00:00:00 → 00:00:02 คนทานมังสวิรัตก็มีสิทธิ์เป็นคอเลสเตอรอล
00:00:02 → 00:00:04 สูงใช่มั้ยมี
00:00:04 → 00:00:07 ครับเด็กก็มีคอเลสเตอรอลสูงได้
00:00:07 → 00:00:11 มยได้ครับ 2 ขวบก็เป็นอ่ะต้องกังวลขนาด
00:00:11 → 00:00:13 ไหนคะคำว่าคอเลสเตอรอลเนี่ยค่ะ
00:00:13 → 00:00:15 คอเลสเตอรอลที่เรามักจะบอกว่าไม่ดีคือตัว
00:00:15 → 00:00:18 ldl นั่นคือเมื่อก่อนฮะแต่ในปัจจุบัน
00:00:18 → 00:00:20 เนี่ยพอมีความรู้ต่างๆมากๆเข้าเนี่ยเราก็
00:00:20 → 00:00:23 รู้แล้วว่าเอ้ยจริงๆไอ้คอเลสเตอรอล ldl
00:00:23 → 00:00:25 อ่ะที่เขาบอกว่าไม่ดีเนี่ยมันไม่ได้ไม่ดี
00:00:25 → 00:00:27 ไปทุกตัวนะคำว่าไม่ดีอ่ะมันอยู่ที่ใครพูด
00:00:27 → 00:00:30 ว่าไม่ดีคุณจะพูดเคยได้ยินว่าห้ามกิน
00:00:30 → 00:00:32 พิซซ่าเกิน 2 ชิ้นมั้ยฮะไม่เคยไม่เคยเห็น
00:00:32 → 00:00:35 มีใครห้ามเลยเนาะห้ามกินชานมไข่มุกเกิน 3
00:00:35 → 00:00:37 แก้วไม่เห็นมีใครพูดเลยพอเป็นไข่เป็น
00:00:37 → 00:00:39 อาหารธรรมชาติพูดจังเอ้ยไข่มันเลวร้าย
00:00:39 → 00:00:42 ขนาดนั้นเลยหรอบางคนบอกว่าอยากกินของหวาน
00:00:42 → 00:00:44 แต่จะลดน้ำหนักเราก็รู้ว่ามันไม่ดีแต่เรา
00:00:44 → 00:00:46 อยากกินมันแก้ได้มั้ยบอกแก้ได้ฮะถ้าจะกิน
00:00:46 → 00:00:48 ขนม
00:00:48 → 00:00:51 หวานอย่ายั้งครับจริงหรอจริงจริงๆ
00:00:51 → 00:00:54 คอเลสเตอรอลนี่มีประโยชน์มากนะครับถ้าเรา
00:00:54 → 00:00:56 ไม่มีคอเลสเตอรอลเนี่ยเราจะมีปัญหาปกติ
00:00:56 → 00:00:58 เนี่ยหลอดเลือดเราจะอุดตันได้เนี่ยการที่
00:00:58 → 00:01:00 มีแค่ไขมันเข้าไปมันจะไม่อุดมันจะต้อง
00:01:01 → 00:01:02 ประกอบด้วย 2 อย่าง
00:01:02 → 00:01:06 ครับอะไรบ้างที่ไปทำให้เกิดการเป็นแผลของ
00:01:06 → 00:01:08 หลอดเลือดหรือการอักเสบของหลอดเลือดอะไร
00:01:08 → 00:01:12 ล่ะคะส่วนใหญ่ก็เกิดจากพวกคอเลสเตอรอลสูง
00:01:12 → 00:01:15 เนี่ยไม่ได้น่ากลัวทุกคนและส่วนใหญ่ไม่
00:01:15 → 00:01:17 น่ากลัวด้วยค่ะใช้คำนี้เลยคอเลสเตอรอลไม่
00:01:18 → 00:01:20 ใช่ผู้ร้ายนะคะแล้วผู้ร้ายที่แท้จริงคือ
00:01:20 → 00:01:25 อะไรคะคุณหมอผู้ร้ายที่แท้จริงก็
00:01:25 → 00:01:28 คือ on the way with ชมนะคะ EP นี้นะ
00:01:28 → 00:01:30 คะโดนกับชีวิตส่วนตัวอีกแล้วค่ะเพราะว่า
00:01:31 → 00:01:34 เพิ่งจะไปตรวจเลือดมาหมาดๆเลยนะคะแล้วก็
00:01:34 → 00:01:36 ชมเชื่อว่าหลายๆคนที่ไปตรวจสุขภาพมาเนี่ย
00:01:36 → 00:01:37 นะคะก็จะต้องมีเรื่องของการตรวจ
00:01:37 → 00:01:40 คอเลสเตอรอลนะคะซึ่งคอเลสเตอรอลเนี่ยก็จะ
00:01:40 → 00:01:42 มีเรียกกันว่าคอเลสเตอรอลตัวดี
00:01:42 → 00:01:44 คอเลสเตอรอลตัวไม่ดีเอ๊ะหรือว่าจริงๆแล้ว
00:01:45 → 00:01:47 เนี่ยคอเลสเตอรอลเนี่ยเเป็นผู้ร้ายจริง
00:01:47 → 00:01:49 หรือเปล่าเพราะว่าก็ได้ข่าวมาว่าในทางการ
00:01:49 → 00:01:51 แพทย์สมัยใหม่เนี่ยก็เริ่มมีการพูดกัน
00:01:51 → 00:01:52 แล้วว่าจริงๆแล้วเนี่ยคอเลสเตอรอลเนี่ย
00:01:53 → 00:01:54 เค้าก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นถ้าอย่างงั้น
00:01:54 → 00:01:57 แล้วจริงๆแล้วเนี่ยผู้ร้ายตัวจริงเนี่ย
00:01:57 → 00:01:59 เป็นใครและยังมีอีกเรื่องนึงนะคะที่ได้
00:01:59 → 00:02:01 คุยกับคุณหมอทอปนะคะก็คือเป็นเรื่องที่
00:02:01 → 00:02:04 ทุกๆคนน่าจะสนใจเป็นพิเศษลคะก็คือเรื่อง
00:02:04 → 00:02:07 ของการลดน้ำหนักการนับแคลอรี่เนี่ยยัง
00:02:07 → 00:02:11 จำเป็นอยู่ไหมหรือว่าถ้าอยากจะกินของหวาน
00:02:11 → 00:02:13 กินของทอดคุณหมอบอกว่าทานได้นะคะแต่ว่า
00:02:13 → 00:02:15 ต้องทานยังไงคุณหมอก็มีทริกนี้มาแชร์ด้วย
00:02:15 → 00:02:18 ค่ะคุณหมอคะวันนี้เรื่องมันเป็นเรื่องที่
00:02:18 → 00:02:20 ชมกำลังสนใจมากเลยค่ะเพราะว่าเรารู้สึก
00:02:20 → 00:02:23 ว่าเหมือนเราทำทุกอย่างดีหมดเลยแต่ทำไม
00:02:23 → 00:02:26 แบบว่าแล้วเราก็รู้สึกดีขึ้นด้วยนะกับ
00:02:26 → 00:02:28 วิถีชีวิตที่เราปรับเปลี่ยนมาแล้วเราแบบ
00:02:28 → 00:02:30 ว่ารู้สึกเอเนอจีเราก็ดีขึ้นอะไรก็ดีขึ้น
00:02:30 → 00:02:33 แต่ว่าพอเราไปตรวจแล้วเอ้าทำไมแบบว่ามี
00:02:33 → 00:02:37 เรื่องของคอเลสเตอรอลอ่าอ่าก็เลยต้อง
00:02:37 → 00:02:40 กังวลขนาดไหนคะคำว่าคอเลสเตอรอลเนี่ยค่ะ
00:02:40 → 00:02:42 คือจริงๆถ้าพูดถึงในสมัยก่อนเนี่ยมันก็
00:02:42 → 00:02:45 น่ากังวลจรงนะฮะเพราะว่าค่ะถ้าเกิด 10 ปี
00:02:45 → 00:02:48 ก่อนตอนที่ผมแบบอ่ายังเป็นหมอจบใหม่เนาะ
00:02:48 → 00:02:51 ค่ะเรื่องของคอเลสเตอรอลเนี่ยคือถ้าสูง
00:02:51 → 00:02:54 เนี่ยต้องกินยาเลยใช่อ่าแต่พอในปัจจุบัน
00:02:54 → 00:02:57 เนี้ยสัก 4-5 ปีมาเนี้ยสำหรับประเทศไทยนะ
00:02:57 → 00:03:00 ครับค่ะเรื่องของการทานยาเนี่ยน้อยลงเยอะ
00:03:00 → 00:03:02 มากแล้วจริงหรอคะเพราะว่าเราจะต้องไปเจาะ
00:03:02 → 00:03:04 ลึกเข้าไปดูว่าไ้คอเลสเตอรอลจริงๆแล้วมัน
00:03:04 → 00:03:07 น่ากลัวแค่ไหนค่ะเวลาเรารู้สึกดีเรารู้
00:03:07 → 00:03:10 สึกว่าร่างกายมี Energy อ่ะจริงๆแล้วมัน
00:03:10 → 00:03:12 คือสิ่งที่ถูกต้องฮะค่ะเพียงแต่ว่าเวลา
00:03:12 → 00:03:14 เราไปเจาะเลือดปุ๊บเฮ้ยมันผิดปกติมันกลับ
00:03:14 → 00:03:16 ทำให้เรารู้สึกว่าไม่สบายใจแล้วไม่สบายรึ
00:03:16 → 00:03:19 เปลผิดฉันทำอะไรผิดไปรึเปล่าอ่าแต่บางที
00:03:19 → 00:03:23 บางคนเนี่ยไม่สบายเลยค่ะดูแล้วก็อาจจะมี
00:03:23 → 00:03:25 น้ำหนักเกิน Energy ก็ไม่มีดูอ่อนเพียหมด
00:03:25 → 00:03:30 เลยแต่กินยาไปเจาะเลือดแล้วก็ดูดีครู้สึก
00:03:30 → 00:03:32 ว่าดีซึ่งจริงๆมันไม่ดีฮะโดยหลักการแล้ว
00:03:32 → 00:03:34 เนี่ยชีวิตที่ดีก็คือชีวิตที่มีเอเนอร์จี
00:03:34 → 00:03:38 นั่นแหละตรงไปตรงมาส่วนเลือดผลเลือดต่างๆ
00:03:38 → 00:03:41 เนี่ยมันเป็นแค่ส่วนประกอบว่าเฮ้ยมันน่า
00:03:41 → 00:03:44 จะค่ะน่าจะไม่ดีมั้งแต่ก็ไม่ได้บอกว่าคน
00:03:44 → 00:03:47 คอเลสเตอรอลสูงทุกคนจะเป็นโรคหัวใจคน
00:03:47 → 00:03:50 คอเลสเตอรอลสูงทุกคนจะเป็นโรคนู่นโรคนี่
00:03:50 → 00:03:52 ซึ่งยิ่งในปัจจุบันต้องบอกเลยว่า
00:03:52 → 00:03:55 คอเลสเตอรอลสูงเนี่ยไม่ได้น่ากลัวทุกคน
00:03:55 → 00:03:57 และส่วนใหญ่ไม่น่ากลัวด้วยใช้คำนี้เลย
00:03:57 → 00:04:00 สมัยก่อนเขาก็จะมีคำพูดแหลว่าเอ้ย
00:04:00 → 00:04:02 มีคอเลสเตอรอลเดี๋ยวต้องมาดูนะว่าเา้าก็
00:04:02 → 00:04:05 จะเรียกคอเลสเตอรอลตัวดีกับคอเลสเตอรอล
00:04:05 → 00:04:08 ตัวเลวอะไรอย่างเงี้ยแต่ว่าชมก็เชื่อว่า
00:04:08 → 00:04:10 เอ้ยจริงๆแบบเาเกิดมาเป็นคอเลสเตอรอลเ
00:04:10 → 00:04:12 ต้องมีเหตุผลของเขาใช่มยว่าทำไมร่างกาย
00:04:12 → 00:04:15 ต้องต้องผลิตเขาออกมาใช่จริงๆคอเลสเตอรอล
00:04:15 → 00:04:18 นี่มีประโยชน์มากนะครับค่ะถ้าเราไม่มี
00:04:18 → 00:04:20 คอเลสเตอรอลเนี่ยไม่ว่าจะเป็นการสร้าง
00:04:20 → 00:04:23 ฮอร์โมนนะเราจะมีปัญหาให้ลองดูนะครับว่า
00:04:23 → 00:04:26 กลุ่มคนที่ลดน้ำหนักโดยควบคุมไขมันมากๆ
00:04:26 → 00:04:28 เครียดมากๆจนแบบไม่แตะไขมันเลยเนี่ยส่วน
00:04:28 → 00:04:30 ใหญ่ประจำเดือนจะผิดปกติอ่าเพราะว่า
00:04:31 → 00:04:33 ฮอร์โมนเราสวิงเราหงุดหงิดคอร์ติซอล
00:04:33 → 00:04:35 ฮอร์โมนเราพุ่งเพราะว่าอาหารเราไม่ครบค่ะ
00:04:36 → 00:04:38 อันที่ 2 คือเรื่องกระดูกพุนก็จะพบได้
00:04:38 → 00:04:40 ด้วยเพราะว่าคอเลสเตอรอลกับวิตามินดี
00:04:40 → 00:04:42 เนี่ยมันเกี่ยวข้องกันแล้วมันเป็นเเรียก
00:04:42 → 00:04:44 ว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้กระดูกเราแข็งแรงอ
00:04:45 → 00:04:46 ค่ะแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ยก็ไม่ได้บอก
00:04:46 → 00:04:49 ว่าให้คอเลสตอรอล 50000 แล้วจะดีอย่างงี้
00:04:49 → 00:04:52 มไม่ใช่มันก็ต้องดูในรายละเอียดว่าเฮ้ย
00:04:52 → 00:04:54 ข้างในนั้นมันมีอะไรอยู่คอเลสเตอรอลที่
00:04:54 → 00:04:57 เรามักจะบอกว่าเป็นคอเลสเตอรอลดีก็คือตัว
00:04:57 → 00:04:59 hdl คอเลสเตอรอลที่เรามักจะบอกว่าไม่ดี
00:04:59 → 00:05:02 คือตัว ldl ค่ะนั่นคือเมื่อก่อนฮะอือแต่
00:05:03 → 00:05:05 ในปัจจุบันเนี่ยอ่าพอมีความรู้ต่างๆมากๆ
00:05:05 → 00:05:07 เข้าเนี่ยเราก็รู้แล้วว่าเอ้ยจริงๆไอ้
00:05:07 → 00:05:10 คอเลสเตอรอล ldl อ่ะที่เขาบอกว่าไม่ดี
00:05:10 → 00:05:12 เนี่ยจริงๆมันมันไม่ได้ไม่ดีไปทุกตัวนะ
00:05:12 → 00:05:15 มันมีครึ่งนึงเลยล่ะที่มันก็แบบว่าเฮ้ย
00:05:15 → 00:05:17 โอเคมันก็อยู่ในร่างกายเราได้ไม่ได้เป็น
00:05:17 → 00:05:19 อะไรแบบนี้ครับใชอันนี้คือจากความเข้าใจ
00:05:19 → 00:05:23 แบบงูๆปาๆของชมนะคะที่พยายามจะฟังนู่นฟัง
