00:00:00 → 00:00:03 กินไข่เยอะเดี๋คอเลสเตอโรอลจะสูงนะกินไข่
00:00:03 → 00:00:04 ได้วันละกี่ฟองกันแน่คะ
00:00:04 → 00:00:07 >> คนที่กินไข่ทุกวันวันละ 1 ฟองเป็นเวลา 10
00:00:07 → 00:00:09 ปีเลยเนี่ยไม่ได้สัมพันธ์กับการเกิดโรค
00:00:09 → 00:00:12 หัวใจและหลอดเลือดน้ำมันบางชนิดมีผลในการ
00:00:12 → 00:00:14 เพิ่มคอเลสเตอรอลได้ที่เราชอบเห็นผู้
00:00:14 → 00:00:17 ประกอบการเขียนว่า 0% คอเลสเตอรอลน้ำมัน
00:00:17 → 00:00:21 ปาล์มมีกรดไขมันอิ่มตัวสายยาวกระตุ้นให้
00:00:21 → 00:00:24 ตัดผลิต LDL คอเลสเตอรอลเพิ่มมากขึ้น
00:00:24 → 00:00:26 >> มีน้ำมันอะไรอีกมั้คะที่สุดท้ายทำให้เรา
00:00:26 → 00:00:28 มีไขมันเร็วเพิ่มขึ้น
00:00:28 → 00:00:29 >> หลักๆเลยเนี่ยก็
00:00:29 → 00:00:31 [เพลง]
00:00:31 → 00:00:34 เคยอ่านเจอว่ากินปิ้งย่างบ่อยๆทำให้เป็น
00:00:34 → 00:00:35 มะเร็ง
00:00:35 → 00:00:39 >> อันนี้จริงครับโปรตีนจากเนื้อสัตว์มาโดย
00:00:39 → 00:00:41 ความร้อนสูงจะทำปฏิกิริยาแล้วทำให้เกิด
00:00:41 → 00:00:45 สาร HCA เป็นสารก่อมะเร็งไขมันแทรกอยู่ไข
00:00:45 → 00:00:48 มันเนี่ยโดนความร้อนสูงเกิดสารก่อมะเร็ง
00:00:48 → 00:00:52 ที่ชื่อว่า P พวกเนื้อสัตว์แปรรูปจะมีสาร
00:00:52 → 00:00:55 ก่อมะเร็งแฝงอยู่มันจะทำปริยากับกรดใน
00:00:55 → 00:00:57 กระเพาะอาหารแล้วเปลี่ยนเป็นสาร
00:00:57 → 00:00:59 ไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารกอบต่อมะเร็งเช่น
00:00:59 → 00:01:00 เดียวกัน
00:01:00 → 00:01:02 >> กินปิ้งย่างยังไงให้ไม่เสี่ยงเป็นมะเร็ง
00:01:02 → 00:01:03 คะ
00:01:03 → 00:01:05 >> 6 เทคนิคกินปิ้งย่างยังไงให้ลดความ
00:01:05 → 00:01:08 เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งครับจดไว้ด้วยนะ
00:01:08 → 00:01:10 อย่างแรก
00:01:10 → 00:01:13 >> สวัสดีค่ะอยู่กับ Docts พcastที่จะพาคุณ
00:01:13 → 00:01:15 ไปพบแพทย์เพื่อถามคำถามสุขภาพเจน
00:01:15 → 00:01:18 รัตพันธุ์พันพินิจค่ะถ้าชอบคเทนสุขภาพแบบ
00:01:18 → 00:01:21 นี้นะคะช่วยกดไและ subscribe เป็นกำลังใจ
00:01:21 → 00:01:24 ให้เจนแพทย์แล้วก็ทีมงานด้วยนะคะเราจะได้
00:01:24 → 00:01:26 ผลิตผลงานดีๆแบบนี้ออกมาเรื่อยๆค่ะวันนี้
00:01:26 → 00:01:29 นะคะเราจะมาพูดเรื่องอาหารอีกแล้วค่ะโดย
00:01:29 → 00:01:33 เน้นคำว่าความพอดีนะคะอาหารบางอย่างที่
00:01:33 → 00:01:35 เราคิดว่าดีต่อสุขภาพแต่ถ้าเรากินมากเกิน
00:01:35 → 00:01:38 ไปเนี่ยมันจะส่งผลเสียต่อสุขภาพมั้ยอย่าง
00:01:38 → 00:01:41 เช่นไข่ถ้าเรากินบ่อยๆหรือกินทุกวันเนี่ย
00:01:41 → 00:01:43 มันจะทำให้คอเลสเตอรอลสูงหรือเปล่านะคะ
00:01:43 → 00:01:46 หรืออาหารบางอย่างที่ไม่ดีต่อสุขภาพแต่
00:01:46 → 00:01:49 เราจะขอแอบกินสักนิดนึงเพื่อให้ใจฟูเนี่ย
00:01:49 → 00:01:51 สามารถกินได้จริงมยนะคะแล้วหนึ่งในปัญหา
00:01:51 → 00:01:54 ที่เราจะมาพูดกันในวันนี้ไม่ใช่ปัญหาหรอก
00:01:54 → 00:01:56 ค่ะแต่ว่าเป็นคำถามนะคะก็คือเรื่องของการ
00:01:56 → 00:02:00 กินปิ้งย่างหลายคนมีความกลัวลึกๆในใจว่า
00:02:00 → 00:02:02 ถ้าฉันกินปิ้งย่างเยอะๆเนี่ยจะเป็นมะเร็ง
00:02:02 → 00:02:05 หรือเปล่าแต่ฉันชอบเหลือเกินกินปิ้งย่าง
00:02:05 → 00:02:07 วันนี้เราจะมาให้คำตอบกันค่ะว่ากินปิ้ง
00:02:07 → 00:02:10 ย่างยังไงให้ปลอดภัยจากโรคมะเร็งนะคะและ
00:02:10 → 00:02:13 เช่นเคยค่ะเจนเชิญอาจารย์ท่านนี้นะคะซึ่ง
00:02:13 → 00:02:16 เพิ่งมาให้ความรู้กันเรื่องการกินอาหาร
00:02:16 → 00:02:18 แต่ในเทปนั้นเนี่ยเราจะเน้นเรื่องการลด
00:02:18 → 00:02:21 น้ำหนักนะคะในวันนี้กลับมาอีกครั้งนึงค่ะ
00:02:21 → 00:02:22 สวัสดีค่ะอาจารย์
00:02:22 → 00:02:25 >> สวัสดีครับผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.เอกราภ
00:02:25 → 00:02:27 บำรุงพืชครับ
00:02:27 → 00:02:31 >> คำถามนี้ค่ะเชื่อว่าใครหลายๆคนน่าจะเคยทำ
00:02:31 → 00:02:34 อะไรแบบนี้กันแน่ๆเลยนะคะเขียนมาว่าก่อน
00:02:34 → 00:02:37 หน้านี้เคยไปบนไว้ค่ะแล้วสิ่งที่ขอเป็น
00:02:37 → 00:02:38 จริง
00:02:38 → 00:02:42 >> เลยตั้งใจจะกินมังสาไวรัส 3 เดือนซึ่ง
00:02:42 → 00:02:44 สำหรับเราเนี่ยไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ
00:02:44 → 00:02:46 เพราะว่าเป็นคนชอบกินไข่มากตอนนี้ก็เลย
00:02:46 → 00:02:49 ทุกเช้ากิน 2 ฟองบางวันตอนเย็นก็กินเพิ่ม
00:02:49 → 00:02:53 อีกจนมีเพื่อนเตือนว่ากินไข่เยอะเดี๋ยว
00:02:53 → 00:02:56 คอเลสเตอโรอลจะสูงนะอันนี้เริ่มกลัวเลย
00:02:56 → 00:02:59 ค่ะจริงๆแล้วกินไข่ได้วันละกี่ฟองกันแน่
00:02:59 → 00:03:02 คะแล้วถ้าช่วงที่เรางดเนื้อสัตว์เนี่ยค่ะ
00:03:02 → 00:03:06 ควรจะเลือกกินโปรตีนอะไรดีคะอาจารย์
00:03:06 → 00:03:09 >> ครับผมเรื่องของไข่คอเลสเตอรอลเนาะเป็น
00:03:09 → 00:03:12 เรื่องที่อาจารย์บอกเลยทุกวันเนี้ยมัน
00:03:12 → 00:03:15 อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านานมากเนาะเพราะ
00:03:15 → 00:03:17 ว่าเอ่อองค์ความรู้เดิมต้องบอกอย่างงี้คน
00:03:17 → 00:03:20 ส่วนใหญ่เนี่ยก็จะกลัวคอเลสเตอรอลกัน
00:03:20 → 00:03:24 >> นะเพราะว่าแบบเอ๊มันจะไปมีผลต่อระดับ
00:03:24 → 00:03:27 คอเลสเตอรอลในเลือดนะครับแล้วส่งผลต่อการ
00:03:27 → 00:03:29 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและ
00:03:29 → 00:03:32 หลอดเลือดนะอาจารย์ต้องบอกก่อนว่าไข่
00:03:32 → 00:03:34 เนี่ยจริงๆแล้วเนี่ยคือมันเป็นแหล่งของ
00:03:34 → 00:03:37 คอเลสเตอรอลนะครับ 1 ฟองเนี่ยมีอยู่ที่
00:03:38 → 00:03:39 ประมาณ 200 มลกรัม
00:03:39 → 00:03:40 >> อื
00:03:40 → 00:03:44 >> อ่าของคอเลสเตอรอลนะครับซึ่งตามคำแนะนำ
00:03:44 → 00:03:47 เดิมนะวันนึงเนี่ยไม่ควรรับประทาน
00:03:47 → 00:03:50 คอเลสเตอรอลเนี่ยเกิน 300 มิลกรัมแล้วกิน
00:03:50 → 00:03:53 ไข่ 1 ฟองก็โอเหลือโคต้าไม่เท่าไหร่แล้ว
00:03:53 → 00:03:56 ถูกต้องครับผมอันนี้คือตามข้อแนะนำเดิมพอ
00:03:56 → 00:04:00 ตอนหลังๆมาเนี่ยหลายสมาคมนะครับไม่ว่าจะ
00:04:00 → 00:04:03 เป็นเอ่อสมาคม American Association นะ
00:04:03 → 00:04:05 American Heart Association
00:04:05 → 00:04:08 ที่เป็นเกี่ยวข้องกับเรื่องของหัวใจและ
00:04:08 → 00:04:11 หลอดเลือดนะครับหรือไกดไลนของอเมริกานะ
00:04:11 → 00:04:14 ครับก็เริ่มที่จะมีการปรับเปลี่ยนเรื่อง
00:04:14 → 00:04:16 ของคอเลสเตอรอลเขาเริ่มที่จะแบบเอ้ยไม่
00:04:16 → 00:04:18 ได้มากล่าวถึงแล้วว่าอุยต้องควบคุมเท่า
00:04:18 → 00:04:21 นู้นเท่านี้นะสิ่งที่น่ากลัวคือน้ำตาล
00:04:22 → 00:04:24 >> อืแล้วก็เกลือ
00:04:24 → 00:04:25 นะครับที่
00:04:25 → 00:04:27 >> เป็นประเด็นที่ว่าเอ้ยมันส่งผลกระทบเชิง
00:04:27 → 00:04:30 ลบกับสุขภาพนะครับและอีกอย่างนึงคือ
00:04:30 → 00:04:33 คอเลสเตอรอลในอาหารที่เรากินเนี่ยมันส่ง
00:04:33 → 00:04:36 ผลกระทบทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดเนี่ยขึ้น
00:04:36 → 00:04:39 สูงเนี่ยไม่ถึง 20% อ
