แอสตาแซนธินมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับวิตามินอื่น

5 สุดยอดวิตามินบำรุงผิว ตอนที่ 2 by หมอแอมป์ [Dr. Amp Guide👨‍⚕️ & Dr.Amp Podcast]

จากช่อง : DrAmp Team


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:1200:00:14 สวัสดีครับท่านผู้ฟังทุกท่าน

00:00:1400:00:18 พบกับรายการ Dr.Amp Podcast เรื่องเล่าสุขภาพดี

00:00:1800:00:23 กับผม หมอแอมป์ นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ

00:00:2300:00:27 อาทิตย์นี้ครับเรามาต่อกันเลยนะครับ ในชื่อตอนที่ว่า

00:00:2700:00:31 5 สุดยอดวิตามินบำรุงผิว ตอนที่ 2

00:00:3100:00:37 ในอาทิตย์ที่แล้วเราพูดกันไปถึงวิตามินที่มีส่วนช่วยเป็นปุ๋ย

00:00:3700:00:43 ในการบำรุงผิวพรรณเราให้กระจ่าง สดชื่น อ่อนเยาว์ขึ้น

00:00:4300:00:45 ไป 2 ตัวละ

00:00:4500:00:47 อันที่ 1 วิตามินซี

00:00:4700:00:50 อันดับที่ 2 วิตามินอี

00:00:5000:00:55 ลำดับที่ 3 อาทิตย์นี้ครับ เราไปต่อกันเลยกับวิตามินดี

00:00:5500:00:59 เป็นอีก 1 ตัวที่หมอเลือกให้เข้ามาอยู่ในชาร์ตของเราด้วย

00:00:5900:01:04 วิตามินดี เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ถูกต้องครับ

00:01:0400:01:08 เมื่อไหร่ที่วิตามินละลายในไขมัน

00:01:0800:01:11 เราต้องคำนึงถึงเวลาเรากินเข้าไป

00:01:1100:01:14 มากกว่าวิตามินที่ละลายในน้ำนิดหนึ่งนะครับ

00:01:1400:01:17 เพราะว่าวิตามินที่ละลายในน้ำ ถ้ามากเกินไป

00:01:1700:01:21 ยังพอขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะได้ง่ายหน่อย

00:01:2100:01:27 แต่ถ้าเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น เอ ดี อี เค

00:01:2700:01:30 ถ้าเยอะเกินไป เขาละลายในไขมัน

00:01:3000:01:35 การขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะก็จะช้ากว่าปกติ

00:01:3500:01:39 เพราะฉะนั้นถ้าเยอะเกิน แล้วเข้าไปเป็นระดับเป็นพิษ

00:01:3900:01:42 แบบนี้ก็จะอันตรายพอสมควร

00:01:4200:01:45 ทำให้ร่างกายตกค้างอยู่เยอะ อยู่นานกว่าปกติ

00:01:4500:01:50 วิตามินดี มีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียม

00:01:5000:01:53 และฟอสฟอรัสสู่ร่างกายหรือดึงกลับมา

00:01:5300:01:58 จึงทำให้วิตามินดีมีประสิทธิภาพในการบำรุงระบบกล้ามเนื้อ

00:01:5800:02:01 และกระดูก ช่วยป้องกันกระดูกพรุน

00:02:0100:02:04 วิตามินดี สร้างจากเซลล์ผิวหนัง

00:02:0400:02:08 เซลล์ผิวหนังจะมีตัวหนึ่ง ชื่อว่า คีราติโนไซต์ (Keratinocytes)

00:02:0800:02:13 คีราติโนไซต์ จะรับแสงรังสียูวี-บีจากแสงอาทิตย์

00:02:1300:02:17 แล้วร่างกายเราจะเปลี่ยนไปเป็นวิตามินดี

00:02:1700:02:20 เพราะฉะนั้นเวลาที่รับแสงเข้ามา

00:02:2000:02:23 คีราติโนไซต์ จะเปลี่ยนคอเลสเตอรอล

00:02:2300:02:29 ชื่อเต็มๆ คือ 7-Dehydrocholesterol หรือ 7-DHC

00:02:2900:02:30 ไปเป็นวิตามินดี

00:02:3000:02:34 แสดงว่าคอเลสเตอรอล ถ้าเป็นคอเลสเตอรอลดี

00:02:3400:02:37 ก็จะมีประโยชน์ บางครั้งก็ไปทำเรื่องผิว

00:02:3700:02:39 ไม่ได้มีแค่โทษอย่างเดียว

00:02:3900:02:45 มีการวิจัยไว้ใน The Bangkok Medical Journal ในปี 2015

00:02:4500:02:50 ทำในพนักงานออฟฟิศประมาณ 211 แห่งทั่วกรุงเทพฯ

00:02:5000:02:57 พบว่า 36.5% หรือประมาณ 1 ใน 3 มีภาวะขาดวิตามินดี

00:02:5700:03:00 ถ้าเราจะไปดูตัวเลขจากทั่วโลกนี่เยอะมากเลยนะครับ

00:03:0000:03:05 มีการประเมินว่ามีคนประมาณ 1,000 ล้านคนทั่วโลก

00:03:0500:03:10 หรือประมาณ 15% ที่มีภาวะขาดวิตามินดี

00:03:1000:03:14 กลุ่มไหนบ้างที่เสี่ยงจะขาดวิตามินดี

00:03:1400:03:19 1. กลุ่มคนที่มีสีผิวเข้ม ก็จะมีเม็ดสีมาบล็อกไว้

00:03:1900:03:22 ทำให้การดูดซึมวิตามินดีไม่ค่อยดี

00:03:2200:03:24 กลุ่มที่ 2 ผู้สูงอายุ

00:03:2400:03:29 กลุ่มที่ 3 ผู้ป่วยโรคอ้วน หรือคนที่มีภาวะน้ำหนักเกิน

00:03:2900:03:32 วิตามินดีก็จะใช้เยอะแล้วก็ขาดแคลน

00:03:3200:03:35 กลุ่มผู้ป่วยโรคไต กลุ่มผู้ป่วยโรคตับด้วย

00:03:3500:03:41 นี่คือ 4-5 กลุ่มที่เสี่ยงมีภาวะขาดวิตามินดี

00:03:4100:03:44 วิตามินดีมีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนนะครับ

00:03:4400:03:50 การวิจัยในช่วงหลังๆ ไปตั้งชื่อว่า จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่วิตามินนะ

00:03:5000:03:52 เพราะว่ามีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเพศเนี่ย

00:03:5200:03:55 ต้องเป็นฮอร์โมนดี ไม่ใช่วิตามินดี

00:03:5500:03:58 เพราะมีสรรพคุณเยอะมากกว่าวิตามินปกติ

00:03:5800:04:01 บทบาทสำคัญในการวิจัยว่าวิตามินดี

00:04:0100:04:03 ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องบำรุงผิวอย่างเดียว

00:04:0300:04:05 เขาช่วยหลายระบบมาก

00:04:0500:04:08 ไม่ว่าจะเป็นระบบภูมิต้านทาน

00:04:0800:04:12 ช่วยในการต่อสู้กับเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส

00:04:1200:04:14 การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

00:04:1400:04:17 ช่วยบำรุงระบบทางเดินอาหาร

00:04:1700:04:20 ระบบหลอดเลือด ระบบเส้นเลือด

00:04:2000:04:22 มีการวิจัยเลยนะครับ ว่าวิตามินดีเนี่ย

00:04:2200:04:27 เกี่ยวพันและมีส่วนช่วยกับการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

00:04:2700:04:29 มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก

00:04:2900:04:33 หรือลดอัตราการเป็น ลดอัตราความเสี่ยงของมะเร็งต่างๆ ได้

00:04:3300:04:37 วิตามินดีช่วยให้สมองหลั่งสารซีโรโทนิน

00:04:3700:04:40 หรือว่าเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขนี่แหละครับ

00:04:4000:04:42 ช่วยลดความเครียดครับ

00:04:4200:04:46 ด้านผิวพรรณ เรามาคุยกันหน่อย วันนี้หัวข้อเราผิวพรรณใช่ไหม

00:04:4600:04:49 วิตามินดี มีส่วนช่วยในการแบ่งเซลล์

00:04:4900:04:51 หรือว่า Cell Proliferation

00:04:5100:04:55 ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว Delay Skin Aging

00:04:5500:04:57 รอยย่นมาช้า รอยเหี่ยวมาช้า

00:04:5700:05:00 หน้าชุ่มชื้น หน้าตึง

00:05:0000:05:02 บำรุงผิวพรรณให้สดชื่นอ่อนเยาว์

00:05:0200:05:05 ปกป้องคุ้มครองเซลล์ผิวหนังจากศัตรู

00:05:0500:05:09 ถ้ามีการอักเสบ วิตามินดีก็ช่วยได้ดีทีเดียว

00:05:0900:05:12 วิตามินดีมีประโยชน์อันต่อไปคือ

00:05:1200:05:15 เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย

00:05:1500:05:19 โดยเฉพาะในกีฬาที่ต้องใช้ความอึด ความอดทน

00:05:1900:05:24 เช่น วิ่งมาราธอน ปั่นจักรยาน ไตรกีฬาแบบนี้

00:05:2400:05:27 วิตามินดีก็เลยมีส่วนในการเพิ่ม Endurance

00:05:2700:05:29 หรือว่าความอึดของร่างกาย

00:05:2900:05:31 มีการวิจัยไว้ใน

00:05:3100:05:35 Journal of Drugs in Dermatology ในปี 2009

00:05:3500:05:37 การทาครีมแคลซิไตรออล (Calcitriol)

