00:00:00 → 00:00:02 หลายคนอาจจะเข้าใจว่าอาการปวดคอบาลคือ
00:00:02 → 00:00:03 อาการของ Office syndrome อย่างเดียว
00:00:04 → 00:00:05 Office syndrome คือโรคที่เกิดจาก
00:00:05 → 00:00:07 พฤติกรรมมันอาจจะนำมาซึ่งปัญหาของหลาย
00:00:08 → 00:00:10 ระบบก็ได้เบาหวานความดันไขมันโลหิตสูงการ
00:00:10 → 00:00:12 ที่เราไม่ปรับพฤติกรรมร่างกายของเราก็จะ
00:00:13 → 00:00:15 ทนทานได้น้อยลงการออกกำลังกายที่ถูกต้อง
00:00:15 → 00:00:17 ก็จะต้องมาปรับสมดุลของกล้ามเนื้อกล้าม
00:00:17 → 00:00:19 เนื้อไหนตึงก็ต้องหย่อนกล้ามเนื้อไหน
00:00:19 → 00:00:21 หย่อนก็ต้องตึงการออกกำลังกายไม่มีข้อแม้
00:00:21 → 00:00:24 ร่างกายของเราต้องถูกการทำสิ่งใหม่ๆถ้า
00:00:24 → 00:00:26 เราทำสิ่งเดิมๆซ้ำๆสมองจะไม่มีการเรียน
00:00:26 → 00:00:28 รู้ก็ต้องฝึกออกกำลังกายในการสั่งการของ
00:00:28 → 00:00:31 สมองชะลอไเมอร์ชะลอสมองเสื่อมเราอาจจะมี
00:00:31 → 00:00:34 อาการปวดไม่มคอปวดบ่าหรือว่าปวดสะบะปวด
00:00:34 → 00:00:36 ร้าวไปที่แขนหรือว่าบางคนมีอาการชาเริ่ม
00:00:36 → 00:00:39 หยิบจับอะไรแล้วหลุดมือกล้ามเนื้อเมื่อ
00:00:39 → 00:00:41 เราทำงานเกินขนาดมันมักจะไม่ค่อยคลายตัว
00:00:41 → 00:00:44 มันจะมีส่วนนึงนะครับที่ได้เป็นก้อนๆอ่า
00:00:44 → 00:00:47 อาจจะไม่มีทุกคนนะครับหยิกนิ้วลงมากำทำ
00:00:47 → 00:00:49 เป็นโต๊ะครับแล้วก็ตบลงเป้าหมายที่สำคัญ
00:00:50 → 00:00:52 ที่สุดก็คือการเอาชนะตัวเองเราทำวันเนี้
00:00:52 → 00:00:54 ได้ 5 ครั้งพรุ่งนี้เราทำได้ 10 ครั้ง
00:00:54 → 00:00:56 ด้วยมมคือให้เราเห็นพัฒนาการของด้าน
00:00:56 → 00:00:58 สุขภาพของเราเป็นินิ Victory การเอาชนะ
00:00:58 → 00:01:02 เล็กๆจะนำพาไปถึงใช้ชาที่ยิ่งใหญ่เกลาแก้
00:01:02 → 00:01:06 โรคเกลานิสัยห่างไกล
00:01:07 → 00:01:09 โรคสวัสดีค่ะกลับมาพบกันอีกแล้วนะคะกับ
00:01:09 → 00:01:12 รายการเกาแก้โลกค่ะซึ่งวันนี้นะคะเราก็
00:01:12 → 00:01:15 อยู่กันกับคุณหมอเฟรมค่ะครับสวัสดีครับ
00:01:15 → 00:01:18 หมอเฟมครับค่ะสวัสดีค่ะคุณหมอซึ่งวันนี้
00:01:18 → 00:01:19 นะคะท็อปปิกหรือหัวข้อที่เราจะมาคุยกัน
00:01:19 → 00:01:21 นั้นนะคะเชื่อว่าเป็นประโยชน์กับทุกๆคน
00:01:21 → 00:01:23 อย่างแน่นอนค่ะเพราะว่าคนวัยทำงานหรือแม้
00:01:23 → 00:01:25 กระทั่งไม่ใช่ทำงานเนี่ยก็ต้องเคยพบเจอ
00:01:25 → 00:01:27 อาการปวดเมื่อยเหล่านี้มาก่อนแน่นอนซึ่ง
00:01:27 → 00:01:29 หัวข้อที่เราจะมาคุยกันในวันนี้แก้อาการ
00:01:29 → 00:01:32 ออฟฟิศ Syndrome ค่ะปวดเมื่อยคอบ่าไหล่
00:01:32 → 00:01:34 โรคฮิตวัยทำงานค่ะขอถามคุณหมอก่อนว่า
00:01:34 → 00:01:36 นิยามของคำว่า Office syndrome เนี่ยมัน
00:01:36 → 00:01:39 คืออะไรแล้วก็อาการมีอะไรบ้างช่วยอธิบาย
00:01:39 → 00:01:41 ให้เข้าใจง่ายๆนิดนึงค่ะ Office syndrome
00:01:41 → 00:01:43 นะครับก็คือเป็นความผิดปกติของร่างกายของ
00:01:43 → 00:01:46 เราที่เกิดจากพฤติกรรมในการทำงานของเรานะ
00:01:46 → 00:01:48 ครับซึ่งหลักๆคำว่า Office syndrome
00:01:48 → 00:01:51 เนี่ยเรามักจะเจอในคนที่ทำงานออฟฟิศเพราะ
00:01:51 → 00:01:53 ฉะนั้นพฤติกรรมที่มีความผิดปกติเนี่ยก็
00:01:53 → 00:01:55 มักจะเป็นพฤติกรรมที่นั่งนานๆหรือทำท่า
00:01:55 → 00:01:57 เดิมซ้ำๆเป็นเวลานานๆนั่นแหละครับก็จะทำ
00:01:57 → 00:02:00 ให้เกิดอาการผิดปกติซึ่งหลายคนอาจจะเข้า
00:02:00 → 00:02:02 ใจว่าอาการปวดคอบาลคืออาการของ Office
00:02:03 → 00:02:04 syndrome อย่างเดียวนะแต่จริงๆแล้วอยาก
00:02:04 → 00:02:06 ให้เข้าใจครับว่า Office syndrome คือ
00:02:06 → 00:02:08 โรคที่เกิดจากพฤติกรรมเพราะฉะนั้นมันอาจ
00:02:08 → 00:02:11 จะนำมาซึ่งปัญหาของหลายระบบอย่างเช่นเบา
00:02:11 → 00:02:14 หวานความดันไขมันโลหิตสูงอ่าซึ่งอันนี้ก็
00:02:14 → 00:02:16 เกิดจากพฤติกรรมที่เรานั่งนันานไม่มีการ
00:02:16 → 00:02:19 ขยับตัวที่เพียงพอใช้พลังงานไม่เพียงพอก็
00:02:19 → 00:02:21 อาจจะเกิดโรคได้หรือบางคนอาจจะมีความ
00:02:21 → 00:02:24 เครียดสะสมจากการทำงานกับบ้านไปนอนไม่
00:02:24 → 00:02:26 หลับมีความกังวลอันเนี้ยก็จะเป็นโรคจาก
00:02:26 → 00:02:28 การทำงานได้เช่นกันเพราะฉะนั้นเราอาจจะ
00:02:28 → 00:02:30 ต้องมาเรียนรู้ในการปรับพฤติกรรมของเรา
00:02:31 → 00:02:33 เกลาพฤติกรรมของเรานะครับอาการออฟิเนี่ย
00:02:33 → 00:02:35 มันเกิดจากหลายสาเหุถูกมั้ยคะแล้วลก็คือ
00:02:35 → 00:02:37 พฤติกรรมที่เราใช้ชีวิตไม่เหมาะสมไม่ว่า
00:02:37 → 00:02:39 จะเป็นในการทำงานหรือว่าในการใช้ชีวิต
00:02:39 → 00:02:41 ทั่วไปก็ตามใช่ครับหลายๆคนอาจจะไม่ได้
00:02:41 → 00:02:43 เป็น Office syndrome นะครับแต่ว่าก็มี
00:02:44 → 00:02:46 พฤติกรรมในการทำงานที่ไม่เหมาะสมก็อาจจะ
00:02:46 → 00:02:49 ตามมาด้วยปัญหาเช่นบางคนยืนนานๆอาจจะมี
00:02:49 → 00:02:52 อาการปวดกล้ามเนื้อเส้นเลือดขอดสิ่งเหล่า
00:02:52 → 00:02:54 เก็คือเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากการทำงาน
00:02:54 → 00:02:56 ปรับพฤติกรรมในการทำงานของเราให้มี
00:02:56 → 00:02:58 ประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อร่างกายของเราเอง
00:02:58 → 00:03:00 แล้วการที่แบบว่าเราเราเล่นโทรศัพท์เล่น
00:03:00 → 00:03:03 iPad หรือว่าเล่นคอมเอาคอมวางไว้บนตัก
00:03:03 → 00:03:05 แล้วก็เล่นนานๆหรือว่าใช้โทรศัพท์มือถือ
00:03:05 → 00:03:07 เป็นเวลานานๆเทำให้เกิดอาการนิ้วล็อคหรือ
00:03:07 → 00:03:09 ปวดเมื่อยเนื้อตัวได้มากน้อยขนาดไหนคะ
00:03:09 → 00:03:11 ร่างกายของเราถูกออกแบบมาให้นั่งหลังตรง
00:03:11 → 00:03:14 คอตรงศีรษะตรงแล้วลองสังเกตดูทางด้านข้าง
00:03:14 → 00:03:17 นะครับหูหัวไหล่สะโพกเราควรอยู่ในแนวเส้น
00:03:17 → 00:03:19 ตรงเดียวกันอันนี้เราเรียกว่า neutral
00:03:19 → 00:03:21 Position neutral Position คือท่าทาง
00:03:21 → 00:03:23 ธรรมชาติที่ออกแบบมาเคยสงสัยมั้ยครับทำไม
00:03:23 → 00:03:25 ธรรมชาติถึงออกแบบมาแบบนี้อ้าสงสัยค่ะ
00:03:25 → 00:03:27 เพราะอะไรคะอ่าเพราะว่าธรรมชาติของเราออก
00:03:27 → 00:03:30 แบบมาให้มีความยาวของกล้ามเนื้อและน้ำ
00:03:30 → 00:03:32 หนักที่ลงที่กระดูกที่พอดีครับเมื่อไรก็
00:03:32 → 00:03:35 ตามนะครับที่เรามีท่าทางที่ผิดไปจาก
00:03:35 → 00:03:37 neutral Position จะเกิดการทำงานของ
00:03:37 → 00:03:39 กล้ามเนื้อที่ผิดปกติละกล้ามเนื้อเราอาจ
00:03:39 → 00:03:41 จะมีการทนทานได้น้อยลงก็ส่งผลทำให้เมื่อ
00:03:42 → 00:03:44 กล้ามเนื้อทำงานไปสักพักนึงอาจจะมีอาการ
00:03:44 → 00:03:46 ล้าอาการเมื่อยรวมถึงกระดูกและข้อต่ออาจ