00:05:23 → 00:05:26 นี่เอามาประติดประต่อกันเนี่ยก็คือ ldl
00:05:26 → 00:05:29 เนี่ยเขาคก็จะมีคือถ้าเทียบกับ hdl hdl
00:05:29 → 00:05:32 เจะใหญ่กว่าใช่มั้ยคะคือเราใช้คำนี้ฮะว่า
00:05:33 → 00:05:36 ldl กับ hdl เนี่ยเราจะแยกกันไปก่อน hdl
00:05:36 → 00:05:38 เนี่ยโดยส่วนใหญ่เราจะเชื่อว่าเราใช้คำ
00:05:38 → 00:05:40 ว่าเ้าเป็นไขมันดีแล้วกันเอาแบบง่ายๆที่
00:05:40 → 00:05:42 คนทั่วไปเข้าใจเนาะส่วน ldl เนี่ยเราจะ
00:05:42 → 00:05:45 บอกว่าไอ้เนี่ยเป็นไขมันไม่ดีใช่มั้ยฮะ
00:05:45 → 00:05:48 ซึ่งในปัจจุบันเนี่ยเราเราบอกเวลาเราไปดู
00:05:48 → 00:05:50 ldl จริงๆแล้วเนี่ยเราต้องแยก 2 อันครับ
00:05:50 → 00:05:53 ว่า ldl เเป็นตัวใหญ่หรือ ldl เเป็นตัว
00:05:53 → 00:05:56 เล็กค่ะอ่าคือตัว hdl กับ ldl เนี่ยจริงๆ
00:05:56 → 00:05:59 แล้วมันมีหน้าที่ของมันครับค่ะคือตัว hdl
00:05:59 → 00:06:02 เนี่ยเวลาเรากินไขมันเข้าไปเนี่ย hdl
00:06:02 → 00:06:04 เนี่ยเขาจะเป็นเหมือนเรือครับค่ะไปรับไอ้
00:06:04 → 00:06:07 ไขมันที่เรากินเข้ามาเนี่ยที่มันเกินน่ะ
00:06:07 → 00:06:10 แล้วไปที่ตักค่ะเพื่อเค้าเรียกว่าทำการ
00:06:10 → 00:06:12 สลายให้มันหมดสิ้นไปค่ะเพราะฉะนั้นเราเลย
00:06:12 → 00:06:14 เรียกว่า hdl เป็นไขมันดีฮะเพราะมัน
00:06:14 → 00:06:17 เหมือนว่าเป็นเรือไปรับของไม่ดีนะแล้วก็
00:06:17 → 00:06:20 เอาไปเอาไปแบบทำลายทิ้งให้ออกนอกร่างกาย
00:06:20 → 00:06:23 ไปหรือเอาไปใช้ประโยชน์อค่ะแต่ส่วน ldl
00:06:23 → 00:06:25 เนี่ยพอเค้ารับไขมันที่เกินมาปุ๊บเนี่ย
00:06:25 → 00:06:28 เค้าไม่วิ่งไปที่ตับฮะอเค้าวิ่งไปที่หลอด
00:06:28 → 00:06:31 เลือดฮะค่ะพอวิ่งไปที่หลอดเลือดหลอดเลือด
00:06:31 → 00:06:33 ก็เกิดการอักเสบหลอดเลือดก็เกิดการอุดตัน
00:06:33 → 00:06:35 มันก็เลยเป็นโรคต่างๆเราก็เลยเรียกว่าไอ้
00:06:35 → 00:06:39 ldl แบบเนี้ยเป็น ldl ที่ไม่ดีอืซึ่งพอ
00:06:39 → 00:06:41 เราจอดลึกเข้าไปแล้วปุ๊บเนี่ยมันก็จะมี
00:06:41 → 00:06:44 ldl ตัวใหญ่กับ ldl ตัวเล็กค่ะแล้วพอไป
00:06:44 → 00:06:47 ดูเข้าไปอีกคือ ldl ตัวเล็กนี่แหละที่มัน
00:06:47 → 00:06:49 ไปทำให้เกิดเขาเรียกว่าการอุดตันของหลอด
00:06:49 → 00:06:51 เลือดแต่ ldl ตัวใหญ่เนี่ยไม่ค่อยเท่า
00:06:51 → 00:06:54 ไหร่แต่ก็ไม่ได้บอกว่าโหมีเยอะเท่าไหร่ก็
00:06:54 → 00:06:57 ได้ไม่ใช่ค่ะแต่ว่าโอกาสที่จะทำให้หลอด
00:06:57 → 00:06:59 เลือดเกิดการอักเสบหรือเกิดการอุดตัน
00:06:59 → 00:07:01 เนี่ยมันน้อยอืคือชมเคยฟังมาเบอกว่าเ
00:07:01 → 00:07:04 เปรียบเทียบว่าเส้นเลือดเราเนี่ยมันเป็น
00:07:04 → 00:07:06 ถนนใช่มั้ยคะ ldl เนี่ยมันก็มีทั้งรถ
00:07:06 → 00:07:10 กระบะอือฮึทั้งรถมอเตอร์ไซค์อะไรประมาณ
00:07:10 → 00:07:13 นี้ใช่มั้ยคะซึ่งถ้ารถกระบะที่มันสามารถ
00:07:13 → 00:07:16 บรรทุกไขมันใช่มั้ยคะได้ทีละมากๆมันก็จะ
00:07:16 → 00:07:18 ทำให้ Flow เนี่ยมันมันดีกว่าแต่ว่า
00:07:18 → 00:07:20 มอเตอร์ไซค์ที่่งเขาสามารถบรรทุกของได้
00:07:20 → 00:07:23 แบบเล็กๆได้น้อยครั้งกว่าเนี่ยอก็คือพูด
00:07:23 → 00:07:25 ง่ายๆก็คือต้องมอเตอร์ไซค์หลายคันเพราะ
00:07:25 → 00:07:27 ฉะนั้นโอกาสที่แบบว่าติดขัดการจราจรติด
00:07:27 → 00:07:29 ขัดจะจะมีสูงกว่าประมาณนี้มั้ยคุณหมอก็
00:07:29 → 00:07:31 ถามว่าอย่างงั้นก็ได้ฮะแต่ฟังอาจจะดูงงๆ
00:07:31 → 00:07:33 นิดนึงเพราะฉะนั้นเดี๋ยวผมจะอธิบายแบบให้
00:07:34 → 00:07:37 ง่ายๆเลยคือปกติเนี่ยหลอดเลือดเราจะอุด
00:07:37 → 00:07:39 ตันได้เนี่ยการที่มีแค่ไขมันเข้าไปมันจะ
00:07:39 → 00:07:42 ไม่อุดค่ะมันจะต้องประกอบด้วย 2 อย่าง
00:07:42 → 00:07:45 ครับคือหลอดเลือดเราต้องไม่ดีด้วยแล้วก็
00:07:45 → 00:07:48 มีไขมันที่ ldl ตัวเล็กที่ไม่ดีด้วยไป
00:07:48 → 00:07:50 ประจวบเหมาะกัน 2 อันออ่าหลอดเลือดเรา
00:07:50 → 00:07:53 เนี่ยถ้ามันลื่นๆเลยหมายความว่ามันเนียน
00:07:53 → 00:07:55 กิ๊กเลยไม่เคยอักเสบไม่เคยเป็นแผลเลย
00:07:55 → 00:07:57 เนี่ย ldl ตัวเล็กตัวใหญ่เนี่ยมันก็มักจะ
00:07:57 → 00:08:00 วิ่งผ่านไปเหมือนถนนมันลื่นๆพริ้วๆไม่มี
00:08:00 → 00:08:02 อะไรก็คืออยู่กับสภาพถนนด้วยอใช่อ่าแต่
00:08:02 → 00:08:04 คราวนี้ถ้าหลอดเลือดของเราเนี่ยเป็นสภาพ
00:08:04 → 00:08:06 ถนนที่แบบเฮ้ยเริ่มแบบอักเสบแล้วอ่ะมี
00:08:06 → 00:08:09 ร่องมีแผลเนี่ยมันก็จะมีร่องเล็กๆน้อยๆ
00:08:09 → 00:08:11 ใช่มั้ยฮะคราวนี้ไอ้ตัวเล็กนั่นแหละมันจะ
00:08:11 → 00:08:14 วิ่งไปเกาะตามร่องได้ง่ายแต่ตัวใหญ่อ่ะ
00:08:14 → 00:08:17 ร่องมันเล็กไงฮะมันก็ยังผ่านไปได้สบายๆอ
00:08:17 → 00:08:19 แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามไอ้หลอดเลือดเรา
00:08:19 → 00:08:22 เนี่ยมันสิ้นหวังมากๆอ่ะคือมันเป็นแผล
00:08:22 → 00:08:24 ใหญ่มากๆอ่ะอีตัวใหญ่มันก็เข้าได้เหมือน
00:08:24 → 00:08:26 กันนะฮะโอ้โหถ้างั้นก็ต้องหนักนะถึงขนาด
00:08:26 → 00:08:29 ที่ตัวใหญ่เข้าไปอยู่ลุมหลุมใหญ่มากจริงๆ
00:08:29 → 00:08:31 เราก็ต้องดูว่ามันไม่ใช่แค่ไขมันอย่าง
00:08:31 → 00:08:34 เดียวเราต้องดูว่าอะไรบ้างที่ไปทำให้เกิด
00:08:34 → 00:08:36 การเป็นแผลของหลอดเลือดหรือการอักเสบของ
00:08:36 → 00:08:39 หลอดเลือดอะไรล่ะคะส่วนใหญ่ก็เกิดจากพวก
00:08:39 → 00:08:42 อาหารเป็นหลักเลยนะครับอาหารเป็นหลักบาง
00:08:42 → 00:08:44 คนก็จะคิดว่าอ๋อต้องเป็นอาหารไขมันสูงไม่
00:08:44 → 00:08:48 ใช่อือาหารที่ทำให้เกิดการอักเสบหลอด
00:08:48 → 00:08:50 เลือดอันดับ 1 คือแป้งและน้ำตาลค่ะที่
00:08:50 → 00:08:53 ผ่านกระบวนการสูงค่ะคือไม่ใช่ว่าแป้งทุก
00:08:53 → 00:08:55 อย่างจะทำให้เกิดการอักเสบหลอดเลือดนะ
00:08:55 → 00:08:57 ครับอืแป้งส่วนใหญ่เนี่ยถ้าเกิดผ่าน
00:08:57 → 00:09:01 กระบวนการเช่นพวกน้ำตาลขนมหวานโดนัท
00:09:01 → 00:09:03 พิซซ่าอะไรพวกเนี้ยพวกเนี้มันจะทำให้เกิด
00:09:03 → 00:09:06 การอักเสบได้แต่ถ้าเกิดเป็นแป้งแบบเ้า
00:09:06 → 00:09:09 เรียกว่าดีต่อสุขภาพอ่ะหัวเผือกหัวมันนะ
00:09:09 → 00:09:12 ครับหรือว่าพวกแบบข้าวกล้องก็ยังได้นะ
00:09:12 → 00:09:14 ครับกลุ่มพวกนี้เป็นอาหารธรรมชาติค่ะก็จะ
00:09:14 → 00:09:16 ไม่ค่อยอักเสบเท่าไหร่แต่ถ้าเกิดกินเยอะ
00:09:16 → 00:09:19 เกินไปสมมุติเรากินปริมาณแป้งเยอะๆมากๆ
00:09:19 → 00:09:22 ค่ะร่างกายจะเริ่มเกิดภาวะดื้ออินซูลิน
00:09:22 → 00:09:25 ครับอินซูลิน resistance ค่ะพอเราเกิด
00:09:25 → 00:09:27 ภาวะดื้ออินซูลินมันจะย้อนกลับมาให้หลอด
00:09:27 → 00:09:29 เลือดเราอักเสบแล้วก็เป็นแผลเช่นกันดัง
00:09:29 → 00:09:32 นั้นถึงเราจะกินแป้งดีก็ตามแต่เรากินเยอะ
00:09:32 → 00:09:35 เกินไปมันจะวนเวียนให้เกิดภาวะดื้อ
00:09:35 → 00:09:37 อินซูลินซึ่งเป็นสาเหตุของเบาหวานแล้วก็
00:09:37 → 00:09:39 ย้อนกลับมาทำให้หลอดเลือดเราอักเสบแล้วก็
00:09:39 → 00:09:41 เป็นแผลเป็นรอยแยกพอ ldl ตัวเล็กวิ่งเข้า
00:09:41 → 00:09:44 มาปุ๊บก็ประจวบเหมาะเลยไปฝังปุ๊บไปเกาะ
00:09:44 → 00:09:47 ปุ๊บมันก็เริ่มกอดตัวขึ้นเรื่อยๆก็หมาย
00:09:47 → 00:09:50 ความว่าอย่างเงี้ยถ้าคนที่มีภาวะดื้อ
00:09:50 → 00:09:52 อินซูลินหรือว่าเป็นเบาหวานเป็นอะไรอย่า
00:09:52 → 00:09:54 เงี้ยแล้วก็คือทำให้หลอดเลือดเขากลายเป็น
00:09:54 → 00:09:58 ถนนที่ผุพังขุขาวอต่อให้ไม่ได้มี
00:09:58 → 00:10:00 คอเลสเตอรอลสูงมากแม้แต่ L เดียวก็ที่
00:10:00 → 00:10:03 ใหญ่มากๆก็ยังสามารถกระจุกได้ใช่ก็เป็นไป
00:10:03 → 00:10:06 ได้แต่โอกาสจะน้อยกว่าตัวเล็กเสมอได้อ่า
00:10:06 → 00:10:08 เพราะฉะนั้นเนี่ยการบอกว่า ldl สูงเท่า
00:10:08 → 00:10:10 ไหร่ก็ได้ผมก็คิดว่ามันอาจจะดูสุดโต่งไป
00:10:10 → 00:10:14 นิดนึงค่ะคือสูงได้แล้วก็แต่ว่าไม่ใช่
00:10:14 → 00:10:16 เท่าไหร่ก็ได้แต่หมายความว่าต่อให้ต่ำอ่ะ
00:10:16 → 00:10:18 ก็เกิดขึ้นได้ต่อให้ต่ำก็เกิดขึ้นได้ครับ
00:10:18 → 00:10:21 ค่ะคือง่ายๆว่าบางคนบอก ldl ต่ำๆนะแต่มี
00:10:21 → 00:10:24 แต่ ldl ตัวเล็กเต็มเลยออืคือ ldl ต่ำมาก
00:10:24 → 00:10:27 เลยกินยาจนกดต่ำกว่า 100 แล้วอะไรที่ทำ
00:10:27 → 00:10:28 ให้มันตัวเล็กอ่ะคุณหมออะไรที่มันทำให้
00:10:28 → 00:10:32 มันตัวเล็กก็คือเราจะพบได้ว่าเมื่อไหร่ก็
00:10:32 → 00:10:36 ตามเนี่ยที่มีค่าไซไดสูงค่ะอ่าเป็นไขมัน
00:10:36 → 00:10:38 อีกตัวนึงนะครับซึ่งเกิดจากเรากินแป้งและ
00:10:38 → 00:10:40 น้ำตาลเยอะค่ะพวกเนี้ยเราจะพบว่าไอ้ตัว
00:10:40 → 00:10:44 ldl อ่ะมันมักจะตัวเล็กรวมกับคนที่มี hdl
00:10:44 → 00:10:48 ต่ำออืปกติมันจะมี 2 อันคู่กันครับไกีซ
