00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:07 world vi The Voice ถ้าเอาภาษาชาว
00:00:07 → 00:00:10 บ้านเลยก็คือความรู้สึกไม่โอเคที่มัน
00:00:10 → 00:00:12 เรื้อรังแล้วมันก็ทำอะไรไม่ได้อ่ะครับคำ
00:00:13 → 00:00:15 ว่าท็อกซิกที่เราคุยๆกันก็คือมันจัดการ
00:00:15 → 00:00:18 ไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำยังไงเรียกว่ากลืนไม่
00:00:18 → 00:00:20 เข้าคายไม่ออกกับไอ้ความรู้สึกแบบนี้ครับ
00:00:20 → 00:00:23 ทีนี้ถ้ามันเรื้อรังยาวนานเนี่ยมันก็ก่อ
00:00:23 → 00:00:25 ให้เกิดความห่อนไหวมากขึ้นความอึดอัดมาก
00:00:25 → 00:00:28 ขึ้นนะครับแล้วก็ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ
00:00:28 → 00:00:30 เราเราจะหลงโทษตัวเราเองนะครับไม่แรกๆมัน
00:00:30 → 00:00:33 จะทำไมคนอื่นทำไมคนอื่นถึงอย่างงั้นทำไม
00:00:33 → 00:00:35 คนอื่นถึงอย่างงี้แต่นานๆเข้ามันจะทำไม
00:00:35 → 00:00:37 ตัว
00:00:37 → 00:00:41 เองฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:41 → 00:00:45 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:45 → 00:00:48 This Is to PBS podcast เอาล่ะค่ะ
00:00:48 → 00:00:51 คุณผู้ฟังคะวันนี้เราจะมาคุยกันอีกเรื่อง
00:00:51 → 00:00:54 นึงที่น่าสนใจนะคะถึงการรู้เท่าทันขจัด
00:00:54 → 00:00:57 ท็อกซิกในใจคำว่าท็อกซิกในใจคืออะไรมี
00:00:57 → 00:01:00 ความหมายมีนิยามหรือเปล่านะคะซึ่งบางที
00:01:00 → 00:01:02 เราอาจจะไม่รู้ว่าในภาวะของความรู้สึกบาง
00:01:02 → 00:01:05 อย่างเนี่ยมันอาจจะมีภาวะแบบนี้อยู่ด้วย
00:01:05 → 00:01:08 ก็ได้นะคะเดี๋ยวเราคุยกับรองศาสตราจารย์
00:01:08 → 00:01:11 นายแพทย์ชัชวาลศิลปกิจผู้อำนวยการศูนย์
00:01:11 → 00:01:15 จินตปัญญาศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลค่ะสวัสดี
00:01:15 → 00:01:18 ค่ะอาจารย์คะครับสวัสดีครับสวัสดีครับทุก
00:01:18 → 00:01:21 ท่านครับค่ะอาจารย์คะถึงเรื่องของการรู้
00:01:21 → 00:01:25 เท่าทันขจัดท็อกซิกในใจที่ว่านี้นะคะคือ
00:01:25 → 00:01:27 ต้องขออนุญาตเรียนถามอาจารย์อย่างนี้ว่า
00:01:27 → 00:01:30 การขจัดท็อกซิกในใจหรือการรู้ททันท็อกซิก
00:01:30 → 00:01:34 ในใจคำว่าท็อกซิกในใจความหมายนิยามเนี่ย
00:01:34 → 00:01:37 มันเป็นภาวะความรู้สึกแบบไหนคะที่มันเป็น
00:01:37 → 00:01:39 ความที่แบบอ่ะไม่ดีกับความรู้สึกของตัว
00:01:39 → 00:01:43 เองแล้วถ้าเอาภาษาชาวบ้านเลยก็คือความรู้
00:01:43 → 00:01:46 สึกไม่โอเคที่มันเรื้อรังแล้วมันก็ทำอะไร
00:01:46 → 00:01:49 ไม่ได้อ่ะครับคือคือถ้าเราเรามีความรู้
00:01:49 → 00:01:53 สึกไม่ไม่พอใจไม่ชอบใจแต่ว่าเราจัดการมัน
00:01:53 → 00:01:56 ได้แล้วมันก็มาชั่วคราวแล้วมันก็หายไปค่ะ
00:01:56 → 00:02:00 ด้วยด้วยกรรมวิธีการดูแลตัวเองแต่ว่าพอคำ
00:02:00 → 00:02:02 ว่าท็อกซิกที่เราคุยๆกันก็คือมันจัดการ
00:02:02 → 00:02:05 ไม่ได้อือฮึมันก็ไม่รู้จะทำยังไงอ่าๆ
00:02:05 → 00:02:08 เรียกว่ากลืนไม่เข้าขายไม่ออกกับไอ้ความ
00:02:08 → 00:02:11 รู้สึกแบบนี้ครับค่ะเช่นอาจารย์พอจะยกตัว
00:02:11 → 00:02:14 อย่างให้ได้มั้ยคะว่าแบบอ่าประมาณความรู้
00:02:14 → 00:02:17 สึกแบบนี้นะที่แบบว่ามันอาจจะมีแต่คำถาม
00:02:17 → 00:02:19 ที่ไม่มีคำตอบหรือเปล่าหรืออะไรอย่างงี้
00:02:19 → 00:02:21 ด้วยมั้ยคะที่ทำให้รู้สึกว่าใช่ครับมันวน
00:02:21 → 00:02:23 เวียนแล้วมันไม่จบ่ะครับมันมันก็ไม่รู้จะ
00:02:23 → 00:02:26 ทำยังไงแล้วมันก็อยากจะทำแล้วมันก็ลืมไป
00:02:26 → 00:02:30 ว่าทำอะไรไม่ได้ค่ะก็จะเผลอเข้าไปทำทำเม
00:02:30 → 00:02:34 เขอไปอย่างเช่นเราเรามีความโกรธความไม่พอ
00:02:34 → 00:02:37 ใจหรือความน้อยใจแล้วเราก็วนนะครับค่ะที
00:02:37 → 00:02:40 นี้ถ้าเราวนบ่อยๆมันก็เริ่มเป็นพิษก็คือ
00:02:40 → 00:02:44 มันก็กระทบกระเทือนสุขภาพจิตการกินการนอน
00:02:44 → 00:02:46 อืการดำเนินชีวิตถ้าเราจะมองว่ามัน
00:02:46 → 00:02:50 ท็อกซิกมันก็ควรจะเป็นอาการผลที่มันกระทบ
00:02:50 → 00:02:54 ต่อการดำเนินชีวิตถ้ายังไม่กระทบมันก็มัน
00:02:54 → 00:02:55 ก็ไม่ถึงกันอาจจะเป็นท็อกซิกใช่มั้ยครับ
00:02:55 → 00:02:58 เพราะเราก็พออยู่ๆกับมันไปได้แต่ถ้าเราจะ
00:02:58 → 00:03:00 นิยามมันที่ให้ให้คำว่ามันชัดเจนขึ้นคือ
00:03:00 → 00:03:03 มันกระทบอ่ะกระทบชีวิตความเป็นอยู่ของเรา
00:03:03 → 00:03:06 อ่ะครับอ๋อคือจัดการก็ไม่ได้ด้วยแถมยัง
00:03:06 → 00:03:09 กระทบเพราะว่าเราคิดวนไปเวียนมาอยู่แบบ
00:03:09 → 00:03:12 นี้ตลอดจะไปหาคำตอบที่ไหนมันก็ไม่ได้มัน
00:03:12 → 00:03:16 ไม่มีคำตอบให้ใช่มั้ยคะเออเป็นอารมณ์ความ
00:03:16 → 00:03:20 รู้สึกที่แบบมันต้องสะสมมาในระยะระดับนึง
00:03:20 → 00:03:23 จนถึงขั้นขนาดว่าเฮ้ยไม่ดีละอย่างงั้นเลย
00:03:23 → 00:03:26 ใช่มั้ยคะมันก็เราจะสังเกตว่าสิ่งที่เรา
00:03:26 → 00:03:29 คิดว่าเราจะหาคำตอบอะไรต่างๆเมันก็โน
00:03:29 → 00:03:31 เรียนบางทีเราเผลอไปทำเราไปทำอะไรอย่าง
00:03:31 → 00:03:34 อื่นเราก็ลืมๆไปใช่มั้ยครับพอเราว่างๆมัน
00:03:34 → 00:03:37 ก็กลับมาอพอมันกลับมาเราก็พยายามจะไปลืม
00:03:37 → 00:03:39 มันมันก็ยิ่งไม่ไม่ไม่ไปไหนใช่มั้ยครับน
00:03:39 → 00:03:42 มันก็วนไปวนมาทีนี้ถ้ามันเรื้อรังยาวนาน
00:03:42 → 00:03:46 เนี่ยอืมันก็ก่อให้เกิดความความความห่อน