00:03:46 → 00:03:48 จะมีการรับน้ำหนักที่ผิดปกติก็อาจจะทำให้
00:03:49 → 00:03:51 กระดูกและข้อต่อของเราได้รับความผิดปกติ
00:03:51 → 00:03:53 ได้อยากให้ทุกท่านรู้จักกับ neutral
00:03:53 → 00:03:55 Position ก่อนแล้วเราเอามาปรับใช้อย่าง
00:03:55 → 00:03:57 เช่นการเล่นคอมพิวเตอร์เราก็ควรจะนั่ง
00:03:57 → 00:04:01 หลังตรงคอตรงซึ่งจะลดโอกาสในการเจ็บของ
00:04:01 → 00:04:03 เราได้คือทุกคนจะต้องทำท่านี้เหมือนกัน
00:04:03 → 00:04:05 หมดคมันเป็นท่าสแตนดาร์ดที่ดีสำหรับการ
00:04:05 → 00:04:07 ใช้ชีวิตใช่ครับมันคือท่าที่ร่างกายของ
00:04:07 → 00:04:10 เราถูกออกแบบมาเนาะเป็นทาธรรมชาติครับ
00:04:10 → 00:04:12 ซึ่งสมัยก่อนพฤติกรรมในการทำงานของเราอ่ะ
00:04:12 → 00:04:13 ก็มักจะไม่ใช่การนั่งนานแบบนี้แต่ใน
00:04:13 → 00:04:16 ปัจจุบันเนี่ยเราเริ่มมีพฤติกรรมในการทำ
00:04:16 → 00:04:18 งานที่เปลี่ยนไปคือเป็นยุคใหม่เนาะเพราะ
00:04:18 → 00:04:21 ฉะนั้นการทำงานของเราก็จะทำให้เรามีโอกาส
00:04:21 → 00:04:23 ที่จะไม่ทำ neutral Position หรือธ่า
00:04:23 → 00:04:25 ธรรมชาตินั่นแหละก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้
00:04:25 → 00:04:27 คนยุคปัจจุบันอาจจะมีโรคจากการทำงานได้
00:04:27 → 00:04:30 มากขึ้นรวมไปถึงโรคอิมนะครับคืออยากจะถาม
00:04:30 → 00:04:33 คุณหมอค่ะว่าไอ้อาการเครียดจากการทำงาน
00:04:33 → 00:04:35 หรือบางทีทำให้เรานอนไม่หลับอะไรเงี้ยค่ะ
00:04:35 → 00:04:36 มันเป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการ
00:04:36 → 00:04:37 ออฟฟิศซินโดรมถูกมั้ยคะก็เลยอยากรู้ว่า
00:04:38 → 00:04:39 เออมันเป็นสาเหตุยังไงมันไปทำให้กล้าม
00:04:39 → 00:04:42 เนื้อเรามันปวดเมื่อยยังไงหรอคะต้องบอกง
00:04:42 → 00:04:44 งี้ครับว่าร่างกายกับจิตใจเรามันมัก
00:04:44 → 00:04:45 สัมพันธ์กันอยู่แล้วครับถ้าสมมุติว่า
00:04:45 → 00:04:48 สภาวะจิตใจเราไม่ดีอาการเจ็บอาการปวดของ
00:04:48 → 00:04:50 เราก็จะเกิดได้ง่ายขึ้นรวมไปถึงอาจจะส่ง
00:04:50 → 00:04:52 ผลต่อการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอซึ่งการพัก
00:04:52 → 00:04:54 ผ่อนที่ไม่เพียงพอทำให้ร่างกายของเราซ่อม
00:04:54 → 00:04:56 แซมตัวเองได้ไม่ดีดังนั้นเองก็จะเป็น
00:04:56 → 00:04:58 สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรามักมีอาการปวดที่
00:04:58 → 00:05:00 สะสมอเหมพอเราพักผ่อนไม่เพียงพอเนี่ย
00:05:01 → 00:05:02 กล้ามเนื้อมันก็ทำงานหนักหรือว่ามันก็แบบ
00:05:02 → 00:05:04 ไม่ได้รับการฟื้นฟูที่ดีถูกมั้ยคะใช่ครับ
00:05:04 → 00:05:06 ในตอนที่เรานอนกล้ามเนื้อหรือร่างกายต่าง
00:05:06 → 00:05:09 ๆของเราอ่ะก็จะถูกฮอร์โมนในการซ่อมแซมตัว
00:05:09 → 00:05:11 เองอยู่ละแต่ว่าถ้าสมมุติว่ากล้ามเนื้อ
00:05:11 → 00:05:13 เวลานอนได้รับการซ่อมแซมที่ไม่ดีก็อาจจะ
00:05:13 → 00:05:15 ส่งผลทำให้เราก็มีกล้ามเนื้อที่ไม่
00:05:15 → 00:05:17 Healthy มีโอกาสเจ็บโอกาสปวดได้ง่ายกว่า
00:05:17 → 00:05:20 คนทั่วไปแล้วอยากรู้ว่าสมมุติว่าคนมี
00:05:20 → 00:05:22 อาการแบบปวดเมื่อยออฟิ sindrome หรือว่า
00:05:22 → 00:05:23 แบบมีอาการปวดเมื่อยเนื้อตัวบ่อยๆเงี้ย
00:05:23 → 00:05:25 ค่ะแต่ว่าเค้าไม่ปรับพฤติกรรมเลยก็จะนั่ง
00:05:25 → 00:05:27 ทำงานท่าเนี้ยฉันจะอยู่ท่าเนี้ยระยะยาว
00:05:27 → 00:05:29 อ่ะค่ะมันส่งผลกระทบอะไรต่อร่างกายบ้าง
00:05:29 → 00:05:31 มันทำให้เราแบบเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้ถึง
00:05:31 → 00:05:33 ขั้นนั้นมั้ยโหอันนี้ดีมากเลยครับจริงๆ
00:05:33 → 00:05:36 แล้วอยากให้มองเป็นสเต็ป็ปไปนะครับการที่
00:05:36 → 00:05:38 เราไม่ปรับพฤติกรรมเนี่ยอันที่ 1 เลยร่าง
00:05:38 → 00:05:41 กายของเราก็จะทนทานได้น้อยลงดังนั้นโอกาส
00:05:41 → 00:05:43 ที่เราจะปวดมากขึ้นบ่อยขึ้นก็จะมีโอกาส
00:05:43 → 00:05:45 มากขึ้นละอันนี้คือระยะสั้นผมเชื่อว่าถ้า
00:05:45 → 00:05:47 เกิดในวัยทำงานเนี่ยก็อาจจะไม่ค่อยดีแล้ว
00:05:48 → 00:05:51 เพราะว่าพอมีปวดบ่อยๆปวดถีๆปวดมากก็อาจจะ
00:05:51 → 00:05:53 ส่งผลให้ 1 เราจะต้องไปปรึกษาคุณหมอละอัน
00:05:53 → 00:05:55 ที่ 2 เราอาจจะมีประสิทธิภาพในการทำงาน
00:05:55 → 00:05:57 ที่ลดลงและอันที่ 3 เนี่ยที่ผมเป็นห่วง
00:05:57 → 00:06:00 เลยก็คือว่าเรามักจะมีอาการปวดเรื้อรัง
00:06:00 → 00:06:03 ปวดเรื้อรังใช่ครับเพราะอาการปวดเรื้อรัง
00:06:03 → 00:06:05 เนี่ยมันเริ่มจะไปสัมพันธ์กับจิตใจของเรา
00:06:05 → 00:06:08 ละสิ่งนี้เองถ้าในมุมของหมอนะครับก็จะ
00:06:08 → 00:06:10 เป็นสิ่งที่เริ่มรักษายากเพราะว่าคนไข้
00:06:10 → 00:06:13 อาจจะเริ่มมีปัญหาด้านจิตใจด้วยส่งผลทำ
00:06:13 → 00:06:15 ให้อาการปวดกับการรักษาเนี่ยทำได้ยากขึ้น
00:06:15 → 00:06:18 ทีนี้อยากรู้ว่านอกจากการปรับพฤติกรรม
00:06:18 → 00:06:20 แล้วปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตการนั่งการ
00:06:20 → 00:06:22 เดินการยืนให้มันถูกท่าถูกทางถูกวิธีค่ะ
00:06:22 → 00:06:24 มันมีวิธีการรักษาอาการอิ sindrome หรือ
00:06:25 → 00:06:26 ว่าปวดเมื่อยเนื้อตัวเงี้ยยังไงได้บ้าง
00:06:27 → 00:06:28 อย่างแรกเลยนะครับคือเราต้องรู้ก่อนว่า
00:06:29 → 00:06:30 สิ่งเนี้ยมาจากพฤติกรรมเพราะฉะนั้นการ
00:06:30 → 00:06:33 รักษาต้องไปรักษาที่พฤติกรรมก่อนพฤติกรรม
00:06:33 → 00:06:35 แรกก็คือเราอาจจะต้องมานั่งคุยกันเราว่า
00:06:35 → 00:06:37 อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เรามีอาการแบบนี้
00:06:37 → 00:06:41 อย่างบางคนนั่งหน้าคอมนานๆอาจจะมีไลฮอคอ
00:06:41 → 00:06:43 ยื่นแล้วส่งผลทำให้กล้ามเนื้อของเรามีการ
00:06:43 → 00:06:45 ตึงตัวถ้าสมมุติว่าเราสามารถเช็คได้ด้วย
00:06:45 → 00:06:47 ตัวเองเราก็ปรับพฤตกรรมของเราก่อนเพื่อ
00:06:47 → 00:06:49 เป็นการรักษาตัวเองเบื้องต้นนะครับแต่ถ้า
00:06:49 → 00:06:51 เราทำไม่ได้จริงๆเราค่อยไปปรึกษากับผู้
00:06:51 → 00:06:53 เชี่ยวชาญก็ได้อย่างที่ 2 ที่สำคัญที่สุด
00:06:53 → 00:06:56 เลยแล้วผมคิดว่าในสมัยก่อนอาจจะขาดหายไป
00:06:56 → 00:06:58 นะครับคือเรื่องของการออกกำลังกายที่ถูก
00:06:58 → 00:07:01 ต้องสมัยก่อนเราจะมีการออกกำลังกายเพียง
00:07:01 → 00:07:05 เพื่ออะ 1 สุขภาพแข็งแรงอันที่ 2 คือปลุก
00:07:05 → 00:07:07 อภาพดีขึ้นอันที่ 3 คือเพื่อรูปร่างเพื่อ
00:07:07 → 00:07:10 ความสวยงามแต่จริงๆแล้วในปัจจุบันการออก
00:07:10 → 00:07:12 กำลังกายก็ถูกเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ
00:07:12 → 00:07:14 ในการดูแลตัวเองในการรักษาเหมือนกันนะ
