00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับทุกคนคงทราบนะครับว่าการออก
00:00:02 → 00:00:05 กำลังกายนั้นมันเป็นสิ่งที่ดีแต่ถ้าเรา
00:00:05 → 00:00:08 ออกกำลังกายมากจนเกินไปแล้วล่ะก็มันกลับ
00:00:08 → 00:00:12 จะกลายไปเป็นผลเสียกับเราครับบางคนเป็นผล
00:00:12 → 00:00:15 เสียระยะสั้นแต่ว่าบางคนเป็นผลเสียระยะ
00:00:15 → 00:00:18 ยาวเกิดการบาดเจ็บที่มันไม่ยอมหายซะทีวัน
00:00:18 → 00:00:21 นี้นะครับผมก็เลยอยากจะมาอธิบายให้ฟังว่า
00:00:22 → 00:00:24 เราจะรู้ได้ยังไงว่าการออกกำลังกายของเรา
00:00:24 → 00:00:27 นั้นมันมากเกินไปแล้วมันมีสัญญาณเตือน
00:00:27 → 00:00:30 อะไรแล้วมันมีผลเสียอะไรบ้างกับร่างกาย
00:00:30 → 00:00:34 ของเราที่สำคัญเราจะป้องกันมันได้ยังไงนะ
00:00:34 → 00:00:37 ครับเดี๋ยวลองฟังกันดูพบกับผมนะครับนาย
00:00:37 → 00:00:39 แพทย์ธานีธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:39 → 00:00:42 ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:42 → 00:00:45 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับผมต้อง
00:00:45 → 00:00:48 อธิบายอย่างนี้ก่อนว่าหลายคนนะครับคงจะ
00:00:48 → 00:00:52 ทราบดีว่าถ้าเราออกกำลังกายสม่ำเสมอแล้ว
00:00:52 → 00:00:56 มีการให้การออกกำลังกายเราเข้มข้นมากขึ้น
00:00:56 → 00:00:59 เรื่อยๆเราจะเก่งขึ้นครับอันนี้เป็นความ
00:00:59 → 00:01:02 รู้ที่ทุกๆคนคงทราบดีเพราะว่านักกีฬาเฝึก
00:01:03 → 00:01:05 หนักกว่าเราเถึงเก่งกว่าฝึกสม่ำเสมอกว่า
00:01:05 → 00:01:08 เราเถึงทำได้แบบนั้นส่วนเราเนี่ยเดี๋ยว
00:01:08 → 00:01:10 ออกกำลังกายบ้างไม่ออกกำลังกายบ้างมันก็
00:01:10 → 00:01:13 เลยไม่เก่งอย่างเขาอ่าอันนี้ทุกคนทราบดี
00:01:13 → 00:01:13 นะ
00:01:13 → 00:01:17 ครับและบางคนเนี่ยเวลาที่ไปออกกำลังกาย
00:01:17 → 00:01:21 แบบเล่นเวทนะครับอ่าเราก็อยากจะให้มันมี
00:01:21 → 00:01:23 การยกน้ำหนักที่หนักขึ้นเรื่อยๆนะครับ
00:01:23 → 00:01:25 โอเวอร์โหลดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเราจะได้แข็ง
00:01:25 → 00:01:28 แรงขึ้นเรื่อยๆนะแต่มันจะมีสักวันนึงที่
00:01:28 → 00:01:30 มันมากจนเกินไปเกินกว่าที่ร่างกายเราจะ
00:01:30 → 00:01:33 ฟื้นฟูได้ทันแล้วมันก็จะเริ่มเกิดภาวะ
00:01:33 → 00:01:38 ต่างๆตามนี้ข้อแรกเกิดภาวะที่เรกเรียกว่า
00:01:38 → 00:01:41 acute fatigue อันเนี้ยเราจะเมื่อยล้า
00:01:41 → 00:01:44 กว่าปกตินะครับแต่เราพักสักวัน 2 วันมัน
00:01:44 → 00:01:47 จะหายและเราจะเก่งขึ้นอีกต่างหากถ้ามาก
00:01:47 → 00:01:50 กว่านั้นอีกมันจะเรียกว่า overreaching
00:01:50 → 00:01:52 ซึ่งแบ่งเป็น 2 อย่างอย่างแรกคือ
00:01:52 → 00:01:54 functional overreaching หมายความว่า
00:01:54 → 00:01:57 เราออกกำลังกายให้มันเต็มที่ของเราให้มัน
00:01:57 → 00:02:00 เลยข้อจำกัดของร่างกายของเรานะครับซึ่ง
00:02:00 → 00:02:04 เราจะเจอได้ในแคมป์นักกีฬาเค้าจะฝึกนัก
00:02:04 → 00:02:06 กีฬาอย่างหนักเลยจนกระทั่งให้เขาสามารถ
00:02:06 → 00:02:09 ทลายกำแพงจำกัดของตัวเองได้เกิดภาวะ
00:02:09 → 00:02:11 functional
00:02:11 → 00:02:14 overreaching แต่ก็จะทำเป็นช่วงสั้นๆ
00:02:14 → 00:02:17 เพราะว่าพวกเนี้ยมันต้องพักนานกว่าเช่น
00:02:17 → 00:02:20 พักเป็นหลายวันเป็นอาทิตย์กว่าร่างกายจะ
00:02:20 → 00:02:22 ดีขึ้นแต่พอมันพักเสร็จปุ๊บเนี่ยมันจะ
00:02:22 → 00:02:26 แกร่งกว่าเดิมอีกจะเกิดผลดีกับร่างกายมาก
00:02:26 → 00:02:30 กว่าเดิมอีกอย่างไรก็ตามถ้าเกิดว่าคนไหน
00:02:30 → 00:02:32 ร่างกายไม่สมบูรณ์แข็งแรงขนาดนั้นแล้วโดน
00:02:32 → 00:02:34 เคี่ยวเข็นให้มันมากไปกว่านั้นมากๆๆทุก
00:02:34 → 00:02:37 วันมันจะกลายไปเป็น non functional
00:02:37 → 00:02:40 overreaching แล้วภาวะนี้นี่แหละที่จะ
00:02:40 → 00:02:43 เกิดอันตรายกับร่างกายขึ้นมานะฮะซึ่ง
00:02:43 → 00:02:45 เดี๋ยวผมจะอธิบายว่าอันตรายเหล่านั้นคือ
00:02:45 → 00:02:49 อะไรบ้างและถ้ายังฝืนทำต่อไปอีกนะครับจะ
