00:00:00 → 00:00:02 เรื่องของสุขภาพเนี่ยมันไม่ใช่ว่าความคิด
00:00:02 → 00:00:05 เราอย่างเดียวมันคือสิ่งแวดล้อมที่มัน
00:00:05 → 00:00:08 บังคับให้เราเป็นอย่างนั้นด้วย
00:00:08 → 00:00:11 อตัวที่เป็นเหมือนเป็นตัววัดอ่ะค่ะพี่ชม
00:00:11 → 00:00:15 ว่าตอนเเราอยู่จุดไหนะแก่เบอร์ไหนเเมีย
00:00:15 → 00:00:19 วัดได้ว่าตอนเแก่เบอร์ไหนเวลาที่เซลล์
00:00:19 → 00:00:21 เกิดการแปล่งตัวสร้างใหม่เรื่อยๆเรืยๆๆๆ
00:00:21 → 00:00:23 เจ้าเเมียตรงนี้มันจะค่อยๆสั้นลงสั้นลง
00:00:23 → 00:00:27 สั้นลงจนสุดท้ายมันไม่มีเป็นอินดิเคเตอร์
00:00:27 → 00:00:29 ว่าร่างกายของเราหยุดการสร้างใหม่กับ
00:00:29 → 00:00:33 กำลังจะตายถ้าสามารถยืดมันได้ก็เหมือนกับ
00:00:33 → 00:00:35 ว่าเราสามารถต่อชีวิตเราได้นั่นเองต้อง
00:00:35 → 00:00:37 ใช้ชีวิตยังไงเพื่อให้เทโรเมียของเรา
00:00:37 → 00:00:39 เนี่ยมันยาวขึ้นเราอาจจะมองถึงในเรื่อง
00:00:39 → 00:00:42 ของน้ำตาลที่เป็นผู้ร้ายซะส่วนมากใช่มั้ย
00:00:42 → 00:00:44 คะแต่จริงๆแล้วผู้ร้ายที่ยิ่งกว่าน้ำตาล
00:00:44 → 00:00:48 ก็คือถ้าเราจะเริ่มต้นในเรื่องของการดูแล
00:00:48 → 00:00:50 เรื่องของเทรายเป็นด่านแรกที่เราจะต้องทำ
00:00:50 → 00:00:52 นั่นก็คือการหลีกเลี่ยงสิ่งที่มันจะทำให้
00:00:52 → 00:00:55 เทรายของเราสั้นเร็วก็จะแบ่งออกเป็น 3
00:00:55 → 00:00:58 อันอันแรกก็คืออะไรที่กินแล้วเนี่ยทำให้
00:00:58 → 00:01:01 เทโรเมียของเราเราเนี่ยสั้นลงเร็วหรือว่า
00:01:01 → 00:01:03 ทำให้เราแกะเร็วแค่อย่างเดียวเลยถ้าเลิก
00:01:03 → 00:01:06 สิ่งนี้ได้เลยเนี่ยชีวิตดีแน่นอนนั่นก็
00:01:06 → 00:01:09 คือมันมียาอะไรมยคะกินแล้วเนี่ยแบบทำให้
00:01:09 → 00:01:12 ไทโลเมยของเรานี่มันยาวขึ้นทำให้เราเด็ก
00:01:12 → 00:01:13 ลงมี
00:01:13 → 00:01:18 ค่ะมีงานวิจัยตัวอาหารเสริมที่มันสามารถ
00:01:18 → 00:01:20 ยืดยาวได้จริงๆตัวหลักสำคัญที่ซินี่แบบ
00:01:20 → 00:01:25 ลองเช็คดูว่าทุกตัวจะต้องมีอันนี้เลยอ่ะ
00:01:25 → 00:01:29 คือ on the way ชมวันนี้นะคะเชื่อว่า
00:01:29 → 00:01:31 เป็นท็อปปิกที่ที่หลายๆคนเจะต้องสนใจมากๆ
00:01:31 → 00:01:34 แล้วโดยเฉพาะชมเองเนี่ยก็อินกับเรื่องนี้
00:01:34 → 00:01:38 มากๆเลยก็คือเรื่องของศาสตร์ของการชะลอไว
00:01:38 → 00:01:40 นะเพราะว่าส่วนตัวนี่ก็อยากจะอยู่ให้ได้
00:01:40 → 00:01:43 เป็นร้อยๆปีไปเลยนะคะเคยสงสัยมยคะอย่าง
00:01:43 → 00:01:45 เช่นเวลาที่เราไปแบบไปเลี้ยงรุ่นอย่าง
00:01:45 → 00:01:47 เงี้ยหรือว่าไปเจอเพื่อนเพื่อนที่แบบ
00:01:47 → 00:01:49 เรียนมาด้วยกันสมัยเดียวกันเอ้ยทำไมบางคน
00:01:49 → 00:01:52 มันแบบเฮ้ยมันไปเยอะแล้วเหมือนกัน
00:01:52 → 00:01:56 วะหรือว่าบางคนก็แบบว่าเฮ้ยแกยังเป๊ะอยู่
00:01:56 → 00:01:58 เลยอะไรเงี้ยทั้งๆที่เราก็แบบเออเกิดปี
00:01:58 → 00:02:00 เดียวกันอะไเงี้ยจริงๆแล้วก็คือมันมี
00:02:00 → 00:02:04 ปัจจัยอย่างอื่นนะที่มันเป็นตัวบ่งชี้ว่า
00:02:04 → 00:02:09 เอ้ยในระดับเซลล์แล้วเนี่ยเราอ่ะแก่เบอร์
00:02:09 → 00:02:14 ไหนอืซึ่งการใช้ชีวิตไสตล์เนี่ยนะคะมันมี
00:02:14 → 00:02:18 มีผลมากๆนะคะต่อไอ้ความแก่ที่มันไม่ใช่
00:02:18 → 00:02:20 ตัวเลขบนบัตรประชาชนเรานะฮะซึ่งวันนี้
00:02:20 → 00:02:23 เนี่ยเราก็จะมาคุยเรื่องนี้กันว่าเอ้ยถ้า
00:02:23 → 00:02:27 เราแบบอยากจะเด็กกว่าวัยอยากจะชะลอวัย
00:02:27 → 00:02:29 อยากจะมีอายุที่มันยืนยาวเนี่ยเราสามารถ
00:02:29 → 00:02:31 ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของเราได้ยังไงบ้าง
00:02:31 → 00:02:33 เดี๋ยวเราไปฟังกันเลย
00:02:33 → 00:02:37 ค่ะอยากให้ซิเล่าถึงตัวเองแนะนำตัวเองนิด
00:02:37 → 00:02:40 นึงค่ะอ๋อโอเคค่ะคือซิเนี่ยปัจจุบันเนี่ย
00:02:40 → 00:02:43 ก็คือเป็น influencer ใน tiktok ค่ะแล้ว
00:02:43 → 00:02:46 ก็ขายสินค้าประเภทอาหารเสริมแล้วก็เป็น
00:02:46 → 00:02:49 โค้ชเ่อทางด้านการสอนทำเรื่องของการตัด
00:02:49 → 00:02:52 ต่อ tiktok ค่ะถ้าจะไกลกว่านั้นเป็น
00:02:52 → 00:02:55 วิศวกรมาก่อนขายเกี่ยวกับเอ่ออุปกรณ์ผลิต
00:02:55 → 00:02:58 ไฟฟ้ามาก่อนค่ะอันนั้นคือพื้นฐานที่ที่
00:02:58 → 00:03:01 ที่จบมาออแล้วทำไมเรามาทำคทนที่มันเกี่ยว
00:03:01 → 00:03:04 กับเรื่องเรื่องสุขภาพเรื่อง longevity
00:03:04 → 00:03:06 อะไรเงี้ยได้ยังไงก็อย่างนี้ค่ะู้ชมก็คือ
00:03:06 → 00:03:09 ว่าตอนที่เราทำเป็นวิศวกรใช่มั้ยคะแล้วก็
00:03:09 → 00:03:12 มีอาชีพเสริมเนาะในเรื่องของการอ่าขาย
00:03:12 → 00:03:14 สินค้าอาหารเสริมด้วยนะคะแล้วมันทำให้มัน
00:03:15 → 00:03:16 เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราต้องเข้าใจใน
00:03:16 → 00:03:19 เรื่องของสุขภาพมากขึ้นอ่าเราก็เลยศึกษา
00:03:19 → 00:03:21 ในเรื่องนี้มากขึ้นนะคะแล้วเราก็เรียกว่า
00:03:21 → 00:03:23 ใช้ศาสตร์อ่าวิศวกรของเรานั่นแหละใน
00:03:23 → 00:03:26 เรื่องของการเลียบเรียงต่างๆเอมาอธิบายใน
00:03:26 → 00:03:28 เรื่องของสุขภาพแล้วคกลายเป็นว่าคนเข้าใจ
00:03:28 → 00:03:32 อค่ะมากกว่าในศาสตร์ของวิศวกรรมซะอีกอเรา
00:03:33 → 00:03:35 ก็เลยเริ่มค่อยๆผันตัวมาทำทางด้านนี้ค่ะ
00:03:35 → 00:03:38 พี่ชมชมจะถนัดเป็น YouTube อ่ะเนาะเออเดู
00:03:38 → 00:03:41 ก็จะเห็นว่าแบบพูดหลายเรื่องเหมือนกันนะ
00:03:41 → 00:03:43 เออหลายๆเรื่องเหมือนกันที่เกี่ยวกับ
00:03:43 → 00:03:45 เรื่องสุขภาพแต่ว่าวันนี้เรามาโฟกัสกัน
00:03:45 → 00:03:49 ที่เรื่องของความชะลอไวยก็คือตัว
00:03:49 → 00:03:51 เทโลเมียร์
00:03:51 → 00:03:54 อธิบายคอนเซปต์ของเทโลเมียร์ให้ฟังหน่อย
00:03:54 → 00:03:56 ได้มั้ยคะว่ามันมันคืออะไรคือเ่อก่อนที่
00:03:56 → 00:03:59 เราจะเริ่มต้นในส่วนของเเมียอ่ะค่ะมันอาจ
00:03:59 → 00:04:01 จะเริ่มต้นจากการที่ว่าถ้าเราพูดถึงการ
00:04:02 → 00:04:05 ชะลอวัยใช่มั้ยคะอคำว่าชชะลอวัยเนี่ยเรา
00:04:05 → 00:04:08 เรากำลังพูดถึงว่าอ่าเราไม่อยากให้มัน
00:04:08 → 00:04:11 เร่งความแก่ชราเร็วเกินตัวที่เป็นเหมือน
00:04:11 → 00:04:14 เป็นตัววัดอ่ะค่ะพี่ชมว่าเ่อตอนเนี้ยเรา
00:04:14 → 00:04:17 อยู่จุดไหนและเราอยู่จุดอทางด่วนแก่เบอร์
00:04:17 → 00:04:21 ไหนอใช่คำนั้นเลยอ่าก็คือมันก็เลยจะไปโยง
00:04:21 → 00:04:23 กับตัวเทเมตัวนี้อือฮึซึ่งเป็นหนึ่งวิธี
00:04:23 → 00:04:26 นะพี่ชมจะไม่ใช่ทุกวิธีคือมันจะมีอีกหลาย
00:04:26 → 00:04:28 วิธีแต่ว่านี้คือคือหมายความว่าก็อาจจะ
00:04:28 → 00:04:33 เป็นมาดนึงที่เราจะใช้วัดได้ว่าเราแก่ไป
00:04:33 → 00:04:36 ขนาดไหนแล้วใช่เสื่อมไปขนาดไหนแล้วใช่
00:04:36 → 00:04:38 แล้วแต่ว่าอาจจะไม่ใช่ทั้งหมดใช่อาจจะไม่
00:04:38 → 00:04:41 ใช่ทั้งหมดก็คือเป็นตัววัดว่าตอนนี้เรา
00:04:41 → 00:04:43 อยู่จุดไหนแล้วซึ่งเจ้าเเมียเนี่ยค่ะเขา
00:04:43 → 00:04:46 ก็จะอยู่ในเซลล์ของเราอีกทีนึงอือมันจะ
00:04:46 → 00:04:51 เป็นส่วนนึงของอ่าถ้าพูดถึงก็คือรหัส DNA
00:04:51 → 00:04:53 ก็คือว่าร่างกายของเราอ่ะค่ะถ้าเราพูดถึง
00:04:53 → 00:04:55 ว่าร่างกายของเรามีการผลัดเซลล์อยู่ตลอด
