00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับผมก็ได้เห็นข่าวที่มีศัญยแพทย์
00:00:03 → 00:00:05 ที่ Imperial College Londอ Dr. James
00:00:05 → 00:00:09 Kinrอsได้ออกมาเตือนผู้คนว่าการบริโภคเว
00:00:09 → 00:00:11 โปรตีนนั้นสามารถที่จะเพิ่มโอกาสการเกิด
00:00:11 → 00:00:14 มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักให้กับเราได้
00:00:14 → 00:00:17 นะครับเรื่องนี้ก็แน่นอนครับทำให้หลายคน
00:00:17 → 00:00:20 มีความกังวลแล้วก็สงสัยว่าแล้วเราจะ
00:00:20 → 00:00:23 บริโภคมันต่อไปได้มยถ้าบริโภคจะบริโภค
00:00:23 → 00:00:26 เท่าไหร่แล้วอะไรคือเหตุผลและหลักฐานที่
00:00:27 → 00:00:29 แท้จริงในเรื่องนี้นะครับผมก็เลยอยากจะ
00:00:29 → 00:00:32 หยิบยกเรื่องนี้มาอธิบายให้ฟังไปถึงแก่น
00:00:32 → 00:00:34 เลยนะครับว่าดร.เมื่อคินรอเนี่ยเามีความ
00:00:34 → 00:00:37 คิดด้านไหนบ้างและเหตุผลของเขาคืออะไรนะ
00:00:37 → 00:00:39 ครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธนีธนียวันณ
00:00:39 → 00:00:41 เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐ
00:00:41 → 00:00:43 อเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและ
00:00:43 → 00:00:47 วิกฤตบำบัดนะครับเรื่องราวนะครับมันก็คือ
00:00:47 → 00:00:49 ตอนนี้เนี่ยมันมีการเพิ่มขึ้นของอุบัติ
00:00:49 → 00:00:52 การณโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวันน่ะครับ
00:00:52 → 00:00:56 แล้วก็เราเจอหลายครั้งเป็นในคนอายุน้อย
00:00:56 → 00:00:59 ที่ไม่ได้มีความเสี่ยงอะไรชัดเจนนะครับ
00:00:59 → 00:01:01 ดร.เมื่อ James Kinrอเนี่ยเขาก็เลยมีความ
00:01:01 → 00:01:05 กังวลในเรื่องนี้นะครับโดยส่วนตัวเขานะ
00:01:05 → 00:01:07 ครับดร. James Kinrอsเนี่ยเขาเป็น
00:01:07 → 00:01:09 สัญแพทย์ลำไส้ใหญ่และทวารหนักทำงานมากว่า
00:01:09 → 00:01:13 20 ปีนะครับแล้วก็เขายังมีอีกงานนึงก็
00:01:13 → 00:01:16 คือเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์วิจัยเรื่องของ
00:01:16 → 00:01:19 กัดไมโครไบโอมนะครับคำว่ากัดไมโครไบโอมก็
00:01:19 → 00:01:21 คือสังคมแบคทีเรียที่มันอยู่ในลำไส้ของ
00:01:21 → 00:01:24 เรานะครับแล้วสังคมเนี้ยมันประกอบไปด้วย
00:01:25 → 00:01:27 แบคทีเรียหลากหลายชนิดสมมุติว่ามันเกิด
00:01:27 → 00:01:30 ความไม่สมดุลที่เราเรียกว่า disbiosis
00:01:30 → 00:01:33 ขึ้นมาแล้วล่ะก็เราเชื่อว่ามันจะนำไปสู่
00:01:33 → 00:01:36 การเกิดโรคต่างๆเช่นโรคการอักเสบในร่าง
00:01:36 → 00:01:39 กายโรคหลอดเลือดหัวใจโรคสมองต่างๆนะครับ
00:01:39 → 00:01:42 รวมไปถึงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่อย่างที่เรา
00:01:42 → 00:01:44 กำลังจะพูดกันในวันนี้ด้วยนะครับดังนั้น
00:01:44 → 00:01:48 เนี่ยดร. James Kinrอsเขาก็พูดจาก
00:01:48 → 00:01:50 ประสบการณ์ของเค้านะครับว่าจากการที่
00:01:51 → 00:01:54 เขา้าดูแลผู้ป่วยมานะครับแล้วก็การที่เขา
00:01:54 → 00:01:56 วิจัยเรื่องของกัดไมโครไบโอมเนี่ยบอกว่า
00:01:56 → 00:01:59 เวโปรตีนหรือโปรตีนผงนั้นมันเป็นสิ่งที่
00:01:59 → 00:02:01 ไม่ดีต่อร่างกายถ้าเกิดคุณกินเข้าไปมันจะ
00:02:01 → 00:02:04 แปลงร่างกายไปเป็นสารพิษนะครับแล้วก็อาจ
00:02:04 → 00:02:08 จะทำให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ขึ้นมาได้นะ
00:02:08 → 00:02:11 ครับแล้วก็ไม่ใช่แค่เรื่องของเวโปรตีนนะ
00:02:11 → 00:02:13 ครับเค้ายังพูดเพิ่มขึ้นในเรื่องของ
00:02:13 → 00:02:16 ครีทินีนโดยเขาบอกว่าครีตนินีนินเนี่ย
00:02:16 → 00:02:19 เป็นสิ่งที่มีโปรตีนสูงนะครับซึ่งจริงๆ
00:02:19 → 00:02:21 มันไม่ใช่นะเอ่อครีตินีนเป็นสิ่งที่มี
00:02:21 → 00:02:24 โปรตีนสูงคุณกินเข้าไปมันจะไปเปลี่ยนแปลง
00:02:24 → 00:02:26 กัดไมโครไบโอมหรือสังคมแบคทีเรียตัวดีใน
00:02:26 → 00:02:29 ลำไส้ของเราแล้วก็นำไปสู่โรคต่างๆได้นะ
00:02:29 → 00:02:33 ครับเค้าแนะนำว่าถ้าจะกินเนี่ยควรจะกิน
00:02:33 → 00:02:36 อาหารปกตินะครับโปรตีนควรจะได้จากอาหาร