00:10:48 → 00:10:53 สูง hdl ต่ำอ่าถ้า 2 ตัวนี้มารวมกันปุ๊บ
00:10:53 → 00:10:55 ldl ส ldl จะตัวเล็กอ๋อจะตัวเล็กเวลาเรา
00:10:55 → 00:10:59 จะดูคร่าวๆค่ะเราต้องดูที่ค่า hdl กับ DR
00:10:59 → 00:11:02 กีซอแต่ถ้าสมมุติว่าเอ้ยเราอยากดูแบบจอ
00:11:02 → 00:11:05 ลึกเลยเราต้องไปจาดเลือดดูว่าตัว ldl ของ
00:11:05 → 00:11:07 เราเนี่ยมันเป็นตัวเล็กตัวใหญ่แล้วมันก็
00:11:07 → 00:11:09 จะมีรายละเอียดปีกย่อยค่อนข้างเยอะพอสม
00:11:09 → 00:11:12 ควรไปตรวจเลือดแล้วเจอคอเลสเตอรอลสูง
00:11:12 → 00:11:14 เงี้ยตกใจทำไงดีคะคุณหมออันดับแรกเราเรา
00:11:14 → 00:11:17 มองตัวเราก่อนฮะถ้าชีวิตเราดีมีความสุข
00:11:17 → 00:11:21 แอคทีฟทุกอย่างดีหมดเลยอืใจเย็นๆฮะมันไม่
00:11:21 → 00:11:23 ได้มีอะไร้าชีวิตเราดีก็คือชีวิตเราดีฮะ
00:11:23 → 00:11:25 ถ้าเราไม่เจอดเลือดเราก็ไม่รู้จริงมั้ยก็
00:11:25 → 00:11:27 จริงแต่เราก็แบบว่าอยากจะแบบว่าไม่อยาก
00:11:27 → 00:11:31 ประมาทเอออ่ะคราวนี้ถ้ามันไม่ดีเราก็ต้อง
00:11:31 → 00:11:33 มาดูข้างในอีกว่าคำว่าไม่ดีอ่ะมันอยู่ที่
00:11:33 → 00:11:36 ใครพูดว่าไม่ดีค่ะคือถ้าก็ต้องบอกว่า
00:11:36 → 00:11:39 สำหรับการแพทย์ที่ค่อนข้างอัปเดตนะครับ
00:11:39 → 00:11:41 แล้วก็ที่ต่างประเทศเขาก็ยอมรับกันมากมาย
00:11:41 → 00:11:44 และเป็นเรื่องปกติเลยว่าเฮ้ยสุดท้ายเนี่ย
00:11:44 → 00:11:46 คอเลสเตอรอลสูงเนี่ยมันไม่ใช่ทั้งหมดเรา
00:11:46 → 00:11:49 ต้องมาดูเนื้อในของมันว่าจริงๆแล้วเนี่ย
00:11:49 → 00:11:52 ไอ้ตัว ldl ตัว hdl เราเป็นยังไงถ้า hdl
00:11:52 → 00:11:55 เราสูงเช่นเราสูงซักอย่าง hdl ผม 100 น
00:11:55 → 00:11:58 อ่าไกลผม 30 ค่ะอย่างเงี้ย ldl ผมจะแบบ
00:11:58 → 00:12:02 ซัก 100 30 มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอือ่า
00:12:02 → 00:12:04 แต่ถ้าเกิดบางคนบอกว่าเฮ้ย ldl ฉันต่ำมาก
00:12:04 → 00:12:08 เลย 90 แต่ hdl เรา 30 ไกีสลายเรา 200
00:12:08 → 00:12:12 อย่างงี้ไม่ดีอือ่าโดยส่วนตัวเวลามีคนมา
00:12:12 → 00:12:14 ปรึกษาผมอ่ะครับผมจะบอกก่อนเลยบอกว่าก่อน
00:12:14 → 00:12:19 ที่จะตกใจกับ ldl อ่ะไปดูไกลก่อนค่ะถ้าไี
00:12:19 → 00:12:22 เนี่ยเกิน 150 เนี่ยไม่ดีหนักเลยอืน่า
00:12:22 → 00:12:24 กลัวกว่า ldl เยอะสำหรับผมค่ะแล้ว hdl
00:12:24 → 00:12:27 เนี่ยถ้าต่ำกว่า 60 เนี่ยคือไม่ดีเลยแต่
00:12:27 → 00:12:30 ส่วนตัวแนะนำว่าเฮ้ยสัก 80 อ่ะดีค่ะส่วน
00:12:30 → 00:12:33 ldl เนี่ย 100 120 130 ก็ไม่ได้น่า
00:12:33 → 00:12:35 กลัวอะไรบางคนต้องโหต้องต่ำกว่า 100 อะไร
00:12:35 → 00:12:37 อย่างเงี้ยมันก็ไม่ถึงขนาดนั้นอะไครับอื
00:12:37 → 00:12:40 ใช่อ่ะสบายใจขึ้นสบายใจ
00:12:40 → 00:12:43 ขึ้นแล้วคนทานมังสวิรัตเนี่ยเค้าก็บอกว่า
00:12:43 → 00:12:45 ก็มีสิทธิ์เป็นคอเลสเตอรอลสูงใช่มั้ยมี
00:12:45 → 00:12:47 ครับเพราะอย่างที่บอกคือว่ามันไม่ได้
00:12:47 → 00:12:49 เกี่ยวกับอาหารทั้งหมดคือเวลาเราพูดถึง
00:12:49 → 00:12:50 คอเลสเตอรอลเนี่ยเราจะคิดถึงว่าอ๋อเรากิน
00:12:50 → 00:12:53 อาหารมันๆแล้วคอเลสเตอรอลจะขึ้นใช่มั้ยฮะ
00:12:53 → 00:12:56 จริงๆแล้วเนี่ยอาหารมีผลกับค่า
00:12:56 → 00:12:58 คอเลสเตอรอลในเลือดเนี่ยประมาณ 25% เท่า
00:12:58 → 00:13:01 นั้นเอง 75% เกิดจากร่างกายเราผลิต
00:13:01 → 00:13:03 คอเลสเตอรอลขึ้นมาซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่
00:13:03 → 00:13:06 ร่างกายเรามีภาวะที่ค่อนข้างผิดปกติอ่ะ
00:13:06 → 00:13:09 ไม่ว่าจะเป็นการอักเสบในร่างกายนอนน้อย
00:13:09 → 00:13:12 พักผ่อนน้อยเครียดมากคือทุกอย่างที่ชีวิต
00:13:12 → 00:13:14 ไม่ดีอ่ะค่ะไอ้อย่างเงี้แหละมันจะมีผลให้
00:13:14 → 00:13:17 คอเลสเตอรอลสูงเด็กก็มีคอเลสเตอรอลสูงได้
00:13:17 → 00:13:20 มั้ยคะคุณได้ครับเรื่องปกติเลยค่ะคือต้อง
00:13:20 → 00:13:23 บอกงี้ฮว่าเด็กในปัจจุบันเนี่ยค่อนข้าง
00:13:23 → 00:13:26 ที่จะน้ำหนักเกินค่ะตั้งแต่เด็กเลยเพราะ
00:13:26 → 00:13:29 ว่าอาหารการกินของเราอ่ะมันค่อนข้างที่จะ
00:13:29 → 00:13:31 จะมีน้ำตาลแฝงอยู่เยอะค่ะเช่นสมมุติว่า
00:13:31 → 00:13:33 เราจะได้ยินมาว่าเฮ้ยทานข้าวเช้ามันต้อง
00:13:33 → 00:13:36 ทานอาหารเช้ากลางวันเย็นให้ครบทุกมื้อ
00:13:36 → 00:13:38 อะไรก็ว่าไปใช่มั้ยฮะแต่โดยส่วนใหญ่ตอน
00:13:38 → 00:13:40 เช้าเนี่ยเด็กๆเดี๋ยวนี้ไปเรียนเนี่ยแค่
00:13:40 → 00:13:42 จะไปเรียนก็ไม่ทันแล้วใช่มั้ยฮะใช่เพราะ
00:13:42 → 00:13:43 ฉะนั้นอาหารที่กินมันก็จะต้องเป็นอาหาร
00:13:43 → 00:13:46 ที่แบบเร่งรีบสุดๆค่ะส่วนใหญ่ก็จะเป็น
00:13:46 → 00:13:50 ซีเรียลอืจะเป็นขนมปังขาวแซนวิชหรืออะไร
00:13:50 → 00:13:52 ก็ตามที่ส่วนใหญ่มันจะเป็นแป้งขัดสีหรือ
00:13:52 → 00:13:54 ว่าผ่านกระบวนการค่ะอย่างเรามองตัว
00:13:54 → 00:13:56 ซีเรียลเงี้ยฮะเรามองเซีเรียลมันทำมาจาก
00:13:56 → 00:13:59 อะไรเมื่อไหร่ก็ตามที่เราคิดเราคิดไม่ออก
00:13:59 → 00:14:01 ว่าไอ้ที่เราเห็นมันทำมาจากอะไรเนี่ยแปล
00:14:01 → 00:14:04 ว่าส่วนใหญ่มันเป็น Ultra process Food
00:14:04 → 00:14:06 ครับแล้วพวกนี้เนี่ยผ่านกระบวนการเยอะ
00:14:06 → 00:14:09 แล้วยังไม่พอมันยังใส่เรื่องของไฟุสคอนไซ
00:14:09 → 00:14:10 rup ซึ่งเป็นน้ำตาลที่แบบเขาเรียกว่า
00:14:10 → 00:14:13 กระตุ้นอินซูลินมากกว่าน้ำตาลทรายขาวอีก
00:14:13 → 00:14:15 ค่ะแบบเนี้เด็กๆเนี่ยเราจะได้ตั้งแต่เด็ก
00:14:15 → 00:14:17 ไปคือตอนเด็กก็ไม่เท่าไหร่ลฮะร่างกายยัง
00:14:17 → 00:14:20 ทนทานใช่มั้ยฮะค่ะจะไปออกแถว 10 15 20
00:14:20 → 00:14:22 เนี่ยก็จะเริ่มและคอเลสเตอรอลอยู่ดีน้ำ
00:14:23 → 00:14:25 หนักก็เกินคอเลสเตอรอลก็ขึ้นอืก็ค่อนข้าง
00:14:25 → 00:14:28 ลำบากอันนี้ก็คือแบบทั่วไปนะค่ะแต่ยังมี
00:14:28 → 00:14:31 แบบเด็กตัวจิ๋วๆก็เป็นได้ 2 ขวบก็เป็นอ่ะ
00:14:31 → 00:14:34 แต่ว่ากลุ่มพวกนี้คือคุณพ่อคุณแม่เขาเป็น
00:14:34 → 00:14:36 โรคกรรมพันธ์ครับก็แปลว่าสามารถถ่ายทอด
00:14:36 → 00:14:39 ได้ทางพถ่ายทอดได้ถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นโรค
00:14:39 → 00:14:42 แบบเขาเรียกว่าคอเลสเตอรอลสูงทางกรพันธ์
00:14:42 → 00:14:44 เนี่ยยิ่งถ้าเป็นทั้งคุณพ่อก็เป็นคุณแม่
00:14:44 → 00:14:46 ก็เป็นเนี่ยคุณลูกเนี่ยโอ้โหโอกาสเป็นสูง
00:14:46 → 00:14:49 มากๆอย่างเงี้ยถ้าเราเป็นด้วยพันธุกรรม
00:14:49 → 00:14:50 อย่างเงี้ยค่ะคุณหมอเราสามารถใช้
00:14:51 → 00:14:53 ไลฟ์สไตล์เราเอาชนะมันได้มั้ยถ้าเป็นด้วย
00:14:53 → 00:14:55 พันธุกรรมเนี่ยก็ต้องดูว่าเราเป็นเยอะแค่
00:14:55 → 00:14:57 ไหนครับค่ะคือถ้าเราเป็นเยอะเนี่ย
00:14:57 → 00:14:59 ไลฟ์สไตล์บางทีก็เอาไม่อยู่อยู่นะเหมือน
00:14:59 → 00:15:01 เราเป็นโรคอ่ะเราก็ต้องทานยาอย่างที่
00:15:01 → 00:15:04 อย่างที่ผมบอกฮะยาที่ออกมาเช่นสแตติน
00:15:04 → 00:15:06 อย่างเงี้ยที่ลดไขมันเนี่ยไม่ใช่ว่าเขา
00:15:06 → 00:15:08 ไม่ดีนะครับเพียงแต่ว่าเราต้องเลือกให้
00:15:08 → 00:15:12 ถูกกับกับโรคกับคนไม่ใช่ว่าทุกคนต้องกิน
00:15:12 → 00:15:14 ยาสแตตินต้องกินยารสไขมันมันไม่จำเป็น
00:15:14 → 00:15:16 เพราะว่ายารสไขมันมันมีข้อดีแต่มันก็มี
00:15:16 → 00:15:19 ข้อเสียนะคนส่วนใหญ่กินแล้วจะปวดเมื่อย
00:15:19 → 00:15:22 ค่ะนี่คือเบื้องต้นแล้วก็จะเลิกกินโดยไม่
00:15:22 → 00:15:25 บอกแพทย์ด้วยเพราะมันเมื่อยจริงๆอืแต่อาจ
00:15:25 → 00:15:27 จะมีคนคนกลุ่มเล็กๆที่กินแล้วกล้ามเนื้อ
00:15:27 → 00:15:30 เนี่ยมีปัญหาสลายเลยอซึ่งแบบอันนี้คือ
00:15:30 → 00:15:32 รุนแรงมากแทบเดินไม่ได้เลยก็มีแต่อันนั้น
00:15:32 → 00:15:35 เป็นจำนวนน้อยคราวนี้เนี่ยมันก็มีบาง
00:15:35 → 00:15:38 อย่างที่ต้องกินครับเช่นสมมุติว่าถ้าเรา
00:15:38 → 00:15:40 เป็นโรคหัวใจด้วยเป็นเบาหวานด้วยเป็นโรค
00:15:40 → 00:15:43 ต่างๆเยอะแยะเลยเคยใส่สนที่หัวใจด้วยเคย
00:15:43 → 00:15:46 เป็นสตกด้วยอืไอ้อย่างงี้นี่ไขมันสูงนิด
00:15:46 → 00:15:48 นึงก็ต้องกินแล้วนะครับคือเวลาเราจะกินยา
00:15:48 → 00:15:50 อะไรสักอย่างเนี่ยมันเหมือนการลงทุนนะฮะ
00:15:50 → 00:15:53 ค่ะเช่นถ้าเรากินยานี้แล้วป้องกันเราเป็น
00:15:53 → 00:15:55 อัมพาตมันมันก็น่ากินใช่มั้ยอ่าอย่าง
00:15:55 → 00:15:58 เหมือนคุณชมพู่ปกติดีถูกต้องมั้ยฮะปกติดี
00:15:58 → 00:15:59 แต่ไปตรวจ
00:15:59 → 00:16:01 สูงทุกอย่างเราดีโรคอย่างอื่นเราก็ไม่
00:16:01 → 00:16:04 เป็นเพราะฉะนั้นเราจะกินยามันก็อาจจะช่วย
00:16:04 → 00:16:07 ช่วยได้จริงหรือเปล่าช่วยให้ตัวเลขมันได้
