00:00:00 → 00:00:01 การจัดกระดูกหนชื่อก็ตามเขาก็คือทำให้
00:00:01 → 00:00:03 กระดูกอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแต่ว่าถ้า
00:00:03 → 00:00:06 เราไม่ช่วยส่งเสริมการออกกำลังกายการช่วย
00:00:06 → 00:00:07 ยืดหยุ่นกล้ามเนื้อเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ
00:00:07 → 00:00:09 เส้นเอ็นเป็นตัวช่วยซัพพอร์ตกระดูกให้
00:00:09 → 00:00:11 อยู่ในตำแหน่งที่ดีเราไปจัดมา 100 ครั้ง
00:00:11 → 00:00:12 แต่เราไม่เคยสร้างก้ามเนื้อเส้นเอ็นเลย
00:00:12 → 00:00:14 เราก็ต้องไปจัดอยู่อย่างงั้นบางคนคือจัด
00:00:14 → 00:00:16 หนักจนกระดูกคอหักก็มีหลายคนจะชอบึ่งหมอ
00:00:16 → 00:00:18 หมอเมื่อไหร่จะหายหายขาดมยคะการที่เราจะ
00:00:18 → 00:00:20 หายหรือไม่หายไม่ได้อยู่ที่หมอแต่อยู่ที่
00:00:20 → 00:00:23 คนไข้เลยว่าคนไข้อ่ะพร้อมปรับพฤติกรรมไหม
00:00:23 → 00:00:24 ความเครียดสัมพันธ์กับตับตับสัมพันธ์กับ
00:00:24 → 00:00:27 สีเขียวสีเขียวมันจะเดินทำให้พลังงานของ
00:00:27 → 00:00:29 ตับอ่อนนุ่มขึ้นการไหลเวของเลือดสมูทขึ้น
00:00:29 → 00:00:32 เจะู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเพราะปกติถ้าเรา
00:00:32 → 00:00:33 อยู่กับแสงแบบเนี้ยเราก็จะไม่ได้เห็น
00:00:33 → 00:00:35 ธรรมชาติเลยตั้งแต่เช้าจดเย็นความเครียด
00:00:35 → 00:00:37 ของจับจะทำให้เส้นเอ็นตึงพอเราไปเจอ
00:00:37 → 00:00:39 ธรรมชาติเดินเล่นกับธรรมชาติปุ๊บเราก็จะ
00:00:39 → 00:00:42 รู้สึกผ่อนคลายได้ง่ายการทำสมาธิเนี่ยก็
00:00:42 → 00:00:44 คือการฝึกลมหายใจทำให้เรามีสติเราสามารถ
00:00:44 → 00:00:47 แยกจิตของเรามามองความเจ็บปวดได้มันก็จะ
00:00:47 → 00:00:49 ทำให้เราสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่
00:00:50 → 00:00:52 เปลี่ยนแปลงเราอาจจะไม่ได้แบบหายใจหายใจ
00:00:52 → 00:00:54 แล้วมันหายไปแต่ว่าเราจะอยู่กับมันได้ตอน
00:00:54 → 00:00:55 ที่เรามันปวดอยู่เราสามารถอยู่กับมันได้
00:00:55 → 00:00:56 โดยที่ไม่
00:00:56 → 00:01:02 ทรมานเกลาแก้โรคเเอนิสัยห่างไก
00:01:02 → 00:01:06 โรคสวัสดีค่ะดีใจมั้ยคะวันนี้ดีใจมากเลย
00:01:06 → 00:01:10 ค่ะีสุดท้ายค่ะวันนี้เราจะมาคุยกันใน
00:01:10 → 00:01:13 เรื่องของอาการปวดค่ะคุณหมอหลายคนเป็นกัน
00:01:13 → 00:01:16 เยอะใช่เป็นกันเยอะมากแล้วก็วันนี้เนี่ย
00:01:16 → 00:01:17 เราจะมีเรื่องที่เราจะคุยคือมีออฟฟิ
00:01:17 → 00:01:20 Syndrome ด้วยโรคยอดฮิตวัยทำงานอ่าทุกคน
00:01:21 → 00:01:23 เป็นทุกคนทำงานออฟฟิศนะใช่ค่ะใช่ค่ะหรือ
00:01:23 → 00:01:24 แม้กระทั่งคนที่ไม่ได้ทำงานออฟฟิศแต่ว่า
00:01:24 → 00:01:26 มีพฤติกรรมที่อาจจะนำไปสู่การเป็นออฟฟิศ
00:01:26 → 00:01:29 ซินโดรมด้วยเดี๋ยวยังไงรอฟังเพราะเรามั่น
00:01:29 → 00:01:31 ใจว่าเนื้อหาใน EP นี้นะคะเกี่ยวข้องกับ
00:01:31 → 00:01:33 ทุกคนแล้วมีประโยชน์กับทุกคนแน่ๆคำถามแรก
00:01:33 → 00:01:36 ค่ะคุณหมอขอถามก่อนว่าอาการปวดทางสัตว์
00:01:36 → 00:01:39 แพทย์แผนจีนเนี่ยหมายถึงอะไรคะในาษาภแผ่น
00:01:39 → 00:01:41 จีนเนี่ยจะพูดถึงอาการปวดอยู่ง่ายๆอยู่ 2
00:01:41 → 00:01:45 อันอันแรกก็คือปุโทงเจอท่งปุโทงก็คือมัน
00:01:45 → 00:01:48 เดินไม่คล่องอืก็เลยทำให้เกิดอาการเจ็บ
00:01:48 → 00:01:50 อะไรเดินไม่คล่องบ้างพลังชีเดินไม่คล่อง
00:01:50 → 00:01:53 เลือดเดินไม่คล่องหรือมีเสมหะเลือดอุด
00:01:53 → 00:01:55 กลั้นจนทำให้บริเวณนั้นปวดยกตัวอย่างเช่น
00:01:55 → 00:01:58 อ่ะเรานั่งท่านี้เนั่งพิมพ์คอมแล้วอยู่
00:01:58 → 00:02:01 ค้างไว้นานๆอ่าเลือดบริเวณคอบ่าไหลเลี้ยง
00:02:01 → 00:02:03 ไม่ดีอันนี้ก็เลยเรียกว่าปุดโทงก็คือมัน
00:02:03 → 00:02:06 เดินไม่คล่องจนทำให้เราปวดตึงไปหมดทีนี้
00:02:06 → 00:02:09 พอเราได้ยืดเส้นยืดเส้นคายหรือว่าบางคน
00:02:09 → 00:02:12 ชอบไปนวดหรือการฝังเข็มก็จะช่วยทำให้เบา
00:02:12 → 00:02:14 ขึ้นเพราะว่ามันไปทำให้สิ่งที่เรียกว่า
00:02:14 → 00:02:16 มันเลือดติดขัดเดินไม่คล่องเนี่ยมันไหล
00:02:16 → 00:02:19 โฟวขึ้นอ่ามันก็เลยเป็นการช่วยเราได้งั้น
00:02:19 → 00:02:22 ถ้าเกิดว่าเราต้องการให้อาการเหล่าเนี้ย
00:02:22 → 00:02:24 ไม่เป็นหนักทุกครั้งที่เราทำงานเสร็จก็
00:02:24 → 00:02:26 ควรจะหายืดเส้นออกกำลังกายก็จะทำให้เรา
00:02:27 → 00:02:30 เบาตัวขึ้นอีกอันนึงจะเราจะเรียกว่าผู้
00:02:30 → 00:02:33 หลงเจอท่งผู้หลงก็คือไม่มีสารพลังงานที่
00:02:33 → 00:02:36 ดีไปเลี้ยงบริเวณนั้นจนทำให้เราปวดยกตัว
00:02:36 → 00:02:38 อย่างเช่นเราปวดจุดนี้มากแล้วเราก็ต้องกด
00:02:38 → 00:02:40 มันจะรู้สึกปวดโหวงๆเรากดแล้วจะสบาย
00:02:40 → 00:02:43 อันเนี้ยก็คือบริเวณเนี้ยเลือดลมไปเลี้ยง
00:02:43 → 00:02:46 ไม่ดีอ่ะพอมันไม่ไปเลี้ยงตรงนี้มันก็เลย
00:02:46 → 00:02:48 ขาดพอเรากดนวดไปแล้วเรารู้สึกสบายขึ้น
00:02:48 → 00:02:52 อาการแบบนี้เราจะเรียกว่าชีเจิงหรือว่าลม
00:02:52 → 00:02:54 ปรานเลือดไปเลี้ยงบริวนั้นไม่ดีจนทำให้
00:02:54 → 00:02:56 เกิดอาการปวดอมันจะมีปวดอยู่ 2 แบบเรียก
00:02:56 → 00:02:58 ง่ายๆในรักษาแภาพแผ่นจีนเรียกง่ายๆเรียก
00:02:58 → 00:03:00 ง่ายๆง่ายย
00:03:00 → 00:03:02 ชื่อชื่อยากอยู่นะคะค่ะอ่าแต่ว่ามันก็
00:03:02 → 00:03:04 เกิดจากการที่เลือดเราไหลเวียนไม่ดีใช่พอ
00:03:04 → 00:03:06 มันติดขาดบริเวณนี้อีกบริเวณนึงมันไม่ไป
00:03:06 → 00:03:08 เลี้ยงอบริเวณนั้นก็จะปวดใน 2 จุดเนี้ยจะ
00:03:09 → 00:03:10 ปวดไม่เหมือนกันปวดไม่เหมือนกันยังไงคะ
00:03:10 → 00:03:13 อาการอ่ะจุดนึงที่เลือดมันไปคลั่งติดขัด
00:03:13 → 00:03:15 อยู่บริเวณนั้นก็คือที่มันเดินไม่คล่อง
00:03:15 → 00:03:17 เนาะแล้วมันไปสะสมอยู่บริเวณนั้นเนี่ย
00:03:17 → 00:03:19 บริเวณนั้นเราจะไม่ชอบให้กดเยอะถ้ายิ่งกด
00:03:19 → 00:03:21 จะยิ่งเจ็บอีกบริเวณนึงที่มันต้องการให้
00:03:21 → 00:03:23 กดเยอะๆโอ๊ยกดแล้วสบายจังเลยหมอเพราะว่า
00:03:23 → 00:03:25 เลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นได้ไม่ดีแล้วพอ
00:03:25 → 00:03:27 เราไปนวดกดเนี่ยมันเหมือนการกระตุ้นกไหล
00:03:27 → 00:03:29 เวนของเลือดบริเวณนั้นได้ดีขึ้นมันก็
00:03:29 → 00:03:31 เหมือนเต็มขึ้นพอเรายิ่งสัมผัสยิ่งสบาย
00:03:31 → 00:03:34 อ่าบางคนคือเจ็บท้องมากแล้วเราไปกดยิ่ง
00:03:34 → 00:03:37 เจ็บเราจะก็ฉือเจิ้งใช่มันไปสะสมอยู่แล้ว
00:03:37 → 00:03:38 ยิ่งกดมันก็จะยิ่งเจ็บอส่วนใหญ่ก็จะแบบ
00:03:38 → 00:03:41 เจ็บแบบเข็มแทงเจ็บแบบแหลมๆอันนี้จะเป็น
00:03:41 → 00:03:43 กลุ่มเลือดติดขัดถ้าเกิดว่าชีเจิ้งหรือ
00:03:43 → 00:03:46 ว่าแบบปวดแบบเราก็จะแบบมันจะโหวงๆ
00:03:46 → 00:03:48 กล้ามเนื้อแปลกๆยิ่งนวดเราบีบนวดแล้วจะ
00:03:49 → 00:03:51 สบายขึ้นปวดกับเมื่อยต่างกันมั้ยคะจริงๆ
00:03:51 → 00:03:54 ถ้าพูดมันเป็นชื่อภาษาไทยเนาะแต่ถ้าภาษา
00:03:54 → 00:03:56 จีนอาการปวดมันก็จะมีปวดหลายแบบเราจะ
00:03:56 → 00:03:58 เรียกว่าจ้างท่งจ้างท่งก็คือแบบปวดแบบ
00:03:58 → 00:04:01 แน่นๆแบบว่าเราเมื่อยกล้ามเนื้อเราจะ
00:04:01 → 00:04:04 เรียกว่าจีโร่ซวนท่งซวนน่ะถ้าแปลตรงๆมัน
00:04:04 → 00:04:07 จะแปลว่าเปรี้ยวแต่ว่าถ้าแปลในอาการปวด
00:04:07 → 00:04:09 อ่ะมันก็จะคล้ายๆเมื่อยไม่เมื่อยขึ้นมา
00:04:09 → 00:04:12 ได้คนไข้จะอธิบายอาการเหล่าเนี้ยยากมากๆ
00:04:12 → 00:04:15 ตกลงปวดหรือเจ็บกันแน่ถ้าเกิดว่าปวดอาจจะ
00:04:15 → 00:04:18 ปวดแบบหนึบๆหนักๆมันจะแบบเหมือนปวดเมื่อย
00:04:18 → 00:04:21 บริเวณนั้นตลอดกับเจ็บเนี่ยมันจะแบบ
00:04:21 → 00:04:24 เหมือนเจ็บแหลมๆหน่วงๆจะเจ็บจี๊ดๆขึ้นมา
00:04:24 → 00:04:27 หรือว่าเจ็บท้องแล้วก็จะแบบเหมือนเจ็บปวด
00:04:27 → 00:04:31 บิดก็จะมีหลายคำแต่ว่าแต่ละตำแหน่งหรือ
00:04:31 → 00:04:33 ว่าแต่ละสาเหตุของโลกก็จะมีอาการเจ็บปวด
00:04:33 → 00:04:35 ที่ต่างกันแต่แต่เราจะเรียกรวมๆกันว่า
00:04:35 → 00:04:38 อาการปวดเมื่อยจะเจ็บตรงนั้นเจ็บแต่ส่วน
00:04:38 → 00:04:40 ใหญ่จะใช้เจ็บข้ออ่ะส่วนกล้ามเนื้อจะแบบ
00:04:40 → 00:04:43 ปวดเมื่อยเป็นต้นเนาะอือค่ะแล้วอาการปวด
00:04:43 → 00:04:46 หลังล่ะคะปวดหลังเนี่ยเขาจะมีบางคนจะทั้ง
00:04:46 → 00:04:48 เจ็บทั้งปวดก็คือขยับไม่ได้เลยมันจะเจ็บ
00:04:48 → 00:04:51 แปร๊บอ่าหลายคนจะบอกว่าเหมือนเส้นมันพลิก
00:04:51 → 00:04:52 หรือไปโดนเส้นประสาทแล้วมันจะแป๊บขึ้นมา
00:04:53 → 00:04:55 อย่างเงี้ยถ้าเกิดว่ากล้ามเนื้อกระดูก
00:04:55 → 00:04:58 เส้นเอ็นกดทับหรือว่าปลิ้นไปทับเส้น
00:04:58 → 00:05:00 ประสาทหรือว่าหมอลองกระดูกไปทับเส้น
00:05:00 → 00:05:02 ประสาทก็จะทำให้เรารู้สึกแปรบได้เมื่อเรา
00:05:02 → 00:05:05 ผิดจังหวะพอพลิกทีนึงก็จะแบบแปร๊บๆแต่ว่า
00:05:05 → 00:05:07 ว่าในวันปกติดีเนี่ยเราอาจจะรู้สึกไม่
00:05:07 → 00:05:09 เมื่อยอย่างเดียวปวดเมื่อยจังเลยอยากแบบ
00:05:09 → 00:05:12 อยากให้คนมานวดอ่ะทั้ง 2 อาการนี้ก็จะ
00:05:12 → 00:05:14 รักษาแตกต่างกันทีเนี้ยหลายคนเนี่ยชอบ
00:05:14 → 00:05:17 นั่งไขวห้างอ่าหรือว่านั่งแบบเบี้ยวตัวไป
00:05:17 → 00:05:20 มาหรือว่าอ่าทิ้งน้ำหนักยืนทิ้งน้ำหนัก
00:05:20 → 00:05:23 ผิดข้างแล้วสรีระโครงกระดูกของเราเนี่ย
00:05:23 → 00:05:25 มันก็จะเบี้ยวอสะโพกมันก็จะเบี้ยวมันก็จะ
00:05:25 → 00:05:29 ทำให้กล้ามเนื้อกระดูกหมอรองกระดูกเส้น
00:05:29 → 00:05:32 ต่างๆอยู่ตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมมันก็จะไป
00:05:32 → 00:05:34 กดทับบริเวณต่างๆจนทำให้เรามีอาการเจ็บ
00:05:34 → 00:05:37 แป๊บๆหปวดเมื่อยหหลายคนจะมีหน้าท้องน้อย
00:05:37 → 00:05:39 กล้ามเนื้อไม่มีกล้ามเนื้อหน้าทองไม่มี
00:05:39 → 00:05:42 กล้ามเนื้อหลังไม่มีชอบนั่งโซฟานิ่มๆอ
00:05:42 → 00:05:45 นั่งทิ้งตัวเลยหรือแบนั่งแอ่นลงไปมันก็จะ
00:05:45 → 00:05:47 ทำให้พอเราไม่มีกล้ามเนื้อที่ดีมันก็ไม่
00:05:47 → 00:05:50 มีตัวที่คอยป้องกันกระดูกให้เราอ่ากระดูก
00:05:50 → 00:05:53 ของเราก็จะเคลื่อนตัวได้ง่ายจนทำให้มี
00:05:53 → 00:05:56 อาการกระดูกผิดลูกเราจะเห็นคนที่แบบหลัง
