 → 00:12:25 จังเลยใช้คำง่ายๆประมาณเนี้ยก็โอเคแล้ว
00:12:25 → 00:12:28 ครับเอิ่มอย่างที่ 2 ก็คือควรรู้อะไรหรอ
00:12:28 → 00:12:32 ผมผมว่าผมว่าควรรู้ว่าเราชอบมันมอันนี้
00:12:32 → 00:12:35 สำคัญมากหมายถึงชอบวายหรือชอบการที่มัน
00:12:35 → 00:12:36 ชอบการที่มันอยู่ด้วยกันมั้ยอยู่ด้วยกัน
00:12:36 → 00:12:40 มั้ยใช่เออเราไม่จำเป็นต้องชอบในสิ่งที่
00:12:40 → 00:12:42 ทุกคนบอกว่าอันนี้อร่อยจังเลยก็ได้นะอัน
00:12:42 → 00:12:44 นี้เป็นเรื่องที่ผมอยากเมคให้มันเคลียร์
00:12:44 → 00:12:48 อืไปกับเพื่อน 4 คนทุกคนชอบหมดอืเราไม่
00:12:48 → 00:12:51 ต้องเคยเจอสถานการณ์นั้นอยู่เออถ้าเราไม่
00:12:51 → 00:12:54 ชอบอ่ะก็ไม่ต้องพูดว่าชอบไม่ใช่แค่ไวนนะ
00:12:54 → 00:12:56 อาหารอาหารด้วยใช่ไม่ต้องไปกล่อมตัวเอง
00:12:56 → 00:12:58 ให้ชอบไม่จำเป็นอาจจะยังไม่ถึงเวลาหรเออ
00:12:58 → 00:13:01 หรือว่าหรือกูผิดวะเออๆมันไม่ผิดมันไม่
00:13:01 → 00:13:03 ผิดแล้วก็ผมว่าสำคัญสุดคือถ้าเป็น
00:13:03 → 00:13:06 beginner เลยกินแล้วเราชอบไมเราเราเจอ
00:13:06 → 00:13:08 สิ่งพวกเเราโอเคไมแล้วเลยอยากให้โอกาสมัน
00:13:08 → 00:13:11 อีกกี่ครั้งอะไรอย่างเงี้ยครับเอิ่มอย่าง
00:13:11 → 00:13:15 ผมเองอ่ะผมเจอแิตั้งแต่ตั้งแต่นานมากมา
00:13:15 → 00:13:17 แล้วอ่ะในชีวิตที่แบบกินของ 2 อย่างแล้ว
00:13:17 → 00:13:19 มันเป็นเครื่องดื่มแบบอาหารที่อยู่ด้วยคง
00:13:19 → 00:13:22 อร่อยจังเลยอะไรเงี้ยอือผมเจอมันมาแล้วผม
00:13:22 → 00:13:24 ก็รู้สึกว่าเอ้ยผมชอบการทำแิผมบอกกับตัว
00:13:24 → 00:13:29 เองได้ทีนี้สมมุติว่าเราไม่อินอือไม่อิน
00:13:29 → 00:13:32 ก็ไม่ไม่จะให้โอกาสอีกรอบนึงมั้ยล่ะให้
00:13:32 → 00:13:35 โอกาสตัวเองถึงว่า 4 คนบอกว่าชอบแต่เรา
00:13:35 → 00:13:37 ไม่อินอย่างเงี้ยเหรอใช่เออจะแบบครั้ง
00:13:38 → 00:13:41 หน้าไปก็ลองไปแพ้ดูอีกแล้วสิ่งนี้เป็น
00:13:41 → 00:13:44 สิ่งที่ซอมกับเชฟเนี่ยรู้สึกรู้สึกว่ามัน
00:13:44 → 00:13:47 เป็นการความผิดพลาดมั้ยไม่นะถ้าถามผม
00:13:47 → 00:13:50 เพราะว่าคนเราก็ไม่ได้ชอบสีฟ้าทุกคนน่ะ
00:13:50 → 00:13:52 มันก็อาจจะไม่เหมือนกันแต่จะเป็นอะไรที่
00:13:52 → 00:13:54 ดีมากถ้าเราได้คุยกับเแล้วเายอมคุยกับเรา
00:13:54 → 00:13:56 สมมุติว่าพี่มากินเงี้ย 4 คนคือเพื่อนพี่
00:13:56 → 00:14:00 บอกเฮ้ยชอบแพนี้มากเลยอืถ้าพี่ให้เกียรติ
00:14:00 → 00:14:03 ผมแล้วพี่คุยกับผมว่าเฮ้ยส่วนตัวผมว่าอัน
00:14:03 → 00:14:07 นี้ยังไม่ถูกปากผมเพราะว่าออืผมจะรู้แป
00:14:07 → 00:14:12 ว่าซอมเนี่ยนอกจากจะต้องรู้จากชิมจากตำรา
00:14:12 → 00:14:16 ก็ต้องเอ่อคุยกับลูกค้าด้วยควรครับอือซม
00:14:16 → 00:14:20 จริงๆแล้วหน้าที่เขาก็คือผู้ให้บริการอือ
00:14:20 → 00:14:22 สิ่งที่ควรทำมากที่สุดก็คือการพูดคุยกับ
00:14:22 → 00:14:25 ลูกค้านะมาใช่เมประสบการณ์ให้มันดีที่สุด
00:14:25 → 00:14:29 อใช่ครับอเอิ่มแล้วก็เมื่อกี้ย้อนกลับมา
00:14:29 → 00:14:31 คำถามของพี่ก็คือว่าแล้วควรจะคุยกับซอม
00:14:31 → 00:14:34 ยังไงคุยให้สนุกครับคุยให้สนุกไม่ต้องไป
00:14:34 → 00:14:36 เกร็งมันจะมีหลายเหตุการณ์เนาะที่แบบบาง
00:14:36 → 00:14:39 ทีคนกินก็จะรู้สึกสงสัยเช่นแบบมันมี
00:14:39 → 00:14:42 เรื่องเรียกว่าอะไรขนบหรือแมเนอร์ในการ
00:14:42 → 00:14:46 กินไวนบางอย่างสมมุติว่าออถ้าคนที่ไปขอ
00:14:46 → 00:14:49 เปิดไวนจะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะมาเทให้เรา
00:14:49 → 00:14:52 นิดนึงก็เทสไวเทสไวใช่ครับสิ่งนี้มีเพื่อ
00:14:52 → 00:14:55 อะไรนะฮะเราไปกินข้าวกัน 4 คนผมเป็นคน
00:14:55 → 00:14:58 เลือกผมเป็นคนเลือกว่าจะกินจะวายกนนี้อือ
00:14:58 → 00:15:01 ซอมอ่ะเขาจะนับว่าผมเป็นฮสคือผมเป็นเจ้า
00:15:01 → 00:15:05 ภาพอครับเา้าก็จะเอาไว้ให้ผมดูว่าถูกขวด
00:15:05 → 00:15:09 นะอือเราก็เปิดเพราะว่าถ้าไม่คอนเฟิร์ม
00:15:09 → 00:15:12 เราไปเปิดแล้วขวด 40,000 อเราผิดขวดใคร
00:15:12 → 00:15:14 รับผิดชอบไม่ได้ใช่ป่ะเพราะงั้นต้อง
00:15:14 → 00:15:17 คอนเฟิร์มก่อนว่าควรนี้นะเอเปิดนะเปิด
00:15:17 → 00:15:19 เสร็จปึ๊บฮสเนี่ยจะเป็นคนที่ได้รับ
00:15:19 → 00:15:22 เกียรติให้เทสไวเพื่ออะไรครับเนี่ยคำถาม
00:15:23 → 00:15:24 ที่ใหญ่ที่สุดคือแล้วถ้าไม่ชอบเปลี่ยนได้
00:15:24 → 00:15:26 มั้ยเดี๋ยวก่อนเดี๋ยวเราจะไปตรงนั้นคือ
00:15:26 → 00:15:27 คือจะถามอยู่แล้วเนี่ยว่าเดี๋ยวเราจะไป
00:15:27 → 00:15:30 ตรงนั้นโอเคแต่เ Y เนี่ยหลักๆ 2 อย่าง 1
00:15:30 → 00:15:33 ก็คือ Y เสียหรือเปล่าอืครับเอ่อ Y ที่
00:15:33 → 00:15:35 เสียเนี่ยมันเสียด้วยเอิ่มภาษาทาง Y คิด
00:15:35 → 00:15:38 เรียกง่ายๆคือเรียกว่ามัน tba มันคมัน
00:15:38 → 00:15:41 เกิดจากแบคทีเรียตัวนึงอ่ะนะครับเอ่อถ้า Y
00:15:41 → 00:15:45 เสียเาสามารถบอกบริกรได้บอกบอกซอมแล้วว่า
00:15:45 → 00:15:49 Y มันภาษาเขาเรียกว่ามัน fory มัน f นะ Y
00:15:49 → 00:15:52 มันคอกนะก็ว่ากันไปอ 2 สมมุติว่า Y ผ่าน
00:15:52 → 00:15:55 ไม่เสียครับเเช็คอุณหภูมิครับอ่าแค่เช็ค
00:15:55 → 00:15:59 ว่าอุณหภูมิเป็นยังไงเย็นไปเย็นไม่พอมย
00:15:59 → 00:16:03 ครับแล้วแต่เพราะว่าอย่าลืมว่าคนที่จ่าย
00:16:03 → 00:16:06 เงินคือคนที่เลือกวายอืเคอาจจะชอบวายขาว
00:16:06 → 00:16:10 ที่มันเย็นกว่าคนอื่นกินนิดนึงก็ได้เค้า
00:16:10 → 00:16:12 ก็ควรจะต้องได้บอกให้บริกรน่ะจัดการให้
00:16:12 → 00:16:15 เขาออืคำถามคือแล้วถ้าไม่ชอบล่ะเปลี่ยน
00:16:15 → 00:16:18 ได้มั้ยไม่ได้ไม่ได้แล้วไม่ชอบนี่ไม่ได้
00:16:18 → 00:16:19 เพราะว่าเราคุยเรื่องการเลือกกันตั้งแต่