00:07:14 → 00:07:16 ครับสมมุติว่าเรามีอาการปวดคอบ่าไหล่มากๆ
00:07:16 → 00:07:18 กลไกของเราก็คือกล้ามเนื้อบางมัดของเรา
00:07:18 → 00:07:21 อาจจะมีการตึงมากเกินไปกล้ามเนื้อบางมัด
00:07:21 → 00:07:22 ของเราอาจจะหย่อนมากเกินไปจนทำให้เรามี
00:07:22 → 00:07:25 บุคลิกที่ผิดท่าไล่ห่อคอยื่นรวมไปถึงมี
00:07:25 → 00:07:27 การปวดเหลือรังดังนั้นเองการออกกำลังกาย
00:07:27 → 00:07:29 ที่ถูกต้องก็จะต้องมาปรับสมดุลของกล้าม
00:07:29 → 00:07:32 เนื้อให้ดีกล้ามเนื้อไหนตึงก็ต้องหย่อน
00:07:32 → 00:07:34 กล้ามเนื้อไหนหย่อนก็ต้องตึงสิ่งนี้ก็จะ
00:07:34 → 00:07:36 ทำให้แก้ปัญหาที่ตัวโรคโรคมันเกิดจาก
00:07:36 → 00:07:38 กล้ามเนื้อเราก็จะแก้ที่กล้ามเนื้อเพราะ
00:07:38 → 00:07:40 ฉะนั้นผมอยากให้มองว่าการออกกำลังกาย
00:07:40 → 00:07:42 เนี่ยเป็นการรักษาหรือเป็นยาที่สามารถทำ
00:07:42 → 00:07:44 ได้ในออฟฟิศเป็นยาประจำออฟฟิศเลยครับและ
00:07:44 → 00:07:46 แก้ที่ต้นเหตุด้วยแต่เมื่อใดก็ตามที่แบบ
00:07:46 → 00:07:48 เราทำกับตัวเองแล้วมันไม่ค่อยดีหรือไม่
00:07:48 → 00:07:50 ไหวเราก็จะต้องไปที่โรงพยาบาลละตัวเลื่อง
00:07:50 → 00:07:53 ในการรักษาก็จะเป็นการกินยาหรือบางคนอาจ
00:07:53 → 00:07:56 จะมีแพร่ทางเลือกนะก็อาจจะไปฝังเข็มหรือ
00:07:56 → 00:07:59 บางคนอาจจะไปพบนักกายภาพก็ได้รับการช็อก
00:07:59 → 00:08:01 เวฟได้รับการทำออาซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้
00:08:01 → 00:08:03 ก็จะเป็นการบรรเทาปวดผมอยากให้มอง 2
00:08:03 → 00:08:06 อย่างนะครับแก้โรคกับบรเทาปวดอ่าแก้โรค
00:08:06 → 00:08:08 กับบรรเทาปวดคือถ้าอยากแก้แบบยั่งยืนเรา
00:08:08 → 00:08:09 ก็ต้องปรับที่พฤติกรรมและการใช้ชีวิตของ
00:08:09 → 00:08:12 เราแต่ว่าถ้าแบบว่าช่วงแรกๆมันไม่ไหวเรา
00:08:12 → 00:08:14 ก็ต้องไปหาหมอก่อนเพื่อจะบรรเทาอาการให้
00:08:14 → 00:08:16 มันดีขึ้นใช่ครับเคยได้ยินมาว่าปัจจุบัน
00:08:16 → 00:08:19 มันมีการรักษาโรคอิมหรือโรคปวดหลังคอบา
00:08:19 → 00:08:21 ไหล่อะไรอย่างเงี้ยค่ะเคยเห็นตามคลินิก
00:08:21 → 00:08:23 เหมือนกันนะเขาก็ใช้วิธีแบบว่าไ laab
00:08:23 → 00:08:24 อย่างเงี้ค่ะอยากรู้ว่าเออมันคืออะไรแล้ว
00:08:24 → 00:08:26 มันเหมาะกับคนประเภทไหนบ้างหรือแบบว่า
00:08:26 → 00:08:29 เหมาะกับผู้ป่วยประเภทไหนค่ะไ laab เนี่ย
00:08:29 → 00:08:30 ครับก็คือคือเป็นหลักการก็คือเหมือนเรา
00:08:30 → 00:08:32 เคยเห็นในนักกีฬาใช่มั้ยครับเวลาเค้าแข่ง
00:08:32 → 00:08:35 กีฬาเสร็จเขาอาจจะเข้าตู้อบเย็นซึ่งเรา
00:08:35 → 00:08:37 ต้องเข้าใจหลักการอันนี้เป็นหลักการทั่ว
00:08:37 → 00:08:39 ไปนะครับผมคิดว่าทุกคนควรรู้อันที่ 1
00:08:39 → 00:08:41 ความเย็นมีหน้าที่อะไรความเย็นมีหน้าที่
00:08:41 → 00:08:43 ไปทำให้เส้นเลือดของเราหดตัวลงปกติเราจะ
00:08:43 → 00:08:45 มีเส้นเลือดไปเลี้ยงตามส่วนต่างๆของเรา
00:08:45 → 00:08:47 แล้วเวลาที่เราใช้หรือว่าบาดเจ็บเนี่ยก็
00:08:47 → 00:08:50 จะทำให้เส้นเลือดเนี่ยจะขยายตัวทำให้เกิด
00:08:50 → 00:08:52 การอักเสบการบวมแต่ความเย็นเนี่ยจะไปทำ
00:08:52 → 00:08:54 ให้เส้นเลือดมันหดตัวเพื่อลดการอักเสบลด
00:08:54 → 00:08:57 อาการบวมซึ่งหลักการนี้ก็จะนำไปใช้ในการ
00:08:57 → 00:08:59 รักษาโรคต่างๆที่มีการอักเสบหนึ่งในนั้น
00:08:59 → 00:09:01 Office syndrome ก็เกิดจากการอักเสบ
00:09:01 → 00:09:03 เรื้อดังของพังผืดกล้ามเนื้อแต่จริงๆแล้ว
00:09:04 → 00:09:06 การใช้ความเย็นเนี่ยก็ควรอยู่ภายใต้คนที่
00:09:06 → 00:09:08 เขาเชี่ยวชาญเพราะว่าความเย็นหรือเส้น
00:09:08 → 00:09:11 เลือดก็อาจจะส่งผลต่อโรคได้บางคนเป็นโรค
00:09:11 → 00:09:13 ความดันโลหิตสูงเป็นโรคหลอดเลือดดังนั้น
00:09:13 → 00:09:15 การที่เราไปยุ่งกับหลอดเลือดเนี่ยก็อาจจะ
00:09:15 → 00:09:18 ทำให้มีความผิดปกติได้แนะนำให้ทำภายใต้คน
00:09:18 → 00:09:20 ที่เขาเชี่ยวชาญก่อนดีกว่าครับแล้วทีนี้
00:09:20 → 00:09:23 อย่างที่คุณหมอบอกว่าในยุคปัจจุบันเนี้ย
00:09:23 → 00:09:25 คนทำงานแบบว่าเราไม่ค่อยได้ออกไปขยับร่าง
00:09:25 → 00:09:27 กายกันเท่าไหร่เพราะเรานั่งหน้าคมใช้
00:09:27 → 00:09:29 ชีวิตอยู่แบบว่าอยู่กับที่นานๆแต่สมมตคน
00:09:29 → 00:09:32 ที่แบบว่าเขาต้องทำงานออฟฟิศหรืออยู่ตาม
00:09:32 → 00:09:35 อ่าในคอนโดในห้องเล็กๆเขาจะมีวิธีการออก
00:09:35 → 00:09:37 กำลังกายแบบไหนได้บ้างที่มันแบบว่าเหมาะ
00:09:37 → 00:09:40 สมแล้วก็ช่วยให้เขาแบบว่าได้ขยับร่างกาย
00:09:40 → 00:09:42 มากขึ้นนะค่ะอันเนี้ยเราเป็นการปรับ mind
00:09:42 → 00:09:44 เซตของเรานะครับเป็นการเกรานิสัยของเรา
00:09:44 → 00:09:47 คือนิสัยของเราอาจจะบอกว่าเรามีข้อแม้ใน
00:09:47 → 00:09:49 การออกกำลังกายแต่จริงๆแล้วอ่ะการออก
00:09:49 → 00:09:51 กำลังกายไม่มีข้อแม้นะครับเพราะว่าอย่าง
00:09:51 → 00:09:53 ที่ผมบอกไปว่าการออกกำลังกายที่ถูกต้อง
00:09:53 → 00:09:54 เนาะคือเราจะต้องออกการทั้งหมดอยู่ 5
00:09:55 → 00:09:57 อย่าง 5 แบบนะครับอย่างแรกคือการ Aerobic
00:09:57 → 00:09:59 Exercise ขยับตัวต่อเนื่องเราลองนึกถ้า
00:10:00 → 00:10:02 สมมุติในห้องเรามีเก้าอี้ตัวเดียวเรา
00:10:02 → 00:10:04 สามารถเอาเก้าอี้มาวางแล้วก็ขยับแขนขยับ
00:10:04 → 00:10:06 ขาให้ต่อเนื่อง 30 นาทีอันนี้ก็ถือว่า
00:10:06 → 00:10:08 เป็นการออกกำลังกายอันที่ 2 คือการยืด
00:10:08 → 00:10:10 เหยียดกล้ามเนื้อการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
00:10:10 → 00:10:12 ก็คือการทำให้เส้นเลือดพยายามไปเลี้ยง
00:10:12 → 00:10:13 กล้ามเนื้อมีการซ่อมแซ้มกล้ามเนื้อที่ดี
00:10:13 → 00:10:15 การที่เขยืดเหยียดกล้ามเนื้อเรานั่ง
00:10:15 → 00:10:17 เก้าอี้ตัวเดียวเราก็ทำได้เกือบทุกส่วนละ
00:10:17 → 00:10:19 ยังไงคะคือแบบว่ามันต่างกับการออกกำลัง
00:10:19 → 00:10:21 กายยังไงยืดเหยียดกล้ามเนื้ออ่ายืดเหยียด
00:10:21 → 00:10:23 กล้ามเนื้อเนี่ยจะเป็นการที่ 1 ทำให้
00:10:23 → 00:10:25 กล้ามเนื้อเราอยู่ในความยาวที่พอดีครับ
00:10:25 → 00:10:27 มันก็จะพร้อมในการทำงานได้อันที่ 2 คือ
00:10:27 → 00:10:30 เป็นการฝึกจิตใจของเราด้วยให้มีมีการผ่อน
00:10:30 → 00:10:32 แลอันที่ 3 สิ่งที่สำคัญก็คือทำให้ข้อต่อ
00:10:32 → 00:10:34 ของเราดีครับคือหลายๆครั้งเนี่ยถ้าเรามี
00:10:34 → 00:10:36 อาการปวดตึงไม่ว่าจะอายุน้อยอายุเยอะอ่ะ
00:10:36 → 00:10:39 เราลองดูนะครับถ้าเรามีปวดคอาไหล่นานๆน่ะ
00:10:39 → 00:10:41 การที่เราหมุนคอการที่เราขยับร่างกายอ่ะ
00:10:41 → 00:10:43 มันไม่สุดนะครับอ้ามันไม่สุดหรอคมันไม่
