00:00:00 → 00:00:04 ผมเห็นพี่ทำเป็นมิวสิควดีโอร้องเพลงแรป
00:00:04 → 00:00:07 ด้วยครับอันนี้ที่มามาได้ยังไงสวัสดีครับ
00:00:07 → 00:00:12 แต่บอกวันนี้ผมมาดีชวนคุณพี่มานั่งดูสติ
00:00:12 → 00:00:16 ความดีสร้างได้ทันทีพุทธสรไว้ให้เรา
00:00:16 → 00:00:20 อานาปานสติคือวิชาที่แสนดีครับสังคมมัน
00:00:20 → 00:00:22 เต็มไปด้วยดราม่าหมดคทentมันไม่ได้ทำให้
00:00:22 → 00:00:25 ชีวิตเราดีขึ้นมันเป็นคเทนชาวบ้านอินกับ
00:00:25 → 00:00:29 เขาทุกวันจนกว่าของเรื่องของเขาจะจบแล้ว
00:00:29 → 00:00:32 มันหมดเวลาชีวิตเราไปเยอะครับหมดโฟกัสเรา
00:00:32 → 00:00:35 ไปเยอะครับเราก็จะซุบซิบนินทากันพอมียุค
00:00:35 → 00:00:37 โทรศัพท์เราก็บอกว่าฉันไม่ซุบซิบเรื่องคน
00:00:37 → 00:00:39 อื่นไม่นินทาเรื่องคนอื่นจะเปล่าหรอก
00:00:39 → 00:00:41 เรื่องคนอื่นเต็มมือถือเลยกินไม่ใช่แค่
00:00:41 → 00:00:44 กินทางปากกินทางตากินทางหูกินทางความคิด
00:00:44 → 00:00:47 กินมากสมองมันก็เรียนรู้สิ่งนั้นมากอย่า
00:00:47 → 00:00:51 รีบค้อยตามอย่ารีบอินอย่ารีบด่าอย่ารีบ
00:00:51 → 00:00:54 ว่าดูให้จบเรื่องของคนอื่นก็ปล่อยให้เป็น
00:00:54 → 00:00:56 เรื่องคนอื่นบ้างคุณดูแต่ทีวีคุณก็จะเห็น
00:00:56 → 00:01:00 สิ่งที่อยากให้คุณดูที่ดูแล้วคนติดมากอือ
00:01:00 → 00:01:04 มันก็เป็นูปอ่ะนะเราก็จะกลับมาที่ว่าอบรม
00:01:04 → 00:01:07 ความคิดอบรมจิตใจเราให้คุ้นชินและชอบสิผม
00:01:07 → 00:01:10 ชอบคำที่พี่บอกว่าถ้าอยากดูดูเพื่อเรียน
00:01:10 → 00:01:12 รู้เราจะได้ไม่เป็นแต่ไม่ใช่ไปดูเพื่อมี
00:01:12 → 00:01:15 ส่วนร่วมมีสติที่จะดึงตัวเองกลับมาให้ได้
00:01:15 → 00:01:17 ว่าเอ้ยมันเยอะแล้วจะเริ่มในเด็กยังไง
00:01:17 → 00:01:20 โอเคมันเป็นเรื่องอะไรที่แบบจะให้เด็กเ้า
00:01:20 → 00:01:24 สอนดูหายใจเด็กช่วงนี้สมาธิสั้นเด็กช่วง
00:01:24 → 00:01:28 นี้ไม่มีเอ่อสมาธิอยู่กับการเรียนอยู่กับ
00:01:28 → 00:01:30 อะไรครูบอกให้มีสติหน่อยกับการเรียนสติ
00:01:30 → 00:01:32 แปลว่าอะไรครูไม่เคยสอนมีสมาธิหน่อยกับ
00:01:32 → 00:01:35 การเรียนแปลว่าอะไรครูไม่เคยสอนสอนเให้
00:01:35 → 00:01:38 เข้าใจว่ามันแปลว่าอะไรแล้วก็ค่อยๆทำทุก
00:01:38 → 00:01:42 วันช่วยคุณพ่อคุณแม่กวาดบ้านก็ฝึกได้ล้าง
00:01:42 → 00:01:44 จานก็ฝึกได้สำคัญคือต้องเอาให้ความคิดเรา
00:01:44 → 00:01:47 อยู่กับสิ่งที่เราทำแค่นี้เองพี่คิดว่า
00:01:47 → 00:01:51 การศึกษาที่เราเห็นอยู่ในโรงเรียนเนี่ย
00:01:51 → 00:01:55 มันสอนให้เด็กคิดดีเพียงพอแล้วหรือยัง
00:01:55 → 00:01:57 Right and right education มันต้อง
00:01:57 → 00:01:58 balance ให้ดีอ่ะ
00:01:58 → 00:02:01 อย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไปมันก็ไม่ดีคุณ
00:02:01 → 00:02:03 เรียนเก่งแต่คุณเป็นคนที่มีความคิดที่ไม่
00:02:03 → 00:02:06 ดีมันก็อาจจะไม่ดีต่อสังคมอาจเป็นผมเรียก
00:02:06 → 00:02:09 ตัวเองว่าอนุบาลธรรมะมีความสุขได้ทั้งทาง
00:02:09 → 00:02:12 โลกมีความสุขได้ทั้งทางธรรมอยากจะเน้นให้
00:02:12 → 00:02:16 คนเห็นว่าเอาเบสิคให้ดีคุณทำเบสิคให้ได้
00:02:16 → 00:02:17 ผมจะเน้นแค่เรื่องของเบสิคเรื่องของการ
00:02:17 → 00:02:20 ฝึกสติเพราะสติเปรียบเสมือนรากฐานที่
00:02:20 → 00:02:23 สำคัญผู้สูงอายุเนี่ยถึงแม้อายุเขาจะเยอะ
00:02:24 → 00:02:28 ครับเค้ามีสติมั้ยอืตาก็มองไม่ค่อยเห็นหู
00:02:28 → 00:02:31 ก็ไม่ค่อยได้ยินนานก็ไม่ได้นั่งนานก็ไม่
00:02:31 → 00:02:33 ได้ไปฝึกให้เหมือนคนหนุ่มคนสาวบางทีมันก็
00:02:33 → 00:02:36 ยากแต่ในขณะเดียวกันผู้สูงอายุก็จะได้
00:02:36 → 00:02:39 เปรียบอย่างนึงเห็นชีวิตมาเยอะปล่อยวาง
00:02:39 → 00:02:43 ได้ง่ายทำใจได้ง่ายการระลึกตัวการฉุกคิด
00:02:43 → 00:02:45 ว่าอันนี้จริงอันนี้ใช่เป็นสิ่งที่สำคัญ
00:02:45 → 00:02:49 มากสติระลึกรู้สมาธิความตั้งใจเรามีสติ
00:02:49 → 00:02:52 ต่อกันต่อเนื่องกันก็จะเป็นสมาธิละยืน
00:02:52 → 00:02:55 เดินนั่งนอนทำได้ทุกที่การทำงานของสมอง
00:02:55 → 00:02:58 มันก็ใช้การคุ้นชินเป็นหลักฝึกมีสติเราก็
00:02:58 → 00:03:03 จะกลายเป็นคนมีสติ 2 ปรากฏการณ์ก็คือการ
00:03:03 → 00:03:07 คิดมาก over thinking การหยุดคิดไม่ได้
00:03:07 → 00:03:09 ครับ Negative thinking คือคิดไปในเชิง
00:03:09 → 00:03:13 ลบนะ over thinking over information
00:03:13 → 00:03:15 มันมาคู่กันเลยทุกคนก็จะตัดทุกอย่างให้
00:03:15 → 00:03:18 สั้นลงนะพูดเร็วๆพูดสั้นๆไม่ยังไม่ได้ใจ
00:03:18 → 00:03:21 ความยังไม่เข้าใจก็ต้องเปลี่ยนเรื่อง
00:03:21 → 00:03:23 เปลี่ยนเรื่องก็จะเอาเทคโนโลยีเข้ามา
00:03:23 → 00:03:27 เปรียบเทียบกับคำสอนของพุทธแล้วก็อยากจะ
00:03:27 → 00:03:30 เชิญชวนให้คนรุ่นใหม่ลองมาฟังแล้วก็ลองมา
00:03:30 → 00:03:33 ทำความเข้าใจเด็กๆคุณก็ทำได้ผมร้องเพลง
00:03:33 → 00:03:36 แรปเหมือนคุณได้คุณก็ลองมาฝึกสติปฏิบัติ
00:03:36 → 00:03:39 ธรรมทำความเข้าใจแบบผมคุณก็ต้องทำได้ผม
00:03:39 → 00:03:54 อายุ 48 จะ 50 แล้วถ้าผมทำได้คนอื่นก็ทำ
00:03:54 → 00:03:57 ได้วันนี้ผมได้รับเกียรติจากแขกรับเชิญ
00:03:57 → 00:04:02 ท่านนึงที่ผมรู้สึกว่าเค้ารณรงค์เรื่อง
00:04:02 → 00:04:05 ที่เบสิคที่สุดแต่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
00:04:05 → 00:04:09 ที่สุดและอาจจะเป็นเรื่องที่ถูกมองข้าม
00:04:09 → 00:04:13 นั่นคือทรัพย์สินที่จะหายากขึ้นเรื่อยๆใน
00:04:13 → 00:04:17 ยุคปัจจุบันหลายคนคงคิดว่าทองคงเป็น
00:04:17 → 00:04:20 ทรัพย์สินที่เราจะหาได้ยากขึ้นเรื่อยๆแต่
00:04:21 → 00:04:23 หารู้ไม่มันมีทรัพย์สินเหนือกว่าทองนั่น
00:04:23 → 00:04:24 คือ
00:04:24 → 00:04:28 สติพี่พี่คนนี้พยายามรณรงค์เรื่องสติโดย
00:04:28 → 00:04:32 ใช้หลักการบ้านหลักการง่ายๆและเอาไปใช้
00:04:32 → 00:04:36 ได้กับคนทุกรุ่นทุกวัยและทุกสมัยนะครับ
00:04:36 → 00:04:39 ตัวเองเนี่ยถึงแม้จะเป็นผู้ที่ขอใช้คำว่า
00:04:39 → 00:04:43 ประสบความสำเร็จแล้วระดับนึงจริงๆเกษียณ
00:04:43 → 00:04:48 แล้วไปใช้ชีวิตแบบคนรวยใช้ก็ได้แต่แกหัน
00:04:48 → 00:04:54 มาเอาเงินเอาทองมาปลุกกระแสสติโดยใช้หลัก
00:04:54 → 00:04:58 เทคโนโลยีโดยใช้หลักมิวสิคเพลงเพื่อหวัง
00:04:59 → 00:05:04 ว่าประเทศไทยเรานะฮะจะหันมาให้ความสำคัญ
00:05:04 → 00:05:07 กับเรื่องนี้ที่หลายๆคนแม้กระทั่งหน่วย
00:05:07 → 00:05:14 งานมองข้ามมันไปนั่นคือสตินะครับตลอดเวลา
00:05:14 → 00:05:19 ของสนทนานี้ผมพยายามตั้งคำถามให้กับผู้
00:05:19 → 00:05:24 สูงอายุและวัยรุ่นผู้ปกครองระบบการศึกษา
00:05:24 → 00:05:27 ว่าทำยังไงที่เราจะดึงสติกลับมาใช้ใน
00:05:27 → 00:05:29 ชีวิตประจำ
00:05:29 → 00:05:30 วัน
00:05:31 → 00:05:36 เพื่อต่อต้านหรือลดปัญหาการเสพสื่อการเสพ
00:05:36 → 00:05:40 ดราม่าที่มากเกินและทำให้เกิดปรากฏการณ์
00:05:40 → 00:05:44 การคิดเยอะการระแวงการกลัวการหยุดคิดไม่
00:05:45 → 00:05:48 ได้ปรากฏการณ์นี้เราเจอมากขึ้นเรื่อยๆใน
00:05:48 → 00:05:52 วงการแพทย์นะครับซึ่งล้วนแล้วมาจากการที่
00:05:52 → 00:05:56 เค้ามีข้อมูลเยอะเค้าเเสพเยอะและเขาขาด
00:05:56 → 00:06:00 สติไม่ต้องไปไหนไกลเลยครับปรากฏการณ์
00:06:00 → 00:06:03 โควิดเราเห็นแล้วใช่มั้ยครับปรากฏการณ์
00:06:03 → 00:06:07 แผ่นดินไหวล่าสุดปรากฏการณ์ดาราเสียชีวิต
00:06:07 → 00:06:11 เราเห็นคลื่นของสติที่หลุดเราเห็นคลื่น
00:06:11 → 00:06:14 ของการเสพข่าวที่เยอะเกิดความจำเป็นขอ
00:06:14 → 00:06:18 อนุญาตแนะนำสวัสดีครับผมกฤษนะกำธรนะครับ
00:06:18 → 00:06:20 เห็นถึงความสำคัญที่อยากจะให้ทุกคนได้มี
00:06:20 → 00:06:24 สติเล็กๆน้อยๆได้มีการฝึกสตินะครับการมี
00:06:24 → 00:06:28 สติก็เหมือนกับเป็นการเอ่อปลูกรากฐานที่
00:06:28 → 00:06:31 มั่นคงผมก็เลยอยากที่จะมารณรงค์นะครับก็
00:06:31 → 00:06:35 มี Facebook มี TikTok ของผมเองที่เน้นใน
00:06:35 → 00:06:38 เรื่องของการฝึกสตินะครับก็จะใช้วิธีการ
00:06:38 → 00:06:41 ง่ายๆตามรูปแบบของทางพุทธศาสนานะครับก็
00:06:41 → 00:06:45 การเช่นอานาปานสติหรือการฝึกสติด้วยการมี
00:06:45 → 00:06:48 ลมหายใจพยายามทำโครงการนี้เพื่อที่จะให้
00:06:48 → 00:06:52 เอ่อการรู้การเข้าถึงสติเนี่ยมีมากขึ้น
00:06:52 → 00:06:55 ตั้งแต่เด็กและผู้ใหญ่นะครับก็ฝากไว้ด้วย
00:06:55 → 00:06:59 ครับพี่เค้าเนี่ยเป็นนักปราชญ์ที่โต
00:06:59 → 00:07:04 มาจากสายธุรกิจและมีความเชื่อมโยงกับการ
00:07:04 → 00:07:09 ใช้เทคโนโลยีหรือ AI เข้ามาพี่กิชนะ
00:07:09 → 00:07:13 ครับรู้มาว่าลูกพี่ก็โตและบางคนเรียน
00:07:13 → 00:07:16 เมืองนอกใช่มั้ยครับบางคนก็ตอนนี้จะจบ
00:07:16 → 00:07:21 มหาลัยพี่เองก็ผมสืบมาว่าพี่เองก็ถึงจุด
00:07:21 → 00:07:24 อิ่มตัวละเลยผันตัวอยากจะมาเดิน
00:07:25 → 00:07:29 สายเดินสายธรรมะครับเล่าเบื้องหลังนิดนึง
00:07:29 → 00:07:31 ได้มั้ยครับครับ
00:07:31 → 00:07:35 ก็จริงๆแล้วตั้งแต่เด็กเนาะก็คือว่า
00:07:35 → 00:07:39 ครอบครัวผมก็คุณแม่ก็พาไปวัดบ่อยอะไรบ่อย
00:07:39 → 00:07:42 ไปไหว้พระอะไรต่างๆเนี่ยนะเราก็อยู่ในสาย
00:07:42 → 00:07:46 ตรงนี้ก็อาจจะมีหลงทางบ้างไปเข้าหมอดู
00:07:46 → 00:07:48 เข้าทรงหรืออะไรเงี้ยตามภาษาสมัยก่อนก็
00:07:49 → 00:07:53 ไม่ค่อยรู้จักกันมันก็โตมาเรื่อยๆเราก็
00:07:53 → 00:07:57 เป็นเด็กที่เกเลพอสมควรแล้วก็มีอยู่วัน
00:07:57 → 00:08:01 นึงก็ตัดสินใจว่าอยากลองทำอะไรให้คุณแม่
00:08:01 → 00:08:05 ก็คือว่าจากที่เป็นเด็กที่เกเลกินเหล้า
00:08:05 → 00:08:08 เมายาอะไรอย่างงี้นะวัยรุ่นกรุงเทพฯก็ตัด
00:08:08 → 00:08:12 สินใจว่าลองดูซิจะไปวัดป่าไปปฏิบัติธรรม
00:08:12 → 00:08:15 สักครั้งนึงลองดูว่าจะทำยังไงตอนนั้นอายุ
00:08:15 → 00:08:19 เท่าไหร่ผมว่าน่าจะประมาณ 26 27 อะไร
00:08:19 → 00:08:22 เงี้ยพี่พี่กฤษนะเป็นคนไทยเลยเหมือนผมอ่ะ
00:08:22 → 00:08:24 ผมก็เกิดไทยพี่พี่ก็เกิดใช่ผมก็คุณคุณพ่อ
00:08:24 → 00:08:27 ผมเป็นคนอินเดียอพยพมาอยู่ไทยเพราะคุณพ่อ
00:08:27 → 00:08:30 เกิดไทยปู่อพยพอนะครับคุณแม่ก็คนไทยอนะ
00:08:30 → 00:08:32 ครับก็คือคนไทยแท้นั่นแหละจะว่าอย่างงั้น
00:08:32 → 00:08:35 ก็ได้นะครับก็เลยบอกคุณแม่ว่าเดี๋ยวจะปี
00:08:35 → 00:08:39 นี้ไปปฏิบัติธรรมนะแล้วก็ให้เป็นของขวัญ
00:08:39 → 00:08:41 วันแม่แล้วกันก็คือช่วงนั้นก็จะเป็น
00:08:41 → 00:08:44 ลักษณะว่าอุทิศส่วนบุญกุศลหรือทำบุญถวาย
00:08:44 → 00:08:48 ให้ผู้อุ่อบุพการีให้คุณพ่อคุณแม่ผมก็เลย
00:08:48 → 00:08:51 ตัดสินใจทำอย่างงั้นเอ่อถ้าผู้ปฏิบัติ
00:08:51 → 00:08:54 ธรรมก็จะรู้จักจากวัดสายหลวงปูชาเนาะก็
00:08:54 → 00:08:57 ได้เข้าใจว่าการฝึกสติฝึกสมาธิมันเป็น
00:08:57 → 00:09:02 เรื่องของการอบรมจิตใจอืมันไม่ใช่ไปนั่ง
00:09:02 → 00:09:05 เพื่อเห็นเทวดาเพื่อให้ได้อิทธิฤทธิ์
00:09:05 → 00:09:07 ปาฏิหาริย์หรืออะไรแต่มันเป็นการศึกษาตัว
00:09:07 → 00:09:11 เองเป็นการมีวินัยตัวเองอะไรต่างๆก็เลยทำ
00:09:11 → 00:09:13 ตรงนี้มาตลอดประมาณ 20 กว่า
00:09:14 → 00:09:18 ปีมาจนถึงตอนเนี้ยเราอยากจะแบ่งปันความ
00:09:18 → 00:09:20 รู้ที่เรามีเราจบทางด้านคอมพิวเตอร์
00:09:20 → 00:09:22 Science มาเขียนโปรแกรม
00:09:22 → 00:09:26 ระบบหลายต่อหลายระบบทำธุรกิจมาหลากหลายจะ
00:09:26 → 00:09:29 ทำยังไงที่จะเชื่อมโยงคำสอนของพุทธให้
00:09:29 → 00:09:32 เห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องโบราณมันเป็น
00:09:32 → 00:09:36 เรื่องที่ eless ทุกยุคทุกสมัยใช้ได้ก็จะ
00:09:36 → 00:09:39 เอาเทคโนโลยีเข้ามาเปรียบเทียบกับคำสอน
00:09:39 → 00:09:42 ของพุทธแล้วก็อยากจะเชิญชวนให้คนรุ่นใหม่
00:09:42 → 00:09:45 ลองมาฟังแล้วก็ลองมาทำความเข้าใจอันนี้
00:09:45 → 00:09:49 คือ background สั้นๆนะฮผมเห็นพี่ทำเป็น
00:09:49 → 00:09:52 มิวสิควดีโอร้องเพลงแรปด้วยครับอันนี้ที่
00:09:52 → 00:09:57 มามาได้ยังไงโอเคก็คือถ้าวัตถุประสงค์เลย
