00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับถ้าใครที่ตามฟังไลฟ์ของผมอยู่
00:00:03 → 00:00:07 เรื่อยๆนะครับผมเคยบอกไว้ว่าแมกนีเซียม
00:00:07 → 00:00:09 เนี่ยเป็นสารอาหารตัวนึงซึ่งผมคิดว่าการ
00:00:09 → 00:00:12 ที่เรากินเสริมเข้าไปน่าจะได้ประโยชน์มาก
00:00:12 → 00:00:16 กว่าโทษนะครับวันนี้ผมก็อยากจะมาขยายความ
00:00:16 → 00:00:19 เล่าจนถึงรายละเอียดว่าเหตุใดผมจึงเห็น
00:00:19 → 00:00:22 เป็นเช่นนั้นนะครับพบกับผมนะครับนายแพทย์
00:00:22 → 00:00:23 ธานีธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:24 → 00:00:26 ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:26 → 00:00:29 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับเรื่อง
00:00:29 → 00:00:32 แมกนีเซียมนั้นมันมีความสำคัญกับร่างกาย
00:00:32 → 00:00:36 เป็นอย่างมากนะครับโดยประมาณซัก 60% ของ
00:00:36 → 00:00:39 แมกนีเซียมเนี่ยอยู่ในกระดูกของเราอีก
00:00:39 → 00:00:42 ประมาณ 20 กว่าเปอร์อยู่ในกล้ามเนื้อและ
00:00:42 → 00:00:44 ที่เหลือเนี่ยก็อยู่ตามส่วนต่างๆของร่าง
00:00:44 → 00:00:47 กายรวมทั้งในน้ำเลือดด้วยนะครับ
00:00:47 → 00:00:50 แมกนีเซียมเนี่ยมันเป็นตัวที่มีความ
00:00:50 → 00:00:54 จำเป็นมากๆในการทำงานของเอนไซม์ชนิดต่างๆ
00:00:54 → 00:00:57 ในร่างกายถึงประมาณ 300 เอนไซม์เลยที
00:00:57 → 00:01:01 เดียวนะครับ 300 เอนไซม์เหล่านี้เนี่ยมี
00:01:01 → 00:01:05 ความสำคัญมากต่อร่างกายนะครับในหลากหลาย
00:01:05 → 00:01:08 แง่มุมแต่แง่มุมที่สำคัญมากๆยกตัวอย่าง
00:01:08 → 00:01:11 เช่นเอนไซม์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้าง
00:01:11 → 00:01:15 พลังงานให้กับร่างกายนะครับเอนไซม์ซึ่ง
00:01:15 → 00:01:19 เกี่ยวข้องกับอ่าการเปลี่ยนแปลงวิตามินดี
00:01:19 → 00:01:22 ให้เป็นวิตามินดีที่ทำงานได้ดีมากขึ้นใน
00:01:22 → 00:01:25 ร่างกายเราดังนั้นคุณอาจจะพอคิดได้ว่า
00:01:25 → 00:01:29 เอ๊ะถ้าวิตามินดีเราทำงานไม่ได้แล้วล่ะก็
00:01:29 → 00:01:32 มันก็แปลว่าเราอาจจะมีปัญหาทางด้านของ
00:01:32 → 00:01:34 กระดูกพรุนได้หรือว่าปัญหาอย่างอื่นที่
00:01:34 → 00:01:36 เกี่ยวข้องกับวิตามินดีก็ได้เช่นกันนะ
00:01:37 → 00:01:40 ครับแล้วก็ยังมีอีกหลายๆอย่างเลยนะ
00:01:40 → 00:01:43 ฮะเล่าให้ฟังนิดนึงแล้วกันไหนๆเมื่อกี้ผม
00:01:43 → 00:01:48 ก็พูดถึงเอนไซม์ 300 กว่าชนิดนะฮะร่างกาย
00:01:48 → 00:01:50 คนเราเนี่ยมีเอนไซม์ทั้งหมดประมาณซัก
00:01:50 → 00:01:55 75,000 เอนไซม์คร่าวๆนะครับ 300 ชนิดก็
00:01:55 → 00:01:58 คิดเป็นประมาณสัก 0.4% ของเอนไซม์ทั้งหมด
00:01:58 → 00:02:01 ของร่างกายเราแต่มันเป็น 0.4% ซึ่งจำเป็น
00:02:01 → 00:02:03 จะต้องใช้แมกนีเซียมแล้วมันมีความสำคัญ
00:02:03 → 00:02:05 อย่างยิ่งยวดนะ
00:02:05 → 00:02:10 ฮะทีนี้เมื่อมันมีความสัมพันธ์กับส่วน
00:02:10 → 00:02:12 ต่างๆของร่างกายเป็นอย่างยิ่งแล้วเนี่ย
00:02:12 → 00:02:17 สิ่งต่อมาซึ่งเราควรจะเข้าใจไว้ว่าเออถ้า
00:02:17 → 00:02:20 มันสำคัญขนาดนั้นเนี่ยเราได้รับ
00:02:20 → 00:02:23 แมกนีเซียมต่อวันเพียงพอหรือเปล่านะครับ
00:02:23 → 00:02:25 ที่อเมริกาเนี่ยมันมีงานวิจัยออกมาแล้ว
00:02:25 → 00:02:28 ว่าคนประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศเลยได้รับ
00:02:28 → 00:02:33 แมกนีเซียมต่อวันไม่เพียงพอครับซึ่งถือ
00:02:33 → 00:02:35 ว่าเป็นปริมาณที่เยอะมากเลยนะครับที่คน
00:02:36 → 00:02:39 ครึ่งอเมริกาเนี่ยได้แมกนีเซียมไม่เพียง
00:02:39 → 00:02:43 พอทีนี้เวลาที่แมกนีเซียมมันไม่เพียงพอ
00:02:43 → 00:02:47 แล้วเนี่ยสิ่งต่างๆที่เราเจอได้นะครับก็
00:02:47 → 00:02:50 จะเป็นปัญหาที่เกิดจากการที่เอนไซม์พวก
00:02:50 → 00:02:52 เนี้ยที่จำเป็นต้องใช้แมกนีเซียมอ่ะมันทำ
00:02:52 → 00:02:56 งานไม่ได้สมัยก่อนมีเจ้าพ่อทางด้าน
00:02:56 → 00:02:58 แมกนีเซียมหรือไมโครนิวทรินคนนึงนะครับ
00:02:59 → 00:03:04 เค้าอธิบายเหตุผลที่เราแก่ตัวลงไว้อย่าง
00:03:04 → 00:03:08 หนึ่งซึ่งเรียกว่า triage theory นะครับ
00:03:08 → 00:03:12 คือถ้าเรามีแมกนีเซียมเป็นปริมาณจำกัด
00:03:12 → 00:03:15 แมกนีเซียมเหล่านั้นจะถูกนำไปใช้กับ
00:03:15 → 00:03:18 เอนไซม์ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการเอา
00:03:18 → 00:03:24 ชีวิตรอดในระยะสั้นโดยจะเสียสละสิ่งที่มี
00:03:24 → 00:03:27 ผลกับเราในระยะยาวผมพูดอย่างนี้มันหมาย
00:03:27 → 00:03:30 ความว่าอะไรสิ่งซึ่งจะทำให้เรามีชีวิต
00:03:30 → 00:03:32 อยู่ในตอนเนี้ยก็คือพลังงานถูกมั้ยครับ
00:03:32 → 00:03:35 ถ้าเราไม่มีพลังงานเราตายตอนนี้เลยดัง
00:03:35 → 00:03:37 นั้นเนี่ยถ้าเราขาดแมกนีเซียมเนี่ย
00:03:37 → 00:03:39 แมกนีเซียมในร่างกายเราทั้งหมดที่เหลือ
00:03:39 → 00:03:42 อยู่เนี่ยมันจะต้องไปทำงานคู่กับเอนไซม์
00:03:42 → 00:03:46 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงานแต่อะไร
00:03:46 → 00:03:49 รู้มั้ยครับเอนไซม์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการ
00:03:49 → 00:03:50 ซ่อมแซม
00:03:50 → 00:03:54 DNA มันอาจจะเป็นตัวที่ไม่มีแมกนีเซียม
00:03:54 → 00:03:58 ไปทำงานเพราะว่าไอ้เอนไซมตัวนี้เนี่ยถ้า
00:03:58 → 00:04:01 ทำงานผิดปกติมันไม่ได้ทำให้เราตายตอนนี้
00:04:01 → 00:04:04 แต่มันจะเป็นการตายผ่อนส่งในอนาคตถ้า
00:04:04 → 00:04:07 เอนไซม์ที่ใช้ในการซ่อมแซม DNA มันทำงาน