00:02:36 → 00:02:38 ปกติให้หลีกเลี่ยงเนื้อแดงนะครับถ้าเกิด
00:02:38 → 00:02:41 กินเนื้อแดงก็กินได้แต่อย่าบ่อยเช่นกิน
00:02:41 → 00:02:44 แค่อาทิตย์ละ 1 ครั้งนะครับระหว่างนั้น
00:02:44 → 00:02:46 เนี่ยเนี่ยคุณอาจจะไปกินโปรตีนจากแหล่ง
00:02:46 → 00:02:49 อื่นนะครับเพื่อให้สุขภาพในลำไส้ของเรา
00:02:49 → 00:02:51 มันดีนะครับเาบอกว่าคุณไม่จำเป็นจะต้อง
00:02:51 → 00:02:55 กินนะครับคือนคือกินเฉพาะพืชผักอย่าง
00:02:55 → 00:02:57 เดียวเลยไม่กินอะไรที่เป็นผลิตภัณฑ์จาก
00:02:57 → 00:02:59 สัตว์เ้าบอกว่าคุณไม่ต้องขนาดนั้นถ้าจะ
00:02:59 → 00:03:01 กินให้ปลอดภัยเนี่ยเขาก็แนะนำว่ากิน
00:03:02 → 00:03:04 โปรตีนจากพืชเป็นหลักนะครับแต่ว่าสามารถ
00:03:04 → 00:03:07 ที่จะกินไก่กินปลาพวกนี้ได้ด้วยนะครับให้
00:03:07 → 00:03:09 เลี่ยงเนื้อแดงไปเท่านั้นเองถ้าจะกิน
00:03:09 → 00:03:11 เนื้อแดงก็อาทิตย์ละ 1 ครั้งนะครับนั่น
00:03:11 → 00:03:14 คือคำแนะนำของเขานะนอกเหนือจากนี้เขายัง
00:03:14 → 00:03:18 แนะนำไปอีกว่าผงผักต่างๆนะครับผงไฟเบอร์
00:03:18 → 00:03:20 นะฮอะไรที่เป็นผงเนี่ยมันไม่ดีต่อลำไส้
00:03:20 → 00:03:23 ของเราแล้วก่อให้เกิดการอักเสบนะครับสุด
00:03:23 → 00:03:26 ท้ายนำไปสู่เรื่องของ disbellsis หรือ
00:03:26 → 00:03:28 สังคมแบคทีเรียที่ผิดปกติแล้วก็นำไปสู่
00:03:28 → 00:03:32 โรคมะเร็งและโรคอักเสบอื่นๆอ่าอันนี้คือ
00:03:32 → 00:03:35 สิ่งที่เขากล่าวเราจะขอมาอธิบายกันเป็น
00:03:35 → 00:03:38 ประเด็นเลยนะครับขอเริ่มต้นด้วยเโปรตีน
00:03:38 → 00:03:41 ก่อนนะครับเโปรตีนเนี่ยต้องบอกอย่างี้
00:03:41 → 00:03:44 ครับว่ามีคนเคยคิดมาก่อนหน้านี้แล้วว่า
00:03:44 → 00:03:48 มันอาจจะเกี่ยวข้องกับมะเร็งลำไส้แต่ความ
00:03:48 → 00:03:52 คิดคุณคิดได้ครับคุณต้องพิสูจน์ด้วยนะ
00:03:52 → 00:03:56 ครับทีนี้พิสูจน์เค้าทำอะไรนะครับมีการ
00:03:56 → 00:03:58 ศึกษาแบบ metaanalysis นะครับเรียบร้อย
00:03:58 → 00:04:02 แล้วนะฮะคือในงานศึกษาเผมจะแปะลิงก์ให้
00:04:02 → 00:04:05 ทุกคนไปอ่านด้วยนะครับการศึกษานี้ทำมาโดย
00:04:05 → 00:04:07 การรวบรวมการศึกษาใหญ่ๆทั้งหมดประมาณสซัก
00:04:07 → 00:04:12 21 การศึกษามีผู้เข้าร่วม 8,100 กว่าคน
00:04:12 → 00:04:16 นะครับเเจอว่าไม่ว่าคุณจะบริโภคโปรตีนสูง
00:04:17 → 00:04:20 หรือโปรตีนต่ำมันไม่ได้ทำให้เกิดโรค
00:04:20 → 00:04:24 มะเร็งลำไส้ใหญ่ขึ้นมาเลยแม้แต่น้อยมัน
00:04:24 → 00:04:26 ไม่มีความแตกต่างกันและไม่เพียงแค่นั้น
00:04:26 → 00:04:29 ครับแหล่งโปรตีน
00:04:29 → 00:04:32 ไม่ว่าจะเป็นจากสัตว์หรือจากพืชก็ไม่ต่าง
00:04:32 → 00:04:35 กันในเรื่องของการเกิดมะเร็งลำไส้นะครับ
00:04:35 → 00:04:38 อันเนี้ยมีการวิจัยจากตัวเวโปรตีนด้วยนะ
00:04:38 → 00:04:43 ครับก็ไม่เจอว่ามันทำให้เกิดปัญหาทีนี้
00:04:43 → 00:04:46 เขาก็ไปเจอสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่
00:04:46 → 00:04:49 ดร. Kinos พูดก็คือในเวโปรตีนเนี่ยมันจะ
00:04:49 → 00:04:53 มีสารอย่างหนึ่งเรียกว่าแลฟerินนะครับ
00:04:53 → 00:04:56 แลคโตเฟerินเนี่ยกลับกลายเป็นผลดีต่อกัด
00:04:56 → 00:05:00 ไมโครไบโอมลดการอักเสบนะครับแล้วก็ลด
00:05:00 → 00:05:03 โอกาสในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่เสียด้วยนะ
00:05:03 → 00:05:05 ฮะถึงแม้ว่าการศึกษาอันนี้เนี่ยอาจจะเป็น
00:05:05 → 00:05:08 การศึกษาที่ไม่ได้ใหญ่มากมายนะครับแต่ว่า
00:05:08 → 00:05:10 มันมีหลายการศึกษาที่พูดเป็นทำนองเดียว
00:05:10 → 00:05:14 กันว่าถ้าคุณได้เวโปรตีนโอกาสในการเกิด
00:05:14 → 00:05:16 โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ของคุณเนี่ยเนี่ยมัน
00:05:16 → 00:05:19 ไม่ได้เพิ่มขึ้นจากการศึกษาแบบจำนวนคน
00:05:19 → 00:05:22 เยอะๆนะครับแถมมันยังมีกระบวนการบางอย่าง
00:05:22 → 00:05:25 ที่อาจจะลดโอกาสการเกิดการอักเสบแล้วก็ลด
00:05:25 → 00:05:28 โอกาสในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่เสียด้วยนะ
00:05:28 → 00:05:31 ครับอย่างไรก็ตามสิ่งที่เราต้องเข้าใจต่อ