00:10:43 → 00:10:45 สุดนะครับมันจะแบบไม่สามารถขยับได้สุดแบบ
00:10:45 → 00:10:47 มันจะขยับได้ไม่สุดเพราะว่ากล้ามเนื้อของ
00:10:47 → 00:10:49 เรามันตึงทำให้ข้อต่อของเรามีการขยับที่
00:10:49 → 00:10:51 ไม่ไม่ 100% แล้วะกันดังนั้นเองการที่เรา
00:10:51 → 00:10:54 จะทำให้ข้อต่อของเราดีเราจำเป็นต้องมีการ
00:10:54 → 00:10:56 ฝึกยืดเยียกล้ามเนื้อที่ดีด้วยโดยเฉพาะคน
00:10:56 → 00:10:59 ที่สูงอายุเนี่ยเขามักจะมีปัญหานี้เลยบาง
00:10:59 → 00:11:02 คนข้อติดบางคนกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงไม่ยืด
00:11:02 → 00:11:03 หยุ่นเนี่ยครับเพราะฉะนั้นน่ะอันที่ 2 ก็
00:11:03 → 00:11:05 คือการยืดกล้ามเนื้อก็เป็นสิ่งที่สำคัญ
00:11:05 → 00:11:07 มากๆอันต่อมาคือการสร้างกล้ามเนื้อการ
00:11:07 → 00:11:09 สร้างกล้ามเนื้อก็คือการใช้แรง้านเราก็
00:11:09 → 00:11:12 ชินอยู่แล้วการยกเวทแต่ถ้าสมมุติว่าเรา
00:11:12 → 00:11:14 ไม่มีเวทเราใช้อะไรได้บ้างเราก็ใช้ Body
00:11:14 → 00:11:16 เทก็ได้หรือว่าใช้ขวดน้ำก็ได้ซึ่งถ้าเรา
00:11:16 → 00:11:19 มีเก้าอี้ตัวเดียวหรือเรามีแค่พื้นมีแมท
00:11:19 → 00:11:20 เราก็สร้างกล้ามเนื้อได้ผมอยากให้ความ
00:11:20 → 00:11:22 สัมพันธ์ของวัยทำงานว่าการสร้างกล้าม
00:11:22 → 00:11:24 เนื้อเนี่ยอย่างที่บอกไม่ใช่เพื่อรูปร่าง
00:11:24 → 00:11:26 อย่างเดียวนะครับแต่เพื่อเพิ่มความอึด
00:11:26 → 00:11:28 ความทนของกล้ามเนื้อสมมุติว่าเราทำงาน 1
00:11:28 → 00:11:30 ช่วโมงแต่กล้ามเนื้อเราแข็งแรงแค่ครึ่ง
00:11:30 → 00:11:32 ชั่วโมงเพราะฉะนั้น 1 ชั่วโมงแปวดละอเรา
00:11:32 → 00:11:34 จะเหนื่อยง่ายทำงาเราจะเมื่อยง่ายยิ่ง
00:11:35 → 00:11:37 ปัจจุบันเรามีสมาธิมากๆเราจะไม่รู้เลยว่า
00:11:37 → 00:11:39 กล้ามเนื้อเราอ่ะมีขอบเขดเท่าไหร่เมื่อ
00:11:39 → 00:11:41 ไหร่เราจะเมื่อยเพราะฉะนั้นเราก็สร้าง
00:11:41 → 00:11:43 กล้ามเนื้อไว้ก่อนให้มันอึดให้มันทนทาน
00:11:43 → 00:11:45 เพราะฉะนั้นสมมุติเพื่อนทำงานได้ครึ่ง
00:11:45 → 00:11:46 ชั่วโมงกล้ามเนื้อเราอาจจะ 2 ชั่วโมง
00:11:46 → 00:11:49 เพื่อนปวดเราไม่ปวดอันนี้คือความสำคัญ
00:11:49 → 00:11:51 แล้วเรามีวิธีการกินอะไรเพื่อเสริมสร้าง
00:11:51 → 00:11:54 ให้แบบกล้ามเนื้อเรามันแข็งแรงขึ้นบ้างม
00:11:54 → 00:11:57 คะสิ่งที่สำคัญของกล้ามเนื้อก็คือโปรตีนอ
00:11:57 → 00:11:59 โปรตีนก็จะเป็นส่วนที่ทำให้กล้ามเนื้อของ
00:11:59 → 00:12:01 เราได้ซ่อมแซมแล้วก็มีการสร้างที่ดีนะ
00:12:01 → 00:12:04 ครับดังนั้นเองอยาจะลองสังเกตพฤติกรรมเรา
00:12:04 → 00:12:06 ว่าเรามีการทานโปรตีนที่เพียงพอหรือเปล่า
00:12:06 → 00:12:10 ถ้าเอาง่ายๆเลขง่ายๆก็จะเป็น 1 กรัมต่อ 1
00:12:10 → 00:12:13 น้ำหนักตัว 1 กลเราอาจจะลองคำนวณดูคร่าวๆ
00:12:13 → 00:12:15 แล้วก็เปิดชาร์จอาหารดูก็ได้ว่าสิ่งที่
00:12:15 → 00:12:17 เราทานเนี่ยมีโปรตีนกี่กรัมสำคัญทุกวัยนะ
00:12:17 → 00:12:20 ครับวัยทำงานคนออกกำลังกายหรือแม้กระทั่ง
00:12:20 → 00:12:22 ผู้สูงอายุโปรตีนก็คือโครงสร้างพื้นฐาน
00:12:22 → 00:12:24 ของเราแล้วคนที่เขาแบบว่าเทคฮอร์โมนหรือ
00:12:24 → 00:12:26 เทคพวกเทสโทสเตอโรนเนี่ยค่ะเพื่อทำให้
00:12:26 → 00:12:28 กล้ามเนื้อแบบใหญ่ๆบิ๊กๆเนี่ยช่วยทำให้
00:12:28 → 00:12:30 กล้ามเนื้อเแข็งแรงขึ้นด้วยมั้ยคะะหรือ
00:12:30 → 00:12:31 ว่าแค่ในเรื่องรูปร่างอย่างเดียวอ่าหลัก
00:12:31 → 00:12:34 การของเทสโทสเตอโรนก็เป็นฮอร์โมนนึงครับ
00:12:34 → 00:12:36 ที่เกิดการซ่อมแซมซึ่งถ้าถามว่าจริงๆ
00:12:36 → 00:12:39 เทสโทสเตอโรนมีประโยชน์มก็มีนะครับแต่ว่า
00:12:39 → 00:12:41 จริงๆเราก็มีเทสโทสเตอโรนอยู่แล้วใน
00:12:41 → 00:12:44 ธรรมชาติในช่วงตอนเย็นๆแนะนำให้ออกกำลัง
00:12:44 → 00:12:45 กายโดยการสร้างกล้ามเนื้อครับเพราะว่า
00:12:45 → 00:12:47 ช่วงเย็นๆเนี่ยเราจะมีตัวฮอร์โมน
00:12:47 → 00:12:49 เทสโทสเตอโรนเพิ่มขึ้นเพราะฉะนั้นเองก็จะ
00:12:49 → 00:12:51 ทำให้กล้ามเนื้อของเรามีการซ่อมแซมที่ดี
00:12:51 → 00:12:54 ก็คือจะดีกว่าช่วงเช้าถ้าเราอยากแบบเพิ่ม
00:12:54 → 00:12:56 กล้ามเนื้อโดยธรรมชาติจะเป็นแบบนั้นแต่
00:12:56 → 00:12:58 ว่าในชีวิตจริงอ่ะผมว่าไลฟ์สไตล์คนไม่
00:12:58 → 00:13:00 เหมือนกันออืเพราะฉะนั้นเองเราก็เอาที่
00:13:00 → 00:13:02 เหมาะกับเราการออกกำลังกายยังไงก็ดีครับ
00:13:02 → 00:13:04 แต่ว่าถ้าอยากได้ดีที่สุดก็เป็นช่วงตอน
00:13:04 → 00:13:07 เย็นอันที่ 4 ก็คือเรื่องของการฝึกการทรง
00:13:07 → 00:13:09 ตัวหลายๆคนมีกล้ามเนื้อที่ไม่แข็งแรง
00:13:09 → 00:13:12 เนี่ยทำให้การทรงตัวไม่ดีนะครับไม่ว่า
00:13:12 → 00:13:14 อายุน้อยอายุเยอะเนี่ยก็อาจจะมีการเดินเซ
00:13:14 → 00:13:17 โอกาสหกล้มบ่อยได้โดยเฉพาะผู้สูงอายุถ้า
00:13:17 → 00:13:19 หกล้มมาทีเนี่ยอาจจะต้องถึงขั้นต้องผ่า
00:13:19 → 00:13:21 ตัดหรือติดเตียงดังนั้นเองการฝึกการทรง
00:13:21 → 00:13:24 ตัวก็จะเป็นสิ่งที่สำคัญอ่ะยืนจับเก้าอี้
00:13:24 → 00:13:27 หลับตาหรือยืนจับเก้าอี้ยืนขาเดียวอะไร
00:13:27 → 00:13:29 เงี้ยครับอันนี้ก็เป็นการฝึกการทงตัวเข้า
00:13:29 → 00:13:31 วซึ่งแนะนำถ้าสมมุติว่าไม่เคยฝึกอาจจะ
00:13:31 → 00:13:33 ต้องมีคนดูแลก่อนเพราะว่าสิ่งเนี้ยค่อน
00:13:33 → 00:13:36 ข้างอันตรายในการจะฝึกใหม่ๆอันสุดท้ายคือ
00:13:36 → 00:13:38 การฝึกสมองและการสั่งการของสมองการฝึก
00:13:38 → 00:13:41 สมองุยอันนี้น่าสนใจไม่เคยได้ยินมาก่อน
00:13:41 → 00:13:43 เลยค่ะบางคนอาจจะเรียกว่า Brain gy ซึ่ง
00:13:43 → 00:13:47 สิ่งเยครับมันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆคือ
00:13:47 → 00:13:50 ร่างกายของเราอ่ะมักจะต้องถูกการทำสิ่ง
00:13:50 → 00:13:53 ใหม่ๆเพื่อเรียนรู้ในสมองถ้าเราทำสิ่ง
00:13:53 → 00:13:55 เดิมๆซ้ำๆสมองจะไม่มีการเรียนรู้พฤติกรรม
00:13:56 → 00:13:57 เราก็เหมือนกันบางทีเราสั่งสมองว่าเฮ้ย
00:13:57 → 00:14:00 ให้นั่งตัวตรงให้นั่งตัวตรงแต่จริงๆแล้ว
00:14:00 → 00:14:02 อ่ะเมื่อสมองเราจำไปแล้วว่าเราต้องนั่ง
00:14:02 → 00:14:05 แบบเนี้ยเรามักจะแก้ไม่ได้มันเป็น
00:14:05 → 00:14:07 อัตโนมัติใช่ดังนั้นเองการฝึกการสั่งการ
00:14:07 → 00:14:10 ของสมองก็จะช่วยทั้ง 1 ปรับพฤติกรรมของ
00:14:10 → 00:14:13 เราเมื่อเรามีการออกรงกายท่าใหม่ๆใช่ไมม
00:14:13 → 00:14:15 ครับก็จะปรับพฤติกรรมของเราให้สุดท้าย
00:14:15 → 00:14:17 แล้วสมองก็จะจำว่าอันนี้คือท่าปกติของเรา
00:14:17 → 00:14:19 เราก็จะปรับพฤติกรรมของเราได้อันที่ 2 ก็
00:14:19 → 00:14:22 คือบางคนอย่างเช่นผู้สูงอายุเนี่ยเขาจะมี
00:14:22 → 00:14:24 อาการทำสิ่งต่างๆไม่คล่องแค้วอยากทำอัน