00:02:49 → 00:02:51 เข้าสู่ภาวะนึงซึ่งเรียกว่า Over
00:02:51 → 00:02:54 Training และภาวะนี้นะครับร่างกายของเรา
00:02:54 → 00:02:58 จะมีปัญหาเยอะที่สำคัญกว่าจะแก้ไขกลับมา
00:02:58 → 00:03:01 เป็นปกติได้เนี่ยบางครั้งใช้เวลาเป็น
00:03:01 → 00:03:03 เดือนไม่ใช่พักแค่อาทิตย์เดียวแล้วหายนะ
00:03:03 → 00:03:06 พวกนี้พักเป็นเดือนมันก็ไม่หายแล้วจะรู้
00:03:06 → 00:03:09 สึกเหมือนว่าทำไมร่างกายมันไม่ปกติักที
00:03:09 → 00:03:13 บางทีเกิดภาวะ Over Training นี่แหละถ้า
00:03:13 → 00:03:15 เทียบกับภาวะทางจิตใจนะครับเราคงเคยได้
00:03:15 → 00:03:19 ยินคำว่า burn Out ภาวะหมดไฟร่างกายเรา
00:03:19 → 00:03:22 ก็มีภาวะหมดไฟเหมือนกันครับเฮ้ยฝึกเรา
00:03:22 → 00:03:25 เยอะขนาดเยไม่ยอมให้เราพักเลยทำทุกวันมาก
00:03:25 → 00:03:27 ขึ้นมากขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหากมากๆๆจน
00:03:27 → 00:03:30 กระทั่งไม่ไหวแล้วร่างกายเบื่อนอครับเกิด
00:03:30 → 00:03:32 ภาวะ Over Training ต่อให้พักนานแค่ไหน
00:03:32 → 00:03:35 มันก็จะไม่ค่อยกลับมาเหมือนเดิมบางทีต้อง
00:03:35 → 00:03:40 พักยาวเลยนะถึงจะเริ่มฟื้นฟูตัวเองได้นะ
00:03:40 → 00:03:43 ฮะก่อนอื่นผมอยากอธิบายว่ามันเกิดอะไร
00:03:43 → 00:03:45 ขึ้นกับร่างกายเราเวลาที่เราฝึกหนักเกิน
00:03:45 → 00:03:49 ที่ร่างกายจะรับได้แล้วร่างกายมันฟื้นฟู
00:03:49 → 00:03:52 ไม่ทันกล้ามเนื้อของเราเนี่ยเวลาเราออก
00:03:52 → 00:03:55 กำลังกายมันจะเกิดการฉีกขาดเล็กๆน้อยๆเรา
00:03:55 → 00:03:59 เรียกว่าไทนะครับซึ่งร่างกายเราควรที่จะ
00:03:59 → 00:04:02 ต้องมาซ่อมแซมมันแล้วกล้ามเนื้อของเราก็
00:04:02 → 00:04:04 จะมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือบางทีมีความแกร่งมาก
00:04:04 → 00:04:09 ขึ้นทนทานมากขึ้นนะฮะใช้ออกซิเจนได้ดี
00:04:09 → 00:04:12 ขึ้นแต่ถ้าเราไม่ให้เวลามันพักเลยกระบวน
00:04:12 → 00:04:14 การซ่อมแซมมันจะซ่อมไม่ทันสักทีแล้วมันจะ
00:04:14 → 00:04:17 ไม่แกร่งขึ้นแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานะ
00:04:17 → 00:04:21 ครับกล้ามเนื้อของเราเนี่ยจะปวดเมื่อยล้า
00:04:21 → 00:04:24 เกิดการบาดเจ็บได้ง่ายบางคนเนี่ยกล้าม
00:04:24 → 00:04:25 เนื้อมันแข็งเกร็งอยู่ังนั้นน่ะไม่ยอม
00:04:25 → 00:04:29 คลายเลยนะฮะต้องไปนวดไปอะไรเยอะแยะกว่า
00:04:29 → 00:04:32 มันจะดีขึ้นบางคนจะเกิดการบาดเจ็บของเส้น
00:04:32 → 00:04:35 เอ็นอยู่เรื่อยๆเช่นทำไมแขนข้างนี้มัน
00:04:35 → 00:04:38 เจ็บแล้วมันไม่หายซักทีไหล่นี่มันปวดแล้ว
00:04:38 → 00:04:41 มันไม่หายะทีพักก็แล้วทำกายภาพก็แล้วมัน
00:04:41 → 00:04:44 ก็ไม่หายักทีนี่แหละครับข้อเสียของมัน
00:04:44 → 00:04:48 แล้วพอบางคนนะครับวิ่งบ่อยๆอาจจะเกิดการ
00:04:48 → 00:04:53 ปวดกระดูกหน้าแข้งปวดส้นเท้าปวดหลังอย่าง
00:04:53 → 00:04:56 เงี้ยทำไมมันเป็นได้นะครับก็เพราะว่า
00:04:56 → 00:04:58 อย่างนี้ี่แหละเราฝึกหนักจนเกินไปเราออก
00:04:58 → 00:05:00 กำลังกายหนักเกินกว่าที่ร่างกายจะฟื้นฟู
00:05:01 → 00:05:05 ได้ทันท่วงทีนะครับบางคนก็บอกว่าฉันไม่
00:05:05 → 00:05:06 เห็นจะเหนื่อยเลยตอนวิ่งก็ยังวิ่งได้๋ยัง
00:05:06 → 00:05:09 มีแรงไหวอยู่แต่มันเจ็บตรงนั้นตรงนี้นี่
00:05:09 → 00:05:13 แหละครับคือสัญญาณเตือนของคุณและนะฮะไม่
00:05:13 → 00:05:15 เพียงแค่นั้นนะครับเวลาที่เราฝึกร่างกาย
00:05:15 → 00:05:18 เราจนกระทั่งมันฟื้นไม่ทันแล้วเนี่ยกล้าม
00:05:18 → 00:05:20 เนื้อกระดูกเส้นเอ็นทุกอย่างเนี่ยมันทำ
00:05:20 → 00:05:23 งานได้ไม่เต็มที่ดังนั้นก็จะมีโอกาสที่จะ
00:05:23 → 00:05:25 ผิดพลาดได้ง่ายพอผิดพลาดจะเกิดอะไรขึ้น
00:05:25 → 00:05:30 ครับผิดท่าและเกิดการบาดเจ็บอ่าข้อเท้า
00:05:30 → 00:05:32 พลิกเข่า
00:05:32 → 00:05:36 พลิกอย่างงี้เป็นต้นหรือพลาดท่าหรือวิ่ง
00:05:36 → 00:05:39 ไม่ถูกท่ายกน้ำหนักไม่ถูกมุมเกิดกล้าม
00:05:39 → 00:05:43 เนื้อฉีกบาดเจ็บได้ง่ายนี่แหละคือปัญหา
00:05:43 → 00:05:47 ทางด้านร่างกายแต่มันไม่จบแค่นั้นครับ
