00:00:00 → 00:00:02 นอนดึกคิดเยอะคิดมากใช้อารมณ์เยอะเกินไป
00:00:03 → 00:00:05 เล่นมือถือเยอะเกินไปแบบนี้จะเกิดของเสีย
00:00:05 → 00:00:08 ในสมองเพิ่มขึ้นไอ้ของเสียพวกเนี้ยก็จะทำ
00:00:08 → 00:00:10 ให้เราขี้หลงขี้ลืมขั้นแรกก่อนทำใจก่อน
00:00:10 → 00:00:14 ว่าอ๋อแบบเนี้ยเขาเรียกว่าโรคทางสมองถ้า
00:00:14 → 00:00:17 สมองเขาดีขึ้นถ้าของเสียในสมองเขาดีขึ้น
00:00:17 → 00:00:20 ถ้าสมองเกิดการฟื้นฟูซ่อมแซมอารมณ์เขาก็
00:00:21 → 00:00:23 กลับมาดีขึ้นได้นี่อนาคตอ่ะ
00:00:23 → 00:00:26 2573 จะมีคนป่วยเป็นอัลไซเมอร์ประเทศไทย
00:00:26 → 00:00:28 นะอย่างน้อยนะ 1 ล้านคนคิดพลาดตามนะ
00:00:28 → 00:00:31 อัลไซเมอร์ 1 คนน่ะต้องใช้คนดูแลอย่าง
00:00:31 → 00:00:33 น้อย 2 คนเราจะเสียทรัพยากรกับโรค
00:00:33 → 00:00:36 อัลไซเมอร์เท่าไหร่ต้องสร้างสติอยู่กับ
00:00:36 → 00:00:39 ตัวเองตั้งแต่กลางวันพอมันมีสติระหว่าง
00:00:39 → 00:00:42 วันใช่มั้ยพอคุณไปนอนปึ๊บมันก็จะมีสติกับ
00:00:42 → 00:00:45 การนอนชั่วโมงในการนอนเนี่ยสำคัญนะแต่ว่า
00:00:45 → 00:00:47 ไม่สำคัญเท่านอนหลับลึกอะเปล่าพระเกจิอ่ะ
00:00:47 → 00:00:50 นอนเวละชั่วโมงนึงนอนเวละ 2 ชั่วโมงท่าน
00:00:50 → 00:00:52 พอนะไม่ใช่ไม่พอนะคือท่านกดไปเดลต้าเลย
00:00:52 → 00:00:54 ฉะนั้นมันนอน 2 ชั่วโมงอ่ะพอ
00:00:54 → 00:01:01 แล้วเกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไกลโรค
00:01:01 → 00:01:04 สวัสดีค่ะสวัสดีครับโหดีใจมากเลยวันนี้
00:01:04 → 00:01:05 ได้เจอคุณหมอนัทอีกแล้วดีใจเช่นกันครับ
00:01:06 → 00:01:09 ได้เจอแพนด้าแล้วก็คุณผู้ชมของเกลาครับ
00:01:09 → 00:01:11 วันนี้ไม่ใช่สัมภาษณ์ละแต่ว่าวันนี้เรา
00:01:11 → 00:01:14 อยู่ในรายการเกลาแก้โรคค่ะโอเคอ่าเกลาแก้
00:01:14 → 00:01:17 โรคนะใช่เกลาแก้โรคเดี๋ยวเราจะมาทั้งเกลา
00:01:17 → 00:01:20 ทั้งนิสัยทั้งกิจวัตรแล้วก็สาเหตุหลายๆ
00:01:20 → 00:01:23 อย่างที่ทำให้มันเกิดโรคอเลยต้องบอกก่อน
00:01:23 → 00:01:25 ว่าวันนี้เนี่ยค่ะคุณหมอเราจะคุยกันทั้ง
00:01:25 → 00:01:28 เรื่องของสมองอาจจะมีโรคทางสมองด้วยแล้ว
00:01:28 → 00:01:32 ก็อาจจะไปถึงถึงโรคของใจด้วยอวันวันนี้
00:01:32 → 00:01:35 เราจะใช้ทั้งสมองและหัวใจอ่ะโอเคแก้ทั้ง
00:01:35 → 00:01:38 หัวแล้วก็ใจไปพร้อมกันเอ้ยไม่ใช่พร้อมกัน
00:01:38 → 00:01:42 เออใช่ค่ะกลาไปพร้อมกันโอเคครับอันดับแรก
00:01:42 → 00:01:43 เดี๋ยวหนูวันนี้หนูอยากถามเรื่องเกี่ยว
00:01:43 → 00:01:46 กับโรคอัลไซเมอร์ค่ะอ่าก่อนที่เราจะไปถึง
00:01:46 → 00:01:49 อัลไซเมอร์หนูขอถามก่อนว่าบางคนค่ะคุณหมอ
00:01:49 → 00:01:52 เขามีอาการขี้หลงขี้ลืมแบบอุ้ยลืมแบบใช้
00:01:52 → 00:01:54 ชีวิตประจำวันเนี่ยเดี๋ยวหลงๆลลืมๆ
00:01:54 → 00:01:57 อันเนี้ยเนี่ยในระยะยาวเนี่ยค่ะมีโอกาสนำ
00:01:57 → 00:01:59 ไปสู่การเป็นอัลไซเมอร์มั้ยคะอหมายถึงว่า
00:01:59 → 00:02:02 วยรุ่นใช่มั้ยวัยคุณเหรออ่าใช่ค่ะอัจริงๆ
00:02:02 → 00:02:04 วัยนี้ก็เริ่มลืมแล้วค่ะโอเเริ่มแล้วคือ
00:02:04 → 00:02:07 มนุษย์เราเนี่ยนอนดึกคิดเยอะคิดมากใช้
00:02:07 → 00:02:10 อารมณ์เยอะเกินไปเล่นมือถือเยอะเกินไปแบบ
00:02:10 → 00:02:13 นี้จะเกิดของเสียในสมองเพิ่มขึ้นแล้วพอไป
00:02:13 → 00:02:16 นอนใช่มยมันจะมีการเก็บกวาดเออถ้าเก็บ
00:02:16 → 00:02:18 กวาดไม่หมดมันจะเกิดของเสียไอ้ของเสียพวก
00:02:18 → 00:02:20 เก็จะทำให้เราขี้หลงขี้ลืมฉะนั้นแล้ว
00:02:20 → 00:02:22 เนี่ยยุคปัจจุบันเนี่ยเป็นตั้งแต่วัยรุ่น
00:02:22 → 00:02:25 อ่ะ 30 ขึ้นไปก็เริ่มละเริ่มขี้หลงขี้ลืม
00:02:25 → 00:02:28 ฉะนั้นถ้าคุณปล่อยแบบนี้ต่อไปยังนอนดึก
00:02:29 → 00:02:31 ยังเล่นมือถือตลอดเวลายังควบคุมอารมณ์ไม่
00:02:31 → 00:02:34 ได้ยังคิดเยอะคิดมากตลอดเวลาก็ไปทางนั้น
00:02:34 → 00:02:37 แหละทางไปทางอัลไซเมอร์เพราะว่าพอเดี๋ยว
00:02:37 → 00:02:39 นี้นะส่วนใหญ่เนี่ยก็จะมีปัญหาทางสมองหมด
00:02:39 → 00:02:41 แหละในทางเวลาอายุแบบ 60 ขึ้นไปอะไรอย่าง
00:02:41 → 00:02:44 เงี้ยถ้าเราไม่ไม่เริ่มปรับพฤติกรรมใช่ก็
00:02:44 → 00:02:48 อาจจะมีโอกาสในอนาคตใช่มีโอกาสมีโอกาสค่ะ
00:02:48 → 00:02:50 แล้วโรคอัลไซเมอร์อ่ะค่ะอคนที่เป็น
00:02:51 → 00:02:53 อัลไซเมอร์จริงๆเนี่ยอาการของอัลไซเมอร์
00:02:53 → 00:02:55 เป็นยังไงบ้างคะอัลไซเมอร์เนี่ยมี 4
00:02:55 → 00:03:00 ระดับแล้วกันนะอค่อยๆทำใจดีๆทำใจดีๆ
00:03:00 → 00:03:02 ใช่เพราะว่าฟังแล้วเดี๋ยวคนเฮ้ยเราเป็น
00:03:02 → 00:03:04 ระดับนั้นแล้วอะไรอย่างเงี้ยคือฟังแล้วก็
00:03:04 → 00:03:06 ต้องเค้าเรียกตั้งสติด้วยนะเอระดับที่ 1
00:03:06 → 00:03:11 ก่อนก็คือคนไม่ค่อยรู้ตัวคือผู้เป็นก็ไม่
00:03:11 → 00:03:15 ค่อยรู้ตัวผู้ที่ดูแลหรือว่าอยู่ด้วยแฟน
00:03:15 → 00:03:17 หรือคุณพ่อคุณแม่หรือตัวหรือใครก็ได้อ่ะ
00:03:17 → 00:03:21 ไม่ค่อยรู้ตัวคือเริ่มขี้ลืมนิดๆนะเวี่ยง
00:03:21 → 00:03:25 ๆหงุดหงิดง่ายควบคุมอารมณ์ได้ไม่ค่อยดี
00:03:25 → 00:03:28 ลืมแบบง่ายๆลืมกุญแจบ้านกุญแจรถอะไรเงี้ย
00:03:28 → 00:03:30 แบบเกิดขึ้นได้ทั่วไปแบบเนี้ยก็อันนี้คือ
00:03:30 → 00:03:33 ระยะที่ 1 แล้วนะคืออารมณ์มันเริ่มแบบ
00:03:33 → 00:03:36 เอ้ยมันกลุ่นๆอ่ะมันเริ่มเปลี่ยนละนะอแบบ
00:03:36 → 00:03:39 ที่ 2 นี่ก็คือว่าเริ่มหงุดหงิดมากขึ้น
00:03:39 → 00:03:43 เริ่มนอนไม่ค่อยดีและเริ่มคิดวิตกกังวล
00:03:43 → 00:03:46 เรื่องนู้นเรื่องนี้ได้ง่ายๆละนะแล้วก็
00:03:46 → 00:03:49 เริ่มมีอาการแบบลืมมากขึ้นและเออไม่ใช่
00:03:49 → 00:03:52 แค่ลืมกุญแจและอาจจะลืมแบบว่าเฮ้ยพรุ่ง
00:03:52 → 00:03:54 นี้ต้องส่งงานเ้ยลืมไม่ได้ทำเลยอะไรเงี้ย
00:03:54 → 00:03:57 คือมันลืมมากขึ้นน่ะแบบที่ 3 นี่คืออยู่
00:03:57 → 00:03:59 คนเดียวไม่ค่อยได้ละเออมันก็เลยกลายเป็น
00:03:59 → 00:04:03 ว่าต้องมีผู้ช่วยอ่ะนะครับจะหาข้าวกินจะ
00:04:03 → 00:04:06 ทำอะไรที่เป็นกิจวัตรประจำวันอะไรอย่าง
00:04:06 → 00:04:08 เงี้ยนะครับมันเริ่มไม่ค่อยโอเคอย่างขับ
00:04:08 → 00:04:10 รถอย่างเงี้ยมันต้องใช้สมองเยอะใช่มั้ย
00:04:10 → 00:04:12 มันจะไปทางไหนก็ลำบากจะไปเที่ยวคนเดียวไป
00:04:13 → 00:04:15 เที่ยวต่างจังหวัดไปเที่ยวต่างประเทศนี่
00:04:15 → 00:04:18 ค่อนข้างยากแะระดับ 4 นี่คือแบบร้ายแรง
00:04:18 → 00:04:20 เลยนะครับคืออยู่คนเดียวไม่ได้เลยแน่ๆ
00:04:21 → 00:04:23 เพราะว่าเข้าห้องน้ำก็ไม่รู้วิธีกดน้ำ
00:04:23 → 00:04:26 อย่างเงี้ยใส่เสื้อผ้าไม่ได้อ่ะใส่เสื้อ
00:04:27 → 00:04:29 ผ้าไม่ได้นี่งงเลยนะใช่มั้ยแล้วก็อารมณ์
00:04:29 → 00:04:31 ก็ก็จะรุนแรงมากๆอะไรอย่างเงี้ยไม่สามารถ
00:04:31 → 00:04:35 ควบคุมอารมณ์ได้ไม่สามารถสื่อสารสิ่งที่
00:04:35 → 00:04:37 ตัวเองต้องการได้อันนี้คือแบบเป็นเยอะๆอ
00:04:37 → 00:04:40 อย่างเงี้ยอนี่คืออัลไซเมอร์ 4 ระดับอื
00:04:40 → 00:04:43 ซึ่งบางอันเนี่ยถ้าเป็นระดับแบบ 34 เนี่ย
00:04:43 → 00:04:46 มันเริ่มจะชัดแล้วแหละแต่ว่าระดับ 1 2
00:04:46 → 00:04:49 อย่าเงี้ยค่ะที่คุณหมอบอกว่าคือหนูฟังดู
00:04:49 → 00:04:51 แล้วบางครั้งมันเป็นนิสัยของบางคนด้วยซ้ำ
00:04:51 → 00:04:53 อ่าแล้วเราจะแยกยังไงหรือมีวิธีการสังเกต
00:04:53 → 00:04:54 คนใกล้ตัวยังไงว่าเาเริ่มจะเป็น
00:04:55 → 00:04:57 อัลไซเมอร์หรือยังโอเคเอาแบบอันง่ายๆเลย
00:04:57 → 00:05:00 นะค่ะสมมุติเราเป็นแฟนกันค่ะนะแต่ก่อนพูด
00:05:00 → 00:05:03 เพราะจังเลยอ่ะอือเอพูดจาเพราะพลิ้งพูด
00:05:04 → 00:05:06 อะไรก็จำได้หมดอะไรอย่างเงี้ยจะบอกว่าจะ
00:05:06 → 00:05:08 ไปเที่ยวต่างจังหวัดวันนู้นวันนี้จำได้
00:05:08 → 00:05:11 หมดอ่ะอยู่ดีเริ่มพูดไม่เพราะละเออพูดจา
00:05:11 → 00:05:15 แบบ้วนๆละเริ่มพูดคำหยาบมากขึ้นอะไรอย่าง
00:05:15 → 00:05:16 เงี้ยอันนี้คือมันเป็นเรื่องของสมองด้วย
00:05:16 → 00:05:20 นะพูดอะไรทำอะไรก็จำไม่ค่อยได้แล้วก็เป็น
00:05:21 → 00:05:24 คนที่ผลัดวันประกันพุ่งบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
00:05:24 → 00:05:26 สังเกตคนข้างๆนะคือจากแต่ก่อนไม่เป็นน่ะ