00:14:24 → 00:14:27 นั้นก็ทำไม่ค่อยได้นั่นแปลว่าการสั่งการ
00:14:27 → 00:14:30 ของสมองระบบกล้ามเนื้ออะไรเงี้ยก็อาจจะมี
00:14:30 → 00:14:33 คามช้าลงลดลงดังนั้นเองถ้าอยากทำให้คล่อง
00:14:33 → 00:14:35 แค้วว่องไวมากขึ้นก็ต้องฝึกออกกำลังกายใน
00:14:35 → 00:14:38 การสั่งการของสมองอย่างเช่นเรายกขาข้าง
00:14:38 → 00:14:40 นึงยกแขนอีกข้างนึงยื่นแขนข้างนึงไปข้าง
00:14:40 → 00:14:43 หน้ายืข้างไปด้านข้าง L ก็ได้ครับทำไม่
00:14:43 → 00:14:46 ได้แสิ่งต่างๆเหล่าเคือการฝึกการสั่งการ
00:14:46 → 00:14:48 ของสมองก็ถือว่าเป็นหนึ่งในการออกกำลัง
00:14:48 → 00:14:50 กายนะครับซึ่งในเชิงการแพทย์ก็ใช้ในการ
00:14:50 → 00:14:53 ชะลออัลไซเมอร์ใช่มั้ยฮะชะลอสมองเสื่อม
00:14:53 → 00:14:55 โดยเฉพาะพวสูงอายุก็จะทำให้คล่องแคล้ว
00:14:55 → 00:14:57 ว่องไว้มากขึ้นครับอันนี้ก็คือการออกไว 5
00:14:57 → 00:14:59 อย่างซึ่งผมคิดว่าขอแค่อย่างเดียวถ้าท่าน
00:14:59 → 00:15:02 มีความรู้แล้วก็มีความตั้งใจอ่ะผมคิดว่า
00:15:02 → 00:15:04 อันเนี้ยก็คือการที่ทำให้เราอ่ะสามารถ
00:15:04 → 00:15:06 บรรลุเป้าหมายในการออกกำลังกายได้แล้วขอ
00:15:06 → 00:15:08 อีกอย่างนึงคือขอให้มีกำลังใจอ่ะอ้ามี
00:15:08 → 00:15:11 กำลังใจในการออกใช่มั้ยคะมีกำลังใจในการ
00:15:11 → 00:15:13 ออกกำลังกายและเห็นผลลัพธ์ว่าเราออกกำลัง
00:15:13 → 00:15:15 กายไปเพื่ออะไรอย่าไปมองว่าเพื่อลดความ
00:15:15 → 00:15:18 อ้วนอย่างเดียวใช่มั้ยครับแต่สิ่งที่เรา
00:15:18 → 00:15:20 ทำไปอยู่เนี่ยเป็นการสอนร่างกายของเราอ่า
00:15:20 → 00:15:22 อันนี้เหมือนที่คุณหมอพูดว่าเออการออก
00:15:22 → 00:15:24 กำลังกายแบบว่าให้มันถูกวิธีอมันสำคัญมาก
00:15:24 → 00:15:26 ๆเลยนะแล้วอย่างเงี้ยค่ะเราจะรู้ได้ไงว่า
00:15:26 → 00:15:28 เอ้ยไอ้ที่เราออกกำลังกายทวเยมันถูกวิธี
00:15:28 → 00:15:30 แล้วนะที่เราเปิดตาม YouTube แล้วเราทำ
00:15:30 → 00:15:31 ตามหรือว่าเราไปจิมไปอะไรเงี้ยอันเนี้ย
00:15:32 → 00:15:34 อาจจะค่อนข้างยากครับแต่ว่าอย่างน้อยเรา
00:15:34 → 00:15:37 เช็คว่าเมื่อเราทำแล้วเรามีการบาดเจ็บ
00:15:37 → 00:15:39 หรือเปล่าถ้าสมมุติว่าเราทำแล้วเรารู้สึก
00:15:39 → 00:15:41 ว่าเราเจ็บเราปวดเราเมื่อยอันนี้อาจจะไม่
00:15:41 → 00:15:44 ถูกต้องแล้วหรือผู้สูงอายุเนี่ยผมแนะนำ
00:15:44 → 00:15:46 ว่าควรอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ดีที่
00:15:46 → 00:15:49 สุดเลยเพราะเราไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเรามี
00:15:49 → 00:15:52 ภาวะอะไรซ่อนอยู่มั้ยอย่างบางคนเป็นโรค
00:15:52 → 00:15:54 หัวใจซ่อนอยู่ไม่เคยตรวจไปออกกำลังกาย
00:15:54 → 00:15:57 หนักนิดนึงหัวใจวายใช่มั้ยครับบางคนปวด
00:15:57 → 00:15:59 เข่าอยู่แล้วไปออกกำลังกายท่าผิดๆทำให้
00:16:00 → 00:16:02 อาการปวดอักเสบของเขามากขึ้นผมคิดว่า 1
00:16:02 → 00:16:04 คือคนที่ไม่เคยเริ่มออกกำลังกายอาจจะ
00:16:04 → 00:16:07 เริ่มจากการทำอะไรเบาๆกันและหลังจากนั้น
00:16:07 → 00:16:09 ก็ค่อยๆพัฒนาร่างกายไปเรื่อยๆแล้วก็ห
00:16:09 → 00:16:12 สังเกตถ้าไหนทำได้ทำได้ไม่เจ็บอ่านั่นแปล
00:16:12 → 00:16:13 ว่าท่านอาจจะทำถูกต้องแล้วอยากรู้เหมือน
00:16:13 → 00:16:15 กันว่าเมื่อกี้ที่ฟังคุณหมอพูดเรื่องการ
00:16:15 → 00:16:17 บริหารสมองมันคล้ายๆกับการ manipulate
00:16:17 → 00:16:19 สมองของเราเองหรือเปล่าให้ทำในสิ่งที่เรา
00:16:19 → 00:16:22 อยากจะทำใช่ๆครับอยากให้คุณหมอยกตัวอย่าง
00:16:22 → 00:16:24 วิธีการง่ายๆหน่อยที่เราทำได้เองที่บ้าน
00:16:24 → 00:16:27 หรืออะไรเงี้ยค่ะการทำอะไรที่ตรงข้ามกัน
00:16:27 → 00:16:29 ของทั้ง 2 ฝั่งก็ได้ครับครับอย่างเช่น
00:16:29 → 00:16:33 ข้างนึงเรายกแขนขึ้นแต่ขาอีกข้างนึงเรา
00:16:33 → 00:16:35 เหยียดลองดูนะครับแล้วทำสลับกันอีกข้าง
00:16:35 → 00:16:38 นึงเหยียดอีกข้างนึงยกขึ้นอย่างเงี้ยครับ
00:16:38 → 00:16:40 มันก็จะแบบฝึกใช่มันก็จะเป็นการฝึกการ
00:16:40 → 00:16:42 สั่งการของสมองก็จะมีการสั่งการให้สมอง
00:16:42 → 00:16:44 เนี่ยมีการแบบทำงานมากขึ้นแล้วแบบนี้การ
00:16:44 → 00:16:46 ที่เราไปเรียนรู้อะไรใหม่ๆค่ะเรียนรู้
00:16:46 → 00:16:49 ภาษาใหม่ๆไปเรียนรู้เรื่องใหม่ๆอะไรเงี้ย
00:16:49 → 00:16:50 มันก็ช่วยฝึกสมองของเราด้วยเหมือนกันมั้ย
00:16:50 → 00:16:52 คะหรือว่าไม่เกี่ยวเกี่ยวครับเกี่ยวแน่
00:16:52 → 00:16:56 นอนทุกอย่างที่ทำอะไรใหม่ๆคิดอะไรใหม่ๆ
00:16:56 → 00:16:59 ออกแบบอะไรใหม่ๆผมคิดว่าส่งผลต่อสมองใน
00:16:59 → 00:17:01 การทำงานอยู่ละเพราะสมองเราก็ทำงานกัน
00:17:01 → 00:17:03 หลายส่วนเราไม่ใช้สมองทำแค่ส่วนเดียวดัง
00:17:03 → 00:17:05 นั้นการที่เรากระตุ้นสมองแบบนี้ก็จะเป็น
00:17:05 → 00:17:08 สิ่งที่สำคัญมากๆคนที่ทำงานโดยการใช้สมอง
00:17:08 → 00:17:11 คือคิดเยอะๆพวกทำงานแบบว่าใช้วิธีคิด
00:17:11 → 00:17:13 เงี้ยค่ะมีโอกาสเป็นอัลไซเมอร์น้อยกว่าคน
00:17:13 → 00:17:15 ที่เขาแบบว่าอาจจะทำงานโดยการใช้แรงงาน
00:17:15 → 00:17:17 อะไรงี้ั้ยคะหรือว่าไม่เกี่ยวกันหลายท่าน
00:17:17 → 00:17:19 อาจจะบอกว่าจริงๆแล้วการทำงานหรือการคิด
00:17:19 → 00:17:22 อ่ะครับเราต้องคิดแล้วก็คิดอะไรใหม่ๆอยู่
00:17:22 → 00:17:24 เสมอเนาะถ้าสมมุติเราโฟกัสงานใดงานนึงมาก
00:17:24 → 00:17:26 เกินไปอ่ะครับสิ่งนี้ก็อาจจะไม่ได้ดีต่อ
00:17:26 → 00:17:29 สมองเนาะอาจจะเกิดความเครียดความกังวลมาก
00:17:29 → 00:17:31 ขึ้นและอีกอย่างนึงก็คือว่าอัลไซเมอร์
00:17:31 → 00:17:33 เนี่ยมันมีเหตุหลายเหตุปัจจัยนะครับซึ่ง
00:17:33 → 00:17:35 ต่อให้ท่านทำงานหนักแต่ท่านไม่ใช้แรงงาน
00:17:35 → 00:17:37 เลยอันนี้ก็อาจจะมีความเสี่ยงเหมือนกัน
00:17:37 → 00:17:40 ดังนั้นจริงๆอยากให้มองรอบด้านว่าอะไรที่
00:17:40 → 00:17:42 เราสามารถทำได้แล้วมันมีประโยชน์มากขึ้น
00:17:42 → 00:17:46 ครับอย่างเช่นการคิดก็ลองคิดหลายๆอย่าง
00:17:46 → 00:17:48 คิดในแง่ดีคิดอย่างอื่นบ้างครับผ่อนคลาย
00:17:48 → 00:17:51 บ้างแล้วปัจจุบันเค่ะมันก็ยังมีคนที่เขา
00:17:51 → 00:17:53 อายุแบบว่า 40 50 ที่เขายังต้องแบบนั่ง
00:17:53 → 00:17:55 ทำงานออฟฟิศอยู่เงี้ยค่ะแล้วบางทีเขามี
00:17:55 → 00:17:57 อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามร่างกายเจะ
00:17:57 → 00:17:59 รู้ได้ไงว่าเออเนี่ยอันนี้มันคือออฟิ
00:17:59 → 00:18:01 Syndrome นะหรือว่ามันเป็นแค่เพราะว่า
00:18:01 → 00:18:04 ฉันอายุมากขึ้นฉันก็เลยมีอาการแบบนี้ผม
00:18:04 → 00:18:06 คิดว่าอันเนี้ยอาจจะต้องสังเกตตัวเองครับ