00:09:57 → 00:10:01 ก็คืออยากจะทำยังไงก็ได้ให้เด็กหรือคน
00:10:01 → 00:10:02 รุ่นใหม่
00:10:02 → 00:10:06 เนี่ยสัมผัสถึงเข้าถึงหรือเราอยากจะเข้า
00:10:06 → 00:10:11 ถึงเด็กๆอืนะครับการสอนธรรมะการเอ่อที่มี
00:10:11 → 00:10:12 อยู่แล้วทุกวันนี้มันเป็นสิ่งที่ดีอยู่
00:10:12 → 00:10:14 แล้วแต่เพียงแต่ว่าสังคมนะมันเปลี่ยนไป
00:10:14 → 00:10:18 เทคโนโลยีมากขึ้นเด็กเข้าถึงเอ่อข่าวสาร
00:10:18 → 00:10:20 มากขึ้นอะไรเค้าก็เริ่มหลงทางมากขึ้นเรา
00:10:20 → 00:10:23 ก็เห็นอยู่ก็ไม่ได้ว่าอะไรจะทำยังไงที่จะ
00:10:23 → 00:10:26 เอาธรรมะเชื่อมโยงไปตรงนั้นไม่ใช่บอกว่า
00:10:26 → 00:10:29 เอาคำสอนธรรมะมาร้องเป็นเพลงแต่จะร้อง
00:10:29 → 00:10:32 เป็นเพลงแบบตามยุคสมัยที่คนรุ่นใหม่ฟัง
00:10:32 → 00:10:35 ได้แล้วเราจะสอดแทรกธรรมะเข้าไปก็เลยเป็น
00:10:35 → 00:10:39 ที่มาว่าอยากลองทำเพลงหรือทำอะไรสักอย่าง
00:10:39 → 00:10:44 นึงคือเอ่อถ้าจะทำกิจกรรมวาดรูปหรือเอ่อ
00:10:44 → 00:10:47 ออกกำลังกายหรืออะไรก็ได้แต่มันก็แต่ละคน
00:10:47 → 00:10:50 ก็อาจจะชอบวาดรูปเหมือนกันบางคนไม่ชอบบาง
00:10:50 → 00:10:52 คนชอบเล่นกีฬาฟุตบอลบางคนชอบเล่นมันเข้า
00:10:52 → 00:10:55 ไม่ถึงทุกคนแต่มิวสิคมันเข้าถึงทุกคนคน
00:10:55 → 00:10:57 ส่วนใหญ่ก็เลยว่าเออเอามิวสิคเนี่ยเอา
00:10:57 → 00:11:00 เพลงนี่แหละเป็นเอ่อสื่อที่เราจะเข้าถึง
00:11:00 → 00:11:04 คนรุ่นใหม่แล้วก็แนะนำให้เค้าว่าให้เค้า
00:11:04 → 00:11:08 เปิดใจให้เค้าลองรับฟังดูอืแล้วก็สื่อถึง
00:11:08 → 00:11:12 แล้วก็ลองดูซิว่ามันจะพอที่จะชักจูงเค้า
00:11:12 → 00:11:15 ให้มารับฟังได้มั้ยไม่ใช่ว่าล้างสมองนะ
00:11:15 → 00:11:18 ไม่ใช่ว่ายัดเยียดแต่นำเสนอสิ่งใหม่สิ่ง
00:11:18 → 00:11:21 ที่แปลกให้คุณลองมาฟังดูแล้วก็คุณลองมาดู
00:11:21 → 00:11:24 ซิว่าเออเฮ้ยก็แหวกแนวดีนะเอ่อธรรมะการ
00:11:24 → 00:11:27 เอ่อสอนในรูปแบบใหม่อ่าก็จะเข้าถึงเด็กๆ
00:11:27 → 00:11:31 ก็เลยเป็นที่มาของเพลงแรปก็เขียนขึ้นมาก็
00:11:31 → 00:11:34 แปลกๆก็นึกอยากจะเขียนก็เขียนขึ้นมาแหละ
00:11:34 → 00:11:36 แล้วก็ใช้เวลาสักชั่วโมงนะผมก็ไม่ใช่เป็น
00:11:36 → 00:11:38 นักดนตรีไม่ใช่เป็นนักเขียนเพลงอะไรนะผม
00:11:38 → 00:11:41 ก็สักชั่วโมงชั่วโมงนึงผมก็เขียนๆๆๆแล้ว
00:11:41 → 00:11:43 ก็เรียกที่บ้านทุกคนมาดูทุกคนก็ตกใจนึก
00:11:43 → 00:11:46 ว่าขโมยขึ้นบ้านเปล่าเอาร้องเพลงรับให้
00:11:46 → 00:11:48 ฟังตอนนั้นประมาณ 3:00 น.ร้องเองร้องเอง
00:11:48 → 00:11:50 ร้องเองก็คือร้องแบบมั่วๆเงี้ยเค้าก็โอเค
00:11:50 → 00:11:54 ไปนอนได้แล้วเราก็เลยลองศึกษาดู
00:11:54 → 00:11:57 ว่ามีใครมีผู้เชี่ยวชาญหรือใครที่พอจะแนะ
00:11:57 → 00:12:00 นำทำดนตรีทำอะไรให้เราก็ไปศึกษาดูอีก
00:12:00 → 00:12:03 อย่างนึงที่อยากจะทำตรงนี้ให้ดูว่าผมอายุ
00:12:03 → 00:12:08 48 จะ 50 แล้วถ้าผมทำได้คนอื่นก็ทำได้อื
00:12:08 → 00:12:10 เด็กๆคุณก็ทำได้ผมร้องเพลงแรปเหมือนคุณ
00:12:10 → 00:12:13 ได้คุณก็ลองมาฝึกสติปฏิบัติธรรมทำความ
00:12:13 → 00:12:16 เข้าใจแบบผมคุณก็ต้องทำได้แล้วก็เป็นตัว
00:12:16 → 00:12:19 อย่างให้เด็กเด็กเห็นด้วยว่าพี่บางสำหรับ
00:12:19 → 00:12:23 บางคนเป็นพ่อเป็นลุงนะเค้าก็ยังกล้าออกมา
00:12:23 → 00:12:25 ออกมาจาก comfort zone ของเขาอืกล้าแสดง
00:12:25 → 00:12:29 ออกกล้าไปเต้นแรปคนก็สงสัยนะอายุ are you
00:12:29 → 00:12:31 sure คุณแน่ใจเหรอคุณจะร้องเพลงแรปคุณ 48
00:12:31 → 00:12:34 แล้วนะมันไม่ใช่ของไม่เป็นไรดนตรีมันเป็น
00:12:34 → 00:12:37 สำหรับทุกคนอยู่ะทุกอายุทุกวัยเข้าได้ก็
00:12:37 → 00:12:40 เลยเป็นที่มาว่าโอเคไม่เอาเราจะให้เค้าดู
00:12:40 → 00:12:43 ว่าโดยเฉพาะเด็กไทยอยากจะให้เขามีความ
00:12:43 → 00:12:46 กล้าหาญกล้าแสดงออกให้มีก้าวที่ 1 ก้าว
00:12:46 → 00:12:49 ที่ 2 แล้วก็มันก็จะเป็นโอกาสที่ดีที่เขา
00:12:49 → 00:12:52 จะเติบโตพร้อมๆไปกับความกล้าแล้วก็สิ่ง
00:12:52 → 00:12:55 ใหม่ก็เลยเลือกที่จะทำตรงนี้ผมเชื่อว่า
00:12:55 → 00:12:58 หลายคนก็คงมีคำถามเหมือนผม
00:12:58 → 00:13:02 ว่าวัยของพี่เนี่ยคือที่ประสบทุกอย่าง
00:13:02 → 00:13:05 ประสบความสำเร็จมาหมดแล้วคือแทบจะจริงๆ
00:13:05 → 00:13:08 แทบจะรีไทireไปตีกอล์ฟไปเที่ยวไปเดินแล้ว
00:13:08 → 00:13:13 พี่มาเดินทำอย่างนี้เพื่ออะไรเป็นจุดที่
00:13:13 → 00:13:15 ที่กระตุ้นให้พี่คิดว่าเอ้ยมันเป็นโปรเจค
00:13:15 → 00:13:19 ที่พี่ที่อยากจะทำครับเอ่ออย่างแรกเลยโดย
00:13:19 → 00:13:22 ตัวผมเองเนาะผมเห็นว่าการเข้าสู่การ
00:13:22 → 00:13:25 ปฏิบัติธรรมเอ่อไม่ได้บอกว่าไปบวชไม่ได้
00:13:25 → 00:13:28 บอกว่าละทิ้งทุกอย่างทางโลกเอ่อพุทธผู้
00:13:28 → 00:13:31 รู้ท่านสอนไว้เองว่ามีความสุขได้ทั้งทาง
00:13:31 → 00:13:34 โลกมีความสุขได้ทั้งทางธรรมตราบใดที่คุณ
00:13:34 → 00:13:38 ยังเรียนรู้เอ่อมีสติเข้าใจตัวตนที่ถูก
00:13:38 → 00:13:41 ต้องพัฒนาได้ทั้ง 2 อย่างผมก็เห็นกับตัว
00:13:41 → 00:13:44 เองว่ามันทำได้จริงผมก็มีความสุขในการ
00:13:44 → 00:13:47 พัฒนาจิตใจผมด้วยแล้วผมก็มีความสุขในการ
00:13:47 → 00:13:52 ใช้ชีวิตไปเที่ยวไปเอ่อเดินทางร้องเพลง
00:13:52 → 00:13:55 ฟังเพลงดูหนังหรือกิจกรรมอื่นๆออกกำลัง
00:13:55 → 00:13:58 กายเล่นฟุตบอลอะไรอย่างเงี้ยมันก็ควบคู่
00:13:58 → 00:14:01 กันไปได้และระหว่างที่เรามีความสุขตรงนี้
00:14:01 → 00:14:05 เราก็มีสติแล้วก็รู้ด้วยว่าการทำงานของ
00:14:05 → 00:14:09 จิตการทำงานของใจเรามันทำงานยังไงอืใช่
00:14:09 → 00:14:12 มั้ยเราเห็นตัวเราพัฒนาดีขึ้นเอ่อสิ่งแวด
00:14:12 → 00:14:15 ล้อมก็ดีขึ้นเราดีครอบครัวเราก็
00:14:15 → 00:14:17 เราใจเย็นครอบครัวเรามันก็ใจเย็นตาม
00:14:18 → 00:14:21 เพื่อนๆที่ทำงานอะไรต่างๆก็เป็นแmมอสฟร
00:14:21 → 00:14:24 หรือเป็นบรรยากาศที่ดีถ้าเรายังมีความ
00:14:24 → 00:14:25 สามารถอยู่แล้วเราเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่
00:14:25 → 00:14:28 ดีคุณจะรับหรือคุณไม่รับอีกเรื่องนึงเรา
00:14:28 → 00:14:31 ก็ไม่อยากเห็นแก่ตัวที่ว่าเก็บไว้คนเดียว
00:14:31 → 00:14:34 แล้วก็รีไทireไปใช้ปล่อยชีวิตไปเรื่อยๆ
00:14:34 → 00:14:37 อะไรที่เราให้เพื่อสังคมได้เราก็อยากจะ
00:14:37 → 00:14:42 ให้อืก็เลยตัดสินใจว่าอ่ะทำตรงนี้ก็ค่อยๆ
00:14:42 → 00:14:45 เริ่มทำโปรเจคของพี่ก็คือเรื่องสติเน้น
00:14:45 → 00:14:49 เรื่องสติก็คือให้ก็คือเป็นเ่อผมเรียกตัว
00:14:49 → 00:14:51 เองว่าอนุบาลธรรมะอมีความสุขได้ทั้งทาง
00:14:51 → 00:14:54 โลกมีความสุขได้ทั้งทางธรรมนะครับในโลก
00:14:54 → 00:14:57 ของธรรมะก็มีสอนเยอะนะมีเอ่อพระไตรปิฎกมี
00:14:57 → 00:15:01 อะไรต่างๆก็เป็นสิ่งที่ดีแต่ก็อยากจะเน้น
00:15:01 → 00:15:04 ให้คนเห็นว่าเอาเบสิคให้ดีคุณทำเบสิคให้
00:15:04 → 00:15:06 ได้ผมจะเน้นแค่เรื่องของเบสิคเรื่องของ
00:15:06 → 00:15:09 การฝึกสติเพราะสติเปรียบเสมือนรากฐานที่
00:15:09 → 00:15:12 สำคัญนะครับเหมือนเสาเข็มเลยที่สำคัญเสา
00:15:12 → 00:15:15 เข็มคุณลึกเสาเข็มคุณเยอะคุณจะสร้างบ้าน
00:15:15 → 00:15:18 ได้ใหญ่คุณจะสร้างอาคารได้ใหญ่ก็เลยผม
00:15:18 → 00:15:22 อยากจะเน้นให้เข้าใจว่าสติคืออะไรการมี
00:15:22 → 00:15:26 สติมันมีประโยชน์ยังไงก็จะเป็นที่มาที่ไป
00:15:26 → 00:15:27 ของโปรเจคของผมที่จะเน้นเรื่องสติเป็น
00:15:27 → 00:15:31 ส่วนใหญ่เหมือนเสื้อตอนนี้ก็ใส่เสื้อสติ
00:15:31 → 00:15:33 สติคืออะไรครับถ้าภาษาอังกฤษก็ Awareness
00:15:33 → 00:15:36 เนาะก็คือการระลึกได้ถ้าแปลผิดท้ายการ
00:15:36 → 00:15:40 ระลึกได้การรู้ตัวนะครับเวลามีอะไรมา
00:15:40 → 00:15:45 กระทบถ้าคนทั่วไปอ่ะอ่าสิ่งที่เอ่อไม่น่า
00:15:45 → 00:15:50 พอใจมากระทบเราก็จะ 1 อาจจะโกรธเราอาจจะ
00:15:50 → 00:15:54 ตอบสนองทันทีอาจจะไม่พอใจอาจจะโมโหเราก็
00:15:54 → 00:15:56 คล้อยตามอารมณ์ไปเราก็ปล่อยให้ความโกรธ
00:15:57 → 00:16:01 มันทำงานไปถึงที่สุดอย่างเช่นเราดูทีวีนะ
00:16:01 → 00:16:04 ไม่ใช่ลูกหลานเราแต่เราเห็นเด็กน่าสงสาร
00:16:04 → 00:16:07 โดนทำร้ายเยอะเลยทุกวันนี้เราโกรธมากเรา
00:16:07 → 00:16:11 โมโหมากอยากจะฆ่าคนนั้นแทนเลยเราก็จะบอก
00:16:11 → 00:16:13 ตัวเองว่าอย่าให้เจอนะคนเนี้ยถ้าเจอนะเรา
00:16:13 → 00:16:16 จะฆ่าเราจะทุบเค้าเราจะตีเค้าจะทำร้าย
00:16:16 → 00:16:19 เค้าอันนี้คือเราปล่อยให้ความคิดความโมโห
00:16:19 → 00:16:24 จิตใจมันทำงานไปตามเอ่อที่มันทำงานที่มัน
00:16:24 → 00:16:27 ออกแบบมาเนร่างกายจิตใจไอ้จิตใจมันก็ออก
00:16:27 → 00:16:30 แบบมามันก็ทำงานไปตามมันพอสักพักนึงเราก็
00:16:30 → 00:16:31 จะคิด
00:16:31 → 00:16:35 ได้เอ้อช่างมันสงสารแต่เราโกรธไปแล้ว
00:16:35 → 00:16:38 ประมาณ 10 นาทีบางคนเป็นวันแต่ถ้าเรามี
00:16:38 → 00:16:42 สติเราเห็นเราเราก็จะรู้ตัวถ้าเราฝึกฝึก
00:16:42 → 00:16:45 เนาเริ่มจากฝึกทีละนิดทีละหน่อยเราก็จะ
00:16:45 → 00:16:47 รู้ตัวว่าไอ้ความโกรธที่เราจะไปโกรธมัน
00:16:47 → 00:16:48 ไม่สร้างประโยชน์
00:16:48 → 00:16:51 แล้วเราก็จะอันนี้คือสติเบื้องต้นคือ
00:16:51 → 00:16:56 ระลึกได้ทันทีว่าสิ่งไม่ดีมากระทบเรา
00:16:56 → 00:16:59 กำลังจะคิดไปเรื่อยเปื่อยกำลังจะปล่อยให้
00:16:59 → 00:17:03 จิตใจทำงานไปเรื่อยเปื่อยแบบที่เอ่อถ้า
00:17:03 → 00:17:06 ทางเอ่อวิทยาศาสตร์เเรียกสัญชาตญาณอืหรือ
00:17:06 → 00:17:08 instinct ให้มันทำงานเพราะมันคุ้นชิน
00:17:08 → 00:17:13 อยู่กับการปกป้องการ defensive อือมันก็
00:17:13 → 00:17:16 จะเรื่องของการโมโหเพื่อเป็นลักษณะของการ
00:17:16 → 00:17:19 ตอบโต้อ่ะอันนี้เราก็จะมาเทรนตัวเราใหม่
00:17:19 → 00:17:22 เทรนความคิดเราใหม่ให้รู้จักระลึกให้รู้
00:17:22 → 00:17:24 จักมีสติเพราะคุณโมโหไปไม่เกิดประโยชน์
00:17:24 → 00:17:27 มันแก้อะไรไม่ได้แล้วเรากลับจะต้องมีสติ
00:17:27 → 00:17:31 เออเราก็ต้องเตือนลูกหลานเราเนาะจะไปไหน
00:17:31 → 00:17:34 มาไหนก็ต้องระวังตัวแต่งตัวก็ต้องให้
00:17:34 → 00:17:36 ระวังตัวดึกดื่นก็ยังไม่เดินทางเห็นคน
00:17:36 → 00:17:39 แปลกหน้าก็อย่าคุยเพราะเรามีสติเราก็จะ
00:17:39 → 00:17:42 แก้ปัญหาได้ถูกกว่าที่เราจะไปเอ่อปล่อย
00:17:42 → 00:17:46 ให้ความคิดมันคล้อยไปตามที่มันถูกออกแบบ
00:17:46 → 00:17:49 มาหรือที่มันคุ้นชินอันนี้คือสเต็ปแรกใน
00:17:49 → 00:17:54 การฝึกสติก็คือรู้ทันรู้ทันความสัญชาตญาณ
00:17:54 → 00:17:56 หรือความรู้สึกจะว่าอย่างงั้นคือรู้ทัน
00:17:56 → 00:17:59 ความคิดอ่ะอ่ารู้ทันจิตใจของตัวเองรู้ทัน
00:18:00 → 00:18:03 ไมของตัวเองว่ามันกำลังจะทำอะไรครับครับ
00:18:03 → 00:18:06 นี่คือสเต็ปที่ 1 สเต็ปที่ 1 เบสิคอ่ะขอ
00:18:06 → 00:18:11 ก่อนที่จะไปสเต็ปที่ 2 ปัจจุบันสังคมครับ
00:18:11 → 00:18:14 เอาวัยรุ่นก่อนแล้วก็ผู้สูงอายุผมขอข้าม
00:18:14 → 00:18:18 ไปที่ผู้สูงอายุก่อน
00:18:18 → 00:18:22 พี่กฤษนะรู้สึกว่าผู้สูงอายุเนี่ยถึงแม้
00:18:22 → 00:18:27 อายุเขาจะเยอะครับเค้ามีสติมั้ยครับเอ่อ
00:18:27 → 00:18:30 จริงๆตรงนี้มันมีหลายปัจจัยเนาะอือๆไม้
00:18:30 → 00:18:33 อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยากอันนี้ก็เป็นเป็น
00:18:33 → 00:18:36 เรื่องนึงละอือก็ไม่ได้ว่าผู้สูงอายุครับ
00:18:36 → 00:18:41 แต่ความเคยชินที่ผู้สูงอายุมีมาตลอด 30
00:18:41 → 00:18:45 ปี 50 ปี 60 ปี 70 ปีจะไปเปลี่ยนความคิด
00:18:45 → 00:18:48 ก็ยากนิดนึงอืนะครับแต่ก็ไม่ได้หมายความ
00:18:48 → 00:18:51 ว่าเปลี่ยนไม่ได้ปรับปรุงแก้ไขไม่ได้ค่อย
00:18:51 → 00:18:54 ๆฝึกได้นะครับก็วิธีการค่อยๆฝึกก็มีหลาย
00:18:54 → 00:18:57 แบบเนาะการฝึกสติเดี๋ยวเราค่อยมาคุยกัน
00:18:57 → 00:18:58 เดี๋ยวถ้าตอบเลยมันจะ
00:18:58 → 00:19:03 ยาวเอาให้ให้ดูก่อนว่าค่อยๆฝึกได้ค่อยๆ
00:19:03 → 00:19:05 เปลี่ยนแปลงปรับปรุงแก้ไขตัวเองเวลาก็ยัง
00:19:05 → 00:19:08 มีอยู่ไม่ใช่หมายความว่ามันสายเกินไปแล้ว