00:05:26 → 00:05:28 แต่เดี๋ยวนี้เป็นมากขึ้นน่ะก็แสดงว่า
00:05:28 → 00:05:32 เริ่มมีปัญหาหาเกี่ยวกับสมองและแสดงว่า
00:05:32 → 00:05:34 เราก็จะเห็นว่าเ้ยนิสัยเขาเปลี่ยนไปแบบคน
00:05:34 → 00:05:37 ละอย่างเลยใช่ๆคือมันมันไม่ใช่แบบพลิกภาย
00:05:37 → 00:05:40 ใน 1 วันนะแต่ปีที่แล้วกับปีนี้ต่างกัน
00:05:40 → 00:05:43 เยอะอืเอออันเนี้ยแสดงว่าต้องรีบแก้ไขไม่
00:05:43 → 00:05:45 ใช่ว่าแบบโหต้องพุ่งเป็นหาหมออย่างเดียว
00:05:45 → 00:05:48 ไม่ใช่นะแก้ด้วยตนเองก่อนได้ไงเช่นนอน
00:05:48 → 00:05:51 เร็วหรือยังเงี้ยเออดูแลตัวเองเรื่องของ
00:05:51 → 00:05:53 สมาธิบ้างหรือยังไม่ใช่แบบโอหเล่นมือถือ
00:05:53 → 00:05:55 ทั้งวันเล่นเกมทั้งวันอันนี้มันก็ส่งผล
00:05:55 → 00:05:58 ให้วิ่งทางนั้นแหละก็จะเป็นได้ง่ายเนาะอื
00:05:58 → 00:06:02 คำถามต่อไปเลยครับแล้วเรารับมือยงถ้าสว่า
00:06:02 → 00:06:05 แน่ๆแล้วลว่าคนในครอบครัวเราเป็น
00:06:05 → 00:06:08 อัลไซเมอรเราต้องอยู่ร่วมกับอ่ะค่ะแน่นอน
00:06:08 → 00:06:10 ว่าพอในครอบครัวมีคนป่วยอ่ะรูทีนชีวิตมัน
00:06:10 → 00:06:13 ก็คงเปลี่ยนไปหลายๆอย่างเนาะอ่าเราจะรับ
00:06:13 → 00:06:15 มือแล้วก็อยู่ร่วมกันยังไงดีคะผมว่าหลาย
00:06:15 → 00:06:18 คนทางบ้านนะที่ฟังอยู่นะมีคุณพ่อคุณแม่
00:06:18 → 00:06:21 เป็นมีเพื่อนเป็นมีแฟนเป็นอะไรอย่างเงี้ย
00:06:21 → 00:06:25 ขั้นแรกก่อนทำใจก่อนทำใจก่อนว่าอ๋อแบบ
00:06:25 → 00:06:28 เนี้ยเขาเรียกว่าโลกทางสมองนึกออกมันไม่
00:06:28 → 00:06:30 ใช่แบบเพราะไม่งั้นมันจะกลายเป็นอย่างงี้
00:06:30 → 00:06:32 เดี๋ยวนี้นิสัยไม่ดีไม่ครบแล้วไม่เอาะนึก
00:06:32 → 00:06:35 ออกป่ะเอไปไปทะเลาะกับเคด้วยซ้ำใช่ๆๆไป
00:06:35 → 00:06:37 แบบโห้ยไม่ดีเธอมันเปลี่ยนไปเธอมันแยก
00:06:37 → 00:06:39 อะไรอย่างเงี้ยนึกออกป่ะแต่อ๋อโอเคมัน
00:06:39 → 00:06:43 เป็นปัญหาทางสมองมันแก้ได้ให้คิดอย่างงี้
00:06:43 → 00:06:46 ก่อนว่าเฮ้ยถ้าสมองเดีขึ้นถ้าของเสียใน
00:06:46 → 00:06:49 สมองเขาดีขึ้นถ้าสมองเกิดการฟื้นฟูซ่อม
00:06:49 → 00:06:53 แซมอารมณ์เขาก็ดีกลับมาดีขึ้นได้นี่พอเรา
00:06:53 → 00:06:55 คิดแบบเมันเหมือนแบบเฮ้ยมันมีทางสว่าง
00:06:55 → 00:06:58 เว้ยเวลาคิดแบบเนี้ยมันจะรู้สึกว่ามองโลก
00:06:58 → 00:07:01 ในแง่ดีมันจะแก้ไขได้ไงแต่ถ้าเราไปมองว่า
00:07:01 → 00:07:05 ไอ้เนี่ยพังลงทุกวันเลยนึกออกมั้ยอ่ะคุณ
00:07:05 → 00:07:08 จะอยู่มั้ยล่ะก็ไม่อยากอยู่นะก็ไม่อยาก
00:07:08 → 00:07:10 อยู่แล้วถูกมั้ยเออฉะนั้นต้องมองว่ามันมี
00:07:10 → 00:07:13 โอกาสที่จะดีขึ้นได้ก่อนอ่าประมาณนี้นะ
00:07:13 → 00:07:15 อ้าถ้าทางพุทธศาสนาเเรียกว่ามีนิโรธก่อน
00:07:15 → 00:07:19 มันดับยังไงก่อนอย่างถ้าพุทธศาสนานิโรธก็
00:07:19 → 00:07:22 คือนิพพานอ๋อนเราอยากไปนิพพานนะนิพพานมัน
00:07:22 → 00:07:25 สว่างๆสงบๆไม่ต้องมาเกิดอีกแล้วจึงมีวิธี
00:07:25 → 00:07:27 การไงก็คือมรรคถูกมั้ยเออมันต้องมีเป้า
00:07:27 → 00:07:30 หมายชัดเจนก่อนว่าเฮ้ยเป้าหมายมันมีวิธี
00:07:30 → 00:07:32 การนี่หว่าฉะนั้นมันมันจึงมีมรรคเกิดขึ้น
00:07:32 → 00:07:36 ว่าอ๋อทำ 1 2 3 4 ลดการใช้มือถือไป
00:07:36 → 00:07:39 เที่ยวด้วยกันค่อยๆพัฒนาสมองหาวิธีบาง
00:07:39 → 00:07:43 อย่างเพื่อพัฒนาสมองเห็นามั้ยเออแต่ถ้า
00:07:43 → 00:07:45 อยู่ดีๆเรากระโดดข้ามบอกว่าเราจะแก้ไขเลย
00:07:45 → 00:07:49 อ่ะบางทีทะเลาะกันอืนึกออกป่ะฉะนั้นมัน
00:07:49 → 00:07:51 ต้องเห็นภาพชัดว่าเป้าหมายข้างหน้าที่เรา
00:07:51 → 00:07:53 จะเดินไปมันต้องเป็นเป้าหมายว่าโอเคมันมี
00:07:53 → 00:07:56 วิธีการอยู่ร่วมกันทำอะไรอย่าเงี้ยอืพูด
00:07:56 → 00:08:00 ถึงวิธีการเข้าเลยว่าแล้วเราจะฟื้นฟูหรือ
00:08:00 → 00:08:03 ว่าเราจะทำยังไงให้เ่ออาการอัลไซเมอร์ดี
00:08:03 → 00:08:06 ขึ้นมันมีวิธีการอะไรบ้างถ้าอโอไม่ได้ใช้
00:08:06 → 00:08:09 ยาสมองเราเเวลาเราเป็นอัลไซเมอร์ใช่มยเรา
00:08:09 → 00:08:12 จะมีของเสียเยอะผิดปกติซึ่งไอ้ของเสีย
00:08:12 → 00:08:15 เนี่ยเราเรียกกันว่าโปรตีนแล้วกันเออ
00:08:15 → 00:08:19 ไมลอยบีต้านะครับแล้วก็โปรตีนเทาโปรตีน
00:08:19 → 00:08:22 จุดๆๆอะไรว่าไปนะครับแต่ว่า 2 อย่างเนี้ย
00:08:22 → 00:08:25 เป็น 2 อย่างหลักๆที่เป็นขยะอยู่ในสมอง
00:08:25 → 00:08:27 ฉะนั้นวิธีการแก้โรคอัลไซเมอร์คือกำจัด
00:08:28 → 00:08:30 ขยะออกให้หมดเออมันคงไม่หมด 100% หรอก
00:08:30 → 00:08:32 เพราะว่ามันเกิดขึ้นทุกวันใช่มยแต่อย่า
00:08:32 → 00:08:36 ให้มันเกิดเยอะแล้วก็เอาที่มีอยู่เอาออก
00:08:36 → 00:08:39 แล้ววิธีการเอาออกคืออะไรล่ะสงบๆไงทำตัว
00:08:39 → 00:08:42 ให้มันสงบขึ้นหน่อยเออเช่นคนๆนี้เป็นคน
00:08:42 → 00:08:45 เล่นเกมทั้งวันก็ต้องลดการเล่นเกมอ่ะโอเค
00:08:45 → 00:08:47 มั้ยอาจจะจำกัดการเล่นเกมอ่ะสมมุติแฟนเรา
00:08:47 → 00:08:50 เล่นเกมโอหกูเล่นเกม 6 ช่มต่อวันเลยนะอาจ
00:08:50 → 00:08:52 จะต้องลดลงเหลือ 2 ช่วโมง 1 ชั่วโมงอะไร
00:08:52 → 00:08:54 อย่างเงี้ยนะครับแล้วก็เพื่อเป้าหมายร่วม
00:08:54 → 00:08:57 กันก็คือว่าทำให้สมองมันไม่วุ่นวายเกินไป
00:08:57 → 00:09:00 จนกระทั่งมีโปรตีนมีขยะในในสมองเยอะขึ้น
00:09:00 → 00:09:02 เป็นคนนอนดึกทั้งคู่นอน 1 ทั้งคู่อย่าง
00:09:02 → 00:09:04 เงี้ยดูซีรีส์ด้วยกันน่ะนั่งดูนอนดู
00:09:04 → 00:09:08 ซีรีส์ด้วยกันนอน 1 นเอ้ยไม่ได้ะอเรามา
00:09:08 → 00:09:11 ร่วมกันนอน 22:30 นแต่มันต้องช่วยกันไง
00:09:11 → 00:09:13 โอเคมยค่อยๆปโอเดี๋ยวถ้านอนเร็วเดี๋ยว
00:09:13 → 00:09:15 ตื่นเช้าจะดูซีรีส์ตอนเช้าแล้วกันช่วยกัน
00:09:16 → 00:09:19 แบ่งเบาภาระและด้วยกันและกันรีบแก้ไขรีบ
00:09:19 → 00:09:22 ซักผ้ารีบดูแลงานบ้านให้เสร็จจะได้นอนไว
00:09:22 → 00:09:25 ขึ้นเวลาจะทำอะไรก็ตามทำทีละอย่างเวลาเรา
00:09:25 → 00:09:27 ทำอะไรหลายๆอย่างพร้อมๆกันเป็นไงสมอง
00:09:27 → 00:09:33 Error เออมันจะ Error นะ
00:09:33 → 00:09:37 ทำฟุ้งได้ฉถ้าเราทำอะไทีละอย่างเราก็มี
00:09:37 → 00:09:40 สมาธิเพิ่มขึ้นเวลาเรามีสมาธิเพิ่มขึ้น
00:09:40 → 00:09:43 ของเสียไม่เยอะเวลาคุณไปนอนมันก็กวาดแป๊บ
00:09:43 → 00:09:47 เดียวก็หมดะเออทำอย่างงนี้เรื่อยๆสัก 6
00:09:47 → 00:09:49 เดือนปีนึงของเสียในสมองน้อยลงคุณก็จะ
00:09:49 → 00:09:53 เปลี่ยนเป็นคนเก่าแต่ดีขึ้นนึกออกือกลาย
00:09:53 → 00:09:56 เป็นคนที่ยังพูดเพราะเหมือนเดิมบุคลิกท่า
00:09:56 → 00:10:00 ทางที่ดียังเป็นคนที่ไม่ผัดวันกพุ่งยัง
00:10:00 → 00:10:03 เป็นคนที่มีเป้าหมายชีวิตมองโลกในแง่ดี
00:10:03 → 00:10:06 กลับคืนมาแก้ด้วยการที่เรารู้ก่อนน่ะว่า
00:10:06 → 00:10:07 เราต้องการเคลียร์สมองออกอะไรอย่าเงี้ย
00:10:07 → 00:10:10 เกีย์ของเสียเนาอค่ะอันนี้เกี่ยวมั้ยคะ
00:10:10 → 00:10:13 ที่ว่าผู้สูงอายุเนี่ยเป็นอัลไซเมอร์มาก
00:10:13 → 00:10:16 กว่าเพราะว่าสะสมอะไรมาเยอะกว่าอแน่นอนอื
00:10:16 → 00:10:19 คือผู้สูงอายุเนี่ยก็คือสะสมทุกวันน่ะใช่
00:10:19 → 00:10:22 มั้ยแล้วพอถึงอายุประมาณซัก 65 ปีขึ้นไป
00:10:22 → 00:10:25 นะจะเป็นอยู่ 88% คือ 8 คนใน 100 คนน่ะ
00:10:25 → 00:10:28 อายุ 65 นะจะเป็นอัลไซเมอร์และอระยะไหนก็
00:10:28 → 00:10:31 ว่ากันไปอายุ 80 เมื่อไหร่ครึ่งนึงเลยโดน
00:10:31 → 00:10:33 เกือบทุกคนน่ะถูกมั้ยเออมันก็จะเป็นมาก
00:10:33 → 00:10:36 เป็นน้อยอะไรก็ว่ากันไปออืออือแล้วอ่ะ
00:10:36 → 00:10:39 สมมุติสมมุติแพนด้าอายุ 80 แต่แพนด้าไม่
00:10:39 → 00:10:43 อยากเป็นออโอเคเออคำถามดีว่ะถได้ดีๆไม่
00:10:43 → 00:10:45 อยากเป็นใช่ป่ะอ่ะผมเคยคิดเรื่องนี้งไอ้
00:10:45 → 00:10:48 ตัวเองนะเพราะว่าเราไม่มีลูกไงผมไม่มีลูก
00:10:48 → 00:10:51 อนะค่ะแล้วจะทำยังไงไม่ให้เป็นออันแรกกนะ
00:10:51 → 00:10:54 ผมต้องฝึกสมาธิทุกวันผมสวดมนต์แล้วก็
00:10:54 → 00:10:57 พยายามนอนเร็วนะนอนเร็วของผมก็ประมาณสัก
00:10:57 → 00:11:00 22:30 น 2300 นไม่เกินนี้เวลาทำอะไรก็
00:11:00 → 00:11:02 ตามเนี่ยโฟกัสอ่ะไม่ให้มันแบบฟุ้งเฟ้อ
00:11:02 → 00:11:04 วุ่นวายอะไรเกินไปอะไรอย่างเงี้ยอันนี้