00:04:39 → 00:04:41 >> นะแล้วคอเลสเตอรอลจากอาหารมีผลต่อระดับ
00:04:41 → 00:04:43 คอเลสเตอรอลในเลือดเนี่ยน้อย
00:04:43 → 00:04:43 >> อื
00:04:43 → 00:04:47 >> อ่าในขณะเดียวกันเค้ามีการศึกษาวิจัยครับ
00:04:47 → 00:04:51 อ่าที่รวบรวมหลายการศึกษาวิจัยเลยนะครับ
00:04:51 → 00:04:53 ที่น่าเชื่อถือนะที่เรียกว่าเมตต้าอะไรสิ
00:04:53 → 00:04:57 เนี่ยเค้าพบว่าคนที่กินไข่ทุกวันวันละ 1
00:04:57 → 00:05:01 ฟองนะไข่ขาวไข่แดงนะอ่าวันละ 1 ฟองทุกวัน
00:05:01 → 00:05:04 เลยเนี่ยนะติดตามเป็นระยะเวลา 10 ปีเลย
00:05:04 → 00:05:06 เนี่ยไม่ได้สัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจ
00:05:06 → 00:05:07 และหลอดเลือด
00:05:07 → 00:05:08 >> อ๋อ
00:05:08 → 00:05:11 >> ฉะนั้นแล้วเนี่ยโดย General Recomment
00:05:11 → 00:05:13 หรือข้อแนะนำโดยทั่วไปเนี่ยอาจารย์ก็จะ
00:05:13 → 00:05:17 แนะนำว่าอ้ากินไข่ได้นะไข่ขาวไข่แดงวันละ
00:05:17 → 00:05:18 1 ฟอง
00:05:18 → 00:05:21 >> อ่าก็คือพูดง่ายๆว่าไอ้ตัวคีย์หลักเลย
00:05:21 → 00:05:24 เนี่ยคือไข่แดงนี่นี่แหละที่คนกลัวว่าแบบ
00:05:24 → 00:05:27 เอ๊เดี๋ยวคอเลสเตอรอลมันจะ
00:05:27 → 00:05:29 >> สูงแล้วจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค
00:05:29 → 00:05:32 หัวใจและหลอดเลือดแต่อย่างที่บอกว่าทุก
00:05:32 → 00:05:35 วันเนี้ยองค์ความรู้มันแตกต่างจากเมื่อ
00:05:35 → 00:05:36 สมัยอดีตและอ
00:05:36 → 00:05:39 >> อ่านะแล้วปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดความ
00:05:39 → 00:05:41 เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
00:05:41 → 00:05:42 เนี่ยมันมีหลายปัจจัย
00:05:42 → 00:05:43 >> อื
00:05:43 → 00:05:45 >> นะฉะนั้นแล้วคอเลสเตอรอลที่สูงอย่างเดียว
00:05:45 → 00:05:47 เนี่ยอาจารย์จะพูดเสมอว่าไม่ใช่พ่อทุก
00:05:47 → 00:05:48 สถาบัน
00:05:48 → 00:05:51 >> ว่าอุ๊ยคุณคอเลสเตอรอลสูงหรือ LDL
00:05:51 → 00:05:53 คอเลสเตอรอลสูงที่เราเรียกว่าไขมันเลวสูง
00:05:53 → 00:05:55 แล้วคุณจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและ
00:05:55 → 00:05:56 หลอดเลือด
00:05:56 → 00:05:58 >> โดยทันทีเลย
00:05:58 → 00:06:00 >> นะมันมีหลายไบโอมเกอร์หรือหลายตัวชี้วัด
00:06:00 → 00:06:01 มาก
00:06:01 → 00:06:01 >> ค่ะ
00:06:01 → 00:06:03 >> นะแล้วระบบหัวใจและหลอดเลือดเนี่ยอาจารย์
00:06:04 → 00:06:06 เปรียบเสมือนภาพใหญ่ที่ประกอบไปด้วยหลาย
00:06:06 → 00:06:06 จิ๊กซอ
00:06:06 → 00:06:07 >> อื
00:06:07 → 00:06:11 >> แล้ว LDL ที่สูงขึ้นมันก็ไม่ใช่แบบโอจะทำ
00:06:11 → 00:06:13 ให้คุณเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ
00:06:13 → 00:06:14 แล้วหลอดเลือด
00:06:14 → 00:06:14 >> อื
00:06:14 → 00:06:17 >> อ่าแต่เราก็ไม่ใช่ปฏิเสธว่าเฮ้ยมันไม่ได้
00:06:17 → 00:06:21 มีผลอาจารย์เปรียบ LDL คอเลสเตอรอลเพราะ
00:06:21 → 00:06:23 บางคนเนี่ยกินไข่เข้าไปแล้ว LDL สูงก็มี
00:06:23 → 00:06:24 นะ
00:06:24 → 00:06:27 >> อ่าคือส่วนใหญ่จะกินเกิน 1 ฟองต่อวันนะ
00:06:27 → 00:06:30 หลายฟองเลยก็มีนะอาจารย์เปรียบ LDL
00:06:30 → 00:06:32 คอเลสเตอรอลเนี่ยที่คนบอกว่าไขมันเลวจริง
00:06:32 → 00:06:35 ๆแล้วไม่อยากจะให้เรียกเ้าว่าเลว
00:06:35 → 00:06:37 >> นึกออกมั้ยครับ LDL คอเลสเตอรอลที่สูง
00:06:37 → 00:06:38 เปรียบเสมือน
00:06:39 → 00:06:40 >> คนเจ้าชู้
00:06:40 → 00:06:41 >> ไขมันเจ้าชู้หรอคะ
00:06:41 → 00:06:43 >> อ่าคือคนเจ้าชู้ถามว่าเขาผิดยัง
00:06:43 → 00:06:46 >> ยังถ้ายังไม่ได้มีแฟน
00:06:46 → 00:06:49 >> ถูกต้องหมายความว่ายังไม่ไปเอาไป
00:06:49 → 00:06:51 ฟีเจอรingอ่ะกับ
00:06:51 → 00:06:52 >> เออแฟนชาวบ้าน
00:06:52 → 00:06:52 >> ออ
00:06:52 → 00:06:54 >> ฉะนั้นแล้วเยังไม่ผิดนะ
00:06:54 → 00:06:56 >> ถูกมั้ยแต่เขาจะชู้และ
00:06:56 → 00:06:57 >> แต่เขา
00:06:57 → 00:06:58 >> มีโอกาส
00:06:58 → 00:06:58 >> อมีโอกาส
00:06:58 → 00:07:00 >> อ่าแต่ไอ้พวกที่ไม่เจ้าชู้อ่ะที่ไม่ได้
00:07:00 → 00:07:02 สูงก็มีโอกาสเหมือนกันถูกมั้ย
00:07:02 → 00:07:05 >> เงียบๆขึมๆไม่เจ้าชู้แต่อาจจะไปฟีเจing
00:07:05 → 00:07:06 กับแฟนชาวบ้านและ
00:07:06 → 00:07:09 >> อ่าฉะนั้นแล้วเนี่ย LDL ที่สูงก็เหมือน
00:07:09 → 00:07:12 กับพฤติกรรมที่เจ้าชู้
00:07:12 → 00:07:14 >> อ่าแล้วเมื่อไหรก็ตามที่ไปฟีเจingกับแฟน
00:07:14 → 00:07:17 ชาวบ้านก็เหมือนกับอนุมูลอิสระ
00:07:17 → 00:07:18 >> อื
00:07:18 → 00:07:21 >> ที่มาทำปริยากับ LDL คอเลสเตอรอล
00:07:21 → 00:07:24 แล้วทำให้เกิดออกซิไซ LDL
00:07:24 → 00:07:26 >> ซึ่งตัวนี้แหละเป็นตัวเลว
00:07:26 → 00:07:28 >> เพราะออกซิได LDL คือสิ่งแปลกปลอมที่ร่าง
00:07:28 → 00:07:30 กายสร้างไม่ได้สร้างขึ้นมาร่างกายสร้าง
00:07:30 → 00:07:33 LDL คอเลสเตอรอลที่เราไปบอกตาหน้าเขาว่า
00:07:33 → 00:07:35 เขาเลวเนี่ย
00:07:35 → 00:07:36 >> อ่าซึ่ง
00:07:36 → 00:07:39 >> ออกซิ LDL เป็นสิ่งที่ร่างกายไม่รู้จัก
00:07:39 → 00:07:41 >> เพราะมันถูกอนุมูลอิสระเนี่ย
00:07:41 → 00:07:44 >> มาทำปฏิกิริยาออกซิเดชัแล้วเกิดออกซิไซ
00:07:44 → 00:07:46 LDL ขึ้นมาเมื่อสิ่งที่มันเป็นสิ่งที่
00:07:46 → 00:07:47 แปลกปลอมอ่ะ
00:07:47 → 00:07:49 >> อยู่ที่ร่างกายของเรา
00:07:49 → 00:07:51 >> นะครับมันก็จะเกิดขึ้นที่วาสคู่า
00:07:51 → 00:07:53 เอendโดทีเรียมเซลล์เยี่ยบุผนังหลอดเลือด
00:07:53 → 00:07:55 แมคโครฟารหรือเม็ดเลือดขาวก็มาจับกินอ
00:07:55 → 00:07:56 >> อื
00:07:56 → 00:08:00 >> แล้วก็จะถูกพัฒนาไปเป็นตะกันไขมันที่ผนัง
00:08:00 → 00:08:04 หลอดเลือดอ่าอันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งกลไกที่
00:08:04 → 00:08:07 ว่ามันอาจจะเกิดหลอดเลือดอุดตันเกิดโรค
00:08:07 → 00:08:08 หัวใจและหลอดเลือด
00:08:08 → 00:08:11 >> งั้นแล้ว LDL สูงเฉยๆ
00:08:11 → 00:08:11 >> อื
00:08:11 → 00:08:12 >> มันยังไม่ได้เลว
00:08:12 → 00:08:14 >> งั้นขอทวนความเข้าใจนิดนึงได้มั้คะว่า
00:08:14 → 00:08:16 อย่างเช่นที่อาจารย์อธิบายไปเนี่ยก็แปล
00:08:16 → 00:08:18 ว่าสมมุติว่าพอ LDL ของเราเริ่มสูงเริ่ม
00:08:18 → 00:08:20 สูงเริ่มสูงเนี่ยไขมันเร็วเริ่มสูงรวมสูง
00:08:20 → 00:08:22 หรือว่าไขมันเจ้าชู้เนี่ยก็ยังไม่ได้เกิด
00:08:23 → 00:08:26 อะไรขึ้นนอกจากจะมีตัวปะทะนั่นก็คือพวก
00:08:26 → 00:08:30 สารอนุมอิสระมาปุ๊บอาจจะมาจากอาหารที่เรา
00:08:30 → 00:08:32 กินใช่มั้คะความเครียดด้วยมั้คะอาจารย์
00:08:32 → 00:08:35 ความเครียดหลายๆอย่างปุ๊บถ้าสุดว่าไขมา
00:08:35 → 00:08:37 เร็วสูงอยู่แล้วปะทะกับอาหารไม่ดีความ
00:08:37 → 00:08:39 เครียดปั้งถูกต้องครับ
00:08:39 → 00:08:40 >> มันถึงจะ
00:08:40 → 00:08:43 >> กลายเป็นสิ่งที่ไม่ดีสิ่งเลวและมีไขมัน
00:08:43 → 00:08:46 >> ถูกต้องอุดตันที่ผนังหลอดเลือดถูกต้องใช่