00:03:46 → 00:03:49 ไหวมากขึ้นความอึดอัดมากขึ้นนะครับแล้วก็
00:03:49 → 00:03:52 ที่น่ากลัวที่สุดก็คือเราเราจะหลงโทษตัว
00:03:52 → 00:03:55 เราเอง่ะครับอืทำไมทำไมเราทำทำไมเราจัด
00:03:55 → 00:03:57 การไม่ได้ทำไมความรู้สึกแบบนี้ทำไมเรา
00:03:58 → 00:04:01 ต้องโชคร้ายทำไมเรามันจะมีทำทำไมทีนี้ไม่
00:04:01 → 00:04:03 แรกๆมันจะทำไมคนอื่นทำไมคนอื่นถึงอย่าง
00:04:03 → 00:04:05 งั้นทำไมคนอื่นถึงอย่างงี้แต่นานๆเข้ามัน
00:04:05 → 00:04:09 จะทำไมตัวเองค่ะอ๋อทำไมเราถึงเออเนี่ย
00:04:09 → 00:04:12 แหละครับตอนนี้จะยลำบากแล้วครับพอมัน
00:04:12 → 00:04:16 เริ่มรู้สึกว่าคนอื่นอ่ามันกลายเป็นมมา
00:04:16 → 00:04:18 โทษตัวเองอย่างงั้นใช่มั้ยคะอาจารยเอเออ
00:04:18 → 00:04:20 ทำไมเราตัดใจไม่ได้คนอื่นเขลืมกันได้คน
00:04:20 → 00:04:23 อื่นเปลงได้อะไรอย่างเงี้ยนะเพราะว่าจะมี
00:04:23 → 00:04:25 คนสอนใช่มั้ยให้ปลงให้ปล่อยวางให้อภัยให้
00:04:25 → 00:04:29 นู่นให้นี่มันเป็นหลักอยู่แล้วใช่ๆพอได้
00:04:29 → 00:04:32 ยินใบบบ่อยมันก็พอมันทำไม่ได้ทีนี้เรื่อง
00:04:32 → 00:04:34 ไอ้หลงโทษตัวเองเนี่ยจเอันเนี้ยอันนี้
00:04:34 → 00:04:37 ท็อกซิกหนักเลยครับอค่ะมันส่งผลกระทบยัง
00:04:38 → 00:04:40 ไงบ้างคะอาจารย์กับการที่เราแบบว่าเริ่ม
00:04:40 → 00:04:42 แบบเออมาโทษตัวเองละเริ่มอะไรอย่างเงี้ย
00:04:42 → 00:04:44 นอกจากการที่เราจะโทษตัวเองแล้วมันจะส่ง
00:04:44 → 00:04:47 ผลอะไรอย่างอื่นต่อไปอีกมั้ยคะก็พอเรา
00:04:47 → 00:04:50 ตำหนิตัวเองก็พลังงานเราก็หมดนะคุณค่า
00:04:50 → 00:04:52 ความรู้สึกเชื่อมั่นการที่เราจะพร้อมที่
00:04:52 → 00:04:57 จะเผชิญปัญหาต่างๆมันก็พลังงานความสำรอง
00:04:57 → 00:05:00 กำลังสำรองความอดทนอะไรแบบมันก็มันก็น้อย
00:05:00 → 00:05:02 ลงอ่ะครับอืสั้นลงเพราะว่ามันเป็นความ
00:05:02 → 00:05:06 เครียดที่เลื้อรังอค่ะแล้วแล้วถ้าเราคน
00:05:06 → 00:05:08 เราลองรู้สึกไม่โอเคกับตัวเองแล้วนี่มัน
00:05:08 → 00:05:10 ลำบากเลยอ่ะครับเพราตื่นมาก็เจอตัวเอง
00:05:10 → 00:05:13 แล้วอ่ะตื่นมาก็เจอตัวเองแล้วไปไหนเผลอๆ
00:05:14 → 00:05:16 ก็นึกก็เจอตัวเองตลอดเวลาเนี่ยค่ะแล้ว
00:05:16 → 00:05:20 แล้วถ้าติดลบมีความสึกลบๆกับตัวเองมันมัน
00:05:20 → 00:05:23 จะไม่หาความเบิกบานปแจ่มใสไม่ได้อืสภาพ
00:05:24 → 00:05:27 จิตใจเราก็จะไม่มีไม่มีสิ่งจิตใจมันก็
00:05:27 → 00:05:30 ต้องการอาหารเนาะอาหารก็คืออ่ารับรู้สิ่ง
00:05:30 → 00:05:34 ดีๆความรู้สึกต่างๆทีนี้ถ้าใจขุ่นมัวแล้ว
00:05:34 → 00:05:37 มันรับของดีๆไม่ได้อ่ะครับค่ะคามของสวยวย
00:05:37 → 00:05:40 ของอร่อยมันก็ไม่สวยไม่อร่อยล่ะท้องฟ้า
00:05:40 → 00:05:43 มันก็ดูมืดมนไปหมดอความรู้สึกเพื่อนฝูง
00:05:43 → 00:05:45 อะไรต่างๆมันมองมันมัวๆเนี่ยก็เริ่มละค่ะ
00:05:45 → 00:05:48 เรื่องของความเศร้าเรื่องของความหดหู่อัน
00:05:48 → 00:05:51 นี้หมายถึงระยะยาวเนาะถ้าเราถ้าเรารู้สึก
00:05:51 → 00:05:56 ติดรบกับตัวเองเยอะๆค่ะโออาจารย์คำนี้แบบ
00:05:56 → 00:05:59 ว่าเป็นคำที่แบบจริงๆเชื่อว่าหลายคนน่ะ
00:05:59 → 00:06:01 อาจจะจะเป็นนะคำว่าติดลบในความรู้สึกตัว
00:06:01 → 00:06:04 เองเนี่ยคือมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเองอยู่
00:06:04 → 00:06:06 ๆก็ไม่มีคุณค่าในตัวเองขึ้นมาซะอย่างงั้น
00:06:06 → 00:06:08 ทั้งที่จริงๆตัวเองทำอะไรได้ตั้งเยอะแต่
00:06:08 → 00:06:11 แค่ถูกต้องใช่ครับในตอนนั้นมันเป็นภาวะ
00:06:11 → 00:06:14 ที่มันเป็นพิษอยู่ในใจตัวเราเองด้วยนะไม่
00:06:14 → 00:06:16 ใช่จากคนอื่นเลยตัวเราเองทั้งนั้นเลยใช่
00:06:16 → 00:06:20 มั้ยคะอาจารย์ใช่ครับใชอืติดลบในในในตัว
00:06:20 → 00:06:22 เองด้วยเนี่ยแบบเนี้ยเหมือนเราเราหายเข้า
00:06:22 → 00:06:24 ไปใน PM 2.5 แล้วเราก็ไม่ได้นึกอ่ะเราก็
00:06:24 → 00:06:26 บ่นแล้วเราก็ไม่ได้ใส่หน้ากากเราก็ไม่ได้
00:06:26 → 00:06:29 พยายามจะหาที่อากาศปลอดโปรงค่ะก็สูดอยู่
00:06:30 → 00:06:32 นะคือเราไม่รู้ตัวเลยอ่ะครับอันเนี้ยพอ
00:06:32 → 00:06:35 มันวนเวียนแบบเยมันจะดิ่งลงไปเรื่อยๆออโอ
00:06:35 → 00:06:39 คือถ้าพอรู้พอรู้ว่าติดลบอยู่ยังพอยังพอ
00:06:39 → 00:06:42 ที่จะจัดตัดใจไปไปเดินผ่อนคลายไปออกกำลัง
00:06:42 → 00:06:44 ไปเจอเพื่อนฝูงอะไรอย่างงี้ใช่มั้ยครับ
00:06:44 → 00:06:47 ยังพอได้ดูแลตัวเองอ่าแต่แต่หลายคนมัน
00:06:47 → 00:06:50 ท็อกซิกจนถึงขั้นนึกไม่ออกแล้วอ่ะครับอื
00:06:50 → 00:06:54 นึกแต่นึกแต่ตัวเองไม่ดีอ่ะโอไม่อยากจะ
00:06:54 → 00:06:57 รับรู้ไม่อยากจะไม่อยากจะอยู่ในโลกนี้ไม่
00:06:57 → 00:06:59 อยากจะรับรู้สภาวะแบบนี้ค่ะค่ะอันเนี้ย
00:06:59 → 00:07:03 ครับยาวๆก็จะเศร้าไปอ๋อเอ้ยซึมเศร้าได้
00:07:03 → 00:07:06 เลยนะคะอาจารย์แบบเนี้ยใช่ครับใช่ครับเออ
00:07:06 → 00:07:08 แล้วก็แบบไม่ปิดกั้นตัวเองจากคนอื่นด้วย
00:07:08 → 00:07:11 นะเพราะว่าอาจจะมองว่าเอ้ยคนอื่นอาจจะไม่
00:07:11 → 00:07:14 ได้เข้าใจในสิ่งที่เราเป็นอยู่คำพูดหรือ
00:07:14 → 00:07:16 เราไปคุยหรืออะไรเงี้ยอาจจะได้แค่คำพูด
00:07:16 → 00:07:18 ว่าสู้ๆนะไม่เป็นอะไรหรอกแต่ว่าจริงๆมัน
00:07:18 → 00:07:21 มันเป็นอยู่จริงๆสู้เต็มที่แล้วจนสู้ไม่
00:07:22 → 00:07:24 ไหวแล้วเพนั้นเคถึงบอกว่าเราเราเจอคนที่
00:07:24 → 00:07:27 เค้าแบบนี้เราอย่าไปบอกเค้าสู้ๆนะเราแค่