00:04:55 → 00:04:57 เวลามีการสร้างใหม่อยู่ตลอดอ่ะเวลาที่เรา
00:04:57 → 00:04:59 พูดถึงผิวหน้าก็คือเหมือนผลัดเซลล์ผิว
00:04:59 → 00:05:02 หน้าอืให้มันมีการสร้างใหม่ขึ้นมาใช่ไคะ
00:05:02 → 00:05:04 ซึ่งการสร้างใหม่นั้นน่ะค่ะพี่ชมเรา
00:05:04 → 00:05:06 ต้องการรหัสเดิมเช่นว่าเนี่ยพี่ชมหน้าไซส
00:05:06 → 00:05:09 อย่างเงี้ยเราคงไม่ได้แบบอยากจะมีแบบฝ้า
00:05:09 → 00:05:12 กะขึ้นใช่มยคะเราต้องการผสีผิวเดิมหมาย
00:05:12 → 00:05:15 ความว่าเซลล์จะต้องมีรหัสเดิมในการสร้าง
00:05:15 → 00:05:17 ขึ้นใช่ไหมคะแต่เมื่อเวลาผ่านไปปึ๊บผ่าน
00:05:17 → 00:05:20 ไปปึ๊บเนี่ยเจ้ารหัสนั้นมันเหมือนมันถูก
00:05:20 → 00:05:23 ใช้ไปนานๆใช้ไปนานๆจนมันเสื่อมจนมันหมด
00:05:23 → 00:05:25 สภาพเนี่ยค่ะแล้วมันเริ่มไม่มีการสร้าง
00:05:25 → 00:05:27 ขึึ้นใหม่ก็จะเป็นเหมือนแบบคล้ายๆเซลล์
00:05:27 → 00:05:30 ที่มันผิดเพี้ยนอ่าฮะอยู่ในร่างกายซึ่ง
00:05:30 → 00:05:32 เราต้องการเเรียกว่าเราต้องการให้ไอ้
00:05:32 → 00:05:34 เซลล์เนี้ยมันไม่เกิดขึ้นหรือว่าเกิดขึ้น
00:05:34 → 00:05:38 ได้ช้าพูดง่ายๆก็คือว่าสามารถที่จะแบ่ง
00:05:38 → 00:05:42 ตัวในตามโค้ดเดิมตามรหัสเดิมประมาณนั้น
00:05:42 → 00:05:45 ประมานั้นประมานั้นคซึ่งพอผ่านเวลาก็คือ
00:05:45 → 00:05:47 ความแก่ก็คือการที่นางอ๊องแล้วก็ไม่
00:05:47 → 00:05:50 สามารถผลัดแบบเดิมได้ใช่ซึ่งตัวนั้นแหละ
00:05:51 → 00:05:53 ค่ะก็คือมันก็จะเลยเป็นที่มาของตัวของ
00:05:53 → 00:05:56 เเมียว่าเมื่อไหร่ที่เซลล์มันไม่สามารถ
00:05:56 → 00:05:59 ที่จะสร้างขึ้นใหม่ได้ก็คืออายุของเทราย
00:05:59 → 00:06:01 ทีนี้ทนี้ถ้าเราพูดถึงเทมีเนี่ยแบบบางที
00:06:01 → 00:06:03 คนที่ไม่ได้เข้าใจทางวิทยาศาสตร์เราจะมอง
00:06:03 → 00:06:06 ไม่เห็นภาพใช่มั้ยคะดังนั้นเอ่อมีตัวเตัว
00:06:06 → 00:06:08 อย่างนะตัวอย่างให้ทุกคนดูนะคะก็เอามา
00:06:08 → 00:06:11 ด้วยนะทุกคนนะโอเคคือมันเป็นอย่างนี้ค่ะ
00:06:11 → 00:06:15 อ่าตัวรหัสที่ว่าเราต้องการรหัสเดิมรหัส
00:06:15 → 00:06:18 ที่ว่านั้นก็คือ DNA ใช่มั้ยคะ DNA เนี่ย
00:06:18 → 00:06:21 อ่าเขาเหมือนเป็นสายอ่ะเป็นสายใช่มยแล้ว
00:06:22 → 00:06:24 ในร่างกายของเราเนี่ยใช่ว่าจะเจ้าสาย
00:06:24 → 00:06:26 เนี่ยมันจะลอยอยู่ในร่างกายมันจะถูกมัด
00:06:26 → 00:06:30 รวมกันไว้ปึ๊บๆๆๆมัดรวมกันไว้ออเป็นสิ่ง
00:06:30 → 00:06:33 ที่เราเรียกกันว่าโครโมโซมอือฮึเจ้าตัว
00:06:33 → 00:06:35 นี้จะอยู่ในเซลล์อีกทีนึงโครโมโซมเนี่ยก็
00:06:35 → 00:06:37 ไม่ได้อยู่ลอยๆแบบนี้คล้ายๆกับว่าปลายมัน
00:06:37 → 00:06:40 จะแบบปลายมันจะรั่วคือถ้าไม่มีเจ้าตัวแกป
00:06:40 → 00:06:43 ตรงเนี้ยค่ะค่ะปลายมันก็จะแบบถูกปล่อยใช่
00:06:43 → 00:06:45 มยดังนั้นมันก็เลยต้องมีตัวแคปตรงนี้ไว้
00:06:46 → 00:06:49 อันนี้แหละที่เราเรียกกันว่าเทยอือฮึซึ่ง
00:06:49 → 00:06:52 เจ้าแทยเนี่ยค่ะเวลาที่เซลล์เกิดการแป่ง
00:06:52 → 00:06:55 ตัวสร้างใหม่เรื่อยๆๆๆๆๆเจ้าเเมียตรงนี้
00:06:55 → 00:06:57 มันจะค่อยๆสั้นลงสั้นลงสั้นลงจนสุดท้าย
00:06:57 → 00:07:00 มันไม่มีถ้ามันไม่มีเมื่อไหร่ปึ๊บอเซลล์
00:07:00 → 00:07:02 จะหยุดการสร้างแน่นอนว่ารวมถึงโรคภัยต่าง
00:07:02 → 00:07:05 ๆด้วยก็จะเริ่มเข้ามาแล้วก็เหมือนคล้ายๆ
00:07:05 → 00:07:09 กับว่าเป็นตัวเป็นอิตว่าร่างกายของเรา
00:07:09 → 00:07:12 หยุดการสร้างใหม่กำลังจะตายกำลังจะเสีย
00:07:12 → 00:07:15 ชีวิตไปอ่าดังนั้นมันก็เลยเป็น Concept
00:07:15 → 00:07:18 ที่ว่าเราต้องการที่ 1 คือเมียวัดได้ว่า
00:07:18 → 00:07:21 ตอนเเราอยู่จุดไหนแก่เบอร์ไหนอือฮึ 2 คือ
00:07:21 → 00:07:23 เราต้องการพยายามที่จะรักษาความยาวตรงนี้
00:07:23 → 00:07:26 เอาไว้เพื่อให้เราอยู่ได้นานหรือว่ามี
00:07:26 → 00:07:28 ชีวิตมีคุณภาพชีวิตที่ดีอมีคุณภาพชีวิต
00:07:29 → 00:07:31 ที่ดีหรือหรือแม้กระทั่งว่าถ้าสามารถยืด
00:07:31 → 00:07:33 มันได้ก็เหมือนกับว่าเราสามารถต่อชีวิต
00:07:33 → 00:07:36 เราได้นั่นเองทีนี้แล้วเราจะรู้ได้ยังไง
00:07:36 → 00:07:39 ว่าเทเมของเรานี่มันมันยาวหรือมันสั้น
00:07:39 → 00:07:41 แล้วตอนเอโอเคเบื้องต้นน่ะนะคะหนูว่าถ้า
00:07:41 → 00:07:44 แบบคอนเซปต์ง่ายๆคือเราดูหน้าเรากับหน้า
00:07:44 → 00:07:46 เพื่อนเพื่อนรุ่นเดียวกันอ่าใช่เพื่อน
00:07:46 → 00:07:50 รุ่นเดียวกันถ้าหน้าเราดูด็กกว่าก็มีแนว
00:07:50 → 00:07:54 โน้มว่าเราจะมีเเมียที่ยาวกว่าเพื่อนอ่า
00:07:55 → 00:07:57 ใช่มั้ยคะอันนี้คือสเต็ปแรกอันนี้ก็คือ
00:07:57 → 00:07:59 แบบ in General ทั่วไปที่เราดูได้ง่ายๆ
00:07:59 → 00:08:01 อ่าอันที่ 2 ก็คือว่าถ้าเป็นในเรื่องของ
00:08:01 → 00:08:03 วิทยาศาสตร์เลยก็คือมันมีการตรวจเลือดโดย
00:08:03 → 00:08:07 เขาจะตรวจจากอ่าตัวของเม็ดเลือดขาวค่ะเรา
00:08:07 → 00:08:09 จะได้เป็น Report มาเลยเป็นรายงานมาเลย
00:08:09 → 00:08:13 ว่าตอนเความยาวของเทรายของเราเนี่ยมันเ่า
00:08:13 → 00:08:16 สั้นหรือว่ายาวกว่าเฉลี่ยคนที่อายุเท่าๆ
00:08:16 → 00:08:18 กันเพื่อที่จะให้เราสามารถที่จะปรับการ
00:08:18 → 00:08:20 ใช้ชีวิตเพราะเทราเหมียวจริงๆมันสามารถ
00:08:20 → 00:08:23 สั้นยาวของมันได้ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิต
00:08:23 → 00:08:24 หมายความว่าสั้นไปแล้วเนี่ยมันเติมให้ยาว
00:08:24 → 00:08:28 ขึ้นได้อ่าใช่ค่ะถ้าเป็นแบบเจาะลึกไปเลย
00:08:28 → 00:08:31 ว่ามันสามารถที่จะแบบ exactly ว่าตัวไหน
00:08:31 → 00:08:34 ยังไงอันเนี้ยมันอาจจะต้องลงลึก in ว่า
00:08:34 → 00:08:36 แล้วในความเป็นจริงมันมันแบ่งได้มคะว่า
00:08:36 → 00:08:39 เอ้ยอันนี้เป็นเทโรเมียของผิวอันนี้เป็น
00:08:39 → 00:08:42 เทรยของกล้ามเนื้อหรือว่าเป็นอะไรเงี้ย
00:08:42 → 00:08:44 มันมันเจาะแบบนั้นได้มคิดว่าเจาะไม่ได้
00:08:44 → 00:08:46 เพราะว่าวิธีการตรวจของเขาอ่ะค่ะพี่ชมเขา
00:08:47 → 00:08:49 จะเอาเลือดไปเลยถูกมยเลือดก็คืออินดิเคต
00:08:49 → 00:08:51 ทั้งร่างกายเลยไงมันก็เลยไม่ได้เจาะจงว่า
00:08:51 → 00:08:54 มันคือเซลล์ไหนคือเหมือนคล้ายๆกับว่าเป็น
00:08:54 → 00:08:56 องค์รวมของร่างกายไปเลยเพราะว่าเลือดวิ่ง
00:08:56 → 00:08:59 ทั้งตัวมันก็คงจะเป็นคล้ายๆเหมือนเป็นค่า
00:08:59 → 00:09:02 เฉลี่ใช่เป็นค่าเฉลี่ใช่เป็นค่าเฉลี่ยแต่
00:09:02 → 00:09:04 มันทำให้เรารู้ค่ะพี่ว่าเช่นว่าถ้าสมมุติ
00:09:04 → 00:09:07 ว่าเราเอ่อตรวจในปีนี้ใช่มั้ยคะแล้วเรา
00:09:07 → 00:09:10 เปลี่ยนการใช้ชีวิตของเราไปดูซิว่าเเมีย
00:09:10 → 00:09:13 ของเราอ่ะมันสั้นหรือมันยาวขึ้นอ่าคือมัน
00:09:13 → 00:09:16 คล้ายๆกับว่าเป็นภาพรวมอ่ะดังนั้นถ้าเรา
00:09:16 → 00:09:18 จะระบุว่ามันสามารถสั้นหรือยาวได้มคือ
00:09:18 → 00:09:21 อันเนี้ยถ้าจะให้ระบุให้ชัดเจนเนี่ยทาง
00:09:21 → 00:09:23 วิทยาศาสตร์เนี่ยเขาจะไม่พูดแบบนี้กันนะ
00:09:23 → 00:09:26 คะเพราะว่ามันแบบมันเป็นองค์รวมของการดู
00:09:26 → 00:09:30 แลสุขภาพถ้าจะเจาะไปเลยว่าตัวไหนสามารถ
00:09:30 → 00:09:33 ที่จะอ่าเร่งในเรื่องของความยาวของเมีย
00:09:33 → 00:09:35 ได้อันนี้งานวิจัยิว่าการรองรับเขายัง