00:05:3700:05:41 แคลซิไตรออล เป็นวิตามินดีที่มนุษย์สร้างขึ้น

00:05:4100:05:44 ครีมที่ใส่แคลซิไตรออลหรือวิตามินดีเนี่ย

00:05:4400:05:47 ช่วยลดการอักเสบและการระคายเคืองในผู้ป่วย

00:05:4700:05:49 ที่เป็นโรคสะเก็ดเงินหรือโรคผิวหนังนั่นเอง

00:05:4900:05:54 แสดงว่าวิตามินดีรักษาบำรุงผิว ไม่ใช่แค่เรื่องของความชุ่มชื้น

00:05:5400:05:59 ยังรักษาเรื่องการอักเสบเป็นแผล หรือว่าแผลสิวได้ด้วย

00:05:5900:06:03 มีการวิจัยอีกครับ จากมหาวิทยาลัยออริกอน

00:06:0300:06:06 Linus Pauling Institute วิจัยไว้ว่า

00:06:0600:06:11 มนุษย์ควรจะได้รับวิตามินดี ประมาณ 600 IU ต่อวัน

00:06:1100:06:15 IU คือ International Unit

00:06:1500:06:19 เวลาเราไปดูวิตามินดี เวลาเราจะไปซื้อ เราอ่านข้างๆ เนี่ย

00:06:1900:06:25 วันหนึ่งเราต้องการประมาณ 600-1,000 IU ต่อวันก็น่าจะโอเค

00:06:2500:06:27 ยกเว้นใน 2 คน ก็คือ

00:06:2700:06:29 1. กลุ่มคนท้อง

00:06:2900:06:31 ต้องการวิตามินดีมากกว่าปกติ

00:06:3100:06:36 และกลุ่มที่ 2 คือกลุ่มผู้สูงอายุที่อายุเกิน 70 ปี

00:06:3600:06:40 คราวนี้เรามาดูว่า Linus Pauling Institute เขาบอกว่า

00:06:4000:06:44 เฉลี่ยประมาณนี้ สมาคมอื่นก็บอกว่าวิตามินดีประมาณนั้น

00:06:4400:06:48 ถ้าถามหมอแอมป์นะครับ ว่าวิตามินดีฟันธงให้หน่อยค่ะ

00:06:4800:06:50 รับประทานโดสเท่าไหร่ดี

00:06:5000:06:52 ก็เหมือนเดิมครับ เราต้องรู้ก่อนครับว่า

00:06:5200:06:57 ในเลือดของเรามีระดับวิตามินดีเยอะพอหรือยัง

00:06:5700:06:59 ถ้าเราตรวจเลือดแล้ววิตามินดีเราเกิน

00:06:5900:07:03 แสดงว่าทุกวันที่เรากินอยู่นี่พอเพียงอยู่แล้ว

00:07:0300:07:06 เราก็ไม่ต้องไปหาเสริมให้เสียสตางค์เปล่าๆ

00:07:0600:07:10 แต่ถ้าเราตรวจแล้ววิตามินดีเราน้อย

00:07:1000:07:13 เราก็ค่อยไปเสริมเข้าไปจากอาหารการกิน หรือวิตามิน

00:07:1300:07:15 อันนี้ก็สุดแล้วแต่ชอบ

00:07:1500:07:16 เช่นเดียวกันกับทุกเรื่องแหละครับ

00:07:1600:07:21 บางคนได้ฟังมาว่า ทุเรียนดีมากมีประโยชน์

00:07:2100:07:25 อีกคนได้ฟังมาว่าทุเรียนนี้มีโทษเยอะ

00:07:2500:07:26 เอ๊ไม่รู้ใครถูกใครผิด

00:07:2600:07:28 ก็ต้องขึ้นอยู่กับระดับในเลือด

00:07:2800:07:32 ถ้าระดับเลือดของคนๆ นั้น น้ำตาลดี ไขมันไม่เกิน

00:07:3200:07:35 รับประทานทุเรียนเข้าไป ก็คงไม่มีปัญหา

00:07:3500:07:39 แต่ถ้าคนๆ นั้นน้ำตาลเกินมากอยู่แล้ว ได้ 120, 150

00:07:3900:07:43 แล้วไปอ่านมาว่าทุเรียนดี ก็เลยเผลอไปกินเยอะ

00:07:4300:07:45 คราวนี้น้ำตาลก็ไป 200 สิครับ

00:07:4500:07:47 สรุปแล้วก็คือต้องดูในผลเลือดก่อนครับ

00:07:4700:07:49 ว่าผลเลือดเรามีน้ำตาลเท่าไหร่

00:07:4900:07:50 ฉันใดฉันนั้นครับ

00:07:5000:07:55 ระดับวิตามินดีในเลือดก็มีมาตรฐานของเขาเองอยู่

00:07:5500:07:58 ปัจจุบันการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับวิตามินดี

00:07:5800:08:03 ก็จะวัดออกมาเป็น Total 25(OH) Vitamin D3

00:08:0300:08:07 แล้วก็มีการเจาะ 25(OH) Vitamin D2 ด้วย

00:08:0700:08:12 รวมๆ ทั้งหมดครับ ควรจะมีเกิน 30 ไมโครกรัมต่อลิตร

00:08:1200:08:16 ถ้าเรามีไม่เกิน 30 แสดงว่าเราขาดวิตามินดี

00:08:1600:08:21 ถ้าเรามีเกิน 30 แสดงว่าระดับในเลือดเราใช้ได้

00:08:2100:08:26 ระดับมาตรฐานควรจะอยู่ที่ 40-80 ไมโครกรัมต่อลิตร

00:08:2600:08:28 แต่ไม่ควรเกินนะครับ

00:08:2800:08:30 วิตามินดี ละลายในไขมันใช่ไหมครับ

00:08:3000:08:32 ก็ต้องมีเพดานไว้หน่อยว่าเกินไปเนี่ยเป็นพิษ

00:08:3200:08:37 ไม่ควรเกิน 150 ไมโครกรัมต่อลิตรนั่นเอง

00:08:3700:08:41 มีการวิจัยไว้ในวารสาร Nutrients ในปี 2012 ว่า

00:08:4100:08:46 ผู้หญิง 83 คนที่มีระดับวิตามินดีในเลือดน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ

00:08:4600:08:48 จะมีผิวพรรณที่ขาดความชุ่มชื้น

00:08:4800:08:53 มีผิวพรรณที่เหี่ยวง่าย และเกิดรอยย่นได้มากกว่าคนปกติ

00:08:5300:08:55 อีกการวิจัยหนึ่งครับ ใน

00:08:5500:09:00 The Journal of Clinical and Aesthetic Dermatology, 2019

00:09:0000:09:03 คณะของ Dr. Charlotte จาก North Carolina

00:09:0300:09:06 วิจัยไว้ในผู้หญิง 50 คน

00:09:0600:09:10 ที่รับประทานวิตามินดีเสริมวันละ 600 IU

00:09:1000:09:12 เป็นเวลาติดต่อกัน 12 อาทิตย์

00:09:1200:09:17 มีผลในการบำรุงผิว เพิ่มน้ำในเซลล์ ทำให้ผิวอ่อนเยาว์

00:09:1700:09:20 อย่างมีนัยสำคัญ หรือ Significant

00:09:2000:09:26 แสดงว่า การวิจัยบอกว่า วิตามินดีมีส่วนบำรุงผิวนั่นเอง

00:09:2600:09:30 การโดนแดด อยากได้วิตามินดี

00:09:3000:09:33 โดนแสงแดดวันละประมาณ 15 นาที

00:09:3300:09:36 แดดอ่อนๆ ช่วงเช้า แดดอ่อนๆ ช่วงเย็น

00:09:3600:09:38 ช่วยให้ร่างกายผลิตวิตามินดีได้

00:09:3800:09:40 แต่ก็ต้องระวังเรื่องยูวีด้วย

00:09:4000:09:44 บางคนมีปัญหาฝ้ากระอยู่ วิตามินดีก็อยากได้

00:09:4400:09:46 พอไปตากแดดก็ได้อย่าง เสียอย่าง

00:09:4600:09:49 แสดงว่าเราก็โดนแดดแต่อย่าแรงนะครับ

00:09:4900:09:51 แล้วก็ดูสิว่าเราขาดหรือเราเกิน

00:09:5100:09:55 ถ้าเราขาดเราก็หาอาหารเสริมเติมนิดหน่อยก็น่าจะพอไหว

00:09:5500:09:58 แต่ให้เริ่มจากอาหารก่อนดีไหมครับ จะได้ง่ายหน่อย

00:09:5800:10:03 อาหารที่มีวิตามินดีเยอะเป็นส่วนประกอบก็คือ

00:10:0300:10:05 1. พวกที่มี D3 เยอะๆ

00:10:0500:10:06 วิตามินดี เขามี 2 ตัว

00:10:0600:10:09 มี D2 กับ D3

00:10:0900:10:12 อาหารที่ D3 เยอะๆ ก็คือ

00:10:1200:10:17 ปลาที่มีไขมันมากๆ เช่น ปลาเทราซ์ ปลาแซลมอน

00:10:1700:10:21 ปลาซาดีน ปลาทู ปลาทูน่า ปลาดุก

00:10:2100:10:28 ปลาแซลมอน 1 ขีด มีวิตามินดีประมาณ 526 IU

00:10:2800:10:31 การวิจัยเขาบอกวันหนึ่งประมาณ 600-1,000

00:10:3100:10:34 ทานปลาแซลมอนขีดหนึ่ง นี่ก็ได้เกือบครบ

00:10:3400:10:37 ในเห็ด จะมีวิตามิน D2 อยู่เยอะ

00:10:3700:10:42 ในเห็ด 1 ขีด มีวิตามิน D สูงถึง 1,000 IU เลยนะครับ

00:10:4200:10:43 ถือว่าสูงมากเลยนะครับเห็ดเนี่ย

00:10:4300:10:46 เห็ดพอร์โทเบลโล เห็ดใบใหญ่ๆ นะครับ

00:10:4600:10:50 เห็ดหอมนี่ก็มี เห็ดฟาง เห็ดชิตาเกะ เห็ดไมตาเกะ

00:10:5000:10:53 เห็ดกระดุม เห็ดมันปูนี่มีเยอะ

00:10:5300:10:55 เห็ดที่ขึ้นในธรรมชาติ โดนแสงแดด

00:10:5500:10:58 เกิดขึ้นมาเองเนี่ยจะมีเยอะกว่า

00:10:5800:11:00 เขาเรียก Wild Mushroom ก็คือเห็ดป่า

00:11:0000:11:07 ถ้าเห็ดปลูกบางทีเจอแสง เป็นแสงนีออน หรือแสงยูวีก็จะมีน้อย

00:11:0700:11:08 เพิ่มเติมสักหน่อยแล้วกันนะ

00:11:0800:11:13 ผลข้างเคียง ถ้าวิตามินดีในเลือดมากเกินไป

00:11:1300:11:16 ผลข้างเคียงก็คือ คลื่นไส้อาเจียน

00:11:1600:11:21 เบื่ออาหาร ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย

00:11:2100:11:22 สูญเสียมวลกระดูกไป

00:11:2200:11:25 กระทบกระเทือนกับการทำงานของไต

00:11:2500:11:27 หรืออาจทำให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูงเกิน

00:11:2700:11:30 หรือ Hypercalcemia ก็เป็นได้

00:11:3000:11:33 สรุปก็คือหลักการคือต้องทานอย่างเหมาะสมครับ

00:11:3300:11:38 แล้วในเรื่องวิตามินดีกับรหัสพันธุกรรม ปัจจุบันก็มีการวิจัยว่า

00:11:3800:11:42 รหัสพันธุกรรมที่มี Gene Mutation หรือมีการกลายพันธุ์

00:11:4200:11:46 ทำให้บางคนต้องการวิตามินดีมากกว่าคนปกติ

00:11:4600:11:48 บางคนต้องการน้อยกว่าคนปกติ

00:11:4800:11:53 Genetic หรือรหัสพันธุกรรมที่มีการวิจัยว่าเกี่ยวเนื่อง

00:11:5300:11:58 กับเรื่องของการต้องการวิตามินดีในแต่ละวันก็คือยีนที่ชื่อว่า

00:11:5800:12:01 NADSYN1

00:12:0100:12:04 หรือยีนตัวที่ 2 ครับ VDR

00:12:0400:12:07 ตัวที่ 3 ครับ ยีน GC

00:12:0700:12:11 ตัวที่ 4 ยีน WNT16

00:12:1100:12:15 ตัวที่ 5 CYP2R1

00:12:1500:12:19 และตัวสุดท้าย CYP24A1

00:12:1900:12:23 นี่คือรหัสพันธุกรรมที่ปัจจุบันมีการวิจัยว่า

00:12:2300:12:28 มีส่วนช่วยในการบอกให้แพทย์รักษาคนไข้ได้อย่างแม่นยำขึ้น

00:12:2800:12:30 หรือ Precision Medicine มากขึ้น

00:12:3000:12:35 ก็คือมีการรู้ว่าคนไข้คนนี้ต้องการวิตามินตัวนั้นเยอะ

00:12:3500:12:37 คนไข้คนนี้ต้องการน้อยกว่าปกติ

00:12:3700:12:40 ถึงว่าล่ะ บางคนให้เยอะไป ตัวเหลือง ตาเหลือง มือเหลือง

00:12:4000:12:43 บางคนให้น้อยไป ไม่ค่อยได้ผล ไม่ค่อยออกฤทธิ์

00:12:4300:12:45 บางคนให้น้อยแต่กลับได้ผลเยอะ

00:12:4500:12:47 ทั้งหมดขึ้นอยู่กับรหัสตัวเรา

00:12:4700:12:50 เพราะพันธุกรรมก็คือลายมือเรานั่นแหละครับ

00:12:5000:12:52 ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด

00:12:5200:12:55 นั่นก็คือสรรพคุณคร่าวๆ ของวิตามินดี

00:12:5500:13:00 ไปกันต่อลำดับที่ 4 กรดอัลฟา-ไลโปอิก (Alpha-Lipoic Acid)

