00:00:00 → 00:00:13 [เพลง]
00:00:13 → 00:00:16 สวัสดีครับพี่หมอสวัสดีครับพี่เนตครับ
00:00:16 → 00:00:19 สวัสดีครับทัสวัสดีครับคุณหมอครับสวัสดี
00:00:19 → 00:00:22 ครับสวัสดีนะทุกคนครับผมสวัสดีครับวันนี้
00:00:22 → 00:00:26 เราจะต่อภาค 2 ในเรื่องของคีโตนนะฮะเมื่อ
00:00:26 → 00:00:30 วานนี้หมอพูดเรื่องคีโตนไปแล้วนะแต่แต่
00:00:30 → 00:00:33 ว่ามันมันมันเนื้อหามันจะยาวนิดนึงวันนี้
00:00:33 → 00:00:36 ก็เป็นภาจบก็คิดว่าไม่ได้ยาวเหมือนเมื่อ
00:00:36 → 00:00:39 วานนี้เท่าไหร่แต่พอดีเมื่อวานเยเออเราพอ
00:00:39 → 00:00:43 หมอไปฟังแล้วมันก็เรามีมีช่วงท้ายยาวไป
00:00:43 → 00:00:47 หน่อยอใช่วันนี้เราก็จะเร่งเอาเนื้อหา
00:00:47 → 00:00:51 สาระของเรื่องคีโตนให้จบนะฮะก็มี 2 ภาคนะ
00:00:51 → 00:00:55 ฮะเพราะฉะนั้นใครติดตามภาคแรกแล้วก็ให้จบ
00:00:55 → 00:00:59 กันในภาคเนี้ยแล้วเราก็จะรู้แบบเบ็ดเสร็จ
00:00:59 → 00:01:03 ไปเลยอ่ะว่าคีโตนมันมันมีเนื้อหาสาระยัง
00:01:03 → 00:01:06 ไงแล้วต้องรู้ต้องเข้าใจอะไรแล้วก็อะไร
00:01:06 → 00:01:09 เป็นพอย์เป็นตัวโฟกัสที่สำคัญำคัญใน
00:01:09 → 00:01:14 เรื่องของคีโตนนะฮะนะครับผมก็ถ้าพูดถึง
00:01:14 → 00:01:18 พื้นๆเลยเนี่ยนะฮะการสร้างคีโตนน่ะของคน
00:01:18 → 00:01:21 เราทั่วไปอ่ะทั้งคนทั้งสัตว์นี่แหละมัน
00:01:21 → 00:01:24 สร้างได้ตามธรรมชาติอยู่นะฮะเพราะว่าพื้น
00:01:24 → 00:01:28 ฐานเนี่ยถ้าเเราเคารพในกติกาว่าว่านะความ
00:01:28 → 00:01:31 เป็นสัตว์เนี่ยนะฮะพลังงานหลักที่เราจะ
00:01:31 → 00:01:34 ต้องใช้คือพลังงานเ่อมาจากไขมันเป็นหลัก
00:01:34 → 00:01:37 เนี่ยนะเพราะเซลล์ต่างๆเก็ชอบนะฮะครับผม
00:01:37 → 00:01:39 อย่าเป็น 2 เนี่ยที่เมื่อวานนี้เราก็รู้
00:01:39 → 00:01:43 ว่าเมีไมโตคอนเดรียเยอะที่สุดนะฮเคอนซูม
00:01:43 → 00:01:48 พลังงานเนี่ยประมาณเกือบๆเกือบๆ 1 ใน 4
00:01:48 → 00:01:53 ของพลังงานโตเอ่อทั้งวันเนี่ยนะฮะเอพวก
00:01:53 → 00:01:56 นี้พลังงานหลักที่สมองจะเอาไปใช้ได้มันก็
00:01:56 → 00:02:00 คือคีโตนนั่นแหละใช่ร่างกายเนี่ยนะถึงจะ
00:02:00 → 00:02:04 เป็นอะไรขนาดไหนจะเจ็บจะป่วยถึงจะเป็น
00:02:04 → 00:02:07 ดื้ออินซูลินขนาดไหนก็ตามเนี่ยนะพอถึงจุด
00:02:07 → 00:02:10 ถึงช่วงเวลานึงเนี่ยนะฮะก็ต้องมีการสร้าง
00:02:10 → 00:02:14 คีโตนแหละจะสร้างมากสร้างน้อยอย่างพลัง
00:02:14 → 00:02:16 งานต่างๆเนี่ยที่เรากินเข้าไปเนี่ยนะฮะ
00:02:16 → 00:02:19 เราก็ต้องมีทั้งกินมีทั้งนอนมีการใช้
00:02:19 → 00:02:23 activity อะไรต่างๆเนี่ยนะฮะเอแต่แล้ว
00:02:23 → 00:02:26 เนี่ยถึงจุดนึงนะฮะนะแม้ว่าเราจะเป็น C
00:02:26 → 00:02:30 burner Sugar burner พลังงานหลักๆเรา
00:02:31 → 00:02:35 มาชินชาต่อการใช้น้ำตาลอะไรก็ตามนะแต่ก็
00:02:35 → 00:02:37 ต้องมีช่วงเวลานึงอ่ะอาจจะเป็นช่วงเวลา
00:02:37 → 00:02:41 ที่ไม่ได้ยาวนานดังที่เราปรารถนาจริงๆ
00:02:41 → 00:02:43 เนี่ยที่มันจะต้องเกิดคีโตนแล้วก็อย่าง
00:02:43 → 00:02:47 น้อยก็ไปให้สมองได้ใช้เป็นหลักครับผมเรา
00:02:47 → 00:02:50 จะมาเป็นแบบารเนอร 100% เลยนักเนี่ยใน
00:02:50 → 00:02:53 ธรรมชาติมันไม่ได้เป็นลักษณะอย่างนั้น
00:02:53 → 00:02:55 แล้วมันเป็นไปไม่ได้นะฮเพราะทุกอย่าง
00:02:55 → 00:02:57 เนี่ยมันเหมือนกับมันก็มี metalic
00:02:57 → 00:02:59 flexibility inflexibility
00:02:59 → 00:03:04 อนะฮะเป็นแต่ว่าสัดส่วนของการใช้าฟใช้น้ำ
00:03:04 → 00:03:07 ตาลหรือสัดส่วนการใช้ไขมันเนี่ยมันแี่
00:03:07 → 00:03:12 ต่างๆกันไปนะครับอ่าทีนี้สรุปนิดนึงเมื่อ
00:03:12 → 00:03:16 วานเยนะฮะว่าคีโตนเนี่ยหลักๆของคีโตนตัว
00:03:16 → 00:03:19 ก็คือคือการเผาผลาญพลังงานจากไขมันนะฮะ
00:03:19 → 00:03:23 โดยไขมันเนี่ยอ่าหลักๆมีที่มาจากนะกิน
00:03:23 → 00:03:28 เข้าไปนะกับไขมันที่สะอยู่ในร่างกายนั้น
00:03:28 → 00:03:31 อีโตนจะมาได้ทั้งจากอาหารนะที่เป็น
00:03:31 → 00:03:35 nutritional ketosis นะฮะแล้วก็มาจาก
00:03:35 → 00:03:39 เรื่องของเอ่อการเผาผานพลังงานที่เราสะสม
00:03:39 → 00:03:45 ไว้นะฮะแล้วก็คนอ้วนคนผอมเอ่อใครจะสะสม
00:03:45 → 00:03:48 พลังงานเกี่ยวกับไขมันไว้ได้มากน้อยกว่า
00:03:48 → 00:03:51 กันนะแล้วก็ใครจะสร้างคีโตนได้ยากได้ง่าย
00:03:51 → 00:03:54 กว่ากันเมื่อวานนี้ก็พอรู้ครับอ่าแล้วก็
00:03:54 → 00:03:56 เนื้อหาสาระที่เพิ่มเติมจากเมื่อวานนี้
00:03:56 → 00:04:00 เราก็รู้ถึงเรื่องของลักษณะของของคีโตนนะ
00:04:00 → 00:04:05 ฮะว่าเอ่อเขามีเรื่องของคีโตนบอก็จะมีไอ้
00:04:05 → 00:04:10 ตัวเต้าไอกิบิกนะฮะแล้วก็พี่น้องของเขาก็
00:04:10 → 00:04:14 มีอะซีโตนซิโตอะซิเตตนะฮะอีกเรื่องนึงของ
00:04:14 → 00:04:18 คีโตนเนี่ยอ่าเราจะมีคำว่าแอลฟ่าคีโตน
00:04:18 → 00:04:22 เบต้าคีโตนแล้วแมมคีโตนสิ่งเหล่านี้ก็
00:04:22 → 00:04:25 เป็นอะไรที่มันมีความเชื่อมโยงนะกับความ
00:04:25 → 00:04:30 เป็นคีโตนน่ะนะฮะนะบางอย่างก็เป็นเป็นของ
00:04:30 → 00:04:32 ดีของไม่ดีอะไรต่างๆเมื่อวานนี้เราพอรู้
00:04:32 → 00:04:36 รายละเอียดเบื้องต้นไปแล้วนะฮะครับผมแล้ว
00:04:36 → 00:04:41 วันเนี้ยนะเราก็จะรู้ต่อนะฮะถึงการนำ
00:04:41 → 00:04:43 คีโตนไปใช้เมื่อวานเยส่วนใหญ่เป็นเรื่อง
00:04:43 → 00:04:47 การสร้างนะวันนี้การนำไปใช้และเ่าผลลัพธ์
00:04:47 → 00:04:52 หรือประโยชน์ที่ได้จากเอ่อการได้คีโตนอ่า
00:04:52 → 00:04:56 เป็นพลังงานหลักรวมทั้งอ่าเรื่องของ Fat
00:04:56 → 00:04:58 adap กับ ket adap เนี่ยมีความแตกต่าง
00:04:58 → 00:05:03 กันยังไงนะแล้วก็ครับผมมีประโยชน์มีโทษนะ
00:05:03 → 00:05:05 ฮะไม่เหมือนกันยังไงเหมือนกันยังไงอะไร
00:05:05 → 00:05:09 อย่างเงี้ยวันนี้ก็ได้คำ
00:05:09 → 00:05:13 ตอบก็ต่อไปนะฮะเมื่อวานเยข้อสรุปอย่างนึง
00:05:14 → 00:05:17 เนี่ยนะเราต้องรู้ตรงเนี้นะฮะนะคีโตน
00:05:17 → 00:05:22 เนี่ยมันก็มีเตี้คีโตนกับคนคีโตนนะฮะนะนะ
00:05:22 → 00:05:25 ส่วนใหญ่เนี่ยคนก็ไม่พูดถึงเตี้คีโตนกัน
00:05:25 → 00:05:29 นักนะหมอก็แปลกใจอ่ะเพราะในวิชาโละไมันก็
00:05:29 → 00:05:34 มีอ่ะนะฮะนะแต่ก็พูดแต่สั้นๆว่าคีโตนนะฮะ
00:05:34 → 00:05:37 นะเ่อแล้วก็ความหมายของคีโตนที่เพูดกัน
00:05:37 → 00:05:41 ทั่วๆไปน่าจะหมายถึงคลีนคีโตนนะฮะแต่จริง
00:05:41 → 00:05:44 ๆเนี่ยไส้ในลึกๆเนี่ยรายละเอียดมันมีนะ
00:05:44 → 00:05:48 ระหว่างเตี้กับคีนคีโตนนะฮะทีนี้มีข้อ
00:05:48 → 00:05:50 สรุปอย่างนึงเนี่ยของเมื่อวานเนี้ยที่พูด
00:05:50 → 00:05:54 ถึงการสร้างคีโตนน่ะนะคือคีนเนี่ยมันต้อง
00:05:54 → 00:05:58 เผาผันไขมันแล้วหลักๆก็คือเอ่อการสอนก็ดี
00:05:58 → 00:06:02 นะนะฮการสร้างก็ดีรวมทั้งการฝึกให้เซลล์
00:06:02 → 00:06:05 ได้ใช้ก็ดีเนี่ยอันเนี้ยเราต้องทำในช่วง
00:06:05 → 00:06:09 ของการฟีดนะฮะไม่ใช่การาไม่ใช่ช่วงกัน
00:06:09 → 00:06:11 ครับผมแล้ว
00:06:11 → 00:06:16 ก็เราจะต้องทำให้ได้ถึงคีโตนบริสุทธิ์น่ะ
00:06:16 → 00:06:19 นะฮะคลีนคีโตนนะฮะคลีนคีโตนเนี่ยมี
00:06:19 → 00:06:24 สัญลักษณ์อยู่ 5 สอนะฮะ 5 สอนะก็จะมี
00:06:24 → 00:06:28 สะเทินสะเทินหรือเสถียรเนะฮะนะแต่หว่าใช้
00:06:28 → 00:06:32 คำว่าสะเทินดีกว่านะฮะสะอาดสดชื่นสบาย
00:06:32 → 00:06:35 แล้วก็สนิทนะฮะอ่าสะเทินเนี่ยหมายถึงว่า
00:06:35 → 00:06:38 ตัวคีโตนเนี่ยที่สร้างขึ้นมาได้โดยเฉพาะ
00:06:38 → 00:06:42 คิงคีโตนเนี่ยนะฮะจะต้องเป็นลักษณะนะของ
00:06:42 → 00:06:47 สารที่เกิดแบบแบบชุดขึ้นไปอ่ะพุ่งเลยนะฮะ
00:06:47 → 00:06:51 แบบพุ่งสวิงเหวี่ยงขึ้นไปเยอะๆสูงๆเลยโดย
00:06:51 → 00:06:54 เฉพาะการกินที่ถูกต้องในมื้อแรกเนี่ยเ่อ
00:06:54 → 00:06:58 ตัวน้ำมันสกัดเย็นทออยอ่ะในรูปของน้ำสลัด
00:06:58 → 00:07:01 ทออยเนี่ยนะครับตัวนี้แหละเป็นการพุ่ง
00:07:01 → 00:07:06 คีโตนขึ้นไปนะอย่างสูงสุดนะฮะนะเ่าอย่าง
00:07:06 → 00:07:09 ทำให้เราได้ประโยชน์อะไรต่างๆนะของความ
00:07:09 → 00:07:14 เป็นคีโตนโดยเฉพาะคีคีโตนเนี่ยนะที่ที่จะ
00:07:14 → 00:07:18 เผื่อแผ่แล้วก็กระจายออกไปต่างๆแทบจะทั้ง
00:07:18 → 00:07:21 วันนะฮะนะเพราะฉะนั้นการสร้างกีนคีโตน
00:07:21 → 00:07:24 เนี่ยก็อยู่ที่อาหารมื้อแรกนะแล้วต้อง
00:07:24 → 00:07:27 ต้องทำให้ลักษณะเป็นการพุ่งพุ่งพล่านนะ
00:07:27 → 00:07:30 ขึ้นไปซึ่งมันจะตรงข้าเรื่องของน้ำตาลนะ
00:07:30 → 00:07:34 ฮะเราจะไปพุ่งน้ำตาลแบบนี้ไม่ได้นะฮะนะ
00:07:34 → 00:07:38 ร่างกายเสียสมดุลร่างกายจะประกาศสภาวะ
00:07:38 → 00:07:42 ฉุกเฉินทันทีนะฮะครับผมคีโตนเนี่ยคือสิ่ง
00:07:42 → 00:07:46 ที่ต้องพุ่งนะเราใช้คำว่าสะเทินนะฮะคือ
00:07:46 → 00:07:49 พุ่งพุ่งพลาดนะฮะต่อไปก็คือคีโตนเนี่มัน
00:07:49 → 00:07:54 เป็นพลังงานสะอาดนะฮะนะเอ่อถ้าเป็นคลีน
00:07:54 → 00:07:57 คีโตนเนี่ยความเป็นพิษอะไรต่างๆมันน้อยนะ
00:07:57 → 00:08:00 เพราะว่าผลสุดท้ายมันจะเป็นคออกไซดกับน้ำ
00:08:00 → 00:08:03 นะซึ่งคาร์บอนไดออกไซด์เนี่ยจะเป็นตัวไป
00:08:03 → 00:08:08 ind หรือไปกระตุ้นการการสร้างออกซิเจนนะ
00:08:08 → 00:08:12 ฮะของร่างกายนะฮะในในในในการ was Out ใน
00:08:12 → 00:08:14 การขับคาร์บอนไดออกไซด์ออกก็ต้องดึง
00:08:14 → 00:08:17 ออกซิเจนเข้านะฮะอันนี้นี้จะเป็นหลักนะ
00:08:17 → 00:08:21 ส่วนน้ำนี่ก็มีประโยชน์อยู่แล้วนะต่อไปก็
00:08:21 → 00:08:24 คือความสดชื่นนะเอ่อความสดชื่นนี่หมายถึง
00:08:24 → 00:08:28 สมองนะไม่ไม่เกิด Brain ฟอกนะฮะเพราะว่า
00:08:28 → 00:08:31 ตำแหน่งที่ที่เขาต้องการให้เกิดคีโตนมาก
00:08:31 → 00:08:34 ที่สุดและนำคีโตนไปใช้ได้ดีคือสมองนะฮะ
00:08:34 → 00:08:39 ไมโตคอนเดรียมาระดับ 200,000 นะสบายเนี่ย
00:08:39 → 00:08:41 สบายนี่หมายถึงกล้ามเนื้อนะฮะกล้ามเนื้อ
00:08:41 → 00:08:47 เกิดภาวะรีกผ่อนคายนะผ่อนคายแล้วก็เ่อมี
00:08:47 → 00:08:51 พลังงานด้วยนะฮะมีพลังงานมีกำลังนะฮะส่วน
00:08:51 → 00:08:55 สนิทสนิทก็ย้อนกลับมาที่สมองนะก็คือต้อง
00:08:55 → 00:08:57 จะเกิดการหลับ
00:08:57 → 00:09:01 สนิทเกิดการหลับสนิทนะคีนคีโตนเนี่ยจะ
00:09:02 → 00:09:07 หลับสนิทนะเ่อแล้วก็ไม่ได้เป็นแบบดีดนะฮะ
00:09:07 → 00:09:10 ไอ้พวกดีดเนี่ยจะเป็น Dirty คีนคนละ
00:09:10 → 00:09:13 เรื่องกันอือครับผมทีนี้เงื่อนไขสำคัญการ
00:09:13 → 00:09:17 สร้างคีคีโตนน่ะข้อสรุปก็คืออินซูลินต้อง
00:09:17 → 00:09:21 ต่ำมากๆเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควรข้อนี้
00:09:21 → 00:09:24 คือข้ออันดับ 1 ที่สำคัญที่สุดนะฮะอันที่
00:09:24 → 00:09:27 2 ต้องมีวัตถุดิบที่จะให้ไมโตคอนเดรียใน
00:09:27 → 00:09:29 การเผาโดยเฉพาะไมโตคอนเดรียที่ตับจะเป็น
00:09:29 → 00:09:33 จุดเริ่มต้นนนะของการสร้างคีโตนนะเพราะ
00:09:33 → 00:09:37 ฉะนั้นเขาต้องการนะไขมันดี Good Healthy
00:09:37 → 00:09:40 Fat ก็อยู่ในรูปของน้ำมันพืชสกัดเย็นนะ
00:09:40 → 00:09:44 ฮะสกัดเย็นจากพืชครับผมไม่ใช่อ่าไขมัน
00:09:44 → 00:09:48 หรือน้ำมันที่มาจากสัตว์นะฮะต่างกันนะฮะ
00:09:48 → 00:09:52 เพราะอะไรเนี่ยนะอันนี้นะอันต่อมาก็คือ
00:09:52 → 00:09:55 ต้องมีสารอาหารแวดล้อมต่างๆที่ครบถ้วน
00:09:55 → 00:09:58 บริบูรณ์โดยเฉพาะพวกเกลือแร่สารพฤกษาเคมี
00:09:58 → 00:10:02 วิตามินนะนะเพราะปฏิกิริยาการเ่อเผาผลาญ
00:10:02 → 00:10:05 พลังงานต่างๆและการใช้คีโตนเนี่ยนะฮะ
00:10:05 → 00:10:07 เมื่อเซลล์มันใช้ได้ใช้เป็นแล้วเนี่ยนะ
00:10:07 → 00:10:10 มันจะเป็นการเปลืองอ่าสิ้นเปลืองสารอาหาร
00:10:11 → 00:10:14 สิ้นเปลืองพวกวิตามินแร่ธาตุเกือแร่
00:10:14 → 00:10:19 นะเยอะมากนะฮะเาเรียกว่าเ่อกระบวนการเกิด
00:10:19 → 00:10:23 เ่อเรื่องคือคือการเกิดคีโตสิสคนเราเนี่ย
00:10:23 → 00:10:26 มันเกิดเหมือนเป็นรูรั่วฮะเป็นรูรั่วของ
00:10:26 → 00:10:30 การบกพร่องในแง่ของสารอาหารนะทั้งสาร
00:10:30 → 00:10:33 อาหารหลักสารอาหารรองเพราะฉะนั้นจุดใหญ่
00:10:33 → 00:10:36 ใจความตรงเนี้ยนะฮะก็คือเน้นที่การเติม
00:10:36 → 00:10:39 เข้าไปนะะครับผมแล้วการเติมที่สำคัญเราก็
00:10:39 → 00:10:43 จะเติมในช่วงมื้อเย็นมื้อเย็นนะอืหลักๆก็
00:10:44 → 00:10:46 คือเรารู้แล้วว่าคีโตนเนี่ยเป็นพระเอกแต่
00:10:46 → 00:10:49 มันเป็นเงาในกระจกของอินซูลิน
00:10:49 → 00:10:54 นะแล้วพระเอกคนนี้เป็นคนที่ขี้น้อยใจนะฮะ
00:10:54 → 00:10:57 แล้วก็เขาจะไม่โดดเดี่ยวนะเหมือนอินซูลิน
00:10:57 → 00:11:02 นะฮะนะเขาจะต้องมีพวกพ้องอ่ะนะฮะมีบริวาร
00:11:02 → 00:11:06 ว่านเครือนะแล้วก็มีทั้งสารอาหารที่เป็น
00:11:06 → 00:11:09 สารอาหารจากพืชนะเข้ามาเป็นผู้ช่วยร่วม
00:11:09 → 00:11:14 ด้วยนะในการสร้างในการใช้นะฮะเพราะฉะนั้น
00:11:14 → 00:11:16 ข้อสรุป 3 อันข้างล่างเนี่ยจะสำคัญมากที่
00:11:16 → 00:11:22 สุดในพาสของเมื่อวานนี้นะฮะในในคีโตนภาค 1
00:11:22 → 00:11:26 นะฮะคือคีโตนต้องมีการสอนให้ตับสร้างนะฮะ
00:11:26 → 00:11:29 ผู้สอนคือตัวเรานะฮะหลังจากนั้นเราต้อง
00:11:29 → 00:11:33 สอนให้เซลล์ต่างๆใช้คีโตนเป็นพลังงานให้
00:11:33 → 00:11:37 ได้นะนะเพราะฉะนั้นสร้างได้ใช้เป็นนะครับ
00:11:37 → 00:11:42 ผมแล้วการสอนต้องสอนในตอนที่ฟีดตอนที่กิน
00:11:42 → 00:11:45 ไม่ใช่สอนในเวลาที่อดอไม่ใช่สอนในเวลาที่
00:11:45 → 00:11:50 อดอันนี้คือคือเรื่องใจความสำคัญนะจง
00:11:50 → 00:11:53 สร้างคีโตนให้ได้ในตอนที่ท่านกินหตอนที่
00:11:53 → 00:11:58 ฟีดนะฮะแล้วจงใช้คีโตนให้เป็นในตอนที่
00:11:58 → 00:12:00 ท่านอุ
00:12:00 → 00:12:04 ครับผมนี้อันนี้คือข้อสรุปนะฮะนะอันนี้
00:12:04 → 00:12:08 เป็นหัวใจด้วยนะฮะนะของเนื้อหาสาระในภาค
00:12:08 → 00:12:09 ที่
00:12:09 → 00:12:15 1 ครับผมเนี่ยเราก็พอรู้นะฮะเนี่ยปดไข
00:12:15 → 00:12:19 มันอะไรต่างๆนะนะจะเป็นคีโตนได้นะอวัยวะ
00:12:19 → 00:12:24 สำคัญคือตับอืมตับนะนะอินซูลินลดลงนะพวกู
00:12:24 → 00:12:27 คารอนแอนลีนเพิ่มขึ้นก็จะเกิดการสลายไข
00:12:27 → 00:12:31 มันนะฮะนะเนี่ยมีภาวะเช่นนี้นะเป็นตัว
00:12:31 → 00:12:34 กระตุ้นนะให้ร่างกายมีการสลายไขมันแล้ว
00:12:34 → 00:12:39 เกิดกดไขมันเนี่ยการฟานะเนี่ยการจำกัดการ
00:12:39 → 00:12:42 low Car นี่แหละนะฮะ low to val low
00:12:42 → 00:12:45 C นะเพราะว่าอินซูลินมันลดมันน้อยอ่ะนะ
00:12:45 → 00:12:50 ฮะนะการออกกำลังกายอย่างหนักนะแอลกอฮอล์
00:12:50 → 00:12:54 แอลกอฮอล์นี่นะฮะนะแอลกอฮอลครับผมเแล้วก็
00:12:54 → 00:12:58 เบาหวานชนิดที่ 1 พวกนี้ก็มันใช้น้ำตาล
00:12:58 → 00:13:00 ไม่ได้ได้อยู่แล้วนะฮะนะหรือว่าจะใช้ได้
00:13:00 → 00:13:04 แต่ไขมันเป็นพลังงานนี่คือปฏิกิริยาการ
00:13:04 → 00:13:08 เกิดคีโตนนะฮะนะแล้วคือคีโตนบอดี้ก็จะมี
00:13:08 → 00:13:11 รูปแบบต่างๆนะมีช่องทางออกอะไรต่างๆเมื่อ
00:13:11 → 00:13:14 วานนี้เราคุยกันไปหมดอีกอันนึงก็คือ
00:13:14 → 00:13:18 แอลฟ่าคีโตนนะอันนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดีนะพวก
00:13:18 → 00:13:22 นี้เกิดจากโปรตีนนะแล้วมีแอลฟ่าคีโตนเยอะ
00:13:22 → 00:13:25 ๆร่างกายจะดื้ออินซูลินนะร่างกายจะดื้อ
00:13:25 → 00:13:26 อินซูลิน
00:13:26 → 00:13:29 ต่อไปเบต้าคีต
00:13:29 → 00:13:34 ก็คือตัวกลางๆนะก็คือเบต้า hdy bu นะออ
00:13:34 → 00:13:38 ครับผมแล้วก็แมมคีโตนนะฮะนะอันนี้ไปรวม
00:13:38 → 00:13:42 กับกดอมิโนบางอย่างนะฮะพวกกามิแิดกับพวก
00:13:43 → 00:13:45 ไกลซีนก็จะกลายเป็นกาบ้ากลับว่าเป็นสาร
00:13:45 → 00:13:47 สื่อประสาททำให้เรา
00:13:47 → 00:13:51 หลักรูปรูปแบบมันจะเป็น
00:13:51 → 00:13:54 อย่าวันนี้เนี่ยเราก็จะเริ่มกันที่เรื่อง
00:13:54 → 00:13:58 นี้นะฮะนะเนี่ยสมมติว่าเมื่อวานเนี้ยนะ
00:13:58 → 00:14:01 เราก็พูดไปถึงกระบวนการสร้างนะสมมุติว่า
00:14:01 → 00:14:04 สร้างคีโตนได้แล้วนะฮะนะตับเนี่ยสามารถ
00:14:04 → 00:14:08 สร้างคีโตนได้เรียบร้อยะนะแล้วคีโตนเนี่ย
00:14:08 → 00:14:11 มันเป็นพลังงานที่อยู่เหนือพลังงานนะฮะนะ
00:14:11 → 00:14:15 ก็คืออิทธิฤทธิของคีโตนหลักๆเนี่ยก็คือ 1
00:14:15 → 00:14:19 เเป็นพลังงานที่ดีนะแล้วก็ 2 เป็นฮอร์โมน
00:14:19 → 00:14:22 นะเพราะฉะนั้นเป็นพลังงานที่เไม่ต้อง
00:14:22 → 00:14:25 อาศัยอะไรมาวุ่นวายกับเค้านะเคทำงานได้
00:14:25 → 00:14:28 ด้วยตัวเเองนะเจะไปทางไหนแต่ส่วนใหญ่เค้า
00:14:28 → 00:14:31 ก็ทำงานในด้านบวกบวๆทั้งนั้นนะฮะเไม่ได้
00:14:31 → 00:14:34 มาสร้างูสร้างราวสร้างสิ่งลบๆให้กับร่าง
00:14:34 → 00:14:38 กายหรือเกิดความเจ็บป่วยนะฮะนะมันจะมีข้อ
00:14:38 → 00:14:41 ยกเว้นอยู่บ้างเท่านั้นแหละนะอันต่อมาก็
00:14:41 → 00:14:46 คือเเป็นยาเเป็นยอาานะเพราะฉะนั้นเขาก็จะ
00:14:46 → 00:14:50 แก้ไขโรคภัยไข้เจ็บป้องกันโรคนะได้นะฮ
00:14:50 → 00:14:55 ครับทีนี้สรุปข้อเด่นๆนะฮะของคีโตนนะฮะ
00:14:55 → 00:14:58 แล้วคีโตนในที่นี้หมายถึงคลีนคีโตนนะฮะนะ
00:14:58 → 00:15:01 นะเราจะพูดถึงคีโตนเป็นหลักไม่ใช่เตี้นะ
00:15:01 → 00:15:05 นะครับผม 1 คีโตนนี่อ่ามีการเปลี่ยน
00:15:05 → 00:15:09 พันธุกรรมนะฮะเที่เราเรียกว่า epigenetic
00:15:09 → 00:15:13 นะฮะนะเนี่ยอันนี้เป็นเป็นข้อที่ที่ที่
00:15:13 → 00:15:16 เกิดความโดดเด่นนะของคีโตนเนี่ยนะฮะนะถ้า
00:15:16 → 00:15:19 สร้างคีโตนได้เนี่ยพวกยีนพวกพันธุกรรม
00:15:19 → 00:15:23 อะไรต่างๆหลายๆอย่างนะฮะที่มันทำให้เรา
00:15:23 → 00:15:27 เ่าไม่ดีอ่ะนะฮะนะมันจะแก้ไขได้ด้วยสาร
00:15:27 → 00:15:31 ตัวนี้นะฮะนะนะเขามีความสามารถเนี่ยไป
00:15:31 → 00:15:37 เปลี่ยนนะอันนี้ได้นะฮะนะครับผมแล้วก็อื
00:15:37 → 00:15:40 คือคือจากอะไรต่างๆอ่ะนะที่มันเกี่ยวข้อง
00:15:41 → 00:15:44 กับพันธุกรรมด้านลบเนี่ยนะนะคีโตนสามารถ
00:15:44 → 00:15:48 จะไปเปลี่ยนเป็นด้านบวกได้นะเนี่ยแล้วก็
00:15:48 → 00:15:53 คีโตนไปมีผลต่อเอนไซม์ที่ชื่อ