00:05:56 → 00:05:59 คดหรือว่ากระดูกเบี้ยวไปเลยอ่ะยังเห็นได้
00:05:59 → 00:06:01 ชัดอันนี้ก็มาจากพฤติกรรมณปัจจุบันเขาจะ
00:06:01 → 00:06:04 ค่อนข้างนิยมการจัดกระดูกอ่ามันก็ทำให้
00:06:04 → 00:06:06 เราเบาสบายขึ้นเพราะเขาจะไปช่วยจัดให้
00:06:06 → 00:06:08 กระดูกกล้ามเนื้อของเราอยู่ในตำแหน่งที่
00:06:08 → 00:06:11 เหมาะสมแต่ว่าถ้าพฤติกรรมของคนไข้ไม่
00:06:11 → 00:06:12 สร้างกล้ามเนื้อร่วมด้วยสร้างกล้ามเนื้อ
00:06:12 → 00:06:14 ก็คือการออกกำลังกายมันก็จะไม่มีตัวที่จะ
00:06:15 → 00:06:17 ช่วยพยุงให้ไอ้ตำแหน่งเหล่านั้นน่ะอยู่
00:06:17 → 00:06:20 แบบนั้นอย่างยาวนานขึ้นบางทีเราไปจัดถี่ๆ
00:06:20 → 00:06:23 ก็จะเกิดความอันตรายได้นะวิธีการร่วมด้วย
00:06:23 → 00:06:25 ให้ร่างกายของเราลดอาการปวดแล้วก็แข็งแรง
00:06:25 → 00:06:27 ขึ้นก็คือพยายามออกกำลังกายสร้างกล้าม
00:06:27 → 00:06:29 เนื้อพอกล้ามเนื้อที่ดีเขาก็จะพยุงกระเขา
00:06:29 → 00:06:32 จะแข็งแรงขึ้นเราจะเคยดูหนังที่เขาแบบ
00:06:32 → 00:06:34 ต่อยท้องอคนที่เขามีกล้ามเนื้อที่ดีเรา
00:06:34 → 00:06:36 ต่อยเาเนี่ยเขาจะไม่รู้สึกอะไรเพราะกล้าม
00:06:36 → 00:06:38 เนื้อเขาแน่นมากมันคือกล้ามเนื้อที่แน่น
00:06:38 → 00:06:40 เขาจะไปซัพพอร์ตกระดูกให้เราได้ดีกับกัน
00:06:40 → 00:06:43 คนที่มีแต่ไขมันเหลวๆไปต่อยทีเขาจะจุกยา
00:06:43 → 00:06:45 ภายในได้งั้นกล้ามเนื้อสำคัญมากต่ออาการ
00:06:45 → 00:06:47 ปวดโดยเฉพาะคนที่มีหน้าท้องน้อยเนี่ย
00:06:47 → 00:06:49 กระดูกมันจะแอ่นออกมาข้างหลังเนี่ยจะยุบ
00:06:49 → 00:06:51 แล้วมันก็จะปวดมากแล้วพยายามสร้างกล้าม
00:06:51 → 00:06:52 เนื้อการสร้างกล้ามเนื้อจะเป็นการจัด
00:06:52 → 00:06:55 กระดูกโดยธรรมชาติเจะช่วยดันพยุงเข้าไป
00:06:55 → 00:06:57 ไม่ให้มันแอ่นมากอ่าเมื่อกี้มีเรื่องของ
00:06:57 → 00:07:00 ศาสตการจัดกระดูกด้วยการจัดกระดูกจริงๆก็
00:07:00 → 00:07:02 ทำได้ใช่มั้ยคะสามารถทำได้นะคะแต่ว่ามัน
00:07:02 → 00:07:05 ก็จะมีหลายคุณหมอแนะนำกับไม่แนะนำเนาะ
00:07:05 → 00:07:07 แล้วเราก็จะพูดกลางๆว่าชื่อก็ตามเขาก็คือ
00:07:07 → 00:07:09 ทำให้กระดูกอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแต่
00:07:09 → 00:07:11 ว่าถ้าเราไม่ช่วยส่งเสริมคือเราไปจัดแต่
00:07:11 → 00:07:13 กระดูกแต่ว่าไม่มีใครมาสร้างกล้ามเนื้อ
00:07:13 → 00:07:15 หรือเส้นเอ็นให้เราได้กล้ามเนื้อที่แข็ง
00:07:15 → 00:07:17 แรงเส้นเอ็นที่แข็งแรงอยู่ที่พฤติกรรมของ
00:07:17 → 00:07:20 เราก็คือการออกกำลังกายการช่วยยืดหยุ่น
00:07:20 → 00:07:21 กล้ามเนื้อเส้นเอ็นกล้ามเนื้อเส้นเอ็น
00:07:21 → 00:07:23 เป็นตัวช่วยซัพพอร์ตกระดูกให้อยู่ใน
00:07:23 → 00:07:24 ตำแหน่งที่ดีเราไปจัดมา 100 ครั้งแต่เรา
00:07:24 → 00:07:26 ไม่เคยสร้างก้ามเนื้อเส้นเนเลยเราก็ต้อง
00:07:26 → 00:07:28 ไปจัดอยู่อย่างงั้นบางคนคือจัดหนักจน
00:07:28 → 00:07:30 กระดูกคอหักก็มีเพราะว่าก้ามเนื้อเส้นเ
00:07:30 → 00:07:32 ของเขาคไม่แข็งแรงพอที่จะซัพพอร์ตกระดูก
00:07:32 → 00:07:34 นั่นหมายความว่าเวลาที่เราเจ็บป่วยตอนที่
00:07:34 → 00:07:35 เราไม่เป็นอะไรอ่ะเราอาจจะไม่ได้สร้าง
00:07:35 → 00:07:38 นิสัยในการรักษาสุขภาพแต่พอเราป่วยปุ๊บ
00:07:39 → 00:07:41 เราอยากหายเร็วๆใช่ความรวดเร็วเนี่ยหลาย
00:07:41 → 00:07:44 คนต้องการแล้วบางทีมันเป็นเหมือนดาบสคม
00:07:44 → 00:07:47 เนาะอเหมือนแอยากให้หายๆโดยที่เราไม่ได้
00:07:47 → 00:07:49 ดูแลตัวเองหรือว่าไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยของ
00:07:49 → 00:07:51 ตัวเองเพิ่มขึ้นบางทีความรวดเร็วนั้นอาจ
00:07:51 → 00:07:53 จะทำร้ายเราก็ได้ก็คือไม่ว่ายังไงอันนี้
00:07:53 → 00:07:56 คำแนะนำของคุณหมอก็คือเราอ่ะต้องดูแล
00:07:56 → 00:07:58 สุขภาพตัวเองทั้งการกินการนอนการเดินใน
00:07:58 → 00:08:01 ทุกๆอย่างที่เราเคยเคยพูดมาใน EP ก่อนๆ
00:08:01 → 00:08:03 ใช่ใช่ค่ะตัวเราเองเนี่ยหลายคนจะชอบพึ่ง
00:08:03 → 00:08:05 หมอหมอเมื่อไหร่จะหายหายขาดมั้ยคะหมอจะ
00:08:05 → 00:08:07 บอกทุกครั้งว่าการที่เราจะหายหรือไม่หาย
00:08:07 → 00:08:09 ไม่ได้อยู่ที่หมอแต่อยู่ที่คนไข้เลยว่าคน
00:08:09 → 00:08:11 ไข้เนี่ยพร้อมปรับพฤติกรรมไมแล้วคนไข้ก็
00:08:11 → 00:08:13 บอกว่าเอ้าถ้าปรับพฤติกรรมแล้วจะมาหาหมอ
00:08:13 → 00:08:16 ทำไมอ่าแบบเนี้ยมันก็จะไม่จบคนไข้ก็จะ
00:08:16 → 00:08:18 ต้องมาหาหมออยู่เรื่อยๆแล้วบางทีคุณหมอ
00:08:18 → 00:08:20 บางท่านเขาก็จะไม่อยากพูดเยอะพอเจอคนไข้
00:08:20 → 00:08:22 เยอะๆแล้วก็จะแบบโอเคคนไข้ก็เหมือนเดิม
00:08:22 → 00:08:24 บางทีคุณหมออาจจะเบื่อหนนในการพูดละก็จะ
00:08:24 → 00:08:26 ไม่พูดละคนไ้าอยากกินยาอะไรก็ให้ให้ไปมัน
00:08:26 → 00:08:28 ก็จะอาจจะอันตรายกับคนไข้มากกว่าเพราะ
00:08:28 → 00:08:31 ฉะนั้นถ้าเราตอนเนี้ยมีสื่อมากมายที่จะมา
00:08:31 → 00:08:33 ให้ความรู้เราก็ค่อยๆปรับพฤติกรรมด้วยตัว
00:08:33 → 00:08:35 เองงั้น 1 คือประหยัดตังค์ 2 คือค่อนข้าง
00:08:35 → 00:08:38 จะดูแลสุขภาพของเราในระยะยาวได้ดีกว่าก็
00:08:38 → 00:08:40 คือต้องช่วยกันช่วยกันสองแรงออย่างไงก็
00:08:40 → 00:08:42 ร่างกายเราอยู่ดีใช่ค่ะหมอเขาก็ไม่ได้มา
00:08:42 → 00:08:45 เจ็บแทนเราได้อขนาดก่อนจะเป็นโรคอ่ะยัง
00:08:45 → 00:08:48 สะสมมาตั้งนานเลยใช่ต้องใช้เวลานิดนึงตอน
00:08:48 → 00:08:51 แรกเราพูดถึงอาการปวดหลังอ่าหนูขอวคกลับ
00:08:51 → 00:08:53 มานิดนึงว่าแล้วถ้าปวดหลังอ่ะค่ะในศาสตร์
00:08:53 → 00:08:55 การแพร่แผนจีนมีการกดจุดอันนี้คืออาจจะ
00:08:55 → 00:08:58 ไม่ได้ถึงขนาดแบบบาดเจ็บเป็นเป็นเจ็บนะคะ
00:08:58 → 00:09:00 แค่ปวดเมื่อยอะไรอย่างเงี้ยมีการกดจุดตรง
00:09:00 → 00:09:02 ไหนที่จะช่วยบรรเทากการปวดมั้ยคะถ้าเกิด
00:09:02 → 00:09:04 ว่าตอนเนี้ยเราเมื่อยแล้วสังเกตว่าปกติ
00:09:04 → 00:09:06 เราชอบแอ่นหรือว่าสลีแล้วเราอ่ะจะค่อน
00:09:06 → 00:09:09 ข้างเป็นคนที่หลังแอ่นก็คือแบบท้องโย้คอ
00:09:09 → 00:09:12 ยื่นก้นแบบก้นกระดกออกเนี่ยอันเนี้ยจะ
00:09:12 → 00:09:15 เป็นลักษณะงออกทีเนี้ยวิธีการง่ายๆเลยถ้า
00:09:15 → 00:09:17 ตอนเเราเมื่อยแบบนั้นอยู่เนี่ยให้กดหน้า
00:09:17 → 00:09:20 ท้องน้อยของเราเข้าไปอ่าเราอาจะเอามือ
00:09:20 → 00:09:22 ประสานกันไปที่หน้าท้องน้อยแล้วพยายาม
00:09:22 → 00:09:25 แขมวผุงอ่าเราจะรู้สึกสบายที่กระดูกข้าง
00:09:25 → 00:09:27 หลังมากขึ้นกดได้มากที่สุดเวลาเรารักษา
00:09:27 → 00:09:30 โรคเนี่ยในบางครั้งคนไข้ปวดหลังเราจะฝั่ง
00:09:30 → 00:09:32 หน้าทองก็คล้ายๆถ้าจะพูดว่าจัดกระดูกก็
00:09:32 → 00:09:34 ได้ก็เป็นการดันให้กล้ามเนื้อของเราเนี่ย
00:09:34 → 00:09:36 ดันกระดูกกลับไปอ่าท่านี้ก็จะค่อนข้าง
00:09:36 → 00:09:39 เห็นผลดีในคนที่ปวดแบบหลังแอ่นอ่าพยายาม
00:09:39 → 00:09:41 ทำแบบนี้บ่อยๆ 1 ก็คือจะได้สร้างก้าม
00:09:41 → 00:09:44 เนื้อหน้าท้องขึ้นลงเกร็งให้เราก็ดันดัน
00:09:44 → 00:09:46 เข้าไปเพราะหลายคนอ่ะจะมีหน้าท้องใหญ่จน
00:09:46 → 00:09:49 ทำให้ปวดหลังคือมันโยกไปข้างหน้าเป็นน้ำ
00:09:49 → 00:09:51 หนักใช่น้ำหนักเกินหรือเราอาจจะตัวเล็กก็
00:09:51 → 00:09:53 ได้แต่ท้องใหญ่เราอาจจะปวดหลังได้เพราะ
00:09:53 → 00:09:55 เราก็พยายามส่ามกล้ามเนื้อกลับไปจะรู้สึก
00:09:55 → 00:09:58 ตึงๆหลังนิดนึงแสดงว่าเวลาที่เรานั่งนานๆ
00:09:58 → 00:10:01 แล้วเรามีหน้าท้องมันน้ำหนักมันบวมใช่ๆพอ
00:10:01 → 00:10:04 เรานั่งนานปุ๊บเนี่ยเส้นลมปรานการไหลเวง
00:10:04 → 00:10:06 ของเลือดที่หน้าท้องเนี่ยจะไหลแย่ลงบางที
00:10:06 → 00:10:08 เรานั่งผิดสรีระอะไรอย่างเงี้ยการติดขัด
00:10:08 → 00:10:11 นะมันก็เลยแบบพูดโทงเจอ่งก็คือการไหล
00:10:11 → 00:10:13 เวียนไม่ดีติดขัดจนทำให้ปวดเราอาจจะไม่
00:10:13 → 00:10:15 ได้ปวดหน้าท้องก็ได้แต่ท้องบวมนะแต่ว่า
00:10:15 → 00:10:18 ปวดหลังแทนอือ่ะแล้วก็เวลาปกติถ้าเราปวด
00:10:18 → 00:10:22 หลังมากๆถูมือของเราให้อุ่นอ่าแล้วก็นวด
00:10:22 → 00:10:25 ไปตำแหน่งหมอนวดให้ดูเนาะก็คือถูถูหลัง
00:10:25 → 00:10:28 แบบนี้อจะเป็นการนวดบำรุงไตด้วยแต่ต้อง
00:10:28 → 00:10:32 โดนต้องโดนตัวนะทุกคนต้องโดนตัวบทำเลยล
00:10:32 → 00:10:35 ตำแหน่งอ่าก็คือตำแหน่งเอวของเราเนี่ยมัน
00:10:35 → 00:10:38 จะเป็นตำแหน่งที่อยู่ของไตอ่าเราจะว่า
00:10:38 → 00:10:41 เอ่อยาเซนจือฟูก็คือตำแหน่งเอวของเรา
00:10:41 → 00:10:42 เนี่ยเป็นที่อยู่ของไตแล้วหลายคนที่มี
00:10:42 → 00:10:45 อาการปวดเมื่อยเอวเนี่ยมักจะเป็นการแบบ
00:10:45 → 00:10:49 พลังชีของไตอือ่าสารจริงของไตเรา
00:10:49 → 00:10:52 ก็จะปวดเมื่อยไตได้ง่ายไตดูแลกระดูกมันจะ
00:10:52 → 00:10:54 มีคนปวดอยู่ 2 แบบคนนึงก็คือออกกำลังกาย
00:10:54 → 00:10:56 หนักมากแล้วก็จะปวดเอวไม่หายักทีเพราะว่า
00:10:56 → 00:10:58 เราออกกำลังกายหนักเนี่ยเราใช้พลังงาน
00:10:58 → 00:11:00 ส่วนที่หนักเกินร่างกายจะรับไหวเนี่ยไป
00:11:00 → 00:11:03 ดึงพลังงานของไตมาใช้ไตเนี่ยเป็นรากฐาน
00:11:03 → 00:11:05 เหมือนเราเอารากฐานของเราดึงมาใช้ตลอด
00:11:05 → 00:11:07 แล้วพอพลังงานของเราไม่พอเราก็จะปวด
00:11:07 → 00:11:10 เมื่อยหลังได้ง่ายเราก็จะนวดถูหลังของเรา
00:11:10 → 00:11:13 ไปให้อุ่นๆเราจะรู้สึกสบายหลังมากขึ้นได้
00:11:13 → 00:11:15 อันนี้จะเหมาะกับคนที่ปวดเมื่อยแบบประเภท
00:11:15 → 00:11:18 เ่อบกพร่องเนาะแล้วก็คนที่อาจจะนั่งนานๆ
00:11:18 → 00:11:20 แล้วรู้สึกเมื่อยเอวมากหนังจริกับหนัง
00:11:20 → 00:11:22 เกาหลีเนี่ยเขาคจะทำคล้ายๆกันก็คือเอากำ
00:11:22 → 00:11:24 มือของเราเนี่ยเราก็ค่อยๆทุบที่ตำแหน่ง
00:11:24 → 00:11:28 เอวอ่ะทุบเบาๆอ่ะทุบเองแล้วก็ถูถูเนี่ยจะ
00:11:28 → 00:11:29 ทำให้ตรงนั้นอุ่นขึ้น
00:11:29 → 00:11:34 อลหนวดเอถอุ่นๆเราจะรู้สึกสบายมากๆแล้วก็
00:11:34 → 00:11:37 เาะนิดนึงค่ะเป็นการกระตุ้นพลังงานของไต
00:11:37 → 00:11:40 ไตดูแลกระดูกแล้วก็ไตตำแหน่งอยู่ที่เอว
00:11:40 → 00:11:42 อันนี้ก็เป็นการกระตุ้นพลังงานของไตลด
00:11:42 → 00:11:46 อาการปวดเอวได้หนูอาจะเคยได้ยินมาที่เขา