00:05:31 → 00:05:36 ไปก็คือเวโปรตีนเดี๋ยวเนี้ยมันอาจจะไม่
00:05:36 → 00:05:39 ได้มีแค่โปรตีนผงอย่างเดียวแต่สิ่งที่อาจ
00:05:39 → 00:05:43 จะเป็นอันตรายในเวย์โปรตีนนะครับคือถ้า
00:05:43 → 00:05:46 มันมีการปนเปื้อนนะครับเช่นมีการปนเปื้อน
00:05:46 → 00:05:49 โลหะหนักนะครับไม่ว่าจะเป็นตะกั่วปลอด
00:05:49 → 00:05:52 แคทเมียมหรืออื่นๆปนเปื้อนเรื่องของอ่ายา
00:05:52 → 00:05:56 ฆ่าวัชพืชยาข้าวแมลงนะครับพวกเนี้ยถือว่า
00:05:56 → 00:05:59 เป็นสิ่งที่ก่อมะเร็งได้นะครับถ้าเรากิน
00:06:00 → 00:06:03 เข้าไปเป็นปริมาณมากนะครับและอีกอย่างนึง
00:06:03 → 00:06:06 คือ ultra process นะครับ ultra process
00:06:06 → 00:06:09 way คืออะไรนะครับคือเโปรตีนโดยทั่วไป
00:06:09 → 00:06:12 เนี่ยมันจะไม่มีรสชาติอะไรเลยนะครับมันจะ
00:06:12 → 00:06:16 จืดๆนี่แหละนะครับแต่การแต่งสีแต่งกลิ่น
00:06:16 → 00:06:19 แต่งรสชาตินะครับนั่นก็คือกระบวนการที่
00:06:19 → 00:06:21 เรียกว่า Ultra Process คือมีการเติม
00:06:21 → 00:06:23 อะไรเข้าไปนะครับซึ่งหนึ่งในนั้นเนี่ยก็
00:06:23 → 00:06:26 คือน้ำตาลและรสชาติสิ่งพวกนี้นี่แหละครับ
00:06:26 → 00:06:29 ที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมแบคทีเรียในลำ
00:06:29 → 00:06:32 ไส้เราได้นะครับแล้วก็อาจจะทำให้เกิดโรค
00:06:32 → 00:06:36 มะเร็งหรือโรคการอักเสบต่างๆตามมาได้ดัง
00:06:36 → 00:06:39 นั้นถ้าโดยเนื้อแท้จริงๆเนี่ยจากข้อมูล
00:06:39 → 00:06:42 ที่มีในงานวิจัยทั้งหมดที่ผมไปหามานะครับ
00:06:42 → 00:06:45 เวโปรตีนเนี่ยไม่ได้ทำให้คุณเป็นโรค
00:06:45 → 00:06:47 มะเร็งลำไส้ใหญ่หรือทวันหนักเพิ่มมากขึ้น
00:06:47 → 00:06:50 แต่อย่างใดไม่ได้ก่อให้เกิดการอักเสบแล้ว
00:06:50 → 00:06:53 แถมอาจจะเป็นผลดีต่อเรื่องของกัด
00:06:53 → 00:06:57 ไมโครไบโอมด้วยและมันยังเพิ่มพวก
00:06:57 → 00:07:00 แบคทีเรียตัวดีให้กับลำไส้เรานะครับเช่น
00:07:01 → 00:07:03 กลุ่มอ่าบิฟidโดคทีเรียมแลคโตบซีัสพวก
00:07:03 → 00:07:05 เนี้ยสามารถเพิ่มขึ้นได้ด้วยนะครับซึ่ง
00:07:05 → 00:07:09 เป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกายเรานะแต่คุณจะ
00:07:09 → 00:07:12 ต้องมีการตรวจสอบเวโปรตีนชนิดนั้นให้ดี
00:07:12 → 00:07:15 โดยดูว่ามันมีหน่วยงานอิสระอะไรมั้มาตรวจ
00:07:15 → 00:07:19 สอบเวโปรตีนนั้นเพื่อให้ได้คุณภาพไม่มี
00:07:19 → 00:07:21 สิ่งที่มันปนเปื้อนอะไรแล้วถ้าให้เลือกก็
00:07:21 → 00:07:24 เลือกโปรตีนชนิดที่ไม่มีรสจะดีที่สุด
00:07:24 → 00:07:27 เพราะมันไม่มีการกระบวนการพิเศษอะไรที่จะ
00:07:27 → 00:07:30 ไปเปลี่ยนแปลงให้มันมีปัญหานะครับการแต่ง
00:07:30 → 00:07:32 สีแต่งกลิ่นแต่งรสอะไรพวกเนี้ยก็ถ้า
00:07:32 → 00:07:35 เลี่ยงไปได้จะดีที่สุดนะครับนี่คือเรื่อง
00:07:35 → 00:07:41 ของเโปรตีนนะฮะทีนี้ดร. Kinr ก็ยังพูดถึง
00:07:41 → 00:07:43 เรื่องของโปรตีนผงอย่างอื่นนะครับไม่ว่า
00:07:43 → 00:07:48 จะเป็นผงไฟเบอร์ผงผักอ่าผงโปรตีนจากพืชนะ
00:07:48 → 00:07:50 ครับเขาบอกว่ามันไม่ดีมันจะก่อให้เกิดการ
00:07:51 → 00:07:52 อักเสบของร่างกายซึ่งตรงนี้ต้องบอกเลย
00:07:52 → 00:07:55 ครับว่าไม่จริงนะครับไม่มีความจริงเลยถ้า
00:07:55 → 00:07:59 คุณเอาตัวโปรตีนของมันล้วนๆนะพวกผงพวก
00:07:59 → 00:08:01 เนี้ยไม่มีความเกี่ยวข้องนะครับแล้ว
00:08:01 → 00:08:04 ไฟเบอร์กากใยที่มันเป็นผงเนี่ยนะครับจริง
00:08:04 → 00:08:07 ๆมันดีต่อลำไส้เราด้วยเพราะอะไรรู้มั้ฮะ
00:08:07 → 00:08:11 มันคือสารกลุ่มที่เรียกว่าพรีไบโอติกครับ
00:08:11 → 00:08:14 พีไบโอติกก็คืออาหารของแบคทีเรียตัวดีที่
00:08:14 → 00:08:16 อยู่ในลำไส้เรานั่นแหละนะครับการที่คุณ
00:08:16 → 00:08:19 ให้อาหารก็จะทำให้แบคทีเรียตัวดีในลำไส้
00:08:19 → 00:08:21 ของเราเนี่ยมันเจริญเติบโตแล้วทำหน้าที่
00:08:21 → 00:08:26 ได้ดีนะครับพวกนี้มันจะสามารถสร้างสารที่
00:08:26 → 00:08:28 มีประโยชน์ให้กับร่างกายเราก็คือสารกลุ่ม
00:08:28 → 00:08:31 ที่เรียกว่าโพสไบโอติกนะครับอ่าตรงนี้อาจ
00:08:32 → 00:08:33 จะงงนิดนึงซึ่งผมเคยทำคลิปเรื่อง