00:11:04 → 00:11:08 เท่าที่ผมทำได้ในฐานะผมอะนะส่วนบางคนไม่
00:11:08 → 00:11:10 ใช่ศาสนาพุทธอ่ะอาจจะเป็นคริสต์อิสลาม
00:11:11 → 00:11:12 เป็นซิกอะไรอย่างเงี้ยอันนี้แล้วแต่ศาสนา
00:11:12 → 00:11:16 ท่านแต่ว่าทำไงก็ได้อ่ะให้สมองไม่ต้องใช้
00:11:16 → 00:11:20 งานมากเกินไปแล้วก็ทำให้ใจค่อนข้างสงบนะ
00:11:20 → 00:11:23 เวลาทำอะไรก็ต้องโฟกัสให้ดีอย่ามั่วอย่า
00:11:23 → 00:11:26 เยอะเกินไปอย่าไปมีความต้องการให้มันมัน
00:11:26 → 00:11:30 วุ่นวายเกินไปแบบนั้นน่ะจะเป็นอัลไซเมอร์
00:11:30 → 00:11:33 ได้ยากขึ้นแต่ว่าในยุคปัจจุบันเ่ะแ้าเห็น
00:11:33 → 00:11:35 มั้ยว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเราอ่ะมัน
00:11:35 → 00:11:39 ild ให้เราไม่สงบใช่ถูกมั้ยต้องทันโลก
00:11:39 → 00:11:42 ต้องทันเทรนใช่อย่างเช่นเราเปิดเข้าไปดู
00:11:42 → 00:11:44 ในซีรีส์ต่างๆเนี่ยโอ้โหเดี๋ยวแต่ก่อนเ
00:11:44 → 00:11:46 กว่าจะได้ดูหนังสักเรื่องนะนานใช่มั้ย
00:11:46 → 00:11:49 เดี๋ยวนี้มาให้ 100 เรื่องให้เลือกเลยเรา
00:11:49 → 00:11:51 ก็เลือกเลือกทั้งคืนนะไม่ได้สักเรื่องเลย
00:11:51 → 00:11:53 อะไรอย่างเงี้ยนึกออกมั้ยมันมีตัวเลือก
00:11:53 → 00:11:57 เยอะมันมีเครื่องกวนสมองกวนประสาทเยอะนะน
00:11:57 → 00:12:01 แล้วก็การงานการหาเงินทุกวันเมันก็หายาก
00:12:01 → 00:12:03 ขึ้นฉะนั้นแล้วเนี่ยมันก็ยิ่งทำให้สมอง
00:12:03 → 00:12:06 เราอ่ะใช้เยอะขึ้นดังนั้นแล้วเนี่ยเขาเลย
00:12:06 → 00:12:10 เเรียกโคสนะอนาคตอ่ะอีกประมาณ
00:12:10 → 00:12:13 2573 ค่ะจะมีคนป่วยเป็นอัลไซเมอร์ประเทศ
00:12:13 → 00:12:17 ไทยนะอย่างน้อยนะ 1 ล้านคนคิดภาพตามนะไม่
00:12:17 → 00:12:20 เป็นเราโอเค 1 ล้านคนคุณนึกภาพตามคนเอ
00:12:20 → 00:12:22 อัลไซเมอร์ 1 คนน่ะต้องใช้คนดูแลอย่าง
00:12:22 → 00:12:25 น้อย 2 คนอืเราจะเสียทรัพยากรกับโรค
00:12:25 → 00:12:28 อัลไซเมอร์เท่าไหร่เป็น 1 ล้านต้องหาคนดู
00:12:28 → 00:12:32 แล 2 ล้านเท่ากับคุณกำลังเสียทรัพยากร 3
00:12:32 → 00:12:35 ล้านคนในการที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ซึ่งไม่
00:12:35 → 00:12:39 ได้หายนะแค่ประคองนะและแย่ลงเรื่อยๆแบบ
00:12:39 → 00:12:42 นี้เป็นไงประเทศชาติจะไหวมั้ยจะเดินยังไง
00:12:42 → 00:12:45 ในเมื่อเราต้องประคองคนเหล่าเนี้ยเยอะมาก
00:12:45 → 00:12:48 ๆเลยฉะนั้นวันนี้ต้องฝากคนดูนี่แหละไม่
00:12:48 → 00:12:50 ได้ฝากใครนะฝากคนที่กำลังดูนี่แหละดูแล
00:12:50 → 00:12:55 ตัวเองตั้งแต่คืนนี้วันนี้วินาทีนี้อย่า
00:12:55 → 00:12:58 เป็นอัลไซเมอร์ผมบอกตัวเองด้วยนะคได้มั้ย
00:12:58 → 00:13:01 บอกบอกบเหมือนใช่เอใช่มอย่าเป็นเพราะว่า
00:13:01 → 00:13:03 ถ้าเป็นปุ๊บอ่ะไม่ใช่แค่ลำบากแค่เราลำบาก
00:13:03 → 00:13:06 คนดูแลลำบากประเทศชาติโอฟังดูแล้วดูเป็น
00:13:06 → 00:13:08 วาระแห่งชาติมากเลยอ่ะใช่ที่มาพูดวัน
00:13:08 → 00:13:11 เนี้ยก็เพราะเป็นวาระแห่งชาตินี่แหละคอือ
00:13:11 → 00:13:13 จริงค่ะแล้วก็เพราะว่าเมื่อกี้ก่อนที่คุณ
00:13:13 → 00:13:16 หมอจะพูดว่ามีการรคสว่า 2573 เนี่ยจะมีคน
00:13:17 → 00:13:19 เป็นอัลไซเมอร์มากขึ้นต่ำสุด 1 ล้านคน
00:13:19 → 00:13:21 จริงๆต่อให้คุณหมอยังไม่พูดอ่ะเราก็พอจะ
00:13:21 → 00:13:24 อนุมานหรือเข้าใจได้ว่ามันคงจะเพิ่มขึ้น
00:13:24 → 00:13:26 แหละด้วยความที่สื่อต่างๆหรือว่า
00:13:27 → 00:13:29 เทคโนโลยีต่างๆที่มันเข้ามาดรัหรถือว่า
00:13:29 → 00:13:31 แบบทำให้เราแบบแทบแทบไม่ได้อยู่กับตัวเอง
00:13:31 → 00:13:34 เลยอ่ะอือๆฉะนั้นแล้วทุกวันนี้ถ้าเรายัง
00:13:34 → 00:13:39 ไม่ตระหนักนะแล้วไม่มีสติรู้นะถึงวันนั้น
00:13:39 → 00:13:42 แก้ทันมั้ยแพหนาวะโอ๊ยแก้ไม่น่าทันไม่ทัน
00:13:42 → 00:13:45 แล้วถูกมั้ยเออฉะนั้นแล้วมันเลยต้องแก้
00:13:45 → 00:13:47 ตั้งแต่วินาทีนี้อย่างที่คุณหมอบอกไป
00:13:47 → 00:13:50 เมื่อเมื่อสักครู่นี้ว่าอือเออเราทุกวัน
00:13:50 → 00:13:53 นี้เราเสพสื่อกันเยอะมากๆแล้วเวลาที่เรา
00:13:53 → 00:13:55 เสพเนี่ยเรามองจอเนาะครับอ่าเรามองแสงเรา
00:13:55 → 00:13:59 อยู่กับแสงแทบหนูว่าวันนึงเนี่ยเกิน 8 ชม
00:13:59 → 00:14:02 บางอ่าแล้วการมองแสงเนี่ยค่ะมันมีผลต่อ
00:14:02 → 00:14:04 สมองเราหรือมีผลต่อการเป็นอัลไซเมอร์มั้ย
00:14:04 → 00:14:07 คะออันนี้พูดถึงเทคโนโลยีใหม่ๆเรื่องแสง
00:14:07 → 00:14:09 แล้วกันเนาะเออแสงในยุคปัจจุบันเนี่ยที่
00:14:09 → 00:14:12 เขามีงานวิจัยแล้วเขาเรียกว่าแสง 40 เฮิต
00:14:12 → 00:14:16 เออแสง 40 เฮิตเนี่ยจะไปกระตุ้นสมองเรา
00:14:16 → 00:14:18 ให้ผลิตคลื่นหนึเขาเรียกว่าคลื่นแกมม่า
00:14:18 → 00:14:23 คลื่นแกมม่าเนี่ยมันจะอยู่ในสมองของคนที่
00:14:23 → 00:14:26 นั่งสมาธิบ่อยๆเออเช่นพระที่เขานั่งสมาธิ
00:14:26 → 00:14:29 เก่งๆเป็นคนที่แบบอัจฉริยะหน่อยอ่ะประมาณ
00:14:29 → 00:14:31 นี้นะคือแกมม่าจะมาแป๊บเดียวนะมันวุบแล้ว
00:14:31 → 00:14:34 ไปเลยนะวุบไปเแสง 40 เฮิตเนี่ยจะช่วยให้
00:14:34 → 00:14:38 เกิดขึ้นแกมม่าในสมองได้ง่ายขึ้นอนะเมื่อ
00:14:38 → 00:14:40 ไหร่ก็ตามที่เราเกิดขึ้นแกมม่าในสมองนะ
00:14:40 → 00:14:43 มันจะเกิดเหตุการณ์เช่นในสมองเราจะ
00:14:43 → 00:14:44 เคลียร์ได้ง่ายขึ้นเพราะว่ามันจะเป็น
00:14:44 → 00:14:47 กระตุ้นตัวหนึเขาเรียกว่าไมโครเกลียเคได้
00:14:47 → 00:14:50 ยินมั้ยไมโครเกลียไมโครเกลียเนี่ยคือ
00:14:50 → 00:14:53 เหมือนแม่บ้านทำความสะอาดสมองทำความสะอาด
00:14:53 → 00:14:58 สมองบ่อยๆเลยพอสมองทำความสะอาดบ่อยๆคุณก็
00:14:58 → 00:15:00 หลับได้ลึกขึ้นอืสมองเกิดการซ่อมแซมได้
00:15:00 → 00:15:03 มากขึ้นสมองสะอาดขึ้นโอกาสเป็นอัลไซเมอร์
00:15:03 → 00:15:06 ก็น้อยลงน้อยลงน้อยลงคราวนี้ในยุค
00:15:06 → 00:15:09 ปัจจุบันใช่มยเขาก็จะพูดถึงแสง 40 เฮซกัน
00:15:10 → 00:15:13 และซึ่งในอนาคตน่ะจากปี 2 ปี 3 ปีเนี้ยผม
00:15:13 → 00:15:17 ว่าพูดกันในท้องตลาดค่อนข้างเยอะวันเนี้ย
00:15:17 → 00:15:19 ที่ท่านผู้ชนเห็นแสงด้านหลังเนี่ยด้าน
00:15:19 → 00:15:21 หลังเนี่ยอย่างเงี้ยเคเรียกว่าแสง 40
00:15:21 → 00:15:25 เฮิตมันก็ปกติเห็นมั้ยคือมันไม่ใช่แบบแสง
00:15:25 → 00:15:28 แบบโอ้โหแบบห้องทดลองใหญ่ๆเนี่ยก็แสงปกติ
00:15:28 → 00:15:31 แบบนี้แหละแต่ว่าความถี่อ่ะมันเป็นความ
00:15:31 → 00:15:35 ถี่ที่ 40 เฮซอ่ะถ้าอธิบายเพิ่มขึ้นนะ
00:15:35 → 00:15:39 ความถี่แบบ Delta เต้านะมันจะประมาณ 0.5
00:15:39 → 00:15:42 -3 เฮซก็คือมันจะมันจะต่ำมากอ่ะมนุษย์
00:15:42 → 00:15:45 ที่หลับสนิทอยู่ในคลื่นเดต้านานๆจะทำให้
00:15:45 → 00:15:48 ร่างกายฟื้นฟูก็จะมีกล้ามเนื้อที่ดีมี
00:15:48 → 00:15:50 ความสุขได้ง่ายขึ้นควบคุมอารมณ์เก่งขึ้น
00:15:50 → 00:15:52 อะไรอย่างเงี้ยนะครับมนุษย์ยุคปัจจุบันไป
00:15:52 → 00:15:55 ไม่ค่อยถึงนะไอ้เเดต้าเนี่ยนะครับฉะนั้น
00:15:55 → 00:15:57 แล้วเนี่ยก็ดูแลตัวเองให้ดีนะจะได้หลับ
00:15:57 → 00:16:01 ลึกนะถ้าเป็น T ้ามันก็จะประมาณ 4-7 เฮิ
00:16:01 → 00:16:04 มันก็เห็นมยมันถี่ขึ้นมาหน่อยละตึ๊ๆๆๆนะ
00:16:04 → 00:16:06 ธีต้าเนี่ยคือแบบครึ่งหลับครึ่งตื่นอ่ะ
00:16:06 → 00:16:08 เบลอๆนะครับเดี๋ยวนี้แล้วกันนะเเอาไว้แบบ
00:16:09 → 00:16:12 สะกดจิตกันน่ะอ๋อสะกดจิตเจะเอาช่องธีต้า
00:16:12 → 00:16:15 นี่แหละเออไอ้ช่องเยจะทำให้เราแบบเรียน
00:16:15 → 00:16:18 รู้ได้มากขึ้นเปลี่ยนตัวเองได้มีชีวิต
00:16:18 → 00:16:20 เปลี่ยนไปอะไรประมาณเยนะแต่มันจะดูแบบว่า
00:16:20 → 00:16:23 เทาๆนิดนึงอะไรอย่างเงี้ยนะที่เาว่าเป็น
00:16:23 → 00:16:26 ช่วงเวลาที่แบบจิตใต้สำนึกจิตใ้สำนึกทำ
00:16:26 → 00:16:28 ฉะนั้นแล้วเนี่ยเวลาเราจะทำอะไรช่วงเ
00:16:28 → 00:16:30 เนี่ยเช่นเราตื่นนอนขึ้นมาเนี่ยเราจะอยู่
00:16:30 → 00:16:34 ในช่วงทีต้าถ้าคุณอ่านหนังสือออกกำลังกาย
00:16:34 → 00:16:36 เรียนรู้เรื่องใหม่ๆตอนช่วงธีต้าเนี่ยนะ
00:16:37 → 00:16:40 คุณจะเก่งขึ้นฉลาดขึ้นดีขึ้นอืสดใสมาก
00:16:40 → 00:16:43 ขึ้นแต่ถ้าคุณตื่นมาปั้งขึ้นมาคุณไปดู
00:16:43 → 00:16:45 อะไรที่มันลบๆอะไรอย่างเงี้ยหรือว่าเสพ
