00:00:00 → 00:00:00 [เพลง]
00:00:00 → 00:00:03 ผลกระทบของน้ำตาลเนี่ยทำให้เกิดการอักเสบ
00:00:03 → 00:00:05 เรื้อรังภูมิคุ้มกันของเราก็ทำงานได้ไม่
00:00:05 → 00:00:08 ดีนะครับมีการศึกษาวิจัยว่าหลังจากเราได้
00:00:08 → 00:00:10 รับน้ำตาลในปริมาณสูงๆเข้าไปเนี่ยมันทำ
00:00:10 → 00:00:12 ให้เม็ดเลือดขาวเนี่ยครับที่ทำหน้าที่จับ
00:00:12 → 00:00:15 กินเชื้อโรคเนี่ยประสิทธิภาพลดลงถึง 50%
00:00:15 → 00:00:17 ภายใน 1-2 ช่มง
00:00:17 → 00:00:19 >> โอในห้องครัวของเราเนี่ยแหละครับเป็น
00:00:19 → 00:00:23 แหล่งภัยเงียบแฝงเลยผลิตเจ้า PM 2.5 5
00:00:23 → 00:00:25 จากการเผาไหม้ที่เราต้องผัดแกงทอดของเรา
00:00:25 → 00:00:27 นี่แหละครับเหรอฮะ
00:00:27 → 00:00:30 >> นอนดึกพักผ่อนน้อยโกสฮอร์โมนหลั่งได้ไม่
00:00:30 → 00:00:33 เต็มที่ไม่ได้ฟื้นฟูเซลล์ต่างๆเซลล์ของ
00:00:33 → 00:00:35 เราก็เสื่อมไปมันเสื่อมมันแก่ปุ๊บแต่มัน
00:00:35 → 00:00:39 ไม่ตายสิมันก็จะเกิดซอมบี้เซลล์ครับแล้ว
00:00:39 → 00:00:42 วันดีคืนร้ายขึ้นมาเนี่ยมันก่อให้เกิดการ
00:00:42 → 00:00:44 อักเสบเยอะขึ้นแล้วไปเหนี่ยวนำทำให้เกิด
00:00:44 → 00:00:47 โรคเรื้อรังเป็นเบาหวานเป็นหัวใจเป็น
00:00:47 → 00:00:48 มะเร็ง
00:00:48 → 00:00:50 >> เท่าที่ฟังดูมันหลีกยาก
00:00:50 → 00:00:52 >> ถูกต้องครับ
00:00:52 → 00:00:53 >> เราจะช่วยร่างกายเราได้ยังไงบ้าง
00:00:53 → 00:00:57 >> อาหารครับที่มีฤทธิ์ต้านอักเสบได้ดีแล้ว
00:00:57 → 00:01:00 เป็นที่ฮิตฮอตpoปูล่ามากคือสารที่ชื่อว่า
00:01:00 → 00:01:02 ออเหรอ
00:01:02 → 00:01:05 >> รู้ทันภัยเงียบจากการอักเสบเรื้อรังต้นตอ
00:01:05 → 00:01:07 ที่ทำให้ร่างกายค่อยๆพังกับผู้ช่วย
00:01:07 → 00:01:10 ศาสตราจารย์ดร.เอกราชผู้เชี่ยวชาญด้าน
00:01:10 → 00:01:13 โภชนาการชะลอวัยสุขภาพดีเริ่มได้แค่รู้
00:01:13 → 00:01:16 ให้ทัน
00:01:16 → 00:01:19 ก่อนจะไปชมคลิปนี้พี่ตั๊กมี 1 คำถามที่
00:01:19 → 00:01:22 อยากจะให้ทุกคนถามตัวเองว่าคุณรู้จักร่าง
00:01:22 → 00:01:26 กายและใจของตัวเองดีมากน้อยแค่ไหนถ้าคำ
00:01:26 → 00:01:30 ตอบคือไม่แน่ใจ Life Expo 2025 คือ
00:01:30 → 00:01:33 โอกาสที่คุณจะได้สำรวจตัวเองทั้งในเรื่อง
00:01:33 → 00:01:37 ของสุขภาพกายและสุขภาพจิตและการสร้างแรง
00:01:37 → 00:01:40 บันดาลใจให้กับชีวิตของคุณในเวอร์ชั่นที่
00:01:40 → 00:01:43 ดีกว่าเดิม 15-16 พฤศจิกายนนี้เรามาเจอ
00:01:44 → 00:01:48 กันที่ UOB Life MS Life Expo 2025
00:01:48 → 00:01:51 อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของคำตอบมาค้นหาตัว
00:01:51 → 00:01:55 คุณที่ดีกว่าเดิมด้วยกันค่ะคำ Explore
00:01:55 → 00:01:58 the better you
00:01:58 → 00:02:03 [เพลง]
00:02:03 → 00:02:05 ถ้าพูดถึงเรื่องของการอักเสบเนี่ยหลายคน
00:02:05 → 00:02:09 ก็บอกอักเสบอ้าร่างกายมันบวมมันปูดมันโป
00:02:09 → 00:02:12 มันแดงมันมีหนองอันนี้เขาเรียกว่าอักเสบ
00:02:12 → 00:02:14 จริงๆแล้วเขาบอกว่าการอักเสบไม่ใช่แค่
00:02:14 → 00:02:16 สิ่งที่เรามองเห็นมันอาจจะเกิดจากการ
00:02:16 → 00:02:20 อักเสบจากภายในก็ได้อาจารย์ช่วยบอกหน่อย
00:02:20 → 00:02:22 อธิบายให้ฟังหน่อยว่าการอักเสบในร่างกาย
00:02:22 → 00:02:24 มันมีกี่ประเภทแล้วมันแตกต่างกันยังไง
00:02:24 → 00:02:26 >> ครับผมก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่าในทาง
00:02:26 → 00:02:29 การแพทย์เนี่ยการอักเสบเนี่ยจะมีอยู่ 2
00:02:29 → 00:02:32 รูปแบบด้วยกันนะครับอักเสบแบบแรกก็คือ
00:02:32 → 00:02:36 อักเสบแบบเฉียบพันนะแบบที่เราเห็นแผลฝี
00:02:36 → 00:02:39 หนองพุพองบวมแดงอ่าปรากฏขึ้นมาให้เราเห็น
00:02:39 → 00:02:42 และนะครับซึ่งอักเสบแบบเนี้ยเป็นกลไกตาม
00:02:43 → 00:02:45 ธรรมชาติของร่างกายมันเป็นสิ่งจำเป็นและ
00:02:45 → 00:02:47 สำคัญนะครับเพราะเวลาเรามีการบาดเจ็บหรือ
00:02:47 → 00:02:51 ติดเชื้อนะครับมันจะส่งสัญญาณและให้หลั่ง
00:02:51 → 00:02:53 สารอักเสบออกมาเพื่อเรียกเม็ดเลือดขาวมา
00:02:53 → 00:02:56 จับกินเชื้อโรคและซ่อมแซมบาดแผลนะหรือการ
00:02:56 → 00:02:59 ติดเชื้อนั้นๆเนี่ยให้มันหายไปแล้วมัน
00:02:59 → 00:03:01 เป็นกระบวนการตามธรรมชาติของร่างกายที่มี
00:03:01 → 00:03:04 ความจำเป็นในการอักเสบแบบเฉียบพันธุส่วน
00:03:04 → 00:03:07 อักเสบแบบที่ 2 เราเรียกว่าอักเสบเรื้อ
00:03:07 → 00:03:08 รังครับ
00:03:08 → 00:03:08 >> เรื้อรัง
00:03:08 → 00:03:11 >> อ่าอันเนี้ยเป็นการอักเสบที่ถือว่าเป็น
00:03:11 → 00:03:12 ภัยเงียบแฝง
00:03:12 → 00:03:13 >> ไม่แสดงอาการ
00:03:13 → 00:03:17 >> ไม่แสดงอาการเหมือนไฟไหม้บ้านค่อยๆรามไป
00:03:17 → 00:03:18 อยู่ในร่างกายของเรา
00:03:18 → 00:03:19 >> ปลวกกินบ้าน
00:03:19 → 00:03:22 >> ใช่ครับพอรู้อีกทีนึงอ้าวบ้านพังแล้วเกิด
00:03:22 → 00:03:25 โรคเรื้อรังต่างๆตามมาแล้วเพราะไอ้เจ้า
00:03:25 → 00:03:28 การอักเสบเรื้อรังเนี่ยนะครับมันเกิดขึ้น
00:03:28 → 00:03:30 จากพฤติกรรมของเรานี่แหละครับไลฟ์สไตล์
00:03:30 → 00:03:31 ของเรา
00:03:31 → 00:03:32 >> การกินเกี่ยวมั้ย
00:03:32 → 00:03:35 >> เกี่ยวข้องโดยตรงเลยครับอาหารแปรรูป
00:03:35 → 00:03:38 possess food แปรรูปขั้นสูงขั้นสุดก่อ
00:03:38 → 00:03:40 ให้เกิดการอักเสบนะก็คือ
00:03:40 → 00:03:42 >> ขั้นสุดเลยครับพอแปรรูปเนี่ยมันมี 4
00:03:42 → 00:03:45 ระดับไอ้ขั้นสุดเลยเนี่ยคือโอ้โหมันผ่าน
00:03:45 → 00:03:48 กระบวนการเยอะแยะมากมายเลยเพราะมันมีสาร
00:03:48 → 00:03:50 กันบูดกันเสียโดยเฉพาะในกลุ่มไนเตรต
00:03:50 → 00:03:53 ไนไตรท์ซึ่งเวลาร่างกายได้รับเข้าไปผ่าน
00:03:53 → 00:03:56 ระบบย่อยนะกรดที่กระเพาะมันจะเปลี่ยนเป็น
00:03:56 → 00:04:00 สารไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งครับ
00:04:00 → 00:04:02 แล้วเ้ามีการศึกษาวิจัยนะครับว่ากินพวก
00:04:02 → 00:04:05 Ultra Pate Food เนื้อสัตว์แปรรูป
00:04:05 → 00:04:07 เนื้อแดงแปรแปรรูปเนี่ยแค่อาทิตย์เดียวนะ
00:04:07 → 00:04:10 ครับกินทุกวันนะพี่ตั๊กสามารถที่จะเพิ่ม
00:04:10 → 00:04:13 สารอักเสบในเลือดเพิ่มขึ้นเลยพวกไซโตไคด
00:04:13 → 00:04:14 เพิ่มสูงขึ้น
00:04:14 → 00:04:18 >> พวกคุณเชียงหมูหยองนี่เล่นการอักเสบมถือ
00:04:18 → 00:04:20 ว่าเป็น Ultra Pet Food ครับเอ่อเนื้อ
00:04:20 → 00:04:24 สัตว์แปรรูปไส้กรอกแคมเบคอนแล้วก็จะมีใน
00:04:24 → 00:04:27 กลุ่มของพวกขนมขบเคี้ยวครับ
00:04:27 → 00:04:30 >> อ่าพวกนี้ก็แปรรูปขั้นสุดคุกกี้
00:04:30 → 00:04:34 เบอร์เกอรรี่โดนัทน้ำหวานน้ำอัดลมชานมไข่
00:04:34 → 00:04:37 มุกโอ้พวกนี้แปรรูปขั้นสุดหมดเลย
00:04:37 → 00:04:38 >> ทานไม่ได้สักอย่างเลย
00:04:38 → 00:04:41 >> อ่าทันได้ครับแต่ปริมาณที่รับประทานควร
00:04:41 → 00:04:43 กินแต่น้อยแล้วเรารู้แล้วมื้อนั้นที่เรา
00:04:43 → 00:04:46 กินอาหารแปรรูปเหล่าเนี้ยเราก็ต้องกินพืช
00:04:46 → 00:04:49 ผักแล้วก็วิตามินซีที่สูงเพราะมันจะไป
00:04:49 → 00:04:51 ช่วยยับยั้งการเปลี่ยนไนเตรตไนไตรท์ให้
00:04:51 → 00:04:53 เป็นไนโตรซามีนที่เป็นสารก่อมะเร็ง
00:04:54 → 00:04:54 >> อแก้ได้
00:04:55 → 00:04:55 >> ถูกต้อง
00:04:55 → 00:04:58 >> หรือว่ากินน้ำกินอะไรเข้าไปช่วยมันให้มัน