00:19:08 → 00:19:12 โอเคแต่ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าผู้สูง
00:19:12 → 00:19:16 อายุสรีระกายภาพ biology นะบางทีมันไม่
00:19:16 → 00:19:20 พร้อมละอืตาก็มองไม่ค่อยเห็นหูก็ไม่ค่อย
00:19:20 → 00:19:24 ได้ยินอืยืนนานก็ไม่ได้นั่งนานก็ไม่ได้จะ
00:19:24 → 00:19:27 ไปฝึกให้เหมือนคนหนุ่มคนสาวบางทีมันก็ยาก
00:19:27 → 00:19:29 อืนะครับอันนี้ก็ต้องยอมรับความเป็นจริง
00:19:29 → 00:19:33 ก็ทำเท่าที่ทำได้ออนะครับแต่ในขณะเดียว
00:19:33 → 00:19:36 กันผู้สูงอายุก็จะได้เปรียบอย่างนึงเห็น
00:19:36 → 00:19:41 ชีวิตมาเยอะอือืปล่อยวางได้ง่ายอืทำใจได้
00:19:41 → 00:19:44 ง่ายเอ่ออันนี้ก็จะเป็นข้อดีข้อเสียที่
00:19:44 → 00:19:47 เกิดขึ้นอนะครับแต่ถ้าจะให้ดีเลยสำหรับคน
00:19:47 → 00:19:52 รุ่นใหม่วัยรุ่นคุณมีเวลาไปเตะบอลคุณมี
00:19:52 → 00:19:54 เวลาไปออกกำลังกายคุณมีเวลาทำอย่างอื่น
00:19:54 → 00:19:57 เยอะแยะมากมายสละเวลาตรงนี้นิดนึงอื 1
00:19:57 → 00:20:00 นาที 3 นาที 5 นาทีเอาที่ไหวต่อวันครับ
00:20:00 → 00:20:02 เก็บไว้เรื่อยๆคุณออกกำลังกายทุกวันกล้าม
00:20:02 → 00:20:05 เนื้อคุณก็แข็งแรงไปจนคุณอายุมากอใช่มั้ย
00:20:05 → 00:20:06 มันมีการเทรนนิ่งของกล้ามเนื้อการ
00:20:06 → 00:20:08 เทรนนิ่งของร่างกายกายนี้คุณหมอก็ทราบ
00:20:08 → 00:20:12 อยู่แล้วเหมือนกันคุณเทรน mind คุณไป
00:20:12 → 00:20:15 เรื่อยๆสะสมไว้พอคุณแก่คุณเริ่มเห็น
00:20:15 → 00:20:19 สัจจธรรมชีวิตคนในครอบครัวล้มป่วยล้มหาย
00:20:19 → 00:20:21 ตายจากคุณเริ่มเกิดการยอมรับเริ่มการ
00:20:21 → 00:20:25 ปล่อยวางคุณก็จะมีสมบัติที่คุณเก็บไว้อื
00:20:25 → 00:20:29 ฝึกสติมาวันละ 3 นาทีเป็นเวลาหลายๆปีคุณ
00:20:29 → 00:20:32 ก็จะเอาสมบัติเก่าคุณมาใช้คุณก็จะฝึกสติ
00:20:32 → 00:20:36 ได้มากขึ้นครับคือเหตุผลที่ผมตั้งคำถาม
00:20:36 → 00:20:37 นี้ก่อนด้วยความเคารพรบอย่าเพิ่งเข้าใจ
00:20:38 → 00:20:41 ผิดนะครับผมไม่ได้ต้องการจะว่าผู้สูงอายุ
00:20:41 → 00:20:42 หรือวัยรุ่นนะฮะ
00:20:42 → 00:20:46 คือในบริบทของแพทย์ที่เรารักษานะฮะแม้
00:20:46 → 00:20:49 กระทั่งวัยรุ่นและผู้สูงอายุเนี่ยบ่อย
00:20:49 → 00:20:52 ครั้งพอเรารู้เราใช้คำว่าสติเราจะมักไป
00:20:52 → 00:20:55 มองว่าไอ้เด็กวัยรุ่นเนี่ยแหละเด็กวัยไฟ
00:20:55 → 00:20:58 แรงเนี่ยไม่ค่อยมีสติแต่หารู้ไม่ว่าใน
00:20:58 → 00:21:00 ชีวิตจริงเนี่ยเวลาเรารักษาผู้สูงอายุ
00:21:00 → 00:21:04 เนี่ยเราก็สัมผัสได้ว่าผู้สูงอายุหลายๆ
00:21:04 → 00:21:10 ท่านอาจจะขาดสติในหลายๆเรื่องนะครับซึ่ง
00:21:10 → 00:21:13 บางคนเตือนอาจจะเตือนยากงั้นบางคนพยายาม
00:21:13 → 00:21:17 จะกระตุ้นให้เขาดึงสติกลับมาอาจจะยากงั้น
00:21:17 → 00:21:20 ก็แค่จะแตะให้เรามองแค่นี้นึงว่าจริงๆสติ
00:21:20 → 00:21:23 อย่างที่พี่กฤษนะพูดว่ามันไม่ใช่หลุดได้
00:21:23 → 00:21:25 แค่วัยรุ่นมันหลุดได้ทุกวัยแต่ว่าผู้สูง
00:21:25 → 00:21:28 อายุเนี่ยถ้าเรารู้ทันเราสะสมมานาน
00:21:28 → 00:21:31 ประสบการณ์เราเยอะเราดึงกลับได้เราควบคุม
00:21:31 → 00:21:35 ได้นะครับเดี๋ยวเราจะมาแตะลึกอีกนิดนึง
00:21:35 → 00:21:38 ของผมในเชิงของทางการแพทย์แต่ว่าพี่กฤษนะ
00:21:38 → 00:21:41 จะลงลึกเรื่องสติทำยังไงให้เราฝึกสติถึง
00:21:41 → 00:21:43 จุดนี้ผมเชื่อว่าเราทุกคนคงเห็นภาพแล้ว
00:21:43 → 00:21:46 ว่าพี่กิษณักกำลังจะบอก
00:21:46 → 00:21:49 ว่า currency หรือ
00:21:49 → 00:21:53 ว่าสมบัติในยุคนี้นะในยุคนี้มันไม่ใช่
00:21:53 → 00:21:55 คริปโตมันไม่ใช่ทองมันไม่ใช่ดอลลาร์ไม่
00:21:55 → 00:21:58 ใช่เงินไม่ใช่ทรัพย์สินมันคือสติเพราะมัน
00:21:59 → 00:22:03 จะเป็นอะไรที่เราหายากมากขึ้นเรื่อยๆงั้น
00:22:03 → 00:22:06 ถ้าเราเริ่มฝึกฝึกโดยเฉพาะฝึกตั้งแต่เด็ก
00:22:06 → 00:22:10 นะมันเป็นทรัพย์สมบัติอะไรที่ผมคิดว่าจะ
00:22:10 → 00:22:13 ต่อให้คุณไม่มีทรัพย์สินทางกายนะแต่อัน
00:22:13 → 00:22:15 สติเนี่ยจะเป็นทรัพย์สินที่ทำให้คุณเนี่ย
00:22:16 → 00:22:19 รอดได้ในหลายๆเวทีกลับมาที่พี่กฤษนะครับ
00:22:19 → 00:22:23 นะครับคือเหตุผลที่ผมพยายามเรสประเด็น
00:22:23 → 00:22:25 เนี่ยผมขอตี
00:22:25 → 00:22:31 วงในบริบทของข้อมูลข่าวสารครับอ่าเพราะผม
00:22:31 → 00:22:34 รู้สึกว่าคือสติถ้าเราคุยมันจะกว้างมาก
00:22:34 → 00:22:37 เราตีในเชิงของข้อมูลข่าวสารครับยุค
00:22:37 → 00:22:41 ปัจจุบันเพราะว่าพี่กิจก็ทำด้าน AI รู้
00:22:41 → 00:22:44 เรื่องเทคโนโลยีเยอะใช่มั้ฮะผมก็เลย
00:22:44 → 00:22:47 พยายามให้พี่กิจช่วยว่าคือข้อมูลข่าวสาร
00:22:47 → 00:22:51 มันเยอะมากครับแล้วมันมีทั้งคนที่รู้ไม่
00:22:51 → 00:22:56 รู้ครับรู้จริงหลอกลวงมีหมดเลยครับ
00:22:56 → 00:22:59 ในแล้วบ่อยครั้งอ่ะมันก็คือขยะที่เราป้อน
00:23:00 → 00:23:03 ให้กับสมองครับ input เป็นยังไง output
00:23:03 → 00:23:06 เข้ามาอย่างงั้นเราเอาขยะเข้าไปยังไงเรา
00:23:06 → 00:23:09 ก็เป็นอย่างงั้นมันก็เป็นที่มาของ 2
00:23:09 → 00:23:14 ปรากฏการณ์ก็คือการคิดมาก over thinking
00:23:14 → 00:23:17 การหยุดคิดไม่ได้ครับแล้วก็ kink
00:23:17 → 00:23:20 negative thinking คือคิดไปในเชิงลบ
00:23:20 → 00:23:24 ครับอ่ายกตัวอย่างง่ายสุดเลยฮะเมื่อวาน
00:23:24 → 00:23:27 พี่คิดผมมีคุณแม่ท่านนึง
00:23:27 → 00:23:32 49 ลูกพามาบอกว่าแม่เนี่ยน้ำหนักเครียด
00:23:32 → 00:23:36 ไปหามา 5 หมอละกลัวว่าตัวเองเป็นมะเร็ง
00:23:36 → 00:23:38 ต่อมน้ำเหลืองคำอยู่นั่นแหละคำอยู่นั่น
00:23:38 → 00:23:41 แหละน้ำหนักรถกินไม่ได้
00:23:41 → 00:23:44 เคลียร์ก็ไปตรวจมาหมดแล้วไม่
00:23:44 → 00:23:49 จบคุยกับหมอสักแป๊บนึงผ่านไป 3-4 วันนับ 1
00:23:49 → 00:23:52 ใหม่เมื่อลืมเกิดอะไรขึ้นนั่งๆอยู่รู้สึก
00:23:52 → 00:23:55 อ่อนแรงครึ่งซีกก็วิ่งไปโรงพยาบาลก็ไปทำ
00:23:56 → 00:24:00 CT ไม่พอทำ MRI อีกสุดท้ายก็ได้ยามาอะไร
00:24:00 → 00:24:03 กลับมานับ 1 ใหม่อีกว่าตกลงฉันเป็นจริง
00:24:03 → 00:24:06 เหรอพอย้อนไปย้อนมาก็เรียกลูกมาคุยสุด
00:24:07 → 00:24:09 ท้ายมันเริ่มจากการที่เค้า
00:24:09 → 00:24:15 เนี่ยไปอ่านข่าวอันนึงว่าคนๆนี้มีอาการ
00:24:15 → 00:24:19 น้ำหนักลดเบื่ออาหารต่อมาเจ็บคอแล้วหมอ
00:24:19 → 00:24:22 วินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับน้ำเหลืองในที่
00:24:22 → 00:24:26 สุดเสียชีวิตแล้วเป็นอายุใกล้เคียงกับเ
00:24:26 → 00:24:30 อ่ะพี่กิจะเตือนยังไงครับคือในยุคที่ข้อ
00:24:30 → 00:24:33 มูลข่าวสารเยอะๆเนี่ย
00:24:33 → 00:24:37 ครับอันดับ 1 เลยเนาะก็คือเราก็เห็นข้อ
00:24:37 → 00:24:39 มูลข่าวสารที่เยอะเนี่ยมันก็จะมีทั้งข้อ
00:24:39 → 00:24:43 มูลจริงมีทั้งข้อมูลเท็จที่เป็นสแกมเมอร์
00:24:43 → 00:24:46 หลอกลวงขายของมีหมดพวกนี้ยังอยู่ได้แสดง
00:24:46 → 00:24:49 ว่ายังมีคนเชื่ออยู่อือตราบใดที่ยังมี
00:24:50 → 00:24:54 เฟกสยังมีเฟกเอ่อ diagnosis การวิ
00:24:54 → 00:24:56 วินิจฉัยที่ยังผิดหรือว่าการขายของที่ยัง
00:24:56 → 00:24:59 ผิดนั่นหมายถึงว่าก็ยังมีคนเชื่ออยู่ถ้า
00:24:59 → 00:25:01 ในแง่เทคโนโลยีอันนี้ก็จะออกจากออกจากแนว
00:25:01 → 00:25:03 พุทธศาสนาไปนิดนึงถ้าในแง่
00:25:03 → 00:25:06 เทคโนโลยีก็ต้องเตือนทุกคนเลยไม่ว่าตัวผม
00:25:06 → 00:25:09 เองด้วยสิ่งแรกที่คุณเห็นคุณต้องตั้งคำ
00:25:09 → 00:25:12 ถามก่อนเลยว่ามันจริงหรือเท็จนะครับไม่
00:25:12 → 00:25:17 ใช่ว่าถึงแม้ว่าเราจะเห็นว่าหน้าตาคนนี้
00:25:17 → 00:25:21 เชื่อถือได้เรามั่นใจว่าเค้าของจริงก็
00:25:21 → 00:25:23 ต้องตั้งข้อสันนิษฐานก่อนเลยว่าสิ่งที่
00:25:23 → 00:25:26 เราเห็นบนโซเชียล Media เนี่ยมันจริงหรือ
00:25:26 → 00:25:30 มันเท็จเพราะ AI มันไปไกลมากแล้วนะครับ AI
00:25:30 → 00:25:33 สามารถเอาหน้าใครก็ได้ไปทำอะไรก็ได้ไปพูด
00:25:33 → 00:25:36 อะไรก็ได้อครับอันนี้คือสิ่งที่น่ากลัว
00:25:36 → 00:25:41 มากเพราะฉะนั้นการระลึกตัวการฉุกคิดว่า
00:25:41 → 00:25:46 เอ๊ะอันนี้จริงอันนี้ใช่เป็นสิ่งที่สำคัญ
00:25:46 → 00:25:49 มากนะครับมันก็จะได้มาได้ก็คือมันสุดท้าย
00:25:49 → 00:25:51 มันก็จะกลับมาที่สติอ่ะคุณก็ต้องมีสติ
00:25:51 → 00:25:54 เพราะฉะนั้นคุณเองก็จะต้องค่อยๆฝึกสติใน
00:25:55 → 00:25:58 การมีสติกับทุกๆเรื่องอย่าคิดว่าการฝึก
00:25:58 → 00:26:01 สติหรือการฝึกสมาธิอ่ะก็ต้องทำความเข้าใจ
00:26:01 → 00:26:04 ก่อนสติระลึกรู้สมาธิความตั้งใจใช่มเรามี
00:26:05 → 00:26:08 สติต่อกันต่อเนื่องกันมันก็จะเป็นสมาธิละ
00:26:08 → 00:26:11 คุณมี concentration คุณมีสมาธิใน
00:26:11 → 00:26:14 awareness คุณมีสมาธิในสติอย่างนี้เป็น
00:26:14 → 00:26:17 ต้นก็ต้องฝึกค่อยๆทำแล้วต้องทำได้ตลอด
00:26:17 → 00:26:21 เวลาสติต้องเกิดขึ้นได้ทุกเวลาคุณจะคุณ
00:26:21 → 00:26:24 อย่างเมื่อเอ่อคนไข้เมื่อสักครู่ที่คุณ
00:26:24 → 00:26:26 หมอยกตัวอย่างไม่ใช่แค่ว่าจะ
00:26:26 → 00:26:29 กลัวจะลุกเข้าห้องน้ำก็ต้องมีสติคุณอายุ
00:26:29 → 00:26:33 มากละคุณจะอยู่ลุกแบบเด็กไม่ได้ต้องเริ่ม
00:26:33 → 00:26:34 มีสติ
00:26:34 → 00:26:38 ว่าเอ่อความดันฉันอาจจะเปลี่ยนฉันอาจจะตก
00:26:38 → 00:26:41 ฉันอาจจะตายเพราะสาเหตุอื่นไม่ใช่สิ่งที่
00:26:41 → 00:26:43 ฉันคิดเพราะฉะนั้นสติเนี่ยมันจะต้องอยู่
00:26:43 → 00:26:44 ทุกที่ทุก
00:26:44 → 00:26:48 เวลาและมันเป็นสิ่งที่พุทธะสอนให้คุณมี
00:26:48 → 00:26:54 สติอยู่กับตัวเองเสมอทุกท่าทุกท่วงท่ายืน
00:26:55 → 00:26:58 เดินนั่งนอนทำได้ทุกที่ฝึกสติได้ทุกที่
00:26:58 → 00:27:01 ไม่ใช่คุณจะต้องนั่งขับขัดสมาขัดสมาธิ
00:27:01 → 00:27:04 แล้วก็ฝึกสติมันควรจะฝึกได้ตลอดเวลาถ้า
00:27:04 → 00:27:07 เราฝึกทุกที่ทุกเวลาเราก็จะมีสติตลอด
00:27:07 → 00:27:09 เหมือนกับเราเพราะต้องเข้าใจ
00:27:09 → 00:27:14 ว่าตัวเราสมองเราการทำงานของสมองมันก็ใช้
00:27:14 → 00:27:17 การคุ้นชินเป็นหลักนะคุณหมอก็รู้ตรงนี้
00:27:17 → 00:27:20 ว่าทำอะไรบ่อยๆสมองมันก็จะถูกเทรนให้ทำ
00:27:20 → 00:27:22 แบบนั้นบ่อยๆอือเราฝึกวิ่งเราก็จะเก่ง
00:27:22 → 00:27:25 วิ่งเราฝึกคิดเราก็จะเก่งคิดเราฝึกวาดรูป
00:27:25 → 00:27:28 เราก็จะเก่งวาดรูปเก่งร้องเพลงอะไรต่างๆ
00:27:28 → 00:27:32 เราฝึกมีสติเราก็จะกลายเป็นคนมีสติแล้วก็
00:27:32 → 00:27:34 ทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาเราก็จะมีสติที่
00:27:34 → 00:27:37 จะคิดก่อนว่าอันนี้มันคืออะไรมันจริงหรือ
00:27:37 → 00:27:41 ไม่จริงและก่อนที่จะมาได้สิสำคัญเลยก่อน
00:27:41 → 00:27:45 ที่จะมาถึงข้อสรุปหรือบทสรุปเนี่ยฟังให้
00:27:45 → 00:27:48 จบดูให้จบก่อนอือันนี้สำคัญมากเออในคลิป
00:27:48 → 00:27:51 ผมด้วยหลายๆคลิปอบางทีเปิดมาปุ๊บยังไม่
00:27:51 → 00:27:54 ทันผมเชื่อว่ายังไม่ดูเลยโอ้โหด่าผมใส่ซะ
00:27:54 → 00:27:58 อเต็มที่เลยอือไม่อะไรอย่างงู้นอย่างงี้
00:27:58 → 00:28:01 ซึ่งคำตอบตอบมันอาจจะอยู่อีกนิดนึงคุณฟัง
00:28:01 → 00:28:03 ให้จบก่อนอ่าเพราะฉะนั้นบางทีอย่างกรณี
00:28:04 → 00:28:07 นี้พอเราขาดสติเรารีบดูเราเราตื่นตระหนก
00:28:07 → 00:28:11 ขาดสติกลางทางเราตื่นตระหนกปุ๊บเราก็จะ
00:28:11 → 00:28:14 หลุดละหลุดละแต่ถ้าเราฟังจบเ้าอาจจะมีการ
00:28:14 → 00:28:16 วิเคราะห์ต่อที่ให้เห็นเราว่าอ๋อเราอาจจะ
00:28:16 → 00:28:20 ไม่ได้อยู่ในข่ายนั้นออ่าอันนี้คือ 1 นะ
00:28:20 → 00:28:22 over thinking over information มัน
00:28:22 → 00:28:25 มาคู่กันเลยอือเพราะว่า information มัน
00:28:25 → 00:28:29 มาเยอะเราก็รับเยอะแล้วก็เดี๋ยวนี้ทุกคน
00:28:29 → 00:28:31 ก็จะตัดทุกอย่างให้สั้นลงนะคุณหมอก็จะ
00:28:31 → 00:28:36 เห็นฟีดวิธีการทำงานอือพูดเร็วๆพูดสั้นๆ
00:28:36 → 00:28:39 ไม่ยังไม่ได้ใจความยังไม่เข้าใจก็ต้อง
00:28:39 → 00:28:41 เปลี่ยนเรื่องเปลี่ยนเรื่องมันก็เป็นความ
00:28:41 → 00:28:45 ลำบากให้ผมด้วยนะคนที่ทำคเทนแนวแนวยาวๆ