00:08:33 → 00:08:35 พรีไบโอติกกับโปรไบโติกไปแล้วนะครับ
00:08:35 → 00:08:39 พรีไบโอติกคืออาหารของโปรไบบติก
00:08:39 → 00:08:41 โปรไบโอติกก็คือแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้
00:08:41 → 00:08:43 นะครับกจจะเป็นแบคทีเรียตัวดีหรือ
00:08:43 → 00:08:45 แบคทีเรียตัวร้ายมันก็ต้องไปต่อสู้กันเอง
00:08:45 → 00:08:48 นะครับแบคทีเรียตัวดีโปรไบโอติกเนี่ยจะ
00:08:49 → 00:08:50 สร้างสารที่มีประโยชน์ให้กับร่างกายเรา
00:08:50 → 00:08:53 เรียกว่าโพสไบโอติกซึ่งมีสารหลากหลายชนิด
00:08:53 → 00:08:54 วันนี้จะไม่ขอลงรายละเอียดแล้วกันนะ
00:08:54 → 00:08:58 ครับงั้นอันเนี้ยก็คือถ้าเกิดคุณกิน
00:08:58 → 00:09:01 ไฟเบอร์ที่คุณดูแน่ๆว่ามันมีการตรวจสอบ
00:09:01 → 00:09:04 ชัดเจนนะครับไม่มีสารปนเปื้อนมันกลับกลาย
00:09:04 → 00:09:08 เป็นสิ่งดีต่อร่างกายแต่คุณต้องดื่มน้ำ
00:09:08 → 00:09:10 เข้าไปเยอะๆนะครับมิฉะนั้นอาจจะเกิดอาการ
00:09:10 → 00:09:14 ท้องผูกลำไส้อุดตันได้ผมเคยทำเรื่องไอ้
00:09:14 → 00:09:16 ตัวไฟเบอร์พวกนี้ไปแล้วนะครับอยู่ใน
00:09:16 → 00:09:19 เรื่องของไซiมนะครับก็ถ้าใครจำไม่ได้ก็
00:09:19 → 00:09:21 ลองย้อนกลับไปฟังคลิปนั้นดูนะครับก็เล่า
00:09:21 → 00:09:25 รายละเอียดไว้หมดแล้วนะฮะผงผักผมก็เคยทำ
00:09:25 → 00:09:27 คลิปไปแล้วเช่นกันถ้าทำอย่างได้มาตรฐานนะ
00:09:27 → 00:09:30 ครับมันก็ไม่ได้มีอันตรายอะไรอย่างที่
00:09:30 → 00:09:34 กล่าวแล้วก็ต้องกังวลแต่อย่างใดนะครับอ่ะ
00:09:34 → 00:09:39 ต่อมาเรื่องของโปรตีนนะครับถามว่าเฮ้ย
00:09:39 → 00:09:41 แล้วจะกินเท่าไหร่กินยังไงกินอะไรแบบไหน
00:09:41 → 00:09:45 ดีนะครับข้อแรกนะครับขอเริ่มจากคำแนะนำ
00:09:45 → 00:09:48 ที่ดร. Kin loss พูดว่าเนื้อแดงเนี่ยเรา
00:09:48 → 00:09:50 ควรจะหลีกเลี่ยงมันเข้าไปนะครับอ่ะอันนี้
00:09:50 → 00:09:54 แน่นอนคงจะไม่ถูกใจสายคาร์นิวอเป็นอย่าง
00:09:54 → 00:09:56 ยิ่งนะครับบางคนเนี่ยเป็นคาร์นวอเคตคือ
00:09:56 → 00:09:58 กินแต่เนื้ออย่างเดียวอย่างอื่นไม่เอาเลย
00:09:58 → 00:10:01 นะครับเพราะว่าเขาเชื่อว่ามันจะช่วยทำให้
00:10:01 → 00:10:03 ร่างกายของเขาเนี่ยแข็งแรงลดน้ำหนักได้นะ
00:10:03 → 00:10:05 ครับซึ่งกระบวนการในการลดน้ำหนักของการ
00:10:05 → 00:10:10 กินคาร์นวอเอตเนี่ยเพราะว่าในเนื้อนะครับ
00:10:10 → 00:10:12 มันจะไม่ค่อยได้มีพลังงานมากเท่ากับการ
00:10:12 → 00:10:14 กินคาร์โบไฮเดรตกินน้ำตาลกินอย่างอื่น
00:10:14 → 00:10:17 เข้าไปนะครับเค้าก็เลยสามารถที่จะลดน้ำ
00:10:17 → 00:10:19 หนักได้เพราะว่าของพวกเนี้ยกินแล้วมัน
00:10:19 → 00:10:22 อิ่มท้องและมีแคลอรี่ต่ำนะครับแต่ก็จะมี
00:10:22 → 00:10:24 ปัญหาอย่างอื่นจะทำให้เกิดความไม่สมดุลใน
00:10:24 → 00:10:27 ด้านการกินนะครับอ่ะแต่ว่าเรื่องของ
00:10:27 → 00:10:29 คารivอ diet ผมเคยทำคลิปไปแล้วอีกเหมือน
00:10:29 → 00:10:31 กันถ้าใครจำไม่ได้ก็ลองย้อนไปดูนะครับราย
00:10:31 → 00:10:34 ละเอียดเล่าไว้ในนั้นหมดแล้วแต่วันนี้
00:10:34 → 00:10:37 ครับเราต้องมาดูว่าการกินเนื้อแดงเนี่ย
00:10:37 → 00:10:40 มันมีปัญหาอะไรบ้างนะฮะดร.เมื่อกีนบอกว่า
00:10:40 → 00:10:42 การกินเนื้อแดงเนี่ยมันจะมีการสลายกลายไป
00:10:43 → 00:10:45 เป็นสารที่เป็นพิษต่อร่างกายได้นะครับ
00:10:45 → 00:10:49 แล้วก็ทำให้เกิดปัญหาต่างๆคือมะเร็งลำไส้
00:10:49 → 00:10:52 ผมขอเล่ารายละเอียดไปเลยว่าตกลงมันคือพิษ
00:10:52 → 00:10:55 อะไรกันแน่นะครับต้องบอกว่าอย่างี้ครับ
00:10:55 → 00:10:59 การเล่าแค่เนี้ยอาจจะทำให้เข้าใจผิดได้
00:10:59 → 00:11:02 เนื้อแดงเนี่ยถ้าสลายออกมานะครับสิ่งที่
00:11:02 → 00:11:05 เราได้แล้วจะเป็นสารก่อเกิดการอักเสบ
00:11:05 → 00:11:08 เนี่ยคือ tmaO นะครับสร้างตัวนี้ขึ้นมา
00:11:08 → 00:11:11 เสร็จปุ๊บเนี่ยเนี่ยตัวสารนี่แหละ TMAO
00:11:11 → 00:11:14 เนี่ยมันจะก่อเกิดการอักเสบในร่างกายและ
00:11:14 → 00:11:16 มีความเกี่ยวโยงกับการเกิดโรคหลอดเลือด
00:11:16 → 00:11:18 ต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหลอดเลือดหัว
00:11:18 → 00:11:21 ใจหลอดเลือดสมองหรืออื่นๆนะครับอันนี้คือ
00:11:21 → 00:11:25 สิ่งที่เนื้อแดงมันทำให้เกิดได้แต่ตัว
00:11:25 → 00:11:27 เนื้อแดงเนี่ยถามว่ามันทำให้เกิดมะเร็ง
00:11:27 → 00:11:30 ยังไงนะครับต้องบอกอย่างงี้ครับว่ามัน
00:11:30 → 00:11:33 เกิดจากกระบวนการทำเนื้อแดงเช่นคุณเอาไป
00:11:33 → 00:11:35 ปิ้งไปย่างนะครับถ้ามันดำเนี่ยมันก็จะ
00:11:36 → 00:11:39 เกิดสารพวกกลุ่มอโรมติกไฮโดรคาร์บอนพวก
00:11:39 → 00:11:41 เนี้ยอันเนี้ยจะก่อมะเร็งได้เวลาคุณปิ้ง
00:11:42 → 00:11:44 ทอดย่างแล้วมันดำๆไอ้ตรงนี้แหละที่มัน
00:11:44 → 00:11:49 เป็นมะเร็งนะครับหรือถ้ามีการผสมสารเร่ง
00:11:49 → 00:11:52 เนื้อแดงนะครับแล้วเกิดเป็นกลุ่มไนทรพวก
00:11:52 → 00:11:54 เนี้ยนะครับหรือดินประสิวเนี่ยไอ้เนี่ย
00:11:54 → 00:11:57 แหละที่มีปัญหาแต่ถ้าเกิดคุณได้เนื้อแดง
00:11:57 → 00:11:59 ที่ไม่ได้มีปัญหาตรงนี้นะครับแล้วคุณก็
00:11:59 → 00:12:01 ไม่ได้ไปปิ้งจนกระทั่งมันดำเนี่ยคุณก็ไม่
00:12:01 → 00:12:04 เป็นไรคุณสามารถกินได้นะครับสามารถกินได้
00:12:04 → 00:12:06 แต่ถ้ากินแต่เนื้อแดงอย่างเดียวเนี่ยก็
00:12:06 → 00:12:09 แน่นอนครับท้องผูกนะครับสิ่งหนึ่งซึ่งผม
00:12:09 → 00:12:12 เห็นด้วยกับดร. Kinrost ก็คือการทานอาหาร
00:12:12 → 00:12:14 ให้หลากหลายนะครับไม่ใช่ทานแต่ไอ้นี่
00:12:14 → 00:12:17 อย่างเดียวนะครับดร.เพินรอที่เค้าเน้นบอก
00:12:17 → 00:12:20 ว่าคุณจะกินโปรตีนที่มาจากพืชเป็นหลักนะ
00:12:20 → 00:12:23 ครับจากสัตว์คือกินได้แต่ไม่ต้องเยอะขนาด
00:12:23 → 00:12:26 นั้นเพราะว่าถ้าการกินจากพืชเนี่ยมันจะ
00:12:26 → 00:12:28 ช่วยลดการอักเสบได้มากกว่าซึ่งมีส่วนจริง
00:12:28 → 00:12:32 นะฮะมีส่วนจริงนะครับสุดท้ายเนี่ยคือกิน
00:12:32 → 00:12:34 ให้มันสมดุลดีที่สุดนะครับคุณกินได้ทุก
00:12:34 → 00:12:38 โปรตีนไม่ว่าจากเนื้อแดงจากเนื้อปลาเนื้อ
00:12:38 → 00:12:42 ไก่นะครับแล้วก็กลุ่มอาหารที่มาจากพืชคุณ
00:12:42 → 00:12:44 สามารถกินได้ถ้าเกิดคุณจะกินเสริมเว
00:12:44 → 00:12:48 โปรตีนจะกินโปรตีนผงผักนะครับหรือจะกิน
00:12:48 → 00:12:51 พวกโปรตีนที่มาจากอื่นถั่วอะไรอย่างเงี้ย
00:12:51 → 00:12:53 คุณสามารถกินได้มันไม่ได้มีอันตรายขนาด
00:12:53 → 00:12:56 นั้นงานวิจัยก็มีรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว
00:12:56 → 00:13:02 นะครับมาถึงเรื่องของครีนที่ดร.Kinrอsพูด
00:13:02 → 00:13:05 ดร. Kin ross เนี่ยเดี๋ยวผมขออ่านดูเค้า
00:13:05 → 00:13:07 บอกว่าตัว
00:13:07 → 00:13:13 นี้นะครับคือมันเป็นโปรตีนนะครับคือเค้า
00:13:13 → 00:13:15 บอกว่าไอ้ตัวครีตนี่มันเป็นอ่าสารอาหาร
00:13:15 → 00:13:18 ที่มีโปรตีนสูงซึ่งมันไม่ใช่นะครับครีทีน
00:13:18 → 00:13:22 เนี่ยไม่ใช่โปรตีนนะครับเนี่ยเค้าเขียน
00:13:22 → 00:13:25 ไว้เลยนะฮะแต่ครีทีนเนี่ยมันประกอบไปด้วย
00:13:25 → 00:13:27 กรดอะมิโนทั้งหมด 3 อย่างนั่นก็คือตัว
00:13:27 → 00:13:31 อารเจีนีนไกลซีนแล้วก็เมไทโอนีนนะครับโดย
00:13:31 → 00:13:34 ทั่วไปคนจะเข้าใจว่าสิ่งที่เอากรดอะมิโน
00:13:34 → 00:13:37 มาต่อกันนะครับกลายเป็นสายอ่ะเล็กๆมันจะ
00:13:37 → 00:13:39 เรียกว่าเพปไดถ้ามีเพปไทลหลายๆตัวต่อกัน
00:13:40 → 00:13:42 จะเรียกว่าโปรตีนนะครับเค้าก็เลยอาจจะ
00:13:42 → 00:13:44 เข้าใจคลาดเคลื่อนตรงนี้ไปนิดนึงหรือไม่
00:13:44 → 00:13:47 ฉะนั้นก็พูดแล้วก็คลาดเคลื่อนไปนิดนึงว่า
00:13:47 → 00:13:49 ครีทีนคือโปรตีนแต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่
00:13:49 → 00:13:53 ครับเพราะว่าอะไรรู้มั้ฮะการจะเป็นโปรตีน
00:13:53 → 00:13:56 ได้เนี่ยกรดอะมิโนเหล่านี้เวลามันมาต่อ
00:13:56 → 00:13:58 กันแล้วเนี่ยมันจะต้องมีการสร้างพันธะ
00:13:58 → 00:14:01 เพปไทดแต่ถ้าไม่มีพันธะนี้จะเป็นพันธะ
00:14:01 → 00:14:03 ชนิดอื่นจะไม่ใช่เพปไทดแล้วจะไม่ใช่
00:14:03 → 00:14:06 โปรตีนด้วยครีตินีนเนี่ยไม่ใช่โปรตีนนะ
00:14:06 → 00:14:11 ครับดังนั้นอันเนี้ยไม่ถูกต้องนะครับแล้ว