00:16:19 → 00:16:22 แรกอ่าฮะทีนี้เรื่องการ Ping W เนี่ยมัน
00:16:22 → 00:16:25 จะมีอยู่เราเข้าใจสูกว่าไม่แ่ใจแต่มันมี
00:16:25 → 00:16:28 น่าจะมีอยู่ 2 แบบคือร้านน่ะเซต paring
00:16:28 → 00:16:31 ไว้ให้แล้วอืกับเป็นร้านอาหารที่มีไวนให้
00:16:32 → 00:16:34 เราเลือกในลิส์แล้วเราก็จะเลือกมาขนนึง
00:16:34 → 00:16:36 เพื่อกินกับอาหารอใช่ครับเอ่อเรียกว่า
00:16:37 → 00:16:39 Wine pairing อืกับ Wine by the
00:16:39 → 00:16:43 bottle ก็คือซื้อไเป็นขวดนั่นเองคำถาม
00:16:43 → 00:16:46 คือคำถามคือ Why buy The bottle มัน
00:16:46 → 00:16:50 สามารถกินทั้งมือได้เลยใช่มั้ยฮะได้แต่
00:16:50 → 00:16:53 มันคงไม่ดีเท่ามันมันเหมือนอ่ะถ้าผม
00:16:53 → 00:16:55 เปรียบเทียบง่ายๆเหมือนพี่ไปซื้อสูตร
00:16:55 → 00:16:58 สำเร็จรูปกับสูตรที่เมทอ่ะอืมันต่างกัน
00:16:58 → 00:17:02 อืออืมันใส่ได้มันสูตเหมือนกันแหละแต่มัน
00:17:02 → 00:17:04 ิิมันไม่เหมือนกันคัตติ้งมันไม่เหมือนกัน
00:17:04 → 00:17:07 มันไม่พอดีอเทียบกับสิ่งที่ทางร้านเนี่ย
00:17:07 → 00:17:11 เซตมาให้แล้วใช่อันเนี้ยิติมาแล้วกูวง
00:17:11 → 00:17:15 เล็บไว้ก่อนว่าร้านที่ร้านที่จริงใจทำนะ
00:17:15 → 00:17:18 เอออันนี้ผมต้องพูดแล้วห้ามกดผมคนในวงการ
00:17:18 → 00:17:21 ห้ามกดผมเพราะมันมีการใช้คำว่า W paring
00:17:21 → 00:17:23 พร่ำเพื่อในระดับนึงเหมือนกันเนาะเพื่อ
00:17:23 → 00:17:27 การค้าอเพราะแบบพอฟังปุ๊บเออน่าน่าน่าน่า
00:17:27 → 00:17:31 สนใจจังเลยเราทำแิดีกว่าพอกินไปปึ๊บแล้ว
00:17:31 → 00:17:32 หันมามองหน้ากัน
00:17:33 → 00:17:37 ว่ามันยังไงนะอือย่างเงี้ยคือผมได้ยิน
00:17:37 → 00:17:39 ฟีดแบคอย่างนี้จากลูกค้าเยอะมากแล้วผมจะ
00:17:39 → 00:17:43 บอกว่ามันทำให้การแิมันมันกลายเป็นการ
00:17:43 → 00:17:46 อุปโลกไปโดยปริยายใช่แล้วเราคนบางทีมันก็
00:17:46 → 00:17:51 เสียถึงคนคนที่กินนะว่าแบบใช่เราก็จะเสีย
00:17:51 → 00:17:54 อีก 1 คนที่อาจจะชอบแิไปก็ได้อะไรเงี้ยอ
00:17:54 → 00:17:56 ไอ้ๆความไอ้ที่ผมบอกว่าวงเล็บแปว่าร้าน
00:17:56 → 00:18:00 ที่จริงใจทำอ่ะมันแปลว่าเราหาข้อมูลอืไม่
00:18:00 → 00:18:03 ใช่ว่าเราทำอาหารอันนี้แล้วเราก็แค่หยิบ
00:18:04 → 00:18:06 ขวนนี้มาแล้วแพรกันเลยเงี้ยเหมือนที่ผม
00:18:06 → 00:18:10 บอกอ่ะถ้าผมไม่เคยเทสขวนไหนผมจะไม่ขายอือ
00:18:10 → 00:18:13 เพราะฉะนั้นพี่หมีเคยเห็นเวลาผมทำสิ่งที่
00:18:13 → 00:18:16 เรียกว่า W Fitting ครับิิล่าสุดที่ทำ
00:18:16 → 00:18:19 เปิดแชมเปญพร้อมกัน 5-6 คไ Fitting คือ
00:18:19 → 00:18:21 เพอผมออกอาหารแล้วออกอาหารที่ที่ร้านโลกุ
00:18:21 → 00:18:24 ที่เชียงที่โลกุที่เชงครับก็คือผมสร้าง
00:18:24 → 00:18:27 คอร์สเมนูใหม่ขึ้นมาผมวางไว paring ไว้
00:18:27 → 00:18:31 เซ็นหมดละครับผมจะต้องทำอาหารจริงๆแล้ว
00:18:31 → 00:18:34 เปิดวายเพื่อกินด้วยกันจริงๆแล้วหาว่าอ
00:18:34 → 00:18:39 อมันยังไม่เป๊ะตรงไหนมีอะไรให้ผมาฟได้อีก
00:18:39 → 00:18:41 อือย่างตัวล่าสุดที่ผมทำมาเนี่ยผมสร้าง
00:18:41 → 00:18:43 มันมาให้แชมเปญเพราะฉะนั้นน่ะยังไงมันก็
00:18:43 → 00:18:46 น่าจะเข้ากับแชมเปอยู่แล้วล่ะอือคำถามคือ
00:18:46 → 00:18:50 แล้วแชมเปญที่ผมอยากใช้อ่ะมันตัวไหนอือ 5
00:18:50 → 00:18:55 ตัวเนี้ยคล้ายกันเอาว่าคนที่ไม่ได้อินกับ
00:18:55 → 00:18:58 วายมากอ่ะเออกินอาจจะบอกว่าแทบจะมันต่าง
00:18:58 → 00:19:01 กันต่างกันต่างกันนิดเดียวอ่ะคือคนที่แบบ
00:19:01 → 00:19:03 ไม่ได้อินมากอาจจะรู้สึกว่ามันต่างกันตรง
00:19:03 → 00:19:05 ไหครับเชฟเอออะไรอย่างงี้เป็นต้นใช่มั้ย
00:19:05 → 00:19:08 ครับแต่สิ่งที่ตลกก็คือทำไมผมต้องยอมเปิด
00:19:08 → 00:19:12 ตั้งหลายขวดแล้วชิมกับอิซออีกคนนึงออือ
00:19:12 → 00:19:15 ชิมปึ๊บผมพูดเลยผมชอบเบอร์ 1 ผมชอบนี้ที่
00:19:15 → 00:19:19 สุดอันนั้นพูดเลยหนูชอบเบอร์ 4 อก็คือมี
00:19:19 → 00:19:22 อาหาร 1 จานนี่แค่พูดถึงแค่จานเดียวนะกับ
00:19:22 → 00:19:25 เดียวายประมาณ 5 ขวด 5 ขวดซึ่งเซตเอาไว้
00:19:25 → 00:19:27 ว่าน่าจะเข้ามันน่าจะเข้าเสร็จปุ๊บผมก็
00:19:27 → 00:19:30 มองหน้าออกับน้องว่าโอเคเราชอบมันคนละ
00:19:30 → 00:19:33 เบอร์ครับเราจะแพ้มันกับอะไรอือฮึทั้ง 2
00:19:33 → 00:19:35 คนหามามองหน้ากันเอาเบอร์ 3 คือไม่ได้
00:19:35 → 00:19:37 เกี่ยวไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองชอบเลย
00:19:37 → 00:19:38 ไม่ได้เกี่วกสิ่งที่ตัวเองชอบใช่ผมก็ชอบ
00:19:39 → 00:19:40 อย่างนึงน้องก็ชอบอย่างนึงแต่พอเรามอง
00:19:41 → 00:19:43 หน้ากันกับจานนี้เราต้องอยู่กับอะไรคำตอบ
00:19:43 → 00:19:46 คือเบอร์ 3 แล้วก็ถูกด้วยอืถึงผมจะไม่ได้
00:19:46 → 00:19:48 รู้สึกว่าผมชอบมันที่สุดแต่มันเข้ากับ
00:19:48 → 00:19:51 อาหารที่สุดมันเหมาะสมที่สุดรู้สึกว่า
00:19:51 → 00:19:56 เป็นกระบวนการที่สนุกมากสนุกและเอาจริงๆ
00:19:56 → 00:19:59 มันมันเครียดมากด้วยครับอ๋อมันไม่ใช่สิ่ง
00:19:59 → 00:20:02 ที่เราชอบผมกำลังเลือกว่าอะไรที่มันเหมาะ
00:20:02 → 00:20:05 สมที่สุดเออผมยากที่สุดคือผมต้องเอาความ
00:20:05 → 00:20:08 ชอบของผมออกโอเคทุกครั้งนะครับเอาตัว
00:20:08 → 00:20:10 อาหารเป็นหลักต้องเอาตัวอาหารเป็นหลักไม่
00:20:10 → 00:20:12 ใช่เอาความชอบเป็น
00:20:12 → 00:20:16 หลักคือเมื่อกี้ที่บอกตอนแรกกล้องโชคดี
00:20:16 → 00:20:20 มากด้วยแหละที่เป็นทั้งเชฟและซยซยจริงๆ
00:20:20 → 00:20:25 แล้วควรรู้เรื่องอาหารอย่างรุนแรงเหรอลีย
00:20:25 → 00:20:29 ทุกคนควรจะต้องทำอาหารเป็นอืหรือควรจะ
00:20:29 → 00:20:32 ต้องเคยเคยทำอาหารมาครับเมื่อกี้ที่ก่อน
