00:00:00 → 00:00:02 หนึ่งในการกินลเมงให้สนุกของญี่ปุ่นคือ
00:00:02 → 00:00:04 การสูด
00:00:04 → 00:00:07 เส้นพอซูดเข้าไปเนี่ยถ้าเราใช้ส่อมมันก็
00:00:07 → 00:00:10 ซูดไม่ได้ถ้าเรากินเป็นช้อนมันก็หมดเข้า
00:00:10 → 00:00:13 ไปเลยแล้วถามว่าทำไมเราถึงต้องใช้ตะเกียบ
00:00:13 → 00:00:15 มันก็จะย้อนกลับไปอีกว่าแล้วซูตเส้นไป
00:00:15 → 00:00:18 ทำไมญี่ปุ่นทำไมเถึงซูตเส้น
00:00:18 → 00:00:21 ใครที่อยากรู้จักวิธีการกินลาเมงแบบมือ
00:00:21 → 00:00:23 โปรต้องดู East Direction Ep นี้เลย
00:00:23 → 00:00:25 ครับผมกลับมาที่ชินโดราเมงอีกครั้งเพื่อ
00:00:25 → 00:00:28 ให้คุณโจกับคุณดิวคนที่ผมว่าเป็นเนิรมง
00:00:28 → 00:00:30 ที่สุดในประเทศ
00:00:30 → 00:00:32 สอนวิธีการกินลาเม็งเริ่มตั้งแต่การจับ
00:00:32 → 00:00:36 ตะเกียบการสูดเส้นแบบญี่ปุ่นและวิธีกิน
00:00:36 → 00:00:38 ลาเมง 1 ชามให้ได้อรถรสที่สุดรวมถึง
00:00:38 → 00:00:40 มารยาทเบื้องต้นในการเข้าร้านลาเมงที่
00:00:40 → 00:00:43 ญี่ปุ่นทั้งหมดที่ว่ามาติดตามได้ใน EP
00:00:43 → 00:00:46 นี้เลย
00:00:46 → 00:00:49 ครับ Eat Direction คุยกับคนในวงการ
00:00:49 → 00:00:55 อาหารว่าเราควรกินอะไรถึงจะ
00:00:55 → 00:00:57 [เพลง]
00:00:57 → 00:01:01 ดีผมเพิ่งไปญี่ปุ่นมาล่าสุดเองครับแล้วก็
00:01:01 → 00:01:04 ไปร้านลำเองหลายๆร้านก็ตามคุณโจคุณดิวไป
00:01:04 → 00:01:09 ฮะแล้วก็รู้สึกว่าเออมันมันเริ่มเข้าไป
00:01:09 → 00:01:12 แล้วมันมีความเกร็งโอแล้วรู้สึกว่าเฮ้ยคน
00:01:12 → 00:01:14 ญี่ปุ่นเาซีเรียสกับการกินลาเม็งแค่ไหนก็
00:01:14 → 00:01:17 ไม่รู้แต่ว่าหน้าร้านเนี่ยจะมีแบบป้าย
00:01:17 → 00:01:19 นู่นนี่เต็มไปหมดเลยอ่ะที่ผมอยากรู้เลย
00:01:19 → 00:01:24 อ่ะอย่างแรกคือมารยาทในการเข้าไปในร้าน
00:01:24 → 00:01:27 ราเม็งเนี่ยมันจะจำเป็นต้องมีมยแล้วก็มัน
00:01:27 → 00:01:31 จะมีอะไรบ้างโอเริ่มจากมารยาทในการเข้า
00:01:31 → 00:01:33 ร้านก่อนนี้คุณอืส่วนใหญ่ส่วนใหญ่แต่ละ
00:01:33 → 00:01:35 ร้านก็จะมีกฎระเบียบไม่เหมือนกันจริงหน้า
00:01:35 → 00:01:38 ร้านจะเขียนบอกบางทีก็บอกด้วยตัวหนังสือ
00:01:38 → 00:01:41 ที่อ่านไม่ออกเลยกับมีรูปเป็นตัวการ์ตูน
00:01:41 → 00:01:43 เหมือนเค้าเรียกอะไรเป็นสัญลักษณ์
00:01:43 → 00:01:45 สัญลักษณ์ต่างๆแต่โดยรวมมันจะมีแบบ mutual
00:01:45 → 00:01:48 คือเป็น visual ที่ของที่ทุกคนรู้ร่วมกัน
00:01:48 → 00:01:51 น่ะไม่ใช่มันเหมือนกับวัฒนธรรมมันหล่อ
00:01:51 → 00:01:53 หลอมให้มันจะมีแนวคิดบางอย่างที่มันเป็น
00:01:53 → 00:01:57 ฟิกสำหรับคนญี่ปุ่นอยู่ 1 ห้ามเอารถเข็น
00:01:57 → 00:02:00 หรือแบบของอะไรเข้ามาในร้านเพราะร้านเรา
00:02:00 → 00:02:01 มีส่วนใหญ่เป็นร้านเล็กคือพอพูดเรื่อง
00:02:01 → 00:02:03 ประเด็นเนี้ยมันก็จะเริ่มเข้ามาสู่ว่าถ้า
00:02:03 → 00:02:06 เอารถเข็นเข้ามาไม่ได้นั่นเท่าว่าเด็ก
00:02:06 → 00:02:09 อายุถ้าขึ้นรถเข็นนี่ต้องอายุถึงเท่าไหร่
00:02:09 → 00:02:12 3 ขวบเท่าที่ผมรู้คือเด็กต้องนั่งแล้ว
00:02:12 → 00:02:13 กินเองได้ 1 ชาเพราะฉะนั้นเพราะฉะนั้นมัน
00:02:14 → 00:02:16 เลยกลายเป็นเหมือนบังคับไปว่าถ้าเด็กจะ
00:02:16 → 00:02:18 เข้ามาเนี่ยเด็กจะต้องเข้ามานั่งกินลาเมน
00:02:18 → 00:02:21 ถ้วยนึงทันทีไอ้การที่จะมากิน 1 ถ้วยเต็ม
00:02:21 → 00:02:24 ๆเนี่ยอายุก็จะต้องมากกว่าปกตินิดนึงก็
00:02:24 → 00:02:27 คือแน่นอนว่าจะไม่ใช่แบบเอ่อทารกไม่เกิน 1
00:02:27 → 00:02:30 ขวบอย่างลูกตัวเอง 1 ขวบ 5 3-4 เดือน
00:02:30 → 00:02:33 เนี้ยก็ยังแบบกินไม่ได้ยังทานแบบอาหาร
00:02:33 → 00:02:37 ปกติไม่ได้เข้าไปก็คือจะไม่ได้จะขึ้นกับ
00:02:37 → 00:02:40 ร้านแต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นเอ่อกลุ่มที่เ่อสิ
00:02:40 → 00:02:43 นิดนึงคือหมายความว่าเจ้าของคุณเองแล้วก็
00:02:43 → 00:02:46 เอ่อมีพนักงานบริกรด้านหน้าหรือว่าคนต้อน
00:02:46 → 00:02:50 รับไม่มีเลยบางคนก็แบบรับเองรับออเดอร์
00:02:50 → 00:02:53 เองทำเองล้างจานเองคือมีอยู่คนเดียวเพราะ
00:02:53 → 00:02:55 ฉะนั้นเขาจะดูแลในส่วนพวกเนี้ยไม่ได้ไม่
00:02:55 → 00:02:58 ไหวอันนี้คือร้านลาเม็งจริงๆร้านลาเมงมัน
00:02:58 → 00:03:00 มีหลายประเภทมากเลยใช่มั้มันมีทั้งแบบใช่
00:03:00 → 00:03:03 กลุ่มที่เป็นเอ่อ Business Business ก็
00:03:03 → 00:03:05 คือร้านลาเมงที่แบบคนทั่วไปเข้าไปกินเยอะ
00:03:05 → 00:03:08 เป็นส่วนใหญ่ของร้านที่ญี่ปุ่นแล้วก็
00:03:08 → 00:03:09 เมื่อกี้เราที่คนเราคุยกันเนี่ยอาจจะเป็น
00:03:09 → 00:03:13 คนที่เขาค่อนข้าง operate one man โชว์
00:03:13 → 00:03:17 อืทำเองก็จะเป็นเรียกว่าอเมงก็จะมีร้าน
00:03:17 → 00:03:20 ชื่อคามิก็คือร้านเนี้ยก็คือจริงๆอ่ะผม
00:03:20 → 00:03:23 เคยดูสารคดีเ้าเก็พูดว่าคือเผอิญเขารัก
00:03:23 → 00:03:26 เด็กจริงๆเขาก็ถ้าเพูดว่าร้านบริเวณเป็น
00:03:26 → 00:03:29 ร้านราเมนรอบตัวเ้าทั้งหมดอ่ะไม่ไม่ต้อง
00:03:29 → 00:03:31 ไม่ให้เด็กตัวเล็กๆเข้ามาเพราะฉะนั้นแต่
00:03:31 → 00:03:34 ว่าร้านเ้าเบอกว่าเาแบบยาซัชี่เคือใจดี
00:03:34 → 00:03:37 ต่อเด็กเพราะฉะนั้นพอเด็กเข้ามาเขาก็โอเค
00:03:37 → 00:03:40 มาเลยแล้วก็ให้เอาถ้วยแบ่งยอมชื่อคมีก็
00:03:40 → 00:03:43 คือเป็นร้านที่ใช่ก็คือยอมรับได้กับสิ่ง
00:03:43 → 00:03:47 นี้ก็มีมันคือว่าจริงๆมันไม่ได้แบบเป็นกด
00:03:47 → 00:03:49 ตายตัวอะไรมากมายหรอกครับว่าอย่างมีด่าก็
00:03:49 → 00:03:52 เหมือนมีโต๊ะแบบ table Family แต่มันมี
00:03:52 → 00:03:55 อยู่รอบนึงผมไปกินอจิไซที่อยู่นาโก่าอตอน
00:03:55 → 00:03:57 บุ๊กปุ๊บมันก็เหมือนจะมีบอกได้ว่าแบบเอา
00:03:57 → 00:03:59 เด็กไปด้วยเขาก็คาดหวังให้เด็กมากินอย่าง
00:03:59 → 00:04:02 ผมไป 5 คนครอบครัวเขาบอก 2 คนเข้ามาก่อน
00:04:02 → 00:04:05 ผมต้องเลือกลูก 1 คนเข้ามากินกับผมก่อน
00:04:05 → 00:04:07 แล้วอีก 3 คนไปนั่งที่เคาน์เตอร์ผมเริ่ม
00:04:07 → 00:04:09 รู้สึกแล้วว่าแบบมันไม่ได้แบบออได้นั่ง
00:04:09 → 00:04:11 เป็น 4 เทเบิลแบ่งกันกินเหมือนกันทุกคนก็
00:04:11 → 00:04:14 ต้องสั่งอย่างละ 1 แล้วผมก็ต้องแบ่งช่วย
00:04:14 → 00:04:16 กันกิน 5 ชามทั้งๆที่เด็กเกินไม่ถึงชาม
00:04:16 → 00:04:18 อะไรเงี้ยครับอืก็คือต้องสั่งให้ครบจำนวน
00:04:18 → 00:04:21 คนใช่ใช่มั้ยฮะเมื่อกี้รถเข็นที่บอกเนี่ย
00:04:21 → 00:04:23 มันคือรถเข็นเด็กถูกป่ะใช่ครับคือจริงๆ
00:04:23 → 00:04:28 พูดถึงอ่าอ่าคพูดถึงคิบอร์ดหรือแบบคือ
00:04:28 → 00:04:31 สกูตเตอร์หรืออาจจะคิดอีกหลายเรื่องอ่ะ
00:04:31 → 00:04:34 ครับว่ามันจะหายมั้ยหรือมันจะแบบเราดูแล
00:04:34 → 00:04:37 ไม่ได้มันจะมันจะเสียหายเราคือแบบคุณหมี
00:04:37 → 00:04:40 ไปอะไรนะtoอยเออหรือร้านบางร้านคุณหมีรู้
00:04:41 → 00:04:43 สึกได้ว่าถ้าคุณหมีมีกระเป๋าสัมภาระในพัง
00:04:43 → 00:04:46 ใหญ่ๆเข้าไปเนี่ยคือตอนออกเนี่ยแทบจะแบบ
00:04:46 → 00:04:47 ดันคนข้างหลังนิดนึงแล้วบอกขอโทษครับขอ
00:04:47 → 00:04:51 โทษครับกระดึ๊บออกมาเนี่ยเกิดได้นั่งใน
00:04:51 → 00:04:53 สุดขึ้นมาเงี้ยมันหมายถึงตัวกระเป๋าเดิน
00:04:53 → 00:04:56 ทางด้วยใช่มั้เพราะใช่ครับเป็นอุปกรณ์ที่
00:04:56 → 00:04:58 เราถือเข้ามาใช่เพราะเราเห็นบ่อยว่าเราลง
00:04:58 → 00:05:01 เครื่องบางทีเราก็ไปร้านลาเมงเราก็จะลาก
00:05:01 → 00:05:03 กระเป๋าไปอย่างเงี้ยบางร้านมันก็แคบอ่ะ
00:05:03 → 00:05:05 บางร้านรับได้บางร้านรับได้เราอาจจะต้อง
00:05:05 → 00:05:07 ทิ้งไว้ข้างหน้าร้านสีก็แคบนะครับยืนเป็น
00:05:08 → 00:05:11 เหมือนเป็นแบกราoundหลังคือคนที่นั่งกิน
00:05:11 → 00:05:13 อยู่เนี่ยแล้วก็คนที่ยืนรออยู่ตรงเนี้ย
00:05:13 → 00:05:16 เหมือนยืนกดดัน
00:05:16 → 00:05:19 [เพลง]
00:05:19 → 00:05:23 ต่อมาก็เป็นเรื่องโทรศัพท์คุยคุยสื่อสาร
00:05:23 → 00:05:27 หลังในรถไฟครับก็คือคิดว่าการกินก็คือ
00:05:27 → 00:05:29 อยากให้แบบโฟกัสกับสิ่งที่เเหมือนให้
00:05:29 → 00:05:32 เกียรติกับเชฟที่กำลังทำอาหารให้เรากิน
00:05:32 → 00:05:35 การแบบคุยเออแล้วอาหารก็กินไปคำๆนึงแล้ว
00:05:36 → 00:05:39 ก็โหมันก็แล้วก็อีกอย่างนึงคือน่าจะรบกวน
00:05:39 → 00:05:42 คนที่อยู่ด้านข้างที่กำลังกินอยู่แล้วก็
00:05:42 → 00:05:44 ไอ้นี่คุยโทรศัพท์อะไรเงี้ยซึ่งมันก็จะ
00:05:44 → 00:05:47 ทำลายสมาธิหรือรบกวนคนอื่นด้วยอะไรเงี้ย
00:05:47 → 00:05:50 ผมเคยเจอเคสที่เบากว่านั้นนะคือแค่ได้นะ
00:05:50 → 00:05:53 แต่ถ้าอาหารมาแล้วต้องหยุดทุกอย่างอืแต่
00:05:53 → 00:05:55 ก็หลักว่าเรื่องโทรศัพทน่าจะเป็นเรื่องรบ
00:05:55 → 00:05:58 กวนคนอื่นรอบข้างมากกว่าอก็เรื่องมารยาท
00:05:58 → 00:06:00 ในการทำให้มันมีเสียงดังมากเพราะว่า
00:06:01 → 00:06:02 ญี่ปุ่นด้วยแหละครับแต่เค้าก็นั่งเล่น
00:06:02 → 00:06:04 โทรศัพท์กันนะโดยปกติอันนี้ไม่น่าเป็นไร
00:06:04 → 00:06:07 หมายถึงว่านั่งเล่นโทรศัพท์ไม่เป็นไรแล้ว
00:06:07 → 00:06:10 ก็ก็จะมีกลุ่มที่แบบถ่ายรูปอ่ะเค้าก็จะ
00:06:10 → 00:06:13 เริ่มถามว่าเฮ้ยคุณถ่ายรูปคุณถ่ายรูป
00:06:13 → 00:06:15 เนี่ยเค้าบอกเลยว่าถ่ายได้แค่อาหารนะห้าม
00:06:15 → 00:06:18 ถ่ายติดคนห้ามถ่ายติดลูกค้าคนอื่นห้าม
00:06:18 → 00:06:21 ถ่ายติดร้านอืเก็จะค่อนข้างพูดชัดเจนไม่
00:06:21 → 00:06:23 ได้เป็นเฉพาะร้านลเมงด้วยครับหลายๆร้าน
00:06:23 → 00:06:25 ส่วนใหญ่ร้านอาหารญี่ปุ่นก็แล้วแต่นโยบาย
00:06:25 → 00:06:28 แหละแต่ว่าก็เกือบหมุนไงว่าจริงๆก็คือถาม
00:06:29 → 00:06:30 ก่อนแหละว่าถ่ายได้มั้ยคือถ้าคุณถ่าย
00:06:30 → 00:06:32 อาหารตัวเองอ่ะจริงๆก็คือไม่มีใครว่าหรอก
00:06:33 → 00:06:36 คือคุณถ่ายได้มันเรื่องของคุมแต่ฮึบๆถ่าย
00:06:36 → 00:06:39 นู่นถ่ายนี่จริงๆมีร้านลเมนเมื่อก่อน
00:06:39 → 00:06:44 โซลาโนอิโรร้านนึงไม่ถ่ายอาหารด้วยอ
00:06:44 → 00:06:46 เราก็โดนอันนี้คือร้านที่เป็นร้านร้าน
00:06:46 → 00:06:50 ใหม่ๆร้านกสุดท้ายสุดท้ายก็ปิดไปก็คือเ้า
00:06:50 → 00:06:53 แบบสติมากคือแบบไม่อยากให้อยากให้เข้าไป
00:06:53 → 00:06:56 แล้วเข้าไปเสพงานศิลปะของเขาแล้วก็ทุกคน
00:06:56 → 00:06:59 จะไม่มีรูปยกเว้นรูป official ที่เขาปัก