00:13:0000:13:03 คุ้นชื่อไหมครับ บางคนคุ้น บางคนไม่คุ้น

00:13:0300:13:06 หรือมีชื่อเล่นว่า ALA

00:13:0600:13:09 ที่หมอเลือกเข้ามาเพราะว่าเขาเป็นเพื่อนซี้

00:13:0900:13:13 วิตามินซี วิตามินอี กรดอัลฟา-ไลโปอิก

00:13:1300:13:19 นี่คือ 3 ประสานที่มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงมาก

00:13:1900:13:24 กรดอัลฟา-ไลโปอิก เป็นกรดไขมันที่สร้างได้ในร่างกายเรา

00:13:2400:13:27 ภายในเซลล์ที่ชื่อว่าไมโทคอนเดรีย (Mitochondria)

00:13:2700:13:30 ไมโทคอนเดรีย เรียกว่า Powerhouse of Cell

00:13:3000:13:35 หรือว่าโรงงานผลิตพลังงานหรือผลิตไฟฟ้าประจำร่างกายเรา

00:13:3500:13:41 กรดอัลฟา-ไลโปอิก เป็นตัวสำคัญทำให้โรงงานนี้ขับเคลื่อนได้

00:13:4100:13:46 ก็คือเป็นเหมือน Energy Booster หรือตัวเพิ่มพลังของเซลล์

00:13:4600:13:48 มีบทบาทสำคัญมากครับ ALA

00:13:4800:13:51 ในกระบวนการเผาผลาญ หรือ Metabolism

00:13:5100:13:55 แล้วมีบทบาทในการผลิตพลังงานของร่างกายเรา

00:13:5500:13:58 ที่เรียกว่า Energy Production นะครับ

00:13:5800:14:00 ถ้ามีเยอะเราก็พลังเยอะครับ

00:14:0000:14:03 เซลล์ดี เซลล์หนุ่ม ร่างกายแข็งแรง

00:14:0300:14:07 ถ้ามีน้อยก็แก่ชรา หมดแรง ไม่ไหว

00:14:0700:14:13 ALA มีฤทธิ์ในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระสูงมาก

00:14:1300:14:18 จึงช่วยปกป้องเซลล์ทั้งหลายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ

00:14:1800:14:22 จากแสงแดด จาก PM2.5 จากบุหรี่

00:14:2200:14:25 จากการนอนดึก จากความเครียดของเรา

00:14:2500:14:28 แต่แน่นอนครับ ถ้าเราไม่แก้ต้นเหตุเหล่านั้น

00:14:2800:14:33 เราจะกินวิตามินเหล่านี้อีกเยอะแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่มีประโยชน์

00:14:3300:14:36 กินวิตามินซีเยอะๆ กินวิตามินอีเยอะๆ

00:14:3600:14:38 กินทั้งหมดที่หมอแอมป์เล่ามา

00:14:3800:14:42 แล้วยังนอนเที่ยงคืนอยู่ แล้วยังสูบบุหรี่อยู่

00:14:4200:14:46 ยังดื่มสุราเยอะ ยังทานอาหารขยะ ทานชาไข่มุกมากๆ

00:14:4600:14:50 น้ำตาลในเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง ข้อต่อไม่ดี

