00:00:00 → 00:00:03 เคยได้ยินไหมครับว่าตื่นเต้นจนลืมหายใจ
00:00:03 → 00:00:06 คือพวกเนี้ยมันก็เป็นอะไรที่เกิดขึ้นเวลา
00:00:06 → 00:00:08 ที่เราตั้งใจจะทำอะไรมากๆซักอย่างซึ่งมัน
00:00:08 → 00:00:10 ก็ไม่ได้ดีนะครับการทำแบบนั้นเนี่ยถ้าเรา
00:00:10 → 00:00:13 อยู่ในภาวะที่หายใจเร็วตลอดเวลามันก็จะ
00:00:13 → 00:00:15 เหมือนกับเฮ้ยเนี่ยเรากำลังอยู่ในภาวะ
00:00:15 → 00:00:17 เครียดเส้นเลือดสมองเนี่ยมันหดตัวเลือดไป
00:00:17 → 00:00:19 เลี้ยงสมองก็จะลดลงเอ๊ะทำไมภาพมันเริ่ม
00:00:19 → 00:00:23 มืดลงมีอาการชาๆรอบปากชารอบมือกับเท้าพอ
00:00:23 → 00:00:26 ปล่อยไว้นานๆมันก็จะมือเท้าจีบเกร็งอย่าง
00:00:26 → 00:00:28 เงี้ยเหมือนเราจะเป็นจะตายแน่นหน้าอก
00:00:28 → 00:00:30 >> คือการหาวเนี่ยหาวเพราะว่าร่างกายอ่ะ
00:00:30 → 00:00:31 ต้องการออกซิเจน
00:00:31 → 00:00:31 >> อ่าใช่
00:00:31 → 00:00:32 >> อันนี้ก็ถูก
00:00:32 → 00:00:32 >> ไม่ถูก
00:00:32 → 00:00:34 >> อ้า
00:00:34 → 00:00:36 >> จริงๆการกั้นหายใจไม่ได้บอกสุขภาพปอดนะ
00:00:36 → 00:00:39 ครับแต่สิ่งที่เกี่ยวข้องก็คือสมองครับ
00:00:39 → 00:00:41 และสมองของเราเนี่ยถ้าเราฝึกมันน่ะมันจะ
00:00:41 → 00:00:43 ทนทำไอซ์ได้เยอะก็จะทำให้เรากั้นหายใจได้
00:00:43 → 00:00:45 นานไม่ใช่ปอดแข็งแรงแต่สมองเรามันแข็งแรง
00:00:45 → 00:00:49 ขึ้นต่างหาก
00:00:49 → 00:00:55 >> เกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไกลโรค
00:00:55 → 00:00:58 >> สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการเกลา
00:00:58 → 00:01:01 แก้โรคค่ะวันนี้นะคะเราจะมาคุยกันใน
00:01:01 → 00:01:03 เรื่องของคนที่ทำสมาธิเนี่ยสุขภาพปอดดี
00:01:03 → 00:01:06 ขึ้นจริงมั้ยอย่างที่หลายๆท่านติดตามราย
00:01:06 → 00:01:07 การเกลาแก้โรคมาเนาะเราจะพูดถึงเรื่องของ
00:01:07 → 00:01:10 การทำสมาธิกันบ่อยมากแล้ววันนี้เป็นโอกาส
00:01:10 → 00:01:12 ที่ดีมากๆที่แบดน่าจะได้คุยกับคุณหมอที่
00:01:12 → 00:01:15 เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอดเลยก็คือ
00:01:15 → 00:01:17 คุณหมอธนีนายแพทย์ธนีธนียยวันสวัสดีค่ะ
00:01:17 → 00:01:18 คุณหมอ
00:01:18 → 00:01:19 >> สวัสดีครับผม
00:01:19 → 00:01:22 >> อ่าวันนี้อยากมาถามคุณหมอขอความรู้ค่ะ
00:01:22 → 00:01:24 ซึ่งคุณหมอบอกว่าถามอะไรก็ได้ตอบได้หมดก็
00:01:24 → 00:01:26 ถ้ามันเป็นสายที่ผมเชี่ยวชาญก็ตอบได้ครับ
00:01:26 → 00:01:27 ผม
00:01:27 → 00:01:29 >> น่าจะตอบได้อยู่แล้วล่ะอันดับแรกค่ะ
00:01:29 → 00:01:31 พันด้าอยากรู้ว่าคนทั่วไปที่เขาหายใจเร็ว
00:01:31 → 00:01:34 หรือว่าหายใจตื้นอย่างเงี้ยค่ะนิสัยแบบ
00:01:34 → 00:01:37 เนี้ในการหายใจอ่ะมันส่งผลต่อสุขภาพปอด
00:01:37 → 00:01:38 ของเรามั้คะ
00:01:38 → 00:01:39 >> ต้องบอกอย่างงี้ครับว่าทำไมเขาถึงหายใจ
00:01:39 → 00:01:42 แบบนั้นนะฮะเพราะว่าบางครั้งเนี่ยร่างกาย
00:01:42 → 00:01:43 มันจำเป็นจะต้องหายใจเร็วเช่นตอนเราออก
00:01:44 → 00:01:46 กำลังกายมันเป็นปกติอยู่แล้วถ้าเราหายใจ
00:01:46 → 00:01:48 ช้าตอนนั้นก็คงไม่ไหวหรือช่วงไหนที่เรา
00:01:48 → 00:01:51 ควรจะหายใจช้าเช่นช่วงเราพักผ่อนอย่าง
00:01:51 → 00:01:53 เงี้ยเออมันก็ต้องหายใจช้าถูกแล้วแต่ถ้า
00:01:53 → 00:01:56 เกิดว่ามันมีเหตุผลอะไรซักอย่างทางด้าน
00:01:56 → 00:01:58 จิตใจที่ทำให้เราหายใจไม่ตรงกับสิ่งที่
00:01:58 → 00:02:00 ร่างกายต้องการนั่นแหละมันก็จะเกิดปัญหา
00:02:00 → 00:02:02 ขึ้นมาได้ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่มันไม่ค่อยได้
00:02:02 → 00:02:04 เกิดที่ปอดมันไปเกิดที่อย่างอื่นซะมาก
00:02:04 → 00:02:07 กว่าส่วนใหญ่ก็จะเป็นปัญหาทางด้านจิตใจนะ
00:02:07 → 00:02:10 ฮะว่าเออถ้าเราอยู่ในภาวะที่หายใจเร็ว
00:02:10 → 00:02:12 ตลอดเวลานะครับทั้งๆที่ร่างกายไม่ได้
00:02:12 → 00:02:15 ต้องการอากาศขนาดนั้นมันก็จะเหมือนกับบอก
00:02:15 → 00:02:17 ว่าเฮ้ยเนี่ยเรากำลังอยู่ในภาวะเครียดนะ
00:02:17 → 00:02:19 ครับเพราะว่าช่วงเครียดเราจะเป็นแบบนั้น
00:02:20 → 00:02:21 นี่แหละมันก็จะเหมือนกับเราเครียดตลอด
00:02:21 → 00:02:24 เวลาซึ่งส่งผลต่างๆไม่ดีต่อร่างกาย
00:02:24 → 00:02:26 >> หายใจเร็วเหมือนอย่างอ่ะถ้าสมมุติคนเป็น
00:02:26 → 00:02:28 พนิกอย่างงี้เขาก็จะหายหายใจเร็ว
00:02:28 → 00:02:29 >> อ่าใช่
00:02:29 → 00:02:31 >> แต่หายใจหายใจเร็วมันมันคือเราร่างกาย
00:02:32 → 00:02:33 ต้องการอากาศแต่ว่าการหายใจเร็วแบบนั้น
00:02:33 → 00:02:35 อากาศมันลงไปถึงปอดจริงมั้
00:02:35 → 00:02:36 >> ต้องต้องอย่างงี้ครับว่า
00:02:36 → 00:02:36 >> อือ
00:02:36 → 00:02:38 >> เวลาที่เราหายใจเร็วอ่ะถ้าร่างกายเรา
00:02:38 → 00:02:41 ต้องการหายใจเร็วดีมันต้องทำแบบนั้นเช่น
00:02:41 → 00:02:43 เราไปออกกำลังกายแต่ถ้าร่างกายเราไม่ได้
00:02:43 → 00:02:46 ต้องการออกซิเจนขนาดนั้นน่ะแล้วเราทำแบบ
00:02:46 → 00:02:48 นั้นน่ะสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือมันจะทำให้
00:02:48 → 00:02:50 เราเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากร่างกาย
00:02:50 → 00:02:52 เร็วขึ้นคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย
00:02:52 → 00:02:54 เร็วแล้วมันไม่ดียังไงออกไปเยอะๆเร็วๆ
00:02:54 → 00:02:57 เนี่ยมันจะสามารถทำให้เส้นเลือดสมองเนี่ย
00:02:57 → 00:03:00 มันหดตัวพอมันหดตัวปุ๊บเนี่ยนะครับเลือด
00:03:00 → 00:03:02 ไปเลี้ยงสมองก็จะลดลงในช่วงเวลานั้นน่ะ
00:03:02 → 00:03:04 บางคนก็จะรู้สึกว่าเอ๊ะทำไมภาพมันเริ่ม
00:03:04 → 00:03:08 มืดลงนะครับมีอาการชาๆรอบปากชารอบมือกับ
00:03:08 → 00:03:11 เท้าพอปล่อยไว้นานๆมันก็จะมือเท้าจีบ
00:03:11 → 00:03:12 เกร็งอย่างเงี้ย
00:03:12 → 00:03:14 >> นะครับในขณะนั้นก็จะรู้สึกเหมือนเราจะ
00:03:14 → 00:03:16 เป็นจะตายแน่นหน้าอกซึ่งเนี่ยคือการที่
00:03:16 → 00:03:19 เราเอาคำนวาดออกจากร่างกายเร็วและเยอะ
00:03:19 → 00:03:21 เกินไปมันมากับตอนที่ร่างกายไม่จำเป็น
00:03:21 → 00:03:24 ต้องทำแบบนั้นนะครับมันเลยเกิดอาการซึ่ง
00:03:24 → 00:03:26 ต้องแยกจากการที่ถ้าร่างกายต้องการทำแบบ
00:03:26 → 00:03:28 นั้นเช่นเราไปวิ่งอย่างเงี้ยร่างกายเรา
00:03:28 → 00:03:29 ใช้พลังงานเยอะมันก็จะผลิต
00:03:29 → 00:03:32 คาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเยอะถ้าเราหายใจช้า
00:03:32 → 00:03:33 คาร์บอนไดออกไซด์ข้างในร่างกายมันก็ไม่ดี
00:03:33 → 00:03:35 ครับมันก็เลยต้องหายใจเร็วแล้วเอาออกไป
00:03:35 → 00:03:37 นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเวลาที่เราวิ่ง
00:03:37 → 00:03:39 เราออกกำลังกายเนี่ยถึงแม้เราจะหายใจเร็ว
00:03:40 → 00:03:41 เราก็ไม่มีอาการพวกนั้นเลย
00:03:41 → 00:03:41 >> อือฮึ
00:03:41 → 00:03:43 >> นะครับเพราะว่าระดับคาร์บอนไออกไซด์มัน
00:03:43 → 00:03:45 สร้างกับปล่อยออกไปเหมาะสมกันนะฮะ
00:03:45 → 00:03:48 >> การที่มันจะแยกว่าร่างกายเราต้องการกับ
00:03:48 → 00:03:50 ไม่ต้องการคือมันแยกด้วยการรู้ตัวอย่างี้
00:03:50 → 00:03:51 มั้คะ
00:03:51 → 00:03:53 >> อใช่จริงๆเราก็ดูเราก็ได้อย่างเช่นถ้าตอน
00:03:53 → 00:03:55 เนี้ยหายใจเร็วๆขึ้นมามันจะเกิดอะไรขึ้น
00:03:55 → 00:03:58 มันก็ดูเหมือนเหนื่อยมันแน่น
00:03:58 → 00:04:04 แต่ว่ามันควบคุมไม่สมมันเช่นว่าอาจจะเคย
00:04:04 → 00:04:06 ประสบอุบัติเหตุอะไรมาักอย่างแล้วเราตกใจ
00:04:06 → 00:04:09 เงี้ยถ้ามีเหตุการณ์ที่คล้ายกันแวบเข้ามา
00:04:09 → 00:04:11 ในหัวเราก็เป็นละหรือบางคนเคยออกไปพรีเซน
00:04:11 → 00:04:15 งานหน้าห้องเรียนหน้าชั้นแล้วเคยโดนว่า
00:04:15 → 00:04:17 หลังจากนั้นพอขึ้นไปอีกรอบนึงทั้งๆที่ยัง
00:04:17 → 00:04:20 ไม่โดนอะไรเลยขึ้นเฉยๆอ่ะมันก็แบบ
00:04:20 → 00:04:23 >> หายใจไม่ทันภาพมัวมืดบางคนก็เป็นลมอย่าง
00:04:23 → 00:04:23 งั้นก็มี
00:04:23 → 00:04:28 >> อหมายความว่าสมองมันสั่งระบบอ่ะหายใจอื
00:04:28 → 00:04:29 >> ใช่ใช่ครับ
00:04:29 → 00:04:31 >> หรือบางคนก็จะเป็นตรงกันข้ามคือหยุดหายใจ
00:04:31 → 00:04:32 นิ่งไปเฉยๆเลย
00:04:32 → 00:04:33 >> กลั้นหายใจอย่างเงี้ย
00:04:33 → 00:04:35 >> เออเคยได้ยินมั้ครับว่าโอ๋ตื่นเต้นจนลืม
00:04:35 → 00:04:36 หายใจ
00:04:36 → 00:04:39 >> อ่าแบบนั้นแหละถ้าภาษาอังกฤษก็ take my
00:04:39 → 00:04:41 breath away คือหยุดหายใจไปเลยคือพวก