00:07:27 → 00:07:30 แค่อยู่กับเค้าให้เค้าให้เค้าเ่อรู้สึก
00:07:30 → 00:07:33 ว่าเยังคงอยู่ตรงนั้นเยังเยังอยู่อ่ะแต่
00:07:33 → 00:07:37 เราพยายามไปไปไปไปพยายามไปชี้ไปเชียร์ไป
00:07:37 → 00:07:40 ให้กำลังใจอะไบางทีมันก็ทำให้เรู้สิยิ่ง
00:07:40 → 00:07:42 แย่ลงอ่ะครับเออคือเข้าใจในความหวังดีแต่
00:07:42 → 00:07:45 ว่าบางทีอาจจะผิดวิธีทางไปนิดนึงใชใน
00:07:45 → 00:07:48 จังหวะนั้นนั่นเองอ่ะนะคะแต่ทีนี้ว่าน่า
00:07:48 → 00:07:50 สนใจตรงที่อาจารย์เ่ะบอกว่าท็อกซิกในใจ
00:07:50 → 00:07:53 เนี่ยคือมันเป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใน
00:07:53 → 00:07:56 โลกปัจจุบันเนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยี
00:07:56 → 00:07:58 ใช่มั้ยคะอาจารย์อาจารย์มองเรื่องนี้ยัง
00:07:58 → 00:08:01 ไงคะคือคือเทคโนโลยีที่มันเข้ามาเนี่ยมัน
00:08:01 → 00:08:04 ทำให้เราตอบสนองอะไรรวดเร็วใช่มั้ยครับ
00:08:04 → 00:08:07 เราอ่านเราคอมเมนต์เราแล้วเราก็เห็นข่าว
00:08:07 → 00:08:10 เห็นข่าวคราเพื่อนฝูงเราอเห็น Instagram
00:08:10 → 00:08:13 แฟนเก่าเราหรือคนที่เพิ่งเลิกกันไปอะไร
00:08:13 → 00:08:16 เงี้ยทำไมเขาไปชอบคนนั้นทำไมเทิ้งเรามัน
00:08:16 → 00:08:18 มีโจทย์ให้เราได้ได้วุ่นวายใจเยอะมากเลย
00:08:19 → 00:08:21 อ่ะครับอืเมื่อก่อนนี้เราไม่เห็นใช่่มั้
00:08:21 → 00:08:24 ครับเเไปไหนกันแล้วเราก็ไม่เห็นอันนี้บาง
00:08:24 → 00:08:27 ทีเราอยู่ดีๆเราก็ไปส่องส่องเพราะเราเจอ
00:08:27 → 00:08:30 ก็งานเข้าแล้วเราก็ค่ะลืมไปเมื่อกี้เรา
00:08:30 → 00:08:33 ยังดีอยู่เพียงแค่เราไปเห็นเอออ่ะเพียง
00:08:33 → 00:08:36 แค่เราไปเห็นแล้วเราก็ไปรีมาอ๋อกระบวนการ
00:08:36 → 00:08:39 สมองมันทำงานแบบนี้เราไม่อ๋อกันไครับเรา
00:08:39 → 00:08:41 ตั้งคำถามทำไมเทำแบบนี้ทำไมเราถึงต้องเจอ
00:08:42 → 00:08:44 แบบนี้ทำไมตอนนั้นเราไม่อย่างงี้ทำไมตอน
00:08:44 → 00:08:47 นี้มันเนี่ยมันมีแต่คำถามอืงั้นความเร็ว
00:08:47 → 00:08:51 เนี่ยครับความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลข่าว
00:08:51 → 00:08:54 สารความเป็นไปค่ะอ่าไอ้เรื่องดีๆก็ดีใช่
00:08:54 → 00:08:57 มั้ยอ่าอแผ่นดินไหวญี่ปุ่นอะไรก็โอเคว่า
00:08:57 → 00:08:59 ไปแต่เรื่องพอเป็นเรื่องส่วนตัวแล้วมัน
00:08:59 → 00:09:03 มันไวอ่ะครับออมันไวแล้วก็คอมเมนต์ไวด้วย
00:09:03 → 00:09:07 พอคเอ่อพอพอโพสต์อะไรไปเร็วๆก็ค่ะบางทีก็
00:09:07 → 00:09:10 ทัวร์ลงใช่มั้ยหรือไม่ก็คือถูกถูกตัดสิน
00:09:10 → 00:09:13 ค่ะถ้าถ้าเมื่อก่อนก็เอาไว้เดี๋ยวพรุ่ง
00:09:13 → 00:09:16 นี้เช้าจะไปลุยสักหน่อยนึงเช้ามาลืมแล้ว
00:09:16 → 00:09:19 เออใช่มีระยะเวลาให้ลืมเอยยังมีเวลาแต่
00:09:19 → 00:09:22 นี้ปล่อยไปแล้วแล้วถอนกลับไม่ได้ด้วยค่ะ
00:09:22 → 00:09:25 แคปหน้าจอแล้วถูกถูกอะไรอย่าเงี้ยเป็นแถว
00:09:25 → 00:09:27 เลยเพราะฉะนั้นความเร็วประโยชน์ของ
00:09:27 → 00:09:31 เทคโนโลยีมันก็มีแต่ว่ามันทำให้มันทำให้
00:09:31 → 00:09:34 เราตัดสินใจอะไรหุนหันพันแล่นแล้วเราเรา
00:09:34 → 00:09:37 มันอยู่กับมือเราใช่มั้ครับป๊บๆหรือไม่ก็
00:09:37 → 00:09:40 ใช้ๆใชใช้ปากพูดแล้วมันก็แปลงเป็นคำให้
00:09:40 → 00:09:42 เสร็จเรียบร้อยอารมณ์ยังไม่ทันได้ตั้ง
00:09:42 → 00:09:45 หลักเลยอ่ะครับอือฮึเนี่ยครับแล้วเรายิ่ง
00:09:45 → 00:09:51 เนี่ยเรายิ่งต้องการความความความการช้าลง
00:09:51 → 00:09:55 อมากขึ้นกว่าสกว่าเมื่อก่อนอีกค่ะเออจริง
00:09:55 → 00:09:59 ด้วยอาจารย์เพราะว่าก็เกิดเป็นคนในยุค 7
00:09:59 → 00:10:01 เก่อนนู้นด้วยเหมือนกันนะคะแล้วก็รู้สึก
00:10:02 → 00:10:04 ว่าเอ่อเมื่อก่อนเนี่ยเราไม่ได้แบบทุก
00:10:04 → 00:10:06 อย่างจะต้องรวดเร็วแบบเนี้ยอะไรนิดนึง
00:10:06 → 00:10:09 เนี่ยเราก็โพสต์ล่ะไม่พอใจอะไรหรือหรือ
00:10:09 → 00:10:11 แม้กระทั่งบางทีเป็นเรื่องคนอื่นด้วยนะ
00:10:11 → 00:10:13 แต่เราแค่เข้าไปดูอ่ะเราก็มีส่วนร่วมใน
00:10:13 → 00:10:16 ความรู้สึกตรงนั้นแล้วว่าเฮ้ยไม่ได้ทำไม
00:10:16 → 00:10:19 เป็นอย่างงั้นทำไมเป็นอย่างงี้ใช่มั้ยคะ
00:10:19 → 00:10:21 มันมันมันเป็นไปเร็วจนกระทั่งกลายเป็นถ้า
00:10:21 → 00:10:24 เราช้ากลัวจะ Fear of Missing Out ใช่
00:10:24 → 00:10:27 มั้ยกลัวจะตกขบวนก็มีอค่ะเห็นมยก็ต้อง
00:10:27 → 00:10:30 คอมเมนต์สักหน่อยอะไรเงี้ยอโอกลัวหรือไม่
00:10:30 → 00:10:33 ก็คือกลัวคนอื่นจะมีจะจะออกความคิดเห็น
00:10:33 → 00:10:37 ยังไงอะไรเยก็ต้องไปแสดงตนอะไรเงี้ยค่ะอื
00:10:37 → 00:10:40 ก็กลายเป็นความยุ่งยากลำบากใจอืแล้วหลาย
00:10:40 → 00:10:44 คนก็ไม่เข็ดค่ะไม่เข็ดเพราะไม่รู้ไม่ไม่
00:10:44 → 00:10:48 ได้มีตระหนักรู้เท่าทันตัวเองอือฮึเออไม่
00:10:48 → 00:10:51 เข็ดเ้าเราก็ไม่ได้ไม่ทันคิดว่ามันจะมีผล
00:10:51 → 00:10:54 กระทบกับความรู้สึกของเรานะคะอาจจะแบบว่า
00:10:54 → 00:10:56 ไม่ทันได้อย่างที่อาจารย์บอกคือเราไม่ทัน
00:10:56 → 00:11:00 ได้รู้เท่าทันตัวเราเองว่ากำลังใช่ครับ
00:11:00 → 00:11:03 ใช่ครับเราเห็นคนอื่นเเยอะแยะเราอาจจะเคย
00:11:03 → 00:11:05 มาแล้วเคยเคยเสียหายจากเรื่องนี้มาแล้ว
00:11:05 → 00:11:08 หรือเราเห็นตัวอย่างคนอื่นเยอะแยะอือแต่
00:11:08 → 00:11:10 พอเราเกิดเหตุการณ์เราลืมหมดเลยอ่ะความ