00:06:59 → 00:07:02 แปะไว้คือถ้าคุณอยากได้รูปคุณไปถ่ายรูป
00:07:02 → 00:07:04 ที่เป็น official
00:07:04 → 00:07:06 [เพลง]
00:07:06 → 00:07:08 ก็มีอีกหลายข้อหลายข้อนึงก็คือว่า 1 คน
00:07:09 → 00:07:12 สั่ง 1 ชามส่วนไอ้ที่เลนชัวแล้วแต่แต่มัน
00:07:12 → 00:07:16 ก็มีนะอันนี้แล้วแต่กดเพราะบางบางร้านก็
00:07:16 → 00:07:19 ยอมให้เลนส์โชคุซ้ำเบิ้ลได้แต่ว่าส่วน
00:07:19 → 00:07:24 ใหญ่แล้วถ้าเอ่อเค้าคงคำนึงถึงว่าการที่
00:07:24 → 00:07:27 มีคนเข้ามาแล้วต้องต่อแถวรออ่ะการกินหลาย
00:07:27 → 00:07:30 ๆชามต่อเนื่องมันจะทำให้ค่อนข้างจะรบกวน
00:07:30 → 00:07:34 เวลาการยืนรอของคนอื่นก็เลยคิดว่าเหมือน 1
00:07:34 → 00:07:36 ครั้ง 1 อิ่มจบแล้วก็คือให้คนอื่นให้
00:07:36 → 00:07:38 โอกาสคนอื่นบ้างอะไรเงี้ยมากกว่าครับที่
00:07:38 → 00:07:41 ฟังดูมี 2 ประเด็นก็คือเข้าไปเนี่ยสมมุติ
00:07:41 → 00:07:42 ว่าเรามา 2 คนเราสั่งชามเดียวแบ่งกัน
00:07:42 → 00:07:45 เนี่ยไม่ใช่ไม่ได้แน่ๆก็ 1 ชนต่อ 1
00:07:45 → 00:07:48 ชิงอาหารญี่ปุ่นน่าจะทุกร้านนะครับเดิน
00:07:48 → 00:07:51 เข้าไปแล้วก็ 1 ต้องอย่างน้อยๆกินอย่าง
00:07:51 → 00:07:52 คากิโกริเดินเข้าไปก็
00:07:53 → 00:07:55 คือน้ำแข็งใส่เข้าไปก็ยังต้อง 1 ถ้วยเลย
00:07:55 → 00:07:57 เพราะว่าสำหรับ 1 ที่ส่วนใหญ่เจะไม่ว่า
00:07:57 → 00:08:00 ไม่ว่าคุณจะไม่กินน้ำแข็งใส่แต่คุณสั่ง
00:08:00 → 00:08:02 ไอติมมา 1 สกุปคุณรู้สึกว่ากินก็ก็คือได้
00:08:02 → 00:08:05 ใช่แต่ส่วนสั่งเกินเนี่ยแล้วแต่ร้านไม่
00:08:05 → 00:08:07 ใช่ว่าทุกร้านเโอเคถ้าเราจะไปสั่ง 2 ชาม
00:08:07 → 00:08:10 นะใช่เมื่อก่อนก็คือแบบสิมากเรื่องเรื่อง
00:08:10 → 00:08:12 แบบเรื่องการต่อแถวเพราะว่าคิดว่าแบบ
00:08:12 → 00:08:15 เพื่อเพื่อความเร็วในการไม่ใช่แบบมายืนรอ
00:08:15 → 00:08:18 โอ๊ 10 คนทำไมนานจังวะข้างหน้าทำไมกิน
00:08:18 → 00:08:20 แล้วไม่ลุกซักทีเบิร์นไป 3 ทีอะไรเงี้ย
00:08:20 → 00:08:21 บอกว่าหิว
00:08:21 → 00:08:24 ฉันนั่งรอนานเพราะปกติเขาจะคำนวณเวลาได้
00:08:24 → 00:08:27 ครับคือเคยไปอยู่ร้านนึงเขาจะนับคนเลย 1
00:08:27 → 00:08:30 2 3 4 5 6 แล้วเก็มองนาฬิกาเคิดว่า
00:08:30 → 00:08:32 น่าจะบวกคนเราประมาณอย่างน้อย 6-7 นาที
00:08:32 → 00:08:35 ต่อคนเบวกไปเลยว่าฉันจะยืนรอเท่าไหร่อไม่
00:08:35 → 00:08:38 ไหวแล้วไปดีกว่าอะไรอย่างเงี้ยคือเขาจะ
00:08:38 → 00:08:41 คำนวณเวลาได้ว่าคนกินทุกคนจะรู้หน้าที่
00:08:41 → 00:08:42 ว่าเดินเข้าไปในร้านรามเป็น 1 ล้านน่ะจะ
00:08:43 → 00:08:44 ใช้เวลาประมาณอย่างน้อยๆก็ไม่เกิน 10
00:08:44 → 00:08:47 นาทีเพราะฉะนั้นถ้าเห็น 10 คนก็บวกไปเลย
00:08:47 → 00:08:49 ครับ 10* 10 อื
00:08:49 → 00:08:52 [เพลง]
00:08:52 → 00:08:55 ข้อต่อไปก็คืออ่าเรื่องของการที่กันที่
00:08:55 → 00:08:59 ให้คนอื่นมาสมมุติว่าต่อแถวอยู่ดีๆหายไป
00:08:59 → 00:09:02 ออกจากแถวไปแล้วก็คือตอนคิวอ่ะเขาจะบอก
00:09:02 → 00:09:05 เลยคุณมายืนให้ครบออถ้าถึงเวลาถึงคิวคุณ
00:09:05 → 00:09:08 แล้วคุณไม่ครบไปต่อแถวใหม่อออืแล้วจริงๆ
00:09:08 → 00:09:11 ก็ไล่ไปถึงการรออ่ะระหว่างรอห้ามเอา
00:09:11 → 00:09:14 เก้าอี้พับบางที่อาจจะห้ามนั่งเกะกะบาง
00:09:14 → 00:09:16 ที่ห้ามยืนห้ามห้ามนั่งกับพื้นก็ด้วยะ
00:09:16 → 00:09:19 ห้ามนั่งกับพื้นแบบเมื่อยอ่ะไม่ได้ตกใจนะ
00:09:19 → 00:09:21 ตกใจว่ามีคนนั่งกับพื้นระหว่างรอด้วยและ
00:09:21 → 00:09:24 มีคนเอาเก้าอี้ผ้าใบเก้าอี้แบบเก้าอี้
00:09:24 → 00:09:27 เก้าอี้พกอ่ะมานั่งแล้วก็ซึ่งก็ห้ามด้วย
00:09:27 → 00:09:29 นะเพราะมันแต่ก็ดูไม่ได้เป็นเรื่องแบบ
00:09:29 → 00:09:31 เสียงเพราะว่าบางทีมันอยู่กลางถนนไงครับ
00:09:31 → 00:09:33 บางทีบางทีมันยืนอยู่ถนนน่ะเราก็อยู่ๆ
00:09:33 → 00:09:36 กลางเก้าอี้มาใช่มันดูส่วนใหญ่จะเป็นต่าง
00:09:36 → 00:09:38 ชาติญี่ปุ่นไม่กล้าทำเพราะว่าถ้าถ้าทำ
00:09:38 → 00:09:40 แล้วพูดภาษาญี่ปุ่นด้วยอาจจะโดนมองว่าที่
00:09:40 → 00:09:42 เดียวที่ทำเนี่ยผมมันจะมีบางร้านที่แบบ
00:09:42 → 00:09:45 อยู่ที่ไกลๆแล้วเ้าให้นั่งไลอ่ะให้อ่าไป
00:09:46 → 00:09:48 ต่อตั้งแต่ 2:00 น.เนี่ยเให้นั่งคุณจะเ
00:09:48 → 00:09:52 ให้แค่นั้นนะแต่ส่วนใหญ่จะให้ยืนส่วนใหญ่
00:09:52 → 00:09:55 ๆคือร้านที่ฟูกูโอกะใช่มั้ฮะคือร้านอัน
00:09:55 → 00:09:57 นี้คือเปิดตั้งแต่เที่ยงคืน 1 2:00 น.
00:09:57 → 00:10:00 เนี่ยอ๋อไม่ไม่ใช่เราไปต่อคิวเพื่อกินตอน
00:10:00 → 00:10:02 เช้าครับเปิดร้านที่ 5:00 น.ก็เหมือนไป
00:10:02 → 00:10:05 นั่งแคมปิ้งอ่ะไปนั่งแคมปิ้งแล้วอันนั้น
00:10:05 → 00:10:07 คืออาจว่าร้านไหนอนุญาตเมื่อกี้เราพูดถึง
00:10:08 → 00:10:09 อันนี้คือพูดถึงนอกร้านด้วยนะครับถ้าใน
00:10:09 → 00:10:12 ร้านคือเข้าไปแล้วก็สมมุติว่า 3 คนบอกโอ้
00:10:12 → 00:10:14 ชั้น 3 คนนะครับแต่อีกคนนึงเดี๋ยวเดิน
00:10:14 → 00:10:17 เข้ามารออีกแป๊บนึงไม่ได้คือเข้าก็ต้อง
00:10:17 → 00:10:19 เข้ามาพร้อมกันหมดบอก 3 คนก็ต้องมี 3 คน
00:10:19 → 00:10:23 ปรากฏตัวถ้าอยากกินเลยให้ทิ้งเพื่อนออแน่
00:10:23 → 00:10:27 นอนเพื่อนก็ไปต่อมาเออใช่เพลงเออมันเป็น
00:10:27 → 00:10:30 แบบอ่ะข้อต่อไปครับข้อต่อไปก็จะเป็นสลับ
00:10:30 → 00:10:31 คนในแถว
00:10:32 → 00:10:34 หมายถึงก็เหมือนเมื่อกี้ก็คล้ายๆกันเป็น
00:10:34 → 00:10:36 เรื่องการสลับคนในแถวหมายถึงว่าสมมุติไป
00:10:36 → 00:10:39 ยืนต่อแล้วไปไขว้มาแล้วก็ไปเอาคนจากข้าง
00:10:39 → 00:10:41 หลังขึ้นมาอยู่ข้างหน้าอะไรเงี้ยสมมุติมา
00:10:41 → 00:10:43 เป็น 2 กรุ๊ปเงี้ยเราสลับไปสลับมาก็ไม่
00:10:43 → 00:10:46 ได้เหมือนกันใช่ก็คือยืนยังไงก็ต้องยืน
00:10:46 → 00:10:48 อย่างงั้นเขาจะนับแล้วก็เ้าจำหน้ากันเก่ง
00:10:48 → 00:10:52 นะครับว่าคนนี้แบบเป็นใครๆอะไรเงี้ยคนคน
00:10:52 → 00:10:55 จดคิ้วสงสัยจดลักษณะจุดเด่นของคนด้วยหรือ
00:10:55 → 00:10:57 เปล่าเพราะบางคนคือสตริกมากแบบห้าม
00:10:57 → 00:10:59 เปลี่ยนด้วยอ๋อเาจะจำได้ว่าแบบเอ้าคุณมา 1
00:11:00 → 00:11:02 คนหรือคุณมาคุณคุณเมื่อกี้คุณบอกผม 2 คน
00:11:02 → 00:11:05 เมื่อกี้คุณบอก 1 คนทำไมคุณมีอะไรพวก
00:11:05 → 00:11:07 เนี้ยเก็คืออย่าเพิ่มจำนวนกระทันหันอย่า
00:11:07 → 00:11:10 ไปเอาคนที่อยู่ข้างหลังมาแทนคนนี้ใช่หรือ
00:11:10 → 00:11:12 มาช้าแล้วก็มาแทรกแวบเข้าไปอย่างเงี้ย
00:11:12 → 00:11:15 จริงๆไม่ได้จริงๆอันนั้นก็สากลมากเลยนะ
00:11:15 → 00:11:17 ครับเหมือนการแทรกคิวใช่
00:11:17 → 00:11:20 [เพลง]
00:11:20 → 00:11:23 แล้วก็จะมีเรื่องอย่าแjustของเยอะแjust
00:11:23 → 00:11:27 ของคืออะไรครับขอเส้นนิ่มซุปเค็มน้อยน้ำ
00:11:27 → 00:11:31 มันน้อยหมู 2 ชิ้นอ้าก็คือเขาจะเหตุการณ์
00:11:31 → 00:11:34 แบบเเขียนเลยเพราะว่าเบอกว่าบาanceซีไซน์
00:11:34 → 00:11:37 มาแล้วอ่ะเออกแบบมาแล้วเราไม่อยากให้มัน
00:11:37 → 00:11:40 เขียนเเอยากให้มันเบสทุกข้อเี่คือแล้วแต่
00:11:40 → 00:11:42 ร้านครับแต่ว่าถ้าจุดประสงค์ทุกร้านก็คง
00:11:42 → 00:11:45 อยากจะทำให้ราเมนเราออกไปสมบูรณ์ที่สุด
00:11:45 → 00:11:48 เท่าที่เราเคยกินมาแล้วอาจจะไม่เคยกิน 25%
00:11:48 → 00:11:50 บ่อยมากบางคนอาจจะเชื่อว่าเนี่ยสมบูรณ์
00:11:50 → 00:11:53 บางคนอาจเชื่อว่าสิ่งที่ลูกค้าอยากกินน่ะ
00:11:53 → 00:11:55 สมบูรณ์ฉะนั้นมันก็แล้วแต่ร้านแล้วถ้า
00:11:55 → 00:11:58 เกิดสมมุติว่าเราเราไม่ได้อยากกินเส้นหมด
00:11:58 → 00:12:00 อ่ะครับเราขอลดเส้นก็ไม่ได้ด้วยเนี่ยเรา
00:12:00 → 00:12:03 ควรทำยังไงกับมันมีวิธีนึงครับเอ่อที่เ้า
00:12:03 → 00:12:07 บอกว่ากินเส้นให้หมดเหลือซุปได้ลเมงเบส
00:12:07 → 00:12:09 มันเป็นอาหารที่ดีไซน์มาเพื่อให้กินเส้น
00:12:09 → 00:12:12 อ๋อใช่แต่แบบส่วนใหญ่เราจะกินเส้นกันไม่
00:12:12 → 00:12:15 ไหวเนอะถึงจะขอลดเส้นซุปนี่ไม่ค่อยได้ขอ
00:12:15 → 00:12:18 รถเท่าไหร่ใช่ซึ่งจริงๆมันก็ช่วยไม่ได้
00:12:18 → 00:12:20 แหละถ้ากินไม่หมดอ่ะครับแต่ว่าเ้าก็จะจำ
00:12:20 → 00:12:22 ไว้ว่า
00:12:22 → 00:12:24 อันนี้อยู่ที่คเneกช
00:12:24 → 00:12:26 อยู่ที่ว่าคุณจะมีคนคุณจะไปอีกรอบหรือ
00:12:26 → 00:12:28 เปล่าแต่ว่าอ่ะมารยาทส่วนใหญ่ถ้าเป็นคน
00:12:28 → 00:12:31 ญี่ปุ่นเองเขาจะเรียกว่าไม่ไม่ค่อยปรับ
00:12:31 → 00:12:34 อะไรจากเชฟเท่าไหร่ละครับคืออาจจะบอก
00:12:34 → 00:12:36 ญี่ปุ่นคิดมากแหละพอเป็นคนคิดมากเค้าก็จะ
00:12:36 → 00:12:39 แบบอืกินเหลือเจะรู้สึกอะไรมั้ยยังไงมั้ย
00:12:39 → 00:12:42 มันก็เลยเป็นที่รู้กันในๆว่าเออกินให้หมด
00:12:42 → 00:12:44 แต่ถ้ามันกินไม่หมดกินเส้นหมดเหลือซุปไท
00:12:44 → 00:12:47 ก็ยังพอเข้าใจได้อะไรอย่างงั้นมั้งแต่ว่า
00:12:47 → 00:12:49 เอ่อบางร้านเนี่ยเค้าก็จะมีอยู่ในตู้กดนะ
00:12:49 → 00:12:51 เเวลาเข้าไปในร้านลเมงมันจะมีตู้ให้กด
00:12:51 → 00:12:54 อยู่บางร้านก็จะเป็นแบบregู่าบางร้านก็จะ
00:12:54 → 00:12:59 มีเพิ่มหมูเพิ่มอันนั้นคือโอเคเซไนปใช่
00:12:59 → 00:13:01 แต่ว่าน้ำซุปกับเส้นยังเท่าเดิมนะครับ
00:13:01 → 00:13:03 โอเคซุปซุส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องที่เพิ่ม
00:13:03 → 00:13:05 ขึ้นอ่าซุปกับเส้นเป็นสิ่งที่เหมือนเขาจะ
00:13:06 → 00:13:08 บาลานซเอาไว้ใช่แล้วว่าควรจะทำก็ขึ้นอยู่
00:13:08 → 00:13:10 กับรูประบบร้านแหละเพราะอย่างสมมุติบาง
00:13:10 → 00:13:12 ร้านน่ะเจ้าของทำคนเดียวอ่ะเดีไซน์ทุก
00:13:13 → 00:13:15 อย่างคำนวณไว้หมดปุ๊บเไม่สามารถจับให้ได้
00:13:15 → 00:13:18 แต่ว่าร้านบางอย่างแบบโอเคฉันอยากหมู
00:13:18 → 00:13:20 เพิ่มฉันอยากจะปรับบางร้านก็ปรับให้ได้
00:13:20 → 00:13:23 เลยเอาเส้นแข็งเส้นเล็กเส้นอะไรเอาจจะมี
00:13:23 → 00:13:26 manual อยู่แล้วแล้วแต่ร้านอื
00:13:26 → 00:13:29 [เพลง]
00:13:29 → 00:13:31 ข้อที่เหลือก็สุดท้ายก็มีเรื่องสลับกัน
00:13:31 → 00:13:34 ถามว่าทำไมถึงไม่ให้สลับกันหมายถึงว่ากิน
00:13:34 → 00:13:37 ๆอยู่แล้วก็อีกชามนึงก็สลับไปเหมือนโดน
00:13:37 → 00:13:40 มูฟไปอ่ะยกออก็คือแบ่งกันกินใช่มั้แบ่ง
00:13:40 → 00:13:43 กันกินมองว่าเก็มองว่ามันอาจจะเกิดผิด
00:13:43 → 00:13:45 พลาดในระหว่างที่ยกแล้ว 6 หรือเปล่าหรือ