00:20:32 → 00:20:33 ที่เราจะอัดอ่ะผมคุยกับพี่ง่ายๆเรื่อง
00:20:34 → 00:20:37 แซลมอนอ่า Let's Say ว่าเรามีแซลมอนชิ้น
00:20:37 → 00:20:40 นึงแซลมอนแพนเซียกับแซลมอนย่างอือก็
00:20:40 → 00:20:44 แซลมอนสุกเหมือนกันป่ะใช่อืไวตัวเดียวกัน
00:20:44 → 00:20:47 น่าจะเวิร์คเออไม่เวิร์คใช้วคนละตัวครับ
00:20:47 → 00:20:50 ทำไมถึงเป็นอย่างงั้นทันทีที่เอาแซลมอนไป
00:20:50 → 00:20:54 ย่าง 1 เราเสียแฟตเออเราเสียแฟตเพราะว่า
00:20:54 → 00:20:58 น้ำมันออกน้ำมันน้ำมันมันออกแล้วมันมี
00:20:58 → 00:21:02 ควันไปโดนมันมีกลิ่นของเปลวไฟไปโดนอครับ
00:21:02 → 00:21:05 นี่คืออย่างหนึแต่ถ้าไปแพนเซียหรือไปจี่
00:21:05 → 00:21:08 กระทะ 1 เพิ่มน้ำมันไม่เหมือนกันไม่
00:21:08 → 00:21:11 เหมือนครับ 2 ก็คือวิธีการทำให้สุกเนี่ย
00:21:11 → 00:21:13 ถ้าเอาไปแพนเซียเขาคเรียกว่า conduction
00:21:13 → 00:21:16 transfer ก็คือมันโดนพื้นผิวให้สุกแต่
00:21:16 → 00:21:19 ถ้าไปอยู่บนเอ่อถ่านน่ะจริงๆแล้วมันเป็น
00:21:19 → 00:21:21 ration transfer ก็คือมันมีอินฟาเรด
00:21:21 → 00:21:24 เข้าไปสุกข้างในอความสุขก็ไม่เหมือนกัน
00:21:24 → 00:21:26 นอกเหนือจากนั้นแล้วก็คือมันไม่มีกลิ่น
00:21:26 → 00:21:31 ควันอืเพราะฉะนั้นผมถามว่ายังเป็นแซลมอน
00:21:31 → 00:21:35 ชิ้นเดิมที่ใช้วายขวดเดียวอืคนจะถ้าไม่
00:21:35 → 00:21:37 ได้มีความเข้าใจเรื่องอาหารคนก็จะคิดว่า
00:21:37 → 00:21:41 ก็แพกับตัวแซมอนไปเออมันก็ได้แหละโอเค
00:21:41 → 00:21:43 แล้วมันโอเคเลยถ้าจะคิดอย่างงั้นไม่ผิด
00:21:43 → 00:21:47 เลยพี่อแต่ผมในฐานะที่ให้บริการคนน่ะอือ
00:21:47 → 00:21:49 มันเป็นหน้าที่ของผมที่ผมก็ต้องกลับไปนอน
00:21:49 → 00:21:52 คิดว่าถ้ามันมีน้ำมันเพิ่มอะไรดีที่สุด
00:21:52 → 00:21:55 อือแล้วถ้ามันเสียตัวน้ำมันไปอ่ะอะไรดี
00:21:55 → 00:21:58 ที่สุดออือเป็นหน้าที่ผมอ่ะซึ่งคนกินไม่
00:21:58 → 00:22:01 ต้องซีเรียสครับแล้วมันมันต้องเข้าไปแบบ
00:22:01 → 00:22:03 ถึงจะต้องบอกเชฟมว่าเชฟเปลี่ยนนั่น
00:22:03 → 00:22:05 เปลี่ยนนี่เถอะอะไรอย่าเงี้ยถ้าเป็นซอนะ
00:22:05 → 00:22:09 ฮะน่าจะโดนเตะออกมาจากครัวจริๆไม่ยอมหรอก
00:22:09 → 00:22:11 ใช่ครับต้องบอกอย่างงี้ว่ายอมผมมีหลักการ
00:22:11 → 00:22:15 ง่ายๆคืออยากให้อะไรเด่นให้ตั้งอนั้นก่อน
00:22:15 → 00:22:18 ยังไงอ่ะสมมุติว่าผมจะทำ paing ไนกับ
00:22:18 → 00:22:21 อาหารถ้าผมอยากให้อาหารเด่นผมจะตั้งอาหาร
00:22:21 → 00:22:24 ก่อนเลยอือให้ไวนเนี่ยเป็นแบนด์อืเข้าใจ
00:22:24 → 00:22:26 มั้ยฮะคือให้นักร้องนำ่ะเค้ายืนอยู่หน้า
00:22:26 → 00:22:29 เวทีเลยแล้วให้วนเนี่ยเป็นแบรนด์ที่อยู่
00:22:29 → 00:22:31 ข้างหลังคอยซัพพอร์ตเฉยๆก็พอครับแต่ถ้า
00:22:31 → 00:22:35 วันเนี้ผมอยากให้ไวมันเด่นอืผมตั้งไวน
00:22:35 → 00:22:37 ก่อนเราจะใช้ Y 1 2 3 4 5 แล้วผม
00:22:37 → 00:22:41 ค่อยสร้างอาหารน่ะมาซัพพอร์ตมันอือันนี้
00:22:41 → 00:22:45 มันทำได้ 2 ทางแต่ในกรณีนี้ผมเป็นทางเชฟะ
00:22:45 → 00:22:48 ซ่อมใช่ในกรณีส่วนมากของร้านอาหารซึ่งแน่
00:22:48 → 00:22:51 นอนอยู่แล้วว่าอาหารเด่นกว่าอือฮึใช่ครับ
00:22:51 → 00:22:54 มันถึงมีแสม
00:22:54 → 00:22:58 ไงใช่กำลังจะถามต่อว่าแล้วแ SM smit ทำ
00:22:58 → 00:23:02 อะไรเราเข้าไป cate อืออาหารให้ด้วย
00:23:02 → 00:23:06 สมมุติว่าอ่ะเราจะสร้างเมนูใหม่กันนะอื
00:23:06 → 00:23:08 อย่างล่าสุดเลยเนี่ยเดี๋ยวผมจะไปทำให้กับ
00:23:08 → 00:23:11 ร้านพูดชื่อได้มั้ยเนี่ยพูดได้ Black
00:23:11 → 00:23:14 kish เออของเชฟที่พี่ไม่รู้ว่าใครอ่ะใคร
00:23:14 → 00:23:17 วะไม่บอก SH Black SH Black จะไปทำ
00:23:18 → 00:23:20 paring ให้เฟ Black เงี้ยเ้าเขียนรายการ
00:23:20 → 00:23:23 อาหารออกมาปึ๊บผมก็คิดแล้วว่าผมจะเจออะไร
00:23:23 → 00:23:25 บ้างแต่ผมต้องคุยโทรศัพท์กับเานานมากเลย
00:23:25 → 00:23:29 นะอืพี่ทำยังไงน้ำมันตัวเนี้ยทำยังไงอัน
00:23:29 → 00:23:32 นี้ขึ้นมายังไงแล้วพี่ประกอบมันยังไงอมัน
00:23:32 → 00:23:34 เปรี้ยวแค่ไหนอะไรเงี้ยคือผมต้องรู้ทุก
00:23:34 → 00:23:37 อย่างเลยอาจารย์อือผมเอาข้อมูลพวกเนี้ยไป
00:23:37 → 00:23:39 รวบรวมแล้วผมก็เขียนแล้วว่าผมจะแพกับอะไร
00:23:39 → 00:23:42 เราไม่ต้องไปชิมอาหารก่อนหรออันนี้คือการ
00:23:42 → 00:23:45 สเกตก่อนครับเราเราก็คิดละอย่างที่จะนัด
00:23:45 → 00:23:49 ไปกันเนี่ยเขาจะใช้วแค่ 4 ตัวอฮแต่ผมคิด
00:23:49 → 00:23:52 ว่าอย่างน้อยผมน่าจะเอาไปประมาณ 7-8 ขวด
00:23:52 → 00:23:54 อยู่แล้วอืเพื่อสำรองเผื่อใช่เผื่อว่า
00:23:55 → 00:23:58 สิ่งที่ผมคิดมันไม่ถูกอือ่ะก็ิินี่ไงเออ
00:23:58 → 00:24:01 ครับหรือถ้ามันโอเคแล้วแล้วพี่แบ็คเโอเค
00:24:01 → 00:24:04 แล้วก็จบเลยอะไรอย่างนี้เป็นต้นนะครับคือ
00:24:04 → 00:24:07 ถ้ากับร้านอื่นผมไม่พิกกี้เท่าเท่าร้าน
00:24:07 → 00:24:09 ตัวเองเพราะว่าผมไม่อยากให้เค้าเสียเวลา
00:24:09 → 00:24:12 อือ่าเราอยากให้มันให้เขาคพอใจในงานเราจบ
00:24:12 → 00:24:16 ละอะไรอย่าเงี้ยครับแล้วแ smit สมมุติว่า
00:24:16 → 00:24:19 เราเจออาหารตัวนี้ที่มันควรจะอยู่แนี้
00:24:19 → 00:24:22 แล้วเข้าแล้วมันเค้าอาจจะดีใจแล้วนะเคอาจ
00:24:22 → 00:24:24 จะโอเคแล้วแต่ผมเห็นแล้ว
00:24:24 → 00:24:27 ว่ากระเทียมเยอะไปหรือว่าเอิ่ของอันนี้
00:24:27 → 00:24:31 มันทอดมาแบบมันทอดกรอบไม่พอหรืออะไรก็
00:24:31 → 00:24:36 แล้วแต่ผมก็จะต้องบอกกับทางลานว่าถ้าพี่
00:24:36 → 00:24:39 ตัดกระเทียมได้นิดนึงอือแล้วผมขอให้มัน
00:24:39 → 00:24:42 เปรี้ยวขึ้นนิดนึงอือรถทอดอเนี่ยเอาให้
00:24:42 → 00:24:45 สุดเลยมันจะเข้ากันได้ดีกว่าก็คือแนะนำ