00:15:53 → 00:15:57 ฮินน่ะนะเมื่อวานนี้พูดไปแล้วนะฮะนะตัว
00:15:57 → 00:16:01 นี้คือเป็นตัวที่ทำให้เกิดเรื่องของนะ
00:16:01 → 00:16:04 อนุมูลอิสระที่ไปมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง
00:16:04 → 00:16:08 ทางด้านพันธุกรรมนะฮะแต่ว่าคีโตนมันไปยับ
00:16:08 → 00:16:12 ยั้งนะเอนไซม์ตัวนี้นะฮะนะนะอันนี้เป็น
00:16:12 → 00:16:15 ปฏิกิริยาที่เกิดภายในเซลล์นะฮะครับผมอัน
00:16:15 → 00:16:19 ต่อมาก็คือคีโตนที่เป็นกลินคีโตนเนี่ยเขา
00:16:19 → 00:16:23 มีการสร้างนะเสร้างอะไรบ้างนะฮะนะตัวโดด
00:16:23 → 00:16:27 เด่นเลยที่มีการสร้างใหม่เก็คือ
00:16:27 → 00:16:31 โปรตีนแล้วโปรตีนที่สำคัญนะที่เกิดการ
00:16:31 → 00:16:34 สร้างใหม่ๆเลยคือโปรตีนที่สมองกับที่
00:16:34 → 00:16:37 กล้ามเนื้อนะฮะที่สมองกับที่กล้ามเนื้อ
00:16:37 → 00:16:40 โปรตีนที่กล้ามเนื้อเนี่ยนะฮะก็คือคีโตน
00:16:40 → 00:16:43 ไปมีผลในเรื่องของ Muscle sparing
00:16:43 → 00:16:47 effect คือเขเป็นตัวโคอ่ะเป็นตัวทั้ง
00:16:47 → 00:16:50 เป็นการป้องกันและเป็นตัวที่ที่ทำให้เกิด
00:16:50 → 00:16:54 การสร้างใหม่ของเซลล์กล้ามเนื้อนะฮะการ
00:16:54 → 00:16:58 ซ่อมสร้างนะแล้วก็เกิดการเพิ่มมวลกกล้าม
00:16:58 → 00:17:02 เนื้อนะส่วนที่สมองนะฮะที่สมองเนี่ยนะ
00:17:02 → 00:17:05 เอ่อคีโตนจะไปสร้าง bdnf นะฮะเ
00:17:05 → 00:17:28 neotropical
00:17:28 → 00:17:32 นะถ้ามีคีโตนเยอะๆแล้วคีโตนเอฟเฟคดีๆต่อ
00:17:32 → 00:17:36 สมองเราเนะนะความที่จะมีปัญหาเรื่องสมอง
00:17:36 → 00:17:38 เสื่อมหรือกลุ่มโรคต่างๆนะฮะทั้ง
00:17:38 → 00:17:43 อัลไซเมอร์พาร์กินสันนะหรือแม้แต่มชนะลม
00:17:43 → 00:17:46 ชักอะไรต่างๆพวกนี้นะฮะเนี่ยคีโตนเสร้าง
00:17:46 → 00:17:51 ไอ้ตัวโปรตีน bdnf นะเนี่ยแล้วก็เกิดการ
00:17:51 → 00:17:56 เ่องอกใหม่ของเซลล์สมองที่ดีๆนะฮะอันต่อ
00:17:56 → 00:18:00 มาก็คือการปรับนะฮะข้อ 3 3 นะฮะคีโตนจะ
00:18:00 → 00:18:03 มีผลในการปรับในเรื่องฮอร์โมนนะฮะโดย
00:18:03 → 00:18:06 เฉพาะฮอร์โมนที่คีโตนเข้าไปปรับก็คือ
00:18:06 → 00:18:08 กลุ่มฮอร์โมนลูก
00:18:08 → 00:18:13 เทพคือฮอร์โมนลูกเทพทั้ง 6 ตัวนะอันนี้
00:18:13 → 00:18:15 เนี่ยอ่ามันเป็นฝั่งของการสลายเผาผลาญ
00:18:15 → 00:18:19 พลังงานมีกลูคากอนโสฮอร์โมนไทรอยด์
00:18:19 → 00:18:21 เทสโทสเตอโรนโปรเจสเตอโรน
00:18:21 → 00:18:24 แอรีนฮอร์โมนทั้ง 6 ตัวเนี่ยนะเป็นฝั่ง
00:18:24 → 00:18:27 การสลายพลังงานแต่ขณะเดียวกันเนี่ยอีก
00:18:27 → 00:18:30 ฝั่งนึงเนี่ยก็คือตัวพ่อตัวแม่ตัวพี่สาว
00:18:30 → 00:18:35 คนโตออินซูเอ่ออิอินซูลินนะคอร์ติซอลแล้ว
00:18:35 → 00:18:39 ก็เอสโตรเจนนะฮะนะคือฮอร์โมนฝั่งเนี้ฝั่ง
00:18:39 → 00:18:43 สลายเผาผลาญพลังงาน 6 ตัวรูกเทพนะเขาก็จะ
00:18:43 → 00:18:46 กลัวอ่ากลัวฝั่งสะสมพลังงานคืออินซูลิน
00:18:46 → 00:18:50 คอร์ติซอลเอสโตรเจนนะฮะนะแต่เมื่อไหร่ก็
00:18:50 → 00:18:54 ตามนะที่ฝั่งลูกเทพ 6 ตัวมีตัว Back Up
00:18:54 → 00:18:57 ก็คือร่างกายมันสร้างคีโตนได้ใช้คีโตน
00:18:57 → 00:19:00 เป็นเนะฮเมื่อนั้นเนี่ยนะฝั่งฮอร์โมนรูป
00:19:00 → 00:19:04 เทพเนี่ยเขาก็จะกระดี้กระด้านเพราะว่าเขา
00:19:04 → 00:19:07 ก็จะออกมาช่วยในการเผาผลาพลังงานแล้วพลัง
00:19:07 → 00:19:10 งานที่เกิดขึ้นก็เอาไปซ่อมเอาไปสร้างอะไร
00:19:10 → 00:19:13 ต่างๆขึ้นมานะฮะอันนี้มันเป็นผลเอื้อ
00:19:13 → 00:19:17 อำนวยกันอ่าระหว่างเาเรียกว่าเป็นการปรับ
00:19:17 → 00:19:20 นะฮอร์โมนนะของตัวคลีนคีโตนกับกลุ่ม
00:19:21 → 00:19:24 ฮอร์โมนฝั่งสลายเผาผลาญพลังงานนะฮะอันต่อ
00:19:24 → 00:19:29 มาก็คือมันจะมีการเพิ่มนะฮะนะอีกสิ่งนึง
00:19:29 → 00:19:32 ที่สำคัญมากในสมองก็คือตัวสารสื่อประสาท
00:19:32 → 00:19:36 นะฮะก็อันนี้คือเพิ่มกาบแกมม่าอิโนบตริ
00:19:36 → 00:19:41 Acid นะอ่ากาบ้าก็ช่วยให้เรานอนหลับนะฮะ
00:19:41 → 00:19:43 นอนหลับนะ
00:19:43 → 00:19:48 เนี่ยเพราะฉะนั้นถ้ามีคีโตนได้นะนะก็จะ
00:19:48 → 00:19:52 เกิดกาบ้าขึ้นมานะซึ่งเป็นยานอนหลับนะที่
00:19:52 → 00:19:56 ทำให้ร่างกายเราได้พักแล้วก็ได้ Deep
00:19:56 → 00:19:59 Sleep ได้นะฮะนะเ
00:19:59 → 00:20:03 กาบอันต่อมานะ
00:20:03 → 00:20:08 เอ่อคือคือคือกาบ้าเนี่ยนะเ่อถ้ามีเยอะๆ
00:20:08 → 00:20:12 เนี่ยนะฮะนะแม้ว่าอินซูลินเอ้ยโทษทีแม้
00:20:12 → 00:20:15 ว่าเมลาโทนินเนี่ยจะมีไม่เยอะนะฮะนะกาบ้า
00:20:15 → 00:20:18 ก็สามารถเหนี่ยวนำให้ให้สมองเกิดการหลับ
00:20:18 → 00:20:22 แบบหลับลึกได้นะฮะอ๋อคือเราพอรู้เนี่ยว่า
00:20:22 → 00:20:26 เมลาโทนินเนี่ยนะเป็นฮอร์โมนนอนหลับแต่
00:20:26 → 00:20:29 ใช่ครับผมแต่ด้วยพฤติกรรมของคนเราก็ดี
00:20:29 → 00:20:32 หรือด้วยวัยด้วยอายุก็ดีเนี่ยนะมันจะถูก
00:20:32 → 00:20:36 สร้างลดลงลลงเมื่อแก่ตัวนะฮะนะแต่
00:20:36 → 00:20:39 อันเนี้ยมันฝืนยากนะแต่ตัวที่จะมาเสริม
00:20:39 → 00:20:43 หรือมาช่วยได้เนี่ยก็คือการสร้างกาบ้านะ
00:20:43 → 00:20:46 แล้ววิธีการสร้างกาบ้าวิธีนึงก็คือต้องมี
00:20:46 → 00:20:49 เรื่องของการคีโตซิสนะเป็น Fat burner
00:20:49 → 00:20:52 นะฮะนะก็คือต้องอาศัยทางอ้อมก็คือ
00:20:52 → 00:20:55 สารคีโตนนี่แหละนะมาเป็นตัวช่วยในการ
00:20:55 → 00:20:59 สร้างนะมันก็จะจะหลับได้แล้ว้าพวกกาบ้า
00:20:59 → 00:21:02 จากการกินนี้ก็ก็ไม่ไม่ไม่สมบูรณ์เท่า
00:21:02 → 00:21:06 กาบ้าจากคีโตใช่มั้ยครับใช่ฮะนะเพราะว่า
00:21:06 → 00:21:10 ในเรื่องของเนี่ยการคีโตสิสเนี่ยนะถ้ามัน
00:21:10 → 00:21:13 เข้าคีโตสิสได้เนี่ยคีโตนมันก็จะเอาวัตถุ
00:21:13 → 00:21:16 ดิบต่างๆที่เรากินนี่แหละนะฮะเอาเรวฟู้ด
00:21:16 → 00:21:19 ต่างๆที่เหมาะสมถูกต้องเหล่าเนี้ยส่วนนึง
00:21:19 → 00:21:21 ก็ไปสร้างกาเพิ่มขึ้นเราก็จะไม่ค่อยมี
00:21:21 → 00:21:24 ปัญหาในเรื่องการหลับนะฮะนะถ้าคือถ้าเป็น
00:21:24 → 00:21:27 คลีนคีโตนเมื่อไหร่เนี่ยนะฮะประสิทธิภาพ
00:21:27 → 00:21:31 มันสุดเจ๋งอ่ะนะนะเพราะฉะนั้นไอ้เรื่อง
00:21:31 → 00:21:34 การอะไรอ่ะการเปลี่ยนการสร้างการปรับการ
00:21:34 → 00:21:37 เพิ่มอะไรอย่าเงี้ยนะฮะเอ่อเฤทธิ์เโดด
00:21:37 → 00:21:40 เด่นมากนะเค่อนข้างเป็นารมหัศจรรย์ครอบ
00:21:40 → 00:21:43 จักรวาลเลยนะฮะเพราะฉะนั้นาบ้ามันก็จะมาก
00:21:43 → 00:21:45 ขึ้นด้วยอ่ะเพียงแต่ว่าคุณสร้างได้มั้ย
00:21:45 → 00:21:48 ล่ะคีนคีโตนน่ะอ่ามันก็จะมีเงื่อนไขอะไร
00:21:49 → 00:21:52 ที่เราเล่ากันไปแล้วเนใชใช่ครับผมอันต่อ
00:21:52 → 00:21:56 มาก็คือคีโตนเป็นตัวลดการอักเสบนะฮะนะลดล
00:21:56 → 00:21:59 อะไรลดการอักเสบนะตัวกระตุ้นการอักเสบคือ
00:21:59 → 00:22:04 สารที่ชื่อไซโตไคน์นะฮะไซโตคลเนี่ยนะฮะนะ
00:22:04 → 00:22:07 สารตัวนี้เนี่ยถ้ามีคีโตนออกมาปุ๊บเนี่ย
00:22:07 → 00:22:11 เขาจะเบรคนะการสร้างนะสารตัวนี้สารไซโค
00:22:11 → 00:22:14 เนี่มันจะลดลงนะฮะเพราะฉะนั้นผมถ้าสารตัว
00:22:14 → 00:22:17 นี้ลดลงเนี่ยเอ่อสัญลักษณ์หรือว่าสัญญาณ
00:22:17 → 00:22:22 อย่างแรกเลยคือความเจ็บปวดมันมันลดมันลด
00:22:22 → 00:22:27 นะเพราะฉะนั้นถ้ากินคีโตนออกมามันก็จะไม่
00:22:27 → 00:22:32 ปวดอไม่อักเสบนะฮะนะอืครับผมอันที่ 6 นะ
00:22:32 → 00:22:36 ตัวคีนคีโตนเนี่ยเป็นตัวหยุดนะฮะหยุดหยุด
00:22:36 → 00:22:40 อะไรนะก็คือหยุดปฏิกิริยาการออกซิเดชันนะ
00:22:40 → 00:22:43 ไอ้กระบวนการออกซิไดซ์อนุมูลอิสระอะไร
00:22:43 → 00:22:46 ต่างๆพวกเนี้ยนะฮะนะเ่าพวกนี้มันก็บลันนะ
00:22:46 → 00:22:49 มันก็เกิดปฏิกิริยาของมันไปเรื่อยๆนะฮะ
00:22:49 → 00:22:53 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรานะสามารถที่จะ
00:22:53 → 00:22:59 คีโตซีสกีโต adap ได้นะฮะนะได้นะสารคีโตน
00:22:59 → 00:23:03 ตัวนี้แหละมันมีคุณสมบัติที่โทนมากเ่อใน
00:23:03 → 00:23:06 เรื่องของการที่จะลดลาวาศอกไอ้เรื่อง
00:23:06 → 00:23:10 ปฏิกิริยาออกซิไดออกซิเดชันต่างๆนะอืครับ
00:23:10 → 00:23:16 ผมเออันต่อมาก็คือคีโตนเป็นตัวสลายโปรตีน
00:23:16 → 00:23:18 นะฮะเป็นโปรตีนเสื่อมสภาพบางอย่างในร่าง
00:23:18 → 00:23:23 กายนะฮะนะโปรตีนตัวนี้ก็คือชื่ออลอย Park
00:23:23 → 00:23:27 นะฮะเป็นโปรตีนในสมองนะฮะนะก็คือการสร้าง
00:23:27 → 00:23:31 คีเนี่ยมันสร้างทั้งสิ่งที่ดีๆในสมองนะ
00:23:32 → 00:23:34 แล้วมันก็ยับยั้งสิ่งที่ไม่ดีที่จะเกิด
00:23:34 → 00:23:37 ขึ้นและสะสมในสมองคืออมลอยพระมันเป็นตัว
00:23:37 → 00:23:41 ชนวนเหตุในการเกิดอัลไซเมอร์นะนะ
00:23:41 → 00:23:45 อที่จะกลายเป็นอัลไซเมอร์นะฮะมันเกิดจาก
00:23:45 → 00:23:49 การสะสมของตัวโปรตีนตัวนี้นะเป็นโปรตีน
00:23:49 → 00:23:54 เสื่อมสภาพอไมรอยพ้านะฮะอันที่ 8 นะฮะคือ
00:23:54 → 00:23:58 การกำจัดนะฮะการกำจัดนะก็คีโตเนี่ยมี
00:23:58 → 00:24:01 ฤทธิ์ในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมต่างๆเซลล์
00:24:01 → 00:24:06 แปลกปลอมต่างๆนะแอนติบอดี้นะฮะนะหรือ
00:24:06 → 00:24:11 เชื้อโรคแปลกๆอะไรต่างๆนะเชื้อไวรัส HIV
00:24:11 → 00:24:13 ไวรัสเริมไวรัส
00:24:13 → 00:24:17 เอ่อตับอักเสบ BC อะไรเงี้ยนะฮะพวกเนี้ย
00:24:17 → 00:24:21 กลุ่มกลุ่กลุ่มเชื้อโรคที่มันชอบแฝงเร้น
00:24:21 → 00:24:25 เอ่อแอบๆอยู่ในระบบต่างๆของร่างกายใน
00:24:25 → 00:24:29 วัยวะต่างๆพวกนี้ครับผม้าเราอ่าสามารถ
00:24:29 → 00:24:33 คีโตสิสมีคีโตนออกมาทำงานได้ใช้ได้เนี่ย
00:24:33 → 00:24:37 นะพวกเซลล์พวกนี้แม้แต่เซลล์มะเร็งนะฮะนะ
00:24:37 → 00:24:43 มันจะถูกกำจัดด้วยคีโตนนะฮะนะครับ
00:24:43 → 00:24:47 ผมก็เซลล์มะเร็งมันไม่มีไมโตคอนเดรียนะฮะ
00:24:47 → 00:24:50 ไม่มีไมโตคอนเดรียนะใช่มั้ยเราก็รู้แล้ว
00:24:50 → 00:24:56 นะฮะแล้วพวกนี้สวนมันมีซตในการที่จะเป็น
00:24:56 → 00:24:59 ประตูรับไอ้พวกน้ำตาลกลูโคสน่ะเข้าไปคือ
00:24:59 → 00:25:02 มันมันอยู่ได้ด้วยไอพวกเนี้ยพวกกลูโคสนะ
00:25:02 → 00:25:06 ฮะนะแต่เวลาเราคีโตซิสเนี่ยเราโคาฟเราตัด
00:25:06 → 00:25:10 โค้งตัดคาฟอะไรต่างๆนะอ่ามันมีแต่คีโตน
00:25:10 → 00:25:13 ขึ้นมานะฮะเกิดขึ้นมาเซลล์มันก็อยู่ไม่
00:25:13 → 00:25:16 ได้นะฮะเพราะว่าพลังงานที่เซลล์ต่างๆมัน
00:25:16 → 00:25:21 ใช้เป็นคีโตนแทนน้ำตาลนะฮะครับผมก็เป็น
00:25:21 → 00:25:25 เป็นคำอธิบายอย่างนึงนะฮะเอออันต่อมาก็
00:25:25 → 00:25:30 คือเ่ายับยั้งความชราภาพนะฮะนะยับยั้ง
00:25:30 → 00:25:32 ความชราภาพเนี่ยส่วนใหญ่อันนี้ก็จะหมาย
00:25:33 → 00:25:38 ถึงเรื่องของการที่คีโตนไปยับยั้งเอนไซม์
00:25:38 → 00:25:41 ที่ชื่อเทรสนะฮะนะเอนไซม์ตัวนี้จะเป็น
00:25:41 → 00:25:47 เอนไซม์ในการทำลายไอ้ส่วนปลายนะของเ่อ
00:25:47 → 00:25:51 ส่วนปลายเ่อเเรียกเเมียเเมียนะออครับผม
00:25:51 → 00:25:54 เเมซึ่งอันเนี้ยนะเทเมพวกเนี้ยมันจะถูก
00:25:54 → 00:25:58 เอนไซม์ตัวเนี้ยนะกัดก่อนหรือย่อยสลายนะ
00:25:58 → 00:26:02 ฮะให้มันกุดกุดๆนะให้มันสั้นลงสั้นลงสั้น
00:26:02 → 00:26:06 ลงนะซึ่งเราก็จะเกิดความแก่ชรานะฮะแต่ว่า
00:26:06 → 00:26:09 คีโตนเขไปบล็อกการทำงานของเอนไซม์ตัวนี้
00:26:09 → 00:26:13 ในการทำลายไอ้ตัวเเมียนะฮะเเพราะฉะนั้น
00:26:13 → 00:26:16 เราก็เกิดความชะลอไวเกิดเความเป็นหนุ่ม
00:26:16 → 00:26:19 เป็นสาวอะไรขึ้นมานะนะหรืออย่างน้อยเนี่ย
00:26:19 → 00:26:23 นะมันก็มันก็ปลายของโครโมโซมพวกนี้มันจะ
00:26:23 → 00:26:27 สั้นเอช้าลงไปนะครับผมสุดท้ายเลย
00:26:27 → 00:26:30 คุณสมบัติดีเด่นนะของตัวคีโตนคือการ
00:26:30 → 00:26:35 ทวีคูณพลังงานนะการทวีคูณพลังงานก็จะทำ
00:26:35 → 00:26:39 ให้เรามีเรี่ยวแรงกำลังวังชานะมีการดีด
00:26:39 → 00:26:43 น่ะมีการดีดในแง่ที่ว่าเออ
00:26:43 → 00:26:47 นะมีการใช้แรงนะฮะนะต่างๆนะเพราะพลังงาน
00:26:47 → 00:26:53 จากแฟตนี่มัน 2 เท่าของจากไอ้พวกอ่าน้ำำ
00:26:53 → 00:26:57 ตาลกับพวกโปรตีนนะฮะนะก็อันนี้จะเป็นเป็น
00:26:58 → 00:27:02 เป็นหลักๆเลยนะฮะนะเพียงแต่ว่านะเรื่อง
00:27:02 → 00:27:05 ใหญ่ๆเลยเนี่ยนะฮะก็คือการทำให้เกิดคลีน
00:27:05 → 00:27:08 คีโตนให้ได้นะฮะนะแล้วก็อย่าลืมเรื่อง
00:27:08 → 00:27:12 คุณสมบัติ 5 สนะฮะที่เป็นจุดเด่นของคลีน
00:27:12 → 00:27:17 คีโตนเนี่ยก็คือนี่แหละสะเทินสะอาดสดชื่น
00:27:17 → 00:27:20 สบายแล้วก็สนิทนะสนิท
00:27:20 → 00:27:22 นะอัน
00:27:22 → 00:27:26 นี้ก็ 10 อย่างนะฮะเป็นอิทฤทธิ์ที่สำคัญ
00:27:26 → 00:27:29 เลยของคีโตนนะเพียงแต่ว่าเราสร้างได้หรือ
00:27:29 → 00:27:32 เปล่านะครับ
00:27:32 → 00:27:37 ผมก็อย่าลืมนะการสร้างคีโตนเนี่ยนะตัว
00:27:37 → 00:27:41 คีโตนบอตัวหลักก็คือเบต้าไฮดรอกซี่บทนะฮะ
00:27:41 → 00:27:43 นะแล้วตำแหน่งในการสร้างคือไมโตคอนเดรีย
00:27:43 → 00:27:47 ของตับเราเรียกว่าเปิไมโทคอนเดรียนะครับ
00:27:47 → 00:27:51 ผมแล้วก็ตัวสารที่จะมาสร้างหลักๆก็คือนี่
00:27:51 → 00:27:54 อ่า fatty Acid นะฮะก็คือไขมันที่เป็นกด
00:27:54 → 00:27:58 ไขมันอิสระนะไมโตคอนเดรียของตับมันก็เผา
00:27:58 → 00:28:01 ตัวเนี้ยนะจนกระทั่งได้มาเป็นตัวอ่าคีโตน
00:28:01 → 00:28:05 ตัวนี้นะฮะคีโตนตัวนี้จะมีคุณสมบัติพิเศษ
00:28:05 → 00:28:07 อย่างนึงคือ signaling นะฮะเเรียก
00:28:07 → 00:28:11 signaling โมเลกุลมันจะ signal ไปยังอ่า
00:28:11 → 00:28:14 ตัวไมโทคอนเดรียที่อื่นๆที่นอกตับนะฮะ
00:28:14 → 00:28:19 เรียกเฮติเนี่ยนะในการที่ให้เอาพลังงานไข
00:28:19 → 00:28:22 มันต่างๆที่สะสมอยู่มาเผานะฮะเนี่ยมันก็
00:28:22 → 00:28:26 เป็นอะไรที่เป็นโดมิโนที่เป็นลูกโซ่กันไป
00:28:26 → 00:28:28 นะฮะแต่มันจะเกิดที่ตับก่อนเพราะฉะนั้น
00:28:28 → 00:28:30 ตับจะต้องดี
00:28:30 → 00:28:32 นะ
00:28:32 → 00:28:37 ก็ครับทีนี้ตรงเนี้ยจะบอกไว้เลยนะฮะว่านะ
00:28:37 → 00:28:40 เรามีข้อเปรียบเทียบกันนะเมื่อวานนี้หมอ
00:28:40 → 00:28:44 คุยไปในเรื่องสัญญาณอ่าที่บอกแค่ว่าตอน
00:28:44 → 00:28:47 เนี้ยร่างกายเนี่ยใช้ไขมันเป็นพลังงานได้
00:28:47 → 00:28:51 แล้วหลักๆก็คือ 5 อย่างนี้นะครับผมอันนี้
00:28:51 → 00:28:54 คือสัญญาณที่บอกว่าตอนนี้นะร่างกายเผา
00:28:54 → 00:28:58 ผลาญไขมันเป็นพลังงานนะก็คือเป็น Fat
00:28:58 → 00:29:02 adaptation นั่นเองนะฮะแต่จะมีคีโตนร่วม
00:29:02 → 00:29:06 ด้วยนิดๆหน่อยๆนะมาชั่วครั้งชั่วคราวนะฮะ
00:29:06 → 00:29:12 นะคือไม่ไม่เยอะแล้วก็แล้วก็ไม่มีไม่มีผล
00:29:12 → 00:29:16 นะที่จะทำให้เกิดอ่าการใช้คีโตนเป็นพลัง
00:29:16 → 00:29:19 งานนะนะหรือจะเป็นคีโตนแบบไม่ค่อยดีอ่ะนะ
00:29:20 → 00:29:23 ที่เรียกว่า Dirty คีนนะอันนี้ก็อยู่ใน
00:29:23 → 00:29:26 โหมดที่เราเรียกว่าอ่าใช้ไขมันเป็นพลัง
00:29:26 → 00:29:29 งานหักได้แล้วนะก็จะมีหลักอย่างเงี้ย 1 2
00:29:29 → 00:29:33 3 4 5 นะไม่หิวไม่อยากหวานไม่อยากแป้ง
00:29:33 → 00:29:36 นะฮะคือไม่อยากคาอ่าคือความไม่หิวไม่หิว
00:29:36 → 00:29:40 นะฮะไม่อยากอาหารนะสามารถดียการกินออกไป
00:29:40 → 00:29:45 ได้นะเป็นระยะๆะไปอะไรต่างๆนะฮะต่อไปก็
00:29:45 → 00:29:50 คือสมองโล่งโป่งนะฮะนะสมองปอดโป่งนะนะ
00:29:50 → 00:29:53 แล้วก็กล้ามเนื้อเนี่ยออกแรงออกกำลังทำ
00:29:53 → 00:29:57 งานอะไรต่างๆได้นะฮะขณะเดียวกัน
00:29:57 → 00:30:02 อ่าไขมันลดลงนะฮะไขมันลดลงก็พุงยบลง Bin
00:30:02 → 00:30:06 body fat ลดลง viser Fat น้อยลงนะฮะนะ
00:30:06 → 00:30:10 ครับแล้วก็ผลน้ำตาลในเลือดอแล้วผลของ
00:30:10 → 00:30:15 คีโตนหรือค่า gki ก็อยู่ในเกณฑ์ดีนะฮะใน
00:30:15 → 00:30:18 เกณฑ์อันนี้ส่วนใหญ่ก็คือไม่เกิน 9 ไม่
00:30:18 → 00:30:24 เกิน 9 นะเหล่านี้มันเป็นแค่สัญญาณของ Fat
00:30:24 → 00:30:26 adaptation นะฮะนะอันนี้ก็เป็นข้อแตก
00:30:26 → 00:30:30 ต่างอย่างนึงกับคีโตนนะนะอันนี้มันเป็น
00:30:30 → 00:30:33 Fat adaptation นะฮะนะแต่อาจจะมีคีโตน
00:30:33 → 00:30:37 มาเอี่ยวนิดๆหน่อยๆนะฮะดูกับอทางด้านขวา
00:30:37 → 00:30:40 มือนะฮะนะเมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายสร้าง
00:30:40 → 00:30:45 พีนคีโตนได้แล้วเซลล์ใช้คีงคีโตนเป็นพลัง
00:30:45 → 00:30:50 งานได้นะจะเกิดสัญญาณเช่นเดียวกันนะฮะนะ
00:30:50 → 00:30:53 สัญญาณเช่นเดียวกันแต่สัญญาณอันนี้นะก็มี
00:30:54 → 00:30:58 5 อันนะนะมีทั้งคล้ายและแตกตต่างจากทาง
00:30:58 → 00:31:02 ด้านซ้ายมือแต่อันนี้หมายถึงใช้คีนคีโตน
00:31:02 → 00:31:06 นะฮะแต่นี้คือใช้แค่ไขมันเป็นพลังงานคือ
00:31:06 → 00:31:08 ใช้ไขมันเป็นพลังงานก็ก็ดีอย่างนี้แล้ว
00:31:08 → 00:31:12 อ่ะนะฮะถ้าเมื่อไหร่ได้ใช้คีนคีโตนเนี่ย
00:31:12 → 00:31:16 นะฮะไอ้อาการต่างๆเนี่ยมันก็จะมันก็
00:31:16 → 00:31:19 เหมือนจะมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นนะนะเช่น
00:31:19 → 00:31:23 ไอ้ความไม่หิวเนี่ยนะความไม่หิวแบบคลีน
00:31:23 → 00:31:27 คีโตนนะฮะก็คือความไม่อยากอาหารนะหิวยาก
00:31:27 → 00:31:31 หิวยากนะฮะเราจะไม่ใช้คำว่าอิ่มนะฮะเพราะ
00:31:31 → 00:31:34 ว่าคีโตนไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอิ่มแต่มัน
00:31:34 → 00:31:38 จะทำให้ไม่หิวไม่หิวเพราะคีโตหิวเออเป็น
00:31:38 → 00:31:42 พลังงานและเป็นฮอร์โมนนะนะฤเดดของความ
00:31:42 → 00:31:44 เป็นพลังงานเมื่อเซลล์มันใช้เป็นพลังงาน
00:31:44 → 00:31:48 ได้เนี่ยมันก็จะเป็นพลังงานที่ที่มันมัน
00:31:48 → 00:31:53 มันไม่ต้องการความต่อเนื่องที่จะมาที่จะ
00:31:53 → 00:31:57 มาหาหาหรือหรือทำให้เกิดเป็นพลังงานเป็น
00:31:57 → 00:31:59 เป็นลูกโซ่ขึ้นมาอีกนะเพราะว่าของเขามัน 9
00:32:00 → 00:32:02 กิโลแคลอรี่อ่ะนะฮะนะเนี่ยมันก็เลยค่อน
00:32:02 → 00:32:05 ข้างยาวหน่อยนะฮะความไม่หิวไม่อยากอาหาร
00:32:05 → 00:32:10 หิวยากนะต่อมาก็คือถ้าเป็นคลีนคีโตนเนี่ย