00:11:46 → 00:11:49 จะพูดกันว่าถ้าเราปวดหลังล่าง 2 ข้างเมัน
00:11:49 → 00:11:52 คือโรคไตอ๋อคนที่เป็นป่วยเป็นโรคไตแบบโรค
00:11:52 → 00:11:55 ไตเสื่อมในทางสาแพร่แผนปัจจุบันเนี่ยก็
00:11:55 → 00:11:58 อาจจะมีอาการปวดเอวหลายๆคนเมีอาจจะไม่ได้
00:11:58 → 00:12:00 ปวดเพราะว่าอารอารไตเสื่อมอย่างเดียวก็
00:12:00 → 00:12:02 ได้เขาจะมีทั้งการไหลเวียนของเลือดที่ไม่
00:12:02 → 00:12:04 ดีเหมือนเดิมงในทางสาสตร์แพทย์แผ่นจีนก็
00:12:04 → 00:12:06 คือใช่เลยใครที่แบบปวดเมื่อยเอวแล้วก็
00:12:06 → 00:12:09 เข่าอ่อนหรือว่าใครที่แบบว่าไม่ปวดท้อง
00:12:09 → 00:12:11 ประจำเดือนหมอปวดเอวอันนี้ก็จะมองว่าพลัง
00:12:11 → 00:12:13 ไตซึ่งเราจะแยกกันนะเราอาจจะไม่ได้
00:12:14 → 00:12:16 เป็นอวัยวะไตเสื่อมแต่ว่าเราอ่ะพลังงาน
00:12:16 → 00:12:18 ของไตพลังงานในนักศึกษาแพทยแผนจีน
00:12:18 → 00:12:21 หลายคนอาจจะฟังแล้วสับสนว่าตกลงไตอะไรใช่
00:12:21 → 00:12:23 มั้ยไตนักศึกษาแพทยแผนจีนเ่ะเขาจะเราจะดู
00:12:23 → 00:12:25 ก่อนที่มันจะเสื่อมจริงๆอีกว่าตอนนี้พลัง
00:12:25 → 00:12:27 งานของเขาไม่พอแล้วนะเราก็เลยปวดเมื่อย
00:12:27 → 00:12:29 เอวได้ง่ายอเป็นเรื่องของการทำงานของเขา
00:12:29 → 00:12:33 ใช่ๆค่ะอันนี้เป็นปวดหลังไปและต่อไปอาการ
00:12:33 → 00:12:36 ออฟฟิรมค่ะคุณหมอหลายคนปวดคอมากใช่คอบ่า
00:12:36 → 00:12:38 ไหล่เลยเอาตรงไหนคนี้คะตรงเนี้ยจริงๆมัด
00:12:38 → 00:12:41 กล้ามเนื้อของเขาเนี่ยจะต่อเนื่องกัน
00:12:41 → 00:12:43 เกี่ยวเนื่องกันเวลาเราปวดบางคนน่ะพอเรา
00:12:44 → 00:12:46 นั่งค้างไว้นานๆแล้วเลือดกระจุกอ่ะตรง
00:12:47 → 00:12:49 เนี้ยจะปวดแล้วมันไปเลี้ยงหัวไม่ดีก็ไม่
00:12:49 → 00:12:52 เกณฑ์อีกก็คือกำเเลิมไปต่อไปทอดๆั้นเวลา
00:12:52 → 00:12:55 เราจะออกกำลังกายเนี่ยหมอก็จะให้บริหาร
00:12:55 → 00:12:58 ที่หัวไหล่ก่อนอ่าเราจะยืดเส้นที่ภายนอก
00:12:58 → 00:13:02 ก่อนอ่ะเราจะอาจะหมุนหัวไหล่อ่ะค่อยๆหมุน
00:13:02 → 00:13:04 อันนี้จะเป็นการผ่อนคายแค่ทำให้เบางทีเรา
00:13:04 → 00:13:06 เลือดที่ติดขาจะวิ่งละอ่ะพอเราบริหารรอบ
00:13:06 → 00:13:09 นอกเสร็จเราจะม้วนเข้าม้วนออกอย่างละ
00:13:09 → 00:13:12 ประมาณ 15-20 ครั้งก่อนที่เราจะยืดเส้นคอ
00:13:12 → 00:13:15 จับของเราออกไปอ่ะมองถ้าเกิดเรานั่งตรงๆ
00:13:15 → 00:13:19 ใช่ไหมมเราก็เอียงค้างไว้ 20 ลมหายใจนะคะ
00:13:19 → 00:13:23 ค่อยๆทำเราจะรู้สึกตึงอ่าเรารู้สึกตึงคอ
00:13:23 → 00:13:27 เสร็จแล้วให้เราค่อยๆกดคางลงกดคางลงใช่
00:13:27 → 00:13:29 แล้วเรามองมองพื้นสายตาเรามองมองคืนตรง
00:13:29 → 00:13:33 นี้จะได้เส้นรมปานข้างหน้าอือ่าเราจะตึง
00:13:33 → 00:13:35 ตั้งแต่ไหปลาร้าขึ้นมาเลยแล้วเลือดจะไป
00:13:35 → 00:13:37 เลี้ยงหัวสมองของเราได้ดีขึ้นเสร็จแล้ว
00:13:37 → 00:13:41 เรากลับมาแล้วก็เชิดคางขึ้นฟ้าตามองเพดาน
00:13:41 → 00:13:45 ใช่มองตามองเพดานตรงนี้ก็จะตึงแล้วผ่านกก
00:13:45 → 00:13:47 หูของเราบางทีจะไปถึงห่างตาเลยตรงนี้ก็จะ
00:13:47 → 00:13:51 ได้เส้นรมปานถุงน้ำดีด้วยอือ่าถุงน้ำดี
00:13:51 → 00:13:54 เราก็จะตึงมากๆคนที่ปวดหัวไมเกรนเนี่ยพอ
00:13:54 → 00:13:56 เรายืดอตำแหน่งมันจะมี 3 ทิศทางเนาะทำ
00:13:56 → 00:13:59 ทั้ง 2 ข้างเราก็รู้สึกว่าข้างที่ยืดยืด
00:13:59 → 00:14:01 ได้ดีเนี่ยจะโล่งอแล้วเลือดมันจะไหลเวียน
00:14:01 → 00:14:04 ได้ดีขึ้นตาข้างเนี้ยจะสว่างขึ้นแต่ละท่า
00:14:05 → 00:14:08 แนะนำให้ยืดค้างไว้ 15-20 ลมหายใจคือค่อย
00:14:08 → 00:14:11 ๆหายใจเข้าออกหลายคนอาจจะยืดเส้น
00:14:11 → 00:14:15 แบบอย่างเงี้ยไม่ได้ผลคือจะต้องค้างไว้นา
00:14:15 → 00:14:17 นิดนึงอย่าทำเร็วเวลาหมอไปสวนสุขภาพแล้ว
00:14:17 → 00:14:20 เขายืดเส้นกันน่ะมันรวดเร็วเกินไปบางที
00:14:20 → 00:14:23 การไหลเวของเลือดยังไม่ถึงจุดมันยิ่งยืด
00:14:23 → 00:14:25 จะยิ่งตึงแบบนั้นเพงั้นถ้าเราต้องการให้
00:14:25 → 00:14:28 ยืดให้สบายจริงๆเนี่ยเราค่อยๆทำค่อยๆหาย
00:14:28 → 00:14:30 ใจแล้วก็ถ้าเกิดเราทำแล้วรู้สึกยังไม่
00:14:30 → 00:14:33 ค่อยตึงเท่าไหร่เราหาตำแหน่งได้หมุนคอไป
00:14:33 → 00:14:36 มาได้หาตำแหน่งที่เรารู้สึกว่าตึงสบาย
00:14:36 → 00:14:38 แล้วก็ค่อยๆให้เขาทำงานค้างไว้หายใจคอก
00:14:38 → 00:14:42 ยาวๆอ่ะมันก็จะโล่งขึ้นถ้าการบริหารคอบา
00:14:42 → 00:14:44 ไหล่เนี่ยทำเป็นประจำทั้งเลือดไปเลี้ยง
00:14:44 → 00:14:46 สมองที่ดีเลือดมาเลี้ยงใบหน้าที่ดีอาจจะ
00:14:46 → 00:14:49 ได้ทั้งผิวพรรณที่ใบหน้าแล้วก็เซลล์สมอง
00:14:49 → 00:14:51 แข็งแรงสมบูรณ์อช่วยเรื่องนี้ได้มากอัน
00:14:51 → 00:14:54 นี้ได้ทั้งคอบาลเลยมั้ยคะคคอใช่อันนี้คือ
00:14:54 → 00:14:58 ได้คอบ่าไหล่ได้คอบ่าหัวไหล่เนาะแล้วก็จะ
00:14:58 → 00:15:00 ยืดไปแล้วก็ก็ยืดเพราะว่าเส้นเอ่อกล้าม
00:15:00 → 00:15:03 เนื้อเนี่ยมันจะไหลจากหัวไหล่ของเรามันจะ
00:15:03 → 00:15:06 มีมัดที่ขึ้นถึงคอใช่พอเรายืดแบบเนี้ยมัน
00:15:06 → 00:15:08 จะได้ทั้งข้างหน้าเส้นข้างหลังเราพยายาม
00:15:08 → 00:15:11 หาตำแหน่งยืดมันก็จะช่วยได้ก็จะช่วยใน
00:15:11 → 00:15:14 อาการออฟฟิรมได้ใช่ค่ะแต่ถ้าถ้าเราปวดหัว
00:15:14 → 00:15:16 ไหล่หรือไหล่ติดมันก็จะมีอีกทาอ้าได้มค่ะ
00:15:16 → 00:15:20 หมอจะชอบให้คนไข้เนี่ยนอนคว่ำไปกับเตียง
00:15:20 → 00:15:22 อ่ะกางแขนออกไปแบบนี้แค่บางทีแค่เราตาง
00:15:22 → 00:15:25 แขงเเราจะตึงเส้นข้างในละเส้นตงเจะช่วย
00:15:25 → 00:15:27 ให้นอนหลับด้วยจะมีเส้นลงปลาของปอดเยี่หม
00:15:27 → 00:15:30 หัวใจแล้วก็หัวใจแล้วแล้วเราก็ค่อยๆเอ็น
00:15:30 → 00:15:33 ตัวออกอ่ะอันนี้เป็นกำแพงใช่มั้ยคะแล้วก็
00:15:33 → 00:15:35 ค่อยๆดันตัวออกอืรู้สึกเหมือนเลตึงมั้ย
00:15:36 → 00:15:38 อ่าอันนี้คือช่วยพลังชี่แล้วก็เลือดไหล
00:15:38 → 00:15:40 เวียนดีขึ้นนอกจากช่วยเรื่องคอบไหลเลือด
00:15:40 → 00:15:42 ลมเลี้ยงดีเนี่ยมันก็จะทำให้เรานอนหลับ
00:15:42 → 00:15:44 สบายขึ้นเสริมภูมิคุ้มกันของปอดได้ด้วย
00:15:44 → 00:15:47 อันนี้คือเส้นวงปาเขาจะถูกกระตุ้นจะตึง
00:15:47 → 00:15:49 ขึ้นมาเลยเราจะรู้สึกได้ใช่มั้ทำทั้ง 2
00:15:49 → 00:15:52 ข้างหายใจขออกช้าๆเทคนิคที่คนยังยืดเส้น
00:15:52 → 00:15:55 แล้วยังเห็นผลไม่ดีก็คือทำเร็วเกินไปทำ
00:15:55 → 00:15:57 ไม่ถึงจุดมันก็เลยช่วยเราได้ไม่มากอค่อยๆ
00:15:57 → 00:16:00 ทำค่อยๆหายใจลมหใจจะเป็นตัวปรับสมดุลเนา
00:16:00 → 00:16:02 ควรจะรู้สึกกับมันด้วยใช่ถ้าทำแล้วไม่รู้
00:16:02 → 00:16:04 สึกแปลว่ายังทำไม่ถึงทำไม่โดนเพราะบางคน
00:16:04 → 00:16:07 ทิ้ไว้ตั้งนานแล้วไม่หายเพราะว่าไม่ถูก
00:16:07 → 00:16:09 จุดใช่ๆค่ะต้องยืดให้ถูกเส้นถ้ายืดถูก
00:16:09 → 00:16:12 เส้นเรารู้สึกเลยว่ามันตึงสบายทำเสร็จ
00:16:12 → 00:16:14 แล้วเราจะรู้สึกโล่งเบามันจะรู้สึกทันที
00:16:14 → 00:16:16 เมื่อกี้มีเรื่องอ่ะอันนี้ช่วยเรื่องการ
00:16:16 → 00:16:19 นอนใช่ค่ะหนูอยากถามต่อว่าในวัยทำงานค่ะ
00:16:19 → 00:16:22 มันจะมีบางคนที่ตอนกลางคืนน่ะนอนไม่หลับ
00:16:22 → 00:16:25 ยังไงก็นอนไม่หลับแต่ตอนเช้าไม่อยากตื่น
00:16:25 → 00:16:28 ไม่อยากตื่นอ่าพอตื่นมาแล้วก็ไม่สดชื่น
00:16:28 → 00:16:31 ไม่สดชื่นเออทำยังไงดีคะอันนี้จะให้ปรับ
00:16:31 → 00:16:34 พฤติกรรมตั้งแต่ตอนกลางวันเลยเพราะเราจะ
00:16:34 → 00:16:36 ต้องไล่พฤติกรรมใหม่ทั้งหมดอ่าหลายคนน่ะ
00:16:36 → 00:16:39 ก็คือถึงเวลานอนไม่นอนทำไมถึงเวลานอนไม่
00:16:39 → 00:16:40 นอนเพราะว่ากลางวันอาจจะยังทำเรื่องที่
00:16:40 → 00:16:42 เราอยอยากทำไม่เสร็จกว่าเราจะตั้งหลักได้
00:16:42 → 00:16:45 ก็อหัวค่ำแล้วะกว่าจะทำเสร็จก็ดึกดื่น
00:16:45 → 00:16:47 เที่ยงคืนหรือว่าตอนกลางวันไม่ได้ใช้พลัง
00:16:47 → 00:16:49 ยงเลยหมอจะบอกว่าเวลากลางวันพระอาทิตย์
00:16:49 → 00:16:51 ขึ้นเนี่ยเป็นเวลาแห่งพลังอย่าางพลังหยง
00:16:51 → 00:16:53 แปลว่าพลังงานทำให้เรามีพลังงานเราต้อง
00:16:53 → 00:16:55 ใช้พลังงานให้หมดแต่ถ้าเราใช้พลังงานไม่
00:16:55 → 00:16:57 หมดมันจะเป็นไฟสุมตอนกลางคืนทำให้เรารู้
00:16:57 → 00:17:01 สึกตาสว่างไม่ง่วงนอนเลยแล้วก็พอจะนอนอีก
00:17:01 → 00:17:04 ทีก็เกือบสว่างแล้วพอเราถึงเวลาจะตื่นก็
00:17:04 → 00:17:05 ไม่อยากตื่นเพราะว่ายังนอนไม่พอนั่นเอง
00:17:05 → 00:17:08 เพราะงั้นเราจะแนะนำให้ตื่นถ้าเราอยาก
00:17:08 → 00:17:11 ปรับปลูกทั้งใหม่หมดตื่นเช้ามาใช้พลังงาน
00:17:11 → 00:17:13 พลังงานจะมี 2 อันก็คือพลังงานของหัวใจ
00:17:13 → 00:17:15 กับพลังงานของร่างกายพลังงานของร่างกายก็
00:17:15 → 00:17:17 คือการออกกำลังกายอ่าเราต้องใช้ร่างกาย
00:17:17 → 00:17:20 ให้หมดเสร็จแล้วใช้พลังงานของใจก็คือสิ่ง
00:17:20 → 00:17:22 ที่เป็นเป้าหมายในชีวิตของเราหรือว่าเป้า
00:17:22 → 00:17:25 หมายในการทำงานเราต้องดึงพลังงานเหล่า
00:17:25 → 00:17:27 นั้นเอามาใช้บางคนคือคิดอย่างเดียวไม่ทัน
00:17:27 → 00:17:30 ได้ลงมือทำมันก็จะเป็นไฟสุหัวใจปัญหานึง
00:17:30 → 00:17:32 ของคนสมัยนี้ก็คือคิดไม่หยุดแต่ไม่ลงมือ
00:17:32 → 00:17:35 ทำซักทีมันก็จะเหมือนเป็นไฟค้างอยู่ใน
00:17:35 → 00:17:36 ร่างกายของเราอ่ะถึงเวลานอนก็จะแบบคิด
00:17:36 → 00:17:38 กระสับกระส่ายนอนไม่หลับเพราะงั้นตอนกลาง
00:17:38 → 00:17:41 วันของทุกวันต้องใช้พลังงานกายให้หมดแล้ว
00:17:41 → 00:17:43 ก็ใช้พลังงานของใจให้หมดก็คือสิ่งที่เรา
00:17:43 → 00:17:46 ต้องการจะทำให้เราเริ่มลงมือทำเราจะทำไม่
00:17:46 → 00:17:48 เสร็จก็ไม่เป็นไรแต่พอเราได้เริ่มลงมือทำ
00:17:48 → 00:17:50 เนี่ยมันจะทำให้ไฟหัวใจไม่เกินเพราะเรา
00:17:50 → 00:17:52 ได้ใช้เราเริมได้เริ่มใช้ไฟหัวใจแล้วพอ
00:17:52 → 00:17:54 ถึงตอนกลางคืนไฟหัวใจสงบพอดีเราก็จะนอน
00:17:54 → 00:17:57 หลับได้ง่ายทีนี้ถึงเวลาง่วงนอน 5600 น
00:17:57 → 00:18:00 ง่วงนอนคือถ้าเราเห็นแสงโพเพแล้วเราง่วง
00:18:00 → 00:18:01 นอนเนี่ยมันเป็นเวลาตามธรรมชาติที่
00:18:01 → 00:18:04 ธรรมชาติจะบอกสมองเราให้แบบถึงเวลาที่จะ
00:18:04 → 00:18:06 ต้องเข้านอนแล้วนะเราก็จะรู้สึกง่วงขึ้น
00:18:06 → 00:18:08 มาแต่เราฝืนเรื่องด้วยเรื่องต่างๆทำให้