00:09:35 → 00:09:39 ค่อนข้างน้อย nmn เอ่อ nmn เนี่ยไม่ได้
00:09:39 → 00:09:43 โดยตรงค่ะพี่ชมออ nmn เนี่ยจะไปอ่าช่วยใน
00:09:43 → 00:09:46 เรื่องของการผลิตสิ่งที่เรียกว่า nad
00:09:46 → 00:09:49 Plus ใช่มั้ยคะก็คือเป็นอนุภาคของเอ่อ
00:09:49 → 00:09:52 วิตามิน B B3 ใช่มั้ยคะวิตามิน B3 จะมี
00:09:52 → 00:09:55 ส่วนในเรื่องของการใช้พลังงานในร่างกายอื
00:09:55 → 00:09:58 เนาะแล้วก็อ่าดูแลเรื่องของไม่ให้ DNA
00:09:58 → 00:10:01 หรือเมื่อกี้แหละเกิดความเสียหายใช่มั้คะ
00:10:01 → 00:10:04 แต่งานวิจัยโดยตรงกับทางเเมียเนี่ยถ้าเรา
00:10:04 → 00:10:07 มีระดับ nad ที่เพิ่มขึ้นจากการที่เรา
00:10:07 → 00:10:11 เอ่อทาน nmn ใช่ไหมคะอือแล้วก็หรือว่าได้
00:10:11 → 00:10:14 รับ nmn เนี่ยมี nad เพิ่มขึ้นจากงาน
00:10:14 → 00:10:17 วิจัยที่ิศึกษามาเนี่ยมันช่วยคล้ายๆกับ
00:10:17 → 00:10:20 ว่าทำให้ความเสถียรของตัวของเียหรือว่า
00:10:20 → 00:10:23 โครโมโซมนั้นดีแต่ยังไม่ได้มีงานวิจัยชัด
00:10:23 → 00:10:26 เจนว่ามันทำยาวขึ้นอใช่ทีนี้ก็ต้องหวัง
00:10:26 → 00:10:29 พึ่งไลฟ์สไตล์ใช่มถ้าอย่างงั้นใช่
00:10:29 → 00:10:31 ค่ะอต้องใช้ชีวิตยังไงต้องมีไลฟ์สไตล์ยัง
00:10:31 → 00:10:34 ไงเพื่อให้เทยของเราเนี่ยมันยาวขึ้นถ้า
00:10:34 → 00:10:36 เราจะเริ่มต้นในเรื่องของการดูแลเรื่อง
00:10:36 → 00:10:39 ของเทรายวิธีแรกที่เป็นด่านแรกที่เราจะ
00:10:39 → 00:10:41 ต้องทำนั่นก็คือการหลีกเลี่ยงสิ่งที่มัน
00:10:41 → 00:10:44 จะทำให้เเมียของเราสั้นเร็วนะคะก็จะแบ่ง
00:10:44 → 00:10:48 ออกเป็น 3 อันอันแรกก็คืออาหารนะคะออาหาร
00:10:48 → 00:10:51 อะไรที่กินแล้วเนี่ยทำให้เทโรเมียของเรา
00:10:51 → 00:10:54 เนี่ยสั้นลงเร็วหรือว่าทำให้เราแกะเร็ว
00:10:54 → 00:10:56 อาหารเนี่ยแน่นอนว่าเราทุกคนรู้ว่าอะไร
00:10:56 → 00:10:59 ควรทานอะไรไม่ควรทานแต่ถ้าจะให้แนะนำเลย
00:10:59 → 00:11:02 เอาแค่อย่างเดียวเลยที่แบบว่า Impact ต่อ
00:11:02 → 00:11:05 ร่างกายมากที่สุดแล้วก็ทำให้เชลมี่ของเรา
00:11:05 → 00:11:07 สั้นเร็วที่สุดถ้าเลิกสิ่งนี้ได้เลยเนี่ย
00:11:07 → 00:11:11 ชีวิตดีแน่นอนอือนั่นก็คืออาหารแปรรูปอื
00:11:11 → 00:11:13 เราชอบอะไรกันบ้างอ่ะอาจจะเป็นแบบชานมไข่
00:11:13 → 00:11:16 มุกใช่มั้ยคะเมื่อก่อนนี่โอ้โหซิกินทุก
00:11:16 → 00:11:19 วันเลยนะกินเหมือกันพอกันชอบมากนะคะอร่อย
00:11:19 → 00:11:23 มากไม่มีไข่มุกนี่ต้องต้องคุยกันเลยนะหาย
00:11:23 → 00:11:26 ไปไหนใช่กินทำไมไม่มีไข่มุกกินทำไมเออไม่
00:11:26 → 00:11:29 ได้ใช่มั้ยคะอันที่ 2 คือหมุกกระทะนี่
00:11:29 → 00:11:31 เดี๋ยวจบรายกรงรายการเสร็จปุ๊บต้องไปหมู
00:11:31 → 00:11:33 กระทะเมื่อก่อนเดี๋ยวนี้ไม่เอาละอ่ะเพราะ
00:11:34 → 00:11:36 ว่าหมูกระทะเนี่ยตัวหมูเองไม่ใช่อาหารแปร
00:11:36 → 00:11:39 รูปแต่ว่ามันจะกินเพียวๆได้มั้ยพี่ชมพวก
00:11:39 → 00:11:40 accessor ที่มากับมันใช่มั้เออมันต้อง
00:11:40 → 00:11:43 จิ้มสักนิดนึงจิ้มจิ้มนิดจิ้มหน่อยปุ๊บ
00:11:43 → 00:11:45 หมดไปละ 3-4 ถ้วยออ่านั่นแหละค่ะคือ
00:11:45 → 00:11:47 process Food หรือว่าอาหารแปรรูปนั่น
00:11:48 → 00:11:50 เองก็คือมาในรูปแบบของน้ำจิ้มใช่มั้ยคะ
00:11:50 → 00:11:53 หรืออะไรอีกพิซซ่าคือคำว่าอาหารแปรรูป
00:11:53 → 00:11:56 เนี่ยคือมันผิดเพี้ยนจากรูปแบบเดิมใน
00:11:56 → 00:11:59 ธรรมชาติของเขาคือเราจำไม่ได้เลยว่าพี่
00:11:59 → 00:12:01 พิซซ่ามันมาจากอะไรใช่มั้ยคะคือเราก็จำ
00:12:01 → 00:12:04 ว่าพิซซ่าไปแล้วอชมีความรู้สึกว่าเวลาที่
00:12:04 → 00:12:06 เราแบบเหมือนอยากจะบอกคนใกล้ตัวเรานะอยาก
00:12:06 → 00:12:08 จะแบบว่าเปลี่ยนเา้าอ่ะพูดง่ายๆเพราะด้วย
00:12:09 → 00:12:10 ความหวังดีด้วยอะไรเงี้ยว่าแบบเหมือนเขาค
00:12:10 → 00:12:14 ก็รู้แหละแป้งไม่ดีน้ำตาลไม่ดีของทอดไม่
00:12:14 → 00:12:17 ดีจังก์ฟู้ดไม่ดีชมว่าเพราะเาไม่เข้าใจ
00:12:17 → 00:12:20 ว่ามันทำอะไรกับร่าง
00:12:20 → 00:12:24 กายเหมือนมันไม่เห็นภาพอ่ะมันแค่คิดว่า
00:12:24 → 00:12:26 เออมันกินแล้วมันอ้วนแล้วมันก็ไม่ดีไขมัน
00:12:26 → 00:12:28 อุตันหรือว่าแบบเดี๋ยวเป็นเบาหวานหรือว่า
00:12:28 → 00:12:31 แบบอะไรอย่างเงี้ยอยากให้ซิแบบอธิบายแบบ
00:12:31 → 00:12:34 ให้มันลึกกว่านี้แต่เข้าใจง่ายนะว่ามันไป
00:12:34 → 00:12:39 ทำอะไรกับเราอ่ะมันถึงแบบไม่ดีอ่ะซิเข้า
00:12:39 → 00:12:41 ใจหลายๆคนตัวซิเองก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน
00:12:41 → 00:12:44 หมายถึงว่าเราดูแลสุขภาพเราอยากให้คนที่
00:12:44 → 00:12:47 เรารักดูแลสุขภาพเหมือนกันใช่มั้ยคะทีนี้
00:12:47 → 00:12:49 ประเด็นก็คือว่าเราพยายามที่จะเปลี่ยน
00:12:49 → 00:12:52 ความคิดหรือแม้กระทั่งว่าอ่าอย่างซิเองทำ
00:12:52 → 00:12:54 ช่องใช่มั้คะที่พยายามสื่อสารนู่นนี่นั่น
00:12:54 → 00:12:57 ก็มีนะคะกลุ่มคนที่เขาเข้าใจแล้วก็ไปปรับ
00:12:57 → 00:13:00 การใช้ชีวิตของเขาแล้วดีขึ้นกับกลุ่มที่
00:13:00 → 00:13:02 ดูเพื่อเเตอร์เท่านั้นอือทีนี้ความหมาย
00:13:02 → 00:13:06 ของซิก็คือว่าเราไม่ได้เป็นเราแบบ 100%
00:13:06 → 00:13:10 พี่ชมอือเราคือจุลินทรีย์ในลำไส้อืที่วัน
00:13:10 → 00:13:12 นี้เราคิดได้แบบเค่ะมันเป็นเพราะว่าเรา
00:13:12 → 00:13:14 เลือกทานอาหารดีๆที่มันไปเปลี่ยน
00:13:14 → 00:13:17 จุลินทรีย์ในลำไส้แล้วจุลินทรีย์ในลำไส้
00:13:17 → 00:13:20 มันจะเตือนเราเองว่าการกินอาหารนี้เราจะ
00:13:20 → 00:13:23 เริ่มไม่ชอบรสชาติเราจะเริ่มไม่อยากทาน
00:13:23 → 00:13:26 ความหมายของซิก็คือว่าแทนที่จะไปบอกเาว่า
00:13:26 → 00:13:29 อันนี้อันนี้อันนี้ไม่ดีใช่ไหมมคะิจะให้
00:13:29 → 00:13:31 เขาเรียงลำดับการทานเริ่มจากไฟเบอร์ก่อน
00:13:31 → 00:13:34 นะอือไฟเบอร์มันก็คืออาหารของเชื้อ
00:13:34 → 00:13:36 จุลินทรีย์ที่ดีใช่มั้คะพออย่างน้อยเนี่ย
00:13:36 → 00:13:38 เอาไฟเบอร์เข้าไปก่อนเอาให้มันเพาะสักนิด
00:13:38 → 00:13:40 นึงก่อนก่อนที่จะเป็นอาหารที่ไม่ดีก็คือ
00:13:40 → 00:13:43 เราไปให้อาหารจุลินทรีย์ที่นิสัยดีใช่คือ
00:13:43 → 00:13:46 ความหมายคือแทนที่จะไปเปลี่ยนเค้าอือ
00:13:46 → 00:13:48 เปลี่ยนจุลินทรีย์ในลำไส้เ้าค่อยๆเป็น
00:13:48 → 00:13:51 ค่อยๆไปอาจใช้เวลาหน่อยเริ่มต้นจาก
00:13:51 → 00:13:53 ไฟเบอร์หรือผักผักใบเขียวก็จะดีที่สุด
00:13:53 → 00:13:55 เนาะค่อยๆเริ่มต้นจากตรงนั้นหรือถ้าเขไม่
00:13:55 → 00:13:58 อยากจริงๆก็ให้เสริมโปรตีนให้เคทานโปรตีน
00:13:58 → 00:14:00 ให้มากมากขึ้น้าง่ายที่สุดอย่างที่ซิแนะ
00:14:00 → 00:14:03 นำให้ที่บ้านก็คือไข่ต้มไข่ต้มเนี่ยถ้า
00:14:03 → 00:14:05 เราเทียบอ่าเรื่องของการดูดซึมโปรตีน
00:14:05 → 00:14:07 เนี่ยสูงกว่าเวโปรตีนอีกนะพี่ผู้ชมดัง
00:14:07 → 00:14:09 นั้นมันเป็นสเต็ปที่ง่ายมากส่วนคนที่
00:14:09 → 00:14:11 กังวลเรื่องของคอเลสเตอรอลเราอาจจะเอาไข่
00:14:11 → 00:14:13 แดงออกก็ได้แต่ก็ยังแนะนำว่าในมื้อนั้น
00:14:13 → 00:14:16 ต้องมีไข่แดงเพราะว่าการดูดซึมโปรตีนนั้น
00:14:16 → 00:14:18 ดีดีกว่าเมื่อมันมีไขมันเริ่มต้นด้วย