00:04:58 → 00:04:58 ล้างไป
00:04:58 → 00:05:01 >> อในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายของเรา
00:05:01 → 00:05:03 อันเนี้ยมันช่วยได้เพราะไม่งั้นเนี่ยไอ้
00:05:03 → 00:05:06 พวกอัลต้าพอฟูที่เขามาพูดกันเยอะๆเนี่ย
00:05:06 → 00:05:09 เพราะมันเกี่ยวข้องกับ longivity การมี
00:05:09 → 00:05:12 อายุที่ยืนยาวเพราะเพบว่าคนที่ชอบกิน
00:05:12 → 00:05:14 อาหารแปรรูปเซen
00:05:14 → 00:05:16 อาหารแช่แค้งอะไรพวกเย่
00:05:16 → 00:05:20 >> ใช่ครับผมเพราะว่าพวกนี้จะมีวิตามินแร่
00:05:20 → 00:05:22 ธาตุสารต้านอนุมอิสระใยอาหารต่ำแล้วก็จะ
00:05:22 → 00:05:26 มีสารสังเคราะห์ต่างๆสารกันบูดกันเสีย
00:05:26 → 00:05:29 เนี่ยสูงมันมีการศึกษาวิจัยนะครับพี่ตัก
00:05:29 → 00:05:31 ว่ากินเหล่าเนี้ยเป็นประจำ
00:05:31 → 00:05:34 >> จะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน
00:05:34 → 00:05:36 เนี่ยมากกว่า 50%
00:05:36 → 00:05:37 >> กินเป็นประจำ
00:05:37 → 00:05:39 >> ถูกต้องครับคือทุกวันอ่าบางคนแบบ
00:05:39 → 00:05:42 ไลฟ์สไตล์เร่งรีบฉันไปกินอาหารแช่แข็ง
00:05:42 → 00:05:44 อาหารแปรรูป
00:05:44 → 00:05:46 >> ที่เ้าแช่แข็งมาแล้วเรามาอุ่นไมโครเวฟ
00:05:46 → 00:05:47 >> ถูกต้องเลยครับผม
00:05:47 → 00:05:50 >> แล้วเออพอพอพูดถึงเนี่ยนะอย่างเช่นที่
00:05:50 → 00:05:52 เขา้าเอามาทำเป็นสมูทตี้พวกเบอร์รี่ที่
00:05:52 → 00:05:55 มันพวกนี้รวมอยู่ในนี้มั้
00:05:55 → 00:05:57 >> อันนี้โอเคครับเพราะมันคือเป็นอาหารที่สด
00:05:57 → 00:05:59 ไม่ได้แบบแปรรูป
00:05:59 → 00:06:01 >> เหมือนเขา้าเป็นการถนอมอาหารรูปแบบนึงใน
00:06:02 → 00:06:03 พวกพืช
00:06:03 → 00:06:04 >> พืชผักผลไม้
00:06:04 → 00:06:04 >> อ่าอ่า
00:06:04 → 00:06:07 >> อ่าที่จะเอามาเป็นสมูตี้ถ้าในกรณีที่มัน
00:06:07 → 00:06:11 เอามาปั่นแล้วเรากินทั้งใยอาหารนึกออกใช่
00:06:11 → 00:06:14 มั้ครับเป็นเหมือนโฟดนะคือใยอาหมใยอาหาร
00:06:14 → 00:06:17 เรากินหมดเลยเราจะได้พวกแอนตี้ออกซิดนพวก
00:06:17 → 00:06:21 วิตามินแร่ธาตุสารไฟโตคมิคอลพฤกษ์เคมี
00:06:21 → 00:06:23 เนี่ยได้ครบถ้วน
00:06:23 → 00:06:24 >> แล้วอย่างพวกเนื้อสัตว์แช่แข็งแหมบางที
00:06:25 → 00:06:27 บินตรงมาจากต่างประเทศน่ากินมากเลยเป็น
00:06:27 → 00:06:30 แพ็คๆหรือจะเป็นพวกแซลมอนหรืออะไรต่างๆ
00:06:30 → 00:06:30 >> อือฮึ
00:06:30 → 00:06:31 >> เป็นไงอาจารย์
00:06:31 → 00:06:34 >> อ่าจริงๆแล้วเนี่ยมันเป็นวิธีการถนอม
00:06:34 → 00:06:35 อาหารอย่างนึง
00:06:35 → 00:06:35 >> ค่ะ
00:06:35 → 00:06:37 >> มันยังไม่ได้ถูกแปรรูปพี่ตั๊กต้องบอก
00:06:37 → 00:06:39 อย่างนี้ก่อนเพราะถ้ามันแปรรูปไปแล้ว
00:06:39 → 00:06:42 เนี่ยคือมันเอาไปปุมประกอบและต้องใส่สาร
00:06:42 → 00:06:45 กันเสียกันบูดต่างๆสีสังเคราะห์เติมแต่ง
00:06:45 → 00:06:48 ต่างๆนะครับไอ้พวกเนี้ยจริงๆแล้วเนี่ยถาม
00:06:48 → 00:06:50 ว่าโอเคมั้ยมันก็ยังพอโอเคอยู่แต่มันไม่
00:06:50 → 00:06:53 เหมือนกับที่เราซื้อสดๆเลยถูกต้องครับผม
00:06:53 → 00:06:57 จะโอเคน้อยกว่าที่เราซื้อสดนะครับอ่าแล้ว
00:06:57 → 00:07:00 มันขึ้นอยู่กับว่าต้นทางที่เราเอามาเนี่ย
00:07:00 → 00:07:03 นะบางทีเราก็ต้องดูเนื้อสัตว์บางทีอาจจะ
00:07:03 → 00:07:06 แบบเฮ้ยเลี้ยงด้วยยาปฏิชีวนะมยการปน
00:07:06 → 00:07:09 เปื้อนสารเร่งเนื้อแดงสารตกค้างต่างๆนะใน
00:07:10 → 00:07:12 การที่จะใช้ปนเปื้อนที่มีความเป็นพิษกับ
00:07:12 → 00:07:14 ร่างกายอันเนี้ยคือสิ่งที่ต้องพึงระวัง
00:07:14 → 00:07:16 ฉะนั้นแล้วส่วนใหญ่อาจารย์แนะนำครับว่า
00:07:16 → 00:07:17 ให้ซื้อสด
00:07:18 → 00:07:18 >> ซื้อสด
00:07:18 → 00:07:21 >> เนื้อสัตว์ต่างๆซื้อให้สดแล้วซื้อมันวนไป
00:07:21 → 00:07:23 หลายเจ้าแม้กระทั่งไม่ใช่เนื้อสัตว์นะ
00:07:23 → 00:07:26 ครับพี่ตั๊ผักนอกจากการกระจายรายได้ให้
00:07:26 → 00:07:29 กับชุมชนแม่ค้าหลายหลายเจ้าแล้วเนี่ยเรา
00:07:29 → 00:07:31 ยังกระจายความเสี่ยง
00:07:31 → 00:07:31 >> ออ
00:07:31 → 00:07:34 >> ของสารพิษตกค้างที่อยู่ในแต่ละวัตถุดิบ
00:07:34 → 00:07:34 อาหาร
00:07:35 → 00:07:37 >> ไม่ให้ซ้ำเจ้าเดิมบางทีรักเจ้านี้มากก็
00:07:37 → 00:07:39 ไม่จำเป็นต้องซื้อเจ้าเดิม
00:07:39 → 00:07:40 >> ถูกต้องใช่วนกันไปให้มันหลากหลายแม้
00:07:40 → 00:07:43 กระทั่งเมนูเดียวกันเรายังต้องหลากหลาย
00:07:43 → 00:07:45 แหล่งที่มาเลย
00:07:45 → 00:07:48 >> น้ำตาลที่เรากินเข้าไปเยอะๆน้ำตาลสูงครับ
00:07:48 → 00:07:49 ก่อให้เกิดการอักเสบตัว
00:07:49 → 00:07:51 >> ไหนแต่เราพูดเรื่องนี้กันมามากนะแต่ทุก
00:07:51 → 00:07:53 สิ่งนี่มันมีน้ำตาลทั้งนั้นเลยอาจารย์
00:07:53 → 00:07:54 >> ใช่ครับ
00:07:54 → 00:07:55 >> เราจะหลีกเลี่ยงมันไง
00:07:55 → 00:07:56 >> น้ำตาลแฝง
00:07:56 → 00:07:58 >> อ่าน้ำตาลแฝงอ่ะอาจารย์ว่ามาที่มาอาจารย์
00:07:58 → 00:08:01 ต้องบอกก่อนว่าปกติแล้วเนี่ยเรามีโควต้า
00:08:01 → 00:08:03 เนาะในการที่จะกินจริงๆแล้วเราไม่กินเลย
00:08:03 → 00:08:05 ก็ได้นะครับอ่าน้ำตาลเนี่ย
00:08:05 → 00:08:08 >> ไม่กินคือคำว่าไม่กินเลยพี่พี่ลองเช็คดู
00:08:08 → 00:08:11 นะไม่กินเลยเราต้องทำอาหารกินเองนะ
00:08:11 → 00:08:13 >> โคต้าที่ว่าเอาเ้าให้เท่าไหร่
00:08:13 → 00:08:16 >> 24 กรัมหรือ 6 ช้อนชา
00:08:16 → 00:08:19 >> ประมาณ 6 ช้อนชาช้อนกาแฟต่อวัน
00:08:19 → 00:08:22 >> แต่ถ้าสมมุติวันนั้นเราทานผลไม้อย่างเช่น
00:08:22 → 00:08:25 แอปเปิ้ลหรือกล้วยมันก็มีน้ำตาลมันจะถูก
00:08:25 → 00:08:27 แบ่งไปจากไอ้ 6 ช้อนนี่มั้ย
00:08:27 → 00:08:30 >> อ่าจริงๆแล้วเนี่ยเราต้องดูว่าไอ้ส่วน
00:08:30 → 00:08:33 เนี้ยมันคือน้ำตาลแฝงที่มันมาที่อยู่ใน
00:08:33 → 00:08:35 อาหารต่างๆโดยเฉพาะอาหารแปรรูป
00:08:35 → 00:08:35 >> ค่ะ
00:08:35 → 00:08:38 >> อ่าในอาหารแปรรูปนี่แหละเอ่อที่เราเห็น
00:08:38 → 00:08:41 ฉลากโภชนาการน่ะครับผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ
00:08:41 → 00:08:45 >> อันนี้แหละครับที่เรามักที่จะได้รับแฝงมา
00:08:45 → 00:08:46 อยู่สูงมาก
00:08:46 → 00:08:48 >> แฝงมาต้องไปนับรวมใน 6 ช้อนมั้ย
00:08:48 → 00:08:49 >> นับครับ
00:08:49 → 00:08:49 >> นั่นไง
00:08:49 → 00:08:52 >> ในฉลากโภชนาการหรือสิ่งที่เราแอดเข้าไป
00:08:52 → 00:08:54 บางคนกินใหญ่แล้วไปเติมวันนี้ฉันเพิ่ง
00:08:54 → 00:08:57 เติมใส่กาแฟไป 4 เองเติมให้ครบ 6 อันนี้
00:08:57 → 00:08:57 ไม่ใช่นะ
00:08:57 → 00:09:01 >> ออไม่ครับยิ่งน้อยยิ่งดีครับเพราะผลกระทบ
00:09:01 → 00:09:03 ของน้ำตาลเนี่ยทำให้เกิดการอักเสบเรื้อ
00:09:03 → 00:09:06 รังนะครับแม้กระทั่งภูมิคุ้มกันของเราก็
00:09:06 → 00:09:08 ทำงานได้ไม่ดีนะครับมีการศึกษาวิจัยว่า
00:09:08 → 00:09:10 หลังจากเราได้รับน้ำตาลในปริมาณสูงๆเข้า
00:09:10 → 00:09:13 ไปเนี่ยมันทำให้เม็ดเลือดขาวเนี่ยครับที่
00:09:13 → 00:09:15 ทำหน้าที่จับกินเชื้อโรคเนี่ยประสิทธิภาพ
00:09:15 → 00:09:16 ลดลงถึง 50%
00:09:16 → 00:09:17 >> 50 เลยเหรอ
00:09:17 → 00:09:19 >> ภายใน 1-2 ช่มง
00:09:19 → 00:09:21 >> โออองั้นอย่าไปยุ่งกับน้ำตาล
00:09:21 → 00:09:25 >> น้ำตาลพยายามหัดอ่อนหวานกินน้ำตาลแต่น้อย