00:16:07 → 00:16:09 เป็นที่น่าพอใจก็อาจคุณหมอที่ตรวจก็อาจจะ
00:16:09 → 00:16:12 สบายใจหน่อยแต่ว่าเราก็จะได้เอฟเฟคอ่าก็
00:16:12 → 00:16:15 ก็อย่างที่บอกคือว่ายาเคมีทุกอย่างมันก็
00:16:15 → 00:16:18 จะมีปัญหากับชีวิตเราได้เสมอค่ะเพราะ
00:16:18 → 00:16:20 ฉะนั้นเวลาผมสอนนักเรียนหรือสอนหนังสือ
00:16:20 → 00:16:23 หรือสอนในช่องหรืออะไรก็ตามผมจะบอกว่ายา
00:16:23 → 00:16:25 ที่ดีที่สุดในโลกคือยาที่ท่านไม่ต้องทาน
00:16:25 → 00:16:27 นะอืแต่ถ้าจำเป็นต้องทานก็ก็ต้องทานนะ
00:16:27 → 00:16:30 ปกติเนี่ยเวลาเราเราดูเส้นเลือดที่เสี่ยง
00:16:30 → 00:16:32 ไปอุดหลอดเลือดที่สมองเนี่ยเราจะตรวจที่
00:16:32 → 00:16:35 คอด้วยครับจะเอาอันตารซาวเนี่ยตรวจหลอด
00:16:35 → 00:16:37 เลือดที่คอค่ะดูว่ามันมีแคลเซียมเกราะ
00:16:37 → 00:16:39 อยู่ที่ผนังหลอดเลือดหรือเปล่าค่ะถ้ามัน
00:16:39 → 00:16:42 มีแคลเซียมเกราะที่ผนังหลอดเลือดโดยเฉพาะ
00:16:42 → 00:16:45 ที่มันแบบดิ้นไปมาเนี่ยต้องกินยาเลยอื
00:16:45 → 00:16:47 เพราะยาเนี่ยไม่ได้แค่ช่วยลดตัว
00:16:47 → 00:16:50 คอเลสเตอรอลฮะอแต่มันช่วยทำให้เกิด plk
00:16:50 → 00:16:54 stabilization คือทำให้ตัวไอ้แผ่นไขมัน
00:16:54 → 00:16:57 เนี่ยมันอยู่นิ่งๆไม่หลุดไปที่หัวเราไอ้
00:16:57 → 00:16:59 อย่างเงี้ยต้องกินอจุดไหนที่เราควรจะ
00:16:59 → 00:17:01 เริ่มวี่เรื่องเรื่องคอเลสเตอรอลคะอายุ
00:17:01 → 00:17:04 เท่าไหร่คะที่เราควรจะเริ่มตรวจสุขภาพเอา
00:17:04 → 00:17:07 จริงๆนะฮะถ้าเกิดเป็นในปัจจุบันเนาะที่
00:17:07 → 00:17:09 เราไปตรวจสุขภาพกันหรือบริษัทให้ไปตรวจ
00:17:09 → 00:17:12 เนี่ยส่วนใหญ่ก็จะมัก 30 ขึ้นไปค่ะก็จะ
00:17:12 → 00:17:15 เริ่มตรวจเรื่องของไขมันแต่ถ้าเกิดแบบให้
00:17:15 → 00:17:18 ให้ผมแนะนำนะคือสมมุติอายุ 20 เราเริ่มทำ
00:17:18 → 00:17:21 งานแล้วงเงี้ยก็ไปตรวจสักครั้งนึงเหมือน
00:17:21 → 00:17:24 ไปตรวจสักครั้งนึงอ่ะว่ามันมีอะไรยถ้ามัน
00:17:24 → 00:17:26 ไม่มีเราก็อาจจะเว้นไปหลายๆปี 3 ปี 5 ปี
00:17:26 → 00:17:29 ค่อยไปตรวจไขมันก็ได้แต่ถ้ามีปุ๊บเนี่ย
00:17:29 → 00:17:33 เราจะได้แบบระวังตั้งแต่ตอนต้นบางคนก็บอก
00:17:33 → 00:17:35 ออยังไม่ถึงอายุไปถึง 35 ขึ้นไปไหนตอนไหน
00:17:35 → 00:17:38 แล้วค่ะเพราะว่าต้องบอกตามตรงว่าสมัยนี้
00:17:38 → 00:17:41 เราเป็นโรคเร็วกว่าเดิมอืเป็นโรคกลุ่มที่
00:17:41 → 00:17:43 มันแบบเป็นอย่างเงี้ยเกี่ยวกับไขมัน
00:17:43 → 00:17:45 เกี่ยวกับหลอดเลือดเนี่ยเร็วกว่าเดิมค่ะ
00:17:45 → 00:17:47 เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นอาหารไลฟ์สไตล์
00:17:47 → 00:17:50 ไลฟ์สไตล์ผมก็แนะนำเสมอนอน 22:00 นค่ะ
00:17:50 → 00:17:54 ตื่น 18:00 นคือมันดีดีสุดๆแล้วอันเนี้ย
00:17:54 → 00:17:56 ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนไม่ว่าจะเป็นทุกอย่าง
00:17:56 → 00:17:58 ได้หมดจันทร์ถึงอาทิตย์ทำเหมือนกันหมดค่ะ
00:17:58 → 00:18:00 แต่ก็ามถามว่าคนในประเทศไทยอ่ะในโลกใบ
00:18:00 → 00:18:03 เนี้มันจะทำได้สักกี่เปอร์เซ็นต์อือ่ามัน
00:18:03 → 00:18:06 ก็น้อยมันก็น้อยแต่ถ้าถามทำได้ดีมั้ยดี
00:18:06 → 00:18:08 ค่ะเพราะฉะนั้นพอมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้
00:18:08 → 00:18:11 ขึ้นเนี่ยเหมือนว่าเราต้องทำงานน่ะเราก็
00:18:11 → 00:18:13 เรารู้ว่าเราดูแลตัวเองไม่ดีอย่างงั้น
00:18:13 → 00:18:15 เอ้ยเราไปตรวจเลือดก่อนซะหน่อยดีมั้ยอะไร
00:18:15 → 00:18:16 อย่างเงี้ยผมก็แนะนำว่าอาจจะตรวจเร็ว
00:18:16 → 00:18:19 หน่อย 20 ไปตรวจสักครั้งนึงค่ะถ้ามีปัญหา
00:18:19 → 00:18:22 ก็ก็ตรวจทุกปีถ้าไม่มีปัญหาก็อาจจะ 3 ปี 5
00:18:22 → 00:18:25 ปีไปตรวจแต่พออายุ 30 กว่าแล้วก็อาจจะ
00:18:25 → 00:18:27 ต้องตรวจบ่อยหน่อยทีเนี้ยมันจะมีแบบตำนาน
00:18:27 → 00:18:31 เนาคุณหมอสมัยก่อนว่าแบบว่ากินไข่มากไม่
00:18:31 → 00:18:33 ดีหรือว่ากินไข่แดงคอเลสเตอรอลพุ่งปลา
00:18:34 → 00:18:36 หมึกอะไรอย่าเงี้ยอเอาจริงๆอาหารอะไรที่
00:18:36 → 00:18:39 มันทำให้คอเลสเตอรอลพุ่งปกติเราจะได้ยิน
00:18:39 → 00:18:43 แต่แบบกินไข่ห้ามเกิน 2 ฟองกินอาหารทะเล
00:18:43 → 00:18:46 คอเลสเตอรอลขึ้นค่ะคุณชพูเคยได้ยินว่า
00:18:46 → 00:18:49 ห้ามกินพิซซ่าเกิน 2 ชิ้นมั้ยฮะไม่เคยไม่
00:18:49 → 00:18:51 เคยมีใครห้ามเลยเนาะห้ามกินพิซซ่าเกิน 2
00:18:51 → 00:18:55 ชิ้นอ่าห้ามกินโดนัทเกิน 3 ชิ้นมีมั้ย
00:18:55 → 00:18:58 ห้ามกินชานมไข่มุกเกิน 3 แก้วไม่เห็นมี
00:18:58 → 00:19:01 ใครพูดเลยพอเป็นไข่เป็นอาหารธรรมชาติพูด
00:19:01 → 00:19:03 จังออือผมก็ถามแบบเอ้ยไข่มันเลวร้ายขนาด
00:19:03 → 00:19:05 นั้นเลยเหรอถ้าเราย้อนกลับไปดูอย่างที่
00:19:05 → 00:19:09 บอกครับว่าอาหารมีผลแค่ 25% ค่ะแถมไขมัน
00:19:09 → 00:19:12 ที่ดีจำเป็นต่อร่างกายดังนั้นถามว่ากิน
00:19:12 → 00:19:16 ไข่คนทันได้กี่ฟองต่อวันอย่างที่ผมบอกคือ
00:19:16 → 00:19:18 ว่าจริงๆแล้วกินกี่ฟองก็ได้เท่าที่ท่าน
00:19:18 → 00:19:20 อยากจะทานนั่นแหละอย่างผมเนี่ยผมทาน
00:19:20 → 00:19:23 ประมาณวันละ 3-4 ฟองค่ะแต่เราก็ไม่ได้ทาน
00:19:23 → 00:19:26 ทุกวันฮะบางคนก็สุดโต่งเนาะพอพอได้ยินว่า
00:19:26 → 00:19:28 เอ้ยกินไข่เท่าไหร่ก็ได้กินวันละ 10 ฟองฟ
00:19:28 → 00:19:31 ทุกวันถามไม่เบื่อกินไข่วัน 10 ฟองอย่าง
00:19:31 → 00:19:34 อื่นไม่กินนะไงคือกินอย่างอื่นก็
00:19:34 → 00:19:38 ได้ถ้าให้ผมแนะนำจริงเนี่ยกินสักวันละ 2-3
00:19:38 → 00:19:41 ฟองบวกเนื้อสัตว์วันละสัก 2 ฝ่ามืออย่าง
00:19:41 → 00:19:43 เงี้จะได้โปรตีน 60 กรัมพอดีเออเนี่ยคุณ
00:19:43 → 00:19:45 หมอเรื่องโปรตีนเนี่ยนะใครมาชมก็จะต้อง
00:19:45 → 00:19:47 ถามชมก็ฟังคุณหมอนะคุณหมอก็จะเป็นเท่าที่
00:19:47 → 00:19:49 เท่าที่จับใจความได้ก็คือคุณหมอก็คือจะ
00:19:49 → 00:19:53 เป็นแบบว่าเป็นสายขี่โตแบบโมเดอเรทกากๆ
00:19:53 → 00:19:56 แบบกลางๆแต่จะได้ยินประโยคนึงที่ที่คุณ
00:19:56 → 00:19:59 หมอพูดประจำเลยก็คือว่าโตีนพอเหมาะโปรตีน
00:19:59 → 00:20:02 พอเหมาะเท่าไหร่คือพอเหมาะคะจริงๆถ้าเอา
00:20:02 → 00:20:05 ง่ายๆเลยนะฮะแบบคนไทยฟังปุ๊บใช้ได้เลยอือ
00:20:05 → 00:20:09 เท่าน้ำหนักตัวครับอืเช่นหนัก 50 ก็ 50
00:20:09 → 00:20:12 50 กรัมหนัก 60 ก็ 60 กรัมค่ะหนัก 70 ก็
00:20:12 → 00:20:14 70 กรัมอ่าแต่ถ้าเกิดคนน่ะคนน้ำหนักเกิน
00:20:14 → 00:20:16 100รเนี่ยเราจะต้องลดมามันนิดนึงเพราะว่า
00:20:16 → 00:20:18 จริงๆแล้วเนี่ยมันเป็นน้ำหนักของไขมันซะ
00:20:18 → 00:20:22 เยอะออ่ะทีเนี้ยคนออกกำลังกายเล่นเวทอ่า
00:20:22 → 00:20:25 เทนเนอร์ก็จะต้องบอกว่าอัดหนักๆเออ 1.5
00:20:25 → 00:20:28 บ้าง 2 บ้างอะไรเงี้ยบางสายก็ไปนู่น 2.5
00:20:28 → 00:20:30 เลยคือมันกินไม่ได้มันกระเดือกไม่ลงอ่ะ
00:20:30 → 00:20:33 คุณหมอเอาจริงๆคือคีย์มันเป็นอย่างงี้ฮะอ
00:20:33 → 00:20:35 เทรนเนอร์เนี่ยเราก็ต้องดูว่าเทรนเนอร์
00:20:35 → 00:20:39 เค้าสายไหนถ้าเสายแข่งอันนี้เ 1.5 1.8
00:20:40 → 00:20:43 2.0 2.5 อันนี้เรื่องปกติเพราะว่าเขา
00:20:43 → 00:20:46 ต้องการตัวขนาดใหญ่กล้ามเนื้อขนาดใหญ่
00:20:46 → 00:20:48 คราวนี้โดยส่วนใหญ่เนี่ยอ่ะถ้าเกิดไซส์
00:20:48 → 00:20:51 แบบผมแบบเนี้ยก็คือกินโปรตีนปกติไม่ไม่
00:20:51 → 00:20:53 ได้กินโปรตีนเสริมก็ประมาณ 1 1.5 ไม่
00:20:53 → 00:20:56 เกินแปลว่าคุณหมอไม่เทคโปรตีนเสริมใดๆ
00:20:56 → 00:20:58 ทั้งสิ้นเลยไม่กินก็กินปกติคือผมอยากอยาก
00:20:58 → 00:21:01 ใช้ชีวิตให้มัน Easy อ่ะฮะคือง่ายๆว่าเรา
00:21:01 → 00:21:04 ไปไหนเราก็เลือกกินอาหารได้ค่ะเราสามารถ
00:21:04 → 00:21:06 ดีไซน์ให้ชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งพาอะไรที่
00:21:06 → 00:21:09 มันเป็นของนอกกายอ่ะมงั้นเราก็จะรู้สึก
00:21:09 → 00:21:10 ว่าเอ้ยเราต้องมีอันนั้นนะเราต้องมีอัน
00:21:10 → 00:21:13 นี้นะค่ะผมอยากใช้ชีวิตให้มันแบบเ้าเรียก
00:21:13 → 00:21:16 ว่าสบายๆอ่ะเพราะฉะนั้นการดีไซน์ของผมผม
00:21:16 → 00:21:18 จะบอกว่าจริงๆเรากินได้ทุกอย่างในโลกใบ
00:21:18 → 00:21:21 นี้เลยนะเพียงแต่ว่าเราเข้าใจมันอือย่าง
00:21:21 → 00:21:23 เช่นว่าเวลาร้านอาหารสำหรับคนลดน้ำหนัก
00:21:23 → 00:21:24 อ่ะผมบอกอยากลดน้ำหนักใช่มั้ยไปกน
00:21:24 → 00:21:26 บุฟเฟ่ต์อ่ะลดเร็วสุดเลยเพราะว่าเรา
00:21:26 → 00:21:29 ดีไซน์ได้ฮะคนเข้าร้านบุฟเฟ่ต์ 2 คนคนนึง
00:21:29 → 00:21:31 สุขภาพดีคนนึงสุขภาพแย่เพราะเคเลือกไม่
00:21:31 → 00:21:33 เหมือนกันคถ้าเรามีความรู้ที่ถูกต้องการ
00:21:33 → 00:21:35 เลือกโปรตีนเนี่ยมัน Easy มากๆเลยอย่าง