00:08:46 → 00:08:47 ครับ
00:08:47 → 00:08:48 >> อารมณ์ประมาณนั้นเลยแล้วมันไม่ใช่แค่มี
00:08:49 → 00:08:52 ทุกวันเนี้ยเอ่อเอ่อเราไม่ได้มีแค่ LDL
00:08:52 → 00:08:55 ที่ดูแค่ปริมาณที่มันสูงขึ้นอย่างเดียว
00:08:55 → 00:08:57 LDL นั้นตัวเล็กมั้ย
00:08:57 → 00:08:57 >> อื
00:08:57 → 00:09:00 >> อ่าไม่ใช่ชู้อย่างเดียวแหละนึกออกมั้ครับ
00:09:00 → 00:09:02 ถ้าตัวเล็กปุ๊บเนี่ยอาจารย์ก็เปรียบ
00:09:02 → 00:09:04 เหมือนว่าโอ๊ยคนเนี้ยไม่ได้อยู่ในศีล
00:09:04 → 00:09:05 >> อื
00:09:05 → 00:09:07 >> พร้อมที่จะผิดศีล
00:09:07 → 00:09:09 >> นึกออกมั้ยครับก็คือเจอแบบ
00:09:09 → 00:09:10 >> นะ
00:09:10 → 00:09:12 >> แฟนชาวบ้านมาปุ๊บก็พร้อมบวก
00:09:12 → 00:09:13 >> อ
00:09:13 → 00:09:15 >> อ่ายิ่งยิ่ง LDL ตัวเล็กเราเรียก Small
00:09:15 → 00:09:19 LDL ซึ่งมันสามารถวัด particle ไงอ
00:09:19 → 00:09:21 >> แล้วเนี่ยพวกเนี้ยมันเป็นปัจจัยหลาย
00:09:21 → 00:09:24 ปัจจัยมากนะที่ส่งผลต่อการเกิด
00:09:24 → 00:09:26 >> โรคหัวใจและหลอดเลือดอ่าแต่ไม่ใช่ว่าเรา
00:09:26 → 00:09:29 แบบเฮ้ยปล่อยปะละเลยมันก็ไม่ใช่อแล้ว
00:09:29 → 00:09:31 เนี่ยในศาสตร์ของ anti agaging อ่ะเรา
00:09:31 → 00:09:33 พยายามที่จะ early detection
00:09:33 → 00:09:34 >> ค่ะ
00:09:34 → 00:09:37 >> เฮ้ย LDL คุณเริ่มปริ่มแล้วนะอ่าคุณใช้
00:09:37 → 00:09:41 โภชนะเพสัคือใช้อาหารในการบำบัดได้นะคุณ
00:09:41 → 00:09:45 ใช้น้ำมันมะกอกในการปรุงประกอบอาหารอ่า
00:09:45 → 00:09:48 ใส่น้ำสลัดทำซุปไม่ผ่านความร้อนสูงนะจะ
00:09:48 → 00:09:50 เป็นน้ำมันมะกอกสกัดเย็นก็ก็ได้หรือน้ำ
00:09:50 → 00:09:53 มันรำข้าวที่มีโอเมก้า 9 ช่วยลด LDL ช่วย
00:09:53 → 00:09:55 ลดอนุมูลอิสระ
00:09:55 → 00:09:58 >> อ่ะแล้วเนี่ยเราใช้อาหารในการรักษาโรคอื
00:09:58 → 00:09:59 >> นะ
00:09:59 → 00:10:01 >> ส่งเสริมสุขภาพช่วยลดความเสี่ยงของการ
00:10:01 → 00:10:03 เกิดโรคหัวใจแล้วหล่อเลือดได้แต่ไม่ใช่รอ
00:10:03 → 00:10:04 ให้เลยป้ายไปไกลแล้ว
00:10:04 → 00:10:07 >> อแล้วเราก็โอ้โหถึงเวลาปุ๊บก็ต้องกินยา
00:10:07 → 00:10:09 >> เหมือนที่อาจารย์พูดว่าอาหารถ้าสมมุติว่า
00:10:09 → 00:10:11 เราเราเริ่มเอ้ยเริ่มปริ่มเริ่มสูงแล้ว
00:10:11 → 00:10:14 บางทีเนี่ยอาหารน่ะสามารถช่วยลดได้เพื่อ
00:10:14 → 00:10:16 ให้เราไม่ต้องไปพึ่งยาในอนาคตถูกมั้ครับ
00:10:16 → 00:10:18 >> ถูกต้องครับผมนี่แหละคือการใช้อาหารเป็น
00:10:18 → 00:10:18 ยา
00:10:18 → 00:10:20 >> ฉะนั้นกลับมาที่เรื่องไข่ค่ะ
00:10:20 → 00:10:23 >> ไข่ต้มกินได้ทุกวัน
00:10:23 → 00:10:25 >> แต่ไม่ควรกินเยอะถูกมั้คะ
00:10:25 → 00:10:28 >> อ่าวันละ 1 ฟองจากการศึกษาวิจัย General
00:10:28 → 00:10:31 เลยนี้ปัจจัยที่มีผลต่อการที่ทำให้เราน่ะ
00:10:31 → 00:10:32 กินไข่ได้มากน้อยต่างกัน
00:10:32 → 00:10:33 >> อื
00:10:33 → 00:10:35 >> มันแยกออกเป็น 2 ปัจจัยหลัก
00:10:35 → 00:10:35 >> ค่ะ
00:10:35 → 00:10:37 >> ปัจจัยแรกเลยก็คือ
00:10:37 → 00:10:40 >> เจนติกหรือจีโนไทpeพันธุกรรมของแต่ละคน
00:10:40 → 00:10:43 เนี่ยแตกต่างกันไปทำให้บางคนกินไข่แล้ว
00:10:43 → 00:10:45 อุยคอเลสเตอรอลสูงบางคนกินแบบโหวันละ 3
00:10:45 → 00:10:48 ฟองทำไมคอเลสเตอรอลฉันไม่สูงเพราะมันมี
00:10:48 → 00:10:51 โปรตีนที่ควบคุมการดูดซึมคอเลสเตอรอลอยู่
00:10:51 → 00:10:52 ที่
00:10:52 → 00:10:53 >> ลำไส้
00:10:53 → 00:10:55 >> เซลล์ลำไส้ผนังลำไส้ที่มันแตกต่างกันมัน
00:10:55 → 00:11:00 ก็ทำให้การควบคุมการดูดซึมคอเลสอลเข้าสู่
00:11:00 → 00:11:02 กระแสเลือดเนี่ยแตกต่างกัน
00:11:02 → 00:11:04 >> มันก็ขึ้นอยู่กับเจเนติกอย่างนึงและที่ทำ
00:11:04 → 00:11:07 ให้เรามีผลต่อการตอบสนองอาหารที่เรากิน
00:11:07 → 00:11:10 ต่างกันที่เราเรียกว่าเอ่อนิวตริจเนติค่ะ
00:11:10 → 00:11:14 >> อ่าว่าเอ้ยมันตัวควบคุมดูซึมคอเลสเตอรอล
00:11:14 → 00:11:17 จากไข่แดงเนี่ยเข้าสู่กระแสเลือดอ่ะมัน
00:11:17 → 00:11:17 ต่างกัน
00:11:17 → 00:11:18 >> อือื
00:11:18 → 00:11:22 >> อ่ะแล้ว 1 ฟองมันก็ยังโอเคอยู่อ่าถ้าเกิน
00:11:22 → 00:11:24 นั้นขึ้นอยู่กับจีนติกของแต่ละคนแล้วบาง
00:11:24 → 00:11:26 อ้าก็ไม่เคยตรวจอาจารย์มันก็ไม่รู้
00:11:26 → 00:11:29 >> อ่านะแล้วก็เซฟๆไว้ก็อ่านสัก 1 ฟองกับอีก
00:11:29 → 00:11:30 หนึ่งสิ่งที่เป็น
00:11:30 → 00:11:35 >> ปัจจัยสำคัญมากแล้วเป็นตัวชี้วัดใหม่อ่า
00:11:35 → 00:11:38 ซึ่งหมอโรคหัวใจแล้วหลอดเลือดเนี่ยหลาย
00:11:38 → 00:11:40 ท่านก็จะเริ่มพูดถึงและเพราะอาหารมีผล
00:11:40 → 00:11:42 กระทบโดยตรงนะครับ
00:11:42 → 00:11:46 >> อ่ามันชื่อว่า TMA Oo หรือTมา T
00:11:46 → 00:11:47 >> เมา
00:11:47 → 00:11:50 >> อ่าอ่าทเมา TMA OO
00:11:50 → 00:11:51 >> สารเนี้ยค่ะ
00:11:51 → 00:11:54 >> มันจะเกิดขึ้นเนี่ยเมื่อเรามีสมดุล
00:11:54 → 00:11:56 จุลินทรีย์ที่ลำไส้ไม่ดีครับ
00:11:56 → 00:11:56 >> อ๋อ
00:11:56 → 00:11:59 >> อ่าหรือที่เรียกว่าภาวะกัดดิไบโอซีด
00:11:59 → 00:11:59 >> อื
00:11:59 → 00:12:02 >> อ่ะแล้วถ้าเรากินไข่แดงไข่แดงมีประโยชน์
00:12:02 → 00:12:05 นะเพราะมีสารโคลีนเลซิติน
00:12:06 → 00:12:09 >> นะครับมีวิตามินเอสูงนะที่อยู่ในไข่แดง
00:12:09 → 00:12:14 รูทีนซีแซนทีนที่ช่วยบำรุงจอปสาตานะซึ่ง
00:12:14 → 00:12:16 ไข่แดงเนี่ยมีประโยชน์มาก
00:12:16 → 00:12:19 >> แต่สารเหล่าเนี้ยเนี่ยเวลาเข้าไปสู่ใน
00:12:19 → 00:12:20 ร่างกายของเราแล้วเนี่ยไอ้เจ้า
00:12:20 → 00:12:23 โคลีเลซิตินที่อยู่ในไข่แดงเนี่ยครับ
00:12:23 → 00:12:26 >> มันเจอจุลินทรีย์ที่ไม่ดีในลำไส้ถ้าเรามี
00:12:26 → 00:12:28 จุลินทรีย์ไม่ดีอยู่เยอะเรากัดนิบโอซีด
00:12:28 → 00:12:31 จุลินทรีย์จะเปลี่ยนสารโคลีเลซิตินให้
00:12:31 → 00:12:33 กลายเป็น TMA
00:12:33 → 00:12:33 >> อื
00:12:33 → 00:12:36 >> แล้ว TMA ที่เกิดขึ้นที่ลำไส้เนี่ยมันจะ
00:12:36 → 00:12:38 ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเดินทางไปที่ตับ
00:12:38 → 00:12:40 แล้วก็จะเปลี่ยนไปเป็นสารทีเมาซึ่งเพิ่ม
00:12:40 → 00:12:42 ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอด
00:12:42 → 00:12:44 เลือดครับอแล้วไม่เกี่ยวกับคอเลสเตอรอล
00:12:44 → 00:12:45 เลย
00:12:45 → 00:12:48 >> นึกออกมั้ครับไม่เกี่ยวกับคอเลสเตอรอลเลย
00:12:48 → 00:12:51 >> แล้วถ้าคุณจะกินไข่แดงนะจากการศึกษาวิจัย
00:12:51 → 00:12:55 เนี่ยเ้าพบว่า 2 ฟองขึ้นไปก็จะเริ่มเพิ่ม
00:12:55 → 00:12:57 TMAO และหรือTมาและ
00:12:57 → 00:12:58 >> อื
00:12:58 → 00:13:00 >> แล้วถ้าเรากิน 1 ฟองมันก็ยังโอเคอยู่ถ้า
00:13:00 → 00:13:02 คุณอยากกิน 2 ฟองจุลินทรีย์ในลำไส้คุณดี
00:13:02 → 00:13:03 มั้ล่ะ
00:13:03 → 00:13:03 >> อื
00:13:03 → 00:13:07 >> 3 ฟองคุณดีมั้ยล่ะแล้วปัจจัยกลายเป็นว่า
00:13:07 → 00:13:09 สิ่งที่ดีมันจะกลายเป็นสิ่งที่เลวเลยทัน