00:09:25 → 00:09:27 >> ทุกวันนี้เพื่อสุขภาพที่ดีภูมิคุ้มกันที่
00:09:27 → 00:09:30 ดีไม่งั้นเนี่ยน้ำตาลในเลือดสูงภูมิคุ้ม
00:09:30 → 00:09:31 กันมันก็ทำงานได้ไม่
00:09:31 → 00:09:34 อันนี้ล่ะน้ำผึ้งล่ะบางคนบอกว่าเออน้ำ
00:09:34 → 00:09:38 ผึ้งดีเขาว่านะช่วยลดกันอักเสบเสริมภูมิ
00:09:38 → 00:09:39 คุ้มกัน
00:09:39 → 00:09:42 >> แต่มันเป็นน้ำตาลแล้วเราจะรู้ได้ไงอันนี้
00:09:42 → 00:09:44 น้ำผึ้งแท้น้ำผึ้งเทียมอ่าอันนี้อาจารย์
00:09:44 → 00:09:45 ยีหน่อยที่น้ำผึ้ง
00:09:45 → 00:09:47 >> อ่าน้ำผึ้งใช่มั้ยครับว่ากินได้มั้จริงๆ
00:09:47 → 00:09:50 แล้วเนี่ยสามารถรับประทานได้แต่ต้องใน
00:09:50 → 00:09:52 ปริมาณที่เหมาะสมครับถามว่ามันมีฤทธิ์
00:09:52 → 00:09:54 มั้ยในการที่จะเสริมภูมิคุ้มกันหรือต้าน
00:09:54 → 00:09:56 อักเสบน้ำผึ้งเนี่ยมีการศึกษาวิจัยทาง
00:09:56 → 00:09:59 คลินิกเลยครับว่ามันสามารถที่จะช่วยต้าน
00:09:59 → 00:10:02 การอักเสบได้แล้วก็เสริมภูมิคุ้มกันได้
00:10:02 → 00:10:07 แต่ปริมาณนะครับของน้ำตาลฟุกโต๊สที่อยู่
00:10:07 → 00:10:09 ในน้ำผึ้งเนี่ยสูงครับ
00:10:09 → 00:10:13 >> งั้นแสดงว่าเราต้องดูที่ที่สฉลากเค้าว่า
00:10:13 → 00:10:15 มันมีฟรุกโตสอะไรยังไงแล้วน้ำผึ้ง
00:10:15 → 00:10:17 ธรรมชาติล่ะมันมีพวกฟรุกโตสมั้พวกนี้
00:10:17 → 00:10:19 >> น้ำผึ้งธรรมชาติดีที่สุดดีกว่าน้ำผึ้งที่
00:10:19 → 00:10:23 ไปผ่านกระบวนการต่างๆหรือบางทีเติมสารให้
00:10:23 → 00:10:26 ความหวานเติมน้ำตาลเข้าไปอีกเราก็ต้อง
00:10:26 → 00:10:28 พยายามสังเกตว่าเอ้ยน้ำผึ้งแท้มาจาก
00:10:28 → 00:10:31 ธรรมชาติแต่เราต้องระวังไม่ให้ธรรมชาติลง
00:10:31 → 00:10:34 โทษครับพี่ตั๊กเพราะถ้ากินเยอะธรรมชาติลง
00:10:34 → 00:10:38 โทษเราเลยนะวันนึงเนี่ย 1-2 ช้อนชาช้อน
00:10:38 → 00:10:41 กาแฟพอแล้วครับเพราะไม่งั้นเนี่ยบางคนใช้
00:10:41 → 00:10:44 น้ำผึ้งเป็นสรณะเพราะพี่ไทยเราเนี่ยแพ้คำ
00:10:44 → 00:10:45 ว่าธรรมชาติ
00:10:45 → 00:10:49 >> เท่าที่ฟังอาจารย์พูดการกินหวานเลิกได้
00:10:49 → 00:10:52 เลิกแต่ถ้าเลิกไม่ได้น้อยที่สุดถูกมั้ย
00:10:52 → 00:10:54 >> ถูกต้องครับลดละเรี่ยง
00:10:54 → 00:10:56 >> อ่าจริงๆแล้วอาจารย์ไม่อยากให้แบบเลิก
00:10:56 → 00:10:58 หรอกเพราะบางคนน่ะมันความสุขอ่ะ
00:10:58 → 00:11:00 >> โดยเฉพาะในคอนเซปตของ Wellness Food อ่ะ
00:11:00 → 00:11:00 ครับ
00:11:00 → 00:11:00 >> ค่ะ
00:11:00 → 00:11:04 >> ก็คือมันต้องสุขทั้งกายสบายทั้งจิต
00:11:04 → 00:11:07 >> ไม่ใช่ว่าเฮ้ยกินไม่ไอ้นู่นไม่กินไอ้นี่
00:11:07 → 00:11:09 กินไม่ได้นั่นกินไม่ได้หมดเลยเพราะทุกวัน
00:11:09 → 00:11:12 เนี้ยคนจะกินคาร์ไฮเดรตก็กลัวอ้วนกิน
00:11:12 → 00:11:14 โปรตีนก็เดี๋ยวอุ๊ยเป็นมะเร็งกินไขมันก็
00:11:14 → 00:11:17 เดี๋ยวหัวใจและหลอดเลือดกินผลไม้เดี๋ยว
00:11:17 → 00:11:19 เบาหวานขึ้นพอดีกันชีวิตนี้เรากินอะไรก็
00:11:20 → 00:11:22 ไม่ได้ถูกมั้ครับนะแล้วเราแบบว่าเฮ้ยกิน
00:11:22 → 00:11:25 ได้แต่ปริมาณแค่ไหนอาจารย์ไม่เคยห้ามคน
00:11:25 → 00:11:29 ไข้ไม่เคยห้ามคนแบบเฮ้ยจะกินนู่นกินนี่
00:11:29 → 00:11:32 ไม่ได้แต่ก็ต้องกินแบบมีสติแล้วมีศิลปะใน
00:11:32 → 00:11:33 การกิน
00:11:33 → 00:11:35 >> พี่ตั๊กอยากกินทุเรียน
00:11:35 → 00:11:38 >> พี่ตั๊กต้องกินมื้อเช้ามื้อกลางวันปริมาณ
00:11:38 → 00:11:41 ที่กินใช่มั้ยครับแล้วก็ในบริบทวันนั้น
00:11:41 → 00:11:44 ที่กินไม่ใช่โอ้โหฟาดทุเรียนแล้วแล้วไป
00:11:44 → 00:11:47 ฟาดช็อกโกแลตลาวชิบูย่าฮันนีชานมไข่มุก
00:11:47 → 00:11:49 ข้าวเหนียวมะม่วงวันเดียวกันเลย
00:11:49 → 00:11:50 >> โอมันต้องบาลanceซให้ได้
00:11:50 → 00:11:51 >> ถูกต้องครับผม
00:11:51 → 00:11:53 >> dar ช็อกโกแลตอาจารย์มันช่วยลดการอักเสบ
00:11:54 → 00:11:55 ได้มั้ยพี่เคยได้ยินพี่ยังแอบกินอยู่
00:11:55 → 00:11:56 เนี่ย
00:11:56 → 00:11:58 >> อ่าจริงๆแล้วไม่ต้องแอบกินนะครับพี่ตั๊ก
00:11:58 → 00:12:01 สามารถกินได้ครับในปริมาณที่เหมาะสม
00:12:01 → 00:12:03 ดีมากครับจริงๆแล้วเนี่ยไอ้เจ้า
00:12:03 → 00:12:05 Darช็อกโกแลตเนี่ยมันจะมีองค์ประกอบหลัก
00:12:05 → 00:12:09 ของพวกโกโก้ครับซึ่งในโกโก้เองเนี่ยมันจะ
00:12:09 → 00:12:13 มีพวกสารฟวนอยที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
00:12:13 → 00:12:16 ลดการอักเสบได้ดีแล้วช่วยกระตุ้นไนติก
00:12:16 → 00:12:18 ออกไซด์ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตเราดีครับ
00:12:18 → 00:12:21 >> แต่ปริมาณที่เหมาะสมในการบริโภคหรือรับ
00:12:21 → 00:12:22 ประทาน dark ช็อกโกแลตค่ะ
00:12:22 → 00:12:23 >> คือ
00:12:23 → 00:12:26 >> อยู่ที่ 30 กรัม
00:12:26 → 00:12:27 >> แค่ 30 กรัมต่อวัน
00:12:27 → 00:12:29 >> อาจารย์บอกผงโกโก้ Dar ช็อกโกแลต Dark
00:12:29 → 00:12:32 ช็อกโกแลตเออเข้มๆกินนิดนึงก้อนนึงเล็กๆ
00:12:32 → 00:12:33 แต่ถ้าเป็นผงโกโก้ก็ดีเหรอคะ
00:12:33 → 00:12:36 >> อก็ดีครับเป็นผงโกโก้ก็ได้แต่ว่าต้องดู
00:12:37 → 00:12:39 ด้วยว่าโกโก้แท้ 100% มั้ย
00:12:39 → 00:12:40 >> อ่าแท้
00:12:40 → 00:12:43 >> โกโก้บางทีมันผสมนู่นนี่นั่นมาอย่างเงี้ย
00:12:43 → 00:12:46 ครับอ่าครีมเทียมเอยบางทีสำเร็จรูป
00:12:46 → 00:12:46 อันเนี้ย
00:12:46 → 00:12:47 >> อ๋อไม่เอาสิ
00:12:47 → 00:12:49 >> มันก็ต้องพึงระวังแต่ถ้ามันเพียวเลยเนี่ย
00:12:49 → 00:12:51 หรือในDarช็อกโกแลตเราก็ต้องมองหาว่า
00:12:51 → 00:12:54 เปอร์เซ็นต์ของโกโก้อย่างน้อย 70% ขึ้นไป
00:12:54 → 00:12:55 >> ขึ้นไป
00:12:55 → 00:12:58 >> ถูกต้องครับผมแล้วก็ไม่ต้องไปเติมน้ำตาล
00:12:58 → 00:13:01 ไม่ต้องไปเติมนมอะไรให้มันแบบเยอะครับ
00:13:01 → 00:13:02 >> ว่ากันขมๆเลย
00:13:02 → 00:13:05 >> อ่าหรือมันให้มันหวานจากธรรมชาติหอมจาก
00:13:05 → 00:13:06 ธรรมชาติ
00:13:06 → 00:13:09 >> อ่ามันก็จะได้ประโยชน์สูงสุดในการที่จะลด
00:13:09 → 00:13:11 การอักเสบในร่างกายของเราได้ครับ
00:13:11 → 00:13:15 >> อ่านอกเหนือจากอาหารอารมณ์ครับความเครียด
00:13:15 → 00:13:17 ก่อให้เกิดการอักเสบครับ
00:13:17 → 00:13:19 >> ขออนุญาตเบรกนิดๆเรื่องของความเครียด
00:13:19 → 00:13:19 เนี่ย
00:13:19 → 00:13:20 >> ครับ
00:13:20 → 00:13:24 >> พี่ว่าคนไม่เครียดนี่คือคนนอนเป็นผักน่ะ
00:13:24 → 00:13:25 >> อ้า
00:13:25 → 00:13:25 >> ถูกมั้ย
00:13:25 → 00:13:29 >> ถูกต้องครับเครียดต้องบอกว่าเครียดน้อยพอ
00:13:29 → 00:13:31 ให้มันมีแรงผลักดันชีวิต
00:13:31 → 00:13:34 >> ให้ขับเคลื่อนถูกต้องครับเครียดแต่น้อย
00:13:34 → 00:13:37 >> อ่าไม่ใช่แบบเฮ้ยเครียดมากเครียดสะสม
00:13:38 → 00:13:40 เครียดหนักไม่ปล่อยวางคอร์ติมันจะหลั่ง
00:13:40 → 00:13:43 เยอะขึ้นและคอร์ติเนี้ยมันก็จะไปมีผลทำ
00:13:43 → 00:13:46 ให้ไขมันสะสมในช่องท้องเยอะขึ้นก็หลั่ง
00:13:46 → 00:13:47 สารอักเสบเพิ่มมากขึ้นนั้น
00:13:47 → 00:13:48 >> อ่า
00:13:48 → 00:13:51 >> อ่าแล้วยิ่งเครียดอนุมูลอิสระ
00:13:51 → 00:13:53 >> หรือฟรี radical ยิ่งสูงขึ้นก็ทำให้เซลล์
00:13:53 → 00:13:56 ของเราเนี่ยเสื่อมแก่
00:13:56 → 00:13:57 >> เอ๊ะแล้วอย่างงี้เราจะรู้ได้ไงว่าเรา
00:13:57 → 00:13:59 เครียดมากเครียดน้อยพี่นี่ต้องใส่ลิาจับ