00:18:06 → 00:18:09 คืออาการจะบ่งบอกภาวะผิดปกติได้แต่ทั้ง
00:18:09 → 00:18:11 นี้ทั้งนั้นถ้าอยากรู้ว่าเป็นอะไรอ่ะอาจ
00:18:11 → 00:18:13 จะต้องอยู่ภายใต้การวินิจฉัยของแพทย์เนาะ
00:18:13 → 00:18:15 คืออยากให้เข้าใจอย่างเงี้ครับว่า
00:18:15 → 00:18:17 ปัจจุบันเนี่ยด้วยพฤติกรรมในการทำงานของ
00:18:17 → 00:18:19 เราเนี่ยมันทำให้อายุอาจจะบ่งบอกไม่ได้
00:18:19 → 00:18:22 ทั้งหมดเพราะหลายคนอาจจะมีพฤติกรรมที่
00:18:22 → 00:18:25 เรียกว่าเสื่อมก่อนไวในอดีตอาจจะมีความ
00:18:25 → 00:18:28 เสื่อมของร่างกายเราหมอรองกระดูกคอหลังจะ
00:18:29 → 00:18:31 อายุ 50 60 70 ขึ้นไปใช่มั้ยครับแต่ใน
00:18:31 → 00:18:33 ปัจจุบันเนี่ยก็อาจจะทำให้ความเสื่อม
00:18:33 → 00:18:36 เนี่ยเกิดเร็วขึ้นะดังนั้นเ็งอายุ 40 50
00:18:36 → 00:18:38 แล้วมีอาการปวดคอเรื้อรังมากๆเราอาจจะ
00:18:38 → 00:18:40 ต้องไปตรวจละว่าเราเป็นปัญหาที่กล้าม
00:18:40 → 00:18:43 เนื้อมยหรือข้อต่อหรือเปล่าเดี๋ยวผมจะ
00:18:43 → 00:18:45 เล่าเรื่องความเสื่อมให้ฟังว่าเป็นยังไง
00:18:45 → 00:18:47 นะครับคือความเสื่อมของพวกหมอนรองกระดูก
00:18:47 → 00:18:50 คอกับหลังเนี่ยจะมีอยู่ทั้งหมด 3 ระยะ
00:18:50 → 00:18:52 ระยะแรกเนี่ยจะเป็นระยะที่เรามีอาการปวด
00:18:52 → 00:18:54 เราอาจจะมีอาการปวดไม่คอปวดบ่าหรือว่าปวด
00:18:55 → 00:18:57 สะบักคล้ายๆกับบางคนเเรียกว่าเส้นจมไม่
00:18:57 → 00:19:00 รู้รู้จักมกับเส้นจนเคยได้ยินหญ้าพูด
00:19:00 → 00:19:04 เหมือนกันคใช่ครับอันนี้ก็คือเป็นระยะแรก
00:19:04 → 00:19:06 นะครับต่อมาเนี่ยจะเริ่มมีภาวะของหมอนรอง
00:19:06 → 00:19:09 กระดูกที่เสื่อมมากขึ้นละพอภาวะที่เสื่อม
00:19:09 → 00:19:12 แปลว่าข้อต่อของเราอ่ะมันหลวมอืปกติข้อ
00:19:12 → 00:19:14 ต่อของเราจะแน่นใช่ไหมมครับข้อต่อของเรา
00:19:14 → 00:19:16 หลวมมากขึ้นแล้วกระดูกสันหลังเนี่ยจะมี
00:19:16 → 00:19:18 แต่เส้นประสาทที่อยู่ล้อมรอบเลยเพราะ
00:19:18 → 00:19:20 ฉะนั้นมันก็มีโอกาสที่จะรวมและเคลื่อนไป
00:19:20 → 00:19:23 โดนเส้นประสาทต่างๆระยะที่ 2 เนี่ยเรามัก
00:19:23 → 00:19:25 จะมีอาการปวดร้าวะปวดร้าวไปที่แขนหรือว่า
00:19:25 → 00:19:29 บางคนมีอาการชาชาเป็นๆหายๆเริ่มหยิบจับ
00:19:29 → 00:19:31 อะไรแล้วหลุดมืออันเนี้ยครับคือเป็นระยะ
00:19:31 → 00:19:34 ที่ 2 ละก็คือภาวะกระดูกสลังหลวมระยะที่ 3
00:19:34 → 00:19:36 ก็คือมีการกดทับเส้นประสาทละแต่ว่าร่าง
00:19:36 → 00:19:39 กายของฉาดมากพอคือร่างกายเรารับรู้ว่าข้อ
00:19:39 → 00:19:42 ต่อของเราหลวมเขาจะมีการชดเชยโดยการสร้าง
00:19:42 → 00:19:44 กระดูกงอกขึ้นมาเพื่อทำให้เป็นตัวเหมือน
00:19:44 → 00:19:46 มาดามให้กระดูกของเราแข็งอีกครั้งนึงครับ
00:19:46 → 00:19:48 ให้ข้อต่อของเราแบบแน่นอีกครั้งนึงซึ่ง
00:19:49 → 00:19:51 กระดูกงอกเนี่ยมักจะงอกผิดที่อมักจะไปงอก
00:19:51 → 00:19:54 ในโพรงประสาทมีการกดทับเส้นพระสาในระยะ
00:19:54 → 00:19:56 นี้อาจจะไม่มีอาการปวดละแต่เริ่มมีอาการ
00:19:56 → 00:19:59 ชาแทนชาอ่อนแรงหรือบางคนเนี่ยเริ่มเดิน
00:19:59 → 00:20:02 ผิดปกติครับบางคนทรงตัวเริ่มไม่ดีแล้วใช่
00:20:02 → 00:20:05 อาจจะเดินแบบทางๆขานิดนึงเดินเซๆนิดนึง
00:20:05 → 00:20:07 ครับอ่ะอันนี้อาจจะเริ่มผิดปกติละซึ่งผม
00:20:07 → 00:20:09 คิดว่าในระยะเนี้ยอาจจะไม่ต้องน่ากลัว
00:20:09 → 00:20:11 เกินไปเพราะว่าเรามีระยะที่ 1 ระยะที่ 2
00:20:11 → 00:20:13 อ่ะส่วนใหญ่เราก็จะมักมาปรึกษาคุณหมออยู่
00:20:13 → 00:20:16 ละก็ให้คุณหมอเขดูครับว่าเราน่าจะอยู่ใน
00:20:16 → 00:20:18 ระยะไหนเพื่อที่เราจะได้ปรับพฤติกรรมของ
00:20:18 → 00:20:21 เราก่อนเนาะก็คือเป็น 3 ระยะซึ่งเราต้อง
00:20:21 → 00:20:23 รีบปรับแหละเพื่อไม่ให้มันไปเกิดเป็นระยะ
00:20:23 → 00:20:25 ที่ 3 ที่มันเกิดเป็นกระดูกงอกทับเส้น
00:20:25 → 00:20:28 ประสาทก็จะอันตรายเกินไปใช่ครับก็คืออยาก
00:20:28 → 00:20:31 ให้เราคิดว่าในการที่เรามีความผิดปกติของ
00:20:31 → 00:20:34 ร่างกายมันไม่ใช่เรื่องที่ยากเลยที่เราจะ
00:20:34 → 00:20:37 ไปปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชานก่อนเนาะ
00:20:37 → 00:20:40 เพราะว่ามันเป็นการช่วยชะลอความเสื่อมของ
00:20:40 → 00:20:42 เราด้วยเป็นการชะลอโรคของเราด้วยครับแล้ว
00:20:42 → 00:20:45 ก็ป้องกันปัญหาจากโรคนั้นด้วยเพราะฉะนั้น
00:20:45 → 00:20:47 การดูแลร่างกายถ้าวันนี้เรามีอาการปวดระ
00:20:47 → 00:20:49 ดังเราเริ่มดูแลตัวเองดือยการที่เราอ่ะ
00:20:49 → 00:20:52 เราสร้างความตระหนักรู้ละว่าเราอาจจะมี
00:20:52 → 00:20:54 โรคนั้นโลกนี้ไม่เป็นไรเราลองหาวิธีการ
00:20:54 → 00:20:57 ปรับพฤติกรรมของเราออกกำลังกายใช่มั้ย
00:20:57 → 00:20:59 ครับหรือว่าทาอาหารที่มีประโยชน์ปรับ
00:20:59 → 00:21:01 เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของเราก่อนแล้วถ้ามันไม่
00:21:01 → 00:21:03 ดีขึ้นอันเนี้ยอยากให้รีบไปปรึกษาผู้
00:21:03 → 00:21:06 เชี่ยวชาญอันนี้ก็จะเป็นการที่เราป้องกัน
00:21:06 → 00:21:08 ความเสื่อมก่อนไวได้คืออยากรู้ค่ะว่าเออ
00:21:08 → 00:21:10 บางทีบางคนที่เขามีอาการปวดเมื่อยเนี่ย
00:21:10 → 00:21:12 เขาอาจจะยังไม่ไปหาหมอหรอกแต่เขาจะไปร้าน
00:21:12 → 00:21:14 นวดก่อนเพราะว่าเวลาไปร้านนวดเนี่ยหมอนวด
00:21:14 → 00:21:16 ก็จะบอกว่าเอ้ยมันมีพังผืดเยอะนะหรือแบบ
00:21:16 → 00:21:18 ว่าเนี่ยเส้นมันยึดเงี้ยค่ะอยากรู้ว่าไอ้
00:21:18 → 00:21:20 อาการนวดเนี่ยมันช่วยบรรเทาอาการปวดแล้ว
00:21:20 → 00:21:23 ก็ลดไอ้พังผืดจากอาการอฟฟิศ sindrome
00:21:23 → 00:21:25 เหล่านี้ได้มากน้อยแค่ไหนคะได้ครับอาการ
00:21:25 → 00:21:27 นวดจริงๆอ่ะช่วยได้นะครับเป็นการเาเรียก
00:21:27 → 00:21:31 ว่านวดกดจุดนวดกดจุดนวดกดจุดใช่เดี๋ยวเรา
00:21:31 → 00:21:33 มาเรียนรู้ก่อนว่าที่เขาบอกว่าเป็นพังืด
00:21:33 → 00:21:35 มันตึงเกิดจากอะไรนะครับอย่างที่เรารู้ไป
00:21:36 → 00:21:37 ข้างต้นเราว่ากล้ามเนื้อเมื่อเราทำงาน
00:21:37 → 00:21:40 เกินขนาดอ่ะครับมันมักจะไม่ค่อยคลายตัว
00:21:40 → 00:21:41 ดังนั้นเองมันจะมีกล้ามเนื้ออยู่บาง
00:21:41 → 00:21:44 บริเวณครับที่มันไม่คลายตัวซึ่งเราเช็ค
00:21:44 → 00:21:47 กันได้นะครับอ่ะเราลองเอามือขึ้นมาอันนึง
00:21:47 → 00:21:49 ครับแล้วลองคลำไปบริเวณบ่าของเราครับมัน
00:21:49 → 00:21:52 จะมีส่วนนึงนะครับที่ได้เป็นก้อนๆอ่าอาจ
00:21:52 → 00:21:54 จะไม่มีทุกคนนะครับแล้วพอเราเจอก้อนนะ
00:21:54 → 00:21:57 ครับให้เราใช้ 1 นิ้วของเราลองกดเข้าไป
00:21:57 → 00:22:00 เนี่ยถ้าสมมุติว่าเรามีปมกล้ามเนื้ออยู่