00:16:45 → 00:16:47 ข่าวรบๆตอนเช้าๆนู่นนี่นั่นน่ะแล้วคุณเสพ
00:16:47 → 00:16:50 ตอนคลื่นทีต้าตอนครึ่งหลับครึ่งตื่นแบบ
00:16:50 → 00:16:54 นี้นะจะทำให้คุณเป็นคน Dark ๆอืเอึเ่าอว
00:16:54 → 00:16:56 มั้ยเออฉะนั้นคนที่เขาแบบไม่ค่อยดีเท่า
00:16:56 → 00:16:59 ไหร่เเขาจะเอาช่องเแหละเป็นเป็นตัวแบบเออ
00:16:59 → 00:17:01 สะกดจิตคุณน่ะเออฉะนั้นอย่าเอาช่องนี้ไป
00:17:01 → 00:17:05 ให้เใคนอื่นเทำอะไรเรานะขึ้นมาอีกก็เป็น
00:17:05 → 00:17:09 Alpha Alpha ก็ประมาณ 8-12 เฮิตมันก็จะ
00:17:09 → 00:17:12 เร็วขึ้นมานั้นและโอเคมย Alpha นี่คือแบบ
00:17:12 → 00:17:16 เราไปเที่ยวต่าจังหวัดสบายๆชิชิมีความสุข
00:17:16 → 00:17:18 อะไรอย่างเงี้ยเราก็เวลาเราเรียนรู้
00:17:18 → 00:17:21 เรื่องอะไรไปเรื่อยๆสบายใจเนี่ยเคเรียก
00:17:21 → 00:17:24 Alpha จะมองโรคในแง่ดีเบต้าเบต้าก็
00:17:24 → 00:17:28 ประมาณ 13-30 เฮซมันก็จะแบบเฮิก็คือมัน
00:17:28 → 00:17:29 รัวมาก
00:17:29 → 00:17:31 ๆๆเห็นมั้ยฉะนั้นเบต้าเนี่ยเรากำลังนั่ง
00:17:31 → 00:17:34 คุยเนี่ยนะทีมงานกำลังทำงานแบบเนี้ยเรา
00:17:34 → 00:17:37 ใช้คลื่นเบต้าคลื่นเบต้าเนี่ยเอาไว้ตั้ง
00:17:37 → 00:17:41 ใจทำงานเอ่อป้องกันความผิดพลาดอะไรอย่าง
00:17:41 → 00:17:44 เงี้ยนะเอ่อถ้าไปสมัยก่อนน่ะรากสัตว์อ่ะ
00:17:44 → 00:17:46 จะวิ่งไปล่าสัตว์หาอาหารเนี่ยเขาใช้คลื่น
00:17:46 → 00:17:49 เบต้าฉะนั้นตอนช่วงคลื่นเบต้าเนี่ยเราจะ
00:17:49 → 00:17:52 มองโลกในแง่ลบซะเยอะอืเออเพราะว่าเราต้อง
00:17:52 → 00:17:54 ป้องกันตัวเองไว่าเดี๋ยวเสือจะมากินเ่าวะ
00:17:54 → 00:17:57 อะไรอย่างเงี้ยงานที่ทำจะพรีเซนได้มั้ย
00:17:57 → 00:17:58 พรุ่งนี้ต้องส่งงานแล้วอะไรอย่างเงี้ยนึก
00:17:59 → 00:18:01 ปมันก็เลยทำให้เราทำงานได้ดีขึ้นเพราะว่า
00:18:01 → 00:18:03 เบต้าเหมือนเหมแบบกดดันเราอ่ะเออแต่อยู่
00:18:03 → 00:18:06 นานไม่ได้อยู่นานแล้วจะเพี้ยนๆหน่อยจะ
00:18:06 → 00:18:08 เป็นคนแบบเป็นคนเครียดหน่อยอะไรอย่าเงี้ย
00:18:08 → 00:18:10 ฉะนั้นถ้าอยู่ในคลื่นเบต้านานๆจะนอนไม่
00:18:10 → 00:18:13 ค่อยหลับอะไรอย่าเงี้ยแบบแบคิดลบง่าย
00:18:13 → 00:18:15 หน่อยใช่มยก็จะฟรุ้งซ่านง่ายหน่อยอะไร
00:18:15 → 00:18:18 อย่างเงี้ยแต่ถ้าเป็นแกมม่าเลยแสงแกมม่า
00:18:18 → 00:18:22 ที่ 40 เฮซนะครับก็คือว่ามันมากกว่า 30
00:18:22 → 00:18:27 ขึ้นไปจริงๆมันได้ตั้งแต่ 31 นะจนถึง 120
00:18:27 → 00:18:30 เลย 120 เฮซเนี่ยช่วงช่องเนี้ยมันเป็น
00:18:30 → 00:18:33 ช่องของแกมม่าแต่ที่เขาทำการวิจัยกันน่ะ
00:18:33 → 00:18:37 ก็คือแสงที่ประมาณ 40 เฮซที่เา้าวิจัยกัน
00:18:37 → 00:18:41 ว่าอ๋อถ้าอยู่กับแสง 40 เฮิตประมาณเนี้ย
00:18:41 → 00:18:44 ทำให้คลื่นแกมม่าในสมองเราอ่ะมีเช่นกันอื
00:18:44 → 00:18:47 ซึ่งคลื่นแกมม่าในสมองเนี่ยก็จะทำให้อัน
00:18:47 → 00:18:51 ที่ 1 ทำความสะอาดสมองได้ดีทำให้เราเรียน
00:18:51 → 00:18:55 รู้ได้ดีทำให้เรามีสมาธิมากขึ้นทำให้ภาวะ
00:18:55 → 00:18:56 พวก
00:18:56 → 00:18:59 อัลไซเมอร์หรือภาวะที่แบบเป็นคนเครียด
00:18:59 → 00:19:01 ง่ายเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่ายพวกเนี้ยมันลด
00:19:01 → 00:19:03 ลงฉะนั้นแกมม่าเนี่ยมันจะเอาไว้ตอนที่แบบ
00:19:03 → 00:19:08 เราเข้าใจเราเรียนรู้เราตระหนักเคุยกันเ
00:19:08 → 00:19:10 ทะเลาะกันแทบตายสุดท้ายอ๋อเออเราผิดเองขอ
00:19:10 → 00:19:14 โทษนะเนี่ยแกมม่าเกิดประมาณนี้อือเออเรา
00:19:14 → 00:19:16 นั่งสมาธิไปโอหเราเข้าใจเรื่องนู้นเรื่อง
00:19:17 → 00:19:19 นี้เป็นพิเศษเนี่ยแกมม่าเกิดตอนนี้เออแต่
00:19:19 → 00:19:22 มันจะมาวุบเดียวนะวุบไปเออใครที่เป็นคน
00:19:23 → 00:19:25 ที่นั่งสมาธิบ่อยสวดมนต์บ่อยค่อนข้างมี
00:19:26 → 00:19:29 สมาธิอ่ะทำอะไรก็ไม่จับจดอ่ะมีมีโฟกัสอ่ะ
00:19:29 → 00:19:32 แกมม่าจะมาบ่อยใครที่แกมม่ามาบ่อยเนี่ยก็
00:19:32 → 00:19:34 จะไม่ค่อยเป็นโรคแบบโรคทางความคิดอ่ะโรค
00:19:34 → 00:19:36 ทางความคิดความเครียดนอนไม่หลับ
00:19:36 → 00:19:38 อัลไซเมอร์ขี้หงุดหงิดอะไรอย่างเงี้ยซึ่ง
00:19:39 → 00:19:41 อันเนี้ยผมไม่ได้พูดเองนะจริงๆมันเป็นงาน
00:19:41 → 00:19:44 วิจัยที่ได้รับการรองรับรับรองเนี่ยใน
00:19:44 → 00:19:48 ระดับโลกและนะครับตั้งแต่ปี 2016 เนี่ย
00:19:48 → 00:19:52 เค้าวิจัยในหนูนะครับปี 2023 เนี่ยเค
00:19:52 → 00:19:54 วิจัยในเนื้อเยื่อเกี่ยวกับเส้นประสาท
00:19:54 → 00:19:57 แล้วก็ปี 2024 เนี่ยนะครับเค้าวิจัยในคน
00:19:57 → 00:20:01 ละเออซึ่งได้รับผลดีคนที่เป็นโรคเกี่ยว
00:20:01 → 00:20:05 กับซึมเศร้าอัลไซเมอร์อะไรประมาณเนี้ยก็
00:20:05 → 00:20:08 จะดีขึ้นได้ครับอือน่าสนใจมากเลยค่ะเพราะ
00:20:08 → 00:20:11 ว่าอ่ามีตัวช่วยที่ทำให้เราแบบว่าสามารถ
00:20:11 → 00:20:14 ที่สมองเราจะไปคลื่นแบบแกมม่าได้ง่ายขึ้น
00:20:14 → 00:20:17 ใช่แกมม่าเนี่ยจริงๆเป็นตัวที่แบบฮีโร่
00:20:17 → 00:20:21 เลยอ่ะควรที่จะมีเออใช่ๆๆที่ผมสวดมนต์ทำ
00:20:21 → 00:20:24 สมาธิหรือว่าอยากจะทำอะไรให้มันดีขึ้น
00:20:24 → 00:20:25 อย่างเงี้ยนะต้องมีสมาธิเยอะๆเนี่ยก็
00:20:25 → 00:20:28 เพราะต้องการไอ้ช่องนี้แหละไอ้ช่องแกมม่า
00:20:28 → 00:20:30 ซึ่งมันไม่ได้มาง่ายๆมันเกิดยากมันเกิด
00:20:30 → 00:20:35 ยากเนาะแล้วก็ช่วงเวลาที่อยู่ในทีต้าอือ
00:20:35 → 00:20:39 ก็คือพยายามเอาาสิ่งดีๆเข้าตัวใช่ๆๆตอน
00:20:39 → 00:20:41 ตื่นนอนน่ะพยายามเอาสิ่งดีๆเข้าตัวอย่า
00:20:41 → 00:20:43 เพิ่งไปดูข่าวร้ายข่าวรบอันนี้ขอร้องเลย
00:20:44 → 00:20:47 ใครทำสื่อนะขทำข่าวตอนเช้านะทำข่าวดีๆ
00:20:47 → 00:20:50 เถอะทำข่าวดีๆนะจะลงจิตใจนะจะทำให้ประเทศ
00:20:50 → 00:20:53 ชาติดีขึ้นดูแล้วนี่หลายๆอย่างนี้สอด
00:20:53 → 00:20:56 คล้องกันหมดเลยนะคะเนี่ยใช่ๆๆอ่าค่ะแล้ว
00:20:56 → 00:20:58 เมื่อกี้คุณหมอพูดถึงเรื่องการนอนด้วยขอ
00:20:58 → 00:21:00 เข้าเรื่องเรื่องของการนอนไม่หลับหนใช่
00:21:00 → 00:21:03 เพราะว่าคนปัจจุบันเป็นกันเยอะมากอ่าเรา
00:21:03 → 00:21:05 คงไม่ต้องมาแบ่งไวยแล้วล่ะค่ะเพราะว่าหนู
00:21:05 → 00:21:07 ว่าไวหนูเองอย่างเงี้ยก็มีแล้วนอนไม่หลับ
00:21:07 → 00:21:10 ใช่อยากรู้ว่าแล้วนอนไม่หลับกับโรคนอนไม่
00:21:10 → 00:21:12 หลับอ่ะค่ะมันต่างกันมแล้วก็แค่ไหนเนี่ย
00:21:12 → 00:21:15 ถึงเป็นโรคโอเคถึงอ่ะถ้าไวคุณอย่างคุณ
00:21:15 → 00:21:17 แล้วกันนะเเรียกอาการนอนไม่หลับอโอเค
00:21:17 → 00:21:20 อาการนอนไม่หลับเนี่ยมันมี 2 รูปแบบก็
00:21:20 → 00:21:22 แล้วกันนอนไม่หลับเพราะว่าตึงไปคือเครียด
00:21:22 → 00:21:26 ไปทำงานเยอะทำงานเยอะโอยเครียดพอจะไปนอน
00:21:26 → 00:21:29 มันนอนไม่ลงอ่ะนึกออกปก็คือเมื่อกี้คุย
00:21:29 → 00:21:31 กันก็คือแบบคลื่นมันคลื่นมันกำลังสูงอยู่
00:21:31 → 00:21:33 อ่ะมันจะลงไปที่เดต้าเลยมันลงไม่ได้เออ
00:21:34 → 00:21:36 อันเนี้ยคือแบบมันตั้งใจมากเกินไปแบบ
00:21:37 → 00:21:39 เนี้ยก็คือนอนไม่หลับเพราะว่ามีความตึง
00:21:39 → 00:21:43 เครียดอันนี้แก้ไม่ยากนะก็ไปนวดบ้างยืด
00:21:43 → 00:21:47 เหยียดตัวเองบ้างผ่อนคลายตัวเองเช่นเออ
00:21:47 → 00:21:49 จากที่จะนอนแล้วใช่มั้ยดูหนังที่มันผ่อน
00:21:49 → 00:21:52 คลายเบาๆหน่อยดูตลกดูอะไรอย่างเงี้ยหนัง
00:21:52 → 00:21:55 รักโรแมนติกแทนที่จะไปดูแบบหนังฆาตกรรม
00:21:55 → 00:21:57 หนังวิ่งหนีผีอย่าเงี้ยนึกออกมั้ยอย่า
00:21:57 → 00:22:00 เพิ่งไปดูสิใช่มั้ยก็พยายามทำให้เ้ยเรา
00:22:00 → 00:22:03 เริ่มผ่อนคลายนะเริ่มยืดเหยียดไปนวดบ้าง
00:22:03 → 00:22:06 แบบเนี้ยภาวะนอนไม่หลับเนี้ยมันก็จะดี
00:22:06 → 00:22:08 ขึ้นใช่มยนอนไม่หลับอีกอันนึงก็คือนอนไม่
00:22:08 → 00:22:10 หลับเพราะว่าฟุ้งซ่านถ้าถ้าวัยคุณอย่าง
00:22:10 → 00:22:13 เงี้นะ 30 40 50 นิดๆอ่ะประมาณเนะคิด
00:22:13 → 00:22:16 เยอะคิดมากเป็นคนขี้วิตกกังวลถ้าในทาง
00:22:16 → 00:22:19 ศาสนาเขาเรียกวิตกจริตวิตกจริตก็คือผมแซว
00:22:19 → 00:22:22 คุณเอ้ยทำไมแพนด้าอ้วนจังเลยช่วงนี้ใช่
00:22:22 → 00:22:26 มั้ยโโดนๆหลหลหมอแซวแบบ