00:32:10 → 00:32:16 ไม่ง่วงฮะนะไม่ง่วงนะไม่ง่วงนะวงเล็บแต่
00:32:16 → 00:32:20 ก็หลับได้นะไม่หิวแต่ก็กินได้นะฮะความไม่
00:32:20 → 00:32:23 ง่วงเนี่ยจะมีความหมายในแง่ที่ว่านะร่าง
00:32:23 → 00:32:27 กายตื่นตัวดีนะฮะตามวงรอบของกลางวันกลาง
00:32:27 → 00:32:32 คืนนะใช่ครับผมอันนี้อันนี้คือคีนคีโตนนะ
00:32:32 → 00:32:36 ฮะถ้า 2 เรื่องเนี้ยผ่านนะฮะ 2 เรื่องนี้
00:32:36 → 00:32:40 ผ่านนะเราจะไม่แพ้นะไม่มีปฏิกิริยาการแพ้
00:32:40 → 00:32:45 นะฮะและไม่ปวดนะหรือปวดน้อยนะฮะแล้วสุด
00:32:45 → 00:32:51 ท้ายนะเ่อค่าดัชนี gki เนี่ยนะนะมันก็มัน
00:32:51 → 00:32:56 ก็น้อยกว่า 9 นะฮะแต่อาจจะได้ไปถึงนะน้อย
00:32:56 → 00:33:02 กว่า 3 นะฮะนะซึ่งเป็นขั้นนะของออฟีนะฮะอ
00:33:02 → 00:33:05 ครับผมส่วนฝั่งนี้เนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยมัน
00:33:05 → 00:33:10 มัก gki มักจะไม่ถึงไม่ถึง 3 นะก็ส่วน
00:33:10 → 00:33:11 ใหญ่ฝั่งนี้จะอยู่ที่ประมาณ
00:33:12 → 00:33:17 6-9 6-9 นะเป็นเป็นคีโตนอ่อนๆนะแต่ก็ก็
00:33:17 → 00:33:19 ยังมีฤิเดทที่จะมาช่วยรักษาโน่นนี่อะไร
00:33:19 → 00:33:21 ต่างๆได้เยอะนะฮะอย่างน้อยเบาหวานก็
00:33:21 → 00:33:25 emission ได้แต่ถ้าเบาหวานจะหายได้
00:33:25 → 00:33:27 Recover ได้เนี่ยต้องฝั่งนี้ฮะต้องเป็น
00:33:27 → 00:33:30 Clean ีนนะฮะซึ่ง gki มักจะอยู่ในช่วง
00:33:30 → 00:33:33 ต่ำกว่า 3 ต่ำกว่า 3 นะ
00:33:33 → 00:33:37 ฮะวันนี้ก็อ่าที่มีคนโพสต์แล้วมีคนลิงก์
00:33:37 → 00:33:43 มานะอ่าจะเห็นว่าเขาอ่ะนะค่า gki เ Fast
00:33:43 → 00:33:48 อยู่ 5 วันใช่มนะ gki พอเข้าระยะเอ่อ 48
00:33:48 → 00:33:52 ชมเนี่ยมันก็ลงมาต่ำกว่า 3 แล้วนะฮะนะอ
00:33:52 → 00:33:55 แล้วก็มีเท่ารนะช่วงเกิน 24 ชมมนี่ก็ได้
00:33:55 → 00:33:57 ต่ำกว่า 1 แล้วด้วย
00:33:57 → 00:34:07 ต่ำมา 1 หนี้ก็ออโตอโต fy อย่างดีเลย
00:34:07 → 00:34:12 ครับทีนี้อ่ามาตรงนี้ก่อนนะฮะนะมาตรงนี้
00:34:12 → 00:34:15 นะฮะเราต้องทำความเข้าใจอะไรบางเรื่องบาง
00:34:15 → 00:34:20 อย่างนะนะในแง่ของการสร้างและการใช้นะฮะ
00:34:20 → 00:34:23 ในแง่ของการสร้างกับการใช้คือการสร้าง
00:34:23 → 00:34:28 คลีนคีโตนนะฮะนะคลีนคีโตนนะฮะสร้างได้ใน
00:34:28 → 00:34:33 ช่วงที่กินนนะฮะอันนี้สำคัญกว่าช่วงที่อด
00:34:33 → 00:34:36 ก็คือคีโตนเนี่ยทั้งกินทั้งอดเนี่ยมันก็
00:34:36 → 00:34:39 สร้างได้หมดแหละนะฮะนะแต่การจะสร้างคีน
00:34:39 → 00:34:42 คีโตนให้เริ่มต้นในช่วงเวลาที่เราฟีดเรา
00:34:42 → 00:34:47 กินนะนะครับเพราะว่ามันจะเป็นตัวจุดชนวน
00:34:47 → 00:34:52 นะนะทำให้เกิดนะความสามารถที่จะเป็นิลอ่ะ
00:34:52 → 00:34:56 ให้ไปสร้างในช่วงที่อดต่อไปนะฮะมันต้องนำ
00:34:56 → 00:34:59 ครับผมก่อนนะฮะนะเพราะฉะนั้นต้องมีความ
00:34:59 → 00:35:02 รู้เรื่องกินนะส่วนเรื่องอดนี่มันก็คือ
00:35:02 → 00:35:05 การอดไม่กินนั่นแหละนะฮะทนี้เราก็มาดู
00:35:05 → 00:35:08 เงื่อนไขที่สำคัญมากของการสร้าง Clean
00:35:08 → 00:35:12 คีโตนนะฮะก็คือนะที่เราพูดกันไปเมื่อวาน
00:35:12 → 00:35:16 นี้นะนะเนี่ยอ่าอันที่ 1 อินซูลินต้องต่ำ
00:35:16 → 00:35:19 เยอะๆเป็นเวลายาวนานพอสมควรอันที่ 2 ต้อง
00:35:19 → 00:35:24 มีพลังงานที่ดีที่สุดนะฮะนะก็คือเป็นอ่า
00:35:24 → 00:35:27 ไขมันแปรรูปในรูปของน้ำมันพืชสกัดเย็น
00:35:27 → 00:35:31 สกัดเย็นนะฮะนะที่มีสารพรึกษาเคมีไม่ใช่
00:35:32 → 00:35:34 ไขมันและน้ำมันที่มาจากสัตว์เป็นหลักนะ
00:35:34 → 00:35:38 แล้วเวลากินก็ต้องมีเรื่องของสัดส่วนมี
00:35:38 → 00:35:41 เรื่องของปริมาณและมีวิธีการปรุงที่ถูก
00:35:41 → 00:35:45 ต้องและช่วงเวลาในการกินในมื้อแรกในมื้อ
00:35:45 → 00:35:49 แรกอ่าครับผมอ่าสารอาหารแวดล้อมอันนี้ก็
00:35:49 → 00:35:53 พอรู้แล้วนะทีนี้จะรู้ได้ไงล่ะว่าร่างกาย
00:35:53 → 00:35:57 เนี่ยสร้างคลีนคีโตนขึ้นมาได้แล้วนะฮะนะ
00:35:57 → 00:36:01 สร้างคีนขึ้คีโตนขึ้นมาได้แล้วนะก็รู้ได้
00:36:01 → 00:36:05 โดยการเจาะเลือดนะฮะนะเจาะเลือดนะถ้าเจาะ
00:36:05 → 00:36:11 แล้วระดับคีโตนในเลือดมันมากกว่า 0.5 นะ
00:36:11 → 00:36:15 มิลลิโมลเปอรลิตรขึ้นไปอ่าอันนี้ก็ถือว่า
00:36:15 → 00:36:19 ร่างกายสร้างคีโตนได้แล้วนะฮะแล้วถ้าสิ่ง
00:36:19 → 00:36:23 เหล่าเย 1 23 เนี่ยอันเนี้ยนะฮะถูกต้อง
00:36:23 → 00:36:27 ถูกต้องมีความเข้าอกเข้าใจมีความรู้นะอ่า
00:36:27 → 00:36:30 แล้วมีตั้งอกตั้งใจที่จะสร้างเนี่ยมันก็
00:36:30 → 00:36:33 จะเป็น Clean คีโตนนั่นแหละนะคือมีคีโตน
00:36:33 → 00:36:36 เตี้หรือเปล่าคีนหรือเปล่านะฮะถ้ามีความ
00:36:36 → 00:36:40 รู้ความเข้าใจนะฮะนะในสิ่งที่ที่เราแนะนำ
00:36:40 → 00:36:44 ให้กินแบบั H Good Fat นะอมันก็จะได้
00:36:44 → 00:36:47 คีนคีโตนนะนะแต่ถ้าไม่รู้เขไม่เข้าใจอะไร
00:36:47 → 00:36:50 ต่างๆพวกนี้นะฮะนะโอกาสที่มันจะได้คีน
00:36:50 → 00:36:53 keyone ก็ยากนะมันก็จะได้เป็น Dirty
00:36:53 → 00:36:56 keyone คือถามว่า ow C แล้วเนี่ยเรา i
00:36:56 → 00:36:59 f แล้วเนี่ยเราได้คีโตนมั้ยมันก็ได้ฮะนะ
00:36:59 → 00:37:02 แต่มันจะเป็นคีโตนอะไรอ่ะนะเป็นเตี้เป็น
00:37:02 → 00:37:06 กีนนะนะนี้รู้ได้ไงว่าสร้างได้ก็เจาะ
00:37:07 → 00:37:11 เลือดเจาะเลือดนะฮะเจาะเลือดนะเอ่อแล้วจะ
00:37:11 → 00:37:15 ตรวจจากลมหายใจหรือจะตรวจจากปัสสาวะอะไร
00:37:15 → 00:37:19 อย่างเงี้ยก็ได้ครับผม
00:37:19 → 00:37:25 อ่าส่วนอย่างอื่นนะ
00:37:25 → 00:37:28 อ่าอย่างอื่นมันก็มีอาการและอาการแสดงแต่
00:37:28 → 00:37:32 ส่วนใหญ่มันก็จะเป็นเป็นแบบเนี่ยเป็นแบบ
00:37:32 → 00:37:35 ฝั่งเนี้ยนะฮะคือมันรู้แค่ว่าเออเนี่ยใช้
00:37:35 → 00:37:38 พลังงานเป็นหลักแล้วนะฮะ
00:37:38 → 00:37:42 นะส่วนใหญ่มันจะรู้รู้แค่เนี้ยเป็นหลัก
00:37:42 → 00:37:46 นะแต่อันนี้เนี่ยกรณีฝั่งขวามือเนี่ยหมาย
00:37:46 → 00:37:49 ถึงอันนี้การใช้นะฮะอันนี้สร้างขึ้นมาแต่
00:37:49 → 00:37:52 ใช้บางทีก็ใช้ได้บางทีก็ใช้ไม่ได้อย่างมี
00:37:52 → 00:37:55 ประสิทธิภาพนะนะแต่อันเนี้ยมันใช้ได้
00:37:55 → 00:37:57 อย่างมีประสิทธิภาพจะเป็นฝั่งนี้นะฮะนะ
00:37:57 → 00:38:02 ที่เป็นข้อแตกต่างนะฮะของสัญญาณนะครับผม
00:38:02 → 00:38:05 เนี่ยกรณีเนี่ยหมอแยกออกมาพูดถึงเรื่อง
00:38:05 → 00:38:09 การใช้คีโตนเป็นพลังงานนะฮะนะคีโตนเนี่ย
00:38:09 → 00:38:13 ถูกเซลล์นะนำไปใช้เป็นพลังงานหลักสำคัญก็
00:38:13 → 00:38:15 คือการใช้ในช่วงที่อด
00:38:15 → 00:38:19 อ่าใช้ในช่วงที่อดแต่เค้าก็ใช้ในช่วงที่
00:38:19 → 00:38:23 กินด้วยอนะฮะแต่ส่วนใหญ่ความตั้งใจในการ
00:38:23 → 00:38:26 จะสร้างหรือก่อให้เกิดคีนคีโตนเนี่ยเรา
00:38:26 → 00:38:29 ให้เกิดเพื่อว่าจะเอามาใช้ในช่วงที่เราอด
00:38:29 → 00:38:34 เราฟานะฮะนะคือสร้างในช่วงฟีดแต่ใช้ใน
00:38:34 → 00:38:39 ช่วงฟาสนะฮะนะอันนี้อ๋อครับผมนะอันนี้ก็
00:38:39 → 00:38:41 มันก็เป็นเล็กๆน้อยๆอ่ะที่ต้องแยกประเด็น
00:38:41 → 00:38:45 นะฮแล้วจะรู้ได้ไงอ่ะว่าใช้คีนคีโตนเป็น
00:38:45 → 00:38:49 พลังงานได้แล้วนี่แหละนะอันนี้สร้างขึ้น
00:38:49 → 00:38:52 มาได้แล้วรู้ได้ไงนะว่าสร้างนะฮะอันเนี้ย
00:38:52 → 00:38:57 รู้ได้ไงว่าใช้นะอ่าใช้คีนคีโตนเป็นพลัง
00:38:57 → 00:39:00 งานแล้วนะตอนเเซลล์เนี่ยนะฮะนะก็จะมี
00:39:00 → 00:39:03 เรื่อง 5 อย่างนี้นะฮะก็คือไม่หิวไม่อยาก
00:39:03 → 00:39:07 อาหารหิวยากนะไม่ง่วงร่างกายตื่นตัวดีนะ
00:39:08 → 00:39:11 ฮะคือไม่ง่วงแต่หลับได้แต่หลับได้นอนได้
00:39:11 → 00:39:16 นะไม่หิวแต่ก็กินได้นะนะถ้าจะต้องกินนะฮะ
00:39:16 → 00:39:21 เนี่ยแล้วก็ถ้าผ่าน 2 เรื่องนี้ไม่หิวแต่
00:39:21 → 00:39:25 กินนะไม่ง่วงแต่ก็นอนนะเมื่อได้กินได้นอน
00:39:25 → 00:39:28 นะฮะนะแล้วแล้วคุณได้คลีนคีโตนด้วยนะคุณ
00:39:28 → 00:39:32 จะไม่มีปฏิกิริยาการแพ้เกิดขึ้นเพราะ
00:39:32 → 00:39:34 ฉะนั้นพวกโรคภูมิแพ้ภูมิเพี้ยนภูมิตก
00:39:34 → 00:39:38 ออโตอิมมูนอะไรต่างๆนะพอคลีนคีโตนมาปุ๊บ
00:39:38 → 00:39:43 พวกนี้มันก็ดีวันดีคืนดีวันดีคืนนะหายๆๆ
00:39:43 → 00:39:46 อะไรอย่าเงี้ยนะแล้วก็ปวดต่างๆปวดโน่นปวด
00:39:46 → 00:39:50 นี่ปวดข้อปวดกระดูกปวดไมเกนปวดหัวนะ
00:39:50 → 00:39:54 เอ่อปวดเมื่อยเออแล้วก็อะไรเอฟเฟคอะไร
00:39:54 → 00:39:57 ต่างๆนะมันก็น้อยอ่ะมันก็จะลดลงลดลงลดลง
00:39:57 → 00:40:00 ปวดน้อยปวดน้อยปวดน้อยไม่ได้ทุกข์ทรมาน
00:40:00 → 00:40:06 อ่าอะไรอย่างนั้นนะฮะแล้วก็ดี gki นะอัน
00:40:06 → 00:40:09 นี้อย่างน้อยเรารู้แล้วว่ายังไงเต่ำกว่า 9
00:40:09 → 00:40:13 แน่นอนนะฮะแต่จะไปถึงนะในขั้นออฟีก็คือ
00:40:13 → 00:40:17 ต่ำกว่า 3 หรือเปล่านะก็แล้วแต่บุญ
00:40:17 → 00:40:22 บุญวาสนาของแต่ละคนนะรวมทั้งเนี่ยเอ่อ
00:40:22 → 00:40:26 ความตั้งอกตั้งใจนะแล้วก็ตั้งแต่ช่วงการ
00:40:27 → 00:40:31 สร้างเนะโอเคมยถูกต้องมยเ่าทำถูกทำผิดนะ
00:40:31 → 00:40:34 อย่างงี้แหละนะฮะก็เรียงลำดับกันมาอย่าง
00:40:34 → 00:40:38 นี้นะทีนี้ตรงเนี้ยหมอพูดอย่างนึงว่า
00:40:38 → 00:40:43 สำหรับคนนะที่ที่รู้หรือไม่รู้หรือไม่
00:40:43 → 00:40:46 เข้าใจในเรื่องของอาหารก็ตามนะฮะนะแล้ว
00:40:46 → 00:40:48 มุ่งประเด็นที่จะทำ If อ่ะโดยเฉพาะโปรลอง
00:40:48 → 00:40:53 Fast เนี่ยนะฮะนะครับผมต้องขอบอกก่อนว่า
00:40:53 → 00:40:57 นะคุณจะแค่ fash adapt นะแล้วคุณกล้าบ้า
00:40:57 → 00:41:01 บิ่นที่จะมาไ If แบบ 23/1 OM หรือแม้แต่
00:41:02 → 00:41:06 18/6 ขึ้นไปก็เหอะนะนะหรือเอ่อกล้าหาร
00:41:06 → 00:41:10 ชาญชัยจะโปรลอง Fast นะ 48 ชม 72 ชมงอ่า
00:41:10 → 00:41:13 หรือ 5 วัน 7 วันอะไรเงี้ยฮะอันนี้ต้องขอ
00:41:13 → 00:41:15 บอกก่อนว่าเป็น fash adap อย่างเดียวไม่
00:41:15 → 00:41:20 ได้นะคุณต้องคีต adap ในลักษณะที่สร้าง
00:41:20 → 00:41:24 ได้สร้างคีโตนได้ใช้คีโตนเป็นใช้ได้เออ
00:41:24 → 00:41:26 อ๋อครับผมถึงจะ
00:41:26 → 00:41:30 เนี่ยอยู่ในช่วงของการที่จะทำ omas One
00:41:30 → 00:41:34 Me Day นะยาวๆไปจนกระทั่งถึงโปรลองฟ้า 2
00:41:34 → 00:41:38 วัน 3 วัน 5 วัน 7 วันเนี่ยครับอันนี้นะ
00:41:38 → 00:41:41 เพราะฉะนั้นก็ต้องเข้าใจเรื่องการเกิดคี
00:41:41 → 00:41:43 adap สร้างได้ใช้
00:41:43 → 00:41:48 เป็นใช่ครับต้องปูพื้นฐานมาอย่างดีถึงจะ
00:41:48 → 00:41:54 ทำโปรลองฟ้าได้ครับผมใช่แล้วนะอ
00:41:54 → 00:41:57 ครับอันนี้ก็คือคือขอย้ำในเรื่องการสร้าง
00:41:57 → 00:42:04 และการใช้นะฮะนะนะทีนี้ขอพูดนะใน 2
00:42:04 → 00:42:06 ประเด็นนะฮะ
00:42:06 → 00:42:11 เนี่ยคือความหิวกับความง่วงนะฮะนะคือยัง
00:42:11 → 00:42:15 ไงก็ตามเนี่ยในการที่เราจะเผาผลาญไขมันนะ
00:42:15 → 00:42:19 รวมถึงไปถึงขั้นที่จะได้คีโตนใช้คีโตน
00:42:19 → 00:42:23 เหล่าเนี้ยนะฮะนะจุดที่เป็นคลีนคีโตน
00:42:23 → 00:42:28 เนี่ยนะก็จะต้องมีเรื่องหิวกับง่วงนะเข้า
00:42:28 → 00:42:30 มาเกี่ยวข้องนะฮะเพราะฉะนั้นเี่เราต้อง
00:42:30 → 00:42:34 รู้ความหมายนะความหมายของคำว่าหิวความ
00:42:34 → 00:42:37 หมายของคำว่าง่วงนะฮะนะอันนี้เขามีราย
00:42:37 → 00:42:41 ละเอียดเมีรายละเอียดนะเพราะจากข้อ 1 ข้อ
00:42:41 → 00:42:44 2 เนี่ยจะไปโยงใยในผลที่ตามมาในข้อ 3
00:42:44 → 00:42:48 ข้อ 4 ว่ามันจะเกิดได้มนะฮะนะคือคุณต้อง
00:42:48 → 00:42:53 เข้าใจเรื่องนี้นะกับคีนคีโตนนะนะแล้วก็
00:42:53 → 00:42:58 จัดการเป็นนะฮะนะว่าหิวไม่หิวง่วงไม่ง่วง
00:42:58 → 00:43:02 นะนอนไม่นอนกินไม่กินนะฮะนะครับอเราก็มา
00:43:02 → 00:43:07 ดูนะฮะนะเนี่ยอันนี้หมอแยกประเด็นให้นะ
00:43:07 → 00:43:11 ส่วนใหญ่เนี่ยนะเวลาเราอ่าคีโตซีสนะถึง
00:43:11 → 00:43:14 ขั้น Fat adap คีน adap โดยเฉพาะคีโตน
00:43:14 → 00:43:17 adap แล้วเป็นคิคีโตนเนี่ยเราจะไม่หิว
00:43:17 → 00:43:21 ไม่อยากอาหารนะเราจะไม่รู้สึกรีบร้อนนะ
00:43:21 → 00:43:27 หรือทุรนทุรายที่จะต้องหากินนะฮะในในในใน
00:43:27 → 00:43:30 ชีวิตประจำวันนักอ่ะนะฮะนะใช่สมมุติว่า
00:43:31 → 00:43:34 กินมื้อนึงนะฮะนะแล้วคราวนี้มันบางทีมัน
00:43:34 → 00:43:37 ยาวต่อเนื่องกันไปเลยนะฮะถ้ามันเข้า
00:43:37 → 00:43:41 คีโตซีสแล้วก็เข้าคีโตนแดปนะฮะนี้เรามา
00:43:41 → 00:43:44 รู้ว่าความหิวเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติของ
00:43:44 → 00:43:48 ร่างกายนะที่ร่างกายจะส่งสัญญาณเรียกร้อง
00:43:48 → 00:43:51 ให้เกิดการกินอาหารเข้าไปสาเหตุก็เพราะ
00:43:51 → 00:43:51 ว่า
00:43:51 → 00:43:57 อ่าระดับพลังงานในการใช้งานมันขาดมันไม่
00:43:57 → 00:44:03 พอนะฮะครับผมเพราะฉะนั้นเนี่ยเราพอมีความ
00:44:03 → 00:44:06 รู้แล้วน่ะว่าตัวตนของเราเนี่ยมันมี 2
00:44:06 → 00:44:10 ชีวิตในร่างของเรานะฮะนะก็คือกายอยากกับ
00:44:10 → 00:44:14 กายละเอียดใช่ครับผมที่เกี่ยวข้องกับความ
00:44:14 → 00:44:18 หิวและเรื่องของพลังงานก็คือกายละเอียดนะ
00:44:18 → 00:44:21 ซึ่งกายละเอียดเนี่ยเราบอกว่ามันเป็นพลัง
00:44:21 → 00:44:26 จิตพลังพลังจิตนะฮะเป็นชี้เป็นปราณนะฮะ
00:44:26 → 00:44:30 แล้วกายละเอียดเนี่ยเขาอยู่ได้อยู่ได้
00:44:30 → 00:44:34 ด้วยพลังงานพลังงานครับงั้นต้องมีพลังงาน
00:44:34 → 00:44:36 ในเมื่อเกิดความไม่เพียงพอเกิดความบก
00:44:36 → 00:44:39 พร่องเกิดการขาดพลังงานนะฮะเพราะฉะนั้น
00:44:39 → 00:44:42 กายละเอียดนะซึ่งเป็นหนึ่งชีวิตในร่างกาย
00:44:42 → 00:44:47 ของคนเราจะเป็นผู้กำหนดให้เกิดความหิวนะ
00:44:47 → 00:44:50 ขึ้นมานะเพื่อที่จะได้ไปกินในการที่จะ
00:44:50 → 00:44:54 เติมพลังงานนะให้ได้ให้พอนะฮะเนี่ยเพราะ
00:44:54 → 00:44:56 พลังงานมันลดลงนะ
00:44:56 → 00:45:00 ครับงั้นความไม่หิวอ่ะความไม่หิวนะฮะความ
00:45:00 → 00:45:04 ไม่หิวอันเนื่องมาจากอ่าคลีนคีโตนอัน
00:45:04 → 00:45:09 เนี้ยมันจะถือว่าเป็นสัญญาณแรกที่เร็วที่
00:45:09 → 00:45:13 สุดสำคัญมากที่สุดจากสมองนะฮะจากสมอง
00:45:13 → 00:45:16 เพราะว่าคีโตนเนี่ยยังไงยังไงเนี่ยอวยวะ
00:45:16 → 00:45:20 แรกที่จะเ่อมีผลก็คือสมองนั่นแหละนะฮะอื
00:45:20 → 00:45:25 ครับสัญญาณนี้คือความไม่หิวจากสมองนะฮะนะ
00:45:25 → 00:45:29 ที่จะบอกว่าร่างกายเราคี adapted แล้วนะ
00:45:29 → 00:45:34 ฮะนะนะเป็นการที่ว่าสร้างอ่าคีนขึ้นมาได้
00:45:35 → 00:45:39 และใช้คีโตนเป็นพลังงานเป็นแล้วนะฮะนะ
00:45:39 → 00:45:42 เพราะงั้นความไม่หิวคือความหมายแบบนี้ใน
00:45:42 → 00:45:47 กรณีที่คุณเข้าคีโตสและคุณคีต
00:45:47 → 00:45:51 adap เนี่ยความไม่หิวมันจะมีความไม่หิว
00:45:51 → 00:45:54 ความหมายของความไม่หิวคืออันนี้นะฮะทีนี้
00:45:54 → 00:45:58 มันก็จะมีในทางทางอีกอย่างนึงนะของความ
00:45:58 → 00:46:02 ไม่หิวนะฮะต้องมีการระมัดระวังเรื่องความ
00:46:02 → 00:46:06 ไม่หิวนะเพราะมันเป็นเรื่องการตอบสนอง
00:46:06 → 00:46:11 เฉพาะอ่าเฉพาะชีวิตหนึ่งในในในองค์คาพยพ
00:46:11 → 00:46:14 คือในร่างกายเรานะฮะที่เราเรียกว่ากาย
00:46:14 → 00:46:17 ละเอียดนะฮะเพราะว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องของ
00:46:17 → 00:46:20 สิ่งที่มีการรับรู้ของกายละเอียดซึ่งเขา
00:46:20 → 00:46:24 อยู่ได้เพราะพลังงานนะฮะนะถ้าเขาน้อยบก
00:46:24 → 00:46:26 พร่องเรื่องพลังงานกายรายละเอียดก็จะมี
00:46:26 → 00:46:30 การส่งสัญญาณที่ว่าเนี้ยนะฮะนะให้หิวนะฮะ
00:46:30 → 00:46:35 นะแต่ถ้าเกิดพลังงานจากคีโตนเนี่ยมันทรง
00:46:35 → 00:46:38 อนุภาพทรงประสิทธิภาพนะก็เป็นธรรมดาที่
00:46:38 → 00:46:40 กายละเอียดเาได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยพลัง
00:46:40 → 00:46:43 งานเขาก็จะไม่รู้สึกหิวแล้วก็ไม่ส่ง
00:46:43 → 00:46:47 สัญญาณว่าหิวนะฮะนะเพราะฉะนั้นเอ่อเมื่อ
00:46:47 → 00:46:51 คุณคีโตซีสแล้วคีโต adap แล้วนะก็เกิด
00:46:51 → 00:46:55 ความไม่หิวยาวยาวๆไปเลยนะฮะแต่อันอัน
00:46:55 → 00:46:58 เนี้ยนะ
00:46:58 → 00:47:01 มันบอกไม่ได้หรอกนะเพราะว่าตัวตนของคนเรา
00:47:02 → 00:47:06 อ่ะมันยังมีอีก 1 อีกหนึร่างนะฮะนะก็คือ
00:47:06 → 00:47:10 กายหยาบหรือกายเนื้อในขณะที่กายละเอียด
00:47:10 → 00:47:12 บอกไม่หิวไม่หิวไม่กินยังไม่ต้องหิวยัง
00:47:12 → 00:47:14 ไม่ต้องไปกินอะไรอย่างเงี้ยนะแต่กาย
00:47:14 → 00:47:18 ละเอียดเนี่ยอ่าอันนี้เขาไม่ไม่ได้รับรู้
00:47:18 → 00:47:21 เกี่ยวกับหิวไม่หิวอิ่มไม่อิ่มนะฮะนะแต่
00:47:21 → 00:47:24 เค้ารับรู้ในเรื่องการครบไม่ครบของสาร
00:47:24 → 00:47:27 อาหารนะฮะอ่าฮในขณะที่กายละเอียดไม่กิน
00:47:27 → 00:47:31 ไม่หิวนะนะกายหย่าก็อาจจะหิวแล้วและ
00:47:31 → 00:47:34 ต้องการสารอาหารแล้วและเขามีสารอาหารไม่
00:47:34 → 00:47:38 ครบแล้วนะฮะเพราะฉะนั้นจุดนี้ต้องมีการ
00:47:38 → 00:47:41 แยกแยะนะฮะต้องมีการแยกแยะซึ่งจริงๆแล้ว
00:47:41 → 00:47:46 หมอขอบอกว่าถ้าคุณคลีนคีโตนคุณคุณเป็นคุณ
00:47:46 → 00:47:50 ได้คลีนคีโตนเนี่ยนะฮะนะอันนี้เนี่ยนะตัว
00:47:50 → 00:47:53 จิตใต้สำนึกอะไรต่างๆนะหรือความหยั่งรู้
00:47:53 → 00:47:54 นะ
00:47:54 → 00:47:59 อ่ามันจะทำให้ร่างกายเราไม่หิวแต่กินได้
00:47:59 → 00:48:04 ฮะไม่หิวแต่กินได้นะครับผมอ่ามันก็จะเกิด
00:48:04 → 00:48:07 อย่างงนี้ในทางตรงกันข้ามถ้ามันเป็นเตี้
00:48:07 → 00:48:11 คีโตนนะหรือไม่ใช่คีโตนที่ดีนักนะหรือ
00:48:11 → 00:48:15 คีโตนที่มาวุบๆวาบๆนะไม่ค่อนข้างอยู่ยาว
00:48:15 → 00:48:19 นานอะไรต่างๆพวกเนี้ยนะฮะนะถ้าอย่างนี้
00:48:19 → 00:48:22 เนี่ยนะอย่างนี้เนี่ยพอมันรู้สึกว่าไม่
00:48:22 → 00:48:25 หิวไม่หิวไม่กินไม่หิวมันก็จะเกิดการไม่
00:48:25 → 00:48:28 หิวไม่กินไม่หิวไม่กินนะแล้วถ้าเราไม่รู้
00:48:28 → 00:48:31 รายละเอียดไม่เข้าใจเรื่องกายหยาบกาย
00:48:31 → 00:48:34 ละเอียดนะเรื่องพลังงานเรื่องสาร