00:04:41 → 00:04:44 เนี้ยมันก็เป็นอะไรที่เกิดขึ้นเวลาที่เรา
00:04:44 → 00:04:48 ตั้งใจจะทำอะไรมากๆซักอย่างแล้วเราแบบ
00:04:48 → 00:04:50 อย่างเงี้ยค้างไปเลยซึ่งมันก็ไม่ได้ดีนะ
00:04:50 → 00:04:52 ครับการทำแบบนั้นเนี่ยเพราะว่ามันทำให้
00:04:52 → 00:04:54 ร่างกายของเราเนี่ยเกร็งตลอดเวลาแล้วบาง
00:04:54 → 00:04:57 ทีเนี่ยถ้าเราเกร็งเกินไปสิ่งที่เราทำมัน
00:04:57 → 00:04:59 ก็ออกมาไม่ค่อยดีด้วยค่ะนะฮะ
00:04:59 → 00:05:01 >> เออแต่ว่าการกลั้นหายใจบางครั้งมันเกิด
00:05:01 → 00:05:03 ขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัวถูกต้อง
00:05:03 → 00:05:05 >> แล้วเราแต่แต่โดยปกติเวลาที่เรากลั้นหาย
00:05:05 → 00:05:08 ใจเวลาที่เราตั้งใจทำอะไรสักอย่างค่ะร่าง
00:05:08 → 00:05:10 กายมันจะเฮือกขึ้นมาเองถูกมั้ยคะให้เรา
00:05:10 → 00:05:11 หายใจ
00:05:11 → 00:05:13 >> ใช่ถ้าเรากลั้นไปนานๆสุดท้ายสมองมันก็บอก
00:05:13 → 00:05:15 ไม่ได้แล้วถ้ากลั้นไปมากกว่าเนี้ยเราตาย
00:05:15 → 00:05:17 แน่เลยเราต้องหายใจและนะครับแล้วบางคนก็
00:05:17 → 00:05:20 บอกว่าเวลาทำอะไรที่มันเข้าได้เข้าเข็ม
00:05:20 → 00:05:22 แล้วแบบใช้สมาธิสูงๆมันกั้นหายใจอยู่พัก
00:05:22 → 00:05:23 นึงเพื่อให้มือมันนิ่งหรือให้ตัวมันนิ่ง
00:05:23 → 00:05:26 มากๆแต่พอผ่านไปสักพักนึงมันก็ต้องหายใจ
00:05:26 → 00:05:28 อ่ะแล้วพอเสร็จงานทุกอย่างมันมันเหนื่อย
00:05:28 → 00:05:28 ขนาดนี้อ่ะ
00:05:28 → 00:05:31 >> อ่าทำไมเวลาที่เราต้องการใช้สมาธิเราดัน
00:05:31 → 00:05:33 กลั้นหายใจมันมันมีผลทำให้สมาธิดีขึ้นมั้
00:05:33 → 00:05:33 คะคุณหมอ
00:05:33 → 00:05:35 >> มันไม่ได้ทำให้สมาธิดีขึ้นมันทำให้ตัวเรา
00:05:35 → 00:05:37 นิ่งขึ้นอย่างเช่นถ้าเกิดว่าสมมุติเรา
00:05:37 → 00:05:39 กำลังสอยได้กับเข็มเข้าอยู่ด้วยกันเนี่ย
00:05:39 → 00:05:41 ถ้าเราหายใจมันอาจจะมีการเคลื่อนไหวของ
00:05:41 → 00:05:43 ร่างกายทำให้เราทำแล้วมันไม่ได้ซักทีแต่
00:05:43 → 00:05:46 ถ้าเรากั้นหายใจเรนิ่งๆอ่าทำได้หรือเวลา
00:05:46 → 00:05:48 คนที่เขายิงปืนอย่างเงี้ยถ้าเขาหายใจ
00:05:48 → 00:05:49 กระเพื่อมกระเพื่อมเนี่ยมันอาจจะทำให้
00:05:49 → 00:05:51 พลาดเป้าได้เเลยต้องมีการ
00:05:51 → 00:05:52 >> อือ
00:05:52 → 00:05:55 >> กั้นอย่างเงี้ยอันนั้นคือมันเพื่อทำอะไร
00:05:55 → 00:05:57 สักอย่างแล้วมันอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆแต่
00:05:57 → 00:05:59 สำหรับคนที่มีปัญหาเนี่ยคือไม่ว่าอะไรจะ
00:05:59 → 00:06:01 นิดนึงเนี่ยมันตื่นเต้นนิดนึงมันเอาละ
00:06:01 → 00:06:03 กั้นหายใจทั้งๆที่จริงๆมันไม่จำเป็นต้อง
00:06:03 → 00:06:05 ทำแบบนั้นก็ได้แต่มันทำจนชินแล้วสมองมัน
00:06:05 → 00:06:07 สั่งว่าถ้าเป็นแบบนี้ให้ทำอย่างี้แล้วคน
00:06:07 → 00:06:10 เหล่านี้ก็จะไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำแล้ว
00:06:10 → 00:06:12 >> อค่ะมันมีอีกอย่างนึงที่พันว่าหลายๆคน
00:06:12 → 00:06:14 เป็นคือรู้สึกเหมือนหายใจไม่อิ่ม
00:06:14 → 00:06:15 >> อื
00:06:15 → 00:06:17 >> เออสิ่งนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไรคะมันเป็น
00:06:17 → 00:06:18 นิสัยด้วยมั้ในการหายใจ
00:06:19 → 00:06:20 >> อันนี้ต้องบอกว่าเกิดได้หลายเหตุผลเลย
00:06:20 → 00:06:21 ครับ
00:06:21 → 00:06:23 >> อย่างแรกก็คือถ้าเกิดใครเป็นแพนิคหายใจ
00:06:23 → 00:06:25 อย่างแบบนั้นน่ะมันจะรู้สึกหายใจไม่อิ่ม
00:06:25 → 00:06:27 ขึ้นมากระทันหัดเลยเช่นถ้าเราไปเจออะไร
00:06:27 → 00:06:30 เราตกใจหายใจเร็วๆเร็วๆๆๆเงี้ยมันจะแน่น
00:06:30 → 00:06:32 หน้าอกหายใจยังไงก็ไม่อิ่ม
00:06:32 → 00:06:34 >> นะครับนี่คือ 1 ในนั้นอันที่ 2 บางคน
00:06:34 → 00:06:36 เนี่ยเป็นเพราะว่ามีโรคอ้วนโรคอ้วนเนี่ย
00:06:36 → 00:06:38 คือภูมิมันใหญ่นะครับกล้ามเนื้อในการหาย
00:06:38 → 00:06:40 ใจของเราเนี่ยมันอยู่ตรงนี้เป็นกำลังลม
00:06:40 → 00:06:42 เวลาเราหายใจเข้ามันจะดันลงไปข้างล่างแต่
00:06:42 → 00:06:44 ถ้าเกิดมันดันลงไปแล้วมันเจอไขมันก้อนเบ
00:06:44 → 00:06:46 เริ่มเพิ่มเนี่ยมันดันไม่ลงเงี้ยหายใจก็
00:06:46 → 00:06:49 จะลากลำบากขึ้นโดยเฉพาะเวลานอนใช่มั้พุง
00:06:49 → 00:06:50 เรามันดันขึ้นไปตรงเนี้ยกว่าเราจะเอา
00:06:50 → 00:06:53 กล้ามเนื้อตรงทรงอกเราเนี่ยดันมันลงไปมัน
00:06:53 → 00:06:56 ก็ยากขึ้นงั้นคนอ้วนคนตั้งครรภ์ที่ท้อง
00:06:56 → 00:06:58 ใหญ่ๆแล้วเนี่ยนะครับมันก็จะมีอาการหายใจ
00:06:58 → 00:06:59 ไม่อิ่มได้
00:06:59 → 00:07:01 >> หมายความว่าคนผอมจะไม่มีทางเป็นอาการนี้
00:07:01 → 00:07:02 >> ไม่ใช่
00:07:02 → 00:07:02 >> อ่า
00:07:02 → 00:07:04 >> ไม่ใช่แต่นี่ที่พูดทั้งหมดก็คือเรื่องของ
00:07:04 → 00:07:07 ความเสี่ยงว่าใครจะมีโอกาสเป็นบ้างนะครับ
00:07:07 → 00:07:09 ถ้าอ้วนมากโอเคบางคนจะเห็นว่าเดินจากห้อง
00:07:09 → 00:07:11 นี้ไปอีกห้องนึงโอยังเหนื่อยเลยเนาะ
00:07:11 → 00:07:11 >> อ
00:07:11 → 00:07:13 >> ทำไมเป็นอย่างงั้นนะครับหายใจไม่อิ่มหรือ
00:07:13 → 00:07:16 คนท้องเนี่ยพอท้องมันโตอุ้ยอ้ายแล้วเนี่ย
00:07:16 → 00:07:19 มันรู้สึกว่าเอ๊ะทำไมเรามันหายใจยากขึ้น
00:07:19 → 00:07:21 กว่าตอนที่ท้องเล็กหรือบางคนก็เป็นโรคที่
00:07:21 → 00:07:21 ปอดเลย
00:07:21 → 00:07:22 >> ค่ะ
00:07:22 → 00:07:24 >> เป็นโรคหอบหืดแล้วแล้วก็หลอดลมเนี่ยมัน
00:07:24 → 00:07:27 มันหดนะครับเวลามันหดเกร็งอากาศเข้าได้
00:07:27 → 00:07:28 แต่ออกไม่ได้มันก็เหมือนมีอะไรอัดอยู่ใน
00:07:28 → 00:07:30 ปอดมันก็แน่นหายใจอิได้
00:07:30 → 00:07:32 >> ถามเพิ่มนิดนึงถ้าอย่างบางคนเคยมีปัญหา
00:07:32 → 00:07:35 กับโรคปอดหรืออาจจะเคยปอดติดเชื้อหรือเคย
00:07:35 → 00:07:37 มีอะไรสักอย่างกับโรคกับปอดขึ้นมาแล้ว
00:07:37 → 00:07:40 เนี่ยค่ะมันจะส่งผลต่อการหายใจเขาตลอด
00:07:40 → 00:07:40 ชีวิตเลยมั้คะ
00:07:40 → 00:07:43 >> ไม่จำเป็นขึ้นเกี่ยวกับความรุนแรงนะครับ
00:07:43 → 00:07:45 แล้วก็ผลที่เกิดหลังจากนั้นเช่นสมมุติว่า
00:07:45 → 00:07:48 คนนึงเคยเป็นโควิดแล้วมันลงปอดไปถ้าลง
00:07:48 → 00:07:50 รุนแรงเลยคือปอดมันขาวไปทั้งข้างมันเสีย
00:07:50 → 00:07:52 ไปทั้งข้างเนี้ยอันเนี้แหละที่หลังหลัง
00:07:52 → 00:07:54 จากหายแล้วมันอาจจะไม่เหมือนเดิมเพราะว่า
00:07:54 → 00:07:56 บางส่วนถ้ามันตายไปแล้วเราเราซ่อมไม่ได้
00:07:56 → 00:07:58 มันก็กลายไปเป็นพังผืดอยู่ในปอดนะครับ
00:07:58 → 00:08:02 ส่วนคนที่แข็งแรงดีอายุน้อยแล้วก็เป็นปอด
00:08:02 → 00:08:04 อักเสบนิดๆหน่อยๆนะครับหลังจากรักษาแล้ว
00:08:04 → 00:08:06 บางทีก็หายกลับมาเป็นปกติเปี๊ยบเลยดัง
00:08:06 → 00:08:08 นั้นแล้วแต่ด้วยนะครับอ
00:08:08 → 00:08:11 >> ทีนี้อยากถามคุณหมอว่าปัจจุบันเนี้ยค่ะ
00:08:11 → 00:08:13 เราจะเสพ content กันเป็นคทentสั้นๆซะ
00:08:13 → 00:08:16 เยอะการที่เราดูคทentสั้นๆบ่อยๆเนี่ยค่ะ
00:08:16 → 00:08:19 มันส่งผลต่อการหายใจของเรามั้คะ
00:08:19 → 00:08:21 >> มันไม่ได้ส่งผลโดยตรงนะครับต้องบอกอย่าง
00:08:21 → 00:08:23 งี้ว่าการดูคentสั้นสั้นเนี่ยมันจะส่งผล
00:08:23 → 00:08:26 ต่อสมาธิของเราโดยตรงเราจะรู้สึกอยากจะ
00:08:26 → 00:08:29 ได้สิ่งที่เราต้องการจะรู้อ่ะเดี๋ยวนี้นะ
00:08:30 → 00:08:32 ครับเรียกว่า instant gratitude คือเรา
00:08:32 → 00:08:33 ต้องการเดี๋ยวนี้ถ้ามันไม่ได้เดี๋ยวนี้
00:08:33 → 00:08:36 เราไม่ดูแล้วแล้วเราก็จะติดการเสพ content
00:08:36 → 00:08:38 แบบสั้นๆที่แบบว่าถ้ามีทำ 5 ข้อนี้นะคุณ
00:08:39 → 00:08:40 จะไม่เป็นมะเร็ง
00:08:40 → 00:08:40 >> ค่ะ
00:08:40 → 00:08:43 >> หรือคุณกินของ 3 อย่างนี้คุณจะเกิดอาการ
00:08:43 → 00:08:45 โรคไตขึ้นมาทันทีเราจะชอบคทentประเภทพวก
00:08:45 → 00:08:48 เนี้ยมากเลยเพราะว่ามันสั้นมันกระชับได้
00:08:48 → 00:08:50 ใจความแต่เนี่ยคือปัญหาเพราะว่ามันจะทำ
00:08:50 → 00:08:52 ให้เราไม่สามารถมองภาพใหญ่ได้บางครั้ง
00:08:52 → 00:08:55 เนี่ยในการพิจารณาเรื่องนึงมันไม่ได้ดู
00:08:55 → 00:08:58 แค่ 3 ข้อ 5 ข้อมันต้องดูทั้งบริบทแต่
00:08:58 → 00:09:00 เนื่องจากว่าสมาธิเรามันติดกับการดูอะไร
00:09:00 → 00:09:02 สั้นๆไปแล้วอ่ะมันก็ไม่สามารถดูอะไรยาวๆ
00:09:02 → 00:09:03 ได้
00:09:03 → 00:09:03 >> อือฮึ
00:09:03 → 00:09:05 >> พอดูอะไรยาวๆไม่ได้ต่อไปเนี้ยเวลาเจอ
00:09:05 → 00:09:07 ปัญหาในชีวิตจริงๆที่มันจำเป็นจะต้องเอา