00:14:5000:14:54 ลุกไม่ไหว ก็เลยขี้เกียจ เลยไม่อยากออกกำลังกาย

00:14:5400:14:58 แล้วก็เริ่มวัฏจักรที่ทำให้ร่างกายเสื่อมลง

00:14:5800:15:02 ตราบใดที่เราไม่แก้พฤติกรรมเหล่านั้น ผิวไม่กลับมาดีแน่ครับ

00:15:0200:15:06 เพราะหมอบอกแล้วไงครับว่าคนเราเนี่ย ต้อง Inside Out

00:15:0600:15:09 หรือดีจากข้างในออกมาข้างนอก

00:15:0900:15:15 ถ้าเรานอนดี เราออกกำลังกายดี เรากินดี

00:15:1500:15:18 ไขมันหรือห่วงยางรอบเอวเราเล็กๆ หรือไม่มี

00:15:1800:15:22 ไม่เครียด ไม่กังวล ไม่คิดร้าย

00:15:2200:15:25 จิตใจดี ชอบทำทาน ชอบการให้

00:15:2500:15:29 เกิดความสุขขึ้นในใจ ทั้งใจก็สุข ร่างกายก็สุข

00:15:2900:15:32 ผิวเนี่ยตึงขึ้นมาแน่นอนนะครับ

00:15:3200:15:34 เนื่องด้วยมีเรื่องฮอร์โมนใช่ไหม หมอบอกแล้ว

00:15:3400:15:35 ไม่ใช่เรื่องเวทมนตร์นะ

00:15:3500:15:39 ถ้าเราไม่เครียด เราไม่อ้วน เรานอนหลับดี เรานอนหลับลึก

00:15:3900:15:42 กลางคืนเมื่อผ่านมาโกรทฮอร์โมนไปซ่อมกันเยอะ

00:15:4200:15:44 ตื่นมาตอนเช้าฮอร์โมนดีๆ เยอะ

00:15:4400:15:48 ร่างกายกับผิวพรรณก็เปล่งปลั่งขึ้นมานั่นเอง

00:15:4800:15:52 คราวนี้พอเราทำให้ข้างในสดชื่น เราค่อยมาใส่ปุ๋ยถูกไหมครับ

00:15:5200:15:55 นี่คือหลักการทำไมหมอไปเปรียบเทียบผิวกับต้นไม้

00:15:5500:15:58 เราต้องให้ต้นไม้พันธุ์เนี่ยดีๆ ก่อน

00:15:5800:16:01 แล้วพอเราทำทุกอย่างครบ เรามาใส่ปุ๋ยกันเนี่ย

00:16:0100:16:03 ก็จะยิ่งเสริมฤทธิ์กันให้ดีกว่าเดิม

00:16:0300:16:08 วิตามินอี บวกวิตามินซี บวกกรดอัลฟา-ไลโปอิก

00:16:0800:16:09 เพิ่มประสิทธิภาพ

00:16:0900:16:12 เพราะวิตามินอี ละลายในไขมัน

00:16:1200:16:14 วิตามินซี ละลายในน้ำ

00:16:1400:16:18 ALA ละลายได้ทั้งในไขมันและในน้ำเลยนะ

00:16:1800:16:20 ก็คือจับทั้ง 2 คนได้

00:16:2000:16:23 พอรวมพลังเสร็จเขาก็เรียก Super Antioxidant

00:16:2300:16:28 มีส่วนสำคัญในการบำรุงสุขภาพ ไม่ใช่ผิวหนังอย่างเดียวนะ

00:16:2800:16:30 เซลล์ต่างๆ ร่างกายต่างๆ

00:16:3000:16:35 เอาเป็นว่าเป็น 1 ใน 3 องค์ประกอบบำรุงอายุวัฒนะได้เลย

00:16:3500:16:39 ALA มีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของร่างกาย

00:16:3900:16:41 หรือ Inflammation

00:16:4100:16:45 มีการวิจัยไว้เยอะครับว่าช่วยลดการอักเสบจากเบาหวาน

00:16:4500:16:48 ใครที่เป็นเบาหวาน ALA ช่วยลดน้ำตาล

00:16:4800:16:53 แล้วก็รักษาปลายประสาทจากการทำลายของเบาหวานนานๆ

00:16:5300:16:57 มีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของโรคมะเร็ง

00:16:5700:16:59 โรคหัวใจ แล้วก็โรคตับ

00:16:5900:17:02 นี่คือ ALA นี่แหละครับ

00:17:0200:17:05 ไปลดการอักเสบผ่านกระบวนการไหน รู้ไว้หน่อยก็ดี

00:17:0500:17:11 ผ่านกระบวนการลด Interleukin 6, ICAM-1

00:17:1100:17:13 ทั้ง 2 ตัวนี้เป็นตัวสร้างการอักเสบ

00:17:1300:17:16 ตัว ALA เราก็ไปต่อสู้นี่แหละครับ

00:17:1600:17:20 มีการวิจัยไว้ใน Journal of the World Obesity Federation

00:17:2000:17:22 ในปี 2017

00:17:2200:17:27 วิจัยไว้ครับ เขาเอา 12 งานวิจัยย่อยมาวิจัยรีวิวอีกทีหนึ่งครับ

00:17:2700:17:30 ในนิตยสาร Obesity Review ครับว่า

00:17:3000:17:36 คนที่ทาน ALA หรือ กรดอัลฟา-ไลโปอิก ติดต่อกัน 23 อาทิตย์

00:17:3600:17:40 สามารถลดน้ำหนักตัวได้ประมาณ 1.27 กิโลกรัม

00:17:4000:17:44 แสดงว่าเจ้า ALA สามารถช่วยร่างกายในการลดการอักเสบ

00:17:4400:17:48 เซลล์ไขมันคนเราคือตัวปล่อยการอักเสบออกมาเลย

00:17:4800:17:51 คนยิ่งน้ำหนักเกิน ยิ่งเป็นโรคอ้วน

00:17:5100:17:53 ร่างกายยิ่งไม่ดี การอักเสบยิ่งเยอะ

00:17:5300:17:56 ไปเตะโต๊ะปุ๊บเป็นรอยช้ำ ปวดข้อ

00:17:5600:17:59 อักเสบเข่าปวดเข่า อักเสบหัวปวดไมเกรน

00:17:5900:18:02 กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ

00:18:0200:18:04 โอ้โห อักเสบไปหมด

00:18:0400:18:06 ยิ่งไขมันเยอะ ยิ่งอักเสบเยอะ

00:18:0600:18:08 เราต้องระมัดระวังเรื่องโรคอ้วนนะครับ

00:18:0800:18:13 ALA นี่แหละครับเขามีบทบาทในการช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา

00:18:1300:18:17 พอฟังประสิทธิภาพแล้วก็เริ่มที่จะสนใจขึ้นมาเลยใช่ไหมครับ

00:18:1700:18:20 ไปดูกันหน่อยครับว่าอาหารชนิดไหน

00:18:2000:18:22 ที่มี ALA เป็นส่วนประกอบเยอะนะครับ

00:18:2200:18:25 1. บร็อคโคลี่ นี่มีเยอะครับ

00:18:2500:18:28 ผักโขม คะน้า มะเขือเทศ

00:18:2800:18:30 แขนงกะหล่ำบ้านเรานี่ก็มีเยอะ

00:18:3000:18:33 ก็จะมีอีกนิดนึงอยู่ในตับแล้วก็เนื้อแดง

00:18:3300:18:35 ซึ่งหมอไม่ค่อยแนะนำให้ทานเยอะนะครับ

00:18:3500:18:38 เดี๋ยวจะอ้วนนะครับ เพราะว่าไขมันสูง

00:18:3800:18:43 มีการวิจัยว่าปริมาณแนะนำต่อวันของ ALA สำหรับมนุษย์คนนึง

00:18:4300:18:47 อยู่ที่ประมาณ 300-600 มิลลิกรัมต่อวัน

00:18:4700:18:50 ก็ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญสักนิดหนึ่งนะครับ