00:48:34 → 00:48:39 อาหารบางทีเราไม่กินนะก็จะเกิดเป็นผลเสีย
00:48:39 → 00:48:43 แล้วก็จะเกิดการตีกลับนะของภาวะนี้นะที่
00:48:43 → 00:48:47 จะเกิดความเจ็บปวยอครับผมเพราะเมื่อวาน
00:48:47 → 00:48:51 นี้หมอบอกไปแล้วว่าเตี้คีโตนเนี่ยทำให้
00:48:51 → 00:48:54 เป็นอะไรได้บ้าง
00:48:54 → 00:48:59 นะอันนี้คือเรื่องหิวไม่หิวกายหยาบกาย
00:48:59 → 00:49:03 ละเอียดอ่าสารอาหารพลังงานในแง่ของการ
00:49:03 → 00:49:06 เกิดภาวะคีต adap ต้องทำความเข้าใจนะฮะ
00:49:06 → 00:49:08 ต้องทำความเข้า
00:49:08 → 00:49:13 ใจต่อมาก็คือสัญญาณอันดับที่ 2 นะก็คือ
00:49:13 → 00:49:17 ง่วงไม่ง่วงนะฮะอันแรกมีหิวหิวอ่าอันนี้
00:49:18 → 00:49:21 ง่วงกับไม่ง่วงอันนี้เป็นอ่าปฏิกิริยาตาม
00:49:21 → 00:49:25 ธรรมชาติของร่างกายนะฮะนะที่สมองจะส่ง
00:49:25 → 00:49:28 สัญญาณให้ร่างกายได้พักนะก็คือความง่วง
00:49:28 → 00:49:32 เนี่ยนะความหมายมันก็คือนะการที่สมองอยาก
00:49:32 → 00:49:40 จะหลับนะร่างกายอยากจะพักนะฮะครับ
00:49:40 → 00:49:43 ผมกายเนี่ยได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน
00:49:43 → 00:49:47 บริบูรณ์แล้วนะสมองจะเกิดการเข้าสู่การ
00:49:47 → 00:49:50 หลับนะแล้วก็กับหลับแบบหลับลึก Deep
00:49:50 → 00:49:54 Sleep เนี่ยนะฮะเพื่อที่จะทำให้อ่าตัว
00:49:54 → 00:49:57 ของเราในส่วนที่เป็นกายหยาบหรือกายเนื้อ
00:49:57 → 00:50:01 ได้เข้าสู่กระบวนการซ่อมแซมหรือสร้างอ่า
00:50:01 → 00:50:04 ใหม่นะเพื่อทดแทนโครงหน้างเดิมที่เสื่อม
00:50:04 → 00:50:09 ลงหรือเสียหายไปนะฮะเนี่ยนะอันนี้ก็ต้อง
00:50:09 → 00:50:12 เข้าใจเรื่องความง่วงเนี่ยนะการนอนหลับ
00:50:12 → 00:50:15 เนี่ยมีความหมายแบบนี้และส่วนใหญ่เป็น
00:50:15 → 00:50:18 ความหมายที่สำคัญของกายหยาบหรือกายเนื้อ
00:50:18 → 00:50:21 นะฮะนะก็คือโครงสร้างร่างกายของเรานี่
00:50:21 → 00:50:25 แหละนะเต้องการซ่อมแซมนะแล้วก็ต้องการที่
00:50:25 → 00:50:29 สร้างใหม่เพื่อการทดแทนนะให้ร่างกายมี
00:50:29 → 00:50:32 ประสิทธิภาพเท่าเดิมอะไรอย่างนั้นนะอย่าง
00:50:32 → 00:50:37 ไรก็ตามนะเมื่อเกิดนะภาวะคีโตสิสจน
00:50:37 → 00:50:40 กระทั่งได้เป็นคลีนคีโตนเนี่ยเราจะเกิด
00:50:40 → 00:50:46 ความไม่ง่วงนะใชความไม่ง่วงนะโดยนะความ
00:50:46 → 00:50:49 ไม่ง่วงก็เป็นสัญญาณในระดับรองลงมาของ
00:50:49 → 00:50:51 สมองที่จะบอกว่าร่างกายได้เข้าสู่ภาวะ
00:50:51 → 00:50:55 คีโตอแดปแล้วนะฮะนะสร้างคีโตนได้แล้วมีมี
00:50:55 → 00:50:59 การใช้คีโตนเป็นพลังงานหลักแล้วนะฮะแต่
00:50:59 → 00:51:02 เกิดการใช้คีโตนเป็นพลังงานหลักอย่างต่อ
00:51:02 → 00:51:06 เนื่องยาวนานเกินไปหน่อยแล้วนะนะคือมันก็
00:51:06 → 00:51:10 ติดน่ะนะว่ามันเป็นพลังงานที่ดีที่เยอะ
00:51:10 → 00:51:14 ที่มากอะไรต่างๆนะมันก็เลยมีการใช้ๆๆใช้
00:51:14 → 00:51:19 จนลืมตัวนะฮะใช่ครับผมมันก็เลยกลายเป็น
00:51:19 → 00:51:22 อย่างงนี้แหละนะนะที่เค้าเรียกว่าดีดนะ
00:51:22 → 00:51:27 ไม่ง่วงนะอ่าครับผมนะความไม่ง่วงนี้ก็
00:51:27 → 00:51:30 เหมือนกันว่าต้องมีการระมัดระวังเพราะมัน
00:51:30 → 00:51:34 เป็นการตอบสนองของกายละเอียดนะฮะนะก็คือ
00:51:34 → 00:51:37 กายละเอียดเนี่ยเาอยู่ได้ด้วยพลังงานพอ
00:51:37 → 00:51:40 เ้ามีพลังงานจากคีโตนปุ๊บเนี่ยนะนี่แหละ
00:51:40 → 00:51:43 เค้าก็เลยทำให้ไม่ต้องพักไม่ต้องผ่อนไม่
00:51:43 → 00:51:47 ต้องนอนถึงแม้กายหยาบจะส่งสัญญาณว่าเฮ้ย
00:51:47 → 00:51:51 นะเนี่ยเอ่อฉันได้สารอาหารครบแล้วนะตอนเ
00:51:51 → 00:51:53 ฉันจะซ่อมฉันจะสร้างอะไรใหม่แล้วนะต้อง
00:51:54 → 00:51:57 ง่วงนะต้องง่วงต้องหลับฉันจะได้หลับนะพอ
00:51:57 → 00:52:01 หลับแล้วฉันจะได้ซ่อมเออเ่าแต่กายละเอียด
00:52:01 → 00:52:06 เนี่ยนะเ่อเค้าติดอยู่กับบ่วงของพลังงาน
00:52:06 → 00:52:10 พลังงานเยอะครับผมที่ดีอ่าที่เขาชอบด้วย
00:52:10 → 00:52:14 นะใครๆก็ชอบอ่ะคิคีโตนเนี่ยเพราะฉะนั้น
00:52:14 → 00:52:19 มันก็เลยกลายเป็นไม่ง่วงเไม่ง่วงอ่าเนี่ย
00:52:19 → 00:52:22 เพราะฉะนั้นจุดนี้นะอ่าซึ่งไม่ได้บอกว่า
00:52:22 → 00:52:25 ตัวตนของร่างกายเราในส่วนที่เป็นกายยากาย
00:52:25 → 00:52:29 เนื้อไม่ได้ง่วงนะนะอ่าก็ต้องระวังเรื่อง
00:52:29 → 00:52:32 เ่า 2 2 ร่างนี้นี้แหละนะฮะกายละเอียด
00:52:32 → 00:52:35 แบบนึงเอ่อกายหยาบกายเนื้ออีกแบบนึงต้อง
00:52:35 → 00:52:40 ปรับให้มันพอดีนะฮะซึ่งถ้ามันเป็นคลีน
00:52:40 → 00:52:43 คีโตนเนี่ยนะก็ไม่จำเป็นเพราะว่า
00:52:43 → 00:52:46 คุณสมบัติอย่างหนึ่งของคีนคีโตนเนี่ยก็
00:52:46 → 00:52:51 คือหิวแต่กินได้เอ่าคือหิวแล้วยังกินได้
00:52:51 → 00:52:55 นะฮะนะแล้วก็ไม่ง่วงแต่ก็นอนได้แล้วหลับ
00:52:55 → 00:53:00 ได้ด้วยนะอันนี้จริงนะครับเออบางทีบางวัน
00:53:00 → 00:53:03 ตายตายยังใสไม่ง่วงแต่ถ้าถึงเวลาปุ๊บก็
00:53:04 → 00:53:08 คือหับใช่เอออันเนี้ยมันไม่ได้ว่าจะต้อง
00:53:08 → 00:53:11 ไปอาศัยอะไรช่วยหรือหรือต้องไปเข้าใจอะไร
00:53:11 → 00:53:16 มากมายนะฮะนะครับผมทีนี้มันก็มีอีกทิศทาง
00:53:16 → 00:53:20 นึงอ่ะนะฮะนะเดี๋ยวหมอให้ดูนี้นะนะเนี่ย
00:53:20 → 00:53:24 นะกรณีที่เป็น Dirty คีนนะรวมทั้งความไม่
00:53:24 → 00:53:29 รู้หรือแปลความหมายไม่ถูกนะฮะนะพอมันเกิด
00:53:29 → 00:53:33 นะคีโตนขึ้นมานะอ่าสร้างได้ใช้เป็นนะ
00:53:33 → 00:53:36 เนี่ยเซลล์มันก็ไม่หิวเ้าไม่หิวกูก็ไม่
00:53:36 → 00:53:40 กินนะฮะนะอ้าแล้วเสร็จแล้วไม่ง่วงอีกอ้า
00:53:40 → 00:53:43 ไม่ง่วงก็ไม่ต้องนอนนะฮะนะก็ทำโนนทำนี่ไป
00:53:43 → 00:53:47 นะฮะถ้าอย่างนี้เนี่ยนะถ้าอย่างนี้มันไม่
00:53:47 → 00:53:50 ใช่คีนคีโตนแล้วล่ะต้องสงสัยว่าน่าจะเป็น
00:53:50 → 00:53:53 เตี้คีโตนน่ะนะหรือเป็นคีโตนที่มันแบบ
00:53:53 → 00:53:57 กระพร่องกระแพงอ่ะนะนะคือมาแบบ
00:53:57 → 00:54:02 ไม่ไม่ไม่ไม่มาวๆวาบๆอ่ะไม่เสถียรมครับผม
00:54:02 → 00:54:05 เออจะเรียกว่าอย่างนั้นก็ได้นะคือมันไม่
00:54:05 → 00:54:09 มีการพุ่งชูดขึ้นไปอ่ะแล้วก็ค่อยๆลงสเต็ป
00:54:09 → 00:54:14 ไอช้าๆอะไรอย่างงั้นนะฮะเนี่ยเนี่ยไม่หิว
00:54:14 → 00:54:16 กูก็ไม่กินไม่ง่วงก็ไม่นอนนะฮะเสร็จแล้ว
00:54:16 → 00:54:20 ในที่สุดก็ลงเอยด้วยพังๆๆอวสานจบนะพวกนี้
00:54:20 → 00:54:23 ก็คือเตี้คีโตนมันก็เกิดปัญหาโรคภัยไข้
00:54:23 → 00:54:27 เจ็บนะฮะเออทำไมน้ำหนักค้างทำไม
00:54:27 → 00:54:31 เปอร์เซ็นต์ไขมันเออก็ลดนะนะแต่กล้าม
00:54:31 → 00:54:35 เนื้อก็ลดนะฮะนะเนี่ยเออครับแล้วก็ทำไม
00:54:35 → 00:54:39 ไอ้ค่าแลบต่างๆอะไรต่างๆยังผิดปกติอยู่
00:54:39 → 00:54:43 เอ่าการอักเสบไม่ลดลงนะอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:54:43 → 00:54:46 ฮะนะอันนี้ก็คือเป็นคีโตนแต่มันไม่ใช่
00:54:46 → 00:54:51 คีโตนที่ดีนะฮะถ้าเป็นคีโตที่ดีนะเนี่ย
00:54:51 → 00:54:55 หมอบอกไม่หิวกินได้ไม่ง่วงนอนได้นอนนอน
00:54:55 → 00:54:59 หลับได้นะเหล่านี้ถ้าเป็นคีนคีโตนจะบรรลุ
00:54:59 → 00:55:02 เป้าหมายแล้วเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วเนี่ย
00:55:02 → 00:55:07 นะไอ้ข้อ 3 4 5 นะฮะไม่ไม่มีปฏิกิริยา
00:55:07 → 00:55:11 การแพ้ไม่เจ็บไม่ปวดนะฮะแล้ว gki โอเคนะ
00:55:11 → 00:55:15 ฮะน้อยกว่า 9 นะอาจจะได้ถึงน้อยกว่า 3
00:55:15 → 00:55:19 ด้วยนะฮะเนี่ยเนี่ยก็ผมจริงๆอ่ะนะะถ้า
00:55:19 → 00:55:21 สามารถใช้อันนี้เป็นใช้อันนี้ได้แล้วมี
00:55:21 → 00:55:24 ความเข้าอกเข้าใจมีความรู้นะนะเนี่ยไม่
00:55:24 → 00:55:28 ิ้วไม่อยากอาหารแต่กินได้นะเอ่อไม่ง่วง
00:55:28 → 00:55:32 แต่หลับได้นะฮะอ่าดีดๆไปนะฮะแต่ก็ยังหลับ
00:55:32 → 00:55:36 ได้นะฮะนะแต่ถ้าเตี้เมื่อไหร่นะฮะนะหรือ
00:55:36 → 00:55:39 ไม่ใช่คีโตนที่สม่ำเสมอดีนักอะไรเงี้ยนะ
00:55:39 → 00:55:43 มันก็จะมีแบบที่เมาโพสต์ถามกันนั่นแหละนะ
00:55:43 → 00:55:47 ว่าทำไมนอนไม่หลับเลยนะเอมันดีดอยู่ตลอด
00:55:47 → 00:55:51 อะไรต่างๆนะใช่ครับผมพวกนี้ปฏิกิริยาการ
00:55:52 → 00:55:56 แพ้ไม่ลดนะฮะนะไม่หายปวดนะหรือดัชนีอะไร
00:55:56 → 00:56:01 ต่างๆนะอ่าไม่อยู่ใน Range นะที่ดีนะฮะก็
00:56:01 → 00:56:06 ไม่ใช่ไม่ใช่ King keyone
00:56:06 → 00:56:11 นะอันนี้ก็จะเป็นข้อสรุปแล้วนะฮะนะแต่ที
00:56:11 → 00:56:16 นี้เอ่อก่อนจะถึงตรงนี้เนี่ยนะฮะตรงนี้นะ
00:56:16 → 00:56:19 เราต้องมาย้ำซ้ำทวนนิดนึงในเรื่องของการ
00:56:19 → 00:56:24 เกิดคลีนคีโตนนะสร้างได้ใช้เป็นนะฮะสร้าง
00:56:24 → 00:56:30 ได้ใช้เป็นนะอันอื
00:56:30 → 00:56:34 เอ่อคือคือเรื่องสำคัญที่สุดเลย
00:56:34 → 00:56:39 เนี่ยครับผมก็คือเรื่องอ่าเรื่องปัจจัย
00:56:39 → 00:56:42 หลักที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าอินซูลินต้อง
00:56:42 → 00:56:46 ต่ำเป็นระยะเวลายาวนานพอสมควรแล้วก็จะ
00:56:46 → 00:56:50 ต้องใช้ไขมันดีนะเป็นวัตถุดิบนะให้เซลล์
00:56:50 → 00:56:53 อ่ะโดยเฉพาะเซลล์ของตับที่เชอบไขมันเนี่ย
00:56:53 → 00:56:56 นะฮะนะที่จะสร้างขึ้นมาให้ได้ที่จะสร้าง
00:56:56 → 00:56:59 อ่าของดีๆเป็นกลีนคีโตนขึ้นมาให้ได้แล้ว
00:56:59 → 00:57:02 ตัวแวดล้อมต่างๆโดยเฉพาะวิตามินแร่ธาตุนะ
00:57:02 → 00:57:05 แล้วก็สารพรึกษาเคมีเนี่ยนะฮะที่จะเข้าไป
00:57:05 → 00:57:08 เป็นตัวยาในปฏิกิริยาของการสร้างแล้วก็
00:57:08 → 00:57:12 การใช้คีโตนนะนะครับผมเรื่องราวเหล่านี้
00:57:12 → 00:57:14 เนี่ยนะ
00:57:14 → 00:57:19 เอ่อก็ถ้าไม่เป็นไปดันี้เนี่ยฮะก็คือยัง
00:57:19 → 00:57:23 ไม่ใช่นะนะหรือยังไม่เข้าใจยังไม่รู้นะ
00:57:23 → 00:57:27 แล้วก็ยังทำไม่ถูกต้องนักน่ะซึ่งเท่าที่
00:57:27 → 00:57:30 สังเกตเห็นเนี่ยนะคนส่วนใหญ่ก็คืออยู่ใน
00:57:30 → 00:57:34 ลักษณะที่ว่ามันมันมันมีคีโตนนแต่มันเป็น
00:57:34 → 00:57:38 เตี้คีโตนนะฮะนะแล้วพวกนี้ก็อย่างนึงที่
00:57:38 → 00:57:42 จะมีสัญญาณออกมาก็คือปาวคีโตฟลูนะโตฟูก็
00:57:42 → 00:57:46 เป็นเตี้คีโตนนั่นแหละนะมันก็เกิดอะไรอ่ะ
00:57:46 → 00:57:50 ปฏิกิริยาอะไรต่างๆนะที่ร่างกายมันร่าง
00:57:50 → 00:57:53 กายมันงงอ่ะร่างกายมันเกิด
00:57:53 → 00:57:57 เอ่อกลายเป็นว่าหลักการของคิฟูก็คือจริงๆ
00:57:57 → 00:57:59 แล้วคือร่างกายมันขาดสารอาหารนัแหละนะสาร
00:57:59 → 00:58:03 อาหารไม่พอนะฮะนะแต่เขาก็มีการเผาไขมัน
00:58:03 → 00:58:06 เป็นพลังงานน่ะนะนะแต่ว่าเราไม่ได้เติมไง
00:58:06 → 00:58:10 นะเราไม่ได้อุดรูรั่วนะหรือคือเราเราเติม
00:58:10 → 00:58:12 ไม่เป็นน่ะเราเติมไม่เป็นเราไม่เข้าใจนะ
00:58:12 → 00:58:14 ฮะเรากินอาหารมื้อแรกมเย็นอะไรต่างๆไม่
00:58:14 → 00:58:18 ถูกไม่เป็นอะไรอย่างเงี้ยนะแต่บางคนมันก็
00:58:18 → 00:58:21 ผ่านไปได้ด้วยการกินอาหารสงอาหารเสริม
00:58:21 → 00:58:24 อะไรเนี่ยก็แล้วแต่แต่ถ้ามีความรเราก็ใช้
00:58:24 → 00:58:30 เรฟนี่แหละฮะนะอ่าช่วงแรกนะอ่าก็ให้ให้
00:58:30 → 00:58:34 มันได้คีโตนพุ่งขึ้นไปนะฮะนะแต่ช่วงมื้อ
00:58:34 → 00:58:36 เย็นเนี่ยเรามาเติมสารอาหารให้ครบเรามา
00:58:36 → 00:58:40 อุดรูรั่วนะฮะถ้าเป็นแบบ low C High
00:58:40 → 00:58:42 Good Fat ที่เราแนะนำมาแต่ไหนแต่ไร
00:58:42 → 00:58:46 เนี่ยมันก็จะไม่มีปัญหานะฮะนะโดยเฉพาะอัน
00:58:46 → 00:58:49 นี้ขอย้ำในเรื่องของน้ำมันสกัดเย็นน้ำมัน
00:58:49 → 00:58:53 พืชสกัดเย็นนะฮะซึ่งอ่าเหตุที่ต้องใช้อัน
00:58:53 → 00:58:57 นี้เนี่ยนะเพราะว่ามีสำความสำคัญนะที่จะ
00:58:57 → 00:59:00 เป็นรูปแบบของการเ่อโปรโมทหรือว่าการที่
00:59:00 → 00:59:04 จะไปทำให้ตับเนี่ยมันมันสามารถที่จะสร้าง
00:59:04 → 00:59:08 คีโตนได้เร็วๆอ่ะนะฮะนะโดยเฉพาะถ้าเป็นคน
00:59:08 → 00:59:12 ใหม่ๆช่วงแรกๆก็แนะนำให้ใช้โควต้าของไข
00:59:12 → 00:59:16 มันอิ่มตัวที่เป็น mct Oil ไปเลยนะฮะนะ
00:59:16 → 00:59:20 แล้วพอครับผมดง adap อะไรคีโตสิสอะไรดีๆ
00:59:20 → 00:59:22 แล้วเนี่ยตอนหลังอ่ะจะไปสลับน้ำมัน
00:59:22 → 00:59:25 มะพร้าวหรือจะเอาแบบคอมไบน์ 2 อย่างอย่าง
00:59:25 → 00:59:27 ละนิดอย่างละหน่อยอะไรก็ได้นะสมมุติว่า
00:59:27 → 00:59:31 โคต้าที่กินไขมันหิ่มตัวเนี่ยนะในการทำ
00:59:31 → 00:59:33 น้ำสลัดเนี่ยมันมันใช้ได้ 2 ช้อนโต๊ะ
00:59:33 → 00:59:36 เงี้ยก็แบ่งอย่างละครึ่งน้ำมันมะพร้าว 1
00:59:36 → 00:59:40 ช้อนโต๊ะ mct Oil C C8 c10 1 ช้อน
00:59:40 → 00:59:43 โต๊ะอะไรอย่างงี้นะฮะนะแล้วก็ไปปัด
00:59:43 → 00:59:48 นะอย่าไปโหลดไขมันจากสัตว์นะฮะในรูปแบบ
00:59:48 → 00:59:51 ของการกินโปรตีนสัตว์แล้วมีไขมันติดมานะ
00:59:51 → 00:59:54 ฮะนะอันนี้มันไม่ใช่มันไม่ใช่แนวทางที่จะ
00:59:54 → 00:59:58 ไปสร้างคลีนคีโตนนะฮะนะที่ถามว่าถ้าไม่
00:59:58 → 01:00:00 รู้จักน้ำมันสกัดเย็นไม่ได้กินน้ำมันสกัด
01:00:00 → 01:00:03 เย็นในมุร่งมู้แรกอะไรต่างๆเนี่ยแต่อยู่
01:00:03 → 01:00:06 ในหลักการของโลคาฟ High Fat นะแล้วก็ไอท
01:00:06 → 01:00:09 โปรตีนนะเน้นเรื่องโปรตีนเป็นหลักนะ
01:00:09 → 01:00:13 โปรตีนไฟเบอร์นะมีไขมันก็ไม่ใช่ไขมันจาก
01:00:13 → 01:00:15 พืชไม่ใช่น้ำมันสกัดเย็นแต่เป็นไขมันที่
01:00:15 → 01:00:19 ปะปนมากับสัตว์อย่างเงี้ยนะมันจะเป็นอะไร
01:00:19 → 01:00:22 มั้ยนะอันนี้คำตอบก็คือก็แล้วแต่แต่ละ
01:00:22 → 01:00:27 บุคคลนะฮะนะมันเอ่ออมันไม่ฟิตสำหรับแต่ละ
01:00:27 → 01:00:30 แต่ละคนหรอกนะฮะนะมีทั้งเรื่องบอ type มี
01:00:30 → 01:00:33 ทั้งเรื่องพันธุกรรมมีทั้งเรื่องีน
01:00:33 → 01:00:35 expression อะไรต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง
01:00:35 → 01:00:39 ด้วยครับผมอ่าก็ต้องดูดูผลที่จะตามมาดู
01:00:39 → 01:00:42 ค่า laap นั่นแหละนะฮะนะแล้วก็ดูการตอบ
01:00:42 → 01:00:45 รับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นว่าได้มยล่ะถ้า
01:00:45 → 01:00:47 ได้ก็ได้นะฮะจะใช้อย่างนี้ต่อไปก็ไม่เป็น
01:00:47 → 01:00:51 ไรนะแต่ว่ามาตรฐานแล้วเนี่ยก็ดังที่หมอ
01:00:51 → 01:00:54 บอกแะในการกิน ow C High Fat แล้วคำ
01:00:54 → 01:00:56 ว่าว่า High Good Fat เนี่ยเราก็ใช้น้ำ
01:00:56 → 01:00:59 มันพืชสกัดเย็นเป็นพลังงานหลักโดยเฉพาะคน
01:00:59 → 01:01:02 ผอมๆหรือรูปร่างทรงพุมเครียดสายแป้งทรง
01:01:02 → 01:01:06 ไทยอยอะไรอย่างงี้นะฮะต้องใช้แบบนี้เพราะ
01:01:06 → 01:01:08 ไม่งั้นแล้วเนี่ย
01:01:08 → 01:01:12 เอ่อมันจะเกิดไอ้ตัว Dirty คีนเนี่ยแล้ว
01:01:12 → 01:01:15 ก็มาเป็นปัญหาต่อความไม่ปกติของทั้งร่าง
01:01:15 → 01:01:21 กายและผลแลปนะนะัน
01:01:21 → 01:01:26 นี้ทีนี้ไอ้รูปแบบของของอาหารเนี่ยที่มัน
01:01:26 → 01:01:30 ไม่นำไปสู่คลนคีโตนเนี่ยนะแต่มันกลับเป็น
01:01:30 → 01:01:33 แบบธงกันข้ามเี่มันเป็น Dirty คีโตนเนี่ย
01:01:33 → 01:01:37 คืออะไรบ้างในกรณีที่กินโลคาฟนะฮะนะหลาย
01:01:37 → 01:01:40 คนกินโภชนาการโลคาฟนะเพื่อหวังจะสร้าง
01:01:40 → 01:01:44 คีโตนนะแล้วก็ให้เกิด Fat adap เ่อคี
01:01:44 → 01:01:46 adap เป็น C burner อะไรอย่างเงี้เอ้ย
01:01:46 → 01:01:49 เป็น Fat burner นะนะครับผมแต่ตัว what
01:01:49 → 01:01:52 to eat ตัวรายละเอียดนะปริมาณสัดส่วน
01:01:52 → 01:01:56 อาหารการปรุงอาหารนะนะมันไม่ถูกอ่ะมันไม่
01:01:56 → 01:02:01 ถูกนะเช่นเช่นนะบางคนก็เ่อในเรื่องการตัด
01:02:01 → 01:02:06 การลดการจำกัดคาฟเนี่ยมันน้อยเกินไปการ
01:02:06 → 01:02:10 เลือกคาฟมากินไม่ถูกนะฮะไม่ถูกไม่ได้ใช้
01:02:10 → 01:02:12 พวกแป้งเชิงซ้อนหรือว่าผักหัวผักใบอะไร
01:02:12 → 01:02:19 ต่างๆนะแล้วก็ปริมาณของคาฟก็อะไรขาดๆเกิน
01:02:19 → 01:02:22 ๆอะไรต่างๆเหล่าเนี้ยนะฮะนะมันมีทั้ง 2
01:02:22 → 01:02:26 ฝั่งมาฝั่งที่ยังเกินอยู่ยังปนเปื้อนอยู่
01:02:26 → 01:02:29 ยังหลุดอยู่นะแต่อีกฝั่งนึงก็คือฝั่งนี้
01:02:29 → 01:02:32 ก็คือตัดเลยนะโ Car อย่างเงี้ยนะฮะเ่าโ
01:02:32 → 01:02:36 Car ไม่กินพืชไม่กินอะไรต่างๆกินแบบ CD
01:02:36 → 01:02:40 kcd ไปนะซึ่งมันก็ไม่ได้ว่าจะใช้ได้กับ
01:02:40 → 01:02:45 ทุกๆคนนะฮะทุกๆคนนะฮะเราก็ต้องดูเป็นแต่
01:02:45 → 01:02:51 ละคนแต่ละค่าติดตามนค่าแลบค่าิิอในการติด
01:02:51 → 01:02:54 ตามผลนะฮะนะอีกประเภทนึงก็คือคือการกิน
01:02:54 → 01:02:59 ไอทโปรตีนที่เป็นโปรตีนจากสัตว์บกเยอะๆ
01:02:59 → 01:03:03 เยอะๆนะฮะนะพวกนี้มันก็จะมีปัญหาจากไขมัน
01:03:03 → 01:03:07 ที่ปะปนอยู่ไม่ว่าจะเป็นไขมันอิ่มตัวสูง
01:03:07 → 01:03:10 นะฮะนะหรือเนี่ยส่วนใหญ่มันเป็นไขมันตัว
01:03:10 → 01:03:14 สูงเนี่ยโดยเฉพาะ c16 นะฮะนะนะที่มันเยอะ
01:03:14 → 01:03:19 มากนะฮะนะครับทีนี้การกินแหล่งของไขมัน
01:03:19 → 01:03:22 สัตว์นะไม่ว่าจะปนมากับเนื้อสัตว์หรือเอา
01:03:22 → 01:03:25 ไขมันจากสัตว์เนี่ยไปทำอะไรบางอย่างเช่น
01:03:25 → 01:03:29 ไปเจียวน้ำมันหมูฮะเอาความร้อนอีกอะไร
01:03:29 → 01:03:32 อย่างนะฮะอันนี้มันจะเป็นปัญหาล่ะกับการ
01:03:32 → 01:03:36 เกิดการสร้างคีโตนโดยเฉพาะกินคีโตนนะนะ
01:03:36 → 01:03:39 แล้วน้ำมันไขมันพืชอะไรต่างๆเนี่ยบางคนก็
01:03:39 → 01:03:45 ยังมีการกินพวกถั่วพวกเ่าพวกพวกเนยที่ทำ
01:03:46 → 01:03:49 เนี่ยที่มันมันมันมีไขมันพืชแต่ว่ามันก็
01:03:49 → 01:03:51 เป็นไขมันพืชที่มัน
01:03:51 → 01:03:53 ไม่
01:03:53 → 01:03:55 ไม่มันยังมีแป้งอ่ะส่วนใหญ่มันก็ยังมี
01:03:56 → 01:04:00 แป้งรวมทั้งมันยังมีเรื่องของอ่าสิ่งที่
01:04:00 → 01:04:04 เป็นโอเมก้า 6 อะไรต่างๆค่อนข้างเยอะอนะ
01:04:04 → 01:04:07 ยิ่งไปแปรรูปเยอะๆผ่านกระบวนการเยอะๆนะนะ
01:04:07 → 01:04:10 พวกนี้มันก็ไม่ใช่บางคนก็ยังไม่เข้าใจ
01:04:10 → 01:04:15 แล้วก็เอามาใช้ผัดใช้ทอดอะไรด้วยนะฮะนะผม
01:04:15 → 01:04:17 ั้นหลักหลายเหล่านี้เนี่ยนะฮะมันเป็น
01:04:17 → 01:04:21 ปัจจัยที่จะทำให้ตัวคีโตนนะไม่เป็นไปดัง