00:22:00 → 00:22:03 ครับที่ที่หมอนวดบอกอ่ะมันจะมีลักษณะปวด
00:22:03 → 00:22:06 ร้าวไปตามบริเวณบาตามบริเวณสะบักได้นะ
00:22:06 → 00:22:08 ครับนี่อันนี้เขาเรียกว่า Trigger Point
00:22:08 → 00:22:10 Trigger Point ก็คือปมกล้ามเนื้อที่ไม่
00:22:10 → 00:22:12 ได้คลายตัวบางบริเวณที่กล้ามเนื้อของเรา
00:22:12 → 00:22:15 ทำงานมากเกินไปครับดังนั้นเองที่หมอนวด
00:22:15 → 00:22:17 บอกก็ถูกนะครับก็คือเหมือนกับว่าเขาไปคำ
00:22:17 → 00:22:19 เจอตัวทิกเกอร์ Point ของเราหรือป้มกล้าม
00:22:19 → 00:22:22 เนื้อเราออ่าซึ่งการรักษาอย่างนึงที่
00:22:22 → 00:22:25 สามารถทำได้นะครับก็คือการกดจุดคือหลายๆ
00:22:25 → 00:22:28 ครั้งเอาจจะใช้แบบความร้อนประคบหรือเจล
00:22:28 → 00:22:30 ร้อนประคบก่อนหลังจากนั้นเราใช้ 1 นิ้ว
00:22:30 → 00:22:34 ของเราค่อยๆกดคลึงไปบริเวณก้อนหรือปมนั้น
00:22:34 → 00:22:37 เบาๆครับเราเชื่อว่ามันอาจจะช่วยคลายปม
00:22:37 → 00:22:39 นั้นได้ทั้งนี้ทั้งนั้นการนวดก็ต้องระวัง
00:22:39 → 00:22:41 นะครับคนที่มีความผิดปติบางอย่างมีรูป
00:22:41 → 00:22:44 ประจำตัวมียาบางอย่างหรือผู้สูงอายุบาง
00:22:44 → 00:22:48 รายอก็ควรหลีกเลี่ยงการนวดนะครับรวมไปถึง
00:22:48 → 00:22:51 การนวดก็ต้องเป็นนวดที่มีความพอดีไม่นวด
00:22:51 → 00:22:53 แรงจนเกินไปนะครับซึ่งอันนี้ก็อาจจะไม่
00:22:53 → 00:22:56 ได้ส่งผลดีอาจจะส่งผลให้เกิดการอักเสบมาก
00:22:56 → 00:22:59 ขึ้นการนวดก็อาจจะเหมาะกับการนวดกล้าม
00:22:59 → 00:23:02 เนื้อบางระยะเท่านั้นอ่าบางระยะเท่านั้น
00:23:02 → 00:23:04 บางระยะที่แบบเรามีการอักเสบมากๆการนวดก็
00:23:04 → 00:23:07 จะทำให้เรายิ่งอักเสบแต่การที่เรามีการ
00:23:07 → 00:23:09 อักเสบเลื้อรังหรือเราเจอปมการนวดก็อาจจะ
00:23:09 → 00:23:11 ได้ผลนะครับซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าเกิด
00:23:11 → 00:23:13 เราไม่มั่นใจไม่ชวยจริงๆไปหาหมอดีกว่าไป
00:23:13 → 00:23:16 หาหมอก่อนใช่ครับค่ะไหนๆวันนี้นะคะเราก็
00:23:16 → 00:23:18 คุยกันถึงเรื่องการแก้อาการออฟฟิ Syndrome
00:23:18 → 00:23:20 การออกกำลังกายเพื่อแก้อาการปวดเมื่อย
00:23:20 → 00:23:22 ร่างกายแล้วอยากจะให้คุณหมอสาทิตวิธีการ
00:23:23 → 00:23:25 อ่าแก้ออฟฟิศซินโดรมเนี่ยค่ะง่ายๆสัก 3-4
00:23:25 → 00:23:27 ท่าก็ได้ค่ะที่แบบว่าคนทางบ้านดูแล้วก็ทำ
00:23:27 → 00:23:29 ตามได้เลยค่ะโอเคครับอย่างแรกนะครับในการ
00:23:29 → 00:23:32 แก้ออฟฟิ Syndrome เราเอาที่ปัญหาที่เรา
00:23:32 → 00:23:35 เจอบ่อยได้มั้ครับก็คือปัญหาคอบาลคอบาล
00:23:35 → 00:23:38 แล้วก็ปัญหาชามือหรือว่านิ้วล็อใช่มั้ย
00:23:38 → 00:23:39 ครับอ่ะอย่างแรกที่เราต้องทำคือต้องมีการ
00:23:39 → 00:23:42 ขยับอย่างที่เบอกเป็นการยืดเหยียดก้าม
00:23:42 → 00:23:45 เนื้ออย่างนึงนะครับการขยับซ้ายขยับขวา
00:23:45 → 00:23:47 อ่าเอาให้สุดนะครับเอาให้สุดเอาพยายามให้
00:23:47 → 00:23:49 สุดอ่าอันนี้ก็จะเป็นการขยับ 1 คือเป็น
00:23:49 → 00:23:51 การกระตุ้นกล้ามเนื้อเป็นการยืดกล้าม
00:23:51 → 00:23:53 เนื้อเพิ่มการไหลเวียนกล้ามเนื้อที่ดีใช่
00:23:53 → 00:23:55 มั้ยครับอันที่ 2 คือการยืดเหยียดละการ
00:23:55 → 00:23:57 ยืดเหยียดก็คืออ่าอย่างเช่นเราเอามือไขว้
00:23:57 → 00:24:01 หลังครับอ่าหลังจากนั้นนะครับค่อยๆเอน
00:24:01 → 00:24:04 ศีรษะให้เรารู้สึกตึงมากๆบริเวณคอนะครับ
00:24:04 → 00:24:07 ค้างไว้สัก 10 วินาทีโคแล้วค่อยๆคลายนะ
00:24:08 → 00:24:12 ครับอ่าลองสลับข้างกันดูอ่าค้างไว้ 10
00:24:12 → 00:24:13 วินาที
00:24:13 → 00:24:17 อ่าอ่าแล้วก็คลายนะครับอ่าอันนี้ก็จะเป็น
00:24:17 → 00:24:19 การยืดกล้ามเนื้อคอบาลการยืดกล้ามเนื้อก็
00:24:19 → 00:24:22 จะมีทั้งการขยับแล้วก็การยืดนะครับต่อไป
00:24:23 → 00:24:24 ปัญหามือก็สำคัญใช่มั้ยครับบางครั้งเรา
00:24:24 → 00:24:27 ใช้เมาส์ก็ทำให้เราปวดนิ้วปวดข้อมือนะ
00:24:27 → 00:24:30 ครับอ่าเดี๋ยวผมจะสอนก็คือ 1 ครับเป็นการ
00:24:30 → 00:24:34 ยืดเส้นเอ็นนะครับหยิกนิ้วลงมากำอือฮึทำ
00:24:34 → 00:24:39 เป็นโต๊ะครับแล้วก็ตบลงอ่าแล้วก็เหยียด
00:24:39 → 00:24:43 ออกมาหยิกนิ้วออกเหมือนเดิมกำทำเป็นโต๊ะ
00:24:43 → 00:24:46 ตกลงโอเคอันนี้นะครับก็จะเป็นการยืด
00:24:46 → 00:24:49 เหยียดเส้นเอ็นบริเวณมือนะครับเพื่อทำให้
00:24:49 → 00:24:51 เส้นเอ็นเคลื่อนดีขึ้นอาการนิ้วล็อคก็จะ
00:24:51 → 00:24:53 ลดลงนะครับรวมไปถึงอาการปวดเส้นเอ็นปวด
00:24:53 → 00:24:56 ข้อมือเนี่ยก็จะลดลงด้วยเนาะอีกท่านึงนะ
00:24:56 → 00:24:58 ครับผมคิดว่าถ้าถ้าหลายๆคนทำน่าจะรู้สึก
00:24:58 → 00:25:00 เลยลองเหยียดแขนออกมานะครับกระดกมือลง
00:25:00 → 00:25:04 ครับผมกระดกมือลงอุ๊ยอ่าแล้วกางนิ้วโป้ง
00:25:04 → 00:25:07 ออกให้สุดครับอุ๊ยกดไหลลงนะครับกดไหลลง
00:25:08 → 00:25:11 อ่าตึงมยครับตึงแล้วใช่มั้ยครับตึงหลัง
00:25:11 → 00:25:14 จากนั้นนะครับเอนศีรษะไปทางด้านมือก่อนนะ
00:25:14 → 00:25:17 ครับเบาลงมยครับอาการเบาลงมั้ยอื้อมันรู้
00:25:17 → 00:25:19 สึกผ่อนคลายนิดนึงผ่อนคลายนะครับหลังจาก
00:25:19 → 00:25:22 นั้นเราเอนไปอีกข้างนึงช้าๆครับช้าๆเอน
00:25:22 → 00:25:24 อีกข้างนึงครับอออันนี้เริ่มตึงะตึงมั้ย
00:25:24 → 00:25:28 ครับตึงตึงใช่มั้ยครับอ่ะปล่อยลงครับอัน
00:25:28 → 00:25:29 นี้ก็ก็จะเป็นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อแขน
00:25:29 → 00:25:31 นะครับรวมไปถึงยืดเหยียดเส้นประสาททำให้
00:25:31 → 00:25:34 การเคลื่อนที่ของเส้นประสาทดีขึ้นก็จะ
00:25:34 → 00:25:36 ช่วยลดอาการชาอาการกดทับเส้นประสาทที่พัง
00:25:36 → 00:25:39 ฝืดข้อมือได้ด้วยผมคิดว่าหลายๆคนเนี่ยก็
00:25:39 → 00:25:41 ทำแล้วจะรู้สึกใช่ไหมมครับแสดงว่าเราก็
00:25:41 → 00:25:44 ควรจะฝึกออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อเส้น
00:25:44 → 00:25:46 ประสาทเส้นเอ็นบ่อยๆเพื่อที่ทำให้เราห่าง
00:25:46 → 00:25:48 ไกลจากออฟิ Syndrome นะครับอย่างงี้คนที่
00:25:48 → 00:25:50 แบบว่านั่งทำงานไปนานๆแล้วรู้สึกว่าเอ้ย
00:25:50 → 00:25:53 ฉันเริ่มแบบตึงๆะก็คือทำท่าที่คุณหมอสอน
00:25:53 → 00:25:55 ไปเมื่อสักครู่นี้ได้เลยถูกมยคะใช่ครับ
00:25:55 → 00:25:58 จริงๆแล้วอยากให้เริ่มจาก 1 คือลุก
00:25:58 → 00:26:00 เปลี่ยนอริยบทก่อนอันนี้ง่ายที่สุดหลัง
00:26:00 → 00:26:02 จากนั้นก็ค่อยๆมาบริหารในการยืดเหยียด
00:26:02 → 00:26:04 กล้ามเนื้อก่อนที่เราจะไปยืดเหยียดกล้าม
00:26:04 → 00:26:05 เนื้อเนี่ยถ้าเรารู้สึกว่าเราทำงานมานาน
00:26:05 → 00:26:07 แล้วรู้สึกเริ่มตึงๆละเราควรจะแบบเปลี่ยน
00:26:08 → 00:26:10 อิริยาบถบ่อยแค่ไหนในการทำงานค่ะแบบทำงาน