00:13:09 → 00:13:13 ทีถ้าสมดุลจุลินทรีย์ลำไส้เราไม่ดี
00:13:13 → 00:13:15 >> เห็นมั้ครับเถึงบอกสุขภาพดีเริ่มต้นที่ลำ
00:13:15 → 00:13:15 ไส้
00:13:15 → 00:13:16 >> อืออื
00:13:16 → 00:13:19 >> อ่าซึ่งกลายเป็นว่าเอ๊แล้วอาจารย์แล้ว
00:13:19 → 00:13:21 สรุปแล้วจะกินกี่ฟองส่วนใหญ่อาจารย์แนะนำ
00:13:21 → 00:13:25 วันละ 1 ฟองเต็มที่ไม่เกิน 2 ฟองแล้วคุณ
00:13:25 → 00:13:28 ดูแลสมดุลจุลินทรีย์ที่ลำไส้ให้ดีเพื่อลด
00:13:28 → 00:13:31 การผลิตสาร tmao
00:13:31 → 00:13:33 >> นะหรือเมาที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด
00:13:33 → 00:13:34 โรคหัวใจและหลอดเลือด
00:13:34 → 00:13:38 >> ไอ้สารเนี้ยน่าสนใจมากคือมัน
00:13:38 → 00:13:41 >> มันมีการศึกษาวิจัยอันนึงครับทำการศึกษา
00:13:41 → 00:13:44 วิจัยในคน 4,000 กว่าคนที่เป็นคนที่เรา
00:13:44 → 00:13:47 เรียกว่าสุขภาพดีไม่อ้วนไม่เป็นเบาหวาน
00:13:48 → 00:13:49 ไม่เป็นไขมันในเลือดสูงไม่เป็นความดัน
00:13:49 → 00:13:51 โลหิตสูง
00:13:51 → 00:13:55 >> คือเหมือนภาวะปกติอ่ะแต่มีค่า TMAO เนี่ย
00:13:55 → 00:13:56 Tาเนี่ยสูง
00:13:56 → 00:13:58 >> อืทั้ง 4,000 คนเลยป่ะคะ
00:13:58 → 00:14:01 >> อ่า 4,000 คนเลยถูกต้องครับแล้วพบว่ามัน
00:14:01 → 00:14:03 สัมพันธ์กับการ
00:14:03 → 00:14:06 >> เกิดโรคหัวใจแล้วหลอดเลือดเนี่ยเสี่ยง
00:14:06 → 00:14:08 เพิ่มมากขึ้น 2.5 5 เท่า
00:14:08 → 00:14:08 >> อ๋อ
00:14:08 → 00:14:11 >> นั่นคือว่าเอ้ยทำไม
00:14:11 → 00:14:14 ไม่ได้เป็นเบาหวานมีนะอาจารย์มี
00:14:14 → 00:14:17 >> เคยเจอบางเคสที่แบบว่าไม่อ้วนน้ำตาลไม่
00:14:17 → 00:14:19 สูงความดันไม่สูงไขมันปกติดี
00:14:19 → 00:14:21 >> อื
00:14:21 → 00:14:24 >> แต่เกิดสโตรกเกิดหลอดเลือดสมองเกิดหลอด
00:14:24 → 00:14:25 เลือดหัวใจ
00:14:25 → 00:14:26 >> อื
00:14:26 → 00:14:28 >> เพราะเขาอาจจะมีทีเมาเนี่ยสูงก็ได้
00:14:28 → 00:14:30 >> แล้วทีเมานี่สามารถตรวจได้มั้คะใน
00:14:30 → 00:14:30 ปัจจุบัน
00:14:30 → 00:14:31 >> ตรวจได้ครับผม
00:14:31 → 00:14:31 >> ออ
00:14:32 → 00:14:33 >> อ่าเราสามารถตรวจค่านี้ได้เจาะเลือดตรวจ
00:14:33 → 00:14:34 ได้
00:14:34 → 00:14:37 >> อ่าก็จะเป็นแลบที่เฉพาะขึ้นไปเห็นมั้แล้ว
00:14:37 → 00:14:40 มันมีสิ่งที่มันเฮ้ยบอนมากกว่ากลายเป็น
00:14:40 → 00:14:42 ว่าเรากลัวไข่แดงเพราะคอเลสเตอรอลแต่จริง
00:14:42 → 00:14:45 ๆแล้วเนี่ยสิ่งที่มันน่ากลัวเนี่ยคือที
00:14:45 → 00:14:45 เมา
00:14:45 → 00:14:46 >> อื
00:14:46 → 00:14:49 >> อ่าซึ่งหลายคนเนี่ยอาจจะไม่ไม่ได้รู้ว่า
00:14:49 → 00:14:52 อ๋อมันมีสารตัวนี้ที่มันเกิดขึ้นนะอ
00:14:52 → 00:14:55 >> อ่าแล้วถ้าคุณกินโดยปกติอาจารย์ก็แนะนำ
00:14:55 → 00:14:57 วันละ 1 ฟองของไข่แดง
00:14:57 → 00:14:59 >> อ่าไข่ขาว
00:14:59 → 00:15:00 >> มันไม่มี
00:15:01 → 00:15:03 >> โคลีซิตีนถูกต้องครับก็ขึ้นอยู่กับความ
00:15:03 → 00:15:05 ต้องการโปรตีนในแต่ละคนและ
00:15:05 → 00:15:08 >> อ่าแล้วสิ่งที่น่ากลัวคือไอ้สารีเมานี่
00:15:08 → 00:15:11 แหละที่มันมีหลักฐานการศึกษาวิจัยชัดเจน
00:15:11 → 00:15:12 มากขึ้น
00:15:12 → 00:15:14 >> นะว่าสัมพันธกับการเกิดโรคหัวใจและหลอด
00:15:14 → 00:15:16 เลือดนะแล้วถ้าเรากินไข่แดงมากเกิน
00:15:16 → 00:15:17 >> อื
00:15:17 → 00:15:19 >> นะส่วนใหญ่อาจารย์ก็อย่างที่บอกแหละ 1-2
00:15:19 → 00:15:23 ฟองต่อวันถ้าใครกิน 2 ฟองก็ต้องดูแลสมดุล
00:15:23 → 00:15:24 จุลินทรีย์ในลำไส้
00:15:24 → 00:15:25 >> อื
00:15:25 → 00:15:27 >> นะครับให้ดีไม่ให้กัดดิไบโอซีดถ้าสมดุล
00:15:27 → 00:15:30 จุลินทรีย์ลำไส้ไม่ดีสิ่งที่ดีกลายเป็น
00:15:30 → 00:15:32 สิ่งไม่ดีเฉยเลยแล้วมันไม่ใช่แค่ไข่แดงนะ
00:15:32 → 00:15:34 ครับอย่างเดียวนะครับเนื้อแดง
00:15:34 → 00:15:34 >> ออ
00:15:35 → 00:15:37 >> มีแอลคานีนที่อยู่ในเนื้อแดงแล้ว
00:15:37 → 00:15:38 แอลคานิทีนในเนื้อแดงเนี่ยจริงๆแล้ว
00:15:38 → 00:15:40 แอลคิทินเป็นสารตัวดี
00:15:40 → 00:15:43 >> ที่ช่วยในการที่จะจับไขมันโยนลงเตาเผาใน
00:15:43 → 00:15:44 กระบวนการเผาผลา
00:15:44 → 00:15:46 >> แต่กลายเป็นว่าถ้าเรากินไข่แดงเยอะเนื้อ
00:15:46 → 00:15:47 แดงมาก
00:15:47 → 00:15:47 >> อ
00:15:47 → 00:15:51 >> มันจะเกิดสารชีเมาสูงอแล้วถ้า
00:15:51 → 00:15:51 >> อ
00:15:51 → 00:15:55 >> ข้อแนะนำเราก็อ้าวกินไข่แดงแต่พอดีลดการ
00:15:55 → 00:15:57 บริโภคเนื้อแดงแต่มันก็ไม่เสมอไปถ้าคนดู
00:15:57 → 00:16:00 แลสมดุลจุลินทรีย์ที่ลำไส้ดีเพบว่าคนที่
00:16:00 → 00:16:04 กินแบบแพนเบสไดเอตสมดุลจุลินทรียลำไส้ดี
00:16:04 → 00:16:07 เาไม่ได้เพิ่มการผลิต TMAO
00:16:07 → 00:16:08 >> อื
00:16:08 → 00:16:13 >> อ่าแล้วสารพฤกษาเคมีบางตัวนะเช่นเอ่อ EGCG
00:16:13 → 00:16:14 หรือแคติชินในชาเขียว
00:16:14 → 00:16:18 >> นะครับอ่า resurat ในพวกองุ่นแดงนะครับ
00:16:18 → 00:16:21 เคอ์ซีตินจากหัวหอมพวกเนี้ยสามารถที่จะ
00:16:21 → 00:16:25 ยับยั้งการเกิดสารทีเมาได้ด้วยที่ตัด
00:16:25 → 00:16:25 >> ออ
00:16:25 → 00:16:29 >> อ่านะแล้วมันมีกลไกในการยับยั้งเนี่ยตั้ง
00:16:29 → 00:16:30 แต่ต้นน้ำเลยอ่ะคือ
00:16:30 → 00:16:32 >> ควบคุมการบริโภคอ
00:16:32 → 00:16:34 >> อ่าไม่ให้กินไข่แดงมากเนื้อแดงเยอะเพราะ
00:16:34 → 00:16:36 กลัวกว่าทีเมาจะเกิดเยอะหรือปรับสมดุล
00:16:36 → 00:16:38 จุลินทรีย์ที่ลำไส้หรือไปยับยั้งเอนไซม์
00:16:38 → 00:16:41 ที่ผลิตทีเมาที่ตับเห็นมั้ยครับมันมีหลาย
00:16:41 → 00:16:45 กลไกมากอันเนี้ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ความรู้
00:16:45 → 00:16:47 สมัยใหม่นะอาจารย์บอกเลยที่
00:16:47 → 00:16:49 >> อ้าวเรามวยแต่มองคอเลสเตอรอลอย่างเดียว
00:16:49 → 00:16:52 >> อ่าคีย์เวิร์ดง่ายๆเลยคือถ้าสมมุติว่า
00:16:52 → 00:16:55 อยากกินไข่ทุกวันกินได้แต่ว่าอาจารย์แนะ
00:16:55 → 00:16:58 นำว่าถ้าอยากให้เซฟๆเป็นคำแนะนำสำหรับทุก
00:16:58 → 00:17:01 คนคนทั่วไปนะคะที่อาจจะยังไม่ได้ตรวจ
00:17:01 → 00:17:03 สุขภาพเชิงลึกอะไรอย่างเงี้ยก็อาจจะกิน
00:17:03 → 00:17:06 วันละ 1 ฟองอันเนี้ยชัวร์นะคะแต่ว่าถ้า 2
00:17:06 → 00:17:09 ฟองขึ้นไป 3 ฟองขึ้นไปอันอาจารย์อาจจะยัง
00:17:09 → 00:17:12 ไม่แนะนำเพราะว่ามันอาจจะมีส่งผลต่อทีเมา
00:17:12 → 00:17:14 อย่างที่ว่าไปนะคะแล้วก็ทำให้เราอาจจะมี
00:17:14 → 00:17:17 ความเสี่ยงทางโรคหัวใจและหลอดเลือดใน
00:17:17 → 00:17:21 อนาคตนะคะทีนี้ค่ะหลายคนเลยบอกว่าเฮ้ย
00:17:21 → 00:17:24 งั้นเอาอย่างงี้ได้มั้ยฉันน่ะจะกินไข่ต้ม
00:17:24 → 00:17:26 และไม่กินไข่แดงเลยกินแต่ไข่ขาวอย่าง
00:17:26 → 00:17:27 เงี้ยดีกว่ามั้คะ
00:17:27 → 00:17:28 >> อได้ครับ
00:17:28 → 00:17:31 >> อืกินไข่ขาวได้เลย 10 10 ฟองเลยมั้คะ
00:17:31 → 00:17:34 >> ได้แต่อาจารย์ขอไข่แดง 1 ฟองได้มั้ย
00:17:34 → 00:17:37 เพราะอย่างน้อยเนี่ยเราก็ได้สารอาหารที่