01:04:22 → 01:04:25 ที่เราหวังนะฮะก็คือไม่ใช่คิงคีโตนนะฮะ
01:04:25 → 01:04:30 คือเตี้คีโตนเนี่ยเขเกิดไม่ยากนะฮะนะนะ
01:04:30 → 01:04:33 แล้วก็ผลด้านบวกเขาก็คืออะไรอ่ะเผาผารไข
01:04:33 → 01:04:36 มันได้น้ำหนักลดลงเปอร์เซ็น body fat ลด
01:04:36 → 01:04:43 ลงสัดส่วนลดลงนะฮะแต่นะผลด้านลบนะก็อาจจะ
01:04:43 → 01:04:46 ตามมาด้วยการเนี่ยคือการสูญเสียสารอาหาร
01:04:47 → 01:04:50 นะฮะนะส่วนใหญ่ผลอะไรต่างๆที่จะตามมาเป็น
01:04:50 → 01:04:53 ด้านลบเนี่ยมันเกิดจากภาวะการสูญเสียสาร
01:04:53 → 01:04:55 อาหารนะฮะ
01:04:55 → 01:04:59 นะคือคนที่ Fat adap นะหรือเผาผลาญไขมัน
01:04:59 → 01:05:03 เป็นพลังงานเนี่ยมันจะเหมือน 2 เด้งนะนะ 1
01:05:03 → 01:05:06 นะคือร่างกายเนี่ยมันใช้สารอาหารเยอะใน
01:05:06 → 01:05:10 ตอนที่เผาไขมันกับ 2 เนี่ยนะเวลาเราตัด
01:05:10 → 01:05:14 คาฟเราเราโลวอินซูลินลงไปนะฮะนะคือ
01:05:14 → 01:05:16 อินซูลินเนี่ยก็เป็นฮอร์โมนในการสะสมสาร
01:05:16 → 01:05:20 อาหารอยู่แล้วนะฮะถ้าเรามีอินซูลินน้อยนะ
01:05:20 → 01:05:24 แล้วก็เราก็อ่าตัดคาฟหรือเวโลคาฟหรือตัดด
01:05:24 → 01:05:29 อินซูลินนานๆเพลินไปเลยน่ะนะนะเพราะงั้น
01:05:29 → 01:05:32 การกักเก็บสารอาหารน้อยนะฮะนะน้อยเพราะ
01:05:32 → 01:05:35 ว่าเราไม่มีฮอร์โมนเที่จะมาช่วยกักเก็บ
01:05:35 → 01:05:38 สารอาหารเพราะฮอร์โมนที่บทบาทเด่นที่สุด
01:05:38 → 01:05:41 ดีที่สุดก็คืออินซูลินนะนะครับเพฉะนั้น
01:05:41 → 01:05:45 เนี่ยถึงได้บอกว่าปฏิกิริยาการเผาไขมันก็
01:05:45 → 01:05:50 ดีนะหรือภาวะที่อินซูลินอ่ามันค่อนข้าง
01:05:50 → 01:05:54 ต่ำนานๆก็ดีเนี่ยนะพวกนี้สารสารอาหารจะ
01:05:54 → 01:05:58 ต้องเยอะนะเพราะฉะนั้นกินประเภท low C
01:05:58 → 01:06:02 High Fat นี่นะต้องอลังการงานสร้างละนะ
01:06:03 → 01:06:07 ครับผมตีนทั้งไขมันนะอ่าแล้วก็ผักใบผัก
01:06:07 → 01:06:12 หัวน้ำซุปต้มกระดูกน้ำส้มสายชูเ่อหรือ
01:06:13 → 01:06:19 ประเภทโอนะ nutritional ีสถั่วหมักเม้นต
01:06:19 → 01:06:21 อะไรอย่างเงี้ยนะฮะสาอาหารต้องเยอะต้อง
01:06:21 → 01:06:24 หลากหลายจริงๆแล้วบางคน
01:06:24 → 01:06:28 ยังจะต้องเติมนะสารอาหารที่เป็นอะไรผักผง
01:06:28 → 01:06:32 เป็นเม็ดๆอะไรต่างๆเข้าไปอีกอ่ะนะฮะนะถ้า
01:06:32 → 01:06:36 มันมีอาการนะถ้ามันมีอาการคืออย่าชลใจนะ
01:06:36 → 01:06:41 ยิ่งนะเราเนี่ยนะฟาเก่งๆยิ่งเราคีต adap
01:06:42 → 01:06:47 นะได้นะแล้วก็เกิดความฟินเี่นะฮะนะต้อง
01:06:47 → 01:06:51 เห็นความสำคัญของจุดนี้นะฮะเพราะนะเพราะ
01:06:51 → 01:06:54 เมื่อไหร่นะที่เกิดภาวะการบกพร่องเรื่อง
01:06:54 → 01:06:59 สารอาหารมันไม่พอมันขาดนะกล้าๆกลัวๆที่จะ
01:06:59 → 01:07:01 กินกลัวที่ว่ามันจะเยอะเกินไปหรือเปลือง
01:07:01 → 01:07:06 เงินเปลืองทองนะไม่กล้ากินแบบอะไรอ่ะนะ
01:07:06 → 01:07:09 เยอะแยะนะหรือแบ่งมื้อหรือมีระหว่างมื้อ
01:07:09 → 01:07:12 อะไรต่างๆเติมเข้าไปด้วยโดยเฉพาะคนผอมๆ
01:07:12 → 01:07:16 หรือพวกสายแป้งครับผมนะพวกเนะผลจากการขาด
01:07:16 → 01:07:19 สารอาหารพวกนี้นะฮะนะพลังงานเนี่ยไม่ขาด
01:07:20 → 01:07:22 หรอกมันเป็นเรื่องการขาดสารอาหารนะมันจะ
01:07:22 → 01:07:27 เกิดการตีนะเกิดการเจ็บป่วยเนี่ยเกิดการ
01:07:27 → 01:07:29 เจ็บ
01:07:29 → 01:07:34 ป่วยก็อันนี้
01:07:34 → 01:07:40 นะอันนี้ก็ขอย้ำอ่ะนะฮะว่าเดูดีๆดูดีๆ
01:07:40 → 01:07:41 เด้อ
01:07:41 → 01:07:43 นะ
01:07:43 → 01:07:49 เอ่อเ้าทีนี้มาเรื่องอะไร
01:07:49 → 01:07:54 นะเพราะฉะนั้นเนี่ยวิธีการที่เราจะ
01:07:54 → 01:07:57 เอ่อให้มันเกิด metabolic flexibility
01:07:57 → 01:08:02 เนี่ยนะอันเนี้ยเป็นทางออกเลยในขณะที่เรา
01:08:02 → 01:08:04 ต้องการการเกิด Fat adaptation ketosis
01:08:04 → 01:08:08 เนี่ยนะ
01:08:08 → 01:08:13 ฮะคือหลักการเนี่ยคีโตนเนี่ยต้องมีการ
01:08:13 → 01:08:15 พุ่งนะ
01:08:15 → 01:08:20 อ่าพุ่งนะฮะแล้วก็ค่อยๆลดลงลดลงลดลงแล้ว
01:08:20 → 01:08:24 ก็เ่อหมดหน้าที่หมดบทบาทไปเป็นบางช่วง
01:08:24 → 01:08:28 เวลาแต่ว่า overall รวมเลยเนี่ย 24 ชมม
01:08:28 → 01:08:32 เนี่ยนะจะต้องมีคีโตนและจะต้องมีการใช้
01:08:32 → 01:08:36 พลังงานจากคีโตนเนี่ยเป็นหลักนะให้มากที่
01:08:36 → 01:08:39 สุดเท่าที่จะมากได้นะฮะนะในช่วงที่จะลด
01:08:40 → 01:08:43 คีโตนลงนะฮะนะก็คือเป็นช่วงเย็นที่
01:08:43 → 01:08:47 อินซูลินเข้ามาพออินซูลินเข้ามาเนี่ยอ่า
01:08:47 → 01:08:51 เขาคก็คีโตนมันก็จะหายไปอ่ะนะฮะนะครับผม
01:08:51 → 01:08:55 เพราะว่าทั้งวันเนี่ยคีโตนเเค้าทำงานยาว
01:08:55 → 01:08:59 มาเลยนะร่างกายขาดสารอาหารขาดสารอาหารขาด
01:08:59 → 01:09:03 สารอาหารนะนะเราก็อย่างน้อยเนี่ยในตอน
01:09:03 → 01:09:06 เย็นเนี่ยนะพออินซูลินเข้ามาตามธรรมชาติ
01:09:06 → 01:09:10 ตามซิลีแล้วเนี่ยนะเราก็เติมสารอาหารไป
01:09:10 → 01:09:15 ให้ครบนะเสร็จแล้วนะเราก็ให้อินซูลินแอช
01:09:15 → 01:09:20 ในการเก็บสารอาหารนะฮะเอ่าเนี่ยที่มันขาด
01:09:20 → 01:09:26 ไปทั้งวันนี่แหละนะฮะหลังจากครับสอหารนะ
01:09:26 → 01:09:29 ร่างกายมีการเก็บสารอาหารนะที่ตับหรือว่า
01:09:29 → 01:09:31 ที่ตำหน่งอะไต่างๆที่มันเกิดความบกพร่อง
01:09:31 → 01:09:38 นะนะสัญญาณที่ครบนะก็คือสมองมันจะหลับนะ
01:09:38 → 01:09:40 สมองก็จะ
01:09:40 → 01:09:45 หลับพอสมองหลับไปสักพักนึงคีโตนก็จะมาต่อ
01:09:45 → 01:09:51 นะฮะนะเพราะว่าฮอร์โมนลูกเทพนะอ่าก็จะมา
01:09:51 → 01:09:54 กระตุ้นให้เกิดการเอาไขมันที่สัสะสมอยู่
01:09:54 → 01:10:00 อ่ะมาเผาต่อนะก็เกิดเคีโตนในรอบกลางคืนนะ
01:10:00 → 01:10:04 ยาวไปเรื่อยๆนะฮะรอจนกระทั่งเช้ามืดนะ
01:10:04 → 01:10:07 คราวนี้แม่มาแล้วนะฮะก็แม่เก็มาตาม
01:10:07 → 01:10:10 ธรรมชาตินี่แหละนะคอร์ติซอลมาเพื่อปลุก
01:10:10 → 01:10:16 ให้เราตื่นนะอ่าพอมาเนี่ยนะพอมาปุ๊บก็จะ
01:10:16 → 01:10:20 ต้องมีการสร้างหาพลังงานโดยเฉพาะน้ำตาลนะ
01:10:20 → 01:10:25 เเรียกกลูโค genesis นะนะพอมันเกิดน้ำตาล
01:10:25 → 01:10:29 เพิ่มขึ้นนะฮะในเลือดนะฮะถ้ามันอยู่ใน
01:10:29 → 01:10:34 ระดับที่ดีนะฮะนะอ่าเอ่ออินซูลินเขาก็จะ
01:10:34 → 01:10:37 ออกมาในระดับเซอระดับแบบพอดีๆดี
01:10:38 → 01:10:42 physiology อ่ะนะฮะแต่ถ้าเกิดว่าฮอร์โมน
01:10:42 → 01:10:46 เครียดนะเขากลูโคโนสิหนักเกินไปแรงเกินไป
01:10:46 → 01:10:50 ด้วยมีการกระตุ้นอะไรก็ตามนะฮะนะพวกนี้
01:10:50 → 01:10:53 มันก็เ่าน้ำตาลพุ่งนะอินซูลินก็ต้องพุ่ง
01:10:53 → 01:10:56 ตามน้ำน้ำตาลนนี่แหละนะพอินพุ่งเนี่ยนะ
01:10:56 → 01:11:00 มันก็เบรกคีโตนน่ะนะฮะเมันก็เบรกคีโตนนะ
01:11:00 → 01:11:03 คือยังไงก็ตามในช่วงที่ตื่นน่ะก็คล้ายๆ
01:11:03 → 01:11:05 ช่วงที่ช่วงเย็นที่อินซูลินเข้ามาแล้วก็
01:11:05 → 01:11:09 มาเก็บมาเก็บสารอาหารเช่วงที่ตื่นเนี่ย
01:11:09 → 01:11:12 แต่ว่าบทบาทของคอร์ติซอลมันก็จะเด่นกว่า
01:11:12 → 01:11:15 นะพวกเนี้ยตอนเนี้ยคีโตนก็จะดรอปหายไป
01:11:15 → 01:11:19 ช่วงนึงนะฮะเนี่ยแล้วหลังจากนั้นเนี่ยพอ
01:11:19 → 01:11:24 คอร์ติซอลเข้าไปนะอ่าแล้วเราก็อ่ายัง Dr
01:11:24 → 01:11:27 ฟาหรือเรายังฟาต่อไปอะไรอย่างเงี้ยนะฮะนะ
01:11:27 → 01:11:31 เนี่ยอันนี้นะฮอร์โมนลูกเทพก็มาอแต่ไม่
01:11:32 → 01:11:34 ได้มาเยอะแยะอะไรต่างๆนะก็ทำให้เรา
01:11:34 → 01:11:38 คีโตสิสต่อไปนะแล้วหลังจากนั้นเรามาเติม
01:11:38 → 01:11:42 เบรคฟาสในมื้อแรกด้วยสารอาหารอะไรต่างๆนะ
01:11:42 → 01:11:46 อลังการงานสร้างนะทั้งโปรตีนทั้งไขมันจาก
01:11:46 → 01:11:51 น้ำมันสกัดเย็นอ่าแล้วก็น้ำซุปต้มกระดูนะ
01:11:51 → 01:11:54 พืชผักใบผักหัวน้ำสัอะไรอย่างเงี้ยนะฮะ
01:11:54 → 01:11:59 เนี่ยโอเคอันนี้แหละนะถ้าอย่างนี้เนี่ย
01:11:59 → 01:12:02 มันก็เป็นการเกิดคลีนคีโตนนะแล้วก็ร่าง
01:12:02 → 01:12:06 กายเนี่ยนะได้ทั้งพลังงานและได้สสารอาหาร
01:12:06 → 01:12:09 นะที่จะไม่ไปเกิดเรื่องเกิดราวแล้วก็มี
01:12:09 → 01:12:13 การขึ้นลงวูบวาบนะของคีโตนและอินซูลิน
01:12:13 → 01:12:18 อย่างถูกต้องตามฟิสิโอโลจีนะฮะครับผมแต่
01:12:18 → 01:12:21 สิ่งเหล่านี้เนี่ยเราต้องมีความรู้เรา
01:12:21 → 01:12:25 ต้องเรียงลำดับและเราต้องจินตนาการ
01:12:25 → 01:12:30 ว่าความเป็นไปความเป็นมาเป็นไปเนี่ยนะของ
01:12:30 → 01:12:33 ระบบชีววิทยาของร่างกายเนี่ยก็เป็นอย่าง
01:12:33 → 01:12:37 นี้นะฮะนะเราก็จะต้องทำอะไรต่างๆในการส่ง
01:12:37 → 01:12:42 เสริมนะหรือในการอ่าจัดหาอ่าสิ่งต่างๆ
01:12:42 → 01:12:45 เนี่ยที่จะใส่เข้าร่างอะไรต่างๆให้มันถูก
01:12:45 → 01:12:49 ต้องเหมาะสมนะฮะนะอันนี้คือคือเรียกว่า
01:12:49 → 01:12:52 ต้องมีความเข้าใจนนะฮะนะซึ่งถ้าเกิดเข้า
01:12:52 → 01:12:56 ใจได้เช่นนี้แล้วเนี่ยนะกระบวนการคีโตซิส
01:12:56 → 01:13:01 ต่างๆเหล่านี้ก็จะนำไปสู่ในเรื่องของนะเ
01:13:01 → 01:13:04 เรียก Healthy Performance นะฮะครับผมก็
01:13:04 → 01:13:08 คือช่วงแรกๆเนี่ยนะฮะมันก็อาจจะมีแหละนะ
01:13:08 → 01:13:11 นิดๆหน่อยๆละที่ค่า gki นะฮะที่เราวัด
01:13:11 → 01:13:16 เรื่องของอ่าดัชนีของเคีน index เนี่ยนะ
01:13:16 → 01:13:21 เ่อมันอาจจะมา 1-3 ได้นะนะอาจจะเป็นช่วง
01:13:21 → 01:13:26 สั้นสั้นๆน่ะนะฮหลังจากนั้นนะมันเข้าสู่
01:13:26 → 01:13:29 ระยะ Healthy ketosis น่ะนะมันก็อาจจะไป
01:13:29 → 01:13:33 ระดับกลางๆอ่า 3-6 นะหรือไประดับนะอ่อนๆ
01:13:33 → 01:13:37 น่ะนะก็คือ 6-9 นะ
01:13:37 → 01:13:41 นะคือยังไม่หลุด 9 ถ้าหลุด 9 เนี่ยมันก็
01:13:41 → 01:13:44 ไม่คีโตสิสแล้วนะฮะนะมันไม่คีโตสิส
01:13:44 → 01:13:48 แล้วอันนี้ก็เื่อมาณนี้ก็คุยๆกันไปเรียบ
01:13:48 → 01:13:52 ร้อยแล้วนะเพราะฉะนั้นเหมือนว่าการกินใน 1
01:13:52 → 01:13:55 วันนะแล้วกินกินมื้อแรกหลังการเบรคฟา
01:13:55 → 01:13:58 เนี่ยกินยังไงกินมื้อเย็นกินยังไงจุด
01:13:58 → 01:14:02 ประสงค์เพราะอะไรนะฮะนะจะเติมพลังงานจะ
01:14:02 → 01:14:08 เติมสารอาหารจะอุดรูรั่วนะจะให้คีโตซีสนะ
01:14:08 → 01:14:11 เอาคีโตนแบบไหนออกมานะฮะเพราะฉะนั้นเนี่ย
01:14:11 → 01:14:14 รายละเอียดต่างๆเหล่านี้ต้องเป็นนะฮะเป็น
01:14:14 → 01:14:19 นะเพราะถ้าไม่เป็นเนี่ยนะการตีกับนะของ
01:14:19 → 01:14:24 คีโตนที่ไม่ดีอะไรต่างๆนะเราก็จะป่วยนะฮะ
01:14:24 → 01:14:29 เราก็จะป่วยครับผม
01:14:29 → 01:14:34 เอออ่าทีนี้
01:14:34 → 01:14:38 ก็พอรู้แล้วเนาะ
01:14:38 → 01:14:42 นะการเติมน้ำมันสกัดเย็นในมื้อแรกเนี่ยนะ
01:14:42 → 01:14:46 ฮะนะอันนี้ขอพูดตรงนี้นิดนึงนะคือทำไม
01:14:47 → 01:14:50 ต้องเป็นน้ำมันพืชสกัดเย็นนะครับเพราะว่า
01:14:50 → 01:14:55 1 นะเมื่อวานนี้บอกไปแล้วอ่ะว่าตัวไขมัน
01:14:55 → 01:14:57 ของน้ำมันพืชสกัดเย็นเนี่ยมันมีความ
01:14:57 → 01:15:00 บริสุทธิ์สูงนะฮะมันมีความสามารถที่จะ
01:15:00 → 01:15:06 เป็นพลังงานนะได้ค่อนข้างมากมากกว่ามาก
01:15:06 → 01:15:10 กว่าน้ำมันที่สกัดมาจากพวกสัตว์นะครับผม
01:15:11 → 01:15:13 ทีนี้น้ำมันพืชมันก็ยังมีอะไรมีวิตามิน
01:15:13 → 01:15:16 แร่ธาตุมีเอนไซม์มีสารพฤกษาเคมีเนี่ยซึ่ง
01:15:16 → 01:15:18 อย่างสารพฤกษาเคมีสัยาพวกเนี้ยสัตว์มันก็
01:15:18 → 01:15:19 ไม่มีอ่ะ
01:15:19 → 01:15:24 นะแล้วการกินเนี่ยเ่าปริมาณสัดส่วนเนี่ย
01:15:24 → 01:15:27 ต้องต้องดีต้องเป๊ะนะแล้วก็ปรุงกินเป็น
01:15:27 → 01:15:32 อาหารไม่ใช่กอกไม่ใช่กอกนะฮะเพราะว่านะ
01:15:32 → 01:15:35 ไอ้ตัวน้ำมันพืชอากาดเย็นพวกนี้เนี่ย
01:15:35 → 01:15:39 อินซูลิน index นะหรือีดความสามารถในการ
01:15:39 → 01:15:42 กระตุ้นอินซูลินมันจะต่ำมากๆมากๆโดยเฉพาะ
01:15:42 → 01:15:46 ในการจับจัดสูตรเป็นอิ่มเดี่ยวซ้อนนะฮะ 30
01:15:46 → 01:15:51 50 20 นะแล้วปรุงมาในรูปของน้ำสลัดที่
01:15:51 → 01:15:54 มันมีทั้งเกลือมีทั้งอ่าน้ำส้มใายชูมี
01:15:54 → 01:15:59 จุลินทรีย์มีอะไรต่างๆอ่ะมีมีไข่แดงมีมี
01:15:59 → 01:16:03 สิ่งที่ทำมาเป็นน้ำสลัดเนี่ยพวกนี้เนี่ย
01:16:03 → 01:16:08 มันก็จะเป็นตัวนะอ่าสารอาหารประเภทไขมัน
01:16:08 → 01:16:13 ที่มีค่าอินซูลินอดกต่ำนะฮะพอกินเข้าไป
01:16:13 → 01:16:16 แล้วเนี่ยมันก็ไม่ชูตอินซูลินเมื่อมันไม่
01:16:16 → 01:16:19 ชูตอินซูลินเนี่ยมันก็จะเข้าไปในช่องทาง
01:16:19 → 01:16:24 น้ำเหลืองนะแล้วมันก็สามารถไปพุ่งอเ่อการ
01:16:24 → 01:16:29 เกิดคีโตนน่ะนะหรือการเกิดตัวพลังงานที่จ
01:16:29 → 01:16:33 ปาตี้อาซิหรือกดไขมันอิสระเนี่ยนะได้มาก
01:16:33 → 01:16:36 นะฮะอันเนี้ยสำคัญที่สุดนะฮะเพราะว่าการ
01:16:36 → 01:16:41 พุ่งคีโตนเนี่ยนะในมื้อแรกแบบนี้เนี่ยนะ
01:16:41 → 01:16:45 ฮะก็จะทำให้วันทั้งวันต่างๆเหเนี้ยนะร่าง
01:16:45 → 01:16:50 กายมันจะค่อนข้างมีพลังงานอ่าชัวร์ๆนะให้
01:16:50 → 01:16:53 เราได้ใช้ให้เราได้ดำเนินกิจกรรมนะให้เรา
01:16:53 → 01:16:58 ได้ทำโน่นทำนี่นะนะคือร่างข้างล่างเรา
01:16:58 → 01:17:00 เนี่ยนะก็จะ
01:17:00 → 01:17:04 เอ่อไม่มีความขาดตกบกพร่องนะฮะในเรื่อง
01:17:04 → 01:17:07 ของโดยเฉพาะของการใช้พลังงานนะโครงสร้าง
01:17:07 → 01:17:11 สำคัญเลยคือสมองกล้ามเนื้อนะตับอะไรต่างๆ
01:17:11 → 01:17:15 พวกนี้เนี่ยนะรวมทั้งไตด้วยนะฮะหัวใจนะ
01:17:15 → 01:17:19 พวกนี้มันก็จะทำงานได้เป็นอย่างดีนะอนี่
01:17:19 → 01:17:24 ความนะฮะนะที่จะต้องกินอ่าเป็นไขมันดีจาก
01:17:24 → 01:17:27 พืชไขมันดีจากพืชในรูปแบบของน้ำมันสกัด
01:17:27 → 01:17:29 เย็นนะ
01:17:29 → 01:17:35 ฮะทีนี้พอเราคีโตนดง adap ต่างๆไปแล้ว
01:17:35 → 01:17:37 เรียบร้อยแล้วเนี่ยนะฮะ
01:17:37 → 01:17:42 นะในระยะยาวๆยาวๆยาวๆเนี่ยนะฮะมันก็จะ
01:17:42 → 01:17:47 ต้องมีอ่าองค์ความรู้นะเสริมต่อไปว่าเรา
01:17:47 → 01:17:51 จะทำไปนานขนาดไหนนะฮะนะอันนี้ก็ตรงเนี้ย
01:17:51 → 01:17:54 ขอพูดซะเลยว่านะนานขนาดไหนเนี่ยอันดับแรก
01:17:54 → 01:17:57 ในขั้นแรกเลยเนี่ยคุณก็จะต้องทำนานจน
01:17:57 → 01:18:01 กระทั่งหายป่วยให้ได้ก่อนนะอันเนี้ยคือ
01:18:01 → 01:18:05 จุดประสงค์ล่ะนะฮะ 1 ป่วยเป็นไรอหายป่วย
01:18:05 → 01:18:08 หายดีแล้วนะ Healthy Performance สุขภาพ
01:18:08 → 01:18:12 ดีแล้วนะฮะนะหน้าเด็กลงร่างกายแข็งแรง
01:18:12 → 01:18:16 ขึ้นนะฮะนะหลังจากนั้นเนี่ยนะฮะนะหลังจาก
01:18:16 → 01:18:21 นั้นเนี่ยค่าไอ้ค่าค่า foll อะไรต่างๆนะ
01:18:21 → 01:18:24 ดีหมดนะฮะ
01:18:24 → 01:18:28 ครับผมแล้วก็ถ่านในเรื่องของอ่าสัญญาณ
01:18:28 → 01:18:31 ต่างๆอ่ะโดยเฉพาะเรื่องความไม่หิวไม่ง่วง
01:18:31 → 01:18:35 นะหิวจะกินได้ง่วงจะนอนได้ไม่แพ้ไม่ปวดนะ
01:18:35 → 01:18:40 ฮะนะค่าแลบต่างๆอยู่ในเกณฑ์ดีนะและเกิด
01:18:40 → 01:18:43 การย้อนไวหรือเกิดการชะลอไวสร้างเซลล์
01:18:43 → 01:18:48 ใหม่อะไรต่างๆไม่แก่อะไรงี้นะฮะนะแต่
01:18:48 → 01:18:51 นะสุดท้ายเลยคือภาวะ metabolic
01:18:51 → 01:18:55 flexibility นะฮะนะคือนะอย่างไรเสีย
01:18:55 → 01:18:58 เนี่ยต้องรู้ว่าในที่สุดแล้วร่างกายคนเรา
01:18:58 → 01:19:01 อ่ะมนุษย์วิวัฒนาการมาเนี่ยต้องกินทั้ง
01:19:01 → 01:19:05 พืชทั้งสัตว์นะแต่ประเด็นในสครับผมเราไม่
01:19:05 → 01:19:08 ได้กินเป็นหลักนะเหมือนการกินแปรรูปใน
01:19:08 → 01:19:11 ปัจจุบันเหล่านี้นะมันเน้นพืชมากกว่า
01:19:11 → 01:19:15 สัตว์นะหลักการของวิวัฒนาการของมนุษย์
01:19:15 → 01:19:17 เนี่ยเรากินพืชไม่ได้เยอะแต่ก็ต้องกินนะ
01:19:17 → 01:19:21 ฮะนะแล้วขณะเดียวกันเมื่อเข้าสู่ภาวะ
01:19:21 → 01:19:25 เรื่องของคีนะ Fat adap คีโต adap นะ
01:19:25 → 01:19:28 ครับได้คีนคีตคีโตนแล้วเนี่ยเราก็จะต้อง
01:19:28 → 01:19:31 มาสุดท้ายกันในเรื่องการยืดหยุ่นนะฮะการ
01:19:31 → 01:19:34 ยืดหยุ่นทางด้านพลังงานพวกนี้นะหรือ
01:19:34 → 01:19:36 metalic effectivity เนี่ยมีความสำคัญ
01:19:36 → 01:19:40 นะฮะนะเพื่อที่จะทำให้เราเนี่ยสามารถกลับ
01:19:40 → 01:19:45 มาใช้าฟได้ในระดับนึงนะฮะที่จะทำให้ร่าง
01:19:45 → 01:19:50 กายเราเนี่ยอยู่ได้ไปในระยะยาวนานนะระยะ
01:19:50 → 01:19:54 ยาวๆเลยนะฮะนะซึ่งวิธีการพวกเนี้ยเรา
01:19:54 → 01:19:59 เรียกว่าการทำ C sting นะฮะนะเราทำ sting
01:19:59 → 01:20:03 การมีวัน Cheat Day นะที่จะเปลี่ยนนะฮะ
01:20:03 → 01:20:07 แนวแนวทางในการกินแบบที่ที่เราอยู่ใน
01:20:07 → 01:20:11 โภชนาการครับต่ำแล้วก็เกิดคีโตสิสเนี่ยนะ
01:20:11 → 01:20:15 ฮะให้มาเป็นเรื่องของการใช้าฟเป็นพลังงาน
01:20:15 → 01:20:19 นะนะเป็นหลักนะลัก 1 หรือ 2 วันไม่ได้
01:20:19 → 01:20:22 เป็นหลัก 45 วันอะไรอย่างงั้นไม่ใช่นะ
01:20:22 → 01:20:25 ครับนะเพราะธรรมชาติของส่วนในการใช้พลัง
01:20:25 → 01:20:30 งานเนี่ยยังไงแฟตต้องมากกว่าคฟนะเยอะนะ
01:20:30 → 01:20:33 บางคนก็สามารถทำ She Day ได้แค่วันเดียว
01:20:33 → 01:20:37 นะดีที่สุดก็ไม่เกิน 2 วันนะเกินกว่า 2
01:20:37 → 01:20:41 อันเนี่ยไม่ไม่ใช่ะนะพวกนี้ครับผมทีนี้
01:20:41 → 01:20:44 เหตุผลอย่างนึงเนี่ยเพราะอะไรเพราะอะไรนะ
01:20:44 → 01:20:49 ฮะนะเหตุผลที่สำคัญอย่างนึงเนี่ยนะฮะเอ่อ
01:20:49 → 01:20:53 ก็คือเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคีโตซิสไปนานๆ
01:20:53 → 01:20:56 นะฮคุณ Fat adap คีต adap ไปอ่ะมันมันดี
01:20:56 → 01:21:01 จริงนะฮะแต่ร่างกายเนี่ยจะเกิดความแปรปวน
01:21:01 → 01:21:05 ของฮอร์โมนนะฮอร์โมนในฝั่งสลายเผาผลาญ
01:21:05 → 01:21:09 พลังงานนะอันเนี้ยนะมันจะมีฮอร์โมนที่มัน
01:21:10 → 01:21:14 จะเกิดความผิดปกติจากสิ่งนี้นะฮะนะอย่าง
01:21:14 → 01:21:18 ตัวอย่างเคสเมื่อวานนี้เนี่ยนะก็เขาก็
01:21:18 → 01:21:21 เกิดนะฮอร์โมนผิดปกติ 2 อย่างนี้แหละพอ
01:21:21 → 01:21:24 คุณหมอกลับไปรีวิวแล้วฮอร์โมน 2 ตัวนี้ก็
01:21:24 → 01:21:27 คือไทรอยด์กับเลปตินนะ