00:09:07 → 00:09:09 ทุกอย่างมาคิดเนี่ยมันก็จะไม่เอาละไม่สู้
00:09:09 → 00:09:11 ไม่สนใจขอทำแค่เนี้ยพอ
00:09:12 → 00:09:14 >> แล้วสุดท้ายก็จะเกิดการแก้ปัญหาไม่ได้
00:09:14 → 00:09:14 >> อือฮึ
00:09:14 → 00:09:17 >> แล้วเราก็จะสูญเสียการคิดแบบมีตรรกะไปโดย
00:09:17 → 00:09:19 สิ้นเชิงคือมันต่อเนื่องกันหมดนั้นอาจจะ
00:09:19 → 00:09:21 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการหายใจซะทีเดียวนะ
00:09:21 → 00:09:24 ครับมันมีพฤติกรรมนึงที่แพนด้าสังเกตเห็น
00:09:24 → 00:09:26 จากอ่าตัวเองด้วยแล้วก็คนใกล้ตัวด้วยค่ะ
00:09:26 → 00:09:28 คือเวลาที่สมมุติเราเราไถฟีดไปเรื่อยๆ
00:09:28 → 00:09:31 เนาะแล้วเราดูแบบใช่มันเสพติดละแต่เราแบบ
00:09:31 → 00:09:33 พยายามจะเอาตัวเองออกมาแล้วพอว่าจังหวะ
00:09:33 → 00:09:35 ที่เราเอาตัวเองออกมาจากอันนั้นได้มันมัก
00:09:35 → 00:09:37 จะเกิดการถอนหายใจขึ้นอ
00:09:37 → 00:09:39 >> เออมันมันเกิดจากอะไรคะคุณหมอพอจะอธิบาย
00:09:39 → 00:09:40 ได้มั้ย
00:09:40 → 00:09:42 >> อย่างเกิดจากการที่เราจดจ่อกับมันมากๆ
00:09:42 → 00:09:44 ครับอย่างที่เมื่อกี้เราเล่าไปบอกว่าเออ
00:09:44 → 00:09:46 เราอาจจะกล้าหายใจในขณะที่เราดูอะไรพวก
00:09:46 → 00:09:49 นี้อย่างมีสมาธิมากอเพราะมันน่าสนใจตลอด
00:09:49 → 00:09:50 เวลาเราก็กั้นไว้ตลอดเวลาอย่างเงี้ยักที
00:09:50 → 00:09:52 นึงแล้วก็เฮือกขึ้นมาสักทีนึง
00:09:52 → 00:09:54 >> ซึ่งมันก็ไม่ดีต่อร่างกายใช่มั้ยคะ
00:09:54 → 00:09:56 >> คือจริงๆการเฮือกเนี่ยมันก็เหมือนมาชดเชย
00:09:56 → 00:09:57 ไอ้เมื่อกี้ที่เราไม่ได้หายใจไปต้องบอก
00:09:58 → 00:10:00 ว่าถ้าเราหายใจตื้นๆตลอดเวลาเนี่ยนะครับ
00:10:00 → 00:10:02 มันก็จะมีปัญหาอย่างหนึ่งเหมือนกันก็คือ
00:10:02 → 00:10:05 ปอดของเราเนี่ยมันมีขนาดใหญ่พอสมควรนะถ้า
00:10:05 → 00:10:07 เราหายใจตื้นๆมันก็คือมันจะมีบางส่วนของ
00:10:07 → 00:10:09 ปอดที่ลมมันเข้าไปไม่ถึงนะครับโดยเฉพาะ
00:10:09 → 00:10:11 ชายปอดด้านล่าง 2 ข้างทีนี้ถ้าเกิดว่าเรา
00:10:11 → 00:10:14 หายใจลึกๆอย่างเช่นเราหาวนอนหรือเราทำแบบ
00:10:14 → 00:10:16 เนี้ยนะครับลมมันก็จะเข้าไปถึงตรงนี้
00:10:16 → 00:10:18 เพิ่มมากขึ้นแล้วมันก็จะเปิดออกซึ่งก็
00:10:18 → 00:10:20 เป็นสิ่งที่ดีในคนปกติเนี่ยเรื่องพวกนี้
00:10:20 → 00:10:22 ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่เราจะหายใจสั้นหาย
00:10:22 → 00:10:24 ใจลึกหายใจอะไรยังไงมันก็ไม่ค่อยเกิด
00:10:24 → 00:10:26 เรื่องแต่การหายใจแบบลึกๆเนี่ยจะมี
00:10:26 → 00:10:29 ประโยชน์ในคนที่เขามีโรคปอดหรือคนที่
00:10:29 → 00:10:31 เพิ่งออกจากโรงพยาบาลหรือเพิ่งผ่าตัดใหม่
00:10:31 → 00:10:33 ๆเพราะว่าปอดส่วนเนี้ยมันมีความจำเป็นมาก
00:10:33 → 00:10:35 ในการเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายถ้าเกิด
00:10:35 → 00:10:37 คุณไม่เปิดมันใช้อ่ะก็เหมือนกับเสียพื้น
00:10:37 → 00:10:40 ที่ปอดไปฟรีๆแล้วคนที่เขาผ่าตัดจริงๆ
00:10:40 → 00:10:43 เนี่ยมันจะมีปัญหาคือเขาจะหายใจตื้นสั้น
00:10:43 → 00:10:45 อยู่แล้วอาจจะมีเสมาไปอุดกั้นข้างในก็ได้
00:10:45 → 00:10:48 คนที่มีโรคปอดเวลาเข้าห้อง ICU หรืออยู่
00:10:48 → 00:10:51 ในโรงพยาบาลก็จะมีปัญหาพวกเนี่ยเยอะนะ
00:10:51 → 00:10:52 ครับเพราะปอดมันเสียมันต้องการเอาทุกส่วน
00:10:52 → 00:10:55 ของปอดมาใช้แต่คุณไม่ใช้มันอันนี้ก็คือ
00:10:55 → 00:10:57 สำหรับคนที่อยู่โรงพยาบาลโรคปอดเนี่ย
00:10:57 → 00:10:59 จำเป็นจะต้องทำแล้วก็คนที่ออกจากโรง
00:10:59 → 00:11:01 พยาบาลแล้วพักฟื้นเนี่ยการที่หายใจลึกก็
00:11:02 → 00:11:03 จะสามารถช่วยเรื่องพวกนี้ไม่ให้ปอดมันแฟด
00:11:03 → 00:11:04 ไปได้นะครับ
00:11:04 → 00:11:06 >> อค่ะแพนด้าอยากถามคุณหมออย่างนึงมากว่า
00:11:06 → 00:11:10 ทำไมเวลาที่เรามีความเครียดหรือมีความ
00:11:10 → 00:11:12 ทุกข์หรือแม้กระทั่งคนใกล้ๆที่อยู่ใน
00:11:12 → 00:11:14 บริเวณเดียวกันเขามีความเครียดหรือความ
00:11:14 → 00:11:18 ทุกข์แล้วเขาถอนหายใจออกมาแล้วมันส่งพลัง
00:11:18 → 00:11:20 ความอึมครึมมาให้ห้องที่เราอยู่ได้มันมัน
00:11:20 → 00:11:23 เกิดจากอะไรคะลมหายใจมันพาอะไรออกมาด้วย
00:11:23 → 00:11:23 อ่ะ
00:11:23 → 00:11:25 >> ลมหายใจไม่ได้พาอะไรออกมาหรอกครับอันนี้
00:11:25 → 00:11:28 มันเป็นพฤติกรรมของสังคมนะครับบางทีเนี่ย
00:11:28 → 00:11:30 อย่างเช่นการหาวนอนอย่างเงี้ยนะครับถ้าคน
00:11:30 → 00:11:32 นึงหาวอีกคนนึงก็หาว
00:11:32 → 00:11:33 >> อันนี้มีในสัตว์ด้วยนะครับไม่ใช่มีเฉพาะ
00:11:34 → 00:11:35 ในคนสัตว์ตัวนึงหาวอีกตัวนึงมันก็หาว
00:11:35 → 00:11:37 เหมือนกันมันเป็นพฤติกรรมในสังคมซึ่งมัน
00:11:38 → 00:11:40 เป็นแบบนั้นส่วนการถอนหายใจเนี่ยมันเป็น
00:11:40 → 00:11:43 สัญลักษณ์คนเราถ้าถูกเลี้ยงดูมาตั้งแต่
00:11:43 → 00:11:46 เด็กก็จะรู้สึกว่าเออถ้าพ่อแม่ถอนหายใจ
00:11:46 → 00:11:48 แปลว่าต้องมีเรื่องกลุ้มใจถ้าเราทำอะไร
00:11:48 → 00:11:51 สักอย่างแล้วมันไม่ได้ดั่งใจอย่างเงี้ยนะ
00:11:51 → 00:11:53 ครับซึ่งมันถูกโปรแกรมไว้ในสมองเราอยู่
00:11:54 → 00:11:55 แล้วว่ามันหมายความว่าอะไรดังนั้นเนี่ย
00:11:55 → 00:11:58 ถ้าในห้องมีคนที่ถอนหายใจแบบนั้นขึ้นมา
00:11:58 → 00:12:00 แล้วทุกคนเอยู่เนี่ยเขาจะรู้ว่าอ่า
00:12:00 → 00:12:02 อันเนี้ยมันต้องมีปัญหามีเรื่องอะไรสัก
00:12:02 → 00:12:03 อย่างนะครับ
00:12:03 → 00:12:06 >> สมองก็เลยตีความไปตามนั้นนะฮะก็เลยรู้สึก
00:12:06 → 00:12:07 แบบนั้น
00:12:07 → 00:12:09 >> อ๋อคาร์บอนไดออกไซด์ที่ออกมาด้วยมั้คะมัน
00:12:09 → 00:12:10 เกี่ยวมั้อ่ะ
00:12:10 → 00:12:12 >> ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยนะครับพวกนี้มันไม่
00:12:12 → 00:12:15 ได้ทำอะไรพวกนั้นเลยนะฮะแต่สิ่งหนึ่งซึ่ง
00:12:15 → 00:12:17 อาจจะพอมีความเกี่ยวข้องก็คือเรื่องของ
00:12:17 → 00:12:19 การห่าวนอนคือห่าวนอนปัจจุบันน่ะเค้าเไม่
00:12:19 → 00:12:21 ได้แน่ใจ 100% ว่าทำไมเราหาวนะเพราะบาง
00:12:21 → 00:12:23 ครั้งมันไม่ต้องง่วงมันก็หาวได้เช่นเรา
00:12:23 → 00:12:26 เห็นคนอื่นหาวแล้วก็หาวละเาเชื่อว่าการ
00:12:26 → 00:12:29 หาวนอนเนี่ยจะสามารถลดอุณหภูมิของสมองได้
00:12:29 → 00:12:29 >> อื
00:12:29 → 00:12:32 >> อ่าแล้วเวลาที่เราใช้สมองมากๆอย่างเงี้ย
00:12:32 → 00:12:34 หรือว่าเราล้ามากๆเนี่ยสมองมันอุณหภูมิ
00:12:34 → 00:12:36 มันจะสูงขึ้นการหาวนอนนิดนึงมันก็จะ
00:12:36 → 00:12:38 สามารถลดอุณหภูมิลงมาได้นิดนึงก็อาจจะ
00:12:38 → 00:12:41 เป็นส่วนช่วยได้ดังนั้นบางคนก็บอกว่าเฮ้ย
00:12:41 → 00:12:43 ถ้าเราใช้สมองมากๆในการทำอะไรสักอย่างลอง
00:12:43 → 00:12:46 ดื่มน้ำเย็นสิมันอาจจะช่วยทำให้เราดีขึ้น
00:12:46 → 00:12:46 ได้นะครับ
00:12:46 → 00:12:50 >> อ๋อคือการหาวเนี่ยเนี่ยที่แพนด้าเคยรู้มา
00:12:50 → 00:12:52 ก็คือเขาจะบอกว่าหาวเพราะว่าร่างกายอ่ะ
00:12:52 → 00:12:53 ต้องการออกซิเจน
00:12:53 → 00:12:53 >> อ่าใช่
00:12:53 → 00:12:54 >> อันนี้ก็ถูก
00:12:54 → 00:12:54 >> ไม่ถูก
00:12:54 → 00:12:57 >> อ้าว
00:12:57 → 00:12:59 >> ไม่ถูกครับไม่ถูกมันไม่ได้เอาออกซิเจน
00:12:59 → 00:13:01 เข้าร่างกายได้ดีขึ้นแล้วมันก็ไม่ได้ขับ
00:13:01 → 00:13:02 การไดออกไซด์ออกไปได้มากขึ้นเพราะว่าการ
00:13:02 → 00:13:05 หายใจ 1 ครั้งแบบการหาวเนี่ยมันไม่สามารถ
00:13:05 → 00:13:08 ทำได้เลยต้องหายใจสักพักนึงต้องหาวติดต่อ
00:13:08 → 00:13:10 กันโน่น 5 ครั้ง 10 ครั้งโน่นเราถึงจะได้
00:13:10 → 00:13:13 ออกซิเจนเข้าไปมากกว่าปกตินะครับ 1 ครั้ง
00:13:13 → 00:13:15 มันธรรมดาไปนี่หมายความว่าหาวติดๆกันนะ
00:13:16 → 00:13:18 ไม่ใช่หาวแล้วหายใจปกติต้อง
00:13:18 → 00:13:20 >> หาวหาวๆไปเรื่อยๆมันถึงจะได้แบบนั้นนะฮะ
00:13:20 → 00:13:22 >> แล้วทำไมเวลาเราง่วงเราถึงหาวคะ
00:13:23 → 00:13:25 >> ก็อย่างที่บอกครับถ้าเวลาเราง่วงเสิ่งที่
00:13:25 → 00:13:27 เกิดขึ้นก็คือสมองของเรามันล้าและ
00:13:27 → 00:13:27 >> อ
00:13:27 → 00:13:30 >> มันใช้พลังงานไปเกลี้ยงและมันก็จะมีความ
00:13:30 → 00:13:32 ร้อนที่เพิ่มมากขึ้นอันเนี้ยเขาเลยเชื่อ
00:13:32 → 00:13:35 ว่ามันน่าจะทำให้เกิดการห่าวขึ้นซึ่งต้อง
00:13:35 → 00:13:37 บอกก่อนอย่างนี้ว่าไม่มีใครแน่ใจ 100%
00:13:37 → 00:13:40 ว่าทำไมเราหาวนะอันนี้เป็นทฤษฎีเขาเฉยๆ