00:17:37 → 00:17:39 มีประโยชน์ไงที่อยู่ในไข่แดงอ่ะโคลีน
00:17:39 → 00:17:41 เลซิตินวิตามินเอ
00:17:41 → 00:17:45 >> นะธาตุเหล็กอะไรต่างๆคือโอโหมันไข่แดงมัน
00:17:45 → 00:17:46 มีคุณประโยชน์เยอะมาก
00:17:46 → 00:17:46 >> อื
00:17:46 → 00:17:49 >> อ่านั้นแล้วขอไว้สัก 1 ฟองส่วนไข่ขาว
00:17:49 → 00:17:52 เนี่ยแล้วแต่ความต้องการโปรตีนของแต่ละคน
00:17:52 → 00:17:56 และอ่าว่าเท่าไหร่อ่าแต่คุณประโยชน์เนี่ย
00:17:56 → 00:17:57 ถ้ามันแบบ
00:17:57 → 00:18:00 >> มีไข่แดงร่วมด้วยมันก็จะประโยชน์
00:18:00 → 00:18:02 >> มากกว่ากินไข่ขาวอย่างเดียวอ
00:18:02 → 00:18:05 >> อืฮะโอโอเคงั้นก็คือไข่ไข่ขาวอาจารย์บอก
00:18:05 → 00:18:07 ว่าnoลิมแล้วแต่คุณเลย
00:18:07 → 00:18:11 >> แล้วแต่ความต้องการโปรตีนของแต่ละคนว่า
00:18:11 → 00:18:14 >> ถูกต้องครับว่าเอ้ยต้องการวันละเท่าไหร่
00:18:14 → 00:18:16 กี่กรัมเพราะไข่ขาว 1 ฟอง
00:18:16 → 00:18:16 >> อ
00:18:16 → 00:18:18 >> ให้โปรตีนประมาณ 3.5 5 กรัม
00:18:18 → 00:18:19 >> อื
00:18:19 → 00:18:21 >> ประมาณครึ่งส่วนแต่ถ้าไข่ขาวไข่แดงเนี่ย
00:18:21 → 00:18:22 ให้โปรตีน 7 กรัม
00:18:22 → 00:18:23 >> อื
00:18:23 → 00:18:27 >> อ่าแล้วก็ลองคำนวณดูตามความเหมาะสมของแต่
00:18:27 → 00:18:27 ละคน
00:18:27 → 00:18:28 >> ของเรา
00:18:28 → 00:18:29 >> ใช่ครับ
00:18:29 → 00:18:31 >> ค่ะแล้วก็อันนึงที่ตอนแรกอาจารย์อธิบาย
00:18:31 → 00:18:33 ตั้งแต่ต้นเลยค่ะซึ่งคิดว่าหลายคนน่าจะ
00:18:33 → 00:18:36 ยังมีความเข้าใจที่ผิดๆอยู่อ่ะค่ะว่า
00:18:36 → 00:18:39 >> คอเลสเตอรอลจากอาหารส่งผลต่อร่างกายเรา
00:18:39 → 00:18:40 แค่ 20% ใช่มั้คะโดย
00:18:40 → 00:18:41 >> อ่าไม่เกินนี้ครับคือ
00:18:41 → 00:18:45 >> แต่ว่าอีก 80% น่ะมันมาจากไหนคะ
00:18:45 → 00:18:46 >> ตับเราผลิตขึ้นครับ
00:18:46 → 00:18:50 >> อ๋อบางคนกินแป้งเยอะคอเลสเตอรอลสูงก็มี
00:18:50 → 00:18:51 >> อื
00:18:51 → 00:18:53 >> เพราะตับเนี่ยมันจะเป็นตัวปรับ
00:18:53 → 00:18:54 >> สมดุลของคอเลสเตอรอล
00:18:54 → 00:18:55 >> อื
00:18:55 → 00:18:57 >> อ่าในเลือดของเราอ่ะค่ะ
00:18:57 → 00:18:59 >> นะบางทีเราแบบว่าเอ้ยกินอาหาร
00:18:59 → 00:19:02 >> คอเลสเตอรอลไม่ได้สูงนะแต่คอเลสเตอรอลใน
00:19:02 → 00:19:05 เลือดสูงตับผิดปกติ
00:19:05 → 00:19:05 >> อื
00:19:05 → 00:19:09 >> อ่าก็ในการผลิตสูงขึ้นอาจจะแปนติก
00:19:09 → 00:19:11 หรืออาหารบางอย่างน้ำมันบางชนิด
00:19:11 → 00:19:12 >> อื
00:19:12 → 00:19:14 >> มีผลในการเพิ่มคอเลสเตอรอลได้ทั้งๆที่น้ำ
00:19:14 → 00:19:16 มันนั้นเป็นน้ำมันพืช
00:19:16 → 00:19:16 >> อื
00:19:16 → 00:19:19 >> ที่เราชอบเห็นผู้ประกอบการตบตาเราเขียน
00:19:19 → 00:19:21 ว่า 0% คอเลสเตอรอล
00:19:21 → 00:19:23 แต่ไอ้ 0% คอเลสเตอรอลใช่ในอาหารนั้นน่ะ
00:19:24 → 00:19:24 ไม่มี
00:19:24 → 00:19:24 >> ค่ะ
00:19:24 → 00:19:28 >> อ่าแต่เผอิญเรากินอาหารนั้นเข้าไปเนี่ย
00:19:28 → 00:19:30 ไม่ใช่เผอิญหรอกเป็นเรื่องจริงเลยเรื่อง
00:19:30 → 00:19:33 จริงเลยที่เรากินน้ำมันพืชนั้นเข้าไปเช่น
00:19:33 → 00:19:34 น้ำมันปาล์ม
00:19:34 → 00:19:34 >> อื
00:19:34 → 00:19:37 >> อ่าไปเพิ่ม LDL คอเลสเตอรอลได้ทั้งๆที่
00:19:37 → 00:19:39 น้ำมันปาล์มไม่มี
00:19:39 → 00:19:39 >> ไม่มีคอเล
00:19:39 → 00:19:42 >> คอเลสเตอรอลเพราะพืชไม่มีมันมีเฉพาะใน
00:19:42 → 00:19:44 สัตว์คอเลสเตอรอลเนี่ย
00:19:44 → 00:19:48 >> แล้วน้ำมันปาล์มมีกรดไขมันอิ่มตัวสายยาว
00:19:48 → 00:19:50 ซึ่งจะกระตุ้นให้
00:19:50 → 00:19:53 >> ตับผลิต LDL คอเลสเตอรอลเพิ่มมากขึ้น
00:19:53 → 00:19:54 >> อ๋อ
00:19:54 → 00:19:55 >> แล้วน้ำมันปาล์มจะทำให้เกิดการอักเสบ
00:19:55 → 00:19:57 เรื้อร่างได้
00:19:57 → 00:19:58 >> อ๋อ
00:19:58 → 00:20:00 >> มีน้ำมันอะไรอีกมั้คะที่สุดท้ายทำให้เรา
00:20:00 → 00:20:02 มีไขมันเร็วเพิ่มขึ้นโดยที่ไม่
00:20:02 → 00:20:04 >> ไขมันเร็วเพิ่มขึ้นหลักๆเลยเนี่ยก็คือไข
00:20:04 → 00:20:07 มันอิ่มตัวสายยาวต้องพูดกันเป็นเฉพาะอีก
00:20:07 → 00:20:10 อ่ะเพราะไขมันอิ่มตัวมันมีตัวดีก็มีนะ
00:20:10 → 00:20:10 >> อื
00:20:10 → 00:20:14 >> เออที่เป็นสายสั้นสายกลางอย่างเงี้ยแล้ว
00:20:14 → 00:20:16 ทุกวันเนี้ยที่เกิดการถกเถียงทางวิชาการ
00:20:16 → 00:20:19 เนี่ยเพราะมันไม่ได้indีทลไง
00:20:19 → 00:20:19 >> อ๋อ
00:20:20 → 00:20:23 >> ว่าแบบเฮ้ยไขมันอิ่มตัวใส่สั้นน่ะอ่ากดไข
00:20:23 → 00:20:25 มันสายสั้นที่อยู่ใน Apple เนี่ย
00:20:25 → 00:20:26 >> อ๋อ
00:20:26 → 00:20:30 >> อ่าฮิตฮอPopปล่ามากแล้วก็ MCT Oอย
00:20:30 → 00:20:31 >> สายสั้นเหรอ
00:20:31 → 00:20:32 >> อันนี้คือสายกลาง
00:20:32 → 00:20:33 >> อ๋อสายกลาง
00:20:33 → 00:20:35 >> อ่าโมเลกุลสายกลางร่างกายย่อยเผาผ่านได้
00:20:35 → 00:20:38 เร็วมีส่วนช่วยในการแบบอ่าควบคุมความหิว
00:20:38 → 00:20:41 เพิ่มการเผาผลาญของร่างกายนะครับสมมุติ
00:20:41 → 00:20:43 เรากินอาหารทอดนอกบ้านเนี่ยอาจารย์บอกเลย
00:20:43 → 00:20:46 ว่าส่วนใหญ่เป็นน้ำมันปาล์มทอด
00:20:46 → 00:20:50 กรอบอร่อยไม่เหม็นหืนนะกินไก่ทอดกินหมู
00:20:50 → 00:20:51 ทอดเนี่ยหมดเลยอ
00:20:51 → 00:20:51 >> อื
00:20:51 → 00:20:53 >> นะแล้วเราก็ต้องพยายามที่จะลดผลกระทบที่
00:20:53 → 00:20:56 ก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรางพืชผักผลไม้
00:20:56 → 00:20:58 ก็ซัดเข้าไปฟาดเข้าไปเพื่อให้มันแบบเฮ้ย
00:20:58 → 00:21:00 ไม่ให้ส่งผลไอ้
00:21:00 → 00:21:03 >> การอักเสบเนี่ยเกิดขึ้นในร่างกายสูง
00:21:03 → 00:21:05 >> เพราะร่างกายเนี่ยมันเกิดขึ้นอยู่ตลอดและ
00:21:05 → 00:21:08 สารพิษสารอักเสบสารก่อมะเร็งต่างๆมันเกิด
00:21:08 → 00:21:10 ขึ้นในกายเราอยู่ตลอดเวลาเราไม่ได้กิน
00:21:10 → 00:21:14 อาหารที่แบบในอุดมคติบริสุทธิ์ผุดผ่องทุก
00:21:14 → 00:21:16 อย่างแม้กระทั่งนั่งกินพืชผักผลไม้ทุกวัน
00:21:16 → 00:21:18 นี้ยังมียาฆ่าแมลงปนเปื้อนอยู่เลยถูกมั้ย
00:21:18 → 00:21:20 >> อ่าถ้าเราไม่ล้างทำความสะอาดดีๆอย่าง
00:21:20 → 00:21:23 เงี้ยครับแล้วเนี่ยมันมันก็มีกระบวนการ
00:21:23 → 00:21:26 ของร่างกายในการกำจัดอนุมูลอิสระกำจัดการ
00:21:26 → 00:21:28 อักเสบ
00:21:28 → 00:21:31 >> เรื้อรังนะกำจัดสารพิษสารกรอบมะเร็งต่างๆ
00:21:31 → 00:21:33 เป็นปกติแต่ถ้าเกิดว่ากระบวนการเหล่านี้
00:21:33 → 00:21:36 เราเสื่อมไปตามวัยตามพฤติกรรมการใช้ชีวิต
00:21:37 → 00:21:39 ของเราที่มันแบบส่วนทางนาฬิกาชีวิตหรือ
00:21:39 → 00:21:42 ใช้ชีวิตที่มันหักขุมเกินไประบบต่างๆมัน
00:21:42 → 00:21:45 ก็จะเสื่อมถอยไปก็ทำให้เราเนี่ยแก่เร็ว
00:21:45 → 00:21:45 ตายไว
00:21:45 → 00:21:46 >> อื
00:21:46 → 00:21:49 >> อ่าหัวใจมะเร็งตามมา
00:21:49 → 00:21:51 >> อืตามมาชุดใหญ่เลยค่ะอาจารย์
00:21:51 → 00:21:52 >> ชุดใหญ่เลยใช่ครับ
00:21:52 → 00:21:55 >> ทีนี้อยากถามว่าคนแบบไหนห้ามกินไข่มีมั้ย