00:18:08 → 00:18:11 เราเลยเวลานอนกว่าจะง่วงอีกทีมันก็จะดึก
00:18:11 → 00:18:13 เกินไปงั้นถ้าเกิดว่าเราต้องการใช้ชีวิต
00:18:13 → 00:18:15 ตามธรรมชาติเนี่ยพอเราเห็นแสงสีส้มของ
00:18:15 → 00:18:17 ธรรมชาติในตอนเย็นแล้วเนี่ยร่างกายก็จะ
00:18:17 → 00:18:19 เริ่มหลั่งสาทำให้เราง่วงนอนแล้วก็อยาก
00:18:19 → 00:18:21 เข้านอนได้ง่ายแบบนี้ก็จะนอนเวลาตาม
00:18:21 → 00:18:24 ธรรมชาติได้ง่ายหลายคนฝืนจนทำให้เขาเป็น
00:18:25 → 00:18:27 โรคนอนหลับยากนอนไม่หลับจะถึงเวลาตื่นก็
00:18:27 → 00:18:30 ไม่อยากตื่นหรือกลางวันไม่สดชื่นงั้นเรา
00:18:30 → 00:18:32 ต้องใช้พลังงานให้ถูกเวลาคุณหมอบอกว่าตอน
00:18:32 → 00:18:35 กลางวันเราต้องใช้พลังงานให้หมดทีเนี้ย
00:18:35 → 00:18:38 หนูสงสัยว่าแล้วถ้าทำงานมาเหนื่อยๆตอน
00:18:38 → 00:18:40 เย็นตบบุฟเฟ่ต์ซะหน่อยให้รางวัลตัวเองกิน
00:18:40 → 00:18:43 อาหารเข้าไปซะหน่อยอันนี้เพิ่มพลังงานอ่า
00:18:43 → 00:18:45 มีผลต่อการนอนไม่หลับภาจีนเขาจะเรียกว่า
00:18:45 → 00:18:48 เว่ยปุเหอเจอะโว่ปุอันเว่ยคือกระเพาะ
00:18:48 → 00:18:50 อาหารปู้เหหคือไม่สมดุลไม่บาลานซ์โว่ปุ
00:18:50 → 00:18:53 อันก็คือการนอนคือนอนหลับไม่สงบคนที่หิว
00:18:53 → 00:18:56 เกินไปจะนอนก็กว่าจะข่มตาหลับก็หลับยากคน
00:18:56 → 00:18:59 ที่อิ่มเกินไปหลายคนมีกดไลย้อนอกินตอนเย
00:18:59 → 00:19:02 หนักๆพอจะนอนทีอุยกระเพาะดันหัวใจรู้สึก
00:19:02 → 00:19:04 หัวใจเต้นแรงกระสับกระสายนอนไม่หลับอีก
00:19:04 → 00:19:06 พอืดพมขึ้นมาเพราะฉะนั้นอาหารมื้อเย็น
00:19:06 → 00:19:10 เนี่ยมันเป็นมือที่เราต้องค่อยๆระวังถ้า
00:19:10 → 00:19:12 เกิดว่าในบางคนที่เรารู้สึกว่าพลังงานไม่
00:19:12 → 00:19:14 พอแล้วตอนเย็นเราอดอาหารเนี่ยเราอาจจะนอน
00:19:14 → 00:19:17 หลับไม่สบายอผมด่วงง่ายส่วนคนที่กินเยอะ
00:19:17 → 00:19:19 เกินไปตอนกลางคืนก็ระวังกดไหลย้อนอ่ะเผา
00:19:19 → 00:19:21 ย่อยไม่ดีก็นอนหลับไม่สบายอีกงั้นเราก็
00:19:21 → 00:19:23 ต้องทานอย่างเหมาะสมถ้าตอนเย็นเราทาน
00:19:23 → 00:19:25 อาหารมากเกินไปแนะนำให้เดินเดินดๆใช้พลัง
00:19:25 → 00:19:29 งานหน่อยใช่ๆแล้วจะสบายตัวขึ้นทางที่ดี
00:19:29 → 00:19:31 อยากกินเยอะเลยอ่าเอาพอประมาณเอาพอประมาณ
00:19:31 → 00:19:33 ค่ะทีนี้เมื่อกี้อาจจะมีเรื่องของคนที่
00:19:33 → 00:19:37 นอนไม่หลับอือมันมีอีกกรณีนึงค่ะคือตั้ง
00:19:37 → 00:19:39 ใจมันก็คือนอนไม่หลับนี่แหละแต่ว่ายัง
00:19:39 → 00:19:42 อยู่บนเตียงนอนเลยนะแล้วก็พยายามทำให้
00:19:42 → 00:19:44 หลับคือหนูอ่ะไปศึกษาแล้วหนูเจอมาว่า
00:19:44 → 00:19:47 อันเนี้ยมันไม่ดีต่อหัวใจคือเราพยายามจะ
00:19:47 → 00:19:49 ให้มันหลับแต่มันไม่หลับออืออ่ามันเป็น
00:19:49 → 00:19:51 ถ้าเป็นทางศาสตร์วิทยาศาสตร์เขาจะเรียก
00:19:51 → 00:19:54 ว่าค่า i อะไรอย่างเงี้ยค่ะเขาก็มีคำแนะ
00:19:54 → 00:19:56 นำว่าแบบเออถ้านอนไม่หลับจริงๆอ่ะลุกไปหา
00:19:56 → 00:19:59 อะไรทำดีกว่าอืมันจะได้ทำให้เราง่วงได้ยๆ
00:19:59 → 00:20:00 ทางศาสตร์การแพทย์แผนจีนมองยังไงคะ
00:20:01 → 00:20:03 อันเนี้ยก็คือถ้าเกิดว่าเราเตรียมพร้อม
00:20:03 → 00:20:04 ตั้งแต่ตอนกลางวันอย่างที่เล่าไปเมื่อสัก
00:20:04 → 00:20:07 ครู่เนี่ยกลางคืนแล้วยังนอนไม่หลับอยู่อ
00:20:07 → 00:20:10 หมอจะพูดถึงเส้นลมปานของเยื่อหุ้มหัวใจ
00:20:10 → 00:20:12 เยื่อหัวใจเนี่ยจะอยู่ที่ 19:00 น -
00:20:12 → 00:20:14 21:00 นช่วงเวลาเยเป็นช่วงเวลาเตรียมตัว
00:20:14 → 00:20:16 เข้านอนถ้าเราเนี่ยเป็นคนที่ยังจับ
00:20:16 → 00:20:18 โทรศัพท์ถึง 21:00 นอยู่ถึงแม้ว่าเราง่วง
00:20:19 → 00:20:20 แล้วหรือว่าเรายังไม่ง่วงแล้วเรายังจับ
00:20:20 → 00:20:22 อยู่เนี่ยมันก็จะหลับได้ยากเราอาจจะยืด
00:20:22 → 00:20:24 เส้นเส้นโรงบาลเมมื่อสักครู่นี้ที่หมอยืด
00:20:24 → 00:20:27 ไปอ่าค่อยๆหายใจคอกยาวๆเตรียมตัวให้พร้อม
00:20:27 → 00:20:30 หลายคนที่นอนไม่หลับตาสว่างประสาทแบบวิ่ง
00:20:30 → 00:20:33 ตลอดเวลาเนี่ยเพราะว่าเราไม่ทันได้วางแบบ
00:20:33 → 00:20:36 ฝึกวางใจไม่เป็นพอเราไม่วางเนี่ยเราก็จะ
00:20:36 → 00:20:38 แบบตาสว่างตอนนี้แต่ถ้าเราบอกร่างกายว่า
00:20:38 → 00:20:40 ตอนนี้ถึงเวลานอนแล้วตอนกลางวันเนี่ยเรา
00:20:40 → 00:20:43 ทำทุกอย่างครบหมดะมีแบบทำงานให้ตัวเองได้
00:20:43 → 00:20:45 ดีสิ่งที่ต้องการทำทำเสร็จเรียบร้อยละอ่ะ
00:20:45 → 00:20:47 เราคุยกับหัวใจของเราบ่อยๆหัวใจของเราก็
00:20:47 → 00:20:50 จะสงบไฟได้ง่ายอ่าแล้วเราก็จะเข้านอนได้
00:20:50 → 00:20:52 ง่ายนี่คือ 2 ช่วโมงที่เตรียมตัวก่อนเข้า
00:20:52 → 00:20:53 นอนเราอาจจะยังไม่ได้เข้านอนจริงๆแต่เรา
00:20:53 → 00:20:55 อาจจะอาจจะเขียนไดอารี่คนที่นอนไม่ลับ
00:20:55 → 00:20:57 เนาะหรืออาจจะอ่านหนังสือแต่ไม่ให้มองจอ
00:20:57 → 00:21:00 ที่เป็นจอแล้วเวลาที่เราอ่านหนังสือเรา
00:21:00 → 00:21:03 ควรเป็นแสงแบบไหนคะจริงๆแสงที่มาส่อง
00:21:03 → 00:21:05 เนี่ยก็จะเป็นแสงไม่มืดแต่ไม่สว่างเป็น
00:21:05 → 00:21:08 แสงสลั่วเนาะแล้วแสงสีส้มได้อมันจะเป็น
00:21:08 → 00:21:10 แสงที่ใกล้เคียงที่ทำให้เราไม่กระตุ้น
00:21:10 → 00:21:12 ประสาทมากเกินไปแล้วก็สบายสายตาในการอ่าน
00:21:12 → 00:21:14 หนังสือแล้วพอเราอ่านไปสักพักเนี่ยบางคน
00:21:14 → 00:21:17 ก็อ่านติดเพลินเลยสนุกั้นจะแนะนำให้ไม่
00:21:17 → 00:21:20 อ่านซีรีส์อ่านเป็นแนวฝึกหรือว่าอ่านแนว
00:21:20 → 00:21:22 ธรรมะทำให้เราแบบสงบอ่านแนวที่มันทำให้
00:21:22 → 00:21:24 จิตใจเราสงบอย่าอ่านแนวที่มันแบบสนุกสนาน
00:21:24 → 00:21:28 มากเกินไปใช่เดี๋ยวมันเพลินอ่าพวกนี้จะ
00:21:28 → 00:21:30 ไม่ให้อเอ่านอะไรที่มันแบบเป็นความรู้
00:21:30 → 00:21:32 เก็ดความรู้ที่อ่านแล้วเรารู้สึกง่วงนอน
00:21:32 → 00:21:35 ง่ายๆเเอาเอาพวกนี้มาอ่านเสรมความียนเอา
00:21:35 → 00:21:37 หนังสือเรียนหลายคนอ่านแป๊บนึงก็จะง่วง
00:21:37 → 00:21:39 เลยเอาพวกนี้มาใช้แล้วก็จดบันทึกเป็นการ
00:21:39 → 00:21:41 ทำความเข้าใจกับหัวใจเนี่ยหลายคนที่ปัญหา
00:21:41 → 00:21:43 นอนไม่หลับเพราะว่าไฟหัวใจมันเกินมันมี
00:21:43 → 00:21:46 เรื่องภายในใจตกค้างอยู่เราก็เลยไม่สงบใจ
00:21:46 → 00:21:49 ักทีเราก็พยายามปล่อยใจอพยายามฝึกหัวใจทำ
00:21:49 → 00:21:51 แบบนี้ไปเรื่อยๆพอถึงช่วงเวลาของซานเจียว
00:21:51 → 00:21:54 ก็คือ 21:00 นถึง 23:00 นช่วงเวลาเยเป็น
00:21:54 → 00:21:56 ช่วงเวลาที่แนะนำให้นอนเข้านอนเข้านอนก็
00:21:56 → 00:21:59 คือปิดไฟแล้วก็นอนพอเรามี 2 ชั่วโมงที่
00:21:59 → 00:22:01 ปรับการนอนหลับให้เราเนี่ยพอถึง 21:00 น
00:22:01 → 00:22:04 เป็นต้นไปเนี่ยเราจะนอนหลับได้ง่ายแต่ถ้า
00:22:04 → 00:22:06 นอนไม่หลับเหมือนที่บอกเรารู้สึกเครียด
00:22:06 → 00:22:08 กระวนกระวายรู้สึกว่าเอ้ยมันหลายชั่วโมง
00:22:08 → 00:22:10 แล้วยังไม่หลับซักทีอ่ะเราก็ลุกขึ้นมาได้
00:22:10 → 00:22:12 แต่ลุกขึ้นมาหอก็จะแนะแนะนำให้ลุกขึ้นมา
00:22:12 → 00:22:14 ยืดเส้นพอยืดเส้นปุ๊บร่างกายของเราเนี่ย
00:22:14 → 00:22:16 มันจะผ่อนคลายความเครียดออกจากกล้ามเนื้อ
00:22:16 → 00:22:18 เส้นเอ็นกระตุ้นการไหลเววของเลือดมันจะมี
00:22:18 → 00:22:20 ธาตุที่ทำให้เลือดไหลมาเลี้ยงสมองได้ดี
00:22:20 → 00:22:23 ขึ้นสงบขึ้นเราก็จะนอนหลับสบายยืดเส้นสัก
00:22:23 → 00:22:25 รอบนึงก็จะแบบเข้านอนได้ง่ายขึ้นท่านั้น
00:22:25 → 00:22:28 คือท่ามันก็จะมีหลายท่าเนาะอเรายืดเส้น
00:22:28 → 00:22:30 แขนเสร็จแล้วอ่าเราก็ไปยืดเส้นขาเสร็จ
00:22:30 → 00:22:32 แล้วพอเรายืดเส้นขาเนี่ยเส้นลมปานั้นจะ
00:22:32 → 00:22:34 เป็นเส้นลมปานกระเพาะปัสสาวะเส้นลมปาน
00:22:34 → 00:22:37 กระเพาะปัสวะเขจะหัวตาผ่านสมองผ่านไขสัน
00:22:37 → 00:22:40 หลังอ่าแล้วไปถึงปลายเท้าเนี่ยผ่านน่อง
00:22:40 → 00:22:42 ของเราใครที่แบบปวดน่องกลางคืนนอนไม่สบาย
00:22:42 → 00:22:44 เนี่ยยืดเส้นท่านี้ปุ๊บเราจะโล่งตัวขึ้น
00:22:44 → 00:22:47 แล้วก็จบด้วยท่าหมอบก็คือหน้าผากของเรา
00:22:47 → 00:22:49 เนี่ยแตะที่พื้นเอาหมอบลงไปจุดนี้ก็เป็น
00:22:49 → 00:22:52 จุดยิ่งางที่ทำให้เรานอนหลับสบายนอนหลับ
00:22:53 → 00:22:55 ง่ายพอเราจบท่าเนี้ยแล้วเราุบทำอยู่บน
00:22:55 → 00:22:57 เตียงเนี่ยเราก็จะแบบค่อนข้างเคลิมหลับ
00:22:57 → 00:23:00 ได้ง่ายแล้วก็หลับได้แล้วบางคนถ้าเกิดว่า
00:23:00 → 00:23:03 ไปดูซีรี่ส์เลยหรือว่าไปเสพข่าวเลยอาจจะ
00:23:03 → 00:23:05 ยาวมันยาวถึงเช้าได้เลยเพราะั้นกิจกรรม
00:23:05 → 00:23:07 ที่จะทำระหว่างที่เรานอนไม่หลับเนี่ยแนะ
00:23:07 → 00:23:09 นำให้เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เรานอน
00:23:09 → 00:23:10 หลับอย่าเป็นกิจกรรมที่ทำให้เรายิ่ง
00:23:10 → 00:23:14 กระตุ้นไฟขึ้นมาออันนี้พูดถึงการนอนก็มี
00:23:14 → 00:23:16 การทำให้หลับยังไงก็ตามแล้วเรื่องท่าทาง
00:23:16 → 00:23:18 ในการนอน่ะค่ะเพราะว่าตอนที่เรานอนอาจจะ
00:23:18 → 00:23:20 เป็นช่วงที่เราไม่ได้มีสติเนาะหมายถึงว่า
00:23:20 → 00:23:22 เราไม่ได้อยู่กับร่างกายเราตลอดเวลาจริงๆ
00:23:22 → 00:23:25 อันเนี้ยเราควรมีท่านอนยังไงที่ว่ามันจะ
00:23:25 → 00:23:27 ไม่เอฟเฟคเพราะบางคนน่ะค่ะอาจจะนอนทับตัว
00:23:27 → 00:23:30 เองตื่นมาแล้วโหแขนช้าอะไรแบบนี้ค่ะจะแนะ
00:23:30 → 00:23:33 นำให้มีหมอนข้างแล้วก็หมอนรองขารอง
00:23:33 → 00:23:36 ระหว่างขาเขาจะช่วยซัพพอร์ตไขสัหลังของ
00:23:36 → 00:23:39 เราอ่ะไม่ให้โคดเบี้ยวอ่ะเราจะมีหมอนข้าง
00:23:39 → 00:23:41 เอาไว้ก่อนเอาวางแขนเนาะแล้วก็หมอนรองขา
00:23:41 → 00:23:44 เอาไว้ขันอีกตัวสะโพกของเรามันจะได้ไม่
00:23:44 → 00:23:47 บิดเบี้ยวแล้วหลายครั้งถ้าเรานอนท่าหงาย
00:23:47 → 00:23:49 เนี่ยจริงๆจะไม่ให้นอนหมอนนะก็นอนเราลาบ
00:23:49 → 00:23:51 ไปแล้วก็เอาขาเอาหมอนเนี่ยลองที่ใต้เขา
00:23:51 → 00:23:54 อ่ามันก็จะทำให้เรานอนหลับสบายขึ้นเลือด
00:23:54 → 00:23:56 เลี้ยงดีขึ้นในทางสาแพพแผนจีนเนี่ยเราจะ
00:23:56 → 00:23:59 แนะนำให้นอนตะแคงขวาหลายคนเข้าใจว่าเรา
00:23:59 → 00:24:01 ต้องนอนตะแคงซ้ายถ้าแบบว่าใครเป็นกดไหล่