00:04:07 → 00:04:11 ไม่ได้แล้วเราก็สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ 1
00:04:11 → 00:04:15 เราแก่ครับนะเราแก่อันที่ 2 มันเป็น
00:04:15 → 00:04:19 มะเร็งได้อ่าอย่างงี้เลยนะครับดังนั้นมัน
00:04:19 → 00:04:22 แปลว่าถ้าเรามีความผิดปกติของ DNA แล้ว
00:04:22 → 00:04:23 เราซ่อมมันไม่ได้เนี่ยก็จะเกิดเรื่อง
00:04:23 → 00:04:26 เหล่านี้ขึ้นมาแต่ร่างกายเราในขณะที่มัน
00:04:26 → 00:04:28 มีแมกนีเซียมไม่เพียงพอมันจะไปสนใจตรงนี้
00:04:28 → 00:04:31 ไม่ได้มันต้องต้องเอาตัวเองให้รอดวันนี้
00:04:31 → 00:04:34 ก่อนมันไม่ไปห่วงหวังน้ำบ่อหน้ามันต้อง
00:04:34 → 00:04:37 เอาให้รอดตอนนี้ในอนาคตมันเป็นยังไงก็ว่า
00:04:37 → 00:04:40 กันอีกทีดังนั้นเนี่ยพอเราฟังอย่างนี้
00:04:40 → 00:04:42 แล้วเนี่ยการที่เราได้แมกนีเซียมไม่เพียง
00:04:42 → 00:04:46 พอเป็นเวลานานๆคุณอาจจะมีปัญหาในด้านของ
00:04:46 → 00:04:49 มะเร็งในด้านของอายุที่มันแก่ลงเร็วกว่า
00:04:49 → 00:04:53 ปกติก็ได้ครับนี่คือความน่ากลัวแล้วอีก
00:04:53 → 00:04:56 อย่างนึงคือเมื่อกี้ผมบอกว่าเอ้ยครึ่งนึง
00:04:56 → 00:04:58 ของคนอเมริกันเนี่ยเค้ายังขาดไอ้ตัว
00:04:58 → 00:05:00 แมกนีเซียมเลยผมไม่รู้ไม่แน่ใจเหมือนกัน
00:05:00 → 00:05:04 ว่าคนไทยเนี่ยจะขาดมากน้อยแค่ไหนนะฮะก่อน
00:05:04 → 00:05:06 ที่เราจะไปว่ากันว่าไอ้แมกนีเซียมนมันมี
00:05:06 → 00:05:09 ความสำคัญอะไรบ้างต่อระบบต่างๆซึ่งเดี๋ยว
00:05:09 → 00:05:12 ผมจะพูดต่อไปนะผมอยากจะให้ทุกคนรู้ก่อน
00:05:12 → 00:05:15 ว่าแล้วเราจำเป็นจะต้องได้แมกนีเซียมต่อ
00:05:15 → 00:05:20 วันแค่ไหนนะครับรวมทั้งเราจะรู้ได้ยังไง
00:05:20 → 00:05:22 ว่าเราได้แมกนีเซียมเพียงพอหรือเปล่าเรา
00:05:22 → 00:05:25 มีการขาดแมกนีเซียมหรือยังนะ
00:05:25 → 00:05:29 ครับอันแรกผู้หญิงกับผู้ชายไม่เท่ากันนะ
00:05:29 → 00:05:31 ครับครับผู้หญิงเนี่ยต้องการแมกนีเซียม
00:05:31 → 00:05:36 ประมาณวันละ 320 มกรแต่ถ้าเราตั้งครรภ์ก็
00:05:36 → 00:05:39 อาจจะสูงถึงขั้น 360 มกต่อวันก็ได้ถ้า
00:05:39 → 00:05:44 เป็นผู้ชายประมาณ 420 มกรต่อวันแต่ถ้า
00:05:44 → 00:05:47 เกิดเป็นคนที่ออกกำลังกายเยอะนะครับมีการ
00:05:48 → 00:05:50 เสียเหงื่อเยอะอาจจะจำเป็นจะต้องได้มาก
00:05:50 → 00:05:54 กว่านั้นอีก 10% นะครับก็ถ้าเป็นผู้หญิง
00:05:54 → 00:05:59 ก็บวกไปอีก 32 ก็คือสูงถึงประมาณสัก 350
00:05:59 → 00:06:02 ถ้าเป็นเป็นผู้ชายก็อาจจะ 460 โดยประมาณ
00:06:02 → 00:06:04 นะครับในคนที่เสียเงอเยอะออกกำลังกายเยอะ
00:06:04 → 00:06:09 นะครับนี่คือสิ่งที่สิ่งที่แนะนำต่อวัน
00:06:09 → 00:06:12 แมกนีเซียมมันมาจากไหนเออเวลาเรากินอาหาร
00:06:12 → 00:06:14 อะไรเราถึงจะได้แมกนีเซียมต้องบอกอย่าง
00:06:14 → 00:06:16 นี้ครับแมกนีเซียมเนี่ยเป็นส่วนประกอบ
00:06:16 → 00:06:19 หลักของคลอโรฟิลคลอโรฟิลก็คือส่วนที่ทำ
00:06:19 → 00:06:22 ให้พืชเนี่ยมันมีสีเขียวดังนั้นพืชอะไรก็
00:06:22 → 00:06:25 แล้วแต่ซึ่งมันมีสีเขียวเข้มมากๆเนี่ยก็
00:06:25 → 00:06:27 จะมีส่วนที่จะทำให้เราได้แมกนีเซียมเข้า
00:06:27 → 00:06:30 ไปนะครับแต่ก็ไม่ใช่เพราะคลอโรฟิลเท่า
00:06:30 → 00:06:31 นั้นที่มี
00:06:31 → 00:06:33 แมกนีเซียมสิ่งอื่นๆที่มันยังมี
00:06:33 → 00:06:37 แมกนีเซียมยกตัวอย่างเช่นถั่วชนิดต่างๆนะ
00:06:37 → 00:06:41 ครับในปลาในเนื้อบางอย่างก็มีนะครับแล้ว
00:06:41 → 00:06:45 ก็เนื้อไก่ก็มีนะแต่ว่าถ้าปลาพวกผักใบ
00:06:45 → 00:06:48 เขียวมากๆกับถั่วเนี่ยจะเยอะที่สุดนะครับ
00:06:48 → 00:06:54 อ่าจะเยอะที่สุดทีนี้มันก็มีข้อข้อนิดนึง
00:06:54 → 00:06:57 ที่เราอาจจะต้องรู้นะครับนั่นก็คือในพืช
00:06:57 → 00:06:59 เนี่ยการที่คลอโรฟิลมันจะจะปล่อยเอา
00:06:59 → 00:07:02 แมกนีเซียมออกมาให้เราใช้ได้เนี่ยนะครับ
00:07:02 → 00:07:07 มันจะไม่ค่อยได้เต็มที่จนกว่าเราจะไปย่อย
00:07:07 → 00:07:10 สารชนิดหนึ่งออกจากพืชนะครับสารชนิดนั้น
00:07:10 → 00:07:13 ก็คือสารที่เรียกว่าไฟตไฟตเนี่ยมันจะจับ
00:07:13 → 00:07:15 เอาตัวคลอโรฟิลกับแมกนีเซียมไว้ทำให้ร่าง
00:07:15 → 00:07:19 กายของเราเนี่ยดูดซึมไปได้ยากขึ้นแต่เรา
00:07:19 → 00:07:22 มีวิธีในการย่อยสลายสารไฟเตสออกไปก็คือ
00:07:22 → 00:07:25 การเอาผักพวกเนี้ยไปให้ความร้อนไปต้มนะ
00:07:25 → 00:07:29 ครับเออมันจะมีเอนไซม์ตัวนึงนะครับไปย่อย
00:07:29 → 00:07:31 สารไฟไฟเตตทิ้งนะครับดังนั้นเนี่ยถ้าเรา
00:07:31 → 00:07:33 เอาผักใบเขียวที่เขียวปี่ๆเลยเขียวมากๆ
00:07:33 → 00:07:35 เนี่ยเราไปต้มนะครับเราจะได้ปริมาณ
00:07:35 → 00:07:38 แมกนีเซียมที่สูงกว่าการให้ผักอย่างนั้น
00:07:38 → 00:07:41 น่ะเข้าไปสดๆนะฮะนี่ก็เป็นเป็นทริกเล็กๆ
00:07:41 → 00:07:45 น้อยๆนะครับที่จะให้ทุกคนทราบไว้นะฮะอ่า
00:07:45 → 00:07:48 ทีนี้เราพอรู้แล้วว่าเอ๊ะแมกนีเซียมมันมา
00:07:48 → 00:07:51 จากไหนได้บ้างนะครับต่อไปที่เราจะต้องรู้
00:07:51 → 00:07:55 ก็คือเอ้อแล้วเราจะมีวิธีในการรู้ได้
00:07:55 → 00:07:59 อย่างไรว่าเราขาดแมกนีเซียมแล้วต้องบอก
00:07:59 → 00:08:02 อย่างงี้ก่อนแมกนีเซียมในร่างกายของเรา
00:08:02 → 00:08:07 เนี่ย 60% อยู่ที่กระดูกนะครับ 20 กว่าเ์
00:08:07 → 00:08:10 อยู่ในกล้ามเนื้อและที่เหลือก็อยู่ตาม
00:08:10 → 00:08:14 ส่วนประกอบต่างๆของร่างกายแล้วเวลาที่คุณ
00:08:14 → 00:08:16 ไปตรวจระดับแมกนีเซียมในร่างกายเนี่ยเค้า
00:08:16 → 00:08:17 ตรวจ
00:08:17 → 00:08:20 เลือดตรวจเลือดเนี่ยตรวจน้ำเลือดที่เรา