01:21:27 → 01:21:33 ฮะเพราะเวลาที่คุณคีโตสิสไปนานๆเนี่ยนะนะ
01:21:33 → 01:21:37 คุณก็ไม่ได้ใช้อะไรไม่ได้ใช้อินซูลินนะฮะ
01:21:37 → 01:21:42 อินซูลินเคก็ไปพักยาวเลยนะนะพักยาวจนบาง
01:21:42 → 01:21:47 ทีถ้าเกิดเกลับมาก็อาจจะเกิดภาวะหลุดน่ะ
01:21:47 → 01:21:53 ก็คือคือก็คือเป็นคอทนเนี่ยเป็นอินซูลิน H
01:21:53 → 01:21:56 sensitivity แต่มันยังมีอีก 2 ฮอร์โมน
01:21:56 → 01:21:59 ที่มีความสำคัญเลยคือไทรรอยด์กับเลปติน
01:21:59 → 01:22:01 ไทรรอยด์เนี่ยมันเป็นฮอร์โมนในการเผาผลาญ
01:22:01 → 01:22:05 พลังงานแต่เวลาเราเกิดคีโตนเนี่ยนะนะจะ
01:22:05 → 01:22:09 เป็นเตี้คีโตนหรือเป็นคีนคีโตนก็ตามคีโตน
01:22:09 → 01:22:12 เนี่ยมันก็คือพลังงานนั่นแหละนะฮะนะคือ
01:22:12 → 01:22:16 พลังงานเนี่ยเราเป็นพลังงานที่ที่ร่างกาย
01:22:16 → 01:22:18 ไม่ต้องไปใช้โน่นใช้นี่อะไรมากมายเนี่ยนะ
01:22:18 → 01:22:21 ฮะนะเเป็นพลังงานแบบเบ็ดเสร็จเลยแล้วก็
01:22:21 → 01:22:23 สั่งการด้วยตัวเเองด้วย
01:22:23 → 01:22:26 คือปกติอ่ะร่างกายเราที่ไม่ได้เข้า
01:22:26 → 01:22:28 คีโตสิสเนี่ยเราก็จะต้องใช้เรื่อง
01:22:28 → 01:22:31 ไทรรอยด์เมาเป็นตัวเผาผ่านี้เวลาเราเข้า
01:22:31 → 01:22:34 คีโตสิสนานๆเนี่ยไทรรอยด์ก็ไม่ถูกใช้ทำ
01:22:34 → 01:22:37 งานเไม่ถูกเรียกออกมาทำงานเนี่ยเอแล้ว
01:22:37 → 01:22:40 ไทรรอยด์เนี่ยมันเป็นฮอร์โมนขี้น้อยใจสุด
01:22:40 → 01:22:42 ๆนะฮะนะ
01:22:42 → 01:22:47 นะพวกนี้ก็เป็นยังไงอ่ะนะนะพอไม่ใช้เค้าเ
01:22:47 → 01:22:52 ก็เดี้ยงอ่ะฮะนะงอนงอนไม่ยอมมาเออเออจะ
01:22:52 → 01:22:56 เกิดความผิดปกติขึ้นมานะเนี่ยคือไทรรอยด์
01:22:56 → 01:23:00 เนี่ยมันไม่ทำงานมันไม่ทำงานน่ะมันมันมัน
01:23:00 → 01:23:04 ฟังก์ชันไปเลยมันเพี้ยนไปเลยนะฮะครับผมก็
01:23:04 → 01:23:07 กูไม่กลับด้วยนะฮะอันที่ 2 ก็คือเลปตินนะ
01:23:07 → 01:23:11 ฮะเลปตินเลปตินเนี่ยมันเป็นฮอร์โมนที่
01:23:11 → 01:23:15 เกิดจากเซลล์ไขมันของเราเนี่ยนะฮะสร้าง
01:23:15 → 01:23:19 ออกมาเมื่อเซลล์ไขมันมีการรับพลังงานส่วน
01:23:19 → 01:23:22 เกินในรูปของไขมันไตคิซไปสะสมนะฮะเซลล์
01:23:23 → 01:23:26 ตัวนี้เค้าก็พยายามปล่อยนะเลปตินออกมาให้
01:23:26 → 01:23:30 เรารู้ว่าเอ้อหยุดกินได้แล้วนะฮะนะพลัง
01:23:30 → 01:23:34 งานเกินแล้วตอนนี้พลังงานมาสะสมเยอะแล้ว
01:23:34 → 01:23:35 นะ
01:23:35 → 01:23:41 เนี่ยแต่ถ้าเราเผาๆๆๆเผานะฮะนะเราไม่สะสม
01:23:41 → 01:23:46 พลังงานนะเพราะว่า Fat adap นะคีซีนะคีน
01:23:46 → 01:23:49 adap เนี่ยมันเผาอย่างเดียวไงนะมันเผา
01:23:49 → 01:23:53 อย่างเดียวแล้วเผาเก่งมากเลยก็คือเวลาตับ
01:23:53 → 01:23:59 เนี่ยเาสามารถที่จะคีโตสิสได้นะแล้วก็
01:23:59 → 01:24:02 เวลาตับเนี่ยมันมันมันอะไรอ่ะมัน
01:24:02 → 01:24:05 ไมโตคอนเดรียมันเผาจนกระทั่งเกิดคีโตน
01:24:05 → 01:24:06 ขึ้นมาได้แล้วเกิด signaling โมเลกุล
01:24:06 → 01:24:11 เนี่ยเ้ายิ่งได้ใจตับมันจะเผาสนั่นหวั่น
01:24:11 → 01:24:15 ไหวเลยครับผมเนี่ยจนกระทั่งเนี่ยเผาไปซะ
01:24:16 → 01:24:20 จนแบบไอ้เซลล์ไขมันต่างๆเนี่ยนะเอ่อก็ไม่
01:24:20 → 01:24:24 สามารถจะสร้างเลปตินมาได้นะนะคือมันเหนือ
01:24:24 → 01:24:27 ความอิ่มอ่ะนะฮะเลปตินเนี่มันทำให้รู้สึก
01:24:27 → 01:24:31 อิ่มแต่เมื่อกี้บอกแล้วไงว่าถ้ามันเป็น
01:24:31 → 01:24:35 คีนคีโตนมันไม่หิวเอ่าเตี้คีโตนคคีโตนมัน
01:24:35 → 01:24:38 ไม่หิวอ่ะมันไม่หิวมันไม่หิวนี่มันเหนือ
01:24:38 → 01:24:41 ความอิ่มขึ้นไปอีกนะนะเพราะฉะนั้นเลปติน
01:24:41 → 01:24:44 ก็เดี้ยงเหมือนกันน่ะไทรอยด์เดี้ยงเลปติน
01:24:44 → 01:24:48 เดี้ยงนะฮะเนี่ยฮอร์โมน 2 ตัวนี้เนี่ยนะ
01:24:48 → 01:24:52 ถ้านานๆเข้าไปแล้วเนี่ยนะะนะก็จะเกิดภาวะ
01:24:52 → 01:24:56 ดื้อเลปตินนะดื้อเลปตินแล้วก็ไทรรอย
01:24:56 → 01:25:01 ฟังก์ชันนะฮะนะในกรณีที่เราเนี่ย
01:25:01 → 01:25:06 คีโตซีสนานเกินไปนานเกินไปเนี่ยจึงต้องมี
01:25:06 → 01:25:09 วิธีการแก้โดยการทำใ King cf หรือ
01:25:09 → 01:25:14 cheating Day นะที่จะต้องอครับผมใส่คาฟ
01:25:14 → 01:25:18 เข้าไปพอคาฟเข้าไปปุ๊บอินซูลินมาอ่า
01:25:18 → 01:25:21 อินซูลินมาอินซูลินก็จะทำให้เกิดความหิว
01:25:21 → 01:25:25 อ่าพอหิวก็กินนนะโดยเฉพาะกินแป้งกินคราฟ
01:25:25 → 01:25:31 นะพอกินของพวกนี้เข้าไปนะอ่าไทรอยเจะตาม
01:25:31 → 01:25:35 อินซูลินมาอ้ามีอันนี้มาแล้วเก็เผาเขาก็
01:25:35 → 01:25:38 จะกลับมาทำงานได้นะเพราะไทรรอยเทำงานใน
01:25:38 → 01:25:42 การเผาพลังงานนะฮะแต่ส่วนใหญ่เเผในรูปแบบ
01:25:42 → 01:25:44 ของไตกี
01:25:44 → 01:25:49 สลดแล้วพอกินเข้าไปเนี่ยนะฮะกินเข้าไปนะ
01:25:49 → 01:25:52 เอ่อก็จะเกิดอะไรเกิดพลังงานไปสะสมที่
01:25:52 → 01:25:56 เซลล์ไขมันนะเซลล์ไขมันก็จะสร้างเลปติน
01:25:56 → 01:26:00 ออกมานะก็คือมันจะเป็นกลายเป็นอ่อ
01:26:00 → 01:26:04 ชีววิทยาหรือซิลีอ่ะที่จะกระตุ้นให้เขาค
01:26:04 → 01:26:08 กลับมาทำงานนะอีกครั้งหนึงนะฮะแล้วใครที่
01:26:08 → 01:26:13 น้ำหนักค้างอยู่นะฮะน้ำหนักค้างอยู่ใช่ม
01:26:13 → 01:26:17 นะเนี่ยพอไอ้ตัวไทรรอยด์กับเลปตินกลับมา
01:26:17 → 01:26:23 ทำงานเนี่ยนะก็จะเปิดวงจรการลลดลงของน้ำ
01:26:23 → 01:26:27 หนักในรอบใหม่ต่อไปนะฮะหลังจากที่มัน
01:26:27 → 01:26:31 ชาชินกับภาวะอ่ากีต adap Fat adapt
01:26:31 → 01:26:35 ketosis มานานเกินไปนะเพราะฉะนั้นวิธี
01:26:35 → 01:26:40 การ heating Day cing C นะเก็จะมี
01:26:40 → 01:26:45 ประโยชน์นะที่จะกระตุ้นไทรรอยด์กับเลปติน
01:26:45 → 01:26:49 นะให้ฟื้นนะรวมทั้งอินซูลินด้วยนะแต่
01:26:49 → 01:26:53 อินซูลินนี่เคก็ไวมากแล้วล่ะนะเก็ไม่ได้
01:26:53 → 01:26:56 จะเสียหายอะไรมากเท่ากับไทรรอยด์กับเลปิน
01:26:56 → 01:27:01 นะฮะอราฉนั้นเเลยเป็นที่มาของบทสรุปท้าย
01:27:01 → 01:27:05 สุดเลยเนี่ยว่านะก็ต้องมีการ metabolic
01:27:05 → 01:27:09 flexibility นะความยืดหยุ่นต่างๆนะใน
01:27:09 → 01:27:13 เรื่องของพลังงานเนี่ยมีความสำคัญสูงสุด
01:27:13 → 01:27:17 นะและเป็นการ terminate นะนะเป็นกระบวน
01:27:17 → 01:27:22 การต่างๆท้ายสุดเลยนะของสิ่งที่ควรจะเกิด
01:27:22 → 01:27:26 เกิดขึ้นกับร่างกายที่แข็งแรงนะฮะนะก็คือ
01:27:26 → 01:27:28 ต้องมีเรื่องของความยืดหยุ่นในการใช้พลัง
01:27:28 → 01:27:33 งานทั้งคาฟและทั้งแฟชนะ
01:27:33 → 01:27:38 ฮะก็เป็นอย่างนี้นะก็จบะ
01:27:38 → 01:27:41 จบ
01:27:41 → 01:27:46 ครับเราก็ใช้เวลาไม่มากมั้งนะไม่มากครับ
01:27:46 → 01:27:49 เพะฉะนั้นชั่วโมงครึ่งให้มากสวยๆครับตอบ
01:27:49 → 01:27:53 คำถามได้อย่างกี่ตัว adap f adap แตก
01:27:53 → 01:27:58 ต่างกันยังไงนะการสร้างการใช้งานผลลัพธ์
01:27:58 → 01:27:59 ที่จะได้ตาม
01:27:59 → 01:28:04 มามันคือมันต้องตอบเป็นอะไรที่ยาวๆน่ะนะ
01:28:04 → 01:28:07 สุทัศน์ค่อนข้างลึกลึกลึกกว่าที่ผมคิด
01:28:07 → 01:28:13 เยอะมากมันลึกนะแต่ก็จะไปทำเป็นตารางไปทำ
01:28:13 → 01:28:19 เป็นตารางนะเออก็จะดีนะแต่หมอไม่มีเวลาอ
01:28:19 → 01:28:24 โอ้แต่มีอะไรรายละเอียดลึกแล้วก็เยอะครับ
01:28:24 → 01:28:27 ผมรายละเอียดมันยากเกินไปมั้ยล่ะมันยากไป
01:28:27 → 01:28:31 มั้ยมันมันมันไม่ยากหรอกครับพี่หมอยากเออ
01:28:31 → 01:28:34 มันลึกแล้วมันเหมือนเป็นเรื่องเล่าความ
01:28:34 → 01:28:36 ยากคือมันมันไม่มีใครเล่าแบบนี้ให้ฟังมาก
01:28:36 → 01:28:39 กว่าพี่หมอใช่ใช่เพราะว่าเราก็เข้าใจแต่
01:28:39 → 01:28:43 เพว่าเอ้ยพอมีคีโตนมันก็ดีอะไรอย่างเงี้ย
01:28:43 → 01:28:47 แต่เราไม่รู้ว่ามันมีดีดีกับไม่ดีเลยใน
01:28:47 → 01:28:50 เออใช่แล้วเราจะสร้างคีโตนยังไงสร้างจาก
01:28:50 → 01:28:55 อะไรแล้วก็สร้างจากอดๆๆๆๆนี่แหละทีนี้พอ
01:28:55 → 01:28:57 พอมันไม่หิวแล้วก็ไม่กินก็กลายเป็นว่าเรา
01:28:58 → 01:29:03 ไปไปโดนเรื่องของขาสารอาหารอีกใช่ๆเออ
01:29:03 → 01:29:06 ยิ่งยิ่งมาจับเรื่องกายหยาบกายละเอียดจะ
01:29:06 → 01:29:08 เข้าใจง่ายขึ้นเลยครับผมคือคือมาใช้คำว่า
01:29:08 → 01:29:12 อะไรนะหิวกินอิ่มหยุดกับทุกทุกบริบทมันก็
01:29:12 → 01:29:17 ไม่ได้เหมือนกันใช่ๆมันต้องรู้รู้หลักการ
01:29:17 → 01:29:20 อันนั้นน่ะสามารถใช้ได้ในช่วง 2 ปีที่
01:29:20 → 01:29:25 แล้วที่เรากกระะเรายังเริ่มแต่เมื่อวัน
01:29:25 → 01:29:30 เวลาผ่านไปข้อมูลองค์ความรู้นะเอเอความ
01:29:30 → 01:29:33 เข้าอกเข้าใจประสบการณ์อะไรต่างๆรวมทั้ง
01:29:33 → 01:29:38 ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ต้องมีการขยายความและ
01:29:38 → 01:29:42 มีการมองหานะทิศทางที่จะช่วยเหลือหรือ
01:29:43 → 01:29:48 ช่วยปรับปรุงแก้ไขครับเนี่ยอย่างคำคำว่า
01:29:48 → 01:29:52 ใช้ไขมันเป็นพลังงานกับใช้คียคีโตนเป็น
01:29:52 → 01:29:57 พลังงานหรือจะลึกลงไปอีกก็คือใช้คลีน
01:29:57 → 01:30:00 คีโตนเป็นพลังงานเนี่ยอันเนี้ยสัญญาณมัน
01:30:00 → 01:30:01 ก็ยัง
01:30:01 → 01:30:05 ต่างนะตรงเนี้ยไม่มีใครรู้เรื่องนักหรอก
01:30:05 → 01:30:10 นะเราก็ไม่เข้าใจอ่ะนะแต่มันก็มีมีข้อแตก
01:30:10 → 01:30:12 ต่างอะไรกันอย่างเงี้ย
01:30:12 → 01:30:15 นะคือมันเป็นเหมือนเรื่องกระจุ๊กกระจิ๊ก
01:30:15 → 01:30:19 อ่ะนะครับนะแล้วถ้าคนเนี่ยที่เขาไม่ชอบ
01:30:19 → 01:30:24 รายละเอียดเชอบแบบสรุปๆเชอบแบบย่อๆจะไป
01:30:24 → 01:30:27 รู้อะไรมากๆกูต้องรู้ได้เหรออะไรอย่าง
01:30:27 → 01:30:31 เงี้ยเออเขาก็ผ่านนะเเขาก็ผ่าเก็ไม่รู้
01:30:31 → 01:30:34 อะไรอ่ะนะก็ไม่รู้ก็ไม่รู้ต่อไปนะแต่เขา
01:30:34 → 01:30:37 ก็อยู่ได้ฮะนะเพราะเรื่องอาหารการกิน
01:30:37 → 01:30:41 เรื่องจะคีต adap ไม่ adap เรื่องจะชูก้า
01:30:41 → 01:30:44 หรือ Fat เนอรอะไรต่างๆมันเป็นอะไรต่างๆ
01:30:44 → 01:30:47 เนี่ยมันก็เอ่อมันก็ยาว่ะฮะนะที่จะเกิด
01:30:47 → 01:30:50 การเปลี่ยนแปลงนะอืครับผมผมว่ามันเป็น
01:30:50 → 01:30:53 เทคนิคเทคนิคในการให้เราใช้คีโตได้ให้
01:30:54 → 01:30:55 เป็นดีกว่าครับ
01:30:55 → 01:30:56 [เพลง]
01:30:56 → 01:31:00 ผมเราจะทำไปได้ถึงขั้นไหนล่ะนะนั่นแหละ
01:31:00 → 01:31:02 ครับ
01:31:02 → 01:31:05 ใช่ว่าในที่สุดแล้วมันก็ต้องมาสู่เรื่อง
01:31:05 → 01:31:08 ของ metabolic flexibility อะไรงี้ที่
01:31:08 → 01:31:13 ว่าอืก็คือต้องไปกินข้าวแบบเยอะๆบ้างสัก
01:31:13 → 01:31:16 วันนึงอะไรอย่างงี้ใช่มครับได้แล้วแต่
01:31:16 → 01:31:20 พื้นฐานว่าแล้วตอนนี้เนี่ยเ่อสภาวะ
01:31:20 → 01:31:23 เมตาบอลิกนะหรือหรือเค้าเรียกว่าใน
01:31:23 → 01:31:25 ปัจจุบันก็มีศัพท์ขึ้นมาอีกคำนึงว่า
01:31:25 → 01:31:29 optimal Health ของคุณน่ะอยู่ขั้นไหน
01:31:29 → 01:31:33 อ่ะครับอ optimal Health เนี่ยนะฮะนะคือ
01:31:33 → 01:31:37 มันคือขั้นสูงสุดอ่ะของสุขภาพนะฮะ
01:31:37 → 01:31:42 นะคุณเป็น sub optimal Health นะฮะหรือ
01:31:42 → 01:31:49 หรือ unhealthy นะเอ่อเป็นขั้นไหนอ่ะ
01:31:50 → 01:31:53 นะอย่างอัน unhealthy อยู่เงี้ยนะฮะก็ยัง
01:31:53 → 01:31:56 ือินซีอยู่ยังมีปัญหาโรคไภยไข้เจ็บอะไร
01:31:56 → 01:31:59 อยู่นะฮะสับ optimal Health sub
01:31:59 → 01:32:03 optimal Health ก็คือก็คือ
01:32:03 → 01:32:06 อ่ายังไม่มีตัวโลคที่โผล่หัวโผล่หางอะไร
01:32:06 → 01:32:10 มานะแต่ก็ไม่ optimum ไม่ optimal นะฮะ
01:32:11 → 01:32:13 optimal เนี่ยแปลว่าร่างกายแข็งแรงนะ
01:32:13 → 01:32:17 สุขภาพดีนะฮะตรวจผแอบอะไรต่างๆก็เจ๋งหมด
01:32:17 → 01:32:20 นะฮะนะ
01:32:20 → 01:32:24 ครับ
01:32:24 → 01:32:28 อย่างวันเนี้มีการแชร์ในเรื่องของอ่าอะไร
01:32:28 → 01:32:34 อ่าของคนที่ที่เขาใช้ gki อ่ะฮะนะที่ว่าเ
01:32:34 → 01:32:39 มีการโล 5 วันน่ะนะฮะอครับนะซึ่งอันเนี้ย
01:32:39 → 01:32:42 นะอันนี้เขาก็ดูตัวมอนิเตอรในเรื่องของ
01:32:42 → 01:32:46 gki นะเป็นหลักนะฮะแต่จริงๆเราก็อยากได้
01:32:46 → 01:32:49 ข้อมูลว่าเตรวจบอันอื่นหรือเปล่าก็ลองเอา
01:32:49 → 01:32:54 มาดูนะฮะว่าเวเวลาที่มันอโฟแล้วเนี่ยไอ้
01:32:54 → 01:32:57 ค่าน้ำตาลค่าไขมันค่าตับค่าไตค่าการ
01:32:57 → 01:33:02 อักเสบค่าอินซูลินนะหรืออัตราส่วนหรือเลน
01:33:02 → 01:33:05 หรือ non H non อะไรต่างๆมันจะเป็นยัง
01:33:05 → 01:33:12 ไงนะเออมีใครก็ลองไปคุยกับอ่าอะไรอะไร
01:33:12 → 01:33:18 ตาย่าใครเนาะนะลองลองลองคุยกับเดูสินะ
01:33:18 → 01:33:20 หรือว่าติดต่อมาสัมภาษณ์มาคุยกันก็ได้นะ
01:33:20 → 01:33:23 ฮะแต่จริงๆเก็อยู่ในเพจเราน่ะแหละนะฮะนะ
01:33:23 → 01:33:26 หมอก็ว่าคนนี้เนี่ยโอเคอ่ะนะเรู้เรื่อง
01:33:26 → 01:33:31 ลึกนะฮะเคถึงได้ตัวมอนิเตอร์เป็นน่ะนะนะ
01:33:31 → 01:33:34 เหมือนกับคนที่อยู่ในต่างประเทศอ่ะนะฮะเ
01:33:34 → 01:33:38 เค้าก็ทำ่ครับผมจำได้ว่าพี่เค้าเป็นเเป็น
01:33:38 → 01:33:43 คนแรกๆที่สรุปอ่าเรื่องเรื่องของการใช้
01:33:43 → 01:33:46 น้ำตาลของร่างกายอ่ะครับจนอาจารย์ลอยเอา
01:33:46 → 01:33:50 ไปแชร์ในกลุ่มเลยนะอผมผมรู้จักแกจากโพส์
01:33:50 → 01:33:54 นั้นแหละเออเออตอนนั้นตอนนั้นคนที่จะเข้า
01:33:54 → 01:33:58 ใจว่าสร้าง ldl สร้าง hdl มายังไงอย่าง
01:33:58 → 01:34:02 งั้นน่ะตอนนั้นน้อยอยู่อเออก็มีพี่เค้า
01:34:02 → 01:34:06 นี่แหละเอาไปสรุป
01:34:06 → 01:34:14 ครับทีนี้ดอกเอ่ออะไรดอกอะไรอ่ะอะไรเรโช
01:34:14 → 01:34:19 นะเจฟจอบหรืออะไรนะคือเรโชอันนี้เมันเป็น
01:34:19 → 01:34:23 เรโชที่เคเอาเอาเมื่อวานนี้หมอพูดผิดไป
01:34:23 → 01:34:25 นิดนึงว่าไปคูณ 100 ไม่ต้องคูณนะฮะคือเอา
01:34:25 → 01:34:29 ระดับ ting ชูก้าเนี่ยหรือระดับน้ำตาลที่
01:34:29 → 01:34:32 เป็นมิลลิกรัมเเดซิลิตรนะฮะแล้วก็หารด้วย
01:34:32 → 01:34:37 ค่าคีโตนที่เป็นมิลิมเลิตรเลยนะฮะนะถ้า
01:34:37 → 01:34:43 หารแล้วเนี่ยมันเกิน 80 นะเราก็ถือว่าเ่อ
01:34:43 → 01:34:46 อ่าเหมือนกับว่าค่า gki มันเกิน 9 อ่ะ
01:34:47 → 01:34:51 เหมือนว่าว่ามันไม่คีโตสิสนะฮะนะอืครับผม
01:34:51 → 01:34:54 ดีที่สุดคือต่ำกว่า 20 กลางๆก็คือ 40 นะ
01:34:54 → 01:34:56 ฮะ
01:34:56 → 01:35:01 นะแต่ในแง่ของการคำนวณ gki เนี่ยนะฮะนะ
01:35:01 → 01:35:05 อ่าคุณต้องปรับหน่วยปรับหน่วยจากอ่า
01:35:05 → 01:35:07 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์น่ะมิลลิกรัมเ
01:35:07 → 01:35:11 เดซิลิตรของค่าน้ำตาลเนี่ยนะเป็นมิลลิโมล
01:35:11 → 01:35:16 เลิตรก่อนก็คือเอา 18 หานะฮะเพราะว่าค่า
01:35:16 → 01:35:18 คีโตนเนี่ยส่วนใหญ่มันจะเป็นมิลลิโมลเ์
01:35:18 → 01:35:24 ลิตแล้วแล้วก็จับมาหาร
01:35:24 → 01:35:30 กันถ้าเกิน 9 ก็ไม่คีโต 4 ถ้าอก็จะอยู่ใน
01:35:30 → 01:35:33 ระดับที่ต่ำกว่า 3 โดยเฉพาะชัวร์ที่สุด
01:35:33 → 01:35:36 คือต่ำกว่า 1 ต่ำกว่า 1 เนี่ย
01:35:36 → 01:35:41 อ 100% นะฮะก็จะ
01:35:41 → 01:35:44 เกิดนี้อ
01:35:44 → 01:35:47 เนี่ยตัวละครที่สำคัญเนี่ยมันคืออะไรมัน
01:35:47 → 01:35:49 ก็คือเม็ดเลือ
01:35:49 → 01:35:53 ขาวคือการเก็บกินเซลล์ต่างๆอะไรต่างๆเที่
01:35:53 → 01:35:55 เป็นเซลล์เสื่อมเซลล์แปลกปลอมเป็น
01:35:55 → 01:35:59 แอนติบอดี้เป็นสารเ่อโปรตีนอย่างนั้น
01:35:59 → 01:36:02 อย่างนี้หรือว่าเป็นเป็นคล้ายๆกับไอ้ตัว
01:36:02 → 01:36:07 อะไรอ่ะตัวโปรตีนต่างๆที่มาจากี้กัอะไร
01:36:07 → 01:36:11 ต่างๆพวกเนี้นะฮะเนี่ยตัวแมขาวพวกเนี้ยนะ
01:36:11 → 01:36:15 ตัวแมคโครฟาพวกเนี้ยนะมันจะมีประสิทธิภาพ
01:36:15 → 01:36:19 มากนะถ้าเรามีการจัดการให้เกิดปฏิกิริยา
01:36:19 → 01:36:22 ที่เรียก ay
01:36:22 → 01:36:25 ตัวอ Party อ่ะตัว Action คือเม็ดเลือด
01:36:25 → 01:36:27 ขาวเม็ดเลือดขาวอยู่ที่ไหนส่วนใหญ่เม็ด
01:36:27 → 01:36:31 เลือดขาวก็รออยู่ในระบบน้ำหลือนะฮะแล้ว
01:36:31 → 01:36:35 อะไรล่ะที่จะมีผลต่อ aut fy นะฮะก็คือไข
01:36:35 → 01:36:39 มันดีไงฮะไขมันดีนะฮะเพราะว่าช่องทางหลมเ
01:36:39 → 01:36:43 เป็นช่องทางในการรองรับไขมันนะฮะถ้าเป็น
01:36:43 → 01:36:48 ไขมันดีที่เป็นพลังงานจากพืชนะรวมทั้งมี
01:36:48 → 01:36:52 สารดีๆต่างๆนะเ่อรวมเข้าไปอยู่ด้วย
01:36:52 → 01:36:57 วิตามินที่ลาลายในไขมันอ่ามีอะไรอ่ะมีสาร
01:36:57 → 01:37:00 พรึกษาเคมีอะไรต่างๆนะที่จะเป็นตัว
01:37:00 → 01:37:05 ซุเปอร์แอนติออกซินนะนะแล้วก็อาจจะมีพวก
01:37:05 → 01:37:08 ร่ธาตุวิตามินอื่นๆ
01:37:08 → 01:37:09 นะ
01:37:09 → 01:37:13 เนี่ยพวกนี้ก็คือจะครบเครื่องอ่ะนะฮะนะ
01:37:13 → 01:37:17 พลังงานอันเนี้ยนะที่จะไปเป็นไปบูสตัว
01:37:17 → 01:37:20 เม็ดือขาวเนี่ยมันก็จะเป็นพลังงานแบบ
01:37:20 → 01:37:24 เทอร์โบอ่ะนะฮะเพราั้นเมขาก็จะเก่งมากเลย
01:37:24 → 01:37:29 นะมันก็จะสามารถเอ่อเกิดการเขมือบจับกิน
01:37:29 → 01:37:31 หรือเกิดการทำลายหรือมันจะปล่อย
01:37:31 → 01:37:34 แอนติบอดี้อะไรออกมาเนี่ยนะฮะนะทำให้
01:37:34 → 01:37:38 เซลล์ต่างๆเหล่านี้เนี่ยนะฮะนะเกิดการ
01:37:38 → 01:37:42 เปลี่ยนแปลงเ่อครั้งใหญ่นะเนี่ยในขบวนการ
01:37:42 → 01:37:44 ที่เรียก a
01:37:44 → 01:37:49 fing อพี่หมอแล้วแล้วไฮเปอร์จีอ่ะพี่หมอ
01:37:49 → 01:37:52 ไฮเปอร์จีหมายถึง
01:37:52 → 01:37:55 ที่ที่พี่หมอเคยบอกว่าถ้าทำไม่ถูกอ่ะมัน
01:37:55 → 01:37:59 ก็กลายเป็น hyfy ได้อะไรอย่าเงี้ยครับใช่
01:37:59 → 01:38:03 ก็คืออะไรก็คือ Dirty คีนนั่นแหละนะนะก็
01:38:03 → 01:38:07 คือเป็นผลมาจากไอ้ตัวไขมันนะก็คือก็คือ
01:38:07 → 01:38:12 ตัดคาฟอินซูลินต่ำนะฮะนะแต่ได้ไขมันมาแต่
01:38:12 → 01:38:15 เป็นไขมันที่มันไม่ unhealthy Fat นะฮะ
01:38:15 → 01:38:18 unhealthy Fat นะ
01:38:18 → 01:38:21 นะพวกนี้ก็
01:38:21 → 01:38:23 นะในขณะที่
01:38:23 → 01:38:29 เอ่อเกิดออโต fy เนี่ยนะเในอีกทิศทางนึงเ
01:38:29 → 01:38:33 ก็เรียกว่าไฟีเนี่ยก็คือมันอ่าเม็ดเลกขาว