00:24:46 → 00:24:48 แนะนำครับแต่สุดท้ายทำไม่ทำแล้วแต่เรื่อง
00:24:48 → 00:24:50 เรื่องเขใช่ครับผมผมก็พูดในมุมผมอะไร
00:24:50 → 00:24:52 เงี้ยใช่ซึ่งผมรู้สึก
00:24:52 → 00:24:55 ว่ามันเป็นบริการที่โอเคมากเลยอ่ะเพราะ
00:24:55 → 00:24:58 ว่าพี่ใช้บริการผมสัก 2 ครั้งอ่ะอื
00:24:58 → 00:25:01 พี่จะเริ่มจับทางได้แหละแล้วพี่ก็จะเริ่ม
00:25:01 → 00:25:05 ทำเองได้ออือใช่แล้วแมทำทำไมเอาตรงๆเลยนะ
00:25:05 → 00:25:09 ครับชอบชอบอะไรชอบผมชอบผมชอบสร้างสิ่ง
00:25:09 → 00:25:12 เงี้ยผมชอบเจอคู่แบบผมชอบการสร้างรสชาติ
00:25:12 → 00:25:16 ใหม่เวลาของสมันเจอกันน่ะเออคือผมน่าจะ
00:25:16 → 00:25:18 เป็นเหมือนแบบหมกมุ่นกับมันน่ะผมคิดถึง
00:25:18 → 00:25:21 มันตลอดเวลาครับเอออันนี้กินกับอะไรดีนะ
00:25:21 → 00:25:22 อันนั้นกินกับอะไรดีนะผมจะคิดเรื่องเย
00:25:22 → 00:25:27 ตลอดเลยพยาผมชี้ฟักทองอือ instant เลยนะ
00:25:27 → 00:25:31 ผมแพกันอะไรดีอือแล้วก็จะคิดเลยว่ามัน
00:25:31 → 00:25:34 ต้องเอาักทองเนี่ยมันจะไปทำอะไรอือเออเรา
00:25:34 → 00:25:35 จะแพกันอะไรดีในหัวผมจะคิดเรื่องว่าเย
00:25:35 → 00:25:38 ตลอดผมก็เลยรู้สึกว่าผมอยากแชร์เรื่อง
00:25:38 → 00:25:41 เนี้ยให้คนอื่นกับร้านอื่นๆให้วงการมัน
00:25:41 → 00:25:45 แบบอันนี้ด้วยที่กล้องทำคือการจับคู่
00:25:45 → 00:25:49 อาหารให้ร้านนั้นใช่ครับไวนที่มีของของ
00:25:49 → 00:25:52 กล้องเองหรือป่ะอ๋อขอบคุณที่ถามครับอือ
00:25:52 → 00:25:54 อันนี้ไม่ได้มาโฆษณาแบบเค้าเรียกว่า Bring
00:25:54 → 00:25:58 ตัวเองนะแต่ว่ามันคือมโตของผมกับแ smit
00:25:58 → 00:26:01 คือ No commission แล้วได้อะไรเออเนี่ย
00:26:01 → 00:26:04 คำถามผมไม่มีคอมมิชชั่นกับบริษัทเออผมไม่
00:26:04 → 00:26:07 มีคอมมิชั่นกับร้านอือซื้อกันเองออเหรอ
00:26:07 → 00:26:10 ซื้อเองผมแนะนำให้ทุกคนซื้อกันเองครับอัน
00:26:10 → 00:26:13 นี้คือซอมาเย่เค้าทำอย่างงี้กันอซอมต้อง
00:26:13 → 00:26:15 กินเปอร์เซ็นต์สิโดยปกติแล้วด้วยด้วย
00:26:15 → 00:26:18 ธรรมชาติของสิ่งที่หมุนไปในสังคมปัจจุบัน
00:26:18 → 00:26:20 เนี้ยมันธกใช่มันทำงานมันก็ต้องได้เงิน
00:26:20 → 00:26:24 แต่ผมอ่ะคิดแค่ค่าบริการอืก็คือรอบนี้
00:26:24 → 00:26:27 เท่าไหร่แค่นั้นเองส่วนที่เหลือร้านอาหาร
00:26:27 → 00:26:29 หากำไรก็ลำบากอยู่แล้วอือไม่งั้นผู้
00:26:29 → 00:26:31 บริโภคก็จะต้องโดนเพิ่มเงินเข้าไปอีกใชป
00:26:31 → 00:26:34 ก็ไม่ควรอเอิ่มผมอยากอยู่ฝั่งเดียวกับ
00:26:34 → 00:26:36 ร้านเพราะฉะนั้นจะไม่มีอะไรอยู่ข้างหลัง
00:26:37 → 00:26:40 ร้านไม่มีอะไรอยู่เค้าเรียกอะไรไม่มีอะไร
00:26:40 → 00:26:44 ซุกไว้คือเราเปิดใจกับร้านหมดอ่ะๆเพื่อ
00:26:44 → 00:26:49 ที่ว่าเราเป็นทีมเดียวกันอืเป้าหมายของแ
00:26:49 → 00:26:52 smit คือให้ร้านพี่อ่ะขายดีอืให้คนมากิน
00:26:52 → 00:26:56 มีความสุขใช่แล้วผมได้อะไรผมได้ค่าจ้าง
00:26:56 → 00:26:58 นิดหน่อยกับผมได้ Connection ครับกล้อง
00:26:58 → 00:27:00 ต้องเทรนเค้าด้วยมครับหมายถึงร้านอาหาร
00:27:00 → 00:27:04 ว่าอ่าเทรนนิ่งก็จะเป็นรายได้เสริมของผม
00:27:04 → 00:27:07 ครับถ้าอยากให้เทรนก็เทรนได้เพราะว่าบาง
00:27:07 → 00:27:09 ทีก็เราก็จับคู่ให้แล้วเนาะแต่ว่ามันต้อง
00:27:09 → 00:27:12 อธิบายอีว่าตัวตัวเทนนิอย่างนั้นน่ะเพื่อ
00:27:12 → 00:27:15 ขายอ่ะอันนั้นมีอยู่แล้วตอนที่จับคู่ให้
00:27:15 → 00:27:17 แล้วไปบอกน้องๆในร้านน่ะก็ก็สอนอยู่แล้ว
00:27:17 → 00:27:21 ล่ะแต่ว่าถ้าจะเทรนไเพื่อให้รู้จักไมาก
00:27:21 → 00:27:23 ขึ้นเลยอ่ะก็ก็ก็สามารถทำได้เหมือนกัน
00:27:23 → 00:27:26 ครับเรียกว่ามันมีวิธีการแิที่น่าจะเป็น
00:27:26 → 00:27:29 หลักการอยู่แล้วอ่ะซ่อมก็ทำน่าจะทำกัน
00:27:29 → 00:27:32 เป็นปกติเนาะครับถ้าถามว่าเอ่อแ smit
00:27:32 → 00:27:37 เนี่ยมีความแตกต่างจากการที่ซจับคู่ไวยัง
00:27:37 → 00:27:41 ไงบ้างคือแ Smith เนี่ยอย่างแรกเลยถ้าพี่
00:27:41 → 00:27:44 ดูตัวชื่ออ่ะมันเป็นคำที่ไม่ไม่มีอยู่
00:27:44 → 00:27:47 จริงนะอใช่เออไม่มีไม่มีคันนี้คือมันถูก
00:27:47 → 00:27:50 สร้างขึ้นมาแ smit ทำไมไม่ใช้คำว่า SM
00:27:50 → 00:27:53 เพราะผมค่อนข้างรู้ตัวว่าแบรนด์เนี้ยมัน
00:27:53 → 00:27:55 เป็นขบฏในตัวมันเป็นนิสัยผมไม่ได้ใช้คำ
00:27:56 → 00:27:59 ว่าียใช่มั้ยที่บอกไม่ผมผมไม่เรียกว่าสีย
00:27:59 → 00:28:01 แต่ผมเรียกตัวเองว่าเป็นผมเป็น paor อัน
00:28:01 → 00:28:04 นี้ก็คำใหม่อกก็ใหม่อีกทำไมถึงเป็นอย่าง
00:28:04 → 00:28:06 งั้นเพราะผมรู้สึกว่าผมไม่ชอบขนบเดิมขนบ
00:28:06 → 00:28:09 ของความซอมเข้าถึงยากจังเลยไวเข้าถึงยาก
00:28:09 → 00:28:12 จังเลยต้องใส่สูตรต้องหรูต้องนี่นั่นโน่น
00:28:12 → 00:28:16 ผมไม่อ่ะคอนเซปผมในใจแ SM smit ก็คือวาย
00:28:16 → 00:28:19 มันอยู่ในทุกบรทุกทุกอิริยาบทของชีวิตได้
00:28:19 → 00:28:24 อืมันมันสบายอ่ะอือเออแล้วผมอยากให้
00:28:24 → 00:28:28 มันภาพของไวนมันเป็นเหมือนแบบ Rockstar
00:28:28 → 00:28:31 มากกว่าคนใส่สูตอ่ะมันคนละเรื่องกันน่ะ
00:28:31 → 00:28:35 มัน approachable มันเข้าถึงได้อืโอเคมัน
00:28:35 → 00:28:40 เป็นศาสต์และสีนที่เข้าใจยากหน่อยอืแต่ผม
00:28:40 → 00:28:44 มั่นใจว่าใครก็แล้วแต่ที่ได้ลองกินแิที่
00:28:44 → 00:28:47 ถูกต้องครับเขาจะเข้าใจแล้วเขาจะเห็นภาพ
00:28:47 → 00:28:48 นั้นว่า
00:28:48 → 00:28:54 มันผมผมชอบพูดว่าเวลาที่อาหารกับอาหารกับ
00:28:54 → 00:28:57 วนมันชนกันน่ะมันเหมือนตอนที่พุมันวิ่ง
00:28:57 → 00:29:00 ขึ้นไปอ่ะอืแล้วตอนที่มันเปี้ยงมันชนกัน
00:29:00 → 00:29:03 น่ะมันคือตอนที่ภูมันแตกคือมันเป็นจุดที่