00:13:40 → 00:13:42 แต่เขาพิสูจน์แล้วว่ามันไม่ได้เกี่ยวอะไร
00:13:42 → 00:13:43 กับออกซิเจนแล้วมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับ
00:13:43 → 00:13:46 คาร์บอนไดออกไซด์ด้วยเพราะเขาเคยให้
00:13:46 → 00:13:49 ออกซิเจนต่ำๆกับสัตว์บางชนิดก็ไม่เกิดการ
00:13:49 → 00:13:51 หาวให้คาร์บอนไดอาไซด์เข้าไปเยอะๆก็ไม่
00:13:51 → 00:13:53 เกิดการหาวอยู่ดีแต่พอมีการเปลี่ยนแปลง
00:13:53 → 00:13:55 อุณหภูมิของสมองมันหาวแฮะ
00:13:55 → 00:13:57 >> เ้าเลยเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับตรงนี้
00:13:57 → 00:13:58 มากกว่านะครับ
00:13:58 → 00:14:00 >> ครับแล้วการหาวอ่ะค่ะถึงมันจะอาจจะบอกที่
00:14:00 → 00:14:03 มาได้ไม่ชัดแต่ว่ามันสามารถเป็นทรายให้
00:14:03 → 00:14:05 เราได้มั้คะว่าพอห่าวแล้วเนี่ยเราควรจะ
00:14:05 → 00:14:06 พักนะ
00:14:06 → 00:14:08 >> จริงๆก็ควรใช่มั้ฮะเพราะมันอันนี้ไม่ต้อง
00:14:08 → 00:14:10 เป็นทรายก็ได้เรารู้สึกว่าเอ้ยเราก็
00:14:10 → 00:14:11 เหนื่อยแล้วอ่ะ
00:14:11 → 00:14:11 >> อ
00:14:11 → 00:14:13 >> ใช่มั้เราเราง่วงเราเรารู้อยู่แล้วว่าเรา
00:14:13 → 00:14:15 ง่วงแล้วอะไรอย่างเงี้ยนะฮะก็อาจจะถึง
00:14:15 → 00:14:17 เวลาที่เราต้องผ่านนะครับอือ
00:14:17 → 00:14:20 >> ฮึอเวลาที่เรามีความเครียดค่ะอยากรู้คือ
00:14:20 → 00:14:22 แพนด้าคุยกับคุณหมอหลายๆท่านมานะก็จะรู้
00:14:22 → 00:14:24 ว่าเฮ้ยความเครียดอ่ะมันส่งผลกับหลายๆ
00:14:24 → 00:14:26 อย่างในร่างกายอยากรู้ว่าแล้วอย่างความ
00:14:26 → 00:14:29 เครียดเนี่ยคะส่งผลกับปอดของเรามั้คะเวลา
00:14:29 → 00:14:30 ที่เราเครียด
00:14:30 → 00:14:32 >> ต้องบอกว่ามันไม่ได้ตรงไปตรงมาขนาดนั้นนะ
00:14:32 → 00:14:33 ครับความเครียดเนี่ยเราแบ่งเป็น 2 อย่าง
00:14:33 → 00:14:35 อย่างแรกคือเครียดแบบฉับพลันแล้วก็เดี๋ยว
00:14:35 → 00:14:39 หมดไปพวกเนี้ยดีเป็นความเครียดที่ดีเช่น
00:14:39 → 00:14:42 ถ้าเราจะสอบแล้วเราแบบโอ๋ชิลจัดไม่สนใจ
00:14:42 → 00:14:44 ไม่อะไรอย่าเงี้ยนะครับมันก็ไม่อ่าน
00:14:44 → 00:14:46 หนังสือแต่ถ้าเราเครียดมากเกินไปก็อ่าน
00:14:46 → 00:14:47 ไม่รู้เรื่องเหมือน
00:14:47 → 00:14:49 มันต้องเครียดเป็นบางช่วงแล้วพอสอบเสร็จ
00:14:49 → 00:14:51 ความเครียดนั้นหายไปซึ่งความเครียดเมันทำ
00:14:51 → 00:14:54 ให้เราเก่งขึ้นดีขึ้นหรือความเครียดที่
00:14:54 → 00:14:56 มันเกิดขึ้นกับร่างกายเช่นถ้าเราฝึกวิ่ง
00:14:56 → 00:14:58 มาราธอนอย่างเงี้ยแล้วเราฝึกวิ่งอยู่ช่วง
00:14:58 → 00:15:00 แรกๆมันเป็นการเพิ่มความเครียดให้กับตัว
00:15:00 → 00:15:02 ร่างกายของเราด้วยการออกกำลังกายซึ่งมัน
00:15:02 → 00:15:03 ทำให้เราเก่งขึ้น
00:15:03 → 00:15:05 >> แต่ปัญหาคือความเครียดที่เป็นเรื้อรัง
00:15:05 → 00:15:07 ครับเช่นแบบเครียดตลอดเวลาเป็นเดือนๆ
00:15:07 → 00:15:09 อย่างเงี้ยแล้วมันไม่หายไปไหนเลยไอ้เนี้ย
00:15:09 → 00:15:11 ที่จะส่งผลเสียต่อร่างกายไม่มีอะไรดีกับ
00:15:11 → 00:15:12 ร่างกายเลย
00:15:12 → 00:15:13 >> เครียดเรื้อรัง
00:15:13 → 00:15:13 >> ใช่
00:15:14 → 00:15:17 >> อืแต่บางคนก็ไม่รู้ใช่มั้คะว่าเขาเครียด
00:15:17 → 00:15:17 มัน
00:15:17 → 00:15:20 >> บางคนก็อาจจะชินนะครับเช่นแบบเออเราตื่น
00:15:20 → 00:15:23 ไปทำงานเนาะมันไม่อยากทำงานแล้วอ่ะมัน
00:15:23 → 00:15:26 เบื่อมันเซ็งเดี๋ยวเจ้านายก็ว่าเราก็ทับ
00:15:26 → 00:15:28 ถมลูกค้าก็บ่นอย่างเงี้ยมันจะมีความรู้
00:15:28 → 00:15:30 สึกแบบนี้แต่ก็ไม่ไม่ได้มาคิดว่าเอ้ยนี่
00:15:30 → 00:15:32 เครียดหรือเปล่าซึ่งไอ้ของพวกเนี้ยมันไม่
00:15:32 → 00:15:35 ได้ส่งผลอะไรต่อปอดตรงๆไม่มีผลอะไรกับปอด
00:15:35 → 00:15:38 เลยนะครับแต่มันจะมีผลกับระบบฮอร์โมนต่าง
00:15:38 → 00:15:41 ๆวิธีการคิดจิตใจทั้งหมดที่มันจะส่งผลนะ
00:15:41 → 00:15:43 ครับปอดเนี่ยโชคดีที่มันคุณเครียดแล้วปอด
00:15:43 → 00:15:45 มันก็ของมันเหมือนเดิมนั่นแหละมันไม่ได้
00:15:45 → 00:15:46 เกิดอะไรขึ้นหรอกหายใจก็พอ
00:15:46 → 00:15:49 >> ใช่แต่มันจะมีอันนึงที่เกี่ยวข้องกับปอด
00:15:49 → 00:15:52 จริงๆถ้าเครียดก็คือคนที่เป็นโรคหลอดลมไว
00:15:52 → 00:15:55 เกินหรือหอบหืดเวลาเครียดมากๆมันกำเริบ
00:15:55 → 00:15:55 ได้
00:15:55 → 00:15:55 >> อื
00:15:56 → 00:15:58 >> นะครับอ่าตรงเนี้ยหรือว่าบางคนอาจจะเคย
00:15:58 → 00:16:00 เห็นที่มีโรคหัวใจแล้วเราดูในหนังถ้าเกิด
00:16:00 → 00:16:03 โอเครียดเจ็บหน้าอกขึ้นมาเลยอ่าอันนั้น
00:16:03 → 00:16:06 คือเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจมันมีการตีบตัน
00:16:06 → 00:16:08 ไปนะครับก็เกิดการหัวใจขาดเลือดค่ะ
00:16:08 → 00:16:11 >> คล้ายๆกับปอดถ้าเครียดมากๆหอบหืดกำเริบ
00:16:11 → 00:16:11 ได้นะฮะ
00:16:11 → 00:16:13 >> อือฮึมีเปอร์เซ็นต์ในการเป็นหอบหืดเยอะ
00:16:14 → 00:16:14 มั้คะ
00:16:14 → 00:16:16 >> อันเนี้ผมก็ไม่แน่แน่ใจตัวเลขเหมือนกัน
00:16:16 → 00:16:19 แต่รู้สึกว่าถ้ามันมีฝุ่น PM 2.5 ค่า
00:16:19 → 00:16:22 เพิ่มมากขึ้นทุกวันทุกวันเรื่อยๆโอกาสการ
00:16:22 → 00:16:23 เป็นห่อผืดหรือโรคทางเดินหายใจมันจะสูง
00:16:23 → 00:16:24 ขึ้นแน่ๆอยู่แล้วนะครับ
00:16:24 → 00:16:27 >> อืค่ะก็ต้องป้องกันนะป้องกันได้มั้ย
00:16:27 → 00:16:29 >> โออันนี้อันนี้ผมคิดว่ามันเป็นเรื่อง
00:16:29 → 00:16:31 ระดับชาติระดับโลกเลยแหละเพราะว่ามันมี
00:16:31 → 00:16:33 อย่างเงี้มานานแล้วมันไม่ได้เพิ่งมามีนะ
00:16:33 → 00:16:35 ครับแล้วก็คนไทยของเราเนี่ยก็จะบ่นทุก
00:16:35 → 00:16:38 ครั้งเวลาเข้าสู่ฤดูฝุ่นก็คือปลายปีกับ
00:16:38 → 00:16:40 ต้นปีแค่นั้นแต่พอกลางๆปุ๊บอ่ะหน้าร้อน
00:16:40 → 00:16:42 หน้าฝนมันหายไปแล้วก็เลิกหมด
00:16:42 → 00:16:42 >> ก็ชิลอีก
00:16:42 → 00:16:44 >> ก็ชิลอีกอย่างเงี้ยนะฮะ
00:16:44 → 00:16:47 >> มันก็เลยทำให้มันไม่ได้หายไปไหนซะทีจริงๆ
00:16:47 → 00:16:48 เราดูตัวอย่างประเทศที่เมีปัญหาก็ใช่เช่น
00:16:48 → 00:16:50 จีนอย่างเงี้ยข้างๆเลยถ้าใครเคยไป
00:16:50 → 00:16:52 เซี้ยงไฮ้สมัยก่อนอะไรอย่างเงี้ยก็ฝุ่น
00:16:52 → 00:16:53 เยอะเนาะ
00:16:53 → 00:16:53 >> ค่ะ
00:16:53 → 00:16:55 >> แต่ตอนเนี้ยมันไม่มีฝุ่นแล้วอ่ะ
00:16:55 → 00:16:55 >> อือฮึ
00:16:55 → 00:16:57 >> เออเราก็ไม่ดูเ้าได้ว่าเค้าทำยังไงเพราะ
00:16:57 → 00:17:00 เค้าปัญหาเหมือนเรานั่นแหละนะฮะแล้วก็อาจ
00:17:00 → 00:17:02 จะต้องมีการแก้ปัญหาที่คลายกันผมคิดว่า
00:17:02 → 00:17:04 มันแก้ได้ถ้าเราจะทำจริงๆอ่ะปัญหาคือเรา
00:17:04 → 00:17:05 ทำจริงหรือเปล่าอีกเรื่องนึงนะฮะ
00:17:05 → 00:17:07 >> อืค่ะซึ่งคุณหมอก็น่าจะพูดเรื่องนี้มา
00:17:07 → 00:17:10 เยอะมากๆหลายๆที่แล้วแล้วหลายๆคนก็น่าจะ
00:17:10 → 00:17:12 ติดตามแล้วก็อยากให้มันเกิดการแก้ไข
00:17:12 → 00:17:12 เหมือนกัน
00:17:12 → 00:17:13 >> ครับผม
00:17:13 → 00:17:16 >> ใช่ๆ่ะทีนี้อยากถามเรื่องอารมณ์นิดนึงค่ะ
00:17:16 → 00:17:18 ว่าอ่ะอย่างที่คุณหมอบอกว่าจริงๆความ
00:17:18 → 00:17:20 เครียดก็อาจจะไม่ได้ส่งผลต่อปอดชัดเจน
00:17:20 → 00:17:22 ขนาดนั้นแล้วมันมีอารมณ์ไหนมั้คะที่มันจะ
00:17:22 → 00:17:24 ส่งผลต่อปอดหรือไม่มีเลย
00:17:24 → 00:17:27 >> ไม่มีไม่มียกเว้นถ้าเป็นหอบหืดอันนั้นอีก
00:17:27 → 00:17:28 เรื่องนึง
00:17:28 → 00:17:30 >> คนที่มีโรคหอบหืดโรคหลอดลมอ่าไม่ว่าจะ
00:17:30 → 00:17:32 เป็นถุงลมโป่งพองหรืออะไรพวกเนี้ยนะฮะถ้า
00:17:33 → 00:17:35 สมมุติว่าเรามีความเครียดไม่ว่าจะอะไรก็
00:17:35 → 00:17:37 ตามเช่นโกรธจัดเสียใจจัดอย่างเงี้ยพวก
00:17:37 → 00:17:39 เนี้ยมันอาจจะกำเริบขึ้นมาตอนนั้นก็ได้
00:17:39 → 00:17:41 >> อ๋อโกรธจัดเสียใจจัด
00:17:41 → 00:17:44 >> อที่มันจัดทั้งหลายแหละแต่ไม่ไม่ใช่แบบดี
00:17:44 → 00:17:46 ใจจัดเออไม่อันนี้ไม่เกี่ยวนะครับดีใจมัน
00:17:46 → 00:17:47 เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว
00:17:47 → 00:17:50 >> อือฮึเอกำลังสงสัยว่าเวลาที่โกรธจัดแล้ว
00:17:50 → 00:17:52 มันไปทำอะไรกับถุงลมได้อ่ะคะ
00:17:52 → 00:17:54 >> อันนี้มันคงไม่ตรงไปตรงมันก็น่าจะเกี่ยว
00:17:54 → 00:17:56 ข้องกับระบบฮอร์โมนต่างๆที่มันออกมาตอน
00:17:56 → 00:17:57 นั้นซะมากกว่านะครับ
00:17:57 → 00:17:58 >> ออือฮึ
00:17:58 → 00:17:58 >> อื
00:17:58 → 00:18:02 >> เวลาที่เราทำสมาธิแบบกำหนดลมหายใจค่ะที่