00:24:01 → 00:24:02 ย้อนอะไรอย่างงี้ใช่มั้ยแต่ว่าถ้าเราแบบ
00:24:02 → 00:24:04 ปกติดีไม่ได้มีอาการกดไหล่ย้อนกำเลิ่ม
00:24:04 → 00:24:06 เนี่ยจะแนะนำให้นอนตะแคงขวาเพราะว่า
00:24:06 → 00:24:08 ตำแหน่งของตับเนี่ยจะอยู่ข้างขวาเส้นลปาล
00:24:08 → 00:24:11 ของตับเขาจะเดินตอนกลางคืน 23:00 น- 1 น
00:24:11 → 00:24:13 เป็นถุงน้ำดีถุงดีกับตับเขสัมพันธ์กัน
00:24:13 → 00:24:15 แล้วก็ตับก็คือ 1:00 - 3:00 นทีนี้พอ
00:24:15 → 00:24:17 เรานอนหลับพอดีเลย 21:00 นเข้านอนอาจจะ
00:24:17 → 00:24:19 หลับไม่เกิน 23:00 นยาวไปก็เป็นตับไถุง
00:24:19 → 00:24:22 น้ำดีั้นเลือดหัวใจลงไปเลี้ยงตับตับเขาก็
00:24:22 → 00:24:24 จะแบบไปล้างเลือดให้เราขึ้นมาในมุมมองไพ่
00:24:25 → 00:24:27 แผนจรนเขาจะมองว่าเราจะส่งเลือดที่
00:24:27 → 00:24:29 ต้องการไปล้างพิษให้ตับอ่ะได้คล่องขึ้นก็
00:24:29 → 00:24:31 เลยให้นอนตะแคงขวาแล้วก็เหมือนจะได้ยิน
00:24:31 → 00:24:33 ทางศาสตร์แพทย์แผนปัจจุบันก็จะพูดถึงการ
00:24:33 → 00:24:35 ล้างเซลล์สมองอะไรอย่าเงี้ยก็ช่วยเรื่อง
00:24:35 → 00:24:38 เรื่องนี้ได้่นอนตะแคงขวานอนตะแคงขวาแต่
00:24:38 → 00:24:41 ถ้าเรานอนข้างไหนสวายจริงๆก็ต้องดูดูที่
00:24:41 → 00:24:43 เราด้วยบางคนก็คือเครียดมากว่าห้ามนอน
00:24:43 → 00:24:45 ตะแคงข้างนี้ห้ามนอนตะแคงข้างนี้จนทำให้
00:24:45 → 00:24:47 นอนไม่หลักก็คือใช่ค่ะเพรางั้นเราก็รู้
00:24:47 → 00:24:50 ว่าวเป็นความรู้เฉยๆแล้วก็เราก็ค่อยๆปรับ
00:24:50 → 00:24:51 ได้ไม่ต้องไปเคร่งเครียดว่าต้องทำให้ได้
00:24:51 → 00:24:54 เดี๋ยวนั้นอลคนที่มีจิตใจแบบเนี้ยมันจะ
00:24:54 → 00:24:56 ยิ่งทำให้เราไม่สบายตัวอาจจะดูเหมือนยัง
00:24:56 → 00:24:58 เป็นคนกังวลอยู่นะคะแต่หนูมีคำถามนึงค่ะ
00:24:59 → 00:25:01 ได้ค่ะหนูว่าหลายๆคนอาจจะจะมีความรู้สึก
00:25:01 → 00:25:04 นี้เอามือไปไว้ตรงไหนดีอ่ะตอนนอนตอนนอน
00:25:04 → 00:25:06 อ่ะถ้าเกิดว่าจริงๆถ้าเราเอามือไว้ตรง
00:25:06 → 00:25:09 เนี้ยมันจะทำให้ใจของเราสกง่ายในคนที่แบบ
00:25:09 → 00:25:11 ผวาแต่ว่าไว้ข้างเนี่ยเราไว้ไม่ได้ทั้ง
00:25:11 → 00:25:14 คืนเพราะมือจะชาอ่าเลือดมันจะไปเลี้ยงไม่
00:25:14 → 00:25:15 ดีเราก็ไว้ในช่วงต้นได้หลังจากนั้นเรา
00:25:16 → 00:25:18 หลับแล้วแขนเรามันอาจจะปล่อยมาอัตโนมัติ
00:25:18 → 00:25:20 ลงมาแต่ถ้าเราไม่ปล่อยเราอาจจะรู้สึกช้า
00:25:20 → 00:25:22 ขึ้นมาได้เราจะรู้สึกตัวก่อนเราอาจจะวาง
00:25:22 → 00:25:24 เองโดยธรรมชาติของร่างกายเนี่ยเขาจะไม่ทำ
00:25:24 → 00:25:26 ให้เราทรมานอยู่แล้วเขาจะหาท่าที่เราสบาย
00:25:26 → 00:25:28 อ่าเราปลอยขึ้นมาถ้าเกิดว่าเราเราท้องไม่
00:25:28 → 00:25:31 สบายก่อนตอนที่เราจะนอนเนี่ยเราฝามือของ
00:25:31 → 00:25:34 เราไว้ที่กระเพาะอ่าหน้าท้องอ่าถ้าใจไม่
00:25:34 → 00:25:36 สบายไว้ตรงนี้ถ้าท้องไม่สบายไว้ตรงนี้
00:25:36 → 00:25:38 เป็นการให้ความร้อนตรงนั้นป่ะใช่ๆคฝ่ามือ
00:25:38 → 00:25:40 เราต้องอุ่นแล้วเราวางไปเนี่ยเราจะรู้สึก
00:25:40 → 00:25:43 หนักแน่นหัวใจเด็กที่ผวาเขาจะเอาผ้ามาไว้
00:25:43 → 00:25:45 ใช่แล้วคนที่ก็พาไม่ดีก็ไว้ตรงนี้อ่าเรา
00:25:45 → 00:25:48 ก็จะรู้สึกสบายท้องได้ง่ายเราจะเคลิ้ม
00:25:48 → 00:25:50 หลับไปมันก็จะเป็นท่าธรรมชาติละมันก็จะ
00:25:50 → 00:25:52 ปล่อยไปถ้าเกิดว่าเรารู้สึกว่าไม่สบาย
00:25:52 → 00:25:54 ท้องน้อยหรือว่าปวดหลังเราก็เอามือฝามือ
00:25:54 → 00:25:56 ของเราอไว้ท่านี้ได้นี้สำหรับท่านอนหงาย
00:25:56 → 00:25:59 นะคะอ่าแล้วเราก็จะรู้สึกสบายตัวขึ้นอ
00:25:59 → 00:26:01 ส่วนใหญ่เนี่ยตำแหน่งที่ช่วยเรานอนหลับ
00:26:01 → 00:26:03 ได้เนี่ยก็คือหน้าอกกับท้องไม่เกินสะดือ
00:26:03 → 00:26:05 อ่ะท้องน้อยก็เป็นกรณีที่คนแบบไม่ค่อย
00:26:05 → 00:26:08 สบายหลังแล้วก็จะแบบกดลงไปนิดนึงได้ใช่ก็
00:26:08 → 00:26:10 คือได้คำตอบแล้วนะว่าก่อนนอนเอามือไว้ตรง
00:26:10 → 00:26:12 ไหนดีไหนดีใช่ค่ะแต่ถ้านอนตะแคงเราก็ก่อน
00:26:12 → 00:26:15 หวองข้างอีกอีกข้างนึงเราบางคนชอบพับมือ
00:26:15 → 00:26:17 อย่างเงี้ยคุณหมออก็เมื่อยก็จะเมื่อยตรง
00:26:17 → 00:26:19 นี้ใช่พอเรานอนไปสักพักเนี่ยหมอสังเกตลูก
00:26:20 → 00:26:22 พอลูกหมอก็จะเด็กๆเนี่ยเขาจะมีสัญชาตญาน
00:26:22 → 00:26:24 ของเขาเพราะเนอไม่สเก็จะเปลี่ยนท่าแล้วก็
00:26:24 → 00:26:27 ระวังหมอนอย่าให้สูงเกินไปโหต้องใส่ใจ
00:26:27 → 00:26:30 หลายอย่างมากเลยแต่ถ้าเราอย่าเพิ่งจำเยอะ
00:26:30 → 00:26:32 ก็ได้ค่อยๆดูแล้วค่อยๆปรับอ่ะถ้าวันนี้
00:26:32 → 00:26:34 เป็นคนที่นอนหลับได้ดีอยู่แล้วนอนแบบเดิม
00:26:34 → 00:26:36 เลยค่ะได้จะได้ไม่ต้องเพิ่มความเครียดให้
00:26:36 → 00:26:39 เราบางคนน่ะคือความรู้เยอะปุ๊บอ้าวจบเลย
00:26:39 → 00:26:41 ไม่รู้จะใช้ชีวิตยังไงเครียดกว่าเดิม
00:26:41 → 00:26:43 เพราะว่าที่สุดแล้วเรื่องความเครียดนี่
00:26:43 → 00:26:45 แหละที่มันทำให้ให้เรายิ่งร้อนใช่ค่ะทำ
00:26:45 → 00:26:48 ให้เซลล์ยิ่งอักเสบใช่ค่ะอค่ะเมื่อกี้เรา
00:26:48 → 00:26:51 ไปเรื่องการนอนมาและเพราะว่าการพักผ่อนมี
00:26:51 → 00:26:54 ผลต่อเรื่องของการปวดออฟิรมใดๆต่างๆนานา
00:26:54 → 00:26:57 พฤติกรรมนึงค่ะคุณหมอที่หนูว่าวัยทำงาน
00:26:57 → 00:27:00 หรือว่าวัยผู้ใหญ่หลายคนเป็นคือติดชากาแฟ
00:27:00 → 00:27:02 อ่ะบางคนอาจจะกินประจำวันแหละตอนเช้าแก้ว
00:27:02 → 00:27:05 นึงอันนี้ปกติแต่บางคนน่ะอาจจะต้องแบบสอง
00:27:05 → 00:27:09 แก้วอัพทุกวันไม่งั้นอยู่ไม่ได้อการดื่ม
00:27:09 → 00:27:11 ชากาแฟที่มากเกินไปไม่รู้มากเกินไปหรือ
00:27:11 → 00:27:14 เปล่านะคะแบบ 2-3 แก้วขึ้นไปอย่างเงี้ยใน
00:27:14 → 00:27:16 ทางศาสตร์การแพทย์แผนจีนแล้วอันตรายมยคะ
00:27:16 → 00:27:18 ถ้าแพทย์แผนจีนพูดถึงกาแฟเนี่ยกาแฟก็ถือ
00:27:18 → 00:27:21 ว่าเป็นยานะอ่าเขาจะไปช่วยเราจะเรียกว่า
00:27:21 → 00:27:24 เฉียงซินก็คือไปกระตุ้นหัวใจแล้วก็เปิด
00:27:24 → 00:27:26 ทวารที่สมองเราก็เลยกินเรารู้สึกว่าสด
00:27:26 → 00:27:28 ชื่นขึ้นหัวใจเลือดสูบฉีบแล้วก็กาแฟมี
00:27:28 → 00:27:31 ฤทธิ์ในการขับปัสสาวะอ่าก็คือแบบพออตรา
00:27:31 → 00:27:33 การเต้หหัวใจเยอะขึ้นปัสสาวะเราก็จะถี่
00:27:33 → 00:27:35 ขึ้นบ่อยขึ้นทีนี้ถือว่าเราเป็นคนที่ติด
00:27:35 → 00:27:38 กาแฟเพราะหวังผลว่าเรากินแล้วจะสดชื่น
00:27:38 → 00:27:40 ขึ้นมาบางคนเนี่ยกินแล้วไม่ทันได้รู้สึก
00:27:40 → 00:27:42 สดชื่นหรอกแต่ว่าใจมันสั่นๆเต้นแรงๆอะไร
00:27:42 → 00:27:44 อย่างเงี้ยก็จะมีแบ่งอยู่ 2 อันคนที่ติด
00:27:44 → 00:27:48 กาแฟเยอะอยากกินกาแฟเนาะช่วงเช้าถ้าเรา
00:27:48 → 00:27:51 อยากทานให้คาเฟอีนไม่เกินจนเกินไปจนกระทบ
00:27:51 → 00:27:54 ร่างกายจะแนะนำค่อยๆจิบจางๆหมอจะเรียกว่า
00:27:54 → 00:27:57 จิบเป็นชาคือความเข้มข้นเดิมที่เราทาน
00:27:57 → 00:28:00 เนี่ยให้จางลงไปให้ผสมน้ำอุ่นเข้าไปฤทธิ์
00:28:00 → 00:28:03 คาเฟอีนน่ะมันจะค่อยๆเข้าหัวใจจนไม่บีบ
00:28:03 → 00:28:05 หัวใจมากแล้วเราจะรู้สึกสว่างขึ้นใครที่
00:28:05 → 00:28:07 กินกาแฟแล้วแบบใจสั่นแต่ว่ามันยังไม่ขึ้น
00:28:07 → 00:28:10 สมองอ่ะยังไม่สว่างถึงสมองเนี่ยให้ทานจาง
00:28:10 → 00:28:12 ๆก่อนให้มันค่อยๆเข้าฤทคาเฟอีนค่อยๆเข้า
00:28:12 → 00:28:14 ค่อยๆไหลเวียนหลังจากนั้นให้จิบน้ำเปล่า
00:28:14 → 00:28:16 ตามเพราะเขามีฤทธิ์ในการขับปลาสาวะถ้าเรา
00:28:16 → 00:28:19 ขับปสวะออกเกินไปสาน้ำเราขาดก็เลยมีคำพูด
00:28:19 → 00:28:21 ที่ว่ากินกาแฟเยอะๆแล้วจะแก่อ่ะเหี่ยว
00:28:21 → 00:28:23 ง่ายเพราะว่าเขาขับสันน้ำออกแล้วบังเอิญ
00:28:23 → 00:28:25 คนนั้นเขาไม่กินน้ำเปล่ากินแต่น้ำกาแฟ
00:28:25 → 00:28:27 เข้าไปมันก็เลยทำให้ผิวพรรณเราไม่สุดใส
00:28:27 → 00:28:29 ได้จริกาแฟเนี่ยมีได้ิเป็นยาช่วยกระตุ้น
00:28:29 → 00:28:32 การไหลเวของเลือดช่วยขับปัสสาวะกระตุ้น
00:28:32 → 00:28:33 สมองเนาะแต่ว่าเราต้องรู้ว่าพอขับปัสสาวะ
00:28:33 → 00:28:35 ออกไปเราต้องเติมสัตว์น้ำให้เราก็ต้องจิบ
00:28:35 → 00:28:38 น้ำเปล่าบ่อยบๆคนที่แพ้คาเฟอีนกินกาแฟคือ
00:28:38 → 00:28:41 รู้สึกตอนบ่ายง่วงนอนจังเลยแล้วก็ไม่สด
00:28:41 → 00:28:43 ชื่นแล้วก็อยากกินอีกแต่พอกินอีกปุ๊บกลาง
00:28:43 → 00:28:45 คืนก็ไม่หลับก็จะแนะนำจะมี 2 ทางทางแรกก็
00:28:45 → 00:28:48 คือถ้าเราตัดสินใจว่าเราไม่อยากจะกินกาแฟ
00:28:48 → 00:28:50 เยอะไปกว่านี้จะแนะนำให้นอนีบตอนกลางวัน
00:28:50 → 00:28:52 ทำให้ร่างกายของเราเนี่ยสดชื่นขึ้นช่วง
00:28:52 → 00:28:54 บ่ายโดยที่เราไม่ต้องกินกาแฟเลยกับอีกอัน
00:28:54 → 00:28:56 นึงถ้าเราจำเป็นที่จะต้องกินจริงๆแนะนำ
00:28:56 → 00:28:59 ให้กินจาๆค่อยๆทานบางคนคือติดน้ำคือกิน
00:28:59 → 00:29:01 ปึ๊บเดียวหมดแบบเยเราได้รับปริมาณคาเฟอีน
00:29:01 → 00:29:03 ที่เยอะเกินไปในช่วงเวลาเดียวมันก็จะไม่
00:29:03 → 00:29:05 ค่อยสบายร่างกายเราจะค่อยๆจิบบางทีจาก
00:29:05 → 00:29:07 แก้วนั้นน่ะทั้งบ่ายเราอาจจะกินได้หมด
00:29:07 → 00:29:09 ด้วยซ้ำแต่เราจะรู้สึกสดชื่นขึ้นแล้วก็
00:29:09 → 00:29:12 ไม่สะสมิคาเฟอีนมากอ่าแล้วระหว่างวันกิน
00:29:12 → 00:29:14 กาแฟเสร็จก็จิบน้ำเปล่าตามแบบนี้ไปก็จะ
00:29:14 → 00:29:17 ช่วยขับลิคาเฟอีนออกไปได้ดีด้วยอก็แสดง
00:29:17 → 00:29:20 ว่าคนที่ติดกาแฟคุณหมอบอกว่าทานได้แต่มัน
00:29:20 → 00:29:22 ควรจะเป็นกาแฟที่ไม่ได้เติมนมเติมน้ำตาล
00:29:22 → 00:29:25 เยอะใช่เพราะว่าหมอไม่เติมหมอก็เลยแนะนำ
00:29:25 → 00:29:27 ให้คนไข้ไม่เติมแต่ว่าคือเราจะติดครีม
00:29:27 → 00:29:30 เทียมติดนมเข้าไปหมอจะเรียกว่ามันเป็น
00:29:30 → 00:29:32 อาหารเหนียวหนืดคือมันจะเพิ่มความหนืดใน
00:29:32 → 00:29:34 ร่างกายของเรานอกจากไปกระตุ้นแล้วเนี่ย
00:29:34 → 00:29:36 มันยังจะไปสร้างไขมันในหลอดเลือดให้เราก็
00:29:36 → 00:29:39 เลยเป็นความดันใช่หลายคนก็จะบอกว่ากาแฟ
00:29:39 → 00:29:42 กินแล้วความดันสูงกาแฟกินแล้วไข่มันเกิน
00:29:42 → 00:29:44 อะไรอย่างเงี้ยเพราะว่าไม่ใช่มาจากจาก
00:29:44 → 00:29:45 ฤทธิ์กาแฟอย่างเดียวแต่ว่ามาจากฤทธิ์ความ