00:08:21 → 00:08:24 เรียกว่าพลาสมานะครับก็จะเป็นการแสดงถึง
00:08:24 → 00:08:27 ระดับแมกนีเซียมที่อยู่ในพลาสม่าเท่านั้น
00:08:27 → 00:08:29 แต่มันไม่สามารถบอกได้เลยว่าระดับ
00:08:29 → 00:08:32 แมกนีเซียมโดยรวมของร่างกายของเรามีเท่า
00:08:32 → 00:08:35 ไหร่ดังนั้นเนี่ยต่อให้ท่านตรวจในระดับ
00:08:35 → 00:08:38 เลือดออกมาเป็นปกติมันก็ไม่ได้หมายความ
00:08:38 → 00:08:41 ว่าท่านไม่ขาดแมกนีเซียมครับอ่าฟังตรงนี้
00:08:41 → 00:08:44 ดีๆนะไม่ได้หมายความว่าท่านไม่ขาด
00:08:44 → 00:08:46 แมกนีเซียมต่อให้ท่านตรวจเลือนออกมาแล้ว
00:08:46 → 00:08:51 มันปกติเพราะว่าร่างกายเราเนี่ยมันจะมี
00:08:51 → 00:08:54 กลไกบางอย่างในการดึงเอาแมกนีเซียมออกมา
00:08:54 → 00:08:59 จากกระดูกเพื่อให้ในเลือดมีแมกนีเซียมคง
00:08:59 → 00:09:02 ที่ที่อยู่ตลอดเวลานะครับดังนั้นเนี่ย
00:09:02 → 00:09:06 กระดูกเรามันอาจจะขาดแมกซิมไปแล้วแต่ใน
00:09:06 → 00:09:09 เลือดของเรามันยังมีแมกนีเซียมอยู่ในนั้น
00:09:09 → 00:09:11 นะครับทำให้เราตรวจออกมาแล้วมันดูเหมือน
00:09:11 → 00:09:15 ปกติแต่จริงๆไม่ปกตินะครับมันก็มีการตรวจ
00:09:15 → 00:09:17 อีกวิธีนึงซึ่งอาจจะช่วยพอบอกได้ว่าเรา
00:09:17 → 00:09:19 ขาดแมกนีเซียมได้หรือยังคือการตรวจระดับ
00:09:19 → 00:09:22 แมกนีเซียมในเม็ดเลือดแดงซึ่งผมไม่แน่ใจ
00:09:23 → 00:09:25 ว่าที่ประเทศไทยทำได้มนะฮะแต่ที่เมืองนอก
00:09:25 → 00:09:30 เนี่ยมีนะครับมันก็อาจจะมีความเอ่อ
00:09:30 → 00:09:33 ชัดเจนมากกว่าการตรวจในระดับน้ำเลือดนะ
00:09:33 → 00:09:35 ครับนี่ตรวจในเม็ดเลือดอาจจะมีความใกล้
00:09:35 → 00:09:37 เคียงกับความเป็นจริงนิดนึงเพียงแต่ว่า
00:09:37 → 00:09:39 มันก็ยังบอกไม่ได้อยู่ดีว่าทั้งร่างกาย
00:09:39 → 00:09:41 ของเราเนี่ยมันมีแมกนีเซียมเพียงพอหรือ
00:09:41 → 00:09:44 เปล่าดีที่สุดในการประเมินแมกนีเซียมนะ
00:09:44 → 00:09:47 ครับคือการดูอาหารที่เรากินเข้าไปว่ามี
00:09:47 → 00:09:50 แมกนีเซียมสูงเพียงพอหรือไม่นะครับตรงนี้
00:09:50 → 00:09:53 ต้องไปดูชื่ออาหารต่างๆแล้วก็เทียบตาราง
00:09:53 → 00:09:55 แมกนีเซียมเอานะฮะซึ่งโดยทั่วไปคนก็จะใช้
00:09:55 → 00:09:57 ในงานวิจัยเพื่อดูว่าอาหารของเราเนี่ยมี
00:09:58 → 00:10:01 แมกนีเซียมเพียงคตะวันแล้วหรือยังนะครับ
00:10:01 → 00:10:04 ดังนั้นการตรวจเลือดไม่สามารถบอกท่านได้
00:10:04 → 00:10:08 นะอ่าแล้วการขาดแมกนีเซียมเนี่ยบางคนก็
00:10:08 → 00:10:11 ถามเอ้ยแล้วมันมีอาการอะไรต้องบอกอย่าง
00:10:11 → 00:10:13 นี้ครับขาดแมกนีเซียมส่วนใหญ่ไม่มีอาการ
00:10:13 → 00:10:16 ใดๆทั้งสิ้นมันจะมีอาการก็ต่อเมื่อคุณขาด
00:10:16 → 00:10:18 แมกนีเซียมแบบเยอะมากแล้วจนกระทั่งใน
00:10:18 → 00:10:21 เลือดเนี่ยมันต่ำแล้วนะครับเช่นบางคนอาจ
00:10:21 → 00:10:24 จะมีอาการกล้ามเนื้อมันเกร็งนะครับมี
00:10:24 → 00:10:28 อาการความดันโลหิตสูงนะคลื่นไส้อาเจียน
00:10:28 → 00:10:31 อย่างเงี้เป็นต้นบางคนมีการเต้นผิดปกติ
00:10:31 → 00:10:33 ของหัวใจก็สามารถที่จะทำให้เกิดภาวะนี้
00:10:33 → 00:10:37 ได้นะฮะหรืออาจจะมีปัญหาทางด้านของอารมณ์
00:10:37 → 00:10:40 ทางด้านของสมองต่างๆตามมาด้วยซึ่งวันนี้
00:10:40 → 00:10:42 เดี๋ยวเราจะได้ลงรายละเอียดว่ามันมีความ
00:10:42 → 00:10:46 สำคัญอย่างไรบ้างในแต่ละอวัยวะต่างๆกันนะ
00:10:46 → 00:10:48 ครับทีนี้พอเราเข้าใจแล้วว่าเออ
00:10:48 → 00:10:50 แมกนีเซียมเนี่ยต่อให้เราไปตรวจเลือดแล้ว
00:10:50 → 00:10:53 มันปกติมันไม่ได้หมายความว่าเราไม่ขาด
00:10:53 → 00:10:57 แมกนีเซียมนะครับตอนนี้เราก็เข้าใจต่อไป
00:10:57 → 00:10:59 ว่าเออแล้วแมกนีเซียมมันมาจากแหล่งไหน
00:10:59 → 00:11:02 เมื่อกี้เราบอกไปะนะฮะพวกผักใบเขียวมากๆ
00:11:02 → 00:11:05 นะครับถั่วแล้วก็ปลาเป็นหลักเลยนะฮะอาจจะ
00:11:05 → 00:11:07 มีพวกเนื้อบ้างหรือว่าเนื้อไก่บ้างนิดๆ
00:11:07 → 00:11:09 หน่อยๆแต่ว่ามันก็ไม่ได้เยอะขนาดเท่ากับ 3
00:11:09 → 00:11:11 แหล่งแรกนะ
00:11:11 → 00:11:17 ฮะต่อมานะครับใครบ้างที่มีโอกาสจะขาด
00:11:17 → 00:11:22 แมกนีเซียมมากกว่าคนอื่นๆอันนี้ฟังให้
00:11:22 → 00:11:24 เข้าใจแล้วก็สำคัญอย่างนึง
00:11:24 → 00:11:28 นะอะไรก็ตามที่ทำให้เราปัสสาวะออกมามากๆ
00:11:28 → 00:11:32 เนี่ยจะทำให้เราขาดแมกนีเซียมได้เช่นอะไร
00:11:32 → 00:11:36 บ้างคนที่กินแอลกอฮอล์เป็นประจำกินเหล้า
00:11:37 → 00:11:39 กินเบียร์ติดแอลกอฮอล์เนี่ยพวกนี้จะเสีย
00:11:39 → 00:11:41 แมกนีเซียมได้มากกว่าคนทั่วไปนะ
00:11:41 → 00:11:46 ครับคนที่รับประทานยาขับปัสาวะก็เสีย
00:11:46 → 00:11:49 แมกนีเซียมมากกว่าคนทั่วไปแ้ว่าท่านจะรับ
00:11:49 → 00:11:51 ประทานเพราะว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง
00:11:51 → 00:11:53 เป็นโรคหัวใจเป็นโรคน้ำท่วมปอดเป็นโรคไต
00:11:53 → 00:11:56 เป็นโรคอะไรก็แล้วแต่ถ้าท่านรับประทานยา
00:11:56 → 00:11:58 ขับปัสสาวะจะทำให้ท่านขาดแมกนีเซียมมาก
00:11:59 → 00:12:02 กว่าคนทั่วไปคนที่รับประทานยาลดกรดชนิด
00:12:02 → 00:12:04 ที่เรียกว่า Proton Pump inhibitor นะ
00:12:04 → 00:12:07 ครับเป็นระยะเวลานานๆพวกนี้ก็จะขาด
00:12:07 → 00:12:10 แมกนีเซียมเช่นกันยกตัวอย่างของยาโปรตอน
00:12:10 → 00:12:13 ปั๊มอินฮิบิเตอร์เช่น omp
00:12:13 → 00:12:17 lancol บพาโซนะครับอะไรก็แล้วแต่ที่ลง
00:12:17 → 00:12:21 ท้ายด้วยโนะครับพาโซพวกเนี้ยมันก็จะเป็น