00:13:45 → 00:13:50 ว่า error อะไรซึ่งมันอันคอโทรลน่ะครับอื
00:13:50 → 00:13:53 คือพวกนี้มันก็ควบคุมลำบากเกิดยกๆติดตาม
00:13:53 → 00:13:55 พลอ่ะแล้วไปเปื้อนโดนคนอื่นอะไรเงี้ยมัน
00:13:55 → 00:13:58 ก็จะงวดนี้ก็จะเป็นเรื่องใหญ่อาจจะถ้า
00:13:58 → 00:14:01 ร้อนๆลวกมือคนอื่นโดนกันเองอาจจะไม่เป็น
00:14:01 → 00:14:03 ไรแต่โดนคนอื่นเี่อาจจะเดือดร้อนๆเป็นการ
00:14:03 → 00:14:06 เรื่องการอย่าอย่าโยกชามไปชามมาเพื่อที่
00:14:06 → 00:14:09 แบบป้องกันหลายๆอย่างก็เป็นแบบนิดๆหน่อยๆ
00:14:09 → 00:14:11 เนาะแต่ว่าก็ก็เนี่ยมันก็เป็นกฎระเบียบ
00:14:11 → 00:14:14 ที่เขามีอยู่แต่ว่ามันไม่ใช่การแบบห้าม
00:14:14 → 00:14:16 แบ่งกันกินใช่มั้ยหรือการแบ่งห้ามแบ่งกัน
00:14:16 → 00:14:19 กินเนี่ยก็เป็นข้อห้ามอีกแบบนึงแบ่งกัน
00:14:19 → 00:14:22 กินจริงๆอ่ะผมมองว่ามันเทาๆแล้วกันเพราะ
00:14:22 → 00:14:25 ว่าอผมเชื่อว่าญี่ปุ่นก็อาจอาจจะมีบ้าง
00:14:25 → 00:14:28 แหละเพียงแต่ว่าไอดอลเลยอ่ะถ้าถ้าแบบกิน
00:14:28 → 00:14:30 แล้วเราอยากจะแบบไม่ไม่เป๊ะเลยก็คือกิน
00:14:30 → 00:14:34 ชามตัวเองให้หมดอื่มากสุดอ่ะถ้าคิดออกนะ
00:14:34 → 00:14:37 ครับก็คืออาจจะยืมขอตักหน่อยก็ได้แต่ว่า
00:14:37 → 00:14:41 ชามไม่ได้นะก็ตักเชิมแล้วแค่เนี้ยอาจจะพอ
00:14:41 → 00:14:44 ได้มันเทาๆแต่ว่าถ้าเกิดเอาแบบเอาหน้าไป
00:14:44 → 00:14:46 มันก็จะเค้าคงไม่เคงไม่ว่าอะไรมากยกเว้น
00:14:46 → 00:14:49 เราจะแบบเอ้ยเอาซิเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
00:14:49 → 00:14:52 เดี๋ยวฉันกินเพราะว่าอย่างที่บอกอ่า
00:14:52 → 00:14:56 สมมุติลเมง 1 ชามน้ำมันผมตักข้างบนคำผม
00:14:56 → 00:14:58 ขโมยน้ำมันคุณไปหมดแล้วผมอร่อยสุดอยู่คน
00:14:58 → 00:15:01 เดียวในขณะที่อีกคนเขาอาจจะหยิบชาชูหรือ
00:15:01 → 00:15:03 กินไข่ชิ้นเดียวที่เขากะจะให้อาจิเฮนหรือ
00:15:03 → 00:15:06 อะไรพวกเนี้ยซึ่งมันก็เลยเป็นที่มาว่าเขา
00:15:06 → 00:15:07 ก็ไม่ค่อยอยากให้สลับกันกินเท่าไหร่เพราะ
00:15:07 → 00:15:11 ว่ามันจะทำให้อืถ่ายทอดได้ไม่สมบูรณ์ร้าน
00:15:11 → 00:15:13 ลาเมงเนี่ยส่วนใหญ่เขาจะออกแบบมาหมดแล้ว
00:15:13 → 00:15:17 ว่าคนนึงจะกินประมาณจะเจออะไรระหว่างทาง
00:15:17 → 00:15:19 ระหว่างทางบ้างก็เลยไม่ได้อยากให้คนอื่น
00:15:19 → 00:15:22 มาอาจจะไม่ทุกร้านแหละแต่ว่าร้านที่เค้า
00:15:22 → 00:15:24 เค้าอย่างนะถ้าไปหลอกสมมุติว่าเราเข้าไป
00:15:24 → 00:15:27 ร้านที่เแบบโอ้โหดูแบบสวยงามมีจานมีช้อน
00:15:27 → 00:15:29 อะไรเนี่ยส่วนใหญ่เขาน่าจะมีการคิดมาแล้ว
00:15:29 → 00:15:32 ว่าเอยากให้กินแบบไหนตรงนั้นก็แล้วแต่
00:15:32 → 00:15:34 ร้านอื
00:15:34 → 00:15:37 [เพลง]
00:15:37 → 00:15:39 แล้วมันมีอีกอันนึงที่เป็นแบบเรื่อง
00:15:39 → 00:15:43 คลาสสิคเหมือนกันนะว่าเราปรุงลาเมงได้
00:15:43 → 00:15:48 มั้ยอืขึ้นอยู่ว่าปรุงอะไรครับอ่าซึ่งบาง
00:15:48 → 00:15:50 ทีมันจะมีข้อสอบหลอกให้เราเช่นเรากำลัง
00:15:50 → 00:15:53 กินลาเมงสักอย่างอยู่เ้ามีซอสเกี๊ยวเซ่า
00:15:53 → 00:15:56 อยู่ในนี้เ้ามีพริกป่นเมีอะไรคือแบบพอคน
00:15:56 → 00:15:59 ดูปกติเออคุณใส่พริกไทยอ้าพริกไทยโอเคเออ
00:15:59 → 00:16:03 ใส่ซีอิ๊วอ้าพอโอเคเ้าคุณเริ่มใส่น้ำส้ม
00:16:03 → 00:16:06 ใส่ซอสอย่างอื่นที่เขาเตรียมไว้ให้กับ
00:16:06 → 00:16:08 อาหารอย่างอื่นบางทีมันเป็นร้านที่ไม่ใช่
00:16:09 → 00:16:11 ราีอย่างเดียวแล้วเมีเส้นตัวอย่างเช่น
00:16:11 → 00:16:13 สมมุติว่าเ้ามีเกี๊ยวหมูแล้วเราไป
00:16:13 → 00:16:16 เอาardารดมาใส่ในลาเมงอะไรเงี้ยผมว่ามัน
00:16:16 → 00:16:20 ก็อืเพราะไม่ได้อ่ะอือๆแต่ส่วนใหญ่ที่เจอ
00:16:20 → 00:16:23 มากๆครับจะอยู่ในหมวดมาซโซบะที่มีเครื่อง
00:16:23 → 00:16:26 ปรุงเยอะๆแล้วก็พวกพวกกลุ่มธงโคตศึกก็มี
00:16:26 → 00:16:30 นะอืที่ที่จะยอมให้ปรุงแต่ที่เจอน้อยมากๆ
00:16:30 → 00:16:33 ก็คือพวกสายทะเลก็คือชโออยู่ชิโออไม่ค่อย
00:16:33 → 00:16:35 มีครับมีมากสุดคือพริกไทยออะไรที่ให้ปรุง
00:16:35 → 00:16:38 เจะใส่มาในชคืออะไรที่มันละเอียดอ่อนน่ะ
00:16:38 → 00:16:41 ก็คงคิดเคงคิดเองอ่ะว่าเฮ้ยฉันคิดว่ามัน
00:16:41 → 00:16:43 อร่อยแล้วนะคุณจะปรุงทำไมหรออะไรเงี้ย
00:16:43 → 00:16:45 หรือว่าคุณจะใส่มันไปทำไมอะไรเงี้ยมันอาจ
00:16:45 → 00:16:48 จะคิดว่าตรงจุดนั้นเอาจจะคิดว่าคือความ
00:16:48 → 00:16:50 สมบูรณ์แบบในความคิดของเค้าอ่ะนะเราไม่
00:16:50 → 00:16:53 รู้ว่าว่าใครถูกใครผิดแต่ว่าคือเขาก็มี
00:16:53 → 00:16:56 ความคิดของเขาว่าเชฟเชื่อว่าสิ่งนี้มันดี
00:16:56 → 00:16:58 ถ้าถ้าคุณอยากจะแอดonออะไรได้ฉันให้มาก
00:16:58 → 00:17:01 สุดคือพิกไทยก็คือจะวางวิกไทยให้ส่วนใหญ่
00:17:01 → 00:17:04 จะถ้าโชว์อยู่ชิโอไม่ค่อยเจอใครวางพริก
00:17:04 → 00:17:07 ให้นะครับไม่เคยเห็นเลยแต่ว่าถ้าเป็นถ้า
00:17:07 → 00:17:11 เป็นร้านที่ออกแนวโชคูโดจีนๆหน่อยแบบชูกะ
00:17:11 → 00:17:14 อย่างเงี้ยอาจจะมีบ้างไม่ไม่ได้สิแต่ว่า
00:17:14 → 00:17:16 ถ้าเป็นแบบเอ่อแนวสมัยใหม่ที่เขาทำกัน
00:17:16 → 00:17:19 เนี่ยจะไม่ค่อยเจอไม่เคยเห็นเลยมากสุด
00:17:19 → 00:17:21 พริกไทยจริงๆแต่แล้วก็เป็นร้านพวกธงโคสสึ
00:17:21 → 00:17:23 เนี่ยเนี่ยไม่ได้ติดเพราะว่าการใส่พริกใน
00:17:23 → 00:17:25 สื่อเนี่ยมันไม่ได้ติดอยู่แล้วแล้วก็พวก
00:17:25 → 00:17:29 มาโซบะคือการขยำรวมกันมันก็ไม่ได้ไม่ติด
00:17:29 → 00:17:32 เหมือนกันเพราะว่ามันคือการแอดรถชาติเข้า
00:17:32 → 00:17:33 ไปในระหว่างการประสบมันอยู่แล้วเพราะ
00:17:33 → 00:17:36 ฉะนั้นมันไม่ได้ไม่ได้วอี่อะไรตรงนี้มาก
00:17:36 → 00:17:38 แต่ว่ามันก็เป็นมารยาทนึงที่ในญี่ปุ่นน่ะ
00:17:38 → 00:17:40 เวลาเขาเสิร์ฟอะไรมาเก็อยากให้เรากินใน
00:17:40 → 00:17:43 รูปแบบของมันใช่อือซึ่งจริงๆ default ผม
00:17:43 → 00:17:44 ว่ามันคือเรื่องนั้นน่ะมันแล้วแต่ร้านอีก
00:17:44 → 00:17:47 แหละครับว่าร้านนั้นเอ่อสไตล์ไหนแบบสไตล์
00:17:47 → 00:17:50 อยากให้ปรุงอยู่แล้วหรือเปล่าหรือแบบไม่
00:17:50 → 00:17:52 มีอะไรเลยเดินเข้าไปก็โล่งๆเลยอะไรอย่าง
00:17:52 → 00:17:56 เงี้ยครับ
00:17:56 → 00:17:59 หลักๆอีกอันนึงที่เจอเยอะๆก็คือแบบเรื่อง
00:17:59 → 00:18:03 กลิ่นของน้ำหอมอะไรเงี้ยซึ่งจริงๆก็เข้า
00:18:03 → 00:18:05 ใจได้นะสำหรับชาวต่างชาติอะไรเงี้ยคือเรา
00:18:05 → 00:18:09 ก็อยากจะมีออกมาข้างนอกเนาะมันก็นิดนึง
00:18:09 → 00:18:11 อะไรเงี้ยแต่สำหรับร้านอาหารญี่ปุ่นแล้ว
00:18:11 → 00:18:15 กันมันไม่ไม่ได้เหมือนไประบุชัดเจนว่า
00:18:15 → 00:18:17 จำเป็นต้องเป็นราเมนเท่านั้นอะไรเงี้ย
00:18:17 → 00:18:20 เพราะว่าอาหารญี่ปุ่นร้านอื่นก็ก็มีกฎข้อ
00:18:20 → 00:18:23 ห้ามนี้เหมือนกันว่าว่าแบบเออเดินเข้ามา
00:18:23 → 00:18:26 แล้วก็คือคือการที่มันมีกลิ่นน่ะโอเคบาง
00:18:26 → 00:18:28 ทีเขาอาจจะดีไซน์กลิ่นอะไรมาอย่างอื่นที่
00:18:28 → 00:18:31 มันแบบมีกลิ่นปรากฏเราได้กลิ่นแต่คนที่
00:18:31 → 00:18:33 อยู่ข้างๆเราหรือกลิ่นตัวเราอะไรเงี้ยที่
00:18:33 → 00:18:36 ที่เราใส่มาอะไรเงี้ยทั้งที่อโรแมนติกที่
00:18:36 → 00:18:39 มันใส่ออกมาเนี่ยมันอาจจะลดทอนคุณค่าของ
00:18:39 → 00:18:41 อาหารที่เขาทำอยู่อะไรเงี้ยซึ่งมันก็เป็น
00:18:41 → 00:18:43 รายละเอียดที่ค่อนข้างรายละเอียดอ่อนอยู่
00:18:43 → 00:18:45 ถ้าถ้าสรุปก็คือมันมีเรื่องรูปรสกลิ่น
00:18:45 → 00:18:48 เสียงใช่มั้ยเต้องการให้ลูกค้าได้รับ
00:18:48 → 00:18:52 สัมผัสประสบการณ์ดีที่สุดซึ่งเอ่อสิ่งที่
00:18:52 → 00:18:54 ญี่ปุ่นถือก็คืออย่าไปรบกวนคนอื่นอกลิ่น
00:18:54 → 00:18:56 เราไปรบกวนคนอื่นอือหรือจริงๆการแต่งตัว
00:18:57 → 00:18:59 ก็เกี่ยวหน่อยๆนะอย่างสมมุติว่าผมไปกิน
00:18:59 → 00:19:02 แล้วผมคนไทยอาจจะมองว่าใส่เสื้อยืดยวด
00:19:02 → 00:19:05 เปล่าไปแบบอันเดียวที่มันเป็นไซส์เล็กๆ
00:19:05 → 00:19:06 อ่ะคนญี่ปุ่นเขาอาจจะมองว่านี่มัน
00:19:06 → 00:19:08 underwareรไม่ใช่เหรอทำให้คุณใส่ออกนอก
00:19:08 → 00:19:13 บ้านอือหรืออืก็การแต่งกายเถ้าถ้ามันจริง
00:19:13 → 00:19:16 ๆเค้าก็ไม่ได้ก็ยังไม่เคยโดนไล่ออกจาก
00:19:16 → 00:19:19 ร้านล่าเมงก็ใส่ชุดไม่ดีแหละแต่ว่าถ้าถ้า
00:19:19 → 00:19:23 จะพูดพูดให้ในภาพกว้างอ่ะก็คือเราก็ต้อง
00:19:23 → 00:19:25 ระวังแบบการแต่งตัวกลิ่นของเราอะไรพวก
00:19:26 → 00:19:29 เนี้ยที่จะต้องอาจจะไปรบกวนล่าสุดผมไป
00:19:29 → 00:19:33 สัมภาษณ์เชฟเชฟเมาไทยนะแล้วก็ผมก็คิดว่า
00:19:33 → 00:19:36 จะไปสัมภาษณ์เฉยๆนะแล้วก็ลืมไปว่าจริงๆ
00:19:36 → 00:19:39 เชฟเขาก็จะมีความเซ้นของความดมกลิ่นเนี่ย
00:19:39 → 00:19:42 ชัดมากอเพราะนั้นผมไปสัมภาษณ์แล้วก็ใส่
00:19:42 → 00:19:45 น้ำหอมไปนิดเดียวผมว่าผมไม่ได้ใส่เยอะมาก
00:19:45 → 00:19:48 นะเชฟเค้าก็แบบคุณใส่น้ำหอมเหรอแล้วก็แบบ
00:19:48 → 00:19:51 ผมก็แบบเอาล่ะชิบหายใช่ลืมก็คือส่วนใหญ่
00:19:51 → 00:19:54 เชฟจะค่อนข้างซีเรียสนะแล้วผมก็รู้สึกแบบ
00:19:54 → 00:19:57 โหเสียทรงความเป็นแบบนักชิมมากออคือแบบ
00:19:57 → 00:20:01 เออมันพลาดอ่ะลืมเข้าใจเข้าใจมันลืมก็ก็
00:20:01 → 00:20:03 เข้าใจได้แหละแต่ว่าไปเวลาไปร้านลเมงที่
00:20:03 → 00:20:05 ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ผมก็จะแบบไม่ได้ฉีดน้ำหอม
00:20:05 → 00:20:08 ไปขนาดนั้นหรอกแต่ก็ใช่เอ่อมันก็ต้องมี
00:20:08 → 00:20:10 ความพอดีด้วยอ่ะบางทีมันมีเรื่องอย่างแวก
00:20:10 → 00:20:15 อ่ะแวกหัวแล้วแบบกลิ่นแตกหัวหรือแบบอ๋อ
00:20:15 → 00:20:19 theance สเปรย์หรือกระทั่งแบบสเปรย์
00:20:19 → 00:20:22 แอลกอฮอล์มีกลิ่นคืออพูดง่ายๆคือเค้าจะ
00:20:23 → 00:20:25 ระวังเรื่องกลิ่นน่ะถ้าเราเข้าไปเพราะว่า
00:20:25 → 00:20:26 กลิ่น something ที่ไม่ใช่กลิ่นอาหารของ
00:20:26 → 00:20:29 เค้าอ่ะใช่แต่รวมถึงว่าถ้าคุณไม่ใส่น้ำ
00:20:29 → 00:20:31 หอมแล้วคุณมีกลิ่นตัวเนี่ยก็ไม่ได้อยู่ดี
00:20:31 → 00:20:33 นะ
00:20:33 → 00:20:37 เออแต่เค้าก็ไม่เคยเจอเจะมาบอกเออผมผมได้
00:20:37 → 00:20:40 กลิ่นอะไรบางเคงไม่น่าคุยกันอโอเคก็คือ
00:20:40 → 00:20:43 การแบบอย่าให้กลิ่นตัวเองรบกวนอาหารคน
00:20:43 → 00:20:45 อื่นใช่