00:21:35 → 00:21:37 เช่นสมมุติว่าถ้าคิดไม่ออกคนไทยเนี่ยเอา
00:21:37 → 00:21:40 ไปเลย 60 กรัมอื 60 กรัมคืออะไรไข่ 3 ฟอง
00:21:41 → 00:21:43 ได้ 20 กรัมเนื้อสัตว์ 1 ฝ่ามือได้ 20
00:21:43 → 00:21:47 กรัมไข่ 3 ฟองเนื้อสัตว์ 1 ฝ่ามือก็ได้ 40
00:21:47 → 00:21:50 กรัมและบางอีกคนนึงอาจจะเสริมเต้าหู้อือ
00:21:50 → 00:21:52 เป็น 2 ฝ่ามือแบบนี้ก็ได้อีก 20 กรัมแล้ว
00:21:52 → 00:21:55 ก็เป็น 60 เนี่ยพอแล้วฮะอืพอแล้วสำหรับ
00:21:55 → 00:21:58 การที่จะมีหุ่นประมาณที่แบบเค้าเรียกว่า
00:21:58 → 00:22:01 ถ้าไม่ต้องการตัวใหญ่กว่าผมอ่ะค่ะก็พอ
00:22:01 → 00:22:03 แล้วค่ะแต่ถ้าบอกว่าต้องการแบบประมาณแบบ
00:22:03 → 00:22:08 เทรนเนอร์เลยหัวไหล่กลมๆอกเป็นอกแล้วก็
00:22:08 → 00:22:12 แบบร่ำคาบึ๊กๆอ่าหรือหรือต้องไปแข่งอัน
00:22:12 → 00:22:14 นั้นอีกเรื่องนึงยิ่งเป็นผู้หญิงเนี่ย
00:22:14 → 00:22:16 ยิ่งไม่ต้องผมส่วนตัวผมไม่ได้แนะนำให้
00:22:16 → 00:22:18 ต้องไปทานอะไรเยอะแยะนะฮะกินแค่แบบ 60
00:22:18 → 00:22:21 กรัมเนี่ยก็พอแล้วะเหลือๆอืแล้วก็ไม่ต้อง
00:22:21 → 00:22:24 ไปไปแบบโอ้โหบางทีเราไปพยายามหาเนาะค่ะ
00:22:24 → 00:22:27 คือกินจะหมดวันอยู่แล้วโอหโปรตีนไม่พอฉัน
00:22:27 → 00:22:30 ตายแน่นั่นเลยนั่นคือเอแล้วก็ไปกินตแล้ว
00:22:30 → 00:22:32 ฉันจะปิดฟแล้วโปตีนฉันยังไม่ครบเลยวันนี้
00:22:32 → 00:22:34 เออแล้วก็แบแล้วก็แบบโอชีวิตฉันทำไมมัน
00:22:34 → 00:22:36 ต้องแบบต้องอย่างงี้ซึ่งจริงๆไม่ได้
00:22:36 → 00:22:39 ซีเรียสนะฮะคือสมมุติว่าถ้าทำฟาสติ้งอยู่
00:22:39 → 00:22:41 แล้วจบมือก็จบมืครับเดี๋ยวไปกินอีกวันได้
00:22:41 → 00:22:45 เพราะว่าโปรตีนมันใช้ได้ 24 ชมงมันมันไม่
00:22:45 → 00:22:47 ใช่ว่าออกกำลังกายต้องกินปุ๊บแล้วมันจะฟู
00:22:47 → 00:22:50 ขึ้นมาไม่ใช่คือโปรตีนที่เรากินณนาทีที่ 1
00:22:50 → 00:22:53 เนี่ยมันจะใช้ได้ 24 ช่มในการสร้างกล้าม
00:22:53 → 00:22:54 เนื้ออยู่แล้วเพราะฉะนั้นเราสามารถไปกิน
00:22:55 → 00:22:57 เถบอีกมื้อก็ได้ไม่เป็นไรอะไรอย่างเงี้ย
00:22:57 → 00:23:00 อาหารที่ช่วยเพิ่มเพิ่มไขมันดีลดไขมันเลว
00:23:00 → 00:23:02 มีอะไรบ้างคะคุณหมออาหารที่ช่วยเพิ่มไข
00:23:02 → 00:23:05 มันดีเหอฮะก็ง่ายมากเลยอาหารที่มีไขมัน
00:23:05 → 00:23:08 พวกเนื้อสัตว์อ่ะค่ะปกติผมแนะนำให้กินแบบ
00:23:08 → 00:23:10 ติดมันนิดหน่อยนะฮะจะแตกต่างจากคนอื่น
00:23:10 → 00:23:13 เยอะเลยถ้ายิ่งสายเทรนเนอร์ที่แบบลีนจ๋า
00:23:13 → 00:23:16 เลยเนี่ยเขาก็จะแบบอก่าอกกออกไกออาหาร
00:23:16 → 00:23:18 เนี่ยปัจจุบันเราเราไม่ได้พูดถึงอาหาร 5
00:23:18 → 00:23:20 หมู่แล้วครับในสมัยปัจจุบันเราพูดถึง
00:23:20 → 00:23:24 แมคโครนิวเทรียนครับกับไมโครนิคหลักกับ
00:23:24 → 00:23:25 สารอาหารรองแมคโครนิวเทรียนเนี่ยมี 3
00:23:25 → 00:23:29 อย่างโปรตีนไขมันคาร์โบไฮเดรตค่ะไมโครนิค
00:23:29 → 00:23:31 ไปพวกวิตามินอะไรอย่างเงี้ยแยกไปคราวนี้
00:23:31 → 00:23:34 เรามาดูแมคโครนิวเทรียนตัวโปรตีนเนี่ยทำ
00:23:34 → 00:23:36 ให้เราอิ่มให้สังเกตเวลาเรากินอกไก่มันจะ
00:23:36 → 00:23:39 อิ่มค่ะแต่มันจะไม่ฟินฮะแต่ไขมันกับน้ำ
00:23:40 → 00:23:42 ตาลเนี่ยกินแล้วเราจะฟินค่ะให้สังเกตอะไร
00:23:42 → 00:23:45 ก็ตามที่เนื้อสัตว์ถ้ามันติดมันมีไขมัน
00:23:45 → 00:23:49 แทรกฟินอืออ่าสะโพกไก่ก็อร่อยกว่าปกไก่
00:23:49 → 00:23:53 โดยส่วนใหญ่ใช่มน่องไก่ก็อืจุยซี่กว่าค่ะ
00:23:53 → 00:23:56 เนื้อสัตว์ที่ติดมันเนื้อหมูคุโบตะก็รู้
00:23:56 → 00:23:59 สึกนุ่มนวลกว่าเนื้อหมูสสันนอกแห้งๆอ่ะ
00:23:59 → 00:24:01 เพราะว่ามันมีความฟินอยู่แล้วจริงๆแล้ว
00:24:01 → 00:24:03 มันกระตุ้นอินซูลินน้อยกว่าคืออาหารที่
00:24:03 → 00:24:05 กระตุ้นอินซูลินน้อยทำให้เราดื้ออินซูลิน
00:24:05 → 00:24:08 น้อยแล้วในที่สุดระบบเผาผลาเราจะดีเพราะ
00:24:08 → 00:24:10 ฉะนั้นผมเลยแนะนำว่าให้กินเนื้อสัตว์
00:24:10 → 00:24:13 เนี่ยที่มีไขมันแทรกบ้างแต่ว่าไม่ได้บอก
00:24:13 → 00:24:15 ให้แนะนำให้ไปกินหมู 3 ชั้นทอดหรือว่าให้
00:24:15 → 00:24:18 ไปกินหมูกรอบเป็นกิโลอย่างน้ำตาลนี่เรา
00:24:18 → 00:24:21 กินก็แฮปปี้ใช่มั้ยฮะแล้วความโหดของน้ำ
00:24:21 → 00:24:25 ตาลคือมันกระโดดข้ามศูนย์ความอิ่มฮะอืคือ
00:24:25 → 00:24:28 ให้สังเกตปกติเรากินข้าวค่ะสมมุติเราไป
00:24:28 → 00:24:31 กินข้าวที่ร้านอาหารเราอิ่มสมมุติเรากิน
00:24:31 → 00:24:33 สเต็กไปชิ้นใหญ่ๆใช่มั้ยครับแล้วกินนู่น
00:24:33 → 00:24:35 กินนี่เยอะแยะแล้วเราก็อิ่มผมก็บอกเอ้
00:24:35 → 00:24:38 อย่างงั้นสัั่งสเต็กมาอีกจานกินได้มั้ยฮะ
00:24:38 → 00:24:41 อไม่ได้แต่ทุกคนสั่งขนมหวานหมดนะอือเพราะ
00:24:41 → 00:24:44 ว่ากินเท่าไหร่มันก็แบบเฮ้ยสบายๆอ่ะอื
00:24:44 → 00:24:47 แล้วยิ่งใายนับแคลอรี่ยิ่งหนักเลยค่ะคือ
00:24:47 → 00:24:49 บางคนบอกเฮ้ยแคลอรี่มันก็ต้องแคลอรี่ in
00:24:50 → 00:24:53 เท่ากับแคลอรี่ Out อือผมบผมถามงี้แคลอรี
00:24:53 → 00:24:56 มันเท่ากับแคลอรี่จริงมยอือย่างเช่นปลา
00:24:56 → 00:24:59 แซลมอน 1 ชิ้น 300 กลแคลอรี่เท่ากับโดนัท
00:24:59 → 00:25:02 ช้น 300 กแคลอรี่อืคือแคลอรี่เท่ากันน่ะ
00:25:02 → 00:25:04 แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในนั้นมันไม่เท่ากัน
00:25:04 → 00:25:06 เพราะฉะนั้นถ้าเรานับแต่แคลอรี่อย่าง
00:25:06 → 00:25:08 เดียวแล้วเรากินแต่จังก์ฟู้ดกินนแต่โปส
00:25:08 → 00:25:11 Food เนี่ยร่างกายเราจะหิวตลอดเพราะร่าง
00:25:11 → 00:25:13 กายเราจะอิ่มจากโปรตีนเท่านั้นอย่างอื่น
00:25:13 → 00:25:15 มันจะไม่อิ่มครับเพราะฉะนั้นเมื่อไหร่เรา
00:25:15 → 00:25:18 หิวให้คิดเสมอว่าจริงๆแล้วเราทานโปรตีน
00:25:18 → 00:25:21 น้อยไปอืเพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญคือทุก
00:25:21 → 00:25:24 มื้อต้องทานให้อิ่มทานให้อร่อยแล้วก็ทาน
00:25:24 → 00:25:26 ให้เป็นขั้นตอนอย่างเงี้ยจะง่ายจริงๆมัน
00:25:26 → 00:25:29 จะมีสเต็ปเรียงเป็นขั้นตอนฮะอันเนี้ยเค้า
00:25:29 → 00:25:31 เรียกว่าแบบมันเป็นสเต็ปการกินเพื่อให้
00:25:31 → 00:25:34 น้ำตาลกระชากน้อยที่สุดค่ะอันดับแรกเนี่ย
00:25:34 → 00:25:37 เริ่มต้นมื้อเนี่ยดื่มน้ำ 1 แก้วกับกิน
00:25:37 → 00:25:40 ผักใบเขียวก่อนคือ 1 เราจะได้ไฟเบอร์ค่ะ
00:25:40 → 00:25:42 คือถ้าเรากินผักทีหลังเราอิ่มเราไม่ค่อย
00:25:42 → 00:25:45 กินนะฮะผักมันไม่ค่อยอร่อยอารมณ์มัน
00:25:45 → 00:25:47 ประมาณนั้นเพราะฉะนั้นเนี่ยน้ำ 1 แก้ว
00:25:47 → 00:25:49 หรือน้ำผสมแอปเปิลไซเดอร์ไนก้าอย่างงี้ก็
00:25:49 → 00:25:52 ยิ่งดีค่ะกับตัวผักเนี่ยจะเป็นผักสลัดก็
00:25:52 → 00:25:54 ได้นะฮะพวกเนี้ยเราก็กินไปก่อนสัก 10
00:25:54 → 00:25:56 นาทีแล้วก็ใช้เวลากินหน่อยกินแบบมีสตินิด
00:25:56 → 00:25:59 นึงบางคนโอหไม่รู้จะรีบใหคือกินเสร็จยัง
00:25:59 → 00:26:02 ไม่รู้ตัวเลยว่ากินน่ะกินๆๆยัดๆๆๆเสร็จ
00:26:02 → 00:26:04 แล้วมันก็แบบเอ้ยสมองมันยังไม่รู้สมองมัน
00:26:04 → 00:26:06 ใช้เวลา 20 นาทีฮะคือกระเพาะขยายปุ๊บสมอง
00:26:06 → 00:26:08 ใช้เวลา 20 นาทีถึงจะรู้ว่าเฮ้ยยูเริ่ม
00:26:08 → 00:26:11 กินอืคือรู้ว่าเริ่มกินเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:26:11 → 00:26:13 เวลาเรากินอิ่มมากๆอ่ะพอถึง 20 นาทีปุ๊บ
00:26:13 → 00:26:16 เราจุกเลยอือเพราะว่าสมองเพิ่งรับรู้ว่า
00:26:16 → 00:26:18 เรากินแต่ว่าเรากินเกินไปแล้วอเพราะ
00:26:18 → 00:26:21 ฉะนั้นสเต็ปที่ผมแนะนำคือหลังจากกินน้ำ
00:26:21 → 00:26:24 กินผักให้กินโปรตีนกับไขมันดีก่อนค่ะอ่า
00:26:24 → 00:26:27 ให้อิ่มก่อนแล้วค่อยเติมคาร์โบไฮเดรตมา
00:26:27 → 00:26:30 ตอนหลังซึ่งก็จะไม่ค่อยเหลือที่ให้แล้ว
00:26:30 → 00:26:32 ล่ะกว่าจะถึงตอนนั้นน่ะใช่คือกินไปกินกับ
00:26:32 → 00:26:35 ข้าวอ่ะกินแบบพ่อแม่สมัยก่อนจะต้องบ่นเลย
00:26:35 → 00:26:37 บอกว่าเฮ้ยมันกินล้างกินผลากินแต่กับข้าว
00:26:37 → 00:26:41 อืกินข้าวน้อยมากอย่างผมเนี่ยผมจะกินกับ
00:26:41 → 00:26:44 ข้าวแบบมหาศาลมากค่ะถ้าสมมุติสั่งข้าวมัน
00:26:44 → 00:26:47 ไก่อ่าข้าวมันไก่อย่าเงี้ยก็สั่งเลยสะโพก
00:26:47 → 00:26:51 ไก่ 1 กล่องกินคนเดียวก็มีแต่สะโพกไก่สัก
00:26:51 → 00:26:53 2 ชิ้นใหญ่ๆเงี้ยก็กล่องใหญ่ๆอะไรอย่าง
00:26:53 → 00:26:55 เงี้ยคือหนังเนี่ยผมก็เอาออกหน่อยแต่ว่า
00:26:55 → 00:26:58 กินสะโพกไก่ไม่กินอกไก่มันแห้งอ่ะหนังกิน
00:26:58 → 00:27:00 ไม่ได้หรอคุณหมอจริงๆก็กินได้ครับผมก็กิน
00:27:00 → 00:27:03 หนังผสมแต่เราก็ไม่ได้กินแบบเต็มที่อย่าง