00:14:18 → 00:14:21 ไฟเบอร์ถัดมาคือโปรตีนสุดท้ายอยากกินข้าว
00:14:21 → 00:14:24 แป้งน้ำตาลจังเลยอ่ะไปกินหลังจากนั้นแต่
00:14:24 → 00:14:25 เมื่อไหร่ที่เรากินพวกข้าวแป้งหลังจาก
00:14:25 → 00:14:27 นั้นเราจะกินได้น้อยลงเมื่อไหร่เรากินได้
00:14:27 → 00:14:30 น้อยลงอาหารที่จะไปสู่จุลินทรีย์ที่ไม่ดี
00:14:30 → 00:14:34 น้อยลงน้อยลงนั่นคือคอนเซปที่ซิใช้ก็คือ
00:14:34 → 00:14:37 อ่ะไม่ต้องอธิบายให้ลึกมากก็ได้แต่ลอง
00:14:37 → 00:14:39 ค่อยๆเปลี่ยนแล้วก็สปอยจุลินทรีย์ที่
00:14:39 → 00:14:42 นิสัยดีแล้วก็ไม่ต้องไปฟีดจุลินทรีย์ที่
00:14:42 → 00:14:45 นิสัยไม่ดีใช่ใช่เออหรือพยายามเสริม
00:14:45 → 00:14:47 โปรไบโอติกก็ได้พี่ชมเพราะว่าหนูก็เคย
00:14:47 → 00:14:50 เป็นแบบนั้นพยายามที่จะบอกกินนนี่ๆๆๆๆๆ
00:14:50 → 00:14:52 อือมันยากกว่าการเสริมไงอ่ะกินอันนี้ไป
00:14:52 → 00:14:54 ก่อนนะอ่ะกินอันนี้ไปก่อนนะกินอันนี้ไป
00:14:54 → 00:14:56 ก่อนแล้วบอกแล้วเหมือนกับให้เขา Enjoy
00:14:56 → 00:14:59 กับการกินมันง่ายกว่าการที่ไปบอกว่าห้าม
00:14:59 → 00:15:01 กินอันนั้นห้ามกินอันนี้อย่างเงี้ยค่ะ
00:15:01 → 00:15:03 แล้วก็พยายามสร้าง environment น่ะค่ะที่
00:15:03 → 00:15:06 แบบเขาหามันได้ยากอ่ะอาหารที่ไม่ดีอ่ะอือ
00:15:06 → 00:15:10 นก็ทิ้งหมดเลยในบ้านอพอรู้ทิ้งหมดเลย
00:15:10 → 00:15:12 อาหารแปรรุ่งแปรรูปอย่างเงี้ยค่ะเรื่อง
00:15:12 → 00:15:15 ของสุขภาพเนี่ยตัวเราเองอ่ะพี่ชมมันเป็น
00:15:15 → 00:15:18 มันไม่ใช่ว่าความคิดเราอย่างเดียวมันคือ
00:15:18 → 00:15:21 สิ่งแวดล้อมที่มันบังคับให้เราเป็นอย่าง
00:15:21 → 00:15:23 นั้นด้วยหมายความว่าการที่เราพยายามที่จะ
00:15:23 → 00:15:26 ไปบอกให้ใครสักคนนึงเคเปลี่ยนการใช้ชีวิต
00:15:26 → 00:15:28 ของเขาอ่ะ environment เยังเหมือนเดิมไง
00:15:28 → 00:15:31 อย่างน้อยออกจากบ้านเป็น environment นึง
00:15:31 → 00:15:34 ในบ้านในบ้านขอเป็นแบบนี้ใครไปที่สตูดิโอ
00:15:34 → 00:15:38 ของหนูเนี่ยมันจะอ้วนได้ยากมากอืมีแต่
00:15:38 → 00:15:42 อาหารเสริมมีแต่แบบวิตามินมีแต่ผักออแต่
00:15:42 → 00:15:44 หนูเป็นคนนึงที่แบบว่ากินอาหารกินขนมด้วย
00:15:44 → 00:15:47 กินการกินผักอย่างเงี้ยค่ะบางคนก็ถามว่า
00:15:47 → 00:15:49 กินไปได้ยังไงอย่างเงี้ยแต่แบบพอเราสร้าง
00:15:49 → 00:15:51 สิ่งแวดล้อมแบบนั้นน่ะมันหลุดจากนี้ไม่
00:15:51 → 00:15:54 ได้เลยอือๆอันนี้ก็คืออันแรกแล้วเป็นมา
00:15:54 → 00:15:56 ว่าพอเรากินของดีแล้วร่างกายมันก็เรียก
00:15:56 → 00:15:59 ร้องอาหารดีๆใช่ใช่ถ้าสส่วนตัวของซิเลย
00:15:59 → 00:16:02 เนี่ยถ้ากินอาหารไม่ดีปุ๊บร่างกายจะเ่อ
00:16:02 → 00:16:05 เขาเรียกว่าอาละวาดทันทีเลยอืท้องอืดแน่น
00:16:05 → 00:16:08 ท้องเสียดท้องเป็นสิวเหอขึ้นแบบคือมันจะ
00:16:08 → 00:16:10 เร็วมากอย่างล่าสุดที่หนูกินคือบางทีเรา
00:16:10 → 00:16:13 ก็อยากกินขนมบ้างเนาะอือขนมที่สมัยที่แบบ
00:16:13 → 00:16:15 ที่เขามีเป็นเมื่อก่อนเขเป็นแพ็คเล็กต่อ
00:16:15 → 00:16:18 มาเป็นแพ็ค Family ออ่าเราก็อยากจะกิน
00:16:18 → 00:16:20 บ้างเราก็ไปกินแผ่นที่ 3 ปุ๊บสิวขึ้นเลย
00:16:20 → 00:16:22 คือร่างกายเราก็จะเรียกร้องเองว่าแบบเขา
00:16:22 → 00:16:25 อยากกินอันนี้เขาไม่อยากกินอันนี้แล้วก็
00:16:25 → 00:16:28 จะเป็นอารมณ์แบบอยากกินผักอือ่ามันก็จะ
00:16:28 → 00:16:30 เป็นแบบนั้นคเพราะว่าเรามีจุรินทรีย์ที่
00:16:30 → 00:16:33 ดีในลำไส้อ่านี้อันแรกเนาเราปรับในเรื่อง
00:16:33 → 00:16:35 ของอาหารใช่มคะหลีกเลี่ยงอันแรกเลยก็คือ
00:16:35 → 00:16:38 อาหารแปรรูปอาหารแปรรูปนะพี่ชมหนูอยากแนะ
00:16:38 → 00:16:39 นำว่าอย่างนี้เราอาจจะมองถึงในเรื่องของ
00:16:40 → 00:16:42 น้ำตาลที่เป็นผู้ร้ายซะส่วนมากใช่ไหคะแต่
00:16:42 → 00:16:45 จริงๆแล้วผู้ร้ายที่ยิ่งกว่าน้ำตาลก็คือ
00:16:45 → 00:16:48 น้ำมันที่เป็นกลุ่มของเผ่านกระบวนการรวม
00:16:48 → 00:16:52 ถึงคานออยด้วยนะคะแล้วก็พวกซีดออยต่างๆก็
00:16:52 → 00:16:56 ต้องระวังถ้าให้ดีก็ควรที่จะเป็นกิน Extra
00:16:56 → 00:16:58 vergin Olive Oil ก็จะดีที่สุดถ้าเป็น
00:16:58 → 00:17:01 น้ำมันลำข้าวได้มั้ยคะเอ่อน้ำมันลำข้าว
00:17:01 → 00:17:03 เนี่ยเนื่องจากว่าเขาจะเป็นไขมันไม่อิ่ม
00:17:03 → 00:17:06 ตัวอีกประเภทนึงคือกินในปริมาณที่ควบคุม
00:17:06 → 00:17:08 อาจจะประมาณสัก 1 ช้อนโต๊ะต่อวันเนี่ยอาจ
00:17:08 → 00:17:10 จะช่วยให้ร่างกายในเรื่องของผิวพรรณได้ดี
00:17:10 → 00:17:12 ขึ้นอนะคะส่วนตัวของซิเนี่ยเนื่องจากว่า
00:17:12 → 00:17:14 น้ำมันลำข้าวเนี่ยมันเหมือนดังในส่วนของ
00:17:14 → 00:17:16 เอเชียิก็เลยยังไม่ได้ค่อยไปทัชมันมาใช่
00:17:16 → 00:17:18 เพราะว่าส่วนนึงอ่ะเรามีความรู้สึกว่า
00:17:18 → 00:17:20 รีเสิร์ชที่เกี่ยวกับน้ำมันลำข้าวอ่ะ
00:17:20 → 00:17:21 ฝรั่งเขาจะพูดถึงน้อยเพราะว่ามันอาจจะไม่
00:17:21 → 00:17:24 ใช่เคาเจอร์เขาอะไรอย่าเงี้ยแต่ว่าเท่า
00:17:24 → 00:17:26 ที่เข้าใจก็คือเขาเรียกว่าอะไรจุดที่มัน
00:17:26 → 00:17:28 เกิดควันมันค่อนข้างจะสูงอันนั้นน่ะใช่
00:17:28 → 00:17:30 ใช่ค่ะแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าเราพูดถึงใน
00:17:30 → 00:17:32 เรื่องของการอักเสบเนี่ยซิจะไม่พูดถึง
00:17:32 → 00:17:34 เรื่องของจุดตรงนั้นอยู่แล้วเพราะว่าพอ
00:17:34 → 00:17:37 พูดปุ๊บคนจะเอาไปทอดไงออือซึ่งถ้าทอดจริง
00:17:37 → 00:17:41 ๆนะถ้าอยากทอดดจริงๆเกีคือเป็นตัวที่แบบ
00:17:41 → 00:17:44 มันมีจุด High ของมันอยู่แล้วเลยอ่ะค่ะ
00:17:44 → 00:17:46 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือการทอดเนี่ยมันทำ
00:17:46 → 00:17:48 ให้ inflammation เพิ่มขึ้นเป็นร้อยๆเท่า
00:17:48 → 00:17:50 อ่ะซิก็เลยไม่ค่อยอยากจะไปแตะตรงนี้เท่า
00:17:50 → 00:17:52 ไหร่แล้วถ้าเป็นแบบ
00:17:52 → 00:17:56 สเตฟในครัวแบบเออแบบว่าเหมือนเราทำผัดผัก
00:17:56 → 00:17:59 ผัดอะไรผัดสตออะไรอย่าเงี้ยถ้าซิจะทำผัด
00:17:59 → 00:18:01 สตอจะใช้น้ำำมันอะไรหนูจะใช้ปัจจุบันหนู
00:18:01 → 00:18:03 ใช้เนกรีออ่าปัจจุบันหนูใช้เนกรีไปเลย
00:18:03 → 00:18:06 เพราะมันหอมด้วยอ่ามันก็จะได้ฟิลลิ่งแบบ
00:18:06 → 00:18:09 ฝรั่งๆแบบว่าไปกลิ่นเนยอย่างเงี้ยอ่ะหอมๆ
00:18:09 → 00:18:11 ไปใช่มั้ยคะหรือ Extra vergin Olive
00:18:11 → 00:18:15 Oil ก็ได้อืออันเนี้ยฝรั่งเขาใช้เป็นแบบ
00:18:15 → 00:18:17 ผัดๆเลยแต่แป๊บเดียวไงคะไม่ให้มันระเหย
00:18:17 → 00:18:20 อะไรคือแค่แป๊บเดียวเท่านั้นเองสามารถใช้
00:18:20 → 00:18:22 ได้เหมือนกันแล้วน้ำมันมะพร้าวอ่ะคะน้ำ
00:18:22 → 00:18:24 มันมันทุกน้ำมันเลยมะพร้าวก็ใช้ได้
00:18:24 → 00:18:26 มะพร้าวก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะแต่ส่วนตัวซิ
00:18:26 → 00:18:28 ไม่ได้ไม่ได้ใช้แต่ว่าสามารถใช้ในการทอด
00:18:28 → 00:18:30 ได้เหมือนกันนะคะน้ำมันมะพร้าวที่ซิใช้
00:18:30 → 00:18:33 เนี่ยซิจะใช้เป็น mct Oil อือ่ามันก็คือ
00:18:33 → 00:18:36 สกัดมาอีกทีนึงจากน้ำมันมะพร้าวใช่มั้ยคะ