00:28:45 → 00:28:48 ฝึกสติเนี่ยคนก็ไม่อยากฟังทำสั้นเดี๋ยวก็
00:28:48 → 00:28:50 ไม่ได้ใจความอือไอ้เรื่องเดียวเราก็จะ
00:28:50 → 00:28:53 ต้องมาเบรกเยอะๆคนฟังมันก็จะบอกเอ๊ะมัน
00:28:53 → 00:28:55 คล้ายๆกันมันเหมือนกันมันก็เสียโอกาสแต่
00:28:55 → 00:28:58 ว่าอันนี้มันก็คือพฤติกรรมของโลกมันเป็น
00:28:58 → 00:29:01 อย่างี้มันก็ยากที่จะที่จะchชallengยาก
00:29:01 → 00:29:13 ที่จะท้าทายยากที่จะทำงานไปกับมัน
00:29:13 → 00:29:17 อืกิจพยายามจะพูดอยู่บ่อยๆว่าการฝึกสติ
00:29:17 → 00:29:19 เหมือนการเล่นกล้ามครับครับเหมือนการออก
00:29:19 → 00:29:22 กำลังกายมันต้องฝึกครับเอาที่ผู้สูงอายุ
00:29:23 → 00:29:26 ก่อนนะก็คือแม้กระทั่งการเสพข่าวครับนะ
00:29:26 → 00:29:28 ถ้าเป็นวัยรุ่นก็ก็คือเศษดราม่าครับใช่
00:29:28 → 00:29:30 มั้ครับผมไม่รู้ผู้สูงอายุก็มีนะเดี๋ยว
00:29:30 → 00:29:34 นี้เป็นยุคของดราม่าเยอะๆครับฝึกยังไง
00:29:34 → 00:29:37 ครับครับวิธีการฝึกสติก็มีหลายแบบเนาะผม
00:29:37 → 00:29:41 ก็จะเน้นแนวที่ทางเอ่อพุทธะสอนนะครับก็
00:29:41 → 00:29:43 ต้องเดี๋ยวบอกก่อนเดี๋จะคิดว่าเอ๊ะผม
00:29:43 → 00:29:45 เรียกพุทธะพุทธะไม่ให้เกียรติไม่ใช่พุทธะ
00:29:45 → 00:29:48 ก็คือแปลว่าผู้รู้นะผู้รู้จริงผู้เข้าใจ
00:29:48 → 00:29:52 ก็คือไม่อยากจะเอ่อสำหรับบางท่านก็เดี๋ยว
00:29:52 → 00:29:54 จะหาว่าเอ๊ะไม่ให้เกียรติไม่ใช่ก็คือเรา
00:29:54 → 00:29:57 เหมือนกับเราเป็นมีพ่อแม่เราเห็นเค้าเป็น
00:29:57 → 00:30:00 เพื่อนใกล้ชิดกับเราเราสามารถเปิดคุยได้
00:30:01 → 00:30:05 ทุกเรื่องผมเองก็ในสมัยสมัยนึงก็คือเอ่อ
00:30:05 → 00:30:08 จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับทางด้านศาสนานี่
00:30:08 → 00:30:14 ก็เอ่อยากลำบากนิดนึงเอ่อเพราะว่าเราเอา
00:30:14 → 00:30:17 พุทธะไปไว้ที่สูงห้ามแตะห้ามอะไรเงี้ก็
00:30:17 → 00:30:19 เลยเรียกว่าเปลี่ยนเป็นพุทธะลองให้ใกล้
00:30:19 → 00:30:21 ชิดมากขึ้นก็เลยเรียกท่านว่าพุทธะนะทีนี้
00:30:21 → 00:30:24 กลับมาที่ว่าจะฝึกสติไงท่านก็สอนฝึกหลาย
00:30:24 → 00:30:29 แบบวิธีง่ายๆเลยก็คือการดูลมหายใจอืหายใจ
00:30:29 → 00:30:33 เข้าลมที่ปลายจมูกก็ให้มีสติให้ระลึกรู้
00:30:33 → 00:30:37 ว่าลมกระทบที่ปลายจมูกหายใจออกก็ให้รู้
00:30:37 → 00:30:40 ว่าลมกระทบที่ปลายจมูกเอาทำแค่เนี้ยทำ
00:30:40 → 00:30:43 เรื่อยๆหลงไปคิดเรื่องอื่นธรรมชาติของคน
00:30:43 → 00:30:45 นะธรรมชาติของจิตใจธรรมชาติของความคิด
00:30:45 → 00:30:47 ธรรมชาติของสมองเดี๋มันก็จะไปคิดเรื่อง
00:30:47 → 00:30:49 อื่นคิดเรื่องข้าวคิดเรื่องเพื่อนคิด
00:30:50 → 00:30:53 เรื่องงานคิดเรื่องเที่ยวสารพัดให้รีบรู้
00:30:53 → 00:30:57 ตัวเอ้ยหลงไปคิดเรื่องอื่นะกลับมาดูที่ลม
00:30:57 → 00:31:00 หายใจอันนี้เท่ากับว่าเป็นการเทรนสมองให้
00:31:00 → 00:31:04 รู้ว่าให้อยู่กับที่ slow down ความคิด
00:31:04 → 00:31:06 ให้อยู่กับที่หายใจเข้ารู้หายใจออกรู้หาย
00:31:06 → 00:31:09 ใจเข้ารู้หายใจออกหลงไปคิดกลับมาอยู่กับ
00:31:09 → 00:31:13 ลมหายใจกลับมาอยู่กับลมหายใจอันนี้คือจะ
00:31:13 → 00:31:16 เป็นการเทรนทำได้ทั้งวันตื่นก็ทำได้นอนก็
00:31:16 → 00:31:19 ทำได้ว่างๆนั่งอยู่ก็ทำได้อันนี้ก็จะเป็น
00:31:19 → 00:31:23 วิธีนึงที่ฝึกสติที่จะเทรนให้ความคิดเรา
00:31:23 → 00:31:27 ช้าลงข้อมูลเราเยอะข่าวสารมันเยอะเราต้อง
00:31:27 → 00:31:31 รีบแข่งกับหลายๆอย่างแต่ที่สำคัญคือจะให้
00:31:31 → 00:31:34 ได้รับข้อมูลที่ถูกจะให้ได้รับการวิจัย
00:31:34 → 00:31:37 หรือวินิจฉัยข้อมูลที่ดีเราก็ต้องslลว
00:31:37 → 00:31:39 ความคิดเราอันนี้คือ 1 วิธีที่จะทำก็คือ
00:31:39 → 00:31:44 ลมหายใจสำหรับเ่อถ้าฉันกวาดบ้านล่ะฉัน
00:31:44 → 00:31:47 ต้องดูลมมั้ยก็ได้หรือคุณจะเอาใจไปอยู่
00:31:47 → 00:31:50 กับการกวาดบ้านก็ได้หรือจะเอาใจไปอยู่กับ
00:31:50 → 00:31:52 การล้างจานก็ได้เอาความคิดไปอยู่ตรงไหนก็
00:31:53 → 00:31:55 ได้อยู่กับงานที่เราทำหรืออะไรก็ได้เทรน
00:31:55 → 00:31:59 ให้ใจมันอยู่กับที่อืสำคัญที่สุดเลยคือ
00:31:59 → 00:32:02 เทรนให้จิตใจให้ความคิดให้สมองรู้จักหยุด
00:32:03 → 00:32:06 นิ่งๆอยู่กับที่อันนี้ก็คือจะเป็นก้าวแรก
00:32:06 → 00:32:08 ของการมีสติทำอย่างนี้ทุกวันวันละนิดวัน
00:32:08 → 00:32:11 ละหน่อยเดี๋ก็จะมีสติ
00:32:11 → 00:32:15 ทำไมทำไมสมองมันต้องวิกอยู่ตลอดเวลาโอเค
00:32:15 → 00:32:18 เอ่อเรื่องนี้คุยกันยาวเนพุทธะอธิบายไป
00:32:19 → 00:32:22 พุทธะหมายถึงบุด้านะถ้าแปลเป็นภาษาฝรั่ง
00:32:22 → 00:32:25 บุญซึ่งเราก็เรียกบุด้าบุดตลอดนะคือฝรั่ง
00:32:25 → 00:32:27 ก็เรียกบุดะออินเดียก็บุทะห์เหมือนกัน
00:32:27 → 00:32:29 อย่างี้เป็นต้นเราก็เรียกพุทธะภาษาไทยก็
00:32:29 → 00:32:33 พุทธะคือปาลีสันสกฤตก็เราก็เรียกพุทธะผู้
00:32:33 → 00:32:36 รู้ถ้าท่านจะอธิบายยังไงฮะว่าทำไมมนุษย์
00:32:36 → 00:32:41 มันต้องวิ่งตลอดเวลาคือธรรมชาติของจิตใจ
00:32:41 → 00:32:43 ธรรมชาติของใจมันเป็นอย่างนี้มันก็ไปคิด
00:32:43 → 00:32:45 เรื่องอดีตเดี๋มันก็ไปคิดเรื่องอนาคต
00:32:45 → 00:32:48 เรื่องอะไรมันผมไม่อยากจะพูดว่าพุทธะพูด
00:32:48 → 00:32:52 แต่ผมจะเปรียบเทียบว่ามนุษย์ถูกออกแบบมา
00:32:52 → 00:32:55 อย่างี้คือพุทธะก็บอกว่าก่อนที่จะจะมี
00:32:55 → 00:32:59 พุทธะหรือจะไม่มีพุทธะนะครับโลกนี้จะมี
00:32:59 → 00:33:02 หรือไม่มีสิ่งเหล่านี้มันมีอยู่แล้วอืจะ
00:33:02 → 00:33:05 เหมือนกับว่าก็ท่านเรียกว่าสังสารวัฏนะ
00:33:05 → 00:33:08 ยาวไกลการเวียนว่ายตายเกิดอะไรต่างๆถ้าใน
00:33:08 → 00:33:12 มุมมองของผมเองผมก็เปรียบเทียบว่าก็จะ
00:33:12 → 00:33:14 ตั้งคำถามว่ามนุษย์เกิดมาได้ยังไงเราเกิด
00:33:14 → 00:33:17 มาได้ยังไงโลกมีได้ยังไงทำไมต้องมีมนุษย์
00:33:17 → 00:33:20 ทำไมมนุษย์ต้องมีสมองทำไมสมองมันต้องคิด
00:33:20 → 00:33:23 อะไรอย่างเงี้ยเราก็ย้อนๆคิดไปได้เยอะอื
00:33:23 → 00:33:26 ฝรั่งเขาก็บอกก็ Supernova เนาะ Big
00:33:26 → 00:33:29 Bang ก็ตั้งคำถามว่าแล้วBบิ Bang เกิด
00:33:29 → 00:33:32 จากอะไรทำไมมันต้องระเบิดทำไมมันไม่ละลาย
00:33:32 → 00:33:36 เออแสดงว่ามันมีกลไกการทำงานของมันเหมือน
00:33:36 → 00:33:38 กับถ้าสำหรับผมผมคิดว่าเราอยู่ในระบบ
00:33:38 → 00:33:42 สมมติหรือระบบ simulation นะครับเอ่อใน
00:33:42 → 00:33:44 ศาสนาพุทธเราก็จะได้ยินบ่อยทุกสิ่งทุก
00:33:44 → 00:33:47 อย่างเป็นสิ่งสมมติและสมมติแปลว่าอะไรมัน
00:33:47 → 00:33:50 แปลว่าสมมติขึ้นมาใช่มั้ยมันคือ simulate
00:33:50 → 00:33:52 ขึ้นมาใช่มั้ยมันคือการ simulation ใช่
00:33:52 → 00:33:53 มั้ย
00:33:53 → 00:33:55 ก็ต้องบอกว่าผมไม่ได้ยืนยันคำพูดของพุทธะ
00:33:55 → 00:33:58 เนาะแต่ผมใช้ตรงเนี้ยมาเปรียบเทียบให้
00:33:58 → 00:34:01 เห็นให้เข้าใจว่าแสดงว่าเราก็เป็น part
00:34:01 → 00:34:04 of design ส่วนหนึ่งของการออกแบบระบบ
00:34:04 → 00:34:06 อะไรบางอย่างอื
00:34:06 → 00:34:10 เพราะบางทีผมก็เคยคุยกับหมอนะเราเกิดมา
00:34:10 → 00:34:13 จากการวิวัฒนาการของเซลล์อือยู่ในใต้ทะเล
00:34:13 → 00:34:17 น้ำลึกโรคอะไรต่างๆผมก็ถามหมอแล้วเซลล์
00:34:17 → 00:34:18 มันวิวัฒนาการมันรู้ได้ยังไงมันจะต้อง
00:34:18 → 00:34:21 วิวัฒนาการมันเป็นอะไรครับๆมันต้องมี
00:34:21 → 00:34:24 alorิของมันมีแคมีกลไกของมันมี meanism
00:34:24 → 00:34:27 ของมันให้มันทำงานครับมันก็เลยว่าไม่ใช่
00:34:27 → 00:34:31 เราจะไปหาคำตอบเราไม่มีทางรู้เพราะถ้าเรา
00:34:31 → 00:34:34 อยู่ในระบบสมมติจริงและระบบที่ข้างนอกถ้า
00:34:34 → 00:34:37 ไม่อนุญาตให้เรารู้หาให้ตายก็ไม่มีทางรู้
00:34:37 → 00:34:39 อแล้วเราก็ไม่รู้ว่าเาอนุญาตหรือไม่
00:34:39 → 00:34:41 อนุญาตก็เลยเหมือนกับว่าเราติดอยู่ในระบบ
00:34:42 → 00:34:44 สมมุติอือเราก็เป็นส่วนหนึ่งของดีไซน์
00:34:44 → 00:34:47 ความคิดเราก็เป็นส่วนหนึ่งของดีไซน์มันก็
00:34:47 → 00:34:52 เลยจะต้องคิดๆอ๋อพี่พี่กิกำลังจะบอกว่า
00:34:52 → 00:34:55 ธรรมชาติมันเป็นธรรมชาติมนุษย์ที่เกิดมา
00:34:55 → 00:34:59 ในระบบสมมุติมันถูกธรมชาตดีไซน์มาให้สมอง
00:34:59 → 00:35:03 วิ่งครับซึ่งวิธีเดียวที่จะเบรกมันได้คือ
00:35:03 → 00:35:06 ใช้สติดึงมันกลับมาเหมือนกับเหยียบเบรก
00:35:06 → 00:35:10 มันครับซึ่งเทคนิค 2 เทคนิคก็คือลมหายใจ
00:35:10 → 00:35:13 แล้วก็ใส่ใจกับสิ่งที่ทำใช่ทำอันนี้ง่ายๆ
00:35:13 → 00:35:15 เนาะจริงๆมีอีกเยอะมากมายเลยเราคงไม่ต้อง
00:35:15 → 00:35:18 ลงรายละเอียดครับแต่ว่าลมหายใจเนี่ยเป็น
00:35:18 → 00:35:22 สิ่งที่พุทธะสรรเสริญมากอืให้ทำมากผมก็มา
00:35:22 → 00:35:26 วิเคราะห์ว่าทำไมอืถ้าเราเดินไม่ได้ลมหาย
00:35:26 → 00:35:29 ใจเราก็ยังดูได้อืถ้าเราใช้รูปประคำทำ
00:35:29 → 00:35:32 สมาธิได้มั้ยก็ได้มั้งแต่ถ้าเมื่อยมืออ่ะ
00:35:32 → 00:35:36 ก็ต้องเปลี่ยนรูปคำหายล่ะหรือแขนขาไม่ทำ
00:35:36 → 00:35:39 งานล่ะอืแต่ลมหายใจจะเป็นเพื่อนคุณจน
00:35:39 → 00:35:42 วินาทีสุดท้ายสุดยอดนึกออกมั้ฮะผมก็มา
00:35:42 → 00:35:45 วิเคราะห์เออว่ะลมหายใจนี่แหละอืคุณอยู่
00:35:45 → 00:35:47 ตรงไหนคุณก็ทำได้อืจริงแล้วคุณเหนื่อยไม่
00:35:47 → 00:35:50 ได้หายใจถ้าคุณเหนื่อยหยุดหายใจก็คือคุณ
00:35:50 → 00:35:52 หยุดเออมันเป็นอย่างเดียวที่มันไม่
00:35:52 → 00:35:55 เหนื่อยเออแล้วมันไม่ทอดทิ้งคุณเหมือนหัว
00:35:55 → 00:35:58 ใจจนถึงวาระสุดท้ายเออแล้วมันคุมได้แล้ว
00:35:58 → 00:36:01 มันคุมได้ใช่มั้ยมันทำให้มันช้าลงได้ใช่
00:36:01 → 00:36:05 ครับบางคนถามอ้าแล้วผมไปรู้สึกหัวใจได้
00:36:05 → 00:36:09 มั้ยพได้คุณก็ต้องคำหาไงเออแล้วถ้าคุณ
00:36:09 → 00:36:12 ป่วยอ่ะคุณก็หาไม่เจออีกอือแต่ลมหายใจคุณ
00:36:12 → 00:36:16 มีอืก็เลยก็เลยเน้นตรงเข้าใจว่าพุทธัเน้น
00:36:16 → 00:36:18 ตรงนี้เพราะมันเป็นสิ่งที่ติดตัวคุณไม่
00:36:18 → 00:36:22 ต้องไปขวนขวายไม่ต้องแสวงหาคุณไปนำคุณก็
00:36:22 → 00:36:26 ยังดูลมหวายใจคุณได้อื
00:36:26 → 00:36:31 ครับอันนี้เห็นภาพทีนี้กลับมาที่ยุคที่
00:36:31 → 00:36:34 ข้อมูลข่าวสารมันเยอะครับ
00:36:34 → 00:36:37 อย่างี้พี่กิจบอกว่าให้แนะนำฝึกตั้งสติ
00:36:37 → 00:36:40 แล้วก็ตั้งคำถามว่าสิ่งที่เราเสพอยู่
00:36:40 → 00:36:43 เนี่ย 1 มันถูกต้องมั้ยมันน่าเชื่อถือ
00:36:43 → 00:36:47 มั้ยแล้วก็ 2 เราดูให้จบแล้วหรือยังครับ
00:36:47 → 00:36:51 อ่ะผมเชื่อว่าในยุคสมัยบุดะก็คงมีดราม่า
00:36:51 → 00:36:55 สังคมครับทุกยุคทุกสมัยต้องมีดราม่าสังคม
00:36:55 → 00:36:59 ครับบุด้าเเคยพูดท่านเคยตรัสมั้เใช้คำว่า
00:36:59 → 00:37:03 ตรัสหรือเคยตัเล่าได้พูดก็ได้ขอโทษทีผม
00:37:03 → 00:37:06 อาจจะไม่รู้ท่านเคยท่านเคยแนะนำหรือพูด
00:37:06 → 00:37:10 ประเด็นเรื่องดราม่าสังคมมั้ยก็จริงๆมัน
00:37:10 → 00:37:13 ก็มีมาตลอดเนาะอือก็คือแม้กระทั่งว่าถ้า
00:37:13 → 00:37:16 เราไปดูประวัติหรือว่าเอ่อเรื่องราวต่างๆ
00:37:16 → 00:37:20 ที่เล่ามาดราม่าว่าสังคมไม่ว่าจะเป็น
00:37:20 → 00:37:24 เรื่องเอาอะไรล่ะเรื่องที่ผูกติดกับคน
00:37:24 → 00:37:28 ตลอดก็คือรักความรักเรื่องดราม่าชูสาว
00:37:28 → 00:37:32 เรื่องอะไรต่างๆมันก็มีมาตลอดผลที่ผมเร
00:37:32 → 00:37:34 ประเด็นเรื่องดราม่าผมก็รู้สึก
00:37:34 → 00:37:38 ว่าระยะหลังผมรู้สึกว่าตั้งแต่มีช่วงของ
00:37:38 → 00:37:41 content เยอะๆครับสังคมเต็มไปด้วยดราม่า
00:37:41 → 00:37:44 หมดดราม่าในที่นี้หมายถึง content อืที่
00:37:44 → 00:37:46 มันไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นมันเป็น
00:37:46 → 00:37:50 คทentชาวบ้านเรื่องของเค้าแต่เราไปอินกับ
00:37:50 → 00:37:54 เค้าทั้งวันครับอินกับเค้าทุกวันครับจน
00:37:54 → 00:37:57 กว่าของเรื่องของเขาจะจบเราถึงจะวางครับ
00:37:57 → 00:38:00 แล้วมันหมดเวลาชีวิตเราไปเยอะครับหมด
00:38:00 → 00:38:03 โฟกัสเราไปเยอะครับครับผมครับโอเคก็จริงๆ