00:22:26 → 00:22:29 นี้เอ้ยแพนด้าก็เอทำไมเราเป็นอย่างงั้น
00:22:29 → 00:22:31 ล่ะโอ๊ยเราอ้วนจริงเหรอกลับบ้านก็คิดมาก
00:22:31 → 00:22:34 คิดเยอะอันนี้คือมันเป็นนอนไม่หลับเพราะ
00:22:34 → 00:22:37 ว่าเป็นคนวิตกจริตอันนี้ก็ต้องแก้เข้าไป
00:22:37 → 00:22:40 ลึกหน่อยก็คือว่าเฮ้ยเราต้องไปฝึกทำให้
00:22:40 → 00:22:43 จิตใจของเราเนี่ยมั่นคงขึ้นถ้าดูเป็นาส
00:22:43 → 00:22:46 แล้วกันเนาะเราต้องเพิ่มธาตุดินเพิ่มธาตุ
00:22:46 → 00:22:49 ดินเช่นอะไรบ้างเช่นกินให้เป็นเวลาเช้า
00:22:49 → 00:22:53 กลางวันเย็นกินให้ดีอ่ะอเวลาเรากินดีธาตุ
00:22:53 → 00:22:56 ดินมาใช่มั้ยพอธาตุดินมั่นคงอ่ะเวลาลมมัน
00:22:56 → 00:22:59 พัดไปไงมันไม่สั่นเลยอ่ะใช่มั้ยใครมาด่า
00:22:59 → 00:23:03 เราเอก็เรื่องของเธอเอเพราะว่าเรามั่นคง
00:23:03 → 00:23:05 ทางจิตใจฉะนั้นเวลาใครที่เป็นโรคนอนไม่
00:23:05 → 00:23:08 หลับเพราะว่าเป็นคนวิตกกังวลมากๆถ้าเข้า
00:23:08 → 00:23:10 มาที่คลินิกผมอ่ะผมจะแก้ไขด้วยการทำ
00:23:10 → 00:23:14 เรื่องระบบย่อยให้ดีก่อนอืเออถ้าระบบย่อย
00:23:14 → 00:23:17 ดีถ้าดินมามันจะไม่โครงเครงไม่วิตกกังวล
00:23:17 → 00:23:20 ได้ง่ายนึปอมยโอเคกลับไปบ้านออกกำลังกาย
00:23:20 → 00:23:25 แบบยกเวทอ่ะยกเวทเอ้ยๆเี้ยมันต้องใช้ใจนะ
00:23:25 → 00:23:27 นึกออกมั้ยมันต้องเฮ้ยถ้าใจไม่ถึงก็ไม่
00:23:27 → 00:23:29 กล้ายกทำนิดๆหน่อยๆแค่ไปเดินอะไรอย่าง
00:23:29 → 00:23:31 เงี้ยใช่มั้ยฉะนั้นใครก็ตามที่แบบสร้าง
00:23:31 → 00:23:33 กล้ามกล้ามเนื้อมีธาตุดินที่ดีกระบวนการ
00:23:33 → 00:23:37 ย่อยดีนะธาตุดินมาภาวะนอนไม่หลับเพราะ
00:23:37 → 00:23:42 วิตกกังวลมันจะลดลงแต่ถ้าอยู่ดีเราไปบอก
00:23:42 → 00:23:45 ว่าเราจะเป็นคนไม่คิดมากก่อนนอนอ่ะคุณทำ
00:23:45 → 00:23:48 สิหือแค่คิดว่าจะไม่คิดมากก็ก็ก็คิดมา
00:23:48 → 00:23:50 แล้วมันก็คิดมาแล้วใช่มั้ยเออใช่มันจึง
00:23:50 → 00:23:52 ยากไงบอกว่าฉันจะทำฟังธรรมะก่อนนอนเพื่อ
00:23:52 → 00:23:54 ให้มันคลายบางทีโอ้โหสมองมันปั่นอยู่อ่ะ
00:23:55 → 00:23:57 มันฟังธรรมะมันไม่เข้าหูมันก็เลยต้องไป
00:23:57 → 00:24:00 แก้ที่ธาตุก่อนอืนึกพอมั้ยโอเคอันนี้คือ
00:24:00 → 00:24:05 วัย 30 40 50 คราวนี้ข้ามไป 60 70 80
00:24:05 → 00:24:07 คนนอนไม่หลับกลุ่มนี้เนี่ยเป็นเรื่องของ
00:24:07 → 00:24:11 สมองซะเยอะละเออคือนอกจากวิตกกังวลนอกจาก
00:24:11 → 00:24:13 เครียดอะไรอย่างเงี้ยสมองมันเริ่มเสื่อม
00:24:13 → 00:24:15 ลงเวลาสมองเริ่มเสื่อมลงเนี่ยมันจะเกิด
00:24:15 → 00:24:18 ภาวะนึงโดยเฉพาะถ้าเสื่อมที่สมองส่วนหน้า
00:24:18 → 00:24:20 นะมันจะเริ่มขี้กลัวขี้กลัวไม่รู้ไม่รู้
00:24:20 → 00:24:23 กลัวเรื่องอะไรนะเช่นนะกินก๋วยเตี๋ยวชาม
00:24:23 → 00:24:25 นึงก็กลัวะเดี๋ยวมันจะนอนไม่หลับมั้ย
00:24:25 → 00:24:28 เดี๋ยวมันจะเส้นมันจะอืดไปมั้ยอะไรอย่าง
00:24:28 → 00:24:31 เงี้ยเนาะนึกออกมั้ยเอ่อเดี๋ยวกินชาแก้ว
00:24:31 → 00:24:34 นึงชาแก้วนี้จะทำให้นอนไม่หลับไป 3 วัน
00:24:34 → 00:24:37 หรือเปล่าเงี้ยคือมันกลัวแบบผิดตรรกะไป
00:24:37 → 00:24:39 เลยอ่ะนึกออกมั้แต่ก่อนกินได้โอ้โหกิน
00:24:39 → 00:24:41 ก่อนนอนนกินเลยแต่เดี๋ยวนี้กินแก้วนึง
00:24:41 → 00:24:43 เนี่ยกลัวมากเกินไปอะไรเงี้ยแบบเเาเรียก
00:24:43 → 00:24:46 ว่าสมองมันเริ่มเสื่อมถอยลงมานะฉะนั้นใน
00:24:46 → 00:24:49 ยุคปัจจุบันที่เราเจอผู้สูงวัยอายุ 60 70
00:24:49 → 00:24:52 80 ที่นอนไม่หลับส่วนใหญ่เพราะสมองมัน
00:24:52 → 00:24:54 เริ่มเสื่อมถอยเสื่อมถถอยลงอันเนี้ยก็
00:24:54 → 00:24:57 ต้องไปแก้ที่กระบวนการซ่อมแซมสมองและอ่า
00:24:57 → 00:25:00 เช่นฝึกสมาธิสวดมนต์มากขึ้นทำอะไรทีละ
00:25:00 → 00:25:04 อย่างกินอาหารเสริมบางอย่างดูแลสภาวะจิต
00:25:04 → 00:25:07 ใจอะไรให้ดีหรือว่าไปไปหาหมออะไรก็ว่ากัน
00:25:07 → 00:25:09 ไปเมื่อกี้คุณหมอบอกว่าดูแลสมองมากขึ้นอื
00:25:10 → 00:25:12 อ่าเดี๋ยวหนูขอถามทั้ง 2 อย่างเลยคืออยาก
00:25:12 → 00:25:16 รู้ว่าแล้วมีพฤติกรรมอะไรที่พฤติกรรม
00:25:16 → 00:25:19 เนี้ยทำลายสมองกับพฤติกรรมเนี้ยที่ทำแล้ว
00:25:19 → 00:25:22 ส่งเสริมให้เราสมองเราเนี่ยใช้งานได้ดี
00:25:22 → 00:25:24 เอาทำลายสมองก่อนแล้วกันเนาะค่ะเอาวัยไหน
00:25:24 → 00:25:26 วัยคุณหรือวัยผู้ใหญ่เอาผู้สูงอายุผู้สูง
00:25:26 → 00:25:29 อายุนะโอเคผู้สูงอายุอ่ะเท่าที่ผมเจอนะ
00:25:29 → 00:25:32 อันนี้ไม่ได้พูดเล่นนะเล่นเกมทั้งวันมี
00:25:32 → 00:25:36 จริงๆนะโอ๊ยใช่พอๆมีอายุแล้วติดจอเลยติดจ
00:25:36 → 00:25:39 เล่นทั้งวันน่ะแล้วก็เล่นมือถือทั้งวัน
00:25:39 → 00:25:42 อันเนี้ยเจอเยอะมากนะครับแล้วก็วิตกกังวล
00:25:43 → 00:25:46 กับทุกอย่างเกินไปอะไรเงี้ยฟ้าฝนสมมุติจะ
00:25:46 → 00:25:49 ออกไปออกกำลังกายะก็กลัวะมันแดดร้อนไป
00:25:49 → 00:25:52 มั้ยฝนจะตกมั้ยอือคือมันกลัวล่วงหน้ามาก
00:25:53 → 00:25:55 เกินไปอ่ะไม่อยู่กับปัจจุบันเลยอ่ะนอน
00:25:55 → 00:25:58 น้อยอ่ะนะเออก็คเอช่าง่ะนอนกี่โมงก็ได้
00:25:58 → 00:26:00 อย่างเงี้ยพอเพิ่งเกษียณไงพอเพิ่งเกษียณ
00:26:00 → 00:26:02 อ๋อเนอนดึกได้เนี่ยใช่มั้ยนอน 3:00 นเลย
00:26:02 → 00:26:05 ดูซีรียส์กันัน 3:00 นเลยอันนี้มีผมเคยไป
00:26:05 → 00:26:07 บรรยายแล้วอมีคนเป็นอย่างนี้หลายคนเพราะ
00:26:07 → 00:26:10 ว่าตอนทำงานมันต้องต้องฟิกเวลาใช่มั้ยใช่
00:26:10 → 00:26:13 พอเกษียณแล้วก็ไม่ต้องฟิกใช้ชีวิตซะหน่อย
00:26:13 → 00:26:15 เอาเต็มที่อะไรอย่างเงี้ยนะไปตื่นอีกที
00:26:15 → 00:26:18 นู่น 13:00 นแล้วก็ไปกินอาหารผิดเวลาแถม
00:26:18 → 00:26:20 กินไม่ดีด้วยอะไรอย่างเงี้ยไปกินอาหารที่
00:26:20 → 00:26:22 มันไม่ได้ช่วยทำให้สมองมันดีขึ้นน่ะไปกิน
00:26:23 → 00:26:25 อาหารที่มันแบบจังฟบ้างอาหารที่มี
00:26:25 → 00:26:27 ประโยชน์บ้างอาหารแบบทำครั้งนึงกิิน 3
00:26:27 → 00:26:30 วันอย่าเงี้ยไอ้แบบนี้ก็มันก็ทำร้ายสมอง
00:26:30 → 00:26:33 ลงไปเรื่อยๆๆๆเนาะถ้าภาษาง่ายๆก็เหมือน
00:26:33 → 00:26:37 ไม่อยู่กับกัลยาณมิตรอ่ะเอโอหมันง่ายไปนะ
00:26:37 → 00:26:40 จริงๆภาษายากนะไม่อยู่กยิก็คือถ้าเราไป
00:26:40 → 00:26:43 อยู่กับเพื่อนที่มันแบบนินทาคนทั้งวันน่ะ
00:26:43 → 00:26:46 เออสุดท้ายคุณก็เป็นอย่างงั้นน่ะอนึกออก
00:26:46 → 00:26:48 มั้ยเออฉะนั้นฉะนั้นแล้วเนี่ยพอเราไม่ได้
00:26:48 → 00:26:50 ทำงานแล้วใช่มั้ยเราก็ต้องเลือกเพื่อน
00:26:50 → 00:26:53 เลือกฟูงเลยนะเออใน LINE อย่างเงี้ยในแถว
00:26:53 → 00:26:55 ๆบ้านอย่างเงี้ยก็เลือกสหนยเออกลุ่มนี้
00:26:55 → 00:26:58 คุยด้วยแล้วดีจังไม่ต้องไปคิดเยอะคิดมาก
00:26:58 → 00:27:00 ไม่มีการนินทาไม่พูดแต่เรื่องที่มันไม่ดี
00:27:00 → 00:27:03 นินทาบ้านนู้นบ้านนี้ปอะไรอย่าเงี้ยก็ถ้า
00:27:03 → 00:27:05 เราอยู่ในสังคมที่ดีหน่อยใช่มั้ยเราเลือก
00:27:05 → 00:27:08 ได้นี่ใช่มั้ยเราก็จะทำให้สมองเราก็ยัง
00:27:08 → 00:27:10 ปลอดภัยอยู่อะไรอย่าเงี้ยถ้าเป็นผู้สุข
00:27:10 → 00:27:13 วัยและนะครับสิ่งนึงที่ต้องทำก็คือต้อง
00:27:13 → 00:27:19 เริ่มคิดและว่าเอาพูดง่ายๆนะจะตายยไงดีอ
00:27:19 → 00:27:22 เออเเรียกมรณานุสติอ่ะเออเฮ้ยเราจะตายท่า
00:27:22 → 00:27:25 ไหนดีวะนึกออกมั้ถ้าเลือกได้เอถ้าเลือก
00:27:25 → 00:27:28 ได้เออนึกออกมะคือถ้าเราจะตายเราสมอง
00:27:28 → 00:27:31 เสื่อมจนตายเไม่ไหวว่ะใช่มั้ยเอพอเราคิด
00:27:31 → 00:27:33 แบบนี้ได้ใช่เราจะเปลี่ยนแต่ถ้าเราไม่คิด
00:27:33 → 00:27:36 มรณานุสติมาเลยใช่มั้ยเราก็ใช้ชีวิต
00:27:36 → 00:27:39 เรื่อยๆเลยโอเคมั้ยเอามรณานุสติมาใส่เลย
00:27:39 → 00:27:43 บอกว่าโอเคฉันต้องตายแน่วันนึงแหละนะแต่
00:27:43 → 00:27:46 ว่าฉันจะต้องตายแบบมีคุณภาพอ่ะโอเคมั้ย
00:27:46 → 00:27:48 ไม่ต้องใช้เงินเยอะเกินไปอะไรอย่างเงี้ย
00:27:48 → 00:27:50 นะครับพอเรามีแบบนี้เข้ามามีสติแบบนี้
00:27:50 → 00:27:54 เข้ามาใช่มั้ยเราก็โอเคกินอาหารที่ดีใช่
00:27:54 → 00:27:57 มยเราไม่ต้องใช้เงินเยอะในการกินหรอกก็
00:27:57 → 00:28:00 กินที่มีคคุณภาพแล้วกันนะฝึกทำอาหารกิน
