00:00:00 → 00:00:03 บ้านเยชื่อคาโบชิบิโตคูเฮจิค่ะเขาทำเป็น
00:00:03 → 00:00:06 สาเกแพ็คที่นี้พอไปยุโรปคือเขาก็จะถาม
00:00:06 → 00:00:09 ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบไหนข้าวพันธุ์อะไร
00:00:09 → 00:00:13 ต่อไปได้เรู้สึกผิดอ่ะมันฉันไม่ได้ทำไม
00:00:13 → 00:00:15 ฉันไม่รู้เรื่องเออที่ตัวเองทำอยู่จากที่
00:00:15 → 00:00:18 เคยซื้อข้าวคือเลอปลูกข้าวเองหมด
00:00:18 → 00:00:21 เลยสวัสดีครับผมหมีจิรณรงค์ครับและนี่คือ
00:00:21 → 00:00:24 รายการพแสที่คุยเรื่องเทรนด์การกินกับคน
00:00:24 → 00:00:28 ในวงการอาหาร EP นี้ผมชวนเทลจาก The สาเก
00:00:28 → 00:00:30 room มาคุยกันเรื่องสาเกเครื่องดื่มของ
00:00:30 → 00:00:32 ญี่ปุ่นที่กำลังมาแรงมากในบ้านเราตอนนี้
00:00:32 → 00:00:35 ครับแต่เราจะลงลึกกันที่เรื่องสโลสาเก
00:00:35 → 00:00:38 ซึ่งตอนเเป็นเทรนด์ที่ใหญ่มากๆในญี่ปุ่น
00:00:38 → 00:00:40 โรงสาเกเก่าแก่หลายโรงเนี่ยหันมาปรับตัว
00:00:40 → 00:00:42 เป็นสโลวสาเกกันหมดแล้วเพราะว่าเขา
00:00:42 → 00:00:45 ต้องการจะเอาสาเกเนี่ยไปสู่สากลให้มาก
00:00:45 → 00:00:47 ขึ้นเรื่องราวของโสากจะเป็นยังไงเนี่ยฟัง
00:00:47 → 00:00:51 ได้ใน E Direction EP นี้เลย
00:00:51 → 00:00:55 ครับ E Direction คุยกับคนในวงการอาหาร
00:00:55 → 00:00:59 ว่าเราควรกินอะไรถึงจะดี
00:00:59 → 00:01:00 [เพลง]
00:01:01 → 00:01:03 The สาก room คืออะไรครับเทล The สาก
00:01:03 → 00:01:07 room ก็ก่อนหน้าเคืออยากจะแนะนำสาเกอยาก
00:01:08 → 00:01:09 ให้คนรู้จักสากมากขึ้นเราก็เลยคิดว่าเออ
00:01:09 → 00:01:12 เราอยากทำ workshop อยากทำให้แบบคนได้มา
00:01:12 → 00:01:14 เทสมาอะไรก็เลยเปิดเป็นเพจชื่อ the sag
00:01:14 → 00:01:17 room ค่ะแล้วก็ทำคาทำ workshop จัดชิมทำ
00:01:18 → 00:01:20 pairing ไปเรื่อยๆจนล่าสุดเนี่ยค่ะ
00:01:20 → 00:01:22 เดี๋ยวจะเปิดเป็น Pop Up ก็คือจะมีหน้า
00:01:22 → 00:01:25 ร้านะก็คนก็มาหาเราได้มาแบบมี testing
00:01:25 → 00:01:28 ได้ค่ะจะได้แบบแนะนำกันแบบเป็นเจอกันจะ
00:01:28 → 00:01:30 ได้คนจะได้รู้ว่าเจอแล้วเราได้ที่ไหนอยู่
00:01:30 → 00:01:33 ที่ทองหลอกอแล้วนอกจากสาเกที่เทลทำอยู่
00:01:33 → 00:01:37 เทลทำอะไรอีกบ้างตอนนี้ก็ถ้าอาชีพหลักก็
00:01:37 → 00:01:40 จะเป็น Food and the consultant ก็คือ
00:01:40 → 00:01:43 จะดูแบบให้ maker ให้ธุรกิจอาหารร้าน
00:01:43 → 00:01:45 อาหารช่วยดูเแบบ set up ตอนเปิดร้านทำ
00:01:45 → 00:01:48 แบบ Business ที่เขาทำเรื่อยๆอ่ะเราก็ไป
00:01:48 → 00:01:50 ดูว่าเขาดเหลือตรงไหนแล้วควรจะทำอะไร
00:01:50 → 00:01:52 เพิ่มอือแล้วก็อีกอย่างนึงอันนี้จะเป็น
00:01:52 → 00:01:55 งานจิตอาสาก็เกี่ยวกับเรื่องอาหารเหมือน
00:01:55 → 00:01:57 กันก็คือเป็น slow Food community
00:01:57 → 00:01:59 Bangkok พวก Food West อะไรอย่างเงี้ยอ
00:02:00 → 00:02:02 นิยามคว่า slow Food นิดนึงได้มั้ยครับ
00:02:02 → 00:02:05 มันคืออะไร slow Food น่าจะพูดว่าเป็น
00:02:05 → 00:02:08 กลุ่มคนที่เขาเคลื่อนไหวเรื่องพวกการกิน
00:02:08 → 00:02:10 แล้วะกันค่ะซึ่งตอนนี้ก็จะมีอยู่ 4 ที่ก็
00:02:11 → 00:02:14 จะมีเซฟเชียงใหม่เฟเชียงใหม่ก็จะทำเรื่อง
00:02:14 → 00:02:16 พวกโปรดิวเซอร์แบบเกษตรกรอะไรเงี้ยค่ะอ่า
00:02:16 → 00:02:20 สฟชุมพรก็ทำเรื่องปลาอแล้วก็จะมี slow
00:02:20 → 00:02:22 Coffee อยู่ที่เชียงรายก็จะทำเรื่อง
00:02:22 → 00:02:25 เรื่องกาแฟอืกาแฟแบบแบบ slow Coffee อ่ะ
00:02:25 → 00:02:28 ค่ะก็คือกาแฟที่แบบดูเรื่องสิ่งแวดล้อม
00:02:28 → 00:02:30 อือมีมีกสิ่งแวดล้อมใหม่แล้วก็มีของเรา
00:02:30 → 00:02:33 เป็นสฟกรุงเทพฯอืแล้วความสนใจสาเกมันมา
00:02:33 → 00:02:35 เมื่อไหร่ครับความสนใจสาเกจริงๆมันเริ่ม
00:02:35 → 00:02:38 จากที่ทำคอนเซาเพราะว่าเราทำคอนซาลูกค้า
00:02:38 → 00:02:40 ส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นเป็นลูกค้าญี่ปุ่น
00:02:40 → 00:02:42 หรือว่าคนไทยที่ไปซื้อแบรนด์มาเราก็ต้อง
00:02:42 → 00:02:44 เนี่ยเราก็ต้องดื่มซาเกเราต้องรู้จักซาเก
00:02:44 → 00:02:47 รู้จักชูมันก็เริ่มดื่มไปแบบเฮ้ยมันอร่อย
00:02:47 → 00:02:49 อ่ะอันนี้มันมันสนุกจังเลยอะไรเงี้ยแล้ว
00:02:49 → 00:02:54 ก็ค่อยๆค่อยๆดื่มค่อยๆชิมเรียนเพิ่มจนได้
00:02:54 → 00:02:58 อ่าก่อนโควิดอ่ะค่ะก็สอบสอบเป็น liens
00:02:58 → 00:03:03 การสอนอืจริงังมากๆของสมาคมคือที่ี่ปุ่นเ
00:03:03 → 00:03:06 ก็มีหลายสมาคมแล้วก็เราก็อ่าลงอยู่ที่
00:03:06 → 00:03:09 สมาคมหนึซึ่งปีนึงก็จะสอนคอร์สให้เขาแบบ
00:03:09 → 00:03:11 ปีละครั้ง 2 ครั้งอะไรเงี้ยค่ะแต่ว่าเรา
00:03:11 → 00:03:13 ก็ทำส่วนตัวของเราด้วยว่าเออเราอยากทำ
00:03:13 → 00:03:15 workshop แบนี้แบบนั้นที่เกี่ยวกับสากี
00:03:15 → 00:03:17 หมายถึงว่าเราไปเรียนแล้วเราต้องมาสอน
00:03:17 → 00:03:20 ด้วยใช่มั้ยฮะใช่เราต้องมาสอนด้วยของ
00:03:20 → 00:03:23 สมาคมเเคเรียนอะไรกันบ้างครับเค้าก็จะ
00:03:23 → 00:03:26 เรียนคือถ้าเบสิคอ่ะเขาก็จะเรียนทั่วๆไป
00:03:26 → 00:03:29 ว่าสากทำมาจักอะไรยังไงแบ่งไทแบบไหนคจะแิ
00:03:29 → 00:03:33 กับาลคือหักทั่วไปแต่ว่าอย่างพอถ้าเราจะ
00:03:33 → 00:03:35 เรียนเพื่อจะสอบอย่าเงี้ยค่ะเขาจะเหมือน
00:03:35 → 00:03:37 เรียนครุศาสตร์อ่ะอาจารย์เขจะมาแล้วเขาก็
00:03:37 → 00:03:41 จะแบบอ่ะมาให้หัวข้อมาแล้วก็ไปเตรียมอนะ
00:03:41 → 00:03:44 แล้วก็มาสอนฉันอ๋อก็คือแบบให้เหมือนให้
00:03:44 → 00:03:46 ฝึกสอนให้ฝึกสอนแล้วเก็จะมาคอมเมนว่าเรา
00:03:46 → 00:03:49 ดีตรงนี้ไม่ดีตรงนี้พูดแบบนี้เข้าใจยากนะ
00:03:49 → 00:03:52 แต่ว่าแต่ว่าตอนนั้นน่ะคือสอนสอนเป็นภาษา
00:03:52 → 00:03:56 ญี่ปุ่นเพราะอาจารย์เป็นคนญี่ปุ่น
00:03:56 → 00:04:00 ค่ะเมื่อกี้ที่เคลบอกว่าพอทำกับทำงานกับ
00:04:00 → 00:04:02 ร้านอาหารในไทยเมีคนญี่ปุ่นเหมือนตอน
00:04:02 → 00:04:06 เนี้ยถ้าสังเกตดูอ่ะเอ่อสาเกมันเริ่ม
00:04:06 → 00:04:08 เริ่มเป็นที่พูดถึงเยอะขึ้นในร้านอาหารดี
00:04:09 → 00:04:11 กว่าเวลาไปร้านอาหารญี่ปุ่นอาหารญี่ปุ่น
00:04:11 → 00:04:13 ไม่ต้องญี่ปุ่นเดี๋ยวนี้เป็นแบบไฟ dining
00:04:13 → 00:04:16 ไทยก็มีสาเกเป็นหนึ่งในนั้นเนาะตลอด
00:04:16 → 00:04:18 เหมือนแบบช่วงนี้เป็น movement ที่สาเก
00:04:18 → 00:04:21 กำลังบูมในไทยหรือเปล่าเฮอะอ่าเทลคิดว่า
00:04:21 → 00:04:22 มันอาจจะเป็น movement ที่มันออกมานอก
00:04:22 → 00:04:25 ประเทศเหมือนควรเริ่มเข้าใจเสน่ห์มันมาก
00:04:25 → 00:04:28 ขึ้นอือเพราะว่าจริงๆอาหารอาจจะต้องบอก
00:04:28 → 00:04:31 ว่าพอสระเกมันทำมาจากข้าวมันมีความซับ