00:18:36 → 00:18:38 ตัวเเนี่ยเนื่องจากว่าคือใช้ mct ทำกับ
00:18:38 → 00:18:42 ข้าวเลยหรอโๆๆๆใช้ในการกินเพียวๆอ๋อแต่
00:18:42 → 00:18:45 กินแบบนี้เนื่องจากว่าเวลาที่คนที่เรา
00:18:45 → 00:18:48 เอ่อดูแลสุขภาพใช่มั้ยคะเราจะมีอันนึงเลย
00:18:48 → 00:18:51 หลักๆคนดูแลสุขภาพต้องมีคือโปรตีนค่ะที
00:18:51 → 00:18:53 เนี้เจ้าโปรตีนน่ะค่ะโปรตีนที่เรากินที่
00:18:53 → 00:18:56 เป็นอาหารเสริมแบบผงอ่ะค่ะเขาจะไม่มีไข
00:18:56 → 00:18:58 มันทำให้เวลาที่เรากินโปรตีนน่ะมันจะ
00:18:59 → 00:19:01 ประมาณสัก 2 ช่วโมงจะหิวอีกแล้วะถ้า
00:19:01 → 00:19:04 สังเกตตัวเองอมันจะหิวเร็วใช่มั้ยคะเพราะ
00:19:04 → 00:19:06 ว่ามันขาดตัวไขมันอดังนั้นซิก็เลยจะเอา
00:19:06 → 00:19:09 mcd Oil ซึ่งมันเป็นไขมันแบบอิ่มตัวมัน
00:19:09 → 00:19:11 จะทำให้เวลาที่เราใส่เข้าไปมันจะอิ่มท้อง
00:19:11 → 00:19:13 ได้นานยิ่งขึ้นคือเหมือนเราแอด on เข้าไป
00:19:13 → 00:19:16 อถ้าสมมุติว่าจิจะทานโปรตีนหรือแม้แต่
00:19:16 → 00:19:19 ปกติทานแบบโปรตีนผงบ้างมั้ยคอ่าโปรตีนผง
00:19:19 → 00:19:21 ก็จะเหยาะ mcp ออยลงไปในนั้นด้วยใช่ใช่
00:19:21 → 00:19:24 เป็นอีกเทคนิคนึงที่แบบว่ามันส่วนตัวมัน
00:19:24 → 00:19:26 ทำให้หนูอิ่มท้องได้นานขึ้นอ่าแล้วเรารู้
00:19:26 → 00:19:29 สึกว่ามี Energy มากขึ้นด้วยแค่ตัวเ้า
00:19:29 → 00:19:31 อย่างเดียวค่ะก็สามารถที่จะเป็นพลังงาน
00:19:31 → 00:19:34 ให้กับร่างกายได้แล้วอือ่าก็กินประมาณสัก
00:19:34 → 00:19:36 วันละ 1 ช้อนโต๊ะประมาณนี้ค่ะอันที่ 2 นะ
00:19:36 → 00:19:41 คะก็คืออากาศอือากาศที่เราพูดถึงเนี่ยไม่
00:19:41 → 00:19:43 ไม่ใช่แค่อากาศที่โอเคเราพยายามที่จะหลีก
00:19:43 → 00:19:45 เลี่ยงตัวของ PM 2.5 ใช่มั้ยคะซึ่งในบาง
00:19:46 → 00:19:48 ครั้งมันก็หลีกเลี้ยงได้ยากเนาะแต่อากาศ
00:19:48 → 00:19:50 ที่ซิกำลังพูดถึงเนี่ยมันคือเรื่องของ
00:19:50 → 00:19:53 สภาพแวดล้อมรอบตัวถ้าเราจัดอ่าจัดบ้านให้
00:19:53 → 00:19:57 มันโปร่งโล่งใช่มั้คะหรือว่ามีพวกอ่า
00:19:57 → 00:20:00 อากาศไหลเวียนได้ดีออืมันจะทำให้สังเกต
00:20:00 → 00:20:02 ได้เลยว่าร่างกายของเรามันจะรู้สึกสดชื่น
00:20:02 → 00:20:05 มากกว่าที่ห้องที่เป็นห้องอับๆค่ะอ่านะคะ
00:20:05 → 00:20:08 อันนั้นคืออันแรกในเรื่องของอากาศรอบตัว
00:20:08 → 00:20:11 อากาศที่ 2 นะคะก็คืออากาศในร่างกายของ
00:20:11 → 00:20:13 เราคำว่าอากาศในร่างกายก็คือการไหลเวียน
00:20:13 → 00:20:15 ของเลือดอ่ะค่ะผู้ชมเนาะเวลาที่เรานั่ง
00:20:15 → 00:20:18 อยู่เฉยๆเนี่ยคล้ายๆกับว่าเวลาเราจะไปกด
00:20:18 → 00:20:21 ทับเส้นต่างๆใช่ไหมมคะหรือว่ากล้ามเนื้อ
00:20:21 → 00:20:24 ต่างๆทำให้บริเวณนั้นน่ะเ่อเลือดไหลเวียน
00:20:24 → 00:20:26 ได้ไม่ดีคำว่าเลือดไหลเวียนได้ไม่ดีก็คือ
00:20:26 → 00:20:29 การส่งส่งออกซิเจนส่งสารอาหารนั้นไปไม่ดี
00:20:29 → 00:20:32 จนทำให้เราเกิดอาการปวดใช่มั้ยคะอาการปวด
00:20:33 → 00:20:35 ที่ว่านั้นก็คือเป็นสัญญาณของการอักเสบใน
00:20:35 → 00:20:37 ร่างกายที่มันจะไปเกี่ยวข้องกับเมีียเรา
00:20:37 → 00:20:39 อีกทีนึงเมื่อไหร่ที่ร่างกายของเรามีการ
00:20:39 → 00:20:42 อักเสบที่เยอะอ่ะค่ะก็จะทำให้เเมียของเรา
00:20:42 → 00:20:44 สั้นลงดังนั้นแค่การปวดเล็กๆน้อยๆอาจจะ
00:20:44 → 00:20:46 เป็นสัญญาณแล้วก็ได้ว่าเเมียของเรากำลัง
00:20:46 → 00:20:48 สั้นลงเพราะฉะนั้นเราต้องลุกทุกครึ่ง
00:20:48 → 00:20:51 ชั่วโมง 1 ชั่วโมงอย่างเยค่ะให้ร่างกาย
00:20:51 → 00:20:53 มันเกิดการ Flow การไหลเวียนในร่างกายมาก
00:20:53 → 00:20:55 ยิ่งขึ้นนี่คืออากาศที่เกี่ยวกับในเรื่อง
00:20:55 → 00:20:57 ของร่างกายของเราเพราะฉะนั้นก็คือคนที่มี
00:20:57 → 00:21:00 ไสลที่ Active ก็จะได้ได้เปรียบกว่าใช่
00:21:00 → 00:21:02 แน่นอนค่ะว่าเอ่อทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย
00:21:02 → 00:21:04 อยากให้มองว่าอย่างนี้นี้ว่าต่อให้เรา
00:21:04 → 00:21:06 จำเป็นที่จะต้องนั่งใช่มั้ยคะวิธีการง่าย
00:21:06 → 00:21:09 ๆอีกอันนึงก็คือเรายืนทำงานก็ได้พี่ชม
00:21:09 → 00:21:12 เมื่อก่อนก็จะมีโต๊ะ 2 ระดับนะคะก็คือ
00:21:12 → 00:21:15 ระดับที่นั่งใช่มยอเดี๋ยวนี้เขามีแบบเอ่อ
00:21:15 → 00:21:17 สามารถที่จะกดปุ่มมาแล้วมันก็เลื่อนขึ้น
00:21:17 → 00:21:19 ก็ได้เลื่อนขึ้นเลื่อนลงปับตัวทำงานเนี่ย
00:21:19 → 00:21:23 นะใช่เพื่อให้เราเปลี่ยนอริยาบถบ้างให้
00:21:23 → 00:21:26 เกิดการไหลเวียนบ้างนะคะทั้งนี้ทั้งนั้น
00:21:26 → 00:21:28 เนี่ยมันก็จะเกี่ยวข้องกับในเรื่องของ
00:21:28 → 00:21:30 กล้ามเนืเ้อด้วยพี่ชมถ้าเราพูดถึงใน
00:21:30 → 00:21:32 เรื่องของแทจิเขาจะพยายามรักษากล้ามเนื้อ
00:21:32 → 00:21:34 ให้ได้มากที่สุดให้ได้เยอะที่สุดฝรั่งเ
00:21:34 → 00:21:37 เลยแบบอเล่นกล้ามกันแบบเล่นเทใช่มันเป็น
00:21:37 → 00:21:40 เพราะว่าคำว่า longevity หรือว่าการที่
00:21:40 → 00:21:42 เราอยากที่จะมีอายุยืนยาวมันคือกล้าม
00:21:42 → 00:21:45 เนื้อค่ะอืกล้ามเนื้อถ้าพี่มีกล้ามเนื้อ
00:21:45 → 00:21:48 น้อยลงการเผาผลาญพี่ก็จะแย่ลงใช่มั้ยคะ
00:21:48 → 00:21:50 เมื่อไหร่การเผาผลาแย่ลงไขมันเพิ่มขึ้น
00:21:50 → 00:21:53 ใช่มั้ยคะไขมันเพิ่มขึ้นการอักเสบที่ไข
00:21:53 → 00:21:55 มันเนี่ยมันเป็นตัวเรียกร้องการอักเสบ
00:21:55 → 00:21:56 เมื่อไหร่ที่เรามีไขมันเพิ่มขึ้นการ
00:21:56 → 00:21:58 อักเสบในร่างกายเราก็จะเพิ่มขึ้นทำให้
00:21:59 → 00:22:02 เทเยสลอกอนั้นอันนี้ก็คืออันที่ 2 ใน
00:22:02 → 00:22:05 เรื่องของอากาศนั่นเองนะคะการออกกำลังกาย
00:22:05 → 00:22:07 ถ้าแบบเอารวบรัดเลยนะหนูมีสูตเหมือนกันนะ
00:22:07 → 00:22:10 ใช้แค่ 4 นาทีผู้ชมนะคะมันก็จะมีอยู่ทั้ง
00:22:10 → 00:22:15 หมด 4 ท่าท่าแรกก็คือสคออ่าอ่าสคอตึ๊กๆๆๆ
00:22:15 → 00:22:19 ดีอ่ะต้องต้องเร็วกว่านี้ค่ะพี่อต้องเร็ว
00:22:19 → 00:22:21 กว่านี้เหรอต้องเร็วกว่านี้ต้องประมาณ
00:22:21 → 00:22:23 เท่าไหร่ดีคะเร็วกว่านี้อีกนิดนึงได้มคะ
00:22:24 → 00:22:26 นี่คาร์ดิโอแล้วนะ
00:22:26 → 00:22:30 คะโอเคเจริงๆต้องเร็วกว่านี้สักนิดนึงคือ
00:22:30 → 00:22:32 มันคือคล้ายๆกับมินิในเรื่องของคาร์ดิ
00:22:32 → 00:22:35 นั่นแหละค่ะออเราทำแค่ 20 วินาทีเท่านั้น
00:22:35 → 00:22:38 เองอเพราะฉะนั้นมันแป๊บเดียวเนาะเราก็เลย
00:22:38 → 00:22:41 ต้องแบบขมวดให้มันเร็วหน่อยอันที่ 2 นะคะ
00:22:41 → 00:22:44 อันที่ 2 เนี่ยเขาเรียกว่าเปี้อ่ะเปี้
00:22:44 → 00:22:46 เนี่ยอาจจะหนักนิดนึงมันจะต้องลงไปข้าง
00:22:46 → 00:22:49 ล่างนะคะแล้วกระโดดขึ้นบนอ่ะพี่ชมอย่าทำ
00:22:49 → 00:22:52 เลยชนี้ไม่ได้ซึ่งถ้าเราทำไม่ไหเนี่ยมัน
00:22:52 → 00:22:56 ก็แค่ค่อยๆอ่ะนะค่อยๆเอาทำช้าๆาก็ได้ใช่
00:22:56 → 00:23:00 ช้าๆอันที่ 3 เนี่ยคร M ก็คือไต่เขาเราจะ
00:23:00 → 00:23:03 ต้องลงไปข้างล่างแอ่าแพงแล้วก็วิ่งแล้วก็
00:23:03 → 00:23:08 แทงแทงเข่าสลับกันอใช่ใช่ๆใช่ๆนะคะสุด
00:23:08 → 00:23:10 ท้ายคือกระโดดตบซึ่ง 4 ท่านี้เนี่ยเราจะ
00:23:10 → 00:23:13 ทำแต่ละท่าเนี่ยแค่ 20 วินาทีเท่านั้นเอง