00:26:10 → 00:26:12 สักครึ่งชั่วโมงแล้วก็ควรจะเปลี่ยนท่าทาง
00:26:12 → 00:26:14 หรือว่าสัก 1 ชั่วโมงอะไรเงี้ยครับจริงๆ
00:26:14 → 00:26:16 แล้วมันก็ขึ้นกับความแข็งแรงหรือความทน
00:26:16 → 00:26:18 ทานกล้ามเนื้อแต่ละคนนะครับแต่โดยรวมเรา
00:26:18 → 00:26:21 จะแนะนำว่าประมาณ 1-2 ช่วโมงถ้าเราทำงาน
00:26:21 → 00:26:23 ต่อเนื่องกันแล้วอ่ะก็ควรมีเวลาที่เราลุก
00:26:23 → 00:26:26 ไปพักอย่างน้อย 10-15 นาทีก็จะช่วยทำให้
00:26:26 → 00:26:28 กล้ามเนื้อของเราผ่อนคลายมากขึ้นรวมถึง
00:26:28 → 00:26:30 จิตใจหรือความพร้อมในการทำงานของเราก็จะ
00:26:30 → 00:26:32 ดีมากขึ้นด้วยลองตั้งเวลาก็ได้ครับถ้า
00:26:32 → 00:26:34 สมมุติว่าเรารู้สึกว่าเวลาประมาณนี้แล้ว
00:26:34 → 00:26:36 เรารู้สึกตึงรู้สึกเมื่อยก็ออกไปยึดเส้น
00:26:36 → 00:26:38 ยึดสายหน่อยแล้วอีกอย่างนึงที่ผมอาจจะยัง
00:26:38 → 00:26:40 ไม่ได้สาธิตก็คือการสร้างกล้ามเนื้อเราจะ
00:26:40 → 00:26:43 หยิบหดน้ำขึ้นมาแล้วก็พอวางไว้ข้างลำตัว
00:26:43 → 00:26:47 ยักไต่ขึ้นมาใช่มั้ยครับยักไหลขึ้นมาอ่า
00:26:47 → 00:26:49 อย่างเงี้ยครับก็จะเป็นการฝึกกล้ามเนื้อ
00:26:49 → 00:26:51 บ่าของเราให้แข็งแรงและถนทานมากขึ้นถ้า
00:26:51 → 00:26:53 เราทำบ่อยๆการที่เรามานั่งทำงานก็จะลด
00:26:53 → 00:26:55 โอกาสที่จะบาดเจ็บได้อันนี้แบบว่าถ้าเล่น
00:26:55 → 00:26:58 โทรศัพท์นานๆนิ้วล็อก็คือถ้ายึดหยติดกม
00:26:58 → 00:26:59 เนืเมื่อกี้ก็ช่วยได้เหมือนกันถูกมั้ยค
00:26:59 → 00:27:01 ใช่ครับคือนิ้วล็อจะมีอยู่หลายระยะมากๆ
00:27:02 → 00:27:04 เนาะแต่ในระยะแรกๆถ้าเราเริ่มมีอาการปวด
00:27:04 → 00:27:06 นะครับ 1 การพักการใช้งานก็เป็นสิ่งที่
00:27:06 → 00:27:09 สำคัญมากๆถ้าเรารู้พฤติกรรมนั้นแล้วเรา
00:27:09 → 00:27:11 หยุดอันนี้ก็จะช่วยได้ละอย่างที่ 2 ก็คือ
00:27:11 → 00:27:13 เราอาจจะต้องมาฝึกเรื่องของการยืดเหยียด
00:27:13 → 00:27:15 กล้ามเนื้อยืดเหยียดเส้นเอ็นนะครับสิ่ง
00:27:15 → 00:27:17 เหล่านี้ก็จะช่วยบรรเทาอาการนิวล็อคหรือ
00:27:17 → 00:27:20 อาการปวดได้นะครับนอกจากเป้าหมายเรื่อง
00:27:20 → 00:27:22 การอย่างที่คุณบอกว่าเราไม่ควรตั้งเป้า
00:27:22 → 00:27:23 หมายแค่ว่าเราจะออกกำลังกายเพื่อลดความ
00:27:24 → 00:27:25 อ้วนเท่านั้นนะเราควรมีเป้าหมายอย่างอื่น
00:27:25 → 00:27:27 ด้วยเป้าหมายอะไรบ้างที่มันสำคัญแล้วก็ทำ
00:27:27 → 00:27:29 ให้เรามี motivation ในการออกกำลังกายมาก
00:27:29 → 00:27:31 ขึ้นนะคผมคิดว่าในยุคปัจจุบันนะครับเป้า
00:27:31 → 00:27:33 หมายที่สำคัญที่สุดก็คือการเอาชนะตัวเอง
00:27:33 → 00:27:37 อ่าสมมุติว่าเราทำวันเนี้ได้ 5 ครั้งเป้า
00:27:37 → 00:27:38 หมายต่อไปพรุ่งนี้เราทำได้ 10 ครั้งได้
00:27:38 → 00:27:41 ไหมเราทำได้ 15 ครั้งได้ไหมคือให้เราเห็น
00:27:41 → 00:27:43 พัฒนาการของด้านสุขภาพของเราผ่านตัวเลข
00:27:43 → 00:27:45 อาจจะเป็นจำนวนครั้งจำนวนน้ำหนักก็ได้
00:27:45 → 00:27:47 ครับหรือจำนวนท่าที่เราทำได้เพิ่มขึ้นก็
00:27:47 → 00:27:49 ได้อันนี้ก็จะเป็น Mini Victory ก็คือ
00:27:50 → 00:27:52 การเอาชนะเล็กๆจะนำพาไปถึงชัยชนะที่ยิ่ง
00:27:52 → 00:27:54 ใหญ่ซึ่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่เรามองไว้
00:27:54 → 00:27:57 อ่ะก็คือการที่เรา 1 มีสุขภาพที่ดีขึ้น 2
00:27:57 → 00:27:59 ป้องกันโรกปัจจุบันเราก็ต้องการป้องกัน
00:27:59 → 00:28:02 โรคที่อาจจะเกิดตามวัยด้วยตามการทำงาน
00:28:02 → 00:28:04 ด้วยใช่มั้ยครับและอันที่ 3 ก็คือเพิ่ม
00:28:04 → 00:28:06 ประสิทธิภาพในการทำงานของเราได้ด้วยซึ่ง
00:28:06 → 00:28:08 ผมมองว่าอันเนี้ยมันอาจจะดูว่าจับต้องไม่
00:28:08 → 00:28:10 ได้เนาะเพราะฉะนั้นเราเอาอะไรที่จับต้อง
00:28:11 → 00:28:13 ได้ก่อนก็คือเนี่ยครับทำได้มากขึ้นแล้ว
00:28:13 → 00:28:16 เราลองสังเกตดูเองดูก็ได้ว่าเออถ้าเราทำ
00:28:16 → 00:28:19 แล้วเราไปทำงานเราลดอาการปวดได้มหรือว่า
00:28:19 → 00:28:21 เราทำงานได้นานขึ้นมมีประสิทธิภาพที่ดี
00:28:21 → 00:28:23 มากขึ้นมแล้วผมเชื่อว่าคนที่ออกกำลังกาย
00:28:23 → 00:28:26 เขาจะทราบอยู่ละว่ามันต้องดีขึ้นแล้วผม
00:28:26 → 00:28:28 คิดว่าอันเนี้ยก็เป็นจุดเริ่มต้นนะครับ
00:28:28 → 00:28:30 ของการสะสมความสำเร็จเล็กๆซึ่งถ้าเราอยาก
00:28:30 → 00:28:32 จะประสบความสำเร็จอะไรถ้าเราสะสมความ
00:28:33 → 00:28:35 สำเร็จเล็กๆเอาไว้เยอะๆผมเชื่อว่าไม่ว่า
00:28:35 → 00:28:37 ด้านไหนนะครับด้านการงานด้านครอบครัวหรือ
00:28:37 → 00:28:39 ด้านสุขภาพเนี่ยเราก็จะประสบความสำเร็จ
00:28:39 → 00:28:41 ทั้งนั้นครับและยิ่งในยุคที่เราจะมีอายุ
00:28:41 → 00:28:43 ที่ยืนมากขึ้นแล้วในอนาคตเนี่ยผมคิดว่า
00:28:43 → 00:28:46 ความสำเร็จเล็กๆเหล่าเนี้ก็จะทำให้ใน
00:28:46 → 00:28:48 อนาคตตอนที่เราอายุมากขึ้นเราก็จะมีความ
00:28:48 → 00:28:50 สุขและความสำเร็จเช่นกันครับเมอย่างที่
00:28:50 → 00:28:52 คุณหมอพูดนะคะว่าคือการออกกำลังการมันก็
00:28:52 → 00:28:54 คือยาอย่างหนึ่งมันเหมือนเป็นยาสามัญ
00:28:54 → 00:28:56 ประจำบ้านถ้าอยากมีชีวิตอยู่กับลูกกับ
00:28:56 → 00:28:58 หลานไปนานๆอยากมีชีวิตอยู่กับคนที่เรารัก
00:28:58 → 00:29:01 ไปนานๆโดยที่ไม่ต้องไปเสียเงินค่ารักษา
00:29:01 → 00:29:03 ให้มันมากมายเนี่ยเราก็ต้องดูแลตัวเอง
00:29:03 → 00:29:05 ตั้งแต่วันนี้สำหรับวันนี้นะคะต้องขอบคุณ
00:29:05 → 00:29:07 คุณหมอเฟมากๆเลยค่ะที่ได้มาแบ่งปันความ
00:29:07 → 00:29:10 รู้แล้วก็แนะนำเทคนิคการออกกำลังกายดีๆ
00:29:10 → 00:29:11 การยืดเหยียดกำเนินดีๆเพื่อให้ลดอาการ
00:29:11 → 00:29:14 ออฟิ Syndrome นะคะซึ่งทางเกลานะคะก็มี
00:29:14 → 00:29:16 ของมามอบให้คุณหมอด้วยเช่นกันค่ะเป็น
00:29:16 → 00:29:19 กระเป๋าผ้านะคะจากทางเพจเกานิสัยอันตราย
00:29:19 → 00:29:23 ค่ะนี่ค่ะซึ่งถ้าใครสนใจนะคะอยากจะซื้อก็
00:29:23 → 00:29:25 ซื้อได้เลยมีลิงก์อยู่ข้างล่างใต้คลิปนะ
00:29:25 → 00:29:28 คะใครที่สนใจอยากรู้ท่าทางในการออกกำลัง
00:29:28 → 00:29:30 กายมากขึ้นอยากรู้ว่าเฮ้ยฉันควรจะออก
00:29:30 → 00:29:31 กำลังกายยังไงดีนะเพื่อเสรมสร้างกล้าม
00:29:31 → 00:29:33 เนื้อยืดกล้ามเนื้อของตัวเองนะคะก็ไป
00:29:33 → 00:29:35 ติดตามได้ที่ช่องของคุณหมอเฟมเลยนะคะมี
00:29:35 → 00:29:38 ความรู้ดีๆมาให้รับชมกันได้ทุกวันเลยนะคะ
00:29:38 → 00:29:40 สำหรับวันนี้นะคะต้องขอตัวลาไปก่อนแล้วพบ
00:29:41 → 00:29:44 กันใหม่ใน EP หน้านะคะสวัสดีค่ะสวัสดี
00:29:44 → 00:29:57 [เพลง]
00:29:57 → 00:30:01 ครับ n
00:30:01 → 00:30:05 [เพลง]