00:04:31 → 00:04:34 ซ้อนมากแล้วก็มันเข้ากับอาหารเอเชียคือ
00:04:35 → 00:04:37 คือคนคนเอเชียเป็นคนทำมันก็ค่อนข้างเข้า
00:04:37 → 00:04:38 อาหารเอเชียจริงๆเพราะฉะนั้นนอกจากอาหาร
00:04:38 → 00:04:41 ญี่ปุ่นอาหารไทยอาหารทางเนี้ยคือเข้าหมด
00:04:41 → 00:04:43 เลยเราก็รู้แล้วอาหารเอเชียค่อนข้างอัน
00:04:43 → 00:04:45 นี้ไม่ได้พูดว่าใครดีกว่าใครแต่ว่าความ
00:04:45 → 00:04:48 ซับซ้อนมันเยอะมันมีหมากดองมันมีอะไรที่
00:04:48 → 00:04:51 แบบฝรั่งกินก็บางทีก็ตกใจเออๆก็เลยรู้สึก
00:04:51 → 00:04:53 ว่ามันใช้ได้หลากหลายอือมันก็เหมือนกับ
00:04:53 → 00:04:56 แบบเหมาะกับพอเหมาะกับอาหารเอเซียพอดี
00:04:56 → 00:04:59 อหารเอเซียใช่ค่ะเหมือนเเป็นช่วงที่เริ่ม
00:04:59 → 00:05:02 กระจายสกออกมาจากประเทศญี่ปุ่นกันใช่มั้ย
00:05:02 → 00:05:04 ฮด้วยด้วยด้วยเพราะว่าในประเทศเนี่ย
00:05:04 → 00:05:08 consumption เรทมันน้อยมากต้องอาจจะมี
00:05:08 → 00:05:11 หลายสาเหตุค่ะพี่หมีเพราะว่าอ่าคนดื่ม
00:05:11 → 00:05:14 น้อยลงประเทศญี่ปุประชากรก็น้อยลงกลาย
00:05:14 → 00:05:16 เป็นว่าตลาดตอนเนี้ยที่ Export มันโตกว่า
00:05:16 → 00:05:20 มันค่อยๆโตเราก็จะเห็นว่าในตอนเนี้ยก็จะ
00:05:20 → 00:05:24 มีโรงสาเกที่เกิดนอกประเทศที่ไม่ใช่ใน
00:05:24 → 00:05:27 ญี่ปุ่นน่ะเยอะขึ้นทั้งยุโรปทอเมริกาหรือ
00:05:27 → 00:05:30 ว่าโรงสาเกเดิมอ่ะก็ไปเปิดเป็นสาขาที่
00:05:30 → 00:05:32 นู่นแล้วเป็นคนญี่ปุ่นทำมั้ยครับเอ่อก็มี
00:05:32 → 00:05:35 ทั้ง 2 แบบค่ะมีคนญี่ปุ่นไปทำหรือว่าเป็น
00:05:35 → 00:05:37 คนต่างชาติที่ทำแล้วก็เขาก็จะจ้างเป็น
00:05:37 → 00:05:40 คอนเซาจากโรงสาเกในญี่ปุ่นนี่แหละมาช่วย
00:05:40 → 00:05:42 ทำคอนเซาให้หน่อยมาดูมาคุมมอนิเตอร์
00:05:42 → 00:05:46 เรื่องคุณภาพมาสอนอะไรอืแว่าจริงๆแล้ว
00:05:46 → 00:05:49 กระแสสาเกเนี่ยมันค่อนข้างบุมทั่วโลกมา
00:05:49 → 00:05:51 สักพักใหญ่แล้วเนาะมาสักพักแล้วใช่ค่ะเออ
00:05:51 → 00:05:54 แต่ตอนเเหมือนที่ไทยเนี่ยกำลังจะเริ่มอื
00:05:54 → 00:05:56 เทลน่าจะบอกว่ามันมันเริ่มมาสักพักแล้ว
00:05:56 → 00:05:58 ใช่มั้ยเทลคิดว่ามันมันยังเล็ดอยู่แต่ว่า
00:05:58 → 00:06:01 มันกำลังจะอืเพราะว่าเมื่อก่อนคนไทยรู้
00:06:01 → 00:06:04 จักสาเกอยู่บ้างนะแต่ภาพมันอาจจะต่างจาก
00:06:04 → 00:06:08 สาเกในยุคนี้พอสมควรมั้ยจริๆใช่คนสมัย
00:06:08 → 00:06:12 ก่อนอาจจะรุ่นอาจจะบอกว่ารุ่นประมาณคุณอา
00:06:12 → 00:06:14 อะไรอย่างเงี้ยค่ะรุ่นแบบรุ่นนั้นน่ะรุ่น
00:06:14 → 00:06:17 แบบ Baby มอร์อ่ะเขาก็จะรู้จักสะเกอาจจะ
00:06:17 → 00:06:20 เขาอาจจะทันช่วงที่ญี่ปุ่นเนี่ยถึงช่วง
00:06:20 → 00:06:22 ที่รุ่งเรืองที่สุดอ่ะช่วงนั้นก็จะเป็น
00:06:22 → 00:06:26 พวกกินโจบูมคือแบบกินโจบูมก็จะมีพวกแบบคน
00:06:26 → 00:06:28 ก็จะฮิกินพวกกินโจไดกินโจมันมาพร้อมกับ
00:06:28 → 00:06:31 เทคโนโลอ่ะค่ะอาจจะต้องเล่าไปถึงแบบเอโดะ
00:06:31 → 00:06:35 อ่ะอสมัยเอโดะนี่คือสาเกมันจะเป็นประเภท
00:06:35 → 00:06:38 แบบมันจะยมันจะมาคลีมากมันจะค่อนข้างกิน
00:06:38 → 00:06:42 ยากเรียกว่าอะไรแมนๆหน่อยแมนๆใช่ๆหนักๆ
00:06:42 → 00:06:45 แมนๆอันนั้นคือสมัยก่อนทำจากน้ำกระด้าง
00:06:45 → 00:06:48 อ่าโจะฮิตพอหลังจากนั้นสักพักนึงกลับมาพ
00:06:48 → 00:06:51 มายุคเมจิก็จะเป็นเรื่องคนตะวันตกเริ่ม
00:06:51 → 00:06:54 เข้ามาแล้วก็เทคโนโลยีมันจะพัฒนามากขึ้น
00:06:54 → 00:06:59 มันก็จะมีเ่อวิวัฒนการของกินโจขึ้นมาก่อน
00:06:59 → 00:07:02 ที่จะกินโจบูมถามว่ากินโจคืออะไรก็คือ
00:07:02 → 00:07:05 เอ่อก็จะมีคนเดี๋ยวอาจจะเล่าเรื่องบิดา
00:07:05 → 00:07:08 ของกินโจเออๆคุณคุณมิอุระเนี่ยคุณบูโร่
00:07:08 → 00:07:11 เนี่ยเป็นคนที่มาจากเมืองอิสึเมืองเล็กๆ
00:07:11 → 00:07:14 เป็นเมืองท่าอค่ะอยู่ตรงฮิโรชิซึ่งตรง
00:07:14 → 00:07:18 นั้นน่ะเขาก็ตรงนั้นน่ะมันจะเป็นน้ำนิ่ม
00:07:18 → 00:07:20 คำว่าน้ำนิ่มคืองงมั้ยเนี่ยมามกี้ตั้งแต่
00:07:20 → 00:07:22 น้ำกระด้างน้ำกระดงน้ำกระดงน้นิ่น้ำน้ำ
00:07:22 → 00:07:25 กระด้างกับน้ำนิ่มต้องบอกก่อนคือสมัยก่อน
00:07:25 → 00:07:27 นู่นที่บอกเอโดอ่ะเขาจะนิยมใช้น้ำกระด้าง
00:07:27 → 00:07:30 น้ำกระด้างก็คือน้ำที่มีแร่าดเยอะมอเยอะ
00:07:30 → 00:07:33 มากเวลาเรากินเข้าไปมันจะแบบคาคายไคอ
00:07:33 → 00:07:35 อันเนี้ยนก็ได้ที่เาบอกว่าเป็นแรงๆก็คือ
00:07:35 → 00:07:38 เป็นอย่างงั้นใช่มอ่าที่ทีนี้พอทำน้ำใช้
00:07:38 → 00:07:41 น้ำกระด้างทำอ่ะค่ะพวกอ่าเวลาเฟอร์เมนต์
00:07:41 → 00:07:43 น่ะมันจะค่อนข้างเฟอร์เมนต์ได้แบบเยอะมัน
00:07:43 → 00:07:46 ก็เลยกลายเป็นรสชาติมันเต็มใช่ส่วนใหญ่
00:07:46 → 00:07:50 มันจะฟูทีนี้พอพอมาเจอโชิเป็นน้ำนิ่ม
00:07:50 → 00:07:52 เนื่องจากตรงนั้นน่ะเป็นน้ำนิ่มเขาก็เอ๊ะ
00:07:52 → 00:07:54 ทำยังไงดีคุณมิระเนี่ยทำยังไงดีนะให้มัน
00:07:54 → 00:07:57 แบบเหมือนเราใช้น้ำตรงนี้ได้เขาก็ไปวิจัย
00:07:57 → 00:08:00 ไปดูงานตามที่ต่างๆตัวสุดท้ายตอนเขาแก่
00:08:00 → 00:08:04 เขาก็เจอวิธีการทำแบบกลิ่นโจอขึ้นมาก็คือ
00:08:04 → 00:08:07 ใช้น้ำนิ่มทำแล้วก็เวลาบ่มก็บ่มด้วย
00:08:07 → 00:08:10 อุณหภูมิที่ต่ำแล้วก็บมนานหน่อยอืบมนาน
00:08:10 → 00:08:13 อุณหภูมิต่ำมันก็จะได้สาเกรสชาติที่แบบ
00:08:13 → 00:08:17 ละมุนหอมขึ้นบวกกับอีกอย่างนึงบวกกับที่
00:08:17 → 00:08:21 คิชิค่ะมันมีเทคโนโลยีเรื่องการสีข้าวอ
00:08:21 → 00:08:23 ที่ดีขึ้นคือคือเมื่อก่อนน่ะสักเคเนี่ย
00:08:23 → 00:08:27 อาจจะใช้ข้าวทั้งเป็ดเลยใช่มั้ยก็อาจจะสี
00:08:27 → 00:08:30 สมัยก่อนสีไม่ได้เยอะมากค่ะต้องสีใช่ๆ
00:08:30 → 00:08:32 ต้องสีข้าวก่อนเสีเพื่ออะไรครับอย่าง
00:08:32 → 00:08:34 สมมุติข้าวกล้องอะไรพวกเนี้ยที่เรากินน่ะ
00:08:34 → 00:08:36 ข้าวข้าวเปลือกใช่มั้ยเพราะกระเท้าออกมัน
00:08:36 → 00:08:38 จะเป็นข้าวกล้องข้าวกล้องมันก็จะมีพวกน้ำ
00:08:38 → 00:08:41 มันมีวิตามินของที่ดีกับร่างกายอ่ะเราเรา
00:08:41 → 00:08:44 เอาออกเราเราจะไปทำของที่มันไม่ดีกับร่าง
00:08:44 → 00:08:48 กายเออเพราะว่าถ้ามีเยอะเกินไปรสชาติมัน
00:08:48 → 00:08:50 จะไม่ไม่ค่อยมันจะแบบแปลกๆอ่ะค่ะมันจะมี
00:08:50 → 00:08:54 แปงๆออือก็คือมันต้องมีแบบพอดีพอดีส่วน
00:08:54 → 00:08:56 ใหญ่พออยากทำรสชาติที่เป็นอโรม่าเยอะๆ
00:08:56 → 00:08:59 ละมุนๆมส่วนใหญ่เขาก็จะสีข้าวออกงนี้
00:08:59 → 00:09:01 เรียกว่ากินโจเนาะสาเกที่มีความเรียกว่า
00:09:01 → 00:09:05 อะไรมีอโรม่าเอหอมมีความลึกซึ้งมากขึ้น
00:09:05 → 00:09:07 ของมันซึ่งไดกินโจคืออะไรนะครับไดกินโจก็
00:09:07 → 00:09:11 คือเขาจะมีคือญี่ปุ่นน่ะเขาจะชอบแบ่งเขา