00:14:00 → 00:14:00 เลยนะ
00:14:00 → 00:14:02 >> ถูกต้องครับว่าให้เราเครียดมากเครียดมัน
00:14:02 → 00:14:05 เป็นการเตือนเรา subccious straight คือ
00:14:05 → 00:14:07 เครียดแบบที่เราไม่รู้หรอกว่าร่างกายเรา
00:14:07 → 00:14:08 มีการเครียดอยู่
00:14:08 → 00:14:11 >> เพราะบางทีจิตเราอ่ะมันรู้สึกแบบเฮ้ยฉัน
00:14:11 → 00:14:14 ก็ไม่ได้เครียดอะไรแต่ร่างกายของเรามี
00:14:14 → 00:14:16 physical strสเกิดขึ้นอยู่ก็เป็นไปได้
00:14:16 → 00:14:19 เช่นนอนดึกพักผ่อนน้อย
00:14:19 → 00:14:20 >> นะ
00:14:20 → 00:14:22 >> แล้วมันก็เกิดความเครียดของร่างกายเกิด
00:14:22 → 00:14:23 ขึ้น
00:14:23 → 00:14:25 >> ค่ะเหล่านี้ที่อาจารย์ว่ามันก็เป็นสะสม
00:14:25 → 00:14:27 อ่าเช่นเรื่องความเครียด
00:14:27 → 00:14:29 >> ถูกเรื่องของอาหารการกินแล้วมีเรื่องอะไร
00:14:29 → 00:14:32 อีกนะคะการนอนอาการครับ PM 2.5 5 ที่
00:14:32 → 00:14:36 เราหายใจเข้าไปมลพิษทั้งหลายหรือบุหรี่
00:14:36 → 00:14:40 แต่บางคนบอกอาจารย์ไม่สูบแต่คุณสภาวะแวด
00:14:40 → 00:14:42 ล้อมอาจจะได้รับเข้าไป
00:14:42 → 00:14:42 >> อื
00:14:42 → 00:14:44 >> อ่าแล้วก็เรื่องของการนอนหลับ
00:14:44 → 00:14:44 >> ค่ะ
00:14:44 → 00:14:48 >> นะครับนอนดึกพักผ่อนน้อยโกสฮอร์โมนหลั่ง
00:14:48 → 00:14:51 ได้ไม่เต็มที่ไม่ได้ฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ
00:14:51 → 00:14:54 เซลล์ของเราก็เสื่อมไปเซลล์ของเราก็แก่ไป
00:14:54 → 00:14:56 เซลล์ของเรามันเสื่อมมันแก่ปุ๊บแต่มันไม่
00:14:56 → 00:15:00 ตายสิมันก็จะเกิดซomบี้เซลล์ครับซomบี้
00:15:00 → 00:15:03 เซลล์เนี่ยหรือเessenceเซลล์ทางการแพทย์
00:15:03 → 00:15:07 เนี่ยมันเป็นเซลล์ที่มันแก่แต่มันไม่ตาย
00:15:07 → 00:15:07 >> มันอยู่ไหน
00:15:07 → 00:15:09 >> มันเหมือนซอมบี้อ่ะครับปกติแล้วเนี่ย
00:15:09 → 00:15:12 เซลล์ของเราเนี่ยเวลามันทำหน้าที่ไปเนาะ
00:15:12 → 00:15:15 ตามความแก่ชราของร่างกายเนี่ยนะครับหรือ
00:15:15 → 00:15:17 บางทีเราไปเจอมลพิษอะไรต่างๆเนี่ยมันทำ
00:15:17 → 00:15:19 ให้เราเซลล์ของเราเสื่อมแล้วก็ตายแต่ไอ้
00:15:19 → 00:15:21 ซอมบี้เซลล์เนี่ยเซลล์มันไม่ตายแล้วมันก็
00:15:21 → 00:15:24 จะหลั่งสารอักเสบออกมาแล้วทำลายเนื้อ
00:15:24 → 00:15:25 เยื่อโดยรอบ
00:15:25 → 00:15:27 >> อยู่ในร่างกายโดยที่เราไม่รู้
00:15:27 → 00:15:29 >> ถูกต้องครับไม่รู้ตัวเลยแล้ววันดีคืนร้าย
00:15:30 → 00:15:32 ขึ้นมาเนี่ยมันก่อให้เกิดการอักเสบเยอะ
00:15:32 → 00:15:34 ขึ้นแล้วไปเหนี่ยวนำทำให้เกิดโรคเรื้อรัง
00:15:34 → 00:15:37 เป็นเบาหวานเป็นหัวใจเป็นมะเร็ง
00:15:37 → 00:15:38 >> อ๋อ
00:15:38 → 00:15:40 จากไอ้ซอมบี้เซลล์ซึ่งก็เป็นสาเหตุหนึ่ง
00:15:40 → 00:15:44 ที่ทำให้ร่างกายเนี่ยเกิดการอักเสบขึ้นมา
00:15:44 → 00:15:45 ก็เป็นภัยเงียบแฝงเห็นมั้ครับ
00:15:45 → 00:15:46 >> อนี้อยู่ในร่างกาย
00:15:46 → 00:15:49 >> ถูกต้องครับสารพัดเลยที่ก่อให้เกิดการ
00:15:49 → 00:15:51 อักเสบเรื้อรังเกิดขึ้น
00:15:51 → 00:15:53 >> ค่ะมาถึงเรื่องของการอักเสบภายในอีกอัน
00:15:54 → 00:15:56 นึงที่เมื่อกี้ฟังอาจารย์พูดถึงเรื่อง
00:15:56 → 00:15:56 ฝุ่น
00:15:56 → 00:16:00 >> อ้า PM 2 พวกนี้นะครับมันเป็นภัยเงียบ
00:16:00 → 00:16:03 แฝงเลยซึ่งไอ้เจ้าฝุ่นเนี่ยคือบางคนบอก
00:16:03 → 00:16:05 เอ้ยออกไปนอกบ้านแป๊บเดียวไม่เป็นไรนะ
00:16:05 → 00:16:08 ครับแต่จริงๆแล้วเนี่ยที่เราสูดดมเข้าไป
00:16:08 → 00:16:11 เนี่ยมันคือฆาตกรเงียบนะครับจะค่อยๆสะสม
00:16:11 → 00:16:14 นะจากที่เราหายใจเข้าไปไอ้ฝุ่นจิ๋วตัว
00:16:14 → 00:16:18 ร้ายเนี่ยนะครับมันก็จะไปทำลายระบบต่างๆ
00:16:18 → 00:16:20 ของร่างกายก่อให้เกิดการอักเสบนะทำลาย
00:16:20 → 00:16:23 เซลล์ปอดทำลายทุกส่วนเลยนะครับพี่ตั๊กแม้
00:16:23 → 00:16:25 กระทั่งผิวของเราอ่ะ
00:16:25 → 00:16:26 >> ก็ทำให้เราแก่เร็ว
00:16:26 → 00:16:27 >> เขี่ยวง่าย
00:16:27 → 00:16:27 >> ค่ะ
00:16:27 → 00:16:30 >> อ่าแล้วมันก็สูดเข้าไปปุ๊บปุ๊บเข้าไปที่
00:16:30 → 00:16:33 จมูกเข้าไปที่ปอดก็ก่อให้เกิดการอักเสบนะ
00:16:33 → 00:16:37 เกิดขึ้นหมดเลยนะตั้งแต่สมองลงมาทุกระบบ
00:16:37 → 00:16:39 ต่างๆของร่างกายแม้กระทั่งโปรไบโอติก
00:16:39 → 00:16:42 จุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้ของเราที่ดี
00:16:42 → 00:16:45 เนี่ยนะทั้งลำไส้เล็กลำไส้ใหญ่ PM 2.5 5
00:16:45 → 00:16:48 ยังลงไปฆ่ามันเลยครับงานวิจัยล่าสุดเลย
00:16:48 → 00:16:50 ครับเพิ่งตีพิมพ์ออกมาหมาดๆเลยเมื่อเดือน
00:16:50 → 00:16:53 กรกฎาคมนี่แหละครับอ่าที่ผ่านมาเลยสดๆ
00:16:53 → 00:16:56 ร้อนๆในวารสารทางการแพทย์ที่มี Impact
00:16:56 → 00:16:59 Factor สูงมากใน NOR ครับที่เขาพบว่าคน
00:16:59 → 00:17:03 ที่ไม่สูบบุหรี่นะครับแต่รับ PM 2.5 5
00:17:03 → 00:17:05 เข้าไปเนี่ยเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด
00:17:05 → 00:17:09 มะเร็งปอดทำให้ยีนเนี่ยมันเกิดการกาย
00:17:09 → 00:17:10 พันธุ์ครับหรือmมation
00:17:10 → 00:17:11 >> โอ้โห
00:17:11 → 00:17:13 >> ทั้งๆที่คุณไม่ได้สูบบุหรี่อ่ะแล้วคุณ
00:17:13 → 00:17:14 เป็นมะเร็งปอด
00:17:14 → 00:17:17 >> อันนี้ศึกษาทั่วโลกเลย 800 กว่าคน
00:17:17 → 00:17:19 >> แต่ตอนนี้คนมันเป็นมะเร็งปอดก็เยอะ
00:17:19 → 00:17:20 >> เยอะแล้วอายุยังน้อยๆ
00:17:20 → 00:17:21 >> ค่ะ
00:17:21 → 00:17:23 >> อันนี้แหละครับเป็นกุญแจดอกสำคัญเราเห็น
00:17:23 → 00:17:25 คนในวงการน่ะเพียบเลยที่ป่วยเป็นมะเร็ง
00:17:25 → 00:17:28 เนี่ยอาจารย์บอกเลยว่าต่อให้คุณมียีนก่อ
00:17:28 → 00:17:31 โรคมะเร็งหรือพันธุกรรมที่เป็นมะเร็งแล้ว
00:17:31 → 00:17:33 บอกอ๋อมันเป็นโรคจากพันธุกรรมกรรมพ่อแม่
00:17:33 → 00:17:36 ปู่ย่าตายายให้พันธุกรรมนี้มาเหมือนมรดก
00:17:36 → 00:17:37 อ่ะครับ
00:17:37 → 00:17:39 >> อ่าเหมือนหีบสมบัติอ่ะยีนก่อโรคเนี่ย
00:17:39 → 00:17:43 >> นะแต่เราเนี่ยจะเป็นคนเปิดไอ้เจ้าหีบ
00:17:43 → 00:17:46 สมบัตินั้นช้าเร็วต่างกันครับขึ้นอยู่กับ
00:17:46 → 00:17:48 ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตกินอยู่หลับนอนออก
00:17:48 → 00:17:49 กำลังกายของเรา
00:17:49 → 00:17:50 >> อื
00:17:50 → 00:17:54 >> อ่าบางคนแบบเอ้ยออกไปนอกบ้านไม่ได้สนใจ
00:17:54 → 00:17:56 เพราะเคยชินแล้วอ๋อฝุ่นนิดหน่อยไม่เห็น
00:17:56 → 00:17:58 เป็นไรเลยนะครับอันนี้แหละครับมันจะไป
00:17:58 → 00:18:01 สวิตช on ยีนหรือเปิดยีนที่มีอยู่แล้วที่
00:18:01 → 00:18:03 เกี่ยวข้องกับมะเร็งเนี่ยที่ว่าเป็น
00:18:03 → 00:18:04 พันธุกรรม
00:18:04 → 00:18:06 >> อ่าอันนี้อาจารย์ถือว่าเป็นกรรมเหนือกรรม
00:18:06 → 00:18:07 นะครับ
00:18:07 → 00:18:09 >> ทางการแพทย์เรียกอิพิเจนติกพี่ตาเคยได้
00:18:09 → 00:18:12 ยินใช่มั้ครับว่าอิพิแปลว่าเหนือเหนือ
00:18:12 → 00:18:15 พันธุกรรมมันก็คือพฤติกรรมของเรานี่แหละ
00:18:15 → 00:18:17 ที่มันเป็นกรรมเหนือกรรมแล้วทำให้เราแบบ
00:18:17 → 00:18:20 เฮ้ยอายุไม่เท่าไหร่เลยเป็นมะเร็งออกมา
00:18:20 → 00:18:20 และ
00:18:20 → 00:18:23 >> นอกจากเรื่องการเผาป่าควันรถยนต์โรงงาน