00:20:45 → 00:20:48 [เพลง]
00:20:48 → 00:20:51 เมื่อกี้คุณโจพูดชื่อราเม็งหลายแบบมากเลย
00:20:51 → 00:20:55 มีแบบพสึมีโชยูมีอะไรลาเมงญี่ปุ่นจริงๆ
00:20:55 → 00:20:58 แล้วเา้ามีประเภทเยอะมั้ฮะมีสไตล์เยอะ
00:20:58 → 00:21:00 มั้ยครับอืที่ไปญี่ปุ่นแล้วจะเจอบ่อยๆที่
00:21:00 → 00:21:04 เราคุยกันชิโอะอ่ะอ่ะโชว์อยู่แล้วกัน
00:21:05 → 00:21:09 ครับเมนิโสราเมนธงโคสึลาเมนสุเคเมนอ่อ
00:21:09 → 00:21:12 สุเคเมนได้ครับสเคเมนสุเคเมนก็มีทั้งใสอ
00:21:12 → 00:21:15 ที่เป็นชินตันแล้วก็ไพตันกันอย่างเกียว
00:21:15 → 00:21:17 ไก่แล้วก็เป็นก็เกียวไก่ก็อยู่ในโหมดmiิก
00:21:17 → 00:21:20 ที่เมื่อกี้พูดครับ mix คือการผสมอ่ามัน
00:21:20 → 00:21:22 มี mix เนาะก็คือการผสมแต่เไม่มีใครเรียก
00:21:22 → 00:21:25 มิกไงมันคือการจัดของประเภทของที่นี่นะ
00:21:25 → 00:21:28 แต่ว่าถูกจัดจากหนังสือแล้วก็มีนิโบชิ
00:21:28 → 00:21:32 เข้ามาเป็นกลุ่มแล้วก็แล้วก็โ่อจิรูนาชิ
00:21:32 → 00:21:35 ก็คือหรือว่ามาเซโซบะที่เขา้าเรียกกัน
00:21:35 → 00:21:38 [เพลง]
00:21:38 → 00:21:39 เรื่องนึงที่จะเป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน
00:21:39 → 00:21:42 ครับว่าราเมงจริงๆมันคืออะไรมันประกอบ
00:21:42 → 00:21:45 ด้วยอะไรบ้างครับอือืโอ้โหเราอ้างอิงจาก
00:21:45 → 00:21:48 ก็ F element จริง Five Element จริงๆ
00:21:48 → 00:21:51 เขาก็สอนกันทุกที่อ่ะครับ 5 อย่างครับอือ
00:21:51 → 00:21:55 ไล่มาตรงนี้ก็จะเริ่มจากเส้นเส้นซุปอ
00:21:55 → 00:22:00 ทาเละน้ำมันท็อปปิ้งน้ำมัน 5 อย่างซึ่ง
00:22:00 → 00:22:03 แต่ละอย่างเนี่ยก็จริงๆลาเมงเดิมอ่ะมัน
00:22:03 → 00:22:07 คือเส้นมันสมัยเก่าคือเขาเคนจะกินอะไรให้
00:22:07 → 00:22:10 อิ่มเขาก็อยากกินเส้นแต่กินเส้นเปล่าไม่
00:22:10 → 00:22:13 อร่อยมันก็ต้องมีซุป
00:22:13 → 00:22:16 อ่าก็มีเส้นกับซุปสำคัญแล้วถามว่าอ้าว
00:22:16 → 00:22:18 เส้นกับซุปสำคัญแล้วกลิ่นแล้วอะไรเพื่อ
00:22:18 → 00:22:22 ให้มันอร่อยยิ่งขึ้นก็จะมีน้ำมันอืแล้ว
00:22:22 → 00:22:24 ถ้าผมมีซุปอย่างเดียวซุปในความหมายของ
00:22:24 → 00:22:27 ญี่ปุ่นอ่ะจะแบบน้ำต้มไก่เฉยๆอ่ะมันไม่มี
00:22:27 → 00:22:29 อะไรเขาก็จะใส่พวกซีอิ๊วใส่อะไรที่เป็น
00:22:29 → 00:22:31 เครื่องปรุงรสเข้าไปเพื่อให้มันอร่อยยิ่ง
00:22:31 → 00:22:35 ขึ้นแล้วท็อปปิ้งก็เป็นตัวที่ถ้าผมเสิร์ฟ
00:22:35 → 00:22:37 เส้นกับซุปเป่าคุณอาจจะไม่กินคุณเพราะเอา
00:22:37 → 00:22:40 หมูเอาผักมาใส่ด้วยอือๆ 5 อันเนี้ยก็เลย
00:22:40 → 00:22:43 กลายเป็นelementนสำคัญ
00:22:43 → 00:22:47 แต่แต่มันมีนอกเหนือจากนั้นเต็มไปหมดเลย
00:22:47 → 00:22:51 นะเช่นอ่ะถ้าบอกลเมงคืออะไรเส้นเส้นอะไร
00:22:52 → 00:22:55 คือเส้นลเม็งอือืเส้นลเม็งต้องเป็นแป้ง
00:22:56 → 00:23:00 สาลีอืเท่านั้นใช่มั้ฮะเท่านั้นอแต่มันก็
00:23:00 → 00:23:02 จะใส่ได้แหละคุณจะใส่แป้งอย่างอื่นเข้ามา
00:23:02 → 00:23:04 มันก็ยังเป็นเส้นอะไรอย่างเงี้สมัยนี้มัน
00:23:04 → 00:23:07 ค่อนข้างไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่เส้นแบ่ง
00:23:07 → 00:23:09 แล้วก็แต่ที่สำคัญคือต้องใส่คันซุยคันซุย
00:23:09 → 00:23:13 คืออะไรครับคันซุยคือน้ำด่านอ่าอ่าหรือ
00:23:13 → 00:23:16 โปแทสเซียมคาร์บเนตมันใส่เพื่ออะไรครับ
00:23:16 → 00:23:19 สิ่งนี้จริงๆพวกนี้มันจะใส่ให้แป้งอ่ะมัน
00:23:19 → 00:23:22 จะมีสีเหลืองขึ้นหน่อยๆแล้วก็รัดตัวขึ้น
00:23:22 → 00:23:26 ทำให้กินแล้วมันเด้งมีความมีความเป็นเส้น
00:23:26 → 00:23:28 ลเมงที่เรากินทุกวันเนี้ยฮะแล้วจริงๆมัน
00:23:28 → 00:23:31 ก็มีเพิ่มรสชาตินิดหน่อยคือมันมีมันมี
00:23:31 → 00:23:33 หลายอย่างมากเลยมันมีความเป็นเกลือมิเนอ
00:23:33 → 00:23:36 อยู่ใช่มั้ยซึ่งเอานึงที่ให้เทียบก็คือ
00:23:36 → 00:23:40 นึกถึงอุดงอือุดงคือแป้งสาลีเหมือนกันอื
00:23:40 → 00:23:44 แต่ใส่น้ำใส่เกลืออุดงเนี่ยถ้าเรากัด
00:23:44 → 00:23:46 เนี่ยเราคาดหวังความแบบมันจะไม่มีความ
00:23:46 → 00:23:50 เหนียวนุ่มมาขนาดนั้นน่ะอุดงเรากัดอ่ามัน
00:23:50 → 00:23:52 ก็มีที่มีแหละแต่เราเวลากินน่ะเราจะรู้
00:23:52 → 00:23:55 สึกได้ว่าลมเองเส้นมันจะมีความเฟิร์มมี
00:23:55 → 00:23:57 ความจับตัวกันมีความเรียกว่าที่เค้าเรียก
00:23:57 → 00:24:00 ว่าเส้นหนึหนึบๆหน่อยป่ะฮะใช่ครับความ
00:24:00 → 00:24:03 เด้งๆหนึบๆของเส้นลืมมันต่างจากอุดด้ง
00:24:03 → 00:24:05 อุดด้งเรารู้สึกว่าเราเหมือนกินแป้งที่
00:24:05 → 00:24:07 เป็นแป้งปั้นเลยใช่ผมว่าส่วนนึงคืออุดง
00:24:07 → 00:24:10 อ่ะถ้าเรามาทำเส้นเท่าลเมงมันจะไม่เป็น
00:24:10 → 00:24:14 ราเม็งมันจะเป็นลมันจะเส้นขนมจีนใช่เพราะ
00:24:14 → 00:24:17 ว่าอ่าพอเป็นเส้นอุดงมันใหญ่มันมีพื้นที่
00:24:17 → 00:24:21 ที่กันเยอะเราต้มนานได้มันเลยมันเลยยัง
00:24:21 → 00:24:24 เป็นเส้นเป็นอะไรอยู่แต่ถ้าผมทำแบบอุดง
00:24:24 → 00:24:26 แล้วผมทำเส้นเล็กๆแล้วต้มอ่ะผมว่ามันจะ
00:24:26 → 00:24:28 นิ่มเร็วมันจะอึดเร็วแล้วเนี่ยก็เป็นส่วน
00:24:28 → 00:24:34 นึงของการใช้ไอ้คันซุยน้ำด่วนส่วนซุปก็
00:24:34 → 00:24:37 ซุปของราเม็งผมว่ามันก็ไม่ได้ต่ำมันก็คือ
00:24:37 → 00:24:40 ซุปอ่ะซุปจะแยกแยก
00:24:40 → 00:24:42 ก็แยกตามประเภทของสิ่งที่จะออกแบบอ่ะครับ
00:24:43 → 00:24:45 แล้วแต่ว่าอยากทำยังไงให้เข้ากับเส้นจริง
00:24:46 → 00:24:48 ต้องต้องทำเส้นออกมาก่อนด้วยซ้ำเพื่อจะมา
00:24:48 → 00:24:51 ดีไซน์ออกแบบว่าจะอะไรกินเข้ากับอะไรอะไร
00:24:51 → 00:24:53 เงี้ยตัวอย่างเช่นถ้าสมมุติว่าต้องการ
00:24:53 → 00:24:56 เส้นแน่นๆแข็งๆอ่าจากซุปหอยอาจจะเข้า
00:24:56 → 00:24:59 เปล่าอืออะไรอย่างเงี้ยใช่อือันนั้นคือ
00:24:59 → 00:25:01 มุมของคนที่ทำราเบงใช่มั้ใช่ใช่ครับแต่
00:25:01 → 00:25:04 จริงๆซุปมันก็เหมือนซุปนี่เรียกเรียกแบบ
00:25:04 → 00:25:06 เดียวกับสไตล์ก็ได้มั้ยว่าที่เราคุยกัน
00:25:06 → 00:25:09 เรื่องสไตล์ก็จะแบบมีซุปข้นซุปซุปใสมันก็
00:25:09 → 00:25:12 คือหมายถึงว่าซุปในในที่นี้หมายถึงว่าซุป
00:25:12 → 00:25:15 บวกกับทาเละเรียบร้อยแล้วออกมาเป็นประเภท
00:25:15 → 00:25:17 ของน้ำซุปในอ่าอันนั้นคือมันต้องบวกกับ
00:25:17 → 00:25:20 ทาเลไปแล้วแต่จริงๆซุปเนี่ยมันในส่วน
00:25:20 → 00:25:22 ประกอบของซุปเนี่ยโดยส่วนใหญ่แล้วมันจะมี
00:25:22 → 00:25:24 อะไรประกอบเข้าไปข้างในหลักๆก็คือเนื้อ
00:25:25 → 00:25:28 สัตว์ที่ต้องการใช้เนื้อสัตว์หลักก็คือจะ
00:25:28 → 00:25:31 หมูจะไก่วัวนิดหน่อยได้แต่ว่าวัวจะไม่
00:25:31 → 00:25:33 ค่อยใช้เป็นเบสหลักในญี่ปุ่นอาหารญี่ปุ่น
00:25:33 → 00:25:35 เพราะว่าคิดว่ากลิ่นมันค่อนข้างจะแรงอื
00:25:35 → 00:25:39 แล้วก็มีคอมบครับมีคัซโอปลาแห้งครับแล้ว
00:25:39 → 00:25:43 ก็นิโบชิแล้วก็เห็ดหอม 4 อย่างคืออ่าพื้น
00:25:43 → 00:25:46 ฐานหลักๆของการทำซุปอาหารญี่ปุ่นด้วยแหละ
00:25:46 → 00:25:49 จริงๆแล้วก็คือน้ำเรียกว่าดาชีมั้ผมใช่
00:25:49 → 00:25:50 ครับก็จะเรียกอย่างงั้นก็ได้คำว่าดาชิแปล
00:25:50 → 00:25:53 ว่าซุปนั่นแหละครับเรามีเส้นแล้วเรามีซุป
00:25:53 → 00:25:56 แล้วเมื่อกี้อีกอย่างนึงคือเอ่อทาเละ
00:25:56 → 00:25:59 ทาเละคือทาเละก็คือเครื่องปรุงเมื่อกี้
00:25:59 → 00:26:02 อย่างที่พูดถึงโชยุชิโอแล้วก็มิโสกอันนี้
00:26:02 → 00:26:07 ชัดๆเลยว่ามันคือสารที่ใส่ลงไปสิ่งของที่
00:26:07 → 00:26:09 ใส่ลงไปแล้วทำให้เกิดรสอย่างโชว์อยู่ก็จะ
00:26:09 → 00:26:12 เป็นกลิ่นซีิ้วมีความเป็นถั่วมีความเป็น
00:26:12 → 00:26:15 สาลีขึ้นมาแล้วแต่ประเภทของซีิ้วที่ใส่ลง
00:26:15 → 00:26:18 ไปส่วนเกลือแน่นอนให้ความเค็มแล้วก็ให้
00:26:18 → 00:26:21 ความเป็นทะเลขึ้นมาส่วนมิโสกะก็ให้ความ
00:26:21 → 00:26:25 หมักมีความเป็นเต้าเจี้ยวอมีความถั่วมาก
00:26:25 → 00:26:27 กว่าปกติอะไรเงี้ยแล้วพวกนี้มันคือโชยุ
00:26:27 → 00:26:30 เปิดจากขวดเลยมั้ครับเกลือเหยาะลงไปเป็น
00:26:30 → 00:26:34 เกลือเป็นเม็ดเลยแล้วแต่ว่าแล้วแต่ว่าล
00:26:34 → 00:26:36 ใช่แล้วแต่การออกแบบทาแหละจริงๆมันไม่ได้
00:26:36 → 00:26:39 เป็นแค่น้ำโชว์อย่างเดียวคือต้องบอกว่า
00:26:39 → 00:26:42 ซุปมันไม่เค็มทะเละก็เลยเป็นส่วนที่เรา
00:26:42 → 00:26:45 เอาไว้ทำเค็มให้กับชำนั้นๆนะอือเพราะ
00:26:46 → 00:26:47 อย่างถ้าเป็นมิโสทาเลตน่ะส่วนใหญ่จะมา
00:26:47 → 00:26:50 เป็นก้อนก็คือตักเอามาเป็นก้อนแล้วก็เอา
00:26:50 → 00:26:54 ไปผัดก็จะมาเป็นก้อนๆเลยก็คือแบ่งมาแล้ว
00:26:54 → 00:26:56 ก็โยนลงไปเป็นก้อนๆเลยไม่ค่อยมาเป็นของเห
00:26:56 → 00:27:00 สมมุตินะผมบอกว่าเอ้ยเค็มไปหวานไปมันทำ
00:27:00 → 00:27:03 ยากนะก็ใช้ทะเลนี่แหละครับเก็เลยมันรสรส
00:27:03 → 00:27:06 ชาติได้มากกว่าเพราะว่าเพราะว่ามันถูก
00:27:06 → 00:27:09 separate ออกมาเรียบร้อยแล้วเอ่อถ้าเป็น
00:27:09 → 00:27:11 ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวอาจจะรวมกันเป็นหม้อมา
00:27:11 → 00:27:13 แล้วเวลากินไปต้มในสักพักนึงมันอาจจะมี
00:27:13 → 00:27:16 การแบบค่อยๆลดลงลามความควบแน่นของรสชาติ
00:27:16 → 00:27:19 มันอาจจะมีมากขึ้นแต่ซุปอ่ะมันก็คือหม้อ
00:27:19 → 00:27:22 เดียวกันแล้วบางร้านก็ separate แยกออกมา
00:27:22 → 00:27:25 คือแบ่งออกมาตักแล้วมาอุ่นทีละ 3-4 ชาม
00:27:25 → 00:27:28 ก่อนมันก็ยิ่งทำให้อ่าเค้าเรียกอะไรความ
00:27:28 → 00:27:31 เข้มข้นตัวนั้นมันไม่ได้ถูกเ้าเหมือน
00:27:31 → 00:27:33 ดีไซน์มาแล้วว่าจะต้องเข้มข้นเท่านี้ก็
00:27:33 → 00:27:35 คือล็อคมาให้อยู่ในชามก็คือเท่านี้มันจะ
00:27:35 → 00:27:37 ได้พอรองรับได้แหละเค็มไปเข้มเค็มน้อยไป
00:27:38 → 00:27:40 เพิ่มเค็มอีกมันยังพอคุยกันได้แอดจับได้
00:27:40 → 00:27:43 จากตรงส่วนที่เป็นอันนี้น่าสนใจเรามีเส้น
00:27:43 → 00:27:46 แล้วมีซุปแล้วมีทาเละแล้วอีกอันนึงมัน
00:27:46 → 00:27:48 แล้วก็ท็อปิ้งอีกน้ำมันมีเพื่ออะไรนะครับ
00:27:48 → 00:27:51 น้ำมันเพื่อเป็นกลิ่นอ่ายกตัวอย่างเช่น
00:27:51 → 00:27:54 บะหมี่กึมสำเร็จรูปง่ายๆครับลองเทเปิดออก
00:27:54 → 00:27:58 มาปุ๊บจะเจอเส้นแล้วลองมีแต่เทไปแต่ผง
00:27:58 → 00:27:59 อย่างเดียวผงก็คือเป็นตัวแทนของทาเล็ก