00:11:10 → 00:11:13 รู้ที่เรามีอยู่ว่าอย่าโพสต์อะไรทันทีนะ
00:11:13 → 00:11:16 ค่ะอย่าใจเย็นๆนะเดี๋ยวมันทำอะไรมันแก้
00:11:16 → 00:11:19 ปัญหาแก้ไม่ได้นะเราก็ได้ยินนะครับแต่ตอน
00:11:19 → 00:11:22 นั้นน่ะความอยากความไม่พอใจอะไมันมันทำ
00:11:22 → 00:11:25 ให้ความรู้ที่มีอยู่มันหายไปหมดความรู้
00:11:25 → 00:11:28 หายไปชั่วขณะเเรียกว่าอวิชชาครอบงำปุ๊บ
00:11:28 → 00:11:31 ความรู้ก็หายอาจารย์แต่ว่ามันกรุ่นอยู่ไง
00:11:31 → 00:11:34 มันต้องมีการระบายออกเขาบอกว่าเอือมันคือ
00:11:34 → 00:11:36 ต้องโพสต์ต้องฉันต้องระบายฉันต้องให้โลก
00:11:36 → 00:11:40 รู้อจารอ่าๆเพราะเพราะเราไม่ได้ฝึกมาครับ
00:11:40 → 00:11:43 เราก็เลยคิดว่าคำเราเลยคิดว่าต้องต้อง
00:11:43 → 00:11:45 ปล่อยอะไรสักอย่างจริงๆไม่ไม่ปล่อยก็ได้
00:11:45 → 00:11:49 ถ้าฝึกมาถ้าฝึกฝนมามันรอได้ครับอืแล้วก็
00:11:49 → 00:11:53 รอไปสักพักนึงเราก็เคยครับเราทำอะไรไม่
00:11:53 → 00:11:56 ได้เราเดี๋ยว๋เอาไว้ก่อนเดี๋ยวๆเจอหน้า
00:11:56 → 00:11:59 เลยพอดีเจอหน้ามันก็เบาไปแล้วอค่ามันจริง
00:11:59 → 00:12:02 ๆมันรอได้ครับมันรอได้แต่ว่าเราไม่ฝึก
00:12:02 → 00:12:04 แล้วเราก็ไม่ได้มีขบวนการที่เชิญชวนกัน
00:12:04 → 00:12:08 ให้ให้ให้ให้ให้รอแบบนี้ในระบบการศึกษาใน
00:12:08 → 00:12:10 ระบบต่างๆมันไม่มีแบบฝึกหัดนะครับอค่ะ
00:12:10 → 00:12:13 อ้าวแต่จริงๆนะอาจารย์ตั้งแต่เล็กจนโตมา
00:12:13 → 00:12:15 นี่ก็ไม่ได้ถึงขนาดว่าต้องเรียนรู้เรื่อง
00:12:15 → 00:12:18 ของการแบบว่าเออชได้ยินแต่คำสุภาษิตโบราณ
00:12:18 → 00:12:20 ช้าๆได้พราเล่ม
00:12:20 → 00:12:24 งามใช่ครับเป็นการบอกสอนแต่ว่าไม่มีแบบ
00:12:24 → 00:12:28 ฝึกหัดเทียบกับวิชาวิชากไก่ขไข่บวกลบคุณ
00:12:28 → 00:12:32 หาอ่ะคำฝกี่ข้อซ้อมแล้วซ้อมอีกท่องแล้ว
00:12:32 → 00:12:35 ท่องอีกใช่มั้ยครับแต่วิชาทางใจทางทาง
00:12:35 → 00:12:39 สุขภาพจิตทาง EQ ทางการหัดอดทนเนี่ยเรามี
00:12:39 → 00:12:43 แต่สั่งอ่ะครับอือฮึเรามีแต่สั่งให้อดทน
00:12:43 → 00:12:46 ให้เป็นคนดีให้ให้รู้จักใชมั้ยค่ะให้รู้
00:12:46 → 00:12:49 จักระมัดระวังไอไอ้คำว่าให้รู้จักเนี่ย
00:12:49 → 00:12:50 มันคืออะไร
00:12:50 → 00:12:53 เออไม่มีการถอดรหัสออกมาว่ามาชวนกันให้
00:12:53 → 00:12:56 รู้จักเออรู้จักอะไรอาการใจร้อนอาการใจ
00:12:56 → 00:13:01 ขุ่นๆอาการใจขุ่นใจจะพ่นไฟจะปล่อยของแล้ว
00:13:01 → 00:13:06 เนี่ยค่ะให้รู้จักเราเราไม่มีแบบฝึกหัดอื
00:13:06 → 00:13:09 เราไปหวังพึ่งวัดในพระเราไปหวังพึ่ง
00:13:10 → 00:13:12 ปฏิบัติเราไปหวังพึ่งศาสนาค่ะเราไม่ได้
00:13:12 → 00:13:14 หวังพึ่งหรอกครับเราไม่ได้นึกถึงเลยเรา
00:13:14 → 00:13:16 คิดว่าเป็นเรื่องของเรื่องของที่เป็นคุณ
00:13:16 → 00:13:20 งามความดีเป็นเป็นเป็นสิ่งที่รู้ๆกันอยู่
00:13:20 → 00:13:22 แล้วแต่ว่าอือมันน่าเสียดายมันไม่มีแบบ
00:13:22 → 00:13:25 ที่มายุคเนี้ยในต่างประเทศในตะวันตกเเมี
00:13:25 → 00:13:28 แบบฝึกหัดเแปลงออกมาให้มันอยู่ในแบบฝึก
00:13:28 → 00:13:31 หัดในการศึกษาค่ะของเราเมื่อก่อนอยู่ใน
00:13:31 → 00:13:34 เรื่องของศาสนาใช่มั้ยครับก็ค่ะใช่ก็ไป
00:13:34 → 00:13:37 ได้ไม่ได้ได้ไม่ไม่ไม่เท่าทันกับการ
00:13:37 → 00:13:41 เปลี่ยนแปลงอืมันก็เลยเป็นยุคที่จะต้องมี
00:13:41 → 00:13:45 มีรูปแบบของการเรียนรู้ฝึกฝนกันที่เข้า
00:13:45 → 00:13:50 กับร่วมสมัยกับคนยุคใหม่มากขึ้นฮะอืเพราะ
00:13:50 → 00:13:52 ว่าคนยุคใหม่เนี่อะไรก็เร็วไปหมดนะคะ
00:13:52 → 00:13:54 เพราะฉะนั้นบางทีเราไม่ไม่ทันจะรู้ตัวเอง
00:13:54 → 00:13:57 หรือสังเกตตัวเองว่าบางทีเนี่ยเราอาจจะ
00:13:57 → 00:13:59 เอ่อเริ่มมีความไม่ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง
00:13:59 → 00:14:01 หรือว่าหรืออะไรอย่างเงี้ยแล้วก็ไม่ไม่
00:14:01 → 00:14:05 คิดว่ามันจะเป็นผลกระทบต่อตัวเราในการใช้
00:14:05 → 00:14:09 ชีวิตด้วยนั่นเองนะคะซึ่งอันเนี้ยอาจารย์
00:14:09 → 00:14:13 ถ้าเกิดว่าเอ่อเราจะได้แบบมาทบทวนตัวเอง
00:14:13 → 00:14:16 หรือเรารู้เท่าทันเนี่ยมันมันต้องทำยังไง
00:14:16 → 00:14:19 บ้างคะตอนนี้ยังทันอยู่มหรือว่าเราต้องไป
00:14:19 → 00:14:22 ฝึกจิตฝึกใจอะไรขนาดนั้นมั้ยคะอาจารย์
00:14:22 → 00:14:24 เอ่อมันมันเรียนรู้ฝึกฝนกันได้ไม่ไม่ไม่
00:14:24 → 00:14:26 ไม่ไม่ไม่เกี่ยงหรอกครับว่าจะช้าหรือจะ
00:14:26 → 00:14:29 เร็วเนาะแต่ว่าวิธีการเรียนรู้อันดับแรก
00:14:29 → 00:14:32 ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าการเรียนรู้
00:14:32 → 00:14:35 เท่าทันนี่ไม่ใช่การฝึกเป็นคนดีการการจะ
00:14:35 → 00:14:37 เป็นคนดีอย่างงั้นอย่างงี้นะครับอเป็นคน
00:14:37 → 00:14:41 ไม่โกรธไม่เกลียดไม่อิจฉาไม่น้อยใจไม่ใช่
00:14:41 → 00:14:43 นะครับค่ะคือความรู้สึกพวกนี้มันห้ามไม่
00:14:44 → 00:14:47 ได้อือแต่เรารู้จักมันนะครับเรารู้จักมัน
00:14:47 → 00:14:51 มันเหมือนมันเหมือนเมันก็เหมือนกับเสียง
00:14:51 → 00:14:53 เชียร์จากคนข้างนอกเราเราเลือกที่จะไม่
00:14:53 → 00:14:57 ฟังได้ได้ยินแต่แต่ไม่ฟังไม่สนใจอ่ะค่ะอื
00:14:57 → 00:15:00 รู้ว่ามีความกลัวหรู้ว่ามีความกังวลมี
00:15:00 → 00:15:03 อคติเกิดขึ้นแล้วปล่อยมันไว้ตรงนั้นแล้ว
00:15:03 → 00:15:06 มีอะไรทำก็ทำไปค่ะเนี่ยครับนี่คือความ