00:27:03 → 00:27:05 เงี้ยครับเพราะว่าตัวเนื้อไก่มันมีไขมัน
00:27:05 → 00:27:07 แทรกอยู่แล้วมันก็คือโอเคแล้วแล้วถามว่า
00:27:07 → 00:27:11 กินได้มยกินได้ข้าวมันกินได้มยผมก็กิน 2-3
00:27:11 → 00:27:13 คำพอเรากินตามสเต็ปเนี้ยบางคนบอกว่าอยาก
00:27:13 → 00:27:17 กินของหวานแต่เราอยากจะจะแบบจะลดน้ำหนัก
00:27:17 → 00:27:19 เราก็รู้ว่ามันไม่ดีแต่เราอยากกินมันแก้
00:27:19 → 00:27:22 ได้มยบอกแก้ได้ฮะก็เอาไปไว้ท้ายสุดเอาไว้
00:27:22 → 00:27:25 ไว้ท้ายสุดหรือให้จบมือด้วยของขมของขม
00:27:25 → 00:27:29 เหรอใช่เช่นกาแฟดำอ่ามันจะจบหิวได้ฮะคือ
00:27:29 → 00:27:31 สมมุติเราอยากจะกินของหวานเนี่ยถ้าเราจบ
00:27:31 → 00:27:34 กาแฟดำเนี่ยหรือว่าจบ dar ช็อกโกแลตซะ
00:27:34 → 00:27:36 หน่อยนึงที่แบบ 85% ขึ้นไปเนี่ยเราจะโอเค
00:27:36 → 00:27:39 ะเราจะไม่ได้อยากหวานมากๆแล้วผมก็ทานนะ
00:27:39 → 00:27:41 พวกขนมหวานพวกไอศครีมอย่างเงี้ยอย่างลูก
00:27:41 → 00:27:45 สาวบอกว่าป๊ากินด้วยอก็ต้องกินน่ะลูกสาว
00:27:45 → 00:27:47 จะกินเราก็ต้องกินนะเป็นเรื่องปกติจะมา
00:27:47 → 00:27:49 ไม่กินไม่ได้จะมาเกินเหตุเกินกายไม่ได้
00:27:49 → 00:27:51 คือจะลดน้ำหนักจะมีชีวิตที่ดีคือเราลดน้ำ
00:27:51 → 00:27:53 หนักเพื่อให้เรามีชีวิตที่ดีมีความสุขถูก
00:27:53 → 00:27:56 ต้องมั้ยฮะถ้าเราลดน้ำหนักมีสุขภาพดีแต่
00:27:56 → 00:27:58 ชีวิตเราท็อกซิกไม่มีความสุขเราจะทำเพื่อ
00:27:58 → 00:28:00 อะไรอย่างเงี้ยเราต้องดีไซน์ให้ให้มัน
00:28:00 → 00:28:02 แฮปปี้ได้เพราะฉะนั้นเนี่ยคีย์คือการ
00:28:02 → 00:28:04 ดีไซน์ชีวิตเพราะถ้าเราไม่ดีไซน์ชีวิตมัน
00:28:05 → 00:28:06 ก็ไม่มีทางจะมีชีวิตที่ดีมันก็เป็นเรื่อง
00:28:06 → 00:28:08 ปกติเพราะฉะนั้นการกินเราก็ต้องดีไซน์
00:28:08 → 00:28:10 เพราะการกินเนี่ยมันเป็นส่วนสำคัญผมมาก
00:28:10 → 00:28:13 กว่า 50% เนี่ยคือชีวิตเรามันมันอยู่กับ
00:28:13 → 00:28:15 การกินน่ะถ้าเรากินไม่ดีมันชีวิตมันจะดี
00:28:15 → 00:28:19 ได้ไงแล้วก็ขี่อีกอันนึงก็คือถ้าจะกินขนม
00:28:19 → 00:28:23 หวานค่ะอย่ายั้งครับจริงหรอจริงหมายความ
00:28:23 → 00:28:26 ว่าให้เลือกกินผมพูดใหญ่ยั้งเนี่ยบางคน
00:28:26 → 00:28:29 คิดไปอ๋อเท่าไหร่ก็ได้คำว่าอย่ายั้งเนี่
00:28:29 → 00:28:32 ผมหมายความว่างี้ครับขนมหวานเนี่ยถ้าเรา
00:28:32 → 00:28:36 ยั้งเนี่ยฟิวมันจะไม่ได้อืชานมหวานน้อยอื
00:28:36 → 00:28:38 ใครสั่งชานมหวานน้อยอ้วนทุกคนอ่ะให้
00:28:38 → 00:28:41 สังเกตคืออารมณ์มันไม่ได้คือกินแล้วมัน
00:28:41 → 00:28:44 ไม่เสร็จอ่ะก็ไม่ต้องกินดีกว่าอ่าถ้าจะ
00:28:44 → 00:28:48 กินต้องอร่อยอือถ้าจะกินต้องดีที่สุดอ
00:28:48 → 00:28:50 เท่าเท่าที่เราซัพพอร์ตไหวนะไม่ใช่แบบ
00:28:50 → 00:28:53 โอ้โหต้องแพงอะไรคือเราชอบอ่ะเราก็กินอ่ะ
00:28:53 → 00:28:55 ถ้าเราอยากกินเราก็กินอือแต่ว่าเราไม่ใช่
00:28:55 → 00:28:58 อยากจะกินทุกวันนนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่อง
00:28:58 → 00:29:00 สมมุติว่าวันนี้เราอยากจะกินทันนี่โทสอาจ
00:29:00 → 00:29:03 จะกินก็กินกินให้มันก็กินจริงๆอ่ะให้มัน
00:29:03 → 00:29:06 แล้วนะเออให้มันแล้วไปแต่ก็ไม่ใช่กินคน
00:29:06 → 00:29:10 เดียวทั้งจานแล้วก็ไปกระจายความเสี่ยงให้
00:29:10 → 00:29:12 เพื่อนบ้างอ่าเดี๋ยวเพื่อนมันจะสุขภาพดี
00:29:12 → 00:29:15 เกินไปเราก็เลือกมันมากินด้วยอ่าสัก 4 คน
00:29:15 → 00:29:17 แบ่งกันอะไรอย่างเงี้ยอ่าให้ได้กิ่นมีแค่
00:29:17 → 00:29:20 นี้เองบางคนบอกจะลดน้ำหนักทำไงอ่าก็กิน
00:29:20 → 00:29:23 เป็นมื้ออือันดับแรกกินเป็นมื้อวันนึงไม่
00:29:23 → 00:29:25 เกิน 3 มื้ออยากสุขภาพดีกิน 2 มื้ออยาก
00:29:25 → 00:29:28 ย้อนไวกินมื้อนึงออคะแล้วเถ้ากินวันมือ
00:29:28 → 00:29:30 นี่สารอาหารพอมั้ยคุณหมอพอครับก็อย่างที่
00:29:30 → 00:29:34 บอกคือว่าเราก็ต้องดีไซน์ให้ถูกอืว่าเรา
00:29:34 → 00:29:37 ต้องเรียงลำดับสารอาหารที่ร่างกายต้องการ
00:29:37 → 00:29:41 ก่อนค่ะไม่ว่าจะได้กากใยได้สารน้ำเสร็จ
00:29:41 → 00:29:43 แล้วเนี่ยเราไปได้โปรตีนที่พอเพียงค่ะ
00:29:43 → 00:29:45 คราวนี้เวลาโปรตีนพอเพียงเนี่ยถ้าเรากิน
00:29:46 → 00:29:48 วันละมื้อเนี่ยถ้าเราไปมองว่าโปรตีน 1.5
00:29:48 → 00:29:50 เนี่ยผมว่าทานไม่ไหวหรอกใช่โดยส่วนใหญ่
00:29:50 → 00:29:52 ถ้าเราทานวันละมื้ออ 60 ยังยากเลยคุณหมอ
00:29:52 → 00:29:55 มื้อเดียวอือเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าทานวละ
00:29:55 → 00:29:59 มื้อเนี่ยอนุโลมให้ 0.8 คณก็ซัก 40-50
00:29:59 → 00:30:02 กรัมไข่ 3 ฟองเนื้อ 1 ชิ้นจบบางวันอาจจะ
00:30:02 → 00:30:04 เป็นปลาบางวันอาจจะเป็นหมูบางวันอาจจะ
00:30:04 → 00:30:06 เป็นไก่อะไรอย่างเงี้ยฮะก็แล้วแต่ชอบ
00:30:06 → 00:30:09 อย่างถ้าคนที่ทำ OM อย่างเงี้ยคุณหมอมัน
00:30:09 → 00:30:11 จำเป็นมว่าเอ้ยมันต้องมีบางวันที่มันมัน
00:30:11 → 00:30:14 เกินที่มันแบบ 2 มื้อบ้าง 3 มื้อบ้างอะไร
00:30:14 → 00:30:16 อย่างเงี้ยคือต้องบอกงงี้ฮะว่าจริงๆเรา
00:30:16 → 00:30:18 ไม่จำเป็นต้องทำ omad ทุกวันนะทำทุกวัน
00:30:18 → 00:30:21 ได้มั้ยทำได้แต่ถามบอกว่าการทำทุกวันบาง
00:30:21 → 00:30:24 ครั้งเนี่ยแล้วเราเครียดกับมันเกินไปอ่ะ
00:30:24 → 00:30:26 มันไม่มีความไม่มี flexibility ไม่
00:30:27 → 00:30:30 flexible เนี่ยอร่างกายเราหลคิอเยะเพราะ
00:30:30 → 00:30:32 เรารู้สึกตึงกับมันเกินไปเวลาเราสอบได้
00:30:32 → 00:30:35 เกรด A เนี่ยมันได้ 80 เต็ม 100 นะเพราะ
00:30:35 → 00:30:37 ฉะนั้นการใช้ชีวิตหรือการลดน้ำหนักหรือ
00:30:37 → 00:30:39 การทำอะไรก็ตามอ่ะเฮ้ยยูได้ 80 เต็ม 100
00:30:39 → 00:30:41 ยูก็ได้เกด a แล้วนะเว้ยอืยูไม่ต้องเอา
00:30:41 → 00:30:43 เต็ม100รหรอกอย่าง OM น่ะยูจะพาดสักวัน
00:30:43 → 00:30:45 นึงไปเที่ยวกับเพื่อนไปเที่ยวกับญาติ
00:30:45 → 00:30:47 เพื่อนฝูงมันก็โอเคนะมันไม่ได้เป็นอะไร
00:30:47 → 00:30:49 หรอกอะไรอย่างเงี้ยไม่ต้องไปคิดมากอะไร
00:30:49 → 00:30:52 อย่างเงี้ยคือถ้าเราจะมีชีวิตที่แฮปปี้
00:30:52 → 00:30:55 อ่ะเราก็ต้องมีความยืดหยุดในชีวิตอืการลด
00:30:55 → 00:30:58 น้ำหนักหรือการท OM ก็เช่นกันค่ะอย่าเช่น
00:30:58 → 00:31:00 สมมุติว่าเราตั้งใจจะทาน omx ใช่มั้ยครับ
00:31:00 → 00:31:02 อ่าอยากจะย้อนไวหรืออยากจะอะไรก็ตามแหละ
00:31:02 → 00:31:05 ก็ทานให้ถูกต้อง 7 วันเราทันได้ 5 วัน
00:31:05 → 00:31:08 พลาดสัก 2 วันก็อโอฮะไม่ได้เป็นไรสบายๆ
00:31:08 → 00:31:13 อ่าแต่ไม่ใช่บอกว่าโอ้พาดทุกวันี้ก็ไม่
00:31:13 → 00:31:15 ใช่แต่อย่างผมเนี่ยผมไม่ได้ทาน omx เป็น
00:31:15 → 00:31:17 หลักค่ะผมจะทาน omx วันที่ผมผ่าตัดเพื่อ
00:31:17 → 00:31:20 ให้ร่างกายเราเเรียกว่ามันมี Energy กับ
00:31:20 → 00:31:23 กับความ br สูงที่สุดซึ่งอาทิตย์นึงผมก็
00:31:23 → 00:31:26 จะทำแค่แบบนี้แค่วันเดียวอือ่าอย่างวัน
00:31:26 → 00:31:29 อื่นผมก็จะเป็น 18/6 กินเที่ยนจบ 18:00 น
00:31:29 → 00:31:31 ค่ะคือก็ต้องดีไซน์ให้เข้ากับชีวิตเรา
00:31:31 → 00:31:33 ด้วยนะฮะอย่างผมต้องกินข้าวเย็นกับลูกสาว
00:31:33 → 00:31:35 ทุวันเงี้ยผมก็จะต้องดีไซน์ว่าผมไม่กิน
00:31:35 → 00:31:38 เช้าอือแต่ผมกินเย็นค่ะแต่ผมออกกำลังกาย
00:31:38 → 00:31:41 เช้าแล้วเราก็ไปกินเที่ยงกินบ่ายชีวิตเรา
00:31:41 → 00:31:43 ก็แบบมีเวลาว่างตั้งเยอะอือกินข้าวมื้อ
00:31:43 → 00:31:46 นึงนี่ใช้เวลา 1 ชั่วมงนะใช่คิดถามกิน
00:31:46 → 00:31:49 อะไรดีออกินอะไรก็ได้เสร็จเลยอีกนานเลย
00:31:49 → 00:31:51 ไม่ไม่เสร็จสักทีอ่ะเสร็จแล้วกินเสร็จก็
00:31:51 → 00:31:54 ต้องแบบโอ้โหแน่นจุกอืเครียดท้อแท้กับตัว
00:31:54 → 00:31:56 เองอีกอีก 1 ชั่วโมงกว่าจะเริ่มไปกินแบบ
00:31:56 → 00:31:59 คือทั้งวันก็นึกแต่เรื่องกินถ้าเรากิน 3
00:31:59 → 00:32:01 มื้อถ้าเรากิน 2 มื้อเนี่ยชีวิตเรามันก็
00:32:01 → 00:32:03 มีว่าง 1 ชั่วโมงวันนึงใช่มั้ยฮะปีนึงก็
00:32:03 → 00:32:05 ว่าง 365 ชั่วโมงอ่ะชีวิตเราก็ดีขึ้นแบบ
00:32:05 → 00:32:08 อี่ Easy เลยอได้เวลาคืนมาใช่แล้วมันจะ
00:32:08 → 00:32:10 ออโตเมติลดน้ำหนักครับคืออย่างน้อยเนี่ย
00:32:10 → 00:32:13 แคลอรี่มันจะลดลง 200-500 กิลแคลอรี่แบบ
00:32:13 → 00:32:15 อมิอยู่แล้วโดยที่เราไม่ต้องนับแคลอรี่
00:32:15 → 00:32:18 เลยค่ะคือการนับแคลอรี่เนี่ยมันเครียดนะ
00:32:18 → 00:32:22 ค่ะเท่าไหร่เท่าไหร่แล้วถามนับถูกจริงหรอ
00:32:22 → 00:32:24 อืสมมุติบอกไข่ 1 ฟอง 70 กโลแคลอรี่อผม
00:32:25 → 00:32:28 บอกงั้นไข่เบอร์ 0 กี่แคลอรี่อืเบอกอ่า