00:09:11 → 00:09:13 จะชอบตั้งชื่อให้ทุกอย่างเขาชอบแบ่ง
00:09:13 → 00:09:15 category ของทุกอย่างทีเนี้ยก็จะมีวิธี
00:09:15 → 00:09:20 การแบ่ง catagory ของสาเกอือๆก็โดยการสี
00:09:20 → 00:09:22 ข้าวการขัดข้าวเปอร์เซ็นต์การขัดข้าวอ๋อ
00:09:22 → 00:09:25 แบ่งจากการขัดข้าวใช่แเกาดข้าวแล้วก็ส่วน
00:09:25 → 00:09:28 ประกอบที่อยู่ในสาเกอันนั้นว่าสาเกเนี้ย
00:09:28 → 00:09:31 มีแอลกอฮอลการผสมหรือไม่มีแกอการผสมอัน
00:09:31 → 00:09:34 นี้อย่างนึงก่อนอแล้วก็เรื่องกินโจได
00:09:34 → 00:09:36 กินโจก็จะมาจากการสีข้าวระดับการสีระดับ
00:09:37 → 00:09:41 การสียิ่งสีออกมากมันก็จะเรียกเง่ายๆแล้ว
00:09:41 → 00:09:43 กันสีออกมากก็จะเรียกไดกินโจก็คือเหลือ
00:09:43 → 00:09:45 เหลือข้าวน้อยเหลือข้าวน้อยคือขัดออกไป
00:09:45 → 00:09:47 เยอะคันออกไปเยอะขาออกไปเยอะแล้วก็ลงมา
00:09:47 → 00:09:49 อีกอันนึงก็จะเป็นกิมโจไดมันแปลว่าใหญ่
00:09:49 → 00:09:52 แล้วก็กิมโจแล้วก็เป็นอื่นๆเป็นจุนไมเป็น
00:09:52 → 00:09:56 อะไรไปอซึ่งส่วนใหญ่ตรงเนี้ยมันก็จะราคา
00:09:56 → 00:09:59 แพงเพราะว่ามันมีกระบวนการเยอะว่ามันต้อง
00:09:59 → 00:10:02 ใช้กระบวนการเยอะแล้วก็ข้าวสมมุติว่าขวด
00:10:02 → 00:10:05 นึงอ่ะถ้าเราขัดข้าวน้อยเราก็จะใช้ข้าว
00:10:05 → 00:10:07 ไม่ต้องเยอะแต่ถ้าเราขัดข้าวเยอะมันจะ
00:10:07 → 00:10:09 เหลือน้อยใช่มยคะกว่าจะได้ขวดนึงก็ต้อง
00:10:09 → 00:10:12 ใช้ต้นทุนสูงขึ้นมันก็จะแพงไปตามนั้นมัน
00:10:12 → 00:10:15 ก็มี perception สมัยก่อนมีคนบางคนเข้าใจ
00:10:15 → 00:10:18 ผิดว่าเออแบบไดกินโจคือดีคินโจคือดีแต่
00:10:18 → 00:10:22 ว่าพอมาถึงปัจจุบันนี้มันไม่เสมอไป
00:10:22 → 00:10:26 และหลังจากกินโจแล้วเนี่ยมันจะเป็นยุคอีก
00:10:26 → 00:10:29 ยุคนึงแล้วป่ะฮะใช่ค่ะเพอหลังจากกินโจก็
00:10:29 → 00:10:32 เป็นรุ่นเนี้ยรุ่นหลังๆมันก็จะมีสาเกหลาก
00:10:32 → 00:10:36 หลายมากขึ้นออือคนสมัยก่อนน่ะอ่าเวลาเรา
00:10:36 → 00:10:39 คุยกับบิว vier ใช่มั้ยคะเขาก็จะให้ความ
00:10:39 → 00:10:42 สำคัญกับการเทคนิคการทำเยอะเช่นแบบว่าฉัน
00:10:42 → 00:10:44 ทำเทคนิคแบบนี้แบบนั้นเพื่อสิ่งนี้สิ่ง
00:10:44 → 00:10:48 นั้นแต่ตอนเนี้ยพอมันหลังๆมันเปลี่ยนไป
00:10:48 → 00:10:52 อาจจะยกยกตัวอย่างสักที่นึงก็ได้อย่างอ่า
00:10:52 → 00:10:55 จะมีโรงสาเกลงนึงที่เขาให้ความสัมพัลึก
00:10:55 → 00:10:57 แต่รัวมากนี่ก็จะคล้ายๆคล้ายๆแต่รัวคือ
00:10:57 → 00:10:59 เอ่อ
00:10:59 → 00:11:01 ก็เป็นพื้นที่เนอืเป็นพื้นที่อยู่ตรงนั้น
00:11:01 → 00:11:04 ว่าปลูกยังไงเอ่อลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบ
00:11:05 → 00:11:07 ไหนข้าวพันธุ์อะไรซึ่งทุกอย่างมันจะส่งผล
00:11:07 → 00:11:11 กับสาเกมากๆอือซึ่งก็เหมือนไวนก็เหมือน
00:11:11 → 00:11:14 ไวนมาจากไวนเลยแหละใช่ๆจริงๆก็อาจจะ
00:11:14 → 00:11:17 เหมือนไวนอันนี้ก็อยากจะเล่าให้อันให้ฟัง
00:11:17 → 00:11:19 เพราะว่าเขาประสบการณ์เขาคือแบบเริ่มที
00:11:19 → 00:11:22 เดียวอ่ะอันเนี้ยเ่าบ้านเยชื่ออ่าคาชิ
00:11:22 → 00:11:25 บิโตคูเฮจิค่ะเขาจะอยู่ตรงนาโกย่าอ
00:11:25 → 00:11:28 นาโกย่าต้องเล่าก่อนคือเขามี 2 โรงโรงแรก
00:11:28 → 00:11:31 เาเปิดที่อือๆซึ่งสมัยก่อนน่ะสมัยก่อน
00:11:31 → 00:11:34 นู่นรุ่นพ่อรุ่นเก่าๆเขาอ่ะเขาทำเป็นสาเก
00:11:34 → 00:11:36 แพ็คเป็นกระดาษที่ถูกๆแล้วแสโปรดักชันขาย
00:11:36 → 00:11:39 เยอะเยอะใช่มั้ยคะพอมารุ่นหลังๆเขาเพราะ
00:11:39 → 00:11:41 รุ่นเขาอ่ะเขาก็เริ่มทำสากที่ define
00:11:41 → 00:11:46 เป็นสากดีๆขึ้นมาทีนี้มันก็เป็นช่วงที่คน
00:11:46 → 00:11:48 เนี่ย bey เขาก็จะออกไปข้างนอกหมายถึงว่า
00:11:48 → 00:11:51 ไปต่างประเทศไปแบบโปรโมทซาเกเค้าอะไร
00:11:51 → 00:11:55 เงี้ยเขาก็ไปเจอทีนี้มันก็ทีนี้พอไปยุโรป
00:11:55 → 00:11:57 ก็จะเจอคนที่เขายุโรปเขาจะเป็น perception
00:11:57 → 00:12:01 เรไายเออใช่เออคือเขาก็จะถามเวลาคนเจอวาย
00:12:01 → 00:12:03 เจะแบบแล้วองุ่นเป็นยังไงแล้วเธอเป็นสโลป
00:12:03 → 00:12:06 ยังไงหน้าไปทางไหนอะไรงี้ใช่ป่ะเอออันนี้
00:12:06 → 00:12:08 เขาก็เหมือนแบบเอ๊ะแต่ว่าเราอ่ะคือ
00:12:08 → 00:12:11 ญี่ปุ่นน่ะสาเกเราให้ความสำคัญกับกับวิธี
00:12:11 → 00:12:14 การทำไงเขาก็แบบเออข้าวข้าวเป็นยังไงก็
00:12:14 → 00:12:16 ถามเรื่องข้าวงข้าเป็นยังไงแล้วเธอปลูก
00:12:16 → 00:12:19 ตรงไหนแล้วเธอหันไปทางไหนแล้วอากาศมัน
00:12:19 → 00:12:22 เป็นยังไงสูงมั้ยดินเป็นยังไงเคก็จะเออๆ
00:12:22 → 00:12:24 แบบไปได้ตไม่ได้แต่ว่าเมื่อแต่ว่าเมื่อ
00:12:24 → 00:12:27 ก่อนก่อนหน้านั้นเนี่ยสาเกเาก็จะไม่ได้
00:12:27 → 00:12:29 แบบให้ความสำคัญกับข้าวหรือแหล่งปูกอะไร
00:12:29 → 00:12:32 ขนาดนั้นปส่วนใหญ่ไม่ค่อยคือเขาก็เค่อน
00:12:32 → 00:12:34 ข้างคุยเรื่องเทคนิคเยอะนี้เขาก็เลยรู้
00:12:34 → 00:12:36 สึกเกลับมาเรื่องของที่คูเฮจเก็เลยรู้สึก
00:12:36 → 00:12:40 ว่าแบบนัไเรู้สึกผิดอ่ะมันฉันไม่ได้รู้
00:12:40 → 00:12:42 ทำไมฉันไม่รู้เรื่องเออที่ตัวเองทำอยู่เ
00:12:42 → 00:12:44 ก็แบบเลิกพอปี
00:12:44 → 00:12:48 2010 ก็คือจากที่เคยซื้อข้าวคือเลิกปลูก
00:12:48 → 00:12:50 ข้าวเองหมดเลยแล้วเใช้ข้าวจากไหนจำได้
00:12:50 → 00:12:52 มั้ยครับข้าวเนี่ยเขาจะมีอยู่ 2,000 อือ
00:12:52 → 00:12:54 ก็คือเขาเลือกพันธุ์ที่มันแข็งแรงก็คือ
00:12:54 → 00:12:58 พันธุ์อ่าชื่อยดนิิอันนี้จะได้ยินบ่อยอ
00:12:58 → 00:13:00 อันนี้จะได้ยินบ่อยเป็น King of สาเก
00:13:00 → 00:13:02 ต้องบอกว่าข้าวที่ทำสาเกเนี่ยไม่ใช่ข้าว
00:13:02 → 00:13:05 ที่เอามากินดออจะไม่เหมือนกันเหมือนกัน
00:13:05 → 00:13:09 ข้าวสาเกมันจะมีสตาชเยอะคือมันจะแปง
00:13:09 → 00:13:12 เยอะแล้วก็ใหญ่ใหญ่กว่าข้าวกินเยอะคือชีย
00:13:12 → 00:13:14 มันจะอ้วนกลมอ่ะค่ะเวลาขัดสีอะไรก็ใช้
00:13:14 → 00:13:16 ง่ายแล้วก็ค่อนข้างเป็นข้าวที่เขาพัฒนา
00:13:17 → 00:13:20 พันธุ์มาแล้วออือจากเก่าพันธุ์ที่เก่าที่
00:13:20 → 00:13:22 สุดชื่อโอจิอันนี้ที่ที่ครูเฮจิก็ปลูก
00:13:22 → 00:13:25 เหมือนกันอือแล้วก็มันก็จะมีสายมาแล้วก็
00:13:25 → 00:13:27 เหมือนคนสมัยก่อนน่ะนึกถึงคนสมัยก่อนแบบ
00:13:27 → 00:13:29 ไปหมู่บ้านนี้มาแล้วว่าอุ๊ยฉันมีพันธุ์
00:13:30 → 00:13:33 เนี้ดีเอามาผสมกันมยจนเกิดยนิกิซึ่งเกิด
00:13:33 → 00:13:35 ที่จังหวัดเฮียวกะก็คือตรงที่เขาปลูกนั
00:13:35 → 00:13:38 แหละตที่เขาปลูกใช่ตรงนั้นเลยก็แปลว่าพอ
00:13:38 → 00:13:40 หลังจากที่ไปเมืองนอกมาแล้วก็แบบรู้สึก
00:13:40 → 00:13:42 ว่าเไม่รู้อะไรเลยเงี้ยกลับมาลงลึกเรื่อง