00:28:00 → 00:28:02 หรือรสชาติเทผงไปอย่างเดียวกินไม่อร่อย
00:28:02 → 00:28:05 ครับยังไงก็ต้องฉีกอีกซองนึงออกมาใช่ๆ
00:28:05 → 00:28:08 นั่นคือกลิ่นเพราะถ้าไม่มีกลิ่นอาหารมัน
00:28:08 → 00:28:12 ก็จะแบนๆน่ะออมันขาดอโรแมนติกอ่ะมันคือ
00:28:12 → 00:28:15 กาดกลิ่นอ่ะแล้วกลิ่นมันเป็นเสน่ห์ของ
00:28:15 → 00:28:17 อาหารอยู่แล้วเพราะว่าทุกคนกินลาเมนหรือ
00:28:17 → 00:28:20 กินอาหารอะไรก็แล้วแต่ที่ลงด้วยมีการจริง
00:28:20 → 00:28:23 ๆอาหารฝรั่งที่ลงดรอปออยลงไปตรงนั้นก็
00:28:23 → 00:28:24 ต้องการกลิ่นเหมือนกันเพราะทุกคนจะเอา
00:28:24 → 00:28:27 หน้าไปวางใกล้ๆโอ้มันเก่งนะอะไรเงี้ยใช่
00:28:27 → 00:28:30 ใช่แต่แต่นี้อันนี้เปรียบเทียบน่าสนใจดี
00:28:30 → 00:28:32 จริงๆแล้วบะหมี่ 1 สำเร็จรูปเนี่ยคือตัว
00:28:32 → 00:28:37 แทนของการแบ่งของตัวก็คือราเมนมินินี่เอง
00:28:37 → 00:28:40 อ่าก็คือเส้นน่ะทำไว้แล้วแล้วก็เมื่อกี้
00:28:40 → 00:28:42 ที่คุณโจบอกว่าเป็นซองผงเนี่ยอันนั้นคือ
00:28:42 → 00:28:46 ตัวแทนของทาเละคือซอสแต่เจะมาในรูปแบบ
00:28:46 → 00:28:49 เป็นบางบางเบอร์มาอีกบางรุ่นอาจจะเป็นพวก
00:28:49 → 00:28:53 อย่างเงี้ยมันจะเป็นของเหลวมาเลยก็มีก็
00:28:53 → 00:28:56 คือแบบเป็นซีอิ๊วซีอิวเหมือนที่เวลาซื้อ
00:28:56 → 00:28:58 กล่องมาบางบางเจ้าบางอันเปิดมาปุ๊บมัน
00:28:58 → 00:29:01 เป็นของเหลวก็มีแต่ส่วนใหญ่ที่เป็นผง
00:29:01 → 00:29:03 เนี่ยคือเขาต้องการให้มันเก็บได้นานกว่า
00:29:03 → 00:29:06 ปกติอ๋อแล้วตัวตัวน้ำมันที่แถมซองเนี่ย
00:29:06 → 00:29:10 มันก็คือแทนออย่แทนกลิ่นใช่แทนกลิ่นออที
00:29:10 → 00:29:13 นี้บีเร็จรูปมันจะจบแค่นี้เลยไม่ค่อยมี
00:29:13 → 00:29:17 ใครให้ท็อปปิ้งมาอ๋อไม่มีหมูแห้งเพราะว่า
00:29:17 → 00:29:20 ท็อปปิ้งอ่ะถามว่าท็อปปิ้งหมูเป็น
00:29:20 → 00:29:23 แห้งก็เปิดมาบางอันก็มีผัก
00:29:23 → 00:29:26 แห้งนั่นแหละอันนั้นก็เรียกถามว่าทปิ้ง
00:29:26 → 00:29:29 สำคัญมั้ยผมก็ถามว่าขนาดมาม่าถุงมาม่าก็
00:29:29 → 00:29:32 ยังมีท็อปปิ้งแล้วแกะออกมาก็จะมีกุ้งกุ้ง
00:29:32 → 00:29:35 ที่เฟิล์มา
00:29:35 → 00:29:38 ก็เรียนใช่ครับใช่อ่าจริงๆก็คือตัวประกอบ
00:29:38 → 00:29:41 เรียกว่าเป็นส่วนประกอบของรเองที่เห็นเรา
00:29:41 → 00:29:43 เห็นเราคุ้นๆกันเลยนะว่ามันคือต้มยำบ้าน
00:29:43 → 00:29:46 เราก็มีแล้วเออแต่เมื่อกี้กลับมาที่คุณโจ
00:29:46 → 00:29:49 เล่าให้ฟังว่าเออเขาแบ่งพวกเนี้ยไว้เพื่อ
00:29:49 → 00:29:53 จะให้มันล็อครสชาติที่เต้องการอากาศไว้
00:29:53 → 00:29:56 มันจะต่างกับก๋วยเตี๋ยวที่เขาต้มไปในหม้อ
00:29:56 → 00:29:59 เดียวแล้วก็พอต้มไปจนถึงเย็นเนี่ยเรารู้
00:29:59 → 00:30:01 สึกว่าโหซุปมันจะเข้มข้นกว่าตอนเช้ามากๆ
00:30:01 → 00:30:04 เลยจริงๆแล้วจริงๆแล้วลาเม็งกับ
00:30:04 → 00:30:06 ก๋วยเตี๋ยวเนี่ยมันแบ่งแยกจากสิ่งนี้แค่
00:30:06 → 00:30:09 นั้นหรือเปล่าผมว่าราเม็งแบ่งที่เส้นครับ
00:30:09 → 00:30:12 จริงๆแล้วถ้าเกิดว่าเส้นแล้วผมเอาซื้อ
00:30:12 → 00:30:14 ก๋วยเตี๋ยวมาผมเอาเส้นลเมงใส่เข้าไปผมเท
00:30:14 → 00:30:18 น้ำมันลงไปก็อาจจะใส่ซีไปเพิ่มอแล้วก็หมู
00:30:18 → 00:30:21 ชาชูอันนึงอือก็พอเป็นลเม
00:30:21 → 00:30:25 ออคือหลักๆมันคือการเอ่อแบ่งelementนต่าง
00:30:25 → 00:30:28 ๆไว้แล้วคืออันนี้คือจะเป็นราเม็งแล้วก็
00:30:28 → 00:30:30 ราเม็งส่วนใหญ่จะมี 5 elementนนี้เป็น
00:30:30 → 00:30:33 พื้นฐานหลักอื
00:30:33 → 00:30:35 [เพลง]
00:30:35 → 00:30:41 อืวิธีการกินลาเม็งเราควรกินยังไงให้มัน
00:30:41 → 00:30:43 ถูกต้องครับคิดมันมีความถูกต้องมั้ยของ
00:30:43 → 00:30:47 การกินลาเมงมีอีมีมั้ยครับพูดเลยหรอครับ
00:30:47 → 00:30:50 พูดว่ามีใช่มั้ก็มีมีอยู่นะก็คือกินยังไง
00:30:50 → 00:30:53 ให้อร่อยจริงๆแน่นอนก็อันแรกที่ยากที่สุด
00:30:53 → 00:30:56 คือการจับตะเกียบครับมันมันดูแบบไม่ใช่
00:30:56 → 00:30:57 เรื่องใหญ่เนาแต่แบบมันเป็นเรื่องใหญ่ใช่
00:30:57 → 00:31:00 มั้ยมันเป็นเรื่องใหญ่ก็คือจับตะเกียบมัน
00:31:00 → 00:31:03 ตะเกียบเป็นอาวุธสำหรับการกีฬาแน่นอนเรา
00:31:03 → 00:31:06 จะต้องจับตะเกียดที่คนบอกว่ามันเป็นวิธี
00:31:06 → 00:31:08 ที่ถูกต้องเนี่ยมันจะช่วยอะไรในการกิน
00:31:08 → 00:31:14 ลเมงครับ 1 มันจะช่วยให้จับได้ง่ายขึ้น
00:31:14 → 00:31:16 แล้วก็ 2 คือเวลากินพอเราคอนโทรลได้ว่า
00:31:16 → 00:31:19 เราจะครีบยังไงครีบเส้นเท่าไหร่มันก็จะ
00:31:19 → 00:31:22 สนุกขึ้นอือเช่นอ่ะอย่างแต่การกินซึเมง
00:31:22 → 00:31:25 อ่ะเราเราเลือกได้มั้ว่าเราจะครีบแค่นี้
00:31:25 → 00:31:27 สมมุติว่าเราคีบไม่ค่อยสะดวกใช่มเราคีบมา
00:31:27 → 00:31:28 ได้ 1 เส้นน่ะมัน
00:31:29 → 00:31:32 ก็เราอยากจะกิน 3 เส้นสมมุติว่า 3-4 เส้น
00:31:32 → 00:31:34 พร้อมกันจุ่มอร่อยๆกลายเป็นว่าเราครีบได้
00:31:34 → 00:31:36 แค่เส้นเดียวแล้วค่อยๆกินมันก็จะลำบาก
00:31:36 → 00:31:39 ขึ้นแล้วถามว่าทำไมเราถึงต้องใช้ตะเกียบ
00:31:39 → 00:31:41 ไม่งั้นเราก็ใช้ซ่อมสิไม่งั้นเราก็ใช้
00:31:41 → 00:31:44 อย่างอื่นสิก็อย่างที่บอกถ้าผมเอาซ่อมไม่
00:31:45 → 00:31:47 ว่าจะเป็นการม้วนหรือการพันหนึ่งในการกิน
00:31:47 → 00:31:51 ลาเม็งให้สนุกของญี่ปุ่นคือการสูดเส้นอืเ
00:31:51 → 00:31:53 ซูดเข้าไปเนี่ยถ้าเราใช้ส่อมมันก็ซูดไม่
00:31:53 → 00:31:57 ได้ถ้าเรากินเป็นช้อนมันก็หมดเข้าไปเลย
00:31:57 → 00:32:00 เอ่อมันก็จะย้อนกลับไปอีกว่าะแล้วซูตนไป
00:32:00 → 00:32:02 ทำไมญี่ปุ่นทำไมทำไมเค้าถึงซูดเส้นอมัน
00:32:02 → 00:32:06 ร้อนใช่มั้ยคนครับผมกินร้อนไม่ได้พอไป
00:32:06 → 00:32:09 ส่วนนึงก็คือเหมือนกับคล้ายๆพวกกาแฟอะไร
00:32:09 → 00:32:12 ที่แบบการสูดเข้าไปอ่ะมันเหมือนเรากิน
00:32:12 → 00:32:16 ทั้งกลิ่นกินทั้งรสเราเราได้กลิ่นมันมาก
00:32:16 → 00:32:18 กว่าเดิมตอนที่เราสูดมันเข้าไปสูดเส้นและ
00:32:18 → 00:32:21 อีกอันคือญี่ปุ่นเขาไม่กัดไม่กัดเส้นมัน
00:32:21 → 00:32:23 เ้าบอกว่ามันดูน่าเกลียดอ่ะสมมุติว่าผมผม
00:32:24 → 00:32:25 กินเส้นให้คนดูแล้วผมกัดปึ๊ดเนื้อแล้ว
00:32:25 → 00:32:28 เส้นก็หลุดลงไปอ่ะเรู้สึกว่าอันนั้นน่ะ
00:32:28 → 00:32:31 มันมันดูไม่สวยมันดูไม่ดีอือก็เหมือนเวลา
00:32:31 → 00:32:34 กินก็จะสูดจนหมดเส้นตรงนั้นน่ะสูดความยาว
00:32:34 → 00:32:38 เส้นซึ่งก็มีปลายปีเ้าละตอนสิ้นปีอ่ะต้อง
00:32:38 → 00:32:42 สูดสูดเส้นยาวๆอ่าสูดเส้นหนึ่งชามเดียวมี
00:32:42 → 00:32:44 เส้นเดียวสูดให้หมดเลยเพื่อให้มันอายุยืน
00:32:44 → 00:32:49 ยาวความเชื่อยาวหรืออีกเรื่องก็คืออย่าง
00:32:49 → 00:32:52 คนกินรามเองบางคนก็บอกว่าชอบฟลิ่งแบบกิน
00:32:52 → 00:32:55 ตอนร้อนๆสูดเข้าไปลงคออืซึ่งอันนี้ผมทำ
00:32:56 → 00:32:59 ไม่ได้ผมก็ไม่ก็เป็นความชอบของคนญี่ปุ่น
00:32:59 → 00:33:01 ญี่ปุ่นส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นคุณจับตะเกียบ
00:33:01 → 00:33:03 ถูกต้องมั้ยครับเดี๋ถ้าได้สังเกตมาในผมก็
00:33:03 → 00:33:05 ไม่เคยไปสังเกตคนอื่นเหมือนกันอยู่เหมือน
00:33:05 → 00:33:09 กันถ้าเป็นลูกค้าก็ถูก 99% ครับแบบที่ถูก
00:33:09 → 00:33:11 ต้องคืออะไรแบบแบบนี้แหละครับอ่ะลองลอง
00:33:11 → 00:33:13 สอนแบบวิธีการจับให้ผมดูหน่อยมันควรจะจับ
00:33:13 → 00:33:18 ยังไงจับจับจับ 2 อันไม่มีไม่มีหน้าที่มี
00:33:18 → 00:33:21 แค่หนุนอย่างเดียวครับแล้วก็แล้วก็จับจับ
00:33:21 → 00:33:24 จับให้รู้สึกว่าเรามั่นคงที่สุดอ่ะครับ
00:33:24 → 00:33:28 ต้องบอกว่าก็คือมั่นคงคือถ้าระยะไกลก็คง
00:33:28 → 00:33:30 จับไม่ได้ถ้าไกลไปก็อาจจะไม่ค่อยอยู่ไม่
00:33:30 → 00:33:32 มั่นคงทำให้รู้สึกว่ามันกระชับมือเราที่
00:33:33 → 00:33:36 สุดแล้วก็แล้วก็นิ้วเนี้ยกับนิ้วเนี้ย
00:33:36 → 00:33:39 ล็อคกันไว้บีบข้างล่างเนี่ย 3 นิ้วเนี่ย
00:33:39 → 00:33:43 บีบบีบ 3 นิ้วใช่มั้ย 3 นิ้วมันจะมีนิ้ว
00:33:43 → 00:33:45 นิ้วนิ้วนางนิ้วก้อยกับนิ้วโป้งเนี่ยจะ
00:33:45 → 00:33:48 ล็อคไว้ตลอดเวลาผมอ่ะแบ่งเป็น 2 ส่วนนะ
00:33:48 → 00:33:51 ส่วนเนี้ยคือล็อคเซตเนี่ยไม่ขยับเลยเซต
00:33:51 → 00:33:53 ตรงนี้ไม่ขยับเลยแล้วนิ้วข้างบนน่ะมีหน้า
00:33:53 → 00:33:56 ที่เพื่อให้แบบเปิดขึ้นเปิดลงเปิดขึ้น
00:33:56 → 00:33:58 เปิดลงเฉยๆผมเหมือนนิ้วกลางผมอ่ะเป็นตัว
00:33:58 → 00:34:02 คีย์ในการทำงานอ่ะนิ้วกลางออผมดันขึ้นดัน
00:34:02 → 00:34:04 ลงด้วยนิ้วกลางผมไม่รู้คุณโจก็น่าจะนิ้ว
00:34:04 → 00:34:07 กลางแหละความรู้สึกอ่ะแบบนี้จะทำให้การ
00:34:07 → 00:34:10 หนีบตะเกียบมั่นคงขึ้นใช่มั้อ๋อมั่นคง
00:34:10 → 00:34:12 กว่าการที่แบบเราเราจับคือบางทีเรา
00:34:12 → 00:34:14 คอนโทรลถ้าเราจับเงี้มันไม่มีอะไรล็อกค
00:34:14 → 00:34:17 มันก็จะเหมือนกับเดือน 2 ปีมันมันจะแบบ
00:34:17 → 00:34:19 ไม่มีตัวล็อคไอ้นี่คือเราล็อกคอันนึงให้
00:34:19 → 00:34:22 เป็นฐานให้นึกภาพว่าเรามีฐานปุ๊บแล้วเรา
00:34:22 → 00:34:25 ใช้นิดหนีบมันแล้วก็ดึงขึ้นมาอ่าใช่โอเค
00:34:25 → 00:34:28 วิธีเนี้ยมันช่วยทำให้เราครีบเส้นอะไรได้
00:34:28 → 00:34:30 มั่นได้แบบมันก็จะช่วยให้เราครีบเส้นได้
00:34:30 → 00:34:33 และมันก็กลับไปเห็นการเลิฟที่เราจะได้สูบ
00:34:33 → 00:34:36 เส้นได้คือปัญหาตอนกีฬาเมนอาจจะไม่ค่อย
00:34:36 → 00:34:39 ผสมผมเจอปัญหามากแต่มันจะเป็นปัญหากับตอน
00:34:39 → 00:34:42 เพราะมันจำเป็นต้องโยกมันต้องเคลื่อนที่
00:34:42 → 00:34:45 ครับใช่มันต้องมันต้องเคลื่อนที่มันมัน
00:34:45 → 00:34:47 เริ่มเปลี่ยนตำแหน่งแล้วมันไม่ได้อยู่แค่
00:34:47 → 00:34:50 ตรงเนี้ยถ้าตรงเนี้ยจะครีบพิสดารจะยังไง
00:34:50 → 00:34:52 มันก็ยังคงหล่นๆอยู่แถวๆนี้แหละครับแต่
00:34:52 → 00:34:55 ว่าถ้าอันเนี้ยครีบมันต้องหมูบางทีจิ้ม
00:34:55 → 00:34:58 นี่มั่งจึ้มนู่นมั่งมันก็คือเหมือนเรา
00:34:58 → 00:35:00 เริ่มกินโต๊ะโจแล้วครับอ่ะทางนี้หน่อยนะ
00:35:00 → 00:35:03 ทางนี้หน่อยนะมันเริ่มเคลื่อนที่อ่ะ
00:35:03 → 00:35:05 อันเนี้ยเริ่มจำเป็นต้องมีบ้างเพราะว่า
00:35:05 → 00:35:09 โอ้ยหลุดหล่นใช่ๆแล้วตัวเองผมรู้สึกเป็น
00:35:09 → 00:35:11 ปัญหาเยอะมากสำหรับคนทั่วไปเลยเพราะว่า 1