00:12:21 → 00:12:25 ยาในกลุ่มลดกรดนะครับก็จะทำให้ท่านมี
00:12:25 → 00:12:29 โอกาสขาดแมกนีเซียมได้นะฮะแล้วก็ไม่ใช่
00:12:29 → 00:12:33 แค่นั้นนะครับคนที่มีโรคเบาหวานเพราะว่า
00:12:33 → 00:12:35 เบาหวานโดยเฉพาะถ้าท่านคุมมันไม่ได้ท่าน
00:12:35 → 00:12:38 ก็จะมีการปัสสาวะบ่อยไอแมกนีเซียมก็จะออก
00:12:38 → 00:12:41 มาด้วยนะครับคนที่อายุมากขึ้นอ่าคนที่
00:12:41 → 00:12:44 อายุมากขึ้นเนี่ยการดูดซึมแมกนีเซียมใน
00:12:44 → 00:12:46 ร่างกายก็จะลดลงแล้วก็การขับอออกทาง
00:12:46 → 00:12:49 ปัสสาวะก็จะเยอะขึ้นนะ
00:12:49 → 00:12:53 ฮะคนที่มีภาวะเครียดอฮะตรงนี้หลายคนไม่
00:12:53 → 00:12:58 น่าจะทราบจริงๆมันมีการทดลองนะครับถ้าเรา
00:12:58 → 00:13:01 มีภาวะเครียดเนี่ยเค้ามีการทดลองเลยก่อน
00:13:01 → 00:13:06 สอบกับหลังสอบก่อนสอบเนี่ยนักเรียนก่อน
00:13:06 → 00:13:09 สอบจะมีการปัสสาวะเอาแมกนีเซียมออกไปจาก
00:13:09 → 00:13:11 ร่างกายค่อนข้างเยอะแต่พอหลังสอบเสร็จ
00:13:11 → 00:13:13 ปุ๊บเนี่ยระดับแมกนีเซียมที่ขับออกทาง
00:13:13 → 00:13:18 ปัสสาวะมันลดลงนะครับอ่าความเครียดการนอน
00:13:18 → 00:13:20 ไม่หลับก็จะมีส่วนทำให้แมกนีเซียมของเรา
00:13:20 → 00:13:24 เนี่ยมันต่ำลงแต่อย่างที่บอกท่านไปตรวจ
00:13:24 → 00:13:27 ระดับแมกนิในร่างกายจะออกมาปกติครับเพราะ
00:13:27 → 00:13:29 ว่าร่างกายมันไม่ยอมให้ตต่ำในเลือดมันจะ
00:13:29 → 00:13:32 ต้องดึงเอาจากกระดูกออกมาอยู่ในนั้นให้
00:13:32 → 00:13:35 ได้นะครับตรงนี้ดังนั้นบางคนบอกเอ้ยผมบอก
00:13:35 → 00:13:37 ว่าเนี่ยมีภาวะแมกนีเซียมต่ำไปตรวจไม่
00:13:37 → 00:13:40 เห็นต่ำอะไรหมอเไม่ว่าอะไรนี่แหละครับคือ
00:13:40 → 00:13:42 เหตุผลที่การไปตรวจมันบอกอะไรไม่ได้นะ
00:13:42 → 00:13:44 ครับว่าแมกนีเซียมมันต่ำไปแล้วนะครับโดย
00:13:44 → 00:13:46 รวมของร่างกายนะฮะ
00:13:47 → 00:13:50 อ่าดังนั้นน่ะพวกนี้นี่แหละที่จะทำให้มี
00:13:50 → 00:13:53 แมกนีเซียมต่ำได้คนที่ออกกำลังกายเป็น
00:13:53 → 00:13:55 ประจำก็จะมีการเสียแมกนีเซียมออกไปจาก
00:13:55 → 00:13:59 ร่างกายได้มากกว่าคนปกติโดยเฉพาะคนที่ออก
00:13:59 → 00:14:02 กำลังกายเป็นเวลานานๆนะครับเช่นอ่าเรา
00:14:02 → 00:14:04 เป็นพวกวิ่งเป็นชั่วโมงเลยอย่างเงี้ยไ
00:14:04 → 00:14:06 อย่างเงี้ยยิ่งเสียแมกนีเซียมออกไปจาก
00:14:06 → 00:14:08 ร่างกายได้มากกว่าคนทั่วไปนะ
00:14:08 → 00:14:11 ครับนั้นตรงนี้อยากจะให้ทราบไว้ด้วยว่าคน
00:14:11 → 00:14:15 ไหนที่เสี่ยงต่อการขาดแมกนีเซียมนะเรื่อง
00:14:15 → 00:14:17 ยาเมื่อตะกี้เราบอกไปแลนะครับแต่มันก็จะ
00:14:17 → 00:14:20 มียาบางกลุ่มอีกเหมือนกันเช่นอ่ายากดภูมิ
00:14:20 → 00:14:23 ต้านทานชนิดนึงซึ่งเรียกว่าแคลซี
00:14:23 → 00:14:26 inhibitor tus เ่า cyclosporin พวกเจะ
00:14:26 → 00:14:29 ทำให้เรามีการขับแมกนีเซียมออกจากร่างกาย
00:14:29 → 00:14:31 ยาบางตัวก็จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง
00:14:31 → 00:14:34 แมกนีเซียมในร่างกายได้เช่นกันตรงนั้นน่ะ
00:14:34 → 00:14:36 อาจจะต้องไปเช็คกับคุณหมอนิดนึงว่ายาที่
00:14:36 → 00:14:39 เรากินมันมีผลต่อหรือเปล่านะครับแต่เมื่อ
00:14:39 → 00:14:41 กี้ผมก็บอกไปแล้วว่ายาขับปัสสาวะโดยรวมนะ
00:14:41 → 00:14:43 ครับทำให้มีปัญหาเรื่องการขาดแมกนีเซียม
00:14:43 → 00:14:47 อ่ายาโปรตอนปัมอินฮิบิเตอร์นะครับภาวะที่
00:14:47 → 00:14:50 ทำให้เราปัสสาวะบ่อยนะฮะเช่นกินแอลกอฮอล์
00:14:50 → 00:14:53 บ่อยๆนะฮะหรือเราเป็นเบาหวานเรามีโรคต่าง
00:14:53 → 00:14:57 ๆนานาเยอะแยะไปหมดพวกนี้ก็จะมีส่วนนะครับ
00:14:57 → 00:15:00 ทีนี้พอเรารู้แล้วว่าเราเป็นคนที่มีความ
00:15:00 → 00:15:03 เสี่ยงต่อการขาดแมกนีเซียมเราอาจจะกินไม่
00:15:03 → 00:15:06 พอแล้วเราก็อาจจะมีปัจจัยที่ทำให้เราขับ
00:15:06 → 00:15:09 แมกนีเซียมออกมาจากร่างกายมากกว่าปกติเออ
00:15:09 → 00:15:13 แล้วพวกนี้มันไม่ดียังไงตอนนี้แหละที่
00:15:13 → 00:15:16 ต้องมารู้ผมจะเล่าตั้งแต่หัวจดเท้าเลย
00:15:16 → 00:15:20 สมองก่อนมันมีงานวิจัยออกมานะครับว่าคน
00:15:20 → 00:15:22 ที่ได้ระดับแมกนีเซียมเพียงพอเนี่ยสมอง
00:15:22 → 00:15:26 มันจะไม่ค่อยฝ่อเออแล้วแมกนีเซียมมันไป
00:15:26 → 00:15:28 เกี่ยวอะไรกับสมองฝ่อด้วยคุณฟังดีๆดังนี้
00:15:28 → 00:15:33 นะครับแมกนีเซียมเนี่ยมันมีความสำคัญกับ
00:15:33 → 00:15:37 เอนไซม์ตัวนึงที่จะใช้ในการสร้างสมดุลของ
00:15:37 → 00:15:41 สารตัวนึงชื่อว่ากลูตาเมตกับสารกลูตามีน
00:15:41 → 00:15:45 กลูตาเมตเนี่ยถ้ามันมีเยอะเกินไปมันจะ
00:15:45 → 00:15:48 เกิดภาวะหนึ่งซึ่งเรียกว่า excitatory
00:15:48 → 00:15:51 Brain inflammation นะครับคือสาร
00:15:51 → 00:15:53 กลูตาเมตถ้ามีมากจนเกินไปเนี่ยสมองจะได้
00:15:54 → 00:15:56 รับการกระตุ้นมากจนเกินไปนะฮะแล้วอาจจะมี
00:15:56 → 00:15:58 ความเกี่ยวข้องกับความเสื่อมดังนั้นการ
00:15:58 → 00:16:01 ควบคุมระหว่างสารกลูตาเมตให้มันเปลี่ยนไป
00:16:01 → 00:16:04 เป็นสารกลูตามีนเนี่ยมันจำเป็นจะต้องใช้
00:16:04 → 00:16:07 แมกนีเซียมถ้ามีไม่เพียงพอก็อาจจะมีภาวะ
00:16:07 → 00:16:10 การอักเสบในสมองเยอะขึ้นตรงนี้ก็อาจจะ
00:16:10 → 00:16:13 เป็นความเกี่ยวข้องกับการที่สมองมันมี
00:16:13 → 00:16:16 ความฝ่อลงก็ได้นะครับแต่อย่างไรก็ตามต้อง
00:16:16 → 00:16:18 บอกไว้ก่อนว่างานวิจัยที่ผมจะพูดมาทั้ง
00:16:18 → 00:16:20 หมดวันนี้เนี่ยบังเอิญส่วนใหญ่แล้วมัน