00:13:42 → 00:13:44 ข้าวเลยกลับมาลงลึกเรื่องข้าวคราวนี้ไม่
00:13:44 → 00:13:47 พูดแล้วเรืองว่าทำอะไรยีสอะไรไม่พูดเลย
00:13:47 → 00:13:51 เออตอนที่ไปก็คือแบบเนี่ยมาดูสิข้าวฉัน
00:13:51 → 00:13:54 ข้าวฉันคือพาไปนานอย่างเดียวแล้วก็แบบขับ
00:13:54 → 00:13:57 รถไปจากโกเบประมาณ 2 ชั่วโมงเนาะที่เราไป
00:13:57 → 00:14:00 กันแล้วก็เก็แบบพาดูแบบเหมือนภูมิประเทศ
00:14:00 → 00:14:03 อ่ะว่าตรงนี้มันมีแม่น้ำนะตรงนี้มันสูง
00:14:03 → 00:14:05 ตรงนี้มันต่ำใช่มั้ยอใช่แล้วอย่างเขาก็จะ
00:14:05 → 00:14:08 มีหลายซีรียส์หรือจะมีอยู่ซีรีสนึงก็คือ
00:14:08 → 00:14:11 เป็นยาดาที่ิิวิธีทำเหมือนกันเป๊ะเพียง
00:14:11 → 00:14:14 แต่ว่าโซนน่ะห่างกันแบบขับรถสมมุติถ้าขับ
00:14:14 → 00:14:17 รถไปก็ห่างกันประมาณ 10 นาทีอืซึ่งทุก
00:14:17 → 00:14:19 อย่างทำเหมือนกันหมดขัดสีเท่ากันอีสตัว
00:14:19 → 00:14:20 เดียวกันอะไรตัวเดียวกันแต่รสชาติไม่
00:14:21 → 00:14:22 เหมือนกันใช้ข้าแบบเดียวกันด้วยใช้ข้าว
00:14:22 → 00:14:24 แบบเดียวกันด้วยพันธุ์เดียวกันด้วยแปลว่า
00:14:24 → 00:14:27 เต้องการพิสูจน์ว่ามันแตกต่างกันเพราะ
00:14:27 → 00:14:31 ข้าวจริงเพะข้าวจริงๆใช่
00:14:31 → 00:14:35 ค่ะซึ่งคุณครูเฮจิเนี่ยก็ให้ความสำคัญกับ
00:14:35 → 00:14:39 พื้นที่ในการปลูกแล้วก็ทำเป็นสาเออกมา
00:14:39 → 00:14:41 เป็นเป็นซีรียส์ของคมที่เป็นเรื่องพื้น
00:14:41 → 00:14:43 ที่เท่านั้นใช่ค่ะเป็นพื้นที่แต่ละโซน
00:14:43 → 00:14:45 เป็นยังไงแล้วก็ที่สำคัญอีกอย่างนึงของ
00:14:45 → 00:14:49 เขาคือเขาจะมีวินเทจอืที่ขวดจะมีเขียนว่า
00:14:49 → 00:14:53 ปี 2022 ปี 2021 อะไรอย่างเงี้ยซึ่งเขา
00:14:53 → 00:14:56 ตั้งใจว่าสาเกอ่ะมันสาเกมันมีหลายประเภท
00:14:56 → 00:14:59 เหมือนไวเลยไวมันก็จะมีที่แบบคนคจะกินเลย
00:14:59 → 00:15:01 ตอนนี้ควรจะดื่มเลยตอนนี้หรือทิ้งเอาว่า
00:15:01 → 00:15:03 อีก 2-3 ปีอันนี้มันเหมาะกับ Age นะอร่อย
00:15:03 → 00:15:06 กว่าออือซึ่งซึ่งจริงๆสระเกก็ทำได้เหมือน
00:15:06 → 00:15:08 กันออแต่มันก็แล้วแต่สาเกแต่ละประเภทแต่
00:15:08 → 00:15:11 ว่าบ้านเนี้ยเขาตั้งใจให้สาเกเขาอ Edge
00:15:11 → 00:15:14 ไปอีก 4-5 ปีกี่ปีก็อร่อยถามเป็นความรู้
00:15:14 → 00:15:17 ครับว่าสระเกที่เอาไป Edge ได้กับสระเก
00:15:17 → 00:15:19 ที่ต้องกินเลยมันมันมีความแตกต่างกันยัง
00:15:19 → 00:15:21 ไงสระเกที่กินเลยก็ยกตัวอย่างเช่นพวกนามะ
00:15:21 → 00:15:26 สระเกที่ไม่ได้พรซเน้นความแบบสดชื่นก็คือ
00:15:26 → 00:15:29 พอพอเหมือนกับหมักเสร็จใช่มั้ยอไม่ได้
00:15:29 → 00:15:33 ผ่านความรเไม่ได้อยากให้หยุดมันก็จะสดมัน
00:15:33 → 00:15:35 จะเป็นแบบความมันจะมีความ refreshing
00:15:35 → 00:15:37 ความสดชื่น Buble อะไรอย่างี้ถ้า Age มัน
00:15:37 → 00:15:41 ก็จะของพวกนี้มันก็จะหายอือสาเกพวกนี้ก็
00:15:41 → 00:15:43 ควรจะทานเลยแต่สาเกที่แต่ว่าไม่ได้แปลว่า
00:15:44 → 00:15:46 ทุกคน Edge ได้มันก็จะมี type ของแต่ละ
00:15:46 → 00:15:48 อันบางอัน Age แล้วดีง Edge แล้วไม่ดี
00:15:48 → 00:15:51 อะไรอย่างเงี้ยแปลว่าสากเกมันจะมีความ
00:15:51 → 00:15:54 develop พัฒนาของมันอยู่ในในขวดตลอดเวลา
00:15:54 → 00:15:57 อใช่ค่ะใช่แต่มันก็แล้วแต่ว่าเรา Age แบบ
00:15:57 → 00:16:00 ไหนด้วยอืที่ตั้งใจ Edge โดยเฉพาะเขาก็จะ
00:16:00 → 00:16:04 มี Edge แบบ Edge ใน room temperature
00:16:04 → 00:16:07 20 กว่าหรือ Edge แบบอยู่ในเย็นๆอะไร
00:16:07 → 00:16:10 เงี้ยค่ะรสชาติมันก็จะไม่เหมือนกันแต่
00:16:10 → 00:16:13 อย่างของของจิเนี่ยเขาก็จะให้ใส่ในตู้
00:16:13 → 00:16:16 เย็นอืธรรมดาเก็บปกติแล้วก็ทิ้งไปเลยอื
00:16:16 → 00:16:19 คือก็จะมีลูกค้าเาเคยเลฟังลูกค้าที่ซื้อ
00:16:19 → 00:16:22 แบบ 6 ขวดแล้วก็เปลี่ยนเปิดไล่ไปทีละปี
00:16:22 → 00:16:24 ว่าเออแต่ละปีเป็นยังไงอะไเออน่าทำเนกลัว
00:16:24 → 00:16:28 หมดก่อนกลัวหมดก่อนจริงคือมันสามารถเปิด
00:16:28 → 00:16:30 แล้วก็ปิดฝาแล้วก็เก็บไว้ได้ใช่มั้ยอ่า
00:16:30 → 00:16:32 จริงๆไม่ค่อยแนะนำค่ะแบบให้ให้ปิดอย่าง
00:16:33 → 00:16:35 งั้นไปเลยแล้วก็ปีหน้าค่อยเปิดอีกขวดนึง
00:16:35 → 00:16:37 อย่างเงี้ยออโอเครู้สึกว่าญี่ปุ่นตอน
00:16:37 → 00:16:39 เนี้ยจะมีโรงสาเกที่เหมือนปรับตัวเองเยอะ
00:16:39 → 00:16:42 เหมือนกันใช่เยอะๆแต่มีอีกตัวนึงที่เธอ
00:16:42 → 00:16:44 ชอบมากชื่อซีฟู้ดคือตรงนั้นมันเป็นเมือง
00:16:44 → 00:16:47 ท่าออยสเตอร์อร่อยเออฮิโรชิดังเรื่อง
00:16:47 → 00:16:49 ออยสเตอร์เรื่องแบบซีฟู้ดใช่มั้ยคะเขาก็
00:16:49 → 00:16:51 จะมีสาเกตัวนึงที่เหมาะกับทานเหมือนซีทาน
00:16:51 → 00:16:55 กับซีฟู้ดเลยซึ่งเคยคุยกับกับเ่อโอเนอร์
00:16:55 → 00:16:57 อ่ะค่ะที่เป็นเป็นเาเป็นโทจิด้วยโทจิก็
00:16:57 → 00:17:01 คือคนที่กกำหนดเรื่องรสชาติการบิเป็นคน
00:17:01 → 00:17:03 ปรุงสาเกเป็นคนปรุงสาเกใช่ๆเขาก็บอกว่า
00:17:03 → 00:17:06 ตัวเดีไซน์ออกมาเพื่อกินกับซีฟู้ดเพราะ
00:17:06 → 00:17:08 ว่ามันเข้ากับอาหารฮิโรชิแล้วเวลากิน
00:17:08 → 00:17:10 สมมติเรากินออยสเตอร์เข้าไปใช่ป่ะคะแล้ว
00:17:10 → 00:17:12 เราก็ดื่มไอ้ตัวเนี้ยคูโจซีฟู้ดเข้าไปคือ
00:17:12 → 00:17:15 มันเหมือนเราบีบเลมอนเข้าไปในปลาใช่คือ
00:17:15 → 00:17:18 เขาดีไซน์แบบนั้นฮอือซึ่งตัวเนี้ยเขาใช้
00:17:18 → 00:17:22 เขาก็ปรับปรับโคจิใช้ปรับกันโคจิแล้วก็
00:17:22 → 00:17:24 การทำออกมาให้มันจริงๆมันค่อนข้างคล้าย
00:17:24 → 00:17:28 วายอือมันมีความแบบเหมือนแบบเวลาเราได้
00:17:28 → 00:17:30 กลิ่นน่ะก็เป็นแบบกลิ่นเลมอนกลิ่นอะไร
00:17:30 → 00:17:32 เหมือนเหมือนเราทานวายขาวเลยซึ่งตัวนี้ก็
00:17:32 → 00:17:35 จะเป็นค่อนข้างเป็นที่นิยมในต่างประเทศออ
00:17:35 → 00:17:38 โคจินี่คือยีสโคจิจะเป็นจริงๆเป็นเป็นลา
00:17:38 → 00:17:41 ค่ะอือถ้าถ้าเทียมกันก็เป็นลาที่มันจะ
00:17:41 → 00:17:46 เข้าไปละลายอ่าแป้งให้เป็นน้ำตาลก่อน
00:17:46 → 00:17:48 เสร็จแล้วก็ยีสก็จะเข้ามากินน้ำตาลอีกที
00:17:48 → 00:17:51 แล้วก็คลายออกมาเป็นแอลกอฮอล์โอเแต่ว่า
00:17:51 → 00:17:55 การปรับโคจิเนี่ยจะช่วยปรับรสชาติใช่เใช้
00:17:55 → 00:17:57 ตัวนั้นน่ะเขาคต้องใใช้ไทโคให้มันเปรี้ยว
00:17:57 → 00:17:59 ให้มันมีแบบมีรสรสชาตแบบนั้นก็จะเป็นรส
00:17:59 → 00:18:03 ชาติสมัยใหม่หน่อย
00:18:03 → 00:18:07 อืคืออย่างอ่ะคุณครูไอจิเคจะดูเรื่องการ
00:18:07 → 00:18:09 ปลูกการผลิตข้าวเนาะคนนี้เริ่มมาเป็น
00:18:09 → 00:18:11 เรื่องรสชาติแล้วเริ่มมาเป็นเรื่องรสชาติ
00:18:11 → 00:18:13 เพราะว่าเขาคิดว่ามันก็จะมี LINE อัพของ