00:15:06 → 00:15:08 หมายของการว่ารู้เ่าทานแต่ทีนี้ที่ผ่านมา
00:15:08 → 00:15:11 เราถูกสอนให้อย่าโกรธอย่าโลภอย่าหลงอย่า
00:15:11 → 00:15:13 มีความคิดแบบนี้คิดอย่างงี้ได้ยังไงทำไม
00:15:13 → 00:15:15 ถึงคิดอย่างงี้ไม่รู้ไม่ได้ตั้งใจจะคิด
00:15:15 → 00:15:18 อ่าห้ามความคิดได้คิดใช่มั้ยครับค่ะใช่
00:15:19 → 00:15:21 แล้วมันพอทำไม่ได้มันก็กลายเป็นยากจัง
00:15:21 → 00:15:23 สงสัยต้องไปบวชแล้วมั้งอะไรอย่าเงี้ยมัน
00:15:23 → 00:15:26 มันมันมันไม่ใช่อ่ะครับมันเกิดจากความยัง
00:15:26 → 00:15:30 เข้าใจไม่ถูกต้องเท่านั้นนฮะอ้ออืเราเรา
00:15:30 → 00:15:33 ฝึกที่จะเป็นกลางเป็นกลางๆเป็นอิสระดี
00:15:33 → 00:15:35 กว่าฝึกที่เป็นอิสระจากความกลัวความกังวล
00:15:35 → 00:15:39 อคติค่ะความโกรธความเหงาความอะไรก็แล้ว
00:15:39 → 00:15:42 แต่ฝึกให้เป็นอิสระแต่เราไปสอนให้ต้องไม่
00:15:42 → 00:15:47 มีค่ะมันไม่ใช่ไม่มีครับมีแต่มีแต่ทำอะไร
00:15:47 → 00:15:49 เราไม่ได้เหมือนกับเชื้อเชื้อโควิดมีอ
00:15:49 → 00:15:52 ครับแต่แต่เข้าร่างกายมาแล้วร่างกายไม่
00:15:52 → 00:15:55 ไม่ไม่เดือดร้อนน่ะอ่าประมาณนี้เนี่ย
00:15:55 → 00:15:57 อย่างยดูอย่างโควิดเราไม่ได้เราไม่ได้ฆ่า
00:15:57 → 00:15:59 เชื้อให้หมดนะครับเชื้อรอยอยู่ในอากาศแต่
00:15:59 → 00:16:01 ว่าภูมิคุ้มกันเรามีถามว่าภูมิคุ้มกันทาง
00:16:01 → 00:16:05 ใจคืออะไรคนมีภูมิไม่ใช่แปลว่าคนไม่โกรธ
00:16:05 → 00:16:09 มีความโกรธแต่ปากไม่พูดมือไม่ไปอืร่างกาย
00:16:09 → 00:16:13 กลับมาสงบได้ค่ะนี่คือคนที่มีภูมิเนี่ย
00:16:13 → 00:16:15 เราเข้าใจกันผิดคือคนที่มีภูมิถ้าเป็นคน
00:16:16 → 00:16:19 ดีไม่ไม่มีความโกรธไม่มีความโลภมันมันมี
00:16:19 → 00:16:23 แต่มันอยู่ข้างนอกอ่ะอือือ๋อกำลังเข้าใจ
00:16:23 → 00:16:25 อย่างงี้คืออาจารย์คือเข้าใจเลยว่ามันมัน
00:16:25 → 00:16:28 มีความแตกต่างกับสิ่งที่อ่ะในในมุมของของ
00:16:28 → 00:16:31 ทางศาสนาพุทธศาสนาที่สอนให้เออเราต้องละ
00:16:31 → 00:16:33 โลภนู่นนี่นั่นหรืออะไรอย่าเงี้ยคือในทาง
00:16:33 → 00:16:36 นู้นถ้าทำได้ก็ดีแต่ว่าในทางปฏิบัติจริงๆ
00:16:36 → 00:16:38 ชีวิตของเราอ่ะเรายังไม่ได้ไปถึงขั้นนั้น
00:16:38 → 00:16:41 แต่ให้รู้ว่าตอนเนี้ยเรารู้สึกอะไรอยู่ก็
00:16:41 → 00:16:44 รู้สึกตามนั้นโกรธก็รู้ว่าตัวเองโกรธไม่
00:16:44 → 00:16:49 พอรับรับรู้ถูกต้องครับหก็รับรู้รับรู้
00:16:49 → 00:16:51 โดยความเป็นเป็นอาการที่ปรากฏเป็นอารมณ์
00:16:51 → 00:16:55 ที่ปรากฏค่ะศาสนาพุทธก็สอนแบบนี้ครับอือ
00:16:55 → 00:17:00 ฮึสอนเราเราละสอนให้ละละวิธีละก็คือไม่
00:17:00 → 00:17:02 ใช่เกลียดมันละละมันโดยไม่ต้องด่าตัวเอง
00:17:02 → 00:17:05 อ่ะเออใช่ๆไม่ต้องด่าไม่ต้องทำไมเราเป็น
00:17:05 → 00:17:07 คนโกรธแบบนี้แล้วไม่ต้องถูกด่าดทำไมเธอ
00:17:07 → 00:17:11 ขี้โกรธจังอะไรเงี้ยอือๆแต่แว่าคือคือถึง
00:17:11 → 00:17:13 บอกว่าอืมมันไม่ใช่เรื่องการจะเป็นคนดีนะ
00:17:14 → 00:17:16 เป็นเรื่องของคนที่มีจิตใจมั่นคงไม่หลงไป
00:17:16 → 00:17:20 กับสิ่งชั่วร้ายททางใจใช่มั้ยความโกรธ
00:17:20 → 00:17:22 ความอิจฉาเราไม่หลงไปกับมันแต่ห้ามไม่ให้
00:17:22 → 00:17:28 เกิดไม่ได้อืเออเหมือนกับเราจะต้องยอมรับ
00:17:28 → 00:17:31 ให้ได้ว่ามันใช่ครับเป็นแบบนี้เพราะนั้น
00:17:31 → 00:17:33 สเต็ปแรกอ่ะเราต้องเราต้องเรายอมรับการ
00:17:33 → 00:17:37 เกิดขึ้นการปรากฏขึ้นของมันน่ะอ่าอ่ามัน
00:17:37 → 00:17:40 มีความโกรธแล้วนะอิจฉาแล้วนะมีความโอเค
00:17:40 → 00:17:43 กับมันก่อนว่ามีๆๆแต่ไม่ได้เป็นแล้วก็ไม่
00:17:43 → 00:17:46 ได้เป็นคนชั่วร้ายด้วยอืเป็นธรรมชาติเป็น
00:17:46 → 00:17:49 คนที่มีสมองยังทำงานอยู่ค่ะก็ย่อมมีความ
00:17:49 → 00:17:51 โกรธมีความไม่พอใจเกิดขึ้นเป็นธรรมดาแต่
00:17:52 → 00:17:55 รู้แล้วพอรู้แล้วก็จบอืแต่ถ้าไม่รู้ก็จะ
00:17:55 → 00:17:57 มือไม้ไปปาก
00:17:57 → 00:18:01 ไปเนี่ยนะครับค่ะคือบอกว่ารู้เท่าทัน
00:18:01 → 00:18:05 เนี่ยก็อิจฉาได้แหละก็รู้แหละเออฉันก็
00:18:05 → 00:18:08 อิจฉานะแต่แค่ว่าเราไม่ได้พูดแบบไปสอ
00:18:08 → 00:18:11 เสียดไปพูดแทงหรือหรืออะไรให้เค้าเจ็บช้ำ
00:18:11 → 00:18:13 น้ำใจหรือว่าเรามาเทียบกับตัวเองทำไมเรา
00:18:13 → 00:18:16 ไม่ได้อย่างเค้านะหรืออะไรอย่างเงี้ยเออ
00:18:16 → 00:18:20 ใช่เลยครับใช่เลยครับเราก็เราก็จะมีความ
00:18:20 → 00:18:23 ความทุกข์เราก็จะสั้นลงค่ะเราก็จะจบเร็ว
00:18:23 → 00:18:26 ขึ้นแต่ถ้าเราคิดว่าเราต้องทำได้แล้วทำไม
00:18:26 → 00:18:28 เราทำไม่ได้ทำไมเราเป็นคนอย่าอย่างงี้
00:18:28 → 00:18:31 เนี่ยมันไม่ดีแล้วครับมันตอนทำสงสัยในคุณ
00:18:31 → 00:18:34 ค่าในความสามารถของตัวเองนี้ลำบากอืมัน
00:18:34 → 00:18:38 มันมันท้อใจอ่ะครับใช่ค่ะอาจารย์ออฮแล้ว
00:18:38 → 00:18:40 อย่างงี้คือเราก็ต้องการยอมรับถึงสำ
00:18:40 → 00:18:43 ตระหนักรู้อ่าตระหนักรู้ว่าเกิดอารมณ์แบบ
00:18:43 → 00:18:46 นี้เกิดความคิดแบบนี้และยอมรับเหมือนเรา
00:18:46 → 00:18:49 ถ้าถ้าเราถ้าถ้าดูโลกภายนอกนะครับเราเห็น
00:18:49 → 00:18:52 ฝนตกแล้วเรายอมรับว่าฝนมันตกอ่ะเราก็จะ
00:18:52 → 00:18:54 ไม่โวยวายใช่มั้ยครับหรือโวยวายมันก็ตก
00:18:54 → 00:18:57 ถูกมั้ยครับเออค่ะมันรถติดรถติดก็เหมือน
00:18:57 → 00:18:59 กันมันก็ติดอ่ะครับโวยวายไปมันก็ติด