00:18:23 → 00:18:26 อุตสาหกรรมตามท้องถนนนะฮะมีอีกมั้ยฮะที่
00:18:26 → 00:18:29 ปล่อย PM 2.5 โดยที่เราไม่รู้แล้วเรามัก
00:18:29 → 00:18:30 จะมองข้าม
00:18:30 → 00:18:33 >> อ่าที่เรามักมองข้ามแล้วเป็นแหล่งของ PM
00:18:33 → 00:18:35 2.5 ภัยเงียบแฝงเนี่ยนะครับพี่ตั๊กก็คือ
00:18:35 → 00:18:35 พวก
00:18:36 → 00:18:39 >> วัดวาอารามศาลเจ้าต่างๆที่มีการจุดธูป
00:18:39 → 00:18:43 เทียนนะไหว้พระบูชาพระ
00:18:43 → 00:18:46 หลังๆเไม่จุดอ่าแต่บางที่เนี่ยโอ้โหยัง
00:18:46 → 00:18:47 จุดแบบ
00:18:47 → 00:18:50 >> ฝุ่นธูปควันเทียนนะครับโหม่งเลยนั่นเป็น
00:18:50 → 00:18:53 แหล่งของ PM 2.5 5 ที่เราเข้าไปสูดดม
00:18:53 → 00:18:54 แล้วมีความหนาแน่นสูงด้วยครับ
00:18:54 → 00:18:56 >> แล้วส่วนใหญ่เป็นสถานที่ปิดก็ต้องพึง
00:18:56 → 00:19:00 ระมัดระวังนะครับแหล่งที่ 2 ก็คือในร้าน
00:19:00 → 00:19:04 อาหารปิ้งย่างบุฟเฟ่ต์ชาบูหมูกระทะหมู
00:19:04 → 00:19:08 ย่างเกาหลีนะพวกนี้แหละครับเป็นแหล่งเลย
00:19:08 → 00:19:11 นะที่เราปิ้งย่างออกมาแล้วมันก็มีควันบาง
00:19:12 → 00:19:14 ทีเรามองไม่เห็นนะเ้ามีเครื่องอ่ะได้มมี
00:19:14 → 00:19:15 เครื่องอยู่ทั้งหมดเลย
00:19:15 → 00:19:17 >> อ่าต่อให้มีเครื่องอยู่นะครับมันก็กรอง
00:19:17 → 00:19:19 ได้ไม่หมด 100% ครับพี่ตั๊กแล้วระบบระบาย
00:19:19 → 00:19:21 อากาศต่างๆมันก็ไม่ได้ดีแม้กระทั่งในห้อง
00:19:21 → 00:19:22 ครัวบ้านเราเนี่ย
00:19:22 → 00:19:24 >> อาจารย์มีเครื่องกองอากาศไว้เลยนะครับใน
00:19:24 → 00:19:28 ห้องครัวเวลาคุณแม่ทำกับข้าวอ่ะโอ้โห PM
00:19:28 → 00:19:31 ขึ้นมาแดงเลยครับแล้วเครื่องทำงานแบบบู๊ด
00:19:31 → 00:19:33 ขึ้นมาเลยสังเกตลองเอาไปตั้งในห้องครัว
00:19:33 → 00:19:35 เลยอาจารย์บอกเลยว่าจำเป็นครับ
00:19:35 → 00:19:39 >> แล้วยิ่งเราทำอาหารรับประทานเองนะในห้อง
00:19:39 → 00:19:41 ครัวของเราเนี่ยแหละครับเป็นแหล่งภัย
00:19:41 → 00:19:45 เงียบแฝงเลยนะที่ผลิตเจ้า PM 2.5 5 จาก
00:19:45 → 00:19:48 การเผาไหม้ที่เราต้มผัดแกงทอดของเรานี่
00:19:48 → 00:19:48 แหละครับ
00:19:48 → 00:19:51 >> งั้นครัวไทยน่าจะดีกว่านะครัวเปิดครัวตาม
00:19:51 → 00:19:55 คอนโดนี่ไม่ค่อยดีบ้านเล็กๆมันก็ทำให้
00:19:55 → 00:19:57 >> โอกาสในการได้รับ PM 2.5 เนี่ยสูงมาก
00:19:57 → 00:19:58 ครึ่ง
00:19:58 → 00:20:00 >> อ๋อทุกวันนี้เราถือว่าเราใช้ชีวิตอยู่ใน
00:20:00 → 00:20:02 ความเสี่ยงทำให้ร่างกายอันนี้เราพูดว่า
00:20:02 → 00:20:05 ร่างกายเราอักเสบแหละไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
00:20:05 → 00:20:07 อาหารไม่ว่าความเครียดเรื่องของการนอน
00:20:07 → 00:20:09 เรื่องของไลฟ์สไตล์เรื่องของฝุ่นเรื่อง
00:20:09 → 00:20:11 ของควันพิษอะไรต่างๆ
00:20:12 → 00:20:14 >> เรามีอะไรที่เราจะช่วยได้มเพราะเท่าที่
00:20:14 → 00:20:16 ฟังดูมันหลีกยาก
00:20:16 → 00:20:17 >> ถูกต้องครับ
00:20:17 → 00:20:20 >> มากนะฮะอาจารย์ว่าเราจะช่วยร่างกายเราได้
00:20:20 → 00:20:21 ยังไงบ้าง
00:20:21 → 00:20:24 >> อาหารครับสามารถต้านอักเสบได้เป็นสิ่งที่
00:20:24 → 00:20:27 เรากินทุกวันมันมีการศึกษาวิจัยครับหลาย
00:20:27 → 00:20:30 กลุ่มของอาหารที่สามารถที่จะช่วยลดการ
00:20:30 → 00:20:34 อักเสบเรื้อรังได้นะอย่างสารพฤกษ์เคมี
00:20:34 → 00:20:38 ง่ายๆเลยนะครับก็คือที่อยู่ในพืชผักผลไม้
00:20:38 → 00:20:41 ต่างๆหรือสมุนไพรต่างๆนะเช่นเคอร์คูมิน
00:20:41 → 00:20:44 จากขมิ้นชันอ่าตัวนี้จะมีฤทธิ์ในการต้าน
00:20:44 → 00:20:46 การอักเสบได้ดีครับ
00:20:46 → 00:20:47 >> ให้ทานเป็นวิตามินเข้าไป
00:20:47 → 00:20:49 >> จากอาหารก็ได้ครับ
00:20:49 → 00:20:51 >> พี่ตั๊กกินจากแบบแกงเหลือง
00:20:51 → 00:20:52 >> นะ
00:20:52 → 00:20:56 >> อ่าข้าวหมกไก่แกงกะหรี่พวกนี้ก็มีครับอ่า
00:20:56 → 00:21:00 คือมีสารเคumินช่วยต้านการอักเสบได้ดี
00:21:00 → 00:21:02 >> อ่าแล้วยิ่งถ้ากินคู่กับพริกไทยดำมันจะ
00:21:03 → 00:21:04 เพิ่มการดูดซึมของเคอร์คูมิน
00:21:04 → 00:21:05 >> อื
00:21:05 → 00:21:07 >> อ่าคือเหมือนกินคู่กันบางอย่างกินคู่กัน
00:21:07 → 00:21:09 เนี่ยอาจารย์บอกเลยสำคัญมากนะครับเหมือน
00:21:09 → 00:21:12 ในตำรับอาหารไทยของเราเนี่ยเป็นภูมิปัญญา
00:21:12 → 00:21:13 นะ
00:21:13 → 00:21:16 >> กินคู่กันใช่ครับไม่แพ้ชาติใดในโลกเขาบอก
00:21:16 → 00:21:18 ต่างประเทศมีเมดิอเรนdiอet longevity
00:21:18 → 00:21:22 diอetนะที่แบบแถบบูโซนกินแล้วอายุยืนไทย
00:21:22 → 00:21:24 ของเรานี่แหละครับไทย food นี่แหละครับก็
00:21:24 → 00:21:26 เป็นรอง Y diet นะ
00:21:26 → 00:21:28 >> อาจารย์จำได้ว่าอาจารย์เคยเล่าฟังเช่นแกง
00:21:28 → 00:21:28 เรียง
00:21:29 → 00:21:30 >> ใช่ครับผมถูกต้องเลย
00:21:30 → 00:21:33 >> เออเคยจำเราเคยคุยกันแกงเรียงแกงส้มแกง
00:21:33 → 00:21:34 เหลืองอะไรพวกนี้
00:21:34 → 00:21:36 >> ใช่ครับพวกนี้แหละครับที่มันช่วยต้านการ
00:21:36 → 00:21:39 อักเสบได้ดีจากสารโพลิฟีนอลหรือสารที่มัน
00:21:39 → 00:21:42 ช่วยต้านอนมุอิสระต้านอักเสบที่อยู่ในพืช
00:21:42 → 00:21:45 ผักสมุนไพรนะครับอีกกลุ่มนึงก็คือพวกพืช
00:21:45 → 00:21:47 ตระกูลเบอร์รี่
00:21:47 → 00:21:50 >> น่าพวกแอนโทรยานินที่เป็นสารสีม่วงแดง
00:21:50 → 00:21:53 อยู่ในพืชตระกูลเบอร์รี่อ่าถ้าเบอร์รี่
00:21:53 → 00:21:55 ฝรั่งเราก็รู้จักเอ่อบู
00:21:55 → 00:21:57 lastเบอรรี่สตอเบอร์รี่Blackเบอร์รี่ถ้า
00:21:58 → 00:22:00 เบอร์รี่ไทยครับเมาเบอร์รี่อ่าหรือลูก
00:22:00 → 00:22:01 หม่อน
00:22:01 → 00:22:02 >> ลูกหม่อน
00:22:02 → 00:22:04 >> อ่ามะเม่ามะหลอดมะเสียงหากินยากครับ
00:22:04 → 00:22:06 >> เพราะว่าพี่ไปซุเปอร์มาร์เก็ตพี่ไม่ค่อย
00:22:06 → 00:22:06 เจออ่ะ
00:22:07 → 00:22:09 >> ไม่ค่อยเจอหรือเราอาจจะแบบกระเจี๊ยบ
00:22:09 → 00:22:10 อัญชัน
00:22:10 → 00:22:11 >> อ๋อ
00:22:11 → 00:22:14 >> ข้าวไสเบอร์รี่ครับ
00:22:14 → 00:22:16 >> มีสารแอนโทเซนีนอยู่
00:22:16 → 00:22:18 >> เราทุกวันนี้เรากินข้าวเนี่ยคุณค่าทาง
00:22:18 → 00:22:20 โภชนาการมากกว่าความอิ่มนะครับไม่ได้กิน
00:22:20 → 00:22:24 แค่อิ่มแล้วแต่มันมีสารพฤกษะเคมีที่ช่วย
00:22:24 → 00:22:26 ในการต้านอักอักเสบชะลอความเสื่อมของสมอง
00:22:26 → 00:22:28 ไซต้าหัวใจผิวพรรณ
00:22:28 → 00:22:31 >> เชื่อมั้ยทำให้คนทานข้าวไรเบอร์รี่หรือ
00:22:31 → 00:22:34 ข้าวกล้องนี่ยากที่สุดเอาคนใกล้ตัวพี่
00:22:34 → 00:22:35 สามีพี่
00:22:35 → 00:22:38 >> ต้องทำต้องหุงหุง 2 ประเภทเลย
00:22:38 → 00:22:42 >> พี่ตั๊กเคยลองผสมกันยังครับอ่าต้องผสม
00:22:42 → 00:22:45 >> พ่อบอกให้เค้ากินเ้าบอกไม่อร่อยคนเรามัน
00:22:45 → 00:22:46 จะติดความอร่อยไง
00:22:46 → 00:22:48 >> ไม่อร่อยใช่มันไม่นุ่มอย่างเงี้ยกินแล้ว
00:22:48 → 00:22:49 เหมือนกินแกบ
00:22:49 → 00:22:50 >> บอกอย่างเงี้ยเข้าใจ
00:22:50 → 00:22:53 >> กับน้ำดำพอใส่กับข้าวแล้วไม่อร่อยคนเมัก
00:22:53 → 00:22:53 จะคิดอย่างงี้
00:22:53 → 00:22:56 >> พยายามที่จะมิกกันแล้วก็ต้องไปหาดูว่าเอ๊
00:22:56 → 00:23:00 หรือใช้อัญชันแล้วกันดอกอัญชันน้ำมาต้ม
00:23:00 → 00:23:03 กับหญ้าหวานใบเตยอ่าบีบมะนาวหน่อยเราก็
00:23:03 → 00:23:05 ได้แอนโทเซยานินและ