00:05:47 → 00:05:51 เวลาที่เราออกกำลังกายเกินลิมิตของตัวเอง
00:05:51 → 00:05:53 ไปแล้วเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือจะเกิด
00:05:53 → 00:05:57 การอักเสบในร่างกายครับเกิดการอักเสบใน
00:05:57 → 00:06:00 ร่างกายมากเกินกว่าปกติและการออักเสบที่
00:06:00 → 00:06:02 มันซ่อมไม่ทันก็จะเป็นอนุมูลอิสระทำให้
00:06:02 → 00:06:05 เกิดปัญหาต่างๆกับร่างกายตามมาเต็มไปหมด
00:06:05 → 00:06:09 นะฮะในช่วงเวลานี้เนี่ยร่างกายมันจะต้อง
00:06:09 → 00:06:12 มีการซ่อมแซมส่วนหลายๆส่วนใช่มั้ยครับมัน
00:06:12 → 00:06:15 ซ่อมแซมได้ด้วยการเอาสารอาหารจากเลือดไป
00:06:15 → 00:06:17 เลี้ยงบริเวณที่ต้องการซ่อมแซมเช่นผม
00:06:17 → 00:06:20 ต้องการซ่อมแซมกล้ามเนื้อตรงนี้เลือดก็
00:06:20 → 00:06:23 ต้องมาตรงเนี้ยเยอะมากขึ้นเยอะมากขึ้นทำ
00:06:23 → 00:06:26 ยังไงร่างกายก็ต้องให้หัวใจบีบตัวได้เยอะ
00:06:26 → 00:06:30 ขึ้นบ่อยขึ้นเร็วขึ้นได้มั้ยครับเพราะถ้า
00:06:30 → 00:06:33 มันบีบช้าๆเลือดมันจะมามก็ไม่มาดังนั้น
00:06:33 → 00:06:35 หัวใจจะต้องบีบให้มันเร็วขึ้นเพื่อเอา
00:06:35 → 00:06:39 เลือดมาเลี้ยงนะฮะเป็นการทำงานของระบบหนึ
00:06:39 → 00:06:41 ซึ่งเรียกว่า sympathetic nervous
00:06:41 → 00:06:44 System ระบบเนี้ยมันจะเกิดขึ้นเวลาที่
00:06:44 → 00:06:46 เราเครียดนะครับมีการบบตัวหัวใจเร็วขึ้น
00:06:47 → 00:06:49 กล้ามเนื้อแข็งเกร็งพร้อมที่จะหนีหรือ
00:06:49 → 00:06:52 พร้อมที่จะต่อสู้เราเรียกว่า Fight
00:06:52 → 00:06:55 Flight Response นะครับแต่ว่าภาวะเนี้ย
00:06:55 → 00:06:57 ถ้ามันเกิดแล้วมันไม่ยอมหยุดเลยเนี่ยไม่
00:06:57 → 00:07:00 ดีนะครับหัวใจเราเต้นเร็วๆบางคนเกิดหัวใจ
00:07:00 → 00:07:04 เต้นผิดจังหวะก็มีปัญหาได้บางคนเห็นนัก
00:07:04 → 00:07:08 กีฬาทำมากจนเกินไปตายเลยทันทีเกิดหัวใจ
00:07:08 → 00:07:10 เต้นผิดจังหวะก็ได้นะ
00:07:10 → 00:07:15 ครับแล้วการอักเสบเนี่ยมันก็ยังทำให้ร่าง
00:07:15 → 00:07:17 กายสร้างฮอร์โมนอันนึงเรียกว่าคอร์ติซอล
00:07:17 → 00:07:19 ฮอร์โมนเนี้ยมันออกมาตอนที่เราเครียดนะ
00:07:19 → 00:07:22 ครับออกมามากๆแล้วมีปัญหาเยอะเลยครับ
00:07:22 → 00:07:26 กล้ามเนื้อเราจะฝ่อนะมีน้ำตาลสูงในเลือด
00:07:26 → 00:07:29 นะครับแล้วมันเป็นฮอร์โมนที่กดูภูมิต้าน
00:07:29 → 00:07:32 ทานของเราครับดังนั้นคนที่ว Training
00:07:32 → 00:07:35 เนี่ยเป็นนักกีฬาแล้วออกมาุทุกวันทุกวัน
00:07:35 → 00:07:37 ไม่ได้พักเลยเนี่ยแทนที่ภูมิต้านทานเขาจะ
00:07:37 → 00:07:41 แข็งแรงนะครับตรงข้ามครับอ่อนแอเลยเป็น
00:07:41 → 00:07:45 หวัดบ่อยเจ็บคอง่ายนะครับบางคนภูมิแพ้
00:07:45 → 00:07:47 กำเริบ
00:07:47 → 00:07:52 บางคนติดหวัดนอนซมเลยนะฮะภูมิต้านทานจะ
00:07:52 → 00:07:55 อ่อนแอลงนั้นพวกนี้เนี่ยถ้าใครออกกำลัง
00:07:55 → 00:07:57 กายสม่ำเสมอแล้วมันเริ่มเกิดภาวะนี้นะ
00:07:57 → 00:08:00 ครับทำไมเราป่วยบ่อยช่วงนี้คุณต้องระวัง
00:08:00 → 00:08:03 และว่าเราออกกำลังกายมากจนเกินไปหรือ
00:08:03 → 00:08:08 เปล่านะฮะบาดเจ็บบ่อยบาดเจ็บที่เดินซ้ำๆ
00:08:08 → 00:08:10 แล้วคนพวกนี้จะหงุดหงิดด้วยนะครับเพราะ
00:08:10 → 00:08:12 ว่าเราอยากออกกำลังกายแล้วอ่ะแต่การบาด
00:08:12 → 00:08:14 เจ็บมันไม่หายซักทีอ่ะมันออกไม่
00:08:15 → 00:08:19 ได้นั่นเป็นเพราะว่าคุณไม่ได้ดูตัวเองและ
00:08:19 → 00:08:22 ไม่ได้ป้องกันมันเลยปล่อยให้มันเกิดภาวะ
00:08:22 → 00:08:24 non functional overreaching หรือบาง
00:08:24 → 00:08:27 คน Over Training ไปแล้วด้วยซ้ำไปนะ
00:08:27 → 00:08:31 ครับดังนั้นเทางร่างกายของเรานะครับถ้า
00:08:31 → 00:08:34 เรารู้สึกว่ากล้ามเนื้อมันล้ามันมันไม่
00:08:34 → 00:08:38 ไหวมันเพลียง่ายนะครับต้องระวังที่สำคัญ
00:08:38 → 00:08:42 อย่างนึงถ้าเราออกกำลังกายแล้วมันรู้สึก
00:08:42 → 00:08:46 ไม่เห็นถึงความก้าวหน้าเลยนะฮะมันตันเอ๊
00:08:46 → 00:08:49 ปกติเรายกเวทเนี่ยได้เรื่อยๆนะทำไมวันนี้
00:08:49 → 00:08:52 มันยกไม่ไหวแล้วอ่ะ 10 กกที่เราเคยยกได้