00:23:13 → 00:23:17 ทำ 2 รอบ 4 นาทีแค่ 4 นาทีเท่านั้นเอง 4
00:23:17 → 00:23:19 นาทีเท่านั้นเองแต่จากประสบการณ์ที่ลอง
00:23:19 → 00:23:22 ให้หลายๆท่านลองนะคะ 2 นาทียังยากเลย2ี
00:23:23 → 00:23:25 ยังยากเลยก็คือท่าแต่ละท่าเนี่ยทำแค่ 20
00:23:25 → 00:23:28 วินาทีใช่มั้ยคะแล้วก็เว้นแต่ละท่าเนี่ย
00:23:28 → 00:23:31 เนี่ยคือ 10 วินาทีอือันนี้คือถ้าเราพูด
00:23:31 → 00:23:34 ถึง 4 นาทีเนี่ยคือรวดเดียวเลยค่ะจะมีอีก
00:23:34 → 00:23:36 วิธีนึงเหมือนกันสำหรับคนที่ยุ่งมากๆนะคะ
00:23:36 → 00:23:38 แล้วก็ไม่มีเวลาที่จะแบบเฮ้ยแบบถ้ามัน
00:23:38 → 00:23:41 เหนื่อยมากฉันจะต้องแบบใช้เวลา Recover
00:23:41 → 00:23:43 หรือเวลาฟื้นตัวนานอย่างเงี้ยค่ะก็อาจจะ
00:23:43 → 00:23:45 เป็นการออกกำลังกายหลังจากที่ทานอาหารก็
00:23:45 → 00:23:47 ได้เมื่อไหร่เราทานอาหารนะค่ะระดับน้ำตาล
00:23:47 → 00:23:49 มันจะเพิ่มขึ้นใช่มั้ยคะถ้าระดับน้ำตาล
00:23:49 → 00:23:51 มากเกินไปเนี่ยจะก่อให้เกิดการอักเสียบใน
00:23:51 → 00:23:53 ร่างกายวิธีที่เอาลงมาเร็วมากที่สุดที่
00:23:53 → 00:23:56 หนูลองเทสมาเนี่ยก็คือการออกกำลังกายซึ่ง
00:23:56 → 00:23:58 การออกกำลังกายเนี่ยอ่าหลังหลังจากทาน
00:23:58 → 00:24:00 อาหารประมาณสัก 15-30 นาทีแล้วกันเนาะ
00:24:00 → 00:24:03 เดี๋ยวเราจะจุกเร็วเกินไปค่ะวิธีง่ายๆก็
00:24:03 → 00:24:07 อย่างการเดินใช่มยคะแต่ถ้าจะเอาให้ได้ลง
00:24:07 → 00:24:10 เร็วมากแล้วก็ใช้พลังงานมากก็คือสคอด้วย 4
00:24:10 → 00:24:13 นาทีนี้แต่ว่าใช้สคอตหมดเลย 8 รอบใช่รอบ
00:24:13 → 00:24:17 ละ 20 วินาทีใช่พัก 10 วินใช่โดยประมาณนะ
00:24:17 → 00:24:19 คะประมาณนั้นอ่าทั้งนี้ทั้งนั้นก็ปรับแต่
00:24:19 → 00:24:22 ละคนเนาะเพราะว่าสคอมันใช้แบบกล้ามเนื้อ
00:24:22 → 00:24:25 มัดที่ใหญ่มากนะมันก็จะดึงเออดึงพลังงาน
00:24:25 → 00:24:27 ไปเยอะใช่เวลาเราพูดถึงออกกำลังกายมันจะ
00:24:27 → 00:24:30 ดูเหนื่อยอแต่ว่าถ้าเราพูดถึงอากาศเนี่ย
00:24:30 → 00:24:33 ความหมายก็คือว่าไม่ต้องไปยกเวทไม่ต้องไป
00:24:33 → 00:24:36 แบบสคอตอย่างงนี้ก็ได้ทำยังไงก็ได้ให้มัน
00:24:36 → 00:24:38 มีการเปลี่ยนอากาศคุณจะไปเดินก็ได้ยังไง
00:24:38 → 00:24:41 ถูกมั้เดินก็ได้ให้มัน Flow ใช่ให้มันมี
00:24:41 → 00:24:44 ให้มันมีการไหลเวียนแต่แน่นอนว่าถ้าเรา
00:24:44 → 00:24:47 ออกกำลังกาย Flow มันจะมากขึ้นอืเวลาออก
00:24:47 → 00:24:50 กำลังกายเราใช้เราหายใจเยอะไงมันก็เหมือน
00:24:50 → 00:24:53 มันก็สูบฉีดแรงขึ้นใช่ใช่เออันนั้นมันก็
00:24:53 → 00:24:55 เหมือนเป็นการเร่งสปีดในเรื่องของการให้
00:24:55 → 00:24:58 การไหลเวียนมันเยอะนั่นเองอ่าอันที่ 3
00:24:58 → 00:25:01 คือเรื่องของอารมณ์ค่ะอันนี้สำคัญมากใช่
00:25:01 → 00:25:04 มั้ยคะเอ่อถ้าเราพูดถึงในเรื่องของอารมณ์
00:25:04 → 00:25:06 เนี่ยเรามักจะพูดถึงว่าควบคุมอารมณ์ให้
00:25:06 → 00:25:09 ได้แต่ส่วนตัวซินมองว่าเราเข้าใจอารมณ์ดี
00:25:09 → 00:25:13 กว่าอืเพราะว่ามนุษย์เป็นอารมณ์อ่ะถ้าเรา
00:25:13 → 00:25:15 ไม่มีอารมณ์เราเหมือนแบบไม่มีชีวิตที
00:25:15 → 00:25:17 เนี้ยพอเราพยายามไปควบคุมสิ่งที่เป็นเรา
00:25:17 → 00:25:20 อ่ะมันเลยทำได้ยากค่ะอ่ะทำไมคุณโกรธแล้ว
00:25:20 → 00:25:23 แบบต้องทำให้สงบสิอย่างเงี้ยนึกออกมั้ย
00:25:23 → 00:25:25 แต่แทนที่เราจะแทนที่เราจะไปควบคุมเขคอ่ะ
00:25:26 → 00:25:28 ค่ะเราเข้าใจเมันจะทำให้เราสามารถที่จะ
00:25:28 → 00:25:31 จัดการกับอารมณ์นั้นได้ง่ายขึ้นถ้าวิธี
00:25:31 → 00:25:33 ง่ายๆเลยก็คือในเรื่องของการตั้งชื่อให้
00:25:33 → 00:25:36 เาอือเวลาเราเกิดอารมณ์โกรธขึ้นมาเรารู้
00:25:36 → 00:25:39 สึกได้ว่าเรามีอมอารมณ์โกรธใช่ไหมยคะบาง
00:25:39 → 00:25:41 ครั้งเราไปแบบเขาเรียกว่าข่มใจว่าเฮ้ย
00:25:41 → 00:25:43 อย่าโกรธอย่าโกรธแต่แทนที่จะทำอย่างนั้น
00:25:43 → 00:25:46 น่ะค่ะให้ตั้งชื่อให้ตั้งชื่อว่าตอนนี้
00:25:46 → 00:25:48 ฉันรู้สึกโกรธตอนนี้ฉันรู้สึกเศร้ามัน
00:25:48 → 00:25:51 เหมือนทำให้เราเข้าใจเป็นจิตกับกายที่มัน
00:25:51 → 00:25:54 โยงกันจริงๆอันนี้มีงานวิจัยอยู่นะคะมัน
00:25:54 → 00:25:55 ถูกเขียนไว้ในหนังสือที่ชื่อว่า The
00:25:55 → 00:25:59 extended mind นะคะเอ่อเาทำงานวิจัยก็
00:25:59 → 00:26:02 คือว่าให้คนพูดเรื่องของการนำเสนอแน่นอน
00:26:02 → 00:26:04 ว่าคนที่อยู่ดีๆไปพูดนำเสนอเลยมันจะเกิด
00:26:04 → 00:26:07 อารมณ์ตื่นเต้นใช่มั้ยคะอเขาก็ให้อีก
00:26:07 → 00:26:10 กลุ่มนึงเทสอ่าเทสการเต้นของหัวใจอันนี้
00:26:10 → 00:26:13 คือพรีเซนจบไปแล้วแล้วเขามาเทสอ่าเพราะ
00:26:13 → 00:26:15 ว่าพอพรีเซนปุ๊บเราตื่นเต้นนู่นนี่นั่น
00:26:15 → 00:26:17 ใช่มั้ยคะเคก็เลยมาถามอย่างเงี้ยแต่ให้
00:26:17 → 00:26:19 กลุ่มนึงเนี่ยพอพรีเซนเสร็จเนี่ยบอกว่า
00:26:19 → 00:26:22 ตัวเองอ่ะรู้สึกอย่างไรกับอีกกลุ่มนึงอ่ะ
00:26:22 → 00:26:25 ไม่ได้บอกแล้ววัดการเต้นของหัวใจผลปรากฏ
00:26:25 → 00:26:28 ว่ากลุ่มที่บอกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรอ่ะ
00:26:28 → 00:26:30 ระดับการเต้นของหัวใจน้อยลงอย่างรวดเร็ว
00:26:30 → 00:26:32 อย่ามันก็เหมือนเราได้คุยกับเพื่อนอย่าง
00:26:32 → 00:26:35 เงี้ยป่ะฟิป่ะเออแต่บางทีเราไม่ได้คุยกับ
00:26:35 → 00:26:38 เพื่อนน่ะเราก็ต้องคุยกับตัวเราเองว่าอ๋อ
00:26:38 → 00:26:41 แกโกรธนะแกเสียใจนะอะไรอย่าเงี้ยเออต้อง
00:26:41 → 00:26:43 คือเราต้องชัดเจนอ่ะค่ะเพราะว่าบางทีเรา
00:26:43 → 00:26:46 แค่ว่าเรารู้ว่าเรารู้สึกอะไรแต่เราไม่
00:26:46 → 00:26:50 ได้บอกว่ามันคืออะไรระบบร่างกายมันเหมือน
00:26:50 → 00:26:52 ยังไม่ชัดเจนว่าแล้วฉันจะเอาความรู้สึก
00:26:52 → 00:26:55 เนี้ยไปจัดการได้อย่างไรแต่พอเราระบุว่า
00:26:55 → 00:26:58 อ่าแล้วเราโกรธนะอ่าเราก็จะเรเริ่มแบบ
00:26:58 → 00:27:01 เหมือนกับมันควรที่จะไปอยู่ใน catagory
00:27:01 → 00:27:04 ไหนควรที่จะปฏิบัติอย่างไรร่างกายควรจะ
00:27:04 → 00:27:07 movement ไปทางไหนอ่าเช่นว่าถ้าเรารู้
00:27:07 → 00:27:09 สึกโกรธเราควรอาจจะแบบเคลื่อนตัวไปทางนี้
00:27:09 → 00:27:12 นะอ่าหรือว่าเ่าถ้าเรารู้สึกแบบซึมเศร้า
00:27:12 → 00:27:15 ใช่มั้คะเราควรที่จะแบบไปสูตอากาศข้างนอก
00:27:15 → 00:27:18 บ้างแบบเเป็นต้นนะคะดังนั้นก็จะมีอยู่ 3
00:27:18 → 00:27:22 ออที่ว่าอาหารอากาศอารมณ์ 3 อันก็คือพูด
00:27:22 → 00:27:24 ง่ายๆอารมณ์ความเครียดสตสอะไรเงี้ยก็มีผล
00:27:25 → 00:27:28 ทำให้เมียสั้นสสเป็นอะไรที่น่ากลัวมากผู้
00:27:28 → 00:27:32 ชมเพราะว่ามันยิ่งกว่ายิ่งกว่าน้ำตาล
00:27:32 → 00:27:34 เพราะว่าน้ำตาลเรายังเลือกได้ใช่มั้ยพี่
00:27:34 → 00:27:36 ว่าแบบเราจะกินหรือไม่กินใช่มั้ยคะแต่สส
00:27:36 → 00:27:39 เนี่ยมันสร้างน้ำตาลในร่างกายอย่างเนี้ย
00:27:39 → 00:27:41 เรานั่งอยู่นานๆอย่างเงี้ยค่ะมันสร้างน้ำ
00:27:41 → 00:27:44 ตาลแล้วอ่ะโดยที่แบบนี่ยังไม่มีอะไรกิน
00:27:44 → 00:27:46 เลยนะเนี่ยเนี่ยโอหออฟฟิศนี้ไม่มีอะไรกิน
00:27:46 → 00:27:48 เลยเนี่ยนึกออกมั้ยแต่ความหมายก็คือว่า