00:18:02 → 00:18:04 หายใจเข้าช้าๆหายใจออกช้าๆอย่างมี
00:18:04 → 00:18:07 สติเนี่ยค่ะมันส่งผลต่อการทำงานของปอดยัง
00:18:07 → 00:18:08 ไงบ้างคะ
00:18:08 → 00:18:10 >> มันก็ถ้าเราหายใจได้ลึกเนี่ยมันก็จะทำให้
00:18:11 → 00:18:12 ปอดส่วนล่างของเราเปิดออกอย่างที่บอกไป
00:18:12 → 00:18:14 แล้วนะครับเพราะปอดส่วนนี้มันเป็นปอดที่
00:18:14 → 00:18:16 มันอยู่ล่างสุดเนาะมันก็จะโดนน้ำหนักของ
00:18:16 → 00:18:19 ปอดด้านบนกดกดทับดังนั้นมันก็จะมักจะฟีบๆ
00:18:19 → 00:18:22 ไปนะครับการที่เราไปเปิดมันออกเเราก็ได้
00:18:22 → 00:18:24 ออกซิเจนเข้าไปเต็มๆบางคนก็รู้สึกว่าเออ
00:18:24 → 00:18:27 สมองมันแล่นดีเนอะมันอากาศเข้าไปเต็มๆ
00:18:27 → 00:18:29 อย่างเงี้ยมันก็ช่วยตรงนั้นได้เหมือนกัน
00:18:29 → 00:18:31 >> ค่ะแล้วมันมีงานวิจัยไหนมั้คะที่บอกว่าคน
00:18:31 → 00:18:33 ที่ทำสมาธิด้วยวิธีแบบเนี้ยค่ะทำให้
00:18:33 → 00:18:35 สุขภาพปอดเขาดีขึ้น
00:18:35 → 00:18:37 >> สุขภาพปอดโดยตรงเนี่ยคงไม่มี
00:18:37 → 00:18:39 >> แต่มันจะเป็นสุขภาพโดยรวมนะครับคือโดย
00:18:39 → 00:18:41 ทั่วไปต้องบอกว่าอย่างี้ว่าไม่ว่าจะทำ
00:18:41 → 00:18:43 สมาธิจะอารมณ์ยังไงเนี่ยมันไม่ค่อยมี
00:18:43 → 00:18:46 ปัญหาไม่ค่อยมีผลโดยตรงกับปอดเท่าไหร่มี
00:18:46 → 00:18:48 ข้อยกเว้นคือโรคหลอดลมเมื่อกี้ที่เล่าไป
00:18:48 → 00:18:49 เท่านั้นเองนะครับแค่นั้นเลย
00:18:49 → 00:18:53 >> แค่นั้นเลยตรงๆเลยค่ะแต่ว่าการทำสมาธิการ
00:18:53 → 00:18:56 หายใจเข้าลึกๆมันก็มีผลต่อระบบอื่นๆ
00:18:56 → 00:18:58 >> ก็คือมันก็สามารถทำ
00:18:58 → 00:19:00 >> เรื่องความสบายใจซะมากกว่านะฮะ
00:19:00 → 00:19:03 >> อ้าอืแต่มันมีทางวิทยาศาสตร์มั้คะว่าทำ
00:19:03 → 00:19:05 ให้ร่างกายเราแข็งแรงขึ้นหรืออะไร
00:19:05 → 00:19:08 >> ไม่ๆไม่ได้ทำให้แข็งแรงขึ้นอะไรเลยถ้ามัน
00:19:08 → 00:19:09 จะเกี่ยวข้องกับแข็งแรงขึ้นน่ะมันจะเป็น
00:19:09 → 00:19:12 ผลพลอยได้ที่อยู่หลังๆเลยอ่ะแล้วไม่ใช่
00:19:12 → 00:19:15 ว่าเราจะนั่งสมาธิวันนี้แล้วพรุ่งนี้อ่ะ
00:19:15 → 00:19:17 ปอดเราแข็งแรงขึ้นเป็นไปไม่ได้
00:19:18 → 00:19:20 >> นั่งสมาธิติดกัน 7 วันหัวใจเราแข็งแรง
00:19:20 → 00:19:22 ขึ้นเป็นไปไม่ได้แต่ถ้านั่งสมาธิติดกัน 7
00:19:22 → 00:19:24 วันแล้วเราทำได้ต่อเนื่องจิตใจเราสบาย
00:19:24 → 00:19:26 ขึ้นน่ะเป็นได้
00:19:26 → 00:19:29 >> การนอนหลับเราดีขึ้นได้แล้วถ้าเรานอนหลับ
00:19:29 → 00:19:31 ได้ดีขึ้นไอ้สิ่งอื่นๆเนี่ยถึงจะตามมา
00:19:31 → 00:19:33 เป็นผลพลอยได้เพราะการนอนหลับของเราเนี่ย
00:19:33 → 00:19:36 สำคัญต่อทุกระบบของร่างกายไม่ว่าจะเป็น
00:19:36 → 00:19:39 ปอดหัวใจตายตับมันต้องการการนอนหลับพัก
00:19:39 → 00:19:41 ผ่อนเพื่อที่จะซ่อมแซมตัวเองเพราะมันใช้
00:19:41 → 00:19:43 งานตนตอนกลางวันถ้าเรานอนได้ดีมันก็ซ่อม
00:19:43 → 00:19:46 แซมได้ดีระบบคุ้มกันของเราก็เหมือนกันถ้า
00:19:46 → 00:19:48 เรานอนได้ดีมันก็ทำงานได้ดีหรือฮอร์โมน
00:19:48 → 00:19:50 ทางเพศเองเนี่ยก็จะทำงานได้ดีถ้าเกิดเรา
00:19:50 → 00:19:51 นอนหลับได้ดี
00:19:51 → 00:19:51 >> ค่ะ
00:19:51 → 00:19:53 >> ความคิดความอ่านความคิดสร้างสรรค์การคิด
00:19:53 → 00:19:56 แบบมีต่างๆก็ทำงานได้ดีถ้าเรานอนได้ดีแปล
00:19:56 → 00:19:59 ว่ามันไม่ใช่ผลโดยตรงครับมันอาจจะต้อง
00:19:59 → 00:20:01 เป็นผลผ่านการนอนหลับพวกเนี้ยแล้วถึงจะไป
00:20:01 → 00:20:04 สู่ผลทางร่างกายทุกๆระบบ
00:20:04 → 00:20:04 >> อย่างงั้นซะมากครับ
00:20:04 → 00:20:07 >> อค่ะอ่านั้นถ้าอย่างสมาธิลดความเครียด
00:20:07 → 00:20:09 >> ก็เลยทำให้สุขภาพเราดีขึ้น
00:20:09 → 00:20:10 >> ใช่
00:20:10 → 00:20:11 >> อันนี้ก็ก็ใช่
00:20:11 → 00:20:12 >> อันนี้อันนี้ใช่เพราะว่าความเครียดอย่าง
00:20:12 → 00:20:14 ที่บอกถ้ามันเรื้อรังเนี่ยมันมันไม่มี
00:20:14 → 00:20:15 อะไรดี
00:20:15 → 00:20:16 >> มันมีแต่เสียฮะ
00:20:16 → 00:20:18 >> คือมันอาจจะไม่ได้เป็นmirิราคิลแบบว่า
00:20:18 → 00:20:20 นั่งแล้วแข็งแรงแต่มันคือผลพลอยได้ที่มัน
00:20:21 → 00:20:24 จะทำให้รูทีนหรือกิจวัตรอื่นๆเราดีขึ้น
00:20:24 → 00:20:26 >> อ่าแล้วเพื่อเมื่อเราดีขึ้นปรับพฤติกรรม
00:20:26 → 00:20:28 เราได้ด้วยคือมันต้องทำควบคู่กันไปหลายๆ
00:20:28 → 00:20:29 อย่าง
00:20:29 → 00:20:29 >> ถูกต้อง
00:20:29 → 00:20:30 >> สุขภาพเราก็จะดีขึ้น
00:20:30 → 00:20:33 >> ใช่ครับเพราะมิฉะนั้นก็จะต้องมีคนบอกว่า
00:20:33 → 00:20:35 ถ้าเรานั่งสมาธิร่างกายเราจะแข็งแรงขึ้น
00:20:35 → 00:20:37 ซึ่งก็คืออาจจะไม่ถูกต้องซะทีเดียวเพราะ
00:20:37 → 00:20:38 ว่าเราก็ต้องออกกำลังกายอยู่ดีถ้าเราออก
00:20:38 → 00:20:40 กำลังกายควบคู่ไปด้วยเนี่ยมันก็จะทำให้
00:20:40 → 00:20:42 เราแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจไม่งั้นเรา
00:20:42 → 00:20:45 จะเห็นนักกีฬาระดับโลกเนี่ยเขาจะทำสมาธิ
00:20:45 → 00:20:46 อย่างเดียวเหรอ
00:20:46 → 00:20:49 >> คงไม่งั้นคงแพ้นะแต่ว่าถ้าเขาจะออกกำลัง
00:20:49 → 00:20:51 กายอย่างเดียวมันก็คงไม่ได้เพราะว่าคนที่
00:20:51 → 00:20:53 เขาอยู่ระดับโลกเขาแข่งกันจะชนะกันด้วย
00:20:53 → 00:20:55 ความมุ่งมั่นของจิตใจความทนทานของจิตใจ
00:20:56 → 00:20:58 ซึ่งเขาก็จะต้องฝึกสมาธิตรงนี้ด้วย
00:20:58 → 00:20:58 >> อือ
00:20:58 → 00:21:00 >> นะมันไปคู่กันมันไม่แบบอย่างใดอย่างหนึ่ง
00:21:00 → 00:21:01 แยกกันได้นะครับ
00:21:01 → 00:21:04 >> อ่าฮะแต่ทำคู่กันก็จะยิ่งเสริมยิ่งดีอฮะ
00:21:04 → 00:21:07 แล้วถ้าอย่างบางคนที่ดูแลทุกอย่างเลยกิน
00:21:07 → 00:21:10 ดีนอนดีออกกำลังกายดีแต่อาจจะไม่ได้มาทำ
00:21:10 → 00:21:11 สมาธิอ
00:21:11 → 00:21:13 >> สุขภาพก็จะดีมั้คะ
00:21:13 → 00:21:14 >> ไม่
00:21:14 → 00:21:15 >> อออื
00:21:15 → 00:21:16 >> ขึ้นอยู่กับว่าคุณเครียดหรือเปล่า
00:21:16 → 00:21:19 >> อ๋อคือคือสมมุติว่าเรามีรูทีนที่ดีมากรัก
00:21:19 → 00:21:22 สุขภาพมากทุกอย่างแต่ปรากฏว่าดันเครียดก็
00:21:22 → 00:21:23 ไม่ดี
00:21:23 → 00:21:23 >> อ๋อ
00:21:23 → 00:21:26 >> หรือมันก็ดีได้ไม่เต็มที่คือถ้าเกิดว่า
00:21:26 → 00:21:28 เรามีคน 2 คนนะฮะคนนึงใช้ชีวิตแบบดีที่
00:21:29 → 00:21:31 สุดเลยแล้วมีความเครียดกับอีกคนนึงใช้
00:21:31 → 00:21:33 ชีวิตแย่เลยแต่มีความเครียดเหมือนกันคน
00:21:33 → 00:21:35 ที่ใช้ชีวิตดีกว่ามันต้องดีแน่ๆอยู่แล้ว
00:21:35 → 00:21:37 ถึงแม้ว่าจะเครียดเหมือนกันก็ตามแต่ถ้า
00:21:37 → 00:21:39 เกิดคนที่ดีกว่าเนี่ยเอาความเครียดออกไป
00:21:39 → 00:21:40 ได้มันจะดีกว่านั้นอีก
00:21:40 → 00:21:43 >> แต่ว่าถ้าคนที่ใช้ชีวิตก็ไม่ดีแล้วก็
00:21:43 → 00:21:45 >> เครียดด้วยแย่เลย
00:21:45 → 00:21:47 >> แย่อ่ะถ้าใช้ชีวิตไม่ดีแล้วไม่เครียดหรอ
00:21:47 → 00:21:47 คะ
00:21:47 → 00:21:48 >> ก็แย่อยู่ดี
00:21:48 → 00:21:49 >> อ๋อ
00:21:49 → 00:21:50 >> เออแย่กว่าด้วย
00:21:50 → 00:21:53 >> แย่อยู่ดีแต่คือผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือน
00:21:53 → 00:21:55 กันว่าคนเราจะพยายามแยกเรื่องพวกนี้ออกไป
00:21:55 → 00:21:57 เพื่ออะไรเพราะว่าเฮ้ยอ่าถ้าเราออกกำลัง
00:21:57 → 00:21:59 กายดีมันจะแก้ไขภาวะเครียดได้มั้ยถ้าเรา
00:21:59 → 00:22:01 มีแค่เครียดอย่างเดียวแล้วอย่างอื่นทุก
00:22:01 → 00:22:03 อย่างดีหมดมันน่าจะดีนะมันไม่ได้ฮะคนเรา
00:22:03 → 00:22:06 เนี่ยมันต้องทำครบทุกด้านร่างกายก็แข็ง
00:22:06 → 00:22:08 แรงจิตใจก็ต้องแข็งแรงสภาพสังคมก็ต้องดี
00:22:08 → 00:22:10 เพื่อนที่เราคบก็ต้องโอเคอย่างเงี้ยมัน
00:22:10 → 00:22:13 ต้องทำคู่กันทุกอย่างนะครับไม่ใช่แบบเออ
00:22:13 → 00:22:16 สมมุติว่าเราตื่นมาวันเนี้ยอ่าเราขอแปรง
00:22:16 → 00:22:17 ฟันอย่างเดียวได้มั้ยอย่างอื่นไม่ทำเลย
00:22:18 → 00:22:20 >> อือไม่ได้เนอะเราก็ต้องเข้าห้องน้ำเราก็
00:22:20 → 00:22:21 ต้องกินข้าวเราต้องอะไรสักอย่างเราเลือก
00:22:21 → 00:22:23 ทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพราะว่าเราบอกว่า
00:22:23 → 00:22:25 เนี่ยคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในวันนี้เราจะ
00:22:25 → 00:22:27 ทำอันนี้อันเดียวแล้วทุกอย่างจะดีมันเป็น
00:22:27 → 00:22:28 ไปไม่ได้อยู่แล้วอ่ะนะ
00:22:28 → 00:22:31 >> อือฮึค่ะอ่าจริงๆก็อยู่ที่การเข้าใจและ
00:22:31 → 00:22:34 การมันคือความเชื่อหรือคือสิ่งที่เข้าใจ