00:18:59 → 00:19:01 เหมือนเดิมนะอันนั้นโลกภายนอกทีนี้มันโลก
00:19:02 → 00:19:04 ภายนอกใจโลกภายในแต่เป็นอยู่นอกใจเราก็
00:19:04 → 00:19:07 คือมีความโกรธมีความอิจฉามีความน้อยใจมี
00:19:07 → 00:19:10 ความเศร้าเกิดขึ้นอมันก็เป็นเหมือนฝนตกรถ
00:19:10 → 00:19:12 ติดเหมือนกันเลยครับแต่มันรับรู้ได้ด้วย
00:19:12 → 00:19:15 ใจมันรับรู้ได้ด้วยใจมันไม่ได้รู้ด้วยหู
00:19:15 → 00:19:17 ด้วยตาเหมครับแบบเดียวกันเลยครับงั้นเรา
00:19:17 → 00:19:20 ก็ต้องเรียนรู้ฝึกฝนที่จะมองมองอารมณ์
00:19:20 → 00:19:22 ความคิดความนึกความรู้สึกเหมือนสิ่งเรา
00:19:22 → 00:19:26 ที่มากระทบใจเราค่ะฝึกไปบ่อยๆบ่อยๆเราก็
00:19:26 → 00:19:29 จะมีความมั่นคงทางใจก็คือความโกรธความ
00:19:29 → 00:19:32 อิจฉาเกิดขึ้นปุ๊บมันก็สักแต่ว่ารู้ว่า
00:19:32 → 00:19:37 มันเกิดขึ้นค่ะมีอะไรควรทำก็ทำต่อไปอืก็
00:19:37 → 00:19:39 ไปทำเรียกว่าพัฒนาคำว่าศักดแต่ว่าก็ได้
00:19:39 → 00:19:42 เรียกว่าพัฒนาคำว่าศักดิแต่ว่าเป็นความ
00:19:42 → 00:19:45 คิดเป็นความอิจฉาที่เกิดขึ้นแค่นั้นเอง
00:19:45 → 00:19:49 ค่ะเออจริงค่ะอาจารย์เออก็เป็นส่วนหนึ่ง
00:19:49 → 00:19:51 เนาะเพราะว่าเอาจริงๆนะคะอาจารย์หลายคน
00:19:51 → 00:19:54 บอกว่าเออเดี๋ยวพออายุมากขึ้นน่ะเราก็จะ
00:19:54 → 00:19:57 ตกตะกอนความคิดได้เองแหละไอเรื่องพวกนี้
00:19:57 → 00:19:59 เดี๋ยวเราก็จะเข้าเข้าใจแล้วเราก็จะนิ่ง
00:19:59 → 00:20:03 ขึ้นเราก็จะเออจริงรึเปล่าจริงรือเปล่าเค
00:20:04 → 00:20:06 เห็นผู้เท่าผู้แก่ผู้เคยเห็นผู้อาวุโสที่
00:20:06 → 00:20:09 ที่ที่ไม่เป็นแบบนี้มเอาแต่ใจตัวเองโวย
00:20:09 → 00:20:12 วายเหวี่ยงวีนเยอะแยะไปหมดนะครับอก็มี
00:20:12 → 00:20:15 เพราะฉะนั้นมันก็ใช่ส่วนนึงแต่ไม่ใช่ไม่
00:20:15 → 00:20:17 ใช่ไม่ใช่ไม่ใช่ที่ที่จะมาสรุปว่าไม่ต้อง
00:20:18 → 00:20:21 ทำอะไรอค่ะอืแล้วไปปล่อยให้เค้าทรมานตั้ง
00:20:21 → 00:20:24 แต่เป็นเด็กวัยรุ่นเข้ามาเอทำร้ายคนอื่น
00:20:24 → 00:20:28 ฆ่าตัวตายซึมเศร้าค่ะเรียนไม่ตไม่ผ่านไม่
00:20:28 → 00:20:31 ใช่ไม่ต้องรอแก่อครับมันรอไม่ทันมันก็ถ้า
00:20:31 → 00:20:34 รอตอนแก่ก็คือสอบตกรีทองรีทายไปหมดแล้ว
00:20:34 → 00:20:37 หรือฆ่าตัวตายไปแล้วอ่ะออค่ะนั้นผมผมจะ
00:20:37 → 00:20:39 ไม่ไม่เห็นด้วยกับการที่ว่าเอ้ยเรื่องนี้
00:20:39 → 00:20:42 เป็นเรื่องอายุนะไม่ใช่อ่ะครับอืออายุก็
00:20:42 → 00:20:45 อาจจะเป็นส่วนหนึ่งเล็กๆค่ะแต่ไม่ใช่สิ่ง
00:20:45 → 00:20:47 ที่จะเอามาเป็นคำตอบว่าไม่ต้องทำอะไร
00:20:47 → 00:20:50 เรื่องนี้แก่ขึ้นแล้วดีเองอันนี้ไม่ได้
00:20:50 → 00:20:52 ครับค่ะบางทีก็ไม่ใช่อย่างงั้นด้วยเนาะ
00:20:52 → 00:20:55 ไม่ใช่มันไม่ใช่ครับโลกกำลังต้องการการ
00:20:55 → 00:20:59 เรียนรู้ฮะอืแสดงว่าการการฝึกการยอมรับ
00:20:59 → 00:21:02 เนี่ยคือจุดแรกเลยคือฝึกยอมรับให้ได้อูย
00:21:02 → 00:21:06 อาจารย์มันยากใชโอเคโอเค Not to be
00:21:06 → 00:21:09 โอเคมันไม่โอเคก็ได้บ้างไม่โอเคบ้างก็ได้
00:21:09 → 00:21:13 เออไม่ต้องทอหารไม่อร่อยก็กินน้อยหน่อย
00:21:13 → 00:21:14 ไม่อร่อยก็กินน้อยหน่อยไม่ต้องบ่นไม่ต้อง
00:21:14 → 00:21:17 คอมเมนต์ไม่ต้องรีวิว Negative รีวิวค่ะ
00:21:17 → 00:21:19 ก่อนจะรีวิวกลับบ้านไปก่อนตั้งหลักสักพัก
00:21:19 → 00:21:23 นึงแล้วว่ายังจะรีวิวมั้ยค่ะใช่มั้ยครับ
00:21:23 → 00:21:27 เหนะก็ก็เาีความรู้สึกลบๆมาก็ยังไม่ต้อง
00:21:27 → 00:21:31 ตอบสนอืค่ะก็ทำเรื่องเล็กๆใช่มั้ยครับจาก
00:21:31 → 00:21:35 จากชีวิตประจำวันก่อนค่ะรอคิวรอคนไม่พอใจ
00:21:35 → 00:21:38 อะไรอย่างเงี้ยก็รอไปหรือไม่ก็สังเกตใจ
00:21:38 → 00:21:41 ตัวเองไปนั่งรถไฟฟ้าไปก็วิจารณ์ชาวบ้าน
00:21:41 → 00:21:43 แล้วคนนั้นเป็นยังไงมันพูดในหัวเราเนาะ
00:21:43 → 00:21:46 เรานั่งไปเราก็ไม่ได้นั่งเฉยๆเห็นเขมาคู่
00:21:46 → 00:21:48 กันอย่างงู้นอย่างงี้แต่งตัวไม่เห็นเข้า
00:21:48 → 00:21:50 ท่าอะไรเราก็พูดไปได้หมดเราก็แค่เห็นไป
00:21:50 → 00:21:54 ก่อนนะครับเนี่ยคือยอมรับอาฮะว่าคือเป็น
00:21:54 → 00:21:56 ผู้อเป็นผู้สังเกตจะยอมรับได้โดยการหัด
00:21:56 → 00:21:58 สังเกตก่อนค่ะ
00:21:58 → 00:22:01 เออสังเกตอะไรครับสังเกตปรากฏการณ์ในหัว
00:22:01 → 00:22:03 สมองตัวเองเนี่ยอสังเกตโดยการมันเป็น
00:22:03 → 00:22:06 ปรากฏการณ์ไม่ใช่เราเป็นคนคิดนะครับค่ะ
00:22:06 → 00:22:09 อ๋อนี่คิดอ๋อนี่ไปละอ๋อนี่อิจฉาอ๋อนี่
00:22:09 → 00:22:12 เปรียบเทียบอ่าอ๋อนี่มันนี่ไปอนาคตแล้ว
00:22:12 → 00:22:14 อ๋อนี่เรื่องเมื่อวานน่ะอ๋อไปเรื่อยๆอ
00:22:14 → 00:22:18 ครับค่ะเออเอย่างเงี้ยครับเนี่ยเราก็เป็น
00:22:18 → 00:22:20 ผู้สังเกตครับค่ะเหมือนอาจารย์เปลี่ยนจาก
00:22:20 → 00:22:24 คำว่าทำไมกลายเป็นคำว่าอ๋อเอออมันก็เป็น
00:22:24 → 00:22:28 อย่างงี้แเออมันอย่างงี้แหละอือ่าอืแหละ
00:22:28 → 00:22:31 ความคิดอือฮึค่ะเหมือนเวลาเพื่อนเค้าปอบ
00:22:31 → 00:22:33 เวลาเราปลอบใจเพื่อนทำไมเราเก่งจังอ่ะ
00:22:33 → 00:22:36 ครับแต่พอเราคือเรื่องชาวบ้านเราชำนาญใช่
00:22:36 → 00:22:38 มั้ยครับเรื่องชาวบ้านเราก็ชำนาญอันเนี้ย
00:22:38 → 00:22:40 เราก็แบบเดียวกันมองแบบเดียวกันก็ได้คือ
00:22:40 → 00:22:44 เรามาเรียนรู้ที่จะตนเตือนตนค่ะเตือนตัว
00:22:44 → 00:22:46 เองได้เฮ้ยมันก็จบไปแล้วเนาะอเออเราก็ทำ