00:18:13 → 00:18:16 เขาที่เป็นคลาสสิคส่วนลายเยก็จะเป็นลาย
00:18:16 → 00:18:19 ที่เขารู้สึกว่ามันไปออให้คนคนต่างประเทศ
00:18:19 → 00:18:23 หรือแบบคนหลากหลายทานได้เยอะขึ้นเพิ่งได้
00:18:23 → 00:18:26 ยินมาไม่นานนี่เองว่าเหมือนรถเปรี้ยว
00:18:26 → 00:18:28 เมื่อก่อนไม่อยู่ไม่เคยอยู่ในสาเเท่าไหร่
00:18:28 → 00:18:34 เลยก็ก็จริงก็จริงใช่คก่อนมันจะอุมิายอื
00:18:34 → 00:18:37 เหมือนจะเดี๋ยวเนี้ยสาเกพอมันไปทางไวนมาก
00:18:37 → 00:18:39 ขึ้นเนี่ยค่ะมันเริ่มมีความเปรี้ยวเริ่ม
00:18:39 → 00:18:43 มีอือเริ่มมีรสชาติที่สนุกมากขึ้นกับมกรอ
00:18:43 → 00:18:45 ถ้าจะแบบยกตัวอย่างอันนี้ก็เห็นชัดเหมือน
00:18:45 → 00:18:48 กันก็คือชื่อมันจะมีแบรนด์อยู่แบรนด์นึง
00:18:48 → 00:18:51 ชื่อคาเซนริอเคยพี่หมีอาจจะเคยเห็นคนอาจ
00:18:51 → 00:18:55 จะเคยเห็นเยอะจริงๆเขาเอยู่ที่นาราซึ่ง
00:18:55 → 00:18:57 นาราเนี่ยเป็นเหมือนต้นกำเนิดคือสมัยก่อน
00:18:57 → 00:19:00 ตอประมาณมิตประมาณปี
00:19:00 → 00:19:03 1360 Something เเขาจะไปเจอไอ้ตัวเขา
00:19:03 → 00:19:06 เรียกนิกิค่ะเป็นบันทึกเก่าของนายวัดว่า
00:19:06 → 00:19:09 ทำรูสาเกแบบนี้ก็คือแบบเก่าแก่ที่สุดมัน
00:19:09 → 00:19:13 เกิดขึ้นที่นาราในวัดที่นาาอซึ่งพอบ้านเ
00:19:13 → 00:19:16 เขามาจากนาราเขาก็ยังทำแบบโบไดโมโตะอยู่
00:19:16 → 00:19:19 แบบเนี้ยโบไดโมตคือคือแบบทำเป็นวิธีทำวิว
00:19:19 → 00:19:21 สาเกตแบบเก่าที่สุดซึ่งไม่ค่อยมีใครทำแน่
00:19:21 → 00:19:25 เขาจะเขาจะทำน้ำก่อนอือคือเอาข้าวสารสมัย
00:19:25 → 00:19:27 ก่อนเขาไม่รู้หรอกว่าแลคติกแอซิดมาไงเเอา
00:19:27 → 00:19:30 ข้าวสารแช่นะน้ก่อนแล้วก็ค่อยๆให้ lactic
00:19:30 → 00:19:33 Acid ขึ้นมาแล้วค่อยๆบูอะไรอย่าเงี้ยคือ
00:19:33 → 00:19:35 ใช้วิธีธรรมชาติประมาณนึงแต่สิ่งที่อยาก
00:19:35 → 00:19:37 จะเล่าก็คือว่าบ้านนี้เขาก็จะมีทรง
00:19:37 → 00:19:40 คลาสสิคก็เหมือนกันทรงคลาสสิคแล้วเจะมี
00:19:40 → 00:19:43 อีกแบรนด์นึงก็คือคนิก็คืออันเนี้ยตั้งใจ
00:19:43 → 00:19:46 ที่จะให้มันเป็นโมเดินอฮอือก็คือเป้าหมาย
00:19:46 → 00:19:49 เขาคอนเซปเขอจะทำแบรนด์เยก็คือว่าอยากใช้
00:19:49 → 00:19:51 เทคโนโลจีตอนนี้ที่มีทำสาเกตที่ทำได้ใน
00:19:51 → 00:19:54 ตอน pres Present ตอนปัจจุบันแล้วก็หา
00:19:54 → 00:19:57 possibility ว่าแบบในอนาคตอ่ะเาทำสเกแบบ
00:19:57 → 00:19:59 ไหนให้ในโลกนี้ได้บ้าง
00:19:59 → 00:20:01 เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่ตัวตัว flagship เขา
00:20:01 → 00:20:03 อ่ะมันเป็นตัวนามะเป็นตัวที่ไม่ได้
00:20:03 → 00:20:07 พรซแล้วก็พอเราชิมอ่ะเราจะได้แบบแอปเปิล
00:20:07 → 00:20:10 เลยค่ะหอมอคำแรกคำแรกก็จะมีแบบฟิซซี่มัน
00:20:10 → 00:20:12 มาจากคาร์บอนไดออกไซด์ที่มันยังเหลืออยู่
00:20:12 → 00:20:15 ในขวดอือเอแล้วก็จะมีความหอมอะไรเงอันนี้
00:20:15 → 00:20:18 คนไทยชอบแต่เขาก็ยังเก็บความเป็นสาเกดั้ง
00:20:18 → 00:20:20 เดิมของเขาอยู่เมีเมีเาก็จะมีเหมือนกัน
00:20:20 → 00:20:22 ค่ะก็คือเหมือนเหมือนบ้านฟูคูโจก็จะมีลาย
00:20:22 → 00:20:25 คลาสสิกลายแบบใหม่อย่างเงี้ยแล้วแต่ว่า
00:20:25 → 00:20:29 ลูกค้าอยากจะชิมแบบไ่งเคยถามว่าอันไหนขาย
00:20:29 → 00:20:32 ดีกว่ากันจริงๆเทว่าขายดีทั้งคู่นะคนก็
00:20:32 → 00:20:34 ชอบ traditional เหมือนกันนะคะออมันก็น่า
00:20:35 → 00:20:37 จะแล้วแต่
00:20:37 → 00:20:40 วันก่อนจะถึงบ้านต่อไปอยากรู้เรื่อง
00:20:40 → 00:20:43 เทรนด์ของรสชาติสาเนในปัจจุบันเนี่ยมัน
00:20:43 → 00:20:46 มันเป็นประมาณไหนะที่คนนิยมกันที่คนนิยม
00:20:46 → 00:20:48 ก็จะเป็นแบบเมื่อกี้ที่เล่าให้ฟังก็คือ
00:20:48 → 00:20:51 ดื่มง่ายออือสดแบบดื่มง่ายสดชื่อ
00:20:51 → 00:20:53 แอลกอฮอล์ต่ำแอลกอฮอลต่ำแอลกอฮอลแบเดี๋ยว
00:20:53 → 00:20:57 เนี้ 13 144 อ่ะคนจะชอบชอบต่ำๆหน่อยอื
00:20:57 → 00:21:00 ให้มันกินได้เรื่อยๆให้มันทานได้เรื่อยๆ
00:21:00 → 00:21:02 ใช่เพราเมื่อก่อนแป๊บเดียวก็เมาแล้วอืใช่
00:21:02 → 00:21:06 แล้วก็ไม่ได้ลดจัดมากรดแบบเบาๆอือสบาย
00:21:06 → 00:21:10 สบายอืออส่วนใหญ่อือแต่มันก็ยังมีสระเก
00:21:10 → 00:21:13 ที่แบบเลเยอร์เยอะๆรถจัดซับซ้อนมันก็แล้ว
00:21:13 → 00:21:16 แต่วที่ที่บอกพี่หมีว่าเราอยากได้อะไรแต่
00:21:16 → 00:21:19 เทรน์หลังๆอ่ะมันจะมาทางนี้แหละออืออือมี
00:21:19 → 00:21:22 ว่ามีมครับมีเคสที่แบบอาจะมีอยู่ 2 บ้าน
00:21:22 → 00:21:25 ที่ที่ที่ยกตัวอย่างได้บ้านแรกก็จะอยู่
00:21:25 → 00:21:29 ที่ fukushima ชื่อนิดาคองเกะออือันนี้ก็
00:21:29 → 00:21:32 คือทำมาตั้งแต่สมัยเเริ่มปี 1711 ก็คือ
00:21:32 → 00:21:36 ย้อนไป 300 กี่ปีอ่ะบวกเลกมันถูก 34 กว่า
00:21:36 → 00:21:39 ปีอ่ะก็คือนานมากซึ่งบ้านเนี้ยก็ยังทำ
00:21:39 → 00:21:41 เหมือนเดิมคือสมัยก่อนน่ะมันก็ไม่มีสาร
00:21:41 → 00:21:44 เคมีใช่ป่ะไม่มีสารเคมีปลูกข้าวเองก็ทำ
00:21:44 → 00:21:46 แบบแบบเนี้ยซึ่งตอนเนี้บ้านเนี้ยก็ยังทำ
00:21:47 → 00:21:50 แบบนั้นอยู่ก็คล้ายๆกับเอ่อบ้านเมื่อกี้
00:21:50 → 00:21:52 เหมือนกันที่ยังทำกระบวนการบดโมโตดั้ง
00:21:52 → 00:21:55 เดิมใช่แต่ว่าอันนี้มันก็จะแตกต่างกันโบ
00:21:55 → 00:21:57 โตเป็นแบบแรกก็จริงแต่หลังหลังจากนั้น
00:21:57 → 00:22:00 ต้องอธิบายมันก็จะมีการพัฒนานะเออแบบเป็น
00:22:00 → 00:22:04 แบบคิโตะคิโตะคืออันนี้จะเป็น Natural
00:22:04 → 00:22:06 yeast fermentation ก็คือไม่เติมยีส
00:22:06 → 00:22:10 เข้าไปอือโบตโมโตะนี่ยังเติมยีสนะคอ๋อแต่
00:22:10 → 00:22:13 ว่าคีโตอาจจะไม่เติมแต่เป็นวิธีเก่าแก่
00:22:13 → 00:22:15 เป็นวิธีเก่าแก่เหมือนกันแต่ว่าคนไม่ค่อย
00:22:15 → 00:22:16 ทำแล้วเพราะว่ามันยากมันค่อนข้าง Lab
00:22:17 → 00:22:19 intensive มันต้องเอาคนมาคนใช่มันน่าจะ
00:22:19 → 00:22:21 คล้ายๆ W เหมือนกันแต่มันเป็นไนยุคใหม่
00:22:21 → 00:22:23 คล้ายๆกันเนาะเป็น National W ที่แบบอือ
00:22:23 → 00:22:28 ก็ไม่ nal ไก็ใช้ยธรรมชาติเหมือนกันก็มี
00:22:28 → 00:22:31 มีมีหลายแบบเมื่อกี้ที่บอกอือที่บอกมี
00:22:31 → 00:22:34 หลายแบบแต่ว่าถ้าเกิดพูดถึงนิดาฮองเคอือ
00:22:34 → 00:22:37 เขาก็จะแบบใช้ธรรมชาติ 100% ธรรมชาติ 100%
00:22:37 → 00:22:40 ก็คือคือมันก็จะมียุคนึงที่เขาไม่ได้เค้า
00:22:40 → 00:22:42 เรียกเพราะเาทำนานใช่มั้คะสมัยก่อนมันก็
00:22:42 → 00:22:44 จะมีแบบต้องทำแบบ mas Production ต้อง
00:22:44 → 00:22:46 อะไรเงี้ยแต่สมัยตั้งแต่รุ่นคุณปู่เขาอ่ะ
00:22:46 → 00:22:49 เขาก็เริ่มมีเหมือนเขามีไซเรื่องพวกนี้
00:22:49 → 00:22:52 อยู่แล้วเรื่องธรรมชาติเก็เขาก็รักษาข้าง