00:28:00 → 00:28:03 เองใช่มั้ยเวลาเราทำอะไรก็ตามเนี่ยให้ทำ
00:28:03 → 00:28:07 ด้วยสมาธิเช่นกวาดบ้านแทนที่จะกวาดบ้าน
00:28:07 → 00:28:10 แล้วฟังเพลงไปด้วยก็กวาดบ้านแล้วก็นิ่งๆ
00:28:10 → 00:28:12 ไม่ต้องฟังอะไรทำทีละอย่างทำทีละอย่างใช่
00:28:12 → 00:28:15 มยแล้วจิตก็จดจ่ออยู่กับกวาดบ้านเอ่ออยาก
00:28:15 → 00:28:19 จะดู YouTube นะ YouTube นะเปิดนะแล้ววาง
00:28:19 → 00:28:21 แล้วก็ถอยออกมาไม่ต้องเอามือจ่อไว้อย่าง
00:28:21 → 00:28:24 งี้อืนึกออกใช่มั้ยเออก็จะเอาไว้ก็ดูดิดู
00:28:24 → 00:28:28 เป็นสารคดีดูตลกดูอะไรก็ดูไปเถอะแต่ว่าดู
00:28:28 → 00:28:30 ดูด้วยสมาธิโอเคมั้ยพอเราทำอะไรทีละอย่าง
00:28:30 → 00:28:34 เอ่อแล้วก็ไม่วุ่นวายกับสมองมากเกินไปมี
00:28:34 → 00:28:38 จิตที่มันแบบว่าไม่ฟุ้งซ่านแบบเนี้ยก็จะ
00:28:38 → 00:28:41 ไม่เป็นโรคนอนไม่หลับเครียดเกินไปตอนตื่น
00:28:41 → 00:28:44 นอนมึนหัวอะไรประมาณเนี้ยฟังแล้วไม่ว่าจะ
00:28:44 → 00:28:47 เป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายสมองหรือพฤติกรรม
00:28:47 → 00:28:50 ที่ส่งเสริมให้สมองเราดีเนี่ยออือรวมๆมา
00:28:50 → 00:28:53 เป็น 1 คำคือเราต้องรักตัวเองเออรักตัว
00:28:53 → 00:28:56 เองใช่ใช่ๆอืพอมันไม่รักตัวเองปึ๊บอ่ะมัน
00:28:57 → 00:28:59 ก็จะปล่อยชีวิตไปเรื่อยๆอยากทำอะไรทำตาม
00:28:59 → 00:29:02 ใจตัวเองเนาะแต่เราลืมไปเหมือนที่คุณหมอ
00:29:02 → 00:29:05 บอกว่าเราต้องมรณานุสตินะว่าวันนึงตายแน่
00:29:05 → 00:29:07 อย่าคิดว่าอย่าคิดว่าไม่ไม่ถึงไม่มีวัน
00:29:07 → 00:29:10 นั้นเออแล้วพอมันไม่คิดหรือปล่อยชีวิตไป
00:29:10 → 00:29:12 เรื่อยๆเนี่ยโหวันนั้นมันอาจจะไม่ใช่แค่
00:29:12 → 00:29:15 ตัวเราที่เดือดร้อนไงคนรอบตัวด้วยใช่ถูก
00:29:15 → 00:29:18 ต้องถูกต้องเงินหมดไม่รู้ตัวนะอเออถ้าใคร
00:29:18 → 00:29:20 แบบไม่ดูแลตัวเองอ่ะโหเห็นความสำคัญเลย
00:29:20 → 00:29:22 ค่ะขึ้นมาเลยวันนี้ว่าจริงๆตั้งแต่วินาที
00:29:22 → 00:29:25 นี้เนาะไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่อ่ะอก็คือ
00:29:25 → 00:29:27 ไม่ว่าที่ผ่านมาจะเป็นยังไงอ่ะไม่เป็นไร
00:29:27 → 00:29:30 เริ่มกันมาใช่ต้องมาดูแลตัวเองตอนนี้แล้ว
00:29:30 → 00:29:32 คนที่เขาเป็นโรคนอนไม่หลับค่ะคุณหมอถ้า
00:29:33 → 00:29:36 อยากรักษาคือบางคนน่ะอาจจะใช้ยาช่วยเพื่อ
00:29:36 → 00:29:39 ให้นอนหลับอ่าแล้วถ้าเขาเริ่มที่จะแบบไม่
00:29:39 → 00:29:41 อยากใช้ยาแล้วอ่ะมีวิธีการไหนมที่จะช่วย
00:29:41 → 00:29:44 ให้เขานอนหลับได้ได้ดีขึ้นได้ดีขึ้นใช่ม
00:29:44 → 00:29:47 โอเคเอาวัยคุณก่อนวัยทำงานก่อนวัย 30 40
00:29:47 → 00:29:50 50 ยังไม่เกษียณนะพอเลิกงานแล้วนะไปออก
00:29:50 → 00:29:53 กำลังกายมนุษย์เราเวลาเราจะทำงานใช่มย
00:29:53 → 00:29:55 ร่างกายมันจะปล่อยพลังงานออกมาเพื่อให้
00:29:55 → 00:29:58 เราแบบเอ้ยเอาไปใช้ป่ะอะไรนออกมั้ยแต่แต่
00:29:58 → 00:30:01 ใช้ไม่หมดไงพอใช้ไม่หมดปุ๊บร่างกายมันจะ
00:30:01 → 00:30:03 ยังอยู่ในสภาวะแบบ Alert อยู่อ่ะพอคุณไป
00:30:03 → 00:30:06 นอนโดยสภาวะ Alert เ่ะมันจะนอนไม่หลับไง
00:30:06 → 00:30:09 เออฉะนั้นใครที่นอนไม่หลับด้วยสภาวะหลัง
00:30:09 → 00:30:12 เลิกงานแล้วยังแบบดู Alert อยู่สมองยัง
00:30:12 → 00:30:15 วุ่นวายอยู่ไปนอนก็ฝันเยอะๆแบบเนี้ยให้
00:30:15 → 00:30:18 ออกกำลังกายหลังเลิกงานใช้พลังให้หมดใช้
00:30:18 → 00:30:20 พลังให้หมดใช่พอใช้พลังให้หมดก็มันก็
00:30:20 → 00:30:23 เหนื่อยเนาะเพราะมันก็หมดแรงอไปอาบน้ำกิน
00:30:23 → 00:30:26 ข้าวเล็กน้อยแล้วก็จะได้นอนหลับสบายขึ้น
00:30:27 → 00:30:30 พอทำทุกวันทุกวันทุกวันมันก็เป็นกิจวัตร
00:30:30 → 00:30:31 อ่ะมันจะรู้สึกว่าเออมันก็ไม่ได้ลำบาก
00:30:32 → 00:30:35 อะไรใช่มั้ยเอ่อบางคนบอกโอ้เนี่ยฝนตกทำไง
00:30:35 → 00:30:38 อหมออ้าก็ดู YouTube สิดู YouTube แล้วก็
00:30:38 → 00:30:40 ออกกำลังกายตาม YouTube ได้หรือบอกโอ๊ย
00:30:40 → 00:30:43 ฉันวิ่งไม่ไหวก็โยคะสิยืดเหยียดก็ได้เอ่อ
00:30:43 → 00:30:46 ยืดเหยียดแบบเบสิคมีทั่วไปที่เหลือก็ข้อ
00:30:46 → 00:30:48 อ้างทั้งนั้นน่ะถ้าทำไม่ได้ใช่มั้ยเออ
00:30:48 → 00:30:51 ฉะนั้นออกกำลังกายหลังเลิกงานจะช่วยให้คน
00:30:51 → 00:30:55 ที่อยู่ในวัยทำงานประมาณนี้ประมาณนี้ช่วย
00:30:55 → 00:30:59 ให้หลับได้ลึกขึ้นแล้วก็ไม่ฝันโอเคมยแต่
00:30:59 → 00:31:02 ถ้าสมมุติว่านอนไม่หลับแบบผู้สูงอายุแล้ว
00:31:02 → 00:31:04 อยากแก้ไขนะอันดับแรกเลยมันยากหน่อยแต่
00:31:04 → 00:31:07 ต้องทำนะก็คือว่าต้องสร้างสติอยู่กับตัว
00:31:07 → 00:31:11 เองตั้งแต่กลางวันกวาดบ้านมีสติอยู่กับ
00:31:11 → 00:31:14 การกวาดบ้านทำกับข้าวไปซื้อกับข้าวทำกับ
00:31:14 → 00:31:17 ข้าวพอมันมีสติระหว่างวันใช่มั้ยพอคุณไป
00:31:17 → 00:31:21 นอนปุ๊บมันก็จะมีสติกับการนอนไม่ฟุ้งซ่าน
00:31:21 → 00:31:24 พอจิตใจไม่ฟุ้งซ่านระหว่างวันเรามีสติ
00:31:24 → 00:31:27 ฉะนั้นตอนจะนอนน่ะมันสมองมันจะไม่วุ่นวาย
00:31:27 → 00:31:31 เออคุณก็จะหลับได้สบายๆถ้าระหว่างวันก็
00:31:31 → 00:31:35 ไม่มีสติมอืกลางคืนนะก็ไปเปิดฟังนู่นฟัง
00:31:35 → 00:31:37 นี่ฟังนั่นเพื่อให้นอนหลับอีกจะหลับยังไง
00:31:37 → 00:31:40 อ่ะอืองนึกภาพมันหลับไม่ลงนะเพราะว่าถึง
00:31:40 → 00:31:44 หลับนะมันก็หลับเพราะว่ามันแค่เคลิ้มๆอ่ะ
00:31:44 → 00:31:46 เคลิ้มๆแล้วก็เหนื่อยแล้วก็หลับไปการหลับ
00:31:47 → 00:31:49 แบบเนี้ยจะส่งผลให้ของเสียในสมองอ่ะไม่
00:31:49 → 00:31:52 ได้ถูกกำจัดได้ดีนักฉะนั้นถ้าอยากจะไม่
00:31:52 → 00:31:56 เป็นอัลไซเมอร์ไม่อยากสมองเสื่อมอยากจะ
00:31:56 → 00:31:59 นอนหลับได้ลึกเช้ามารู้สึกดีไม่ป่วยใน
00:31:59 → 00:32:03 อนาคตไม่เป็นโรคระบบเผาผลาญไม่ดีเนาะ
00:32:03 → 00:32:06 จำเป็นจะต้องมีสติระหว่างวันแล้วก็มีสติ
00:32:06 → 00:32:09 ก่อนนอนด้วยผมเข้าใจนะคือบางทีเนี่ยพอเรา
00:32:09 → 00:32:11 พอเราไม่มีอะไรทำอ่ะมันก็อ่ะก็เปิดนู่น
00:32:11 → 00:32:13 เปิดนี่ฟังไปเรื่อยอะไรอย่างเงี้ยแล้วก็
00:32:13 → 00:32:16 ทำอะไรด้วยไม่มีสติมันก็เป็นปุถุชนคนทั่ว
00:32:16 → 00:32:19 ไปแต่ว่าวันนี้ถ้าเราเริ่มรู้ตัวใช่มั้ย
00:32:19 → 00:32:23 ก็ฝึกข้อดีคืออะไรรู้มั้ยถ้าเราทำได้นะคน
00:32:23 → 00:32:26 ข้างๆก็จะทำด้วยอ่าลูกๆของท่านที่เห็นน่ะ
00:32:26 → 00:32:29 เาก็จะทำด้วยในอนาคตเพราะว่าเอ๋อเออเนอะ
00:32:29 → 00:32:32 พ่อแม่เราเคยทำแบบเนี้ยแล้วเขาก็จะมี
00:32:32 → 00:32:36 พฤติกรรมคล้ายๆเราที่ทำให้ไม่ป่วยไม่เป็น
00:32:36 → 00:32:38 ปัญหาเรื่องนอนไม่หลับในอนาคตอะไรอย่าง
00:32:38 → 00:32:40 เงี้ยการกระทำมันสำคัญกว่าคำพูดอ่ะใช่นึก
00:32:40 → 00:32:43 ออกมั้ยคือถ้าคุณทำเป็นปีๆๆๆให้ลูกเห็น
00:32:43 → 00:32:46 น่ะลูกคุณก็ไม่ทำเองอ่ะฟังเรื่องของการ
00:32:46 → 00:32:49 นอนไม่หลับอือตอนแรกก็อัลไซเมอร์ว่าวาระ
00:32:49 → 00:32:51 แห่งชาติะนอนไม่หลับก็เป็นอีกวาระนึง
00:32:51 → 00:32:53 เหมือนกันนะเนี่ยใช่ๆเพราะนอนไม่หลับเอ
00:32:53 → 00:32:55 เป็นเป็นเหตุของมันน่ะทำให้ผลเป็น
00:32:55 → 00:32:58 อัลไซเมอร์แล้วโรคนอนไม่หลับอ่ะอค่ะอมัน
00:32:58 → 00:33:00 สามารถส่งผลหรือเอฟเฟคให้เกิดโรคอื่นๆ
00:33:00 → 00:33:03 อะไรได้อีกบ้างคะการนอนไม่หลับเนี่ยมันจะ
00:33:03 → 00:33:06 ทำให้ร่างกายเรานะมันไม่สามารถคูลดาวลงมา
00:33:06 → 00:33:09 แล้วก็ซ่อมแซมอวะต่างๆนะถ้าการแพทย์แผน
00:33:09 → 00:33:13 โบราณอย่างผมเนี่ยเช่นซ่อมแซมหัวใจซ่อม
00:33:13 → 00:33:18 แซมตับซ่อมแซมสมองนะพออวัยวะพวกเนี้ยมัน
00:33:18 → 00:33:21 มันไม่ได้ซ่อมแซมตอนกลางคืนได้ดีนักนะ
00:33:21 → 00:33:24 เช้ามาก็จะอาหารไม่ย่อยได้ง่ายระบบเผาผลา
00:33:24 → 00:33:27 ก็ไม่ดีได้ง่ายมนุษย์ที่ระบบเาผลานไม่ดี
00:33:27 → 00:33:30 อาหารไม่ย่อยอันแรกก่อนท้องอืดก่อนอเนาะ
00:33:30 → 00:33:33 อันที่ 2 ก็คือว่าถ้าระบบย่อยไม่ดีนานๆ
00:33:33 → 00:33:37 เซลล์ของเราอ่ะมันจะใช้น้ำตาลเยอะคือแทน
00:33:37 → 00:33:39 ที่จะได้สารอาหารไงมันก็มันไม่มีสารอาหาร
00:33:39 → 00:33:42 น่ะก็เอาน้ำตาลมาใช้อืพอใช้น้ำตาลเรื่อยๆ