00:16:20 → 00:16:22 เป็นงานวิจัยชนิดที่เราเรียกว่า
00:16:22 → 00:16:25 observational study observational
00:16:25 → 00:16:29 study เนี่ยไม่สามารถบอกได้นะครับว่าแ
00:16:29 → 00:16:32 แมกนีเซียมมีความเกี่ยวข้องกับภาวะนั้นๆ
00:16:32 → 00:16:34 แต่มันตั้งเป็นข้อสังเกตเท่านั้นว่าเรา
00:16:34 → 00:16:38 เจอภาวะนี้ได้มันไม่ได้บอกว่าเป็นสาเหตุ
00:16:38 → 00:16:40 ซึ่งกันและกันแต่ผมบอกว่ามันอาจจะมีความ
00:16:40 → 00:16:43 เกี่ยวข้องกันนะครับเราฟังเท่านี้ก็แล้ว
00:16:43 → 00:16:46 กันนะครับอ่าทั้งหมดเลยนะของวันนี้ที่จะ
00:16:46 → 00:16:48 พูดนะครับแต่เดี๋ยวก็จะพูดเป็นอันๆไป
00:16:48 → 00:16:51 เรื่องของสมองก่อนนะครับเรื่องของสมองฝ่อ
00:16:51 → 00:16:55 นะต่อมาเรื่องของไมเกรนนะฮะเราเจอว่า
00:16:55 → 00:16:59 ไมเกรนเนี่ยบางคนจะมีอ่านะครับหมาความว่า
00:16:59 → 00:17:01 มีอาการแปลกๆบางทีเห็นภาพเป็นซิกแซกมี
00:17:01 → 00:17:03 อาการเวียนัวมีอาการเสียงวิ้งๆก่อนที่จะ
00:17:03 → 00:17:06 มีอาการปวดหัวหนักๆซึ่งผมเคยเคยพูดไปแล้ว
00:17:06 → 00:17:09 ในคลิปเรื่องของไมเกรนนะครับเหตุผลที่มัน
00:17:09 → 00:17:12 จะเกิดแบบนั้นได้เนี่ยเพราะว่ามันมีกระแส
00:17:12 → 00:17:15 ประสาทในสมองอันนึงนะครับเราเรียกว่า
00:17:15 → 00:17:18 cortical spreading depression ซึ่งพบ
00:17:18 → 00:17:19 ว่าการกิน
00:17:19 → 00:17:23 แมกนีเซียมเสริมเนี่ยลด cortical
00:17:23 → 00:17:25 spreading depression ได้ก็อาจจะเป็น
00:17:25 → 00:17:29 อีกหนึ่งวิธีในการป้องกันไมเกรนร่วมไปกับ
00:17:30 → 00:17:33 การรักษาด้วยยาชนิดอื่นนะครับนี่ก็เป็น
00:17:33 → 00:17:36 อีกอย่างนึมีการศึกษาว่าไมเกรนเอ้อมีการ
00:17:36 → 00:17:38 ศึกษาว่าตัวแมกนีเซียมอาจจะเกี่ยวข้องกับ
00:17:38 → 00:17:41 ภาวะซึมเศร้าก็ได้นะครับนี่คือเรื่องของ
00:17:41 → 00:17:46 ทางสมองทางเรื่องของกล้ามเนื้อทั้งหมด
00:17:46 → 00:17:49 กล้ามเนื้อหัวใจกล้ามเนื้อแขนขากล้าม
00:17:49 → 00:17:53 เนื้อตามตัวต่างๆก็มีความสำคัญเพราะว่า
00:17:53 → 00:17:56 แมกนีเซียมมีความสำคัญกับเอนไซม์ในการ
00:17:56 → 00:17:59 สร้างพลังงานให้กับร่างกายทีนี้คุณก็ลอง
00:17:59 → 00:18:01 คิดดูสิครับว่าถ้าเราไม่สามารถสร้างพลัง
00:18:01 → 00:18:03 งานให้กับร่างกายแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น
00:18:03 → 00:18:07 กล้ามเนื้อพวกนี้ก็ทำงานผิดปกตินะครับโดย
00:18:07 → 00:18:09 ทั่วไปกล้ามเนื้อของเราเนี่ยเวลาหดกล้าม
00:18:09 → 00:18:12 เนื้อเช่นเรายกของหนักอย่างเงี้ยมันไม่
00:18:12 → 00:18:14 ต้องใช้พลังงานอะไรเท่าไหร่นะแต่มันจะใช้
00:18:14 → 00:18:18 พลังงานตอนที่ต้องคลายกล้ามเนื้อออกคุณ
00:18:18 → 00:18:20 ลองคิดเออะถ้าเกิดมันคลายไม่ออกจะเกิด
00:18:20 → 00:18:23 อะไรขึ้นล่ะมันต้องใช้พลังงานใช่มั้ย
00:18:23 → 00:18:25 แมกนีเซียมเราไม่ไม่มีใช่มั้ยครับมันคลาย
00:18:26 → 00:18:28 ไม่ออกเกิดตะคิว
00:18:28 → 00:18:30 ก็จะเป็นตะคิวขึ้นมาบ่อยได้นะครับนี่คือ
00:18:30 → 00:18:33 ปัญหาเรื่องของกล้ามเนื้อแล้วถ้าในหัวใจ
00:18:33 → 00:18:35 ของเรามันสร้างพลังงานได้ไม่ดีล่ะเกิด
00:18:35 → 00:18:39 อะไรขึ้นเออมันก็จะเกิดการเต้นผิดปกติของ
00:18:39 → 00:18:41 หัวใจขึ้นมาได้เหมือนกันนั่นคือปัญหาของ
00:18:41 → 00:18:45 การขาดแมกนีเซียมนะ
00:18:45 → 00:18:47 ครับสำหรับเรื่องของกระดูกก็เหมือนกัน
00:18:47 → 00:18:50 เพราะว่าเมื่อกี้บอกว่าประมาณสัก 60%
00:18:50 → 00:18:52 หรือ 60 กว่าเปอร์เซของแมกนีเซียมเนี่ย
00:18:52 → 00:18:54 อยู่ในกระดูกหมายความว่าถ้ามันมี
00:18:54 → 00:18:57 แมกนีเซียมไม่เพียงพอในร่างกายแมกนีเซียม
00:18:57 → 00:19:00 เหล่านี้ก็จะโดนดึงออกจากกระดูกไปเรื่อยๆ
00:19:00 → 00:19:04 นะครับทำให้มีโอกาสกระดูกมันบางลงได้ดัง
00:19:04 → 00:19:07 นั้นส่วนเนี้ยก็มีความเกี่ยวข้องจริงๆมี
00:19:07 → 00:19:11 การศึกษาในเด็กเลยนะครับถ้าเด็กอายุวัย
00:19:12 → 00:19:13 รุ่นเนี่ยได้แมกนีเซียมไม่เพียงพอเนี่ย
00:19:13 → 00:19:16 ความหนาแน่นของกระดูกก็จะสู้เด็กที่เขามี
00:19:16 → 00:19:19 แมกนีเซียมเพียงพอในร่างกายไม่ได้นะฮะ
00:19:19 → 00:19:22 แล้วตรงนี้ก็อาจจะไปออกผลตอนอายุเยอะขึ้น
00:19:22 → 00:19:24 ก็ได้นะครับเพราะว่านอกเหนือจากมันเป็น
00:19:24 → 00:19:28 ส่วนประกอบหนึ่งของกระดูกแล้วมันยังมีผล
00:19:28 → 00:19:31 เป็นอย่างยิ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยน
00:19:31 → 00:19:34 แปลงวิตามินดีให้กลายเป็นวิตามินดีที่มี
00:19:34 → 00:19:39 ความเสถียรและทำงานได้ในร่างกายวิตามินดี
00:19:39 → 00:19:42 ถ้าใครจำไม่ได้นะครับผมเคยเล่าไปแล้วว่า
00:19:42 → 00:19:44 มันคืออะไรมีหลักการการทำงานอย่างไรแต่
00:19:44 → 00:19:46 เข่าวๆคือวิตามินดีเนี่ยมันช่วยในการดูด
00:19:46 → 00:19:49 ซึมแคลเซียมเข้ากับร่างกายทำให้กระดูกของ
00:19:49 → 00:19:52 เราเนี่ยมีความแข็งแรงนะครับและถ้าท่านมี
00:19:52 → 00:19:55 วตวิตามินดีเนี่ยที่ทำงานไม่
00:19:55 → 00:20:00 ได้ปัญหานี้มันก็ยิ่งเกิดขึ้นถูกมั้ยครับ
00:20:00 → 00:20:02 คุณอาจจะกินวิตามินดีเข้าไปเพียงพอคุณอาจ
00:20:02 → 00:20:04 จะกินแคลเซียมเข้าไปเพียงพอแต่ถ้าคุณมี
00:20:04 → 00:20:07 แมกนีเซียมไม่เพียงพอแล้วเราก็วิตามินดี
00:20:07 → 00:20:09 เนี่ยมันก็จะทำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่
00:20:09 → 00:20:11 เต็มที่ก็จะเกิดปัญหาขึ้นมาและหนึ่งใน