00:27:48 → 00:27:50 เราสร้างน้ำตาลได้แบบที่เราไม่รู้ตัวจาก
00:27:51 → 00:27:52 ความเครียดเนี่ยแหละค่ะฝรั่งเขาเลยค่อน
00:27:52 → 00:27:54 ข้างเน้นมากๆในเรื่องของการบริหารความ
00:27:54 → 00:27:57 เครียดให้ดีอือไม่ว่าจะเป็นอารไปออกกำลัง
00:27:57 → 00:28:00 กายลุกเดินใช่มคะหรือแม้กระทั่งว่าเ่อ
00:28:00 → 00:28:02 เรื่องของการเคลื่อนไหวแบบเล็กๆน้อยๆ
00:28:02 → 00:28:05 อย่างการชูมือขึ้นอ่าแล้วเหมือนทำเหมือน
00:28:05 → 00:28:07 สูดอากาศอย่างเงี้ยค่ะมันก็จะช่วยทำให้
00:28:07 → 00:28:09 เรารู้สึกแบบความเครียดน้อยลงได้แบบทันที
00:28:09 → 00:28:11 ทันใดจากโพสเตอร์ของเราพอดีจริงๆเมื่อกี้
00:28:11 → 00:28:14 เนี้ยมันเราเราจั่วหัวมานะในส่วนของราย
00:28:14 → 00:28:17 การเรานะว่าเอ้ยทำไมเราแบบบางคนถึงดูเด็ก
00:28:17 → 00:28:20 กว่าดูแก่กว่าอะไรอย่างเงี้ยซึ่งก็คือ
00:28:20 → 00:28:23 อธิบายได้ในเรื่องของความสั้นความยาวของ
00:28:23 → 00:28:27 เทโรเมียทีเนี้มันมีมที่แบบว่าคนเนี้ยดู
00:28:27 → 00:28:31 แลแบบิิอภายนอกดีมากเลยฉันทาครีมฉันไป
00:28:31 → 00:28:36 คลินิกทุกเดือนฉันแบบอะไรเงี้ยแต่ว่าข้าง
00:28:36 → 00:28:38 ในอย่างอื่นอ่ะมันไม่ได้เด็กอ่ะมันมีมย
00:28:38 → 00:28:40 เคสแบบเนี้ยมีสิคือเนื่องจากว่าถ้าเราพูด
00:28:40 → 00:28:44 แบบองค์รวมเนี่ยตัวของงานวิจัยอาจจะไม่
00:28:44 → 00:28:46 ได้สามารถจอดได้ทั้งหมดแต่เบื้องต้นเนี่ย
00:28:46 → 00:28:49 ซิอยากให้เห็นภาพคร่าวๆว่าการดูแลจากภาย
00:28:49 → 00:28:51 นอกเนี่ยถ้าคิดจริงๆคิดเป็น 20% เท่านั้น
00:28:51 → 00:28:54 เองเพราะอย่างซิดเองเนี่ยเมื่อก่อนเราดู
00:28:54 → 00:28:56 แลแต่ภายนอกอย่างเดียวหาคงหาครีมใช่มั้ย
00:28:56 → 00:28:58 คะหรือว่าแบบพวกโอเมื่อก่อนนี้สิวนี่แบบ
00:28:58 → 00:29:01 เมื่อก่อนซิสิวขึ้นรายคอเต็มไปหมดเลย
00:29:01 → 00:29:03 อย่างเงยค่ะแล้วเราก็พยายามหาครีมหรือ
00:29:03 → 00:29:06 ทรีทเมนต่างๆใช่มั้ยคะมันช่วยได้ในระดับ
00:29:06 → 00:29:09 นึงแต่ส่วนตัวคือมองว่ามันเป็น 20% เพราะ
00:29:09 → 00:29:12 เมื่อเราปรับการทานอาหารปัญหาทุกอย่างมัน
00:29:12 → 00:29:15 หายไปหมดเลยเพรามันมาจาก inflammation
00:29:15 → 00:29:17 ข้างในเราใช่มาจากอชข้างในไม่ได้บอกว่า
00:29:17 → 00:29:20 คือถ้าถ้าเราพูดว่าแบบจะให้มันแบบ 100%
00:29:20 → 00:29:21 เลยก็คงไม่ใช่เพราะว่าทรีทเมนก็ช่วย
00:29:21 → 00:29:23 เหมือนกันเพราะว่าบางคนที่ฟังอยู่ก็าอุ๊ย
00:29:23 → 00:29:25 แต่ฉันแบบเด็กสุดในรุ่นเลยฉันเด็กสุดบ้า
00:29:25 → 00:29:27 แปลว่าฉันแบบอายุยืนแน่ๆแบบอย่าเงี้ยก็
00:29:27 → 00:29:30 ชะล่าจใจไม่ได้เพราะว่ามันยังมีอะไรข้าง
00:29:30 → 00:29:32 ในที่เราไม่ก็อย่างที่บอกว่าจริงๆถ้าอยาก
00:29:32 → 00:29:34 ให้ชัดเจนที่สุดคือตรวจเลือดตรวจสุขภาพ
00:29:34 → 00:29:36 ค่ะไม่ใช่แค่ตรวจตัวเเทสอันนี้เเรียกว่า
00:29:36 → 00:29:38 อะไรก็ตรวจเเมีย
00:29:38 → 00:29:41 ตวามตรวจความยาวเทเยจะรู้เรื่องของความ
00:29:41 → 00:29:42 ยาวใช่มั้ยคะแต่ตรวจเรื่องของ
00:29:42 → 00:29:44 inflammation เนี่ย basic พื้นฐานตรวจ
00:29:44 → 00:29:47 น้ำตาลก็ได้ชมตรวจน้ำตาลน้ำตาลมี 2 อัน
00:29:47 → 00:29:50 อ่ะเป็น fasting bl Sugar ก็คือน้ำตาล
00:29:50 → 00:29:53 ไรวันเนาะแอบไปกินไอศกรีมมาเมื่อวานเนี่ย
00:29:53 → 00:29:55 มันขึ้นและดังนั้นเขาก็เลยต้องมีอีกตัว
00:29:55 → 00:29:58 นึงที่เขาเรียกกันว่าเ่อ hba1c ค่ะก็คือ
00:29:58 → 00:30:01 น้ำตาลสะสมค่ะนะคะตัวเเนี่ยจะเป็นน้ำตาล
00:30:01 → 00:30:04 ที่มันเกิดขึ้นรอบ 3 เดือนหมายความว่าต่อ
00:30:04 → 00:30:06 ให้กินอะไรคือหรือว่าแอบกินดีมา 3
00:30:06 → 00:30:09 อาทิตย์ตาลที่เจาะวันเนี่ยจะดีอืแต่ไอ้
00:30:09 → 00:30:11 ตัวนี้อาจจะไม่ดีไอ้ตัวน้ำตาลสะสมอาจจะ
00:30:11 → 00:30:14 ไม่ดีน้ำตาลสะสมอ่ะจะเป็นตัวที่บอกว่าเรา
00:30:14 → 00:30:16 จะเป็นโรคเบาหวานหรือเปล่าอีกอันนึงก็คือ
00:30:16 → 00:30:18 คอเลสเตอรอลหรือก็คือเรื่องของไขมันความ
00:30:18 → 00:30:21 หมายก็คือว่าถ้าเรามีส่วนเกินของน้ำตาล
00:30:21 → 00:30:23 หรือว่าไขมันที่มากเกินไปก็จะทำให้เกิด
00:30:23 → 00:30:26 การอักเสบได้ถ้าเราพบว่าเรามีน้ำตาลสะสม
00:30:26 → 00:30:28 สูงน้ำตาลในเลือดสูงอย่างเค่ะเราก็ต้อง
00:30:28 → 00:30:31 เริ่มมาปรับเรื่อง3อนั่นแหละพอปรับเรื่อง
00:30:31 → 00:30:33 3อปุ๊บค่าเหล่านี้มันจะเริ่มดีขึ้นมัน
00:30:33 → 00:30:35 เป็นเหมือนอินดิเคเตอร์ที่ชัดเจนว่าเรามา
00:30:35 → 00:30:37 ถูก
00:30:37 → 00:30:42 ทางการนอนมีผลต่อเทรายมยแน่นอนมีอยู่แล้ว
00:30:42 → 00:30:45 นะคะแล้วก็เป็นการดูแลสุขภาพที่เรียกว่า
00:30:45 → 00:30:48 สำคัญที่สุดแต่เราจะไปเจาะเรื่องของการ
00:30:48 → 00:30:50 นอนเลยไม่ได้อ่าเมื่อกี้ที่ซิซิเล่าให้
00:30:50 → 00:30:53 ฟังว่า3อใช่ไมั้ยคะถ้าเราทำ 3 อนั้นได้
00:30:53 → 00:30:55 การนอนจะดีที่สุดคนมีปัญหาเรื่องนี้เยอะ
00:30:55 → 00:30:58 เรื่องของการนอนใช่มั้ยคะว่าเรานอนไม่
00:30:58 → 00:31:00 หลับนอนไม่เพียงพอเราทุกคนรู้ว่าการนอน
00:31:00 → 00:31:04 สำคัญแต่เราก็มักจะหลับๆตื่นๆช่วงเวลานอน
00:31:04 → 00:31:08 หรือหลับได้ยากค่ะหรือตื่นเร็วแบบเนี้ย
00:31:08 → 00:31:10 ค่ะความหมายก็คือว่าทำไมมันถึงเป็นอย่าง
00:31:10 → 00:31:12 นั้นทั้งๆที่ฉันพยายามจะกลับไปนอนจะกลับ
00:31:12 → 00:31:15 ไปนอนจะกลับไปนอนละมันทำไม่ได้เพราะว่า 3
00:31:15 → 00:31:19 อนั้นน่ะมันไม่สมบูรณ์ค่ะเช่นว่าแอบไปกิน
00:31:19 → 00:31:22 อาหารกลางดึกหรือว่ากินอาหารหลัง 18:00 น
00:31:22 → 00:31:25 กระทบต่อการนอนละคาเฟอีนนะคะถ้าเลี่ยงได้
00:31:25 → 00:31:27 เลี่ยงแบบเนี้ยแม้กระทั่งว่า 1 แก้วก็ก็
00:31:28 → 00:31:30 อาจจะมีผลต่อการนอนหลับได้การออกกำลังกาย
00:31:30 → 00:31:32 ก็เหมือนกันนะพี่ชมเวลาการออกกำลังกาย
00:31:32 → 00:31:34 เนี่ยมันทำให้เลือดลมมันไหลเวียนได้ดีแต่
00:31:34 → 00:31:36 ดั้นไปออกกำลังกายก่อนนอนก็ไม่หลับเหมือน
00:31:36 → 00:31:39 กันนะหรือไม่ออกเลยก็ไม่นอนนะอ่ะใช่เพราะ
00:31:39 → 00:31:41 ว่าการไหลเวียนของเลือดในร่างกายมันไม่ดี
00:31:41 → 00:31:44 ไงคะมันมันเป็นอย่างนี้ด้วยพอการไหลเวียน
00:31:44 → 00:31:46 ในเลือดเอ่อในในร่างกายเราไม่ดีอ่ะค่ะ
00:31:46 → 00:31:49 คล้ายๆกับมันเกิดอาการปวดเกิดขึ้นในร่าง
00:31:49 → 00:31:52 กายโดยเฉพาะอาจจะเป็นเรื่องของสมองที่แบบ
00:31:52 → 00:31:53 เขาได้รับสารอาหารไม่เพียงพอแล้วเขา
00:31:53 → 00:31:56 พยายามที่จะเหมือนปลุกให้เราให้เราตื่น
00:31:56 → 00:31:58 แล้วให้เกิดการไหลเวียนไปที่
00:31:58 → 00:32:01 หรือว่าเป็นเรื่องของลำไส้ต่างๆที่เวลา
00:32:01 → 00:32:04 เรากินอาหารแปรรูปเยอะๆป๊บลำไส้เราเริ่ม
00:32:04 → 00:32:07 แบบผุพังเริ่มมีปัญหาฮอร์โมนที่ช่วยใน
00:32:07 → 00:32:09 เรื่องของการนอนหลับอ่ะมาที่ลำไส้ทั้ง
00:32:09 → 00:32:13 นั้นเลยใช่จากจจากในลำไส้ทั้งนั้นเลยพอลำ
00:32:13 → 00:32:15 ไส้มีปัญหาการนอนเร่มมีปัญหาตามมาด้วย
00:32:15 → 00:32:18 เรื่องของภาวะซึมเศร้าด้วยถามว่าการนอนมี
00:32:18 → 00:32:22 ผลต่อเเมียมีแน่นอนแลเราสัมผัสได้ด้วย