00:21:55 → 00:21:58 คะมีมั้ยเหรอจริงๆแล้วอ่ะคนแพ้ไข่มีครับ
00:21:58 → 00:21:59 >> อื
00:21:59 → 00:22:00 >> แพ้โปรตีนจากไข่
00:22:00 → 00:22:02 >> อ่าอย่างเงี้ยก็ห้ามกินไข่
00:22:02 → 00:22:06 >> นะครับเหมือนคนแพ้อาหารทะเลแพ้นมแพ้ทัวร์
00:22:06 → 00:22:07 อย่างเงี้ยครับแล้วคนที่แพ้
00:22:08 → 00:22:08 >> อ
00:22:08 → 00:22:11 >> โปรตีนจากไข่อันเนี้ยโดยตรงเลยที่ห้ามกิน
00:22:11 → 00:22:13 ไข่กับคนที่มีปัญหากัดดิไบซีด
00:22:13 → 00:22:16 >> อ๋ออ๋อคือลำไส้ใช่มั้อาจจะต้องควบคุมอ่า
00:22:16 → 00:22:19 ไม่ถึงกับห้ามหรอกถ้าแพ้เนี่ยห้ามเลยนะ
00:22:19 → 00:22:21 >> เพราะอาจจะเกิดอาการแพ้ขึ้นมารุนแรงได้
00:22:21 → 00:22:21 >> อื
00:22:21 → 00:22:24 >> อ่าถึงชีวิตได้แต่ถ้าสมดุลจุลินทรีย์ในลำ
00:22:24 → 00:22:25 ไส้ไม่ดี
00:22:25 → 00:22:26 >> อือ
00:22:26 → 00:22:28 >> นะครับคุณไปตรวจมาแล้วสมดุลไม่ดีไข่คุณ
00:22:28 → 00:22:30 ต้องถูกควบคุมด้วยนะไข่แดง
00:22:30 → 00:22:30 >> อื
00:22:31 → 00:22:32 >> อาจารย์ถึงบอกว่าโดย General Recomment
00:22:32 → 00:22:35 เราก็ที่ 1 ฟองถูกต้องแต่ถ้าเราดูแลสมดุล
00:22:35 → 00:22:37 จุลินทรีย์ที่ลำไส้เราดี
00:22:37 → 00:22:40 >> อ่าเรามีเอ่อการได้รับโปรไบโติก
00:22:40 → 00:22:41 พรีไบโอติกอ
00:22:41 → 00:22:44 >> นะมันก็จะมีผลทำให้เราอ่ะเออวันนี้กิน 2
00:22:44 → 00:22:46 ฟองแล้วโอเคอ่า
00:22:46 → 00:22:48 >> งั้นหลักๆก็จะมีคน 2 ประเภทก็คือ 1 คือคน
00:22:48 → 00:22:51 ที่แพ้ไข่ก็กินไข่ไม่ได้แน่นอน 2 ก็คือ
00:22:51 → 00:22:53 ถ้าสมมุติว่าลำไส้อาจจะไม่ได้สมดุลมากมี
00:22:53 → 00:22:56 โปรไบโอติกที่อาจจะตัวไม่ดีเยอะอะไรเงี้ย
00:22:56 → 00:23:00 ก็อาจจะเราก็ดูได้เราขับถ่ายได้ประจำไม้
00:23:00 → 00:23:02 ท้องปุมลักษณะอุจจาระสีเหลืองงามอหร่าม
00:23:02 → 00:23:06 ดังทองกล้วยหอมออกมานะขนาดนั้นมั้ยมันก็
00:23:06 → 00:23:08 จะบ่งชี้ภาวะสุขภาพลำไส้ของเราได้ถ้าลำ
00:23:08 → 00:23:11 ไส้เราดีอ่ะเออเราก็กินถูกต้องเพราะมันมี
00:23:11 → 00:23:13 คุณประโยชน์กับสุขภาพร่างกายทีนี้มันก็
00:23:13 → 00:23:16 ต้องประเมินในแต่ละบุคคลอาจารย์ก็เลยว่า
00:23:16 → 00:23:18 อ่ะงั้นแต่พอดีอ
00:23:18 → 00:23:19 >> อื
00:23:19 → 00:23:20 >> คือ 1 ฟอง
00:23:20 → 00:23:23 >> ฉะนั้นคนเนี้ยค่ะที่เขาบอกว่าเกินตอนเช้า
00:23:23 → 00:23:26 กิน 2 ฟองอ่าตอนเย็นกินอีกพอเเห็นเทปนี้เ
00:23:26 → 00:23:29 ก็โอเคจ้าต้องลดและแต่ฉันกินมังสาวีรั
00:23:29 → 00:23:31 >> งัดไข่แดงออก
00:23:31 → 00:23:32 >> อ๋อจบเลย
00:23:32 → 00:23:35 >> ถูกต้องกินไข่ขาวจริงๆแล้วไข่ต้มน่ะมันมี
00:23:35 → 00:23:37 งานวิจัยด้วยนะครับว่าถ้าเรากินในมื้อ
00:23:37 → 00:23:39 เช้าอ่ะมันช่วยควบคุมน้ำหนักตัวแล้วช่วย
00:23:39 → 00:23:42 ควบคุมความหิวความอิ่มระหว่างวันได้
00:23:42 → 00:23:44 ถ้าเรากินอาหารโปรตีนในมืเช้า
00:23:44 → 00:23:47 >> นะไข่ต้มมีการศึกษาวิจัยทางคลินิกเลยว่า
00:23:47 → 00:23:49 ควบคุมน้ำตาลควบคุมน้ำหนักตัวได้ดีในกรณี
00:23:49 → 00:23:52 เรากินอาหารโปรตีนสูงในมื้อเช้า
00:23:52 → 00:23:53 >> ค่ะ
00:23:53 → 00:23:55 >> แล้วก็กินไข่ในมื้อเช้า
00:23:55 → 00:23:57 >> มันก็มีคุณประโยชน์ถ้าเรา
00:23:57 → 00:23:58 >> ดีไซน์ให้ดี
00:23:58 → 00:24:01 >> อ่าแล้วมื้ออื่นเรากินเป็นไข่ขาวไปก็ได้
00:24:01 → 00:24:04 หรือมื้อเช้าเนี่ยโหจะกินไข่ต้ม 3 ฟองถาม
00:24:04 → 00:24:08 ว่าได้มั้ยได้เรากินไข่แดงสัก 1 ฟองหรือ
00:24:08 → 00:24:10 ถ้าคุณจะกิน 2 ฟองนะคุณต้องกินผักกิน
00:24:10 → 00:24:14 ไฟเบอร์เข้าไปถูกต้องครับอ่ามันก็จะช่วย
00:24:14 → 00:24:16 ล้มล้างไอ้สิ่งที่ไม่ดีเนี่ย
00:24:16 → 00:24:17 >> ได้ด้วย
00:24:17 → 00:24:19 >> กินได้เหมือนเดิมนะแค่ว่าต้องปรับให้
00:24:19 → 00:24:19 สมดุลมากขึ้น
00:24:19 → 00:24:21 >> ถูกต้องครับ
00:24:21 → 00:24:23 >> คำถามต่อมาค่ะอันนี้เรื่องปิ้งย่างค่ะ
00:24:23 → 00:24:23 อาจารย์
00:24:23 → 00:24:24 >> ครับผม
00:24:24 → 00:24:26 >> ตั้งแต่อายุ 35 เนี่ยรู้สึกว่าป่วยง่าย
00:24:27 → 00:24:29 ขึ้นนะคะล่าสุดเนี่ยมีเพื่อนวัยเดียวกัน
00:24:29 → 00:24:31 ตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งลำไส้
00:24:31 → 00:24:32 >> อือฮึ
00:24:32 → 00:24:34 >> เคยอ่านเจอว่ากินปิ้งย่างบ่อยๆทำให้เป็น
00:24:35 → 00:24:37 มะเร็งแล้วเพื่อนคนเนี้ยที่เป็นมะเร็งอ่ะ
00:24:37 → 00:24:41 ค่ะชอบกินเกาหลีปิ้งย่างเป็นประจำเลยค่ะ
00:24:41 → 00:24:44 ทีนี้ก็เลยอยากจะถามว่ากินปิ้งย่างยังไง
00:24:44 → 00:24:46 ให้ไม่เสี่ยงเป็นมะเร็งคะแล้วถ้าเป็น
00:24:46 → 00:24:49 เนื้อสัตว์ที่อบด้วยเตาอบหรือหม้อทอดร้อย
00:24:49 → 00:24:51 น้ำมันเนี่ยแบบเนี้ยมันยังเสี่ยงมะเร็ง
00:24:51 → 00:24:52 อยู่มั้คะอ
00:24:52 → 00:24:55 >> อ่าเราเคลียร์ทีละประเด็นเนาะให้เคลียร์
00:24:55 → 00:24:56 คัชนเลยว่า
00:24:56 → 00:24:57 >> ชัดเจนเลยค่ะ
00:24:57 → 00:25:00 >> กเอ่อปิ้งย่างจะไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการ
00:25:00 → 00:25:01 เกิดมะเร็ง
00:25:01 → 00:25:01 >> ไม่
00:25:01 → 00:25:02 >> อันนี้จริงครับ
00:25:02 → 00:25:02 >> อื
00:25:03 → 00:25:06 >> อ่าแล้วเวลาเรากินอาหารประเภทปิ้งย่าง
00:25:06 → 00:25:10 เนี่ยนะครับคือโปรตีน
00:25:10 → 00:25:12 จากเนื้อสัตว์
00:25:12 → 00:25:15 >> มาโดนความร้อนสูงตั้งแต่ 150 จนถึง 200
00:25:15 → 00:25:19 องศเซซียที่เราปิ้งยากเนี่ยโปรตีนกับความ
00:25:19 → 00:25:21 ร้อนนะครับอ่าที่สูงๆเนี่ยมันจะทำ
00:25:21 → 00:25:24 ปฏิกิริยาแล้วทำให้เกิดสารนะที่ชื่อว่า
00:25:24 → 00:25:26 เฮโรไซคิเอ
00:25:26 → 00:25:26 >> อื
00:25:26 → 00:25:30 >> นะเฮโรไซคicเอมีนหรือ HCA ตัวเนี้ย
00:25:30 → 00:25:31 >> ค่ะ
00:25:31 → 00:25:32 >> เป็นสารก่อมะเร็งครับ
00:25:32 → 00:25:32 >> อ๋อ
00:25:32 → 00:25:36 >> อ่าที่เกิดจากโปรตีนกับความร้อนสูงแล้วใน
00:25:36 → 00:25:38 เนื้อสัตว์ที่เราปิ้งมันไม่ได้มีโปรตีน
00:25:38 → 00:25:40 อย่างเดียวบางทีไขมันแทรกอยู่โอ้โหขอ
00:25:40 → 00:25:41 เนื้อแบบ
00:25:41 → 00:25:42 >> ติดมันค่ะ
00:25:42 → 00:25:47 >> ที่มันติดมันนะไอ้เจ้าไขมันเนี่ยครับอ
00:25:47 → 00:25:50 >> โดนความร้อนสูงมันก็จะทำให้เกิดสารก่อ
00:25:50 → 00:25:53 มะเร็งที่ชื่อว่าโพลีไซคิอโรมิ
00:25:53 → 00:25:54 ไฮโดรคาร์บอน
00:25:54 → 00:25:57 >> P A P A
00:25:57 → 00:25:58 >> อ่าฉะนั้นแล้วมันก็เป็นสารก่อมะเร็งอีก
00:25:58 → 00:25:59 ตัวนี้
00:25:59 → 00:25:59 >> โอห
00:25:59 → 00:26:02 >> โปรตีนโดนความร้อนสูงเกิดสารก่อมะเร็ง
00:26:02 → 00:26:02 >> อ่า
00:26:02 → 00:26:05 >> อ่าไขมันโดนความร้อนสูงเกิดสารก่อมะเร็ง
00:26:05 → 00:26:09 นอกจากนี้ครับในพวกเนื้อสัตว์แปรรูปนะ
00:26:09 → 00:26:14 ครับอ่าไส้กรอกแฮมเบคอนนะครับก็จะมีสาร