00:22:46 → 00:22:48 อะไรกับมันไม่ได้เราก็เจอแบบนี้มาหลายรอบ
00:22:48 → 00:22:51 ละบ่นไปก็เท่านั้นแหละเออเริ่มๆอ๋อเริ่ม
00:22:52 → 00:22:55 เออไปกับมันค่ะเออง่ายๆแต่แต่ถ้ามีคนทัก
00:22:56 → 00:22:57 ท้วงนะครับว่าเอ้ยแบบนี้เราไม่ต้องแก้ไข
00:22:57 → 00:23:01 อะไเลยเหรออ๋อมัวแต่มัวแต่ยอมรับแบบนี้
00:23:01 → 00:23:04 ประเทศชาติไปถึงไม่เจริญสิไม่ใช่นะครับโ
00:23:04 → 00:23:07 ค่ะยอมรับแล้วอะไรควรทำอะไรแก้ได้แก้ครับ
00:23:08 → 00:23:12 อ๋อแก้ตอนใจร่มๆคือเราก็ยังแก้ตอนใจร่มๆ
00:23:12 → 00:23:14 เราก็ยังรับรู้ยังใส่ใจยังอะไรอยู่แหละ
00:23:15 → 00:23:17 เพียงแต่ว่าบางอย่างอ่ะที่มันจะเป็นผลลบ
00:23:17 → 00:23:20 เป็นเกาีอ่ะเราก็แค่ไม่เอามันเข้ามาแค่
00:23:20 → 00:23:23 นั้นแหละถูกต้องใช่ครับอืนี่กำลังจะบรรลุ
00:23:23 → 00:23:26 แล้วค่ะอาจารย์ค่ะทีนี้เราบอกแค่นั้นแหละ
00:23:26 → 00:23:30 มันไม่แค่ถ้าไม่ฝึกอ่ะนั่นไงถ้าไม่ฝึกมัน
00:23:30 → 00:23:32 จะพูดมันก็เราบอกแค่เไม่เห็นไม่เห็นจะ
00:23:32 → 00:23:36 ต้องทำอะไรเยอะนั่นๆน่ะต้องฝึกค่ะฝึกอยู่
00:23:36 → 00:23:39 เฉยๆโดยิงตอนที่จะตอนที่ไม่อยากเฉยอให้
00:23:39 → 00:23:45 หัดอยู่เฉยๆโยากนั่นแหละเล็กๆน้อยๆก่อน
00:23:45 → 00:23:48 อยากพูดลองง่ายๆนะครับลองกำหนดวันเพวัน
00:23:48 → 00:23:51 นี้จะไม่พูดค่ะอือาจจะพูดให้น้อยลงก็ได้
00:23:51 → 00:23:53 นะครับวันนี้จะพูดให้น้อยลงวันนี้จะบ่น
00:23:53 → 00:23:56 ให้น้อยลงเนี่ยได้ฝึกละค่ะทีละนี้วันนี้
00:23:56 → 00:23:59 จะไม่บีบแตไล่ชาวบ้านบ้านเเวลาคนเขับรถ
00:23:59 → 00:24:01 ป่านหน้าจะจะอยู่เฉยๆจะลองดูดูใจตัวเองไป
00:24:01 → 00:24:04 ไม่ต้องไปตอบโต้อะไรครับเนี่ยอืออย่างงี้
00:24:04 → 00:24:05 ก็ฝึกได้ง่ายๆแล้วครับเกิดประโยชน์ด้วย
00:24:05 → 00:24:09 ทันทีเลยอืค่อยๆไปเนาะทีละนิดเนาะอาจารย์
00:24:09 → 00:24:11 เนาะไม่ต้องแบบเร่งรีบหรือว่าแบบกดดันตัว
00:24:11 → 00:24:14 เองอะไรอย่างเงี้ยเนาะใช่ใช่อืไม่ควรกด
00:24:14 → 00:24:16 ดันตัวเองเพราะแค่นี้ก็ทุกข์พอละใช่ๆจริง
00:24:16 → 00:24:19 อาจารย์ถถ้ามาทุกข์จากการจะพัฒนาตัวเอง
00:24:19 → 00:24:22 นี่อันนี้อันนี้ไม่ถูกต้องละอือๆเอาแหละ
00:24:22 → 00:24:24 เยอะไปถ้างั้นอย่างงี้อาจารย์สรุปให้
00:24:24 → 00:24:26 หน่อยเพราะว่าท้ายรายการแล้วอาจารย์สรุป
00:24:26 → 00:24:29 ให้หน่อยถึงเรื่องหนีว่าอ่ะข้อควรปฏิบัติ
00:24:29 → 00:24:32 สิ่งที่เราทำได้นะแล้วมันจะเป็นผลดียังไง
00:24:32 → 00:24:35 ค่ะอาจารย์ครับก็ก็ก็ชวนให้ให้รู้จักเท่า
00:24:35 → 00:24:37 ท่าผมว่าทุกคนน่ะรู้จักไอ้คำว่ารู้จัก
00:24:37 → 00:24:41 เท่าทันแต่ไม่ได้ทำให้ชำนาญไม่ไม่ได้ไม่
00:24:41 → 00:24:44 ได้เอามาเป็นวาระแห่งชีวิตอ่ะครับค่ะเท่า
00:24:44 → 00:24:47 ทันเออรู้แต่ว่าเวลาอกหักเสียใจก็จะไปดู
00:24:47 → 00:24:49 แลจิจมันไม่ทันเพราะะนั้นการการรู้เท่า
00:24:49 → 00:24:51 ทันอารมณ์และความคิดก็ต้องเริ่มต้นด้วย
00:24:51 → 00:24:54 กันมีเวลาสังเกตมันบ้างนั่งรถขับรถหรือ
00:24:54 → 00:24:56 ขนาดออกกำลังกายวิ่งไปก็สังเกตดิเดี๋ยว
00:24:56 → 00:24:59 มันก็คิดค่ะคิดอยากทำนู่นทำนี่คิดเป็น
00:24:59 → 00:25:01 เรื่องไม่ไม่เรื่องจบไปแล้วอะไรเงี้ยก็
00:25:01 → 00:25:04 แค่สังเกตไปสังเกตไปบ่อยๆเราก็จะเริ่มจะ
00:25:04 → 00:25:06 เริ่มรู้ว่ามันเป็นมันเป็นสิ่งที่ปรากฏ
00:25:06 → 00:25:09 ขึ้นค่ะแค่นั้นแหละครับทีนี้ถ้าจะเติมนิด
00:25:09 → 00:25:12 หน่อยเราก็ตั้งกติกานิดหน่อยว่าเออเรา
00:25:12 → 00:25:15 อยากจะเราอยากจะฝึกฝนตัวเองมากขึ้นเราก็
00:25:15 → 00:25:18 ตั้งกติกาว่าเราจะงดเว้นอะไรเอางดเว้นนะ
00:25:18 → 00:25:20 ครับไม่ต้องทำเพิ่มเนาะค่ะทำให้น้อยลงพูด
00:25:20 → 00:25:23 ให้น้อยลงในในบางจังหวะหรือในห้องประชุม
00:25:23 → 00:25:25 เราจะไม่หยิบโทรศัพท์เราอยู่ป้ายรถเมล์
00:25:25 → 00:25:27 เวลาเราเดินเราจะไม่หยิบโทรศัพท์แค่เมัน
00:25:27 → 00:25:30 ก็เตือนเราว่าเราเห็นความอยากหยิบค่ะหรือ
00:25:30 → 00:25:32 หยิบมาแล้วนึกได้เราก็เก็บอือก็ต้องอาศัย
00:25:32 → 00:25:35 บูรณาการในชีวิตอ่ะเพราะเรายุ่งเพราะเรา
00:25:35 → 00:25:37 ชีวิตเราเรางานเราเยอะใช่มั้ยครับจะให้มา
00:25:37 → 00:25:40 ทำอะไรยุ่งยากซับซ้อนคงไม่ทำกันหรอกอือใช
00:25:40 → 00:25:43 มก็ก็ชำเรืองมองดูนิดนึงอย่างเงี้ยอย่าง
00:25:43 → 00:25:46 เยตอนนี้ฟังอยู่ฟังอยู่คิดตามชอบใจก็เห็น
00:25:46 → 00:25:48 ชอบใจฟังแล้วไม่รู้เรื่องก็ก็ก็โอเคไม่
00:25:48 → 00:25:50 รู้เรื่องก็เป็นความไม่รู้เรื่องก็ไม่
00:25:50 → 00:25:54 ต้องรีบหมุนคลื่นเปปลี่ยนไปไหนค่ะอก็ฟัง
00:25:54 → 00:25:56 ต่อไปได้ประโยชน์เรู้สึกไม่ได้ประโยชน์ก็
00:25:56 → 00:25:58 แค่รู้สึกว่ามีความรู้สึกสึนั้นเกิดขึ้น
00:25:58 → 00:26:00 หัดอยู่กับความรู้สึกโดยที่ไม่ต้องรีบ
00:26:00 → 00:26:04 สวิตชเปลี่ยนไปหาสิ่งที่ชอบคใช่มั้ยครับ
00:26:04 → 00:26:06 อยู่กับความไม่ชอบบ้างโอเคโอเคกับมันไป
00:26:06 → 00:26:09 กลายเป็นว่าโลกเรากว้างขึ้นนะครับโลกที่
00:26:09 → 00:26:11 เราอยู่ได้คฟโซนเรากว้างขึ้นคือโซนที่เรา
00:26:11 → 00:26:14 ไม่ชอบก็ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตค่ะชีวิต
00:26:14 → 00:26:15 มันคืออย่างงี้ไม่ใช่เหรอทั้งทุกข์ทั้ง
00:26:15 → 00:26:19 สุขทั้งใช่และไม่ใช่ค่ะอมันหนีไม่ได้