00:32:22 → 00:32:25 เมื่อไหร่นอนไม่พอชีวิตรวนไปทั้งวันเลย
00:32:25 → 00:32:27 ถูกต้องแล้วเราจะปรับการนอนได้อย่างไร
00:32:27 → 00:32:30 อย่าไปพยายามนอนให้มากพยายามปรับที่ 3
00:32:30 → 00:32:35 ออกอืแล้วการนอนจะเริ่มดีขึ้น
00:32:35 → 00:32:39 เองถ้าเราอยากเริ่มต้นในเรื่องของการดูแล
00:32:39 → 00:32:41 เสริมสารอาหารให้กับร่างกายใช่ไมั้ยคะ
00:32:41 → 00:32:43 เพื่อการดูแลเเมียของเราเนี่ยมันก็จะมี
00:32:43 → 00:32:47 ที่อ้างอิงจากอ่างานวิจัยมกราคมปีนี้เลย
00:32:47 → 00:32:50 ก็จะเป็นกลุ่มวิตามินซีวิตามิน E แล้วก็
00:32:50 → 00:32:53 อ่า respirator ก็จะได้จากพวกอ่าจริงๆ
00:32:53 → 00:32:57 เป็นกลุ่มของิิอก็ได้ิิอก็จะได้จากอ่า
00:32:57 → 00:32:59 อย่างน้ำมันมาก่อนะคะตัวที่มีงานวิจัยเลย
00:32:59 → 00:33:02 เนี่ยจะเป็นอ่าเปซีดหรือว่าเมล็ดองุ่นมี
00:33:03 → 00:33:06 งานวิจัยอีกอันนึงก็คือวิตามินดีโอเมก้า 3
00:33:06 → 00:33:09 เรามีอะไรบ้างนะมี c มี E มี D resit
00:33:09 → 00:33:12 ใช่มั้ยคะโอเมก้า 3 ต้องบอกว่ากลุ่มนี้
00:33:12 → 00:33:16 เขาช่วยชะลอการสั้นลงของเมียแต่ว่าไม่ได้
00:33:16 → 00:33:18 ยืดนะเพราะว่าการยืดยาวเนี่ยอาจจะต้อง
00:33:18 → 00:33:22 องค์รวมของการดูแลสุขภาพด้วยมันมียาอะไร
00:33:22 → 00:33:24 มยคะหรือว่ามี Magic P อะไรมที่กินแล้ว
00:33:24 → 00:33:26 เนี่ยแบบทำให้เทลมของเราเนี่มันยาวขึ้น
00:33:26 → 00:33:30 ทานแล้วมันทำให้เราเด็กลงมีค่ะมีงานวิจัย
00:33:30 → 00:33:33 ตัวอาหารเสริมที่มันสามารถยืดยาวได้จริงๆ
00:33:33 → 00:33:36 นะคะแต่กลุ่มการศึกษาอาจจะยังน้อยอยู่มัน
00:33:36 → 00:33:38 เลยอาจจะยังไม่ค่อยได้เป็นที่รู้จักมาก
00:33:38 → 00:33:40 อาจจะยังต้องการรีเสิร์ชมากกว่านี้ใช่แต่
00:33:40 → 00:33:43 มีตัวหลักสำคัญที่ซินี่แบบลองเช็คดูว่า
00:33:43 → 00:33:47 ทุกตัวจะต้องมีอันนี้เลยอ่ะคือ
00:33:47 → 00:33:51 แัมันเป็นสมุนไพรชนิดนึงในจีนนะคะเ่อถ้า
00:33:51 → 00:33:54 ซิพูดชื่อผิดต้องขออภัยนะคะชื่อแปลมาแล้ว
00:33:54 → 00:33:58 มันชื่อว่าบักขี้ประมาณเนี้ยประมาณเหนูก็
00:33:58 → 00:34:00 เลยเรียกว่าแกัดีกว่าแต่ความหมายก็คือว่า
00:34:01 → 00:34:03 ตัวเค่ะมันมีผลทำให้ตัวของโครโมโซมสามารถ
00:34:03 → 00:34:06 ที่จะหลังสารที่ทำให้ตัวของเทลมีมันยาว
00:34:06 → 00:34:09 ขึ้นได้อยาวขึ้นแต่ก็ยังมีรีเสิร์ชน้อยอๆ
00:34:09 → 00:34:10 ใช่มันยังมีรีเสิร์ชน้อยอยู่แล้วก็การ
00:34:10 → 00:34:12 เข้าถึงของอาหารเสริมกลุ่มนี้ค่อนข้างที่
00:34:12 → 00:34:16 จะยังเข้าถึงยากเบื้องต้นเอารีเสิร์ชที่
00:34:16 → 00:34:18 แบบเราอ้างอิงได้ชัดเจนที่สุดในเรื่องของ
00:34:18 → 00:34:20 การชะลอได้ก็เนี่ยแหละเอาพื้นฐานที่เรา
00:34:20 → 00:34:22 จับต้องได้แล้วกันวิตามินซีใช่ไมั้ยคะ
00:34:22 → 00:34:26 วิตามินซีโอเมก้า 3 ส่วน E กับ D เนี่ย
00:34:26 → 00:34:28 ต้องระวังนิดนึงเพราะว่ามันเป็นเป็นกลุ่ม
00:34:28 → 00:34:30 ที่เขาเรียกว่าละลายในไขมันอาจจะเกิดการ
00:34:30 → 00:34:32 สะสมในร่างกายได้เราต้องอาจจะต้องมาตรวจ
00:34:32 → 00:34:34 วัดร่างกายว่ามันสะสมถูกที่หรือเปล่า
00:34:34 → 00:34:36 ประมาณนั้นน่ะนะคะแล้วก็แต่ส่วนมากคนก็จะ
00:34:36 → 00:34:39 ขาดดีใช่ค่ะอันนี้อาจจะเสริมให้นิดนึงก็
00:34:39 → 00:34:42 ได้ว่าก่อนที่เราจะเริ่มต้นการทานวิตามิน
00:34:42 → 00:34:45 ดีอ่ะค่ะเราต้องดูแลลำไส้ให้ดีก่อนเพราะ
00:34:45 → 00:34:47 ว่าวิตามินอาหารเสริมจะดูดซึมที่ลำไส้ใช่
00:34:47 → 00:34:50 มั้ยคะทีเนี้ยหลายๆคนที่ไปเพิ่มโดสของดี
00:34:50 → 00:34:53 เป็นหมื่น I แต่ว่าไม่ได้กระตุ้นทำให้
00:34:53 → 00:34:55 วิตามินดีในร่างกายเพิ่มเลยมันเป็นเพราะ
00:34:55 → 00:34:58 ว่าลำไส้เราดูดซึมไม่ดีค่ะหมายความว่าเรา
00:34:58 → 00:35:00 ต้องปรับในเรื่องของลำไส้ก่อนก็จะยงกลับ
00:35:00 → 00:35:03 ไปที่อาหารที่เราคุยกันถ้าเราเริ่มต้นจาก
00:35:03 → 00:35:05 ไฟเบอร์หรือว่าผักก่อนใช่ไหคะอาจจะเสิม
00:35:05 → 00:35:08 โบติกด้วยก็ได้ใช่ไมคะแล้วกินพวกข้าวแป้ง
00:35:08 → 00:35:10 ให้น้อยลงการอักเสบในลำไส้ของเราก็จะ
00:35:10 → 00:35:12 เริ่มดีขึ้นดูซึมสารอาหารที่เราต้องการ
00:35:12 → 00:35:14 ได้มากยิ่งขึ้นแล้วก็จะมีอีกอันนึงคือ
00:35:14 → 00:35:16 โอเมก้า 3 มีงานวิจัยเหมือนกันค่ะว่าช่วย
00:35:16 → 00:35:18 ให้ตัวของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้เพิ่มขึ้น
00:35:19 → 00:35:21 ด้วยเช่นกันนะคะแล้วก็ดูแลในเรื่องของ
00:35:21 → 00:35:24 สมองด้วยอันนี้ก็สำคัญมากเนาะเอีกอันนึง
00:35:24 → 00:35:26 เนี่ยอ่าตัวนี้ก็มีงานวิจัยเหมือนกันว่า
00:35:26 → 00:35:30 ช่วยฉลอนะคะช่วยชะลออ่าไม่ให้เทเยของเรา
00:35:30 → 00:35:33 สั้นเร็วเกินไปนะคะแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
00:35:33 → 00:35:35 เนี่ยอ่ายังมีการศึกษาที่ยังดีเบตกันอยู่
00:35:35 → 00:35:37 เหมือนกันนะตัว respirator เพราะเพราะ
00:35:37 → 00:35:39 ด้วยด้วยการเข้าถึงมันอาจจะยังเข้าถึง
00:35:39 → 00:35:42 ค่อนข้างยากอยู่คนยังไม่ค่อยรู้จักมากแต่
00:35:42 → 00:35:44 ถ้าเบสิคพื้นฐานพี่ิว่าที่เราทุกคนหากัน
00:35:44 → 00:35:47 ได้ง่ายๆก็วิตามินซีโอเมก้า 3 แต่ที่พูด
00:35:47 → 00:35:50 มาเนี่ยกินทุกตัวเลยอโอเคเยี่ยมเลยสุดยอด
00:35:50 → 00:35:53 มากนะคะนั่นเลยถ้าเราสรุปในเรื่องของเมีย
00:35:53 → 00:35:57 ค่ะค่ะเมียเนี่ยเป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจน
00:35:57 → 00:36:00 กว่าวันเกิดตามบัตรประชาชนเป็นตัวที่ชัด
00:36:00 → 00:36:03 เจนว่าณปัจจุบันเนี่ยเราแก่กว่าวยหรือเรา
00:36:03 → 00:36:06 อ่อนกว่าวยใช่มั้ยคะเมื่อเราปรับ
00:36:06 → 00:36:08 ไลฟ์สไตล์ต่างๆแล้วเราสามารถที่จะตรวจวัด
00:36:08 → 00:36:11 อีกครั้งนึงได้เพื่อเช็คว่าไลฟ์สไตล์ที่
00:36:11 → 00:36:13 เราเปลี่ยนไปเนี่ยมันไปในทิศทางที่ส่ง
00:36:13 → 00:36:16 เสริมทำให้เรามีสุขภาพที่ดีหรือยิ่งทำให้
00:36:16 → 00:36:19 เราแก่ชราลงนะคะเพื่อที่เราจะได้ตระหนัก
00:36:19 → 00:36:22 รู้ว่าตอนเนี้เราอยู่ณจุดไหนเราใช้ชีวิต
00:36:22 → 00:36:25 แบบเมันถูกหรือยังมันแบบว่ามันไปในทางนี้
00:36:25 → 00:36:27 มันมันใช่มั้ยมันทำให้เราเด็กลงหรือว่าใช
00:36:27 → 00:36:30 แก่ใช่แล้วแก่ลงใช่่ซึ่งอย่างที่ย้ำเลย
00:36:30 → 00:36:33 ว่าวิธีการที่เราจะดูแลเเมียของเรานั่นก็
00:36:33 → 00:36:38 คือ3อค่ะใช่มั้ยคะอาหารอากาศอารมณ์นะคะดู
00:36:38 → 00:36:41 แล 3 อย่างนี้เบสิคเบื้องต้นนะคะเพื่อการ
00:36:41 → 00:36:45 ทำให้เทเมของเราเนี่ยสั้นช้าลงแล้วก็ดู
00:36:45 → 00:36:49 อ่อนกว่าไว้นั่นเองเเราจะอยู่ 100
00:36:49 → 00:36:52 ปีฝากติดตาม on the way with ชมด้วยนะ
00:36:52 → 00:36:55 คะแล้วก็อย่าลืมกดไลคกดแชร์กด Subscribe
00:36:55 → 00:36:57 นะคะทั้งทาง YouTube แล้วก็ Facebook นะ
00:36:57 → 00:36:59 คะแล้วก็อย่าลืมกดกระดิ่งแจ้งเตือนด้วยนะ
00:36:59 → 00:37:02 คะจะได้ไม่พลาดสาระดีๆจากทางไ doot ค่ะขอ
00:37:02 → 00:37:06 ไลก์รัวๆเลยนะคะ
00:37:06 → 00:37:10 [เพลง]