00:33:42 → 00:33:45 เรื่อยๆๆๆเซลล์มันก็จะเป็นเซลล์แบบเซลล์
00:33:45 → 00:33:46 เสื่อมอ่ะเซลล์เสื่อมเนี่ยก็คือโรคเบา
00:33:47 → 00:33:50 หวานนั่นแหละอือ่านะก็คือถ้านอนไม่หลับ
00:33:50 → 00:33:52 นานๆนะครับก็จะเป็นโรคเกี่ยวกับระบบย่อย
00:33:52 → 00:33:55 อาหารโรคเกี่ยวกับตับเกี่ยวกับระบบเบาผลา
00:33:55 → 00:33:58 สุดท้ายก็เป็นโรคเบาหวานถ้าเบาหวานมาก็จะ
00:33:58 → 00:34:00 เป็นโรคเกี่ยวกับความดันสูงแล้วก็เป็นโรค
00:34:00 → 00:34:03 เกี่ยวกับหลอดเลือดแล้วก็ไปนู่นเลยโรค
00:34:03 → 00:34:06 อะไร่ะหลอดเลือดสมองตีบแตกนู่นนี่นั่นเอา
00:34:06 → 00:34:08 ว่ากันไปแต่ว่าเดี๋ยวอย่าพูดเยอะเกิน
00:34:08 → 00:34:12 เดี๋ยวคนกลัวนะครับแต่ถ้านอนไม่หลับอ่ะ
00:34:12 → 00:34:15 มันส่งผลหลายอย่างมันไม่ใช่แค่เรื่องของ
00:34:15 → 00:34:18 โรคมันคือเรื่องอารมณ์ด้วยไงทำให้คนรอบ
00:34:18 → 00:34:21 ข้างเขาก็อาจจะแบบโอ้โหเครียดจังเลยอ่ะ
00:34:21 → 00:34:23 เวลาคุณนอนไม่หลับเนี่ยโอ้โหไม่อยากอยู่
00:34:23 → 00:34:26 ใกล้เลยอะไรอย่างเงี้ยอืมีรัศมีบางอย่าง
00:34:26 → 00:34:29 แผ่ออกมาใช่ๆถ้าอย่างงั้นเนี่ยก็คือว่า
00:34:29 → 00:34:31 การนอนน่ะมันเป็นสิ่งที่สำคัญอยู่แล้ว
00:34:31 → 00:34:34 เพราะว่ามันอยู่ในกิจวัตรที่หลายๆคน่ะอาจ
00:34:34 → 00:34:37 จะมองข้ามไม่ได้ให้ความสนใจมากเนาะเพราะ
00:34:37 → 00:34:40 ว่าบางคนเนี่ยอ่าก่อนที่จะไปถึงโรคนอนไม่
00:34:40 → 00:34:41 หลับหนูว่าบางทีมันก็เกิดจากกิจวัตร
00:34:42 → 00:34:44 พฤติกรรมที่เราทำนี่แหละที่ส่งเสริมให้
00:34:44 → 00:34:47 มันกลายเป็นนานๆไปคือกลายเป็นโรคไปะออ่า
00:34:47 → 00:34:49 ฮะเพราะฉะนั้นวันนี้ก็คือโหมีเวลานอนนอน
00:34:49 → 00:34:53 นะคะนอนเถอะนะเนาเออแล้วก็อยากตื่นเช้าก็
00:34:53 → 00:34:55 ตื่น 4:00 นได้สนอน 22:00 นตื่น 4:00 น
00:34:55 → 00:34:57 อย่าเงี้ยดีกว่าดีกว่าไปนอน 2:00 นตื่น
00:34:57 → 00:35:00 8:00 นอืมโอ๊ยถามขอถามเรื่องนี้นิดนึง
00:35:00 → 00:35:05 ค่ะว่าแล้วการที่อือชั่วโมงในการนอนที่ดี
00:35:05 → 00:35:07 อ่าคือกี่ชั่วโมงคะแล้วแล้วทีเนี้ยไอ้
00:35:07 → 00:35:10 ชั่วโมงนั้นน่ะถ้าเราไม่ได้นอนตามเวลาที่
00:35:10 → 00:35:14 คนปกติอ่ะครับอ่าเราอาจจะไปนอนดึกมากๆ
00:35:14 → 00:35:17 ตื่นสายๆแต่นอนเยอะนะอออันนี้ก็ดีดีม
00:35:17 → 00:35:20 ชั่วโมงในการนอนเนี่ยสำคัญนะแต่ว่าไม่
00:35:20 → 00:35:24 สำคัญเท่านอนหลับลึกอเป่าอืเออให้คุณนึก
00:35:24 → 00:35:27 ถึงคนที่เค้าเก่งๆนะพระเกจิอ่ะนอนไวละ
00:35:27 → 00:35:28 ชั่วโมง
00:35:28 → 00:35:31 นอนเวละ 2 ชมท่านพอนะไม่ใช่ไม่พอนะคือ
00:35:31 → 00:35:33 ท่านไปถึงเดต้าเลยไงนึกออกมั้ยก็คือคลื่น
00:35:33 → 00:35:36 สมองมันกดไปเต้าเลยฉะนั้นมันนอน 2
00:35:36 → 00:35:38 ชั่วโมงอ่ะพอแล้วแต่คนปกติทั่วไปก็อย่าง
00:35:38 → 00:35:40 น้อย 6-7 ชั่วโม 8 ช่มอันนี้แล้วแต่
00:35:40 → 00:35:42 สมมุติว่าคุณแบบทำงานเยอะแล้วเสาร์
00:35:42 → 00:35:45 อาทิตย์เนี่ยกุอยากฟื้นตัวเองก็ต้องนอน
00:35:45 → 00:35:47 แบบ 8 ช่มอะไรเงี้ยเพื่อให้มันฟื้นไงแต่
00:35:47 → 00:35:49 ถ้าโดยปกติ 6 ชม 7 ช่วโมงก็ถือว่าเก่ง
00:35:49 → 00:35:52 แล้วละถ้าทำได้นะแล้วก็ถ้าทำให้หลับลึก
00:35:52 → 00:35:56 ได้ยิ่งดีเช่น 1 ชมงก่อนนอนคุณต้องคูลดาว
00:35:56 → 00:35:59 ตัวเองสุดๆอ่ะนึกออกมั้ยไม่เล่นมือถือไม่
00:35:59 → 00:36:02 ไปทำอะไรที่มันวุ่นวายเกินไปในสมองอะไร
00:36:02 → 00:36:05 อย่างเงี้ยก็จะทำให้เรารู้สึกว่าโอเค 1
00:36:05 → 00:36:08 ชมก่อนนอนเราคูลดาวน์สมองลงมาแล้วเราก็
00:36:08 → 00:36:10 หลับได้ดีแถมหลับลึกอีกเผลอๆคุณนอน 5
00:36:10 → 00:36:13 ช่วโมงอาจจะโอเคเลยก็ได้อืโอเคมั้ยฉะนั้น
00:36:13 → 00:36:16 ชั่วโมงการนอนมันอยู่ที่คุณหลับได้ลึก
00:36:16 → 00:36:19 หรือเปล่ามากกว่าแล้วก็อีกหัวข้อนึงก็คือ
00:36:19 → 00:36:21 เวลาในการนอนอันนี้สำคัญเพราะว่าอย่างงี้
00:36:21 → 00:36:24 มนุษย์เราเนี่ยหลังจากพระที่ตกแล้วนะคือ
00:36:24 → 00:36:26 บางประเทศก็ไม่เกี่ยวกับพระที่ตกนะแต่โดย
00:36:26 → 00:36:28 เฉลี่ยประมาณ
00:36:28 → 00:36:31 18:00 นเป็นต้นไปร่างกายจะเริ่มสะสมพลัง
00:36:31 → 00:36:33 งานใหม่เวลาคุณไม่ใช้มือถือตอนนอนใช่มั้ย
00:36:33 → 00:36:36 คุณทำไงชาร์จแบตชาร์จแบตถูกมั้ยเออมนุษย์
00:36:36 → 00:36:39 เราอ่ะเริ่มชาร์จแบตตอน 18:00 นเป็นต้นไป
00:36:39 → 00:36:43 อือ่าอคุณคิดดูถ้าคุณไม่ชาร์จตอน 18:00 น
00:36:43 → 00:36:46 อ่ะคุณไปเริ่มชาร์จที 2:00 นแบตมันก็ไม่
00:36:46 → 00:36:49 เต็มถูกมั้ยใช่ค่ะฉะนั้นอีกวันนึงของคุณ
00:36:49 → 00:36:52 น่ะมันก็จะสลเสลไม่ค่อยมีแรงควบคุมอารมณ์
00:36:52 → 00:36:56 ไม่ได้หงุดหงิดบ่อยเครื่องแฮ้งๆค้างๆนั่น
00:36:56 → 00:36:58 น่ะเออแล้วถ้าคุณไปทำเงี้ซ้ำๆซ้ๆเป็น
00:36:58 → 00:37:01 เดือนๆเป็นไงมันก็ค้างสิมันพังนะเครื่อง
00:37:01 → 00:37:03 พังนะสมงสมองเนี่ยพังหมดอ่ะเออฉะนั้นแล้ว
00:37:04 → 00:37:07 นะถ้าเป็นไปได้นะจริงๆผมไม่ได้หมายว่า
00:37:07 → 00:37:10 มนุษย์ทุกคนเป็นแบบนี้นะแต่ 95% เป็นแบบ
00:37:10 → 00:37:13 นี้คือคูลดาวน์ตั้งแต่คูลดาวคือต้อง
00:37:13 → 00:37:15 พยายามผ่อนคลายตัวเองอ่ะตั้งแต่ 18:00 น
00:37:15 → 00:37:17 ละออย่าไปทำงานอะไรเยอะมากเกินไปนะสัก
00:37:17 → 00:37:21 20:00 นเริ่มะเริ่มผ่อนคลายไปอาบน้ำนะ
00:37:21 → 00:37:24 คุยเล่นสนุกสนุสนานประมาณสัก 22:00 นนอน
00:37:24 → 00:37:27 มยพอนอน 22:00 นตื่นมา 4:00 น 5:00 น 600
00:37:27 → 00:37:30 นเช้าอันนี้แล้วแต่คนนนะมันจะตื่นมาด้วย
00:37:30 → 00:37:34 ความที่แบตเต็มอ่ะแล้วก็มีความสดชื่นสมอง
00:37:34 → 00:37:38 ดีมองโลกในแง่ดีมีความพร้อมในการทำงานแบบ
00:37:38 → 00:37:40 นี้ดีกว่าแต่ถ้าคุณไปนอน 2:00 นแล้วตื่น
00:37:40 → 00:37:43 มา 8:00 นผมว่าทุกคนก็คงมีประสบการณ์ว่า
00:37:43 → 00:37:46 คือมันไม่เต็มว่ะอือมันมันไม่เท่ากับที่
00:37:46 → 00:37:48 เรานอน 22:00 นนอน 21:00 นอะไรอย่างเงี้ย
00:37:48 → 00:37:51 อืค่ะเมื่อกี้คุณหมอบอกว่าจริงๆก็คือ
00:37:51 → 00:37:54 ชีวิตของเรานาฬิกาชีวิตเนาะมันจะปรับตาม
00:37:54 → 00:37:57 พระอาทิตย์ครับอ่าแล้วคือพอตอนกลางคืนอ่ะ
00:37:57 → 00:37:59 คือมันไม่มีแสงพระอาทิตย์ะแต่หนูอยากรู้
00:37:59 → 00:38:03 เรื่องของแสงเพิ่มว่าแล้วแสงอ่ะมันมีผล
00:38:03 → 00:38:06 ต่อการนอนมั้ยคะอ่าโอเคคือเมื่อกี้ที่เรา
00:38:06 → 00:38:08 พูดเรื่องคลื่นใช่มั้ยเอาคลื่น 40 เฮิ
00:38:08 → 00:38:10 เหมือนเดิมก่อนแล้วกันนะโอเคคลื่น 40 เฮซ
00:38:11 → 00:38:14 เนี่ยจะช่วยให้เกิดคลื่นแกมม่าในสมองอ่า
00:38:14 → 00:38:17 อือคลื่นแกมม่าในสมองเนี่ยมันจะทำให้เรา
00:38:18 → 00:38:21 เรียนรู้พฤติกรรมที่ดีอ่ะพฤติกรรมที่ถูก
00:38:21 → 00:38:25 ต้องอ่ะเออเช่นเราควรนอนเวลาไหนเราควร
00:38:25 → 00:38:28 ตื่นเวลาไหนเวลาเนี้ยเวลากินข้าวป่ะเนอะ
00:38:28 → 00:38:31 หรือเวลานี้มันเป็นเวลาที่เราต้องพูดคุย
00:38:31 → 00:38:34 กันใช้อารมณ์ร่วมกัน Take Time ร่วมกัน
00:38:34 → 00:38:37 ไอ้แบบเนี้ยถ้าสมองดีนะมันจะคอนโทรล
00:38:37 → 00:38:39 เรื่องนี้ได้ดีอืเออนึกออกมั้ยฉะนั้นแล้ว
00:38:39 → 00:38:42 เนี่ยพอเราใช้แสงพวก 40 เฮซอะไรประมาณ
00:38:42 → 00:38:44 เนี้ยก็เลยทำให้พฤติกรรมของเราเนี่ยเป็น
00:38:44 → 00:38:49 พฤติกรรมที่ค่อนข้างโฟกัสได้ดีมีความสงบ
00:38:49 → 00:38:53 รู้ว่าเวลาไหนตื่นเวลาไหนควรนอนเวลาไหน
00:38:53 → 00:38:56 ควรจะออกกำลังกายคือมันจะมันจะทำให้วงจร
00:38:56 → 00:38:58 มันดีขึ้นดีกว่าออฉะนั้นแล้วเนี่ยมันไม่
00:38:58 → 00:39:01 ได้หมายความว่าเอาแสงนี้เข้าไปหลับเลยไม่
00:39:01 → 00:39:05 ใช่แต่มันจะทำให้คุณเข้าใจว่าวงจรชีวิต
00:39:05 → 00:39:08 เ่ะมันควรจะเป็นยังไงมากกว่านะอืออย่าง
00:39:08 → 00:39:10 ที่บอกแสงแกมม่าเนี่ยมันเอาไว้สำหรับ
00:39:10 → 00:39:13 ตระหนักรู้อ่ะว่าตัวเองควรทำอะไรหรือไม่
00:39:13 → 00:39:15 ควรทำอะไรเกิดขึ้นนึกออกมั้ยเออแล้วมันจะ
00:39:15 → 00:39:19 มาแป๊บเดียวปึ๊บฉะนั้นใครก็ตามที่สวดมนต์