00:23:05 → 00:23:08 >> อ่าหรือมะเขือม่วงอย่างเงี้ยครับ
00:23:08 → 00:23:11 >> อ่าพวกพืชที่มันสีม่วงแดงอ่ะมันก็มีสาร
00:23:11 → 00:23:12 ต้านอักเสบได้ดี
00:23:12 → 00:23:16 >> อ่าหรือวิตามินซีอย่างเงี้ยก็เป็นเบสิค
00:23:16 → 00:23:19 ไวตามินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระมีฤทธิ์ใน
00:23:19 → 00:23:21 การต้านอักเสบได้สูง
00:23:21 → 00:23:24 >> อ่าในพืชผักผลไม้ต่างๆแต่คนส่วนใหญ่เนี่ย
00:23:24 → 00:23:27 เข้าใจว่าต้องผลไม้รสเปรี้ยวถึงจะวิตามิน
00:23:27 → 00:23:28 ซีสูง
00:23:28 → 00:23:28 >> อื
00:23:28 → 00:23:31 >> อ่าจริงๆแล้วไม่จำเป็นมะละกอสุกวิตามินซี
00:23:31 → 00:23:33 ก็พอๆกับส้มเลยครับ
00:23:33 → 00:23:33 >> อ
00:23:33 → 00:23:36 >> พริกหวานนะครับพี่ตั๊กวิตามินซีสูงกว่า
00:23:36 → 00:23:38 ส้มเป็นเท่าตัวเลยนะ
00:23:38 → 00:23:40 >> ออแล้วก็ไม่หวานด้วยเนาะ
00:23:40 → 00:23:42 >> ถูกต้องครับอันเนี้ยก็จะเป็นแหล่งของ
00:23:42 → 00:23:45 วิตามินซีนะครับกับอีก 1 ตัวครับที่มี
00:23:46 → 00:23:48 ฤทธิ์ต้านอักเสบได้ดีนะครับแล้วเป็นที่
00:23:48 → 00:23:51 ฮิตฮอ Popular มากในช่วงโควิดที่ผ่านมา
00:23:51 → 00:23:55 คือสารที่ชื่อว่าเซิตินคือเป็นสารพฤกษ
00:23:55 → 00:23:58 เคมีตัวนึงนะครับในกลุ่มของฟาวนอยที่อยู่
00:23:58 → 00:24:03 ในพืชผักผลไม้นะครับจะพบเยอะในพวกหัวหอม
00:24:03 → 00:24:06 หัวหอมแดงหัวหอมใหญ่นะครับแอปเปิ้ลโดย
00:24:06 → 00:24:10 เฉพาะบริเวณเปลือกแอปเปิ้ลอ๋อเปลือกแหม
00:24:10 → 00:24:11 แต่คนเนี่ยชอบ
00:24:11 → 00:24:11 >> ปอกเปลือก
00:24:11 → 00:24:13 >> ปอกเปลือกสะดวก
00:24:13 → 00:24:15 >> อ๋อมันอยู่ในแอปเปิ้ลด้วยนะ
00:24:15 → 00:24:17 >> มีอยู่ในเปลือกครับผมพวกนี้ก็จะช่วยใน
00:24:17 → 00:24:20 เรื่องของการต้านการอักเสบได้ดี
00:24:20 → 00:24:21 >> อ๋อ
00:24:21 → 00:24:24 >> แล้วช่วยส่งเสริมสุขภาพปอดของเราระบบทาง
00:24:24 → 00:24:25 เดินหายใจของเราครับ
00:24:25 → 00:24:26 >> งั้นกินแอปเปิ้ลต้องกินเปลือกเข้าไปด้วย
00:24:26 → 00:24:28 >> กินเปลือกเข้าไปด้วยแต่ก็ต้องล้างทำความ
00:24:28 → 00:24:30 สะอาดให้ดีนะครับ
00:24:30 → 00:24:32 >> อ่าพวกเนี้ยก็จะเป็นแหล่งของเคอ์ซีติน
00:24:32 → 00:24:34 ซึ่งมันมีการศึกษาวิจัยครับ
00:24:34 → 00:24:37 >> อ่าทั้งในและต่างประเทศนะโดยเฉพาะในช่วง
00:24:37 → 00:24:40 โควิดที่ผ่านมานะเพราะว่าไอ้เจ้า
00:24:40 → 00:24:43 เคอ์ซิตินเองเนี่ยมันมีฤทธิ์เป็น
00:24:43 → 00:24:45 naturalistamine
00:24:45 → 00:24:49 ช่วยเรื่องของการลดอาการภูมิแพ้ได้อแล้ว
00:24:49 → 00:24:51 มันจะส่งเสริมสุขภาพทางเดินหายใจ
00:24:51 → 00:24:52 >> อ๋ออ๋อ
00:24:52 → 00:24:55 >> อ่าแล้วก็การศึกษาวิจัยเนี่ยเค้าศึกษา
00:24:55 → 00:24:59 วิจัยโอโหหลายระดับเลยตั้งแต่ระดับเซลล์
00:24:59 → 00:25:02 จนการศึกษาวิจัยทางคลินิกนะครับเพบว่ามัน
00:25:02 → 00:25:07 ช่วยในการบรรเทานะครับอาการโควิดนะอ่าพวก
00:25:07 → 00:25:11 รองโควิดซึ่งตัวเคอ์ซิเองเนี่ยมันช่วย
00:25:11 → 00:25:13 ปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
00:25:13 → 00:25:13 ครับ
00:25:13 → 00:25:14 >> เหรอ
00:25:14 → 00:25:17 >> อ่าพี่ตั๊กรู้มั้ยว่าเวลาเราติดเชื้อได้
00:25:17 → 00:25:20 รับเชื้อนะเชื้อกอโรคโควิดอะไรต่างๆมานะ
00:25:20 → 00:25:23 หรือไข้วัดใยสายพันธุ์โอสารพัดเลยนะครับ
00:25:23 → 00:25:26 เจ้าเคอ์ซิตินเนี่ยนะจากการศึกษาวิจัย
00:25:26 → 00:25:30 เนี่ยเา้าพบว่ามันสามารถที่จะไปกระตุ้น
00:25:30 → 00:25:32 แมคโครฟardดนะที่จับกินเชื้อโรคเนี่ยนะ
00:25:32 → 00:25:33 ครับ
00:25:33 → 00:25:35 >> อ่าแมคโครฟardดในร่างกายของเราเนี่ยมันจะ
00:25:35 → 00:25:36 มีอยู่ 2 ชนิด
00:25:36 → 00:25:37 >> ค่ะ
00:25:37 → 00:25:39 >> เราเรียกแต่แมคโครฟardแมคโครฟardใช่มั้ย
00:25:39 → 00:25:41 ครับอ่าหรือเซลล์เม็ดเลือดขาวเนี่ยนะมัน
00:25:41 → 00:25:44 จะมีชนิด M1 กับ M2
00:25:44 → 00:25:48 >> นะ M1 กับ M2 นะ M1 เนี่ยทำหน้าที่ในการ
00:25:48 → 00:25:51 ที่จะกระตุ้นการอักเสบ
00:25:51 → 00:25:52 เพื่ออ
00:25:52 → 00:25:55 >> กำจัดเชื้อโรคเวลามีเชื้อโรคบุกลุกเข้ามา
00:25:55 → 00:25:56 >> ไอ้หนีจัดการ
00:25:56 → 00:25:59 >> ใช่เคอรซิตินจะไปกระตุ้น M1
00:25:59 → 00:26:03 >> ให้ทำงานในการที่จะกำจัดเชื้อโรคหลั่งสาร
00:26:03 → 00:26:05 อักเสบฆ่าเชื้อโรคซะ
00:26:05 → 00:26:05 >> ค่ะ
00:26:05 → 00:26:08 >> อ่าส่วนในขณะเดียวกันเมื่อเชื้อโรคมันตาย
00:26:08 → 00:26:09 แล้ว
00:26:09 → 00:26:09 >> ค่ะ
00:26:09 → 00:26:13 >> เคซิตินก็จะไปกระตุ้น M2
00:26:13 → 00:26:16 >> M2 จะเป็นแมคโครฟardดเม็ดเลือดขาวที่
00:26:16 → 00:26:19 ช่วยยับยั้งลดการอักเสบ
00:26:19 → 00:26:22 >> อ๋ออ๋อมันก็ช่วยช่ 2 2 ทางก็คือไปลด
00:26:22 → 00:26:25 อักเสบเพราะเชื้อมันตายแล้วอ่ะบางคนเชื้อ
00:26:25 → 00:26:28 ตายแล้วซากศพของเชื้อโรคยังคาอยู่มันมี
00:26:28 → 00:26:31 ปัญหาครับพี่ตั๊กเป็นรองโควิด
00:26:31 → 00:26:34 >> โพสต์โควิดว่าเอ๊ะทำไมฉันหายจากอาการต่าง
00:26:34 → 00:26:37 ๆเจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบายแล้วเป็นกวาดซาก
00:26:37 → 00:26:40 >> ถูกต้องครับแล้วทำไมฉันยังมีอาการมีเสมหะ
00:26:40 → 00:26:41 ทุกเช้า
00:26:41 → 00:26:42 >> อ๋อ
00:26:42 → 00:26:44 >> ไออย่างต่อเนื่องยังไม่หายซะที
00:26:44 → 00:26:47 >> แทนที่จะแบบเฮ้ยหายจบเรียบร้อยเพราะไอ้
00:26:47 → 00:26:51 ซากศพของเชื้อโรคเหล่านั้นเนี่ยมันยังไป
00:26:51 → 00:26:54 กระตุ้นให้การทำงานของ M1 เนี่ยยังทำงาน
00:26:54 → 00:26:56 อยู่ยังมีการหลั่งของไซโตไคดซึ่งทางการ
00:26:56 → 00:27:00 แพทย์เราเรียกว่าไซโตไคส์หรือพายุไซโตไคด
00:27:00 → 00:27:00 >> อ
00:27:00 → 00:27:02 >> ที่ก่อให้เกิดการอักเสบเนี่ยมากขึ้นมาก
00:27:02 → 00:27:04 ขึ้นมากขึ้นทั้งๆที่มันหายแล้วนะตรวจ
00:27:04 → 00:27:07 เชื้อปุ๊บอ่ะไม่ขึ้น 2 ขีดแล้วไม่พบแล้ว
00:27:07 → 00:27:11 >> เหมือนกับเคซิตินเองกระตุ้น M1 นะเป็น
00:27:11 → 00:27:15 ทหารนะครับด่านแรกไปกำจัดฆ่าเชื้อซะนะจะ
00:27:15 → 00:27:20 ไปกราดยิงเชื้อกำจัดเชื้อ M2 ทูไปเก็บซาก
00:27:20 → 00:27:21 ศพ
00:27:21 → 00:27:24 >> แล้วก็ฟื้นฟูซ่อมแซมไอ้เศษ
00:27:24 → 00:27:27 >> ทำความสะอาดนะสมรภูมินั้นนะครับเคลียร์
00:27:27 → 00:27:29 ให้หมดอแล้วมันก็เลยจะปรับ
00:27:29 → 00:27:32 >> สมดุลของระบบภูมิคุ้มกันแล้วระบบภูมิคุ้ม
00:27:32 → 00:27:35 กันของเราถ้ามันทำงานหนักทำงานเยอะ
00:27:35 → 00:27:38 >> มากไปมันก็ไม่ดีถูกมั้ยครับเพราะมันก็
00:27:38 → 00:27:40 เฮ้ยไม่หายสักทีทั้งๆที่เชื้อมันตายไป
00:27:40 → 00:27:44 แล้วอ่ามันก็เลยต้องไปหมดateภูมิคุ้มกัน
00:27:44 → 00:27:47 เจ้าเคอ์ซิตินมันก็ช่วยได้ครับตรงส่วนนี้
00:27:47 → 00:27:49 >> อันนี้เคอ์ซิตินกินที่ว่านมันเป็นแคปซูล
00:27:49 → 00:27:52 หรือมันเป็นอะไรที่เราจะกินแล้วเราดูดซึม
00:27:52 → 00:27:53 ได้ดีและเอาไปช่วยได้
00:27:54 → 00:27:56 >> ดูดซึมได้ดีมันมีอยู่หลายรูปแบบฟอร์มแต่
00:27:56 → 00:27:58 อาจารย์ต้องบอกก่อนว่า
00:27:58 → 00:28:00 >> คู่หูดูโอ้ที่จะส่งเสริมมันเนี่ยมันคือ