00:14:11 → 00:14:14 ยังไงต่อครีทีนเ้าบอกว่ามันสามารถเปลี่ยน
00:14:14 → 00:14:18 แปลงไมโครไบโอมในร่างกายเราได้อีกแล้วนะ
00:14:18 → 00:14:20 ครับแล้วก็ก่อให้เกิดการอักเสบกับร่างกาย
00:14:20 → 00:14:24 ได้นะครับอาจจะนำไปสู่โรคมะเร็งต่างๆได้
00:14:24 → 00:14:27 นะต้องบอกว่าจริงๆแล้วตรงกันข้ามด้วยนะฮะ
00:14:27 → 00:14:31 คือครีเนี่ยไม่ได้ทำให้เกิดโรคมะเร็งแล้ว
00:14:31 → 00:14:35 ก็ไม่ได้ทำให้เกิดภาวะในร่างกายแต่มันอาจ
00:14:35 → 00:14:38 จะเปลี่ยนแปลงกัดไมโครไบโอมหรือแบคทีเรีย
00:14:38 → 00:14:40 ตัวดีในร่างกายของเราได้นะครับอาจจะ
00:14:40 → 00:14:44 เปลี่ยนแปลงได้แต่มีแต่ที่ 2 อีกมัน
00:14:44 → 00:14:47 เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีครับอ่าตรงเแหละ
00:14:47 → 00:14:50 ที่หลายคนไม่รู้นะครับสำหรับคนที่ไม่รู้
00:14:50 → 00:14:52 ว่า creative คืออะไรผมเคยทำคลิปเรื่อง
00:14:52 → 00:14:54 ครีครนไปแล้วนะครับแต่วันเนี้จะมีข้อมูล
00:14:54 → 00:14:57 เพิ่มขึ้นอีกนิดนึงนะครับครีเอทีนโดยทั่ว
00:14:57 → 00:14:59 ไปนะครับร่างกายของเราเนี่ยสร้างได้อยู่
00:14:59 → 00:15:02 แล้วประมาณสัก 1-2 กรัมวันต่อวันนะครับ
00:15:02 → 00:15:05 แต่ถ้าเราไปกินอาหารมาเนี่ยมันจะได้มาจาก
00:15:05 → 00:15:07 สัตว์เป็นหลักนะครับครีทีนเนี่ยมาจาก
00:15:07 → 00:15:10 สัตว์ถ้าคุณกินเลยเนี่ยคุณจะมีปริมาณ
00:15:11 → 00:15:13 ครีทีนในร่างกายที่น้อยกว่าคนทั่วไปที่
00:15:13 → 00:15:17 ไม่ได้กินนะครับครีทีนเนี่ยมันมีความ
00:15:17 → 00:15:21 สำคัญตรงที่ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของกล้าม
00:15:21 → 00:15:23 เนื้อนะครับทำให้กล้ามเนื้อของเราดูฟูมี
00:15:23 → 00:15:26 กำลังแข็งแรงนะครับไม่ฝ่อนะครับแต่มันยัง
00:15:26 → 00:15:28 มีความสำคัญอีกอย่างนึงก็คือความสำคัญต่อ
00:15:29 → 00:15:32 ความจำและสมองครับแล้วถ้าเกิดคนที่เล่น
00:15:32 → 00:15:34 กล้ามเนี่ยก็คงจะทราบดีว่าถ้าเรากิน
00:15:34 → 00:15:37 ครีทีนเข้าไปในร่างกายเนี่ยมันจะทำให้เรา
00:15:37 → 00:15:40 เนี่ยมีกำลังเพิ่มมากขึ้นมันไม่ทำให้
00:15:40 → 00:15:42 กล้ามใหญ่ขึ้นนะแต่มันทำให้มีกำลังในการ
00:15:42 → 00:15:44 ออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้นแล้วกำลังในการ
00:15:44 → 00:15:47 ออกกำลังกายเนี่ยก็จะนำไปสู่การพัฒนา
00:15:47 → 00:15:50 กล้ามเนื้อได้ดีมากกว่าคนที่ไม่กินนะครับ
00:15:50 → 00:15:52 ตรงนี้เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับครีเอทีน
00:15:52 → 00:15:55 นะฮะแล้วครีทีนตัวนี้เวลาที่คุณกินเข้าไป
00:15:55 → 00:15:59 นะครับมันก็มีอีกอย่างนึงซึ่งเกี่ยวข้อง
00:15:59 → 00:16:01 นะครับถ้ากินเพื่อกล้ามเนื้อเราจะได้ยิน
00:16:01 → 00:16:04 เอ้อกิน 5 กรัมต่อวันอ่าใช้ได้แล้วมีอาจ
00:16:04 → 00:16:07 จะมีโหลดิ้งก็คือกินเข้าไปช่วงแรก 20
00:16:07 → 00:16:09 กรัมต่อวันสัก 2-3 วันแล้วหลังจากนั้นก็
00:16:09 → 00:16:11 เป็น 5 กรัมต่อวันต่อเนื่องอ่ะอย่างงั้น
00:16:11 → 00:16:14 ก็มีคนทำเหมือนกันนะครับแต่ต้องบอกว่ามัน
00:16:14 → 00:16:16 จะมีคนบางคนที่กินครีทีนเข้าไปก็ไม่ได้
00:16:16 → 00:16:19 รู้สึกว่าแรงมันเยอะขึ้นเพราะว่าร่างกาย
00:16:19 → 00:16:21 ของเขา้าอ่ะมีพันธุกรรมบางอย่างที่ทำให้
00:16:21 → 00:16:23 ครีตนในร่างกายมันเต็ม 100% อยู่แล้วคุณ
00:16:23 → 00:16:26 กินเข้าไปเพิ่มมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรนะครับ
00:16:26 → 00:16:29 แต่มันมีการศึกษาตอนหลังๆเริ่มออกมาแล้ว
00:16:29 → 00:16:32 ครับว่าถ้าเกิดคุณกินครีทีนแทนที่จะ 5
00:16:32 → 00:16:35 กรัมนะคุณกิน 10 กรัม
00:16:35 → 00:16:37 คุณไม่ได้ได้ประโยชน์ในด้านกล้ามเนื้อ
00:16:37 → 00:16:39 เพิ่มมากขึ้นแต่คุณจะได้ประโยชน์ทางด้าน
00:16:39 → 00:16:42 ของความจำความคิดความอ่านเพิ่มมากขึ้นข้อ
00:16:42 → 00:16:45 มูลตรงเนี้ยยังเป็นข้อมูลที่น้อยอยู่แล้ว
00:16:45 → 00:16:49 ก็เพิ่งเริ่มจะออกมานะครับแต่ว่ามันอาจจะ
00:16:49 → 00:16:53 เป็นผลดีก็ได้นะครับคำถามก็คือ