00:29:03 → 00:29:05 สวยที่สุดอ่ะเออมันมันยากที่แบบว่าคนกิน
00:29:05 → 00:29:08 อยากจะแบบรู้สึกอย่างงั้นหรอรู้สึกอย่าง
00:29:08 → 00:29:11 งั้นไม่ยากไม่ยากเหรอแค่มันต้องทำแิแบบ
00:29:11 → 00:29:13 นั้นให้ได้แค่นั้นเมันไม่ยากคนกินพี่มัน
00:29:13 → 00:29:17 ยากคนทำถ้าพี่จำแิที่เป็น paring
00:29:17 → 00:29:20 signature ของร้านผมได้ขนมดอกตะแบกอือ
00:29:20 → 00:29:24 กับวายหวานที่ผมใช้จำได้ไม่ต้องไปนั่งคิด
00:29:24 → 00:29:28 เลยว่าเฮ้ยไปเราจะเห็นพุแตกมวะใครก็เห็น
00:29:28 → 00:29:31 อันนั้นน่ะถ้ามันแิมันถูกต้องอครับมันมัน
00:29:31 → 00:29:34 มันจะมีให้เห็นซึ่งมันเกิดสิ่งเนี้ยได้
00:29:34 → 00:29:38 บ่อยมยแิที่มันถูกต้องที่บอกได้ครับทุก
00:29:38 → 00:29:40 อย่างมันมาจากทั้งความรู้สึกและเอ่อ
00:29:40 → 00:29:44 วิทยาศาสตร์ใช่ครับอือพี่จะตกใจมากถ้าพี่
00:29:44 → 00:29:47 รู้ว่าผมต้องอ่านหนังสือไวนเยอะขนาดไหน
00:29:47 → 00:29:50 เออใช่ทุกวันนี้ก็ยังอ่านอยู่นะเป็นวิธี
00:29:50 → 00:29:52 การคายเครียดของตัวเองซึ่งแปลกมากมันไม่
00:29:52 → 00:29:54 ได้ดูคายเครียดเลย้จริงจริงๆผมแบบเครียด
00:29:54 → 00:29:56 มากอะไเงี้ยผมอ่านหนังสือไววายใช่แล้วก็
00:29:56 → 00:29:58 อ่านหนังสือวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเรื่อง
00:29:58 → 00:30:01 ของสารประกอบเรื่องกลิ่นอะไรพวกเนี้ยคน
00:30:01 → 00:30:04 กินจำเป็นต้องรู้พวกนี้ยไม่ต้องใช่อันนี้
00:30:04 → 00:30:07 คือโอเคคือหน้าที่ของของซอมหรือก้องเอง
00:30:07 → 00:30:11 เนี่ยทำไงก็ได้ให้สิ่งที่มันยากมันมาถึง
00:30:11 → 00:30:14 คนกินแบบง่ายที่สุดง่ายที่สุดใช่ครับอื
00:30:14 → 00:30:17 พี่มีหน้าที่กินแล้วอร่อยตามผมไปมใช่พี่
00:30:17 → 00:30:20 มีหน้าที่กินอร่อยมีความสุขกับบ้านครับ
00:30:20 → 00:30:23 เอ้อทั้งหมดมีแค่นั้นเมื่อกี้กล้องบอกว่า
00:30:23 → 00:30:28 ของกล้องมี 7 7 จานแล้วไว 7 ตัวไอ้ไอ้ไว
00:30:28 → 00:30:31 1 จานต่อไวเอ้ย 1 จานต่อไว 1 ตัวเนี่ย
00:30:31 → 00:30:34 มันเป็นแบบอุดมคติของคนแิเลยมั้ยเหมือน
00:30:34 → 00:30:37 พี่มีรองเท้า 7 คู่อ่ะครับเออแล้ววันนี้
00:30:37 → 00:30:39 พี่จะไปวิ่งพี่กสรองเท้าวิ่งวันนี้พี่จะ
00:30:39 → 00:30:41 ไปเทรนนิ่งพิสรทเทรนนิ่งพรุ่งนี้จะเป็น
00:30:41 → 00:30:44 แบบเดินพี่กสรองเท้าเดินอย่าเงี้ยอมันมี
00:30:44 → 00:30:48 specific ของมันซึ่งมันดีกว่ามากอืก็
00:30:48 → 00:30:51 เหมือนที่บอกไปฟิตติ้งตัดชุดว่ากับจานนี้
00:30:51 → 00:30:55 ใชๆมันจะเข้ากันเป๊ะๆๆๆหมดอะไร
00:30:55 → 00:30:58 เงี้ยแล้วถ้าเกิดเราสถานการณ์ที่เราไม่
00:30:58 → 00:31:03 ได้ไปร้านที่เาทำแิให้ 1 ต่อ 1 เงี้ยเอ่อ
00:31:03 → 00:31:06 ต้องเลือกไวน 1 ขวดต้องสัต้องดูอะไรบ้าง
00:31:06 → 00:31:08 จากอาหารที่เราสั่งใช่ต้องดูก่อนว่าสั่ง
00:31:08 → 00:31:11 อะไรอือครับถ้าเป็นเลือก Wi by the
00:31:11 → 00:31:14 bottle เนี่ยก็เหมือนเดิมครับสมมุติว่า
00:31:14 → 00:31:17 พี่มาร้านผมพี่วันเนี้ยพี่อยากจะให้อะไร
00:31:17 → 00:31:19 เด่นพี่เลือกอันนั้นก่อนครับอครับสมมุติ
00:31:19 → 00:31:22 ว่าพี่บอกว่าพี่อยากให้ไวนเด่นออพี่เลือก
00:31:22 → 00:31:24 ไวนก่อนเลยครับอาหารหรือไวนเด่นใช่มั้ย
00:31:24 → 00:31:27 ใช่สมมุติว่าพี่คืเนี้ยพี่มาพี่แบบเราเรา
00:31:28 → 00:31:30 อยาก Enjoy ไวนมากอพี่เลือกไววายก่อนเลยอ
00:31:30 → 00:31:32 ก่อนอาหารอีกใช่ก่อนที่จะสั่งอีกแล้วพี่
00:31:32 → 00:31:34 ตั้งได้แล้วตุ๊กตาพี่ตั้งแล้วอ๋อวันนี้
00:31:34 → 00:31:38 เราจะกินเป็นไวนยี่ห้อ A มาจากประเทศ
00:31:38 → 00:31:41 อเมริกาเออพี่ไปเลือกอาหารให้มันเข้ากับ
00:31:41 → 00:31:44 มันง่ายกว่าใช่คือเลือกไวนที่เราชอบแน่ๆ
00:31:44 → 00:31:47 ใช่เลือกอาหารให้เข้าอันนี้คือหลักการที่
00:31:47 → 00:31:49 ว่าอยากให้วายเด่นเออแต่ถ้าพี่อยากให้
00:31:49 → 00:31:52 อาหารเด่นพี่เลือกอาหารก่อนครับดูจานเมน
00:31:52 → 00:31:55 คอร์สป่ะหรือว่าดูภาพรวมของของผมดูภาพรวม
00:31:55 → 00:31:58 ภาพรวมใช่มั้ใช่แล้วก็สำคัญที่สุดดูคนที่
00:31:58 → 00:32:02 ไปด้วยยังไงนะอย่างภรรยาผมเนี่ยครับถ้า
00:32:02 → 00:32:03 สมมุติเราไปด้วยกันแล้วเราต้องเลือกไวสัก
00:32:04 → 00:32:07 ขวนเนี่ย 100% ว่าเป็นวขาวอืเพราะว่าแฟน
00:32:07 → 00:32:11 ผมดื่มวแดงไม่เป็นอือคือเาไม่ชอบใช้คำว่า
00:32:11 → 00:32:14 ดื่มไม่เป็นเเไม่ชอบอไม่ชอบก็ก็วขาวเพราะ
00:32:14 → 00:32:18 ฉะนั้นมันก็ค่อนข้างชัดเจนว่าถ้าผมจะกิน
00:32:18 → 00:32:21 เนื้อคลิกตรงนี้ไว้ก่อนมันมีวขาวที่กิน
00:32:21 → 00:32:23 กับเนื้อได้เยอะมากนะครับคือพอพูดเนื้อ
00:32:23 → 00:32:25 ปุ๊บสีแดงมันขึ้นมาแหะใช่แต่มันมีวัยขาว
00:32:25 → 00:32:28 ที่กินได้แล้วอร่อยมากเออๆ
00:32:28 → 00:32:31 ผมก็จะรู้แล้วว่าถ้าผมจะกินเนื้อคืนเนี้ย
00:32:31 → 00:32:33 แล้วผมต้องเลือกอันนี้ด้วยผมก็จะโยงทุก
00:32:33 → 00:32:36 อย่างเข้าหากันแล้วว่าโอเคเพราะฉะนั้น
00:32:36 → 00:32:38 เนื้อผมควรจะต้องติดมันนิดนึงลีนไม่ได้
00:32:38 → 00:32:41 เออแล้วผมก็ต้องใช้วขาวที่เปรี้ยวมากอื
00:32:42 → 00:32:44 อันนี้คือสำหรับผมเองครับแล้วทันนี้เขาจะ
00:32:44 → 00:32:47 กินอะไรเดี๋ยวค่อยมาโยงอีกทีนึงเพราะอะไร
00:32:47 → 00:32:50 เพราะอะไรมันต้องเป็นเพราะว่าผมใช้วายขาว
00:32:50 → 00:32:54 เป็นคิเป็นตัวที่ล้างอืไม่ได้ให้สนับสนุน
00:32:54 → 00:32:56 เนี่ยมันผมผมบอกว่าแี่มันมี 2 Property
00:32:56 → 00:32:59 ไงมันเลือกเลือกใช้ได้ได้เออแล้วคนที่สอน
00:32:59 → 00:33:03 ผมเรื่องนี้เป็นมาซอครับเป็น masia มี
00:33:03 → 00:33:06 อยู่ประมาณ 270 กว่าคนในในโลกเซึ่งมีน้อย