00:08:52 → 00:08:56 ตอนนี้มันไม่ไหวมันยกได้แค่ 9 กกหรือแต่
00:08:56 → 00:08:59 ก่อน 10 กกเนี่ยยกได้ 10 ทีสบายๆเลย
00:08:59 → 00:09:02 เดี๋ยวเ 10 ทีแทบจะคลานน่ะแทบจะหูต้อง
00:09:02 → 00:09:05 เค้นร่างกายมากกว่ามันจะยกได้ 10 ทีหรือ
00:09:05 → 00:09:08 ปกติเราเคยวิ่งได้กิโลเอ่อ 1 กลแบบเต็มๆ
00:09:08 → 00:09:11 สบายๆเดี๋ยวนี้ทำไม 1 กลมันเหนื่อยจังเลย
00:09:11 → 00:09:14 นะครับมันเริ่มไม่ไหวและทำไมเราเริ่มบาด
00:09:14 → 00:09:17 เจ็บตรงนี้ง่ายขึ้นทำไมเจ็บกระดูกทำไมปวด
00:09:17 → 00:09:19 ข้อทำไมปวดกล้ามเนื้อหลังปวดตรงโน้นตรง
00:09:19 → 00:09:22 นี้แล้วมันไม่หายซักทีเี่คือสัญญาณเตือน
00:09:22 → 00:09:25 ของร่างกายเราละแต่ไม่ใช่แค่นั้นครับมี
00:09:26 → 00:09:29 สัญญาณเตือนทางด้านจิตใจของเราอีกจิตใจ
00:09:29 → 00:09:32 ของของเรานะครับ burn Out ครับรู้สึกไม่
00:09:32 → 00:09:34 อยากไปออกกำลังกายแล้วอ่ะเหนื่อยตื่นมาก็
00:09:34 → 00:09:38 อยากนอนแล้วไม่ไหวบางคนซึมเศร้าบางคนวิตก
00:09:38 → 00:09:43 กังวลบางคนก็นอนไม่หลับความเครียดพวกเที่
00:09:43 → 00:09:45 เกิดขึ้นทางด้านร่างกายมันเยอะจนกระทั่ง
00:09:45 → 00:09:48 คุณนอนไม่หลับนอนหลับก็นอนไม่สนิทพอนอน
00:09:48 → 00:09:51 ไม่สนิทเกิดอะไรขึ้นมันล้าวันต่อ
00:09:51 → 00:09:55 ไปพอล้าอารมณ์ก็ไม่ดีหงุดหงิดออกกำลังกาย
00:09:55 → 00:09:59 ก็ยิ่งแย่กว่าเดิมอีกต่างหากนะครับการนอน
00:09:59 → 00:10:01 ที่ไม่พอก็จะทำให้ภูมิต้านทานของคุณตกลง
00:10:01 → 00:10:04 ไปกว่าเดิมอีกเกิดการอักเสบมากกว่าเดิม
00:10:04 → 00:10:07 อีกมันก็เลยกลายไปเป็นวัฏจักรที่ไม่ดีวน
00:10:07 → 00:10:11 ไปวนมาอย่างเงี้ยอยู่เรื่อยๆทั้งๆที่ใจ
00:10:11 → 00:10:14 คุณน่ะอยากจะทำนะแต่มันทำไม่ได้มันไม่ไหว
00:10:14 → 00:10:18 นะครับและทีนี้เนี่ยในด้านร่างกายเรา
00:10:18 → 00:10:21 สามารถมีอะไรมั้ยที่นอกเหนือจากความรู้
00:10:21 → 00:10:25 สึกที่บอกว่าเรากำลังเข้าสู่ภาวะอันตราย
00:10:25 → 00:10:29 และมันมันตรวจอะไรได้มั้ยตรวจได้ครับแต่
00:10:29 → 00:10:32 ก่อนที่เราจะบอกว่าทำไมช่วงนี้เราเพลีย
00:10:32 → 00:10:36 บ่อยจังเราปวดเมื่อยเราบาดเจ็บง่ายเราไม่
00:10:36 → 00:10:38 มีแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายต้องแน่ใจ
00:10:38 → 00:10:42 ก่อนว่าเราไม่มีโรคทางกายนะครับเช่น
00:10:42 → 00:10:45 สมมุติว่าคุณฝึกวิ่ง 10 กเนี่ยมันทำได้
00:10:45 → 00:10:47 อยู่เรื่อยๆแต่ทำไมวันนี้ช่วงเนี้ย
00:10:47 → 00:10:49 อาทิตย์ 2 อาทิตย์เี่มันเริ่มไม่ไหวและ
00:10:49 → 00:10:51 มันเริ่มเหนื่อยเริ่มบาดเจ็บง่ายเริ่ม
00:10:51 → 00:10:53 เงี้ยลองไปดูก่อนนะครับว่าคุณมีโรคอื่น
00:10:53 → 00:10:56 หรือเปล่าเช่นคุณมีโรคกล้ามเนื้อหัวจาขาด
00:10:56 → 00:10:59 เลือดมคุณมีโลหิตจางหรือเปล่าคุณมีโรค
00:10:59 → 00:11:02 ไทรอยด์มยหรือมีโรคอะไรอย่างอื่นที่มันทำ
00:11:02 → 00:11:05 ให้เราเนี่ยไม่สามารถออกกำลังกายได้อย่าง
00:11:05 → 00:11:08 เดิมและถ้าเกิดคุณหาทุกโรคแล้วไม่เจออะไร
00:11:08 → 00:11:10 ต้องมาระวังภาวะ non functional
00:11:10 → 00:11:14 overreaching และ overtraining มากๆพวก
00:11:14 → 00:11:16 นี้นะครับนอกเหนือจากสัญญาณเตือนที่บอกไป
00:11:16 → 00:11:20 แล้วเนี่ยถ้าใครใช้ smart watch อย่างผม
00:11:20 → 00:11:23 เเงี้ยครับคุณจะสามารถเอามันมาทำนายว่า
00:11:23 → 00:11:26 เรากำลังเกิดปัญหาขึ้นได้หรือเปล่าอะไร
00:11:26 → 00:11:29 ที่เราจะทำที่เราจะใช้ smart watch ใน
00:11:29 → 00:11:33 การดูได้สิ่งแรกนะครับ resting heart
00:11:33 → 00:11:37 rate ของเราหรืออัตราการเต้นของหัวใจใน
00:11:37 → 00:11:41 ขณะพักมันจะสูงขึ้นเมื่อร่างกายของเรา
00:11:41 → 00:11:45 เกิดภาวะนี้ขึ้นมาครับแปลว่าเราต้อง
00:11:45 → 00:11:48 พยายามดูบ่อยๆจนกระทั่งเรารู้ว่าปกติหัว
00:11:48 → 00:11:51 ใจของเราในขณะพักมันเต้นเท่าไหร่นะฮะเช่น
00:11:51 → 00:11:53 ถ้าออกกำลังกายมากๆอาจจะเต้น 50 อย่าง
00:11:53 → 00:11:58 เงี้ยและอยู่ช่วงนึงเราออกกำลังกายเต็ม