00:22:52 → 00:22:55 หลังมันจะเป็นภูเขาซึ่งเขาก็จะเริ่มมีแบบ
00:22:55 → 00:22:57 ปลูกป่าตั้งแต่รุ่นคุณปู่่ะกลับมาปลูกป่า
00:22:57 → 00:23:00 เพิ่มปูกไปทำอะไรเขาก็เพื่อรักษาต้นน้ำ
00:23:00 → 00:23:03 ค่ะเาใช้น้ำจากที่นี่เใช้น้ำ 2 แหลงน้ำ
00:23:03 → 00:23:05 จากภูเขากับน้ำบาดาลอือน้ำน้ำจากภูเขา
00:23:06 → 00:23:08 เป็นน้ำนิ่มส่วนน้ำบาดาลจะเป็นน้ำกระด้าง
00:23:08 → 00:23:10 ก็คือมีความรู้เรื่องน้ำตั้งแต่สมัยโบราณ
00:23:10 → 00:23:13 อใช่ก็เขาก็จะปลูกป่าเพื่อรักษารักษาต้น
00:23:13 → 00:23:16 น้ำเอาไว้อือรักษาต้นน้ำไว้แล้วก็แล้วก็
00:23:16 → 00:23:19 พอรุ่นคุณพ่อรุ่นคุณพ่อเนี่ยก็เริ่มปลูก
00:23:19 → 00:23:21 ข้าวกลับมาปลูกข้าวแบบออร์แกนิคทั้งหมด
00:23:21 → 00:23:23 แล้วก็คือเขาปูมาตั้งแต่รุ่นสมัยก่อนที่
00:23:23 → 00:23:26 จะกลับมาทำแบบนี้ค่ะจนถึงรุ่นเา้าอ่ะตอน
00:23:26 → 00:23:28 นี้รุ่นที่ 18 สิ่งแรกก็คือที่บอกก็คือ
00:23:28 → 00:23:30 น้ำก็คือแบบยังปลูกป่าเหมือนเดิมยังตัด
00:23:30 → 00:23:33 อือแต่ว่าปลูกป่ามันเป็นป่าสนใช่มั้คะมัน
00:23:33 → 00:23:35 ทุกปีมันก็จะต้องตัดบ้างไม่งั้นมันจะแน่น
00:23:35 → 00:23:39 เกินไปอ่ะค่ะอ่าเขาก็จะเอาไม้สนน่ะมาทำมา
00:23:39 → 00:23:44 ทำตัวถังถังไม้ที่เอาไว้บมสาเกคือเหมือน
00:23:44 → 00:23:46 อนุรักษ์สุดสายเลยนะไม่ใช่แค่ตัวสาเก
00:23:46 → 00:23:48 อย่างเดียวใชใช่ก็คือตั้งแต่ตั้งแต่ต้น
00:23:48 → 00:23:51 เลยตั้งแต่ต้นน้ำเออต้นน้ำป่าไม้ทีนี้
00:23:51 → 00:23:53 ข้าวเรื่องข้าวก็จะมีเา้าก็จะปลูกเองส่วน
00:23:54 → 00:23:57 หนึ่งอโดยทุกอย่างไม่มีสารเคมีแล้วก็เขา
00:23:57 → 00:23:59 จะมีเป็นแบบชุมชนชนข้างๆที่ปลุกให้เขาาก็
00:24:00 → 00:24:02 ไปปลุกเหมือนกันคือไม่ได้ใช้สารเคมีซึ่ง
00:24:02 → 00:24:04 ความไม่ใช้สารเคมีอ่ะมันยากเพราะมันก็จะ
00:24:04 → 00:24:07 มีหญ้ามีอะไรที่เราใช้ยาขย่าไม่ได้อ่ะเรา
00:24:07 → 00:24:10 ต้องเอามือถอดก็ใช้แรงคนใช้แรงคนแบมาก
00:24:10 → 00:24:12 แล้วคือเคยคุยกับเขาเาบอกว่ายิวมันแบบ
00:24:12 → 00:24:15 น้อยมันครึ่งนึงเลยอ่ะอืต่างกันแบบครึ่ง
00:24:15 → 00:24:18 นึงกับที่เขาปลูกแบบ
00:24:18 → 00:24:23 ปกติถ้าฟังดูเหมือนสระเกมันไม่ได้ไปทาง
00:24:23 → 00:24:25 ใหม่สุดซะทีเดียวเนาะมันยังแบบย้อนกลับไป
00:24:25 → 00:24:29 ถึงยุคแรกๆในการทำสเกแบบดั้งเดิมแล้วกัน
00:24:29 → 00:24:31 แบบดั้งเดิมแบดั้งเดมยังยังอนุรักสิ่ง
00:24:31 → 00:24:33 นั้นอยู่เออเหมือนมันไปด้วยกันใช่มั้ยฮะ
00:24:33 → 00:24:36 เมื่อกี้ฟังดูก็แบบทุกบ้านอาจจะหลายๆบ้าน
00:24:36 → 00:24:39 เนที่จะมีลายแบบยุคเก่าเหือกับลายยุคใหม่
00:24:39 → 00:24:41 อะไรอย่าเงี้ยเหมือนเขาก็พอเห็นว่าการ
00:24:41 → 00:24:43 อนุรักษ์มันไม่จำเป็นต้องไปข้างหลังอย่าง
00:24:43 → 00:24:46 เดียวใชไปข้างหน้าก็ได้แต่เดี๋ยวนี้แบบ
00:24:46 → 00:24:50 มันก็มีคนที่เหมือนเอาสระเกมาทำให้มันดู
00:24:50 → 00:24:54 สนุกขึ้นอีกเยอะเลยใช่ๆอย่างพวกอ่าอันนี้
00:24:54 → 00:24:57 อาจจะมาจากาฟสะเกาฟสะเกที่เราคุยกันมา
00:24:57 → 00:25:00 ทั้งหมดเมันอาจจะไม่ได้เรียกว่า C สเคซัก
00:25:00 → 00:25:03 ทีเดียวเนาะแต่ว่าเหมือนเทลเคยบอกว่ามัน
00:25:03 → 00:25:06 เรียกว่าสโลสเคเนาอ่าใช่ค่ะสโลสเคมันคือ
00:25:06 → 00:25:09 อะไรสโลสะเกมันคืออะไร SL สะเกจริงๆกับ
00:25:09 → 00:25:12 ใครทีเหียเหมือน slow Wi อาจคนจะรู้จัก
00:25:12 → 00:25:15 slow Wi ก็คือ slow สะเกก็จะมีหลักๆก็
00:25:15 → 00:25:18 คือเรื่องแรกก็คือว่าจะต้องคนทำอ่ะจะต้อง
00:25:18 → 00:25:20 visible จะต้องมีตัวตนจริงๆไม่ใช่ใครก็
00:25:20 → 00:25:22 ไม่รู้อยู่ดีก็ขายสเกอะไรอย่างเงี้ยใครก็
00:25:22 → 00:25:24 ไม่ได้จริงๆเหรอใครก็ไม่ได้ใช่ต้องต้อง
00:25:24 → 00:25:27 เป็นวต้องหมายถึงว่าไม่ได้เป็นวหมายถึง
00:25:27 → 00:25:29 ว่าต้องมีตัวตนอยู่จริงๆจริงไม่ใช่แบบ
00:25:29 → 00:25:31 อะไรก็ไม่รู้อะไรเงี้ยอันนี้ข้อแรกหมาย
00:25:31 → 00:25:33 ถึงต้องรู้ว่าคุณเป็นใครต้องรู้ว่าคุณ
00:25:33 → 00:25:35 เป็นใครใครทำสระเกอันนี้ข้อ 1 แล้วก็ข้อ
00:25:35 → 00:25:38 ที่ 2 คือเขาต้องมี Connection กับชุมชนอ
00:25:38 → 00:25:40 อือๆแล้วก็ข้อที่ 3 คือต้องใช้ของที่อยู่
00:25:40 → 00:25:43 ในชุมชนของที่อยู่ในชุมชนคือน้ำกับข้าว
00:25:43 → 00:25:46 ใช่มั้ยคะเป็นหลังต้องใช้ของในชุมชนอัน
00:25:46 → 00:25:48 นี้คือสโลสะเกใช่มั้ยอันนี้คือสโลสะเกก็
00:25:48 → 00:25:50 คือคือไม่ได้พูดเรื่องออร์แกนิคแต่ว่า
00:25:50 → 00:25:53 อยากให้มันมี Connection กับกับในท้อง
00:25:53 → 00:25:57 ถิ่นออใช่ค่ะเนี่ยคือสโลสากเพราะฉะนั้น
00:25:57 → 00:25:59 จริงๆที่พูดมาทั้งหมดวันเเนี่ยก็เป็นสล
00:25:59 → 00:26:02 สเกหมดเลยเพราะเขาใช้อเขาใช้น้ำใช้ข้าวใน
00:26:02 → 00:26:04 ท้องถิ่นแล้วก็มีทุกทุกที่ก็จะมี
00:26:04 → 00:26:08 Connection กับชุมชนออคิซึ่งซึ่งความ
00:26:08 → 00:26:11 หมายของสโลสาเกกับคาฟสาเกเนี่ยเธอไม่
00:26:11 → 00:26:14 เหมือนกันซะทีเดียวอือถ้าถ้าคนทั่วไปอ่ะ
00:26:14 → 00:26:16 อาจจะมองว่าเอ้ยสระเกใหม่มันเป็นแบบาฟ
00:26:16 → 00:26:18 หรือเปล่าอะไรอย่างเงี้ยเนาะแต่ว่าจริงๆ
00:26:18 → 00:26:21 ถ้าถ้าจะพูดตามกฎหมายอ่ะสาเกปกติอ่ะเขาค
00:26:21 → 00:26:25 เรียกเุอือฮึอือซึ่งก็คือคือมันก็จะมีกฎ
00:26:25 → 00:26:28 หมายกำหนดว่าต้องใช้ข้าวใช้ข้าวแล้วก็บม
00:26:28 → 00:26:31 แล้วก็กรองบีบกรองออกมาแล้วก็แอลกอฮอล์
00:26:31 → 00:26:33 ห้ามเกิน 22% นี้คือตามนี่คือกฎหมายที่เ
00:26:33 → 00:26:36 บอกค้าไวนเหมือนเใช่อันนี้มีกฎหมายแต่ว่า
00:26:36 → 00:26:38 ไม่ค่อยมีใครทำถึง 22 หรอกค่ะส่วนนี้ก็จะ
00:26:38 → 00:26:41 ทำที่ 14 15 16 ประมาณเนี้ยอือแต่ว่า
00:26:41 → 00:26:44 หลังๆก็จะมีคนที่ทำ 20 เหมือนกันแหละแต่เ
00:26:44 → 00:26:46 ก็จะบอกว่าสระเกเนี่ยเอาไว้เอาาไว้ผสม
00:26:46 → 00:26:48 โซดานู่นนี่นั่นนะอันนี้ก็จะเป็นอีก
00:26:48 → 00:26:49 ประเภทนึงเนาะแต่ก็อันนี้ก็คือเรียกว่า
00:26:49 → 00:26:53 สระเกเหมือนกันส่วนอีกประเภททีนี้มันจะมี
00:26:53 → 00:26:55 เรื่องว่าอ่าอันนี้ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีข้อ
00:26:55 → 00:26:58 เสียเว่ามันดับ2คมนะคือประเทศเอยอยากจะ
00:26:58 → 00:27:03 โทคประเทศเขาอยากจะปกป้องอ่า bey ที่อยู่
00:27:03 → 00:27:06 ตอนเนี้ยอยู่เขาก็เลยไม่ไม่มี Lens ให้
00:27:06 → 00:27:07 เพิ่มสำหรับคนที่อยากจะทำสาเกสมมุติว่า
00:27:08 → 00:27:10 เทลบอกว่าเอ้ยเทลอยากจะเปิดลสาเกอ่ะเทล
00:27:10 → 00:27:14 ไม่สามารถจะทำเซชุได้เทลต้องไปทำสุราแช่