00:33:06 → 00:33:08 มากแล้วพวกนี้เก่งมากแล้วก็เป็นอาจารย์ผม
00:33:08 → 00:33:10 อือๆเขาบอกว่าหนึ่งใน paing ที่ดีที่สุด
00:33:10 → 00:33:13 ที่เขาเคยกินมาคือ riesling
00:33:13 → 00:33:18 กับทบน stake ซึ่งโดยความความคิดแล้วมัน
00:33:18 → 00:33:20 ดูไม่ใช่ไม่ใช่โอเค reeling สำหรับคนที่
00:33:20 → 00:33:23 ไม่รู้คือเป็นไขาวที่หลายคนพูดว่าหวานแต่
00:33:23 → 00:33:25 ไม่ใช่ครับจริงๆรลิเป็นองุ่นที่เปรี้ยว
00:33:25 → 00:33:28 ที่สุดคือวายจากความคิดเราเนี่ยจริงๆแล้ว
00:33:28 → 00:33:30 มันมีมากกว่านั้นอย่างที่กล้องบอกว่าถ้า
00:33:31 → 00:33:33 เกิดเราจะทำคลาสสิค paring เนี่ยทำได้แต่
00:33:33 → 00:33:35 จริงๆแล้วมันมีทางเลือกมันมีทางอื่นเยอะ
00:33:35 → 00:33:39 มากเยอะมากครับอ่ะกลับมาที่ลิกับอ่ะผมก็
00:33:39 → 00:33:42 เลยลองเพราะผมรู้สึกว่าบ้าเป็นไปไม่ได้
00:33:42 → 00:33:45 เออแล้วผมแบบชอบอ่ะชอบเวลาพมีคนพูดว่าแบบ
00:33:45 → 00:33:48 ออันนี้เวิร์คมากเลยแล้วมันแบบมันดูผิด
00:33:48 → 00:33:51 รูปผิดร่างอ่ะผมลอง
00:33:51 → 00:33:55 โอ้โหอร่อยอร่อยแบบเฮ้ยมันทำแบบนี้ได้
00:33:55 → 00:33:58 ด้วยอ่ะแล้วแล้วเราเข้าใจว่ามันเกิดขึ้น
00:33:58 → 00:34:00 เพราะอะไรเนี่ยก็ผมก็เลยมาเข้าใจว่าอ๋อ
00:34:00 → 00:34:03 มันคือการมันคือการล้างออกผมขออนุญาตใช้
00:34:03 → 00:34:05 ภาษาอังกฤษแล้วกันเนาะเขาจะเรียกกันว่า
00:34:05 → 00:34:08 contrast or cascade contrast คือ
00:34:08 → 00:34:10 contrast คือนี่แหละนี่อันนี้แหละคือคือ
00:34:10 → 00:34:12 การล้างอย่าล้างทิ้งเลย contrast ให้มัน
00:34:12 → 00:34:15 ต่างกัน cascade คือไปด้วยกันไปด้วยกัน
00:34:15 → 00:34:19 ซึ่งมีแค่ 2 อย่างหลักๆหลักๆครับเออๆซึ่ง
00:34:19 → 00:34:21 เดี๋ยวขอถามแยกอนิดนึงคือแบบเราอยากรู้
00:34:21 → 00:34:24 ว่าแต่ละร้านต้องบอกลูกค้ามว่าไวชนิด
00:34:24 → 00:34:27 เนี้ยจะล้างหรือจะเสริมไม่ต้องบอกบอกก็
00:34:28 → 00:34:30 ได้บอกก็ดีแต่บางคนเขาก็ไม่ได้อยากรู้ไงอ
00:34:30 → 00:34:33 แล้วแล้วแต่ลูกค้าถ้าถามเราเราอยากรู้อ่ะ
00:34:33 → 00:34:36 ถ้าแบบถ้าผมคุยกับพี่แล้วผมสัมผัสได้
00:34:36 → 00:34:39 ว่าพี่สมีความสนใจอ่ะเราเราเราเราบอกเรา
00:34:39 → 00:34:43 บอกอยู่แล้วแต่ถ้าสมมุติบางทีลูกค้าเมา 2
00:34:43 → 00:34:46 คนอย่างเงี้ยแล้วเอยากมีเวลาของเเราก็ไม่
00:34:46 → 00:34:50 ควรไปยุ่งเยอะอะไรเงี้ยใช่ครับ
00:34:50 → 00:34:54 อจริงๆถ้าเกิดสมมุติว่าไม่ใช่กล้องไม่ใช่
00:34:54 → 00:34:55 เป็นคนกินธรรมดาเนี่ยถ้าอยากจะรู้เรื่อง
00:34:55 → 00:34:58 แิมันควรจะรู้รู้เรื่องอะไรบ้างผมว่าแิ
00:34:59 → 00:35:00 จริงๆเป็นเรื่องของกลิ่นเป็นหลังเนาะต้อง
00:35:00 → 00:35:03 เข้าใจกลิ่นก่อนเรานึกถึงรถมากกว่าไม่ใช่
00:35:03 → 00:35:05 ใช่มั้ยผมผมผมรู้สึกว่ากลิ่นเป็นเรื่อง
00:35:05 → 00:35:09 ที่สำคัญกว่าอเรามีแครอทเค้กที่มีสไปซ์
00:35:09 → 00:35:14 ครับกินกับนมอือกาแฟนมกับเอ่อตัวที่เป็น
00:35:14 → 00:35:18 ช็อกโกแลตทาสกับอเมริกาโนอืผมคิดว่าตัว
00:35:18 → 00:35:22 ชักนำจริงๆคือกลิ่นพี่ลองนึกถึงกลิ่น
00:35:22 → 00:35:24 เมกาโน่กับกลิ่นของลาเต้ดูมันก็จะเป็น
00:35:24 → 00:35:27 กลิ่นกาแฟกับกลิ่นนมที่เมโลที่นุ่มนวล
00:35:27 → 00:35:31 หน่อยใช่ผมว่ากลิ่นกาแฟที่มันมีความคั่วๆ
00:35:31 → 00:35:35 มันเหมาะกับคาแรคเตอร์ที่มันเข้มกว่าเออ
00:35:35 → 00:35:39 ของช็อกโกแลตโอเคแล้วไอ้ความเมลลของลาเต้
00:35:40 → 00:35:43 อ่ะมันก็มีความเข้ากันมากกว่ากับอสไปซ์ใน
00:35:43 → 00:35:48 แเค้กอือผมมักจะใช้กลิ่นเป็นตัวนำอือ 2
00:35:48 → 00:35:52 ที่ต้องเข้าใจก็คือน้ำหนักอือทำไมเราถึง
00:35:52 → 00:35:54 กินปลาต้้งโกะกับเน้ำเต้าหู้แล้วรู้สึก
00:35:54 → 00:35:57 ว่ามันเข้ากันเพราะว่าน้ำเต้าหู้มันมีมัน
00:35:57 → 00:35:59 มีบอดี้น้ำหนักมันเยอะเพราะฉะนั้นมัน
00:35:59 → 00:36:03 กินนี่มันก็โอเคที่ถ้ากินกับชามันก็จะได้
00:36:03 → 00:36:06 อีกแบบนึงแต่ก็จะรู้เลยว่าบอดี้ของปาโกะ
00:36:06 → 00:36:10 มันเยอะกว่ามันไม่มันไม่เท่ากับน้ำเตาหู้
00:36:10 → 00:36:12 ละอะไรอย่างเงี้ยคือเรื่องของน้ำหนักอ่ะ
00:36:12 → 00:36:14 ผมว่ามันเป็นส่วนที่สำคัญมากก็คืออันแรก
00:36:14 → 00:36:16 คือเรื่องกลิ่นเนาะที่บอกใช่อันแรกผมว่าน
00:36:16 → 00:36:18 เรื่องกลิกลิ่นที่มันไปด้วยกันได้ไปด้วย
00:36:18 → 00:36:21 กันได้แล้วมันอยู่ด้วยกันแล้วดีครับจริงๆ
00:36:21 → 00:36:22 คนไทยเก่งเรื่องนี้มากนะเรื่องกินน่ะเรา
00:36:22 → 00:36:25 ลองดูตะไคร้ใบมะกรูดที่เราใช้ๆมาเนี่ย
00:36:25 → 00:36:28 เยอะเราคุ้นเคยกับสิ่งพวกนี้ใช่พวกเราอ่ะ
00:36:28 → 00:36:30 ได้เปรียบเราคุ้นเคยมาก 2 ก็คือน้ำหนัก
00:36:30 → 00:36:34 ครับใช่แล้วก็ 3 ผมว่าเรื่องเสำคัญที่สุด
00:36:34 → 00:36:38 อีกอันนึงก็คือให้เข้าใจสเปซซึ่งฟังดูไม่
00:36:38 → 00:36:41 ใช่เรื่องหลดรสชาติเท่าไหร่เนาะใช่ดูแบบ
00:36:41 → 00:36:45 Space คืออะไรสเสคือที่ว่างของรสชาติ
00:36:45 → 00:36:50 ต่างๆแหละอืเรากินข้าวผัดแล้วเราต้องใส่
00:36:50 → 00:36:54 พริกน้ำปลาอืถ้าข้าวผัดที่ไม่พิงน้ำปลา
00:36:54 → 00:36:57 เป็นข้าวผัดที่มีสเปซคือยังมีที่ว่างให้
00:36:57 → 00:36:59 เราอยู่ใช่แต่พอพี่ใส่พริกน้ำปลาเข้าไป
00:36:59 → 00:37:03 อ่ะเข้าผ่าดัน Space จะหายไปแล้วเพราะมัน
00:37:03 → 00:37:05 เต็มแล้วมันเต็มพูดให้นี่คือเข้าใจง่าย
00:37:05 → 00:37:07 มากแล้วนะแต่ก็แบบเข้าใจง่ายกว่านั้นก็
00:37:07 → 00:37:09 คือแบบว่าถ้าเป็นข้าวผัดอยู่เรายังรู้สึก
00:37:09 → 00:37:13 ว่าเราขาดอะไรสักหน่อยนึงวะใช่ทุกคนจะติด