00:35:11 → 00:35:15 คือเส้นมันลื่นแล้วก็เส้นมันใหญ่และหนัก
00:35:15 → 00:35:18 ใช่ครับถ้าเกิดเราครีบแบบเรียกว่ามันถูก
00:35:18 → 00:35:20 ต้องเนี่ยมันจะทำให้แบบการย้ายไปย้ายมา
00:35:20 → 00:35:22 มันมั่งคงมากขึ้น
00:35:22 → 00:35:25 [เพลง]
00:35:25 → 00:35:29 งั้นเดี๋ยวผมให้สอนเอ่อวิธีการกินลาเม็ง
00:35:29 → 00:35:32 เบื้องต้นให้นิดนึงสมมุติว่าได้ลาเม็งมา
00:35:32 → 00:35:35 จากเชฟเรียบร้อยแล้วเนี่ยผมมีเวลาในการผม
00:35:35 → 00:35:38 ต้องต้องถ่ายรูปเนาะจริงๆแต่ว่ารูปก่อน
00:35:38 → 00:35:40 เรามีเรามีเวลาในการถ่ายรูปก่อนกินลเมง
00:35:40 → 00:35:42 แค่ไหน
00:35:42 → 00:35:45 ก็ผมให้ 10 วินาแบบอยากบอกทุกคนเลย 20
00:35:45 → 00:35:48 วินก็คือเท่าไหร่ 15 วินาอ่ะ 15 วินาทีนะ
00:35:48 → 00:35:51 ผมมีเวลา 15 วินาทีซึ่งอย่าพูดกันสิไม่
00:35:51 → 00:35:53 เป็นไรอ่ะสมมุติว่าเป็นเป็นแบบผมแล้วกัน
00:35:53 → 00:35:56 ผมก็ถ่ายรูปเรียบร้อยปุ๊บหลังจากนั้นผม
00:35:56 → 00:35:58 ควรทำไงกับมันต่อตักซุปครับตักซุปแล้วก็
00:35:58 → 00:36:00 ชิมว่ารสชาติที่เราต้องการกินอยู่เนี่ย
00:36:00 → 00:36:03 มันคืออะไรครับทีนี้ถ้าเกิดฟังคุณโจมา
00:36:03 → 00:36:07 ตั้งแต่เมื่อกี้มันจะมีของแต่ละอันเนาะ
00:36:07 → 00:36:09 ข้างบนมันเป็นน้ำมันใช่มั้ฮะใช่ครับใช่
00:36:09 → 00:36:11 ครับเราควรตักไปจนถึงแบบซุปข้างล่างเลย
00:36:11 → 00:36:14 ใช่ครับอโอเคแล้วคือแล้วก็ในพื้นที่ที่
00:36:14 → 00:36:17 เป็นพื้นที่โล่งก็คือหมายความว่าพื้นที่
00:36:17 → 00:36:20 ที่ไม่เจออะไรเลยไม่เจออะไรเลยแปลว่าอะไร
00:36:20 → 00:36:22 ไม่เจออะไรเลยก็คือเจอแต่น้ำซุปไม่ได้วาง
00:36:22 → 00:36:25 ท็อปปิ้งไว้ไม่ได้วางหมูไว้เพราะว่ารถมัน
00:36:25 → 00:36:29 จะรถมันจะส่งผลต่อใช่ไม่ให้ไปให้เอาช้อน
00:36:29 → 00:36:31 เนี่ยไปตักซุปเฉพาะตรงที่มันเป็นขี้ว่างๆ
00:36:31 → 00:36:33 เอาไว้มันจะมีแบบเส้นแล้วก็ตรงนี้ไม่ได้
00:36:33 → 00:36:35 วางท็อปปิ้งอะไรไว้เนี่ยก็เอาจากตรงนั้น
00:36:35 → 00:36:39 มาดูก่อนว่าแบบมันจะลวกปากมั้ยอ๋อมันจะรส
00:36:40 → 00:36:42 ชาติประมาณไหนให้เราให้เราสังเกตอ่าการ
00:36:42 → 00:36:45 เปลี่ยนแปลงของรสชาติใช่ก็คือในสเต็ปที่ 1
00:36:45 → 00:36:48 คือรสชาติของซุปที่เป็นเริ่มต้นเป็นยังไง
00:36:48 → 00:36:50 โอเคหลังจากนั้นหลังจากที่เราชิมซุปแล้ว
00:36:50 → 00:36:52 เราต้องทำไงยุ่งกับเส้นก็เริ่มยุ่งกับ
00:36:52 → 00:36:55 เส้นแล้วครับอ่าก็คือครีบเส้นขึ้นมาวิธี
00:36:55 → 00:36:59 การครีบเส้นก็ถ้ากินแบบเอ่อผู้ชายญี่ปุ่น
00:36:59 → 00:37:02 จะมี 2 แบบกินแบบผู้ชายญี่ปุ่นก็คือดึง
00:37:02 → 00:37:05 เส้นขึ้นมาแล้วเห็นให้เห็นจุดสิ้นสุดของ
00:37:05 → 00:37:10 เส้นอือแล้วก็ทำการถอนสมองแล้วก็เอาตัวไป
00:37:10 → 00:37:15 ใกล้ครับแล้วก็ซูดซูดอืดนี่คือ 1 ชุดไม่
00:37:15 → 00:37:18 ไม่ยกขึ้นมาแล้วยังพันๆกันอยู่ข้างล่าง
00:37:18 → 00:37:22 เวลาซูตจะดึงไม่ผ้นเพราะว่าเส้นมันยังพัน
00:37:22 → 00:37:24 กันอยู่เหมือนเหมือนเส้นมันดึงขึ้นมาแล้ว
00:37:24 → 00:37:27 มันยให้มันจบเส้นคือถึงบอกว่าตะเกียบมัน
00:37:27 → 00:37:29 สำคัญเพราะถ้าดึงตะเกียบขึ้นมาแล้วไม่
00:37:29 → 00:37:31 เห็นขอบสิ้นสุดของเส้นน่ะเราจะเห็น
00:37:31 → 00:37:33 ตำแหน่งว่าเราจะสูบเส้นอยู่ประมาณไหนแล้ว
00:37:33 → 00:37:35 ค่อยล่นล่นลงมาแต่ถ้าเป็นผู้หญิงญี่ปุ่น
00:37:35 → 00:37:38 ทานอันนี้ก็จะใช้ช้อนเข้ามาเป็นตัวประกอบ
00:37:38 → 00:37:41 ก็คือยกขึ้นมาแล้วก็มาทิ้งไว้ในช้อนแล้ว
00:37:41 → 00:37:43 ก็กินแบบผู้ดีแต่กินจากตะเกียบอยู่ดีๆใช่
00:37:43 → 00:37:47 มั้ยไม่ได้กินช้อนใช่กินก็คือมีหน้าช้อน
00:37:47 → 00:37:50 มีหน้าที่แค่พักพักใช่หรืออาจจะตากน้ำซุป
00:37:50 → 00:37:54 มาบ้างให้มันคอแล้วก็สูดขึ้นไปก็คือหลักๆ
00:37:54 → 00:37:56 คือคนญี่ปุ่นเ่ะยังไงก็ต้องสูตรเส้นใช่ก็
00:37:56 → 00:37:59 คือ 1 คำ 1 คำ 1 คำหมายถึงว่าในทุกๆการ
00:37:59 → 00:38:02 ที่มันอยู่ในช้อนเนี่ยมันคือการดึงเส้น
00:38:02 → 00:38:05 ขึ้นมา 1 คำใช่ครับอ๋อโอเคก็คือการสูด
00:38:05 → 00:38:09 เนี่ยเพื่อให้เราได้ทั้งกลิ่นและรสของมัน
00:38:09 → 00:38:12 แล้วถ้าเกิดบางทีทุกคนถ้าใครอยากจะแบบ
00:38:13 → 00:38:15 สูตรเส้นลำเองแล้วแบบหาสูตรใหม่ๆเงี้ยการ
00:38:15 → 00:38:17 ดึงขึ้นมาโดยที่ไม่ได้แบบเห็นปลายเนี่ย
00:38:17 → 00:38:20 บางทีมันจะสำลักแล้วก็มันก็จะมันก็มันก็
00:38:20 → 00:38:22 กลายเป็นกัดสักก็ต้องกัดให้มันขาดซึ่งใน
00:38:22 → 00:38:25 ไทยเราก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกเพียงแต่ว่า
00:38:25 → 00:38:27 อธิบายให้ฟังว่าที่ญี่ปุ่นแค่กัดลงมาเรู้
00:38:27 → 00:38:30 สึกเป็นเหมือนเศรษจากอะไรเงี้ยเก็ไม่ชอบ
00:38:30 → 00:38:33 โอเแล้วเราต้องกินเส้นกับซุปไปแค่ไหนครับ
00:38:33 → 00:38:37 จนกว่าจะแบบเริ่มไปถึงตัวทรงจริงๆก็แล้ว
00:38:37 → 00:38:41 แต่ละครับก็คือจริงๆก็แล้วแต่ว่าเราพอใจณ
00:38:41 → 00:38:44 จุดนั้นใช่หรือเปล่าสมมุติเรากินไปสัก 3
00:38:44 → 00:38:46 คำเราก็คือโอเคละเราพอรู้รสและเราพอเข้า
00:38:46 → 00:38:48 ใจแล้วว่าตอนนี้มันคืออะไรหลังจากนั้นเรา
00:38:48 → 00:38:51 เริ่มไปเยี่ยมชมอื่นบ้างก็มันจะมีแบบอ่า
00:38:51 → 00:38:54 ท็อปปิ้งต่างๆใช่มั้หรือรวมถึงซอสต่างๆ
00:38:54 → 00:38:56 อะไรเงี้ยที่เขาวางไว้ตามตำแหน่งอะไร
00:38:56 → 00:38:59 เงี้ยเราเรากินท็อปปิ้งอย่างเดียวหรือเรา
00:38:59 → 00:39:01 กินท็อปปิ้งพร้อมเส้นครับกินจริงๆส่วน
00:39:02 → 00:39:04 ใหญ่ก็จะกินท็อปปิ้งอย่างเดียวไม่เคยเห็น
00:39:04 → 00:39:07 เกินพอปปิ้งพร้อมเส้นอย่างยฉันเช่นวันตัน
00:39:07 → 00:39:09 เนี่ยก็เห็นเขาก็กินวันตันอย่างเดียว
00:39:09 → 00:39:12 สาหร่ายคุณเอออ่าสาหร่ายเนี่ยคือส่วนใหญ่
00:39:12 → 00:39:16 จะมีทั้ง 2 มีหลายวิธีจุ่มจุ่มให้เปียก
00:39:16 → 00:39:20 แล้วก็กินอย่างนั้นเลยกับจุ่มแล้วก็ครีบ
00:39:20 → 00:39:23 ไปพร้อมกับเส้นก็มีถ้าเป็น EAK ก็คือจุ่ม
00:39:24 → 00:39:26 กับเส้นเอามาผม
00:39:26 → 00:39:29 ขาวคือเกินข้าวคือโค้ชสื่อประเภทนึงที่
00:39:29 → 00:39:32 อยู่ในโยโกฮาส่วนใหญ่จะมีข้าวมาให้ด้วย
00:39:32 → 00:39:34 ส่วนใหญ่เขาจะสาหร่ายวางเป็นแบบเหมือน
00:39:34 → 00:39:38 ด่านเหมือนม่านนะแปไทยซุปอะไรนะซุปไก่ข้น
00:39:38 → 00:39:42 ซุปซุปไก่ข้นสงโคสึใส่น้ำมันไก่หมูซุป
00:39:42 → 00:39:45 กระดูกหมูเออใส่โชูใส่โชูสไตล์สไตล์
00:39:45 → 00:39:49 โยโกฮ่าใช่ของบางอย่างก็สังเกตเช่นถ้า
00:39:49 → 00:39:52 เกิดว่ามีมะนาวเลมอนอะไรพวกนี้ก็ดูเอา
00:39:52 → 00:39:53 แล้วกันเพราะว่าถ้าถ้าเกิดเราปล่อยทิ้ง
00:39:53 → 00:39:57 ไว้นานมันอาจจะขมได้หรือบางอย่างที่เขา้า
00:39:57 → 00:40:00 อาจจะไม่ได้เผื่อไว้เช่นไข่มันอาจจะสุก
00:40:00 → 00:40:03 เกินไปหรือหมูสุกเกินไปไข่ส่วนใหญ่เมักจะ
00:40:03 → 00:40:06 ไม่ค่อยผ่าเพราะว่าเขามองมีเรื่องไข่
00:40:06 → 00:40:07 เนี่ยมันจะเป็นเรื่อง sensitive อย่าง
00:40:07 → 00:40:09 อจิไซเนี่ยพูดชัดเจนอาชีไซที่นาโกย่านะ
00:40:09 → 00:40:13 ครับเป็นร้านที่พวกเราชอบอีกร้านนึงก็คือ
00:40:13 → 00:40:16 เขาจะพูดว่าไข่อ่ะเขาไม่ใส่ลงไปในชาม
00:40:16 → 00:40:18 เพราะว่าเขาคิดว่าการที่มีไข่ลงไปในชาม
00:40:18 → 00:40:20 ลาเมนเขาจะเสิร์ฟแยกเลยครับไม่ว่าคุณจะ
00:40:20 → 00:40:23 สั่งแต่ละร้านนี้มีไข่เสิร์ฟอย่างถ้าถ้า
00:40:23 → 00:40:25 เป็นอีกร้านร้านอื่นๆอาจจะไม่มีแบบถ้า
00:40:25 → 00:40:27 ร้านแบบพวกแนวแนวหน้าส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมี
00:40:27 → 00:40:31 ไข่สังเกตฟิวราเมนฟิวก็ไม่มีไข่อคือเขา
00:40:31 → 00:40:34 มองว่าไข่เนี่ยเวลามันถูกเฉาะออกมาโดนแตก
00:40:34 → 00:40:37 ออกมามันทำให้ไข่แดงมันทำรสชาติให้น้ำซุป
00:40:37 → 00:40:40 มันเสียไม่ใช่โจ๊กฮ่องกง
00:40:40 → 00:40:43 อะไรอย่างงั้นก็เลยก็เลยเลือกตัดสินใจให้
00:40:43 → 00:40:46 มันแยกออกมาในช้ำหรือไม่ผ่าเออบางบางร้าน
00:40:46 → 00:40:49 ผมก็จะเห็นว่าเขาก็จะแยกหมูแยกท็อปปิ้ง
00:40:49 → 00:40:51 ออกมาข้างนอกใช่ในกรณีที่ผ่าส่วนใหญ่ซุป
00:40:51 → 00:40:54 จะอยู่แล้วอย่างยกตัวอย่างเช่นโyไตันไม่
00:40:54 → 00:40:57 มีปัญหาก็จะใส่ไข่มาด้วยเป็นไข่ดิบใช่มั้
00:40:57 → 00:41:01 ตรงไข่ดิบคสึหรือว่าตรงขสึก็มีมีอะไรที่
00:41:01 → 00:41:04 มันดูแบบ heavy พอที่จะต่อต้านกับไข่ได้
00:41:04 → 00:41:07 จะยอมให้ใส่ไข่ผ่าหรือใส่ไข่ดิบลงไปใช่
00:41:07 → 00:41:11 แล้วเราควรกินเส้นไปเรื่อยๆจนบาลานซกับ
00:41:11 → 00:41:13 ซุปจนมันหมดชามพร้อมๆกันเนี่ยฮะหรือว่า
00:41:13 → 00:41:17 ใช่เอ่อส่วนใหญ่เอ่อถ้าดูจากลักษณะการกิน
00:41:17 → 00:41:20 ลาเมนโดยทั่วไปถ้าผมดูคลิปไวครับก็คือดูเ
00:41:20 → 00:41:24 ชาวบ้านเกินนะส่วนใหญ่เขาจะกินจนหมดก็คือ
00:41:24 → 00:41:26 เริ่มต้นจากการกินลเมนน้ำซุปเส้นแล้วก็
00:41:26 → 00:41:28 กินไปเสร็จปุ๊บก็เริ่มกินเครื่องทั้งหมด
00:41:28 → 00:41:30 ให้หมดแล้วหลังจากนั้นจะเหลือเส้นกับน้อง
00:41:30 → 00:41:33 ซุปอีกนิดหน่อยเนี่ยหลักก็หลังจากนั้นเก็
00:41:33 → 00:41:36 จะเริ่มเริ่มช่วงเค้าเรียกวิทจนกว่าจะหมด
00:41:36 → 00:41:39 อันนั้นคือเรียกว่าเหมือนเป็นช่วงจบของ
00:41:39 → 00:41:41 ชามจะไม่ค่อยเหลือแล้วก็เหลือไข่ไว้ลูก
00:41:41 → 00:41:43 นึงอะไรเงี้ยเพื่อจะมากินหรือว่าช่วงท้าย
00:41:43 → 00:41:45 ๆที่ไม่ได้ซีเรียสแล้วว่าน้ำซุปจะเปลี่ยน
00:41:45 → 00:41:48 รถหรือไม่เปลี่ยนรถก็จะเฉาะไข่ลงไปเพิ่ม
00:41:48 → 00:41:51 ก็อันนี้ก็ไม่ว่ากันอือซึ่งถึงบอกว่ามัน
00:41:51 → 00:41:54 ไม่จำเป็นต้องคนหรอกเพราะว่าเราอยากจะแบบ
00:41:54 → 00:41:58 เราอยากจะอเมนถึงต้องไม่คนด้วยเอ่อบางคน
00:41:58 → 00:42:00 ราเมงมาปุ๊บจะคุกทุกอย่างรวมกันเลยไม่คือ
00:42:00 → 00:42:03 มันมาจากผมก็คงก๋วยเตี๋ยวแหละที่ว่าชิม
00:42:03 → 00:42:06 ก่อนปรุงอ่ะคือแบบทำให้ชัวรสโอเคก่อนแล้ว
00:42:06 → 00:42:09 ก็แล้วก็อีกความเชื่อนึงที่ถ้าเป็นที่
00:42:09 → 00:42:12 บ้านก็จะพูดว่ามันยังไม่เข้ากันอืยังรู้
00:42:12 → 00:42:14 สึกว่ามันไม่เข้ากันเออมันยังไม่เข้ากัน