00:22:34 → 00:22:36 แล้วบอกตัวเองเหมือนกันเนาะเพราะบางคนน่ะ
00:22:36 → 00:22:38 คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตแบบที่คิดว่าดีแล้ว
00:22:38 → 00:22:39 แต่มันอาจจะไม่ดีอ่ะค่ะ
00:22:39 → 00:22:42 >> ก็ใช่โดยส่วนหนึ่งนะครับจริงๆคนเราต้อง
00:22:42 → 00:22:43 หันมามองด้วยว่าไอ้สิ่งที่ตัวเองเราทำ
00:22:43 → 00:22:46 เนี่ยมันมันมีปัญหาอะไรมยนะครับเพราะว่า
00:22:46 → 00:22:49 มันมี 2 อย่างที่เกิดขึ้นมาขั้นแรกก็คือ
00:22:49 → 00:22:51 บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำไปสิ่งที่เราเองทำเป็น
00:22:51 → 00:22:54 ปัญหาแล้วก็บางคนคือรู้ว่ามันเป็นปัญหา
00:22:54 → 00:22:57 แต่ก็เลือกที่จะไม่เชื่อว่ามันคือปัญหา
00:22:57 → 00:22:59 คือแบบรู้ว่าเป็นปัญหาน้ำหมกไว้ก่อนคิด
00:22:59 → 00:23:00 ว่าเออไม่ใช่หรอกเราแข็งแรงดีไม่เป็นอะไร
00:23:00 → 00:23:03 หรอกนะฮะเนี่ยคือ 2 เรื่องที่ผมเจออยู่
00:23:03 → 00:23:06 เรื่อยๆนะครับแล้วก็ในชีวิตจริงถามว่า
00:23:06 → 00:23:09 สถานการณ์แบบไหนที่จะมีคนพูดแบบนี้ก็คือ
00:23:09 → 00:23:12 อยู่มาวันนึงอาการอะไรสักอย่างมันก็โผล่
00:23:12 → 00:23:15 ขึ้นมาแล้วก็สงสัยว่าทำไมเราถึงเกิดอาการ
00:23:16 → 00:23:18 แบบนี้ขึ้นมาเอ๊ะนี่ไม่เคยปวดหัวแบบนี้มา
00:23:18 → 00:23:20 ก่อนทำไมอยู่ๆปวดหัวได้แล้วก็งงว่าทำไม
00:23:20 → 00:23:22 มันถึงเป็นแต่พอเราย้อนกลับไปดูคนนี้จริง
00:23:22 → 00:23:26 ๆอ่าตั้งแต่วัยรุ่นะนอนก็แบบ 3 ช่มง 4
00:23:26 → 00:23:30 ชมงนะครับใช้ยาเสพติดดื่มเหล้าแอลกอฮอล์
00:23:30 → 00:23:33 ประจำเลยวันๆก็เอาเล่นเกมใช้ชีวิตไม่ดีมา
00:23:33 → 00:23:35 ตลอดตอนนั้นน่ะมันทำได้เพราะร่างกายเรา
00:23:35 → 00:23:37 ยังเป็นวัยรุ่นเราแข็งแรงแต่พออายุเพิ่ม
00:23:37 → 00:23:38 มากขึ้น
00:23:38 → 00:23:41 >> มันไม่ได้แล้วอาการที่เกิดขึ้นมันก็เกิด
00:23:41 → 00:23:43 ขึ้นมาทั้งๆที่ใช้ชีวิตเหมือนเดิมเปี๊ยบ
00:23:43 → 00:23:45 เลยไม่ได้เปลี่ยนการใช้ชีวิตทำไมมันเกิด
00:23:45 → 00:23:48 ขึ้นมาก็เนี่ยครับคุณใช้ชีวิตแบบนี้มา
00:23:48 → 00:23:49 >> มันสะสมมา
00:23:49 → 00:23:50 >> ใช่แล้วคุณก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าไอ้นั่นน่ะ
00:23:50 → 00:23:52 คือปัญหาหรือบางทีมีคนบอกคุณแล้วว่าเฮ้ย
00:23:53 → 00:23:55 นอนให้มันมากหน่อยบุหรี่เหล้าอย่าไปใช้
00:23:55 → 00:23:58 มันมากก็ไม่เชื่อคิดว่านี่เห็นมั้ยคุณปู่
00:23:58 → 00:24:00 คนนั้นน่ะ 80 ยังสูบบุหรี่ไม่เห็นเป็น
00:24:00 → 00:24:00 อะไรเลย
00:24:00 → 00:24:01 >> อ
00:24:01 → 00:24:02 >> คือร่างกายคนเราไม่เหมือนกันครับถ้าร่าง
00:24:02 → 00:24:04 กายเราเหมือนกันทุกคนก็หน้าตามันคงเป็น
00:24:04 → 00:24:06 หุ่นยนต์เหมือนกันทุกคนอยู่แล้วแล้วมันจะ
00:24:06 → 00:24:08 ได้ผลทุกอย่างเหมือนกันแต่ทีนี้คนเราเกิด
00:24:08 → 00:24:11 มาก็ไม่เหมือนกันดังนั้นของอย่างหนึ่งที่
00:24:11 → 00:24:13 ทำกับคนนึงได้มันไม่ได้แปลว่าจะมี
00:24:13 → 00:24:15 ประโยชน์หรือจะได้กับทุกคนเหมือนกันนะ
00:24:15 → 00:24:19 ครับอือโอเคแล้วอย่างเรื่องของการทำสมาธิ
00:24:19 → 00:24:22 อ่ะค่ะเราจะได้ยินกันว่ามันสามารถช่วย
00:24:22 → 00:24:24 เพิ่มเรื่องของระบบภูมิคุ้มกันได้มันจริง
00:24:24 → 00:24:25 มั้คะคุณหมอ
00:24:25 → 00:24:27 >> มันก็เหมือนกับการนอนหลับอ่ะครับถ้าคุณ
00:24:27 → 00:24:29 นอนหลับดีตลอดเวลาเนี่ยมันก็จะทำให้ปุ่ม
00:24:29 → 00:24:31 ตาหัน์ของเรามันแข็งแรงขึ้นอย่างสมาธิที่
00:24:32 → 00:24:35 เราเจอการศึกษาก็คือในพระทิเบศนะฮะมันจะ
00:24:35 → 00:24:38 ทำให้สมองของเราเนี่ยเข้าสู่คล้ายๆกับ
00:24:38 → 00:24:40 ภาวะหลับลึกที่คลื่นสมองจะเป็นคลื่นเตต้า
00:24:40 → 00:24:42 นะครับคลื่นคลื่นเดต้าเนี่ยจะมีความถี่
00:24:42 → 00:24:45 ต่ำนะครับแต่มีขนาดใหญ่มากนะครับเหมือน
00:24:45 → 00:24:48 เป็นคลื่นที่มีพลังงานทรงพลังมากๆแล้วถ้า
00:24:48 → 00:24:51 เราสามารถทำสมาธิจนกระทั่งสมองเราเกิด
00:24:51 → 00:24:54 คลื่นแบบนั้นได้เขาก็คิดว่ามันจะทำให้เรา
00:24:54 → 00:24:57 เข้าสู่สภาวะพักผ่อนอย่างเต็มที่ตลอดเวลา
00:24:57 → 00:24:59 ที่เราทำสมาธิเหล่านั้นแน่นอนถ้าเราพัก
00:24:59 → 00:25:01 ผ่อนได้เต็มที่มันก็เป็นการซ่อมแซมส่วน
00:25:01 → 00:25:03 ต่างๆของร่างกายแล้วฮอร์โมนที่มันควรจะ
00:25:03 → 00:25:05 ออกมามันก็ออกมาตอนนั้น
00:25:05 → 00:25:08 >> นะฮะก็เลยได้ผลดีถ้าเราทำสมาธิเป็นประจำ
00:25:08 → 00:25:10 แล้วสามารถทำได้ลึกจริงๆนะครับ
00:25:10 → 00:25:13 >> อืค่ะสุดท้ายใช่คือทุกอย่างมันก็มีข้อดี
00:25:13 → 00:25:16 แต่เราก็ต้องรู้ให้จริงด้วยถูกมั้คะว่าทำ
00:25:16 → 00:25:16 แบบไหน
00:25:16 → 00:25:19 >> ใช่ปัญหามันอย่างี้คือเรารู้แหละว่านั่ง
00:25:19 → 00:25:21 สมาธิมันดีทำสมาธิมันเป็นของดีแน่ๆอยู่
00:25:21 → 00:25:22 แล้ว
00:25:22 → 00:25:24 >> แต่ว่าบางทีอ่ะเราเอาไปโฆษณามันซะจน
00:25:24 → 00:25:27 โอเวอร์เกินไปถ้าคุณนั่งสมาธินะคุณจะสมอง
00:25:27 → 00:25:30 ดีร่างกายแข็งแรงสุขภาพแข็งแรงทุกอย่าง
00:25:30 → 00:25:32 คุณไม่ต้องไปทำอย่างอื่นเลยไอ้นี้ไม่ไม่
00:25:32 → 00:25:34 ได้ถ้าเรานั่งสมาธิเราก็ยังต้องไปตรวจ
00:25:34 → 00:25:36 ร่างกายประจำปีอยู่ดีถูกมั้ยครับเราก็
00:25:36 → 00:25:39 ต้องออกกำลังกายอยู่ดีถ้านั่งสมาธิเฉยๆ
00:25:39 → 00:25:41 อย่างเดียวเนี่ยมันไม่ได้นะครับบางคนก็
00:25:41 → 00:25:44 เทียบกับอ้าวพระทิเบตเ้าไม่เห็นไปยกเวทไป
00:25:44 → 00:25:46 ออกกำลังกายทำไมเค้าแข็งแรงเราใช้ชีวิต
00:25:46 → 00:25:47 แบบพระทิเบตหรือเปล่า
00:25:47 → 00:25:48 >> อือฮึ
00:25:48 → 00:25:50 >> เราอยู่แบบพระเบตหรือเปล่าบ้านเรานี่ฝุ่น
00:25:50 → 00:25:52 เยอะขนาดไหนอ่ะแล้วพระที่เบสมีฝุ่นมั้ย
00:25:52 → 00:25:53 >> อือฮึ
00:25:53 → 00:25:54 >> แค่นั้นก็ไม่เหมือนกันแล้ว
00:25:54 → 00:25:57 >> หรือความเป็นอยู่ตอนเช้าเทำอะไรอ่ะตื่นมา
00:25:57 → 00:26:00 อ่ะสวดมนต์มีสมาธิอยู่กับตัวเองเดินกวาด
00:26:00 → 00:26:02 บ้านกวาดลานวัดอย่างเงี้ยแล้วเราทำแบบ
00:26:02 → 00:26:03 นั้นรเปล่าในเมื่อเราไม่เหมือนกับพระ
00:26:03 → 00:26:06 ทิเบศเปี๊ยบ 100% เนี่ยจะเอาแค่เรื่องของ
00:26:06 → 00:26:08 สมาธิพระทิเบศมาอธิบายทุกปรากฏการณ์มัน
00:26:08 → 00:26:09 ไม่ได้
00:26:09 → 00:26:10 >> อือฮึอ่า
00:26:10 → 00:26:13 >> ค่ะเหมือนกับแก่นของรายการเกลาแก้โรค
00:26:13 → 00:26:16 เหมือนกันคือมีร่างกายจิตใจแล้วก็มีนิสัย
00:26:16 → 00:26:18 หรือพฤติกรรมแล้วก็มีสมาธิมาช่วยเพราะ
00:26:18 → 00:26:21 สมาธิเนี่ยก็อาจจะช่วยในเรื่องของกำลังใจ
00:26:21 → 00:26:21 ได้่
00:26:21 → 00:26:23 >> ในการที่จะเปลี่ยนแปลง
00:26:23 → 00:26:26 >> จริงๆสมาธิมันได้หลายอย่างนะครับแล้วก็
00:26:26 → 00:26:28 แต่ละคนเนี่ยมีวิธีในการทำมันไม่เหมือน
00:26:28 → 00:26:30 กันอย่างตัวผมเองผมก็ไม่นั่งสมาธิ
00:26:30 → 00:26:32 >> แต่ผมสามารถทำให้มีสมาธิได้เดี๋ยวนี้ทัน
00:26:32 → 00:26:34 ทีโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปนั่งเหมือนกับคน
00:26:34 → 00:26:35 อื่นนะครับ
00:26:35 → 00:26:36 >> อหมอทำยังไงคะ
00:26:36 → 00:26:39 >> คือเวลาที่ผมทำสมาธิเนี่ยจะตอนช่วเราก็จะ
00:26:39 → 00:26:41 รู้สึกว่าอ๋อเค้าก็มาสอนให้เรานั่งแล้วก็
00:26:41 → 00:26:43 ภาวนาพุทโธหายใจเข้าหายใจออกอยู่กับลมหาย
00:26:43 → 00:26:45 ใจแค่นั้นใช่มั้ฮะแต่ของผมเวลาทำสมาธิตอน
00:26:45 → 00:26:48 เด็กๆเนี่ยเริ่มมาจากการเอาตัวเองไปไว้ใน
00:26:48 → 00:26:50 ธรรมชาติก็คือผมอาจจะยืนอยู่หน้าต้นไม้
00:26:50 → 00:26:54 ต้นนึงนะครับแล้วก็สังเกตว่าเออต้นไม้
00:26:54 → 00:26:56 เนี่ยมันเป็นต้นอะไรเปลือกมันเป็นแบบไหน
00:26:56 → 00:26:58 ใบไม้ลักษณะเป็นยังไงมีกี่ใบมันร่วงมากี่
00:26:58 → 00:27:00 ใบแล้วนะครับสีมันเปลี่ยนไปหรือเปล่ามี
00:27:00 → 00:27:02 แมลงตรงนั้นมั้ยมีเสียงเป็นยังไงบ้างลม
00:27:02 → 00:27:05 ตรงนั้นพัดมาเป็นแบบไหนพื้นผิวสัมผัสที่
00:27:05 → 00:27:08 เรายืนอยู่นั่งอยู่มันเป็นแบบไหนกลิ่นแถว
00:27:08 → 00:27:10 นั้นเป็นอย่างอะไรคือทำแบบนี้สักพักนึง
00:27:10 → 00:27:12 มันจะเหมือนกับเราอ่ะเข้าไปอยู่กับ
00:27:12 → 00:27:13 ธรรมชาติตรงนั้นตรงๆเลยแล้วมันจะทำให้เรา
00:27:13 → 00:27:15 ไม่คิดถึงเรื่องอื่นและเนี่ยคือสมาธิ
00:27:16 → 00:27:17 >> คืออยู่กับปัจจุบันขณะ