00:37:13 → 00:37:15 ปรุงนั่นแหละใช่ๆก็ก็ก็ไม่ได้ว่าอะไรก็
00:37:15 → 00:37:18 ถูกก็ก็ได้เหมือนกันแต่สำหรับผมอ่ะถ้ามัน
00:37:18 → 00:37:22 มีสเปซอยู่แล้วอ่ะผมอาจจะหาเครื่องดื่ม
00:37:22 → 00:37:25 เอามาใช้แทนเออใช่ซึ่งผมคุยเรื่องเนี้ย
00:37:26 → 00:37:31 กับเชแวนว่าอถ้าเราไม่มีที่ว่างเหลือเลย
00:37:31 → 00:37:34 อ่ะเราจะเอาอะไรมาใส่ได้อีกอ่ะอือืออาหาร
00:37:34 → 00:37:38 พี่แวนน่ะอร่อยมากอือแต่ไม่มีช่องว่างให้
00:37:38 → 00:37:41 อะไรใส่เข้าไปละเพราะว่าเ้าทำอาหารครบภาพ
00:37:41 → 00:37:42 มัน
00:37:42 → 00:37:45 จบไม่ได้บอกว่าต้องไปตัดอะไรออกนะเออๆๆ
00:37:45 → 00:37:49 แต่แค่ทำต่อไปข้างหน้าเนี้ยอาจจะมีช่อง
00:37:49 → 00:37:53 ว่างในอาหารให้ให้ให้ให้นิดนึงถ้าอยาก
00:37:53 → 00:37:56 แพริ่งถ้าอยากจะทำแพริ่งถ้าอยากจะทำแิมี
00:37:56 → 00:38:00 คนที่ทำอาหารแล้วจบในตัวซึ่งดีซึ่งซึ่ง
00:38:00 → 00:38:02 เป็นเรื่องที่ดีแล้วครับอร่อยแล้วใช่ก็
00:38:02 → 00:38:04 ไม่ได้ต้องการ pairing เพิ่มอะไรเงี้ยแต่
00:38:04 → 00:38:06 ถ้าอยากจะให้มันกินด้วยกันแล้วสร้างสิ่ง
00:38:06 → 00:38:07 ใหม่
00:38:07 → 00:38:11 ได้ไปไกลกว่าแค่อาหารที่เราทำได้เออเหลือ
00:38:12 → 00:38:14 ที่นิดนึงพี่มีที่ให้ผมซักหน่อยใช่ๆพี่
00:38:14 → 00:38:17 ให้ผมหน่อยคือคือแบบว่ามันก็เลยต้องคุย
00:38:17 → 00:38:21 กันเนระหว่างเชฟกับกับคนที่ทำแิไใช่ครับ
00:38:21 → 00:38:25 แต่ในในโลกของความเป็นจริงอ่ะมันมันไม่
00:38:25 → 00:38:28 ใช่แบบนั้นซะทีเดียวอื
00:38:28 → 00:38:30 ถ้าเป็น Perfect World ในความคิดของผม
00:38:30 → 00:38:33 คือเขาควรจะคุยกันอแต่ว่าในในในเค้าเรียก
00:38:33 → 00:38:35 ว่าสิ่งที่ขับเคลื่อนสังคมตอนเนี้มันเป็น
00:38:35 → 00:38:38 เรื่องของแน่นอนมันเป็นร้านอาหารอาหารนำ
00:38:38 → 00:38:42 อยู่แล้วแล้วก็คนทำแิก็วิ่งตามกันไปอือ
00:38:42 → 00:38:44 ตอนนี้มันเป็นแบบนั้นอืครับเมื่อกี้พูด
00:38:44 → 00:38:47 ถึงข้าผัก็เลยนึกขึ้นได้ว่าอาหารไทยเนี่ย
00:38:47 → 00:38:50 หลังๆก็ถูกแิกับไวเยอะอยู่นะอโอ้ยพี่
00:38:50 → 00:38:53 ขอบคุณมากเนี่ยคือตัวอย่างที่ดีมากของการ
00:38:53 → 00:38:55 มีช่องว่างให้ฉันหน่อยอาหารไทยมีช่องว่าง
00:38:55 → 00:38:58 เหรออาหารไทยไม่ไม่เคยเคยมีช่องว่างเพราะ
00:38:58 → 00:39:02 ว่าเครบรถเครบกใช่จะบอกว่ามันไม่ดูไม่มี
00:39:02 → 00:39:04 ช่องว่างให้วายเลยนะแต่พี่สังเกตว่าอาหาร
00:39:04 → 00:39:08 ไทยปัจจุบันนี้ในในในในตอนนี้มันเริ่มมี
00:39:08 → 00:39:12 ช่องว่างมากขึ้นหมายถึงที่เชฟหลายๆคนทำ
00:39:12 → 00:39:16 ใช่ไม่ใช่อาหารไทยที่เรากินกันเราว่า
00:39:16 → 00:39:18 อาหารไทยที่กินกันในตในตามบ้านอ่ะอันนั้น
00:39:18 → 00:39:21 ยังเต็มอยู่อันนั้นไม่มีอะไรแต่หึว่ากับ
00:39:21 → 00:39:24 กับเา้าเรียกว่าเลือดใหม่ไฟแรงที่ขึ้นมา
00:39:24 → 00:39:27 ทำอาหารรนี้ที่เป็นเชฟสมัยใหม่เนี่ยอก็จะ
00:39:27 → 00:39:31 เริ่มมีช่องว่างอือที่ว่างพื้นที่นิด
00:39:31 → 00:39:34 หน่อยให้กับสิ่งอื่นได้เข้าไปหามันอันนี้
00:39:34 → 00:39:37 ผมพูดเพราะว่าผมก็ผมก็ทำอาหารไทยเหมือน
00:39:37 → 00:39:41 กันแล้วผมก็เหลือที่อนิดนึงให้ให้วายเข้า
00:39:41 → 00:39:43 ไปได้เหมือนกันแล้วคนที่กินน่ะเขามีความ
00:39:43 → 00:39:46 สุขอือเมื่อได้เจอสิ่งใหม่แล้วหันมาบอกผม
00:39:46 → 00:39:50 ว่าไม่น่าเชื่อนะว่าอาหารไทยก็ก็แพได้อ่ะ
00:39:50 → 00:39:53 อือผมแค่ให้พื้นที่มันนิดนึงแค่นั้นเอง
00:39:53 → 00:39:55 ครับเพราะฉะนั้นผมถึงกลับมาบอกที่เดิมว่า
00:39:55 → 00:39:57 ถ้าต้องเข้าใจอะไรบ้าง 1 กลิ่น
00:39:57 → 00:40:00 2 ที่ผมคิดว่าควรจะเข้าใจมากก็คือน้ำ
00:40:00 → 00:40:02 หนักแล้วก็ 3 ก็คือเรื่องของพื้นที่พื้น
00:40:02 → 00:40:05 ที่เออใช่ครับผมว่าทำความเข้าใจได้เนาะ
00:40:05 → 00:40:08 มันมันมันเป็นมันก็เป็นเรื่องที่แบบสุนทร
00:40:08 → 00:40:10 สุดท้ายเรารู้สึกว่าแิมันคือสุนทรียะแบบ
00:40:10 → 00:40:14 นึงถูกต้องครับแิคือคือสุนทรียสุนทรียะ
00:40:14 → 00:40:17 ถูกต้องใช่คุณจะไม่สุนทรียะก็แล้วแต่แต่
00:40:17 → 00:40:19 ว่าถ้าเกิดใครอยากสุนทรคุณอาจจะต้องเข้า
00:40:19 → 00:40:22 ใจเรื่องเนี่ยกลิ่นพื้นที่อะไรมันบ้าง
00:40:22 → 00:40:25 อะไรเงี้ใช่ครับแล้วก็อย่ารู้สึกว่าคำคำ
00:40:25 → 00:40:28 จำกัดความที่ผมให้ไปอ่ะอืออือมันเป็นสิ่ง
00:40:28 → 00:40:31 ที่เราต้องคิดตามต้องต้องตามต้องจำไม่ไม่
00:40:31 → 00:40:33 ไม่จำเป็นเลยครับผมกำลังจะบอกว่าทุกคนน่ะ
00:40:33 → 00:40:36 มีเซ้นส์ของการแิทุกคนอือถ้าเราบอกได้ว่า
00:40:36 → 00:40:38 เราจับนี้เมื่อกีอย่างนี้เราชอบเราจับนี้
00:40:38 → 00:40:42 เมื่อกิอย่างนี้แล้วเราไม่ชอบคุณทำแิได้
00:40:42 → 00:40:45 แล้วอืแค่นั้นเองครับมันง่ายมากแต่ถ้า
00:40:45 → 00:40:50 อยากจะลงให้ลึกมันมีศาสตของมันอย่างที่ผม
00:40:50 → 00:40:53 บอกเราอยากรู้ว่าเวลาเรากินอาหารเนี่ยกับ
00:40:54 → 00:40:57 ไวนเนี่ยสมมุติว่าเรากินเราเราเปิดไวนขน
00:40:57 → 00:41:01 นึงครับจานแรกๆเรายังรู้สึกว่าเราเนอือ
00:41:01 → 00:41:03 แต่ว่าพอเรากินไวไปเรื่อยๆเนี่ยเรารู้สึก
00:41:03 → 00:41:07 ว่าเราเริ่มไม่ได้โฟกัสกับตัวไวนละแล้ว
00:41:07 → 00:41:11 แล้วอาหารที่มันทำแิอ่ะมันมันจะต้อง
00:41:11 → 00:41:16 เอ่อจำกัดปริมาณของไวด้วยไหมว่ายังทำให้
00:41:16 → 00:41:19 คน Enjoy การอาหารจนจบคอแน่นอนครับเวลา
00:41:19 → 00:41:22 ที่ผมทำแินะให้ให้ลูกค้านะผมคำนวณปริมาณ
00:41:22 → 00:41:27 ผมคำนวณปริมาณแอลกอฮอล์ด้วยอเอ้อว่ากินจบ
00:41:27 → 00:41:30 ไปแล้วอ่ะมันจะเกินไปหรือเปล่าอะไรเงี้ย