00:32:28 → 00:32:30 เนยถั่วช้อนนึง 80 กลแคลอรี่ผมถามเนยถั่ว
00:32:30 → 00:32:32 ยี่ห้อไหนอมันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งเหมือน
00:32:32 → 00:32:34 เรื่องโปรตีนนี่แหละเรื่องนับแควกับ
00:32:34 → 00:32:35 เรื่องไม่นับแควนี่แหละก็เป็นอะไรที่แบบ
00:32:36 → 00:32:39 ว่าเหมือนกับว่าก็ดีเบตกันเหมือนกันอ่า
00:32:39 → 00:32:41 โดยเฉพาะฝั่งฟิตเนสเนี่ยเคก็จะแบบว่าเจะ
00:32:41 → 00:32:45 ต้องนับแควอย่าเงี้ใช่แต่ก็จะมีอีกฝั่ง
00:32:45 → 00:32:48 นึงที่บอกว่าเจซฟุ้งใช่มั้ได้บอกว่าถ้ายู
00:32:48 → 00:32:51 แบบว่าไปสกกับแคลอรี่มากๆอย่างเช่นว่ายู
00:32:51 → 00:32:54 แบบว่ายูเคยกิน 2,000 แล้ววันเนี้ยยูจะลด
00:32:54 → 00:32:56 เหลือ 1,800 หรือ 1,500 ร่างกายมันจะจำ
00:32:56 → 00:32:59 ว่ามันต้องมันต้องเผา 1,800 1,500 อย่าง
00:32:59 → 00:33:01 เงี้ยจริงมั้ยครับคือจริงๆมันต้องเป็น
00:33:01 → 00:33:04 อย่างงี้ฮะนับแคลอรี่ดีมั้ยดีค่ะดีนะฮะผม
00:33:04 → 00:33:07 ใช้คำนี้ก่อนเลยนะดีถ้านับถูกอืปัญหาคือ
00:33:07 → 00:33:09 นับถูกจริงหรือเปล่าอย่างที่ผมบอกเมื่อ
00:33:09 → 00:33:11 กี้บอกว่าไข่แต่ละฟองยังแคลอรี่ไม่เท่า
00:33:11 → 00:33:14 กันเลยค่ะการดูดซึมของแต่ละคนก็ไม่เท่า
00:33:14 → 00:33:17 กันเวลาการกินอย่างเช่นมันเผาร้อนกับมัน
00:33:17 → 00:33:19 เผาเย็นบางทีดูดซึมไม่เท่ากันแคลอรีที่
00:33:19 → 00:33:22 ได้เข้าไปก็ไม่เท่ากันอืคือการนับแคลอรี่
00:33:22 → 00:33:25 มันดีฮะแต่ปัญหาคือเรานับแล้วมันจะไม่
00:33:25 → 00:33:27 ค่อยตรงอันที่ 2 คือคนนับแคลอรี่ต้องมี
00:33:27 → 00:33:29 ความเข้าใจอย่างถ่องแท้จริงๆเพราะฉะนั้น
00:33:29 → 00:33:31 ฟิตเนสเทนเนอร์นับแล้วเขาสำเร็จเพราะอะไร
00:33:31 → 00:33:33 เพราะเามีความเข้าใจถ่องแท้จริงๆว่า
00:33:33 → 00:33:36 แคลอรี่มันไม่เท่ากับแคลอรี่แคลอรี่ที่ดี
00:33:36 → 00:33:39 ต้องมาจากอาหารที่ดีแคลอรี่จากปลาแซลมอน
00:33:39 → 00:33:41 ไม่เท่าแคลอรี่จากโดนัทไม่เท่าแคลอรี่จาก
00:33:41 → 00:33:43 พิซซ่านับแคลอรี่แล้วต้องนับแมคโคร
00:33:43 → 00:33:45 นิวเทรียนให้เป็นไม่ว่าจะเป็นโปรตีนไขมัน
00:33:45 → 00:33:47 คาร์โบไฮเดรตต้องเป๊ะค่ะคราวนี้สิ่งที่
00:33:47 → 00:33:50 เกิดขึ้นคืออย่างที่ผมบอกไข่แต่ละฟองไม่
00:33:50 → 00:33:53 เท่ากันช้อนของเราไม่เท่ากันอืช้อนตักเน
00:33:53 → 00:33:57 ถั่ว 80 80 กิโลแคลอรี่แค่ยี่ห้อก็ยัง
00:33:57 → 00:33:59 ไม่เท่ากันเลยเลยอตักมาในช้อนนึงช้อนชา
00:33:59 → 00:34:02 เนี่ยอือเนยถั่วสูงกี่เซนติเมตรก็ไม่มี
00:34:02 → 00:34:05 ใครไปเคยวัดอือแล้วบางคนต้องมานั่งชั่ง
00:34:05 → 00:34:08 ตลอดเอ้ยชีวิตปกติมันต้องขนาดนั้นเลยหรอ
00:34:08 → 00:34:11 แต่ผมก็ไม่ก้าวร่วงของทางฟิตเนสนะครับคือ
00:34:11 → 00:34:14 ฟิตเนสเนี่ยเา้าต้องไปแข่งต้องไปมีชมัน
00:34:14 → 00:34:16 เป็นอาชีพมันเป็นชีวิตอ่ะมันมันก็ต้อง
00:34:16 → 00:34:19 เป๊ะแต่คราวนี้เวลาเราสอนคนทั่วไปอยากให้
00:34:19 → 00:34:22 เขาคสุขภาพดีเนี่ยเราก็ต้องทำให้ชีวิตเา
00:34:22 → 00:34:24 มัน Easy อ่ะพอเครียดมากไปคิอหลังอีกคอิ
00:34:25 → 00:34:27 เซอหลังระบบมันก็ไม่เผาผาญอีกมันก็ไม่จบ
00:34:27 → 00:34:29 ไม่สินซะทีเพราะฉะนั้นสิ่งที่ง่ายที่สุด
00:34:29 → 00:34:31 คือให้ร่างกายนับแคลอรีแต่คราวนี้คือจะ
00:34:31 → 00:34:34 ให้ร่างกายนับแคลอรีก็ต้องกินถูกต้องครับ
00:34:34 → 00:34:36 ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามกินของหวานหรือกินขนม
00:34:36 → 00:34:39 หวานเยอะๆอืมันไม่อิ่มไงค่ะเพราะมันไม่
00:34:39 → 00:34:42 นับร่างกายมันไม่นับแต่ถ้าเรากินโปรตีน
00:34:42 → 00:34:44 ได้ดีกินไขมันดีอิ่มพอดีเนี่ยร่างกายมัน
00:34:44 → 00:34:48 ออติว่าแคลอรี่พอแล้วแต่ผมแนะนำว่านับ
00:34:48 → 00:34:51 คร่าวๆก็ได้ค่ะหมายถึงว่านับคร่าวๆว่าเออ
00:34:51 → 00:34:54 น่าจะแบบประมาณซัก 1,500 2,000 อะไร
00:34:54 → 00:34:57 อย่างเงี้ยอ่าประมาณนี้เออแล้วต้องบอกงี้
00:34:57 → 00:34:59 ฮะว่ามีการวิจัยด้วยว่าคนที่นับแคลอรี่
00:34:59 → 00:35:03 อ่ะชอบเข้าข้างตัวเองชอบเข้าข้างตัวเอง
00:35:03 → 00:35:06 เข้าข้างตัวเองโค้คำนวนมาแล้วว่า 1,5 ผอม
00:35:06 → 00:35:10 แน่ 3 เดือนรับรองหุ่นเช้งนับเนี่ยนะเอ้ย
00:35:10 → 00:35:14 พึ่ง 1,200 เองปัดเศษตลอดจริงๆอ่ะ 2,000
00:35:14 → 00:35:17 ไปแล้วจริงๆซัดไป 2,000 ตั้งนานแล้วแต่พอ
00:35:17 → 00:35:21 นับ 1,200 ก่อนนอนทำไงเดี๋ยวขาดโปรตีนอื
00:35:21 → 00:35:25 ซัดอีก 1 อืฟาสก็หลุดแคลลอรี่ก็เกินสรุป
00:35:25 → 00:35:27 ไปจบ 2,500 แต่ใจยังนึกว่า 1,500 อยู่เลย
00:35:27 → 00:35:30 อืออืส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ทั้งนั้นมันเลย
00:35:30 → 00:35:33 ไม่จบซักทีเพราะฉะนั้นถามว่านับดียนับ
00:35:33 → 00:35:36 เก่งนับเลยแต่ผมบอกงี้ผมบอกงี้เลยว่าเอา
00:35:36 → 00:35:39 คนที่คิดว่านับแคลอรี่เก่ง 10 คนมาเลี้ยง
00:35:39 → 00:35:42 แล้วเอาอาหาร 10 อย่างแล้วมาเขียนดูเท่า
00:35:42 → 00:35:46 กันเป่าผมบอกเลยไม่เท่าหรอกอืยากยากจริงๆ
00:35:46 → 00:35:49 คือเพราะลองมาแล้วค่ะว่ามันยากแล้วมันไม่
00:35:49 → 00:35:51 ตรงเอ้ยอย่างงั้นแคลอรี่ในอาหารที่มัน
00:35:51 → 00:35:53 อยู่ในกระป๋องที่เขาเขียนมามันต้องเป๊ะดิ
00:35:53 → 00:35:56 มันต้องเป๊ะต้องบอกงี้ฮะ fda อเมริกา
00:35:56 → 00:35:59 เนี่ยให้ค่าความคลาดเคลื่อนของฉลากข้าง
00:35:59 → 00:36:03 หลังเนี่ยฉลากโภชนาการเนี่ย 25% อืหมาย
00:36:03 → 00:36:04 ความว่าถ้าสมมุติฉลากโภชนาการนี้เขียน
00:36:05 → 00:36:08 1,000 กโลแคลอรี่มันอาจจะเป็น 1,250 ก็
00:36:08 → 00:36:11 ได้โดยไม่ผิดหรืออาจจะเป็น 750 ก็ได้อื
00:36:11 → 00:36:13 เพราะฉะนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันใช่
00:36:13 → 00:36:15 หรือไม่ใช่สมมุติเรากินอาหารกระป๋องบาง
00:36:15 → 00:36:17 ส่วนเป็นน้ำบางส่วนเป็นเนื้อเราบอกกิน
00:36:17 → 00:36:20 ครึ่งนึงเราแบ่งเป๊ะเลยป่ะก็ไม่รู้อีกอ่ะ
00:36:20 → 00:36:24 อือมันยากจริงๆคือพอมันยากสำหรับผมอะไร
00:36:24 → 00:36:26 ที่ยากอะไรที่ทำไม่ได้อะไรอะไรที่คนทั่ว
00:36:26 → 00:36:28 ไปฟังไม่รู้เรื่องสำหรับผมมันคือไม่ดี
00:36:28 → 00:36:30 เพราะเขาทำไม่ได้เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญ
00:36:30 → 00:36:32 จริงๆคือการเปลี่ยนนิสัยทีละนิดค่ะ
00:36:32 → 00:36:35 เปลี่ยนให้แบบออติเช่นกินเป็นสเต็ปนั่ง
00:36:35 → 00:36:40 กินที่โต๊ะใส่จานทุกครั้งใครก็ตามเดินกิน
00:36:40 → 00:36:43 กินอาหารในกล่องส่วนใหญ่อ้วนหมดอืร่างกาย
00:36:43 → 00:36:46 ไม่ชอบสมองบอกว่านี่ไม่ใช่การกินที่แท้
00:36:46 → 00:36:49 จริงมันเหมือนการกินสนคฮะอไม่อิ่มซะที่
00:36:49 → 00:36:51 คือกินอาหารในกล่องไม่ใส่จานให้ดีๆเนี่ย
00:36:51 → 00:36:56 ฟิของสมองเราอ่ะไม่โอเคอืต้องใส่จานดีๆ
00:36:56 → 00:36:59 อือนั่งกินดีๆอืให้แบบบางคนก็นั่งกินก็ดู
00:36:59 → 00:37:02 หนังไปอ่ะโอหกินหมดไป 3 จานแล้วยังไม่รู้
00:37:02 → 00:37:04 เลยกินอะไรอย่างงี้ก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลยก็
00:37:04 → 00:37:07 จะมีก็ต้องตั้งใจกินเนาะต้องตั้งใจกินเา
00:37:07 → 00:37:09 เรียกว่า my fullness eating ครับก็คือ
00:37:09 → 00:37:12 กินอย่างมีสติอ่ะกินแล้วรู้ว่าเรากินอะไร
00:37:12 → 00:37:15 อค่ะเสร็จแล้วก็อิ่มแล้วก็พอจริงๆมันต้อง
00:37:15 → 00:37:18 ใช้อิ่ม 80% ครับไม่ใช่ว่าอิ่มแปร้ใช่คือ
00:37:18 → 00:37:21 อิ่ม 80% จริงๆคืออิ่มจริงๆคือ 100% ค่ะ
00:37:21 → 00:37:25 เพราะว่าอีกพออีกพักนึงมันจะอิ่ม
00:37:25 → 00:37:28 100% อยากให้คุณหมอเอ่อยกตัวอย่างค่ะ
00:37:28 → 00:37:30 อาหารที่ช่วยเพิ่มไขมันดีอาหารที่เพิ่มไข
00:37:30 → 00:37:33 มันดีอันแรกเลยที่เปิดไปในตู้เย็นทุกบ้าน
00:37:33 → 00:37:36 ต้องมีก็คือไข่ต้มครับอไข่อ่ะจะทำอะไรก็
00:37:36 → 00:37:39 ได้ก็แนะนำว่าให้ต้มให้ตุ๋นให้นึ่งมาก
00:37:40 → 00:37:42 กว่าทอดแล้วกันถามว่าไข่ทอดทานได้มั้ยทาน
00:37:42 → 00:37:44 ได้แต่ว่าอย่าไปทานบ่อยถ้าทอดใช้น้ำมัน
00:37:44 → 00:37:47 อะไรถ้าทอดไฟแรงผมก็แนะนำว่าควรจะเป็นน้ำ
00:37:47 → 00:37:50 มันที่แบบเค้าเรียกน้ำมันธรรมชาติเช่นน้ำ
00:37:51 → 00:37:53 มันแบบน้ำมันหมูอย่างเงี้ยได้แต่ถ้าเป็น
00:37:53 → 00:37:56 น้ำมันพืชโดนไฟแรงเนี่ยผมไม่ค่อยแนะนำที่
00:37:56 → 00:37:58 บ้านคุณหมอใช้น้ำมันอะไรบ้างคะส่วนใหญ่ก็
00:37:58 → 00:38:01 จะใช้ Extra vergin Olive Oil แล้วก็