00:16:53 → 00:16:55 ถ้าเกิดคุณจะไปกิน 10 กรัมเนี่ยมันมีผล
00:16:55 → 00:16:57 เสียอะไรมยเพราะถ้าไม่มีผลเสียมันก็ไม่มี
00:16:57 → 00:17:00 อะไรเสียหายที่ลองไม่ได้ถูกมั้ยครับต้อง
00:17:00 → 00:17:03 บอกครับครีเนี่ยแทบไม่มีผลเสียอะไรเลยจะ
00:17:03 → 00:17:05 มีแค่บางคนกินเข้าไปแล้วท้องอืดเท่านั้น
00:17:05 → 00:17:08 เองก็ต้องลดปริมาณลงมานะครับส่วนบางคนจะ
00:17:08 → 00:17:10 กินแล้วรู้สึกตัวบวมๆนะครับเพราะว่า
00:17:10 → 00:17:12 ครีทีนเนี่ยเวลามันเข้าไปในร่างกายมัน
00:17:12 → 00:17:14 เข้าไปที่กล้ามเนื้อแล้วมันจะดึงน้ำเข้า
00:17:14 → 00:17:16 ไปในร่างกายนะครับดึงเข้าไปในกล้ามเนื้อ
00:17:16 → 00:17:18 ทำให้กล้ามเนื้อมันดูป่องดูฟูขึ้นนะครับ
00:17:18 → 00:17:20 มันไม่ได้กล้ามใหญ่นะมันเป็นกล้ามที่มี
00:17:20 → 00:17:23 น้ำอัดอยู่ในนั้นนั่นแหละนะครับทำให้มัน
00:17:23 → 00:17:26 ดูพองขึ้นมานิดนึงบางคนก็ไม่ชอบนะครับผู้
00:17:26 → 00:17:28 หญิงบางคนรู้สึกไม่ชอบให้มันกล้ามป่องๆ
00:17:28 → 00:17:32 เงี้ยก็อาจจะไม่ไม่อยากกินก็ได้นะครับ
00:17:32 → 00:17:34 นั่นคือข้อเสียเพียงอย่างเดียวของครีทีน
00:17:34 → 00:17:37 นะงั้นแปลว่าถ้าคุณจะกินครีทีเนี่ยคุณกิน
00:17:37 → 00:17:40 ได้นะครับคุณกินได้เพียงแต่ว่าคุณจะต้อง
00:17:40 → 00:17:43 ไปตรวจสอบด้วยว่ายี่ห้อไหนมันมีใครมาดูมย
00:17:43 → 00:17:46 ว่ามันมีสารปนเปื้อนมีโลหะหนักมั้ยมียา
00:17:46 → 00:17:48 ฆ่าแมลงยาฆ่าวัพืชปนอยู่ในนั้นมั้ยนะครับ
00:17:48 → 00:17:50 แล้วมันเป็น ultra process มั้ยมันมีน้ำ
00:17:50 → 00:17:52 ตาลมีอะไรมั้ยแต่ส่วนใหญ่ครีเนี่ยมันไม่
00:17:52 → 00:17:54 ค่อยมีการเติมน้ำตาลอะไรเข้าไปเท่าไหร่นะ
00:17:55 → 00:17:59 ครับเออแล้วก็เรื่องราวของการเลือกครีทีน
00:17:59 → 00:18:01 ผมก็เคยพูดไปในคลิปเรียบร้อยแล้วถ้าใคร
00:18:01 → 00:18:04 กีนกินครีครทีนนะครับปัจจุบันก็ยังกินได้
00:18:04 → 00:18:08 อยู่นะกินได้ไม่มีการแนะนำว่าคุณควรจะกิน
00:18:08 → 00:18:10 ไปอะไรยังไงเท่าไหร่นะครับแต่สำหรับสาย
00:18:10 → 00:18:13 ที่เค้าติดตามงานวิจัยจริงๆแล้วก็กิน
00:18:13 → 00:18:14 เพื่อร่างกายของตัวเองเนี่ยเค้าก็จะกิน
00:18:15 → 00:18:18 ทุกวันนะครับแล้วเดี๋ยวนี้มีคนกินไปถึง 10
00:18:18 → 00:18:20 กว่ากรัมด้วยซ้ำไปนะครับถ้าจะกินสำหรับผม
00:18:20 → 00:18:23 นะผมมองว่า 10 กรัมเนี่ยยังพอมีข้อมูล
00:18:23 → 00:18:25 สนับสนุนถ้ามากกว่านั้นเนี่ยยังไม่มีข้อ
00:18:25 → 00:18:27 มูลสนับสนุนถ้าคุณกินเยอะเกินไปนอกเหนือ
00:18:27 → 00:18:29 จากมันอาจจะไม่ได้ประโยชน์มันอาจจะเปลือง
00:18:29 → 00:18:31 ตังค์ของคุณเองก็ได้นะครับแล้วก็เราไม่
00:18:31 → 00:18:32 รู้ว่ามันจะมีอะไรอย่างอื่นอีกที่จะโผล่
00:18:32 → 00:18:35 มาในอนาคตหรือไม่นะครับถ้าจะกินก็ 5-10
00:18:35 → 00:18:37 กรัมแล้วกันนะครับแต่ถ้าคุณจะไม่กินไม่
00:18:37 → 00:18:41 เป็นไรถ้าคุณจะกินจริงๆแนะนำอย่างนึง
00:18:41 → 00:18:43 สังเกตร่างกายตัวเองว่าคุณกินขนาดนั้นน่ะ
00:18:44 → 00:18:45 ต่อเนื่องกันสักเดือน 2 เดือนแล้วคุณเกิด
00:18:45 → 00:18:47 อะไรขึ้นมั้ยมันต่างกว่าเดิมมั้ยถ้ากินไป
00:18:47 → 00:18:51 แล้ว 10 เอ่อกินไปแบบอ่า 1 เดือน 2 เดือน
00:18:51 → 00:18:53 ไม่เห็นต่างจากเดิมเลยคุณหยุดกินเลยครับ
00:18:53 → 00:18:55 มันแปลว่าไม่ได้ประโยชน์สำหรับคุณแต่ถ้า
00:18:55 → 00:18:57 เกิดคุณกินแล้วเฮ้ยแข็งแข็งแรงความคิด
00:18:57 → 00:19:01 ความอ่านดีคุณกินต่อไปครับนะข้อเสียอย่าง
00:19:01 → 00:19:04 นึงซึ่งคุณจะต้องเจอก็คือเวลาไปตรวจค่าไต
00:19:04 → 00:19:07 ค่าครีเอทีนีนมันจะสูงนะครับแต่มันจะเป็น
00:19:07 → 00:19:10 การสูงเทียมไม่ได้แปลว่าไตคุณเสื่อมใน
00:19:10 → 00:19:13 กรณีแบบนั้นคุณไม่ต้องหยุดครีนนะครับถ้า
00:19:13 → 00:19:15 จะตรวจไตเนี่ยคุณไปตรวจตัวนึงชื่อว่า
00:19:15 → 00:19:20 ซิสตtin C นะฮะค่าซิสติน C เนี่ยมันจะ
00:19:20 → 00:19:23 แม่นกว่าเวลาที่คุณไปตรวจโดยเฉพาะถ้าคุณ
00:19:23 → 00:19:28 กินครีทีนอยู่นะครับอ่ามันจะเป็นตัวที่ดู
00:19:28 → 00:19:30 เรื่องของการทำงานของไตได้ดีกว่า