00:41:30 → 00:41:34 คืออต้องต้องบอกก่อนว่าเราก็ทำเท่าที่ทำ
00:41:34 → 00:41:36 ได้มากที่สุดครับแต่แต่ละคนน่ะมีผลกับ
00:41:36 → 00:41:38 แอลกอฮอล์หรือว่ามีการตอบรับกับแอลกอฮอล์
00:41:38 → 00:41:41 ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับ Body mas อะไร
00:41:41 → 00:41:43 อย่างเงี้ยมันหลายอย่างใช่มั้ยครับแต่เรา
00:41:43 → 00:41:46 คิดเรื่องพวกนี้แล้วที่ผมกลัวมากที่สุดก็
00:41:46 → 00:41:48 คือผมกลัวมีเขาเรียกว่าแอลกอฮอล
00:41:48 → 00:41:51 intoxication ก็คือเมานั่นแหละอือผมไม่
00:41:51 → 00:41:55 อยากให้ลูกค้าผมแล้วผมพูดติดเล่นในในใน
00:41:55 → 00:41:58 ร้านตลอดว่าผมอยากอยากให้ลูกค้ากลับบ้าน
00:41:58 → 00:42:00 คืนเนี้ยเราจำได้ว่าตัวเองกินอะไรไปบ้าง
00:42:00 → 00:42:03 ใช่บางคนก็แบบเพราะสุดท้ายถ้าแบบไอ้เนี่ย
00:42:03 → 00:42:05 ไม่งั้นมันจะกลายเป็นว่ายุจับกลับไปจำอะไ
00:42:05 → 00:42:07 ไม่ได้เลยนะเออที่ถามกล้องเมื่อกี้แหละ
00:42:07 → 00:42:11 ว่าเวลาเราทำแิให้ลูกค้า 1 1 ครั้งเนี่ย
00:42:11 → 00:42:14 ไม่ได้ตั้งใจจะให้เา้าเมาผมพยายามที่สุด
00:42:14 → 00:42:16 ที่จะให้เขาได้ประสบการณ์ที่ดีอและพยายาม
00:42:16 → 00:42:19 ที่สุดที่จะให้เขาจำทุกอย่างได้ก็ Balance
00:42:19 → 00:42:21 อีกแล้วอืมันก็คือ Balance ใช่คือสุดท้า
00:42:21 → 00:42:24 แล้วแบบคุณอยากจะ Enjoy กับไวจนจนเมาก็
00:42:24 → 00:42:26 ได้แต่ไม่ไม่ไม่ไม่ทำอย่างงั้นดีกว่าแต่
00:42:26 → 00:42:28 ก็ได้แหละ
00:42:28 → 00:42:30 ผมมาคุยกับพี่แล้วผมรู้สึกว่าผมอยากบอก
00:42:30 → 00:42:34 เรื่องเนี้ยให้กับคนที่เป็นผู้บริโภคอ่ะ
00:42:34 → 00:42:36 ได้ได้ได้ฟังแล้วได้เข้าใจมากๆเลยอ่ะทั้ง
00:42:36 → 00:42:39 ๆที่เราขายวายใช่แล้วผมเองก็เป็นคนที่
00:42:39 → 00:42:42 ศึกษาเรื่องนี้แล้วผมเพิ่งมาตั้งคำถามตัว
00:42:42 → 00:42:44 เองอันเนี้ยเมื่อไม่นานมาเองนะอว่าคำว่า
00:42:44 → 00:42:48 เมาอ่ะอยู่ตรงไหนอืถ้าถามเราเราแค่รู้สึก
00:42:48 → 00:42:52 ว่าพอเริ่มมีพฤติกรรมที่เราไม่เคยทำสิ่ง
00:42:52 → 00:42:56 นี้ในเวลาปกติอ่ะอาจจะเริ่มเมาเห็นป่ะผม
00:42:56 → 00:42:59 ว่าเส้นมันเบลอมากเลยมันเบลอใช่แล้วแล้ว
00:42:59 → 00:43:01 จะบอกว่าอย่างคุณแม่ผมอ่ะชอบพูดว่าตอนตอน
00:43:01 → 00:43:05 สาวๆเไม่เมาอือเค้ากินยังไงเก็ไม่เมาผมก็
00:43:05 → 00:43:07 ไปนั่งวิเคราะห์กับพยาว่าจริงๆแล้วไม่ใช่
00:43:07 → 00:43:10 เไม่เมาหรอกเไม่รู้ว่าเค้าเมาอยู่ตรงไหนเ
00:43:10 → 00:43:13 ไม่รู้ว่าเมาคืออะไรอ่ะเออเก็ดป่ะอแต่มัน
00:43:13 → 00:43:15 เป็นไปได้หรอคนไม่เมาอ่ะมันมันกิน
00:43:15 → 00:43:17 แอลกอฮอล์มันก็เมาแหละมันส่งผลกับสมองเรา
00:43:18 → 00:43:20 มันแต่เมาแล้วรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวอะไร
00:43:20 → 00:43:22 อย่างงั้นเป็นต้นซึ่งผมกำลังจะบอกคำนี้
00:43:22 → 00:43:24 ครับคำเนี้ยเป็นคำที่ผมใช้เป็นคาถาของผม
00:43:24 → 00:43:27 เลยหลังจากนี้ไปถ้าอยากเอาไปใช้จะดีกับ
00:43:27 → 00:43:34 ทุกคนมาก 1 ก็คือดื่มไม่ขับอืเด็ดขาดทุก
00:43:34 → 00:43:40 กรณี 2 ถ้ามึนถ้ามึนคือเมาครับไม่เมาแต่
00:43:40 → 00:43:45 ไม่เหมือนเดิมแต่แค่ให้จำคำนี้ไว้ครับถ้า
00:43:45 → 00:43:48 เราเริ่มมึนคือเราเมาแล้วนั่นแหละจุดที่
00:43:48 → 00:43:52 เราเรียกได้ว่าเมาทำไมกล้องถึงแบบคเ
00:43:52 → 00:43:55 เรื่องนี้มากเพราะไม่มีใครอยากจะเป็น
00:43:55 → 00:43:58 เหยื่อจากคนเมาแล้วขับอืแล้วผมไม่อยากให้
00:43:58 → 00:44:00 เกิดเรื่องนี้ขึ้นอีกแล้วในโลกนี้อะไร
00:44:00 → 00:44:03 เงี้ยซึ่งอมันย้อนแย้งเนาะผมเป็นคนขายวาย
00:44:03 → 00:44:07 ใช่แต่สุดท้ายวนไม่ไปชนคนตายพี่คนไปชนคน
00:44:07 → 00:44:11 ตายเออเพราะไม่มีความรับผิดชอบอือถ้าเรา
00:44:11 → 00:44:13 ดื่มเราต้องมีความรับผิดชอบถ้าเราดื่มเรา
00:44:13 → 00:44:16 ต้องรู้ว่ามึนเท่ากับเมาดื่มเท่ากับไม่
00:44:17 → 00:44:18 ขับอะไรอย่างเงี้ยคือมันคือความรับผิดชอบ
00:44:18 → 00:44:20 และวินัยของตัวเองถ้าคิดจะดื่มต้องมี
00:44:20 → 00:44:25 วินัยโอเคถ้าอยากจะให้กล้องไปช่วยแิต้อง
00:44:25 → 00:44:27 ทำยังไงบ้างของผมมีช่องทางเดียวเลยเลย
00:44:27 → 00:44:29 ครับของ The pass Smith ก็คือ Instagram
00:44:29 → 00:44:33 The ขีดข้างล่าง und นะครับแล้วก็ pass
00:44:33 → 00:44:37 Smith P Air r s m ครับอือ The
00:44:37 → 00:44:39 pass smit ก็เข้าไปแล้วก็ส่ง DM มาก็
00:44:39 → 00:44:42 ได้ครับเต้องรู้อะไรมงครับว่าอยากได้อะไร
00:44:42 → 00:44:45 จากก้องบ้างเดี๋ยวเรามาคุยกันดีกว่าผมว่า
00:44:45 → 00:44:50 ผมก็ต้องศึกษาร้านด้วยใช่แล้วก็ยังไม่
00:44:50 → 00:44:52 กล้าพูดเต็มเ่าว่าจะรับได้ทุกงานเพราะว่า
00:44:52 → 00:44:54 ตัวเองก็มีร้านของตัวเองด้วยเงี้ครับใช่
00:44:54 → 00:44:57 ครับแต่ถ้าเกิดสนใจก็ The Pass smic
00:44:57 → 00:45:00 ยินดีมากๆครับได้ครับได้ครับวันนี้ขอบคุณ
00:45:00 → 00:45:03 กล้องมากครับขอบคุณมากๆเลยครับพี่ขอบคุณ
00:45:03 → 00:45:05 หรือถ้าเกิดรู้สึกว่าตอนนี้ยังตอบคำถาม
00:45:05 → 00:45:09 คุณคนฟังได้ไม่หมดเนี่ยถามมาได้พิมพ์ถาม
00:45:09 → 00:45:12 มาได้ใช่ๆๆถามได้เลยแล้วก็แลกเปลี่ยนความ
00:45:12 → 00:45:15 คิดเห็นได้ผมว่าบางคำถามเนี่ยมันทำให้
00:45:15 → 00:45:18 เกิดตอนต่อไปที่จะคุยกับก้องได้อีกนะได้
00:45:18 → 00:45:20 เลยเรื่องความชอบเป็นเรื่องของปัจเจก
00:45:20 → 00:45:23 บุคคลอือเราอาจจะชอบไม่เหมือนกันก็ได้ก็
00:45:23 → 00:45:26 มาแชร์กันอครับครับโอเควันนี้ขอบคุณกล้อง
00:45:26 → 00:45:32 มากครับพขอบคุณครับ
00:45:32 → 00:45:37 [เพลง]