00:38:03 → 00:38:06 ตรงนี้ก็เห็นได้ชัดเนาะเอ่อเมื่อก่อน
00:38:06 → 00:38:10 เนี่ยพอยุคก่อนโทรศัพท์แล้วกันอืนะเราก็
00:38:10 → 00:38:13 จะซุบซิบนินทากันใช่มั้เราก็จะบอกอย่าไป
00:38:13 → 00:38:14 ยุ่งเรื่องชาวบ้านอย่าไปซุบซิบนินทา
00:38:15 → 00:38:17 เรื่องชาวบ้านอย่าไปคุยเรื่องคนอื่นพอมี
00:38:17 → 00:38:19 ยุคโทรศัพท์เราก็บอกว่าฉันไม่ซุบซิบ
00:38:19 → 00:38:21 เรื่องคนอื่นไม่นินทาเรื่องคนอื่นแต่
00:38:22 → 00:38:24 เปล่าหรอกเรื่องคนอื่นเต็มมือถือเลยอือ
00:38:24 → 00:38:28 คอมเมนต์บ้างด่าบ้างอะไรบ้างอือไปดู
00:38:28 → 00:38:29 เรื่องราวของเค้าบ้างแล้วเอามาเป็นเรื่อง
00:38:30 → 00:38:32 ส่วนตัวทะเลาะกันเองในคอมเมนต์แตกกันเป็น
00:38:32 → 00:38:37 หลายฝ่ายอือทั้งหมดทั้งปวงก็เพราะเราไม่
00:38:37 → 00:38:41 มีสติอืนะเราขาดสติว่าอัน 1 แล้วมัน
00:38:41 → 00:38:42 เรื่องของ
00:38:42 → 00:38:47 เค้าเราเอาตัวเราไปใส่ใจกับเค้าโดยที่เรา
00:38:47 → 00:38:50 ไปเป็นส่วนหนึ่งหรือเราจะมีสติดูปัญหาของ
00:38:50 → 00:38:54 เค้าแล้วมาสอนตัวเองให้รู้ว่าอย่าให้เกิด
00:38:54 → 00:38:58 ปัญหาแบบเค้าอือันไหนจะดีกว่ากันอืครับนะ
00:38:58 → 00:39:02 ครับเพราะฉะนั้นดราม่ามันคงมีตลอดคนทั้ง
00:39:02 → 00:39:04 โลกนี้จะให้มันมีสติอ่ะมันเป็นไปไม่ได้จะ
00:39:04 → 00:39:07 ให้ทุกคนมาฝึกสติให้ทุกคนละทิ้งสิ่งไม่ดี
00:39:07 → 00:39:10 อย่าไปกินเหล้าอย่าไปสูบบุหรี่อย่าไปเล่น
00:39:10 → 00:39:13 การพนันหรืออย่าไปทำสิ่งที่ไม่ดีอ่ะอย่าง
00:39:13 → 00:39:16 ผมก็ยังซื้อลอตเตอรี่นะเราก็ไม่แน่ฟลุ๊กๆ
00:39:16 → 00:39:18 ใช่มั้ก็นิดหน่อยแต่ไม่ใช่แบบว่าเอาเงิน
00:39:18 → 00:39:20 ไปทิ้งที่คาสิโนอ่ะไม่ใช่อย่างงั้นแต่มัน
00:39:20 → 00:39:23 ก็ยังมีคนที่เค้าก็ยังพอใจในสิ่งเหล่านี้
00:39:23 → 00:39:27 เค้าก็ยังทำในสิ่งเหล่านี้อยู่เหมือนกัน
00:39:27 → 00:39:31 เอ่อจะให้ทุกคนมาฝึกสติมันก็ยากเราก็สอน
00:39:31 → 00:39:34 เท่าที่สอนได้ให้คนมีสติเท่าที่มีได้แต่
00:39:34 → 00:39:38 ก็สำคัญก็คืออยากจะให้เห็นว่าถ้าเราปล่อย
00:39:38 → 00:39:42 ตัวเราปล่อยใจเราให้ไปคล้อยตามเรื่องของ
00:39:42 → 00:39:46 คนอื่นไปอินกับเรื่องคนอื่น 1 ละเวลาเสีย
00:39:46 → 00:39:51 ไปอย่างที่คุณหมอบอกแน่นอน 2 เราอบรมใจ
00:39:51 → 00:39:55 เราสอนจิตใจเราให้สนุกและให้เสพและให้
00:39:55 → 00:39:57 ต้องการสิ่งเหล่านั้นมันก็เป็นเหมือนสิ่ง
00:39:57 → 00:40:00 เสพติดอย่างหนึ่งอืเราฝึกสติเพื่อที่จะ
00:40:00 → 00:40:05 เทรนให้จิตใจเราช้าลงเราปล่อยให้ใจเรา
00:40:05 → 00:40:08 เอ่อคล้อยตามเราก็เทรนจิตใจเราให้รับสิ่ง
00:40:08 → 00:40:11 เหล่านั้นมากขึ้นอืนี่คือการทำงานของใจ
00:40:11 → 00:40:14 หรือสมองก็ว่าได้คุณเสกะการกินไม่ใช่แค่
00:40:14 → 00:40:17 กินทางปากกินทางตากินทางหูกินทางความคิด
00:40:17 → 00:40:22 อืกินมากสมองมันก็เรียนรู้สิ่งนั้นมากอื
00:40:22 → 00:40:25 นะครับอันนี้ก็จะเป็นก็จะเป็นข้อนึงละที่
00:40:25 → 00:40:30 อยากจะเตือนว่าอย่ารีบคล้อยตามอย่ารีบอิน
00:40:30 → 00:40:34 อย่ารีบด่าอย่ารีบว่าดูให้จบแล้วก็เรื่อง
00:40:34 → 00:40:36 ของคนอื่นเรื่องของคนอื่นก็ปล่อยให้เป็น
00:40:36 → 00:40:39 เรื่องคนอื่นบ้างแล้วก็โดยเฉพาะผู้สูง
00:40:39 → 00:40:42 อายุอันเนี้ยสำคัญมากเลยผมก็มีแม่เนาะที่
00:40:42 → 00:40:45 เ่อสูงอายุเราก็ต้องคุยกับเค้าเตือนเค้า
00:40:45 → 00:40:49 อะไรอย่างเงี้ยก็การดูหนังมากการเสพข่าว
00:40:49 → 00:40:52 มากไม่ว่าจะเป็นข่าวเชิงไหนก็แล้วแต่ต้อง
00:40:52 → 00:40:56 ลดตรงนี้ก็คืออย่าเป็นคนแก่แล้วอยู่แต่ใน
00:40:56 → 00:40:59 บ้านดูทีวีออกไปเดินบ้างทำอะไรบ้างเดิน
00:40:59 → 00:41:02 ไม่ได้ก็พยายามทำตัวเองให้ออกไปเปลี่ยน
00:41:02 → 00:41:05 บรรยากาศหรืออะไรเงี้ยถ้าคุณดูแต่ทีวีคุณ
00:41:05 → 00:41:08 ก็จะเห็นสิ่งที่อยากให้คุณดูทีวีเขาอยาก
00:41:08 → 00:41:11 ให้คุณดูสิ่งที่ดูแล้วคนติดมากอือมันก็
00:41:11 → 00:41:15 เป็นหูปอ่ะนะอืออืคนทำรายการเค้าก็ดูว่า
00:41:15 → 00:41:17 คนอยากดูอะไรเค้าก็จะส่งแต่สิ่งเหล่านั้น
00:41:17 → 00:41:21 มาให้เราก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะรับรู้เราก็
00:41:21 → 00:41:25 จะติดเราก็จะกลับมาที่ว่าอบรมความคิดอบรม
00:41:25 → 00:41:28 จิตใจเราให้คุ้นชินและชอบสิ่งเหล่านั้น
00:41:28 → 00:41:31 พี่กฤษนะกำลังจะบอกว่ายุคที่ข้อมูลข่าว
00:41:31 → 00:41:33 สารมันเยอะโดย
00:41:33 → 00:41:36 เฉพาะในช่วงวัยที่ดราม่ามันเริ่มเยอะคือ
00:41:36 → 00:41:39 ยุคก่อนเนี่ยเราเริ่มจากทีวีนะก็ยังมี
00:41:39 → 00:41:41 ดราม่านิดๆแต่ตอนนี้มันเริ่มเป็นโซเชียล
00:41:41 → 00:41:44 medเดียมันมีช่องให้เราคอมเมนต์เนี่ยมัน
00:41:44 → 00:41:47 มีทำให้เรา engage มากขึ้นเข้าไปมีส่วน
00:41:47 → 00:41:50 ร่วมมากขึ้นครับมนุษย์มันก็จะถูกดึงเข้า
00:41:50 → 00:41:54 ไปโดยที่เราไม่รู้ตัวงั้นสติเป็นอะไรที่
00:41:54 → 00:41:58 จะทำให้เราดึงกลับมาผมชอบคำที่พี่บอกว่า
00:41:58 → 00:42:03 ถ้าอยากดูดูเพื่อเรียนรู้เราจะได้ไม่เป็น
00:42:03 → 00:42:06 ครับแต่ไม่ใช่ไปดูเพื่อส่วนร่วมครับแล้ว
00:42:06 → 00:42:08 ต้องมีสติที่จะดึงตัวเองกลับมาให้ได้ว่า
00:42:08 → 00:42:11 เอ้ยมันเยอะละมันพอละครับคือทุกอย่างมัน
00:42:11 → 00:42:14 มีทั้งข้อดีและข้อเสียใช่มั้ยครับครับ
00:42:14 → 00:42:17 ครับเหตุผลที่ผมพยายามเรสเรื่องดราม่า
00:42:17 → 00:42:21 สังคมเยอะๆเพราะว่าประเทศไทยก็คือหนึ่งใน
00:42:21 → 00:42:26 ใน culture ที่มีการเสพโซเชียลมีเยอะนะ
00:42:26 → 00:42:29 และมี engagement เยอะมากครับเทียบกับ
00:42:29 → 00:42:32 ฝั่งตะวันตกนะตะวันตกก็มีแต่ว่าถ้าฝั่ง
00:42:32 → 00:42:35 เราเนี่ยประเทศไทยก็ถือว่าอันดับท็อปนะ
00:42:35 → 00:42:40 ครับแล้วก็คentที่เราเสพกัน 8 อันดับแรก
00:42:40 → 00:42:43 ไม่มีศึกษาไม่มีพุพุทธศาสนาไม่มีไม่มี
00:42:43 → 00:42:46 อะไรเลยครับไม่มีสุขภาพไม่มีอะไรก็คือพวก
00:42:46 → 00:42:49 ที่เกี่ยวข้องกับดราม่าตลอดครับและยิ่ง
00:42:49 → 00:42:52 เราเข้าสู่ยุคที่ต้องเป็นคทentที่สั้น
00:42:52 → 00:42:55 อย่างที่พี่พูดครับพอสั้นปุ๊บเนี่ยมันก็
00:42:55 → 00:42:59 จะหลุดประเด็นหลุดใจความหลุดสติเลยนะครับ
00:42:59 → 00:43:03 ก็อันนี้อาจจะผมพยายามจะดึงคำว่าสติเข้า
00:43:03 → 00:43:06 มาเพื่อไม่ไม่รู้ว่าจะสู้ได้แค่ไหนกับ
00:43:06 → 00:43:10 เรื่องนี้นะแต่ถ้าบ้านไหนหรือลูกใครมีสติ
00:43:10 → 00:43:13 อย่างที่ผมบอกคุณก็มีทรัพย์สินที่ติดตัว
00:43:13 → 00:43:16 โดยที่คุณไม่รู้ตัวผมว่ายุคปัจจุบันพิจิต
00:43:16 → 00:43:20 ก็จะเห็นด้วยว่าสตินี่แหละเป็นทรัพย์สิน
00:43:20 → 00:43:23 อันมีค่าและจะหายากมากกว่าทองใช่ครับเห็น
00:43:23 → 00:43:27 ด้วยครับครับก็คือสติมันจะอยู่กับเราไป
00:43:27 → 00:43:32 ตลอดเนาะอืก็คือเงินทองเงินทองหามาแล้ว
00:43:32 → 00:43:35 มันก็หมดไปได้ใช่มั้ครับถ้าในทาง
00:43:35 → 00:43:38 พุทธศาสนาหรือว่าในทางเอ่อระบบสมมติหรือ
00:43:38 → 00:43:40 simulation ที่เราคุย
00:43:41 → 00:43:43 ถ้าเราอยู่ในระบบสมขออธิบายนิดนึงระบบ
00:43:43 → 00:43:46 สมมติเนี่ยถ้าเราอยู่ในระบบสมมติอย่างใด
00:43:46 → 00:43:48 อย่างหนึ่งหรือ simulation ระบบซอฟต์แวร์
00:43:48 → 00:43:52 อย่างใดอย่างหนึ่งมันมีความเป็นไปได้สูง
00:43:52 → 00:43:56 การเวียนว่ายตายเกิดเพราะระบบมันอาจจะออก
00:43:56 → 00:43:59 แบบมาอย่างนั้นอืนะเหมือนกับเราอยู่ใน
00:43:59 → 00:44:01 metทวรสเหมือนกับตอนเนี้ยมนุษย์บอกว่า
00:44:01 → 00:44:04 เอ๊ะเราเกิดมาทำไมเราจะแก้ปัญหายังไงการ
00:44:04 → 00:44:08 เมืองเอ่อตะวันออกกลางสู้รบกันอเมริกา
00:44:08 → 00:44:11 กำลังจะสร้างปัญหาหาให้กับทั่วโลกตีกัน
00:44:11 → 00:44:13 อินเดียปากีจะทะเลาะ
00:44:13 → 00:44:17 กันมนุษย์จะทำยังไงจะสร้างระบบสมมติเพื่อ
00:44:17 → 00:44:18 ที่จะ
00:44:18 → 00:44:22 ให้มีมนุษย์ในระบบสมมติแล้วก็ลองให้เขา
00:44:22 → 00:44:24 ทะเลาะกันหาทางออกอันนั้นก็เป็นอีกระบบ
00:44:24 → 00:44:27 สมมตินึงอันนี้คือเราเองอาจจะเป็นส่วน
00:44:27 → 00:44:29 หนึ่งของการสมมติอะไรบางอย่างซึ่งเราไม่
00:44:29 → 00:44:31 รู้พี่กำลังจะบอกว่ามันทุกอย่างมันอาจจะ
00:44:31 → 00:44:34 ไม่มีจริงก็ได้มันเป็นแค่เรื่องสมมติอ้า
00:44:34 → 00:44:36 ผมว่าอย่างงั้นผมเชื่อว่าอย่างงั้นพี่
00:44:36 → 00:44:38 เชื่อว่าอย่างงั้นซึ่งพี่กำลังจะบอกว่า
00:44:38 → 00:44:40 อย่างงั้นอย่าไปเสียเวลาแล้วก็ลงแรงกับ
00:44:40 → 00:44:42 ดราม่าเยอะเพราะสุดท้ายมันเป็นเรื่อง
00:44:42 → 00:44:45 สมมุติครับถูกต้องออเอาง่ายๆถ้าเราอยู่ใน
00:44:45 → 00:44:47 ระบบสมมติถ้าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่ง
00:44:47 → 00:44:51 สมมติความโกรธความโลภความหลงความเกลียด
00:44:51 → 00:44:54 ความอะไรก็แล้วแต่มันก็เป็นสิ่งสมมติตาม
00:44:54 → 00:44:57 ครับเพราะมันทั้งหมดคืออยู่ในระบบสมมติ
00:44:57 → 00:45:00 ครับนะทีนี้พอเราเข้าใจตรงนี้อ่าก็อาจจะ
00:45:00 → 00:45:03 ตั้งคำถามว่าอ้าสมมุติแล้วยังไงอ่ะสมมุติ
00:45:04 → 00:45:06 แล้วยังไงแล้วยังไงตอบโอเคถ้าเราเป็นส่วน
00:45:06 → 00:45:09 หนึ่งของระบบสมมุติเรามีคือจริงๆจะว่าไป
00:45:09 → 00:45:11 แล้วเรื่อง Simulation หรือเรื่องสมมุติ
00:45:11 → 00:45:13 เนี่ยทางตะวันตกเก็มีมานานแล้วนะมันไม่
00:45:13 → 00:45:16 ใช่เรื่องใหม่นะใช่มีทฤษฎีของปรัชญาสมัย
00:45:16 → 00:45:19 ที่ผมอ่านผมจำชื่อเค้าไม่ได้นะเค้าก็พูด
00:45:19 → 00:45:21 เรื่องทฤษฎีนี้เหมือนกันนะครับมันก็อาจจะ
00:45:21 → 00:45:23 เป็นระบบซ้อนระบบซ้อนระบบแบบ infinit นะ
00:45:23 → 00:45:27 แบบต่อๆ infinity ไม่มีไม่มีต้นปลายไม่มี
00:45:27 → 00:45:30 ต้นไม่มีปลายหรือมันอาจจะมีชั้นขึ้นไป
00:45:30 → 00:45:32 แล้วมันก็ตะแคงขวาตะแคงซ้ายไม่มีใครรู้
00:45:32 → 00:45:34 หรือเราจะอยู่ในความฝันของเด็กสักคนนึง
00:45:34 → 00:45:38 เราก็ไม่รู้อืมเออเกดๆถูกมั้มันเป็นอะไร
00:45:38 → 00:45:41 ก็ได้ระบบอะไรก็ได้ไม่มีใครรู้เราไม่รู้
00:45:41 → 00:45:45 แต่ตอนเนี้ยการทำงานของเราตัวของเราเวลา
00:45:45 → 00:45:48 เราต้องการเอ่ออยากจะออกอย่างทุกวันเนี้ย
00:45:48 → 00:45:50 เราจะออกอยากจะออกฝรั่งก็อยากจะออกจาก
00:45:50 → 00:45:54 ระบบสมมุติอยากจะหาประตูทางออกมันมีรั้ว
00:45:54 → 00:45:55 หรือเปล่าโลกแบนโลกกลมหรืออะไรเงี้ยที่
00:45:55 → 00:46:01 เถียงๆกันนะเราก็สังเกตมจิตใจเราต้นต้น
00:46:01 → 00:46:04 ทางของกระบวนการความคิดหรือปัญหาหรือข้อ
00:46:04 → 00:46:07 คำถามต่างๆมันเริ่มจากในสมองเริ่มจากจิต
00:46:07 → 00:46:10 ไปแล้วมันออกไปทางตาทางปากทางหูไปหาคำตอบ
00:46:10 → 00:46:15 ข้างนอกอืแต่ไม่เคยคิดว่าเอ๊ะลองพลิกซิคำ
00:46:15 → 00:46:19 ตอบมันอาจจะอยู่ข้างในอื
00:46:19 → 00:46:23 นึกออกมั้ยข้อสงสัยมนุษย์เกิดมาทำไมเรามี
00:46:23 → 00:46:27 ชีวิตทำไมเรามีเ่อเราอยู่ไปทำไมอะไรต่างๆ
00:46:27 → 00:46:30 หรือปัญหาในโลกความวุ่นวายเราจะไปหาคำตอบ
00:46:30 → 00:46:35 จากข้างนอกใช้ตาใช้ปากใช้หูไปหาคำตอบแต่
00:46:35 → 00:46:37 จริงๆแล้วทางออกหรือคำตอบมันอาจจะอยู่
00:46:37 → 00:46:41 ข้างในใจเราหันเข้าไปดูข้างในอืก็คือการ
00:46:41 → 00:46:45 ฝึกสติอให้รู้จักSlowดความคิดทำให้ความ
00:46:45 → 00:46:47 คิดช้าลงแล้วสังเกตมันอาจจะมีคำตอบอยู่
00:46:47 → 00:46:52 ข้างในคำตอบของพี่คืออะไรคำตอบก็คือการ
00:46:52 → 00:46:56 เข้าใจและการรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเรา
00:46:56 → 00:46:58 แล้วตัวตนที่แท้จริงของพี่คืออะไรอ่าตัว
00:46:58 → 00:47:00 ตนที่แท้ตัวตนที่แท้จริงของเราคืออะไรเรา
00:47:00 → 00:47:05 ก็ไปตามที่พุทธะสอนเนาะร่างกายเราก็คือมี
00:47:05 → 00:47:06 นาม
00:47:06 → 00:47:11 รูปซอฟต์แวร์ฮาร์ดแวร์รูปก็คือของแข็ง
00:47:11 → 00:47:14 เอ่อนามก็คือสิ่งที่จับต้องไม่ได้เนาะก็