00:27:17 → 00:27:20 >> อยู่กับสิ่งที่เราอยู่จดจอกข้างหน้าสมาธิ
00:27:20 → 00:27:22 คือจริงคือการจดจ่อกับอะไรสักอย่างมากๆนะ
00:27:22 → 00:27:23 ครับ
00:27:23 → 00:27:25 >> เช่นถ้าเราพุทโธเราก็จดจ่อกับลมหายใจแต่
00:27:25 → 00:27:27 ถ้ามันทำไม่ได้ผมก็จดจ่อกับภาพเสียงกลิ่น
00:27:27 → 00:27:29 รสทุกอย่างที่มันอยู่ข้างหน้าเรา
00:27:29 → 00:27:29 >> อือฮึ
00:27:29 → 00:27:32 >> ทีเนี้ยพอทำแบบนี้มันจะมีประโยชน์อยู่ 2
00:27:32 → 00:27:34 อย่างอย่างแรกคือถ้าเราทำต่อไปเรื่อยๆมัน
00:27:34 → 00:27:36 ก็เป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่งถูกมั้ครับเรา
00:27:36 → 00:27:38 ไม่คิดเรื่องอื่นสมองเรามันปลอดโปร่งอยู่
00:27:38 → 00:27:40 แบบเนี่ยอย่างเดียวแต่อย่างที่ 2 ที่ผม
00:27:40 → 00:27:43 เอามาใช้ก็คือว่าเออชีวิตเราเนี่ยเราคง
00:27:43 → 00:27:45 นั่งสมาธิตลอดทั้งวันไม่ได้เนาะมันเสีย
00:27:45 → 00:27:47 การเสียงานหมดถูกมั้ยครับแล้วบางคน
00:27:47 → 00:27:49 บังเอิญก็เป็นแบบนั้นคือเค้าเรียกว่าติด
00:27:49 → 00:27:51 ในสมาธิมันมีความสุขผมเคยทำอยู่ช่วงนึง
00:27:51 → 00:27:53 คือมันทำจนกระทั่งเอ้ยมันมีความสุขแล้ว
00:27:53 → 00:27:55 ไม่อยากไปทำอย่างอื่นอีกแล้วอ่ะเออพ่อแม่
00:27:55 → 00:27:56 รีบไปกินข้าวไม่อยากไปอยากจะทำไปอย่าง
00:27:56 → 00:27:58 เงี้ยอยู่เรื่อยๆเพราะมันสุขแต่สุดท้ายก็
00:27:58 → 00:28:00 คิดได้ว่าแบบเฮ้ยเดี๋ยวนะคนเรามันต้องมี
00:28:00 → 00:28:01 ชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงจะมานั่ง
00:28:01 → 00:28:03 ซ้ำสมาธิตลอดเวลาไม่ได้ใช้ผมก็เลยต้องเอา
00:28:03 → 00:28:06 สมาธิที่ทำเนี่ยไปทำอะไรสักอย่างเช่นเอา
00:28:06 → 00:28:09 ไปอ่านหนังสือเอาไปออกกำลังกายเอาไปเล่น
00:28:09 → 00:28:12 ดนตรีมันจะทำให้สิ่งที่เราต้องการจะทำ
00:28:12 → 00:28:14 กิจกรรมที่เราต้องทำเนี่ยมันมี
00:28:14 → 00:28:16 ประสิทธิภาพสูงที่สุดแล้วก็จะเก่งเร็ว
00:28:16 → 00:28:17 >> อื
00:28:17 → 00:28:18 >> นะครับผมก็ทำแบบนั้นน่ะ
00:28:18 → 00:28:21 >> แต่ว่าอันนี้ก็คือแล้วแต่ว่าใครที่รู้สึก
00:28:21 → 00:28:23 ว่าทำวิธีไหนคือมันทำได้หลายวิธีมากใช่
00:28:23 → 00:28:23 มั้
00:28:23 → 00:28:25 >> ใช่ครับบางคนบอกว่าต้องนั่งสมาธิอ้าแล้ว
00:28:25 → 00:28:28 บอกว่าอ้าแล้วยืนไม่มีสมาธิเหรอหรือว่า
00:28:28 → 00:28:31 เราคือใจลอยหรือเปล่าเราเปิดประตูเราไม่
00:28:31 → 00:28:33 รู้เราเข้าห้องมาแล้วนี่คือคุณไม่มีสมาธิ
00:28:33 → 00:28:35 อยู่กับมันใช่มั้ยเนี่ยใช่มั้ยฮะคือของผม
00:28:35 → 00:28:37 เนี่ยสติมันเหมือนกับเป็นจุดอ่ะครับสมาธิ
00:28:37 → 00:28:40 เหมือนเป็นเส้นน่ะถ้าสติก็คือคุณรู้สึก
00:28:40 → 00:28:42 ว่าตอนเนี้ยมันเป็นยังไงคุณกำลังจับไมค์
00:28:42 → 00:28:44 อยู่หรือว่ากำลังพูดอะไรอยู่นะครับแต่
00:28:44 → 00:28:46 สมาธิคือการเอาจุดมาต่อๆกันจนมันเป็นเส้น
00:28:46 → 00:28:49 ยาวๆได้ต่อเนื่องแล้วคุณสามารถทำอย่าง
00:28:49 → 00:28:50 งั้นได้ต่อไป
00:28:50 → 00:28:52 >> นะครับซึ่งมันก็ดีถ้าเกิดใครบอกว่าตัวเอง
00:28:52 → 00:28:55 ไม่มีสมาธิไม่มีสติเหลือเนี่ยเอ๊ะมันมา
00:28:55 → 00:28:56 ห้องนี้ได้ยังไงเอ๊ะเมื่อเช้าเรากินอะไร
00:28:56 → 00:28:58 ไปเอ๊ะเราคุยเรื่องนี้ไปหรือยัง
00:28:58 → 00:28:59 >> อื
00:28:59 → 00:29:01 >> นะครับไอ้นี่คือแบบสติก็ไม่มีสมาธิก็ไม่
00:29:01 → 00:29:03 ตามมาด้วยแล้วมันก็เลยมีปัญหาตามมานะ
00:29:03 → 00:29:06 >> อือฮึคือถ้าฟังจากคุณหมอเหมือนเป็นการต่อ
00:29:06 → 00:29:10 ถ้าสมมุติว่าเราฝึกมีสติอยู่เรื่อยๆ
00:29:10 → 00:29:13 เรื่อยๆเรื่อๆรู้ตัวอยู่เรื่อยๆ
00:29:13 → 00:29:15 >> นั้นก็จะส่งผลให้สมาธิเราดีขึ้น
00:29:15 → 00:29:17 >> ส่วนตัวผมเชื่ออย่างงั้นนะครับแต่ว่าอาจ
00:29:17 → 00:29:20 จะไม่ถูกก็ได้เพราะว่าผมก็ไม่ได้เป็นผู้
00:29:20 → 00:29:22 เชี่ยวชาญทางด้านสติสมาธิปัญญาอะไรขนาด
00:29:22 → 00:29:24 นั้นเนื่องจากว่าเรามันเป็นวิธีที่ผมใช้
00:29:24 → 00:29:26 เองนะฮะแล้วก็รู้สึกว่าเออมันก็ได้ผล
00:29:26 → 00:29:28 สำหรับเรานี่นาแต่คนอื่นเนี่ยอาจจะต้อง
00:29:28 → 00:29:31 ปรับเข้ากับไลฟ์สไตล์ของเขานะครับอือฮึ
00:29:31 → 00:29:33 อยากได้เทคนิคในการหายใจนิดนึงค่ะคุณหมอ
00:29:33 → 00:29:36 ว่ามีวิธีการหายใจที่มันจะช่วยเหมือน
00:29:37 → 00:29:39 รีเซตการหายใจให้เราแบบรู้สึกหายใจอิ่ม
00:29:40 → 00:29:41 รู้สึกดีมีไหมคะ
00:29:41 → 00:29:44 >> ผมคิดว่าอย่างงี้ดีกว่าเวลาที่เราเครียด
00:29:44 → 00:29:46 อ่ะเราควรจะทำอะไรกับการหายใจนะครับเพราะ
00:29:46 → 00:29:49 ว่าแน่นอนว่าแต่ละกิจกรรมของเราการหายใจ
00:29:49 → 00:29:51 มันจะต้องมีความเฉพาะเจาะจงถ้าเราต้องการ
00:29:51 → 00:29:53 ทำให้มันเก่งเช่นนักกีฬาเก็ต้องหัดแบบ
00:29:53 → 00:29:54 หนึ่งนะครับ
00:29:54 → 00:29:57 >> แต่ถ้าเราต้องการจะพักผ่อนเช่นก่อนนอนเรา
00:29:57 → 00:29:59 อยากทำสมาธิเราช่วงเนี้ยสมองวรุ่นวาย
00:29:59 → 00:30:01 เนี่ยมันก็จะมีการหายใจอยู่ 2 แบบแบบนึง
00:30:01 → 00:30:04 เรียกว่า 478 อีกแบบนึงคือ Box Breeding
00:30:04 → 00:30:06 นะครับ 478 นี่หมายความว่าเราหายใจเข้า 4
00:30:06 → 00:30:09 วินาทีหรือเรานับ 1-4 แล้วเราก็กลั้นไว้ 7
00:30:09 → 00:30:13 วินาทีแล้วก็หายใจออก 8 วินาทีแล้วก็ทำ
00:30:13 → 00:30:15 อย่างเงี้ยซ้ำไปซ้ำการที่เรามีตัวเลขให้
00:30:15 → 00:30:18 นับเยอะๆเนี่ยมันจะง่ายกว่าการทำพุทโธ
00:30:18 → 00:30:22 แล้วสำหรับคนที่ไม่เคยทำการสมาธิกับการ
00:30:22 → 00:30:24 หายใจมาก่อนเนี่ยการทำแบบเนี้ยมันจะกำลัง
00:30:24 → 00:30:25 พอดี
00:30:25 → 00:30:25 >> อือฮึ
00:30:25 → 00:30:26 >> มันจะไม่เหนื่อย
00:30:26 → 00:30:27 >> ค่ะ
00:30:27 → 00:30:30 >> ซึ่งผมไม่รู้ว่าคนที่ฟังอยู่เนี่ยจะเคย
00:30:30 → 00:30:32 เจอปัญหาหรือเปล่าถ้านั่งสมาธิแบบพุทโธ
00:30:32 → 00:30:35 ใช่มั้ยหายใจเข้าลึกๆหายใจออกลึกๆสักพัก
00:30:35 → 00:30:37 นึงเนี่ยบางคนจะเวียนหัว
00:30:37 → 00:30:38 >> อื
00:30:38 → 00:30:40 >> รู้สึกแน่นหน้าอกรู้สึกมันแปลกๆละเหตุผล
00:30:40 → 00:30:42 ที่มันเป็นเช่นนั้นนะครับเป็นเพราะว่าเรา
00:30:42 → 00:30:45 หายใจเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกเยอะเกินไป
00:30:45 → 00:30:45 >> อื
00:30:46 → 00:30:48 >> แล้วเราทำเร็วเกินไปแต่คุณจะไม่มีทางรู้
00:30:48 → 00:30:49 ว่ามันเร็วเกินไปหรือไม่เร็วเกินไปเพราะ
00:30:49 → 00:30:52 ว่าปกติสิ่งที่กำหนดการหายใจของเราคือ
00:30:52 → 00:30:55 ระบบอัตโนมัติในสมองเราไม่ได้กำหนดด้วย
00:30:55 → 00:30:57 ตัวเองมันเหมือนเราใช้ออโต้มันจนชินเรา
00:30:57 → 00:30:59 เปลี่ยนมาใช้ manual ไม่ไม่เป็นแล้วอ่ะนะ
00:30:59 → 00:31:01 ครับถ้าเราจะใช้ manual ให้เป็นเราต้อง
00:31:01 → 00:31:03 ฝึกใหม่เช่นเรารู้ว่าเออนี่คือเร็วเกินไป
00:31:03 → 00:31:04 แล้วนะไม่งั้นเดี๋เราเวียนหัวเรารู้สึก
00:31:04 → 00:31:08 หัวมันเบาปลาโหวงๆนะก็ต้องลดการหายใจลงมา
00:31:08 → 00:31:10 แต่ถ้าเกิดว่าคุณหายใจแบบ 478 เนี่ยมันจะ
00:31:10 → 00:31:12 ไม่มีอาการนั้นเพราะว่ามันกำหนดมาแล้วว่า
00:31:12 → 00:31:15 หายใจประมาณเนี้ยเราเอาคาร์ดอกไซด์ออกไป
00:31:15 → 00:31:17 ได้ไม่เยอะจนเกินไปกำลังดีส่วนคนไหนที่
00:31:17 → 00:31:19 กลั้นได้ไม่ไม่ถึง 7 วินาทีไม่เป็นไรไม่
00:31:19 → 00:31:21 ต้องไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้
00:31:21 → 00:31:23 >> แบบโอได้แค่ 5 วินาทีเอง 5 วินาทก็ 5
00:31:23 → 00:31:23 วินาท
00:31:23 → 00:31:26 >> ใช่เพราะจะเห็นแบบว่ามีการแบบมาวัดสุขภาพ
00:31:26 → 00:31:28 ปอดด้วยการกั้นหายใจว่ากั้นได้ถึงตรงนี้
00:31:28 → 00:31:30 เป็นอันนี้อันนี้โอเคปกติ
00:31:30 → 00:31:32 >> อันนั้นจริงๆการกั้นหายใจไม่ได้บอกสุขภาพ
00:31:32 → 00:31:33 ปอดนะครับ
00:31:33 → 00:31:33 >> อื
00:31:33 → 00:31:36 >> คนเข้าใจผิดเยอะเลยว่าเฮ้ยคนไปว่ายน้ำ
00:31:36 → 00:31:38 ต้องปอดใหญ่หรือเปล่าคนที่กั้นหายใจได้
00:31:38 → 00:31:40 นานจะต้องปอดแข็งแรงไม่เกี่ยวอะไรกับปอด
00:31:40 → 00:31:40 นะ
00:31:40 → 00:31:42 >> ทำไมปอดดูแบบ independent อยู่เป็นอิสระ
00:31:42 → 00:31:44 ทำงานของตัวเอง
00:31:44 → 00:31:46 >> ใช่ไอ้สิ่งที่เกี่ยวข้องเนี่ยคือถ้าเรา
00:31:46 → 00:31:48 กั้นหายใจได้นานนานน่ะมันไม่ใช่เกี่ยว
00:31:48 → 00:31:51 อะไรกับปอดแต่สิ่งที่เกี่ยวข้องก็คือสมอง