00:39:19 → 00:39:22 ทำสมาธิบ่อยๆหรือมีจิตที่มันนิ่งๆบ่อยๆ
00:39:22 → 00:39:26 คุณจะเห็นว่าคนๆเนี้ยค่อนข้างจะมีเวลา
00:39:26 → 00:39:28 ชีวิตที่ค่อนข้างถูกต้องอ่ะแต่ใครก็ตาม
00:39:28 → 00:39:32 ที่แบบไอ้นี่ไม่เคยสวดมนต์ไม่เคยทำสมาธิ
00:39:32 → 00:39:34 ไม่เคยมีสมาธิกับเรื่องใดๆเลยเวลาจะค่อน
00:39:34 → 00:39:38 ข้างเละมันจะแบบแี่มากอ่ะคือแบบเอ้ยนอน
00:39:38 → 00:39:40 3:00 นบ้างนอน 5:00 นบ้างเรืมันจะไป
00:39:40 → 00:39:43 เรื่อยๆฉะนั้นวันนี้ไม่เป็นไรหรอกแต่อีก
00:39:43 → 00:39:46 10 ปีไม่รู้นะอีก 20 ปีไม่แน่ใจนะออะไร
00:39:46 → 00:39:48 อย่างเงี้ยสรุปก็คือถ้าเทคโนโลยีเรื่อง
00:39:48 → 00:39:53 แสงจะช่วยให้คุณน่ะมีคุณภาพการใช้ชีวิต
00:39:53 → 00:39:56 แบบไซเคิลอ่ะได้ดีขึ้นก็คือไปปรับที่
00:39:56 → 00:39:58 กระบวนการเรียนรู้เราก็จะแยกแยะได้แล้วก็
00:39:59 → 00:40:01 จะรู้ว่าเวลานี้คณทำอะไรอ่าแล้วตาราง
00:40:01 → 00:40:04 ชีวิตมันกิจวัตรมันจะดีขึ้นใช่อัลไซเมอร์
00:40:04 → 00:40:08 นอนไม่หลับมันก็คือภาวะนึงของสมองนั่น
00:40:08 → 00:40:11 แหละดังนั้นถ้าเราดูแลสมองให้ดีมีความ
00:40:11 → 00:40:15 ตั้งใจในการพัฒนาสติกำลังเงี้ยนะครับสุด
00:40:15 → 00:40:18 ท้ายแล้วเนี่ยสิ่งที่คุณจะได้นะมันไม่ใช่
00:40:18 → 00:40:21 แค่เรื่องของว่าสมองดีขึ้นนะมันจะมีความ
00:40:21 → 00:40:24 ตั้งมั่นในชีวิตอ่ะมนุษย์เรานะถ้ามีความ
00:40:24 → 00:40:26 ตั้งมั่นในชีวิตนะเวลาโรคอัลไซเมอร์เข้า
00:40:26 → 00:40:29 มาคุณรู้ตัวตัวะแล้วคุณจะแก้ไขได้ทันน่ะ
00:40:29 → 00:40:31 โอเคมั้ยหรือนอนไม่หลับเข้ามาคุณจะไม่
00:40:31 → 00:40:33 ปัญหาคือแบบคืนนี้นอนไม่หลับแย่จังเลย
00:40:33 → 00:40:36 พรุ่งนี้ต้องทำไงดีพรุ่งนี้ต้องพรีเซนงาน
00:40:36 → 00:40:38 ใช่มั้ยแต่มนุษย์เรานะถ้ามันมีความจิต
00:40:38 → 00:40:41 ตั้งมั่นนะมันนอนไม่หลับคืนนึง 2 คืนนะ
00:40:41 → 00:40:44 เขาจะรู้เลยไม่ตายหรอกอยู่ได้ไอ้จิตที่
00:40:44 → 00:40:47 ตั้งมั่นตรงเนี้ยสำคัญมากซึ่งมันต้องเกิด
00:40:47 → 00:40:50 จากการฝึกฝนทำให้สมองเราอ่ะอยู่ในสภาวะ
00:40:50 → 00:40:54 ที่ดีอยู่เสมอไงอือือทั้งหมดที่คุณหมอพูด
00:40:54 → 00:40:56 มาเนาะวันนี้เราจะได้ยินเรื่องของการทำ
00:40:56 → 00:41:00 สมาธิอืบ่อยๆใช่แล้วทีเยค่ะหนูอยากรู้ว่า
00:41:00 → 00:41:03 แล้วตัวสมาธิอ่ะอือเค้าไปมีส่วนในการทำ
00:41:03 → 00:41:06 งานกับโรคต่างๆยังไงอ่ะที่แบบอ่ามันดีดี
00:41:06 → 00:41:09 ขึ้นยังไงอดีขึ้นยังไงใช่มั้ยใชค่ะมนุษย์
00:41:09 → 00:41:11 ทุกวันเนะเวลาเราใช้ชีวิตอ่ะเราจะมองออก
00:41:11 → 00:41:14 ไปข้างนอกเงี้ยอืเออมองว่าเฮ้ยคนนี้เทำ
00:41:14 → 00:41:17 อะไรคนนี้เมีความสุขมยคนนี้โอเคดีคนนี้
00:41:17 → 00:41:21 สวยคนนี้หล่อแต่พอพูดถึงสมาธิอ่ะมันจะ
00:41:21 → 00:41:23 กลับกันมันจะกลายเป็นมองเป็นทางไหนข้างใน
00:41:23 → 00:41:25 เออมันจะมองข้างในหไม่ว่าคุณจะกวาดบ้าน
00:41:25 → 00:41:28 อยู่ทำกับข้าวอยู่หรือกำลังนอนไม่หลับ
00:41:28 → 00:41:32 หรือกำลังมีปัญหาการกลัวการนอนไม่หลับถ้า
00:41:32 → 00:41:35 คุณใช้สมาธิเท่ากับคุณกำลังไม่ได้หันออกะ
00:41:35 → 00:41:38 คุณกำลังหันเข้าอืเวลาเราหันเข้าเนี่ยเรา
00:41:38 → 00:41:41 จะเห็นความละเอียดของกายเราเช่นถ้าเรา
00:41:41 → 00:41:45 กำลังนอนไม่หลับใจเราจะแบบเต้นโอเคมย
00:41:45 → 00:41:48 สมาธิไม่ได้ทำให้คุณหายนะแต่สมาธิอ่ะทำ
00:41:48 → 00:41:51 ให้คุณเห็นตนเองพอคุณเห็นตัวเองปุ๊บอ่ะ
00:41:51 → 00:41:53 สิ่งนึงที่เกิดขึ้นก็คือว่าคุณจะไม่ฟุ้ง
00:41:53 → 00:41:56 มันจะไม่บ้าไปก่อนน่ะนึกออกมั้ยอืพอไม่
00:41:56 → 00:41:58 ฟุ้งปุ๊บเนี่ยสภาวะของเราที่เมื่อกี้คุย
00:41:58 → 00:42:01 กันน่ะเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็จะดับไป
00:42:01 → 00:42:03 อย่างรวดเร็วแล้วก็เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป
00:42:03 → 00:42:06 มันจะมันจะ Flow ไงฉะนั้นการทำสมาธิคือ
00:42:06 → 00:42:09 การที่ทำให้เราอ่ะกลับมา Flow ได้ดีนึก
00:42:09 → 00:42:12 ออกมั้ยมันไม่ใช่ทำสมาธิเสร็จโอเราบรรลุ
00:42:12 → 00:42:15 เปรี้ยงนิพพานทันทีไม่ใช่นะคือเราจะเรียน
00:42:15 → 00:42:18 รู้ตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆเรื่อยๆๆฉะนั้นเรา
00:42:18 → 00:42:21 ทำสมาธิมันก็เลยเป็นเหมือนแบบเครื่องมือ
00:42:21 → 00:42:24 เหมือนกุญแจที่เอาไว้ชนะปัญหาไม่ว่าจะ
00:42:24 → 00:42:28 เป็นการเป็นอัลไซเมอร์ได้ง่ายนะอซอแบบที่
00:42:28 → 00:42:30 ยังรักษาได้นะเอ่อการนอนไม่หลับเหมือนคุณ
00:42:30 → 00:42:33 มีมาสเตอร์คีย์อ่ะเออเฮ้ยมีเว้ยไม่กลัว
00:42:33 → 00:42:36 เว้ยนะนึกออกป่ะฉะนั้นฝึกสมาธิเอาไว้มัน
00:42:36 → 00:42:39 ก็จะช่วยได้แบบนี้แหละค่ะฝึกสมาธิเอาไว้
00:42:39 → 00:42:44 อ่าต่อไปจึงถามว่าฝึกยังไงให้ได้ผลค่ะ
00:42:44 → 00:42:47 โอ้โหฝึกยังไงให้ได้ผลใช่มั้ยโอเคเอาณตอน
00:42:47 → 00:42:49 นี้นะตากล้องที่อยู่ข้างหน้าผมเนี่ยณตอน
00:42:49 → 00:42:52 นี้นะเค้ายืนท่าเดิมมาประมาณชั่วโมงนึงะ
00:42:52 → 00:42:56 โอเคมั้ยแล้วเแทบไม่ขยับเลยเนี่ยเมีสมาธิ
00:42:56 → 00:42:59 โอเออแค่นั้นเองแค่นั้นจริงๆมันแค่นี้นึก
00:42:59 → 00:43:02 ออกป่ะเพราะว่าคนส่วนใหญ่อ่ะบอกว่าสมาธิ
00:43:02 → 00:43:07 โหพอพูดแล้วก็ยากอ่ะเออนะขณะที่คุณคุยกับ
00:43:07 → 00:43:11 ผมเนี่ยเนาะคุณต้องมีสมาธิมั้ยมีค่ะโถูกม
00:43:11 → 00:43:14 เอใชมเพราะถ้าไม่มีมันคงไปไกลแล้วอ่ะหลุด
00:43:14 → 00:43:17 ไปไกลคำถามก็คงผิดมั่วไปหมดเลยไม่สามารถ
00:43:17 → 00:43:20 ลำดับเรื่องราวได้ฉะนั้นสมาธิอยู่กับคุณ
00:43:20 → 00:43:24 ทุกเวลาทุกวินาทีเพียงแต่ว่าคุณจะยอมดู
00:43:24 → 00:43:29 มันึเปล่าเอออถ้าถ้าไม่ดูสุดท้ายแล้วคุณ
00:43:29 → 00:43:31 ก็จะป่วยแล้วคุณก็ต้องกลับมาดูอยู่ดีอ่ะ
00:43:31 → 00:43:33 ฉะนั้นดูไตั้งแต่วันนี้แหละมันจะได้ไม่
00:43:33 → 00:43:36 ต้องไปป่วยในอนาคตแล้วก็ต้องไปแก้วันนั้น
00:43:36 → 00:43:38 ซึ่งแก้วันนั้นอาจจะแบบโอ้โหยากกว่าเดิม
00:43:38 → 00:43:41 อีกหมออะไรอย่างเงี้ยโหวันนี้ได้ความรู้
00:43:41 → 00:43:44 เยอะมากแล้วก็เป็นวาระแห่งชาติอย่างที่
00:43:45 → 00:43:47 บอกใช่ๆวันนี้แม้กระทั่งตัวแพนด้าเองก็
00:43:47 → 00:43:50 นั่งสะท้อนตัวเองไปฟังไปสะท้อนตัวเองไป
00:43:50 → 00:43:52 เราก็ได้รู้ว่าเราควรที่จะใส่ใจตัวเอง
00:43:52 → 00:43:55 จริงๆเนาะอย่ามองข้ามเรื่องคลื่นต่างๆที่
00:43:55 → 00:43:57 แบบอยู่ในสมองของเราเพราะมันส่งผลระยะยาว
00:43:58 → 00:44:00 ต่อโรคอ่าไม่ว่าจะเป็นอัลไซเมอร์นอนไม่
00:44:00 → 00:44:03 หลับอืเพราะฉะนั้นแล้วคืออ่ะเรามาดูแลตัว
00:44:03 → 00:44:05 เองกันดีกว่าตั้งแต่วันนี้แล้วก็เรื่อง
00:44:05 → 00:44:07 ของแสง 40 เตซที่เป็นความรู้ใหม่ของ
00:44:07 → 00:44:09 แพนด้าเหมือนกันในวันนี้ว่าเฮ้ยแสง 40
00:44:09 → 00:44:12 เฮิตเนี่ยมีส่วนช่วยในการที่จะกระตุ้นอ่า
00:44:12 → 00:44:15 คลื่นแกมม่าซึ่งทำให้เราแบบตระหนักรู้ได้
00:44:15 → 00:44:17 ทำให้เราแบบว่ารู้ว่าจังหวะไหนควรใช้
00:44:17 → 00:44:20 ชีวิตยังไงแล้วก็ทำให้เราเนี่ยกิจวัตรมัน
00:44:20 → 00:44:23 สมดุลมากขึ้นอดีมากๆเลยค่ะวันนี้สำหรับ
00:44:23 → 00:44:26 ใครนะคะที่สนใจรายละเอียดเรื่องแสง 40
00:44:26 → 00:44:29 เฮิตนะคะสามาศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ใต้คลิป
00:44:29 → 00:44:30 นี้เลยนะคะเดี๋ยวเราจะทิ้งลิงก์เอาไว้ให้
00:44:30 → 00:44:33 เนาะอันนี้ก็เป็นทางเลือกนึงเนาะใครสนใจ
00:44:33 → 00:44:34 ตามไปที่ใต้คลิปได้เลยค่ะแล้วก็อย่าลืมกด
00:44:34 → 00:44:37 ไลคกดแชร์กด Subscribe นะคะเป็นกำลังใจ
00:44:37 → 00:44:38 ให้เราด้วยสำหรับวันนี้นะคะก็ต้องขอ
00:44:39 → 00:44:41 ขอบคุณคุณหมอนัทใครไม่ป่วยยกมือขึ้นมากๆ
00:44:41 → 00:44:43 นะคะที่มาให้ความรู้กับเราวันนี้ค่ะ
00:44:43 → 00:44:46 ขอบคุณค่ะขอบคุณครับแพนด้าครับขอบคุณคุณ
00:44:46 → 00:44:48 ผู้ชมครับ
00:44:48 → 00:44:56 [เพลง]
00:44:56 → 00:44:59 ขอบ R
00:44:59 → 00:45:11 [เพลง]