00:47:14 → 00:47:16 คือซอฟต์แวร์ที่มันทำงานก็คือมีเรื่อง
00:47:16 → 00:47:21 ความรู้สึกพอใจไม่พอใจเสียใจอความจำ
00:47:21 → 00:47:24 memory เอ่อการปรุงแต่งจิตแล้วก็การ
00:47:24 → 00:47:27 awareness ว่าแต่ละตอนเนี้ยกำลังคิดอดีต
00:47:27 → 00:47:29 ตอนนี้กำลังคิดอนาคตตอนนี้กำลังพอใจไม่พอ
00:47:29 → 00:47:33 ใจอืถามตัวเองมองเข้าไปข้างในซิมีใครนั่ง
00:47:33 → 00:47:37 คุมอยู่ข้างในมั้ยอือืมันไม่มีถ้าเอาใน
00:47:37 → 00:47:41 แง่ของ biology ในในแง่ของชีวะนะ
00:47:41 → 00:47:44 วิทยาศาสตร์สมองมันก็ทำงานมันก็มีกระแสไฟ
00:47:44 → 00:47:47 ฟ้ามีสารเคมีวิ่งไปวิ่งมาจุ๊บจั๊บๆไม่มี
00:47:47 → 00:47:51 ที่สิ้นสุดความโกรธก็ 1 กระแสไฟฟ้า 1 สาร
00:47:51 → 00:47:54 เคมีที่กำลังทำงาน 1 ขบวนการแล้วกันมันก็
00:47:54 → 00:47:56 ทำงานเป็นขบวนการมันไม่มีใครนั่งบอกว่า
00:47:56 → 00:47:58 ต้องโกรธมันไม่มีใครนั่งบอกว่ามันต้อง
00:47:58 → 00:48:02 โมโหมันทำงานไปตามที่มันออกแบบมาไปตาม
00:48:02 → 00:48:06 ความคิดของมันทีนี้พอเราเข้าใจเรารู้ตัว
00:48:06 → 00:48:09 ตนของเราคืออะไรในที่สุดไม่ว่าทาง
00:48:09 → 00:48:12 พุทธศาสนาก็คือว่าเราก็ต้องออกจากระบบ
00:48:12 → 00:48:15 สมมุตินี้ให้ได้การที่เราจะออกได้เราก็จะ
00:48:15 → 00:48:19 ต้องไม่ให้ใจเราไปยึดเกราะไปยึดเกราะสิ่ง
00:48:19 → 00:48:23 ใดๆทั้งสิ้นยึดเกาะสิ่งใดทั้งสิ้นไม่ยึด
00:48:23 → 00:48:27 เกาะความพอใจไม่ยึดเกาะความไม่พอใจวางใจ
00:48:27 → 00:48:30 ให้เป็นกลางไม่ยินดีไม่ยินร้ายปล่อยวาง
00:48:30 → 00:48:34 ความคิดรู้ปล่อยรู้ปล่อยแล้วในที่สุดก็จะ
00:48:34 → 00:48:35 ออกจากระบบสมมุติ
00:48:35 → 00:48:38 ผ่านทางจิตใจถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งของระบบ
00:48:38 → 00:48:41 สมมุติมันทำงานแบบเชื่อมกันในระบบสมมุติ
00:48:41 → 00:48:43 อือๆ
00:48:43 → 00:48:45 พิสูจน์ให้คุณเห็นได้มั้ยพิสูจน์ให้คุณ
00:48:45 → 00:48:48 เห็นไม่ได้ผมมี iPad เปิดให้คุณดูได้มย
00:48:48 → 00:48:49 ว่าระบบสมมุติเป็นอย่างงี้อย่างงี้อย่าง
00:48:49 → 00:48:54 งี้อย่างี้ไม่ได้คุณต้องลองตั้งเคสตั้ง
00:48:54 → 00:48:56 ข้อสงสัยด้วยตัวเองที่ผมมาเล่าให้ฟังก็
00:48:56 → 00:48:58 คือเป็นตัวอย่างหนึ่งข้อเปรียบเทียบนึง
00:48:58 → 00:49:04 ให้คุณเห็นว่าวิธีคิดวิธีหา solution
00:49:04 → 00:49:07 ความเป็นไปได้อย่างนี้เป็นต้นแล้วก็ลอง
00:49:07 → 00:49:12 พิจารณาดูลอง observe มันดูเบสิค
00:49:12 → 00:49:15 เลยสังเกตตัวเองนะเริ่มจากการฝึกสติดูลม
00:49:15 → 00:49:19 หายใจเวลาโกรธให้รีบรู้ว่าโกรธแล้วปล่อย
00:49:19 → 00:49:22 วางโกรธแล้วดูซิว่าเราไม่โกรธตามที่
00:49:22 → 00:49:26 ธรรมชาติต้องโกรธมั้ยอื
00:49:26 → 00:49:31 พอเข้าใจมั้ยอืคนพูดจาไม่ดีกับเราด่าสัก
00:49:31 → 00:49:34 อย่างนึงอ่ะอ้าตัวอะไรก็ได้ตัวเงินตัวทอง
00:49:34 → 00:49:40 ก็ได้โกรธมั้ยโกรธด่าฉันทำไมคุณลองดูซิ
00:49:40 → 00:49:43 ฝึกสติแล้วรีบรู้ว่าสิ่งที่ได้ยินเป็น
00:49:43 → 00:49:45 คลื่นกระทบหูนะอันนี้คิดแบบวิทยาศาสตร์นะ
00:49:45 → 00:49:49 สิ่งที่ได้ยินกระทบหูแปลงสัญญาณแล้วเป็น
00:49:49 → 00:49:52 กระแสไฟฟ้าส่งไปแล้วสมองไปดึงความจำรู้
00:49:52 → 00:49:56 จักคำนี้มั้ยควรจะโกรธมั้ยหรือไม่โกรธ
00:49:56 → 00:50:00 โกรธแล้วกันเพราะฉันชินกับการโกรธก็ด่า
00:50:00 → 00:50:03 กลับแต่ถ้าฝึกได้ยิน
00:50:03 → 00:50:07 เด่าทิ้งความคิดฝึกทิ้งไม่โกรธอ่ะความ
00:50:07 → 00:50:09 โกรธมันก็ไม่มีอือันนี้คุณก็จะเห็น
00:50:09 → 00:50:13 พัฒนาการของคุณละอันนี้คือตัวอย่างพี่ถึง
00:50:13 → 00:50:16 พูดว่ามันต้องฝึกมันต้องฝึกมันไม่ได้มัน
00:50:16 → 00:50:20 ไม่ได้ง่ายคือมันไม่ได้ยากมันต้องใช้เวลา
00:50:20 → 00:50:23 อืแล้วมันก็ต้องทำการฝึกวันละนิดละนอนอัน
00:50:23 → 00:50:26 นี้อย่าเหมือนเหมือนเสื้อสติอืเห็นมั้มี
00:50:26 → 00:50:31 ตัวต่อครับสติต้องค่อยๆมีค่อยๆทำอืเหมือน
00:50:31 → 00:50:32 ตัวต่อเอามา
00:50:32 → 00:50:35 ครับแล้วถ้าคุณมีสติก็จะเหมือนคนที่นั่ง
00:50:35 → 00:50:37 มีสติคนที่นั่งอยู่ถ้าคุณสังเกตเห็นคนที่
00:50:38 → 00:50:41 นั่งมีสติชิลๆออๆโอเคคนที่ไม่มีสติก็
00:50:41 → 00:50:46 เหนื่อยหน่อยแบกของกำปั้นอออยู่บนดินออๆ
00:50:46 → 00:50:49 คนมีสติก็นั่งได้เปรียบนั่งพิงคนไม่มีสติ
00:50:49 → 00:50:54 ครับแต่ถ้าจะได้สติก็ต้องอดทนอดกลั้นฝึก
00:50:54 → 00:50:59 ฝนตนเองเพื่อที่จะมีสติถ้าไม่มีสติคุณก็
00:50:59 → 00:51:03 จะคล้อยตามไปกับสื่อคือข้อมูลต่างๆที่เ้า
00:51:03 → 00:51:07 ฟีดมาให้คุณที่algorิมันดูว่าคุณชอบอะไร
00:51:07 → 00:51:10 อืalorิมันก็จะส่งสิ่งนั้นมาให้คุณดูแล้ว
00:51:10 → 00:51:12 คุณก็จะคอมเมนต์แล้วคุณก็จะด่าแล้วคุณก็
00:51:12 → 00:51:14 จะคอมเมนต์คุณก็จะด่าแล้วคุณก็จะติดอยู่
00:51:14 → 00:51:18 ในกัปนั้นติดอยู่ในวงจรนั้นอื
00:51:19 → 00:51:24 เพราะคุณขาดสติคุณไม่ได้รับการฝึกสติครับ
00:51:24 → 00:51:27 บอกอ้าแล้วยุ่งอะไรฉันพอใจกับฉันอย่างี้
00:51:27 → 00:51:30 ก็ต้องถามตัวเองมันสร้างมูลค่าชีวิตให้
00:51:30 → 00:51:34 คุณมยอืคุณไปยุ่งกับชีวิตครอบครัวคนอื่น
00:51:34 → 00:51:37 ดราม่าเรื่องคนอื่นงานคุณเสียมั้ยอคุณนอน
00:51:37 → 00:51:41 ดึกมั้ยสุขภาพกายคุณเสียมั้ยสุขภาพจิตคุณ
00:51:41 → 00:51:44 เสียมั้ยคุณเอาเวลาเหล่านั้นไปดูแลลูกดี
00:51:44 → 00:51:47 มั้ยอ่ะยกตัวอย่างไปกับแฟนไปกินข้าวไปออก
00:51:47 → 00:51:49 กำลังกายไปทำอย่างอื่นไม่ได้บอกว่าไม่
00:51:49 → 00:51:52 ต้องดูไม่ต้องบอกว่าไม่ต้องทิ้งพอประมาณ
00:51:52 → 00:51:56 หาประมาณตัวเองให้เจออืเรากินข้าวเราอิ่ม
00:51:56 → 00:51:59 เรารู้ประมาณเราก็ต้องลุกใช่มั้ยกินต่อก็
00:51:59 → 00:52:03 ป่วยเหมือนกันดูแล้วให้รู้ตัวว่าแค่นี้พอ
00:52:03 → 00:52:06 แล้วเดินต่อผ่านไปได้
00:52:06 → 00:52:09 อืมขอบคุณมากครับพี่นจะบอก
00:52:09 → 00:52:11 ว่าถ้าจะ
00:52:11 → 00:52:17 ให้คือการเสพ content ดราม่ามันหนักกว่า
00:52:17 → 00:52:19 อาหารตรงที่ว่าอาหารเนี่ยถึงจุดนึงเราก็
00:52:19 → 00:52:23 อ้วกออกมาได้นะครับครับท้องมันก็ไม่ไหว
00:52:23 → 00:52:25 แต่ content เป็นอะไรที่มันเบรคไม่ได้มัน
00:52:25 → 00:52:28 รอบ 3:00 น. 4:00 น.ผมก็มีคนไข้กลิ้งมือ
00:52:28 → 00:52:30 ถือ 3:00 4:00 5:00 น.ครับผมเองก็ยัง
00:52:30 → 00:52:33 เคยเป็นครับก็ยอมรับธรรมดาผมก็เป็นครับ
00:52:33 → 00:52:36 บางทีมันหลุดดูอีกทีอ้า 2 ชั่วโมงแล้ว
00:52:36 → 00:52:39 เสียเวลาชีวิตแต่พี่กำลังจะบอกว่าสติถ้า
00:52:39 → 00:52:43 ฝึกไปเรื่อยๆมันก็จะมันเป็นตัวเช็คลิสต์
00:52:43 → 00:52:45 ให้เราครับ
00:52:45 → 00:52:49 คำถามคือถ้าเค้ามีสติแล้วชีวิตเค้ามันจะ
00:52:49 → 00:52:53 ไปถึงเป้าหมายอะไรมันจะพาไปอะไรครับครับ
00:52:53 → 00:52:56 เอ่อก็อย่างงี้นะเป้าหมายอ่ะในชีวิตของ
00:52:56 → 00:53:00 แต่ละคนก็ไม่เหมือนกันนะอือบางคนก็บอกว่า
00:53:00 → 00:53:03 เอ่อฉันอยากจะถ้าเราจะเห็นในสังคมทุกวัน
00:53:03 → 00:53:06 เนี้ยความสำเร็จของคนคือคุณต้องมีเงิน
00:53:06 → 00:53:09 เยอะๆอืคุณต้องสำเร็จทางธุรกิจแล้วก็
00:53:09 → 00:53:13 สังคมก็ถูกออกแบบโรงเรียนเรียนหนังสือ
00:53:13 → 00:53:18 เทรนนิ่งคอร์สทุกอย่างผลักให้ทุกคนประสบ
00:53:18 → 00:53:22 ความสำเร็จทั้งด้านการงานและการเงินมัน
00:53:22 → 00:53:26 คือโปรแกรมมิ่งของคนที่คนถูกโปรแกรมมิ่ง
00:53:26 → 00:53:30 โดยที่ผู้บริหารระบบเค้าก็มันก็ต่อกันนะ
00:53:30 → 00:53:33 คนรวยก็รวยขึ้นเขาก็ต้องโปรแกรมให้คนไม่
00:53:33 → 00:53:35 รวยทำงานให้เขาแล้วเขาก็จะรวยขึ้นอันนี้
00:53:35 → 00:53:38 ก็คือมันเป็นวงจรของมันก็คือว่าไม่ได้ว่า
00:53:38 → 00:53:40 ดีหรือไม่ดีอะไรงี้นะแต่ว่าโลกมัน
00:53:40 → 00:53:43 วิวัฒนาการทางความคิดทางการธุรกิจอะไรมา
00:53:43 → 00:53:46 จนมันกลายเป็นไซเคิลหรือมันเป็นวงจรที่
00:53:46 → 00:53:50 ว่าทุกคนกำลังมองว่าความสำเร็จในชีวิตคือ
00:53:50 → 00:53:53 มีเงินเยอะประสบความสำเร็จทางด้านการงาน
00:53:53 → 00:53:56 การเงินอันนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่น่ากลัว
00:53:56 → 00:54:00 นะครับก็ต้องถามตัวเองก่อนนะครับว่าเรา
00:54:00 → 00:54:03 ต้องการอะไรแล้วก็ยอมรับความจริงก็คืออ่ะ
00:54:03 → 00:54:08 เราไปถึงตรงนั้นได้มั้ยนะครับเราดูในสัง
00:54:08 → 00:54:11 เราดูในโซเชียลในสังคมอ่ะเค้าเอามาให้ดู
00:54:11 → 00:54:15 ว่าเนี่ยคุณทำงานอย่าไปท้อแท้อย่าอย่า
00:54:15 → 00:54:18 เอ่อ give up ง่ายสู้ต่อไปเดี๋คุณจะถึง
00:54:18 → 00:54:22 ปลายทางฉันก็เป็นมหาเศรษฐีได้คุณก็ต้อง
00:54:22 → 00:54:25 เป็นได้ยอมรับความจริงในโลกมีกี่คนที่ทำ
00:54:25 → 00:54:28 อย่างนั้นได้มันไม่ใช่ทุกคนทำได้โอกาสมัน
00:54:28 → 00:54:31 ไม่ได้มีทุกคนไม่ได้บอกให้คนขี้เกียจนะ
00:54:31 → 00:54:35 แต่อยู่บนความเป็นจริงปัจจุบันว่า
00:54:35 → 00:54:40 ทรัพยากรคุณมีอะไรคุณจะทำอะไรความเสี่ยง
00:54:40 → 00:54:42 ริสกเ่อความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนคุณจะกล้า
00:54:42 → 00:54:45 ลงทุนมากคุณจะยอมเสี่ยงหมดตัวหรืออะไร
00:54:45 → 00:54:49 ต่างๆก็ต้องประเมินให้ดีใช้สติในการ
00:54:49 → 00:54:52 ประเมินนะครับแล้วก็อาจจะเปลี่ยนเอ่อมุม
00:54:52 → 00:54:55 มองของตัวเองว่าความสำเร็จมันไม่ใช่แค่
00:54:55 → 00:54:56 เงิน
00:54:56 → 00:54:59 ทองอย่างเงี้ยเนี่ยผมมาทำตรงนี้หลายๆคน
00:54:59 → 00:55:01 เค้าก็ถามทำไมไม่ทำ
00:55:01 → 00:55:05 งานทำไมรีไทireผมก็จะพูดสั้นๆผมรีไทireละ
00:55:05 → 00:55:08 เอ้ยยังเป็นหนุ่มเป็นแน่นยังไม่ได้ถือไม้
00:55:08 → 00:55:11 เท้าอะไรรีไทireนี่ความคิดความคิดที่ผิด
00:55:11 → 00:55:14 ของคนอืคำว่า retire ไม่ได้หมายความว่า
00:55:14 → 00:55:17 ถือไม้เท้านั่งรถเข็นนะอืคำว่ารireนหมาย
00:55:17 → 00:55:19 ว่าคุณอาจจะรีไทireจากงาน I retire from
00:55:19 → 00:55:23 วงจรผมกำลังเข้าสู่วิถีชีวิตที่ผมคิดว่า
00:55:23 → 00:55:26 มีมูลค่าชีวิตสำหรับผมอืมีมูลค่าต่อสังคม
00:55:26 → 00:55:30 อันนั้นคือ success ของผมผมทำคลิปผมทำ
00:55:30 → 00:55:34 เพลงผมความ success ของผมก็ถามตัวเองคือ
00:55:35 → 00:55:39 อะไรขอให้ 1 คนฟัง 1 คนเข้าใจผมทำให้ 1
00:55:39 → 00:55:43 คนเปลี่ยนวิธีคิดได้ณตอนนี้ผมสมผมประสบ
00:55:43 → 00:55:47 ความสำเร็จแล้วอือผมไม่ได้ต้องการเงินผม
00:55:47 → 00:55:48 ไม่ได้ต้องการความยิ่งใหญ่ผมไม่ได้
00:55:48 → 00:55:51 ต้องการรวยผมไม่ต้องการอะไรผมต้องการให้
00:55:51 → 00:55:54 สิ่งที่ผมเห็นว่ามันดีต่อความคิดถ้าเรา
00:55:54 → 00:55:56 เข้าใจจิตใจเราเข้าใจความ
00:55:56 → 00:55:59 คิดความสำเร็จมันจะไม่ใช่แค่เงินอย่าง
00:55:59 → 00:56:02 เดียวมันจะมีความสุขทางด้านครอบครัวความ
00:56:02 → 00:56:06 พอเพียงในการดำรงชีวิตความพอเพียงที่เรา
00:56:06 → 00:56:09 ศักยภาพหรือทรัพยากรที่เรามีอยู่อือัน
00:56:09 → 00:56:11 นั้นก็จะสำเร็จของชีวิตความสำเร็จของ
00:56:11 → 00:56:14 ชีวิตครอบครัวอยู่กันอย่างมีความสุขไม่ไป
00:56:14 → 00:56:17 สัมเลเทเมาอ่ะอยากกินนิดหน่อยอ่ะก็ไม่ว่า
00:56:17 → 00:56:21 กันแต่ไม่ใช่กินจนแบบว่าเงินหมดตัวอะไร
00:56:21 → 00:56:24 อย่างเงี้ยหาเงินมาก็ก็น่าสงสารนะเห็น
00:56:24 → 00:56:27 แล้วก็คนทำงานห้างอ่ะคุณสังเกตมั้พอห้าง
00:56:27 → 00:56:31 เลิกคนก็จะออกมาเต็มข้างๆห้างจะมีแก๊ง
00:56:31 → 00:56:34 เดิมนั่งกินเหล้าทุกวันเลยผมก็ถามแล้วก็
00:56:34 → 00:56:37 เงินก็จะหมดแล้วก็เดินผ่านก็จะได้ยินโอ้ย
00:56:37 → 00:56:41 งวดนี้ขายไม่ดีวันนี้ขายไม่ได้ค่าคอมน้อย
00:56:41 → 00:56:44 ผมก็มองขวดเหล้าอยู่ตรงนั้นน่ะแล้วทำไม
00:56:44 → 00:56:47 ไม่เซฟเงินตรงนั้นไปทำอย่างอื่นวันที่ขาย
00:56:47 → 00:56:49 ไม่ดีคุณจะได้มีเงินเหลือออย่างี้เป็นต้น
00:56:49 → 00:56:54 ก็ขาดสติคุณก็ปล่อยใจให้คิดไปตามสังคม