00:29:46 → 00:29:48 หวานเอ่อครีมเทียมที่เราเติมเข้าไปมันก็
00:29:48 → 00:29:50 จะมีปัญหางั้นกินกาแฟก็กินให้ถูกต้องแล้ว
00:29:50 → 00:29:52 แนะนำให้กินหลังอาหารหลายคนตื่นเช้ามากิน
00:29:52 → 00:29:54 กาแฟเลยกาแฟเนี่ยเามีฤทธิ์ช่วยย่อย
00:29:54 → 00:29:57 กระตุ้นเลือดเกินเข้าไปทางๆที่ท้องว่างไป
00:29:57 → 00:30:00 นานๆเาจะทำร้ายกระเพาะของเราได้ง่ายในมุม
00:30:00 → 00:30:02 มองของหมอนะใครอยากที่อยากกินกาแฟลดน้ำ
00:30:02 → 00:30:04 หนักน่ะกินหลังอาหารปุ๊บเาช่วยย่อยให้เรา
00:30:04 → 00:30:06 เราจะสบายตัวขึ้นาริของกาแฟไม่ทำร้าย
00:30:06 → 00:30:08 กระเพาะของเราเราก็จะไม่มีโลกกระเพาะตาม
00:30:08 → 00:30:10 มาแสดงว่าคุณหมอไม่ได้แนะนำให้เรามีนิสัย
00:30:11 → 00:30:13 การดื่มกาแฟเป็นอาหารเชอหารเช้าใช่คึสวคน
00:30:13 → 00:30:15 ไข้เนี่ยเป็นทุกคนที่ไม่สวายเช้ามาดื่ม
00:30:15 → 00:30:19 กาแฟอาหารเช้าใช่ค่ะกินกาแฟกับขนมปังอ่า
00:30:19 → 00:30:21 ก็เป็นอะไรที่หมอไม่ค่อยแนะนำเท่าที่ฟัง
00:30:21 → 00:30:25 เนี่ยหนูก็รู้สึกว่าเราควรดื่มกาแฟให้มัน
00:30:25 → 00:30:29 เป็นยาอืใช่มันมีที่เป็นยาใช่คนที่มีการ
00:30:29 → 00:30:31 ติดกาแฟเนี่ยก็คือเราลองปรับพฤติกรรมก็
00:30:32 → 00:30:35 คือว่าค่อยๆจิบไม่ต้องโดบหนักพอค่อยๆจิบ
00:30:35 → 00:30:37 เนี่ย 1 คือเราลดปริมาณในการที่เราติด
00:30:37 → 00:30:40 กาแฟได้และ 2 คือมันทำงานกับร่างกายเรา
00:30:40 → 00:30:42 ได้ดีขึ้นด้วยใช่ๆค่ะบางทีเรากินเกินโดส
00:30:43 → 00:30:45 ที่ร่างกายเราต้องการแล้วพอเราทำนิสัยแบบ
00:30:45 → 00:30:47 นั้นยาวมันก็เลยเหมือนต้องเพิ่มโดสเรื่อย
00:30:47 → 00:30:49 ๆทั้งๆที่โดสนั้นที่เราใช้เข้าไปมันอาจจะ
00:30:49 → 00:30:52 ใช้ไม่หมดด้วยมันจะไปสะสมตกค้างด้วยซ้ำ
00:30:52 → 00:30:55 minimal นะคะน้อยแต่มากค่อยๆค่อยๆเดี๋ยว
00:30:55 → 00:30:58 อ่าให้เลือดได้ค่อยๆปรับตัวใช่ๆค่ะกาแฟ
00:30:58 → 00:31:01 เป็นยาแล้วชาล่ะคะเป็นยาไมยิ่งในยุคนี้นะ
00:31:01 → 00:31:05 คะมัดฉะดังมากมัดฉะดังมากนะคะเทานกันมา
00:31:05 → 00:31:08 จริงๆทานมาเป็นแบบหลักร้อยหลักพันปีพวกใบ
00:31:08 → 00:31:12 ชามัดฉะเนาะทีนี้ถ้าเราทานอย่างถูกต้อง
00:31:12 → 00:31:14 หมอจะแนะนำให้การทานทั้งชาและกาแฟทาน
00:31:14 → 00:31:17 เพื่อเป็นยาเนี่ยจะทานตอนที่เป็นช่วงพลัง
00:31:17 → 00:31:20 หยางก็คือช่วงพระอาทิตย์ขึ้นอพวกเนี้ยเขา
00:31:20 → 00:31:22 จะไปช่วยส่งเสริมพลังอย่างให้กับร่างกาย
00:31:22 → 00:31:24 ของเราแต่ไม่ให้ทานช่วงพระอาทิตย์หลัง
00:31:24 → 00:31:27 เที่ยงพระอาทิตย์มันจะเป็นขาหลงถ้าเราไป
00:31:27 → 00:31:29 ทานตอนนั้นน่ะจากที่ร่างกายของเราพลังงาน
00:31:29 → 00:31:31 จะตกแล้วเข้านอนง่ายปุ๊บพอเราไปทานปุ๊บ
00:31:31 → 00:31:34 มันดีดขึ้นกว่ามันจะสงบอีกทีนึงเนี่ยเรา
00:31:34 → 00:31:36 ก็จะเลยเวลานอนหรือนอนไม่หลับองั้นทุก
00:31:36 → 00:31:38 อย่างถ้าเรารู้สรรพคุณของเขาแล้วก็ทานให้
00:31:38 → 00:31:40 ตรงมันก็จะไม่มีปัญหาทั้งไม่ช้าและกาแฟ
00:31:40 → 00:31:44 เนี่ยเขามีฤทธิ์ในการช่วยย่อยล้างไข่มัน
00:31:44 → 00:31:47 ได้ด้วยด้วยตัวของเขาเองใช่ค่ะแต่ว่าก็จะ
00:31:47 → 00:31:50 ไม่ได้ไม่ให้ทานเข้มเกินไปไม่ไม่ให้ทาน
00:31:50 → 00:31:53 ยาวเกินไปแบบทานทั้งวันคนจีนที่เห็นเขา
00:31:53 → 00:31:55 ทานทั้งวันเนี่ยมันก็จะมีหลายชนิดของใบชา
00:31:55 → 00:31:59 อเขาจะปรับแต่ละอันบางทีที่เขาทานชาอาจจะ
00:31:59 → 00:32:01 ไม่ได้มีใบชาในนั้นอาจจะเป็นสมุนไพรตัว
00:32:01 → 00:32:04 อื่นที่ไม่ได้มีดิคาเฟอีนแล้วก็มาทานหลัง
00:32:04 → 00:32:06 อาหารได้อย่างบ้านเราก็จะมีใบหม่อนอันนี้
00:32:06 → 00:32:09 เราก็มาทานตอนแบบช่วงต่างเที่ยงได้ถ้าเรา
00:32:09 → 00:32:10 รู้สึกว่าอยากทานชาอะไรสักอย่างหรือว่าชา
00:32:10 → 00:32:14 ดอกไม้ต่างๆเราก็หามาทานได้ก็จะดีกว่าการ
00:32:14 → 00:32:17 ที่เราทานชาที่ในตัวใบชาเขามีคาเฟอีนคือ
00:32:17 → 00:32:19 เรียกว่าชาแต่อาจจะไม่ได้มาจากใบชาก็ได้
00:32:19 → 00:32:22 ใช่ก็แชมเป็นเครื่องดื่มทานสมุนไพรนะค่ะ
00:32:22 → 00:32:25 มีกาแฟมีชาแล้วค่ะในวัยทำงานหรือวัยผู้
00:32:25 → 00:32:28 ใหญ่นะค่ะมันจะขาดการย้อมใจจนี้ไม่ได้
00:32:28 → 00:32:30 แอลกอฮอล์แอลกอฮอล์แอลกอฮอล์เนี่ยมีฤิ
00:32:30 → 00:32:34 เป็นยาด้วยนะอ่าเขาจะไปช่วยกระตุ้นพลัง
00:32:34 → 00:32:37 งานของถุงน้ำดีในทางสาพแจีนจะมองถุงน้ำดี
00:32:37 → 00:32:39 อีกหน้าที่นึงเนี่ยก็คือความกล้าหาญเราจะ
00:32:39 → 00:32:41 สังเกตว่าพอเราทานแอลกอฮอล์เข้าไปปุ๊บรู้
00:32:41 → 00:32:43 สึกมีความกล้ามากขึ้นสิ่งที่คิดอยู่ในใจ
00:32:43 → 00:32:45 ลึกๆไม่กล้าทำก็กล้าทำมากขึ้นกล้าแสดงออก
00:32:45 → 00:32:47 มากขึ้นทีนี้พอเรากินมากเกินไปตัวของ
00:32:47 → 00:32:49 แอลกอฮอล์เนี่ยมีฤทธิ์กระตุ้นแต่ไม่ได้
00:32:49 → 00:32:52 บำรุงอ่ากระตุ้นแปลว่าทำให้สิ่งที่มีอยู่
00:32:52 → 00:32:54 อ่ะแสดงออกมาแต่ไม่ได้เติมแรงนั้นเข้าไป
00:32:54 → 00:32:57 เพงั้นคนที่ติดแอลกอฮอล์เนี่ยหมอขออนุญาต
00:32:57 → 00:32:59 เรียกว่าเป็นคนคนที่ขี้ขาดหรือว่าถุงน้ำ
00:32:59 → 00:33:01 ดีอ่อนแออือ่าแล้วภาษาจีนน่ะจะพูดถึงคน
00:33:01 → 00:33:04 ที่ขี้ขาดว่าถุงน้ำดีเล็กภาษาจีนจะเรียก
00:33:04 → 00:33:06 ว่าต่านเสียวกุ่ยเลยก็เอาไว้เรียกคนที่
00:33:06 → 00:33:08 ขี้ขาดหรือว่าเรียกคนที่กล้าหารว่าต้า
00:33:08 → 00:33:10 ต่านก็คือแบบว่าถุงน้ำดีใหญ่อ่ะทีนี้คน
00:33:10 → 00:33:12 ที่ชอบทานแอลกอฮอล์อยู่เรื่อยๆเนี่ยเติด
00:33:12 → 00:33:14 แอลกอฮอล์เราเริ่มทานแอลกอฮอล์จากตอนไหน
00:33:14 → 00:33:16 ทานกับเพื่อนอ่ะทานเพราะว่าสนุกเพราะอยู่
00:33:17 → 00:33:18 ๆสนุกเองไม่ได้ต้องพึ่งแอลกอฮอล์ถึงจะ
00:33:18 → 00:33:20 สนุกบางคนก็คือไปกับเพื่อนได้แต่ว่าไม่
00:33:20 → 00:33:23 ทานแอลกอฮอล์ก็มีเหมือนกันหรือว่าเราทาน
00:33:23 → 00:33:24 เพราะว่าเราอยากย้อมใจพวกนี้ก็คือเพราะ
00:33:24 → 00:33:26 ว่ากำลังใจของเราไม่มีแล้วเราต้องการ
00:33:26 → 00:33:29 เหมือนสิ่งมาหลอกร่างกายหลอกประสาทหลอก
00:33:29 → 00:33:31 จิตใจของเราให้เราผ่านเรื่องนั้นๆไปได้
00:33:31 → 00:33:33 แต่จริงๆมันเป็นการแก้ที่ปายเหตุถ้าเรา
00:33:33 → 00:33:36 ต้องการให้กระตุ้นพลังอย่างขึ้นมาคนจริงเ
00:33:36 → 00:33:38 จะเอาเหล้าขาวไปต้มกับยาเพื่อกระตุ้นพลัง
00:33:38 → 00:33:40 อย่างในร่างกายของเราให้มันไหลเวียนดี
00:33:40 → 00:33:43 ขึ้นแต่เราจะไม่นิยมทานในระยะเวลาที่นานอ
00:33:43 → 00:33:45 ถ้าใจ่ายตำรับยายแบบนี้ให้คนไข้ไม่ให้คน
00:33:45 → 00:33:47 ไข้ทันนานเพราะมันจะได้รับพิษจาก
00:33:47 → 00:33:49 แอลกอฮอล์เข้ามามันจะทำให้เรายิ่งกินยิ่ง
00:33:49 → 00:33:51 เย็นตัวจะยิ่งเย็นออาจจะแบบมือเท้าเย็น
00:33:51 → 00:33:54 ง่ายหรือว่าเลือดติดขัดภายในได้ง่ายอทาง
00:33:54 → 00:33:56 ปัจจุบันเนี่ยการทานแอลกอฮอล์เยอะๆก็จะทำ
00:33:56 → 00:34:00 ให้ตับมีปัญหาสะสมไขมันพอกตับเซลล์ของตับ
00:34:00 → 00:34:02 เสื่อมง่ายแล้วมีปัญหาถึงเรื่องระบบเลือด
00:34:02 → 00:34:05 สมองตามมาได้เลยอือเพราะว่าหนูจะถามต่อไป
00:34:05 → 00:34:10 ว่าทำไมการดื่มแอลกอฮอล์เยอะๆจนเเรียกกัน
00:34:10 → 00:34:13 ว่าเมาอ่ะค่ะอ่าทำไมพอเราเมาแล้วเราถึง
00:34:13 → 00:34:16 ขาดสติได้เเป็นตัวที่ไปกดประสาทแยบยั้ง
00:34:16 → 00:34:18 ประสาทของเราจนเราไม่รู้ตัวไม่รู้เรื่อง
00:34:18 → 00:34:20 ละไอ้สิ่งที่เราแสดงออกไปเนี่ยอาจจะเขาจะ
00:34:20 → 00:34:22 เรียกว่าจิตใต้สำนึกก็ได้แต่จริงๆเราไม่
00:34:22 → 00:34:25 มีสติเราจำไม่ได้ว่าเราทำหรือพูดอะไรออก
00:34:25 → 00:34:28 ไปเพราว่าพวกนี้มันจะเป็นเหมือนกับดึง
00:34:28 → 00:34:30 ส่วนลึกออกมาทสมองของเราเนี่ยมันฉลาดมาก
00:34:30 → 00:34:33 มันจะมีส่วนที่ให้เรารู้จักยับยั้งชั่งใจ
00:34:33 → 00:34:36 รู้จักผิดชอบชั่วดีหลายครั้งเราจะขาดสติ
00:34:36 → 00:34:39 ตัวเนี้ยจนทำให้เราทำอะไรที่ไม่ควรทำออก
00:34:39 → 00:34:42 ไปคนที่ติดแอลกอฮอล์เนี่ยถึงแม้เขาไม่ทาน
00:34:42 → 00:34:44 แอลกอฮอล์ลักษณะเขาจะรู้สึกแบบเป็นคนแข็ง
00:34:44 → 00:34:46 เกล้าอาจจะแบบว่ากลางๆหน่อยเพราะว่าตัว
00:34:46 → 00:34:49 แอลกอฮอล์เนี่ยมันสะสมร่างกายจนไปเปลี่ยน
00:34:49 → 00:34:51 นิสัยเขาได้จริงๆเขาอาจจะไม่ใช่คนแบบนั้น
00:34:51 → 00:34:53 เลยแต่ว่าพอเขาเริ่มติดแอลกอฮอล์แล้วก็
00:34:53 → 00:34:55 ทานหนักขึ้นอจนป่วยเนี่ยลักษณะนิสัยของ
00:34:55 → 00:34:58 เขาอาจจะเปลี่ยนเป็นคนละคนได้เลยอันนี้ก็
00:34:58 → 00:35:00 เป็นความน่ากลัวเราอาจจะไม่คิดว่าเราจะ
00:35:00 → 00:35:01 เป็นคนนั้นได้แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปเรา
00:35:01 → 00:35:04 อาจจะเป็นไปแล้วก็ได้อือฮึอือเพราะฉะนั้น
00:35:04 → 00:35:07 ก็อีกเหมือนเดิมคือใช้เป็นยาใช้เป็นยาได้
00:35:07 → 00:35:10 อบหนาวๆหน่อยรู้สึกว่าอยากกระตุ้นเลือด
00:35:10 → 00:35:13 ให้สูบฉีดแล้วมันทานนิดหน่อยได้อ่าออย่า
00:35:13 → 00:35:16 ติดเลยเพราะไม่ใช่ค่ะอย่าไปทานทุกวันแล้ว
00:35:16 → 00:35:18 ก็ไขมันพอกตับอะไรเงี้อันตรายมากทีนี้หนู
00:35:18 → 00:35:21 อยากถามต่อไปถึงเรื่องไมเกรนค่ะคุณหมอ
00:35:21 → 00:35:23 อาการไมเกรนที่เกิดขึ้นเนี่ยอะไรบ้างที่
00:35:23 → 00:35:25 กระตุ้นอาการเหล่านี้ได้เราจะเรียกว่า
00:35:25 → 00:35:28 ประสาทอักเสบได้กับกล้ามเนื้อติดขัดอ
00:35:28 → 00:35:30 เลือดไหลเวียนไม่ดีปุ๊บมันก็จะรู้สึกปวด
00:35:30 → 00:35:32 ตุ๊บๆขึ้นมาหลายครั้งที่เราเป็นกันเนี่ย
00:35:32 → 00:35:34 มันจะเกิดจากสาเหตุที่อ่ะนั่งออฟฟิศนานๆ
00:35:34 → 00:35:37 ใช้เสตาเยอะๆจนทำให้เลือดบริเนี่ยยเราจะ
00:35:37 → 00:35:39 เรียกว่าไฟร้อนเกินบางทีเราจะปวดตุ๊บๆที่
00:35:39 → 00:35:42 ขมับอ่าหรือว่าปวดไททอยหลายคนจะมีหลาย
00:35:42 → 00:35:44 ตำแหน่งที่แตกต่างกันแต่ว่ามันจะแบบปวด
00:35:44 → 00:35:46 แหลมๆแป๊บนึงอ่ะจำได้มยว่าปวดแหลมๆคือ
00:35:46 → 00:35:48 เลือดติดขัดเลือดติดขัดแปลว่าเลือดไป
00:35:48 → 00:35:49 เลี้ยงบริเวณนั้นไม่ดีจนเกิดเป็นก้อนแล้ว
00:35:50 → 00:35:53 มันก็ปะทุมาตุ๊บๆๆหบางคนจะรู้สึกจี๊ดๆ
00:35:53 → 00:35:56 ขึ้นมาเยใช่งั้นพฤติกรรมของเราเนี่ยที่ไป
00:35:56 → 00:35:59 สร้างแล้วก็ก็ไปกระตุ้นอ่ะพฤติกรรมที่ไป
00:35:59 → 00:36:01 สร้างก็คือการไม่บริหารร่างกายเลยไม่ยืด
00:36:01 → 00:36:03 หยุ่นกล้ามเนื้อหลอดเลือดเส้นเอ็นทุก
00:36:03 → 00:36:05 อย่างมันก็จะเกิดการอักเสบขึ้นมาได้จนทำ
00:36:05 → 00:36:08 ให้เราปวดทีนี้พอเราทำให้มันเกิดแล้วแล้ว
00:36:08 → 00:36:10 เราก็ไม่แบบไม่คลายมันออกไปก็คือไม่ยืด
00:36:10 → 00:36:13 เส้นไม่พักสายตาถึงเวลาพักไม่พักเราก็ไป
00:36:13 → 00:36:16 ใช้กล้ามเนื้อไปใช้ปสาทดวงตาไอ้ส่วนเยมัน
00:36:16 → 00:36:18 ก็จะตึงไปหมดหลายคนเป็นไมเกรนแล้วก็ไม่
00:36:18 → 00:36:20 หายแล้วก็พฤติกรรมก็ไม่เปลี่ยนอแล้วยิ่ง
00:36:20 → 00:36:22 ใช้สสายตาเยอะๆหรือไปเจอแสงบางคนก็บอกหมอ
00:36:23 → 00:36:24 ว่าอ่ะทำงานหรือว่าออกไปเจอแสงธรรมชาติ
00:36:25 → 00:36:26 อะไรอย่างเงี้ยแล้วเจอแสงหน่อยจะแบบปวด
00:36:26 → 00:36:28 เข้ามาได้เลยที่เป็นแบบเนี้ยส่วนใหญ่มัก
00:36:28 → 00:36:31 จะใช้ใส่ตาตอนดึกๆมันจะกระทบถุงน้ำดีแล้ว
00:36:31 → 00:36:33 พอมันเข้าตาตับกับถุงน้ำดีเนี่ยตับเขาจะ
00:36:33 → 00:36:36 เปิดทวารที่ดวงตาอตามกับถุงดีทำงานคู่กัน
00:36:36 → 00:36:38 เส้นลมปลาของถุงดีจะออกที่หางตาของเรา
00:36:38 → 00:36:41 เส้นเลือดในตาแตกง่ายเจอแสงแล้วแพ้แสง
00:36:41 → 00:36:43 ง่ายเพราเขาเสื่อมเขไม่ได้พักผ่อนไฟของ
00:36:43 → 00:36:46 เขาเกินพอโดนไฟความร้อนก็คืออากาศที่ร้อน
00:36:46 → 00:36:48 หรือว่าแสงที่จ้าเกินไปเนี่ยก็กระตุ้นไฟ
00:36:48 → 00:36:50 มันก็เลยทำให้แบบปวดกระตุ้นขึ้นมางั้นเรา
00:36:50 → 00:36:52 ต้องไม่ทำให้มันเกิดแล้วก็ต้องไม่กระตุ้น
00:36:52 → 00:36:54 ให้มันมาพยายามหลบเลี่ยงถ้าเรารู้ว่าเรา
00:36:54 → 00:36:56 มีปัญหาแบบแพ้แสงมากช่วงเวลานั้นให้พัก
00:36:56 → 00:36:59 ผ่อนแล้วก็ให้ป้องกันดวงตาของเราจากแสง
00:36:59 → 00:37:02 จากใส่แว่นกางร่มอะไรอย่างเงี้ยก็จะช่วย
00:37:02 → 00:37:04 ป้องกันช่วงที่เรามีอาการรักษาตัวเองด้วย
00:37:04 → 00:37:06 การนอนหลับพักผ่อนพักใส่ตาแล้วก็ถ้ายืด
00:37:06 → 00:37:08 เส้นที่แนะนำไปช่วงต้นยืดเป็นประจำได้
00:37:08 → 00:37:11 ช่วยกระตุ้นกันไหล่ไปของเลือดแล้วมีการกด
00:37:11 → 00:37:13 จุดอะไรมั้ยคะเวลาที่เราปวดขำหมับขึ้นมา
00:37:13 → 00:37:15 อ่าถ้าเกิดว่าเราใช้สสายตาเยอะมากแล้วก็
00:37:15 → 00:37:18 ปวดดวงตาเข้าขมับมันจะมีจุดสำคัญอยู่อัน
00:37:18 → 00:37:21 นี้จะเป็นจุดถงจุดเหลียวอยู่หางตาของเรา
00:37:21 → 00:37:23 แล้วก็จะมีจุดไท่หยางไทหยางเชื่อยจะอยู่
00:37:23 → 00:37:26 ที่ขมับเลยหลายคนจะปวดจุดขมับวิธีการนวด
00:37:26 → 00:37:28 เนี่ยเราจะนวดจากหางตาของเราเราแล้วก็กด
00:37:28 → 00:37:31 ขึ้นไปทิศทางทิศทางไปทางจุดไอย่างเชื่อ
00:37:31 → 00:37:33 อ่าตงเนี้ยเราจะทำให้เรารู้สึกโล่งขึ้นที
00:37:33 → 00:37:35 นี้ถ้าเราเป็นคนที่นอนดึกและใช้เสตาเยอะ
00:37:35 → 00:37:38 จริงๆจนทำให้ไมเกรนขึ้นก็จะให้นวดนวดตรง
00:37:38 → 00:37:42 นี้ได้อ่าจุดตรงนี้นะคะยาวไปจะถึงต้นคอ
00:37:42 → 00:37:45 ต้นคอหมอจะทำยังไงให้ทุกคนเห็นชัดนะคะมัน
00:37:45 → 00:37:48 จะเป็นร่องกล้ามเนื้อของต้นคอแล้วมันจะ
00:37:48 → 00:37:50 เป็นจุดนี้จะเรียกจุดฟิฉือพอเรากดไปเนี่ย
00:37:50 → 00:37:53 เราจะรู้สึกโล่งสบายเพราจุดเนี้ยเป็นจุด
00:37:53 → 00:37:55 ที่กดปุ๊บตาสว่างเลยเพราะมันเป็นเส้นลู
00:37:55 → 00:37:57 ปานถุงน้ำดีถุงน้ดีมันจะเกี่ยวกับดวงตา
00:37:57 → 00:38:00 ออกจากหางตาอยู่ต้นคอของเราแล้วหลายคนน่ะ
00:38:00 → 00:38:01 ไม่รู้จักจุดเลยนะแต่ว่าเขารู้สึกปวด
00:38:02 → 00:38:04 เมื่อยเขาก็จะบีบอ่ะบีบปุ๊บสบายปั๊บเพราะ
00:38:04 → 00:38:06 ว่ามันโดนมันโดนจุดพอดีมันก็จะโล่งขึ้น
00:38:06 → 00:38:09 จุดเยยังเป็นจุดที่รักษาคนที่เป็นสตกด้วย
00:38:09 → 00:38:11 คนที่แบบเครียดๆนอนดึกๆใช้เสียตาเยอะๆ
00:38:11 → 00:38:14 เนี่ยแล้วกลัวเลือดติดขัดก็กดจุดนี้ค่อยๆ
00:38:14 → 00:38:16 กดนะคะไม่กดแรงเกินไปอ่าเวการกดจุดจะค่อย
00:38:17 → 00:38:19 ๆกดทำให้มันคลายให้เลือดมันไหลเวียนดีเรา
00:38:19 → 00:38:22 ก็จะรู้สึกโล่งขึ้นอ่าโล่งขึ้นมากนอกจาก
00:38:22 → 00:38:24 การยืดเส้นเนาะก็กจุดเหล่านี้ได้แสดงว่า
00:38:24 → 00:38:27 ตรงจุดตรงนี้ที่คุณหมอบอกท้าทอยใช่ค่ะจุด
00:38:27 → 00:38:29 ที่คือจุดที่เลือดจะขึ้นไปเลี้ยงส่วนหัว
00:38:29 → 00:38:32 ใช่มคะใช่ๆเพจริงๆหลอดเลือดเนี่ยเขาจะ
00:38:32 → 00:38:33 ขึ้นแบบนี้ได้แต่ว่าจุดนี้มันจะเป็น
00:38:33 → 00:38:36 เหมือนกับจุดพิเศษที่จะช่วยการไหลเวียน
00:38:36 → 00:38:38 ขึ้นสมองอ่ะได้ดีขึ้นมันจะขึ้นมาทางคอส
00:38:38 → 00:38:41 มันก็จะผผๆแบบเนี้ยไปส่วนตัวที่มันจะมี
00:38:41 → 00:38:43 ปัญหาเนี่ยก็มันจะเป็นตัวแฉกพวกเนี้ยสจะ
00:38:43 → 00:38:46 จะเป็นแฉกข้างหลังที่มันจะอุดตันเราก็จะ
00:38:46 → 00:38:48 นวดบริเวณเนี้ยได้อให้เสริมกับการยืดเส้น
00:38:48 → 00:38:51 จะเห็นผลชัดแสดงว่าคนที่เป็นไมเกรนก็ต้อง
00:38:51 → 00:38:53 รู้เพราะเราอจะเป็นคนที่ sensitive กว่า
00:38:53 → 00:38:56 คนอื่นๆหน่อยเจอแสงเจออะไรก็จะกระตุ้น
00:38:56 → 00:38:59 แล้วใช่ต้องหลบเลี่ยงใช่ค่ะอาการมันจะได้
00:38:59 → 00:39:02 ไม่เกิดใช่ๆค่ะแล้วมันมีโอกาสหายขาดมั้ย
00:39:02 → 00:39:04 คะคุณหมอหายขาดอยู่ที่พฤติกรรมคนไข้เลย
00:39:04 → 00:39:06 คือถ้าเกิดว่าเราไม่ต้องการให้ร่างกายของ
00:39:06 → 00:39:08 เราเราอักเสบอาการอย่างเงี้ยเราก็จะมอง
00:39:08 → 00:39:09 ว่าร่างกายของเรามันอักเสบเลือดไหล่เวียน
00:39:09 → 00:39:12 ไม่ดีจากพฤติกรรมออยู่ๆคนเรามันจะไม่ได้
00:39:12 → 00:39:14 เป็นไมเกรนหรอกแต่ว่าเป็นเพราะว่า
00:39:14 → 00:39:16 พฤติกรรมของเราสร้างสุ่มเอาไว้แล้วถึงแม้
00:39:16 → 00:39:18 บางคนก็บอกหมอตอนนี้ทำดูแลตัวดีมากเลยนะ
00:39:18 → 00:39:19 แต่ว่าไมเกนยังกำเริบอยู่ก็เพราะว่าเขา
00:39:19 → 00:39:22 ยังตับมาไม่ 100% ให้เราปรับสมดุลต่อไป
00:39:22 → 00:39:24 บางคนบอกว่าปรับแล้วไม่เห็นเห็นผลเลยก็
00:39:24 → 00:39:25 เลยไม่ปรับก็จะไม่หายใช่มั้ยเราก็ต้อง
00:39:25 → 00:39:28 ปรับในทิศทางที่ดีขึ้นไปแล้วก็พยายามไม่
00:39:28 → 00:39:29 ไม่เครียดเพราะความเครียดจะเป็นการเร่ง
00:39:29 → 00:39:32 ขึ้นมาได้แล้วก็พอเราปับพฤติกรรมได้ดี
00:39:32 → 00:39:34 แล้วช่วงที่มีอาการก็หลุบเลี่ยงจากสิ่งเห
00:39:35 → 00:39:37 มันก็จะไม่กำเริบขึ้นมาพอปรับพฤติกรรมได้
00:39:37 → 00:39:40 ดีในระยะยาวเราจะเริ่มแข็งแรงขึ้นต่อสิ่ง
00:39:40 → 00:39:42 เล้าสิ่งเล้าพวกนั้นจะมากระทบเราได้ไม่
00:39:42 → 00:39:44 เหมือนเดิมก็คือมันจะไม่มากระตุ้นให้เรา
00:39:44 → 00:39:46 กำเริบยกเว้นแต่เราอ่ะนอนดึกอีกและใช้
00:39:46 → 00:39:48 เสียตาเยอะเกินไปอีกแล้วหรือว่านั่งนาน
00:39:48 → 00:39:50 เกินไปไม่ออกกำลังกายมันก็จะกลับมาได้
00:39:50 → 00:39:53 งั้นหายขาดอยู่ที่พฤติกรรมพฤติกรรมเราดี
00:39:53 → 00:39:56 มันก็จะดีขึ้นมาอึความเครียดเท่าที่ฟังมา
00:39:56 → 00:39:59 ในหลายๆโรคที่เราคุยๆกันมาความเครียด
00:39:59 → 00:40:01 เนี่ยเป็นตัวการนึงที่แบบสำคัญน่ะเมีบท
00:40:01 → 00:40:05 บาททุกโรคเลยใช่ค่ะเป็นตัวที่คนจะไม่ค่อย
00:40:05 → 00:40:08 ใส่ใจด้วยอไม่รู้ด้วยว่าตัวเองเครียดอ่า
00:40:08 → 00:40:10 แล้วในศาสตร์การแพทยแผนจีนค่ะมีวิธีการกด
00:40:10 → 00:40:13 จุดหยุดเครียดมั้ยคะอ่าถ้าเกิดว่าจุดตรง
00:40:13 → 00:40:16 นี้เราจะเรียกว่าไครซื่อกวนเป็นจุดที่
00:40:16 → 00:40:18 หมุนเวียนพลังชีพเขอเล่าถึงเรื่องความ
00:40:18 → 00:40:20 เครียดเนี่ยจะสัมพันธ์กับพลังชีพของตับ
00:40:20 → 00:40:22 เมื่อไหร่ที่เรามีความเครียดขึ้นมาพลัง
00:40:22 → 00:40:23 ชีพในร่างกายจะชะงัดแล้วมันจะสัมพันธ์กับ
00:40:24 → 00:40:26 พลังชีพของตับมันจะติดขัดบางคนเครียดจน
00:40:26 → 00:40:28 คัดเต้านมเครียดจนเจ็บสีข้างหรือว่าปวด
00:40:28 → 00:40:30 หัวไมเกรนขึ้นมางั้นเราต้องการหมุนเวียน
00:40:30 → 00:40:32 พลังชีให้มันโล่งเราจะใช้นิ้วโป้กของเรา
00:40:32 → 00:40:35 อ่ะกดที่จุดเหอกู่หลายคนจะถามว่ากดนาน
00:40:35 → 00:40:38 เท่าไหร่กดเยอะขนาดไหนนะคะกดแล้วหายใจคอก
00:40:38 → 00:40:41 ยาวๆ 20 ลมหายใจอแต่จริงๆเรากด 3-5
00:40:41 → 00:40:43 วินาทีแล้วเราเปลี่ยนข้างแล้วหายใจคอกยาว
00:40:43 → 00:40:47 ๆได้นะคะเราจะรู้สึกโล่งขึ้นให้นวดพร้อม
00:40:47 → 00:40:49 กับจุดไท่โชงแต่ว่าไท่โชงเนี่ยจะอยู่ที่
00:40:49 → 00:40:51 ง่ามนิ้วเท้าตำแหน่งเดียวกันกับที่มือคือ
00:40:51 → 00:40:54 นิ้วเท้าง่านิ้วระหว่างนิ้วโป้งเท้ากับ
00:40:54 → 00:40:56 นิชใช่เรารูดไปให้เจอกระดูกปึ๊บนะเจอ
00:40:56 → 00:40:58 กระดูกมันจะอยู่ตรงนี้กดแล้วมันจะปวดร้าว
00:40:58 → 00:41:00 เลยที่เท้าเนี่ยที่เท้าจุดนั้นก็เป็นจุด
00:41:00 → 00:41:03 บนเส้นบาของตับเช่นเดียวกันพอเรานวดไป
00:41:03 → 00:41:05 ปุ๊บเราก็จะรู้สึกเบาขึ้นแต่ว่าต้องนวด 4
00:41:06 → 00:41:09 จุดนะที่หมอเล่าไปอ่าทีนี้ถ้ายืดเส้นอัน
00:41:09 → 00:41:11 นึงที่จะช่วยผ่อนคลายความเครียดอ่านอกจาก
00:41:11 → 00:41:14 การกดจุดนะคะก็คือการยืดเส้นลมปานของถุง
00:41:14 → 00:41:17 น้ำดีก็คือเส้นข้างหลายคนจะเครียดจนหายใจ
00:41:17 → 00:41:21 ไม่สุดหายใจเข้าหายใจออกหาให้เรารู้สึก
00:41:21 → 00:41:24 ตึงตรงนี้ใครที่คัตเตนมเครียดแล้วคัตนมนะ
00:41:24 → 00:41:28 คะก็จะให้ยืดเส้นท่านี้ได้สลับไปมาสัก
00:41:28 → 00:41:32 5-10 รอบแล้วก็ค้างไว้ประมาณ 15-20 ลม
00:41:32 → 00:41:35 หายใจอ่าหลังกล้องทำกันแเลยใครใครที่ยืด
00:41:35 → 00:41:37 ไม่สุดเนี่ยก็แบเส้นรุมปเขาจะติดขัด
00:41:38 → 00:41:40 พยายามยืดให้สุดแล้วจะระบายความร้อนได้ดี
00:41:40 → 00:41:42 ไปแล้วกลับมาด้วยนะคะอไปแล้วกลับด้วยเอา
00:41:42 → 00:41:45 ก็จะยืดยืดแล้วเราจะรู้สึกหายใจได้มาก
00:41:45 → 00:41:47 ขึ้นหลายคนจะบอกหมอหายใจไม่อิ่มเลยอ่ะลอง
00:41:47 → 00:41:49 ยืดท่านี้ดูได้อันนี้คือการที่เราบริหาร
00:41:49 → 00:41:51 ตัวเองหนูอยากรู้อีกอย่างนึงเพราะเราจะ
00:41:51 → 00:41:54 ได้ยินกันมาว่าธรรมชาติอ่ะช่วยบำบัดได้
00:41:54 → 00:41:56 ธรรมชาติช่วยบำบัดอาการปวดหรือว่าความ
00:41:56 → 00:41:58 เครียดได้ยังไงบ้างคะความเครียดสัมพันธ์
00:41:58 → 00:42:01 กับตับใช่มั้ยคะตับสัมพันธ์กับสีเขียวถ้า
00:42:01 → 00:42:03 เกิดว่าเราเนี่ยมองจอหรือว่าเจอเรื่อง
00:42:03 → 00:42:06 เครียดมาหรือว่าอยู่ในห้องแคบความรู้สึก
00:42:06 → 00:42:08 ของร่างกายของเราเนี่ยมันจะอึดอัดแต่พอ
00:42:08 → 00:42:10 เราเอาตัวเองไปอยู่ธรรมชาติสีเขียวสัมผัส
00:42:10 → 00:42:13 กับท้องฟ้าต้นไม้เนี่ยถ้าเราเดินออกไป
00:42:13 → 00:42:14 แล้วข้างนอกเป็นสีเขียวธรรมชาติเราจะรู้
00:42:14 → 00:42:16 สึกความแตกต่างเลยแล้วเราจะสัมผัสได้ว่า
00:42:16 → 00:42:18 ธรรมชาติช่วยเราได้จริงๆแล้วสีเขียวมันจะ
00:42:18 → 00:42:21 เดินทำให้พลังงานของตับอ่อนนุ่มขึ้นการ
00:42:21 → 00:42:23 ไหลเวของเลือดสมูทขึ้นอ่าแล้วก็จะรู้สึก
00:42:23 → 00:42:26 ผ่อนคลายมากขึ้นนั้นหลายคนคนกุงก็เลยชอบ
00:42:26 → 00:42:28 ไปตามจังหวัดไปพักผ่อนนะค่ะเพราะมันได้
00:42:28 → 00:42:30 ผ่อนคลายความเครียดเพราะปกติถ้าเราอยู่
00:42:30 → 00:42:32 กับแสงแบบเนี้ยเราก็จะไม่ได้เห็นธรรมชาติ
00:42:32 → 00:42:34 เลยตั้งแต่เช้าจดเย็นแทบจะไม่ได้เห็นอะไร
00:42:34 → 00:42:36 เลยเนาะมันก็สะสมความเครียดในร่างกายถึง
00:42:36 → 00:42:39 แม้เราอาจจะทำงานสมูทดีไม่มีปัญหาอารมณ์
00:42:39 → 00:42:41 ก็ดีอยู่ไม่มีปัญหาแต่ว่าร่างกายเราอาจจะ
00:42:41 → 00:42:43 ตึงไม่สบายความเครียดของตับจะทำให้เส้น
00:42:43 → 00:42:45 เอ็นตึงอ่าเส้นเอ็นในร่างกายของเราจะ
00:42:45 → 00:42:47 สำคัญกับตับแต่พอเราไปเจอธรรมชาติเดิน
00:42:47 → 00:42:49 เล่นกับธรรมชาติปุ๊บเราก็จะรู้สึกผ่อน
00:42:49 → 00:42:52 คลายได้ง่ายอเส้นเอ็นไหลเวียนดีเลือดไหล
00:42:52 → 00:42:54 เวียนดีอีกอันนึงค่ะอยากรู้ค่ะเขาจะบอก
00:42:54 → 00:42:57 ว่าให้กดิคือการที่เราเหยียบลงบนยาอ่าอัน
00:42:57 → 00:43:00 นี้เบอกเป็นการถ่ายเทพลังงานมันมันเป็น
00:43:00 → 00:43:02 ยังไงคะอเรียกแบบนั้นก็ได้ถ้าเกิดว่ามือ
00:43:02 → 00:43:05 ของเราเนี่ยสัมผัสแต่กับหน้าจอแล้วมือเรา
00:43:05 → 00:43:08 เจ็บมากอหมอจะใช้มือเป็นตัวอย่างเนาะบบาง
00:43:08 → 00:43:10 คนกดกดจอจนรู้สึกว่าปวดมือด้านไปหมดแล้ว
00:43:10 → 00:43:13 เราลองเอามืออ่ะไปจับที่ดินไปเล่นดินไป
00:43:14 → 00:43:16 ปลูกต้นไม้มือของเราที่เจ็บนั้นเนี่ยมัน
00:43:16 → 00:43:18 จะหายไปเจะเรียกว่าแลกเปลี่ยนพลังงานออก
00:43:19 → 00:43:22 ไปพลังงานที่เราเจอแบบแสงความร้อนเพราะ
00:43:22 → 00:43:24 ว่าเครื่องโทรศัพท์หรือว่าเราสัมผัสแต่
00:43:24 → 00:43:27 กับสิ่งวัตถุที่พลังงานไม่ดีเนี่ยเขาก็จะ
00:43:27 → 00:43:29 คลายพลังงานของเขาเข้ามาหาเราเราก็ต้อง
00:43:29 → 00:43:31 เอาพิษพลังงานเหล่านั้นเนี่ยคลายออกไปได้
00:43:31 → 00:43:33 โดยธรรมชาติแล้วร่างกายของเราคือธรรมชาติ
00:43:33 → 00:43:35 อันนึแต่เราชอบอยู่กับสิ่งที่ไม่ใช่
00:43:35 → 00:43:38 ธรรมชาติเยอะเกินไปจนทำให้เราเป็นพิษนะ
00:43:38 → 00:43:40 เราจะเรียกว่าเป็นพิษข้างในเนาะเกิดขึ้น
00:43:40 → 00:43:42 แต่พอเราสื่อสารกับธรรมชาติได้มากขึ้น
00:43:42 → 00:43:45 อยู่ๆเราก็จะคิดแบบอาจจะคิดเรื่องงานออก
00:43:45 → 00:43:47 อ่าหรือว่าเราจะผ่อนคลายได้มากขึ้นได้
00:43:48 → 00:43:51 ง่ายอันนึงที่หนูอยากรู้คือตอนนอนเรานอน
00:43:51 → 00:43:53 แล้วแหละเราทำตามที่คุณหมอบอกทุกอย่างเลย
00:43:53 → 00:43:57 อ่ะเราไม่ได้เล่นโทรศัพท์เราทำการ
00:43:57 → 00:44:00 ยียดเออจะนอนละแต่โทรศัพท์วางไว้ข้างๆเลย
00:44:00 → 00:44:03 อ่ะอันเนี้ยอันตรายั้คะหลายคนจะกลัวเนาะ
00:44:03 → 00:44:05 แล้วแต่ก่อนหมอก็เคยอ่านว่าเขาจะส่ง
00:44:05 → 00:44:09 สัญญาณหรือว่าสัญญาณ WiFi จะมาทำขึ้นถ้า
00:44:09 → 00:44:13 เรากังวลเพราะความคิดกังวลว่าถ้าเราเชื่อ
00:44:13 → 00:44:15 ว่ามันส่งผลน่ะมันก็จะส่งผลจริงๆเอาความ
00:44:15 → 00:44:18 คิดมันตัวนำกายทีถ้าเราเชื่อแบบนั้นแล้ว
00:44:18 → 00:44:21 เราจะแนะนำให้อ่ะปิดสวิตช์สัญญาณ WiFi
00:44:21 → 00:44:23 หรือเอาโทรศัพท์ไปไว้ไกลตัวอเราก็จะรู้
00:44:23 → 00:44:26 สึกสบายใจมากขึ้นหรือว่าถ้าเกิดว่าเราไม่
00:44:26 → 00:44:30 ได้เชื่อว่าเขาทำร้ายเราซึ่งมันก็จะมีงาน
00:44:30 → 00:44:33 ที่เขาพูดถึงว่าโทรศัพท์เนี่ยคึ้นของเขา
00:44:33 → 00:44:36 ไม่ได้ทำร้ายเซลล์ในร่างกายของเราได้อ่า
00:44:36 → 00:44:39 แต่ว่ามันจะเป็นทั้งงานวิทยาศาสตร์อ่ากับ
00:44:39 → 00:44:41 งานที่เรามีเป็นความเชื่อถ้าเราเชื่อว่า
00:44:41 → 00:44:44 เขาไม่ได้ทำร้ายเรามากแต่ว่าเสียงดังของ
00:44:44 → 00:44:47 โทรศัพท์หรือแสงที่มันวาบๆปิดๆอย่างเงี้ย
00:44:47 → 00:44:49 แล้วมันทำให้เราลับไม่สนิทอันเนี้ยมีผล
00:44:49 → 00:44:51 แน่ๆแต่ว่าขึ้นจากโทรศัพท์ที่มากระทบเรา
00:44:51 → 00:44:54 เนี่ยบางงานเขาบอกว่าไม่ได้ทำร้ายเราจริง
00:44:54 → 00:44:56 ๆแต่ว่าถ้าจิตใจของเราอ่ะรู้สึกว่าสิ่ง
00:44:56 → 00:44:58 เนี้ยทำร้ายเราเราเราจะต้องเอาสิ่งเออกไป
00:44:58 → 00:45:01 ออ่าเพื่อที่จะได้ทำให้จิตใจของเราสบายนะ
00:45:01 → 00:45:03 ทำเพื่อความสบายใจได้เพราะความสบายใจจะ
00:45:03 → 00:45:06 เป็นจุดกำเนิดของความแข็งแรงของร่างกาย
00:45:06 → 00:45:08 เพราะเมื่อไหร่ที่เรากังวลกลัวแล้วสิ่ง
00:45:08 → 00:45:10 นั้นยังอยู่เราก็จะคิดไม่ตกซักทีว่ามัน
00:45:10 → 00:45:12 เป็นยังไงกันแน่ก็เอาอนั้นออกไปมันทำไม่
00:45:12 → 00:45:15 ได้ยากเกินไปอือใช่ค่ะก็คือทำยังไงก็ได้
00:45:15 → 00:45:18 ให้เราไม่กังวลอ่าไม่กังวลแล้วเราความรู้
00:45:18 → 00:45:20 เนี่ยจะเป็นตัวที่ตัดความกังวลได้ถ้าเรา
00:45:20 → 00:45:22 อ่านจนเจอแล้วว่าเออมันไม่ได้ทำร้ายเรา
00:45:22 → 00:45:25 จริงๆเราก็สบายใจได้ใช่ไหมมแต่ในบางความ
00:45:25 → 00:45:27 รู้เนี่ยมันเป็นความรู้ในปปัจจุบันอนาคตเ
00:45:27 → 00:45:30 อาจะหามีงานวิจัยใหม่ก็ได้มันก็จะเป็น
00:45:30 → 00:45:32 เรื่องที่ตอบโจทย์ไม่ได้ทั้งหมดค่อยๆปรับ
00:45:32 → 00:45:36 แเอาตามความสบายใจเราเรานอนหลับก็โอเคโอเ
00:45:36 → 00:45:38 อ่าค่ะคำถามสุดท้ายค่ะคุณหมออยากรู้ว่า
00:45:38 → 00:45:41 สมาธิเนี่ยมีส่วนช่วยในการลดอาการปวดได้
00:45:41 → 00:45:44 ไมมคะถ้าใครคเล่นโยคะการเล่นยูค้าเนี่ย
00:45:44 → 00:45:47 จุดที่ยืดเส้นมากๆเนี่ยมันจะเจ็บมากที
00:45:47 → 00:45:49 เนี้ยการเล่นยูค้าเนี่ยเขาจะฝึกลมหายใจท
00:45:49 → 00:45:52 เนี้ยพอเราจะสามารถหายใจสม่ำเสมอเราจะ
00:45:52 → 00:45:55 สามารถทนความเจ็บปวดนั้นได้งการทำสมาธิ
00:45:55 → 00:45:58 เนี่ยก็คือการฝึกลมหายใจทำให้เรามีสติเรา
00:45:58 → 00:46:01 สามารถแยกจิตของเรามามองความเจ็บปวดได้อ
00:46:01 → 00:46:03 ถ้าใครเล่นอยู่คั้ถึงจุดนึงจะรู้สึกว่า
00:46:03 → 00:46:06 โอ๊ยมันทรมานมากบางคนก็คือหายใจไม่ไหวเรา
00:46:06 → 00:46:09 ก็อยู่ไม่ได้ละเราก็จะคายไปแต่ว่าคนที่
00:46:09 → 00:46:11 สมาธิฝึกจิตดีเพราะการออกกำลังกายเป็นการ
00:46:11 → 00:46:13 ฝึกสมาธิอย่างนึงเนาะงพอเราจิตของเรา
00:46:13 → 00:46:15 เนี่ยสามารถแยกมาเห็นแล้วว่าอันนี้คือ
00:46:15 → 00:46:17 ความเจ็บปวดแต่เราอยู่ได้โดยที่เราไม่
00:46:17 → 00:46:20 ทรมานคือมันเจ็บอยู่แต่ว่าเราอยู่กับมัน
00:46:20 → 00:46:23 ได้อ่ามันไม่กระวนกระวายงั้นการที่เรามี
00:46:23 → 00:46:26 สมาธิหรือฝึกสมาธิเป็นประจำมันก็จะทำให้
00:46:26 → 00:46:29 เราสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง
00:46:29 → 00:46:31 หรือความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้เราอาจจะ
00:46:31 → 00:46:33 ไม่ได้แบบหายใจหายใจแล้วมันหายไปแต่ว่า
00:46:33 → 00:46:35 เราจะอยู่กับมันได้แล้วอาการปวดแบบเยถ้า
00:46:35 → 00:46:38 เราบริหารร่างกายร่วมด้วยเนี่ยมันก็จะทำ
00:46:38 → 00:46:40 ให้มันหายคือมันหายได้ตอนที่เรามันปวด
00:46:40 → 00:46:41 อยู่เราสามารถอยู่กับมันได้โดยที่ไม่
00:46:41 → 00:46:44 ทรมานก็คือว่าเพราะว่าบางคนอาจจะพอมี
00:46:44 → 00:46:47 อาการปวดแล้วหนูเข้าใจแบบนี้นะว่าลมหายใจ
00:46:47 → 00:46:50 อ่ะมันช่วยให้เราคามลงหมายถึงว่าสงบลงใช่
00:46:50 → 00:46:52 เพราะว่าถ้าสมมุติเราปวดแล้วเราแบบแหายใจ
00:46:52 → 00:46:55 สั้นอีกหงุดหงิดอีกอะไรอีปวดหนอ่าก็เพิ่ม
00:46:55 → 00:46:58 การทำงานข้างในอีกใช่่ค่ะพอเราแบบฝึกลง
00:46:58 → 00:47:00 หายใจได้ดีเราก็อยู่กับมันได้ง่ายขึ้น
00:47:00 → 00:47:03 แล้วมันก็จะสบายขึ้นอค่ะก็วันนี้นะคะหนู
00:47:03 → 00:47:06 เชื่อว่าคนที่ดูเนี่ยน่าจะได้ข้อมูลดีๆ
00:47:06 → 00:47:08 อ่าได้ความรู้ดีๆในเรื่องของอาการการปวด
00:47:08 → 00:47:12 ต่างๆไม่ว่าจะเป็นปวดหัวปวดบ่าปวดไหล่ปวด
00:47:12 → 00:47:15 คออ่าออฟฟิศรมค่ะแล้วก็ได้เทคนิคในการกด
00:47:15 → 00:47:17 จุดต่างๆด้วยที่จะเอาไปใช้และอีกอย่างนึง
00:47:17 → 00:47:19 นะคะทุกคนอย่าลืมว่าเรื่องของนิสัยเนี่ย
00:47:19 → 00:47:22 ยังเป็นเรื่องที่สำคัญอยู่เพราะว่านิสัย
00:47:22 → 00:47:24 เนี่ยเป็นตัวกำหนดโรคของเราได้เลยเนาะอื
00:47:24 → 00:47:27 ค่ะแล้วก็อีกอย่างนึงคืออย่าลืมดูแลร่าง
00:47:27 → 00:47:30 กายนะคะทั้งการกินการนอนการออกกำลังกาย
00:47:30 → 00:47:32 เพราะว่าเมื่อเราเป็นอะไรขึ้นมาแล้วเนี่ย
00:47:32 → 00:47:34 อยากไปฝากภาระไว้ที่คุณหมออย่างเดียว
00:47:34 → 00:47:36 อย่างที่คุณหมอการบอกเนาะเราต้องช่วยคุณ
00:47:36 → 00:47:38 หมอด้วยถ้าสมมุตินะคะว่าใครที่ดูแล้วมี
00:47:38 → 00:47:40 ความคิดเห็นยังไงคอมเมนต์บอกเราเป็นกำลัง
00:47:40 → 00:47:42 ใจให้เราด้วยนะคะถ้าชอบกดไลก์กดแชร์กด
00:47:42 → 00:47:44 Subscribe นะคะแล้วก็ถ้าใครยังไม่จุใจนะ
00:47:44 → 00:47:47 คะอยากรู้หรือว่ามีอาการอื่นๆอีกนะคะ
00:47:47 → 00:47:49 สามารถไปติดตามที่ช่องของคุณหมอกได้นะคะ
00:47:49 → 00:47:51 เดี๋ยวจะขึ้นเอาไว้ให้เอตามที่ขึ้นไว้เลย
00:47:51 → 00:47:54 นะคะวันนี้นะคะต้องขอขอบคุณคุณหมอการมากๆ
00:47:54 → 00:47:58 เลยนะคะขอบคุณค่ะเ
00:47:58 → 00:48:18 [เพลง]