00:18:5000:18:53 ว่าแนะนำอย่างไรแล้วก็ร่ากายเราขาดแค่ไหน

00:18:5300:18:59 กรดอัลฟา-ไลโปอิก ถ้าทานเยอะเกินไป มีผลข้างเคียงก็คือ

00:18:5900:19:04 การปวดท้อง ท้องเสีย ท้องผูก คลื่นไส้ อาเจียน

00:19:0400:19:06 หรือมีผื่นขึ้นที่ผิวหนังได้

00:19:0600:19:12 อันดับที่ 5 ที่เลือกเข้ามาก็คือ แอสตาแซนธิน (Astaxanthin)

00:19:1200:19:17 A-S-T-A-X-A-N-T-H-I-N

00:19:1700:19:21 แอสตาแซนธินนี่เป็นสารธรรมชาติ

00:19:2100:19:23 กลุ่มที่เรียกว่าแคโรทีนอยด์

00:19:2300:19:28 แคโรทีนอยด์นี่จะเป็นกลุ่มพี่น้องกับพวกฟักทอง พวกแครอท

00:19:2800:19:33 พวกจุดเหลืองๆ ที่มีสารเหลืองๆ เช่น มะเขือเทศ พริกหวาน

00:19:3300:19:36 แคโรทีนอยด์เป็นสารที่เจอในธรรมชาติ

00:19:3600:19:40 ทำให้สัตว์หรือพืช มีสีชมพู หรือสีแดง

00:19:4000:19:46 เช่น สีส้มของปลาแซลมอน สีส้มของกุ้ง ของล็อบสเตอร์

00:19:4600:19:50 มีอยู่เยอะในสาหร่ายที่ชื่อฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส

00:19:5000:19:54 ก็จะมีแอสตาแซนธินอยู่เยอะทีเดียว

00:19:5400:19:57 แอสตาแซนธิน โด่งดังมาได้อย่างไร

00:19:5700:20:03 ก็มีการวิจัยไปเจอว่าเจ้าตัวนี้มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ

00:20:0300:20:07 หรือสิ่งที่เรียกว่า Antioxidant ได้สูงมากๆ

00:20:0700:20:11 บางการวิจัยเขาบอกไว้ว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซี

00:20:1100:20:12 ถึง 65 เท่า

00:20:1200:20:15 แต่ตัวเลขก็จะไม่เท่ากัน ต้องไปอ่านหลายอันหน่อย

00:20:1500:20:18 หรือมีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระ

00:20:1800:20:21 มากกว่าวิตามินอี ถึง 12 เท่า

00:20:2100:20:23 เลยไม่น่าแปลกใจนะครับว่า

00:20:2300:20:27 ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นครีม วิตามิน ยาสีฟัน

00:20:2700:20:32 มีการพูดถึงหรือใส่แอสตาแซนธินเข้าไปเยอะทีเดียว

00:20:3200:20:35 มีการวิจัยในวารสารการแพทย์

00:20:3500:20:39 The Journal of the Polish Biochemical Society ABP

00:20:3900:20:42 ของโปแลนด์ ในปี 2012 ว่า

00:20:4200:20:45 การใช้แอสตาแซนธินแบบทาผิว

00:20:4500:20:48 ร่วมกับการรับประทานแอสตาแซนธินแบบเม็ดเข้าไปด้วย

00:20:4800:20:52 มีส่วนช่วยในการลดรอยเหี่ยวย่น ลดรอยตีนกา

00:20:5200:20:54 ลดจุดด่างดำของผิวพรรณ

00:20:5400:20:58 และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของการบำรุงผิว

00:20:5800:20:59 อันนี้ก็มีงานวิจัยมาบอกไว้

00:20:5900:21:03 เพราะฉะนั้นแล้วประสิทธิภาพของแอสตาแซนธินเนี่ย

00:21:0300:21:07 ก็เลยเด่นในเรื่องของการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ

00:21:0700:21:11 มีส่วนช่วยอื่นอีกนะครับในการบำรุงร่างกาย

00:21:1100:21:14 เพราะว่าเมื่อไหร่ที่เรามีของมีประสิทธิภาพ

00:21:1400:21:16 เข้าไปต่อต้านสารอนุมูลอิสะเนี่ย

00:21:1600:21:19 ร่างกายอวัยวะอื่นเขาก็กำลังเจอปัญหาเหมือนกัน

00:21:1900:21:22 เวลาเจ้าตัวนี้มีประสิทธิภาพเยอะๆ นะครับ

00:21:2200:21:27 ก็สามารถเข้าไปบำรุงสมอง บำรุงความจำ

00:21:2700:21:29 บำรุงสายตา จากการใช้งานหนัก

00:21:2900:21:32 แอสตาแซนธินบำรุงจอประสาทตาได้ดี

00:21:3200:21:35 บำรุงภูมิต้านทานของร่างกาย

00:21:3500:21:38 เพิ่ม NK Cell Activity

00:21:3800:21:41 มีการวิจัยไว้ว่าเพิ่มประสิทธิภาพของร่างกาย

00:21:4100:21:44 ในการออกกำลังกายที่ต้องใช้ความอดทน หรือความอึด

00:21:4400:21:47 หรือที่เรียกว่า Endurance นั่นเอง

00:21:4700:21:51 การวิจัยต่อมาครับ เขาวิจัยว่า ในเซลล์มนุษย์ 1 เซลล์เนี่ย

00:21:5100:21:56 สร้าง ROS Reactive Oxygen Species หรือว่าตัวศัตรูนี่แหละ

00:21:5600:22:03 ใน 1 เซลล์มนุษย์ สร้าง ROS ได้ถึง 20 ล้านล้าน ROS ต่อวัน

00:22:0300:22:05 พอเวลาเรามีสารพวกนี้เยอะเนี่ย

00:22:0500:22:09 ร่างกายก็ต้องสร้างสารต่อต้านขึ้นมาโดยธรรมชาติ

00:22:0900:22:11 นั่นก็คือที่มาของวิตามินต่างๆ

00:22:1100:22:15 ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี วิตามินอี แอสตาแซนธิน วิตามินดี