00:56:54 → 00:56:57 สื่อสื่อโฆษณาอะไรต่างๆคุณก็ต้องเสพตาม
00:56:57 → 00:56:59 ที่เขาอยากให้คุณเสพ
00:56:59 → 00:57:02 อืมพี่กำลังจะบอกว่าที่ผมตั้งคำถามว่าถ้า
00:57:02 → 00:57:05 มีสติแล้วมันจะเปลี่ยนชีวิตอย่างไรพี่ก็
00:57:05 → 00:57:08 บอกว่ามันเปลี่ยนเพราะมันทำให้เรารู้ 1
00:57:09 → 00:57:12 ข้อจำกัดของตัวเองทำให้เรารู้ศักยภาพของ
00:57:12 → 00:57:14 ตนเอง
00:57:14 → 00:57:17 โดยอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงแล้วมันจะทำ
00:57:17 → 00:57:21 ให้เราเนี่ยเข้าใจชีวิตมากขึ้นมันทำให้
00:57:21 → 00:57:25 เราใช้ชีวิตอย่างมีสติโดยที่มีความสุข
00:57:25 → 00:57:32 เข้ามามาก
00:57:32 → 00:57:37 ขึ้นถึงจุดนี้ผมเชื่อว่าพยายามให้เห็นละ
00:57:37 → 00:57:40 ว่าสติเป็น foundation เป็นรากฐานของทุกๆ
00:57:40 → 00:57:44 อย่างครับแล้วมันเป็นสิ่งที่อาจจะพูดใน
00:57:44 → 00:57:47 เชิงธรรมะมากเกินไปจริงๆมันไม่ใช่มันเป็น
00:57:47 → 00:57:51 คือการปฏิบัติครับทุกๆวัน
00:57:51 → 00:57:53 เราจะเริ่มในเด็กยังไงโอเคมันเป็นเรื่อง
00:57:53 → 00:57:58 อะไรที่แบบจะให้เด็กเค้าสอนดูหายใจทำยัง
00:57:58 → 00:58:03 ไงครับเนี่ยเราเห็นเยอะนะในสังคมออกทีวี
00:58:03 → 00:58:08 เด็กช่วงนี้ขาดสมาธิเด็กช่วงนี้สมาธิสั้น
00:58:08 → 00:58:11 เด็กช่วงนี้ไม่มีเอ่อสมาธิอยู่กับการ
00:58:11 → 00:58:14 เรียนอยู่กับอะไรเราไม่ได้
00:58:14 → 00:58:17 สอนก็คือเสียดายตรงนี้ก็คือว่าเราไม่ได้
00:58:17 → 00:58:22 สอนให้เด็กรู้จักว่าสติแปลว่าอะไรสมาธิ
00:58:22 → 00:58:25 แปลว่าอะไรก็คือมีกิจกรรมนึงที่ผมไปทำกับ
00:58:25 → 00:58:28 โรงเรียนแห่งหนึ่งนะครับก็คือสอนให้เด็ก
00:58:28 → 00:58:32 รู้ว่ามีสติเนี่ยมันแปลว่าอะไรมีสมาธิมัน
00:58:32 → 00:58:35 แปลว่าอะไรตัวอย่างง่ายๆผมเอากระดาษแผ่น
00:58:35 → 00:58:37 นึงบอกว่าให้เด็กๆทุกคนพับกระดาษพับเป็น
00:58:37 → 00:58:41 สี่เหลี่ยมพับเป็นนกอยากพับอะไรพับฟังดู
00:58:41 → 00:58:43 แล้วก็พับกระดาษมันก็ไม่ได้ยากถูกมั้ใครๆ
00:58:43 → 00:58:44 ก็พับ
00:58:44 → 00:58:50 ได้ก็บอกเด็กว่าพับแบบมีสติแปลว่าอะไร
00:58:50 → 00:58:55 อย่าลองดูลองทำแบบทดสอบพับช้าๆไม่ให้
00:58:55 → 00:58:57 กระดาษมีเสียงปกติเวลาเราพับกระดาษกระดาษ
00:58:57 → 00:58:59 ก็จะมีเสียงของมันนะบจับจุ๊บจั๊บไม่ให้
00:58:59 → 00:59:02 กระดาษมีเสียงของกระดาษที่เราพับจะต้อง
00:59:02 → 00:59:05 ไม่ให้คนข้างๆได้ยินและเสียงที่คนข้างๆ
00:59:05 → 00:59:08 พับเราก็ไม่ควรได้ยินเราควรจะเอาใจจดจ่อ
00:59:08 → 00:59:11 อยู่กับการพับกระดาษของเราพับไปเรื่อยๆ
00:59:11 → 00:59:13 พับไปเรื่อยๆถ้าเราไปคิดเรื่องขนมคิด
00:59:13 → 00:59:17 เรื่องเอ่อเพื่อนเรื่องเล่นให้รีบลืมและ
00:59:17 → 00:59:20 กลับมาอยู่กับการพับกระดาษอื
00:59:20 → 00:59:21 แบบฝึกหัดง่าย
00:59:22 → 00:59:26 ให้เด็กเเข้าใจว่านี่คือความตั้งใจอืคุณ
00:59:26 → 00:59:28 จะบอกให้เด็กมีสติคุณจะบอกให้เด็กมีความ
00:59:28 → 00:59:30 ตั้งใจคุณต้องสอนเค้าก่อนว่าความตั้งใจ
00:59:30 → 00:59:34 คืออะไรอตั้งใจเรียนหน่อยอย่ามัวแต่เล่น
00:59:34 → 00:59:39 มันแปลว่าอะไรอืผมก็เคยเป็นเด็กครูก็ว่า
00:59:39 → 00:59:41 ผมใช่มั้ยเวลาเราคุยเราก็ซนตามภาษาเด็ก
00:59:41 → 00:59:45 ตั้งใจเรียนต้องตั้งใจเรียนอย่าไปวอกแวก
00:59:45 → 00:59:48 มาวันนี้ก็มาตั้งคำถามเออว่ะแต่ครูไม่เคย
00:59:48 → 00:59:51 สอนเราเนาะว่าตั้งใจแปลว่าอะไรครูกูบอก
00:59:51 → 00:59:52 ให้มีสติหน่อยกับการเรียนสติแปลว่าอะไร
00:59:53 → 00:59:55 ครูไม่เคยสอนมีสมาธิหน่อยกับการเรียนแปล
00:59:55 → 00:59:59 ว่าอะไรครูไม่เคยสอนอืเอากิจกรรมง่ายๆที่
00:59:59 → 01:00:04 เ้าทำให้มันสนุกอธิบายให้เค้าเข้าใจก่อน
01:00:04 → 01:00:08 ว่าสติแปลว่าอะไรการรู้ตัวนะสมาธิแปลว่า
01:00:08 → 01:00:11 อะไรจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำนะแค่เนี้ยกับ
01:00:11 → 01:00:14 กิจกรรมที่เทำไม่ว่าจะวาดรูปไม่ว่าจะพับ
01:00:14 → 01:00:18 กระดาษไม่ว่าจะเล่นของเล่นให้เค้าทำสอน
01:00:18 → 01:00:20 เค้าให้เข้าใจว่ามันแปลว่าอะไรแล้วก็ค่อย
01:00:20 → 01:00:24 ๆทำทุกวันบอกเ้าว่ากลับบ้านไปก็ฝึกได้
01:00:24 → 01:00:28 ช่วยคุณช่วยคุณพ่อคุณแม่กวาดบ้านก็ฝึกได้
01:00:28 → 01:00:31 ล้างจานก็ฝึกได้สำคัญคือต้องเอาให้ความ
01:00:31 → 01:00:33 คิดเราอยู่กับสิ่งที่เราทำแค่นี้เองฝึก
01:00:34 → 01:00:37 สติฝึกสมาธิเด็กป. 6 นะเด็กเค้าก็กลับมา
01:00:37 → 01:00:41 ฟีดแบคเเข้าใจว่าคืออะไรเ้าเเห็นว่า
01:00:41 → 01:00:44 ระหว่างที่เค้าพับกระดาษอยู่เนี่ยมันมี
01:00:44 → 01:00:47 โมเมนต์ที่เค้าไปคิดเรื่องอื่นนะแล้วผม
01:00:47 → 01:00:49 ถามทำไงต่อต้องรีบทิ้งแล้วกลับมาฝึกตรง
01:00:49 → 01:00:54 นี้ต้องมีสมาธิอือันนี้คือเด็กป. 6 ก็คือ
01:00:54 → 01:00:56 สอนให้เค้าเข้าใจด้วยกิจกรรมที่เค้าเข้า
01:00:56 → 01:00:59 ถึงครับถ้าคุณไปให้เค้านั่งสมาธิต้องยอม
01:00:59 → 01:01:02 รับมันเป็นสิ่งที่ดีแต่เด็กมันหลับอืเดี๋
01:01:02 → 01:01:04 มันก็วอกแวกมันก็เล่นมันก็แหย่กัน
01:01:04 → 01:01:07 อันเนี้ยทำให้ใน 15 5 นาที 10 นาทีอ่ะ
01:01:07 → 01:01:10 เด็กนิ่งมากดูได้ใน TikTok ในคลิปใน
01:01:10 → 01:01:13 Facebook ผมก็มีเอ่อทำเอาคลิปตรงนี้มาลง
01:01:13 → 01:01:17 ที่สอนเด็กๆพี่คิดว่าการศึกษาที่เราเห็น
01:01:17 → 01:01:22 อยู่ในโรงเรียนเนี่ยมันสอนให้เด็กคิดดี
01:01:22 → 01:01:25 เพียงพอแล้วหรือยังหรือผู้ปกครองจริงๆควร
01:01:25 → 01:01:27 จะ
01:01:27 → 01:01:30 เพิ่มการศึกษากับการคิดที่ดี Right
01:01:30 → 01:01:34 Education ครับจริงๆแล้วมันคู่กันนะมัน
01:01:34 → 01:01:36 ต้อง balance ให้ดีอ่ะอย่างใดอย่างหนึ่ง
01:01:36 → 01:01:39 มากเกินไปมันก็ไม่ดีคุณเรียนเก่งแต่คุณ
01:01:39 → 01:01:41 เป็นคนที่มีความคิดที่ไม่ดีมันก็อาจจะไม่
01:01:42 → 01:01:44 ดีต่อสังคมอาจจะทำให้คุณเป็นคนเห็นแก่ตัว
01:01:44 → 01:01:47 ฉันเก่งฉันฉลาดเพื่อนไม่เก่งฉันไม่สอน
01:01:47 → 01:01:50 สน้ำหน้าโง่เองช่วยไม่ได้อะไรอย่างเงี้ย
01:01:50 → 01:01:53 ฉะนั้นการศึกษาที่ดีบวกกับ
01:01:53 → 01:01:56 เอ่อการให้เค้าเป็นคนดีเนี่ยสำคัญมากอัน
01:01:56 → 01:02:00 นี้คือผมคิดว่าทุกๆคนควรจะให้ความสำคัญ
01:02:00 → 01:02:03 ตรงนี้นะครับอย่างหนึ่งที่บอกว่ามันเป็น
01:02:03 → 01:02:07 เรื่องยากต้องยอมรับก็คือสังคมอ่ะทุกวัน
01:02:07 → 01:02:12 เนี้ยพ่อแม่ก็ต้องออกไปหาเงินทำมาหากิน
01:02:12 → 01:02:16 ส่งลูกไปโรงเรียนก็ทิ้งให้เป็นภาระของครู
01:02:16 → 01:02:19 อันนี้ก็ไม่ถูกต้องและครูคนนึงก็ต้องดู
01:02:19 → 01:02:22 เด็กหลายคนโรงเรียนจากที่เป็นสถานศึกษา
01:02:22 → 01:02:26 ที่ให้การศึกษามันก็มีโมเมนหรือมีมุมมอง
01:02:26 → 01:02:32 ของการค้าอืมากขึ้นอืหาเงินเค้าก็เป็น
01:02:32 → 01:02:36 เอ่อองค์กรที่จะทำเงินน่ะนะก็ก็ต้องยอม
01:02:36 → 01:02:40 รับก็คือบางที่ก็ให้ความสำคัญตรงนี้อ่า
01:02:40 → 01:02:44 คิดถ้าเราเรียนแพงแต่ครูกับนักเรียนถือ
01:02:44 → 01:02:47 ว่าอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมสอนให้เค้าดี
01:02:47 → 01:02:52 เอ่อให้เขามีการศึกษาด้วยก็ดีก็มีนะครับ
01:02:52 → 01:02:56 แต่ก็สำหรับ under privilege สำหรับเอ่อ
01:02:56 → 01:02:57 ผู้ที่ได้โอกาสแล้วกันเรียกอย่างี้ใน
01:02:57 → 01:03:00 สังคมพ่อแม่ก็ต้องออกไปทำมาหากินลูกก็
01:03:00 → 01:03:03 ต้องไปโรงเรียนเนกลับมาอีกทีนึงบางทีเด็ก
01:03:03 → 01:03:06 ถึงบ้านก่อนอืพ่อแม่ยังไม่ได้กลับจากที่
01:03:06 → 01:03:12 ทำงานกลับมาก็เหนื่อยะจะไปพูดมากกับลูกก็
01:03:12 → 01:03:15 อาจจะเหนื่อยละคือสังคมมันก็เป็นเรื่อง
01:03:15 → 01:03:18 ที่ยากที่จะทำยังไงที่จะให้เหมือนสมัย
01:03:18 → 01:03:22 ก่อนที่ว่านักเรียนไม่ใช่แค่เรียนที่โรง
01:03:22 → 01:03:25 เรียนที่บ้านก็เป็นโรงเรียนเหมือนกันอืก็
01:03:25 → 01:03:28 ต้องให้อ่าต้องใส่ใจและให้ความสำคัญตรง
01:03:28 → 01:03:33 นี้ด้วยนะครับเพราะฉะนั้นเอ่อจะไปจะไปบอก
01:03:33 → 01:03:36 ให้เอ่อผู้ปกครองต้องดูรูปด้วยอันนี้ผมก็
01:03:36 → 01:03:39 ต้องเข้าใจนะบางทีอ่ะเอ่อพ่อแม่ก็หาเงิน
01:03:39 → 01:03:43 น่ะเนาะเ่อเศรษฐกิจก็ไม่ดีแล้วก็จะให้
01:03:43 → 01:03:46 เค้ามาสอนด้วยอะไรด้วยจะไปบอกว่าผมบอกว่า
01:03:46 → 01:03:48 เนี่ยคุณไม่ให้เวลาลูกก็อย่าไปเข้าใจผิด
01:03:48 → 01:03:51 อย่างนั้นก็คือถ้ามี
01:03:51 → 01:03:54 โอกาสให้ที่บ้านเป็นโรงเรียนด้วยแต่โรง
01:03:54 → 01:03:57 เรียนทางด้านจิตใจอืนะสอนให้รู้จักแบ่ง
01:03:58 → 01:04:01 ปันเบสิคเลยเนี่ยแบ่งปันเงินไม่มีขนมไม่
01:04:01 → 01:04:05 มีไม่เป็นไรแบ่งปันความคิดแบ่งปันความสุข
01:04:05 → 01:04:07 อย่าไปรังแกเพื่อนไอ้เรื่องบullลี่เนี่ย
01:04:07 → 01:04:10 สำคัญอย่าไปรังแกเพื่อน
01:04:10 → 01:04:13 พ่อแม่ก็ต้องไม่ให้ท้ายลูกนะผิดก็ต้องยอม
01:04:13 → 01:04:17 รับว่าลูกผิดไม่ใช่ว่าลูกฉันถูกเสมอ
01:04:17 → 01:04:20 อันเนี้ยมันก็ก็จะทำให้ตัวเด็กเองในที่
01:04:20 → 01:04:23 สุดก็จะไม่ได้เข้าใจว่าเค้าก็มีความผิด
01:04:24 → 01:04:27 และเขาก็ควรจะได้รับการตักเตือนหรือลงโทษ
01:04:27 → 01:04:30 ไม่ได้บอกว่าเอ่อตบตีหรืออะไรแต่รับการ
01:04:30 → 01:04:34 เอ่ออธิบายให้ถูกต้องว่าควรจะเป็นเอ่อ
01:04:34 → 01:04:37 อะไรที่ควรอะไรไม่ควรไอ้อย่างสมัยผมเด็กๆ
01:04:37 → 01:04:40 คือผิดก็คือไม้อย่างเดียวอืสมัยนี้มันไม่
01:04:40 → 01:04:43 ได้สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแต่ก็ต้องให้มีการ
01:04:43 → 01:04:46 ลงโทษอาจจะลงโทษด้วยการเขียนหนังสือวาด
01:04:46 → 01:04:48 รูปมากขึ้นหรืออะไรอย่างเงี้ยแบบที่ไม่
01:04:48 → 01:04:51 ได้ใช้ความรุนแรงหรือให้เด็กอ่านหนังสือ
01:04:51 → 01:04:56 มากขึ้นก็เป็นเรื่องยากนะแต่ก็ต้องเ้า
01:04:56 → 01:04:58 เรียกว่าอะไรอ่ะ encourage อ่ะอยากจะ
01:04:58 → 01:05:02 สนับสนุนให้พ่อแม่ให้เวลาลูกด้วยสอนนิดๆ
01:05:02 → 01:05:05 หน่อยๆเท่าที่สอนได้และเด็กๆเองก็ต้องยอม
01:05:05 → 01:05:09 รับทุกวันนี้การเรียนครูก็อัดเยอะอ่ะทั้ง
01:05:09 → 01:05:11 การบ้านทั้งเนื้อหาทั้งอะไรเด็กก็ไม่ไหว
01:05:11 → 01:05:14 เหมือนกันอันนี้ก็ต้องบอกว่าจากตัวผมเอง
01:05:14 → 01:05:17 ที่ผมเห็นลูกเรียนนะผมก็งงนะอะไรวะทำไม
01:05:17 → 01:05:19 เรียนเยอะแยะอะไรขนาดนี้ไปหมดมันกลายเป็น
01:05:19 → 01:05:22 ว่าในสังคมมันก็แข่งขันกันเยอะอือเพราะ
01:05:23 → 01:05:28 ฉะนั้นเอ่อมันก็สุดท้ายกลับมาที่
01:05:28 → 01:05:32 success หรือว่าความสำเร็จคืออะไรอย่าง
01:05:32 → 01:05:36 บางบ้านลูกต้องได้เกดดีที่สุดต้องได้ A
01:05:36 → 01:05:39 ทุกตัวอย่างบางบ้านเอาให้ผ่านก็พอละอย่าง
01:05:39 → 01:05:42 บางบ้านบอกทำให้ดีที่สุดอันนี้ต้องหา
01:05:42 → 01:05:45 balance ให้เจอเพราะแล้วก็ต้องดูเด็ก
01:05:45 → 01:05:48 ด้วยบางทีเด็กมีเพื่อนเพื่อนผมหลายคนก็
01:05:48 → 01:05:50 คือสมัยก่อนเรียน
01:05:50 → 01:05:54 ๆพอเรียนจบม.ป 6 เรียนจบมหาลัยยังไม่จบ
01:05:54 → 01:05:57 มหาลัยเลยเบื่อะเรียนเพราะว่าโดนกดดันมา
01:05:57 → 01:06:02 ตั้งแต่เด็กอืนะไม่ได้ไม่ได้ประมาณในตัว
01:06:02 → 01:06:04 ที่เขา้าไหวเค้าเค้าก็ไม่เรียนเค้าก็ไม่
01:06:04 → 01:06:08 จบเค้าก็ทิ้งทั้งๆที่เป็นคนหัวอันนี้ก็
01:06:08 → 01:06:12 น่าเสียดายนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยพยายาม
01:06:12 → 01:06:16 หา balance ให้เจอจะดุเด็กก็กลับมาที่สติ
01:06:16 → 01:06:20 อีกดูเค้าด้วยเค้าไหวมั้ยเค้าเหนื่อยมั้ย
01:06:20 → 01:06:22 เค้า
01:06:22 → 01:06:26 รับได้มั้ยศักยภาพเมีเท่าไหร่มีสติเกรดเ
01:06:26 → 01:06:28 ไม่ดีมันจะทำไมไม่มีสติเห็นมั้ยบอกแล้ว
01:06:28 → 01:06:30 เนี่ยไปเล่นกับเพื่อนมัวแต่โทรหานู่นนี่
01:06:30 → 01:06:34 มัวแต่เล่นเกมเด็กก็ยิ่งกดดันมากขึ้นอื
01:06:34 → 01:06:36 แล้วยิ่งสังคมสมัยนี้เด็กเเข้าสื่อเขาเ