00:27:14 → 00:27:18 แบบอื่นแทนใช่ซึ่งอันนี้กฎหมายเขาจะเรียก
00:27:18 → 00:27:21 ว่าคสาเกแต่ว่าญี่ปุ่นต่อจากนี้จะไม่มี
00:27:21 → 00:27:24 ใครทำลงสเคได้อีกแล้วป่าอ่ามันมีคือเรา
00:27:24 → 00:27:27 ต้องไปซื้อไลเซนควนคิดจะเลิกเท่านั้นเลย
00:27:27 → 00:27:29 เหรอไม่ไม่สามารถกตั้งขึ้นมาใหม่อ่าอัน
00:27:29 → 00:27:32 นี้อาจะต้องไปคุยเรื่องกฎหมายค่ะอตอนนี้
00:27:32 → 00:27:35 มันจะมีอยู่ประมาณบวกลบอยู่ที่ 1,200
00:27:35 → 00:27:39 1,200 โรงญี่ปุ่นออที่ที่เป็นโรงสาเกใช่
00:27:39 → 00:27:41 แปลว่าคนรุ่นใหม่ถ้าจะเริ่มทำอะไรเนี่ยไป
00:27:41 → 00:27:45 ทำคาฟสาเน่าจะทำคาฟสาเกจะขอไลเซ่นง่าย
00:27:45 → 00:27:48 กว่าขอหรือถ้าเราไปซื้อโรงไายเซ่นเก่าก็
00:27:48 → 00:27:52 ได้ออือแบบนี้ก็ได้มีคนแปลว่ามีคนเลิกทำ
00:27:52 → 00:27:55 สาเกกันเยอะเหมือนกันเยอะเยอะเหมือนกัน
00:27:55 → 00:27:59 ถ้าถ้าตามเรคคอร์ดช่วงเอดที่พีถ้าเทวจำ
00:27:59 → 00:28:01 ไม่ผิดประมาณ 27,000 บ 27,000 27,000
00:28:01 → 00:28:03 เยอะมากเกเมื่อกี้เทวบอกเท่าไหร่นะ
00:28:03 → 00:28:06 ปัจจุบันปัจจุบัน 1,200 คือมันหายไปแบบ
00:28:06 → 00:28:09 มันหายไปเยอะมากโดยเฉพาะที่พีคที่สุดก็
00:28:09 → 00:28:12 คือ 20 ปีสุดท้ายอ่ะ 20 ปีหลังเนี่ยอหาย
00:28:12 → 00:28:15 ไป 20 ปีหลังเนี่ยหายไป 800 โลงอืก็คือ 3
00:28:15 → 00:28:19 เดือนหายไปลงนโอ้โหเยอะมากเยอะจริงมันมัน
00:28:19 → 00:28:22 ด้วยหลายอย่างมันคัชขายไม่ดีอะไรอย่างนี้
00:28:22 → 00:28:24 ด้วยค่ะแล้วกฎหมายก็ไม่เอื้อให้เกิดใหม่
00:28:24 → 00:28:26 ด้วยกลายเป็นว่ากฎหมายต้องปกป้องสิ่ง
00:28:26 → 00:28:29 เนี้ยก็ซึ่งไม่รู้ว่าก็มีหลายคนพูดเหมือน
00:28:29 → 00:28:31 กันว่ามันอาจจะเป็นดีหรือไม่ดีมันก็แต่
00:28:31 → 00:28:34 มันก็ดีที่ทำให้เกิดคนที่เป็นซากอนั่นสิ
00:28:34 → 00:28:36 ขึ้นมาหรือมันมีอีกอย่างนึงก็คือว่าไปทำ
00:28:37 → 00:28:40 ต่างประเทศอ๋อคือไม่ต้องใช้กฎหยุ่นหรือ
00:28:40 → 00:28:42 ว่าถ้าฉันไม่สนใจก็คือทำที่ต่างประเทศก็
00:28:43 → 00:28:46 ทำเป็นเหมือนสาเกแบบเหมือนที่ที่ญี่ปุ่น
00:28:46 → 00:28:49 ก็ได้ค่ะก็ใช้ข้าวบีบเป็นเคลียร์อย่าง
00:28:49 → 00:28:52 งั้นอซึ่งเทรนของคาฟสาเกตอนนี้เป็นยังไง
00:28:52 → 00:28:55 บ้างเทนของซัสะเกตอนนี้คนก็สนุกนะคนคน
00:28:55 → 00:28:57 ดื่มเยอะขึ้นอย่างแบบนอกจากลากูนใช่มั้ย
00:28:57 → 00:29:00 คะกุเพิ่งเปิดมา 3 ปีจะมีอีกเจ้านึงชื่อ
00:29:00 → 00:29:02 ฮาโบะก็เพิ่งเปิดมา 3 ปีเหมือนกันอยู่ที่
00:29:02 → 00:29:05 ฟูกูชิมาฮออือือก็เป็นแบบอย่าเงี้คะเป็น
00:29:05 → 00:29:08 สาเกที่แบบสมมุติว่าเาก็ไปเอาเวลากลั่น
00:29:08 → 00:29:10 จินเสร็จมันก็จะมีเิบเลยอยู่เอาอันนี้มา
00:29:10 → 00:29:13 ใส่ก็เป็นกลิ่นแบบเป็นกลิ่นแบบจูนิเปอร์
00:29:13 → 00:29:17 อะไรอย่างเงี้ยแต่ก็เบสเป็นข้าวนะคะ
00:29:17 → 00:29:21 อืซึ่งฟังมาทั้งหมดเนี่ยมันนึกถึงสาโทนะอ
00:29:21 → 00:29:25 คือคือการเราก็ไปดูการทำสาโทของของที่
00:29:25 → 00:29:28 บ้านเรานี่แหละที่แพร่มาฮะอค่ะการใส่
00:29:28 → 00:29:31 สมุนไพรมันคืออยู่ในลูกแป้งเลยเนาแล้วก็
00:29:31 → 00:29:34 ตัวเดียวกันเลยมันก็คือโคจิลูกแป้งที่ทำส
00:29:34 → 00:29:37 สาโทบ้านเรามันก็คือโคจิอแล้วก็เทลน่าจะ
00:29:37 → 00:29:42 เห็นแว่าตอนเสาโทมันก็เริ่มไม่มีใครทำอื
00:29:42 → 00:29:44 แต่ว่าก็มีความพยายามคล้ายกันเลยมันคือ
00:29:44 → 00:29:48 แบบเส้นเดียวกับสาเกเลยมีคนพยายามทำฟ
00:29:48 → 00:29:51 สาโทซึ่งก็สนุกดีเหมือนกันสาโทสนุกๆเห็น
00:29:51 → 00:29:55 เห็นหลายเจ้าเลยอ่ะค่ะอยากให้สนับสนุนอ่ะ
00:29:55 → 00:29:59 ที่เราคุ้นๆกันเจะมีของของเชบเนอืที่ทำาฟ
00:29:59 → 00:30:02 สาโทชื่อเซอิออืออือซึ่งซึ่งก็มีความ
00:30:02 → 00:30:05 พยายามในการใช้ข้าวหนิวข้าวเหนียวเขี้ยว
00:30:05 → 00:30:07 งูข้าวเหนียวเขี้ยวงูมาทำอะไรอย่างเงี้ย
00:30:07 → 00:30:09 แล้วก็มีการคุมอุณหภูมิคือกระบวนการมันดู
00:30:09 → 00:30:13 ทำให้แบบใช่ๆเป็นาฟสาที่สนุกขึ้นอือคิด
00:30:13 → 00:30:17 ว่าตอนเนี้ยถ้าถ้าถามเทลคิดว่าแบบสาโทไทย
00:30:17 → 00:30:20 มันจะเป็นยังไงบ้างถ้ามาจากภาพสาเกแล้ว
00:30:20 → 00:30:22 จริงๆมันเทลว่ามันมันต้องอาจจะต้องใช้
00:30:22 → 00:30:24 เวลา educate หน่อยอือเพราะเหมือนจริงๆ
00:30:25 → 00:30:26 เมื่อก่อนเราก็ดื่มกันมาแต่เหมือนมันหาย
00:30:26 → 00:30:29 ไปพักนึงออือยังเป็นภาพเดียวกันอยู่คือ
00:30:29 → 00:30:32 แบบเป็นอะไรที่กินยากจังเลยแอลกอฮอล์แรง
00:30:32 → 00:30:34 อะไเหมือนไปกินนั่งกินเห้าข่าวภาพมันจะ
00:30:34 → 00:30:37 เป็นอีกแบบนึงแต่จริงๆเดี๋ยวนี้สาโทสนุก
00:30:37 → 00:30:40 เยอะมากเลยสนุกเยอะจริงนะแต่ว่าคนก็ยัง
00:30:40 → 00:30:43 มองข้าสาโทว่าเป็นแบบเหมือนเป็นเหล้าโรง
00:30:43 → 00:30:46 เห้าเหล้าขาวอะไรงี้ซึ่งถ้าถามความแตก
00:30:46 → 00:30:49 ต่างกันเทว่าสาโทกับสาเกมันต่างกันยังไง
00:30:49 → 00:30:52 สาโทจริงๆอ่ะถ้าเอาแบบเบสิคเลยอ่ะค่ะก็
00:30:52 → 00:30:54 คือว่าเขาจะใช้ลูกแป้งซึ่งลูกแป้งมันจะมี
00:30:54 → 00:30:56 หลายอย่างอยู่ในนั้นมันจะไม่เหมือนกับ
00:30:56 → 00:30:59 สาเกตรงที่สาเกเขาจะแบ่งว่าอันนี้โคจิก็
00:30:59 → 00:31:02 คือโคจิีสก็คือยีสอแล้วแต่ว่าใส่ไปพร้อม
00:31:02 → 00:31:04 กันก็จริงแต่ว่ามันทำงานต่างกันอือมันก็
00:31:04 → 00:31:07 อันนี้อาจจะพูดเรื่องแบบวหรอกเทก็ไม่ใช่
00:31:07 → 00:31:09 แบบ R Master เนาแต่ว่ามันแต่ว่าการที่
00:31:09 → 00:31:12 เราใช้โคจิกับกับยีสแยกกันน่ะมันจะรู้ว่า
00:31:12 → 00:31:15 รถเอฟเฟคเงี้ยรสชาติเนี้ยมันมาจากโคจิมา
00:31:15 → 00:31:18 จากยีสหรือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในขวดตอน
00:31:18 → 00:31:20 เนี้ยมันเป็นอันไหนมันก็จะอาจจะเคิดว่า
00:31:21 → 00:31:23 การแยกอ่ะมันก็จะค่อนข้างทำให้แบบเรา
00:31:23 → 00:31:26 วิเคราะห์ในอนาคตได้ดีมากขึ้นอสักเกตจะ
00:31:26 → 00:31:29 แยกกก็เหมือนแบบตอนเนี้ยมันมันมันเริ่มมี
00:31:29 → 00:31:32 อเรียกว่าอะไรมีความรู้มากขึ้นค่ะมี
00:31:32 → 00:31:35 เรื่องอธิบายได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นมันก็
00:31:35 → 00:31:37 เลยแบบพัฒนาได้เร็วขึ้นก็เลยคิดว่าใน
00:31:37 → 00:31:40 อนาคตน่าจะมีอะไรให้เราชิมกันได้เยอะขึ้น
00:31:40 → 00:31:43 สำหรับสาโทน่าสนุกขึ้นกว่าเดิมอซึ่งตอน
00:31:43 → 00:31:47 นี้เทลเองก็เหมือนเอาสาเกเข้ามาจาก
00:31:48 → 00:31:50 ญี่ปุ่นอ่าเทลไม่ได้เป็นคน imp ค่ะแต่จะ
00:31:50 → 00:31:53 เวิกับออตหลายเจ้าแต่เราจะเหมือนแบบอยาก
00:31:53 → 00:31:55 เป็นคนกลางที่ทำเรื่อง culture เรื่อง