00:11:58 → 00:12:01 ที่เลยเราออกออกบ่อยๆติดกันทุกๆวันมัน
00:12:01 → 00:12:04 กลายมาเป็น 60 ในขณะที่เรานั่งเฉยๆไม่ได้
00:12:04 → 00:12:07 ทำอะไรนอนพักตื่นมาก็ 60 เก่อนมัน 50 ตอน
00:12:07 → 00:12:11 นี้ 60 สัญญาณตื่นครับ resting heart
00:12:11 → 00:12:12 rate ของเราเร็วขึ้นแปลว่ามันเกิดอะไร
00:12:13 → 00:12:17 ขึ้นกับร่างกายเราแหละนะฮะถ้าเราย้อนกลับ
00:12:17 → 00:12:20 ไปที่เมื่อกี้ผมพูดคุณก็จะเข้าใจเลยว่า
00:12:20 → 00:12:23 ทำไมหัวใจถึงเต้นเร็วขึ้น Ring heart
00:12:23 → 00:12:25 rate ถึงเร็วขึ้นมันก็เพราะว่าทั้งร่าง
00:12:25 → 00:12:27 กายของเราเนี่ยมันต้องการซ่อมแซมฟื้นฟู
00:12:28 → 00:12:30 และการซ่อมแซมฟื้นฟููมันต้องการสารอาหาร
00:12:30 → 00:12:32 ที่มันไปทางเลือดแล้วเลือดของเรามันจะไป
00:12:32 → 00:12:35 ตรงนั้นได้ก็ต้องอาศัยหัวใจบีบตัวถ้ามัน
00:12:35 → 00:12:39 บีบช้าเลือดไปช้าอาหารไปถึงปลายทางช้ามัน
00:12:39 → 00:12:41 ก็ซ่อมไม่ได้หัวใจก็เลยต้องทำหน้าที่ใน
00:12:41 → 00:12:44 การบีบให้มันเร็วขึ้นนะครับและในภาวะ
00:12:44 → 00:12:46 เครียดเนี่ยนอกเหนือจากฮอร์โมนคอร์ติซอล
00:12:47 → 00:12:50 หลังนอกจากหัวใจพวกนี้เต้นเร็วขึ้นแล้ว
00:12:50 → 00:12:52 มันจะมีระบบประสาท sympathetic nervous
00:12:52 → 00:12:55 System ทำงานมากขึ้นแล้วไอ้ระบบประสาท
00:12:55 → 00:12:58 เนี้ยนะฮะอย่างที่บอกมันทำให้เรามีความ
00:12:58 → 00:13:00 ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลานะครับหัวใจเต้นเร็ว
00:13:00 → 00:13:03 ความดาโลหิตจะขึ้นนะครับแล้วเราจะพร้อม
00:13:03 → 00:13:06 ที่จะต่อสู้พร้อมที่จะอะไรอย่างเยอะแยะ
00:13:06 → 00:13:09 มันก็จะมีผลต่อทางด้านจิตใจเราจะตื่นตกใจ
00:13:09 → 00:13:13 ง่ายจะนอนไม่หลับนะครับจะกระสับกระส่ายจะ
00:13:13 → 00:13:17 รู้สึกอารมณ์ไม่ดีโมโหง่ายนะครับบางคนหัว
00:13:17 → 00:13:20 ใจเต้นผิดปกติผิดจังหวะขึ้นมาบ่อยๆนะครับ
00:13:20 → 00:13:22 และที่สำคัญใน smart watch เนี่ยมันจะมี
00:13:22 → 00:13:24 อีกอันนึงนอกเหนือจาก resting heart
00:13:24 → 00:13:26 rate ให้เราดูก็คือ
00:13:26 → 00:13:29 HRV heart rate variability
00:13:29 → 00:13:33 นะครับโดยปกติแล้วเนี่ยในขณะที่เราหายใจ
00:13:33 → 00:13:36 เข้าออกนะครับหัวใจของเรามันจะเต้นด้วย
00:13:36 → 00:13:38 อัตราเร็วไม่เท่ากันถ้าเราหายใจเข้า
00:13:38 → 00:13:42 ออกซิเจนไปที่ปอดเยอะนะครับร่างกายเรามัน
00:13:42 → 00:13:44 รู้มันต้องรีบเอาเลือดไปที่ปอดเยอะๆเพื่อ
00:13:44 → 00:13:46 ที่จะไปเอาออกซิเจนเข้าเลือดนะครับแล้วก็
00:13:46 → 00:13:49 ขับกันดใส่ทิ้งออกไปทางลมหายใจมันจึงต้อง
00:13:49 → 00:13:53 เต้นเร็วขึ้นแต่ในขณะที่มันหายใจออกเนี่ย
00:13:53 → 00:13:55 มันก็จะกลายไปเป็นตรงกันข้ามหัวใจเราก็จะ
00:13:55 → 00:13:59 เต้นช้าลงความแตกต่างของอัตราการเต้นของ
00:13:59 → 00:14:03 หัวใจในขณะหายใจเข้าและหายใจออกนะครับตรง
00:14:03 → 00:14:05 เนี้ยถ้ามันต่างกันเยอะๆเนี่ยมันเป็นสิ่ง
00:14:05 → 00:14:10 ที่ดีนะครับมันเป็นสิ่งที่ดีค่า heart
00:14:10 → 00:14:12 rate variability ของเราเนี่ยจะสูงขึ้น
00:14:12 → 00:14:14 ถ้าสูงขึ้นเนี่ยแปลว่าเฮ้ยเออเราดีและ
00:14:14 → 00:14:18 แข็งแรงทีนี้แหละถ้าคุณออกกำลังกายมากจน
00:14:18 → 00:14:20 เกินไปเนี่ยสิ่งที่คุณจะเจอนะครับก็คือ
00:14:20 → 00:14:24 ว่าค่า HRV ของเราอ่ะแต่ก่อนมันอาจจะสูง
00:14:24 → 00:14:28 นะแต่ทำไมตอนนี้มันเริ่มลดลงตรงกันข้าม
00:14:28 → 00:14:29 เลยมันเริ่มลดลง
00:14:29 → 00:14:33 แปลว่าออกกำลังกายมากจนเกินไปแล้วครับนะ
00:14:33 → 00:14:36 ฮะหลายคนคงจะเคยได้ยินค่า HRV ว่าถ้าเกิด
00:14:36 → 00:14:39 มันมีค่าที่สูงๆแล้วล่ะก็มันแปลว่าเราอาจ
00:14:39 → 00:14:43 จะมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นและที่สำคัญคือ
00:14:43 → 00:14:47 มันเป็นตัวชี้วัดตัวนึงว่าเราอาจจะอายุ
00:14:47 → 00:14:51 ยืนขึ้นถ้ามันตรงกันข้ามล่ะมันมันแย่ลง