00:22:1500:22:18 ทุกอย่างที่เป็นฝั่งพระเอกนี่แหละครับ

00:22:1800:22:21 ก็จะมาป้องกัน Oxidative Damage

00:22:2100:22:23 หรือว่าการทำลายเซลล์ของร่างกาย

00:22:2300:22:26 เพราะฉะนั้นแอสธาแซนธินและหมู่มวลเพื่อนๆ

00:22:2600:22:31 ก็เลยมีประสิทธิภาพในการบำรุงหัวใจและหลอดเลือดเยอะ

00:22:3100:22:35 เพราะทั้ง 2 อวัยวะนี้มักจะถูกทำลายโดย ROS ได้บ่อยๆ

00:22:3500:22:41 มีการวิจัยอีกในวารสาร Nutritional Science ในปี 2014

00:22:4100:22:43 ว่าผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้ว

00:22:4300:22:46 แอสตาแซนธินมีส่วนช่วยในการเพิ่มการเผาผลาญ

00:22:4600:22:50 ผ่านกระบวนการ ป้องกันกระบวนการ Lipid Oxidation

00:22:5000:22:55 มีการวิจัยอีกในวารสาร Atherosclerosis ในปี 2010

00:22:5500:23:00 ว่าแอสตาแซนธินมีส่วนช่วยเพิ่มไขมันดี HDL

00:23:0000:23:02 ช่วยลดไตรกลีเซอไรด์

00:23:0200:23:05 และฮอร์โมนดี อย่างอะดิโปแนกติน (Adiponectin)

00:23:0500:23:08 ก็จะเพิ่มขึ้นในการต่อสู้โรคอ้วน

00:23:0800:23:09 อีก 1 งานครับ ใน

00:23:0900:23:16 American Journal of Advanced Food Science and Technology ในปี 2013

00:23:1600:23:19 ว่าแอสตาแซนธินมีบทบาทในการลดการอักเสบ

00:23:1900:23:21 หรือ Inflammation ในหลอดเลือดหัวใจได้

00:23:2100:23:25 นี่คือประสิทธิภาพครับ ฟังดูมีเยอะเลยนะครับ

00:23:2500:23:27 น่าทานทีเดียวใช่ไหมครับฟังเสร็จ

00:23:2700:23:29 แน่นอนครับ เยอะเกินก็มีปัญหา

00:23:2900:23:32 เพราะฉะนั้นเวลาทาน ต้องระมัดระวังนะครับ

00:23:3200:23:35 ว่าต้องทานด้วยปริมาณที่เหมาะสม

00:23:3500:23:39 แล้วก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมอด้วย

00:23:3900:23:43 ไปดูผลข้างเคียงของแอสตาแซนธินถ้าทานเยอะเกินไปครับ

00:23:4300:23:45 อาจทำให้ความดันโลหิตต่ำลงนะครับ

00:23:4500:23:48 2. มีผลต่อระดับแคลเซียมในร่างกาย

00:23:4800:23:53 เพราะฉะนั้นคนที่มีปัญหาเรื่องกระดูกต้องปรึกษาแพทย์นิดนึง

00:23:5300:23:56 3. สำหรับคนที่แพ้ก็อาจจะผื่นขึ้น

00:23:5600:24:00 ปริมาณที่เหมาะสม ก็หมอเฉลี่ยคร่าวๆ เนี่ย

00:24:0000:24:04 คำนวณดูแล้วน่าจะอยู่ประมาณ 2-4 มิลลิกรัมต่อวัน

00:24:0400:24:07 แต่การวิจัยก็ยังไม่เยอะนะครับสำหรับเรื่องโดสที่แนะนำ

00:24:0700:24:11 วันนี้เราได้มาคุยกันครบทั้ง 5 หัวข้อ

00:24:1100:24:16 ของสุดยอดวิตามินบำรุงผิวที่หมอแอมป์และทีมงานคัดเลือกมา

00:24:1600:24:20 คงจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้ฟังไม่มากก็น้อยนะครับ

00:24:2000:24:22 บางท่านทราบอยู่แล้ว บางท่านยังไม่ทราบ

00:24:2200:24:26 หมอก็อยากจะแชร์ความรู้เหล่านี้

00:24:2600:24:30 เพื่อที่จะให้ทุกท่านได้นำไปใช้ ไปบอกคนที่ตัวเองรัก

00:24:3000:24:33 สร้างสังคมสุขภาพดีไปด้วยกัน

00:24:3300:24:36 สัปดาห์นี้หมอขออนุญาตลาไปก่อนนะครับ

00:24:3600:24:39 แล้วเดี๋ยวเรากลับมาเจอกันใหม่ในตอนหน้าๆ

00:24:3900:24:40 ฝากไว้นะครับ

00:24:4000:24:43 ใครอยากฟังเรื่องตอนอะไร อยากให้หมอพูดถึงเรื่องอะไร

00:24:4300:24:45 ถ้าหมอทำได้เนี่ยหมอก็จะทำมาฝากนะครับ

00:24:4500:24:48 ฝากไว้ในคอมเมนท์หรือติดต่อทีมงานได้นะครับ

00:24:4800:24:50 ในสัปดาห์นี้ขอลาไปก่อน

00:24:5000:24:52 พบกันใหม่อาทิตย์หน้า สวัสดีครับ

00:24:5200:24:53 ขอบคุณมากครับ