00:31:55 → 00:32:00 วัฒนธรรมทำไมคิดว่าสาเกควรให้คนรู้เรื่อง
00:32:00 → 00:32:03 วัฒนธรรมก็จริงๆส่วนตัวเริ่มเพราะว่าชอบ
00:32:03 → 00:32:05 เราชอบอะไรเราก็อยากเล่าให้คนอื่นฟังว่า
00:32:05 → 00:32:07 เราเราชอบกินอันเนี้ยแล้วอันนี้มันไปกับ
00:32:07 → 00:32:09 อาหารดีนะแล้วก็พอทำมาสักพักรู้สึกว่า
00:32:09 → 00:32:12 จริงๆสาเกตกับสาโทมันคล้ายๆกันน่ะอือหมาย
00:32:12 → 00:32:14 ถึงว่ามันมาทางเดียวกันเลยอ่ะมันก็เป็น
00:32:14 → 00:32:16 แบบเหมือนเครื่องดื่มประจำชาติของเราที่
00:32:16 → 00:32:19 เรายังอยากให้มันยังยังมีอยู่แล้วก็อยาก
00:32:19 → 00:32:22 เล่าเรื่องนี้ต่อถ้ามันไปด้วยกันได้อย่าง
00:32:22 → 00:32:25 เงี้ยก็อก็ดีซึ่งใช่แต่ว่าเนี่ยอย่าง The
00:32:25 → 00:32:28 คาจะเล่าเรื่องสาเเนี่ยเราก็ไม่ได้อยาก
00:32:28 → 00:32:30 บอกว่ากินอันนี้สิมันอร่อยนะอะไรอย่าง
00:32:30 → 00:32:31 เงี้ยกินกับอะไรอร่อยอะไรอย่างเงี้ยรส
00:32:31 → 00:32:34 ชาติเป็นยังไงขนาดนั้นแต่ว่าเราสนใจ
00:32:34 → 00:32:37 เรื่องอเบื้องหลังของแต่ละโรงมากเลยมัน
00:32:37 → 00:32:40 สนุกมากเวลาไปกับเทลเดี๋เทลมาเล่าให้ที่
00:32:40 → 00:32:42 นี่ฟังเรื่องมันแต่ละโรงมันจะมี
00:32:42 → 00:32:44 คาแรคเตอร์ต่างกันเลยมีเอกลักษณ์ของตัว
00:32:44 → 00:32:48 เองใช่แล้วก็เหมือนตอนนี้ทุกลงก็จะมุ่งไป
00:32:48 → 00:32:51 สู่เรื่องสิ่งแวดล้อมเยอะเหมือนกันเนาะ
00:32:51 → 00:32:54 ใช่ค่ะใช่มั้ยฮะใช่คเหมือนสาเกมันมันเกิด
00:32:54 → 00:32:56 ด้วยธรรมชาติมั้งใช่มั้ยฮะเราปับตอนนี้ก็
00:32:57 → 00:32:59 เลยต้องกลับไปใช้สระเกเพื่อดูแลธรรมชาติ
00:32:59 → 00:33:03 อีกทีจริงๆแล้วก็อย่างเอย่างญี่ปุ่นน่ะ
00:33:03 → 00:33:06 เขาเชื่อว่ากินสระเกมันเป็นยาอืแต่ทานแบบ
00:33:06 → 00:33:08 ไม่ได้เยินค่ะทานสาเกมันคือการทานยาเพราะ
00:33:08 → 00:33:12 ว่าการบ่มอแบบธรรมชาติอ่ะคือยีสพวกยีสใน
00:33:12 → 00:33:14 ธรรมชาติหรืออะไรเงี้ยมันทำหน้าที่ของมัน
00:33:14 → 00:33:16 แล้วแล้วมันก็บ่มออกมาแล้วมันของพวกนี้
00:33:16 → 00:33:19 มันดีกับร่างกายก็คือเหมือนกินพีบติกอื
00:33:19 → 00:33:23 ใช่มั้ให้ร่างกาย
00:33:23 → 00:33:26 ใช่เมื่อก่อนเ่ะเรารู้สึกว่าสาเกมันคู่
00:33:26 → 00:33:28 กับอาหารญี่ปุ่นเกินกับซูชิกินอะไรอย่าง
00:33:28 → 00:33:31 เงี้ยแต่ความพยายามในการเอาสาเกออกมานอก
00:33:31 → 00:33:34 ประเทศเนี่ยค่ะเหมือนกับเขาก็ไปแิกับ
00:33:34 → 00:33:38 อาหารประจำชาติของแต่ละประเทศอือย่างตอน
00:33:38 → 00:33:40 แรกเราก็แบบสะเกมันจะเข้ากับอาหารไทยจริง
00:33:40 → 00:33:43 ๆหรวะอะไรอย่างเงี้ยเทลเทว่าไงบ้างหมาย
00:33:43 → 00:33:46 ถึงว่ากับการแิของจริงๆจริงๆอ่ะสระเกเข้า
00:33:46 → 00:33:49 กับอาหารไทยมากนะอือเพราะว่าอาจจะเพราะ
00:33:49 → 00:33:50 ว่ามันเป็นเอเชียนเหมือนกันเบสมันเป็น
00:33:50 → 00:33:53 ข้าวเหมือนกันแล้วก็เรากินอาหารเรากิน
00:33:53 → 00:33:55 อาหารค่อนข้างซับซ้อนอ่ะแล้วคล้ายๆ
00:33:55 → 00:33:58 ญี่ปุ่นน่ะมันมีทั้งหมักดองมีฟู้ดมีแบบ
00:33:58 → 00:34:01 เนื้อสัตว์อะไรอย่าเงี้ยที่มันมันเข้ากัน
00:34:01 → 00:34:04 ได้ดีแล้วก็จริงๆสระเกมันมีอมิโนแอซิด
00:34:04 → 00:34:06 เยอะแล้วก็รสชาติมันจะซับซ้อนกว่ามันจะ
00:34:06 → 00:34:08 ช่วยเรื่องแบบเคลือบลิ้นน่ะช่วยล้างลิ้น
00:34:08 → 00:34:10 ช่วยเคลือบลิ้นอย่างเวลาเรากินซีฟู้ดอะไร
00:34:10 → 00:34:13 คาวๆสมมุติเรากินแบบส้มตำปูปาร้าเงี้ยถ้า
00:34:13 → 00:34:17 เรากินวายนะูไม่รอดใช่ป่ะสู้ไม่ได้ยังไง
00:34:17 → 00:34:19 ก็สู้ไม่ได้แต่สาเกมันมีตัวพวกเมันทำให้
00:34:19 → 00:34:23 แบบช่วยล้างช่วยล้างีช่วยทนแบบช่วยลบ
00:34:23 → 00:34:26 กลิ่นขาวังสะเตทั้ง tradition หรือว่า
00:34:26 → 00:34:29 innovation ก็ตามใช่ทาชก็ตามแต่เราอาจจะ
00:34:29 → 00:34:33 เลือกบอดี้หน่อยค่ะว่าถ้าเรากินหนักถ้า
00:34:33 → 00:34:36 เราไปเลือกของไล้ๆอ่ะมันอาจจะยังไงก็สู้
00:34:36 → 00:34:38 ไม่ได้อาจจะต้องเลือกพวกนั้นนิดนึงออัน
00:34:38 → 00:34:41 สุดท้ายแล้วอยากรู้ว่าคิดว่าเทรนหลังจาก
00:34:41 → 00:34:44 เนี้ยญี่ปุ่นเขาจะมีอะไรกับเรื่องสาเกอีก
00:34:45 → 00:34:49 มมเต้องปรับตัวอืออือเพราะว่าจริงๆอย่าง
00:34:49 → 00:34:51 นอกจากแบบคนในประเทศทานได้น้อยลงแล้วอ่ะ
00:34:51 → 00:34:54 ทานน้อยลงแล้วก็ก็ต้องแบบเหมือนทำสาเกที่
00:34:54 → 00:34:57 คนส่วนใหญ่เข้าใจง่ายขึ้นแล้วก็อาหารการ
00:34:57 → 00:34:59 กินเดี๋ยวนี้ก็เปลี่ยนไปที่ญี่ปุ่นเองก็
00:34:59 → 00:35:01 ไม่ได้ทานเหมือนเดิมแล้วอืออือเพราะ
00:35:01 → 00:35:03 ฉะนั้นคิดว่าเทรนมันน่าจะไปทางแบบเหมือน
00:35:03 → 00:35:05 สเกในแบบที่เรากินกันตอนเนี้ยที่เราดื่ม
00:35:05 → 00:35:08 ในปัจจุบันที่ไม่เหมือนเมื่อก่อนเยอะขึ้น
00:35:08 → 00:35:10 น่าจะเยอะขึ้นเรื่อยๆน่าจะเห็นหลายลงที่
00:35:10 → 00:35:12 บอกอาจะมีแบบลายคลาสติกลายโมเดิร์นเยอะ
00:35:12 → 00:35:15 ขึ้นเรื่อยๆใช่เออแล้วมันก็น่าจะน่าจะไป
00:35:15 → 00:35:18 ได้กว้างทั่วโลกขึ้นอีกทีเยอะเลยใช่ค่ะ
00:35:18 → 00:35:20 แล้วก็น่าจะเห็นอีกหน่อยไม่แน่อาจจะมีที่
00:35:20 → 00:35:22 เมืองไทยก็ได้นะถือว่าเพราะตอนนี้ก็คือ
00:35:22 → 00:35:25 ยุโรปใช่ยุโรปก็มีหลายที่แล้วอเมริกาก็มี
00:35:25 → 00:35:27 ะแล้วเมืองไทยที่เป็นเหมือนเป็น
00:35:27 → 00:35:31 destination ของการกินน่ะอืออือคิดว่า
00:35:31 → 00:35:33 อาจจะมีก็ได้นะคะแต่พวกนี้มันต้องขึ้น
00:35:33 → 00:35:37 อยู่กับน้ำก็สาโทังทำได้เลยคิดว่าจรงแต่
00:35:37 → 00:35:39 ก็อยากให้อยากให้สาโทเราอยากให้คนมาลอง
00:35:39 → 00:35:42 สาโทมากขึ้นเหมือนกันเพราะสาโทหลายๆตอน
00:35:42 → 00:35:45 นี้ก็เยอะอือสนุกๆก็เยอะแต่ก็ยังไม่เคยมี
00:35:45 → 00:35:48 ใครเอาข้าวไทยไปลองทำสาเกตจริงๆคิดว่าน่า
00:35:48 → 00:35:52 จะมีคนลองนะคะเออแต่ว่าอาจจะยังไม่เป็น
00:35:52 → 00:35:56 ยังไม่เป็นโปรดักขึ้นมาอือๆๆเคยได้ยิน
00:35:56 → 00:35:58 เหมือนกันแต่ว่ายังยังไม่เห็นเหอืหรือถ้า
00:35:58 → 00:36:00 มีก็บอกด้วยถ้าใครเอถ้าใครเห็นบอกด้วย
00:36:00 → 00:36:02 อยากชิมเหมือนกันอยากชิมเหมือนกันอยากชิม
00:36:02 → 00:36:05 อยากชิมอได้ครับวันนี้น่าจะประมาณนี้แต่
00:36:05 → 00:36:07 ว่าจริงๆเรื่องสระเกมันแค่แค่เริ่มเอง
00:36:07 → 00:36:10 เนาะตอนนี้มันยังมีอีกเยอะมากแล้วแบบวัน
00:36:10 → 00:36:13 หลังอาจจะเชิญเทลมาคุยกันคุยกันสนุกสนุก
00:36:13 → 00:36:15 เออคุยกันแบบได้ึกกว่านี้วันนี้ขอบคุณเทล
00:36:15 → 00:36:27 มากนะครับขอบคุณครับขอบคุณค่ะ
00:36:27 → 00:36:31 แ
00:36:31 → 00:36:36 [เพลง]