00:42:14 → 00:42:16 มันยังไม่รวมมันยังไม่รวมกันน่ะมันยังกิน
00:42:16 → 00:42:19 ไม่ได้มันยังแบบมันเหมือนกระจุยกระจายแต่
00:42:19 → 00:42:22 ล่าเมนเนี่ยถามว่ามันมีเรื่องอะไรหลักๆก็
00:42:22 → 00:42:24 คือเรื่องความแบบเอ่อเค้าเรียกความร้อน
00:42:24 → 00:42:28 การที่เอ่อยกขึ้นมายกขึ้นยกลงทำให้ความ
00:42:28 → 00:42:30 ร้อนมันลดลงแล้วเหมือนแล้วตีรวนผิวฟิล์ม
00:42:30 → 00:42:32 ด้านบนที่เป็นของน้ำมันน้ำมันน่ะมันมี
00:42:32 → 00:42:35 หน้าที่ 1 แน่นอนเรื่องของกลิ่น 2 คือร
00:42:35 → 00:42:38 การปกป้องความร้อนในชาออืก็คือทำยังไงก็
00:42:38 → 00:42:39 ได้ให้รักษาความร้อนราเมงไว้ให้เยอะที่
00:42:39 → 00:42:43 สุดใช่ยิ่งเราตีรวนมันมากเท่าไหร่ยิ่งทำ
00:42:43 → 00:42:46 ให้มันลดลงอุณหภูมิยิ่งลดลงเร็วเท่านั้น
00:42:46 → 00:42:50 เพราะฉะนั้นอยากคลุกราเม็งอืมก็ก็ดีกว่า
00:42:50 → 00:42:53 ครับดีถ้าถ้าอยากได้ความตั้งใจของเชฟอย่า
00:42:53 → 00:42:56 อย่าคุกลาเม็งใช่เพราะญี่ปุ่นทุกคนก็เวลา
00:42:56 → 00:42:58 พูดว่าคนลาเม็งทุกคนจะตกใจหมดคือเพราะว่า
00:42:58 → 00:43:00 ถ้าพูดว่ามันมีเหตุผลรองรับอย่างที่บอก
00:43:00 → 00:43:02 อ่ะคุณหมีอยากให้มันเย็นตอนที่เราจะกิน
00:43:02 → 00:43:03 เราหยิบมาเฉพาะส่วนที่เราจะกินแล้วเรา
00:43:04 → 00:43:06 ค่อยเป่าให้เย็นแล้วเราก็จะครีปความร้อน
00:43:06 → 00:43:08 ตรงนี้ไว้ได้แต่จริงๆอ่ะถ้าถามผมมันก็คือ
00:43:08 → 00:43:11 วัฒนธรรมแหละครับเพราะว่าอย่างคนไทยอ่ะ
00:43:11 → 00:43:13 เราอยู่ในเมืองร้อนเนาะเราคงไม่อยากกิน
00:43:13 → 00:43:15 ของร้อนเราอยากกินน้ำเย็นแต่ญี่ปุ่นมัน
00:43:15 → 00:43:17 อยู่ในเมืองหนาวอ่ะมันอยากกินของที่ร้อน
00:43:17 → 00:43:19 มันไม่อยากกินของที่เย็นถ้าสรุปเมื่อกี้
00:43:19 → 00:43:22 ก็คือการกินเรียงลำดับที่เขาตั้งใจให้เรา
00:43:22 → 00:43:24 กินอย่างงั้นอยู่แล้วแล้วก็อย่างที่คุณโจ
00:43:24 → 00:43:25 บอกเมื่อกี้เนาะก็คือแบบเรากินเส้นก่อน
00:43:25 → 00:43:29 แล้วค่อยๆกินซุปกินเส้นไล่ๆไปเรื่อยๆจน
00:43:29 → 00:43:32 มันจะเจอการเปลี่ยนแปลงในระหว่างชามที่
00:43:32 → 00:43:35 ที่แบบรถเจอต้นหอมมันก็จะเปลี่ยนรถไปอะไร
00:43:35 → 00:43:37 เงี้ยเจอท็อปปิ้งที่อยู่ในชามมันก็ถ้ามัน
00:43:37 → 00:43:39 มีเรื่องการลมพันเข้ามาเกี่ยวข้องหรือว่า
00:43:39 → 00:43:42 มันมีเรื่องของการใส่อะไรลงไปในในตัวของ
00:43:42 → 00:43:45 กลิ่นอ่ะครับไก่อาจจะมีกลิ่นยูสุลงไปมัน
00:43:45 → 00:43:47 ก็คือการแปรปวนของรสชาติทำให้เรารู้สึก
00:43:47 → 00:43:51 สนุกไปกับบรรยากาศที่มันเค้าดีไซน์ไว้อ่ะ
00:43:51 → 00:43:54 ครับการที่ไม่คนน่ะส่วนนึงก็อย่างเช่น
00:43:54 → 00:43:56 เมื่อกี้คุณโจพูดยูื่ออยู่บนไก่อ่ะบางที
00:43:56 → 00:43:59 ยูสึมันไม่ได้มีแรงเยอะขนาดนั้นสมมุติเรา
00:43:59 → 00:44:02 ผสมมันลงไปปุ๊บแทนที่กะจะให้กินกับไก่
00:44:02 → 00:44:04 หรือสมมุติผมมีซอสแค่นิดเดียวอยู่บนหมู
00:44:04 → 00:44:06 อ่ะกะว่าให้กินเข้าไปแล้วเล่นรสชาติหมู
00:44:06 → 00:44:09 กับซอสแต่พอเราไปคนปุ๊บซอสมันเชื่อมันก็
00:44:09 → 00:44:13 คือกลายเป็นมันหายมันก็จะหายไปเลยอ่ะก็
00:44:13 → 00:44:15 ไอ้การที่เชฟเ้าใส่เข้าไว้ข้างบนนิดนึง
00:44:15 → 00:44:18 อ่ะมันมีความหมายอยู่ว่าไม่ได้อยากให้กิน
00:44:18 → 00:44:20 ด้วยอยากให้กินกับสิ่ง
00:44:20 → 00:44:23 ใช่ใช่อ่าโอเค
00:44:23 → 00:44:25 [เพลง]
00:44:25 → 00:44:30 อีกอย่างนึงที่เอ่อคนยังเข้าใจผิดหรืออาจ
00:44:30 → 00:44:33 จะยังไม่เข้าใจมากก็คือสุคเมงสึเมงคือ
00:44:33 → 00:44:36 ลาเมงจุ่มเนาะก็คือจะมีถ้วยซุปมาให้ถ้วย
00:44:36 → 00:44:40 เส้นมาให้อันเนี้ยบางคนเมื่อก่อนผมก็เป็น
00:44:40 → 00:44:42 ก็จะใส่เส้นลงไปในซุปเลยหรือเทซุปลงมาใน
00:44:42 → 00:44:45 เส้นเลยอย่างเงี้ยอฮมันมีวิธีการกินสุก
00:44:45 → 00:44:47 เคเม็งที่ถูกต้องมั้ยคือคำว่าซึเคภาษา
00:44:47 → 00:44:50 ญี่ปุ่นแปลกว่ายิบหรือว่าแปลว่าจุ่มเมนก็
00:44:50 → 00:44:53 แปลว่าเส้นก็คือการจุ่มเส้นแน่นอนเพราะ
00:44:53 → 00:44:56 ชื่อมันตรงๆแล้วแสดงว่าเราจะต้องทำเอา
00:44:56 → 00:44:59 เส้นไปจุ่มกับซุปแต่ว่าคือทุกวันเนี้ย
00:44:59 → 00:45:02 ด้วยความที่อาหารประเภทเนี้ยมันมีเส้นกับ
00:45:02 → 00:45:04 น้ำซุปมันใกล้เคียงกับอาหารไทยเพราะ
00:45:04 → 00:45:07 ฉะนั้นมันเลยเกิดวัฒนธรรมเชิงซ้อนก็คือ
00:45:07 → 00:45:10 เราคิดว่ามันคือขนมจีนเราก็เลยเอาน้ำซุป
00:45:10 → 00:45:12 มาตักราดเอาเส้นเอาชามเส้นมาอยู่ใกล้ตัว
00:45:12 → 00:45:17 เราก็ราดอืแล้วก็กินอจริงๆหรือเทลงไปทั้ง
00:45:17 → 00:45:20 ชามหรืออีกกรณีนึงคือเอาน้ำซุปเทลงไปใน
00:45:20 → 00:45:23 เส้นอีกอันนึงคือเอาเส้นเทลงไปในซุปอือัน
00:45:23 → 00:45:25 อันนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยากให้ทำ
00:45:25 → 00:45:28 เท่าไหร่แต่ว่าหลักๆของมันตั้งใจไว้เพื่อ
00:45:28 → 00:45:31 ให้เราเอาเส้นเนี่ยไปจิ้มสุจุ่มใช่เพราะ
00:45:31 → 00:45:36 ว่าชื่อมันคือเมนว่าราเมนที่เมนที่เอาไป
00:45:36 → 00:45:39 จุ่มอ่าแล้วจุ่มในปริมาณที่พอเหมาะด้วยนะ
00:45:39 → 00:45:43 ครับโอเคผมตั้งคำถามเลยว่าสึกเมงมันถ่าย
00:45:43 → 00:45:46 รูปได้มั้ยได้ครับได้สึกเมงนี่ยังถ่ายรูป
00:45:46 → 00:45:49 ได้นานกว่าราเมจริงๆจะนานกว่าด้วยนะเพราะ
00:45:49 → 00:45:51 ว่าซุปมันต้องให้ต่อสู้กับเส้นได้ระดับ
00:45:51 → 00:45:53 นึงฉะนั้นการเก็บความร้อนจะดีกว่าแล้ว
00:45:53 → 00:45:56 เส้นมันก็อยู่ในสภาพที่ใช่ใช่อยู่ในความ
00:45:56 → 00:45:59 เค้าเรียกว่าเอื้ออือ่ะถ้าได้มาได้ซุปกับ
00:45:59 → 00:46:02 เส้นมาแล้วเราควรเริ่มกินยังไงครับปกติ
00:46:02 → 00:46:05 มักจะกินทานเส้นก่อนกินเส้นก่อนก็คือถ้า
00:46:05 → 00:46:07 ได้ซุปของเส้นมาดมกลิ่นยกขึ้นมาแล้วก็ดม
00:46:08 → 00:46:11 กลิ่นแล้วก็ลองทานดูก่อนว่ามันรสชาติ
00:46:11 → 00:46:14 ประมาณไหนอันนี้เพื่ออะไรครับเพื่อได้รับ
00:46:14 → 00:46:17 รสกลิ่นของคือเส้นเราอยากรู้ว่ารสรสมัน
00:46:17 → 00:46:21 เป็นยังไงกลิ่นมันเป็นยังไงอเพื่อที่ก่อน
00:46:21 → 00:46:23 ที่จะไปจุ่มเพราะมันก็จะเห็นได้ชัดกว่า
00:46:23 → 00:46:26 และการที่เราเอาเส้นน่ะมากินไปก่อนเนี่ย
00:46:26 → 00:46:28 เราจะได้รู้ว่าอ๋อมันอย่างหนาประมาณนี้นะ
00:46:28 → 00:46:31 มันเคี้ยวประมาณนี้นะถ้าถ้าคิดจริงๆก็คือ
00:46:31 → 00:46:33 สำหรับนักกินแบบโอเคเราจะได้ครีบได้ถูก
00:46:33 → 00:46:36 ว่าโอ้อันนี้มันเส้นออกนิ่มเราจุ่มเยอะ
00:46:36 → 00:46:38 หน่อยก็ได้หรือเอ้ยเส้นอันนี้แข็งนะเรา
00:46:38 → 00:46:40 ครีบน้อยลงดีกว่าเราก็จุ่มอืมันจะมาออก
00:46:40 → 00:46:43 แบบตอนจุ่มอีกทีนึงครับเพราะว่าตอนนี้
00:46:43 → 00:46:45 ตะเกียบจะค่อนข้างสำคัญเพราะว่าเอ่อถ้า
00:46:45 → 00:46:48 เรามันจะในทุกๆทำเราจะสามารถเปลี่ยนแปลง
00:46:48 → 00:46:51 รสชาติในการกินได้หมายความว่าเราสามารถ
00:46:51 → 00:46:54 จุ่มครึ่งนึงแล้วให้ยังรสชาติ 2 เส้นน่ะ
00:46:54 → 00:46:56 ยังอยู่ในพาร์ทของครึ่งนึงแล้วก็อีกครึ่ง
00:46:56 → 00:46:59 นึงที่มันโดนน้ำซุปเนี่ยมันก็ยังคงอยู่
00:46:59 → 00:47:01 นั่นเท่ากับว่าเรายังได้รสชาติของเส้น
00:47:01 → 00:47:03 แล้วก็ได้รสชาติของซุปไปในเวลาเดียวกัน
00:47:03 → 00:47:06 หรืออีกคำนึงเปลี่ยนใจไม่เอาเอาหมดเลย
00:47:06 → 00:47:10 จุ่มมันไปทั้งชุดเลยแล้วก็ให้มันทั้ง 100%
00:47:10 → 00:47:12 ของเส้นน่ะเคลือบไปด้วยซุปก็สามารถจะ
00:47:12 → 00:47:15 enjoy ไปกับซุปในลักษณะของการกินซุปที่
00:47:15 → 00:47:17 มากกว่าเส้นก็ได้แต่ว่าไม่ได้มีกฎตายตัว
00:47:17 → 00:47:21 ว่าคุณควรจะจุ่มเส้นลงไปแค่ไหนใช่เหตุผล
00:47:21 → 00:47:24 นึงก็คือว่าเราไม่รู้ว่าซุปตัวเนี้ยมันรส
00:47:24 → 00:47:27 ชาติจัดแค่ไหนบางร้านเขาอาจจะซุปค่อนข้าง
00:47:27 → 00:47:31 เค็มค่อนข้างเหนียวแล้วหัวของคนกินหัวคน
00:47:31 → 00:47:34 ทำคิดว่าจุ่มครึ่งนึงแล้วชิมกำลังดีออ
00:47:34 → 00:47:36 หรือกับอีกเจ้านึงก็บอกอะไรพอดีกับเราใช่
00:47:36 → 00:47:38 ฉะนั้นจริงๆแล้วการจุ่มเท่าไหร่เนี่ยขึ้น
00:47:39 → 00:47:41 อยู่ว่าอะไรพอดีกับเราให้เราให้เรานึกเอา
00:47:41 → 00:47:44 เองว่าเราชอบจะชอบประมาณไหนใช่ฉะนั้นเหตุ
00:47:44 → 00:47:45 ผลหนึ่งของการที่ไม่เอาเส้นทั้งหมดลงไป
00:47:45 → 00:47:48 แช่เลย 1 เส้นมันจะได้ในซุปมันจะได้เก็บ
00:47:49 → 00:47:51 ความร้อนไว้อยู่ 2 คือเส้นมันจะได้ไม่
00:47:51 → 00:47:53 เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นอยู่ในซุปนานจนอืด
00:47:53 → 00:47:56 และ 3 ก็คือว่าเราสามารถคอนโทรลได้ว่าเรา
00:47:56 → 00:47:59 ชอบแต่ว่าสุดท้ายท้ายสุดอ่ะมันมาจากความ
00:47:59 → 00:48:03 ที่ตะเกียบแหละเพราะถ้าแบบโอ้ยบ่อยๆ
00:48:03 → 00:48:07 เหนื่อยโยนมันไปเลยแล้วก็เดี๋ยวไปหาวิธี
00:48:07 → 00:48:10 ด้นมาจากในนั้นมันก็จะสุดท้ายมันก็จะเป็น
00:48:10 → 00:48:12 เรื่องตะเกียบอีกเพราะว่าจากประสบการณ์
00:48:12 → 00:48:15 ที่ขายของมาก็จะรู้ว่าบางคนเบอกพี่คีบมัน
00:48:15 → 00:48:18 นานก็เมื่อยเหมือนกันนะเออแต่ผมอ่ะเอาใส่
00:48:18 → 00:48:20 ไปอย่างงั้นแหละเพราะว่าบางทีผมผมว่า
00:48:20 → 00:48:23 เดี๋ยวผมไปด้นจะพอพอพอมันอยู่ในนี้แล้ว
00:48:23 → 00:48:25 ตะเกียบมันใช้ง่ายขึ้นเราแค่ไกลมันเข้า
00:48:25 → 00:48:28 ปากใช่แค่แค่พยายามทำให้มันเข้าไปแต่สิ่ง
00:48:28 → 00:48:31 นั้นจะทำให้เราได้รับความเค็มจนเกินไปใช่
00:48:31 → 00:48:35 ๆก็ก็คิดว่าเราแบ่งมันกินด้วยความพอดีของ
00:48:35 → 00:48:38 เรามากกว่าว่าแล้วเส้นประมาณนี้อยากได้
00:48:38 → 00:48:42 ประมาณไหนแต่ว่าแนะนำให้ยกเส้นมาจุ่มมาก
00:48:42 → 00:48:46 กว่าจะใส่ทีละเยอะหรือว่าครีบจำนวนแค่พอ
00:48:46 → 00:48:49 เหมาะอเพื่อจะได้รับรสให้หลายๆรูปแบบแล้ว
00:48:49 → 00:48:53 ก็เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวผู้ทาน
00:48:53 → 00:48:54 อ่าอันนี้มันก็กลับมาเรื่องว่ากินลเมงยัง
00:48:54 → 00:48:57 ไงให้อร่อยก็คือนี่นี่ก็เป็นหนึ่งในวิธี
00:48:57 → 00:49:00 กินเนี่ยบางทีบางคนจุ่มลงไปหมดเลยกินไป
00:49:00 → 00:49:03 โอ้เค็มทั้งๆที่เฮ้ยจริงๆถ้าเรากินครึ่ง