00:28:00 → 00:28:01 วิตามินซีครับพี่ตั
00:28:01 → 00:28:02 >> อเหรอ
00:28:02 → 00:28:05 >> วิตามินซีนี่แหละคู่กันครับถามว่าทำไม
00:28:05 → 00:28:09 เคซิตินควรจะพัวิตามินซีอ่าเพราะว่ามันมี
00:28:09 → 00:28:13 การศึกษาวิจัยครับว่าตัววิตามินซีเนี่ย
00:28:13 → 00:28:16 มันจะช่วยในการส่งเสริมการดูดซึมของ
00:28:16 → 00:28:18 เคอ์ซิตินให้เพิ่มขึ้นแม้กระทั่งงานวิจัย
00:28:18 → 00:28:21 ทางคลินิกเขายังพบว่ากินคู่กันเนี่ยมัน
00:28:21 → 00:28:24 ช่วยในการที่จะลดการอักเสบนะตัวชี้วัดการ
00:28:24 → 00:28:28 อักเสบเนี่ยลดลง 5-60% ดีกว่ากินเดี่ยวๆ
00:28:28 → 00:28:29 เซิกินเดี่ยวๆ
00:28:29 → 00:28:31 >> อ่าแล้วก็ช่วยในการอ
00:28:31 → 00:28:35 >> บรรเทาอาการโควิดฟื้นฟูพวกอาการเจ็บไข้
00:28:35 → 00:28:38 ได้ป่วยที่เราแบบเฮ้ยเป็นหวัดแล้วหายยาก
00:28:38 → 00:28:41 หายช้านะอันนี้ก็จะหายเร็วขึ้นนะถ้าเรา
00:28:41 → 00:28:43 ร่วมกันทีนี้รูปแบบของมันเนี่ยมีอยู่หลาย
00:28:43 → 00:28:46 รูปแบบครับพี่ตั๊กอ่าเป็นเม็ดเป็นผงนะไป
00:28:46 → 00:28:50 จนถึงเป็นเม็ดฟู่พวกเม็ดพวกผงที่เป็น
00:28:50 → 00:28:52 แคปซูลเนี่ยเวลาเรากินเข้าไปเนี่ยโอ้โห
00:28:52 → 00:28:54 ร่างกายเราต้องเป็นไงครับต้องไปย่อย
00:28:54 → 00:28:57 แคปซูลเปลือกแคปซูลหรือเม็ดกว่าจะแตกตัว
00:28:57 → 00:29:00 ละลายแล้วปัจจุบันเองเนี่ยมันมีนวัตกรรม
00:29:00 → 00:29:03 หรือเทคโนโลยีของเคอ์ซิตินนะร่วมกับ
00:29:03 → 00:29:05 วิตามินซีในรูปแบบของเม็ดฟู่
00:29:05 → 00:29:05 >> เม็ดฟู่
00:29:05 → 00:29:08 >> อ่าซึ่งเม็ดฟู่เนี่ยข้อดีคือเราไม่ต้อง
00:29:08 → 00:29:10 กลัวว่าเฮ้ยเรากินน้ำมากน้ำน้อยเพราะเรา
00:29:10 → 00:29:12 ต้องกินพร้อมกับน้ำอยู่แล้ว 1 แก้ว
00:29:12 → 00:29:16 >> ฟู่ลงไปปุ๊บเนี่ยครับมันก็จะมีพวกซิแอซิ
00:29:16 → 00:29:19 สินะครับโซเดียมไบคateทำให้
00:29:19 → 00:29:22 >> สารเคซิตินเองเนี่ยมันแตกตัวได้ดีละลาย
00:29:22 → 00:29:24 แล้วดูดซึมได้ดีครับ
00:29:24 → 00:29:24 >> อื
00:29:24 → 00:29:27 >> มันมีการศึกษาวิจัยเลยครับพบว่าเคอ์ซิติน
00:29:27 → 00:29:30 ในรูปแบบเม็ดฟู่อ่ามีการดูดซึมแล้วเอาไป
00:29:30 → 00:29:33 ใช้ประโยชน์ในร่างกายเนี่ยมากกว่าแบบผง
00:29:33 → 00:29:37 >> อ๋อกินเม็ดฟู่ดีกว่าคราวนี้เราจะสร้าง
00:29:37 → 00:29:40 ภูมิคุ้มกันด้วยอาหารอย่างเดียวได้มั้ย
00:29:40 → 00:29:43 สมมุติว่ากินอาหารอย่างเดียวได้มึ่ง
00:29:43 → 00:29:45 วิตามินได้มั้ไม่ต้องพึ่งอาหารเสริมได้
00:29:45 → 00:29:48 มั้ยถามว่าได้มจริงๆแล้วได้ถ้าเราสามารถ
00:29:48 → 00:29:50 กินได้เพียงพอ
00:29:50 → 00:29:50 >> เพียงพอ
00:29:50 → 00:29:52 >> ถูกต้องครับผมเพราะบางอย่างเนี่ยอาจารย์
00:29:52 → 00:29:55 ต้องบอกก่อนเช่นสมมุติวิตามินซีนะถ้าตาม
00:29:55 → 00:29:58 โดสของร่างกายของเราเนี่ยมันต้องการวันละ
00:29:58 → 00:30:00 ประมาณ 100 มลกรั
00:30:00 → 00:30:01 >> อ่าเพื่อเราไม่ให้ขาดเหรอ
00:30:01 → 00:30:04 >> ถูกต้องครับแต่โดสพันที่พี่ตั๊กว่าเนี่ย
00:30:04 → 00:30:07 คือโดสจากงานวิจัยซึ่งเป็น optimal เป็น
00:30:07 → 00:30:09 pharmacolical
00:30:09 → 00:30:11 เป็นโดสที่ออกฤทธิ์เป็นยาครับช่วยใน
00:30:11 → 00:30:14 เรื่องของการส่งเสริมภูมิคุ้มกันของเรา
00:30:14 → 00:30:16 ช่วยในการบรรเทาเอาอาการหวัด
00:30:16 → 00:30:16 >> ฮะ
00:30:16 → 00:30:19 >> ช่วยในการทำให้หวัดหายเร็วขึ้น
00:30:19 → 00:30:21 >> จริงๆเราเราควรจะทานสักเท่าไหร่
00:30:21 → 00:30:24 >> อ่าประมาณ 1,000 มิกรัมต่อวันถูกต้องครับ
00:30:24 → 00:30:27 ผมฉะนั้นแล้วเนี่ยถ้าเราบอกเอ้ย 1,000 โห
00:30:27 → 00:30:30 บางทีพี่ตั๊กต้องไปกินส้มเท่าไหร่ครับ
00:30:30 → 00:30:33 >> เป็นเข่งเป็นตะกร้าแล้วน้ำตาลแฝงที่อยู่
00:30:33 → 00:30:36 ในผลไม้ที่เราจะมีโอกาสได้รับเกินอีกนะ
00:30:36 → 00:30:38 ครับอแล้วบางอย่างเนี่ยมันจำเป็นต้อง
00:30:38 → 00:30:40 เสริมบางอย่างกินอยู่ในรูปแบบอาหารเพียง
00:30:40 → 00:30:44 พอนะเช่นสมมุติอาจารย์บอกเคอ์ซิตินนะพบใน
00:30:44 → 00:30:46 หัวหอมแดงเนี่ย 1 ขีดเนี่ยมีอยู่ประมาณ
00:30:46 → 00:30:50 ซักเอ่อ 30-50 มิลกรัมพี่ตั๊กอาจจะต้อง
00:30:50 → 00:30:54 กินแบบหอมเนี่ยทีนึงแบบครึ่งกิลนึกออกมั้
00:30:54 → 00:30:56 ครับแล้วมันเยอะมากแล้วก็ต้องกินทุกวัน
00:30:56 → 00:30:59 ทุกวันทุกวันหรือแอปเปิ้ลอาจารย์บอกว่า 1
00:30:59 → 00:31:01 ลูกของแอปเปิ้ลเนี่ยรูปผลขนาดการเปลือก
00:31:01 → 00:31:04 แอปเปิ้ลเนี่ยมีเคอ์ซิตินอยู่ประมาณ 20
00:31:04 → 00:31:05 >> มิลลิกรัม
00:31:05 → 00:31:07 >> แล้วจะออกฤทธิ์ได้เนี่ยเอ้ยอย่างน้อย 100
00:31:07 → 00:31:10 มลกรัมพี่ตั๊กต้องกินแอปเปิ้ล 5 ลูก
00:31:10 → 00:31:10 >> โอ้โห
00:31:10 → 00:31:11 >> แล้วต้องกินทุกวัน
00:31:11 → 00:31:13 >> นึกออกมั้ยครับแล้วเนี่ยบางอย่างเนี่ยกิน
00:31:13 → 00:31:16 ในรูปแบบอาหารได้โอเคหรืออาหารแล้วก็กิน
00:31:16 → 00:31:19 แหละแล้วตัวเสริมเนี่ยมันจะช่วยเติมเต็ม
00:31:19 → 00:31:19 ให้เราเนี่ย
00:31:19 → 00:31:20 >> อ
00:31:20 → 00:31:22 >> เป็นโดสแบบการใช้อาหารเป็นยาคือ
00:31:22 → 00:31:23 >> อ๋อ
00:31:23 → 00:31:26 >> Farmaological เป็นโดสที่ออกฤทธิ์ในการ
00:31:26 → 00:31:28 ที่จะเป็นยาในการบรรเทา
00:31:28 → 00:31:31 >> อ่าอาการหวัดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบาย
00:31:31 → 00:31:32 ซึ่งภูมิคุ้มกันสำคัญมากเลยนะ
00:31:32 → 00:31:35 >> งั้นแสดงว่าเรากินอาหารด้วย
00:31:35 → 00:31:37 >> นะฮะที่มันมีเคซิตินใช่มั้ย
00:31:37 → 00:31:38 >> ถูกต้องครับวิตามินซี
00:31:38 → 00:31:41 >> ด้วยวิตามินซีด้วยแต่มันอาจจะกินเยอะเรา
00:31:41 → 00:31:43 ก็เพิ่มเสริมเข้าไปหน่อย
00:31:43 → 00:31:46 >> ถูกต้องครับเมื่อเราต้องเสริมไม่ใช่ปล่อย
00:31:46 → 00:31:50 ธรรมชาติจนเกินเหตุใช่ถ้าไลฟ์สไตล์แบบ
00:31:50 → 00:31:51 เร่งรีบด้วยพี่ตั๊นึกออกมั้
00:31:51 → 00:31:53 >> ที่จะกินเพียงพอในแต่ละวันเนี่ยทุกวันนี้
00:31:53 → 00:31:55 เราจะกินพืชผัดผงไม้บางคนแบบ
00:31:56 → 00:31:56 >> ไม่พอ
00:31:56 → 00:31:58 >> อ่าแต่ต้องเสริมได้อย่าง
00:31:58 → 00:32:01 >> ให้มันเหมาะสมแล้วก็เลือกคุณภาพมาตรฐาน
00:32:01 → 00:32:02 ที่ดี
00:32:02 → 00:32:04 >> แล้ววิตามินเสริมภูมิคุ้มกันหรือว่า
00:32:04 → 00:32:07 ผลิตภัณฑ์ที่เสริมอาหารที่ที่ช่วยใน
00:32:07 → 00:32:10 เรื่องการต้านอักเสบเนี่ยเราควรจะกินตอน
00:32:10 → 00:32:11 ไหนถือว่าดีที่สุด
00:32:11 → 00:32:14 >> อ่าดีที่สุดเลยก็คือกินในมื้อชัเช้าครับ
00:32:14 → 00:32:16 หลังอาหารเช้าก็ได้ครับพี่ตั๊กเนื่องมา
00:32:16 → 00:32:20 จากว่าชีวิตเราเนี่ยจะต้องเผชิญกับมลพิษ
00:32:20 → 00:32:23 ฝุ่นควันนะครับความเครียดนะครับอ่าไปจน
00:32:24 → 00:32:26 ถึงอาหารการกินที่อาจจะมีผลไปกระตุ้นการ
00:32:26 → 00:32:29 อักเสบแล้วเรากินในมื้อเช้าเนี่ยเพื่อให้
00:32:29 → 00:32:31 มันออกฤทธิ์ออกเดทครอบคลุมตลอดทั้งวัน
00:32:31 → 00:32:34 >> อ๋อถ้าเราอยากจะเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่
00:32:34 → 00:32:36 วันเนี้ยเราเริ่มแล้ววันเนี้ยเพื่อที่เรา
00:32:36 → 00:32:39 จะไปช่วยลดการอักเสบอะไรต่างๆในร่างกาย