00:26:14 → 00:26:17 ก่อมะเร็งแฝงอยู่นะครับอยู่ในรูปแบบของ
00:26:17 → 00:26:20 ไนเตรตไนไตรท์ที่เป็นสารกันบูดสารกันเสีย
00:26:20 → 00:26:24 สารที่ทำให้สีมันแดงโอเนื้อสัตว์สวยมากนะ
00:26:24 → 00:26:27 ครับแล้วเวลาเราได้รับเข้าไปเนี่ยนะมันจะ
00:26:27 → 00:26:30 ทำปริยากับกรดในกระเพาะอาหารแล้วเปลี่ยน
00:26:30 → 00:26:32 เป็นสารไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
00:26:32 → 00:26:33 เช่นเดียวกัน
00:26:33 → 00:26:34 >> อ
00:26:34 → 00:26:38 >> งั้นเราจะเห็นเลยว่าโอ้โหปิ้งย่างเกิดสาร
00:26:38 → 00:26:39 ก่อมะเร็งขึ้นมาเพียบเลย
00:26:39 → 00:26:42 >> อันนี้เท่าที่นับนี่ก็ 3-4 อันแล้วนะคะ
00:26:42 → 00:26:42 อาจารย์
00:26:42 → 00:26:44 >> ถูกต้องครับมันก็เลยแบบเฮ้ยคนที่กินบ่อยๆ
00:26:44 → 00:26:46 ก็ไปเพิ่มความเสี่ยง
00:26:46 → 00:26:46 >> อ
00:26:46 → 00:26:48 >> ต่อการเกิดมะเร็งได้ซึ่งความเสี่ยงต่อการ
00:26:48 → 00:26:51 เกิดมะเร็งเนี่ยมันมีหลายปัจจัยแหละแต่
00:26:51 → 00:26:53 อันเนี้ยก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักแล้วได้
00:26:53 → 00:26:55 รับบ่อยๆบางคนโอ้โหชอบมากเลยไปกิน
00:26:55 → 00:26:58 บุฟเฟ่ต์ต้องกินให้คุ้มนะกินเต็มที่ฝ้า
00:26:58 → 00:26:59 ทิงเป็นกิโล
00:26:59 → 00:27:02 >> นะครับแล้วก็เป็นปิ้งย่างไหม้เกรียมยิ่ง
00:27:02 → 00:27:03 หอมยิ่งอร่อย
00:27:03 → 00:27:04 >> กรอบ
00:27:04 → 00:27:06 >> ถูกต้องครับแล้วอย่าลืมนะครับว่าเวลาเรา
00:27:06 → 00:27:09 ปิ้งย่างเนี่ยมันเกิดควันขึ้นมาถูกมั้
00:27:09 → 00:27:11 ครับเราก็สูดเข้าไปอีกอ
00:27:11 → 00:27:13 >> อแล้วไม่ใช่แค่ทางปากของเราและที่ได้รับ
00:27:13 → 00:27:17 เข้าไปทางจมูกของเราทางปอดของเราก็ได้รับ
00:27:17 → 00:27:19 สารก่อมะเร็งเข้าไปเต็มที่เลยทีนี้เต็ม
00:27:19 → 00:27:22 คาราเบลหลายปัจจัยมันก็ส่งผลทำให้เพิ่ม
00:27:22 → 00:27:24 ความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งนต่างๆทางเดิน
00:27:25 → 00:27:27 อาหารกระเพาะอาหารมะเร็งลำไส้ใยอ
00:27:28 → 00:27:30 >> ก็เกิดขึ้นจากไอ้ปิ้งย่างของเราที่เรากิน
00:27:30 → 00:27:33 เป็นประจำกินบ่อยๆนี้เทคนิคในการที่เราจะ
00:27:33 → 00:27:34 ลด
00:27:34 → 00:27:36 >> 6 เทคนิคกินปิ้งย่างยังไงให้ลดความ
00:27:36 → 00:27:38 เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งครับผม
00:27:38 → 00:27:39 >> โอ้โห
00:27:39 → 00:27:42 >> อย่างแรกเลยอ่าจดไว้เลยนะ
00:27:42 → 00:27:45 >> อย่างแรกอุณหภูมิความร้อนครับไม่สูงมาก
00:27:45 → 00:27:45 เกิน
00:27:45 → 00:27:49 >> อ่าบางคนปิ้งย่างสูงเกิน 200 องศเซซีย
00:27:49 → 00:27:52 >> นะครับอย่างที่ 2 ครับเลือกเนื้อสัตว์ที่
00:27:52 → 00:27:54 ไม่ติดมันครับหรือถ้ามีติดมันเราตัดมัน
00:27:54 → 00:27:56 ออกไปเพราะว่าไอ้ไขมันเนี่ยเวลาเจอความ
00:27:56 → 00:27:59 ร้อนสูงๆมันเกิดสารก่อมะเร็งได้นะครับ
00:28:00 → 00:28:02 อย่างที่ 3 ครับพยายามที่จะพลิก
00:28:02 → 00:28:05 >> นะครับก็คือกลับด้านเนื้อสัตว์นี่แหละ
00:28:05 → 00:28:07 บ่อยๆไม่ให้มันเกิดการไหม้ให้เกรี้ยมไม่
00:28:07 → 00:28:10 งั้นมันจะเกิดสารก่อมะเร็งเพิ่มมากขึ้น
00:28:10 → 00:28:10 ครับ
00:28:10 → 00:28:12 >> ก็คือพริกมันจะได้ไม่ดำใช่มั้คะอาจารย์
00:28:12 → 00:28:15 ไม่ควรกินให้มันเกรียมดำๆพยายามที่จะแบบ
00:28:15 → 00:28:18 บางร้านมีกรรไกรให้เราตัดอันนั้นเนี่ย
00:28:18 → 00:28:21 เฉื่อมันทิ้งซะตัดมันออกซะนะครับอย่างที่
00:28:21 → 00:28:23 4 ครับเอาเนื้อสัตว์ไปหมักด้วยเครื่อง
00:28:24 → 00:28:26 เทศสมุนไพรนะเพราะเจ้าเครื่องเทศสมุนไพร
00:28:26 → 00:28:29 ไม่ว่าจะเป็นกระเทียมเป็นขิงนะบางคนใช้
00:28:29 → 00:28:33 โรสมี่นะพวกนี้ก็จะมีสารต้านมะเร็งสาร
00:28:33 → 00:28:35 ต้านการเกิดสารก่อมะเร็งอยู่ด้วยมันก็
00:28:35 → 00:28:37 ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้นะ
00:28:38 → 00:28:41 ครับอย่างที่ 5 ครับกินพืชผักผลไม้ร่วม
00:28:41 → 00:28:44 ด้วยในมื้อนั้นนะครับโดยเฉพาะผักที่อุดม
00:28:44 → 00:28:47 ไปด้วยวิตามินซีสูงมันจะช่วยลดการเกิดสาร
00:28:47 → 00:28:49 ก่อมะเร็งพวกไนโตรซามีนได้
00:28:49 → 00:28:52 >> อ๋อวิตามินซีนี่มันช่วยเรืเรื่อง
00:28:52 → 00:28:54 >> ถูกต้องครับเปลี่ยนในยับยั้งการเปลี่ยน
00:28:54 → 00:28:56 ไนเตรตไนไตไปเป็นไนโตรซามีนซึ่งเป็นสาร
00:28:56 → 00:28:57 กรอบมะเร็งเลย
00:28:57 → 00:29:00 >> อ๋องั้นวิตามินซีในผักนี่คืออย่างเช่น
00:29:00 → 00:29:01 มะเขือเทศเหรอคะ
00:29:01 → 00:29:03 >> มะเขือเทศก็ได้ครับพริกหวาน
00:29:03 → 00:29:05 >> อ่าอย่างเงี้ยก็ได้เราจะสังเกตเห็น
00:29:05 → 00:29:06 บาร์บีคิวอ่ะจะมีพริกหวาน
00:29:06 → 00:29:08 >> ทำไมมีพริกหวานทำไมมีมะเขือเทศทำไมมี
00:29:09 → 00:29:10 สับปะรด
00:29:10 → 00:29:11 >> เพราะเกินแก้กัน
00:29:11 → 00:29:13 >> เนี่ยมันคือภูมิปัญญานะครับ
00:29:13 → 00:29:14 >> เพิ่งรู้แล้วค่ะ
00:29:14 → 00:29:17 >> ว่าทำไมต้องกินแก้กันนะครับอ่าและอย่าง
00:29:17 → 00:29:20 สุดท้ายครับเครื่องดื่มพยายามที่จะเลี่ยง
00:29:20 → 00:29:23 น้ำหวานน้ำอัดลมนะครับชางชานมทั้งหลาย
00:29:23 → 00:29:27 แหล่เราพยายามเลือกแอนตี้ออกซidนสูงก็คือ
00:29:27 → 00:29:28 ชาเขียวที่เป็นแบบ
00:29:28 → 00:29:29 >> มัจฉะ
00:29:29 → 00:29:32 >> มัจฉะเลยเข้มข้นเลยนะไม่ใช่ชาเขียวพร้อม
00:29:32 → 00:29:35 ดื่มสำเร็จรูปที่มีน้ำตาลแล้วเป็นวิญญาณ
00:29:35 → 00:29:39 แคติชินเราไม่เอานะเราต้องออกฤออกเด็งได้
00:29:39 → 00:29:42 แล้วถ้าเราสามารถที่จะเอาไปเทคนิคเหล่าไป
00:29:42 → 00:29:44 ปรับใช้ได้เราก็จะกินปิ้งย่างได้อย่าง
00:29:44 → 00:29:48 สบายใจอร่อยด้วยแล้วสุขภาพไม่พังครับ
00:29:48 → 00:29:50 >> โอ้โหดีมากเลยค่ะแล้วก็ทุกอย่างที่
00:29:50 → 00:29:53 อาจารย์พูดมาไม่ใช่เรื่องยากเลยนะคะมัน
00:29:53 → 00:29:55 แค่การกินอย่างมีสติแล้วก็เราแค่จำ 6
00:29:55 → 00:29:57 เทคนิคนี้ไปไปกินปิ้งย่างอย่างน้อยเราก็
00:29:57 → 00:30:01 ได้กินได้อย่างสบายใจแล้วนอกจากเราจะสบาย
00:30:01 → 00:30:03 ใจจริงๆเราก็อาจจะเอาความรู้เนี้ยไปแบ่ง
00:30:03 → 00:30:05 กับเพื่อนในโต๊ะก็ได้ว่าเฮ้ยแกหยุดนะหยุด
00:30:05 → 00:30:08 กินผักก่อนผักหน่อยมั้ยอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:30:08 → 00:30:10 คะซึ่งมันช่วยได้เยอะมากๆเลย
00:30:10 → 00:30:12 >> ต้องช่วยได้เยอะมากเลยครับโดยเฉพาะผักนี่
00:30:12 → 00:30:14 แหละครับในแต่ละมื้อแต่ละที่เราใส่เข้าไป
00:30:14 → 00:30:17 มันมีใยอาหารอย่างที่บอกว่ามันชะลอการดูด
00:30:17 → 00:30:21 ซึมน้ำตาลลดการดูดซึมไขมันและลดการสัมผัส
00:30:21 → 00:30:23 สารก่อมะเร็งลดการดูดซึมสารก่อมะเร็งเข้า
00:30:23 → 00:30:25 สู่ร่างกายด้วยอ
00:30:25 → 00:30:29 >> อืโอเคค่ะทีนี้อยากจะถามเรื่องกรรมวิธี
00:30:29 → 00:30:32 บ้างค่ะว่าอย่างปิ้งย่างเตาอบ