00:14:51 → 00:14:55 แย่ลงเรื่อยๆไม่ดีครับนะดังนั้น 2 ตัว
00:14:55 → 00:14:58 เนี้ยเป็นสิ่งที่เราสามารถดูได้อย่างชัด
00:14:58 → 00:15:00 เจนว่าว่าเอ๊ทำไมหัวใจมันเต้นเร็วขึ้น
00:15:00 → 00:15:03 กว่าสมัยก่อนนะครับในขณะพักที่เราไม่ได้
00:15:03 → 00:15:05 ทำอะไรเลยมันเต้นเร็วกว่าแต่ก่อนทำไมค่า
00:15:05 → 00:15:10 HRV ของเรามันลดลงถ้าแบบเนี้ยแล้วมันไป
00:15:10 → 00:15:12 ประกอบกับการที่คุณรู้สึกไม่อยากออกกำลัง
00:15:12 → 00:15:15 กายหงุดหงิดนอนไม่หลับกล้ามเนื้อมันล้า
00:15:15 → 00:15:20 บาดเจ็บง่ายคุณต้องพักแล้วครับต้องพักพวก
00:15:20 → 00:15:22 นี้ถ้าไปตรวจเลือดนะครับก็อาจจะเจอ
00:15:22 → 00:15:24 ฮอร์โมนการอักเสบต่างๆเต็มไปหมดเลย
00:15:24 → 00:15:27 คอร์ติซอลอ่ะสูงขึ้นฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน
00:15:27 → 00:15:29 มันจะอาจจะลดลงนะฮะ
00:15:29 → 00:15:32 มีตรวจเรื่องของค่าการอักเสบค่า il 6
00:15:33 → 00:15:37 อาจจะสูงขึ้นนะครับค่า hs crp High
00:15:37 → 00:15:40 sensitivity crp มันอาจจะมากขึ้นนะมี
00:15:40 → 00:15:42 อีกตั้งหลายตัวนะครับที่เราตรวจได้แต่มัน
00:15:42 → 00:15:45 คงไม่มีใครจะไปอยากตรวจเลือดเนาเราแค่ดู
00:15:45 → 00:15:48 อาการตัวเองก็พอรู้ะทีนี้พอมีอาการเตือน
00:15:48 → 00:15:53 แบบนี้ให้เราทำยังไงให้เราพักครับพักเลย
00:15:53 → 00:15:57 ถามว่าพักนานแค่ไหนพักจนกว่าเราจะรู้สึก
00:15:57 → 00:16:00 ดีขึ้นทางด้านร่างกายและจิตใจเรารู้สึก
00:16:00 → 00:16:03 ว่าเออจิตใจเราแจ่มใสขึ้นเราไม่รู้สึกล้า
00:16:03 → 00:16:05 เหมือนเดิมเรานอนได้เออเริ่มเริ่มเต็ม
00:16:05 → 00:16:08 อิ่มมากขึ้นละแล้วก็ร่างกายของเราไม่รู้
00:16:08 → 00:16:11 สึกล้าเหมือนเดิมแล้วแต่ละคนเนี่ยจะใช้
00:16:11 → 00:16:14 เวลาพักไม่เท่ากันแล้วก็ขึ้นอยู่กับว่า
00:16:14 → 00:16:17 ก่อนหน้านั้นเนี่ยมันเกิดภาวะออกกำลังกาย
00:16:17 → 00:16:20 มากเกินไปแค่ไหนถ้าถ้าหนักเลยเนี่ยโอ้โห
00:16:20 → 00:16:22 นี่ต้องพักนานการพักเนี่ยไม่ได้หมายความ
00:16:22 → 00:16:25 ว่าคุณหยุดออกกำลังกายเป็นศูนเลยนะโอเค
00:16:25 → 00:16:28 วันแรกๆคุณอาจจะต้องพักพักถาวรไม่ต้องทำ
00:16:28 → 00:16:30 อะไรเลยนอนอยู่กว่าที่เดินไปเดินมาแค่ใน
00:16:30 → 00:16:34 บ้านพอนะครับแต่ถ้าเริ่มไหวเนี่ยมันจะมี
00:16:34 → 00:16:37 สิ่งนึงซึ่งแนะนำให้ทำคือเรียกว่า Cross
00:16:37 → 00:16:40 Training เช่นแต่ก่อนคุณยกเวทคุณก็ลองไป
00:16:40 → 00:16:43 ว่ายน้ำดูไปทำโยคะไปยืดเหยียดไปรีกอะไร
00:16:43 → 00:16:46 บ้างดูนะครับพวกเนี้ยการดูแลทางด้านร่าง
00:16:46 → 00:16:48 กายออกกำลังกายนิดหน่อยๆพวกเนี้ยเราเรียก
00:16:48 → 00:16:51 ว่า Active resting นะครับคือแทนที่คุณ
00:16:51 → 00:16:53 จะหยุดไปเลยคุณไปเดินซักนิดนึงเดินในป่า
00:16:53 → 00:16:56 ชมนกชมไม้เดินในสวนถ้าวันที่ฝุ่นไม่เยอะ
00:16:56 → 00:17:00 นะไปเดินพวกนั้นหรือว่าคุณอาจจะไปโยคะใน
00:17:01 → 00:17:03 วันที่อากาศมันไม่ค่อยดีข้างนอกฝุ่นเยอะ
00:17:03 → 00:17:06 คุณก็ไปโยคะเนี่ยมันจะทำเป็นเป็นสิ่งนึง
00:17:06 → 00:17:10 ซึ่งช่วยในการฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้นนะ
00:17:10 → 00:17:13 ครับสิ่งที่ต้องทำต่อมาคือเรื่องของจิตใจ
00:17:13 → 00:17:17 ครับต้องรู้จักรีกให้ดีอาจจะทำสมาธิอาจจะ
00:17:17 → 00:17:20 ฝึกการหายใจเดี๋ยวเนี้ยในแอปพลิเคชันของ
00:17:20 → 00:17:23 มือถือหรือไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา smart
00:17:23 → 00:17:25 watch ต่างๆนะครับมันก็มีแอปพลิเคชัน
00:17:25 → 00:17:28 ซึ่งฝึกให้เราหายใจได้อย่างเหมือนคนทำ
00:17:28 → 00:17:31 สมาธิเลยอันนั้นก็ช่วยได้นะครับนะเราแก้
00:17:31 → 00:17:34 ไขทางด้านร่างกายเราก็แก้ไขทางด้านจิตใจ
00:17:35 → 00:17:38 แต่ก็ไม่หยุดแค่นั้นครับสารอาหารก็สำคัญ
00:17:38 → 00:17:42 นะครับช่วงเวลาที่คุณมีอาการพวกนี้นสาร
00:17:42 → 00:17:46 อาหารคุณต้องตรงกันข้ามกับที่นักโภชนาการ
00:17:46 → 00:17:49 หรือ influencer บางคนบอกอย่าไปกิน