00:20:11 → 00:20:13 นั้นก็อาจจะเกี่ยวข้องกับการพรุนของ
00:20:13 → 00:20:15 กระดูกก็ได้
00:20:16 → 00:20:18 ครับดังนั้นถ้าเราคิดอย่างนี้เนี่ยบางคน
00:20:18 → 00:20:23 อาจะคิดว่านี่ไงการกินเ่อยารดกรดนานๆน่ะ
00:20:23 → 00:20:26 มันเกี่ยวข้องกับแมกนีเซียมแล้วยารดกรด
00:20:26 → 00:20:28 พวกเนี้ยเาก็ไปเจอว่ามันมีความเกี่ยวข้อง
00:20:28 → 00:20:31 กับการเกิดภาวะกระดูกพรุนเช่นกันนะครับ
00:20:31 → 00:20:33 ดังนั้นตรงนี้มันมีความสัมพันธ์กันหมดทุก
00:20:33 → 00:20:38 อย่างเลยนะนอกเหนือจากนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง
00:20:38 → 00:20:41 ของกระดูกกล้ามเนื้อหัวใจนะครับกล้าม
00:20:41 → 00:20:46 เนื้อเรียบก็มีปัญหากล้ามเนื้อเรียบมัน
00:20:46 → 00:20:49 อยู่ไหนๆที่สำคัญที่สำคัญก็คือกล้ามเนื้อ
00:20:49 → 00:20:52 เรียบของหลอดเลือดครับคุณลองคิดดูถ้า
00:20:52 → 00:20:54 กล้ามเนื้อรีบของหลอดเลือดมันมีการหด
00:20:54 → 00:20:57 เกร็งตัวสิ่งที่เกิดข้นก็คือหลอดเลือดมัน
00:20:57 → 00:21:01 เล็กลงนะครับความดันในหลอดเลือดที่มัน
00:21:01 → 00:21:05 เล็กลงก็จะสูงขึ้นนะฮะสูงขึ้นการที่เรา
00:21:05 → 00:21:08 ได้แมกนีเซียมเข้าไปิพอก็จะคลายกล้าม
00:21:08 → 00:21:10 เนื้อเรียบตรงนี้ออกก็จะทำให้ความดัน
00:21:10 → 00:21:15 โลหิตมันต่ำลงดังนั้นเนี่ยในทางการแพทย์
00:21:15 → 00:21:19 นะครับถ้าคนไหนที่มีภาวะคันเป็นพิษความ
00:21:19 → 00:21:21 ดันสูงมากๆเลยนะครับหมอเขาจะฉีด
00:21:21 → 00:21:23 แมกนีเซียมเข้าไปในร่างกายเพื่อที่จะลด
00:21:23 → 00:21:26 ความดันตรงนั้นลงมาได้นะฮะกล้ามเนื้อ
00:21:26 → 00:21:30 เรียบมีตรงไหนอีกหลอดลมครับหลอดลมตั้งแต่
00:21:30 → 00:21:33 ตรงคอเนี่ยลงไปจนถึงหลอดลมฝอยดังนั้นในคน
00:21:33 → 00:21:36 ไข้ที่มีโรคหอบขืดกำเริบรุนแรงมากกล้าม
00:21:36 → 00:21:38 เนื้อเรียบในในทางเดินหายใจมันหดเกร็ง
00:21:38 → 00:21:41 อย่างนี้เลยบางครั้งหมอก็จะมีการฉีด
00:21:41 → 00:21:42 แมกนีเซียมเข้าไปเพื่อที่จะให้ตรงเนี้ย
00:21:42 → 00:21:46 มันคลายตัวออกนะครับมันคลายตัวออกเราก็มี
00:21:46 → 00:21:49 การใช้อย่างเงี้ยในการรักษาคนไข้เหล่านี้
00:21:49 → 00:21:53 เหมือนกันนะฮะอ่านี่เราเห็นต่อระบบต่างๆ
00:21:53 → 00:21:56 ของร่างกายไปะมีอีกอย่างนึงครับซึ่งมัน
00:21:56 → 00:21:59 สำคัญมากแล้วอันนี้เนี่ยถ้าใครอยากจะไป
00:21:59 → 00:22:02 ค้นเพิ่มเติมเนี่ยผมจะให้คีย์เวิร์ดไปมัน
00:22:02 → 00:22:05 ก็คือคำว่า tre arge theory นะครับ tre
00:22:05 → 00:22:11 arge theory คือการที่ร่างกายมีไมครนิน
00:22:11 → 00:22:14 หรือสารอาหารบางอย่างไม่เพียงพอเนี่ยมัน
00:22:14 → 00:22:18 จะทำให้ร่างกายต้องเลือกเอาสารอาหารที่มี
00:22:18 → 00:22:20 อยู่อย่างจำกัดในกรณีนี้ก็คือ
00:22:20 → 00:22:24 แมกนีเซียมมาทำหน้าที่ในสิ่งที่สำคัญที่
00:22:24 → 00:22:27 สุดเพื่อชีวิตรอดในตอนนี้โดยต้องเสียสละ
00:22:27 → 00:22:31 สิ่งซึ่งจะทำให้เรามีชีวิตรอดในอนาคตออก
00:22:31 → 00:22:34 ไปนะฮะตรงนี้อาจจะฟังแล้วงงนิดนึงแต่ผมขอ
00:22:34 → 00:22:37 เล่าให้มันชัดเจนนิดนึงก็คือว่าถ้าในวัน
00:22:37 → 00:22:41 เนี้ยเราขาดพลังงานเราตายตอนนี้เลยนะครับ
00:22:42 → 00:22:44 แต่ถ้าเราขาดเอนไซม์ตัวอื่นซึ่งมันไม่
00:22:44 → 00:22:46 เกี่ยวข้องกับพลังงานเออวันนี้เราไม่ตาย
00:22:46 → 00:22:49 หรอกแต่อาจจะทำให้อนาคตของเราสุขภาพไม่ดี
00:22:49 → 00:22:53 เช่นอะไรบ้างตรงนี้สำคัญนะแมกนีเซียม
00:22:53 → 00:22:56 เนี่ยนอกเหนือจากมันเป็นโคแฟกเตอร์ของ
00:22:56 → 00:22:59 เอนไซมซึ่งใช้ในการสร้างพลังงานแล้วแล้ว
00:22:59 → 00:23:03 มันยังมีความสำคัญกับเอนไซม์ในการซ่อมแซม
00:23:03 → 00:23:08 DNA ของคนเราถ้าเราซ่อมแซม DNA ไม่ได้
00:23:08 → 00:23:11 มันไม่ตายตอนนี้ครับมันไปตายเอาในอนาคต
00:23:11 → 00:23:13 การที่เราซ่อมแซม DNA ไม่ได้ DNA ของเรา
00:23:14 → 00:23:16 มันเสียไปตลอดเวลาจากภาวะการอักเสบในร่าง
00:23:16 → 00:23:18 กายจากแสงแดดหรือจากความเครียดจากอะไรก็
00:23:18 → 00:23:22 แล้วแต่นะครับสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเซลล์
00:23:22 → 00:23:26 ของเราแก่ตัวง่ายขึ้นอันที่
00:23:26 → 00:23:30 2 มันทำให้เราเป็นมะเร็งได้ง่ายขึ้นดัง
00:23:30 → 00:23:33 นั้นถ้าเรามีแมกนีเซียมไม่เพียงพอโอเค
00:23:33 → 00:23:35 แมกนีเซียมทั้งหมดที่เรามีอยู่ตอนนี้มัน
00:23:35 → 00:23:37 ถูกดึงออกมาในจากกระดูกนะครับเอาไปเพื่อ
00:23:37 → 00:23:40 ให้ร่างกายสังเคราะห์พลังงานให้มีชีวิต
00:23:40 → 00:23:44 อยู่ในตอนนี้โดยเสียสละเอนไซม์ซึ่งใช้ใน
00:23:44 → 00:23:46 การซ่อมแซม DNA ทำให้ในอนาคตอาจจะมีปัญหา
00:23:46 → 00:23:49 ได้แล้วก็ในการศึกษาแบบ observational
00:23:49 → 00:23:53 study อีกเหมือนกันพบว่ากลุ่มคนที่มี
00:23:53 → 00:23:57 มะเร็งตับอ่อนนั้นหลายคนเลยทีเดียวที่มี
00:23:57 → 00:24:00 แมกนีเซียมไม่เพียงพอในร่างกายอันนี้มัน
00:24:00 → 00:24:03 อาจจะมีความเกี่ยวข้องแมกนีเซียมหรือไม่
00:24:03 → 00:24:04 เกี่ยวข้องก็ได้นะครับเพราะว่ามันเป็น
00:24:04 → 00:24:06 observational study อย่างที่เมื่อกี้
00:24:06 → 00:24:09 ผมบอกมันมีตัวแปรอื่นซึ่งอาจจะเป็นตัวที่
00:24:09 → 00:24:11 ทำให้เขามีปัญหาอย่างนั้นได้ปนอยู่ก็ได้
00:24:12 → 00:24:16 นะครับเออแต่ยังไงก็แล้วแต่เนื่องจากว่า
00:24:16 → 00:24:18 มันมีความเกี่ยวข้องกับเอนไซม์ที่ใช้ใน
00:24:18 → 00:24:22 การซ่อมแซม DNA อ่ะก็อาจจะต้องจำเป็นจะ