00:32:39 → 00:32:42 ของเราเนี่ยนะฮะอาจารย์แนะนำเลยอย่างแรก
00:32:42 → 00:32:44 เริ่มยังไงก่อนเหตุที่ลดการอักเสบทุกคน
00:32:44 → 00:32:45 อักเสบอยู่แล้ว
00:32:45 → 00:32:47 >> แก้ด้วยพฤติกรรมนี่แหละครับพี่ตั๊กเคยได้
00:32:47 → 00:32:49 ยินไลฟ์สไตล์ medicine ใช่มั้ยครับ
00:32:49 → 00:32:51 >> เมิซีนเม็ดนั้นน่ะคือไลฟ์สไตล์
00:32:51 → 00:32:52 >> อือ
00:32:52 → 00:32:54 >> ก็คือการใช้ชีวิตของเราหรือเวทศาสตร์วิถี
00:32:54 → 00:32:56 ชีวิตนี่แหละครับอ่าคือ
00:32:56 → 00:33:00 >> อาหารครับอย่างแรกสุดเลยเราก็ต้องพยายาม
00:33:00 → 00:33:04 ลดละเรี่ยงนะครับน้ำตาลนะอาหารที่เป็น
00:33:04 → 00:33:07 Ultra Food แปรรูปขั้นสุดอ
00:33:07 → 00:33:10 >> แล้วก็พยายามกินอาหารต้านการอักเสบ
00:33:10 → 00:33:10 >> อื
00:33:10 → 00:33:14 >> อ่าเพื่อช่วยในการที่จะลดการอักเสบในร่าง
00:33:14 → 00:33:16 กายของเรานะครับก็คือดับ
00:33:16 → 00:33:18 >> โรคเรื้อรังแล้วช่วยให้ภูมิคุ้มกันเราทำ
00:33:18 → 00:33:20 งานดีนะภูมิคุ้มกันเมื่อก่อนเนี่ยเรามอง
00:33:20 → 00:33:25 ว่าเฮ้ยมันใช้ในการป้องกันโรคติดเชื้อใช่
00:33:25 → 00:33:27 มั้ครับที่เราได้รับเชื้อโรคเชื้อร้ายนะ
00:33:27 → 00:33:30 โควิดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์สารพัดเลยเนี่ย
00:33:30 → 00:33:32 แต่จริงๆแล้วเนี่ยภูมิคุ้มกันยังกำจัด
00:33:32 → 00:33:33 เซลล์มะเร็งในร่างกายนะ
00:33:33 → 00:33:36 >> ถ้าเรามีภูมันเราก็จะไม่ค่อยดีถูกต้อง
00:33:37 → 00:33:38 ครับทั้งโรคติดเชื้อโรคไร้เชื้อทั้งหลาย
00:33:39 → 00:33:42 แหล่อแล้วมันดูแลด้วยอาหารเพราะยังไงทุก
00:33:42 → 00:33:43 วันนี้เราก็ต้องกิน
00:33:43 → 00:33:44 >> ค่ะ
00:33:44 → 00:33:47 >> นะเรากินกันตลอดอยู่แล้วนะครับทั้งวันนะ
00:33:47 → 00:33:49 แล้วอาหารเป็นสิ่งแรกครับ
00:33:49 → 00:33:51 >> อ่าที่ช่วยในการต้านอักเสบ
00:33:51 → 00:33:51 >> ค่ะ
00:33:51 → 00:33:54 >> ออที่ 2 อารมณ์ครับก็พยายามที่จะแบบเฮ้ย
00:33:54 → 00:33:57 อารมณ์ดีพยายามคิดบวกนะแต่ไม่ใช่พร้อมบวก
00:33:57 → 00:33:59 อยู่ตลอดเวลานะครับบ
00:33:59 → 00:34:00 >> แล้วก็เครียดให้น้อยที่สุด
00:34:00 → 00:34:02 >> เครียดให้น้อยรู้ตัวให้ทัน
00:34:02 → 00:34:06 >> ถูกต้องครับมีสติรู้นะครับอ่าออที่ 3 ออ
00:34:06 → 00:34:09 อากาศอันนี้สำคัญมากครับพี่
00:34:09 → 00:34:11 >> เพราะ PM เนี่ยมันมาเหนี่ยวนำทำให้เกิด
00:34:11 → 00:34:13 โรคมะเร็งทำให้เกิดโรคหัวใจและ
00:34:13 → 00:34:15 >> อยู่ที่นี้มันก็ยังเยอะอยู่ใช่มั้อาจารย์
00:34:15 → 00:34:16 >> เยอะอยู่ครับผม
00:34:16 → 00:34:18 >> เหมือนเรื่องโควิดอ่ะเรายังละเลยโควิดก็
00:34:18 → 00:34:18 ยังมีอยู่
00:34:18 → 00:34:20 >> ใช่ครับแล้ว PM 2.5 อ้ามันอยู่กับเราไป
00:34:20 → 00:34:21 ตลอดชีวิตนะครับ
00:34:21 → 00:34:22 >> ตลอดชีวิต
00:34:22 → 00:34:24 >> อ่านะแล้วเนี่ยอากาศเป็นสิ่งที่สำคัญเรา
00:34:24 → 00:34:27 รู้แล้วแหละเราใส่หน้ากากป้องกันแต่ถ้า
00:34:27 → 00:34:28 เมล็ดรอดเข้าไปล่ะ
00:34:28 → 00:34:28 >> อือ
00:34:28 → 00:34:31 >> อ่าเราก็ต้องหาตัวช่วยตัวเสริมนะ
00:34:31 → 00:34:34 เคอ์ซีตินวิตามินซีอะไรต่างๆหรือสารต้าน
00:34:34 → 00:34:37 อนุมูลอิสระต้านอักเสบนะครับอันเนี้คือ
00:34:37 → 00:34:38 เรื่องของอากาศ
00:34:38 → 00:34:41 >> นะครับออกกำลังกายอันนี้ก็สำคัญครับในการ
00:34:41 → 00:34:44 ที่จะเสริมภูมิคุ้มกันนะครับในการหลั่ง
00:34:44 → 00:34:46 ฮอร์โมนต่างๆที่ช่วยต้านอักเสบครับและออ
00:34:46 → 00:34:49 สุดท้ายคนละเลยกันเยอะมากอื
00:34:49 → 00:34:52 >> เอหลังหลับนอนเพราะชอบนอนดึก
00:34:52 → 00:34:53 >> อ๋ออันนี้สำคัญ
00:34:53 → 00:34:54 >> นอนคุณภาพการนอนไม่ดี
00:34:54 → 00:34:56 >> บางทีนอนนะแต่ไม่ได้ลึก
00:34:56 → 00:34:57 >> ใช่ครับ
00:34:57 → 00:34:59 >> หลับลึกก็สำคัญนะลึกสำคัญมากเลยอาจารย์
00:34:59 → 00:35:01 บอกเลยเพราะอะไรครับหลับลึกเนี่ยจะเป็น
00:35:01 → 00:35:03 ช่วงที่หลังโกสฮอร์โมน่
00:35:03 → 00:35:05 >> ฮอร์โมนที่ช่วยชะลอไว
00:35:05 → 00:35:07 >> ฮอร์โมนที่ช่วยต้านแก่ฮอร์โมนที่ช่วย
00:35:07 → 00:35:09 เพิ่มการเผาผ่านไขมันนะแล้วคุณไม่อยาก
00:35:10 → 00:35:11 อ้วนไม่อยากแก่
00:35:11 → 00:35:11 >> ค่ะ
00:35:11 → 00:35:14 >> คุณต้องนอนหลับ deep sleep deep sleep
00:35:14 → 00:35:15 >> หลับให้ดี
00:35:15 → 00:35:18 >> หลับให้ลึกถ้า 7-8 ชั่วโมงต่อวันที่เรา
00:35:18 → 00:35:20 นอนนอนเนี่ย EP sleep ก็ควรจะ 1 ช่โมง
00:35:20 → 00:35:21 ถึงชั่วโมงครึ่ง
00:35:21 → 00:35:21 >> โถ่
00:35:21 → 00:35:26 >> อ่า sleep ก็สำคัญในการฟื้นฟูสมองของเรา
00:35:26 → 00:35:29 >> สุขภาพที่ดีเริ่มที่
00:35:29 → 00:35:29 >> ตัว
00:35:29 → 00:35:32 >> วิถีชีวิตตัวเรานี่แหละครับทั้ง 6 ออ
00:35:32 → 00:35:35 อาหารอารมณ์อากาศออกกำลังกายเอนหลังหลับ
00:35:35 → 00:35:39 นอนอ่าพวกเนี้ยและโอบอ้อมอารีอีก 1 ออนะ
00:35:39 → 00:35:42 เพราะว่ามันคือสิ่งที่เรามีมนุษยสัมพันธ์
00:35:42 → 00:35:43 ที่ดี
00:35:43 → 00:35:45 >> นะก็จะช่วยให้ชีวิตเราดีด้วย
00:35:45 → 00:35:48 >> ค่ะคุยกับอาจารย์เอกราชวันนี้แล้วพี่ตั๊ก
00:35:48 → 00:35:50 บอกได้เลยว่าการใช้ชีวิตของคนเราทุกวัน
00:35:51 → 00:35:53 นี้นะคะทำให้ร่างกายของเราเสี่ยงต่อการ
00:35:53 → 00:35:56 อักเสบเรื้อรังได้ง่ายจริงๆไม่ว่าจะเป็น
00:35:56 → 00:35:58 เรื่องของการกินที่เรากินไม่ดีเราเครียด
00:35:59 → 00:36:02 เรานอนน้อยเราเจอฝุ่น PM 2.5 5 มากมาย
00:36:02 → 00:36:05 เหล่านี้มาครบเลยทำให้ภูมิคุ้มกันในระบบ
00:36:05 → 00:36:08 ของร่างกายของเราต้องทำงานหนักและก็
00:36:08 → 00:36:10 เสื่อมถอยโดยที่เราไม่รู้ตัวเราควรจะหา
00:36:10 → 00:36:13 ตัวช่วยมาดูแลร่างกายของเราจากภายในเพื่อ
00:36:13 → 00:36:16 เป็นการเสริมภูมิคุ้มกันและเป็นการที่จะ
00:36:16 → 00:36:19 ดูแลลึกไปถึงเซลล์ลดการอักเสบและช่วยปก
00:36:19 → 00:36:22 ป้องปอดของเราอีกด้วยเพราะแบบนี้นะคะพี่
00:36:22 → 00:36:25 ตั๊กเลยอยากจะแนะนำตัวช่วยดีๆตัวนี้เลย
00:36:25 → 00:36:30 ค่ะ Plus เม็ดฟู่จากแอตแลนต้าตัวนี้เมี
00:36:30 → 00:36:34 ทั้งโคซิตินวิตามินซีและไบโอฟาวานอยดรวม
00:36:34 → 00:36:37 อยู่ในสูตรเดียวกันเลยนะคะผลิตจากประเทศ
00:36:37 → 00:36:39 เยอรมนีค่ะเพราะงั้นคุณก็มั่นใจได้ใน
00:36:39 → 00:36:43 คุณภาพและเรื่องความปลอดภัยโรงงานผ่านการ
00:36:43 → 00:36:47 รับรองมาตรฐานระดับสากลลองดูนะคะไม่ต้อง
00:36:47 → 00:36:49 รอให้ร่างกายของเราเนี่ยส่งสัญญาณเตือน
00:36:49 → 00:36:52 เพราะฉะนั้นเราควรจะดูแลตัวเองตั้งแต่ตอน
00:36:52 → 00:36:56 นี้ดีที่สุดค่ะดูคลิปนี้จบแล้วนะคะอยาก
00:36:56 → 00:36:59 ให้รายการของเราปรับปรุงอะไรชวนใครมาคุย
00:36:59 → 00:37:01 หรือคุยเรื่องอะไรคอมเมนต์มาบอกในรายการ
00:37:01 → 00:37:04 ได้เลยนะคะพี่ตั๊กขอคนละ 1 คอมเมนต์เท่า
00:37:04 → 00:37:06 นั้นเพราะว่าอยากจะฟังความคิดเห็นของทุก
00:37:06 → 00:37:10 คนจริงๆจะได้นำไปใช้และพัฒนารายการให้ดี
00:37:10 → 00:37:13 ขึ้นเรื่อยๆฝากกดไลค์กดแชร์กดติดตามทาง
00:37:13 → 00:37:16 ช่อง Live Dot นะคะจะได้ไม่พลาดสาระดีๆ
00:37:16 → 00:37:21 จากรายการตั๊ก Talk ค่ะ