00:31:51 → 00:31:54 ครับเวลาคนเราเนี่ยจะหายใจครั้งหนึ่งมัน
00:31:54 → 00:31:56 หายใจเพราะว่าคาร์บอนไดออกไซด์มันสูงขึ้น
00:31:56 → 00:31:58 ในร่างกายแล้วสมองของเราเนี่ยถ้าเราฝึก
00:31:58 → 00:32:00 มันน่ะมันจะทนคาร์บอนไดออกไซด์ได้เยอะก็
00:32:00 → 00:32:02 จะทำให้เรากล้านหายใจได้นาน
00:32:02 → 00:32:02 >> อื
00:32:02 → 00:32:05 >> นะครับไม่ใช่ปอดแข็งแรงแต่สมองเรามันแข็ง
00:32:05 → 00:32:07 แรงขึ้นต่างหากเพราะเราฝึกแล้วก็อีกอย่าง
00:32:07 → 00:32:10 นึงก็คือถ้าสมมุติว่าเราหายใจแบบกั้นหาย
00:32:10 → 00:32:12 ใจอย่างเงี้ยบางคนจะคิดว่าเฮ้ยมันเกี่ยว
00:32:12 → 00:32:15 ข้องกับออกซิเจนอะไรอย่างงี้หรือเปล่าไม่
00:32:15 → 00:32:17 คาร์บอนไดออกไซด์มีผลมากกว่าเงี้ยตรงตรงเ
00:32:17 → 00:32:19 หลายๆคนก็จะเข้าใจไม่ถูกต้องแล้วจะไม่รู้
00:32:19 → 00:32:21 ด้วยว่าเอ้ยมันเกี่ยวอะไรกับปอดอะไรเงี้ย
00:32:21 → 00:32:23 มันมันไม่เกี่ยวกันเมื่อกี้ลืมพูดไปอย่าง
00:32:23 → 00:32:25 นึงคือเรื่องของ Box Breeding นะครับ
00:32:25 → 00:32:25 >> อ่าใช่
00:32:25 → 00:32:28 >> ก็คล้ายๆ 478 แต่ว่า Box เนี่ยก็คือกล่อง
00:32:28 → 00:32:30 มันมีอยู่ 4 ด้านนะครับก็จะแปลว่าเราจะ
00:32:30 → 00:32:34 หายใจทั้งหมด 4 จังหวะที่มันเท่าๆกันเช่น
00:32:34 → 00:32:37 อ่าสมมุติว่าเราขึ้นหายใจเข้านับ 1 2 3
00:32:37 → 00:32:39 อย่างเงี้ยแล้วเราก็กั้น 1 2 3 หายใจ
00:32:39 → 00:32:42 ออก 1 2 3 กลั้น 1 2 3 แล้วก็ทำอย่าง
00:32:42 → 00:32:45 เงี้ยซ้ำไปซ้ำมาการที่เรานับเลขแบบนี้มัน
00:32:45 → 00:32:48 ก็จะทำให้เรามีสมาธิแล้วอีกอย่างนึงในตอน
00:32:48 → 00:32:51 ทำเนี่ยอยากจะให้หายใจเต็มปอดให้สุดเพื่อ
00:32:51 → 00:32:53 เปิดปอดด้านล่างให้มันได้ใช้งาน
00:32:53 → 00:32:56 >> ค่ะวันนี้ก็เชื่อว่าหลายๆคนที่ฟังอยู่น่า
00:32:56 → 00:32:59 จะได้เข้าใจอะไรใหม่ๆที่จริงๆเป็นเรื่อง
00:32:59 → 00:33:01 ที่เราเคยเข้าใจแหละแต่เข้าใจไม่ถูกต้อง
00:33:01 → 00:33:04 วันนี้ก็ได้มาทำความเข้าใจใหม่แล้วก็น่า
00:33:04 → 00:33:06 จะเอาไปปรับใช้ได้สุดท้ายเพ่าอยากถาม
00:33:06 → 00:33:08 อย่างนึงค่ะว่าเท่าที่ฟังมาทั้งหมดเนาะ
00:33:08 → 00:33:09 อ่า
00:33:09 → 00:33:11 >> อันนั่นก็ไม่มีผลกับปอดอันนี้ก็ไม่มีผล
00:33:11 → 00:33:14 กับปอดแล้วอย่างเงี้ยค่ะมันมีอะไรที่เรา
00:33:15 → 00:33:17 ควรจะคอนเซิร์นหรือว่าพิจารณาหรือว่า
00:33:17 → 00:33:22 ระวังว่าเฮ้ยไอ้แบบเนี้ยมันมีผลกับปอดนะ
00:33:22 → 00:33:22 มีมั้คะ
00:33:22 → 00:33:24 >> ส่วนใหญ่เนี่ยจะเป็นเรื่องของอะไรที่มาทำ
00:33:24 → 00:33:28 ร้ายปอดซะมากกว่าเช่นมลภาวะจากภายนอก
00:33:28 → 00:33:30 >> หรือเราไปสูดดมอะไรที่มันน่าจะมีปัญหาสาร
00:33:30 → 00:33:32 เคมีต่างๆอย่างเงี้ยเราต้องอย่าไปชินชิน
00:33:32 → 00:33:35 กับมันอย่าชินกับฝุ่น PM 2.5 อ่ามันไม่
00:33:35 → 00:33:37 ปกติเข้าไปในร่างกายมันไม่ดีแล้วอีกอย่าง
00:33:37 → 00:33:40 นึงคือพฤติกรรมที่ทำร้ายปอดเช่นบางคนมี
00:33:40 → 00:33:42 กรดไหลย้อนแล้วไม่ยอมรักษาเนี่ยบางทีมัน
00:33:42 → 00:33:45 สำรักเข้าไปในปอดนะครับหรือคนที่อายุเยอะ
00:33:45 → 00:33:47 อย่างเงี้ยแล้วเขาเคี้ยวข้าวไม่ละเอียด
00:33:47 → 00:33:50 แล้วกลืนเร็วๆหรือกลืนยาเม็ดโตมันเข้าไป
00:33:50 → 00:33:52 ในปอดเลยแล้วเนี่ยมันก็เป็นปัญหาต่อปอด
00:33:52 → 00:33:55 ได้สำหรับคนที่อยากจะฝึกลมหายใจเนี่ยจริง
00:33:55 → 00:33:57 ๆมันฝึกแล้วมันก็ไม่ได้ทำให้ปอดมันแข็ง
00:33:57 → 00:34:00 แรงขึ้นขนาดนั้นนะแต่ว่ามันจะช่วยทำให้
00:34:00 → 00:34:02 ระบบของจิตใจของเราเนี่ยมันนิ่งขึ้นอ
00:34:02 → 00:34:06 >> นิดนึงค่ะนิดนึงนิดนึงคือเราก็มักจะมีการ
00:34:06 → 00:34:08 บอกว่าการหายใจที่ถูกต้องท้องต้องพอง
00:34:08 → 00:34:08 >> อื
00:34:08 → 00:34:11 >> แต่บางคนก็จะเป็นหน้าอกจะขยาย
00:34:11 → 00:34:12 >> อ๋อ
00:34:12 → 00:34:13 >> อ่าจริงๆ
00:34:13 → 00:34:14 >> ออไม่เป็นไร
00:34:14 → 00:34:16 >> มันไม่เป็นอะไรเลยนะครับเพราะว่าสิ่งที่
00:34:16 → 00:34:19 เกิดขึ้นก็คือถ้าเราหายใจเต็มที่เนี่ยข้อ
00:34:19 → 00:34:21 แรกนะครับกระบางลมมันจะดันลงไปข้างล่าง
00:34:21 → 00:34:23 เพราะมันอาจจะปองขึ้นแต่ว่าทรวงอกเราก็จะ
00:34:23 → 00:34:25 ยกขึ้นด้วยเพราะว่ากล้ามเนื้อระหว่างตรง
00:34:25 → 00:34:27 เนี้ยมันจะใช้งานมันจะมันจะดึงหน้าอกเรา
00:34:27 → 00:34:29 ขึ้นมาอย่างี้โดยปริยาอยู่แล้วอย่างเช่น
00:34:29 → 00:34:32 ถ้าผมทำเงี้ย
00:34:32 → 00:34:32 >> อื
00:34:32 → 00:34:34 >> ผมมันป่องขึ้นมาอยู่แล้วแล้วก็กำลังลงดัน
00:34:34 → 00:34:36 ข้างล่างท้องก็จะป่องออกมาได้เป็นธรรมดา
00:34:36 → 00:34:38 ท้องมันมันจะไม่หยุบนะครับ
00:34:38 → 00:34:40 >> ไม่บางคนไปแบบอุ๊ยท้องฉันพองแล้วหน้าอก
00:34:40 → 00:34:42 ไม่ได้หน้าอกขึ้นไม่ได้อย่างงี้ก็คือมัน
00:34:42 → 00:34:43 ไม่เป็นอะไรเอาแค่ว่าเรารู้สึก
00:34:43 → 00:34:47 >> มันไม่เป็นอะไรใช่เราไม่ต้องไปเข้มงวดกับ
00:34:47 → 00:34:49 ตัวเองขนาดนั้นก็ได้บางทีเราไปติดที่วิธี
00:34:49 → 00:34:53 การมากจนเกินไปแล้วเราไม่เข้าใจว่า
00:34:53 → 00:34:54 วัตถุประสงค์ของการทำแบบนั้นมันคืออะไร
00:34:54 → 00:34:57 กันแน่ถ้าเราเข้าใจวัตถุประสงค์เราก็จะ
00:34:57 → 00:34:59 ไม่หลงไปในสิ่งที่คนอื่นเขาพูดเอ้ยมันอาจ
00:34:59 → 00:35:02 จะไม่ถูกต้องนะแต่รวมๆแล้วทุกคนน่ะหวังดี
00:35:02 → 00:35:04 ที่จะให้อยากอยากให้ทุกคนที่มาฟังเนี่ย
00:35:04 → 00:35:06 สุขภาพดีขึ้นเพียงแต่ว่าถ้าเราอยากให้ถูก
00:35:06 → 00:35:08 ต้องเป๊ะๆเนี่ยเราต้องเข้าใจวัตถุประสงค์
00:35:08 → 00:35:09 ของการทำแบบนั้นซะก่อน
00:35:09 → 00:35:12 >> ค่ะว่าเราหายใจเข้าก็เพื่อให้ปอดเราได้
00:35:12 → 00:35:13 รับอากาศมากขึ้น
00:35:13 → 00:35:14 >> อ่าให้มันขยาย
00:35:14 → 00:35:15 >> อ่าเท่านั้น
00:35:15 → 00:35:16 >> ประมาณนั้นเลย
00:35:16 → 00:35:18 >> โอเคค่ะวันนี้ได้คุยกับคุณหมอแล้วก็ได้
00:35:18 → 00:35:20 เข้าใจหลายๆอย่างมากขึ้นอย่างที่บอกไป
00:35:20 → 00:35:23 เนาะแล้วก็ตอนท้ายเมื่อกี้คุณหมอมีเกริ่น
00:35:23 → 00:35:26 ๆมาในเรื่องของการสูดสารพิษสูตรกลิ่นต่าง
00:35:26 → 00:35:29 ๆซึ่งเดี๋ยวเราจะคุยกันใน EP ต่อไป
00:35:29 → 00:35:31 >> ค่ะอยากให้ทุกคนนะคะรอติดตาม EP ต่อไปของ
00:35:31 → 00:35:34 เราด้วยนะคะสำหรับคลิปดีนะคะถ้าชอบตรงไหน
00:35:34 → 00:35:36 นะคะฝากคอมเมนต์บอกเราด้วยนะคะหรือว่าใคร
00:35:36 → 00:35:39 มีคำถามอะไรนะคะก็คอมเมนต์เอาไว้ได้นะคะ
00:35:39 → 00:35:41 อย่าลืมกดไลค์แล้วก็กดแชร์คลิปนี้ไปให้คน
00:35:41 → 00:35:44 ที่คุณรักด้วยนะคะถ้าใครอยากติดตามคุณหมอ
00:35:44 → 00:35:46 เนี่ยสามารถติดตามได้ที่ไหนบ้างคะ
00:35:46 → 00:35:48 >> ก็ผมก็มี YouTube ชื่อดร.นี่ครับทางนั้น
00:35:48 → 00:35:51 เป็นทางหลักของผมที่จะตอบคำถามทุกอย่าง
00:35:51 → 00:35:52 ด้วยตัวเองนะครับแล้วก็เหมือนเป็นห้อง
00:35:52 → 00:35:55 สมุดทางด้านสุขภาพถ้าใครสงสัยเรื่องอะไร
00:35:55 → 00:35:57 ก็ลองค้นดูก่อนนะครับในนั้นส่วนใหญ่จะมี
00:35:57 → 00:35:58 ทำไว้หมดแล้วนะครับ
00:35:58 → 00:36:01 >> ใช่ค่ะมีหมดแล้วจริงๆแล้ว
00:36:01 → 00:36:03 >> และยังมีมาเรื่อยๆทุกวัน
00:36:03 → 00:36:03 >> ใช่
00:36:03 → 00:36:05 >> ขอแค่ดูให้ทันก็พอ
00:36:05 → 00:36:06 >> ครับผม
00:36:06 → 00:36:09 >> ค่ะอ่าวันนี้ค่ะทางเราก็มีหมวกมามอบให้
00:36:09 → 00:36:10 คุณหมอเพราะเรา
00:36:10 → 00:36:13 >> ค่ะเราพูดถึงปอดถึงสมองกันด้วยเนาะอ่ะอัน
00:36:13 → 00:36:15 นี้ก็เอาไปใส่ค่ะด้านในนะคะคุณหมอขอ
00:36:15 → 00:36:16 อนุญาต
00:36:16 → 00:36:19 >> มีสีดำด้วยค่ะสามารถใส่ได้ 2 ด้าน
00:36:19 → 00:36:22 >> ใช่อันนี้มอบให้คุณหมอไว้ไปใส่เท่ๆได้เลย
00:36:22 → 00:36:23 >> ได้เลยครับเดี๋ใส่ตรงนี้แหละ
00:36:23 → 00:36:26 >> เอ้อขอบคุณค่ะใครอยากได้หมวกเท่ๆแบบนี้นะ
00:36:26 → 00:36:28 คะสามารถสั่งซื้อได้ที่ใต้ description
00:36:28 → 00:36:29 นี้เลยนะคะทางเกลายังมีเสื้อแล้วก็
00:36:29 → 00:36:32 กระเป๋าผ้าเกลาด้วยนะคะเร็วๆนี้มีหนังสือ
00:36:32 → 00:36:34 ด้วยฝากติดตามด้วยนะคะก็ขอบคุณมากนะคะคุณ
00:36:35 → 00:36:36 หมอเดี๋เจอกัน EP ต่อไปค่ะ
00:36:36 → 00:36:37 >> ได้เลยครับผม
00:36:37 → 00:36:37 >> ขอบคุณค่ะ
00:36:37 → 00:36:40 >> ครับสวัสดีครับ
00:36:40 → 00:36:59 [เพลง]