00:26:19 → 00:26:22 เลือกไม่ได้อ่ะครับค่ะก็อยู่กับมารไปนะคะ
00:26:22 → 00:26:24 อยู่กับมันไปครับค่ะโอ๊คุยกับอาจารย์เพิน
00:26:24 → 00:26:27 ๆแป๊บเดียวหมดเวลาแล้วนะคะได้ได้แนวทาง
00:26:27 → 00:26:30 แล้ววันเดี๋ยวจะลองเริ่มต้นดูฝึกดูค่ะ
00:26:30 → 00:26:33 อาจารย์เดี๋ยวได้ผลยังไงเดี๋ยวจะไลนไปบอก
00:26:33 → 00:26:37 นะคะขอบคุณอาจารย์คดีมากเลยสวัสดีค่ะเอา
00:26:37 → 00:26:39 ล่ะค่ะคุณผู้ฟังคะหมดเวลาแล้วนะคะกับราย
00:26:39 → 00:26:41 การโรงหมอในวันนี้นะคะพบกันใหม่ครั้งหน้า
00:26:42 → 00:26:45 ค่ะวันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ This Is Toy
00:26:45 → 00:26:48 PBS podcast การเล่นน้ำหรือดื่มน้ำกับ
00:26:48 → 00:26:51 การเข้าป่าทำไมสายแคมปิ้งต้องระมัดระวัง
00:26:51 → 00:26:54 เป็นพิเศษศาสตราจารย์นายสัตวแพทย์ดรสถาพร
00:26:54 → 00:26:56 จิตปพงจากคณะเทคนิคการสัตวแพทย์
00:26:56 → 00:26:59 มหาวิทยาลัยเกเศรษศาสตร์มาเล่าให้ฟังครับ
00:26:59 → 00:27:03 สัตวป่าเนี่ยมันจะมีหลายชนิดที่สามารถที่
00:27:03 → 00:27:06 จะติดเชื้อได้โดยที่เาไม่แสดงอาการนะครับ
00:27:06 → 00:27:09 แล้วก็สามารจะถ่ายทอดโรคได้ไอ้โรคต่างๆ
00:27:09 → 00:27:13 ที่เราพบเในแหล่งแหล่งน้ำธรรมชาติหรือเขต
00:27:13 → 00:27:16 โดยรอบเนี่ยแล้วก็พบมีหลายชนิดเหมือนกัน
00:27:16 → 00:27:19 ที่พอถ้าคนเข้าไปได้รับแล้วก็มีโอกาสติด
00:27:19 → 00:27:22 เชื้อแล้วก็ทำให้เกิดโรคมันอาจบางโรคอาจ
00:27:22 → 00:27:24 จะไม่อันตรายนะครับยกตัวอย่างอย่างเชื้อ
00:27:24 → 00:27:27 คริปโตสปมเนี่ยมันมันพบได้ในแหล่งน้ำอยู่
00:27:27 → 00:27:29 แล้วค่ะเพราะว่าเป็นแหล่งน้ำที่ถ้าเป็น
00:27:29 → 00:27:33 น้ำนิ่งที่มีสัตว์มาอาบมาถ่ายอุจจาระอะไร
00:27:33 → 00:27:35 พวกนี้อยู่นะครับมันก็มีโอกาสที่จะปน
00:27:35 → 00:27:38 เปื้อนในแหล่งน้ำอวที่เราไปเล่นน้ำเราก็
00:27:38 → 00:27:41 คิดว่าน้ำมันนิ่งน้ำใสคือเวลามีเชื้อน้ำ
00:27:41 → 00:27:43 มันไม่ได้เปลี่ยนไปนะครับน้ำมันไม่ได้
00:27:43 → 00:27:45 ขุ่นให้เราเห็นว่ามันมีเชื้อปนเปื้อนนะ
00:27:45 → 00:27:47 ครับเพราะงั้นเราก็จะคิดว่าทุกอย่างปลอด
00:27:47 → 00:27:49 ภัยกินได้เล่นได้อะไรพวกเนี้ยอันนี้ก็
00:27:49 → 00:27:52 ต้องระวังนะครับเพราะว่าน้ำธรรมชาติเนี่ย
00:27:52 → 00:27:54 ถ้าเป็นน้ำนิ่งจริงๆเนี่ยค่อนข้างที่จะมี
00:27:54 → 00:27:57 การปนเปื้อนค่อนข้างเยอะจากพวกอุจจาระ
00:27:57 → 00:27:59 สัตวสัตว์ป่าทั้งหลายเชื้อพวกนี้เวลาอยู่
00:27:59 → 00:28:01 ในสัตว์ป่าเไม่ค่อยมีอาการพอมาอยู่กับคน
00:28:01 → 00:28:03 เนี่ยมันอาจจะมีความรุนแรงมากขึ้นนะครับ
00:28:03 → 00:28:06 ถ้าเกิดเราไปเจอพวกน้ำที่ไม่ได้เป็นน้ำ
00:28:06 → 00:28:08 ไหลถ้าไม่เป็นน้ำตกไม่ได้เป็นลำธารเป็น
00:28:08 → 00:28:12 น้ำเป็นแอ่งเล็กๆอยู่เงี้เราเห็นเออน้ำใส
00:28:12 → 00:28:15 ไปลงไปเล่นเลยพวกเนี้ยนะมันก็มีโอกาสคือ
00:28:15 → 00:28:17 คือมันเป็นความเสี่ยงเพราะฉะนั้นมันไม่
00:28:17 → 00:28:20 ได้คำว่าลง 100 คนแล้วติด 100 คนงั้นมัน
00:28:20 → 00:28:23 เป็นช่วงเวลามิ่งมันได้พอดีโรคที่อยากจะ
00:28:23 → 00:28:26 แนะนำนิดนึงก็คือโรคไข้ไรออนนะครับเรียก
00:28:26 → 00:28:29 หรือสับัเกิดจากพวกลิขเสี่ยหรือที่เเรียก
00:28:29 → 00:28:32 โรคไข้ลักสาดใหญ่ไอ้ตัวอะไรอ่อนเนี่ยมัน
00:28:32 → 00:28:34 มีอยู่ตามธรรมชาติตัวมันเล็กมากมองไม่
00:28:34 → 00:28:37 เห็นส่วนใหญ่มันเป็นอะไรอ่อนที่มีขนาด 1
00:28:37 → 00:28:39 มิลเมตรซึ่งมันเราดูจะเป็นจุดอ่ะเพราะ
00:28:39 → 00:28:42 ฉะนั้นเวลาที่เราออกไปแคมปิ้งพวกนี้ก็
00:28:42 → 00:28:45 ต้องใส่เสื้อผ้าให้มันมิดชิดต้องระวังว่า
00:28:45 → 00:28:47 ไม่ไปนอนเล่นตามพื้นหญ้าตามอะไรที่มันมี
00:28:47 → 00:28:49 โอกาสที่จะเจอเพราะว่าโรกนี้จะเป็นโรกที่
00:28:50 → 00:28:52 เรามักจะเจอบ่อยมากนะครับโดยเฉพาะทางแถบ
00:28:52 → 00:28:54 ภาคเหนือเนี่ยแล้วเพราะว่าอ่าเวลาที่มัน
00:28:54 → 00:28:58 เป็นเก็คือไรอ่อนมันกัดอนะฮะอแล้วมันก็นำ
00:28:58 → 00:29:00 เชื้อเข้าไปมันก็จะเป็นไข้นะครับ 3-4 วัน
00:29:00 → 00:29:03 อะไรพวกเนี้ยจุดที่เกัดเนี่จะเป็นรอย
00:29:03 → 00:29:06 เหมือนแบบเหมือนไฟจี้อะไรพวกเนี้ยอั้นถ้า
00:29:06 → 00:29:08 มีอาการลักษณะแบบนี้ต้องไปปรึกษาคุณหมอนะ
00:29:08 → 00:29:10 ครับแล้วก็เล่าคุณหมอฟังว่าเออไปแคมปิ้ง
00:29:10 → 00:29:13 มาแล้วก็มีอย่างี้เกิดขึ้นรักษาไม่ไม่ยาก
00:29:13 → 00:29:17 นะครับเพียงแต่ว่ามันก็ทำให้เกิดอาการไข้
00:29:17 → 00:29:20 หลังจากที่เราไปแคมปิ้งมาไข้ปวดหัวตัว
00:29:20 → 00:29:22 ร้อนนะครับมีอาเจียนมีอะไรก็ค่อนข้างรุน
00:29:22 → 00:29:25 แรงเหมือนกันเพียงแต่ว่าถ้ารักษาได้ทันก็
00:29:25 → 00:29:29 ก็ไม่รุกรามมากก็สามาถจะหาย
00:29:29 → 00:29:34 ได้ This Is Toy PBS
00:29:34 → 00:29:37 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:29:37 → 00:29:40 Application ของ Thai PBS podcast
00:29:40 → 00:29:43 spotify Sou Cloud Google podcast
00:29:43 → 00:29:46 Apple podcast และ YouTube Channel
00:29:46 → 00:29:50 Thai PBS podcast Thai PBS podcast
00:29:50 → 00:29:53 View the world via The
00:29:53 → 00:29:56 [เพลง]
00:29:56 → 00:30:02 Voice
00:30:02 → 00:30:05 อ