00:38:01 → 00:38:03 มีพวกน้ำมันเนี่ยฮน้ำมันอิ่มตัวน้ำมันหมู
00:38:03 → 00:38:05 บ้างแล้วก็เนยแท้บ้างแต่ส่วนใหญ่ก็ไม่
00:38:05 → 00:38:08 ค่อยกินทอดค่ะส่วนใหญ่เนี่ยถ้าอยากกินทอด
00:38:08 → 00:38:12 ใช้หม้ออบลมร้อนอืเอาปีกไก่ค่ะแล้วก็ใส่
00:38:12 → 00:38:15 เข้าไปแล้วก็เวลาอบลมร้อนเนี่ยไขมันจาก
00:38:15 → 00:38:18 ปีกไก่เขาก็จะจะเบิร์นตัวเขาเองแบบนี้
00:38:18 → 00:38:20 เป็นต้นคือเราพยายามใช้ไขมันจากตัวเขาอ่ะ
00:38:21 → 00:38:24 อค่ะทำทำให้เา้าสุกขึ้นมาแล้วเราก็กินแบบ
00:38:24 → 00:38:27 เนี้ยคือมันไม่มีอย่างอื่นมาเจือป่นมันก็
00:38:27 → 00:38:29 จะคือต้องบอกงี้ฮว่าน้ำมันพืชส่วนใหญ่ใช้
00:38:29 → 00:38:32 คำว่าส่วนใหญ่มันมักจะผ่านกระบวนการเป็น
00:38:32 → 00:38:34 High process Food เพรางั้นกินมากๆโดย
00:38:34 → 00:38:37 เฉพาะผ่านความร้อนเนี่ยมันจะทำให้ร่างกาย
00:38:37 → 00:38:39 ของเราเนี่ยเซลล์อักเสบง่ายก็เลยไม่ค่อย
00:38:39 → 00:38:41 แนะนำน้ำมันรำข้าวกับน้ำมันมะพร้าวคะคุณ
00:38:41 → 00:38:44 หมอน้ำมันเนี่ยแนะนำว่าถ้าไม่มีคำว่าสกัด
00:38:44 → 00:38:48 เย็นสำหรับผมอ่ะอืมันก็ถ้ากินเยอะๆก็ไม่
00:38:48 → 00:38:49 ค่อยดีแต่มันก็มีความเชื่อหลากหลายนะครับ
00:38:49 → 00:38:52 อันนี้ต้องบอกว่างี้ว่ามันก็ยังมีความ
00:38:52 → 00:38:53 เชื่อที่ขัดแย้งกันอยู่บางคนก็บอกว่ากิน
00:38:53 → 00:38:56 น้ำมันลำข้าวเยอะๆสิมันจะได้สุขภาพดีค่ะ
00:38:56 → 00:38:59 บางคนก็บอกกินน้ำมันมะพร้าวเยอะๆสิสุขภาพ
00:38:59 → 00:39:03 ดีผมก็บอกว่าก็กินให้มันพอดีๆๆอ่ะอือย่า
00:39:03 → 00:39:06 ไปเยอะอย่าไปแยะอ่าแล้วถ้าเป็นไปได้อ่ะ
00:39:06 → 00:39:08 ถ้าเราไม่ต้องใช้แต่ใช้ไขมันจากตัวเนื้อ
00:39:08 → 00:39:10 สัตว์เองอย่างเช่นอย่างเช่นสมมุติสมมุติ
00:39:11 → 00:39:13 ว่าอเราอยากกินหมู 3 ชั้นแล้วกันค่ะอ่า
00:39:13 → 00:39:15 แล้วก็เอาหมู 3 ชั้นไปทอดมีน้ำมันออกมา
00:39:15 → 00:39:18 เราเอาน้ำมันนั้นไปไปทอดไข่ดาวไออย่าง
00:39:18 → 00:39:21 เงี้ยได้มันมันแบบต่อเนื่องกันไงคือใช้
00:39:21 → 00:39:25 ของที่มีอยู่ทำอาหารให้ครบวงจรโดยไม่ต้อง
00:39:25 → 00:39:28 เติมอย่างอื่นเข้าไปแบบเยมันจะดีกว่ามัน
00:39:28 → 00:39:30 ก็มีงานวิจัยชัดเจนแหละว่าถ้าเอาน้ำมัน
00:39:30 → 00:39:33 สกัดเย็นไปผ่านความร้อนมากๆก็ไม่ดีค่ะ
00:39:33 → 00:39:36 หรือว่าเอาน้ำมันที่ผ่านโปเสมากๆเช่นน้ำ
00:39:36 → 00:39:39 มันพืชต่างๆที่ผ่านโปเสเยอะๆมาทอดร้อนๆก็
00:39:39 → 00:39:41 ไม่ดีเหมือนกันเพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตาม
00:39:41 → 00:39:43 ที่ผ่านความร้อนสูงนานๆกินบ่อยๆก็ไม่ค่อย
00:39:43 → 00:39:46 ดีอืถึงจะเป็นน้ำมันหมูก็ตามโดยส่วนตัวเ
00:39:46 → 00:39:48 คิดว่าอยากจะกินก็กินได้บ้างแต่ว่าไม่ใช่
00:39:48 → 00:39:51 กินเท่าไหร่ก็ได้อะไรอย่าเงี้อ่ะไข่แล้ว
00:39:51 → 00:39:54 อะไรอีกคะคุณหมออะโวคาโดอือะโวคาโดเนี่ย
00:39:54 → 00:39:56 วันละสักครึ่งลูกกำลังสวยเหลือสัปดาห์นึง
00:39:57 → 00:39:59 สัก 2 3 ลูกคือไม่ใช่กิินเท่าไหร่ก็ได้
00:39:59 → 00:40:02 นะฮะแคลอรี่เค้าก็พอตัวนะก็หมัดต่อหมัดก็
00:40:02 → 00:40:04 เท่ากับทุเรียนนั่นแหละแคลอรี่อ่ะอันต่อ
00:40:04 → 00:40:06 มาก็พวกน้ำมันสกัดเย็นต่างๆไม่ว่าจะเป็น
00:40:06 → 00:40:08 เรื่อง Extra vergin Olive Oil ซึ่ง
00:40:08 → 00:40:10 พวกนี้เอามาใส่สลัดได้นะครับหรือน้ำมัน
00:40:10 → 00:40:12 มะพร้าวสกัดเย็นก็เอามาปรุงอาหารแบบเย็นๆ
00:40:12 → 00:40:16 ได้แบบเนี้ยก็โอเคไขมันดีอย่างอื่นเช่น
00:40:16 → 00:40:18 ถั่วก็ได้ถั่วเปลือกแข็งอืคือถั่วเปลือก
00:40:18 → 00:40:20 แข็งเนี่ยเาจะมีไขมันดีคือถั่วมันมีอยู่ 2
00:40:20 → 00:40:23 แบบฮะถั่วเปือกแข็งกับถั่วเปลือกอ่อนถั่ว
00:40:23 → 00:40:25 เปือกแข็งเนี่ยแอลมอนพิตาชิโอวอนัทแาีย
00:40:25 → 00:40:27 ถั่ลิสงเม็ดมะม่วงหิผาดอย่างงี้เรียก
00:40:27 → 00:40:29 เรียกถั่วเปือกแข็งค่ะถ้าถั่วเปลือกอ่อน
00:40:29 → 00:40:31 ก็ถั่วเขียวถั่วเหลืองถั่วขาวถั่วแดงถั่ว
00:40:31 → 00:40:34 ดำออ่าถั่วอย่างเงี้ยคือเขาดีทั้งคู่ค่ะ
00:40:34 → 00:40:37 แต่ถั่วเปลือกแข็งเนี่ยไขมันดีสูงโปรตีน
00:40:37 → 00:40:40 กำลังดีแต่ถ้าถั่วเปลือกอ่อนแป้งสูงอื
00:40:41 → 00:40:45 โปรตีนกำลังดีไม่มีไขมันอือ่าเพราะฉะนั้น
00:40:45 → 00:40:46 เนี่ยก็ต้องเลือกเอาถ้าเราอยากได้ไขมันดี
00:40:46 → 00:40:49 กับได้โปรตีนก็กินถั่วเปือแข็งดีกว่า
00:40:49 → 00:40:52 คอเลสเตอรอลไม่ใช่ผู้ร้ายนะคะแล้วผู้ร้าย
00:40:52 → 00:40:54 ที่แท้จริงคืออะไรคะคุณหมอผู้ร้ายที่แท้
00:40:54 → 00:40:57 จริงก็คือนิสัยของเราครับอืมอืคือต้องบอก
00:40:58 → 00:41:00 งี้ฮว่าการที่เราจะมีสุขภาพดีไปตลอดชีวิต
00:41:00 → 00:41:02 ได้เนี่ยเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไรยิ่ง
00:41:02 → 00:41:04 ใหญ่เราเปลี่ยนแค่นิสัยเล็กๆน้อยๆวันละ
00:41:04 → 00:41:07 นิดวันละหน่อยแค่นั้นเองแล้วเราก็จะมี
00:41:07 → 00:41:10 ชีวิตที่ดีขึ้นอืเช่นปกติเราไม่ค่อยดื่ม
00:41:10 → 00:41:12 น้ำเราตื่นมาปุ๊บเราดื่มน้ำเลย 1 แก้วทุก
00:41:12 → 00:41:15 วันก่อนอาหารเราดื่มน้ำ 1 แก้วหลังอาหาร
00:41:15 → 00:41:18 ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนอาบน้ำดื่มน้ำ 1 แก้ว
00:41:18 → 00:41:20 หลังอาบน้ำดื่มน้ำ 1 แก้วแค่นี้วันนึงเรา
00:41:20 → 00:41:22 ดื่มน้ำได้ 10 แก้วมันเปลี่ยนแค่นิดเดียว
00:41:22 → 00:41:25 เองนะอ่าหรือว่าเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้อง
00:41:25 → 00:41:28 ออกกำลังกายหนักมากทุกวันเราแค่เดินให้
00:41:28 → 00:41:31 มากขึ้นกว่าเดิมในทุกๆวันจากปกติเราไม่
00:41:31 → 00:41:33 ลุกเดินไปไหนเลยเราก็เปลี่ยนเป็นว่าถ้า
00:41:33 → 00:41:35 เราประชุมเราโทรศัพท์แล้วเดินไปเดินมาได้
00:41:35 → 00:41:39 มั้ยอืออ่าขณะที่เรานั่งดูหนังนั่งดู
00:41:39 → 00:41:43 ซีรียส์เราเดินลูปวิ่งแทนได้มยเห็นมั้ยฮะ
00:41:43 → 00:41:46 มันมันดีไซน์ได้หมดเลยหรือการนอนปุ๊บ
00:41:46 → 00:41:48 เนี่ยถ้าปกติเนี่ยเรานอนแย่มากเลยเราก็
00:41:48 → 00:41:50 กระเถิบทีละครึ่งชั่วโมงได้ไหปรับเปลี่ยน
00:41:50 → 00:41:53 ชีวิตเราทีละนิดการกินอาหารเลือกของที่ดี
00:41:53 → 00:41:55 เพิ่มขึ้นทีละนิดเอาของที่แย่ออกไปทีละ
00:41:55 → 00:41:58 หน่อยอืคิดรไม่ออกให้ไปจัดครัวที่บ้าน
00:41:58 → 00:42:02 ก่อนให้ไปจัดของที่อยู่ใกล้มือเราก่อนถ้า
00:42:02 → 00:42:04 เกิดที่บ้านดีครัวดีทุกอย่างดีเดี๋ยว
00:42:04 → 00:42:07 ชีวิตเราจะดีเองอแล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่
00:42:07 → 00:42:09 นิสัยเราดีขึ้นวันละนิดวันละนิดชีวิตเรา
00:42:09 → 00:42:12 จะดีขึ้นทุกวันคือใครก็ตามที่ต้องการหา
00:42:12 → 00:42:14 ทางลัดให้ชีวิตดีให้สุขภาพดีให้
00:42:14 → 00:42:16 คอเลสเตอรอลต่ำผมบอกไม่ต้องไปหาทางรัด
00:42:16 → 00:42:20 หรอกทำชีวิตให้ดีกินให้ดีแป้งต่ำน้ำตาล
00:42:20 → 00:42:25 ต่ำโปรตีนพอดีพอๆไขมันดีสูงค่ะแล้วก็ทำไ
00:42:25 → 00:42:28 เท่าที่เราโอเคกำลังแฮปปี้อย่างส่วนตัวผม
00:42:28 → 00:42:31 แนะนำคนทั่วไปก็ 16-8 ก็กำลังสวยค่ะหรือ
00:42:31 → 00:42:34 ว่า 14 10 ก็ได้แล้วแต่ถนัดต่อมาก็
00:42:34 → 00:42:37 เรื่องของการขยับร่างกายขยับร่างกายให้
00:42:37 → 00:42:40 มากวันนึงก็เดินได้อย่างน้อย 8,900 อืก็
00:42:40 → 00:42:42 แค่นี้เองอันต่อมาก็เรื่องนอนอย่างน้อย
00:42:42 → 00:42:47 นอนให้ได้อย่างแย่ขอ 6 ชมงให้ดี 7-8 ชม
00:42:47 → 00:42:51 โดนแดดบ้างแล้วก็รีกบ้างค่ะแค่เนี้ยทุก
00:42:51 → 00:42:53 อย่างก็โอเคอย่าไปคิดว่าคอเลสเตอรอลมันทำ
00:42:53 → 00:42:56 ให้ชีวิตเราแย่ที่ทำให้ชีวิตเราแย่จริงๆ
00:42:56 → 00:42:58 คือนิสัยของของเราที่มันไม่ดีต่างหากที่
00:42:58 → 00:43:00 มันทำให้ชีวิตเราแย่เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่
00:43:00 → 00:43:03 ก็ตามที่เราอยากจะมีชีวิตที่ดีไม่ต้องตาม
00:43:03 → 00:43:06 หาของพิเศษครับค่ะตามหาแค่นิสัยเล็กๆน้อย
00:43:06 → 00:43:08 ๆที่มันจะเปลี่ยนเราไปทุกๆวันแค่นี้เองอื
00:43:08 → 00:43:12 ครับยากตรงเแหละคุณ
00:43:12 → 00:43:15 หมอฝากติดตาม on the way with ชมด้วย
00:43:15 → 00:43:17 นะคะแล้วก็อย่าลืมกดไลคกดแชร์กดด
00:43:17 → 00:43:19 Subscribe นะคะทั้งทาง YouTube แล้วก็
00:43:19 → 00:43:21 Facebook นะคะแล้วก็อย่าลืมกดกระดิ่ง
00:43:21 → 00:43:24 แจ้งเตือนด้วยนะคะจะได้ไม่พลาดสาระดีๆจาก
00:43:24 → 00:43:29 ทางไ doot ค่ะขอไลค์รัวๆเลยนะคะคะ
00:43:29 → 00:43:33 [เพลง]