00:24:22 → 00:24:26 ต้องใช้แมกนีเซียมพวกนี้ก็ได้นะครับนอก
00:24:26 → 00:24:29 เหนือจากนี้บางคนก็อาจจะบอกว่าอ้าแล้ว
00:24:29 → 00:24:31 เค้าเป็น observational study ทำไมเ้า
00:24:31 → 00:24:34 ไม่ทำงานวิจัยซึ่งมันแหมบอกชัดเจนได้เลย
00:24:34 → 00:24:37 ว่าเกิดอะไรขึ้นมาได้ต้องบอกอย่างนี้ครับ
00:24:37 → 00:24:39 การทำงานวิจัยเกี่ยวข้องกับสารอาหารเนี่ย
00:24:39 → 00:24:43 มันไม่ง่ายมันไม่ใช่ยานะครับถ้ายาโอเคมัน
00:24:43 → 00:24:45 ง่ายแล้วแบ่งคนเป็น 2 กลุ่มนะครับกลุ่ม
00:24:45 → 00:24:46 นึงได้ยากลุ่มนึงไม่ได้ยานะครับสุดท้าย
00:24:46 → 00:24:49 เราก็จะรู้ว่าเออมันเกิดอะไรขึ้นแต่ถ้า
00:24:49 → 00:24:52 เป็นการทดสอบกับไมครนิทนหรือสารเช่น
00:24:52 → 00:24:56 แมกนีเซียมแบบเนี้ยตอนแรกสุดอ่ะเราไม่มี
00:24:56 → 00:24:59 ทางรู้เลยนะครับว่าคนไหนขาดแมกนีเซียมคน
00:24:59 → 00:25:01 ไหนไม่ขาดถ้าเราให้ไปในคนที่เขาไม่ขาด
00:25:01 → 00:25:03 แมกนีเซียมอยู่แล้วให้ไปก็อาจจะไม่เกิด
00:25:03 → 00:25:05 อะไรขึ้นนะครับถ้าเราให้ไปในคนที่ขาดเกก็
00:25:05 → 00:25:08 อาจจะได้ผลแต่ถ้าเราไม่รู้ว่าใครขาดใคร
00:25:08 → 00:25:10 ไม่ขาดแลในกลุ่มนี้มันมีปนๆกันแล้วเราให้
00:25:10 → 00:25:12 กับไม่ให้มั่วๆไปอย่างเงี้ยนะครับผลออกมา
00:25:12 → 00:25:15 ก็อาจจะเออไม่เห็นมันแตกต่างกับคนที่ไม่
00:25:15 → 00:25:18 ให้แมกนีเซียมยังไงเลยนี่ได้นะครับนั่นก็
00:25:18 → 00:25:20 คือปัญหาดังนั้นเนี่ยเวลาเราจะทำงานวิจัย
00:25:21 → 00:25:23 แบบเนี้ยเราต้องมีวิธีในการประเมิน
00:25:23 → 00:25:26 แมกนีเซียมให้ชัดเจนนะฮะเมื่อกี้ผมบอกว่า
00:25:26 → 00:25:28 การเจาะเลือดก็ไม่ช่วยดังนั้นนั้นต้องมา
00:25:28 → 00:25:31 ดูจากอาหารทั้งหมดเลยว่าเค้ากินอะไรแล้ว
00:25:31 → 00:25:33 มันมีแมกนีเซียมโดยเฉลี่ยประมาณเท่าไหร่
00:25:33 → 00:25:35 แบ่งเป็นกลุ่มคนที่กินเพียงพอกับกลุ่มคน
00:25:35 → 00:25:38 ที่กินไม่เพียงพอแล้วแล้วให้กินเสริมกับ
00:25:38 → 00:25:39 ไม่ให้กินนเสริมดูซิว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
00:25:39 → 00:25:43 ในอนาคตนะครับส่วนเรื่องการวิจัยว่าแก่
00:25:43 → 00:25:46 เร็วแก่ช้าเป็นมะเร็งเร็วมะเร็งช้าเนี่ย
00:25:46 → 00:25:48 โอหมันต้องใช้เวลาทำนานมากๆเพราะว่า
00:25:48 → 00:25:50 มะเร็งมันไม่ได้เกิดภายในปีเดียวมันอาจจะ
00:25:50 → 00:25:53 ต้องใช้เวลาในการดูคนไข้ไปนานๆเป็น 10 ปี
00:25:53 → 00:25:55 ดังนั้นกว่าเราจะได้งานวิจัยชิ้นนี้ออกมา
00:25:55 → 00:25:59 บางคนก็ไม่อยู่บนโลกนี้แล้วนะครับอ่ะแล้ว
00:25:59 → 00:26:03 ทีนี้เออในเมื่อมันสำคัญขนาดนี้การกิน
00:26:03 → 00:26:06 เสริมก็อาจจะมีความสำคัญมากนะครับแล้วกิน
00:26:06 → 00:26:09 ยังไงนะครับทางอเมริกาเนี่ยมีการกำหนด
00:26:10 → 00:26:13 Upper Limit ก็คือปริมาณสูงที่สุดที่จะ
00:26:13 → 00:26:16 ไม่เกิดผลข้างเคียงของแมกนีเซียมชนิดกิน
00:26:16 → 00:26:18 เสริมไม่ใช่แมกนีเซียมที่มาจากอาหารนะ
00:26:18 → 00:26:21 แมกนีเซียมชนิดกินเสริมไว้ที่ 350 มกรต่อ
00:26:21 → 00:26:26 วันนะครับแมกนีเซียมชนิดที่กินเสริมตัว
00:26:26 → 00:26:28 ที่ดูดซึมได้ดีที่สุดเนี่ยจะเป็น
00:26:28 → 00:26:31 แมกนีเซียมที่มันเป็นกลุ่มอ่าออร์แกนิค
00:26:31 → 00:26:33 ออร์แกนิคในที่นี่ไม่ได้หมายความว่าโอ
00:26:33 → 00:26:35 ฟาร์มออร์แกนิคอะไรอย่างงั้นนะครับ
00:26:35 → 00:26:38 ออร์แกนิคในภาษาทางเคมีหมายความว่ามี
00:26:38 → 00:26:42 คาร์บอนโมเลกุลนะครับมีพันธะโควาเลนกับ
00:26:42 → 00:26:44 อีกตัวนึงอันนี้ถ้าใครฟังไม่เข้าใจช่าง
00:26:44 → 00:26:46 มันไม่ต้องสนใจนะครับอ่าแต่ถ้าสายวิทก็คง
00:26:47 → 00:26:48 จะเข้าใจว่าเอ covalent Bond คืออะไร
00:26:48 → 00:26:50 เป็นออร์แกนิกับออร์แกนิมันต่างกันยังไง
00:26:50 → 00:26:53 นะครับถ้าเป็นแมกนีเซียมที่เป็นออร์แกนิ
00:26:53 → 00:26:56 ฟร์มเนี่ยจะดูดซึมได้ดียกตัวอย่างเช่น
00:26:56 → 00:26:59 แมกนีเซียมไซต
00:26:59 → 00:27:03 นะครับแมกนีเซียม tate แมกนีเซียมมาต
00:27:03 → 00:27:07 แมกนีเซียมิตนะครับพวกเนี้ยดูดซึมได้ดี
00:27:07 → 00:27:09 แล้วก็แมกนีเซียม lactate อีกตัวนึงซึ่ง
00:27:09 → 00:27:13 ดูดซึมได้ดีแต่ถ้าเป็นกลุ่ม inorganic
00:27:13 → 00:27:15 inorganic salt ของแมกนีเซียมเนี่ยอาจ
00:27:15 → 00:27:18 จะดูซึมได้ไม่ดียกตัวอย่างเช่นแมกนีเซียม
00:27:18 → 00:27:21 ซัลเฟตแมกนีเซียมคลอไรด์พวกนี้แมกนีเซียม
00:27:21 → 00:27:25 ออกไซด์อย่างเงี้ยนะครับเป็นต้นพวกนี้อาจ
00:27:25 → 00:27:28 จะดูซึมได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะฮะเวลาที่
00:27:28 → 00:27:32 เราจะกินเนี่ยก็มีข้อควรระวังอย่างนึงคือ
00:27:32 → 00:27:35 ถ้าเกิดว่าคนไหนที่มีความไวต่อแมกนีเซียม
00:27:35 → 00:27:37 มากๆเนี่ยกินเข้าไปอาจจะทำให้ท้องเสียได้
00:27:37 → 00:27:40 เพราะว่าจริงๆแมกนีเซียมมันก็เป็นยาระบาย
00:27:40 → 00:27:42 ตัวนึเช่นแมกนีเซียมซิเตรตแมกนีเซียม
00:27:42 → 00:27:45 ออกไซด์นะครับบางทีก็ใช้เป็นยาระบาย
00:27:45 → 00:27:48 เหมือนกันแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ก็เป็นยา
00:27:48 → 00:27:51 ระบายได้เหมือนกันนะครับก็ต้องดูว่าเออ
00:27:51 → 00:27:54 เรามีความไวต่อพวกนี้มากน้อยแค่ไหนนะครับ
00:27:54 → 00:27:58 ส่วนอีกตัวนึงซึ่งผมเคยเกริ่นไปก็คือแ
00:27:58 → 00:28:01 แมกนีเซียมแอตนะครับโดยอันเนี้ยมันมีงาน
00:28:01 → 00:28:03 วิจัยในสัตว์ทดลองว่ามันสามารถนำ