00:17:49 → 00:17:51 คาร์โบไฮเดรตไม่ได้ครับคุณต้องกิน
00:17:51 → 00:17:53 คาร์โบไฮเดรตคุณต้องกินคาร์โบไฮเดรตให้
00:17:53 → 00:17:55 เยอะพอแล้วกินโปรตีนให้เยอะพอ 2 อย่างนี้
00:17:55 → 00:17:56 เป็นสิ่งที่คุณต้อง
00:17:56 → 00:18:00 เน้นนอกเหนือจากนั้นนั้นอาจจะต้องทานสาร
00:18:00 → 00:18:03 อาหารบางอย่างเยอะขึ้นเช่นธาตุเหล็ก
00:18:03 → 00:18:07 แมกนีเซียมวิตามินดีเยอะขึ้นในช่วง
00:18:07 → 00:18:11 นี้นอกเหนือจากนี้สารต้านอนุมูลอิสระควร
00:18:11 → 00:18:14 จะกินเข้าไปในช่วงนี้จากธรรมชาติก็นี่เลย
00:18:14 → 00:18:18 ครับผักนะผักผลไม้กินเยอะๆในช่วงนี้เลยนะ
00:18:18 → 00:18:20 ฮะเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เอไวต้าอนุมูล
00:18:21 → 00:18:23 อิสระได้ค่อนข้างดีแต่ถ้าเกิดว่าคนไหนบอก
00:18:24 → 00:18:25 ว่าอยากจะไปกินอาหารเสริมที่มันต้าน
00:18:25 → 00:18:28 อนุมูลอิสระได้มยอันนี้ก็แล้วแต่เราเลย
00:18:28 → 00:18:30 ครับบางคนจะวิตามินซีจะเป็น Fish Oil
00:18:30 → 00:18:33 หรือเป็น as santin หรืออะไรก็แล้วแต่นะ
00:18:33 → 00:18:38 ครับอย่ากินเยอะเกินไปละกันเพราะว่ามันมี
00:18:38 → 00:18:39 แนวคิดนึง
00:18:39 → 00:18:42 ซึ่งยังไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นอย่างนี้หรือ
00:18:42 → 00:18:46 เปล่านะแต่อาจจะเป็นก็ได้คือถ้าเรากินสาร
00:18:46 → 00:18:49 ต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิดมากจนเกินไป
00:18:49 → 00:18:53 แล้วล่ะก็มันจะไปค้านกันเองไปขัดแย้งกัน
00:18:53 → 00:18:56 เองซึ่งสุดท้ายแล้วจะทำให้ต้านอนุมูล
00:18:56 → 00:18:59 อิสระไม่ค่อยได้เปรียบเทียบง่ายง่าย
00:18:59 → 00:19:02 สมมุติว่ามันมีงานอยู่ชิ้นหนึ่งซึ่งเรา
00:19:02 → 00:19:05 ต้องการทำให้เสร็จนะครับเราก็เรียกคนมา
00:19:05 → 00:19:09 ช่วยโอเคมา 2-3 คนมันก็กำลังดีนะครับใน
00:19:09 → 00:19:12 การช่วยงานอันนั้นแต่ถ้ามันมา 100 คน
00:19:12 → 00:19:15 เนี่ยมันจะแย่งกันทำงานแย่งกันไปขัดแข้ง
00:19:15 → 00:19:17 กันถาเฮ้ยฉันจะทำส่วนนี้ทำไมแกต้องมาแย่ง
00:19:17 → 00:19:20 ด้วยทำไมส่วนนั้นมันมันไม่อยากทำทำไมไม่
00:19:20 → 00:19:22 ให้คนอื่นไปทำทำไมฉันต้องเป็นคนทำด้วยมัน
00:19:22 → 00:19:24 แย่งกันไปแย่งกันมาสุดท้ายงานไม่เสร็จ
00:19:24 → 00:19:27 ครับนี่ก็เหมือนกันถ้าเกิดคุณมีสารด้าน
00:19:27 → 00:19:30 อนุอิสระในรร่างกายเยอะเินไปมากจนไปกิน
00:19:30 → 00:19:33 มัน 10 ตัวเลยมันอาจจะตั้งกันเองแล้วจนทำ
00:19:33 → 00:19:35 ให้คุณไม่สามารถแก้ไขภาวะอนุมูลอิสระที่
00:19:35 → 00:19:38 มันเยอะขึ้นในร่างกายคุณก็ได้แต่ตรงนี้เ
00:19:38 → 00:19:40 จะเป็นแค่คอซอยู่ยังไม่มีการพิสูจน์นะ
00:19:40 → 00:19:43 ครับแล้วก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าต้องกินเข้า
00:19:43 → 00:19:45 ไปกี่ตัวกินแค่ไหนถึงจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น
00:19:45 → 00:19:47 มาดังนั้นไม่ต้องถามผมมานะครับคุณต้องคิด
00:19:47 → 00:19:50 ด้วยตัวเองนะเพราะผมก็ไม่ทราบไม่มีข้อมูล
00:19:50 → 00:19:53 ตรงนี้นะระวังไว้แล้วะกันอย่าไปกินเยอะจน
00:19:53 → 00:19:55 เกินไปนะครับถ้ากินนิดๆหน่อยๆโอเคได้อยู่
00:19:55 → 00:19:58 นะฮะผมคิดว่ากินซักประมาณ 2-3 ตัวไม่ได้
00:19:58 → 00:20:01 ถือว่าเยอะเกินไปแต่คนคน 5 ตัว 10 ตัวที่
00:20:01 → 00:20:03 มันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระหมดทุกตัวเลยนะ
00:20:03 → 00:20:06 อาจจะไม่เหมาะสมแต่ถ้ามันมาจากธรรมชาติ
00:20:06 → 00:20:09 ผักผลไม้อันนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับอ่า
00:20:09 → 00:20:13 ดังนั้นร่างกายจิตใจสารอาหารการนอนหลับ
00:20:13 → 00:20:16 สมาธิพวกนี้ต้องให้เพียงพอแล้วมันจะค่อยๆ
00:20:16 → 00:20:19 ดีขึ้นนะครับถ้ามีการบาดเจ็บบาดเจ็บตรง
00:20:19 → 00:20:23 ไหนอย่าไปเล่นตรงนั้นซ้ำถ้าปวดเมื่อยแล้ว
00:20:23 → 00:20:26 ไปเล่นตรงนั้นซ้ำอันนี้โอเคแต่ถ้ามันเจ็บ
00:20:26 → 00:20:31 เลยเนี่ยไม่ควรไม่ควรนะครับเราต้องแยกให้