01:06:36 → 01:06:39 เข้าถึงสื่อได้ทุกแบบเค้าอาจจะหาทางออก
01:06:40 → 01:06:43 ของเค้าเองซึ่งเราไม่รู้มันก็ไม่ดีก็กลับ
01:06:43 → 01:06:46 มาที่สติผู้ปกครองก็ต้องเป็นครูที่บ้าน
01:06:46 → 01:06:49 อือแล้วก็ต้องมีสติอือรับฟังเด็กรับฟัง
01:06:49 → 01:06:53 ลูกแต่ไม่ใช่ให้รับฟังทุกเรื่องแล้วก็ยก
01:06:53 → 01:06:56 ลูกเป็นเอ่อพระขึ้นหิ้งเลยอย่างี้มันก็
01:06:56 → 01:06:58 ไม่ดีเด็กเค้าก็จะเห็นว่าเค้าก็จะไม่รับ
01:06:58 → 01:07:01 การเรียนรู้ว่า balance ของเขาคืออะไร
01:07:01 → 01:07:05 ความผิดความถูกหรืออะไรครับเหตุผลที่ผม
01:07:05 → 01:07:07 ถามพี่กฤษนะก็เพราะ
01:07:07 → 01:07:11 ว่ายังมีผู้ปกครองรู้สึก
01:07:11 → 01:07:15 ว่าเค้าส่งลูกไปเรียนโรงเรียนดีไม่พออื
01:07:15 → 01:07:19 แล้วในทางตรงข้ามก็มีลูกหลายๆคนนะ
01:07:19 → 01:07:22 ที่พูดมาว่าตอนเด็กๆเราก็เรียนโรงเรียน
01:07:22 → 01:07:25 บ้านๆเราเลยไม่ได้ไป
01:07:25 → 01:07:29 ไกลแล้วผมเห็นปัญหาสังคมปัจจุบันเนี่ยค่า
01:07:29 → 01:07:33 เล่าเรียนมันแพงโดยเฉพาะโรงเรียนแพงๆอ่ะ
01:07:33 → 01:07:35 เหยียบล้านนึงอ่ะเด็กเล็กเนี่ยปีนึง
01:07:35 → 01:07:38 7-800,000 อย่างเงี้ยครับมันผมก็เลยอยาก
01:07:38 → 01:07:42 จะตั้งคำถามว่าจริงๆแล้วเนี่ยการ
01:07:42 → 01:07:47 ศึกษากับการทำให้คนดีเนี่ยมันมันจริงๆมัน
01:07:47 → 01:07:50 คนละเรื่องนะครับการศึกษาก็อาจจะทำให้
01:07:50 → 01:07:54 เด็กเก่งเด็กมีข้อมูลแต่เด็กคนนั้นคิด
01:07:54 → 01:07:58 เป็นหรือเป็นคนดีแค่ไหนอะไรยังไงมันก็
01:07:58 → 01:08:02 อยู่ที่บ้านนะมันก็อยู่ที่สังคมนึงที่เรา
01:08:02 → 01:08:07 เรียกว่าสังคมครอบครัว Fam มันก็เป็นครู
01:08:07 → 01:08:10 อันดับ 1 รองมาจากโรงเรียนนะครับก็เป็น
01:08:10 → 01:08:16 ปัญหาใหญ่ที่พ่อแม่เองก็ต้องหาเงินครับนะ
01:08:16 → 01:08:20 ลูกเองก็ไม่ไม่มีเวลากับพ่อแม่ครับแต่ผม
01:08:20 → 01:08:25 ส่วนตัวผมคิดว่าไม่อยากให้รณรงค์เรื่อง
01:08:25 → 01:08:28 นี้เป็นข้ออ้างที่
01:08:28 → 01:08:31 จะส่งเสริม
01:08:31 → 01:08:33 คุณภาพ
01:08:33 → 01:08:36 ครอบครัวเพราะจริงๆสิ่งที่เราต้องการมัน
01:08:36 → 01:08:37 ไม่ใช่เวลา
01:08:37 → 01:08:42 มากเราแค่ต้องการลูกต้องการเวลาจากเรามี
01:08:42 → 01:08:45 ข้อมูลการศึกษาทางการแพทย์นะนานแล้วผมเคย
01:08:45 → 01:08:48 ฟังในเทestทอเบอกเด็กอ่ะจริงๆต้องการ
01:08:48 → 01:08:50 Quality time กับคุณภาพจากพ่อแม่เพียง
01:08:50 → 01:08:54 แค่ 45 นาทีเขาจะเรียนรู้ได้เร็วมากแต่
01:08:54 → 01:08:56 เวลานั้นที่เราให้ก็อย่างที่พี่เกียรติ
01:08:56 → 01:09:00 พูดคือต้องมีสติให้เค้าเต็มๆครับ 45 นาที
01:09:00 → 01:09:02 เนี่ยเราเลือกเวลาที่
01:09:02 → 01:09:07 เราให้ใจให้สมองให้ความคิดกับเขาเพียงพอ
01:09:07 → 01:09:09 แล้วก็เตรียมพร้อมให้เขาเป็นคนที่ดีมี
01:09:09 → 01:09:12 บุคลิกอะไรหลายๆอย่างที่โรงเรียน
01:09:12 → 01:09:15 เนี่ยไม่มีเวลาสอนเพราะโรงเรียนเนี่ยเขา
01:09:15 → 01:09:18 ก็ต้องเตรียมความพร้อมให้เหล็กสอบผ่านมี
01:09:18 → 01:09:21 คะแนนที่ดีครับก็เอ่อที่พูดอย่างี้ก็ไม่
01:09:21 → 01:09:25 ได้หมายความว่าครอบครัวผมก็อ่าประเสริฐ
01:09:25 → 01:09:28 หรือดีเนาะก็แค่อยากจะเสริมคุณหมอว่าพ่อ
01:09:28 → 01:09:31 แม่ก็ต้องทำหน้าที่ดีที่สุดครับสุดท้ายผล
01:09:31 → 01:09:34 จะออกมายังไงก็อีกเรื่องนึงครับอย่างน้อย
01:09:34 → 01:09:38 ๆวันนึงเราเห็นเขาโตเรามองตัวเองเราทำดี
01:09:38 → 01:09:41 ที่สุดละครับเราทำเต็มที่ละที่เหลือเป็น
01:09:41 → 01:09:44 เรื่องของอนาคตอะไรจะเกิดมีปัจจัยอื่นๆ
01:09:44 → 01:09:47 เข้ามามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นะครับ
01:09:47 → 01:09:53 ก็เอ่อเท่าที่ให้ได้ก็ให้อย่างมีคุณภาพอื
01:09:53 → 01:09:56 ถ้ามันไม่มีจริงๆก็เข้าใจเพราะว่าสังคม
01:09:56 → 01:10:01 มันบีบรัดทุกคนมันมันลำบากอืใช่มั้ยครับ
01:10:01 → 01:10:05 แม้ตัวผมเองก็บางทีก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก
01:10:05 → 01:10:09 เหมือนกันแต่เวลามีก็จะพยายามสอนค่อยๆสอน
01:10:09 → 01:10:13 แล้วเวลาสอนก็ค่อยๆสอนก็อย่าไปสอนชนิดที่
01:10:13 → 01:10:16 ว่าวันเดียวจบหนังสือทั้งเล่มมันเด็กมัน
01:10:16 → 01:10:19 รับไม่ได้อืค่อยๆพูดทีละนิดบางทีพ่อแม่
01:10:19 → 01:10:21 ต้องเข้าใจนะอึดอัดอยากจะพูดอยากจะพูดคุณ
01:10:21 → 01:10:26 ต้องอดทนแล้วคุณต้องเก็บหาโอกาสใหม่
01:10:26 → 01:10:29 กาลเทศะนี่สำคัญมากกาลก็เวลาเทสะก็สถาน
01:10:29 → 01:10:33 ที่ต้องดูเวลาและสถานที่ด้วยเราเริ่มพูด
01:10:33 → 01:10:36 เด็กเริ่มฟังเราพูดอีกเด็กเริ่มเอาละ
01:10:36 → 01:10:39 อารมณ์ฉุนเฉียวเริ่มไม่ฟังก็ต้องหยุดก็
01:10:39 → 01:10:42 ต้องเบรกให้เวลาอืนะครับอันเนี้สำคัญมาก
01:10:43 → 01:10:45 มันก็กลับมาที่สติอืคุณก็จะต้องวัดตลอด
01:10:45 → 01:10:49 ว่าพูดอยู่สังเกตเอาละรูปหน้าเปลี่ยนละอื
01:10:49 → 01:10:53 เราก็ต้องเปลี่ยนโทนเราละไม่ใช่ใส่ๆอย่าง
01:10:53 → 01:10:57 เดียวเด็กอย่าลืมว่าเราเองผู้ใหญ่เราก็
01:10:57 → 01:11:01 ได้รับการอบรมมาว่ามี 2 หูนะอเข้าหูออกหู
01:11:01 → 01:11:04 นะเด็กเค้าก็มี 2 หูนะคุณพูดไปเค้าก็เข้า
01:11:04 → 01:11:07 ออกเข้าข้างออกข้างเหมือนกันนะเค้าก็ไม่
01:11:07 → 01:11:10 ใช่ว่าโง่ใช่มั้ก็ต้องดูว่าพูดเพียงพอที่
01:11:10 → 01:11:13 เข้าหูนึงแล้วมันจะค้างอยู่ที่สมองอืพูด
01:11:13 → 01:11:15 เยอะๆเดี๋มันก็จะดันออกไปอีกหูอีกข้างนึง
01:11:15 → 01:11:19 อ่ะเด็กเขาก็รู้เราก็เคยเป็นเด็กอ่าเพราะ
01:11:19 → 01:11:23 ฉะนั้นเท่าที่มีก็ให้อย่างมีคุณภาพแล้ว
01:11:23 → 01:11:26 มันก็กลับมาที่สติครับทุกอย่างพี่กฤษดา
01:11:26 → 01:11:29 กำลังจะบอกว่าสติเนี่ยถือว่าเป็นรากพื้น
01:11:29 → 01:11:32 ฐานที่สำคัญรากฐานเสาเข็มตอหม้อใหญ่ที่
01:11:32 → 01:11:36 สุดสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างดังนั้นเริ่มเลย
01:11:36 → 01:11:40 ครับใครก็ได้ทุกอายุทุกวัยครับเริ่ม 2
01:11:40 → 01:11:44 เทคนิคลมหายใจกับจดจ่อกับงานที่เราทำครับ
01:11:44 → 01:11:49 สติสติอาจจะเป็นทางออกสำหรับปัญหาสังคมใน
01:11:49 → 01:11:53 หลายๆด้านแม้กระทั่งปัญหาในครอบครัวปัญหา
01:11:53 → 01:11:55 ในชีวิตปัญหาความ
01:11:55 → 01:12:00 สัมพันธ์สติถือว่าเป็นทรัพย์สินอันใหม่
01:12:00 → 01:12:04 ที่จะหายากขึ้นเรื่อยๆในยุคปัจจุบันและ
01:12:04 → 01:12:09 ศัตรูของสติคือสื่อที่มันมากขึ้นเรื่อยๆ
01:12:10 → 01:12:13 วิธีเดียวที่เราจะเอาชนะมันได้คือเราต้อง
01:12:13 → 01:12:15 ใช้สติติ
01:12:15 → 01:12:19 นำสุดท้ายอยากเห็นบ้านเมืองดีกว่านี้อยาก
01:12:20 → 01:12:24 ให้นักการเมืองหรือผู้บริหารหันมาใส่ใจ
01:12:24 → 01:12:27 สิ่งที่เป็นเรื่องง่ายๆแต่มักจะมองข้าม
01:12:27 → 01:12:31 คือการรณรงค์สติในสังคมพี่กฤษนะอยากจะฝาก
01:12:31 → 01:12:37 อะไรครับครับก็เอ่อเด็กก็จะเห็นว่าเด็ก
01:12:37 → 01:12:41 เป็นเด็กนะครับเด็กก็อีกไม่นานก็จะเป็น
01:12:41 → 01:12:45 ผู้ใหญ่นะครับแล้วก็ถ้าจะเป็นผู้ใหญ่ที่
01:12:45 → 01:12:49 ดีก็นอกจากการศึกษาที่เราอัดๆให้เค้า
01:12:49 → 01:12:54 เรียนแล้วเนี่ยก็อยากจะให้มีการเอ่อเค้า
01:12:54 → 01:12:58 เข้าใจในเรื่องของสติกับสมาธิมากขึ้นสอน
01:12:58 → 01:13:01 เด็กๆมีหลักสูตรสักอาจจะไม่เชิงว่าเป็น
01:13:01 → 01:13:03 หลักสูตรอาจจะจะเป็นหลักสูตรก็ได้หรืออาจ
01:13:03 → 01:13:06 จะเป็นในลักษณะว่ากิจกรรมอืง่ายๆที่เข้า
01:13:06 → 01:13:10 ถึงอืนะครับส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าเอ่อเรามี
01:13:10 → 01:13:13 วิชาพุทธศาสนาอยู่แล้วที่เค้าก็จะสอน
01:13:13 → 01:13:16 เรื่องสมาธิเรื่องอะไรก็ดีทีนี้ทำยังไง
01:13:17 → 01:13:20 ที่กิจกรรมอื่นๆที่เขาเรียนที่เขาเล่นให้
01:13:20 → 01:13:24 เาค้ามีสตินะครับอย่างเช่นผู้ชายซ้อม
01:13:24 → 01:13:26 ฟุตบอลนะอ่ะแปลฟุตบอลไปให้เพื่อนตั้งใจ
01:13:27 → 01:13:29 หน่อยตั้งใจหน่อยเด็กมันก็ไม่เข้าใจก็
01:13:29 → 01:13:32 อธิบายเค้าว่าให้ความคิดเราอยู่ตรงนี้นะ
01:13:32 → 01:13:35 การมีสมาธิแปลว่าเวลาเราซ้อมบอลเนี่ยแปล
01:13:35 → 01:13:37 บอลให้เพื่อนเราก็จะตั้งใจแปลไปตรงโน้น
01:13:37 → 01:13:40 ให้เพื่อนอใจเราอยู่ตรงนี้เราอย่าเพิ่งไป
01:13:40 → 01:13:43 คิดเรื่องว่าเดี๋ยวเราจะไปยิงประตู
01:13:43 → 01:13:47 อย่าเพิ่งไปคิดว่าเราเตะเหมือนเมสซี่เรา
01:13:47 → 01:13:50 อย่าไปคิดว่าอะไรต่างๆให้เค้าเข้าใจเบสิค
01:13:50 → 01:13:53 เจะได้รู้ว่าเขาจะต้องทำอะไรเวลานั้นก็
01:13:53 → 01:13:57 คือให้เขาระลึกรู้ว่าโฟกัสคืออะไรถ้าเรา
01:13:57 → 01:14:02 สังเกตเวลาเราดูกีฬาฟุตบอลเนี่ยถึงฝรั่ง
01:14:02 → 01:14:04 เขาจะไม่ได้ฝึกสติเหมือนบ้านเรานะแต่ทุก
01:14:04 → 01:14:08 คนจะพูดนะต้องโฟกัสกับเกมต้องโฟกัสกับการ
01:14:08 → 01:14:11 ซ้อมไม่ฟังข่าวอย่างอื่นผมจะโฟกัสโฟกัส
01:14:11 → 01:14:12 โฟกัส
01:14:12 → 01:14:15 Focus คืออะไรอ่ะ concentration
01:14:15 → 01:14:19 สมาธิเพราะฉะนั้นเจะได้ถูกรับการเทรนให้
01:14:19 → 01:14:21 มีสมาธิให้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่คุณทำคุณ
01:14:21 → 01:14:23 ต้องตั้งใจอยู่อย่างนี้คุณอย่าไปคิด
01:14:23 → 01:14:25 เรื่องอย่างอื่นอันนี้คือชีวิตของคุณอัน
01:14:25 → 01:14:28 นี้คือที่เขาสอนฝรั่งเขาสอนกันอย่างี้ถึง
01:14:28 → 01:14:30 เราจะได้ยินนักกีฬาเบอกโฟกัสโฟกัสถ้าเรา
01:14:30 → 01:14:33 ดูนะโฟocusโฟกัสโฟกัสได้ยินบ่อยมากเลย
01:14:33 → 01:14:35 focus with focus next game อะไร
01:14:35 → 01:14:36 อย่างนี้เป็น
01:14:36 → 01:14:42 ต้นเราก็ต้องในเมื่อเราอยู่ใกล้เอ่อกับ
01:14:42 → 01:14:45 ศาสนาพุทธผู้ที่เจริญในเรื่องของสติ
01:14:45 → 01:14:48 เรื่องสมาธิเราก็ควรจะฉวยโอกาสนะครับแต่
01:14:48 → 01:14:52 อันนี้ก็เป็นอีกอย่างนึงที่ผมสังเกตนะเรา
01:14:52 → 01:14:56 คนไทยเราอ่ะใช้คำว่าใจเย็นผิดอืเวลาเค้า
01:14:56 → 01:14:57 บอกว่าใจเย็น
01:14:57 → 01:15:01 ๆก็ค่อยพูดค่อยจากันเวลาอารมณ์ไม่ดีหรือ
01:15:01 → 01:15:03 คิดไม่ออกก็ใจเย็นๆอืแต่เราไปใจเย็นทุก
01:15:03 → 01:15:06 อย่างอเดี๋ยวค่อยทำก็ได้กลายเป็นขี้เกียจ
01:15:06 → 01:15:13 อออเออนะไอ้เรื่องแบบเนี้ยก็ต้องค่อยๆทำ
01:15:13 → 01:15:16 ความเข้าใจกันเอออ
01:15:16 → 01:15:20 ก็เลยว่ากลับมาที่ว่าถ้าในถ้าเท่าที่ผม
01:15:20 → 01:15:22 สังเกตตัวผมเองผมเรียนตั้งแต่เล็กจนโตมา
01:15:22 → 01:15:25 เวลาเราเรียนเอ่อศาสนาเราก็จะ
01:15:25 → 01:15:29 เรียนเอ่อเกี่ยวกับประวัติเกี่ยวกับวิถี
01:15:29 → 01:15:33 ชีวิตเรื่องราวตัวละครอะไรต่างๆแต่จะไม่
01:15:33 → 01:15:36 ค่อยได้เห็นว่าฝึกสติเป็นอย่างนี้ฝึกสติ
01:15:36 → 01:15:40 กับกิจกรรมของเราการเล่นการทำงานการเรียน
01:15:40 → 01:15:42 หรืออะไรที่เด็กเสัมผัสถึงเปรียบเทียบ
01:15:42 → 01:15:44 ง่ายๆอย่างที่การศึกษาถ้าผมจำให้ผิด
01:15:44 → 01:15:46 นอร์เวย์มั้ยที่ว่ามีวิธีการเรียนของเขา
01:15:46 → 01:15:50 ที่จะออกไปเรียนภาคสนามซะส่วนใหญ่มากกว่า
01:15:50 → 01:15:52 แล้วก็จะเห็นว่าการเรียนเมีคุณภาพเด็กเมี
01:15:52 → 01:15:55 คุณภาพอะไรอย่างนั้นน่ะอือก็คือสติอย่าไป
01:15:55 → 01:15:58 คิดว่าต้องนั่งสมาธิหลับตาฝึกสติไม่ได้
01:15:58 → 01:16:03 มันทำได้กับทุกกิจกรรมทุกที่ทุกเวลาครับ
01:16:03 → 01:16:06 หวังว่าเราคงได้ประโยชน์กับคำถามที่ผม
01:16:06 → 01:16:08 พยายามตั้งนะครับหวัง
01:16:08 → 01:16:12 ว่าพcสวันนี้จะช่วยผลักดันบ้านเมืองวันละ
01:16:13 → 01:16:17 นิดเพราะบ้านเมืองเป็นหน้าที่ของเราทุกคน
01:16:17 → 01:16:21 ไม่ได้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงาน
01:16:21 → 01:16:25 หนึ่งแขกรับเชิญคนต่อไปจะเป็นใครรอติดตาม
01:16:25 → 01:16:28 ผมหมอวินัยขอลาแล้วครับสวัสดีครับสวัสดี
01:16:28 → 01:16:34 ครับ
01:16:34 → 01:16:48 [เพลง]