00:28:03 → 00:28:06 แมกนีเซียมเข้าไปสู่สมองได้ทำให้อาจจะมี
00:28:06 → 00:28:09 ผลต่อการชั่วเรื่องของความจำต่างๆได้นะ
00:28:09 → 00:28:11 ครับแต่ตรงเนี้ยข้อมูลยังไม่ค่อยได้ชัด
00:28:11 → 00:28:14 เจนเท่าไหร่แล้วแมกนีเซียมเ่า L trate
00:28:14 → 00:28:16 มันมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งก็คือว่า
00:28:16 → 00:28:18 ปริมาณแมกนีเซียมจริงๆที่อยู่ใน
00:28:18 → 00:28:21 แมกนีเซียมเ่า trate เนี่ยมันสู้ตัวอื่น
00:28:21 → 00:28:24 ไม่ค่อยได้นะครับดังนั้นถ้าเกิดว่าเราจะ
00:28:24 → 00:28:26 ต้องการให้ได้ระดับแมกนีเซียมในร่างกาย
00:28:26 → 00:28:28 สูงเราอาจจะต้องกินตัวเนี้ยเสริมไปกับ
00:28:28 → 00:28:32 แมกนีเซียมฟอร์มอื่นเช่นแมกนีเซียมิตมาต
00:28:32 → 00:28:36 ทอตแลคเตสไซตอะไรสักตัวนึงเนี่ยนะครับถึง
00:28:36 → 00:28:40 จะถือว่าได้มากเพียงพอนะครับแต่ถ้าเราจะ
00:28:40 → 00:28:43 กินเพื่อที่จะให้มันสุขภาพของสมองก็อาจจะ
00:28:43 → 00:28:46 เลือกตัวแทดไปก่อนก็ได้นะครับแล้วก็
00:28:46 → 00:28:48 แมกนีเซียมมันช่วยทำให้เรานอนหลับได้ดี
00:28:48 → 00:28:51 ขึ้นสามารถลดการเกิดตะคริวได้ในบางกรณีนะ
00:28:51 → 00:28:54 ครับอ่าลดการเกิดได้ในบางกรณีเหตุผลที่
00:28:54 → 00:28:58 เป็นเช่นนั้นเพราะว่าบางคนเป็นนาคิวด้วย
00:28:58 → 00:29:00 เหตุผลอื่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแมกนีเซียม
00:29:00 → 00:29:03 ก็เป็นได้นะครับอ่านี่คือวิธีในการคิดว่า
00:29:03 → 00:29:05 เราควรจะต้องเลือกกินอาหารเสริม
00:29:05 → 00:29:09 แมกนีเซียมชนิดไหนนะฮะบางคนก็อาจจะใช้
00:29:09 → 00:29:11 เป็นการที่มีแมกนีเซียมหลายๆฟอร์มปนกัน
00:29:11 → 00:29:16 อ่ะมีไซเนทนะครับ lactate ิตมาตอะไรหลายๆ
00:29:16 → 00:29:20 ปนกันใน 1 แคปซูลก็สามารถจะทำเช่นนั้นได้
00:29:20 → 00:29:23 นะครับเอ่อมีข้อควรระวังอีกอย่างนึงคือคน
00:29:23 → 00:29:27 ที่เป็นโรคไตโดยเฉพาะโรคไตระยะหลังๆเพราะ
00:29:27 → 00:29:29 ว่าไตจะเป็นอวัยวะสำคัญในการขับ
00:29:29 → 00:29:32 แมกนีเซียมถ้าเราได้มากจนเกินไปจากการกิน
00:29:32 → 00:29:36 อาหารเสริมเข้าไปในคนไข้โรคไตเนี่ยอ่ามี
00:29:36 → 00:29:38 แมกนีเซียมเกินในร่างกายซึ่งแมกนีเซียม
00:29:38 → 00:29:39 เกินในร่างกายเนี่ยมันจะมีปัญหาหลายอย่าง
00:29:39 → 00:29:44 เลยทีเดียวคือกล้ามเนื้ออ่อนแรงความดันตก
00:29:44 → 00:29:47 หัวใจอาจจะหยุดเต้นนะครับหายใจไม่ได้นะ
00:29:47 → 00:29:50 ครับดังนั้นคนที่มีโรคไตก่อนที่ท่านจะกิน
00:29:50 → 00:29:53 แมกนีเซียมต้องปรึกษาคุณหมอโรคไตที่รักษา
00:29:53 → 00:29:56 ท่านอยู่เสมอไม่ใช่ว่าอยู่ๆไปกินนะครับ
00:29:56 → 00:29:59 ไม่ใช่ว่าผมบอกว่าว่าเออเมื่อตะกี้เห็นผม
00:29:59 → 00:30:01 เล่าว่าถ้ากินยาขับปัสสาวะก็แปลว่าจะขาด
00:30:01 → 00:30:05 แมกนีเซียมได้ง่ายกว่าคนทั่วไปยกเว้นโรค
00:30:05 → 00:30:07 ไตครับถ้าท่านเป็นโรคไตท่านกินยาขับ
00:30:07 → 00:30:10 ปัสสาวะท่านปรึกษาคุณหมอที่รักษาก่อนที่
00:30:10 → 00:30:12 ท่านจะไปหาแมกนีเซียมมากินนะครับไม่
00:30:12 → 00:30:17 ฉะนั้นอาจจะมีปัญหาต่างๆขึ้นมาได้นะฮะอ่า
00:30:17 → 00:30:20 ดังนั้นวันนี้เราก็ได้เล่าเกี่ยวข้องกับ
00:30:20 → 00:30:22 แมกนีเซียมค่อนข้างที่จะหลากหลายนะครับ
00:30:22 → 00:30:24 แมกนีเซียมเนี่ยเป็นสิ่งซึ่งสำคัญต่อ
00:30:24 → 00:30:27 เอนไซม์ในร่างกายถึงประมาณ 300 ชนิดเลยที
00:30:27 → 00:30:30 เดียวนะครับแล้วก็เอนไซม์พวกเนี้ยเกี่ยว
00:30:30 → 00:30:32 ข้องกับทางด้านของการสร้างพลังงานการซ่อม
00:30:32 → 00:30:35 แซม DNA ระบบความจำการอักเสบในร่างกาย
00:30:35 → 00:30:38 ระบบวิตามินดีระบบกระดูกการเตนของหัวใจ
00:30:38 → 00:30:41 ทุกอย่างเลยนะครับถ้าจะกินจากอาหารก็กิน
00:30:41 → 00:30:44 จากผักใบเขียวที่เขียวเข้มๆนะครับและถ้า
00:30:44 → 00:30:46 เอาไปต้มก็จะทำให้เราสามารถดูซึม
00:30:46 → 00:30:49 แมกนีเซียมได้ดีกว่าถ้ากินปลากินถั่วก็จะ
00:30:49 → 00:30:51 ได้พวกแมกนีเซียมเข้าไปเพิ่มขึ้นอีกนะ
00:30:51 → 00:30:55 ครับถ้าเกิดจะกินเสริมเข้าไปก็เลือกชนิด
00:30:55 → 00:30:58 ที่มันดูดซึมได้ง่ายะกันเช่นแแมกนีเซียม
00:30:58 → 00:31:02 แลคเตสแมกนีเซียมิตแมกนีเซียมอ่าทอตมาต
00:31:03 → 00:31:05 พวกเนี้ยนะครับกลุ่มออร์แกนิคทั้งหลาย
00:31:05 → 00:31:08 แหละนะฮะสามารถที่จะไปหาซื้อได้ด้วยตัว
00:31:08 → 00:31:10 เองก็เลือกเอายี่ห้อที่ตัวเองชอบแล้วกัน
00:31:10 → 00:31:15 นะครับอ่อมีกรณีที่เป็นไมเกรนไมเกรนเนี่ย
00:31:15 → 00:31:18 คำแนะนำก็คือกินแมกนีเซียมวันละ 600
00:31:18 → 00:31:20 มิลกรัมซึ่งเมื่อกี้ผมบอกว่าลิมิหรือเยอะ
00:31:20 → 00:31:24 ที่สุดที่จะทำให้ไม่เกิดปัญหาคือ 350 มกร
00:31:24 → 00:31:26 นะครับทีนี้ถ้าเรากิน 600 แล้วเป็นไงอ่ะ
00:31:26 → 00:31:29 บางคนท้องเสียครับวิธีก็คือเราแบ่งเป็น
00:31:29 → 00:31:32 มื้อๆไปเช่นกิน 200 ตอนเช้า 200 ตอน
00:31:32 → 00:31:34 เที่ยงและ 200 ตอนเย็นนะครับแบบนี้ก็จะ
00:31:34 → 00:31:38 สามารถลดข้อเสียที่เกิดทำให้ท้องเรามี
00:31:38 → 00:31:40 ปัญหาได้นะครับโอเควันนี้ผมก็เล่า
00:31:40 → 00:31:43 แมกนีเซียมมาซะเยอะขนาดนี้แล้วกันนะฮะ
00:31:43 → 00:31:46 เอ่อก็จะทิ้งไว้แค่นี้นะครับถ้าเกิดคนไหน
00:31:46 → 00:31:48 มีข้อสงสัยอะไรก็สอบถามมาแล้วกันนะครับ
00:31:48 → 00:31:51 วันนี้เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดี
00:31:51 → 00:31:54 ครับ