00:30:32 → 00:30:36 >> หม้อทอดรอยน้ำมันอันไหนไม่ปลอดภัยที่สุด
00:30:36 → 00:30:36 ค่ะ
00:30:36 → 00:30:37 >> ปิ้งย่างครับ
00:30:37 → 00:30:38 >> อุ้ย
00:30:38 → 00:30:41 >> เพราะนึกออกมั้ครับว่าเตาถ่านกระทะถูก
00:30:42 → 00:30:45 ต้องครับนะในการที่มันอย่างไขมันอย่าง
00:30:45 → 00:30:47 เงี้ยที่มันแทรกอยู่ในพวกเนื้อสัตว์มันก็
00:30:47 → 00:30:48 ละลายลงไปที่
00:30:48 → 00:30:49 >> อ
00:30:49 → 00:30:53 >> โดนสัมผัสนะที่เตาถ่านหรือเตาไฟฟ้าตะแกง
00:30:53 → 00:30:55 ไฟฟ้าอันเนี้ยโดยตรง
00:30:55 → 00:30:58 >> อ่าถ้าอันอื่นเนี่ยมันก็จะน้อยหน่อยแต่
00:30:59 → 00:31:02 ไม่ใช่ไม่เกิดนะต่อให้ใช้หม้อทอดไร้น้ำ
00:31:02 → 00:31:02 มัน
00:31:02 → 00:31:06 >> ใช่สุดๆเลยสุดๆเลยไม่มีน้ำมันไงอาจารย์
00:31:06 → 00:31:07 แต่ถ้าความร้อนสูง
00:31:07 → 00:31:08 >> ใช่ออ
00:31:08 → 00:31:11 >> แล้วไปทำปฏิญากับโปรตีนอย่างที่บอก
00:31:11 → 00:31:11 >> อื
00:31:11 → 00:31:14 >> มันก็จะเกิดสารก่อมะเร็งขึ้นมาได้จาก
00:31:14 → 00:31:15 โปรตีนและความร้อนที่สูง
00:31:15 → 00:31:16 >> อื
00:31:16 → 00:31:19 >> อ่าไอ้ความร้อนสูงมากเกินเนี่ยโปรตีนความ
00:31:19 → 00:31:23 ร้อนสูงเกิดสารก่อมะเร็งเฮทโรไซคิเอมีน
00:31:23 → 00:31:26 อ่าหรือไขมันที่มันแทรกอยู่ในเนื้อสัตว์
00:31:26 → 00:31:29 ที่แบบโหติดมันชอบมากแล้วมันไปเจอความ
00:31:29 → 00:31:32 ร้อนสูงก็เกิดสารก่อมะเร็งนะโพลีไซคิ
00:31:32 → 00:31:34 อโรมติไฮโดรคาร์บอนบางคนบอกโอชื่อยาวมาก
00:31:34 → 00:31:38 เลยอาจารย์นะแล้วไอ้เนี่ยมันก็ทำให้เกิด
00:31:38 → 00:31:40 ความเป็นพิษมันก็ก่อมะเร็งได้นะครับนอก
00:31:40 → 00:31:44 จากนี้ครับไม่ใช่โปรตีนไขมันอย่างเดียว
00:31:44 → 00:31:46 ที่เจอความร้อนสูงแล้วเกิดสารกลมเล็กนะ
00:31:46 → 00:31:47 คาร์โบไฮเดรต
00:31:47 → 00:31:48 >> อ๋อ
00:31:48 → 00:31:53 >> เจอความร้อนสูงและทำปริยากับโปรตีนใน
00:31:53 → 00:31:55 อาหารนั้นๆมันจะเกิดสารก่อมะเร็งที่ชื่อ
00:31:55 → 00:31:56 ว่าอคีลามไม้
00:31:57 → 00:31:57 >> อคีลามไม้
00:31:57 → 00:32:00 >> อ่าที่มันอยู่ในชื่อมันจะยาวๆ
00:32:00 → 00:32:04 >> เฟนเฟนฟายมันฝรั่งทอดอะไรต่างเนี่ยพวก
00:32:04 → 00:32:06 เนี้ยนะครับมันก็จะทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง
00:32:06 → 00:32:07 ได้เช่นเดียวกันครับ
00:32:07 → 00:32:10 >> งั้นความร้อนไม่ควรไม่ควรเกินเท่าไหร่ดี
00:32:10 → 00:32:13 คะสมมุติหม้อทอดไรน้ำมันที่เราที่เราทำ
00:32:13 → 00:32:15 กันที่บ้านอะไรเงี้ยจะได้รู้ได้ว่าเฮ้ย
00:32:15 → 00:32:18 ห้ามเกินอุณหภูมินี้นะอันนี้เริ่มเริ่มจะ
00:32:18 → 00:32:20 >> จากข้อมูลการศึกษาวิจัยเนี่ยเค้าพบว่า
00:32:20 → 00:32:21 150-200
00:32:21 → 00:32:24 องเซียมันจะเกิดสารก่อมะเร็งเพิ่มมากขึ้น
00:32:24 → 00:32:27 >> อุ๊ยแต่ทุกคนก็ทอดประมาณนี้มั้คะอาจารย์
00:32:27 → 00:32:31 >> อ่าก็อาจจะแบบว่าเอา 149 แล้วกันบอเดอร์
00:32:31 → 00:32:35 นะครับนานหน่อยไม่เป็นแต่เราแบบถูกต้อง
00:32:35 → 00:32:37 ไม่ให้มันเกลียไหม้เกลียมากแต่ถ้ามันมี
00:32:37 → 00:32:40 ปุ๊บเนี่ยก็ต้องพยายามที่จะตัดออกไป
00:32:40 → 00:32:40 >> อื
00:32:40 → 00:32:44 >> และเราก็ต้องกินคู่กันกับผัก
00:32:44 → 00:32:44 >> อือ
00:32:44 → 00:32:47 >> อ่าหรือไม่ก็ผลไม้สับปะรดอย่างเงี้ยอ่า
00:32:47 → 00:32:51 >> อ่าเพราะมันช่วยย่อยมะละกออย่างเงี้ยอ่า
00:32:51 → 00:32:53 ก็จะช่วยในการย่อยเพราะเราเวลาเรากิน
00:32:53 → 00:32:54 เนื้อสัตว์บางคนท้องอืด
00:32:54 → 00:32:55 >> อ
00:32:55 → 00:32:57 >> นะเพราะว่ากินโปรตีนเยอะเกินเนื้อสัตว์
00:32:57 → 00:32:59 เยอะมากเกินโดยเฉพาะผู้สูงอายุ
00:32:59 → 00:33:00 >> อื
00:33:00 → 00:33:03 >> อ่าเราก็ต้องเอาอาศัยเอ่อเอ่อเอนไซม์จาก
00:33:03 → 00:33:06 สับปะรดจากมะละกอไปช่วยในการย่อย
00:33:06 → 00:33:08 >> อออืแล้วเคยเห็นข่าวมีอยู่ช่วงนึงอ่ะค่ะ
00:33:09 → 00:33:11 ที่เขาบอกว่าหลังมีอยู่ช่วงนึงที่เริ่ม
00:33:11 → 00:33:15 ฮิตอ่าทุกคนใช้หม้อทอดไร้น้ำมันแล้วหลัง
00:33:15 → 00:33:17 จากนั้นเนี่ยก็เริ่มมีคนบอกว่าอย่าใช้นะ
00:33:17 → 00:33:19 หม้อทอดไร้น้ำมันมันทำให้เป็นมะเร็งตกลง
00:33:19 → 00:33:21 มันทำให้เป็นมะเร็งจริงมั้คะอาจารย์
00:33:21 → 00:33:24 >> จริงมั้ยต้องบอกว่ามีส่วนถ้าเราใช้ความ
00:33:24 → 00:33:25 ร้อนสูงอ
00:33:25 → 00:33:26 >> มันเกิดสารก่อมะเร็งแต่ไม่ใช่ว่าอุ๊ยใช้
00:33:26 → 00:33:29 แล้วคุณจะเป็นเลยมันไม่ใช่เพราะปัจจัย
00:33:29 → 00:33:31 เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งอ่ะทั้งพันธุกรรม
00:33:31 → 00:33:32 ทั้ง
00:33:32 → 00:33:37 อ่าโอหหลายปัจจัยมากคุณแบบอ้วนมากคุณเอ่อ
00:33:37 → 00:33:40 พักผ่อนไม่เพียงพอนอนดึกเครียด
00:33:40 → 00:33:40 >> อ
00:33:40 → 00:33:43 >> นะพวกเนี้ยมันล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัย
00:33:43 → 00:33:47 เสี่ยงพวกนี้มันเป็นmultิ faorial
00:33:47 → 00:33:52 >> นะครับอ่าคือโรคที่เกิดจากหลายๆปัจจัยมัน
00:33:52 → 00:33:56 ไม่ใช่ปัจจัยเดียวเนาะแล้วข้อดีคืออาจจะ
00:33:56 → 00:33:59 เซฟเรื่องแคลอรี่ไร้น้ำมันเพราะเราไม่ได้
00:33:59 → 00:34:01 ใส่น้ำมันลงไปไม่ได้ทอดด้วยน้ำ
00:34:01 → 00:34:04 แต่มันเซฟแคลอรี่มันก็อาจจะอ่ามีผลในการ
00:34:05 → 00:34:07 ที่แบบอาจจะช่วยในการควบคุมน้ำหนักตัวได้
00:34:07 → 00:34:09 นะแต่ถ้าเรากินในปริมาณเยอะมันก็อ้วนอยู่
00:34:09 → 00:34:10 ดี
00:34:10 → 00:34:12 >> นึกออกมั้ครับแล้วเราขาดการออกกำลังกาย
00:34:12 → 00:34:14 ไม่ได้ควบคุมอาหารอื่นๆเพราะถือว่าอ๋อฉัน
00:34:14 → 00:34:17 ใช้หม้อทอดไร้น้ำมันแล้วเซฟแควตรงนี้แล้ว
00:34:17 → 00:34:19 แต่ไปฟาดอย่างอื่นเต็มที่มันก็อ้วนได้
00:34:19 → 00:34:21 อยู่ดีเพราะมันก็ต้องดูแลสุขภาพแบบองค์
00:34:21 → 00:34:25 รวมก็ต้องอินทิเกรตหลายๆปัจจัยมาดูแลภาวะ
00:34:25 → 00:34:26 สุขภาพร่างกายของเรา
00:34:26 → 00:34:31 >> โอรู้สึกวันนี้ได้ไขความเข้าใจผิดหลายๆ
00:34:31 → 00:34:33 อย่างนะคะไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกินไข่
00:34:33 → 00:34:35 เนาะหรือว่าจริงๆการกินปิ้งย่างเมื่อกี้
00:34:35 → 00:34:38 โห 6 เทคนิคเมื่อกี้เรู้สึกว่าดีมากๆเลย
00:34:38 → 00:34:40 เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ทำได้จริงค่ะนะคะ
00:34:40 → 00:34:42 ก็ขอบคุณอาจารย์อีกครั้งนึงนะคะที่ไม่ให้
00:34:42 → 00:34:45 ความรู้กันในวันนี้นะคะถ้าใครมีคำถาม
00:34:45 → 00:34:47 เพิ่มเติมนะคะเกี่ยวกับการกินอาหาร
00:34:47 → 00:34:49 นิทริชัอะไรก็แล้วแต่เนี่ยสามารถพิมพ์
00:34:49 → 00:34:52 เข้ามาได้นะคะเดี๋ยวเราจะรวบรวมแล้วเผื่อ
00:34:52 → 00:34:56 ชวนมาอีกรอบที่ 345 นะคะถ้าจะอาจารย์มี
00:34:56 → 00:34:58 เวลากรุณามาให้นะคะ
00:34:58 → 00:35:01 >> แล้วพบกันใหม่ในเทปหน้าสวัสดีสวัสดีค่ะ
00:35:01 → 00:35:04 >> สวัสดีครับ