01:38:33 → 01:38:36 พลังงานนะหรือว่าสารแวดล้อมอะไรต่างๆ
01:38:37 → 01:38:40 เนี่ยมันไม่ถูกต้องมันไม่ถูกต้องนะนั้น
01:38:40 → 01:38:45 เม็ดเลขาวก็ไม่ได้ทำงานแบบเก่งเป็นแบบ
01:38:45 → 01:38:50 ระดับพมทหารอะไรอย่าง
01:38:50 → 01:38:53 งั้น
01:38:53 → 01:38:57 อืแต่บางทีมันก็ค่อนข้างยากนะฮะนะเพราะ
01:38:57 → 01:39:01 เวลาที่มันกินไม่ถูกนักเนี่ยนะนะช่องทาง
01:39:01 → 01:39:04 ที่มันจะไปมันจะไปทางน้ำเลือดมากกว่าทาง
01:39:04 → 01:39:07 น้ำเหลืองอืครับ
01:39:07 → 01:39:11 ผมคือเพว่าช่องทางน้ำเหลืองเนี่ยเป็นช่อง
01:39:11 → 01:39:16 ทางสำหรับพวกเอ่อสารอาหารอะไรต่างๆที่มัน
01:39:16 → 01:39:20 ถูกต้องเหมาะสมคือผมก็กินแบบพูดไปก็คือ
01:39:20 → 01:39:23 วันวเดมาหลายเดือนนะพี่หมอก่อนมาเจอพี่
01:39:23 → 01:39:28 หมอเนี่ยนะอืมันก็ถามว่าหิวมั้ยมันถึงจุด
01:39:28 → 01:39:31 นึงร่างกายมันก็ปรับนะมันก็ไม่ได้หิวขนาด
01:39:31 → 01:39:34 นั้นนะอือแต่ว่ามันมันจะหิวไปคนละแบบกับ
01:39:34 → 01:39:38 ที่เราที่เรากินพลังงานให้เป็นน่ะมื้อแรก
01:39:38 → 01:39:42 อ่ะซึ่งซึ่งแบบนั้นมันจะมันจะมันจะไม่หิว
01:39:42 → 01:39:45 เลยตัวมันจะเบาๆเลยอ่ะมันถึงจะต้องบังคับ
01:39:45 → 01:39:48 ตัวเองให้กินน่ะนะแต่ว่าหิวแบบ One me a
01:39:48 → 01:39:50 day เนี่ยหิวแบบเพอร่างกายมันปรับตัวได้
01:39:50 → 01:39:53 เนี่ย
01:39:53 → 01:39:56 ท้องมันก็ยังร้อง
01:39:56 → 01:39:59 นะคือไม่เหมือนกันน่ะไม่รู้จะจะบรรยายออก
01:39:59 → 01:40:03 มาเป็นคำพูดยังไงอ่ะท้องร้องเนี่ยหิวไม่
01:40:03 → 01:40:08 จริงนะฮะมันเป็นผลมาจากตัวฮอร์โมนนะและ
01:40:08 → 01:40:11 มันเป็นผลมาจากอาหารมื้อที่แล้วมื้อที่
01:40:11 → 01:40:14 แล้วเนะอ่ายังไม่
01:40:14 → 01:40:21 ถูกอืมครับผมมันมี 2 ผลที่จะตามมาเวลาเรา
01:40:21 → 01:40:25 เกิดภาวะที่เรียกท้องร้องกับหิวหล่อหิว
01:40:25 → 01:40:30 หล่อนะฮะครับก็คือมืก่อนหน้าเนี้ยนะที่จะ
01:40:31 → 01:40:34 มาเกิดปัญหาหิวหลอกหรือท้องร้องเนี่ยนะ
01:40:34 → 01:40:38 พวกเนี้ยนะมันมีความไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ
01:40:38 → 01:40:44 สารอาหารที่กินออืครับแล้วก็อันที่ 2 ก็
01:40:44 → 01:40:47 คือท้องร้องเนี่ยมันเกิดจากอิทธิฤทธิ์
01:40:47 → 01:40:50 อิทธิพลนะของตัวฮอร์โมนเกรินที่อยู่ใน
01:40:50 → 01:40:54 ระบบทางเดนอาหารนะฮะว่ามันส่งสัญญาณว่า
01:40:54 → 01:40:59 ว่าเนี่ยนะเอ่อจะกินอยากจะกินอยากจะได้
01:40:59 → 01:41:04 สารอาหารมานะแต่ว่าสิ่งเที่เกิดขึ้น
01:41:04 → 01:41:07 เนี่ยมันสามารถผ่านพ้นไปได้นะฮะมันเป็น
01:41:07 → 01:41:10 หิวหลอกอ่ะเพราะว่าคุณก็ไปกินน้ำซะหรือ
01:41:10 → 01:41:13 ว่าพอดีงานเข้าอู้ยไม่ว่างอะไรต่างๆยัง
01:41:13 → 01:41:15 ไม่พร้อมจะกินหรอกว่ะครับเดี๋ยวผ่านไปสัก
01:41:15 → 01:41:19 20 นาที 30 นาทีมันก็เลิกร้องะนะอันนี้เ
01:41:19 → 01:41:22 เรียกว่าหิวหล่อหิวหลอกก็เป็นหิวจากไอ้
01:41:22 → 01:41:25 พวกฮอร์โมนเกินนะฮะคือฮอร์โมนระบบทางเดิน
01:41:25 → 01:41:31 อาหารที่มันมาสั่งนะให้กินนะฮ
01:41:31 → 01:41:35 อืแล้วก็อีกอย่างนึงมื้อที่แล้วเนี่ยนะ
01:41:35 → 01:41:39 เกิดความไม่ถูกต้องนักเกี่ยวกับสก็จะเกิด
01:41:39 → 01:41:42 ปัญหาท้องร้องเหิว
01:41:42 → 01:41:47 หลอกนะบางคนก็กินน้ำกินนจิบๆอะไรนิดๆ
01:41:47 → 01:41:51 หน่อยๆนะหรือว่าทำงานต่อเนื่องยุ่งๆไปทำ
01:41:51 → 01:41:55 ให้จบอะไรอย่าเงี้ยนะงานเร่งอมีธุระอะไร
01:41:55 → 01:41:58 ต่างๆงานเข้าอะไรอย่าเงี้ศาสตร์ศาสตร์ทาง
01:41:58 → 01:42:01 ด้านกายกายละเอียดที่บอกว่ารับรู้เรื่อง
01:42:01 → 01:42:04 ของพลังงานเครับพี่หมอแล้วก็เติมเติมด้วย
01:42:04 → 01:42:07 น้ำมันสกัดเย็นเนี่ยคืออันนี้อันนี้คือ
01:42:07 → 01:42:11 พี่หมอสังเคราะข้อมูลขึ้นมาใช่มั้ยส้นใช่
01:42:11 → 01:42:13 คือคือยังไม่มีที่ไหนมาสอนแบบนี้หรือ
01:42:13 → 01:42:17 เปล่าพี่หนอจริงๆมีมีก็คือใครนะที่เป็น
01:42:17 → 01:42:22 วาทยากรแล้วก็มาพูดเก่งๆอ่ะ
01:42:22 → 01:42:26 อ๋ออาจารย์บบัณฑิตอึรังสีเออนั่นแหละอัน
01:42:26 → 01:42:30 นี้เพูดก่อนเลยเพูดมาตั้งหลายปีแล้วนะนะ
01:42:30 → 01:42:33 เคเพูดว่าประมาณไหนครับพี่หมอพูดเรื่อง
01:42:33 → 01:42:36 กายหยาบกายละเอียดเนี่ยแล้วก็พลังงานเ่อ
01:42:36 → 01:42:42 ที่เป็นผลนะให้มันเกิดการคงอยู่ได้แบบดีๆ
01:42:42 → 01:42:45 อ่ะนะฮก็คือกายละเอียดเนี่ยกายแห่งจิต
01:42:45 → 01:42:48 เนี่ยหรือพลังในี้อะไรต่างๆนะมันก็คือ
01:42:48 → 01:42:51 พลังนแหละพลังพังพังเพราะฉะนั้นจะต้อง
01:42:51 → 01:42:56 เป็นเยีมันอยู่ได้ด้วย Energy นะแต่เขาก็
01:42:56 → 01:43:00 ไม่ได้บอกว่าจะต้องกินจะต้องกินอ่าไขมัน
01:43:00 → 01:43:04 จะต้องกินอะไรอย่างงี้ใช่มั้ครับไม่บอกฮะ
01:43:04 → 01:43:07 ไม่ได้บอกอันนี้เป็นการสานต่อหรือเป็นการ
01:43:07 → 01:43:12 เล่าเรื่องผูกเรื่องผูกราวของคุณหมอออืก็
01:43:12 → 01:43:16 ถ้าจะหา Reference ก็ไปหาคุณหมอพัทแล้วะ
01:43:16 → 01:43:21 กันเชื่อเชื่อไม่เชื่อก็ไม่เป็นเออแต่ว่า
01:43:21 → 01:43:24 ลองแต่ถ้าลองกินดูสักมื้อก็จะเข้าใจแล้ว
01:43:24 → 01:43:27 ครับถ้ากินถูกนะเข้าใจถ้ากินกินไม่ถูกมัน
01:43:27 → 01:43:30 ก็ยังมีความหิวอยู่นะเออเออแต่ถ้ากินถูก
01:43:30 → 01:43:34 เราไม่ต้องกลัวว่าจะกินเกินด้วยนะเออเกิน
01:43:34 → 01:43:35 ยากเพราะ
01:43:35 → 01:43:39 ว่าร่างกายมันก็จะจะมีกระบวนการของมันมัน
01:43:39 → 01:43:43 จะมันจะเลี่ยนจะยัดไม่ลงอ่ะเออมันจะมี
01:43:43 → 01:43:52 ความพอดีคัอเอเป็นจุดคั Point นะเออ
01:43:52 → 01:43:58 อ่าคือมันค่อนข้างชัดเจนเนาะครับ
01:43:58 → 01:44:01 ครับก็เลยบอกว่าเออถ้าเกิดเรื่องพลังงาน
01:44:01 → 01:44:04 ถ้าเกิดไม่อยากกินน้ำมันก็คุณก็หาวิธีกิน
01:44:04 → 01:44:08 อย่างอื่นแล้วกันกินกินให้มันได้พอดีพอดี
01:44:08 → 01:44:11 อ่ะแต่มันก็ยากอยู่อ่ะมันจะตวงยังไงอ่ะนะ
01:44:11 → 01:44:15 เพว่าพไขมันมันแฝงมากับโปรตีนแฝงมากับไอ้
01:44:15 → 01:44:19 นู่นไอ้นี่ทั้งนั้นเลยอ่ะอืแล้วก็คลีน
01:44:19 → 01:44:25 คีโตนขอย้ำว่ามันไม่ได้เกิดจากพลังงานที่
01:44:25 → 01:44:30 มาจากไขมันสัตว์นะฮะมันเกิดยากนะครับมัน
01:44:30 → 01:44:35 เกิดยากมันจะิไปในทางเตี้คีนนะ
01:44:35 → 01:44:39 นะคือเรื่องคีนกับเตี้คีนก็ไม่ค่อยมีคน
01:44:40 → 01:44:44 พูดนะฮะนะหาฟังได้ยากเคไม่เห็นพูดใเพราะเ
01:44:44 → 01:44:48 ไม่รู้หรือไงเราไมู่้ครับคือในเมืองนอกก็
01:44:48 → 01:44:50 ไม่มีพูดกันเหมือนกันใช่มั้ยครับที่เม
01:44:50 → 01:44:57 ครับมีที่คีโตนเนี่ยมีนะพูดกันสนั่นเลย
01:44:57 → 01:45:00 เออคือมันเหมือนอย่างงี้ไงมันเหมือนกับ
01:45:00 → 01:45:02 ว่าอ่ะอย่างสุทัศน์เนี่ยเก่งเรื่องช่าง
01:45:02 → 01:45:05 ยนต์เนี่ยหมอเห็นสุทัศทำเรื่องรถเรื่อง
01:45:05 → 01:45:09 อะไรอย่างเงี้ยนะฮะคือร่างกายเราอ่ะนะมัน
01:45:09 → 01:45:11 ก็มีตับไตไส้พรุงมีการเผาผลาญพลังงานน่ะ
01:45:11 → 01:45:14 แล้วเสร็จแล้วเนี่ยถ้าเทียบกับรถยนต์น่ะ
01:45:14 → 01:45:16 รถยนต์มันก็มีห้องเครื่องยนต์นะแล้วมันมี
01:45:16 → 01:45:19 ตัวเครื่องยนต์ที่มันต้องเผาอะไรอ่ะเผา
01:45:19 → 01:45:20 น้ำมันน่ะเป็นพลังงาน
01:45:21 → 01:45:24 ครับแต่ถ้าคุณมีเครื่องยนต์แล้วก็คุณมี
01:45:24 → 01:45:27 น้ำมันให้เขาเผาอ่ะเเผาได้มล่ะเก็เผาไม่
01:45:27 → 01:45:30 ได้อ่ะคุณต้องมีน้ำมันเครื่องมีน้ำมัน
01:45:30 → 01:45:35 เบรกมีน้ำมันอะไรไม่รู้อ่ะนะสบด้วเกให้
01:45:35 → 01:45:37 เออมันต้องมีแวเนี้ยมันต้องมีส่วนประกอบ
01:45:37 → 01:45:41 อื่นเหล่านี้ด้วยอ่ะนะฮะคือมีพลังงานเ่ะ
01:45:41 → 01:45:45 แต่มันก็จะต้องมีมีกระจุ๊บกระจิกมีอย่าง
01:45:45 → 01:45:48 อื่นอะไรต่างๆที่เป็นสิ่งแวดล้อมเฮะเพราะ
01:45:48 → 01:45:50 ฉะนั้นเนี่ยเราเข้าใจแล้วเรารู้แล้วว่า
01:45:50 → 01:45:54 คีโตนเป็นพลังงานที่ดีถึงจะเตี้หรือคลีน
01:45:54 → 01:45:57 อะไรก็เหอะนะฮะนะแล้วการที่จะทำให้เเกิด
01:45:57 → 01:46:00 การเผาผานการเอามาใช้อะไรต่างๆเนี่ยจะสอน
01:46:00 → 01:46:04 ให้เขาเผาแล้วก็เอาเขมาใช้เนี่ยมันไม่ได้
01:46:04 → 01:46:07 ง่ายในยุคสมัยนี้ที่แวดล้อมไปด้วยเรื่อง
01:46:07 → 01:46:10 ของอาหารแปรรูปเรื่องของ rand ไซเคิลจาก
01:46:10 → 01:46:14 าฟจากไขมันอะไรเงี้ยนะครับแต่นะก็ไม่ได้
01:46:14 → 01:46:17 ง่ายนักหรอกนะที่อยู่ดีๆเขาจะเผาๆๆอะไร
01:46:18 → 01:46:20 อย่างนี้แหละนะฮะเขจะต้องมีสิ่งแวแวดล้อม
01:46:20 → 01:46:23 น่ะที่คล้ายๆเครื่องยนต์น่ะมันจะต้องมี
01:46:23 → 01:46:26 น้ำมันเกียร์น้ำมันเบรกน้ำมันเครื่องเอ่า
01:46:26 → 01:46:30 นอกจากไอ้ตัวพลังงานเบนซินดีเซลแล้วอ่ะอื
01:46:30 → 01:46:35 ๆๆเออเห็นภาพอยู่ครับเอมันก็จะหลักๆมันก็
01:46:35 → 01:46:38 จะเป็นอย่างนี้แหละขอให้เข้าใจว่านะว่า
01:46:38 → 01:46:43 เออเราก็ต้องมองอะไรที่มันเป็นรวมๆนิดนึง
01:46:43 → 01:46:48 ด้วยใช่คือคือส่วนมากเวลาเราศึกษาเราจะพ
01:46:48 → 01:46:52 เฝ้าไปอย่างงั้นไงโดยธรรมชาติคนนะฮะส่วน
01:46:52 → 01:46:55 มากเหมเหมือนกับพอศึกษาเรื่องคีโตนกูก็จะ
01:46:55 → 01:46:59 ไปคีโตนอย่างเดียวเหมือนกับพอศึกษาเรื่อง
01:47:00 → 01:47:03 ไขมันก็จะก็จะไปใช้ใช้แต่ไขมันกูจะไม่เอา
01:47:03 → 01:47:07 ขาบเลยอะไรอย่างเงี้ยเออแต่แต่สุดท้าย
01:47:07 → 01:47:11 ร่างกายมันก็มันก็เป็นจังหวะของมันเนเอ
01:47:11 → 01:47:13 เพราะฉะนั้นเนี่ย low C High Good Fat
01:47:13 → 01:47:17 เนี่ยเราก็เผาไขมันเป็นพลังงาน 60% แต่
01:47:17 → 01:47:20 ขณะเดียวกันเราก็ต้องมีคาฟ 5-2
01:47:20 → 01:47:25 มีโปรตีน 20 -30% นะแล้วก็ทุกอย่างเนี่ย
01:47:25 → 01:47:29 จะวิตามินแร่ธาตุเอนไซม์สารพรึกษาเคมี
01:47:29 → 01:47:32 ไฟเบอร์มันก็ต้องมีอ่ะฮะมันก็เหมือนกับ
01:47:32 → 01:47:35 กับรถจะวิ่งได้จะเผาอะไรต่างๆมันก็ต้องมี
01:47:35 → 01:47:38 น้ำมันเจียงนำไอ้มีน้ำมันเครื่องอะไร
01:47:38 → 01:47:43 อย่างเงี้ยคล้ายๆกันแหละฮะนะเอี่พอเข้าใจ
01:47:43 → 01:47:46 มันเข้าใจเลยเพราะว่ามันก็มีบางคนแหละที่
01:47:46 → 01:47:50 ว่าโอเคคุณกินกินแบบนั้นแบบเดียวอ่ะได้
01:47:50 → 01:47:51 ได้ตลอดไม่เป็นไร
01:47:51 → 01:47:54 เลยไม่เป็นไรจริงหรือเปล่าไม่รู้นะเพราะ
01:47:54 → 01:47:57 ว่าถ้าเกิดเเไม่ได้ดูค่าเลือดไม่ไม่สนใจ
01:47:57 → 01:47:59 เรื่องพวกนั้นเขาก็จะอาจจะไม่เป็นไรอะไร
01:47:59 → 01:48:02 อย่างเงี้ยหรืออาจจะไม่เป็นไรจริงก็ได้อื
01:48:02 → 01:48:06 แต่ว่าคนคนอื่นถ้าไปถ้าไปทำตามแบบนั้นโดย
01:48:06 → 01:48:08 โดยไม่รู้หลักการไม่รู้อะไรเลยมันบางที
01:48:09 → 01:48:13 มันก็อาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้อีกอ่ะใช่เออ
01:48:13 → 01:48:16 ยมีเรื่องของ Gen expression Gen
01:48:16 → 01:48:17 susceptibility
01:48:17 → 01:48:21 เออคือบางคนมันก็เครื่องดีอ่ะบางคนมันก็
01:48:21 → 01:48:24 เครื่องเบนซินน่ะคือบางคนมันมันใช้ของได้
01:48:24 → 01:48:28 คนละแบบอ่ะใช่ๆ
01:48:28 → 01:48:32 เออองค์ประกอบแต่ละคนไม่เหมือนกันครับผม
01:48:32 → 01:48:35 เอออย่างเงี้ยแต่ถ้าเราไม่รู้เลยว่าเรา
01:48:35 → 01:48:37 มันเป็นเครื่องเครื่องแบบไหนใช้อะไรเป็น
01:48:37 → 01:48:42 หลักอะไรอย่างเงี้ยก็จบนะบอจบๆใช่ฉะนั้นเ
01:48:42 → 01:48:45 องค์ความรู้เก่าอ่ะที่แบบว่าก็จะมีการกิน
01:48:45 → 01:48:50 โลคราฟโดยให้อ่าจำกัดคาฟไอไ typ โปรตีนีน
01:48:50 → 01:48:52 นะแล้วก็
01:48:52 → 01:48:57 อ่ายแฟชด้วยอะไรด้วยอะไเงี้ยมันมันก็เลย
01:48:57 → 01:49:02 ไปต่อยากอ่ะเพราะว่าเอ่อพลังงานของมนุษย์
01:49:03 → 01:49:05 เราเนี่ยเราวิวัฒนาการแล้วนะนะนะแล้ว
01:49:05 → 01:49:09 มนุษย์เนี่ยชอบการหมุนเวียนหมุนเวียนนะ
01:49:09 → 01:49:12 หมุนเวียนไอ้ตัววัตถุดิบต่างๆนะที่จะมา
01:49:12 → 01:49:15 เป็นพลังงานอะไรต่างๆนะแต่หลักการมันก็
01:49:15 → 01:49:19 ยังมีอยู่ว่าเออเขาใช้แฟชมากกว่าสิ่งใดๆ
01:49:19 → 01:49:22 นะฮะแต่ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นโปรตีน
01:49:22 → 01:49:25 คาร์โบไฮเดรตหรือแฟตเองก็ตามต้องมีการ
01:49:25 → 01:49:26 หมุนเวียนหมุน
01:49:26 → 01:49:30 เวียนนะเราถึงจะวิวัฒนาการต่อไปได้อย่าง
01:49:30 → 01:49:36 ดีอือืก็เร็วๆนี้หมอก็เคยพูดถึงเรื่อง
01:49:36 → 01:49:39 Clean Diet น่ะนะเอ่อ Clean Diet ก็
01:49:39 → 01:49:44 คือคือเครียดไดเอตนะครับผมคือกินแล้ว
01:49:44 → 01:49:49 เครียดนะฮะนะเครียดยิ่งถ้าคุณเป็นสวนะแบบ
01:49:49 → 01:49:53 หมอเนี่ย 60 กว่าแล้วหรือคุณวัยทองเป็น
01:49:53 → 01:49:57 ต้นไปอ่ะนะหรือคนที่แบบวัยกลางคนแต่ว่า
01:49:57 → 01:50:02 เริ่มมีปัญหาสุขภาพด้วอินซูลิน
01:50:02 → 01:50:06 ก็กินไดเอตไม่ใช่นะฮะไม่ใช่คำตอบนะฮะนะ
01:50:06 → 01:50:09 กินแล้วมันเครียดนะฮะเพราะว่าคีนเนี่ย
01:50:09 → 01:50:14 หลักการของคีนก็คืออะไรอ่ะก็คือเ่อคกคฟ
01:50:14 → 01:50:18 คือคือคฟที่ดีอ่ะนะฮะกคฟเคฟแล้วก็โปรตีน
01:50:18 → 01:50:24 คุณภาพนะแต่เน้นพืชมากพืชสัตว์อพอๆกันนะ
01:50:24 → 01:50:27 แต่สัตว์ไขมัน
01:50:27 → 01:50:31 เนี่ยโดยเฉพาะเเลยครับเออเรื่องพลังงาน
01:50:31 → 01:50:34 เนี่ยซึ่งเป็นด่านแรกเลยของความเ่อถูกผิด
01:50:34 → 01:50:37 อะไรต่างๆเหล่าเนี้ยพอเตัดไขมันลงไปเรียบ
01:50:37 → 01:50:40 ร้อยแล้วเงี้ยนะมันก็คือ lack of Energy
01:50:40 → 01:50:44 คือสัดส่วนของความเป็นพลังงานต่างๆที่กาย
01:50:44 → 01:50:47 ละเอียดเข้ามาคอนโทรลเนี่ยนะเควบคุมไม่
01:50:47 → 01:50:51 ได้หรอกฮะนะไม่มีพลังงานนะใช่แล้วราย
01:50:51 → 01:50:55 ละเอียดนี่เเซ้นด้วยอนะนะแล้วฮอร์โมนที่เ
01:50:55 → 01:50:58 เอามาปฏิบัติการตอบโต้ของการขาดพลังงานก็
01:50:58 → 01:51:03 คือคอร์ติซอลนะใช่ครับอืๆๆสิ่งที่บอกว่า
01:51:03 → 01:51:08 กินกนคือกินเครียดนะฮะอืแล้วถ้าเกิดคุณวย
01:51:08 → 01:51:11 ทองอย่างเงี้ยนะวยทองเนี่ยระบบเจริญพันธ
01:51:11 → 01:51:14 อวัยวะพวกที่มันจะเจริญพันธุต่างๆมัน
01:51:15 → 01:51:17 เสื่อมมันฝ่อมันจะไม่ทำงานมันลดการทำงาน
01:51:17 → 01:51:20 ลงเนี่ยนะมันก็ไปผลักดันให้ต่อมหมวกไสอ่ะ
01:51:21 → 01:51:24 ช่วยทีช่วยทีสร้างฮอร์โมนทีนะยังอยากจะมี
01:51:24 → 01:51:30 ชีวิตอ่าอยู่ไปอียาวนานอยู่นะฮะนะแล้ว
01:51:30 → 01:51:33 เสร็จแล้วมามาสร้างความเครียดด้วยการกิน
01:51:33 → 01:51:37 กินแบบเนี้ยครับนะเพราะฉะนั้นเป็นไงต่อ
01:51:37 → 01:51:40 หมวกใจล้าต่อหมวกใจบอกว่ากูก็ไม่เอาแล้ว
01:51:40 → 01:51:46 ไม่ไหวนะฮะถูกขับเฆี่ยนซะจนแบบโอ้โหนะมัน
01:51:46 → 01:51:51 จะไหวมั้ยล่ะนะฮะเอืผมเคยผมเคยเห็นคนที่
01:51:51 → 01:51:54 แบบว่าเเคยออกมาบ่นนะครับพี่หมอใน tiktok
01:51:54 → 01:51:57 อ่ะนะว่าชีวิตเ้าเนี่กินคีนมาทั้งชีวิต
01:51:57 → 01:52:00 เลยนะเออแล้วเป็นไงเอก็เป็นเนื้องอกเป็น
01:52:01 → 01:52:04 มเร็งเป็นอะไรอย่างเงี้ยเาบอกว่าทำไมทำไม
01:52:04 → 01:52:10 แบบผมก็ผมก็สิดตะหงิดใจเหมือนกันนะว่ามัน
01:52:10 → 01:52:12 มันใช่เหรอ
01:52:12 → 01:52:15 วะหมายถึงว่าคลีนน่ะกการที่เราเข้าใจว่า
01:52:15 → 01:52:17 กินคลีนน่ะมันใช่ทางออกหรือเปล่าวะอะไร
01:52:17 → 01:52:18 อย่างเงี้ย
01:52:18 → 01:52:24 ครับใช่ๆคือคือคลีนคลีนเให้ดูว่าอาหารไม่
01:52:24 → 01:52:29 มีรสชาติจืดๆธรรมดาแต่บางคนคลีนแต่ยังมี
01:52:29 → 01:52:33 ใส่เครื่องปรุงใส่ซอสใส่ซอสคลีนอะไรเงี้ย
01:52:33 → 01:52:37 แต่ไปอ่านไส้ในของพวกซอสแต่ละอันก็ไม่ไม่
01:52:37 → 01:52:40 ไม่คีนเท่าไหร่ครับก็ที่เราเราอะไรนะทุกๆ
01:52:40 → 01:52:44 วันเนี้ยคทนคทนสุขภาพทางฝ่ายฝ่ายของโขาบ
01:52:44 → 01:52:47 ที่กำลังทำกันอยู่ทุกวันนี้คือมามาชี้แจง
01:52:47 → 01:52:51 กันในเรื่องของพวกอ่าสารทดแทนความหวานใช่
01:52:51 → 01:52:54 เรื่องไอ้นู่นกินได้มั้ยไอ้นี่กินได้มั้ย
01:52:54 → 01:52:58 อะไรอย่างเงี้ยคือจริงๆจริงๆสรุปถ้าเกิด
01:52:58 → 01:53:02 คุณกินเรฟได้ก็จบไงใช่ไม่ต้องปรุงแต่ง
01:53:02 → 01:53:05 อะไรแล้วครับผมเออเครื่องเครื่องปรุงก็
01:53:05 → 01:53:08 เกลือเกลือเกลือดำเกลือชมพูอะไรพวกนี้พอ
01:53:08 → 01:53:13 ใช่ตาแท้ได้อ่าอะไรพวกเนี้ยคคุณไม่ต้องไป
01:53:13 → 01:53:15 ไปอะไรมาก
01:53:15 → 01:53:18 ไงใชมีเครื่องธงเครื่องเทศโรยๆไปแค่นั้น
01:53:18 → 01:53:21 พอจบครับผมเออคือถ้าถ้ามันกก้าวก้าวพ้น
01:53:21 → 01:53:25 ความหวานไปไม่ได้นี่มันก็ยากแหละจบเลยใช่
01:53:25 → 01:53:30 ๆจบๆๆจบเลยคุณยังไม่ผ่านหลักสูตรถ้ำ
01:53:30 → 01:53:33 กระบอกคือยังยังยังติดยังยังอยู่กับการ
01:53:33 → 01:53:40 เสพติดอยู่เนาะเออมันมันข้ามยากข้าม
01:53:40 → 01:53:44 ยากทีนี้เคสเมื่อวานเนี้ยนะถ้าจะย้อนกลับ
01:53:44 → 01:53:47 ไปดูเคสนั้นน่ะที่เ้าฟา 100 ชั่วโมงอ่ะ
01:53:47 → 01:53:51 ที่เป็นโปรลองฟาอ่ะครับแล้วค่าต่างๆเขาก็
01:53:51 → 01:53:55 แดงเถือกไปหมดเลยอ่ะนะฮะอืครับออันนั้นก็
01:53:55 → 01:53:59 สันนิษฐานว่าคือการที่เาโปรลองฟาสเนี่ย
01:53:59 → 01:54:04 เขาก็แล้วเขาก็ทำ If แบบ omas มาเนี่ยนะ
01:54:04 → 01:54:07 เราไม่รู้ผึงพื้นฐานที่กินว่าพลังงานพอ
01:54:07 → 01:54:10 มั้ยสาอาหารพอมั้ยเนะแต่ผลจากเรื่องเนี้ย
01:54:10 → 01:54:14 เรื่องทั้ง omas เรื่องของโปรลองฟาเนะคิด
01:54:14 → 01:54:19 ว่าร่างกายเ้าน่ะ Flat adap นะคีต adap
01:54:19 → 01:54:23 นะแต่มันไปได้เตี้คีโตนนะฮะ
01:54:23 → 01:54:27 นะการที่ไปได้เตี้คีโตนเนี่ยเพราะอะไรก็
01:54:27 → 01:54:30 เพราะว่า 1 ก็ถ้าเกิดพลังงานสารอาหารไม่
01:54:30 → 01:54:35 ถึงและไม่เข้าใจเรื่องการกินแบบมื้อแรก
01:54:35 → 01:54:40 กับมื้อเย็นน่ะนะฮะครับผมเพราะเนี่ยโอ้โห
01:54:40 → 01:54:43 มันมันมันสุดๆอ่ะนะจะสร้างทั้งพลังงาน
01:54:43 → 01:54:46 แล้วจะต้องอุดรูรั่วสารอาหารแ่าเนี้ยนะ