00:19:30 → 00:19:32 ครีเอทีนีนีนในกรณีที่คุณกินครีเอทีนเข้า
00:19:33 → 00:19:36 ไปในร่างกายนะครับอ่าตรงนี้ผมก็หวังว่า
00:19:36 → 00:19:39 ความรู้ในวันเนี้ยน่าจะทำให้หลายๆคนเข้า
00:19:39 → 00:19:42 ใจกันมากขึ้นนะครับดังนั้นโดยสรุปนะครับ
00:19:42 → 00:19:45 เวโปรตีนยังไม่มีหลักฐานว่ามันสามารถ
00:19:45 → 00:19:47 เพิ่มโอกาสในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือ
00:19:47 → 00:19:52 มะเร็งทวารหนักได้แล้วในทางทฤษฎีมีโอกาส
00:19:52 → 00:19:54 เกิดได้แต่ต้องเกิดจากการที่มีสารปน
00:19:54 → 00:19:57 เปื้อนหรือเป็น ultra process เท่านั้น
00:19:57 → 00:20:00 นะครับถ้าเป็น way จริงๆไม่มีปัญหาตรงนี้
00:20:01 → 00:20:03 แล้วแถมอาจจะมีประโยชน์เพราะมันมี
00:20:03 → 00:20:06 แลคโตเฟerินทำให้เรื่องของกัดไมโครไบโอม
00:20:06 → 00:20:08 ของเราเนี่ยเติบโตมาในทางที่ดีด้วยเ
00:20:08 → 00:20:12 โปรตีนจึงไม่มีปัญหาแต่ถ้าคุณจะกินควรจะ
00:20:12 → 00:20:15 กินภาษาทางอังกฤษนะเราจะเรียกว่า
00:20:15 → 00:20:18 inmoderation นะครับกินพอประมาณนะครับ
00:20:18 → 00:20:20 ไม่ใช่ผมบอกว่าโอ๊ยมันดีอย่างงั้นก็กินไป
00:20:20 → 00:20:23 แบบทั้งวันเลยวันละ 10 แก้วอันนี้ก็ไม่ดี
00:20:23 → 00:20:25 มันเยอะเกินไปนะครับคุณจะกินแค่วันละแก้ว
00:20:25 → 00:20:27 2 แก้วก็พอแล้วนะครับขึ้นอยู่กับขนาด
00:20:27 → 00:20:29 ร่างกายกล้ามเนื้อของคุณนะครับแค่นั้นเลย
00:20:29 → 00:20:33 นะฮะถ้าจะให้ดีเป็นไปได้คุณกินโปรตีนจาก
00:20:33 → 00:20:34 ธรรมชาติครับตรงนี้เห็นด้วยกับดร. Kin
00:20:35 → 00:20:37 ros นะครับกินโปรตีนจากธรรมชาติกินให้
00:20:37 → 00:20:40 หลากหลายแต่ถ้าถามผมนะคุณจะควรจะกินเนื้อ
00:20:40 → 00:20:42 ด้วยนะครับคุณอาจจะไม่ชอบเนื้อแดงเพราะ
00:20:42 → 00:20:45 กลัวการอักเสบคุณไปกินไก่ไปกินปลาแทนอัน
00:20:45 → 00:20:48 นี้ก็แทนได้นะครับแทนได้ไม่มีปัญหาเลยนะ
00:20:48 → 00:20:50 ฮะแต่ถ้าเกิดคุณชอบกินเนื้อแดงคุณก็กิน
00:20:50 → 00:20:52 ได้เหมือนกันนะครับก็เลือกเนื้อให้มันดีๆ
00:20:52 → 00:20:55 แล้วก็อย่าไปปรุงมันเยอะแยะอย่าไปปิ้งไป
00:20:55 → 00:20:57 ย่างจนกระทั่งมันดำทุกครั้งนะครับถ้าดำ
00:20:57 → 00:20:59 นานๆทีไม่เป็นไรนะครับแต่ถ้าดำทุกทีทุก
00:20:59 → 00:21:02 มื้ออะไรเงี้ยอ่าอันนั้นก็เยอะเกินไปนะ
00:21:02 → 00:21:05 ครับโปรตีนจากพืชดีมั้ยดีครับก็กินให้มัน
00:21:05 → 00:21:09 หลากหลายตรงนี้ช่วยได้นะฮะส่วนครีทีน
00:21:09 → 00:21:11 กินได้ครับมันไม่ได้มีปัญหาอะไรนะฮะอาหาร
00:21:11 → 00:21:14 ผงธรรมดากินได้ครับแต่พวกผงทั้งหมดเนี่ย
00:21:14 → 00:21:17 ไม่ว่าจะเป็นผงผักผงไฟเบอร์โปรตีนจากพืช
00:21:17 → 00:21:20 โปรตีนจากสัตว์เวโปรตีนเคซีนหรืออะไรก็
00:21:20 → 00:21:24 แล้วแต่ถ้าถามผมนะคุณควรจะกินอาหารปกติ
00:21:24 → 00:21:27 ให้สมดุลเต็มที่ก่อนแล้วตรงไหนที่มันขาด
00:21:27 → 00:21:30 เอาของพวกนี้เสริมเข้าไปเช่นสมมุติคุณกิน
00:21:30 → 00:21:33 เอ่อโปรตีนจากพืชจากสัตว์จากไก่จากอะไร
00:21:33 → 00:21:34 เงี้ยรวมๆแล้ววันนึง
00:21:34 → 00:21:37 ได้เยอะแล้ววันนั้นคุณอาจจะไม่ต้องกินเว
00:21:37 → 00:21:40 โปรตีนก็ได้นะครับแต่ถ้าเกิดคุณกินแล้ว
00:21:40 → 00:21:42 มันไม่ถึงเออนั้นค่อยกินเสริมเข้าไปนะ
00:21:42 → 00:21:45 ครับอ่าเราต้องเป็นแบบนี้อาหารเสริมมีไว้
00:21:45 → 00:21:48 เสริมนะครับไม่ใช่เป็นอาหารหลักของเราเว
00:21:48 → 00:21:50 โปรตีนไม่ใช่อาหารหลักของเราแต่มันเป็น
00:21:50 → 00:21:52 อาหารเสริมเข้าไปกับอาหารที่เรากินแล้ว
00:21:52 → 00:21:55 แล้วมันไม่ถึงคุณถึงกินเสริมเข้าไปนะครับ
00:21:55 → 00:21:57 โอเควันนี้ผมก็เล่าให้ฟังเพียงเท่านี้นะ
00:21:57 → 00:22:00 ครับยังไงเรื่องของงานวิจัยต่างๆหลักฐาน
00:22:00 → 00:22:02 ต่างๆทางการแพทย์ที่พูดในวันเนี้ยผมก็จะ
00:22:02 → 00:22:04 แปะลิงก์ให้ทุกคนสามารถตามไปอ่านได้ด้วย
00:22:04 → 00:22:06 ตัวเองใน description นะครับโอเควันนี้
00:22:06 → 00:22:09 เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดี