00:00:00 → 00:00:02 ค่ะคุณหมอขาสำหรับเบื้องต้นเลยค่ะอาการ
00:00:03 → 00:00:06 แพ้อาหารคืออะไรแล้วทำไมมันถึงบางคนแพ้
00:00:06 → 00:00:10 บางคนไม่แพ้ล่ะคะค่ะอาการแพ้อาหารเนี่ยก็
00:00:10 → 00:00:13 คือว่ามันเป็นภาวะที่ร่างกายเรามีภูมิไว
00:00:13 → 00:00:17 เกินต่อสารอาหารที่เรากินเข้าไปค่ะคือคน
00:00:17 → 00:00:19 ที่คนทั่วๆไปกินอาหารแล้วไม่มีอาการอัน
00:00:19 → 00:00:22 นี้เราเรียกว่าไม่แพ้ค่ะแต่คนที่กินอาหาร
00:00:22 → 00:00:25 เข้าไปแล้วมีอาการเช่นอาการเนี้ยมันมี
00:00:25 → 00:00:29 หลายระดับแล้วก็ขึ้นอยู่กับชนิดหรือ
00:00:29 → 00:00:32 อวัยวะที่แสดงออกมานะคะเพราะว่าการแพ้เ
00:00:32 → 00:00:36 เช่นถ้าคนกินเข้าไปแล้วมีอาการทามผิวหนัง
00:00:36 → 00:00:41 ที่เจอบ่อยๆก็คือพวกผื่นนูนผื่นลมพิษตา
00:00:41 → 00:00:44 บวมอันนี้คือลักษณะอาการที่แพ้แลแสดงออก
00:00:44 → 00:00:47 ทางผิวหนังแต่ถ้าเกิดทานเข้าไปแล้วมี
00:00:47 → 00:00:50 อาการคลื่นไส้อาเจียนท้องเสียอันนี้ก็
00:00:50 → 00:00:54 เป็นการแพ้แต่แพ้ทานระบบทานเดินอาหารค่ะ
00:00:54 → 00:00:56 กับอีกกลุ่มหนึ่งก็คือทานอาหารเข้าไปแล้ว
00:00:56 → 00:01:01 มีอาการคัดจมูกน้ำมูกไอใจไม่ออกเหนื่อย
00:01:01 → 00:01:03 อย่างเงี้ยอันนี้คือรุนแรงขึ้นมาอีกก็คือ
00:01:03 → 00:01:06 ระบบทางเดินหายใจกับระบบที่รุนแรงมากที่
00:01:06 → 00:01:09 สุดก็คือทานอาหารเข้าไปแล้วแล้วมีอาการา
00:01:09 → 00:01:12 ทาระบบหัวใจและหลอดเลือดเช่นมีอาการหน้า
00:01:12 → 00:01:16 มืดเป็นลมหัวใจเต้นเร็วหมดสติความเดินตก
00:01:16 → 00:01:19 หรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้อันนี้เขา
00:01:19 → 00:01:22 เรียกว่าแผลแบบรุนแรงหรือที่เราเรียกว่า
00:01:22 → 00:01:26 อันนาไฟแกีนะคะค่ะคือลักษณะของอาการแพ้
00:01:26 → 00:01:30 อาหารค่ะค่ะแต่ละอาการนี่ก็ก็แพ้รุนแรง
00:01:30 → 00:01:34 แตกต่างกันนะคะที่คุณหมอบอกว่าถ้าแรงที่
00:01:34 → 00:01:38 สุดก็คือแพ้ที่เอ่อที่ต่อระบบอ่าหัวใจใช่
00:01:38 → 00:01:42 มั้ยคะอาหารประเภทไหนใชหายใจและหัวใจค่ะ
00:01:42 → 00:01:46 อาหารประเภทไหนที่ทำให้ถึงระบบเอ่อหัวใจ
00:01:46 → 00:01:48 แล้วก็การหายใจเนี่ยส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะ
00:01:48 → 00:01:52 การแพ้อาหารประเภทไหนหรอคะคุณหมอค่าจริงๆ
00:01:52 → 00:01:56 การตอบสนองแต่ละคนไม่เท่ากันบางคนเนี่ย
00:01:56 → 00:02:00 คืออาหารที่แพ้บ่อยได้บ่อยๆนะคะในประเทศ
00:02:00 → 00:02:02 ไทยเราส่วนใหญ่ก็ถ้าเด็กๆก็จะเป็นพวดนม
00:02:02 → 00:02:07 ฮัวไผ่แป้งสาลีถั่วเหลืองถั่วลิสงหรือ
00:02:07 → 00:02:10 ถั่วที่มีเปลือกแข็งเช่นพวกอัลมอนวอนัท
00:02:10 → 00:02:13 แมคคาดิเมียหรือถ้าบ้านเราก็เม็ดมะม่วง
00:02:13 → 00:02:17 หิมพานอันนี้คืออันที่แพ้ได้บ่อยๆค่ะกับ
00:02:17 → 00:02:20 อีกกลุ่มนึงก็คือกลุ่มพวกปลาอาหารทะเล
00:02:20 → 00:02:24 เช่นกุ้งปูหอยปลาหมึกซึ่งการตอบสนองหรือ
00:02:24 → 00:02:27 ความไวของแต่ละคนเนี่ยไม่เท่ากันบางคนนี่
00:02:27 → 00:02:31 ทานแค่ไข่ถึงขั้นรุนแรงก็ได้แพ้แบบรุนแรง
00:02:31 → 00:02:33 อะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่งมันจะก็บอกไม่ได้
00:02:33 → 00:02:37 ความรุนแรงของแต่ละคนก็จะไม่เท่ากันอืค่ะ
00:02:37 → 00:02:41 ค่ะอืก็เอ่อขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคน
00:02:41 → 00:02:46 แต่ว่าเอ่อแต่ละคนเนี่ยบางบางครั้งจนอายุ
00:02:46 → 00:02:49 เยอะๆแล้วเนี่ยคืออาจจะเพิ่งรู้ตัวว่าแพ้
00:02:49 → 00:02:52 อาหารชนิดนี้เรามีข้อสังเกตอะไรยังไงที่
00:02:52 → 00:02:56 จะแนะนำคุณผู้ฟังมคะคุณหมอค่ะจริงๆอ่ะอ่า
00:02:56 → 00:03:00 เรื่องอาการแพ้เนี่ยเป็นเด็กๆพอโตขึ้นก็
00:03:00 → 00:03:03 อาจจะหายได้ค่ะนะฮะอย่างเช่นพวกแพ้นม
00:03:03 → 00:03:06 อย่างเงี้ยค่ะเป็นตอนเด็กๆพออายุมากขึ้น 7
00:03:06 → 00:03:10 80 90% สามารถหายจากการแพ้นมได้กับอีก
00:03:11 → 00:03:13 กลุ่มหนึ่งคือเอ๊ะทำไมตอนเด็กๆไม่เป็น
00:03:13 → 00:03:16 แล้วทำไมอาการมันเป็นต่ออายุมากขึ้นถูก
00:03:16 → 00:03:20 มั้ยคะกลุ่มนี้ก็คือเกิดจากอ่าร่างกายที่
00:03:20 → 00:03:23 มันมีการเปลี่ยนแปลงเช่นวอายุมากขึ้นสูง
00:03:23 → 00:03:26 อายุขึ้นก็จะมีเรื่องของภูมิคุ้นกันเนี่ย
00:03:26 → 00:03:28 ของร่างกายลดลงกับอีกกลุ่มนึงก็คือว่า
00:03:28 → 00:03:33 เกิดจากอ่าการแพ้ภายหลังเช่นบางครั้งสาร
00:03:33 → 00:03:35 ที่เรากินเข้าไปบางจริงๆเราแพ้อยู่แต่ว่า
00:03:35 → 00:03:39 ร่างกายเนี่ยเกิดอาการน้อยจนเราไม่มีความ
00:03:39 → 00:03:42 รู้สึกว่าเราไม่ได้แพ้แต่เมื่อมีการ
00:03:42 → 00:03:47 กระตุ้นบ่อยๆหรือกระตุ้นซ้ำนานๆตลอดเวลา
00:03:47 → 00:03:50 มันก็เริ่มจะมีการเเรียกว่าร่างกายมันจะ
00:03:50 → 00:03:54 ปล่อยสารบางตัวออกมานะฮะซึ่งสารตัวเนี้ย
00:03:54 → 00:03:57 มันเป็นปฏิกิริยาที่เราเรียกว่า IG หรือ
00:03:57 → 00:04:01 อิมมูน E ซึ่งรกายมันก็พอครั้งที่ 1 เรา
00:04:01 → 00:04:05 ใส่กินเข้าไปร่างกายก็เริ่มปล่อยสารตัว
00:04:05 → 00:04:08 นี้ออกมานิดหน่อยแต่อาจจะไม่มากเพียงพอทำ
00:04:08 → 00:04:11 ให้เกิดมีอาการพอเราทานซ้ำบ่อยๆสารตัวนี้
00:04:11 → 00:04:13 ก็ถูกกระตุ้นได้บ่อยๆขึ้นปริมาณมันมาก
00:04:13 → 00:04:18 ขึ้นความไวการตอบสนองก็มากขึ้นเร็วขึ้นจน
00:04:18 → 00:04:21 ถึงวันหนึ่งเรารับประทานเข้าไปอีกแล้วมัน
00:04:21 → 00:04:24 ก็จะเกิดอาการกระตุ้นที่รุนแรงแล้วก็
00:04:24 → 00:04:26 ปล่อยสงฮิสตามีนออกมาไอ้เจ้าสงฮิสตามีน
00:04:27 → 00:04:29 นี่แหละเป็นตัวที่ทำให้เราเกิดอาการแพ้ง
00:04:29 → 00:04:32 ขึ้นขึ้นมาอืเพราะฉะนั้นการที่บอกว่าเอ๊ะ
00:04:32 → 00:04:35 ทำไมเรามาเป็นตอนอายุมากจริงๆเราอาจจะมี
00:04:35 → 00:04:38 มาตั้งตั้งแต่อายุน้อยๆแล้วก็ได้แต่ว่า
00:04:38 → 00:04:41 มันเกิดจากการกระตุ้นการตอบสนองที่ไม่
00:04:41 → 00:04:46 เท่ากันของแต่ละคนครับค่ะค่ะอือืมแสดงว่า
00:04:46 → 00:04:49 อย่างงี้อย่างงี้เราจะมีสิทธิ์ที่จะรู้
00:04:49 → 00:04:55 ตัวเองว่าว่าแพ้อะไรตั้งแต่วัยไหนอ่ะครับ
00:04:55 → 00:04:57 ตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่าออกมารกเกิดเลย
00:04:57 → 00:05:02 แล้วรู้เลยหรือว่าต้องเข้าสู่วัยเด็กโตซะ
00:05:02 → 00:05:04 หน่อยหรือว่าวัยรุ่นแล้วถึงจะรู้ชัดเจน
00:05:04 → 00:05:08 อ่ะคุณหมอครับคือจริงๆค่ะมันก็มีวิธีการ
00:05:08 → 00:05:10 นะเพราะว่าอย่างสาเหตุเนี่ยส่วนหนึ่งก็
00:05:10 → 00:05:13 คือเรื่องของกรมพรค่ะครับกรรมพันธ์เนี่ย
00:05:13 → 00:05:16 ถ้าเป็นจากกรรมพันธ์เนี่ยจริงๆก็เราจะรู้
00:05:16 → 00:05:19 แล้วว่าในครอบครัวเราเนี่ยมีประวัติแพ้
00:05:19 → 00:05:22 อาหารเหล่านี้เหล่านี้เป็นกรรมพานอันนี้
00:05:22 → 00:05:25 จะรู้ได้ตั้งแต่อายุน้อยๆเลยอืนะฮะหรือ
00:05:25 → 00:05:28 ว่าเราครอบครัวเรามีประวัติแพ้เยอะๆเรา
00:05:28 → 00:05:31 สามารถไปตรวจได้ซึ่งการตรวจปัจจุบันก็
00:05:31 → 00:05:35 ง่ายก็คือมี 2 แบบคือตรวจดยการเจาะเลือด
00:05:35 → 00:05:37 กับตรวจโดยการทำสินเทสซึ่งเดี๋ยวนี้
00:05:37 → 00:05:40 สามารถตรวจสอบอาหารได้เป็น100รชนิดเลยค่ะ
00:05:40 → 00:05:46 อือือันนี้ก็จะสะดวกสครับสินเทสตรวจสอบอ
00:05:46 → 00:05:49 เอตรวจยในมันเจ็บมยมันต้องใช้อะไรไปตรวจ
00:05:49 → 00:05:52 หรอคะคุณหมออ่าเจาะเลือดค่ะเจาะเลือดเรา
00:05:52 → 00:05:56 สามารถวัดระดับของ IG ได้เลยนะคะวัดระดับ
00:05:56 → 00:06:00 ของไอ้สารที่เราแพ้ได้เลยว่าเราเป็นแพ้
00:06:00 → 00:06:03 แบบระดับคือมันจะมีระดับนะว่าเราแพ้สาร
00:06:03 → 00:06:06 ชนิดเนี้รุนแรงแค่ไหนมันมีตั้งแต่ระดับ 0
00:06:06 → 00:06:09 ไม่แพ้เลยจนถึงระดับ 10 แพ้มากอะไรอย่าง
00:06:09 → 00:06:12 เงี้ยถ้าเกินตั้งแต่ระดับ 5 ขึ้นไปก็จะ
00:06:12 → 00:06:14 ไม่แนะนำเลยว่าให้ไปทดลองกินอาหารประเภท
00:06:14 → 00:06:18 นี้นะอะไรอย่างเงี้ยอ๋อเออๆคมันจะมีระดับ
00:06:18 → 00:06:20 บอกได้เลยค่ะเดี๋ยวนี้ซึ่งมันค่อนข้างจะ
00:06:20 → 00:06:24 สะดวกนะคะกับอีกอันนึก็คือพวกที่เคยทาน
00:06:24 → 00:06:27 อาหารได้แล้วต่อมาเกิดแพ้ใช่มั้ยเคก็อยาก
00:06:27 → 00:06:30 พิสูจน์ว่าเอ๊ะตกลงเคแพ้หรือไม่แพ้อันนี้
00:06:30 → 00:06:34 เราก็สามารถไปทำสกินเทสค่ะอไปทดสอบผิว
00:06:34 → 00:06:37 หนังหรือไปเจาะเลือดดูระดับได้กไอีกลุ่ม
00:06:37 → 00:06:40 นี่คืออยากรู้เหมือนกันตอนก่อนหน้านี้เคย
00:06:40 → 00:06:43 แพ้อยากรู้ว่าปัจจุบันมันหายแพ้หรือยัง
00:06:43 → 00:06:46 แล้วก็สามารถไปเจาะดูว่าปัจจุบันเราหาย
00:06:46 → 00:06:48 แพ้ได้หรือยังอะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่งมัน
00:06:48 → 00:06:51 ระดับมันจะสามารถบอกเราได้หรือบางคนบอก
00:06:51 → 00:06:54 ว่าเอ๊ะอไม่แน่ใจว่าไอ้ที่ผ่านมาคือแพ้
00:06:54 → 00:06:58 หรือเปล่าใช่มั้คะเราก็สามารถไปจอว่าเอ๊ะ
00:06:58 → 00:07:00 ที่เราไม่แน่ใจตกลงเราแพ้หรือไม่แพ้แล้ว
00:07:00 → 00:07:04 ก็สามารถไปคอนเฟิร์มมันได้ค่ะอือไม่รู้
00:07:04 → 00:07:06 ชัดเจนกันไปเลยว่าเราแพ้ตกลงเราแพ้หรือ
00:07:06 → 00:07:09 ไม่แพ้หรือเราเคยแพ้แลเราหายแล้วอะไร
00:07:09 → 00:07:12 อย่างงี้หรือเราเคยแพ้ตัวนี้แล้วปัจจุบัน
00:07:12 → 00:07:17 เรามีแพ้ตัวใหม่ก็ได้อ้าเหรอฮะใช่ค่ะออ
00:07:17 → 00:07:18 ครับ
00:07:18 → 00:07:23 เอ่อค่อนข้างที่จะค่อนข้างที่จะต้องเอ่อ
00:07:23 → 00:07:25 ต้องต้องรู้จักตัวเองพอสมควรใช่มั้ยฮะคุณ
00:07:25 → 00:07:28 หมอต้องรู้จักตัวเองต้องหมั่นสังเกตหมั่น
00:07:28 → 00:07:33 สังเกตแล้วที่สำคัญคือต้องอย่าฝืนใช่มั้ย
00:07:33 → 00:07:37 คุณหมอผมผมเชื่อว่าหลายๆคนน่ะมักจะมักจะ
00:07:38 → 00:07:42 แพ้กับคำว่านี้ฮะเอ่อแพ้ใช่มั้ยสู้กับมัน
00:07:42 → 00:07:45 สิอ๋อแพ้อันนี้ใช่มั้ยต้องกินเข้าไปเยอะ
00:07:45 → 00:07:47 เยอะมันจะได้เออสู้กับมันเดี๋ยวมันก็หาย
00:07:47 → 00:07:50 เดี๋ยวมันความเป็นความคิดที่ผิดหรือถูกคะ
00:07:50 → 00:07:54 คุณหมออ่าจริงๆมันโดยหลักการเยถ้าเป็นการ
00:07:54 → 00:07:58 แพ้น้อยๆเป็นการแพ้น้อยๆนะคะอย่างเช่นแพ้
00:07:58 → 00:08:01 น้องแพ้อะไรเราสามารถที่จะกระตุ้นแต่ต้อง
00:08:01 → 00:08:03 อยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์นะฮะเพราะ
00:08:04 → 00:08:06 อย่างที่บอกว่ามันพวกนี้มันเกิดจากการ
00:08:06 → 00:08:11 สะสมความไวค่ะซึ่งอาการน้อยครั้งนี้อาการ
00:08:11 → 00:08:13 น้อยครั้งต่อไปบอกไม่ได้ว่าเราจะอาการมาก
00:08:14 → 00:08:16 หรือน้อยเท่าเดิมหรือดีขึ้นมันต้องอยู่
00:08:16 → 00:08:20 ภายใต้การควบคุมดูแลแต่ถามว่ามีการทดสอบ
00:08:20 → 00:08:22 มั้ยที่เขาเรียกว่า Food challeng Test
00:08:22 → 00:08:26 คือค่ะแพ้สงสัยแพ้อาหารรายนี้อาหารชนิด
00:08:26 → 00:08:29 นี้แล้วเราไปค่อยๆทำเทสแต่อย่างที่บอกว่า
00:08:29 → 00:08:31 ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์เพราะว่า
00:08:31 → 00:08:33 ถ้ามันแพ้ให้รุนแรงขึ้นมาเรามีวิธีการ
00:08:33 → 00:08:38 รักษาไม่ได้ให้แนะนำไปทำเองนะคะครับอืค่ะ
00:08:38 → 00:08:41 แต่หลักการที่ดีที่สุดคือถ้าเราแพ้อาหาร
00:08:41 → 00:08:45 ชนิดไหนเราควรหลีกเลี่ยงค่ะนะคกับอีอัน
00:08:45 → 00:08:48 หนึ่งคือไปทดสอบเลยว่าตกลงลอกแพ้ใช่หรือ
00:08:48 → 00:08:51 ไม่ใช่เพราะปัจจุบันมันมีวิธีการตรวจอยู่
00:08:51 → 00:08:55 ออือือๆไปหาคำตอบให้ชัดเจนดีที่สุดใช่ค่ะ
00:08:55 → 00:08:58 คือยังยังไงก็แล้วแต่อย่าอย่าไปเสี่ยงเขา
00:08:58 → 00:09:02 เรียกว่าอะไรเสี่ยงเสี่ยงโชคชะตาไม่ให้
00:09:02 → 00:09:05 มันก็เกินไปเนาะเอย่าไปเสี่ยงอย่าไป
00:09:05 → 00:09:08 เสี่ยงร้องอย่าไปเสี่ยงเ่ออย่าไปเสี่ยง
00:09:08 → 00:09:11 สู้กับเา้าเอ่อมันก็มีอีกอีกกลุ่มนึงคุณ
00:09:11 → 00:09:13 หมอผมเคยเจอบ่อยๆอันนี้อาจจะถามแบบต่อ
00:09:13 → 00:09:17 เนื่องไปเลยแล้วก็ได้ครับเอ่อเจอบ่อยๆอ้อ
00:09:17 → 00:09:22 แพ้แพ้รู้ตัวสมมุตินะเอ่อรู้ตัวว่ากินกิน
00:09:22 → 00:09:25 อาหารทะเลแล้วเดี๋ยวแพ้แน่เดี๋ยวผื่นแดง
00:09:25 → 00:09:28 มาแน่เดี๋ยวอะไรกินยาแก้แพ้กันไว้ก่อนเลย
00:09:28 → 00:09:32 เคยแบบเนี้ยอ๋อเคยมีเพื่อนหลายคนที่ทำ
00:09:32 → 00:09:35 พฤติกรรมแบบนี้พพกยาแก้แพ้ติดกระเป๋าเลย
00:09:35 → 00:09:39 ค่ะคุณหมอคือการพกยาแก้แพติกกระเป๋าใน
00:09:39 → 00:09:42 สำหรับคนที่แพ้หมอแนะนำนะคะเพราะอะไร
00:09:42 → 00:09:46 เพราะว่ามันจะสามารถช่วยเราได้แต่ถ้าเกิด
00:09:46 → 00:09:49 ว่าแพ้แล้วเราไปกินยาแก้แพ้เพื่อป้องกัน
00:09:49 → 00:09:52 เรารู้เช่นรู้ว่าแพ้กุ้งวันนี้อยากกิน
00:09:52 → 00:09:55 กุ้งกินยาแก้แพ้แพ้ก่อนแล้วไปกินกุ้งอัน
00:09:55 → 00:09:58 นี้ไม่แนะนำเหตุผลเพราะอะไรเหตุผลเพราะ
00:09:58 → 00:10:02 ว่ายาแก้แพ้ที่เรากินส่วนใหญ่มันจะไปแลด
00:10:02 → 00:10:06 อาการผื่นผิวหนังค่ะการที่มีผื่นผิวหนัง
00:10:06 → 00:10:09 ทำให้เราเห็นว่ามีการแพ้ได้ชัดแต่ถ้าเกิด
00:10:09 → 00:10:13 ว่าเราไปกินยาเพื่อไปลดอาการผื่นผิวหนัง
00:10:13 → 00:10:16 แต่อาการหลักคือระบบทางเดินหายใจที่เรา
00:10:16 → 00:10:19 มองไม่เห็นหรือระบบของหลอดหลอดลมที่เรา
00:10:19 → 00:10:22 มองไม่เห็นเพราะพวกนี้มันจะมีการตีบตัว
00:10:22 → 00:10:25 อย่างที่บอกว่าสารฮิสตามีนที่มันหลัออกมา
00:10:25 → 00:10:28 มันจะทำให้หลอดลมมันบวมมันอุดการทานเดิน
00:10:28 → 00:10:31 หายใจซึ่งอันนั้นพอมันรุนแรงปั๊บเราจะ
00:10:31 → 00:10:34 ช่วยไม่ทันแต่คนส่วนใหญ่จะเห็นอันแรกก็
00:10:34 → 00:10:37 คือเห็นที่ผิวหนังค่ะถูกมั้คะคนอื่นก็จะ
00:10:37 → 00:10:40 เห็นเราที่ผิวหนังอาการเหนื่อยแน่นเนี่ย
00:10:40 → 00:10:44 มันตามมาทีหลังครับออ่าถ้าเราไปกินยา
00:10:44 → 00:10:48 เพื่อไปบังอาการผิวหนังแล้วเราจะไม่เห็น
00:10:48 → 00:10:50 ค่ะเพราะฉะนั้นอาการมันก็จะเป็นตอนที่เรา
00:10:50 → 00:10:54 รุนแรงแล้วมันอาจจะรักษาไม่ทันอืเพราะ
00:10:54 → 00:10:57 ฉะนั้นไม่แนะนำวิธีว่าไปกินยาแก้แพ้แล้ว
00:10:57 → 00:11:01 ไปกินสิ่งที่เราแพ้อันนี้แนะนำแต่ยาแก้
00:11:01 → 00:11:03 แพ้เราพกติดตัวไปเพราะอย่างที่บอกว่า
00:11:03 → 00:11:04 อาหารบาง
00:11:04 → 00:11:09 ชนิดที่เา้าบอกว่าไม่มีส่วนผสมแต่จริงๆ
00:11:09 → 00:11:11 แล้วมันมีส่วนผสมอันนี้เราคือใช้รักษาใน
00:11:11 → 00:11:15 ภาวะฉุกเฉินได้อืกับอีกอันหนึ่งก็คือว่า
00:11:15 → 00:11:18 กลุ่มคนที่เคยแพ้รุนแรงถึงขั้น
00:11:18 → 00:11:22 อาฟีแล้วเป็นแล้วเคยเป็นมากกว่า 1 ครั้ง
00:11:22 → 00:11:25 อย่างเงี้ยค่ะหมอก็จะมีวิีการแนะนำว่าจะ
00:11:25 → 00:11:29 สอนวิธีคือเขาเรียกว่าพกยาฉีดติดตัวซึ่ง
00:11:29 → 00:11:32 ต่างประเทศจะใช้กันเยอะนะคะเพราะยาอินฟิน
00:11:32 → 00:11:36 นะฮะพวกนี้ยาพวกนี้คือถ้าเรามีอาการแน่น
00:11:36 → 00:11:39 หน้าอกเรารู้แล้วว่าเราเคยแพ้ถึงขั้นอ่า
00:11:39 → 00:11:43 ต้องใส่ท่อช่วยหายใจต้องเข้า ICU แน่นอน
00:11:43 → 00:11:45 ว่าเราต้องมียาไม่ว่าจะเป็นยาเม็ดหรือยา
00:11:45 → 00:11:49 ฉีดพกติดตัวซึ่งถ้าคนที่เป็นอาการประมาณ
00:11:49 → 00:11:53 เนี้ยหมอจะมีจะสอนวิธีการใช้ยาว่าถ้ามี
00:11:53 → 00:11:55 อาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกอะไรอย่าง
00:11:55 → 00:11:59 เงี้ยให้ปักยานี้เข้ากับกล้ามเนื้อหน้าขา
00:11:59 → 00:12:03 ยาพวกนี้จะเสียชีวิตได้ค่ะแต่ถ้าเกิดว่า
00:12:03 → 00:12:06 คนที่อาการแพ้ทุกครั้งแพ้ผื่นขึ้นอย่าง
00:12:06 → 00:12:09 เงี้ยค่ะเ่ออันนี้คืออาจจะแนะนำว่าพกยา
00:12:09 → 00:12:13 ติดตัวแต่ไม่ได้ให้แนะนำไปกินเพื่อป้อง
00:12:13 → 00:12:16 กันแล้วไปกินสารที่เราแพ้นะคะอาหารที่เรา
00:12:16 → 00:12:20 แพ้อันนี้คนละอย่างกันกินเพื่อบังเอิญว่า
00:12:20 → 00:12:23 เราไม่รู้ว่าอาหารที่เรากินหรือที่ับวัก
00:12:23 → 00:12:26 พานเข้าไปเนี่ยมันมีส่วนผสมของสิ่งที่เรา
00:12:26 → 00:12:29 แพ้หรือเปล่าอันนี้จะช่วยเราอ๋ออกรณีนี้
00:12:30 → 00:12:33 นึกถึงร้านสุกกี้ที่เคยเป็นข่าวเมื่อ 2-3
00:12:33 → 00:12:37 เดือนก่อนหน้านี้เลยค่ะคุณหมอที่เอ่อลูก
00:12:37 → 00:12:41 ค้าเข้าไปกินสุกี้แล้วมีลูกชิ้นผสมปลา
00:12:42 → 00:12:45 หรืออะไรที่เขาแพ้อ่ะค่ะมีส่วนวัตถุดิบ
00:12:45 → 00:12:49 ที่เขาแพ้แล้วก็เอ่อเขาก็เอ่อสั่งไปโดย
00:12:49 → 00:12:51 ไม่ทราบว่ามีส่วนประกอบนั้นในลูกชิ้นด้วย
00:12:51 → 00:12:54 อย่างกรณีแบบเนี้ยถ้าเค้ารับประทานเข้าไป
00:12:54 → 00:12:59 แล้วมีอาการแพ้เค้าถึงจะหยิบยาเอ่อเอ่อ
00:12:59 → 00:13:01 แก้แพ้ที่เขาพกไว้เนี่ยมากินอันนี้ถูก
00:13:01 → 00:13:05 ต้องใช่มั้ยคะออ่า่ถ้าเกิดอย่างนี้คือการ
00:13:05 → 00:13:07 ช่วยเบื้องต้นก็คือว่าถ้าเามีประวัติแพ้
00:13:07 → 00:13:11 อยู่แล้วเช่นน้องคนเนี้ยถ้าคุณแม่เรู้ว่า
00:13:11 → 00:13:14 ลูกมีประวัติแพ้เอาจจะต้องพูกยาติดตัวใน
00:13:14 → 00:13:17 กรณีฉุกเฉินเอย่างน้อยเป็นการจะประคับ
00:13:17 → 00:13:22 ประคอคือรักษาจากหนักเป็นเบาค่ะอ่าอันนี้
00:13:22 → 00:13:25 ก็แนะนำแต่ที่หลักๆก็ก็อีกอันนึงก็คือว่า
00:13:25 → 00:13:28 ถ้าเกิดว่าเราแพ้หรือลูกหลานเราแพ้เวลา
00:13:28 → 00:13:32 เราไปร้าร้านค้าเราต้องยืนยันกับเให้แน่
00:13:32 → 00:13:35 ชัดเนาเช่นต้องถามเขเลยลูกชิ้นอันนี้โอเค
00:13:35 → 00:13:38 สมว่าแพ้ปลาลูกชิ้นเราสั่งลูกชิ้นกุ้ง
00:13:38 → 00:13:42 ต้องยืนยันว่าลูกชิ้นกุ้งนี้ไม่มีส่วนผสม
00:13:42 → 00:13:46 ของปลาเลยนะต้องเน้นว่าลูกลูกหลานเคยแพ้
00:13:46 → 00:13:49 รุนแรงถ้าเขาไม่แน่ใจพนักงานคนนั้นไม่แน่
00:13:49 → 00:13:53 ใจเต้องกลับเข้าไปถามค่ะถามให้ชัดเจนว่า
00:13:53 → 00:13:56 ตกลงมีส่วนผสมของตาหรือเปล่าอะไรอย่าง
00:13:56 → 00:13:59 เงี้ยเป็นการคอนเฟิร์มซึ่งตัวเราเเราก็
00:13:59 → 00:14:01 ต้องคอนเฟิร์มทุกครั้งการที่เราสั่งอาหาร
00:14:01 → 00:14:05 โใช่ว่าะคนที่แพ้เป็นประเภทแพ้รุนแรงต้อง
00:14:05 → 00:14:10 เน้นย้ำมากๆนะคะอืค่ะอือันนนี้ก็ต้องต้อง
00:14:11 → 00:14:15 ต้องเอ่อผู้ผู้เขาคเรียกว่าอะไรผู้ค้าผู้
00:14:15 → 00:14:18 ค้าผู้พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายร้านที่เกี่ยว
00:14:18 → 00:14:22 กับเครื่องบริโภคต่างๆก็ต้องเอ่อดูเรื่อง
00:14:22 → 00:14:26 ของรายละเอียดแล้วก็ถ้าลูกค้าคอมเมนต์มา
00:14:26 → 00:14:30 ว่าเอ้ยฉันไม่ได้จริงๆเนี่ยก็ต้องก็ต้อง
00:14:30 → 00:14:33 ก็ต้องแจ้งแจ้งให้ชัดเจนด้วยเนาะคุณหมอ
00:14:33 → 00:14:37 ไม่งั้นเจอเจอหลายๆเคสที่แบบเอาแหละมัน
00:14:37 → 00:14:40 เป็นความเขาเรียกว่าอาจจะไม่ได้ตั้งใจแต่
00:14:40 → 00:14:43 แต่บางอย่างเราไม่รู้วัตถุดิบต้นทางที่
00:14:43 → 00:14:47 แท้จริงเอ่ออาจจะส่งผลต่อผู้บริโภคคนนั้น
00:14:47 → 00:14:50 ๆได้เพราะฉะนั้นถ้าเราแต่แต่ละคนผู้
00:14:50 → 00:14:53 ประกอบการถ้ารู้จักวัตถุดิบรู้จักเอ่อวัด
00:14:53 → 00:14:55 เ่อต้นทางว่าทำมาจากอะไรอย่างเงี้ยมันจะ
00:14:55 → 00:14:59 ช่วยเซฟเ่อเรื่องของอาการแพ้เหล่านี้ได้
00:14:59 → 00:15:01 ค่อนข้างเยอะปัจจุบันค่อนข้างที่จะเอ่อมี
00:15:01 → 00:15:04 รายละเอียดนี้ค่อนข้างดีขึ้นกว่าเดิมมยฮ
00:15:04 → 00:15:09 คุณหมอฮะคือเท่าที่ทราบจากข่าวนะคะก็คือ
00:15:09 → 00:15:11 หลังช่วงหลังๆเนี่ยตามร้างอาหารต่างๆ
00:15:11 → 00:15:13 เนี่ยบานร้านเเจะมีเขียนส่วนประกอบอาหาร
00:15:13 → 00:15:17 เลยว่าเมนูนี้นะฮะวัตถุดิบอันนี้มีส่วน
00:15:17 → 00:15:20 ประกอบอะไรบ้างอะไรอย่างเงี้ยก็จะก็จะ
00:15:20 → 00:15:23 ค่อนข้างในร้านที่ใหญ่ๆนะคะที่คุณภาพ
00:15:23 → 00:15:26 มาตรฐานสูงๆเนี่ยเ้าก็จะมีรายละเอียด
00:15:26 → 00:15:29 เรื่องส่วนผสมของอาหารมากขึ้นค่ะแต่อย่าง
00:15:29 → 00:15:31 ที่บอกว่าสิ่งเหล่านี้มันขึ้นอยู่กับตัว
00:15:31 → 00:15:34 เราด้วยนะคะเพราะฉะนั้นเราก็ต้องเน้นย้ำ
00:15:34 → 00:15:37 หรือถ้าไม่แน่ใจก็อาจจะต้องหลีกเลี่ยงไป
00:15:37 → 00:15:43 เลยค่ะออืเออนะไม่งั้นไม่งั้นเอ่อสิ่งที่
00:15:43 → 00:15:47 สิ่งที่เอ่อมันอาจจะเป็นเป็นรายละเอียด
00:15:47 → 00:15:50 เล็กๆน้อยๆคุณหมอคือจริงๆแล้วมันค่อนข้าง
00:15:50 → 00:15:54 ที่จะเป็นสิ่งที่แบบเราอาจจะแบบเล่อก็ได้
00:15:54 → 00:15:58 อาจจะไม่ได้คิดว่าเอ้ยมันคนปกติทั่วไปก็
00:15:58 → 00:16:01 กินก็ไม่เห็นเป็นไรแต่ว่าพอบางคนเขาไม่
00:16:01 → 00:16:04 รู้จริงๆแต่เขาเขาคิดว่าเอ้ยอาหารชนิดนี้
00:16:04 → 00:16:07 เขาน่าจะกินได้แต่เอ่อถ้ามาลงรายละเอียด
00:16:07 → 00:16:11 จริงๆแล้วมันเกิดพบว่าในในวัตถุดิบใน
00:16:11 → 00:16:14 เครื่องปรุงหรือว่า
00:16:14 → 00:16:17 เอ่อสิ่งประกอบในอาหารนั้นๆมันมันมีส่วน
00:16:17 → 00:16:20 ผสมบางอย่างที่เขาไม่รู้แล้วมันเกิดอาการ
00:16:20 → 00:16:23 แพ้มันก็มันก็จะไม่ดีต่อต่อคนที่บริโภค
00:16:23 → 00:16:25 เข้าไปนะอันนี้อันนี้อันนี้อันนี้มันแล้ว
00:16:25 → 00:16:29 แต่ความใส่ใจของแต่ละคนด้วยเนาะแต่ละแต่
00:16:29 → 00:16:33 ทั้งพ่อค้าเองทั้งเช่ยกันทั้งใช่ทั้งคน
00:16:33 → 00:16:35 ที่มีประวัติแท้แล้วก็กับผู้จำหน่าย
00:16:36 → 00:16:39 สินค้าเนาะต้องร่วมมือกันว่าเพราะไม่นั้น
00:16:39 → 00:16:41 เก็คงไม่อยากให้เกิดเหตุในร้านเานะเพราะ
00:16:41 → 00:16:44 ฉะนั้นก็ต้องช่วยกันทั้ง 2 ฝั่งนะช่วยกัน
00:16:44 → 00:16:47 เหมือนกับว่าเป็นการดับเบิลเช็คทั้งตัว
00:16:47 → 00:16:50 ของคนแท้เองครอบครัวของคนแท้เองหรือว่า
00:16:50 → 00:16:53 ทางร้างค้าอะไรอย่างเงี้ยค่ะคอมันเป็น
00:16:53 → 00:16:57 ความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่ายค่ะ
00:16:57 → 00:17:00 อืนี้พอพูดถึงก็ทางผู้ประกอบการเองในการ
00:17:00 → 00:17:05 เทรนเอ่อพนักงานเสิร์ฟหรือว่าเอ่อพ่อครัว
00:17:05 → 00:17:08 หรือคนที่ต้องมาปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค
00:17:08 → 00:17:11 เนี่ยก็ควรจะมีความรู้เบื้องต้นในต้นทาง
00:17:11 → 00:17:14 ของวัตถุดิบของแต่ละชนิดที่มาประกอบเป็น
00:17:14 → 00:17:17 อาหารเพะเพื่อที่จะได้ตอบลูกค้าได้ด้วย
00:17:17 → 00:17:21 เพราะบางบางคนก็เอ่อเวลาถามไปลที่เป็น
00:17:21 → 00:17:23 พนักงานเนี่ยเขาคก็อาจจะแบบไม่ได้มีความ
00:17:23 → 00:17:26 รู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งจริงๆ
00:17:26 → 00:17:30 แล้วเนี่ยการเช็คว่าวัตถุดิบแต่ละอย่าง
00:17:30 → 00:17:32 เนี่ยเพื่อตอบลูกค้าเนี่ยก็ถือว่าเป็นอีก
00:17:32 → 00:17:35 หนึ่ง 1 จรรยาบรรณของร้านอาหารเหมือนกัน
00:17:35 → 00:17:38 นะคะเอ่อคุณหมอค่ะแต่ว่าพอเกิดเหตุการณ์
00:17:38 → 00:17:42 แบบเนี้ยเอ่อลูกชิ้นปูแต่มีปลาลูกชิ้น
00:17:42 → 00:17:45 กุ้งแต่มีปลาอะไรอย่างเงี้ยโอเคถ้ารับ
00:17:45 → 00:17:48 ประทานไปแล้วเกิดอาการแพ้ขั้นต้นของการ
00:17:48 → 00:17:51 ที่เอ่อคนที่อยู่รอบข้างหรือคนที่เป็น
00:17:51 → 00:17:55 ครอบครัวเนี่ยจะช่วยปฐมพยาบาลเนี่ยวิวิธี
00:17:55 → 00:17:59 การมันมีแนวทางแบบไหนได้บ้างอ่ะคะค่ะก็
00:17:59 → 00:18:02 แยกเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่มที่อาการรุนแรง
00:18:02 → 00:18:06 กับกลุ่มที่อาการไม่รุนแรงถ้ากลุ่มที่
00:18:06 → 00:18:09 อาการไม่รุนแรงนะคะก็ 1 สิทธแรกที่ทำคือ 1
00:18:09 → 00:18:13 จุดรับประทานอาหารทันทีนะคะถ้าเรามียาที่
00:18:13 → 00:18:17 เป็นยาแก้แพ้เช่นคนที่แพ้ประจำเนี่ยเจะมี
00:18:17 → 00:18:19 ยาแก้แพ้ใช่มั้ยฮะซึ่งก็คือกลุ่มพวก
00:18:20 → 00:18:23 แอนตี้ฮิสตามีนค่ะยาแก้แพ้เนี่ยมันก็จะมี
00:18:23 → 00:18:25 2 ประเภทด้วยนะคะว่าประเภทนึงนะทานรับ
00:18:25 → 00:18:29 ประทานไปแล้วทำให้ง่วงนอนกับประเภทรับ
00:18:29 → 00:18:31 ประทานเข้าไปแล้วไม่ให้ง่วงนอนซึ่งก็ต้อง
00:18:31 → 00:18:35 ขึ้นอยู่กับว่าเอ๊ะเราให้ใครให้เช่นสมมติ
00:18:35 → 00:18:37 ว่าถ้าเป็นเด็กๆเนาส่วนใหญ่เราก็จะให้
00:18:37 → 00:18:40 ชนิดที่ง่วงนอนเพื่อให้เด็กจะได้หลังจาก
00:18:40 → 00:18:43 ทันยาแล้วจะได้พักหรืออะไรอย่างงี้แต่ถ้า
00:18:43 → 00:18:46 เสำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องทำงานกับเครื่องจัก
00:18:46 → 00:18:49 กลขับรถแท็กซี่รถบริการอย่างเงี้ยก็ไม่
00:18:49 → 00:18:52 แนะนำยาแก้แพ้ชนิดที่ง่วงนอนเพราะเดี๋ยว
00:18:52 → 00:18:55 ทานไปแล้วไปขับรถไปทำงานขึ้นจากกลก็เกิด
00:18:55 → 00:18:57 อุบัติเหตุได้อย่าเงี้ยค่ะอันนี้ก็ก็เป็น
00:18:58 → 00:19:00 ความรู้แล้วดับหนว่ายามันก็มีหลายประเภท
00:19:00 → 00:19:02 นะคะอะไรอย่างเงี้ยอันนี้ก็คืออาการไม่
00:19:03 → 00:19:06 รุนแรงถ้าหลังจากทานไปแล้วเนี่ยอาการมัน
00:19:06 → 00:19:11 เป็นมากขึ้นเช่นตอนแรกมีแค่ผื่นถ้าทานยา
00:19:11 → 00:19:14 แก้แพ้ไปแล้วผ่านไป 5 นาที 10 นาทีรู้สึก
00:19:14 → 00:19:16 ว่าอาการมันเป็นกำเเลิศมากขึ้นเช่นจาก
00:19:16 → 00:19:18 เดินมีแค่ผื่นอย่างเดียวตอนนี้เริ่มรู้
00:19:18 → 00:19:21 สึกว่าหายใจติดขัดรู้สึกว่าแน่นหน้าอกอัน
00:19:21 → 00:19:24 นี้แปลว่ายาที่เราให้ไปเนี่ยไม่เพียงพอ
00:19:24 → 00:19:28 ต่อการรักษาโรภความกความแพ้เนี่ยมันรุแรน
00:19:29 → 00:19:31 มากขึ้นอเดี๋ยวต้องรีบไปโรงพยาบาลนะคะ
00:19:31 → 00:19:34 หรืออีกประเภทนึงคือรับประทานไปเลยปั๊บ
00:19:34 → 00:19:37 คืออย่างงี้การแพ้มันมีแบบเกิดอาการฉับ
00:19:37 → 00:19:39 พันฉับพันแปลว่าหลังรับประทานแค่ 2-3
00:19:39 → 00:19:42 นาทีก็เกิดอาการเลยถึงระดับชั่วโมงอย่าง
00:19:42 → 00:19:46 เงี้ยนี่คืออาการแบบรุเร็วกับอีกอันนึงก็
00:19:46 → 00:19:49 คืออาการแบบช้าคือค่อยๆเป็นรับประทานไป
00:19:49 → 00:19:51 แล้ววันหนึ่งแล้วค่อยเกิดอาการอันนี้คือ
00:19:51 → 00:19:54 เกิดเป็นแบบช้าเนาะซึ่งส่วนใหญ่ถ้าอาหาร
00:19:54 → 00:19:57 เนี่ยมักจะเป็นแบบเร็วซะส่วนใหญ่นะฮะก็
00:19:57 → 00:20:00 มันก็มีแบบพอเร็วปั๊บมันก็มีแบบรุนแรงกับ
00:20:00 → 00:20:04 ไม่รุนแรงไม่รุนแรงก็ลองทานยาก่อนถ้ามัน
00:20:04 → 00:20:07 อาการไม่ดีขึ้นแนะนำไปโรงพยาบาลค่ะกับอีก
00:20:07 → 00:20:10 กลุ่มหนึ่งคือรับประทานไปแล้วอาการเริ่ม
00:20:10 → 00:20:13 ต้นก็รุนแรงเลยหลังจากทานไป 2-3 ครำก็มี
00:20:13 → 00:20:15 อาการรุนแรงแล้วแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก
00:20:15 → 00:20:18 อะไรอย่างเงี้ยมี 2 ทางเลือกนะคะปัจจุบัน
00:20:18 → 00:20:21 แล้วก็เรียกกฎ 1669 ทั่วประเทศใช้ได้หมด
00:20:21 → 00:20:24 เลยนะฮะสถานพยาบาลหรือรถแอมบูแลนซ์รถ
00:20:24 → 00:20:27 พยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดจะมาหาคุณนะคะ
00:20:27 → 00:20:30 เพราะในรถเจะมียาฉีดที่สามารถช่วยคุนได้
00:20:30 → 00:20:35 ทันทีอืนะฮะแต่ถ้าเราไปเองเราต้องมั่นใจ
00:20:35 → 00:20:38 ว่า 1 เส้นทางเดินทางรถอ่ะต้องไม่ติด
00:20:38 → 00:20:41 เพราะว่าอย่างที่บอกว่าเราไม่มียาอะไรนะ
00:20:41 → 00:20:44 คะเพราะฉะนั้นบางครั้งอาจจะคอยอยู่ที่
00:20:44 → 00:20:47 สถานที่นั้นแล้วให้รถมาหาเราจะเร็วกว่า
00:20:47 → 00:20:50 เพราะรถแบแลมันมีหวอมีอะไรอย่างเงี้ยคนจะ
00:20:50 → 00:20:52 เปิดทางให้เคเจะเดินทางมาหาเราได้เร็ว
00:20:52 → 00:20:55 กว่าเพราะฉะนั้นก็จำ 1669 ใช้ได้ทั้ง
00:20:55 → 00:21:01 ประเทศอืครับคุณหมอเอเอ่อผมลองคิดเล่นๆนะ
00:21:01 → 00:21:04 สมมุตินะครับอย่างอย่าอย่าอย่างหัวเรื่อง
00:21:04 → 00:21:08 ที่เราที่พี่ขวัญตั้งไว้เป็นประเด็นในวัน
00:21:08 → 00:21:13 เนี้ยสมมุตินะเอ่อระหว่างระหว่างการแพ้
00:21:13 → 00:21:15 ตั้งแต่
00:21:15 → 00:21:19 วัยวัยเด็กวัยรุ่นอะไรอย่างเงี้ยเอ่อแพ้
00:21:19 → 00:21:23 แพ้เลยตั้งแต่วัยนี้กลับค่อยๆแพ้อยู่ดีๆ
00:21:23 → 00:21:26 มาค่อยๆแพ้แล้วมาแพ้หนักตอนอายุเยอะแบบ
00:21:26 → 00:21:30 ไหนอาการจะจะน่าน่ากังวลมากกว่ากันหรือ
00:21:30 → 00:21:35 ว่ามันมีความน่าสนใจยังไงในเรื่องของเวลา
00:21:35 → 00:21:38 ช่วงเวลาในการเกิดากการแพ้มั้ยครับคุณหมอ
00:21:38 → 00:21:42 ครับคือทุกๆวัยความรุนแรงเนี่ยมันสำคัญ
00:21:42 → 00:21:45 หมดเลยเพราะว่าถ้าเราแพ้ในวัยเด็กอายุ
00:21:45 → 00:21:49 น้อยมากๆก็อันตรายมากใช่มั้ยคะเพราะว่า
00:21:49 → 00:21:53 ถ้าเป็นแพ้รุนแรงกับถ้าแพ้ในผู้สูงอายุ
00:21:53 → 00:21:58 ที่มีโรคประจำตัวเยอะๆอันนี้ก็อันตรายมาก
00:21:58 → 00:22:01 เหมือนกันเพราะฉะนั้นไม่ว่าวัยไหนถ้าแพ้
00:22:01 → 00:22:07 รุนแลอันตรายหมดค่ะค่ะอือืไม่อ่อมันก็คือ
00:22:07 → 00:22:11 ถ้าแพ้รุนแรงไม่ว่าจะอยู่วัยไหนก็แล้วแต่
00:22:11 → 00:22:13 เนี่ยแหละรุนแรงเหมือนกันหมดไม่ไม่ไม่
00:22:13 → 00:22:16 เกี่ยวข้องกับช่วงระยะเวลาที่จะเกิดเพียง
00:22:16 → 00:22:20 แต่ว่าถ้าเป็นอาการรุนแรงเอ่อก็จะต้องรีบ
00:22:20 → 00:22:23 หาหมออย่างที่คุณหมอบอกเลยทันทีมันมัน
00:22:23 → 00:22:26 สามารถที่จะบรรเทาอาการเบื้องต้นได้มั้ย
00:22:26 → 00:22:29 ครับถ้าเกิดแบบทางแพ้แบบเฉียบพันแพ้แบบ
00:22:29 → 00:22:32 รุนแรงความแตกต่างในการอ่าเขาคเรียกว่า
00:22:33 → 00:22:34 ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเนี่ยมันแตกต่างกัน
00:22:34 → 00:22:38 มั้ยครับคือถ้าเรามีอุปกรณ์การให้ยาอย่าง
00:22:38 → 00:22:41 เงี้ยถ้าแพ้รุนแรงเนี่ยปกติเราจะฉีดยา
00:22:41 → 00:22:44 เข้ากล้ามเนื้อเลยอืคซึ่งอันนี้จะช่วย
00:22:44 → 00:22:47 ชีวิตได้แน่นอนแต่ถ้าแพ้รุนแลปั๊บเนี่ย
00:22:47 → 00:22:49 แล้วเราไปให้ยากินเฉยๆเนี่ยมันอาจจะไม่
00:22:49 → 00:22:53 เพียงพอครับอือเพราะว่าการกินยาเยกว่าจะ
00:22:53 → 00:22:57 ร่างกายจะดูซึมจะอะไรมันค่อนข้างใช้เวลา
00:22:57 → 00:23:00 แต่ถ้าฉีดยามันจะออกฤิทันทีอย่างเงี้ยค่ะ
00:23:00 → 00:23:02 เพราะฉะนั้นเหตุผลว่าทำไมรุนแรงถึงเรา
00:23:02 → 00:23:05 ต้องให้ยาแล้วจริงๆยามันก็มีหลายตัวไม่
00:23:05 → 00:23:08 ใช่ให้ตัวเดียวยาตัวหนึ่งไปลดการหลั่งยา
00:23:08 → 00:23:11 อีกตัวหนึ่งไปลดการบวมการอักเสบอะไรอย่าง
00:23:11 → 00:23:14 เงี้ยมันจะเป็นยาประกอบหลายๆตัวเหตุลว่า
00:23:14 → 00:23:17 ทำไมต้องใช้รถโรงพยาบาลทำไมถึงต้องไปโรง
00:23:17 → 00:23:20 พยาบาลเพราะมันมียาหลายตัวซึ่งยาแต่ละตัว
00:23:21 → 00:23:24 มันจะไปออกฤทธิ์คนละที่ให้เสริมกันเลยให้
00:23:24 → 00:23:27 คนไข้หายเร็วที่สุดค่ะอาการลดลงเร็วที่
00:23:27 → 00:23:29 สุด
00:23:29 → 00:23:33 อืมันเป็นการเสริมของยาชนิดต่างๆกันค่ะ
00:23:33 → 00:23:37 ค่ะครับโอแต่ถ้าสมมุติว่าเรามีอาการแพ้
00:23:37 → 00:23:40 รุนแรงแล้วที่บ้านไม่มีอะไรเลยนอกจากยา
00:23:40 → 00:23:42 แก้แพ้เนี่ยก็ให้ให้รับประทานไปก่อนได้
00:23:42 → 00:23:46 มั้ยคะให้รับประทานไปก่อนได้ค่ะอืค่ะแล้ว
00:23:46 → 00:23:50 คำว่าแพ้รุนแรงเนี่ยมันถึงขั้นชีวิตมั้ย
00:23:50 → 00:23:53 แล้วก็มันมันชแบบเฉียบพลันถึงขั้นเสีย
00:23:53 → 00:23:56 ชีวิตภายใน 1 ชั่วโมงหรือภายในลักษณะเวลา
00:23:56 → 00:24:00 ประมาณไหนยังไงคะคุณหมอจริงๆถ้าเกิดแพ้
00:24:00 → 00:24:04 รุนแรงเนี่ยสามารถเสียชีวิตได้ตลอดเวลา
00:24:04 → 00:24:08 เลยเพราะว่าอย่างเช่นอ่าถ้าแพ้รนแรงหลอด
00:24:08 → 00:24:11 ลมหลอดเค้าเรียกหลอดทางเดินหายใจมันตุก
00:24:11 → 00:24:15 ตันมันตีบหายใจไม่ได้ค่ะแค่ก็เสียชีวิต
00:24:15 → 00:24:21 ได้ทันทีหรือถ้าเป็นระบบหัวใจเช่นช็อหมด
00:24:21 → 00:24:24 สติหยุดหายใจเลยอันนี้ก็อันตรายสุดๆ
00:24:24 → 00:24:28 เหมือนกันอืูมคะอืครับ
00:24:28 → 00:24:32 คือระบบคือเวลาเราจะประเมินว่ารุนแรงหรือ
00:24:32 → 00:24:37 ไม่รุนแรงก็คือดูระบบว่าการแพ้อาหารนั้น
00:24:37 → 00:24:40 พบได้หลายระบบถูกมั้ยคะเช่นยเฉพาะผิวหนัง
00:24:40 → 00:24:42 อันนี้ถือว่าไม่ดูแลเพราะเป็นระบบเดียว
00:24:42 → 00:24:45 และเป็นระบบภายนอกแต่ถ้าเกิดเริ่มตั้งแต่
00:24:45 → 00:24:48 2 ระบบขึ้นไปเช่นมีผิวหนังมีทางเดิน
00:24:48 → 00:24:52 อาหารแปลว่าความรุนแรงมันเพิ่มขึ้นแล้ว
00:24:52 → 00:24:55 ถ้ามี 3 ระบบแปลว่าอันนี้เริ่มรุนแรงมาก
00:24:55 → 00:24:59 นี่นอนใจไม่ได้ต้องหาวิธีไปถึงมือหมอให้
00:24:59 → 00:25:03 เร็วที่สุดอะไรอย่าเงี้ยค่ะอืครับใดๆก็
00:25:03 → 00:25:05 แล้วแต่คือการไปถึงมือหมอให้เร็วที่สุด
00:25:05 → 00:25:10 เนี่ยคือคือในการช่วยช่วยชีวิตได้ได้เร็ว
00:25:10 → 00:25:14 ได้ดีที่สุดอ่ะนะฮะอือค่ะอืแต่เหนืออื่น
00:25:14 → 00:25:19 ใดคือเราไม่รับประทานสิ่งที่เราเคยแพ้
00:25:19 → 00:25:21 ครับหลีกเลี่ยงอพูดง่ายๆคือหลีกเลี่ยง
00:25:21 → 00:25:24 อย่าไปรับประทานอีกเราเคยรู้ว่าเอ่อแต่
00:25:24 → 00:25:27 มันก็มีนะคะเช่นสมมุติว่าแพ้อาหารกุ้งแพ้
00:25:27 → 00:25:30 กุ้งใช่มั้ยฮะค่ะกุ้งแม่น้ำแพ้แต่กุ้ง
00:25:30 → 00:25:33 ทะเลไม่แพ้อย่างงี้ก็มีนะคะอ๋อใช่มีคนรู้
00:25:33 → 00:25:37 จักเคยเอ่อแพ้กุ้งทะเลแต่ไม่แพ้กุ้งแม่
00:25:37 → 00:25:40 น้ำเอ่าอันเนี้ยก็ค่ะเพราะว่าโปรตีนมัน
00:25:40 → 00:25:45 บางชนิดมันแตกต่างกันค่ะแต่อย่าไปทดสอบนะ
00:25:45 → 00:25:49 คะถ้าเกิดว่าไม่แน่ใจก็อย่าไปทดสอบทสอบ
00:25:49 → 00:25:52 รับประทานเพราะว่าไปเลยค่ะแนะนำว่าไปเจาะ
00:25:52 → 00:25:54 เลือดไปทำ
00:25:54 → 00:25:57 สกินเทสให้รู้ชัดเจนว่าเราแพ้อะไรหรือไม่
00:25:57 → 00:25:58 แพ้อะไร
00:25:58 → 00:26:03 ค่ะอืออือคุณหมอขาขอความรู้หน่อยค่ะว่า
00:26:03 → 00:26:08 เอ๊ะความต่างของภูมิแพ้อาหารแฝงกับการแพ้
00:26:08 → 00:26:12 อาหารเนี่ยมันแตกต่างกันยังไงคะภูมิแพ้
00:26:12 → 00:26:16 อาหารแฝงคืออะไรหรอคะภูมิแพะอาหารแฝน
00:26:16 → 00:26:19 เนี่ยคือเราเมื่อเรารับประทานอาหารชนิด
00:26:19 → 00:26:24 นั้นเข้าไปซ้ำๆๆๆแล้วค่อยๆเกิดค่อยๆเกิด
00:26:24 → 00:26:26 อาการขึ้นมาซึ่งอาการนั้นน่ะมันเป็นอาการ
00:26:26 → 00:26:30 ที่ไม่ได้รุนแรงค่ะนะฮะคือลักษณะของภูมิ
00:26:31 → 00:26:34 แพ้อาหารแฝงกับภูมิแพ้อาหารเลยเนี่ยคือ
00:26:34 → 00:26:36 ถ้าแพ้อาหารเลยส่วนใหญ่กินปั๊บเกิดอาการ
00:26:36 → 00:26:39 เลยเกิดอาการเฉียบพันอันนี้เป็นพวกอาการ
00:26:39 → 00:26:43 แพ้อาหารถ้าแพ้อาหารแบบแฝงส่วนใหญ่จะ
00:26:43 → 00:26:46 เคื่อยๆเป็นหรือเป็นพวดเรื้อรังอาการก็
00:26:46 → 00:26:50 มัดจะไม่รุนแรงแต่อาการแสดงออกเนี่ย
00:26:50 → 00:26:53 สามารถแสดงได้ทั้งทางระบบผิวหนังทางเดิน
00:26:53 → 00:26:56 อาหารทานหายใจและอื่นๆได้แต่เพียงแต่ว่า
00:26:56 → 00:26:59 มันไม่รุนแรงเหมือนกับแพ้อาหารโดยตรง
00:26:59 → 00:27:02 เพราะพวกนี้มันเกิดจากกระบวนการของภูมิ
00:27:03 → 00:27:06 คุ้นกันของร่างกายที่มันเคยๆกระตุ้นค่ะ
00:27:06 → 00:27:10 เคยๆกระตุ้นเคยๆมีการสร้างโปรตีนคอมเพลก
00:27:10 → 00:27:14 เป็นก้อนไปอุดในที่ต่างๆของร่างกายตามข้อ
00:27:14 → 00:27:18 บ้างการทางเดินอาหารบ้างซึ่งส่วนใหญ่เเ
00:27:18 → 00:27:22 พวกนี้จะมีลักษณะอาการแบบให้คนไข้รำคาญ
00:27:22 → 00:27:25 เช่นลำไส้ปาป่วนอะไรอย่างเงี้ยค่ะท้อง
00:27:25 → 00:27:29 เฟ้อท้องอืดอันเนี้ยนี้คือพวกว่าภูมิพุ้น
00:27:29 → 00:27:33 กันแบบแฝงที่แพ้แบบแฝงนะฮะค่ะอืแต่วิธี
00:27:33 → 00:27:36 การเนี่ยยเราสามารถไปตรวจได้เหมือนกับการ
00:27:36 → 00:27:39 แพ้แบบอาหารทั่วไปเลยคือสามารถไปเจาะ
00:27:39 → 00:27:44 เลือดดูได้สามารถไปทำสกินเทสได้เหมือนกัน
00:27:44 → 00:27:49 ออแล้วสกินเทสนี่มันจะแยกระหว่างภูมิแพ้
00:27:49 → 00:27:52 อาหารแฝงกับแพ้อาหารให้เราทราบได้เลยใช่
00:27:52 → 00:27:55 มั้ยคะคุณหมอใช่ค่ะเพราะจริงๆพวกนี้ก็คือ
00:27:55 → 00:27:58 การแพ้ชนิดหนึ่งเหมือนกันค่ะออค่ะการเจาะ
00:27:58 → 00:28:02 เลือดเราก็ไปเจาะดู่อระดับของ igg นะคะ
00:28:02 → 00:28:06 igg IG นะคะส่วนการทำสกินเทสเนี่ยเราก็
00:28:06 → 00:28:09 เอาสารโปรตีนของแต่ละสารแต่ละชนิดมาทดสอบ
00:28:09 → 00:28:12 ที่ผิวหนังว่าเราไปสะกิดแล้วเนี่ยมันเกิด
00:28:12 → 00:28:15 การบวมขึ้นมแดงขึ้นมั้อะไรอย่าเงี้มันก็
00:28:15 → 00:28:19 จะมีวัดไซสขนาดของมันค่ะก็จะได้รู้ว่าออ
00:28:19 → 00:28:23 ตกลงเราแพ้เป็นแพ้แบกแฝงคือแพ้แบบแฝงก็
00:28:23 → 00:28:26 คือแพ้นั่นแหละแต่ว่าเป็นการแสดงอาการแบบ
00:28:26 → 00:28:31 เรื้อรังอืไม่ได้เป็นแบบฉับพันธค่ะแสดง
00:28:31 → 00:28:33 ว่ามันก็ไม่ถึงแก่ชีวิตหรือเปล่าคะคุณหมอ
00:28:33 → 00:28:36 ถ้ามันเรื้อรังมันก็ไปเรื่อยๆอะไรเงี้ย
00:28:36 → 00:28:39 หรือเปล่าคะใช่ๆค่ะแบบแฝงนี่ส่วนใหญ่ก็
00:28:39 → 00:28:42 ไม่ค่อยอันตรายค่ะเมื่อเทียบกับแพ้อาหาร
00:28:43 → 00:28:48 แบบแพ้แพ้อาหารทั่วๆไปอ่ะค่ะค่ะอบางครั้ง
00:28:48 → 00:28:50 เรารู้เป็นแบบแพ้แบบแฝนยังไม่รู้ตัวเลย
00:28:50 → 00:28:54 เช่นแบบบางคนมีอาการท้องอืดๆท้องเฟ้อตลอด
00:28:54 → 00:28:56 อะไรอย่างเงี้ยฮ่ะเนี่ยคือเป็นอาการนิด
00:28:56 → 00:28:59 นึงครับอ๋อค่ะรักษาอีกโรคนึงเลยของทาง
00:28:59 → 00:29:02 เดินอาหารอะไรอย่างเงี้ยค่ะออออีกอันนึง
00:29:02 → 00:29:06 บางคนก็บอกว่าเอ๊ะทำไมมีอาการน้ำมูกอะไ
00:29:06 → 00:29:08 ตลอดอะไรจริงๆอันนี้ก็เป็นการแพ้แฝงชนิด
00:29:08 → 00:29:11 หนึ่งได้นะเพียแต่ว่าเราต้องหาสาเหตุให้
00:29:11 → 00:29:16 เจอเพื่อจะแยกจากโรคอื่นๆให้ได้ออครับ
00:29:16 → 00:29:21 เอ๊ะถ้าอย่างงี้เวลาหลายๆคนรับประทานส้ม
00:29:21 → 00:29:24 ตำหรืออะไรอย่างเงี้ยที่มีผงนัวผงชูรส
00:29:25 → 00:29:28 เยอะๆคอแห้งจังเลยอย่างเงี้ยเเรียกภูมิ
00:29:28 → 00:29:32 แพ้อาหารแฝงหรือว่าแค่เป็นผลข้างเคียงจาก
00:29:32 → 00:29:37 ผงปรุงรสอ่ะค่ะอันนี้คือคผมปรุงรสส่วนใหญ
00:29:37 → 00:29:40 เป็นโซเดียมโมโนกลูตาเมตนะซึ่งมันเป็น
00:29:40 → 00:29:43 เกลือค่ะเนาะเพราะว่าถ้าทางปริมาณมากๆคน
00:29:43 → 00:29:46 ปกติก็จะมีอาการรู้สึกว่าคอแห้งหิวน้ำ
00:29:46 → 00:29:51 กระหายน้ำอันนี้เป็นผลจากตัวโซเดียมโคเมท
00:29:51 → 00:29:55 จากตัวผงเติมรถเนี่ยค่ะไม่ได้เกิดจากการ
00:29:55 → 00:29:58 บางทีเราเอ๊เข้าใจว่าเป็นแพ้หรือเปล่าค่ะ
00:29:58 → 00:30:01 แต่ถ้าเกิดทานพวกผงปรุงรสแล้วมีอาการแน่น
00:30:01 → 00:30:04 หน้าอกมีชาอันนี้น่าจะเกิดจากการแพ้นะฮะ
00:30:04 → 00:30:09 อืค่ะแต่บางครั้งอาการมันอาจจะก้ำกึ่งกัน
00:30:09 → 00:30:14 ถ้าไม่แน่ใจก็ให้นึกถึงแพ้ไว้ก่อนค่ะออมี
00:30:14 → 00:30:18 คุณผู้ฟังพิมพ์มาพอดีเลยค่ะบอกว่าหลังทาน
00:30:18 → 00:30:22 อาหารค่ะคาดว่าน่าจะแพ้ผงชูรสทานแล้ว
00:30:22 → 00:30:27 ศีรษะชาทั้งหน้าอเอ่อเอ่อศีรษะชาชาทั้ง
00:30:27 → 00:30:31 หน้าบางทีก็ชาไปบริเวณผิวหนังหน้าแข้งแบบ
00:30:31 → 00:30:35 ลำตัวแบบซ่าๆทั้งตัวอะไรเงี้ยค่ะต้องหลีก
00:30:35 → 00:30:38 เลี่ยงโดยสิ้นเชิงห้ามรับประทานร้านนั้นๆ
00:30:38 → 00:30:42 ไปเลยยคะเราชอบเอ่อเราทานบ่อยจะเป็นอะไร
00:30:42 → 00:30:45 ไปจะหนักกว่านี้มั้ยอาการที่เกิดขึ้นน่ะ
00:30:45 → 00:30:49 ค่ะค่ะอ่าลักษณะอาการชาอันเนี้ยอ่าอันนี้
00:30:49 → 00:30:54 น่าจะเกิดจากการแพ้งชูรสนะคะวิธีการคือ
00:30:54 → 00:30:56 ถ้าเราไปทานอาหารเราคิดว่าครั้งเนี้ยเรา
00:30:56 → 00:30:59 มีแล้วเราอย่าไปทำเทสนะคะเวลาไปร้าอาหาร
00:30:59 → 00:31:02 ต้องบอกเขาว่าบอกว่าขอไม่ใส่โดยเฉพาะส้ม
00:31:02 → 00:31:03 ตำ
00:31:03 → 00:31:08 เนาะบอกเขว่าเเราแพ้อาหารเพะผมผมปรุงแต่ง
00:31:08 → 00:31:12 นะคะขอไม่ใส่ผงชูรสนะคะเพราะจะมีอาการแพ้
00:31:12 → 00:31:15 ซึ่งปกติถ้าแม่ค้าเรู้ว่าเราแพ้เขาจะไม่
00:31:15 → 00:31:17 ใส่ให้เราอยู่แล้วเพราะเขาก็กลัวว่าเรา
00:31:17 → 00:31:19 เป็นอะไรต่อหน้าเขในร้านเอะไรอย่างเงี้ย
00:31:19 → 00:31:23 ค่ะเราแจ้งได้ซึ่งส่วนตัวหมอเองเตัวหมอ
00:31:23 → 00:31:26 เองเวลาไปล้างส้มตำหรือไปล้างอาหารทุกวัน
00:31:26 → 00:31:28 นี้นะคะไปตามล้างอหารอาหารปักษาเราก็จะ
00:31:28 → 00:31:32 บอกเว่าขอไม่ใส่ผงชูรสอือซึ่งจริงๆอ่ะเรา
00:31:32 → 00:31:35 ไม่ได้แพ้หรอกแต่เราก็ไม่ได้อยากให้คอ
00:31:35 → 00:31:37 แห้งหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะก็จะบอกว่าขอ
00:31:37 → 00:31:42 ไม่ใส่เพราะว่าสงสัยกลัวว่าจะแพ้อ๋อครับ
00:31:42 → 00:31:44 อะไรอย่างเงี้ยค่ะเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยง
00:31:44 → 00:31:47 โซเดียมได้อย่างแท้จริงใช่มั้ยคะคุณหมอ
00:31:47 → 00:31:49 ใช่ค่ะเพราะว่าตามร้าอาหารใส่หมอว่าน่าจะ
00:31:49 → 00:31:51 ใส่พอสม
00:31:51 → 00:31:54 ควรเคยเเห็นอากาที่ชัดชที่สุดก็คือรู้สึก
00:31:54 → 00:31:58 คอแห้งกระหายน้ำทำไมต้องดื่มน้ำเยอะอะไร
00:31:58 → 00:32:02 อย่างเงี้ยค่ะค่ะเกลือเราจะไปดึงน้ำอือ
00:32:02 → 00:32:05 อืออือครับเคยเห็นร้านส้มตำสัตว์เอ่อผง
00:32:05 → 00:32:09 นัวอ่าผงชูรสเข้าไปเนี่ยก็เห็นแล้วสะอึก
00:32:09 → 00:32:13 เหมือนกันเป็นทัพพีนะเคยใช่เคยคุณหมอครับ
00:32:13 → 00:32:17 เคยแบบเคยแบบเจอผมที่ที่เราจะคุ้นชินกัน
00:32:17 → 00:32:20 เวลาแพ้อาหารก็จะแพ้อะไรนะพวกถั่วอาหาร
00:32:20 → 00:32:21 ทะเล
00:32:21 → 00:32:26 เอ่อเครื่องปรุงนะฮะมันมีแบบเคยเจอเคสแบบ
00:32:26 → 00:32:29 แพ้อะไรที่แบบไม่น่าเชื่อว่าจะแพ้มคุณหมอ
00:32:29 → 00:32:33 จริจริงๆการแพ้เนี่ยมันของอาหารเนี่ยเป็น
00:32:33 → 00:32:37 ได้หมดเลยนะอย่างที่บอกว่าบางคนอแพ้เอ่อ
00:32:37 → 00:32:40 อย่างบางคนแพ้ข้าวเจ้านี่ก็ยังมีเลยค่ะ
00:32:40 → 00:32:43 ทานข้าวเจ้าไม่ได้นะต้องไปทานข้าวสาลี
00:32:43 → 00:32:47 อย่างเดียวอะไรอย่างเงี้ยซึ่งแต่ละคนบอก
00:32:47 → 00:32:49 ไม่ได้ว่าจะแพ้อะไรแต่เพียงแต่ว่าเมื่อ
00:32:49 → 00:32:52 กี้รายการที่หมอบอกไปเมื่อกี้คืออันที่
00:32:52 → 00:32:54 เจอบ่อยในคนไทยเพราะว่าถ้าเป็นเด็กๆก็
00:32:54 → 00:32:58 เป็นพวดนมวัวไข่อะไรอย่างเงี้คะถั่ว
00:32:58 → 00:33:00 เหลืองถั่วลิสงหรือว่าถั่วเปลือกแข็งใช่
00:33:00 → 00:33:04 มั้ยฮะก็เป็นอาหารทะเลนะใช่บางคนก็แพ้มี
00:33:05 → 00:33:08 แอลกอฮอล์แพ้แอลกอฮอล์ก็มีถูกมั้ยค่ะค่ะ
00:33:08 → 00:33:12 หรืออนอกจากแพ้อาหารมันก็ยังมีแพ้อย่าง
00:33:12 → 00:33:15 อื่นซึ่งบางทีคนที่แพ้อาหารมดจักควบคู่ไป
00:33:15 → 00:33:18 แพ้อย่างอื่นด้วยเช่นแพ้ยาแพ้เกสรดอกไม้
00:33:18 → 00:33:21 แพ้ฝุ่นอะไรอย่างเงี้ยอืซึ่งบางคนแพ้หลาย
00:33:22 → 00:33:25 อย่างค่ะอันอันเนี้ยถ้าแพ้แพ้อย่างอื่น
00:33:25 → 00:33:28 ด้วยสกินเทสสามารถบอกได้ด้วยมั้ยคะคุณหมอ
00:33:28 → 00:33:32 อ่าสกินเทปบอกได้ค่ะอบอกได้บางทีเราเรา
00:33:32 → 00:33:35 เช่นเราบอกแพ้เก 2 ดอกไม้แล้วก็สามารถที่
00:33:35 → 00:33:39 จะแจ้งหมอได้ว่าเราแพ้พวกเกียเสาดอกไม้
00:33:39 → 00:33:42 อะไรอย่างเงี้ยก็สามารถที่จะตรวจเลือดก็
00:33:42 → 00:33:45 เจอค่ะตรวจเลือดถ้าตรวจเลือดก็ขึ้นค่ะ
00:33:45 → 00:33:50 ออถ้าแพ้ซ้ำซ้อนกันหลายๆอย่างแพ้ดอกไม้
00:33:50 → 00:33:55 แพ้อาหารหรือว่าแพ้เอ่อตัวน้ำมันเ่อจาก
00:33:55 → 00:33:58 เอ่อมะพร้าวหรืออะไรอย่างเงี้ยลักษณะการ
00:33:58 → 00:34:03 แพ้ซับซับซ้อนอย่างเงี้ยทำมันจะทำให้คน
00:34:03 → 00:34:05 นั้นมีอาการรุนแรงกว่าคนที่แพ้อย่างเดียว
00:34:06 → 00:34:10 มั้ยคะคืออาการเสริมกันเนี่ยจะรุนแรงกว่า
00:34:10 → 00:34:13 คเพราะบางทีเช่นสมมติว่าเราเราแพ้อาหาร
00:34:13 → 00:34:16 หลายๆอย่างแล้วบังเอิญในจานนั้นที่เรารับ
00:34:16 → 00:34:19 ประทานไปมีสิ่งที่เราแพ้หลายๆอย่างพร้อมๆ
00:34:19 → 00:34:22 กันแน่นอนว่ามันเกิดการกระตุ้นของอิมมูน
00:34:22 → 00:34:25 ของภูมิเราเนี่ยมากแล้วมันก็ทำให้เกิดการ
00:34:25 → 00:34:28 หลั่งสารแพ้ออกมาจำนวนมากเราก็จะทำให้เรา
00:34:28 → 00:34:31 มีอาการมากคือการที่มีอาการมากหรืออาการ
00:34:31 → 00:34:34 น้อยมันขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกาย
00:34:34 → 00:34:38 เราและการหลั่งสารที่แพ้ที่ไปกระตุ้นเช่น
00:34:38 → 00:34:41 ฮิสตามีนพอหลัออกมาปั๊บมันจะทำให้หลอดลม
00:34:41 → 00:34:43 มีการขยายตัวอุดตาซึ่งจริงๆมันเป็นการ
00:34:44 → 00:34:47 กระบวนการป้องกันของร่างกายแต่มันจะมีผล
00:34:47 → 00:34:52 ต่อเจ้าของร่างกายอือืโอมันก็ฟังดูน่า
00:34:52 → 00:34:54 กังวลเหมือนกันนะคะคุณหมอถ้าหลายๆอย่าง
00:34:54 → 00:34:57 มันอยู่ในจานเดียวกันแล้วแจ็คพอตจานนั้น
00:34:57 → 00:34:58 ค่
00:34:58 → 00:35:03 สินี้มันคือเป็นวัตถุดิบที่อยู่ในจานที่
00:35:03 → 00:35:06 เราถ้าสมมติไปเมืองนอกแล้วไปเจออาหารชนิด
00:35:06 → 00:35:08 นึงที่เราก็มองไม่ออกหรอกว่ามันมีอะไรที่
00:35:08 → 00:35:10 เราแพ้อะไรอย่างเงี้ยแล้วรับประทานไปแล้ว
00:35:10 → 00:35:15 นี่ก็เออพอถ้าถ้าเจอเหตุการณ์นั้นน่ะก็อื
00:35:15 → 00:35:18 จริงๆถ้าเราไปไหนแล้วเรารู้ว่าเราแพ้
00:35:18 → 00:35:23 เนี่ยการพกยาไปติดตัวดีที่สุดแล้วก็บอกคน
00:35:23 → 00:35:26 ข้างเคียงที่อยู่ใกล้ชิดกับเราเนี่ยว่า
00:35:26 → 00:35:29 ถ้ามีเหตุอะไรให้ช่วยเหลือเราแบบไหนนี่
00:35:29 → 00:35:33 คือแนวทางแบบนี้พอใช้ได้ยคะคุณหมอค่ะก็
00:35:33 → 00:35:37 เป็นอีกวิธีหนึ่งนะคะก็นอกจากว่าบอกเจ้า
00:35:37 → 00:35:40 หน้าที่ว่าเราแพ้อาหารชนิดนี้นะในจานที่
00:35:40 → 00:35:43 เราสั่งออเดอร์มาเนี่ยไม่มีส่วนประกอบของ
00:35:43 → 00:35:46 สิ่งเหล่านี้อันที่ 2 ก็คือบอกคนข้าง
00:35:46 → 00:35:49 เคียงว่าเนี่ยเราแพ้อาหารอะไรบ้างแลอัน
00:35:49 → 00:35:52 ที่ 3 ก็คือบอกว่าเนี่ยได้พกยาติดตัวมา
00:35:52 → 00:35:55 บ้างมียาอะไรบ้างเพราะเผื่อฉุกเฉินเรา
00:35:55 → 00:35:58 เป็นอะไรแล้วเราไม่สามารถสื่อสารได้อย่าง
00:35:58 → 00:36:00 น้อยคนที่ไปกับเราก็รู้แล้วว่าเบื้องต้น
00:36:00 → 00:36:03 เจ้าของคนที่แพ้บ่อยๆเนี่ยเค้ามียาติดตัว
00:36:03 → 00:36:10 มาค่ะออออืมครับอย่างอย่างการแพ้แบบเย
00:36:10 → 00:36:13 ครับการแพ้พวกแพ้อย่างที่เราคุยกันในวัน
00:36:13 → 00:36:18 เนี้ยครับเอ่อปลายทางมันไม่มีทางที่จะมัน
00:36:18 → 00:36:21 ไม่มีทางที่จะกลับมาชนะเขาได้เลยใช่มั้ย
00:36:21 → 00:36:25 คุณหมอวันนึงจะหายได้มั้ยหายได้นะคะอย่าง
00:36:25 → 00:36:28 ที่บอกว่าบคนเนี่ยอ๋อหายได้ค่ะหายได้โดย
00:36:28 → 00:36:32 เฉพาะอย่างเช่นพวกเ่อแพ้นมวัวในเด็กเนี่ย
00:36:32 → 00:36:37 ค่ะพอโตเนี่ยหายได้ 70 - 90% การแพ้นม
00:36:37 → 00:36:40 วัวเนี่ยจะสามารถหายได้ในตอนอายุมากขึ้น
00:36:40 → 00:36:44 ค่ะอืเพราะฉะนั้นแต่ก่อนที่เราจะนเรา
00:36:44 → 00:36:46 สามารถที่จะไปเจาะเลือกคอนเฟิร์มได้อย่าง
00:36:46 → 00:36:49 ที่บอกว่าเออตกลงนมวัวเราแพ้เนี่ยเราหาย
00:36:49 → 00:36:52 แล้วยังอะไรอย่างเงี้ยค่ะเราคือปัจจุบัน
00:36:52 → 00:36:54 ราคาการเจาะเลือดพวกนี้ก็ไม่ได้สูงมาก
00:36:54 → 00:36:59 แล้วอะไรอย่างเงี้ยค่ะค่ะออืก็แต่ว่าก็
00:36:59 → 00:37:02 ไม่ใช่หมายความว่าไม่ใช่หมายความว่าพอไม่
00:37:02 → 00:37:06 แพ้แล้วจะจะจะไม่ระมัดระวังตัวใชฮเพราะ
00:37:06 → 00:37:10 เราอาจจะอาจจะแพ้ในอย่างอื่นอย่างใดก็ได้
00:37:10 → 00:37:13 เพมอืได้ใช่ค่ะระหว่างทางของชีวิตเนี่ย
00:37:13 → 00:37:15 ตัวหนึ่งเราหายเราอาจจะได้ตัวใหม่ที่เรา
00:37:15 → 00:37:18 แพ้ก็ได้อะไรอย่างเงี้ยค่ะเพราะฉะนั้นทุก
00:37:18 → 00:37:22 ครั้งที่ทางอาหารก็อถ้ามีประวัติเคยแพ้
00:37:22 → 00:37:24 แล้วเนี่ยโอกาสที่จะแพ้ตัวอื่นก็มีมาก
00:37:24 → 00:37:30 กว่าคนทั่วไปค่ะอือคครับครับแสดงเอ่ออีก
00:37:30 → 00:37:35 อีกสักนิดนึงครับมันมันเป็นเป็นเป็นคำผม
00:37:35 → 00:37:38 ว่ามันมีประโยคนึงที่เขาบอกว่าพออายุ
00:37:38 → 00:37:42 เพิ่มขึ้นการเหมือนร่างกายเราในการที่เคย
00:37:42 → 00:37:46 เคยเอ่ออายุเยอะขึ้นภูมิลดลงเหรอโอ๊ค
00:37:46 → 00:37:49 ประมาณนั้นใช่ๆจริงมั้ยฮะมันมันจริงอายุ
00:37:49 → 00:37:52 มากขึ้นภูมิต่างๆของร่างกายเราก็จะลดลง
00:37:53 → 00:37:55 บวกกับว่าเวลาอายุมากขึ้นการเจ็บป่วยต่าง
00:37:55 → 00:37:59 ๆก็มีมากขึ้นค่ะก็คือพออายุมากขึ้นเรื่อง
00:37:59 → 00:38:02 ของความเครียดซึ่งพวกนี้ก็จริงๆความ
00:38:02 → 00:38:06 เครียดก็มีผลต่อการเกิดการแพ้ด้วยนะคะอ
00:38:06 → 00:38:09 ครับค่ะมันก็จะเป็นปัจจัยเสริมว่าเอ๊ะ
00:38:09 → 00:38:12 ทำไมอายุมากขึ้นแล้วถึงเป็นภูมิแพ้ได้
00:38:12 → 00:38:16 ทำไมแพ้อาหารได้จะตอนตอนอายุน้อยๆไม่เป็น
00:38:16 → 00:38:18 แล้วทำไมมาเป็นอายุเยเนี่ยเป็นเพราะว่า
00:38:18 → 00:38:22 เนี่ยปัจจัยพวกเนี้คือภูมิร่างกายเราลดลง
00:38:22 → 00:38:25 ความเครียดเรามากขึ้นการเจ็บป่วยโรคต่างๆ
00:38:25 → 00:38:28 เรามีมากขึ้นสิ่งเหล่านี้มันจะกระตุ้นให้
00:38:28 → 00:38:35 เกิดการแพ้ได้ง่ายขึ้นอืครับอืก็เพราะ
00:38:35 → 00:38:39 ฉะนั้นเองก็พอถึงถึงถึงวัยเราก็จะต้อง
00:38:39 → 00:38:42 หมั่นสังเกตตัวเองเพิ่มมากขึ้นแล้วก็อะไร
00:38:42 → 00:38:46 ที่เอ่อเกิดผลกระทบต่อร่างกายของเราแบบ
00:38:46 → 00:38:49 นี้เราก็ควรจะหลีกเลี่ยงไปซะใช่มั้ยฮะคุณ
00:38:49 → 00:38:51 หมอมันมันบางทีมันไม่ต้องไปฝืนธรรมชาติ
00:38:51 → 00:38:54 ร่างกายของเราเริ่มเริ่มเริ่มส่งสัญญา
00:38:54 → 00:38:58 แล้วเราก็อย่าไปฝืนเผ่าเยอะอย่าไปอีกเคย
00:38:58 → 00:39:01 ปากเคยชินใช่มั้ยคุณหมอมันก็ต้องปรับตาม
00:39:01 → 00:39:05 สภาพค่ะโดยเฉพาะคนที่มีประวัติครอบครัว
00:39:05 → 00:39:08 เรื่องของแพ้อย่างเงี้ยค่ะครอบครัวสายตรง
00:39:09 → 00:39:11 ใกล้ชิดอย่างเงี้ยที่มีประวัติแพ้อาหาร
00:39:11 → 00:39:13 เยอะๆอะไรอย่างเงี้ยอันเนี้ยเราต้องระวัง
00:39:13 → 00:39:19 เลยค่ะอืครับผมมีคุณผู้ฟังถามมาคุณหมอพอ
00:39:19 → 00:39:23 คร่าวๆราวๆได้มั้ยคะว่าค่าตรวจเ่อเรื่อง
00:39:23 → 00:39:26 ของอาการแพ้เนี่ยประมาณเท่าไหร่เพราะว่า
00:39:26 → 00:39:30 เคแชร์มาว่าเอ๊ะเค้าเนี่ยแพ้อาหารทะเล
00:39:30 → 00:39:34 หนักมีแพ้มังคุดสับปะรดรังสาดนมวัวผงชูรส
00:39:34 → 00:39:37 โอโหคือ Amazing มากเพราะว่าเราไม่เคยคิด
00:39:38 → 00:39:40 ว่าจะมีคนแพ้ผลไม้ด้วยเหรออะไรอย่างเงี้ย
00:39:40 → 00:39:43 มังคุเออเพิ่งเคยได้ยินเหมือนกันนะมังคุ
00:39:43 → 00:39:47 จริงๆอ่ะบางทีเนี่ยมันอาจจะเป็นส่วนผสม
00:39:47 → 00:39:51 หรือส่วนประกอบค่ะอเช่นบางคนเช่นบางคนบอก
00:39:51 → 00:39:55 ว่าแพ้ปลากรอบสมมนะแพ้ปลากรอบแต่ปลา
00:39:55 → 00:39:58 ธรรมดาไม่แพ้แปลว่าอะไรแปลว่าว่าส่วนผสม
00:39:58 → 00:40:03 ของปลากรอบที่ใช้ทำปลากรอบอืครับอนึกออก
00:40:03 → 00:40:07 มั้ยเค้าอาจจะไม่ได้แพ้ปลาเือน้ำตาลผมปุง
00:40:07 → 00:40:10 เครื่องปุงรสแพงผมปรุงรสหรืออะไรอย่าง
00:40:10 → 00:40:13 เงี้ยบางทีบางทีสิ่งที่เราเห็นว่าเอ๊ะเรา
00:40:13 → 00:40:16 แพ้ปลาแต่พอเราไปกินปลาบางชนิดหรือกระบวน
00:40:16 → 00:40:18 การที่เปลี่ยนไปเรากลับไม่แพ้อะไรอย่าง
00:40:19 → 00:40:22 เงี้ยค่ะอันนี้อันนี้สามารถไปเทยนะส่วน
00:40:22 → 00:40:25 เรื่องของราคาเนี่ยคือหมอก็ไม่แน่ใจแต่ละ
00:40:25 → 00:40:29 ที่นะคะเนาะราคาเท่าไหร่แต่ว่าสามารถตรวจ
00:40:29 → 00:40:31 ได้เป็นปัจจุบันเยมีการตรวจได้เป็นร้อยๆ
00:40:32 → 00:40:35 ชนิดเลยค่ะอือแต่ถ้าแพ้อย่างงี้เยอะๆหมอ
00:40:35 → 00:40:37 แนะนำว่าไปตรวจนะคะเหตุผลเพราะว่าไม่นั้น
00:40:37 → 00:40:41 การดำรงชีวิตประจำวันเนี่ยจะลำบากมากอ
00:40:41 → 00:40:44 ครับค่ะเพราะว่าคือเราไม่รู้ว่าเราแพ้
00:40:45 → 00:40:48 อะไรที่เป็นแฝงอยู่บ้างอะไรเงี้ยออใช่ค่ะ
00:40:48 → 00:40:51 คุณผู้ฟังก็เสริมมาอีกอแพ้ละมุดด้วยค่ะ
00:40:51 → 00:40:54 โอ้โหเออแนะนำให้ไปตรวจนะคะที่ขวัญลอง
00:40:54 → 00:40:57 เสิร์ชเอ่อราคาคร่าวๆจาก Google ก็ได้นะ
00:40:57 → 00:41:01 คะเผื่อที่จะเป็นแนวทางในการตัดสินใจว่า
00:41:01 → 00:41:05 เอ่อจะไปไปตรวจแบบไหนที่ไหนอย่างไรค่ะ
00:41:05 → 00:41:08 เพราะว่าเท่าที่เสิร์ชดูก็มีหลายราคา
00:41:08 → 00:41:12 เพราะว่าในแต่ละราคาเนี่ยเอ่อถ้า 20 ชนิด
00:41:12 → 00:41:14 ก็จะเป็นราคา 3,000 อะไรอย่างเงี้ยแต่ว่า
00:41:14 → 00:41:18 ถ้ามากประมาณ 40 ชนิดทั้งอาหารแล้วก็สิ่ง
00:41:18 → 00:41:20 แวดล้อมสิ่งแวดล้อมในที่นี้น่าก็น่าจะ
00:41:20 → 00:41:22 เป็นแบบเกสรดอกไม้หรืออย่างอื่นน่ะนะคะก็
00:41:22 → 00:41:25 จะอยู่ช่วงประมาณ 5, ดอกไม้ไรฝุ่นอะไร
00:41:25 → 00:41:29 อย่างเงี้ยค่ะน้ำหอมก็มีมันแพ้ค่ะอืก็จะ
00:41:29 → 00:41:31 อยู่ช่วงประมาณ 5,000 บาทอันเนี้ยก็อาจจะ
00:41:31 → 00:41:34 แค่สถานพยาบาลนึงแต่ว่าอันอันเนี้ยลองไป
00:41:34 → 00:41:37 เสิร์ชใน Google ดูได้นะคะ
00:41:37 → 00:41:41 ครับค่ะแต่ว่าเค้าก็บอกว่าอ่าถ้าเค้าแพ้
00:41:41 → 00:41:43 เค้าก็ไม่รับประทานแต่ว่าเอ่อบางบางบาง
00:41:43 → 00:41:46 บางอย่างถ้าเราไม่ทราบในถ้าเค้าปรุงมา
00:41:46 → 00:41:49 แล้วอะไรเงี้ยก็อาจจะต้องถามละเอียดนิด
00:41:49 → 00:41:52 นึงถ้าแพ้หลายๆอย่างค่ะ
00:41:52 → 00:41:55 อืก็อย่างนี้ต้องระวังระวังค่อนข้างเยอะ
00:41:56 → 00:41:59 นะฮะอาจจะต้องใช่อย่าจะบอกว่าต้องสอบถาม
00:41:59 → 00:42:02 ให้แน่ชัดเลยว่าคือถ้าไม่แน่ใจนะคะก็
00:42:02 → 00:42:06 เลี่ยงไว้ก่อนก็เป็นการป้องกันที่ดีที่
00:42:06 → 00:42:09 สุดค่ะครับค่ะอันนี้คุณผู้ฟังส่งข้อความ
00:42:09 → 00:42:12 มาแล้วก็บอกอันนี้เป็นเป็นเป็นน่าจะแบบ
00:42:12 → 00:42:15 เออมันเป็นความเคยชินในคำพูดนะเอ่อคุณผู้
00:42:15 → 00:42:18 ฟังบอกว่าผมกินกุ้งเผาครับแล้วเพเพื่อนผม
00:42:18 → 00:42:21 บอกว่าแล้วเพื่อนบอกว่าผมเนี่ยแหละโหน่า
00:42:21 → 00:42:24 จะแพ้อาหารทะเลแน่นอนคุณผู้ฟังก็เลยยิ้ม
00:42:24 → 00:42:29 แบบในใจกุงกุ้งเป็นกุ้งเผาโน้ำจืดก็มีไม่
00:42:29 → 00:42:32 ได้แพอารทะเลก็มันเป็นความเคยชินนะกุ้ง
00:42:32 → 00:42:34 เราจะคิดว่าเออกุ้งมันต้องอยู่เป็นกุ้ง
00:42:34 → 00:42:37 ทะเลอย่างเดียวก็เป็นเป็นเรื่องขำขันดี
00:42:37 → 00:42:40 ครับขอบพระคุณุคุณผู้ฟังที่ส่งข้อความมา
00:42:40 → 00:42:46 แล้วก็เออเป็นมุกดีนะครับค่ะก็สุดท้ายค่ะ
00:42:46 → 00:42:49 คุณหมอคะอยากให้คุณหมอฝากถึงคุณผู้ฟังว่า
00:42:49 → 00:42:53 ถ้ามีอาการแพ้อาหารควรดูแลตัวเองอย่างไร
00:42:53 → 00:42:57 ควรใส่ใจตัวเองอย่างไรบ้างคะค่ะก็คือถ้า
00:42:57 → 00:43:01 เรารู้ว่าเราแพ้อาหารชนิดใดนะคะอันที่ 1
00:43:01 → 00:43:06 เวลาเราไปที่ไหนเราต้องถามเค้าว่ามีส่วน
00:43:06 → 00:43:11 ผสมสิ่งที่เราแพ้มแล้วก็เน้นย้ำกับทาง
00:43:11 → 00:43:16 ร้านค้าว่าเราแพ้อาหารชนิดนี้เวลาแพ้แล้ว
00:43:16 → 00:43:19 มีอาการประมาณไหนเพื่อให้เเกิดความ
00:43:19 → 00:43:22 ตระหนักเพราะไม่นั้นถ้าเราไม่ได้บอกอะไร
00:43:22 → 00:43:25 เลยเาอาจจะคิดว่าเราแพ้เล็กน้อยแต่จริงๆ
00:43:25 → 00:43:28 เราอาจจะแพ้ชนิดรแรงก็ได้เพราะฉะนั้นต้อง
00:43:28 → 00:43:31 สร้างให้เขาเกิดความตระหนักและวิตกนะฮะ
00:43:31 → 00:43:35 เพื่อที่จะบอกความจริงกับเราอันนี้สำหรับ
00:43:35 → 00:43:38 ทานล้างเ้าเนาะกับสำหรับส่วนตัวก็คือว่า
00:43:38 → 00:43:42 ถ้าเราแพ้เราควรมีวิธีการป้องกันนึก็คือ
00:43:42 → 00:43:45 อย่างที่บอกีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้น 2 ถ้า
00:43:45 → 00:43:48 เลี่ยงไม่ได้ถ้าเรามีประวัติแพ้เราอาจจะ
00:43:48 → 00:43:51 ต้องพบยาแก้แพ้ติดตัวซึ่งยาแก้แพ้ก็ขึ้น
00:43:51 → 00:43:56 อยู่กับว่าเราเคยแพ้แล้วรุนแรงแค่ไหนถ้า
00:43:56 → 00:43:59 เป็นใช้แล้วผื่นขึ้นเท่านั้นแล้วก็พวกยา
00:43:59 → 00:44:03 พวกแอนตี้ฮิสตามีนก็ไปเลือกว่าเป็นชนิด
00:44:03 → 00:44:06 ที่กินแล้วง่วงนอนหรือไม่ง่วนนอนแล้วแต่
00:44:06 → 00:44:09 แล้วแต่ภาระกิจของเราที่เราจะทำต่อเช่น
00:44:09 → 00:44:12 ถ้าต้องไปขับรถเราต้องไปกินชนิดที่ไม่
00:44:12 → 00:44:16 ง่วนนอนแต่ถ้าเกิดอยู่ที่บ้านทานแล้วนอน
00:44:16 → 00:44:19 ก็เป็นชนิดที่ง่วงนอนได้นะคะกับอีกอัน
00:44:19 → 00:44:22 หนึ่งคือถ้าเราเป็นประวัติแพ้ที่รุนแรเรา
00:44:22 → 00:44:27 อาจจะต้องมียาฉีดซึ่งต้องได้รับการสอจาก
00:44:27 → 00:44:31 แพทย์ว่าวิธีการใช้ใช้แบบไหนนะคะอันนี้ก็
00:44:31 → 00:44:34 เป็นเบื้องต้นในการให้ข้อมูลสำหรับคนที่
00:44:34 → 00:44:37 แพ้มีปล่อยแพ้ชัดเจนอยู่ค่ะอืค่ะแต่
00:44:37 → 00:44:40 สำหรับคนที่ไม่แน่ใจอย่างที่บอกว่าเราก็
00:44:40 → 00:44:43 สามารถไปทำทดสอบผิวหนังหรือไปเจาะเลือดนะ
00:44:43 → 00:44:48 คะว่าตกลงแล้วแพ้หรือไม่แพ้ค่ะค่ะเพื่อจะ
00:44:48 → 00:44:52 ได้วางแผนการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา
00:44:52 → 00:44:57 ให้เหมาะสมและปลอดภัยค่ะอืค่ะก็ถือว่า
00:44:57 → 00:45:00 เป็นแนวทางในการดูแลตัวเองสำหรับคนที่แพ้
00:45:00 → 00:45:03 อาหารเพราะว่าถ้าหากว่าแพ้อาหารรุนแรง
00:45:03 → 00:45:06 เนี่ยอันตรายถึงขั้นชีวิตได้เลยนะคะ
00:45:06 → 00:45:10 สำหรับวันนี้ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะค่ะยิ
00:45:10 → 00:45:14 ดีค่ะค่ะสวัสดีคขอบคุณครับสวัสดีครับค่ะ
00:45:14 → 00:45:19 ค่ะสวัสดีค่ะค่ะแพทย์หญิงสุมิตราปิยนัต
00:45:19 → 00:45:21 บูลนะคะรองผู้อำนวยการด้านการแพทย์โรง
00:45:21 → 00:45:24 พยาบาลราชวิถีกรมการแพทย์ซึ่งเป็นแพทย์
00:45:24 → 00:45:26 ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉินและอายุ
00:45:27 → 00:45:30 แพทย์โรคหัวใจค่ะ
00:00:00 → 00:00:02 ค่ะคุณหมอขาสำหรับเบื้องต้นเลยค่ะอาการ
00:00:03 → 00:00:06 แพ้อาหารคืออะไรแล้วทำไมมันถึงบางคนแพ้
00:00:06 → 00:00:10 บางคนไม่แพ้ล่ะคะค่ะอาการแพ้อาหารเนี่ยก็
00:00:10 → 00:00:13 คือว่ามันเป็นภาวะที่ร่างกายเรามีภูมิไว
00:00:13 → 00:00:17 เกินต่อสารอาหารที่เรากินเข้าไปค่ะคือคน
00:00:17 → 00:00:19 ที่คนทั่วๆไปกินอาหารแล้วไม่มีอาการอัน
00:00:19 → 00:00:22 นี้เราเรียกว่าไม่แพ้ค่ะแต่คนที่กินอาหาร
00:00:22 → 00:00:25 เข้าไปแล้วมีอาการเช่นอาการเนี้ยมันมี
00:00:25 → 00:00:29 หลายระดับแล้วก็ขึ้นอยู่กับชนิดหรือ
00:00:29 → 00:00:32 อวัยวะที่แสดงออกมานะคะเพราะว่าการแพ้เ
00:00:32 → 00:00:36 เช่นถ้าคนกินเข้าไปแล้วมีอาการทามผิวหนัง
00:00:36 → 00:00:41 ที่เจอบ่อยๆก็คือพวกผื่นนูนผื่นลมพิษตา
00:00:41 → 00:00:44 บวมอันนี้คือลักษณะอาการที่แพ้แลแสดงออก
00:00:44 → 00:00:47 ทางผิวหนังแต่ถ้าเกิดทานเข้าไปแล้วมี
00:00:47 → 00:00:50 อาการคลื่นไส้อาเจียนท้องเสียอันนี้ก็
00:00:50 → 00:00:54 เป็นการแพ้แต่แพ้ทานระบบทานเดินอาหารค่ะ
00:00:54 → 00:00:56 กับอีกกลุ่มหนึ่งก็คือทานอาหารเข้าไปแล้ว
00:00:56 → 00:01:01 มีอาการคัดจมูกน้ำมูกไอใจไม่ออกเหนื่อย
00:01:01 → 00:01:03 อย่างเงี้ยอันนี้คือรุนแรงขึ้นมาอีกก็คือ
00:01:03 → 00:01:06 ระบบทางเดินหายใจกับระบบที่รุนแรงมากที่
00:01:06 → 00:01:09 สุดก็คือทานอาหารเข้าไปแล้วแล้วมีอาการา
00:01:09 → 00:01:12 ทาระบบหัวใจและหลอดเลือดเช่นมีอาการหน้า
00:01:12 → 00:01:16 มืดเป็นลมหัวใจเต้นเร็วหมดสติความเดินตก
00:01:16 → 00:01:19 หรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้อันนี้เขา
00:01:19 → 00:01:22 เรียกว่าแผลแบบรุนแรงหรือที่เราเรียกว่า
00:01:22 → 00:01:26 อันนาไฟแกีนะคะค่ะคือลักษณะของอาการแพ้
00:01:26 → 00:01:30 อาหารค่ะค่ะแต่ละอาการนี่ก็ก็แพ้รุนแรง
00:01:30 → 00:01:34 แตกต่างกันนะคะที่คุณหมอบอกว่าถ้าแรงที่
00:01:34 → 00:01:38 สุดก็คือแพ้ที่เอ่อที่ต่อระบบอ่าหัวใจใช่
00:01:38 → 00:01:42 มั้ยคะอาหารประเภทไหนใชหายใจและหัวใจค่ะ
00:01:42 → 00:01:46 อาหารประเภทไหนที่ทำให้ถึงระบบเอ่อหัวใจ
00:01:46 → 00:01:48 แล้วก็การหายใจเนี่ยส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะ
00:01:48 → 00:01:52 การแพ้อาหารประเภทไหนหรอคะคุณหมอค่าจริงๆ
00:01:52 → 00:01:56 การตอบสนองแต่ละคนไม่เท่ากันบางคนเนี่ย
00:01:56 → 00:02:00 คืออาหารที่แพ้บ่อยได้บ่อยๆนะคะในประเทศ
00:02:00 → 00:02:02 ไทยเราส่วนใหญ่ก็ถ้าเด็กๆก็จะเป็นพวดนม
00:02:02 → 00:02:07 ฮัวไผ่แป้งสาลีถั่วเหลืองถั่วลิสงหรือ
00:02:07 → 00:02:10 ถั่วที่มีเปลือกแข็งเช่นพวกอัลมอนวอนัท
00:02:10 → 00:02:13 แมคคาดิเมียหรือถ้าบ้านเราก็เม็ดมะม่วง
00:02:13 → 00:02:17 หิมพานอันนี้คืออันที่แพ้ได้บ่อยๆค่ะกับ
00:02:17 → 00:02:20 อีกกลุ่มนึงก็คือกลุ่มพวกปลาอาหารทะเล
00:02:20 → 00:02:24 เช่นกุ้งปูหอยปลาหมึกซึ่งการตอบสนองหรือ
00:02:24 → 00:02:27 ความไวของแต่ละคนเนี่ยไม่เท่ากันบางคนนี่
00:02:27 → 00:02:31 ทานแค่ไข่ถึงขั้นรุนแรงก็ได้แพ้แบบรุนแรง
00:02:31 → 00:02:33 อะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่งมันจะก็บอกไม่ได้
00:02:33 → 00:02:37 ความรุนแรงของแต่ละคนก็จะไม่เท่ากันอืค่ะ
00:02:37 → 00:02:41 ค่ะอืก็เอ่อขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคน
00:02:41 → 00:02:46 แต่ว่าเอ่อแต่ละคนเนี่ยบางบางครั้งจนอายุ
00:02:46 → 00:02:49 เยอะๆแล้วเนี่ยคืออาจจะเพิ่งรู้ตัวว่าแพ้
00:02:49 → 00:02:52 อาหารชนิดนี้เรามีข้อสังเกตอะไรยังไงที่
00:02:52 → 00:02:56 จะแนะนำคุณผู้ฟังมคะคุณหมอค่ะจริงๆอ่ะอ่า
00:02:56 → 00:03:00 เรื่องอาการแพ้เนี่ยเป็นเด็กๆพอโตขึ้นก็
00:03:00 → 00:03:03 อาจจะหายได้ค่ะนะฮะอย่างเช่นพวกแพ้นม
00:03:03 → 00:03:06 อย่างเงี้ยค่ะเป็นตอนเด็กๆพออายุมากขึ้น 7
00:03:06 → 00:03:10 80 90% สามารถหายจากการแพ้นมได้กับอีก
00:03:11 → 00:03:13 กลุ่มหนึ่งคือเอ๊ะทำไมตอนเด็กๆไม่เป็น
00:03:13 → 00:03:16 แล้วทำไมอาการมันเป็นต่ออายุมากขึ้นถูก
00:03:16 → 00:03:20 มั้ยคะกลุ่มนี้ก็คือเกิดจากอ่าร่างกายที่
00:03:20 → 00:03:23 มันมีการเปลี่ยนแปลงเช่นวอายุมากขึ้นสูง
00:03:23 → 00:03:26 อายุขึ้นก็จะมีเรื่องของภูมิคุ้นกันเนี่ย
00:03:26 → 00:03:28 ของร่างกายลดลงกับอีกกลุ่มนึงก็คือว่า
00:03:28 → 00:03:33 เกิดจากอ่าการแพ้ภายหลังเช่นบางครั้งสาร
00:03:33 → 00:03:35 ที่เรากินเข้าไปบางจริงๆเราแพ้อยู่แต่ว่า
00:03:35 → 00:03:39 ร่างกายเนี่ยเกิดอาการน้อยจนเราไม่มีความ
00:03:39 → 00:03:42 รู้สึกว่าเราไม่ได้แพ้แต่เมื่อมีการ
00:03:42 → 00:03:47 กระตุ้นบ่อยๆหรือกระตุ้นซ้ำนานๆตลอดเวลา
00:03:47 → 00:03:50 มันก็เริ่มจะมีการเเรียกว่าร่างกายมันจะ
00:03:50 → 00:03:54 ปล่อยสารบางตัวออกมานะฮะซึ่งสารตัวเนี้ย
00:03:54 → 00:03:57 มันเป็นปฏิกิริยาที่เราเรียกว่า IG หรือ
00:03:57 → 00:04:01 อิมมูน E ซึ่งรกายมันก็พอครั้งที่ 1 เรา
00:04:01 → 00:04:05 ใส่กินเข้าไปร่างกายก็เริ่มปล่อยสารตัว
00:04:05 → 00:04:08 นี้ออกมานิดหน่อยแต่อาจจะไม่มากเพียงพอทำ
00:04:08 → 00:04:11 ให้เกิดมีอาการพอเราทานซ้ำบ่อยๆสารตัวนี้
00:04:11 → 00:04:13 ก็ถูกกระตุ้นได้บ่อยๆขึ้นปริมาณมันมาก
00:04:13 → 00:04:18 ขึ้นความไวการตอบสนองก็มากขึ้นเร็วขึ้นจน
00:04:18 → 00:04:21 ถึงวันหนึ่งเรารับประทานเข้าไปอีกแล้วมัน
00:04:21 → 00:04:24 ก็จะเกิดอาการกระตุ้นที่รุนแรงแล้วก็
00:04:24 → 00:04:26 ปล่อยสงฮิสตามีนออกมาไอ้เจ้าสงฮิสตามีน
00:04:27 → 00:04:29 นี่แหละเป็นตัวที่ทำให้เราเกิดอาการแพ้ง
00:04:29 → 00:04:32 ขึ้นขึ้นมาอืเพราะฉะนั้นการที่บอกว่าเอ๊ะ
00:04:32 → 00:04:35 ทำไมเรามาเป็นตอนอายุมากจริงๆเราอาจจะมี
00:04:35 → 00:04:38 มาตั้งตั้งแต่อายุน้อยๆแล้วก็ได้แต่ว่า
00:04:38 → 00:04:41 มันเกิดจากการกระตุ้นการตอบสนองที่ไม่
00:04:41 → 00:04:46 เท่ากันของแต่ละคนครับค่ะค่ะอือืมแสดงว่า
00:04:46 → 00:04:49 อย่างงี้อย่างงี้เราจะมีสิทธิ์ที่จะรู้
00:04:49 → 00:04:55 ตัวเองว่าว่าแพ้อะไรตั้งแต่วัยไหนอ่ะครับ
00:04:55 → 00:04:57 ตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่าออกมารกเกิดเลย
00:04:57 → 00:05:02 แล้วรู้เลยหรือว่าต้องเข้าสู่วัยเด็กโตซะ
00:05:02 → 00:05:04 หน่อยหรือว่าวัยรุ่นแล้วถึงจะรู้ชัดเจน
00:05:04 → 00:05:08 อ่ะคุณหมอครับคือจริงๆค่ะมันก็มีวิธีการ
00:05:08 → 00:05:10 นะเพราะว่าอย่างสาเหตุเนี่ยส่วนหนึ่งก็
00:05:10 → 00:05:13 คือเรื่องของกรมพรค่ะครับกรรมพันธ์เนี่ย
00:05:13 → 00:05:16 ถ้าเป็นจากกรรมพันธ์เนี่ยจริงๆก็เราจะรู้
00:05:16 → 00:05:19 แล้วว่าในครอบครัวเราเนี่ยมีประวัติแพ้
00:05:19 → 00:05:22 อาหารเหล่านี้เหล่านี้เป็นกรรมพานอันนี้
00:05:22 → 00:05:25 จะรู้ได้ตั้งแต่อายุน้อยๆเลยอืนะฮะหรือ
00:05:25 → 00:05:28 ว่าเราครอบครัวเรามีประวัติแพ้เยอะๆเรา
00:05:28 → 00:05:31 สามารถไปตรวจได้ซึ่งการตรวจปัจจุบันก็
00:05:31 → 00:05:35 ง่ายก็คือมี 2 แบบคือตรวจดยการเจาะเลือด
00:05:35 → 00:05:37 กับตรวจโดยการทำสินเทสซึ่งเดี๋ยวนี้
00:05:37 → 00:05:40 สามารถตรวจสอบอาหารได้เป็น100รชนิดเลยค่ะ
00:05:40 → 00:05:46 อือือันนี้ก็จะสะดวกสครับสินเทสตรวจสอบอ
00:05:46 → 00:05:49 เอตรวจยในมันเจ็บมยมันต้องใช้อะไรไปตรวจ
00:05:49 → 00:05:52 หรอคะคุณหมออ่าเจาะเลือดค่ะเจาะเลือดเรา
00:05:52 → 00:05:56 สามารถวัดระดับของ IG ได้เลยนะคะวัดระดับ
00:05:56 → 00:06:00 ของไอ้สารที่เราแพ้ได้เลยว่าเราเป็นแพ้
00:06:00 → 00:06:03 แบบระดับคือมันจะมีระดับนะว่าเราแพ้สาร
00:06:03 → 00:06:06 ชนิดเนี้รุนแรงแค่ไหนมันมีตั้งแต่ระดับ 0
00:06:06 → 00:06:09 ไม่แพ้เลยจนถึงระดับ 10 แพ้มากอะไรอย่าง
00:06:09 → 00:06:12 เงี้ยถ้าเกินตั้งแต่ระดับ 5 ขึ้นไปก็จะ
00:06:12 → 00:06:14 ไม่แนะนำเลยว่าให้ไปทดลองกินอาหารประเภท
00:06:14 → 00:06:18 นี้นะอะไรอย่างเงี้ยอ๋อเออๆคมันจะมีระดับ
00:06:18 → 00:06:20 บอกได้เลยค่ะเดี๋ยวนี้ซึ่งมันค่อนข้างจะ
00:06:20 → 00:06:24 สะดวกนะคะกับอีกอันนึก็คือพวกที่เคยทาน
00:06:24 → 00:06:27 อาหารได้แล้วต่อมาเกิดแพ้ใช่มั้ยเคก็อยาก
00:06:27 → 00:06:30 พิสูจน์ว่าเอ๊ะตกลงเคแพ้หรือไม่แพ้อันนี้
00:06:30 → 00:06:34 เราก็สามารถไปทำสกินเทสค่ะอไปทดสอบผิว
00:06:34 → 00:06:37 หนังหรือไปเจาะเลือดดูระดับได้กไอีกลุ่ม
00:06:37 → 00:06:40 นี่คืออยากรู้เหมือนกันตอนก่อนหน้านี้เคย
00:06:40 → 00:06:43 แพ้อยากรู้ว่าปัจจุบันมันหายแพ้หรือยัง
00:06:43 → 00:06:46 แล้วก็สามารถไปเจาะดูว่าปัจจุบันเราหาย
00:06:46 → 00:06:48 แพ้ได้หรือยังอะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่งมัน
00:06:48 → 00:06:51 ระดับมันจะสามารถบอกเราได้หรือบางคนบอก
00:06:51 → 00:06:54 ว่าเอ๊ะอไม่แน่ใจว่าไอ้ที่ผ่านมาคือแพ้
00:06:54 → 00:06:58 หรือเปล่าใช่มั้คะเราก็สามารถไปจอว่าเอ๊ะ
00:06:58 → 00:07:00 ที่เราไม่แน่ใจตกลงเราแพ้หรือไม่แพ้แล้ว
00:07:00 → 00:07:04 ก็สามารถไปคอนเฟิร์มมันได้ค่ะอือไม่รู้
00:07:04 → 00:07:06 ชัดเจนกันไปเลยว่าเราแพ้ตกลงเราแพ้หรือ
00:07:06 → 00:07:09 ไม่แพ้หรือเราเคยแพ้แลเราหายแล้วอะไร
00:07:09 → 00:07:12 อย่างงี้หรือเราเคยแพ้ตัวนี้แล้วปัจจุบัน
00:07:12 → 00:07:17 เรามีแพ้ตัวใหม่ก็ได้อ้าเหรอฮะใช่ค่ะออ
00:07:17 → 00:07:18 ครับ
00:07:18 → 00:07:23 เอ่อค่อนข้างที่จะค่อนข้างที่จะต้องเอ่อ
00:07:23 → 00:07:25 ต้องต้องรู้จักตัวเองพอสมควรใช่มั้ยฮะคุณ
00:07:25 → 00:07:28 หมอต้องรู้จักตัวเองต้องหมั่นสังเกตหมั่น
00:07:28 → 00:07:33 สังเกตแล้วที่สำคัญคือต้องอย่าฝืนใช่มั้ย
00:07:33 → 00:07:37 คุณหมอผมผมเชื่อว่าหลายๆคนน่ะมักจะมักจะ
00:07:38 → 00:07:42 แพ้กับคำว่านี้ฮะเอ่อแพ้ใช่มั้ยสู้กับมัน
00:07:42 → 00:07:45 สิอ๋อแพ้อันนี้ใช่มั้ยต้องกินเข้าไปเยอะ
00:07:45 → 00:07:47 เยอะมันจะได้เออสู้กับมันเดี๋ยวมันก็หาย
00:07:47 → 00:07:50 เดี๋ยวมันความเป็นความคิดที่ผิดหรือถูกคะ
00:07:50 → 00:07:54 คุณหมออ่าจริงๆมันโดยหลักการเยถ้าเป็นการ
00:07:54 → 00:07:58 แพ้น้อยๆเป็นการแพ้น้อยๆนะคะอย่างเช่นแพ้
00:07:58 → 00:08:01 น้องแพ้อะไรเราสามารถที่จะกระตุ้นแต่ต้อง
00:08:01 → 00:08:03 อยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์นะฮะเพราะ
00:08:04 → 00:08:06 อย่างที่บอกว่ามันพวกนี้มันเกิดจากการ
00:08:06 → 00:08:11 สะสมความไวค่ะซึ่งอาการน้อยครั้งนี้อาการ
00:08:11 → 00:08:13 น้อยครั้งต่อไปบอกไม่ได้ว่าเราจะอาการมาก
00:08:14 → 00:08:16 หรือน้อยเท่าเดิมหรือดีขึ้นมันต้องอยู่
00:08:16 → 00:08:20 ภายใต้การควบคุมดูแลแต่ถามว่ามีการทดสอบ
00:08:20 → 00:08:22 มั้ยที่เขาเรียกว่า Food challeng Test
00:08:22 → 00:08:26 คือค่ะแพ้สงสัยแพ้อาหารรายนี้อาหารชนิด
00:08:26 → 00:08:29 นี้แล้วเราไปค่อยๆทำเทสแต่อย่างที่บอกว่า
00:08:29 → 00:08:31 ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์เพราะว่า
00:08:31 → 00:08:33 ถ้ามันแพ้ให้รุนแรงขึ้นมาเรามีวิธีการ
00:08:33 → 00:08:38 รักษาไม่ได้ให้แนะนำไปทำเองนะคะครับอืค่ะ
00:08:38 → 00:08:41 แต่หลักการที่ดีที่สุดคือถ้าเราแพ้อาหาร
00:08:41 → 00:08:45 ชนิดไหนเราควรหลีกเลี่ยงค่ะนะคกับอีอัน
00:08:45 → 00:08:48 หนึ่งคือไปทดสอบเลยว่าตกลงลอกแพ้ใช่หรือ
00:08:48 → 00:08:51 ไม่ใช่เพราะปัจจุบันมันมีวิธีการตรวจอยู่
00:08:51 → 00:08:55 ออือือๆไปหาคำตอบให้ชัดเจนดีที่สุดใช่ค่ะ
00:08:55 → 00:08:58 คือยังยังไงก็แล้วแต่อย่าอย่าไปเสี่ยงเขา
00:08:58 → 00:09:02 เรียกว่าอะไรเสี่ยงเสี่ยงโชคชะตาไม่ให้
00:09:02 → 00:09:05 มันก็เกินไปเนาะเอย่าไปเสี่ยงอย่าไป
00:09:05 → 00:09:08 เสี่ยงร้องอย่าไปเสี่ยงเ่ออย่าไปเสี่ยง
00:09:08 → 00:09:11 สู้กับเา้าเอ่อมันก็มีอีกอีกกลุ่มนึงคุณ
00:09:11 → 00:09:13 หมอผมเคยเจอบ่อยๆอันนี้อาจจะถามแบบต่อ
00:09:13 → 00:09:17 เนื่องไปเลยแล้วก็ได้ครับเอ่อเจอบ่อยๆอ้อ
00:09:17 → 00:09:22 แพ้แพ้รู้ตัวสมมุตินะเอ่อรู้ตัวว่ากินกิน
00:09:22 → 00:09:25 อาหารทะเลแล้วเดี๋ยวแพ้แน่เดี๋ยวผื่นแดง
00:09:25 → 00:09:28 มาแน่เดี๋ยวอะไรกินยาแก้แพ้กันไว้ก่อนเลย
00:09:28 → 00:09:32 เคยแบบเนี้ยอ๋อเคยมีเพื่อนหลายคนที่ทำ
00:09:32 → 00:09:35 พฤติกรรมแบบนี้พพกยาแก้แพ้ติดกระเป๋าเลย
00:09:35 → 00:09:39 ค่ะคุณหมอคือการพกยาแก้แพติกกระเป๋าใน
00:09:39 → 00:09:42 สำหรับคนที่แพ้หมอแนะนำนะคะเพราะอะไร
00:09:42 → 00:09:46 เพราะว่ามันจะสามารถช่วยเราได้แต่ถ้าเกิด
00:09:46 → 00:09:49 ว่าแพ้แล้วเราไปกินยาแก้แพ้เพื่อป้องกัน
00:09:49 → 00:09:52 เรารู้เช่นรู้ว่าแพ้กุ้งวันนี้อยากกิน
00:09:52 → 00:09:55 กุ้งกินยาแก้แพ้แพ้ก่อนแล้วไปกินกุ้งอัน
00:09:55 → 00:09:58 นี้ไม่แนะนำเหตุผลเพราะอะไรเหตุผลเพราะ
00:09:58 → 00:10:02 ว่ายาแก้แพ้ที่เรากินส่วนใหญ่มันจะไปแลด
00:10:02 → 00:10:06 อาการผื่นผิวหนังค่ะการที่มีผื่นผิวหนัง
00:10:06 → 00:10:09 ทำให้เราเห็นว่ามีการแพ้ได้ชัดแต่ถ้าเกิด
00:10:09 → 00:10:13 ว่าเราไปกินยาเพื่อไปลดอาการผื่นผิวหนัง
00:10:13 → 00:10:16 แต่อาการหลักคือระบบทางเดินหายใจที่เรา
00:10:16 → 00:10:19 มองไม่เห็นหรือระบบของหลอดหลอดลมที่เรา
00:10:19 → 00:10:22 มองไม่เห็นเพราะพวกนี้มันจะมีการตีบตัว
00:10:22 → 00:10:25 อย่างที่บอกว่าสารฮิสตามีนที่มันหลัออกมา
00:10:25 → 00:10:28 มันจะทำให้หลอดลมมันบวมมันอุดการทานเดิน
00:10:28 → 00:10:31 หายใจซึ่งอันนั้นพอมันรุนแรงปั๊บเราจะ
00:10:31 → 00:10:34 ช่วยไม่ทันแต่คนส่วนใหญ่จะเห็นอันแรกก็
00:10:34 → 00:10:37 คือเห็นที่ผิวหนังค่ะถูกมั้คะคนอื่นก็จะ
00:10:37 → 00:10:40 เห็นเราที่ผิวหนังอาการเหนื่อยแน่นเนี่ย
00:10:40 → 00:10:44 มันตามมาทีหลังครับออ่าถ้าเราไปกินยา
00:10:44 → 00:10:48 เพื่อไปบังอาการผิวหนังแล้วเราจะไม่เห็น
00:10:48 → 00:10:50 ค่ะเพราะฉะนั้นอาการมันก็จะเป็นตอนที่เรา
00:10:50 → 00:10:54 รุนแรงแล้วมันอาจจะรักษาไม่ทันอืเพราะ
00:10:54 → 00:10:57 ฉะนั้นไม่แนะนำวิธีว่าไปกินยาแก้แพ้แล้ว
00:10:57 → 00:11:01 ไปกินสิ่งที่เราแพ้อันนี้แนะนำแต่ยาแก้
00:11:01 → 00:11:03 แพ้เราพกติดตัวไปเพราะอย่างที่บอกว่า
00:11:03 → 00:11:04 อาหารบาง
00:11:04 → 00:11:09 ชนิดที่เา้าบอกว่าไม่มีส่วนผสมแต่จริงๆ
00:11:09 → 00:11:11 แล้วมันมีส่วนผสมอันนี้เราคือใช้รักษาใน
00:11:11 → 00:11:15 ภาวะฉุกเฉินได้อืกับอีกอันหนึ่งก็คือว่า
00:11:15 → 00:11:18 กลุ่มคนที่เคยแพ้รุนแรงถึงขั้น
00:11:18 → 00:11:22 อาฟีแล้วเป็นแล้วเคยเป็นมากกว่า 1 ครั้ง
00:11:22 → 00:11:25 อย่างเงี้ยค่ะหมอก็จะมีวิีการแนะนำว่าจะ
00:11:25 → 00:11:29 สอนวิธีคือเขาเรียกว่าพกยาฉีดติดตัวซึ่ง
00:11:29 → 00:11:32 ต่างประเทศจะใช้กันเยอะนะคะเพราะยาอินฟิน
00:11:32 → 00:11:36 นะฮะพวกนี้ยาพวกนี้คือถ้าเรามีอาการแน่น
00:11:36 → 00:11:39 หน้าอกเรารู้แล้วว่าเราเคยแพ้ถึงขั้นอ่า
00:11:39 → 00:11:43 ต้องใส่ท่อช่วยหายใจต้องเข้า ICU แน่นอน
00:11:43 → 00:11:45 ว่าเราต้องมียาไม่ว่าจะเป็นยาเม็ดหรือยา
00:11:45 → 00:11:49 ฉีดพกติดตัวซึ่งถ้าคนที่เป็นอาการประมาณ
00:11:49 → 00:11:53 เนี้ยหมอจะมีจะสอนวิธีการใช้ยาว่าถ้ามี
00:11:53 → 00:11:55 อาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกอะไรอย่าง
00:11:55 → 00:11:59 เงี้ยให้ปักยานี้เข้ากับกล้ามเนื้อหน้าขา
00:11:59 → 00:12:03 ยาพวกนี้จะเสียชีวิตได้ค่ะแต่ถ้าเกิดว่า
00:12:03 → 00:12:06 คนที่อาการแพ้ทุกครั้งแพ้ผื่นขึ้นอย่าง
00:12:06 → 00:12:09 เงี้ยค่ะเ่ออันนี้คืออาจจะแนะนำว่าพกยา
00:12:09 → 00:12:13 ติดตัวแต่ไม่ได้ให้แนะนำไปกินเพื่อป้อง
00:12:13 → 00:12:16 กันแล้วไปกินสารที่เราแพ้นะคะอาหารที่เรา
00:12:16 → 00:12:20 แพ้อันนี้คนละอย่างกันกินเพื่อบังเอิญว่า
00:12:20 → 00:12:23 เราไม่รู้ว่าอาหารที่เรากินหรือที่ับวัก
00:12:23 → 00:12:26 พานเข้าไปเนี่ยมันมีส่วนผสมของสิ่งที่เรา
00:12:26 → 00:12:29 แพ้หรือเปล่าอันนี้จะช่วยเราอ๋ออกรณีนี้
00:12:30 → 00:12:33 นึกถึงร้านสุกกี้ที่เคยเป็นข่าวเมื่อ 2-3
00:12:33 → 00:12:37 เดือนก่อนหน้านี้เลยค่ะคุณหมอที่เอ่อลูก
00:12:37 → 00:12:41 ค้าเข้าไปกินสุกี้แล้วมีลูกชิ้นผสมปลา
00:12:42 → 00:12:45 หรืออะไรที่เขาแพ้อ่ะค่ะมีส่วนวัตถุดิบ
00:12:45 → 00:12:49 ที่เขาแพ้แล้วก็เอ่อเขาก็เอ่อสั่งไปโดย
00:12:49 → 00:12:51 ไม่ทราบว่ามีส่วนประกอบนั้นในลูกชิ้นด้วย
00:12:51 → 00:12:54 อย่างกรณีแบบเนี้ยถ้าเค้ารับประทานเข้าไป
00:12:54 → 00:12:59 แล้วมีอาการแพ้เค้าถึงจะหยิบยาเอ่อเอ่อ
00:12:59 → 00:13:01 แก้แพ้ที่เขาพกไว้เนี่ยมากินอันนี้ถูก
00:13:01 → 00:13:05 ต้องใช่มั้ยคะออ่า่ถ้าเกิดอย่างนี้คือการ
00:13:05 → 00:13:07 ช่วยเบื้องต้นก็คือว่าถ้าเามีประวัติแพ้
00:13:07 → 00:13:11 อยู่แล้วเช่นน้องคนเนี้ยถ้าคุณแม่เรู้ว่า
00:13:11 → 00:13:14 ลูกมีประวัติแพ้เอาจจะต้องพูกยาติดตัวใน
00:13:14 → 00:13:17 กรณีฉุกเฉินเอย่างน้อยเป็นการจะประคับ
00:13:17 → 00:13:22 ประคอคือรักษาจากหนักเป็นเบาค่ะอ่าอันนี้
00:13:22 → 00:13:25 ก็แนะนำแต่ที่หลักๆก็ก็อีกอันนึงก็คือว่า
00:13:25 → 00:13:28 ถ้าเกิดว่าเราแพ้หรือลูกหลานเราแพ้เวลา
00:13:28 → 00:13:32 เราไปร้าร้านค้าเราต้องยืนยันกับเให้แน่
00:13:32 → 00:13:35 ชัดเนาเช่นต้องถามเขเลยลูกชิ้นอันนี้โอเค
00:13:35 → 00:13:38 สมว่าแพ้ปลาลูกชิ้นเราสั่งลูกชิ้นกุ้ง
00:13:38 → 00:13:42 ต้องยืนยันว่าลูกชิ้นกุ้งนี้ไม่มีส่วนผสม
00:13:42 → 00:13:46 ของปลาเลยนะต้องเน้นว่าลูกลูกหลานเคยแพ้
00:13:46 → 00:13:49 รุนแรงถ้าเขาไม่แน่ใจพนักงานคนนั้นไม่แน่
00:13:49 → 00:13:53 ใจเต้องกลับเข้าไปถามค่ะถามให้ชัดเจนว่า
00:13:53 → 00:13:56 ตกลงมีส่วนผสมของตาหรือเปล่าอะไรอย่าง
00:13:56 → 00:13:59 เงี้ยเป็นการคอนเฟิร์มซึ่งตัวเราเเราก็
00:13:59 → 00:14:01 ต้องคอนเฟิร์มทุกครั้งการที่เราสั่งอาหาร
00:14:01 → 00:14:05 โใช่ว่าะคนที่แพ้เป็นประเภทแพ้รุนแรงต้อง
00:14:05 → 00:14:10 เน้นย้ำมากๆนะคะอืค่ะอือันนนี้ก็ต้องต้อง
00:14:11 → 00:14:15 ต้องเอ่อผู้ผู้เขาคเรียกว่าอะไรผู้ค้าผู้
00:14:15 → 00:14:18 ค้าผู้พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายร้านที่เกี่ยว
00:14:18 → 00:14:22 กับเครื่องบริโภคต่างๆก็ต้องเอ่อดูเรื่อง
00:14:22 → 00:14:26 ของรายละเอียดแล้วก็ถ้าลูกค้าคอมเมนต์มา
00:14:26 → 00:14:30 ว่าเอ้ยฉันไม่ได้จริงๆเนี่ยก็ต้องก็ต้อง
00:14:30 → 00:14:33 ก็ต้องแจ้งแจ้งให้ชัดเจนด้วยเนาะคุณหมอ
00:14:33 → 00:14:37 ไม่งั้นเจอเจอหลายๆเคสที่แบบเอาแหละมัน
00:14:37 → 00:14:40 เป็นความเขาเรียกว่าอาจจะไม่ได้ตั้งใจแต่
00:14:40 → 00:14:43 แต่บางอย่างเราไม่รู้วัตถุดิบต้นทางที่
00:14:43 → 00:14:47 แท้จริงเอ่ออาจจะส่งผลต่อผู้บริโภคคนนั้น
00:14:47 → 00:14:50 ๆได้เพราะฉะนั้นถ้าเราแต่แต่ละคนผู้
00:14:50 → 00:14:53 ประกอบการถ้ารู้จักวัตถุดิบรู้จักเอ่อวัด
00:14:53 → 00:14:55 เ่อต้นทางว่าทำมาจากอะไรอย่างเงี้ยมันจะ
00:14:55 → 00:14:59 ช่วยเซฟเ่อเรื่องของอาการแพ้เหล่านี้ได้
00:14:59 → 00:15:01 ค่อนข้างเยอะปัจจุบันค่อนข้างที่จะเอ่อมี
00:15:01 → 00:15:04 รายละเอียดนี้ค่อนข้างดีขึ้นกว่าเดิมมยฮ
00:15:04 → 00:15:09 คุณหมอฮะคือเท่าที่ทราบจากข่าวนะคะก็คือ
00:15:09 → 00:15:11 หลังช่วงหลังๆเนี่ยตามร้างอาหารต่างๆ
00:15:11 → 00:15:13 เนี่ยบานร้านเเจะมีเขียนส่วนประกอบอาหาร
00:15:13 → 00:15:17 เลยว่าเมนูนี้นะฮะวัตถุดิบอันนี้มีส่วน
00:15:17 → 00:15:20 ประกอบอะไรบ้างอะไรอย่างเงี้ยก็จะก็จะ
00:15:20 → 00:15:23 ค่อนข้างในร้านที่ใหญ่ๆนะคะที่คุณภาพ
00:15:23 → 00:15:26 มาตรฐานสูงๆเนี่ยเ้าก็จะมีรายละเอียด
00:15:26 → 00:15:29 เรื่องส่วนผสมของอาหารมากขึ้นค่ะแต่อย่าง
00:15:29 → 00:15:31 ที่บอกว่าสิ่งเหล่านี้มันขึ้นอยู่กับตัว
00:15:31 → 00:15:34 เราด้วยนะคะเพราะฉะนั้นเราก็ต้องเน้นย้ำ
00:15:34 → 00:15:37 หรือถ้าไม่แน่ใจก็อาจจะต้องหลีกเลี่ยงไป
00:15:37 → 00:15:43 เลยค่ะออืเออนะไม่งั้นไม่งั้นเอ่อสิ่งที่
00:15:43 → 00:15:47 สิ่งที่เอ่อมันอาจจะเป็นเป็นรายละเอียด
00:15:47 → 00:15:50 เล็กๆน้อยๆคุณหมอคือจริงๆแล้วมันค่อนข้าง
00:15:50 → 00:15:54 ที่จะเป็นสิ่งที่แบบเราอาจจะแบบเล่อก็ได้
00:15:54 → 00:15:58 อาจจะไม่ได้คิดว่าเอ้ยมันคนปกติทั่วไปก็
00:15:58 → 00:16:01 กินก็ไม่เห็นเป็นไรแต่ว่าพอบางคนเขาไม่
00:16:01 → 00:16:04 รู้จริงๆแต่เขาเขาคิดว่าเอ้ยอาหารชนิดนี้
00:16:04 → 00:16:07 เขาน่าจะกินได้แต่เอ่อถ้ามาลงรายละเอียด
00:16:07 → 00:16:11 จริงๆแล้วมันเกิดพบว่าในในวัตถุดิบใน
00:16:11 → 00:16:14 เครื่องปรุงหรือว่า
00:16:14 → 00:16:17 เอ่อสิ่งประกอบในอาหารนั้นๆมันมันมีส่วน
00:16:17 → 00:16:20 ผสมบางอย่างที่เขาไม่รู้แล้วมันเกิดอาการ
00:16:20 → 00:16:23 แพ้มันก็มันก็จะไม่ดีต่อต่อคนที่บริโภค
00:16:23 → 00:16:25 เข้าไปนะอันนี้อันนี้อันนี้อันนี้มันแล้ว
00:16:25 → 00:16:29 แต่ความใส่ใจของแต่ละคนด้วยเนาะแต่ละแต่
00:16:29 → 00:16:33 ทั้งพ่อค้าเองทั้งเช่ยกันทั้งใช่ทั้งคน
00:16:33 → 00:16:35 ที่มีประวัติแท้แล้วก็กับผู้จำหน่าย
00:16:36 → 00:16:39 สินค้าเนาะต้องร่วมมือกันว่าเพราะไม่นั้น
00:16:39 → 00:16:41 เก็คงไม่อยากให้เกิดเหตุในร้านเานะเพราะ
00:16:41 → 00:16:44 ฉะนั้นก็ต้องช่วยกันทั้ง 2 ฝั่งนะช่วยกัน
00:16:44 → 00:16:47 เหมือนกับว่าเป็นการดับเบิลเช็คทั้งตัว
00:16:47 → 00:16:50 ของคนแท้เองครอบครัวของคนแท้เองหรือว่า
00:16:50 → 00:16:53 ทางร้างค้าอะไรอย่างเงี้ยค่ะคอมันเป็น
00:16:53 → 00:16:57 ความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่ายค่ะ
00:16:57 → 00:17:00 อืนี้พอพูดถึงก็ทางผู้ประกอบการเองในการ
00:17:00 → 00:17:05 เทรนเอ่อพนักงานเสิร์ฟหรือว่าเอ่อพ่อครัว
00:17:05 → 00:17:08 หรือคนที่ต้องมาปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค
00:17:08 → 00:17:11 เนี่ยก็ควรจะมีความรู้เบื้องต้นในต้นทาง
00:17:11 → 00:17:14 ของวัตถุดิบของแต่ละชนิดที่มาประกอบเป็น
00:17:14 → 00:17:17 อาหารเพะเพื่อที่จะได้ตอบลูกค้าได้ด้วย
00:17:17 → 00:17:21 เพราะบางบางคนก็เอ่อเวลาถามไปลที่เป็น
00:17:21 → 00:17:23 พนักงานเนี่ยเขาคก็อาจจะแบบไม่ได้มีความ
00:17:23 → 00:17:26 รู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งจริงๆ
00:17:26 → 00:17:30 แล้วเนี่ยการเช็คว่าวัตถุดิบแต่ละอย่าง
00:17:30 → 00:17:32 เนี่ยเพื่อตอบลูกค้าเนี่ยก็ถือว่าเป็นอีก
00:17:32 → 00:17:35 หนึ่ง 1 จรรยาบรรณของร้านอาหารเหมือนกัน
00:17:35 → 00:17:38 นะคะเอ่อคุณหมอค่ะแต่ว่าพอเกิดเหตุการณ์
00:17:38 → 00:17:42 แบบเนี้ยเอ่อลูกชิ้นปูแต่มีปลาลูกชิ้น
00:17:42 → 00:17:45 กุ้งแต่มีปลาอะไรอย่างเงี้ยโอเคถ้ารับ
00:17:45 → 00:17:48 ประทานไปแล้วเกิดอาการแพ้ขั้นต้นของการ
00:17:48 → 00:17:51 ที่เอ่อคนที่อยู่รอบข้างหรือคนที่เป็น
00:17:51 → 00:17:55 ครอบครัวเนี่ยจะช่วยปฐมพยาบาลเนี่ยวิวิธี
00:17:55 → 00:17:59 การมันมีแนวทางแบบไหนได้บ้างอ่ะคะค่ะก็
00:17:59 → 00:18:02 แยกเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่มที่อาการรุนแรง
00:18:02 → 00:18:06 กับกลุ่มที่อาการไม่รุนแรงถ้ากลุ่มที่
00:18:06 → 00:18:09 อาการไม่รุนแรงนะคะก็ 1 สิทธแรกที่ทำคือ 1
00:18:09 → 00:18:13 จุดรับประทานอาหารทันทีนะคะถ้าเรามียาที่
00:18:13 → 00:18:17 เป็นยาแก้แพ้เช่นคนที่แพ้ประจำเนี่ยเจะมี
00:18:17 → 00:18:19 ยาแก้แพ้ใช่มั้ยฮะซึ่งก็คือกลุ่มพวก
00:18:20 → 00:18:23 แอนตี้ฮิสตามีนค่ะยาแก้แพ้เนี่ยมันก็จะมี
00:18:23 → 00:18:25 2 ประเภทด้วยนะคะว่าประเภทนึงนะทานรับ
00:18:25 → 00:18:29 ประทานไปแล้วทำให้ง่วงนอนกับประเภทรับ
00:18:29 → 00:18:31 ประทานเข้าไปแล้วไม่ให้ง่วงนอนซึ่งก็ต้อง
00:18:31 → 00:18:35 ขึ้นอยู่กับว่าเอ๊ะเราให้ใครให้เช่นสมมติ
00:18:35 → 00:18:37 ว่าถ้าเป็นเด็กๆเนาส่วนใหญ่เราก็จะให้
00:18:37 → 00:18:40 ชนิดที่ง่วงนอนเพื่อให้เด็กจะได้หลังจาก
00:18:40 → 00:18:43 ทันยาแล้วจะได้พักหรืออะไรอย่างงี้แต่ถ้า
00:18:43 → 00:18:46 เสำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องทำงานกับเครื่องจัก
00:18:46 → 00:18:49 กลขับรถแท็กซี่รถบริการอย่างเงี้ยก็ไม่
00:18:49 → 00:18:52 แนะนำยาแก้แพ้ชนิดที่ง่วงนอนเพราะเดี๋ยว
00:18:52 → 00:18:55 ทานไปแล้วไปขับรถไปทำงานขึ้นจากกลก็เกิด
00:18:55 → 00:18:57 อุบัติเหตุได้อย่าเงี้ยค่ะอันนี้ก็ก็เป็น
00:18:58 → 00:19:00 ความรู้แล้วดับหนว่ายามันก็มีหลายประเภท
00:19:00 → 00:19:02 นะคะอะไรอย่างเงี้ยอันนี้ก็คืออาการไม่
00:19:03 → 00:19:06 รุนแรงถ้าหลังจากทานไปแล้วเนี่ยอาการมัน
00:19:06 → 00:19:11 เป็นมากขึ้นเช่นตอนแรกมีแค่ผื่นถ้าทานยา
00:19:11 → 00:19:14 แก้แพ้ไปแล้วผ่านไป 5 นาที 10 นาทีรู้สึก
00:19:14 → 00:19:16 ว่าอาการมันเป็นกำเเลิศมากขึ้นเช่นจาก
00:19:16 → 00:19:18 เดินมีแค่ผื่นอย่างเดียวตอนนี้เริ่มรู้
00:19:18 → 00:19:21 สึกว่าหายใจติดขัดรู้สึกว่าแน่นหน้าอกอัน
00:19:21 → 00:19:24 นี้แปลว่ายาที่เราให้ไปเนี่ยไม่เพียงพอ
00:19:24 → 00:19:28 ต่อการรักษาโรภความกความแพ้เนี่ยมันรุแรน
00:19:29 → 00:19:31 มากขึ้นอเดี๋ยวต้องรีบไปโรงพยาบาลนะคะ
00:19:31 → 00:19:34 หรืออีกประเภทนึงคือรับประทานไปเลยปั๊บ
00:19:34 → 00:19:37 คืออย่างงี้การแพ้มันมีแบบเกิดอาการฉับ
00:19:37 → 00:19:39 พันฉับพันแปลว่าหลังรับประทานแค่ 2-3
00:19:39 → 00:19:42 นาทีก็เกิดอาการเลยถึงระดับชั่วโมงอย่าง
00:19:42 → 00:19:46 เงี้ยนี่คืออาการแบบรุเร็วกับอีกอันนึงก็
00:19:46 → 00:19:49 คืออาการแบบช้าคือค่อยๆเป็นรับประทานไป
00:19:49 → 00:19:51 แล้ววันหนึ่งแล้วค่อยเกิดอาการอันนี้คือ
00:19:51 → 00:19:54 เกิดเป็นแบบช้าเนาะซึ่งส่วนใหญ่ถ้าอาหาร
00:19:54 → 00:19:57 เนี่ยมักจะเป็นแบบเร็วซะส่วนใหญ่นะฮะก็
00:19:57 → 00:20:00 มันก็มีแบบพอเร็วปั๊บมันก็มีแบบรุนแรงกับ
00:20:00 → 00:20:04 ไม่รุนแรงไม่รุนแรงก็ลองทานยาก่อนถ้ามัน
00:20:04 → 00:20:07 อาการไม่ดีขึ้นแนะนำไปโรงพยาบาลค่ะกับอีก
00:20:07 → 00:20:10 กลุ่มหนึ่งคือรับประทานไปแล้วอาการเริ่ม
00:20:10 → 00:20:13 ต้นก็รุนแรงเลยหลังจากทานไป 2-3 ครำก็มี
00:20:13 → 00:20:15 อาการรุนแรงแล้วแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก
00:20:15 → 00:20:18 อะไรอย่างเงี้ยมี 2 ทางเลือกนะคะปัจจุบัน
00:20:18 → 00:20:21 แล้วก็เรียกกฎ 1669 ทั่วประเทศใช้ได้หมด
00:20:21 → 00:20:24 เลยนะฮะสถานพยาบาลหรือรถแอมบูแลนซ์รถ
00:20:24 → 00:20:27 พยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดจะมาหาคุณนะคะ
00:20:27 → 00:20:30 เพราะในรถเจะมียาฉีดที่สามารถช่วยคุนได้
00:20:30 → 00:20:35 ทันทีอืนะฮะแต่ถ้าเราไปเองเราต้องมั่นใจ
00:20:35 → 00:20:38 ว่า 1 เส้นทางเดินทางรถอ่ะต้องไม่ติด
00:20:38 → 00:20:41 เพราะว่าอย่างที่บอกว่าเราไม่มียาอะไรนะ
00:20:41 → 00:20:44 คะเพราะฉะนั้นบางครั้งอาจจะคอยอยู่ที่
00:20:44 → 00:20:47 สถานที่นั้นแล้วให้รถมาหาเราจะเร็วกว่า
00:20:47 → 00:20:50 เพราะรถแบแลมันมีหวอมีอะไรอย่างเงี้ยคนจะ
00:20:50 → 00:20:52 เปิดทางให้เคเจะเดินทางมาหาเราได้เร็ว
00:20:52 → 00:20:55 กว่าเพราะฉะนั้นก็จำ 1669 ใช้ได้ทั้ง
00:20:55 → 00:21:01 ประเทศอืครับคุณหมอเอเอ่อผมลองคิดเล่นๆนะ
00:21:01 → 00:21:04 สมมุตินะครับอย่างอย่าอย่าอย่างหัวเรื่อง
00:21:04 → 00:21:08 ที่เราที่พี่ขวัญตั้งไว้เป็นประเด็นในวัน
00:21:08 → 00:21:13 เนี้ยสมมุตินะเอ่อระหว่างระหว่างการแพ้
00:21:13 → 00:21:15 ตั้งแต่
00:21:15 → 00:21:19 วัยวัยเด็กวัยรุ่นอะไรอย่างเงี้ยเอ่อแพ้
00:21:19 → 00:21:23 แพ้เลยตั้งแต่วัยนี้กลับค่อยๆแพ้อยู่ดีๆ
00:21:23 → 00:21:26 มาค่อยๆแพ้แล้วมาแพ้หนักตอนอายุเยอะแบบ
00:21:26 → 00:21:30 ไหนอาการจะจะน่าน่ากังวลมากกว่ากันหรือ
00:21:30 → 00:21:35 ว่ามันมีความน่าสนใจยังไงในเรื่องของเวลา
00:21:35 → 00:21:38 ช่วงเวลาในการเกิดากการแพ้มั้ยครับคุณหมอ
00:21:38 → 00:21:42 ครับคือทุกๆวัยความรุนแรงเนี่ยมันสำคัญ
00:21:42 → 00:21:45 หมดเลยเพราะว่าถ้าเราแพ้ในวัยเด็กอายุ
00:21:45 → 00:21:49 น้อยมากๆก็อันตรายมากใช่มั้ยคะเพราะว่า
00:21:49 → 00:21:53 ถ้าเป็นแพ้รุนแรงกับถ้าแพ้ในผู้สูงอายุ
00:21:53 → 00:21:58 ที่มีโรคประจำตัวเยอะๆอันนี้ก็อันตรายมาก
00:21:58 → 00:22:01 เหมือนกันเพราะฉะนั้นไม่ว่าวัยไหนถ้าแพ้
00:22:01 → 00:22:07 รุนแลอันตรายหมดค่ะค่ะอือืไม่อ่อมันก็คือ
00:22:07 → 00:22:11 ถ้าแพ้รุนแรงไม่ว่าจะอยู่วัยไหนก็แล้วแต่
00:22:11 → 00:22:13 เนี่ยแหละรุนแรงเหมือนกันหมดไม่ไม่ไม่
00:22:13 → 00:22:16 เกี่ยวข้องกับช่วงระยะเวลาที่จะเกิดเพียง
00:22:16 → 00:22:20 แต่ว่าถ้าเป็นอาการรุนแรงเอ่อก็จะต้องรีบ
00:22:20 → 00:22:23 หาหมออย่างที่คุณหมอบอกเลยทันทีมันมัน
00:22:23 → 00:22:26 สามารถที่จะบรรเทาอาการเบื้องต้นได้มั้ย
00:22:26 → 00:22:29 ครับถ้าเกิดแบบทางแพ้แบบเฉียบพันแพ้แบบ
00:22:29 → 00:22:32 รุนแรงความแตกต่างในการอ่าเขาคเรียกว่า
00:22:33 → 00:22:34 ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเนี่ยมันแตกต่างกัน
00:22:34 → 00:22:38 มั้ยครับคือถ้าเรามีอุปกรณ์การให้ยาอย่าง
00:22:38 → 00:22:41 เงี้ยถ้าแพ้รุนแรงเนี่ยปกติเราจะฉีดยา
00:22:41 → 00:22:44 เข้ากล้ามเนื้อเลยอืคซึ่งอันนี้จะช่วย
00:22:44 → 00:22:47 ชีวิตได้แน่นอนแต่ถ้าแพ้รุนแลปั๊บเนี่ย
00:22:47 → 00:22:49 แล้วเราไปให้ยากินเฉยๆเนี่ยมันอาจจะไม่
00:22:49 → 00:22:53 เพียงพอครับอือเพราะว่าการกินยาเยกว่าจะ
00:22:53 → 00:22:57 ร่างกายจะดูซึมจะอะไรมันค่อนข้างใช้เวลา
00:22:57 → 00:23:00 แต่ถ้าฉีดยามันจะออกฤิทันทีอย่างเงี้ยค่ะ
00:23:00 → 00:23:02 เพราะฉะนั้นเหตุผลว่าทำไมรุนแรงถึงเรา
00:23:02 → 00:23:05 ต้องให้ยาแล้วจริงๆยามันก็มีหลายตัวไม่
00:23:05 → 00:23:08 ใช่ให้ตัวเดียวยาตัวหนึ่งไปลดการหลั่งยา
00:23:08 → 00:23:11 อีกตัวหนึ่งไปลดการบวมการอักเสบอะไรอย่าง
00:23:11 → 00:23:14 เงี้ยมันจะเป็นยาประกอบหลายๆตัวเหตุลว่า
00:23:14 → 00:23:17 ทำไมต้องใช้รถโรงพยาบาลทำไมถึงต้องไปโรง
00:23:17 → 00:23:20 พยาบาลเพราะมันมียาหลายตัวซึ่งยาแต่ละตัว
00:23:21 → 00:23:24 มันจะไปออกฤทธิ์คนละที่ให้เสริมกันเลยให้
00:23:24 → 00:23:27 คนไข้หายเร็วที่สุดค่ะอาการลดลงเร็วที่
00:23:27 → 00:23:29 สุด
00:23:29 → 00:23:33 อืมันเป็นการเสริมของยาชนิดต่างๆกันค่ะ
00:23:33 → 00:23:37 ค่ะครับโอแต่ถ้าสมมุติว่าเรามีอาการแพ้
00:23:37 → 00:23:40 รุนแรงแล้วที่บ้านไม่มีอะไรเลยนอกจากยา
00:23:40 → 00:23:42 แก้แพ้เนี่ยก็ให้ให้รับประทานไปก่อนได้
00:23:42 → 00:23:46 มั้ยคะให้รับประทานไปก่อนได้ค่ะอืค่ะแล้ว
00:23:46 → 00:23:50 คำว่าแพ้รุนแรงเนี่ยมันถึงขั้นชีวิตมั้ย
00:23:50 → 00:23:53 แล้วก็มันมันชแบบเฉียบพลันถึงขั้นเสีย
00:23:53 → 00:23:56 ชีวิตภายใน 1 ชั่วโมงหรือภายในลักษณะเวลา
00:23:56 → 00:24:00 ประมาณไหนยังไงคะคุณหมอจริงๆถ้าเกิดแพ้
00:24:00 → 00:24:04 รุนแรงเนี่ยสามารถเสียชีวิตได้ตลอดเวลา
00:24:04 → 00:24:08 เลยเพราะว่าอย่างเช่นอ่าถ้าแพ้รนแรงหลอด
00:24:08 → 00:24:11 ลมหลอดเค้าเรียกหลอดทางเดินหายใจมันตุก
00:24:11 → 00:24:15 ตันมันตีบหายใจไม่ได้ค่ะแค่ก็เสียชีวิต
00:24:15 → 00:24:21 ได้ทันทีหรือถ้าเป็นระบบหัวใจเช่นช็อหมด
00:24:21 → 00:24:24 สติหยุดหายใจเลยอันนี้ก็อันตรายสุดๆ
00:24:24 → 00:24:28 เหมือนกันอืูมคะอืครับ
00:24:28 → 00:24:32 คือระบบคือเวลาเราจะประเมินว่ารุนแรงหรือ
00:24:32 → 00:24:37 ไม่รุนแรงก็คือดูระบบว่าการแพ้อาหารนั้น
00:24:37 → 00:24:40 พบได้หลายระบบถูกมั้ยคะเช่นยเฉพาะผิวหนัง
00:24:40 → 00:24:42 อันนี้ถือว่าไม่ดูแลเพราะเป็นระบบเดียว
00:24:42 → 00:24:45 และเป็นระบบภายนอกแต่ถ้าเกิดเริ่มตั้งแต่
00:24:45 → 00:24:48 2 ระบบขึ้นไปเช่นมีผิวหนังมีทางเดิน
00:24:48 → 00:24:52 อาหารแปลว่าความรุนแรงมันเพิ่มขึ้นแล้ว
00:24:52 → 00:24:55 ถ้ามี 3 ระบบแปลว่าอันนี้เริ่มรุนแรงมาก
00:24:55 → 00:24:59 นี่นอนใจไม่ได้ต้องหาวิธีไปถึงมือหมอให้
00:24:59 → 00:25:03 เร็วที่สุดอะไรอย่าเงี้ยค่ะอืครับใดๆก็
00:25:03 → 00:25:05 แล้วแต่คือการไปถึงมือหมอให้เร็วที่สุด
00:25:05 → 00:25:10 เนี่ยคือคือในการช่วยช่วยชีวิตได้ได้เร็ว
00:25:10 → 00:25:14 ได้ดีที่สุดอ่ะนะฮะอือค่ะอืแต่เหนืออื่น
00:25:14 → 00:25:19 ใดคือเราไม่รับประทานสิ่งที่เราเคยแพ้
00:25:19 → 00:25:21 ครับหลีกเลี่ยงอพูดง่ายๆคือหลีกเลี่ยง
00:25:21 → 00:25:24 อย่าไปรับประทานอีกเราเคยรู้ว่าเอ่อแต่
00:25:24 → 00:25:27 มันก็มีนะคะเช่นสมมุติว่าแพ้อาหารกุ้งแพ้
00:25:27 → 00:25:30 กุ้งใช่มั้ยฮะค่ะกุ้งแม่น้ำแพ้แต่กุ้ง
00:25:30 → 00:25:33 ทะเลไม่แพ้อย่างงี้ก็มีนะคะอ๋อใช่มีคนรู้
00:25:33 → 00:25:37 จักเคยเอ่อแพ้กุ้งทะเลแต่ไม่แพ้กุ้งแม่
00:25:37 → 00:25:40 น้ำเอ่าอันเนี้ยก็ค่ะเพราะว่าโปรตีนมัน
00:25:40 → 00:25:45 บางชนิดมันแตกต่างกันค่ะแต่อย่าไปทดสอบนะ
00:25:45 → 00:25:49 คะถ้าเกิดว่าไม่แน่ใจก็อย่าไปทดสอบทสอบ
00:25:49 → 00:25:52 รับประทานเพราะว่าไปเลยค่ะแนะนำว่าไปเจาะ
00:25:52 → 00:25:54 เลือดไปทำ
00:25:54 → 00:25:57 สกินเทสให้รู้ชัดเจนว่าเราแพ้อะไรหรือไม่
00:25:57 → 00:25:58 แพ้อะไร
00:25:58 → 00:26:03 ค่ะอืออือคุณหมอขาขอความรู้หน่อยค่ะว่า
00:26:03 → 00:26:08 เอ๊ะความต่างของภูมิแพ้อาหารแฝงกับการแพ้
00:26:08 → 00:26:12 อาหารเนี่ยมันแตกต่างกันยังไงคะภูมิแพ้
00:26:12 → 00:26:16 อาหารแฝงคืออะไรหรอคะภูมิแพะอาหารแฝน
00:26:16 → 00:26:19 เนี่ยคือเราเมื่อเรารับประทานอาหารชนิด
00:26:19 → 00:26:24 นั้นเข้าไปซ้ำๆๆๆแล้วค่อยๆเกิดค่อยๆเกิด
00:26:24 → 00:26:26 อาการขึ้นมาซึ่งอาการนั้นน่ะมันเป็นอาการ
00:26:26 → 00:26:30 ที่ไม่ได้รุนแรงค่ะนะฮะคือลักษณะของภูมิ
00:26:31 → 00:26:34 แพ้อาหารแฝงกับภูมิแพ้อาหารเลยเนี่ยคือ
00:26:34 → 00:26:36 ถ้าแพ้อาหารเลยส่วนใหญ่กินปั๊บเกิดอาการ
00:26:36 → 00:26:39 เลยเกิดอาการเฉียบพันอันนี้เป็นพวกอาการ
00:26:39 → 00:26:43 แพ้อาหารถ้าแพ้อาหารแบบแฝงส่วนใหญ่จะ
00:26:43 → 00:26:46 เคื่อยๆเป็นหรือเป็นพวดเรื้อรังอาการก็
00:26:46 → 00:26:50 มัดจะไม่รุนแรงแต่อาการแสดงออกเนี่ย
00:26:50 → 00:26:53 สามารถแสดงได้ทั้งทางระบบผิวหนังทางเดิน
00:26:53 → 00:26:56 อาหารทานหายใจและอื่นๆได้แต่เพียงแต่ว่า
00:26:56 → 00:26:59 มันไม่รุนแรงเหมือนกับแพ้อาหารโดยตรง
00:26:59 → 00:27:02 เพราะพวกนี้มันเกิดจากกระบวนการของภูมิ
00:27:03 → 00:27:06 คุ้นกันของร่างกายที่มันเคยๆกระตุ้นค่ะ
00:27:06 → 00:27:10 เคยๆกระตุ้นเคยๆมีการสร้างโปรตีนคอมเพลก
00:27:10 → 00:27:14 เป็นก้อนไปอุดในที่ต่างๆของร่างกายตามข้อ
00:27:14 → 00:27:18 บ้างการทางเดินอาหารบ้างซึ่งส่วนใหญ่เเ
00:27:18 → 00:27:22 พวกนี้จะมีลักษณะอาการแบบให้คนไข้รำคาญ
00:27:22 → 00:27:25 เช่นลำไส้ปาป่วนอะไรอย่างเงี้ยค่ะท้อง
00:27:25 → 00:27:29 เฟ้อท้องอืดอันเนี้ยนี้คือพวกว่าภูมิพุ้น
00:27:29 → 00:27:33 กันแบบแฝงที่แพ้แบบแฝงนะฮะค่ะอืแต่วิธี
00:27:33 → 00:27:36 การเนี่ยยเราสามารถไปตรวจได้เหมือนกับการ
00:27:36 → 00:27:39 แพ้แบบอาหารทั่วไปเลยคือสามารถไปเจาะ
00:27:39 → 00:27:44 เลือดดูได้สามารถไปทำสกินเทสได้เหมือนกัน
00:27:44 → 00:27:49 ออแล้วสกินเทสนี่มันจะแยกระหว่างภูมิแพ้
00:27:49 → 00:27:52 อาหารแฝงกับแพ้อาหารให้เราทราบได้เลยใช่
00:27:52 → 00:27:55 มั้ยคะคุณหมอใช่ค่ะเพราะจริงๆพวกนี้ก็คือ
00:27:55 → 00:27:58 การแพ้ชนิดหนึ่งเหมือนกันค่ะออค่ะการเจาะ
00:27:58 → 00:28:02 เลือดเราก็ไปเจาะดู่อระดับของ igg นะคะ
00:28:02 → 00:28:06 igg IG นะคะส่วนการทำสกินเทสเนี่ยเราก็
00:28:06 → 00:28:09 เอาสารโปรตีนของแต่ละสารแต่ละชนิดมาทดสอบ
00:28:09 → 00:28:12 ที่ผิวหนังว่าเราไปสะกิดแล้วเนี่ยมันเกิด
00:28:12 → 00:28:15 การบวมขึ้นมแดงขึ้นมั้อะไรอย่าเงี้มันก็
00:28:15 → 00:28:19 จะมีวัดไซสขนาดของมันค่ะก็จะได้รู้ว่าออ
00:28:19 → 00:28:23 ตกลงเราแพ้เป็นแพ้แบกแฝงคือแพ้แบบแฝงก็
00:28:23 → 00:28:26 คือแพ้นั่นแหละแต่ว่าเป็นการแสดงอาการแบบ
00:28:26 → 00:28:31 เรื้อรังอืไม่ได้เป็นแบบฉับพันธค่ะแสดง
00:28:31 → 00:28:33 ว่ามันก็ไม่ถึงแก่ชีวิตหรือเปล่าคะคุณหมอ
00:28:33 → 00:28:36 ถ้ามันเรื้อรังมันก็ไปเรื่อยๆอะไรเงี้ย
00:28:36 → 00:28:39 หรือเปล่าคะใช่ๆค่ะแบบแฝงนี่ส่วนใหญ่ก็
00:28:39 → 00:28:42 ไม่ค่อยอันตรายค่ะเมื่อเทียบกับแพ้อาหาร
00:28:43 → 00:28:48 แบบแพ้แพ้อาหารทั่วๆไปอ่ะค่ะค่ะอบางครั้ง
00:28:48 → 00:28:50 เรารู้เป็นแบบแพ้แบบแฝนยังไม่รู้ตัวเลย
00:28:50 → 00:28:54 เช่นแบบบางคนมีอาการท้องอืดๆท้องเฟ้อตลอด
00:28:54 → 00:28:56 อะไรอย่างเงี้ยฮ่ะเนี่ยคือเป็นอาการนิด
00:28:56 → 00:28:59 นึงครับอ๋อค่ะรักษาอีกโรคนึงเลยของทาง
00:28:59 → 00:29:02 เดินอาหารอะไรอย่างเงี้ยค่ะออออีกอันนึง
00:29:02 → 00:29:06 บางคนก็บอกว่าเอ๊ะทำไมมีอาการน้ำมูกอะไ
00:29:06 → 00:29:08 ตลอดอะไรจริงๆอันนี้ก็เป็นการแพ้แฝงชนิด
00:29:08 → 00:29:11 หนึ่งได้นะเพียแต่ว่าเราต้องหาสาเหตุให้
00:29:11 → 00:29:16 เจอเพื่อจะแยกจากโรคอื่นๆให้ได้ออครับ
00:29:16 → 00:29:21 เอ๊ะถ้าอย่างงี้เวลาหลายๆคนรับประทานส้ม
00:29:21 → 00:29:24 ตำหรืออะไรอย่างเงี้ยที่มีผงนัวผงชูรส
00:29:25 → 00:29:28 เยอะๆคอแห้งจังเลยอย่างเงี้ยเเรียกภูมิ
00:29:28 → 00:29:32 แพ้อาหารแฝงหรือว่าแค่เป็นผลข้างเคียงจาก
00:29:32 → 00:29:37 ผงปรุงรสอ่ะค่ะอันนี้คือคผมปรุงรสส่วนใหญ
00:29:37 → 00:29:40 เป็นโซเดียมโมโนกลูตาเมตนะซึ่งมันเป็น
00:29:40 → 00:29:43 เกลือค่ะเนาะเพราะว่าถ้าทางปริมาณมากๆคน
00:29:43 → 00:29:46 ปกติก็จะมีอาการรู้สึกว่าคอแห้งหิวน้ำ
00:29:46 → 00:29:51 กระหายน้ำอันนี้เป็นผลจากตัวโซเดียมโคเมท
00:29:51 → 00:29:55 จากตัวผงเติมรถเนี่ยค่ะไม่ได้เกิดจากการ
00:29:55 → 00:29:58 บางทีเราเอ๊เข้าใจว่าเป็นแพ้หรือเปล่าค่ะ
00:29:58 → 00:30:01 แต่ถ้าเกิดทานพวกผงปรุงรสแล้วมีอาการแน่น
00:30:01 → 00:30:04 หน้าอกมีชาอันนี้น่าจะเกิดจากการแพ้นะฮะ
00:30:04 → 00:30:09 อืค่ะแต่บางครั้งอาการมันอาจจะก้ำกึ่งกัน
00:30:09 → 00:30:14 ถ้าไม่แน่ใจก็ให้นึกถึงแพ้ไว้ก่อนค่ะออมี
00:30:14 → 00:30:18 คุณผู้ฟังพิมพ์มาพอดีเลยค่ะบอกว่าหลังทาน
00:30:18 → 00:30:22 อาหารค่ะคาดว่าน่าจะแพ้ผงชูรสทานแล้ว
00:30:22 → 00:30:27 ศีรษะชาทั้งหน้าอเอ่อเอ่อศีรษะชาชาทั้ง
00:30:27 → 00:30:31 หน้าบางทีก็ชาไปบริเวณผิวหนังหน้าแข้งแบบ
00:30:31 → 00:30:35 ลำตัวแบบซ่าๆทั้งตัวอะไรเงี้ยค่ะต้องหลีก
00:30:35 → 00:30:38 เลี่ยงโดยสิ้นเชิงห้ามรับประทานร้านนั้นๆ
00:30:38 → 00:30:42 ไปเลยยคะเราชอบเอ่อเราทานบ่อยจะเป็นอะไร
00:30:42 → 00:30:45 ไปจะหนักกว่านี้มั้ยอาการที่เกิดขึ้นน่ะ
00:30:45 → 00:30:49 ค่ะค่ะอ่าลักษณะอาการชาอันเนี้ยอ่าอันนี้
00:30:49 → 00:30:54 น่าจะเกิดจากการแพ้งชูรสนะคะวิธีการคือ
00:30:54 → 00:30:56 ถ้าเราไปทานอาหารเราคิดว่าครั้งเนี้ยเรา
00:30:56 → 00:30:59 มีแล้วเราอย่าไปทำเทสนะคะเวลาไปร้าอาหาร
00:30:59 → 00:31:02 ต้องบอกเขาว่าบอกว่าขอไม่ใส่โดยเฉพาะส้ม
00:31:02 → 00:31:03 ตำ
00:31:03 → 00:31:08 เนาะบอกเขว่าเเราแพ้อาหารเพะผมผมปรุงแต่ง
00:31:08 → 00:31:12 นะคะขอไม่ใส่ผงชูรสนะคะเพราะจะมีอาการแพ้
00:31:12 → 00:31:15 ซึ่งปกติถ้าแม่ค้าเรู้ว่าเราแพ้เขาจะไม่
00:31:15 → 00:31:17 ใส่ให้เราอยู่แล้วเพราะเขาก็กลัวว่าเรา
00:31:17 → 00:31:19 เป็นอะไรต่อหน้าเขในร้านเอะไรอย่างเงี้ย
00:31:19 → 00:31:23 ค่ะเราแจ้งได้ซึ่งส่วนตัวหมอเองเตัวหมอ
00:31:23 → 00:31:26 เองเวลาไปล้างส้มตำหรือไปล้างอาหารทุกวัน
00:31:26 → 00:31:28 นี้นะคะไปตามล้างอหารอาหารปักษาเราก็จะ
00:31:28 → 00:31:32 บอกเว่าขอไม่ใส่ผงชูรสอือซึ่งจริงๆอ่ะเรา
00:31:32 → 00:31:35 ไม่ได้แพ้หรอกแต่เราก็ไม่ได้อยากให้คอ
00:31:35 → 00:31:37 แห้งหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะก็จะบอกว่าขอ
00:31:37 → 00:31:42 ไม่ใส่เพราะว่าสงสัยกลัวว่าจะแพ้อ๋อครับ
00:31:42 → 00:31:44 อะไรอย่างเงี้ยค่ะเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยง
00:31:44 → 00:31:47 โซเดียมได้อย่างแท้จริงใช่มั้ยคะคุณหมอ
00:31:47 → 00:31:49 ใช่ค่ะเพราะว่าตามร้าอาหารใส่หมอว่าน่าจะ
00:31:49 → 00:31:51 ใส่พอสม
00:31:51 → 00:31:54 ควรเคยเเห็นอากาที่ชัดชที่สุดก็คือรู้สึก
00:31:54 → 00:31:58 คอแห้งกระหายน้ำทำไมต้องดื่มน้ำเยอะอะไร
00:31:58 → 00:32:02 อย่างเงี้ยค่ะค่ะเกลือเราจะไปดึงน้ำอือ
00:32:02 → 00:32:05 อืออือครับเคยเห็นร้านส้มตำสัตว์เอ่อผง
00:32:05 → 00:32:09 นัวอ่าผงชูรสเข้าไปเนี่ยก็เห็นแล้วสะอึก
00:32:09 → 00:32:13 เหมือนกันเป็นทัพพีนะเคยใช่เคยคุณหมอครับ
00:32:13 → 00:32:17 เคยแบบเคยแบบเจอผมที่ที่เราจะคุ้นชินกัน
00:32:17 → 00:32:20 เวลาแพ้อาหารก็จะแพ้อะไรนะพวกถั่วอาหาร
00:32:20 → 00:32:21 ทะเล
00:32:21 → 00:32:26 เอ่อเครื่องปรุงนะฮะมันมีแบบเคยเจอเคสแบบ
00:32:26 → 00:32:29 แพ้อะไรที่แบบไม่น่าเชื่อว่าจะแพ้มคุณหมอ
00:32:29 → 00:32:33 จริจริงๆการแพ้เนี่ยมันของอาหารเนี่ยเป็น
00:32:33 → 00:32:37 ได้หมดเลยนะอย่างที่บอกว่าบางคนอแพ้เอ่อ
00:32:37 → 00:32:40 อย่างบางคนแพ้ข้าวเจ้านี่ก็ยังมีเลยค่ะ
00:32:40 → 00:32:43 ทานข้าวเจ้าไม่ได้นะต้องไปทานข้าวสาลี
00:32:43 → 00:32:47 อย่างเดียวอะไรอย่างเงี้ยซึ่งแต่ละคนบอก
00:32:47 → 00:32:49 ไม่ได้ว่าจะแพ้อะไรแต่เพียงแต่ว่าเมื่อ
00:32:49 → 00:32:52 กี้รายการที่หมอบอกไปเมื่อกี้คืออันที่
00:32:52 → 00:32:54 เจอบ่อยในคนไทยเพราะว่าถ้าเป็นเด็กๆก็
00:32:54 → 00:32:58 เป็นพวดนมวัวไข่อะไรอย่างเงี้คะถั่ว
00:32:58 → 00:33:00 เหลืองถั่วลิสงหรือว่าถั่วเปลือกแข็งใช่
00:33:00 → 00:33:04 มั้ยฮะก็เป็นอาหารทะเลนะใช่บางคนก็แพ้มี
00:33:05 → 00:33:08 แอลกอฮอล์แพ้แอลกอฮอล์ก็มีถูกมั้ยค่ะค่ะ
00:33:08 → 00:33:12 หรืออนอกจากแพ้อาหารมันก็ยังมีแพ้อย่าง
00:33:12 → 00:33:15 อื่นซึ่งบางทีคนที่แพ้อาหารมดจักควบคู่ไป
00:33:15 → 00:33:18 แพ้อย่างอื่นด้วยเช่นแพ้ยาแพ้เกสรดอกไม้
00:33:18 → 00:33:21 แพ้ฝุ่นอะไรอย่างเงี้ยอืซึ่งบางคนแพ้หลาย
00:33:22 → 00:33:25 อย่างค่ะอันอันเนี้ยถ้าแพ้แพ้อย่างอื่น
00:33:25 → 00:33:28 ด้วยสกินเทสสามารถบอกได้ด้วยมั้ยคะคุณหมอ
00:33:28 → 00:33:32 อ่าสกินเทปบอกได้ค่ะอบอกได้บางทีเราเรา
00:33:32 → 00:33:35 เช่นเราบอกแพ้เก 2 ดอกไม้แล้วก็สามารถที่
00:33:35 → 00:33:39 จะแจ้งหมอได้ว่าเราแพ้พวกเกียเสาดอกไม้
00:33:39 → 00:33:42 อะไรอย่างเงี้ยก็สามารถที่จะตรวจเลือดก็
00:33:42 → 00:33:45 เจอค่ะตรวจเลือดถ้าตรวจเลือดก็ขึ้นค่ะ
00:33:45 → 00:33:50 ออถ้าแพ้ซ้ำซ้อนกันหลายๆอย่างแพ้ดอกไม้
00:33:50 → 00:33:55 แพ้อาหารหรือว่าแพ้เอ่อตัวน้ำมันเ่อจาก
00:33:55 → 00:33:58 เอ่อมะพร้าวหรืออะไรอย่างเงี้ยลักษณะการ
00:33:58 → 00:34:03 แพ้ซับซับซ้อนอย่างเงี้ยทำมันจะทำให้คน
00:34:03 → 00:34:05 นั้นมีอาการรุนแรงกว่าคนที่แพ้อย่างเดียว
00:34:06 → 00:34:10 มั้ยคะคืออาการเสริมกันเนี่ยจะรุนแรงกว่า
00:34:10 → 00:34:13 คเพราะบางทีเช่นสมมติว่าเราเราแพ้อาหาร
00:34:13 → 00:34:16 หลายๆอย่างแล้วบังเอิญในจานนั้นที่เรารับ
00:34:16 → 00:34:19 ประทานไปมีสิ่งที่เราแพ้หลายๆอย่างพร้อมๆ
00:34:19 → 00:34:22 กันแน่นอนว่ามันเกิดการกระตุ้นของอิมมูน
00:34:22 → 00:34:25 ของภูมิเราเนี่ยมากแล้วมันก็ทำให้เกิดการ
00:34:25 → 00:34:28 หลั่งสารแพ้ออกมาจำนวนมากเราก็จะทำให้เรา
00:34:28 → 00:34:31 มีอาการมากคือการที่มีอาการมากหรืออาการ
00:34:31 → 00:34:34 น้อยมันขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกาย
00:34:34 → 00:34:38 เราและการหลั่งสารที่แพ้ที่ไปกระตุ้นเช่น
00:34:38 → 00:34:41 ฮิสตามีนพอหลัออกมาปั๊บมันจะทำให้หลอดลม
00:34:41 → 00:34:43 มีการขยายตัวอุดตาซึ่งจริงๆมันเป็นการ
00:34:44 → 00:34:47 กระบวนการป้องกันของร่างกายแต่มันจะมีผล
00:34:47 → 00:34:52 ต่อเจ้าของร่างกายอือืโอมันก็ฟังดูน่า
00:34:52 → 00:34:54 กังวลเหมือนกันนะคะคุณหมอถ้าหลายๆอย่าง
00:34:54 → 00:34:57 มันอยู่ในจานเดียวกันแล้วแจ็คพอตจานนั้น
00:34:57 → 00:34:58 ค่
00:34:58 → 00:35:03 สินี้มันคือเป็นวัตถุดิบที่อยู่ในจานที่
00:35:03 → 00:35:06 เราถ้าสมมติไปเมืองนอกแล้วไปเจออาหารชนิด
00:35:06 → 00:35:08 นึงที่เราก็มองไม่ออกหรอกว่ามันมีอะไรที่
00:35:08 → 00:35:10 เราแพ้อะไรอย่างเงี้ยแล้วรับประทานไปแล้ว
00:35:10 → 00:35:15 นี่ก็เออพอถ้าถ้าเจอเหตุการณ์นั้นน่ะก็อื
00:35:15 → 00:35:18 จริงๆถ้าเราไปไหนแล้วเรารู้ว่าเราแพ้
00:35:18 → 00:35:23 เนี่ยการพกยาไปติดตัวดีที่สุดแล้วก็บอกคน
00:35:23 → 00:35:26 ข้างเคียงที่อยู่ใกล้ชิดกับเราเนี่ยว่า
00:35:26 → 00:35:29 ถ้ามีเหตุอะไรให้ช่วยเหลือเราแบบไหนนี่
00:35:29 → 00:35:33 คือแนวทางแบบนี้พอใช้ได้ยคะคุณหมอค่ะก็
00:35:33 → 00:35:37 เป็นอีกวิธีหนึ่งนะคะก็นอกจากว่าบอกเจ้า
00:35:37 → 00:35:40 หน้าที่ว่าเราแพ้อาหารชนิดนี้นะในจานที่
00:35:40 → 00:35:43 เราสั่งออเดอร์มาเนี่ยไม่มีส่วนประกอบของ
00:35:43 → 00:35:46 สิ่งเหล่านี้อันที่ 2 ก็คือบอกคนข้าง
00:35:46 → 00:35:49 เคียงว่าเนี่ยเราแพ้อาหารอะไรบ้างแลอัน
00:35:49 → 00:35:52 ที่ 3 ก็คือบอกว่าเนี่ยได้พกยาติดตัวมา
00:35:52 → 00:35:55 บ้างมียาอะไรบ้างเพราะเผื่อฉุกเฉินเรา
00:35:55 → 00:35:58 เป็นอะไรแล้วเราไม่สามารถสื่อสารได้อย่าง
00:35:58 → 00:36:00 น้อยคนที่ไปกับเราก็รู้แล้วว่าเบื้องต้น
00:36:00 → 00:36:03 เจ้าของคนที่แพ้บ่อยๆเนี่ยเค้ามียาติดตัว
00:36:03 → 00:36:10 มาค่ะออออืมครับอย่างอย่างการแพ้แบบเย
00:36:10 → 00:36:13 ครับการแพ้พวกแพ้อย่างที่เราคุยกันในวัน
00:36:13 → 00:36:18 เนี้ยครับเอ่อปลายทางมันไม่มีทางที่จะมัน
00:36:18 → 00:36:21 ไม่มีทางที่จะกลับมาชนะเขาได้เลยใช่มั้ย
00:36:21 → 00:36:25 คุณหมอวันนึงจะหายได้มั้ยหายได้นะคะอย่าง
00:36:25 → 00:36:28 ที่บอกว่าบคนเนี่ยอ๋อหายได้ค่ะหายได้โดย
00:36:28 → 00:36:32 เฉพาะอย่างเช่นพวกเ่อแพ้นมวัวในเด็กเนี่ย
00:36:32 → 00:36:37 ค่ะพอโตเนี่ยหายได้ 70 - 90% การแพ้นม
00:36:37 → 00:36:40 วัวเนี่ยจะสามารถหายได้ในตอนอายุมากขึ้น
00:36:40 → 00:36:44 ค่ะอืเพราะฉะนั้นแต่ก่อนที่เราจะนเรา
00:36:44 → 00:36:46 สามารถที่จะไปเจาะเลือกคอนเฟิร์มได้อย่าง
00:36:46 → 00:36:49 ที่บอกว่าเออตกลงนมวัวเราแพ้เนี่ยเราหาย
00:36:49 → 00:36:52 แล้วยังอะไรอย่างเงี้ยค่ะเราคือปัจจุบัน
00:36:52 → 00:36:54 ราคาการเจาะเลือดพวกนี้ก็ไม่ได้สูงมาก
00:36:54 → 00:36:59 แล้วอะไรอย่างเงี้ยค่ะค่ะออืก็แต่ว่าก็
00:36:59 → 00:37:02 ไม่ใช่หมายความว่าไม่ใช่หมายความว่าพอไม่
00:37:02 → 00:37:06 แพ้แล้วจะจะจะไม่ระมัดระวังตัวใชฮเพราะ
00:37:06 → 00:37:10 เราอาจจะอาจจะแพ้ในอย่างอื่นอย่างใดก็ได้
00:37:10 → 00:37:13 เพมอืได้ใช่ค่ะระหว่างทางของชีวิตเนี่ย
00:37:13 → 00:37:15 ตัวหนึ่งเราหายเราอาจจะได้ตัวใหม่ที่เรา
00:37:15 → 00:37:18 แพ้ก็ได้อะไรอย่างเงี้ยค่ะเพราะฉะนั้นทุก
00:37:18 → 00:37:22 ครั้งที่ทางอาหารก็อถ้ามีประวัติเคยแพ้
00:37:22 → 00:37:24 แล้วเนี่ยโอกาสที่จะแพ้ตัวอื่นก็มีมาก
00:37:24 → 00:37:30 กว่าคนทั่วไปค่ะอือคครับครับแสดงเอ่ออีก
00:37:30 → 00:37:35 อีกสักนิดนึงครับมันมันเป็นเป็นเป็นคำผม
00:37:35 → 00:37:38 ว่ามันมีประโยคนึงที่เขาบอกว่าพออายุ
00:37:38 → 00:37:42 เพิ่มขึ้นการเหมือนร่างกายเราในการที่เคย
00:37:42 → 00:37:46 เคยเอ่ออายุเยอะขึ้นภูมิลดลงเหรอโอ๊ค
00:37:46 → 00:37:49 ประมาณนั้นใช่ๆจริงมั้ยฮะมันมันจริงอายุ
00:37:49 → 00:37:52 มากขึ้นภูมิต่างๆของร่างกายเราก็จะลดลง
00:37:53 → 00:37:55 บวกกับว่าเวลาอายุมากขึ้นการเจ็บป่วยต่าง
00:37:55 → 00:37:59 ๆก็มีมากขึ้นค่ะก็คือพออายุมากขึ้นเรื่อง
00:37:59 → 00:38:02 ของความเครียดซึ่งพวกนี้ก็จริงๆความ
00:38:02 → 00:38:06 เครียดก็มีผลต่อการเกิดการแพ้ด้วยนะคะอ
00:38:06 → 00:38:09 ครับค่ะมันก็จะเป็นปัจจัยเสริมว่าเอ๊ะ
00:38:09 → 00:38:12 ทำไมอายุมากขึ้นแล้วถึงเป็นภูมิแพ้ได้
00:38:12 → 00:38:16 ทำไมแพ้อาหารได้จะตอนตอนอายุน้อยๆไม่เป็น
00:38:16 → 00:38:18 แล้วทำไมมาเป็นอายุเยเนี่ยเป็นเพราะว่า
00:38:18 → 00:38:22 เนี่ยปัจจัยพวกเนี้คือภูมิร่างกายเราลดลง
00:38:22 → 00:38:25 ความเครียดเรามากขึ้นการเจ็บป่วยโรคต่างๆ
00:38:25 → 00:38:28 เรามีมากขึ้นสิ่งเหล่านี้มันจะกระตุ้นให้
00:38:28 → 00:38:35 เกิดการแพ้ได้ง่ายขึ้นอืครับอืก็เพราะ
00:38:35 → 00:38:39 ฉะนั้นเองก็พอถึงถึงถึงวัยเราก็จะต้อง
00:38:39 → 00:38:42 หมั่นสังเกตตัวเองเพิ่มมากขึ้นแล้วก็อะไร
00:38:42 → 00:38:46 ที่เอ่อเกิดผลกระทบต่อร่างกายของเราแบบ
00:38:46 → 00:38:49 นี้เราก็ควรจะหลีกเลี่ยงไปซะใช่มั้ยฮะคุณ
00:38:49 → 00:38:51 หมอมันมันบางทีมันไม่ต้องไปฝืนธรรมชาติ
00:38:51 → 00:38:54 ร่างกายของเราเริ่มเริ่มเริ่มส่งสัญญา
00:38:54 → 00:38:58 แล้วเราก็อย่าไปฝืนเผ่าเยอะอย่าไปอีกเคย
00:38:58 → 00:39:01 ปากเคยชินใช่มั้ยคุณหมอมันก็ต้องปรับตาม
00:39:01 → 00:39:05 สภาพค่ะโดยเฉพาะคนที่มีประวัติครอบครัว
00:39:05 → 00:39:08 เรื่องของแพ้อย่างเงี้ยค่ะครอบครัวสายตรง
00:39:09 → 00:39:11 ใกล้ชิดอย่างเงี้ยที่มีประวัติแพ้อาหาร
00:39:11 → 00:39:13 เยอะๆอะไรอย่างเงี้ยอันเนี้ยเราต้องระวัง
00:39:13 → 00:39:19 เลยค่ะอืครับผมมีคุณผู้ฟังถามมาคุณหมอพอ
00:39:19 → 00:39:23 คร่าวๆราวๆได้มั้ยคะว่าค่าตรวจเ่อเรื่อง
00:39:23 → 00:39:26 ของอาการแพ้เนี่ยประมาณเท่าไหร่เพราะว่า
00:39:26 → 00:39:30 เคแชร์มาว่าเอ๊ะเค้าเนี่ยแพ้อาหารทะเล
00:39:30 → 00:39:34 หนักมีแพ้มังคุดสับปะรดรังสาดนมวัวผงชูรส
00:39:34 → 00:39:37 โอโหคือ Amazing มากเพราะว่าเราไม่เคยคิด
00:39:38 → 00:39:40 ว่าจะมีคนแพ้ผลไม้ด้วยเหรออะไรอย่างเงี้ย
00:39:40 → 00:39:43 มังคุเออเพิ่งเคยได้ยินเหมือนกันนะมังคุ
00:39:43 → 00:39:47 จริงๆอ่ะบางทีเนี่ยมันอาจจะเป็นส่วนผสม
00:39:47 → 00:39:51 หรือส่วนประกอบค่ะอเช่นบางคนเช่นบางคนบอก
00:39:51 → 00:39:55 ว่าแพ้ปลากรอบสมมนะแพ้ปลากรอบแต่ปลา
00:39:55 → 00:39:58 ธรรมดาไม่แพ้แปลว่าอะไรแปลว่าว่าส่วนผสม
00:39:58 → 00:40:03 ของปลากรอบที่ใช้ทำปลากรอบอืครับอนึกออก
00:40:03 → 00:40:07 มั้ยเค้าอาจจะไม่ได้แพ้ปลาเือน้ำตาลผมปุง
00:40:07 → 00:40:10 เครื่องปุงรสแพงผมปรุงรสหรืออะไรอย่าง
00:40:10 → 00:40:13 เงี้ยบางทีบางทีสิ่งที่เราเห็นว่าเอ๊ะเรา
00:40:13 → 00:40:16 แพ้ปลาแต่พอเราไปกินปลาบางชนิดหรือกระบวน
00:40:16 → 00:40:18 การที่เปลี่ยนไปเรากลับไม่แพ้อะไรอย่าง
00:40:19 → 00:40:22 เงี้ยค่ะอันนี้อันนี้สามารถไปเทยนะส่วน
00:40:22 → 00:40:25 เรื่องของราคาเนี่ยคือหมอก็ไม่แน่ใจแต่ละ
00:40:25 → 00:40:29 ที่นะคะเนาะราคาเท่าไหร่แต่ว่าสามารถตรวจ
00:40:29 → 00:40:31 ได้เป็นปัจจุบันเยมีการตรวจได้เป็นร้อยๆ
00:40:32 → 00:40:35 ชนิดเลยค่ะอือแต่ถ้าแพ้อย่างงี้เยอะๆหมอ
00:40:35 → 00:40:37 แนะนำว่าไปตรวจนะคะเหตุผลเพราะว่าไม่นั้น
00:40:37 → 00:40:41 การดำรงชีวิตประจำวันเนี่ยจะลำบากมากอ
00:40:41 → 00:40:44 ครับค่ะเพราะว่าคือเราไม่รู้ว่าเราแพ้
00:40:45 → 00:40:48 อะไรที่เป็นแฝงอยู่บ้างอะไรเงี้ยออใช่ค่ะ
00:40:48 → 00:40:51 คุณผู้ฟังก็เสริมมาอีกอแพ้ละมุดด้วยค่ะ
00:40:51 → 00:40:54 โอ้โหเออแนะนำให้ไปตรวจนะคะที่ขวัญลอง
00:40:54 → 00:40:57 เสิร์ชเอ่อราคาคร่าวๆจาก Google ก็ได้นะ
00:40:57 → 00:41:01 คะเผื่อที่จะเป็นแนวทางในการตัดสินใจว่า
00:41:01 → 00:41:05 เอ่อจะไปไปตรวจแบบไหนที่ไหนอย่างไรค่ะ
00:41:05 → 00:41:08 เพราะว่าเท่าที่เสิร์ชดูก็มีหลายราคา
00:41:08 → 00:41:12 เพราะว่าในแต่ละราคาเนี่ยเอ่อถ้า 20 ชนิด
00:41:12 → 00:41:14 ก็จะเป็นราคา 3,000 อะไรอย่างเงี้ยแต่ว่า
00:41:14 → 00:41:18 ถ้ามากประมาณ 40 ชนิดทั้งอาหารแล้วก็สิ่ง
00:41:18 → 00:41:20 แวดล้อมสิ่งแวดล้อมในที่นี้น่าก็น่าจะ
00:41:20 → 00:41:22 เป็นแบบเกสรดอกไม้หรืออย่างอื่นน่ะนะคะก็
00:41:22 → 00:41:25 จะอยู่ช่วงประมาณ 5, ดอกไม้ไรฝุ่นอะไร
00:41:25 → 00:41:29 อย่างเงี้ยค่ะน้ำหอมก็มีมันแพ้ค่ะอืก็จะ
00:41:29 → 00:41:31 อยู่ช่วงประมาณ 5,000 บาทอันเนี้ยก็อาจจะ
00:41:31 → 00:41:34 แค่สถานพยาบาลนึงแต่ว่าอันอันเนี้ยลองไป
00:41:34 → 00:41:37 เสิร์ชใน Google ดูได้นะคะ
00:41:37 → 00:41:41 ครับค่ะแต่ว่าเค้าก็บอกว่าอ่าถ้าเค้าแพ้
00:41:41 → 00:41:43 เค้าก็ไม่รับประทานแต่ว่าเอ่อบางบางบาง
00:41:43 → 00:41:46 บางอย่างถ้าเราไม่ทราบในถ้าเค้าปรุงมา
00:41:46 → 00:41:49 แล้วอะไรเงี้ยก็อาจจะต้องถามละเอียดนิด
00:41:49 → 00:41:52 นึงถ้าแพ้หลายๆอย่างค่ะ
00:41:52 → 00:41:55 อืก็อย่างนี้ต้องระวังระวังค่อนข้างเยอะ
00:41:56 → 00:41:59 นะฮะอาจจะต้องใช่อย่าจะบอกว่าต้องสอบถาม
00:41:59 → 00:42:02 ให้แน่ชัดเลยว่าคือถ้าไม่แน่ใจนะคะก็
00:42:02 → 00:42:06 เลี่ยงไว้ก่อนก็เป็นการป้องกันที่ดีที่
00:42:06 → 00:42:09 สุดค่ะครับค่ะอันนี้คุณผู้ฟังส่งข้อความ
00:42:09 → 00:42:12 มาแล้วก็บอกอันนี้เป็นเป็นเป็นน่าจะแบบ
00:42:12 → 00:42:15 เออมันเป็นความเคยชินในคำพูดนะเอ่อคุณผู้
00:42:15 → 00:42:18 ฟังบอกว่าผมกินกุ้งเผาครับแล้วเพเพื่อนผม
00:42:18 → 00:42:21 บอกว่าแล้วเพื่อนบอกว่าผมเนี่ยแหละโหน่า
00:42:21 → 00:42:24 จะแพ้อาหารทะเลแน่นอนคุณผู้ฟังก็เลยยิ้ม
00:42:24 → 00:42:29 แบบในใจกุงกุ้งเป็นกุ้งเผาโน้ำจืดก็มีไม่
00:42:29 → 00:42:32 ได้แพอารทะเลก็มันเป็นความเคยชินนะกุ้ง
00:42:32 → 00:42:34 เราจะคิดว่าเออกุ้งมันต้องอยู่เป็นกุ้ง
00:42:34 → 00:42:37 ทะเลอย่างเดียวก็เป็นเป็นเรื่องขำขันดี
00:42:37 → 00:42:40 ครับขอบพระคุณุคุณผู้ฟังที่ส่งข้อความมา
00:42:40 → 00:42:46 แล้วก็เออเป็นมุกดีนะครับค่ะก็สุดท้ายค่ะ
00:42:46 → 00:42:49 คุณหมอคะอยากให้คุณหมอฝากถึงคุณผู้ฟังว่า
00:42:49 → 00:42:53 ถ้ามีอาการแพ้อาหารควรดูแลตัวเองอย่างไร
00:42:53 → 00:42:57 ควรใส่ใจตัวเองอย่างไรบ้างคะค่ะก็คือถ้า
00:42:57 → 00:43:01 เรารู้ว่าเราแพ้อาหารชนิดใดนะคะอันที่ 1
00:43:01 → 00:43:06 เวลาเราไปที่ไหนเราต้องถามเค้าว่ามีส่วน
00:43:06 → 00:43:11 ผสมสิ่งที่เราแพ้มแล้วก็เน้นย้ำกับทาง
00:43:11 → 00:43:16 ร้านค้าว่าเราแพ้อาหารชนิดนี้เวลาแพ้แล้ว
00:43:16 → 00:43:19 มีอาการประมาณไหนเพื่อให้เเกิดความ
00:43:19 → 00:43:22 ตระหนักเพราะไม่นั้นถ้าเราไม่ได้บอกอะไร
00:43:22 → 00:43:25 เลยเาอาจจะคิดว่าเราแพ้เล็กน้อยแต่จริงๆ
00:43:25 → 00:43:28 เราอาจจะแพ้ชนิดรแรงก็ได้เพราะฉะนั้นต้อง
00:43:28 → 00:43:31 สร้างให้เขาเกิดความตระหนักและวิตกนะฮะ
00:43:31 → 00:43:35 เพื่อที่จะบอกความจริงกับเราอันนี้สำหรับ
00:43:35 → 00:43:38 ทานล้างเ้าเนาะกับสำหรับส่วนตัวก็คือว่า
00:43:38 → 00:43:42 ถ้าเราแพ้เราควรมีวิธีการป้องกันนึก็คือ
00:43:42 → 00:43:45 อย่างที่บอกีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้น 2 ถ้า
00:43:45 → 00:43:48 เลี่ยงไม่ได้ถ้าเรามีประวัติแพ้เราอาจจะ
00:43:48 → 00:43:51 ต้องพบยาแก้แพ้ติดตัวซึ่งยาแก้แพ้ก็ขึ้น
00:43:51 → 00:43:56 อยู่กับว่าเราเคยแพ้แล้วรุนแรงแค่ไหนถ้า
00:43:56 → 00:43:59 เป็นใช้แล้วผื่นขึ้นเท่านั้นแล้วก็พวกยา
00:43:59 → 00:44:03 พวกแอนตี้ฮิสตามีนก็ไปเลือกว่าเป็นชนิด
00:44:03 → 00:44:06 ที่กินแล้วง่วงนอนหรือไม่ง่วนนอนแล้วแต่
00:44:06 → 00:44:09 แล้วแต่ภาระกิจของเราที่เราจะทำต่อเช่น
00:44:09 → 00:44:12 ถ้าต้องไปขับรถเราต้องไปกินชนิดที่ไม่
00:44:12 → 00:44:16 ง่วนนอนแต่ถ้าเกิดอยู่ที่บ้านทานแล้วนอน
00:44:16 → 00:44:19 ก็เป็นชนิดที่ง่วงนอนได้นะคะกับอีกอัน
00:44:19 → 00:44:22 หนึ่งคือถ้าเราเป็นประวัติแพ้ที่รุนแรเรา
00:44:22 → 00:44:27 อาจจะต้องมียาฉีดซึ่งต้องได้รับการสอจาก
00:44:27 → 00:44:31 แพทย์ว่าวิธีการใช้ใช้แบบไหนนะคะอันนี้ก็
00:44:31 → 00:44:34 เป็นเบื้องต้นในการให้ข้อมูลสำหรับคนที่
00:44:34 → 00:44:37 แพ้มีปล่อยแพ้ชัดเจนอยู่ค่ะอืค่ะแต่
00:44:37 → 00:44:40 สำหรับคนที่ไม่แน่ใจอย่างที่บอกว่าเราก็
00:44:40 → 00:44:43 สามารถไปทำทดสอบผิวหนังหรือไปเจาะเลือดนะ
00:44:43 → 00:44:48 คะว่าตกลงแล้วแพ้หรือไม่แพ้ค่ะค่ะเพื่อจะ
00:44:48 → 00:44:52 ได้วางแผนการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา
00:44:52 → 00:44:57 ให้เหมาะสมและปลอดภัยค่ะอืค่ะก็ถือว่า
00:44:57 → 00:45:00 เป็นแนวทางในการดูแลตัวเองสำหรับคนที่แพ้
00:45:00 → 00:45:03 อาหารเพราะว่าถ้าหากว่าแพ้อาหารรุนแรง
00:45:03 → 00:45:06 เนี่ยอันตรายถึงขั้นชีวิตได้เลยนะคะ
00:45:06 → 00:45:10 สำหรับวันนี้ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะค่ะยิ
00:45:10 → 00:45:14 ดีค่ะค่ะสวัสดีคขอบคุณครับสวัสดีครับค่ะ
00:45:14 → 00:45:19 ค่ะสวัสดีค่ะค่ะแพทย์หญิงสุมิตราปิยนัต
00:45:19 → 00:45:21 บูลนะคะรองผู้อำนวยการด้านการแพทย์โรง
00:45:21 → 00:45:24 พยาบาลราชวิถีกรมการแพทย์ซึ่งเป็นแพทย์
00:45:24 → 00:45:26 ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉินและอายุ
00:45:27 → 00:45:30 แพทย์โรคหัวใจค่ะ