01:54:46 → 01:54:50 แล้วคุณก็เล่นทำแบบไแล้วจะไปทำโปรรองฟา
01:54:50 → 01:54:54 อีกดีเดือดเลยเนี่ยนะมันมันไม่ได้ฮะมัน
01:54:54 → 01:54:57 ไม่ได้ร่างกายมันเครียดสุดใช่จะอัดทุก
01:54:57 → 01:55:01 อย่างในมืเดียวก็ไม่มันก็ลำบากครับผมไม่
01:55:01 → 01:55:04 ได้นะมันทั้งรั่วทั้งอุดรูรั่วไปในตัว
01:55:04 → 01:55:06 ด้วยเนี่ยมันจะต้องกินขนาดไหนอ่ะใช่มั้ย
01:55:07 → 01:55:09 ล่ะนะไม่กินแล้วร่างกายรับไม่ได้ก็ไม่ได้
01:55:09 → 01:55:12 อีกอ่ะพี่หมอเพราะว่าเราเราเห็นค่าเลือด
01:55:12 → 01:55:15 หลายคนเลยนะที่ที่กินแบบโปรตีนเยอะๆก็
01:55:15 → 01:55:21 จริงแต่ว่าก็ขาดโปรตีนอะไรอยู่อยู่ดีอ่ะ
01:55:21 → 01:55:24 ค่าเลือดออกมาว่าขาดโปรตีนบ้างขาดพลังงาน
01:55:24 → 01:55:27 บ้างทั้งๆที่กินเยอะอะไรอย่างเงี้ยอือ
01:55:27 → 01:55:32 ครับมันมันก็แปลว่าการกินเยอะแล้วมันก็
01:55:32 → 01:55:36 ไม่ใช่ปัจจัยนึงที่เพียงพอเนาะอือมันต้อง
01:55:36 → 01:55:38 ดูว่าร่างกายรับรับที่สิ่งที่กินมันเข้า
01:55:38 → 01:55:41 ไปได้มยที่ผมถึงเขียนเรื่องกองดองอ่ะไอ้
01:55:41 → 01:55:44 กองหนังสือดองขึ้นมาอือคือซื้อซื้อเก็บ
01:55:44 → 01:55:46 เอาไว้อ่ะแต่ว่าไม่ได้อ่านน่ะมันก็ไม่มี
01:55:46 → 01:55:52 ประโยชน์ไงอืเออครับมันมันก็พูดให้เข้าใจ
01:55:52 → 01:55:55 ยากอีกถ้าอ่านค่าเลือดอ่านค่าเลือดไม่
01:55:55 → 01:55:59 เป็นมันก็ไม่ได้อ่ะแล้วกว่ากว่าจะออกออก
01:55:59 → 01:56:03 ออกอาการทางร่างกายเนี่ยมันใช้เวลาเออ
01:56:03 → 01:56:04 เพราะฉะนั้นไน
01:56:04 → 01:56:09 ิคืออาการและอาการแสดงเนี่ยมันบอกยากพูด
01:56:09 → 01:56:13 ยากนะฮะนะใช่พูดยากร่างกายตัวมาเกอร์หรือ
01:56:13 → 01:56:16 ตัวมอนิเตอร์อ่ะที่สำคัญก็คือค่าแลบนี่
01:56:16 → 01:56:20 แหละฮะแล้วค่าแลบในเมืองจนถึงปัจจุบันนี้
01:56:20 → 01:56:24 ที่เมีเรื่องโลคโภชนาการอะไรต่างๆมาตั้ง
01:56:24 → 01:56:27 5-6 ปีแล้วนะมันก็ยังตรวจกันแบบอีเดิมๆ
01:56:27 → 01:56:30 นั่นแหละนะไม่กล้าตรวจอะไรที่มันเยอะแยะ
01:56:30 → 01:56:34 ไปกว่านั้นเนี่ยเออไม่รู้จะแปลยังไงอ่ะนะ
01:56:34 → 01:56:38 ฮะใช่
01:56:38 → 01:56:43 อือคนนี้ก็น่าจะเป็นเตี้คีนนะฮะแล้วก็
01:56:43 → 01:56:48 เกิดการตีกลับนะที่จะดื้ออินซูลินนะอดื้อ
01:56:48 → 01:56:50 คอร์ติซอลนี่ดื้อแล้วแล้วอ่ะนะแล้วก็จะ
01:56:50 → 01:56:56 กลับมาดื้ออินซูลินนะแล้วก็จะมามี
01:56:56 → 01:57:00 เอ่อมีอะไรอ่ะน่าจะต้องมีจะมีการอักส่ง
01:57:00 → 01:57:05 อักเสบหรือว่าจะเนี่ยมันจะมันจะเปลี่ยน
01:57:05 → 01:57:10 อะไรไปหลายอย่างนะฮะเ่อกล้ามเนื้อถูกสลาย
01:57:10 → 01:57:16 เออนะเกิดการอักเสบแล้วก็
01:57:16 → 01:57:19 อืก็ไม่รู้อะไรจะตามมาบ้างน่ะเพราะว่า
01:57:19 → 01:57:23 พื้นฐานที่เข้ามาทำอย่างนี้เนี่ยเมีปัญหา
01:57:23 → 01:57:26 อะไรมาก่อนหรือเปล่าเ่อเบาหวานไขมันพอก
01:57:26 → 01:57:31 ตับไตเรื้อรังหรือเก๊าหรืออะไรอย่าเงี้ย
01:57:31 → 01:57:35 อืๆเพราะฉะนั้นเนี่ยยูริกมันขึ้นไปตั้ง
01:57:35 → 01:57:39 12.4 นะฮะนะก็เพราะว่าคีโตนเนี่ยมันเยอะ
01:57:39 → 01:57:44 มากนะแต่มันเป็นเตี้คีโตนเฮะนะร่างกายก็
01:57:44 → 01:57:49 พยายามที่จะเอาออกนะทั้งวาฬต่างๆนี่แหละ
01:57:49 → 01:57:52 นะนะเพราะฉะนั้นมันก็ขับกดยูริกไม่ออกออก
01:57:52 → 01:57:56 นะมันขับแต่คีโตนน่ะคีโตนมันเยอะนะเพราะ
01:57:56 → 01:57:59 มันโปรลองฟาไป 100 ชั่วโมงด้วยนะโอ้โห
01:58:00 → 01:58:02 ครับผมไปร้อง
01:58:03 → 01:58:06 ครับแต่คีโตนอันนี้ไม่ใช่คีนคีโตนที่จะไป
01:58:06 → 01:58:10 เป็นประโยชน์แบบอิทธิฤทธิ์ 10 อย่างอะไ
01:58:10 → 01:58:14 นั่นไงมันเป็นเตี้คีโตนซึ่งร่างกายก็ก็แ
01:58:14 → 01:58:18 เอาด้วยนะเออก็ผลักออกนะผออกครับ
01:58:18 → 01:58:20 ผม
01:58:20 → 01:58:23 อืน่าจะเป็นอย่างงั้นนฮะน่าจะเป็นอย่าง
01:58:23 → 01:58:25 นี้
01:58:25 → 01:58:29 แหละรู้สึกว่าถ้าเป็นพวกเตี้เตี้คีโตเวลา
01:58:29 → 01:58:34 ร่างกายขับขับอ่อนผ่านทางไตเนี่ยมันไปทำ
01:58:34 → 01:58:37 ให้ไตได้บาดเจ็บด้วยด้วยใช่มั้ยครับผมใช่
01:58:37 → 01:58:41 ฮะมันไปทำให้ตายเสื่อมเป็นลักษณะ ckd นะ
01:58:41 → 01:58:45 คือเป็นลักษณะที่ที่จะมีปัญหา egfr ลดลง
01:58:45 → 01:58:49 อ่ะนะแล้วก็จะถูกรายงานว่าเป็น ckd ระยะ
01:58:49 → 01:58:53 ที่ 1 ที่ 2 3A อะไรอย่างเงี้ยใช่ๆนี่
01:58:53 → 01:58:57 คือ Dirty คีนนะฮะนะคือ Dirty คีน
01:58:57 → 01:59:02 อแต่ถ้าเป็นคลนคีโตนเนี่ยนะไตมันจะสะอาด
01:59:02 → 01:59:05 มันจะไม่เกิดปัญหาพวกเนี้ยแล้ว egfr มัน
01:59:05 → 01:59:08 จะมันจะดีขึ้นดีขึ้นน่ะมันไม่ได้ลดลงอะไร
01:59:08 → 01:59:12 อย่างเงี้ยอืครับผมนี้ก็คือข้อสรุปของหมอ
01:59:12 → 01:59:16 อ่ะนะว่าเอ่อมันกินโลคัสก็จริงนะฮะจะเป็น
01:59:17 → 01:59:20 แนวทางแบบไหนอ่ะนะแต่ถ้าผลแลบออกมาแล้วก็
01:59:20 → 01:59:24 จะมีปัญหาไตมีปัญหาตับมีปัญหาอะไรต่างๆนะ
01:59:24 → 01:59:28 คุณก็อ่าอะไรอ่ะทั้งจำกัดคฟทั้ง low C
01:59:28 → 01:59:32 to very low C หรือตัดคฟทั้ง PP
01:59:32 → 01:59:35 โปรตีนนะแต่ว่าไขมันเนี่ยถูกผิดก็ไม่รู้
01:59:35 → 01:59:39 ล่ะมันคงเพผลที่ตามมาเออมันเป็น Dirty
01:59:39 → 01:59:43 คีนมันเผาไขมันได้มัน Fat adapt ได้เออ
01:59:43 → 01:59:47 แต่คีน adap ได้แต่มันได้ในสิ่งที่ไม่ควร
01:59:47 → 01:59:50 จะได้หรือว่าไม่ปัด
01:59:50 → 01:59:52 ถนาครับ
01:59:52 → 01:59:56 ผมเป็นมันคงจะเข้าใจกันยากถ้าเกิดเราเรา
01:59:56 → 01:59:58 ไปติดหล่มอยู่แค่ไตกินสาลายอาหารด้วย hdl
01:59:58 → 02:00:00 อ่ะ
02:00:00 → 02:00:04 ครับแล้วแล้วค่าตับค่าไตขึ้นแล้วเราเรา
02:00:04 → 02:00:08 อธิบายความสัมพันธ์ของ้าเหล่านั้นไม่ได้
02:00:08 → 02:00:11 ยูริขึ้นบางคนแบบทุกอย่างดีหมดแต่ยูริ
02:00:11 → 02:00:12 ขึ้นอย่าง
02:00:12 → 02:00:16 เงี้ยแต่เหมือนเหมือนที่คุณหมอเอาเอาเตี้
02:00:16 → 02:00:19 คีโตมาจับก็ทำให้ให้ตอบคำถามอะไรหลายๆ
02:00:19 → 02:00:22 อย่างได้ครับว่าเอ้ยทำไมกินคีโตตั้งนาน
02:00:22 → 02:00:25 ค่าตับค่าไตไม่ดีขึ้นเนี่ยจะได้รู้ว่ามัน
02:00:25 → 02:00:30 เป็นมันผิดจากคีโตตัวได้ใช้ในของคีโตเออ
02:00:30 → 02:00:35 ครับผมคือบบางคนเอ่าต่อเลยครับพี่แล้วก็
02:00:35 → 02:00:38 ย้อนเข้า้มาดูเลยว่า
02:00:38 → 02:00:44 เอ่อเราไม่ได้เริ่มจากน Natural แล้ว
02:00:44 → 02:00:49 นิเป็นกีโตที่สารอาหารที่ดีก่อนจากก่อน
02:00:49 → 02:00:53 ก่อนจะเกิดเป็นคีโตครับผมนิิคีโตครับผม
02:00:53 → 02:00:59 เออ nal ketosis อด้วยอาหารที่ดีด้วยอ่า
02:00:59 → 02:01:03 low C High Good Fat นะอ่าครับผม
02:01:03 → 02:01:07 เป็นน้ำมันสกัดเย็นนะต้องมีคาฟประเภทผัก
02:01:07 → 02:01:11 ใบผักหัวต้องมีตัวเส้นใหญละลายน้ำมี
02:01:11 → 02:01:16 เอนไซม์มีสารพรึกษาเคมีมีวิตามินแตาก็คือ
02:01:16 → 02:01:19 จริงๆพวกเพูดถึงนะ
02:01:19 → 02:01:21 ตอนแรกก็เราก็ไม่ได้เข้าใจลึกขนาดนี้นะ
02:01:21 → 02:01:23 พี่หมอเรื่องเรื่องการกินน้ำมันการกิน
02:01:23 → 02:01:27 สลัดเนี่ยนะแต่พอศึกษามาเรื่อยๆนะแม้แต่
02:01:27 → 02:01:30 กระทั่งอะไรนะเรื่องของวิตามินนะเกลือแร่
02:01:30 → 02:01:34 นะโดยเฉพาะวิตามินอีนี่นะอ้าตายอหารแล้ว
02:01:34 → 02:01:37 ก็กินกินเข้าไปทุกวันนี่
02:01:37 → 02:01:40 หว่าอย่างวิตามินอีอ่ะแหล่งของมันอยู่ที่
02:01:40 → 02:01:43 ไหนพี่หมอบอกว่าอยู่ในน้ำมันปาแดงอ้ากู
02:01:43 → 02:01:45 กินอยู่ทุก
02:01:45 → 02:01:49 วันใช่ๆๆน้ำเงินมามปอกก็มีเออแล้วพวกอะไร
02:01:50 → 02:01:53 นะโพแทสเซียมอะไรพวกร่ธาตุที่มันอยู่ใน
02:01:53 → 02:01:57 ผักใบเขียวอ่ะนะพี่หมอผักใบอ่ะแล้วก็กินอ
02:01:57 → 02:02:01 กินพร้อมกับอ่าน้ำมันโดยมีอะไรนะผักดอง
02:02:01 → 02:02:03 ซึ่งมีโปรไบโอติกอยู่ข้างในด้วยแล้วก็มี
02:02:03 → 02:02:07 น้ำมันคอยคอยอะไรนะโทคมันไม่ให้ตายในใน
02:02:07 → 02:02:10 กรดในกระเพาะเราอ่ะกระเพาะคือมันเป็นเหตุ
02:02:10 → 02:02:13 เป็นผลหมดนะเป็นเหตุเป็นผลหมดแล้วก็แล้ว
02:02:13 → 02:02:16 ก็ไปสร้างคีโตนแล้วก็ถ้าเกิถ้าถ้าเกินก็
02:02:16 → 02:02:19 ไปเก็บหรือขับออกไปเลยอะไรอย่างเงี้ย
02:02:19 → 02:02:21 แล้วมมื้อต่อไปคุณจะกินอะไรก็กินให้มัน
02:02:21 → 02:02:24 ได้สารอาหารครบถ้วนเท่านั้นเองอืเพราะ
02:02:24 → 02:02:26 ฉะนั้นการกินใน 1 วันเนี่ยมื้อแรกกินยัง
02:02:27 → 02:02:30 ไงมื้อเย็นกินยังไงเ้าก็มีเหตุผลลึกๆนะ
02:02:30 → 02:02:33 ถ้าอธิบายถึงคีโตนเนี่ยก็คือมื้อแรกสาร
02:02:33 → 02:02:37 อาหารมันรั่วนะแต่พลังงานมันเยอะมามันก็
02:02:37 → 02:02:40 ได้อย่างเสียอย่างนะเพราะฉะนั้นมื้อที่ 2
02:02:40 → 02:02:43 ก็ปรับสิก็เติมสารอาหารเข้าไปลดพลังงาน
02:02:43 → 02:02:46 ครับผมนะเพราฉนั้นมันก็สมดุลแล้ว 1 วัน 24
02:02:46 → 02:02:49 ชมงคือถ้าเราถ้าเราไม่เข้าใจว่าคีตโมันก็
02:02:49 → 02:02:52 มีไส้ในนะมันมีดีแล้วไม่ดีนะแล้วก็เราก็
02:02:52 → 02:02:55 คงจะรู้สึกว่าเอ้ยปกติมันก็มีอยู่แล้ว
02:02:55 → 02:02:58 คีโตนน่ะแช adap ปั๊บคีโตนมันก็ออกมาอยู่
02:02:58 → 02:03:01 แล้วจะไปจะไปต้องไปคีโตน adap ของมันอีก
02:03:01 → 02:03:03 ทำไมอะไรอย่างเงี้ย
02:03:03 → 02:03:08 นะแต่ว่าแต่ว่าผมว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติ
02:03:08 → 02:03:11 เพราะคุณหมอพูดย้ำหลายครั้งไงตอนแรกอ่ะอ
02:03:11 → 02:03:14 คนนี้ Fat adap นะแต่ยังไม่ขี่โตน adap
02:03:14 → 02:03:17 ผมก็ผมก็เอละอะไร
02:03:17 → 02:03:21 วะใช่ก็แ adap มันก็คีนออกมาแล้วอ่ะแล้ว
02:03:21 → 02:03:23 ทำไมมันจะต้องไป adap อีกทีว่าอะไรอย่าง
02:03:23 → 02:03:26 เงี้กว่ากว่าจะเข้าใจนี่โหหลายเดือนนะ
02:03:26 → 02:03:29 เนี่ยก็พอเข้าใจแล้วก็ยังมีคีโตน Dirty
02:03:29 → 02:03:34 คีนคนคีโตนอีกใช่ครับผมอันนี้ต้องลงลึกไป
02:03:34 → 02:03:39 อีกมันมีไส้ในอใช่แต่ไม่ไม่ลึกไปหรอกพี่
02:03:39 → 02:03:42 หมอเพราะว่ามันมันก็ไปต่อยอดผูกกับเรื่อง
02:03:42 → 02:03:44 เรื่องเดิมที่เรารู้กันนั่นแหละคือถ้าตาม
02:03:44 → 02:03:46 ตามมาตลอดมันจะเห็นว่ามันเป็นเรื่อง
02:03:46 → 02:03:49 เรื่องที่มันเป็นเรื่องเดียวกันหมดนะใช่
02:03:49 → 02:03:51 ครับเออแล้วมันไม่ใช่เป็นการบรรยายทาง
02:03:51 → 02:03:56 วิชาการด้วยเป็นการเล่าเรื่องแต่เล่า
02:03:56 → 02:04:01 แบบมีเหตุมีผลมั้ล่ะเ่าสนุกเออแล้วก็เข้า
02:04:01 → 02:04:08 ใจย้อนกลับไปได้อ่ะว่าเออเดออใช่นี่หว่า
02:04:08 → 02:04:12 เอออก็ไม่รู้ว่าจะสะกิดใจคนได้มากน้อยแค่
02:04:12 → 02:04:14 ไหนก็จะช่างมันเถอะนะพี่หมอได้อย่างน้อย
02:04:14 → 02:04:18 ก็ถ้าเกิดใครสนใจก็ก็ลงลึกต่อแล้วกันเออน
02:04:18 → 02:04:22 ว่าอยากให้คนอื่นรู้ทำบุญเป็นวิทยาศาก็
02:04:22 → 02:04:26 แชร์ไปแล้วกันนะฮะอเอาไม่เอาก็แล้วแต่นะ
02:04:26 → 02:04:29 ฮะนะแต่ความรู้มันก็เป็นอย่างเงี้ยเชื่อ
02:04:30 → 02:04:37 ก็เชื่อกตมเลยครับ
02:04:37 → 02:04:39 ผม
02:04:39 → 02:04:42 ครับเดี๋ยวเรื่องต่อไปนี่เราจะคุยกัน
02:04:42 → 02:04:43 เรื่องอะไรอ่ะครับพี่หมอ
02:04:44 → 02:04:48 เอ่อคืออันนี้นะมันพอดีคุณหมอมีเคสตัว
02:04:48 → 02:04:51 อย่างเคสเสนึงที่น่าศึกษาเป็นเคสเบาหวาน
02:04:51 → 02:04:55 นะฮะเป็นเคสเบาหวานแล้วก็ตรงเนี้ยนะเรา
02:04:55 → 02:04:58 เราจะยกตัวอย่างเคสนี้แล้วมาคุยกันเรื่อง
02:04:58 → 02:05:02 การกินอาหารใน 1 วันอ่าที่หมอติดมาตั้ง
02:05:02 → 02:05:05 แต่ปีที่แล้วแล้วว่าจะต้องกินยังไงเพราะ
02:05:05 → 02:05:08 อะไรถ้ากินแล้วมันจะเกิดประโยชน์อะไรถ้า
02:05:08 → 02:05:12 ไม่กินแล้วจะเป็นยังไงนะฮะตัวอย่างเคสเปา
02:05:12 → 02:05:16 หวานเคสเนี่ยเป็นเคสที่ดีมากๆเลยนะที่ี่
02:05:16 → 02:05:19 เาทำผิดทำถูกนะ
02:05:19 → 02:05:22 แล้วต้องใช้เรื่องการกินอาหารใน 1 วันนะ
02:05:22 → 02:05:27 มาอธิบายนะแล้วเราจะเห็นค่าแลบสวยๆอีก
02:05:27 → 02:05:31 อย่างนึงอีกทิศทางนึงด้วยนะคิดว่าจะ
02:05:31 → 02:05:34 พยายามทำทำให้ดีๆแล้วก็เป็นแบบคล้ายๆจะ
02:05:34 → 02:05:37 เหมือนเรื่องเล่าก็ได้แต่จะเล่าให้สนุกๆ
02:05:37 → 02:05:42 แบบนี้แหละนะฮะพอดีมีตัวอย่างเสวยๆขอขอ
02:05:42 → 02:05:45 ขัดจังหวะเคสนี้ไว้ก่อนเคสนึงนะ
02:05:45 → 02:05:49 อไม่ไม่ต้องเพอเฟคก็ได้นะพี่หมหมอเพราะ
02:05:49 → 02:05:52 ว่าเราก็คุยกันอย่างงี้ไปเรื่อยๆนี่แหละ
02:05:52 → 02:05:55 ใช่เพราะว่าเคเนี้ยเวลาซักประวัติเรื่อง
02:05:55 → 02:05:58 อาหารเนี่ยมันออกมาตูมๆๆเลยแล้วมันเป็น
02:05:58 → 02:06:01 เหตุเป็นผลเลยว่าโอ้ตายจริงไปเข้าใจอย่าง
02:06:01 → 02:06:05 งี้เหรออุ้ยกินอย่างงี้เหรอเออถามอีกก็
02:06:05 → 02:06:08 ผิดอีกถามอีกก็ผิดอีกเ่ะนะเพราะฉะนั้น
02:06:08 → 02:06:11 เนี่ยทำไมเอ่อดอนฟีนอลมันไม่ลดเบาหวานไม่
02:06:11 → 02:06:15 ลดเอวันซีมันไม่ลดนะแล้วคนไข้มันไม่ดี
02:06:15 → 02:06:17 ขึ้นอะไรอย่างเงี้ย
02:06:17 → 02:06:21 อ๋ออืเพะว่ามันเป็นการเข้าใจมุมกับกันไป
02:06:21 → 02:06:25 หมดเลยอ่ะนะฮะนะกับองค์ความรู้ที่ควรจะ
02:06:25 → 02:06:28 เข้าใจให้มันถูกอ่ะนะ
02:06:28 → 02:06:33 เออี้นะอๆนะเดี๋ยว๋ค่อยฟังค่อยฟังโอเค
02:06:33 → 02:06:35 ครับงั้นเดี๋ยวเราปิดปิดปิดไลฟ์กันก่อน
02:06:36 → 02:06:38 แล้วกันนะครับโอเคไม่หรือที่ถามอย่าง
02:06:38 → 02:06:41 เงี้ยเพราะว่าอยากจะให้เล่าเรื่องอะไรกัน
02:06:41 → 02:06:45 ล่ะคือมันเป็นคำถามเปิดถามหมอก่อนน่ะหมอ
02:06:45 → 02:06:48 ก็เลยชิงบอกว่าเอาเคสนี้ก่อนเด้ออ๋เอ้อ
02:06:48 → 02:06:51 เรื่องไตไงเผื่อเผื่อว่าว่าพี่หมอตอนนั้น
02:06:51 → 02:06:55 ตอนนั้นค้างเรื่องไตกับไตกับยูริกครับผม
02:06:55 → 02:06:57 ไตเออยังมีเรื่องไตเรื่องเลือดเรื่อง
02:06:57 → 02:07:00 ยูริกอ่ะฮะเพราะว่าเรื่องคีโตนนี่มันแทรก
02:07:00 → 02:07:03 มาจากที่ผมไปคาบรองเท้ากลับมาที่บ้านไง
02:07:03 → 02:07:04 [เพลง]
02:07:05 → 02:07:09 โคือคือบางทีเราก็ไม่ได้เป็นไปตามสเต็ปนะ
02:07:09 → 02:07:11 1 2 3 อะไรอย่างเงี้ยบางทีแบบแล้วแต่
02:07:11 → 02:07:15 ว่าตอนนั้นนี่อะไรมันจะผุดขึ้นมาครับแล้ว
02:07:15 → 02:07:19 บังเอิญมีคนมีคนสนใจหลายคนเหมือนกันคือ
02:07:19 → 02:07:22 คือจริงๆอ่ะที่พูดเรื่องคีโตน adap ไปอ่ะ
02:07:22 → 02:07:25 ที่พูดบ่อยๆก็อยากให้คนแบบสะกิดใจสักนิด
02:07:25 → 02:07:30 ว่าเฮ้ยมันมันยังมีอะไรที่ไปต่ออีกใใช่
02:07:30 → 02:07:34 เออนั่นแหละแล้วจะได้จะได้จุดประกายให้
02:07:34 → 02:07:37 ได้ศึกษากันแล้วก็ได้ทดลองอะไรกันอย่าง
02:07:37 → 02:07:42 เงี้ยครับยิ่งให้คนมาสนใจไส้ในแต่ละแต่ละ
02:07:42 → 02:07:44 อย่างครับผมแต่สำคัญคืออยากให้อ่านค่า
02:07:44 → 02:07:47 เลือดเบื้องต้นเป็นเนาะพี่หมอเนาะเสำคัญ
02:07:47 → 02:07:50 มากคือคือถ้าอ่านค่าเลือดเราเราก็ทำตาราง
02:07:50 → 02:07:52 ให้แล้วนะแต่ก่อนโต้องมานั่งคำนวณเองตอน
02:07:52 → 02:07:55 พี่หมอคำอธิบายตอนแรกอ่ะมานั่งบวกลบคูณ
02:07:55 → 02:07:59 หารเองอ่ะโอโหปลดหัวใช่ๆๆนี่ตารางมันก็
02:08:00 → 02:08:04 ออกมาชัดเจนแล้วนะแต่ว่าแบบเราจะตีความตี
02:08:04 → 02:08:06 ความยังไงแต่ว่าเบื้องต้นดูก็ตีความได้
02:08:06 → 02:08:08 แล้วนะพี่หมอนะ
02:08:08 → 02:08:12 ได้ทำำบ่อยๆแปลความบ่อยๆเอามาศึกษาบ่อยๆ
02:08:13 → 02:08:15 เดี๋ยวมันก็ได้อ่ะมันจะเห็นทิศทางอ่ะฮะ
02:08:15 → 02:08:19 เออนั่นแหละมันจะเห็นทิศทางอ่ะฮะนะคือเรา
02:08:19 → 02:08:22 จะรู้เลยว่าตอนนี้เราขาดเราเกินตรงไหนอ่ะ
02:08:22 → 02:08:28 อือืเรารู้เลยอ่ะไม่ไม่ไม่ต้องมาอะไรขนาด
02:08:28 → 02:08:32 เอาเอาแค่ว่าการดื้ออินซูลินนะเรายังมี
02:08:32 → 02:08:36 เอ่ออะไรวะที่ดื้อที่ตับแล้วก็ดื้อที่
02:08:36 → 02:08:43 ดื้อที่ตับอ่อนน่ะพ ky G อ่ะเออเออนั่น
02:08:43 → 02:08:44 อีกอ่ะ
02:08:44 → 02:08:47 คือบางคนไม่ดื้อที่ตับแต่ไปดื้อที่ตับ
02:08:48 → 02:08:50 อ่อนนะอะไรอย่างเงี้ยมึง
02:08:50 → 02:08:53 เยจุดประกายครับให้ให้ได้ศึกษากันแล้วะ
02:08:53 → 02:08:56 กันว่าเออมันมีอะไรอยู่
02:08:56 → 02:09:01 ครับงั้นเราก็ปิดไลฟ์แค่นี้นะครับตอนนี้
02:09:01 → 02:09:04 ก็ 2 ช่วโมงหน่อยๆกำลังดี
02:09:04 → 02:09:08 นะก็คือขอสรุปนะเรื่องคีโตนเนี่ยต้องรู้
02:09:08 → 02:09:11 ความหมาย Fat burner นะแล้วก็ fash
02:09:11 → 02:09:14 adaptation แ adapted นะฮะแล้วก็คีย to
02:09:14 → 02:09:19 สนะแล้วก็คียตัว adaptation หรือคีย adapt
02:09:19 → 02:09:22 adapted นะ ket adapted เนี่ยต้องเข้า
02:09:22 → 02:09:27 ใจดีๆลึกๆเลยแล้วถึงจะไปต่อในเรื่องของ
02:09:27 → 02:09:33 คีโตนนะนะแล้วก็จะมี Dirty กับ Clean คีน
02:09:33 → 02:09:37 นะแล้วก็จะมาถึงเรื่องของ metabolic
02:09:37 → 02:09:40 flexibility แล้วก็มาถึง Healthy
02:09:40 → 02:09:41 ketosis
02:09:42 → 02:09:47 นะแล้วก็มาจบที่เ่อ She Day C Cycling
02:09:47 → 02:09:52 นะฮะนะครับเนี่ยลำดับขั้นในเรื่องของ
02:09:52 → 02:09:56 คีโตนมันจะเป็นแบบนี้นะไปดูความหมายต่างๆ
02:09:56 → 02:10:01 ไปทำความเข้าใจให้ดีอืครับแล้วหลังจากเ
02:10:01 → 02:10:04 เราก็จะไม่มาพูดถึงเรื่องอันนี้อีกแล้วพอ
02:10:04 → 02:10:09 แล้วนะนะอือเราก็จะได้ไปต่ออืใครใครมาถาม
02:10:09 → 02:10:14 ก็ส่งไอ้วดีโอนี้ไปให้ดูแล้วกันเออเออมัน
02:10:14 → 02:10:19 ก็ตอบหมดแล้วล่ะไม่คุณมีเวลาพอสัก 2 ชั่ม
02:10:19 → 02:10:23 มครับ 2 ชั่วโมงมครับ 4 ช่มพี่มันมี 2
02:10:23 → 02:10:27 ตอน 4 4 เออมี 2 ภาคมี 2
02:10:27 → 02:10:33 ภาคเออนี่วันนี้แค่นี้เนาะครับพี่หมอ
02:10:33 → 02:10:36 ขอบคุณครับขอบคุณมากครับขอบคุณมากครับ
02:10:36 → 02:10:39 ครับสวัสดีครับครับสวัสดีครับสวัสดีครับ
02:10:39 → 02:10:47 [เพลง]
02:10:47 → 02:10:50 ผม
02:10:50 → 02:10:57 [เพลง]
02:10:57 → 02:11:03
02:11:03 → 02:11:12 [เพลง]
02:11:12 → 02:11:15 เ