00:49:03 → 00:49:06 นึงแล้วกินมันอาจจะอร่อยก็ได้ซึ่งไอ้
00:49:06 → 00:49:08 เรื่องนี้มันก็จะเป็นปัญหาอีกว่าสมมุติ
00:49:08 → 00:49:11 ว่าครีบลงไปแล้วเยอะเกินแล้วกินตอนแรกๆก็
00:49:11 → 00:49:13 อาจจะกิน Enjoy โอ้ได้เลยแต่พอวางไว้สัก
00:49:13 → 00:49:17 พักนึงเส้นนอกจากขยายตัวแล้วคืออื่นมันจะ
00:49:17 → 00:49:20 รับรถเข้าไปเริ่มเยอะคำนะครับเข้มแต่
00:49:20 → 00:49:22 เมื่อก่อนผมไม่ได้คิดถึงเรื่องจุ่มครึ่ง
00:49:22 → 00:49:24 นะเออฉะนั้นซึ่งมันก็เป็นเรื่องนึงที่
00:49:24 → 00:49:26 เกิดจากการเรียนรู้อ่ะผมว่ามันก็เป็น
00:49:26 → 00:49:28 เรื่องนึงที่ทำให้เออเรา enjoy กับมันมาก
00:49:28 → 00:49:31 ขึ้นอแต่คนเอ่อเชฟญี่ปุ่นที่ทำราเมงเขาก็
00:49:31 → 00:49:34 ออกแบบว่าให้เราจุ่มประมาณครึ่งนึงอืไม่
00:49:34 → 00:49:37 ไม่เสมอไปและเท่าที่เคยถามก็คือแล้วแต่ก็
00:49:37 → 00:49:40 คือคุณคุณเค็มน้อยคุณก็จิ้มเยอะคุณเค็ม
00:49:40 → 00:49:45 เยอะคุณก็จิ้มน้อยตามแล้วแต่คนนะครับใช่
00:49:45 → 00:49:48 หลายๆรูปแบบครึ่งนึงโอเคอันนี้เยอะอันนี้
00:49:48 → 00:49:50 น้อยคือมันก็จะกลับมาว่าแล้วผมกินครึ่ง
00:49:50 → 00:49:53 นึงแล้วมันเข้าหรือเปล่านั้นเป็นเรื่อง
00:49:53 → 00:49:55 ความชอบแล้วละเเดาไม่ได้หรอกว่าเราจะจุ่ม
00:49:55 → 00:49:57 หมดหรือเปล่าเมีหน้าที่พยายามให้มัน
00:49:57 → 00:50:00 ตะเกียบแล้วพวกเอ่อแล้วแล้วพวกท็อปปิ้ง
00:50:00 → 00:50:04 ที่อยู่ของศึกเขคเมงเราควรกินตอนไหนเอ่อ
00:50:04 → 00:50:07 ระหว่างทางเหมือนกันครับก็ก็อย่างที่บอก
00:50:07 → 00:50:09 พอ enjoy กับเส้นแล้วชาชูเป็นเรื่องของ
00:50:09 → 00:50:12 การแบบเอ่อให้เรารู้สึกว่ามื้อนี้มีเนื้อ
00:50:12 → 00:50:15 สัตว์ครบเอามาเกี่ยวข้องแล้วก็ครบ 5 หมู่
00:50:15 → 00:50:18 มีผักมีมีผักมีเนื้อสัตว์กินให้ครบว่า
00:50:18 → 00:50:21 แล้วก็มื้อหนึ่งอิ่มแล้วก็เป็นเหมือนการ
00:50:21 → 00:50:24 เปลี่ยนบรรยากาศนอกจากการกินเส้นเฉยๆใช่
00:50:24 → 00:50:27 โอเคเมื่อกี้จะถามว่าสุดท้ายแล้วเรากิน
00:50:27 → 00:50:29 เส้นจนหมดเนี่ยแล้วบางทีซุปมันเหลือแน่ๆ
00:50:29 → 00:50:32 สิ่งนั้นน่ะซุปมันต้องทำอะไรต่อมั้ยก็
00:50:32 → 00:50:35 อย่างที่พูดเมื่อกู่อ่ะครับก็คือขอวาริ
00:50:35 → 00:50:38 วาริสุภุคุดาไซก็คือพูดภาษาญี่ปุ่นชุด
00:50:39 → 00:50:41 เมื่อกี้ใส่ญี่ปุ่นญี่ปุ่นก็จะโอ้โอเค
00:50:41 → 00:50:43 แล้วก็ขออีกทีขออีกทีคำว่าอะไรนะวาริซุป
00:50:43 → 00:50:47 ซุปปุวาริซุปปุกุไซวาริกุาไซก็ได้วาริ
00:50:47 → 00:50:51 กุซู้เรื่องซึ่งวาริคืออะไรวาริคือภาษา
00:50:51 → 00:50:54 ญี่ปุ่นคุณชัวร์วลิคือการทอนแหละใช่ก็คือ
00:50:54 → 00:50:57 ขอซุปเพื่อมาทอนให้มันเค็มน้อยลงให้มัน
00:50:57 → 00:51:00 และร้อนขึ้นใช่ก็คือจริงๆมันอยู่ในศาสตร์
00:51:00 → 00:51:05 ของการกินของร้อนของคนจีนที่ช่วยล้าง
00:51:05 → 00:51:07 เหมือนแว่าตอนกินไปสักพักนึงแน่นอนว่า
00:51:07 → 00:51:10 อุณหภูมิของอาหารน่ะจะค่อยๆตกลงหลังจาก
00:51:10 → 00:51:13 ที่เราเอาเส้นที่มีความเย็นใส่ลง
00:51:13 → 00:51:15 แล้วมันค่อย
00:51:15 → 00:51:18 ๆแน่นอนว่าช่วงท้ายของการกินมันจะต้องรู้
00:51:18 → 00:51:21 สึกว่าแบบมีน้ำมันหรือว่ามีความแบบกิน
00:51:21 → 00:51:24 แล้วเอ่ออึดอัดอ่ะเราก็เลยต้องกินน้ำที่
00:51:24 → 00:51:28 เป็นน้ำร้อนถ้าเป็นคนจีนกินหมาล่าป่าต้อง
00:51:28 → 00:51:31 กินชต้องกินน้ำก็ต้องกินน้ำร้อนก็กินชา
00:51:31 → 00:51:34 ร้อนขึ้นมาเพราะว่าเหมือนๆล้างล้างคอให้
00:51:34 → 00:51:36 รู้สึกสบายรู้สึกว่าเออฉันกินแล้วปิดมื้อ
00:51:36 → 00:51:39 ได้ดีอันนี้ก็คล้ายๆกันก็คือแบบทำซุปกลับ
00:51:39 → 00:51:41 มาให้ร้อนอีกครั้งนึงแล้วก็กินเหมือน
00:51:41 → 00:51:45 เพิ่งเพื่อล้างทุกอย่างที่อยู่ในปักที่
00:51:45 → 00:51:47 เพิ่งถ้าถ้าเป็นที่ร้านบางร้านเาจะมีกา
00:51:47 → 00:51:50 น้ำตั้งให้ใช่ๆกาน้ำร้อนอันนั้นน่ะคือกา
00:51:50 → 00:51:53 ที่เอาไว้ใส่ในตัวแต่ว่าบางร้านก็จะไม่
00:51:53 → 00:51:57 ให้ก็ยกขึ้นมาแล้วก็พูดคำพูดก็วาริคุณ
00:51:57 → 00:51:58 แล้วแต่ร้านนะแต่ที่ผมเห็นหลายครั้งที่
00:51:58 → 00:52:01 ไม่ให้เพราะบางทีอาจจะเติมเยอะเติมน้อยเ
00:52:01 → 00:52:03 ประกาศให้ไม่ได้เพราะว่าโทมิตะไปถึงคุณ
00:52:03 → 00:52:07 โทมิตะเขาก็จะไปดีไซน์ของเขาเองที่คุณ
00:52:07 → 00:52:09 โทมิตะก็คือร้านที่เป็นแนวหน้าของที่
00:52:09 → 00:52:13 ญี่ปุ่นก็จะพอเราส่งให้ก็จะมีวิธีรีตอง
00:52:13 → 00:52:15 ของเค้าอก็คือวิธีวาริของเค้าอแต่ก็คือ
00:52:15 → 00:52:18 วารีหลักๆก็คือทำให้ซุปกลับมาร้อนและกิน
00:52:18 → 00:52:20 ได้ง่ายขึ้นใช่ซดได้ง่ายขึ้นสุดท้ายเราก็
00:52:21 → 00:52:24 กินโซเดียมเท่านั้นอยู่ดีแค่กินง่ายขึ้น
00:52:24 → 00:52:27 กินครึ่งเดียวกันอย่าดื่มหมดอ่านั่นคือ
00:52:27 → 00:52:29 วิธีกินสึเคเมงนะครับทีนี้คำถามสุดท้าย
00:52:29 → 00:52:32 ของทั้งคู่แล้วผมอยากรู้ว่าแต่ละคนน่ะ
00:52:32 → 00:52:34 เวลาไปกินราเม็งแล้ว
00:52:34 → 00:52:38 เอ่อรู้สึกว่าจะต้องไปรับเอ่อเรียกว่า
00:52:38 → 00:52:41 อะไรวะมองหาสิทธิ์อะไรจากในตัวราเมงกัน
00:52:41 → 00:52:42 บ้าง
00:52:42 → 00:52:45 หลังๆหลังๆสนใจเรื่องเส้นมากขึ้นอะไร
00:52:45 → 00:52:48 เงี้ยเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เรายอมรับว่า
00:52:48 → 00:52:51 แรกๆเราไม่รู้จักมันเราไม่เข้าใจมันว่า
00:52:51 → 00:52:54 อะไรคือเส้นที่ดีแน่นอนว่าส่วนประกอบอื่น
00:52:54 → 00:52:56 ๆน่ะมันมาจากการกินบ่อยซ้ำๆมันสามารถจะ
00:52:56 → 00:52:58 เข้าใจได้อ่ะอย่างหมูเนื้อสัตว์เงี้ยเรา
00:52:58 → 00:53:01 กินเราก็คงเข้าใจได้ว่าแบบมันประมาณไหน
00:53:01 → 00:53:04 อะไรเงี้ยสังเกตได้จากสิ่งที่กินบ่อยๆแต่
00:53:04 → 00:53:07 เส้นเนี่ยต่อให้กินบ่อยๆอ่ะก็ยังต้องใช้
00:53:07 → 00:53:09 เวลานะครับคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยากที่
00:53:09 → 00:53:11 สุดเพราะว่าเราจะรู้ได้ยังไงอ่ะว่าอันนี้
00:53:11 → 00:53:14 ที่เรากินอยู่อ่ะนี่คือเส้นที่ดีอะไรคือ
00:53:14 → 00:53:16 เส้นที่อะไรคือเส้นลาเมนที่อร่อยอะไรคือ
00:53:17 → 00:53:19 เส้นลาเมนที่เข้ากันกับซุปอืออันเนี้ยคือ
00:53:19 → 00:53:22 ตอบยากอืเพราะมันขึ้นกับประสบการณ์การกิน
00:53:22 → 00:53:25 ของคนนั้นๆเลยว่ามันผ่านไปกี่กี่กี่ชาม
00:53:25 → 00:53:28 แล้วหรือว่ากินไปประมาณไหนพอเข้าใจเห็น
00:53:28 → 00:53:30 ภาพมว่าแล้วทำไมร้านนี้ทำเส้นนิ่มจังทำไม
00:53:30 → 00:53:33 ร้านนี้ทำเส้นแข็งจังทำไมร้านนี้ทำเส้น
00:53:33 → 00:53:35 ใหญ่จังทำไมร้านนี้ทำเส้นเล็กจังอะไร
00:53:35 → 00:53:37 เงี้ยอืก็เหมือนดูการออกแบบของเชฟแต่ละคน
00:53:37 → 00:53:39 ว่าเ้าตั้งใจอะไรผมว่าเรื่องนี้มันเป็น
00:53:39 → 00:53:43 เรื่องที่เอ่อถ้าเป็นในฐานะเรามันก็คง
00:53:43 → 00:53:46 สนุกกับการที่จะไป explore เรื่องหรือว่า
00:53:46 → 00:53:49 ไปค้นหามันว่าอะไรล่ะทำไมมันถึงทำไมถึง
00:53:49 → 00:53:51 เ้าเข้าทำไมเขาถึงเข้าใจว่าสิ่งนี้คือดี
00:53:51 → 00:53:54 ที่สุดสำหรับเขาในการจะออกแบบอาหารให้เรา
00:53:54 → 00:53:56 กินอะไรเงี้ยคือมันผมว่ามันก็เป็นเรื่อง
00:53:56 → 00:53:59 ที่สนุกอือันนี้คุณดิวอ่ะว่ากินลเมง 1 ชา
00:53:59 → 00:54:02 คุณดิวแบบค้นหาอะไรจากมันบ้างแล้วชอบตอน
00:54:02 → 00:54:05 นี้ตอนนี้วัตถุดิบแหละออือะไรมาจากอะไร
00:54:05 → 00:54:08 เส้นวัตถุดิบเป็นยังไงเส้นแล้ววัตถุดิบ
00:54:08 → 00:54:10 ที่เขาใช้มันทำให้เรารู้สึกยังไงอืซุป
00:54:10 → 00:54:13 วัตถุดิบยังไงและมันเข้ากันยังไงกับเส้น
00:54:13 → 00:54:14 อื
00:54:14 → 00:54:17 ซึ่งอืผมว่ามันตอนเนี้ยจะเป็นเน้นเรื่อง
00:54:17 → 00:54:21 แบบชิมเพื่อตามหาวัตถุดิบอที่ที่แบบโอ้
00:54:21 → 00:54:24 เราวันนี้เราไปกินร้านนี้ซุปอันนี้อ
00:54:24 → 00:54:26 คอมบชั่นนี้ดีมากเลยหรือแบบวันนี้เรากิน
00:54:27 → 00:54:29 เส้นแบบเนี้ยแบบคุณโจโอ๊ะทำไมวันนี้กิน
00:54:29 → 00:54:31 เส้นใหญ่นะเราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แต่ว่า
00:54:31 → 00:54:33 วันนี้มันดันเข้ากับซุปอืหลังๆตอนนี้
00:54:33 → 00:54:36 สังเกตมันเป็นสังเกตความรู้สึกตัวเองแหละ
00:54:36 → 00:54:38 ความชอบไม่ชอบแล้วพยายามหาเหตุผลมากกว่า
00:54:39 → 00:54:41 อือโอเคโอเคงั้นอีกคำถามสุดท้ายจริงๆแล้ว
00:54:41 → 00:54:45 อยากรู้ว่าทำไมเราต้องเอ่อรู้เรื่องรวิธี
00:54:45 → 00:54:48 การกินลาเม็งเยอะขนาดนี้ต้องมีความเรื่อง
00:54:48 → 00:54:50 มากในการกินลเมงขนาดนี้โอผมตอบเลยดีกว่า
00:54:50 → 00:54:53 ว่าก็ไม่จำเป็นหรอกครับคือคุณเข้าใจเท่า
00:54:53 → 00:54:55 ไหนคุณก็ enjoy ของมันเท่านั้นแหละคือมัน
00:54:55 → 00:54:57 ใช่ทุกอย่างถ้าคุณ enjoy แล้วมันก็จบอ่ะ
00:54:57 → 00:55:02 เหมือนเหมือนทีวี 4K อ่ะถ้าผมเอาไฟล์ 4K
00:55:02 → 00:55:04 มาดูในมือถือมันก็ไม่มีประโยชน์อ่ะคุณเอา
00:55:04 → 00:55:07 ที่คุณแฮปปี้คุณชอบดีกว่าถ้าคุณรู้สึกว่า
00:55:07 → 00:55:09 คนพิเศษคุณก็จะรู้สึกคนพิเศษแต่ถ้าเกิด
00:55:09 → 00:55:11 ว่าคุณคุณรู้สึกว่ามันไม่ได้ต่างอ่ะจริงๆ
00:55:12 → 00:55:13 มันก็ไม่ได้ต่างเหมือนกันน่ะความจริงๆมัน
00:55:13 → 00:55:17 ก็ไม่ได้ต่างสำหรับคุณก็เลยคิดว่าก็ยิ่ง
00:55:17 → 00:55:19 คุณรู้เท่าไหร่คุณก็สนุกเท่านั้นน่ะอืถ้า
00:55:19 → 00:55:21 ถ้าได้รู้วิธีที่มันถูกต้องเราก็จะสนุกไป
00:55:21 → 00:55:24 กับมันได้มากขึ้นได้ลึกขึ้นเนาก็อันนั้น
00:55:24 → 00:55:27 เป็นวิธีทั้งหมดที่เราลองคุยว่าเอ่อวิธี
00:55:27 → 00:55:30 การกินลาเมงแบบเบื้องต้นน่ะไปร้านอาหาร
00:55:30 → 00:55:32 ญี่ปุ่นไปร้านลาเมงญี่ปุ่นเราควรมีมารยาท
00:55:32 → 00:55:34 ในการเข้าไปยังไงบ้างควรกินลาเมงแบบไหน
00:55:34 → 00:55:37 บ้างนะครับก็เป็นวิธีเบื้องต้นที่ต้องบอก
00:55:37 → 00:55:39 ว่าเมื่อกี้ทุกขทุกคนบอกว่าไม่จำเป็นต้อง
00:55:39 → 00:55:41 ทำแบบนี้แต่ถ้าเกิดคุณรู้แล้วมันจะทำให้
00:55:41 → 00:55:43 เรากินลเมงได้มีความสุขและสนุกมากขึ้น
00:55:43 → 00:55:46 ครับวันนี้ขอบคุณคุณโจกับคุณดิวมากๆนะ
00:55:46 → 00:56:02 ครับขอบคุณมากครับ
00:56:02 → 00:56:07 [เพลง]