00:20:31 → 00:20:33 ออกก่อนว่าอันนี้คือปวดเมื่อยอันนี้คือ
00:20:33 → 00:20:38 เจ็บนะฮะถ้าเจ็บอย่าเล่นถ้าปวดเมื่อยถ้า
00:20:38 → 00:20:41 เมื่อยมากๆอย่าพึ่งมันเริ่มเมื่อยลดลงลด
00:20:41 → 00:20:44 ลงโอเคตอนนี้ลองทำดูได้คุณไม่จำเป็นจะ
00:20:44 → 00:20:47 ต้องรอให้ร่างกายคุณฟื้นเป็นปกติ 100%
00:20:47 → 00:20:50 ก่อนที่จะไปออกกำลังกายซ้ำนะครับแต่ถ้า
00:20:51 → 00:20:52 เรารู้สึกว่าเออมันเริ่มดีขึ้นเราเริ่ม
00:20:52 → 00:20:54 รู้สึกอยากออกกำลังกายะเริ่มรู้สึกเฮ้ย
00:20:55 → 00:20:57 ร่างกายมันกระชุ่มกระชวยมันมันอยากออก
00:20:57 → 00:21:00 แล้วอ่ะตน้าคุณไม่ออกได้ได้ขออย่างเดียว
00:21:00 → 00:21:04 อย่าเพิ่งออกหนักเท่าเดิมออกซักประมาณ
00:21:04 → 00:21:08 50-70 per ของตะก่อนน่ะเพื่อดูร่างกาย
00:21:08 → 00:21:12 แล้วมันไหวไหถ้ามันไหวค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละ
00:21:12 → 00:21:14 นิดทีละหน่อยแต่ละคนจะไม่เหมือนกันคนอายุ
00:21:14 → 00:21:16 เยอะแน่นอนว่ามันต้องใช้เวลานานกว่าที่จะ
00:21:16 → 00:21:20 กลับมาแก้ไขได้คนอายุน้อยกว่าก็โอเคอาจจะ
00:21:20 → 00:21:24 เพิ่มได้ดีกว่านะครับอ่ะวันนี้ผมคิดว่าคน
00:21:24 → 00:21:27 หลายคนนะครับก็น่าจะรู้จักภาวะ Over
00:21:27 → 00:21:29 Training พวกนี้เพิ่มเติมมากขึ้นแล้ว
00:21:29 → 00:21:30 ครับว่ามันเป็นยังไงดียังไงนะครับนี่ยัง
00:21:31 → 00:21:34 ไม่ได้ลงลึกถึงกลไกบางอย่างซึ่งอืพูดนิด
00:21:34 → 00:21:38 นึงก็ได้ถ้าเราออกกำลังกายให้มันถึงภาวะ
00:21:38 → 00:21:40 functional Over aging บ่อยๆนะครับ
00:21:40 → 00:21:43 เรื่อยๆแล้วพักเพียงพอเนี่ยสิ่งหนึงซึ่ง
00:21:43 → 00:21:45 ดีขึ้นก็คือ vo2 Max นะ
00:21:45 → 00:21:49 ครับความสามารถในการใช้ออกซิเจนของร่าง
00:21:49 → 00:21:50 กายเราเพราะว่าร่างกายเราจะผลิต
00:21:50 → 00:21:53 ไมโทคอนเดรียซึ่งมันเป็นอวัยวะหนึในเซลล์
00:21:53 → 00:21:56 ที่เอาไว้สร้างพลังงานได้ดีขึ้นมี
00:21:56 → 00:22:00 ประสิทธิภาพมากขึ้นและตัวใหญ่ขึ้นนะครับ
00:22:00 → 00:22:02 นี่คือเหตุผลที่เราต้องการให้มันมีแต่ถ้า
00:22:02 → 00:22:05 เกิดว่าคุณออกกำลังกายเกินไปมันจะไม่เกิด
00:22:05 → 00:22:08 ภาวะนี้ครับไมโตคอนเดรียสร้างไม่ค่อยได้
00:22:08 → 00:22:10 สร้างแล้วมันก็เละๆจะสร้างใหม่ยังสร้าง
00:22:10 → 00:22:13 ไม่ทันสารอาหารไม่พอให้มันสร้างหรือเหตุ
00:22:13 → 00:22:15 ผลต่างๆค่า vi 2 Max ของคุณแทนที่มันจะ
00:22:15 → 00:22:17 ขึ้นมันก็คงที่หรือไม่มันก็ลดลงมาดมด้วย
00:22:17 → 00:22:20 เป็นอันตรายกับร่างกายนะครับแต่ vi Max
00:22:20 → 00:22:21 เมื่อกี้ผมไม่ได้พูดเพราะว่ามันวัดยาก
00:22:21 → 00:22:24 หน่อยนะฮะไม่ค่อยเท่ากับการตรวจ resting
00:22:24 → 00:22:26 heart rate หรือ heart rate
00:22:26 → 00:22:28 variability นะครับพวกนั้นจะวัดได้งง่าย
00:22:28 → 00:22:31 กว่านะฮะอ่าผมก็เล่าเท่านี้ประมาณนี้แล้ว
00:22:32 → 00:22:34 กันนะครับถ้าสำหรับใครที่ออกกำลังกายสม่ำ
00:22:34 → 00:22:36 เสมอก็ดีอยู่แล้วนะครับก็ระวังภาวะนี้ไว้
00:22:36 → 00:22:39 ด้วยหมั่นดูร่างกายอย่าออกจนมันมาจน
00:22:39 → 00:22:42 กระทั่งเราฟื้นฟูกับตัวเองไม่ทันและที่
00:22:42 → 00:22:44 สำคัญการกินอาหารสำคัญมากถ้าออกกำลังกาย
00:22:44 → 00:22:47 ประจำการกินคาร์โบไฮเดรตเป็นสิ่งที่ควรจะ
00:22:47 → 00:22:48 ต้องทำ
00:22:48 → 00:22:51 คาร์โบไฮเดรตไม่ใช่ตัวร้ายไม่ใช่ต้องงด
00:22:51 → 00:22:55 กลิ่นบางคนบอกว่าห้ามกินกินแล้วมันเป็น
00:22:55 → 00:22:57 สิ่งที่ทำลายร่างกายไม่ใช่ครับเราต้องกิน
00:22:57 → 00:22:59 ให้เพียงพอฉะนั้นร่างกายเราจะเกิดปัญหา
00:22:59 → 00:23:02 ต่างๆขึ้นอีกเยอะแยะเลยซึ่งผมเคยเล่าไป
00:23:02 → 00:23:04 แล้วนะครับก็ถ้าใครจำไม่ได้ลองไปฟังคลิป
00:23:04 → 00:23:06 พวกคีโตหรืออะไรพวกนี้ก็ได้ผมก็เล่าราย
00:23:06 → 00:23:08 ละเอียดไปแล้วนะครับวันนี้เท่านี้แล้วกัน
00:23:08 → 00:23:12 นะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