อาการลืมสิ่งที่เคยจำได้หรือพูดคำไม่ออก คืออาการของสมองเสื่อมหรือแค่การลืมธรรมดา?

5 พอดแคสต์ Well-Being ฟังเรื่องสุขภาพยาว ๆ 2 ชั่วโมง

จากช่อง : Mahidol Channel มหิดล แชนแนล


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:03 [เพลง]

00:00:0300:00:05 สวัสดีครับอยู่กับรายการ wellbeing

00:00:0500:00:08 สุขภาพดีชีวิตดีสร้างได้กับผมอาจารย์เต้

00:00:0800:00:10 รพีบุญเปลื้องคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัย

00:00:1000:00:13 มหิดลครับไม่รู้ว่าคุณผู้ชมคุณผู้ฟังรู้

00:00:1300:00:17 สึกเหมือนผมหรือเปล่านะฮะพออายุมากขึ้น

00:00:1700:00:20 แล้วเนี่ยความจำมันก็เริ่มจะแย่ลงเมื่อ

00:00:2000:00:24 วันก่อนหาว่านาฬิกาอยู่ที่ไหนหาอยู่นานน

00:00:2400:00:26 แล้วก็พบว่าอ๋อมันอยู่ที่ข้อมือนี่แหละ

00:00:2600:00:29 หรือคำบางคำที่เราอยากจะพูดแต่มันติดอยู่

00:00:2900:00:32 ที่ปากนั่นแหละ 3 วันก็แล้วยังนึกไม่ออก

00:00:3200:00:35 ว่าไอ้คำที่จะพูดเนี่ยมันคืออะไรอาการ

00:00:3500:00:39 อย่างเนี้ยมันคืออาการแสดงถึงความเสื่อม

00:00:3900:00:43 ของสมองหรือเปล่าหรือว่ามันเป็นแค่การหลง

00:00:4300:00:46 ลืมเท่านั้นวันนี้ครับเราจะได้คุยกับคุณ

00:00:4600:00:48 หมอเอ๋ครับผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิง

00:00:4800:00:51 ดรุณีวรณวรดลวิจิตรภาควิชาอายุรศาสตร์คณะ

00:00:5100:00:54 แพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัย

00:00:5400:00:56 มหิดลครับคุณหมอเอครับสวัสดีครับสวัสดี

00:00:5600:00:58 ค่ะคุณหมอเอครับอาการที่ผมพูดเมื่อสัก

00:00:5800:01:01 ครู่เนี้ยมันคือสมองเสื่อมหรรือเปล่าจริง

00:01:0100:01:04 แล้วรู้จักคำว่าสมองเสื่อมก่อนเนาะเอ่อคำ

00:01:0400:01:06 ว่าสมองเสื่อมก็คือฟังก์ชันหรือการทำงาน

00:01:0600:01:09 ของสมองมันลดลงเพราะฉะนั้นเนี่ยคนทั่วไป

00:01:0900:01:12 อ่ะจะชอบเอาความจำที่เราลืมอะไรเงี้ยแล้ว

00:01:1200:01:14 ก็จะมาบอกว่านี่คือสมองเสื่อมจริงๆแล้ว

00:01:1400:01:17 ความจำเป็นแค่พารทนึงหรือเป็นแค่ส่วนนึง

00:01:1700:01:20 ของการทำงานของสมองนะคะสมองมีหน้าที่อื่น

00:01:2000:01:23 อีกเยอะแยะเลยที่จะทำให้แบบเอ่อทำงานได้

00:01:2300:01:25 เยอะแยะนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยคงจะไม่ได้

00:01:2500:01:28 บอกว่ามันจะเป็นสมองเสื่อมกับการที่เราจำ

00:01:2900:01:32 ของไม่ได้แต่มันมีหลๆอย่ารมกันนะคะข้อ

00:01:3200:01:35 สังเกตคืออย่างงค่ะถ้าสมมติว่าของที่เรา

00:01:3500:01:38 ลืมเป็นของที่มันไม่สำคัญเป็นของที่เรา

00:01:3800:01:41 อาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญในขณะนั้นเราไม่

00:01:4100:01:44 ได้แบบโฟกัสณตรงนั้นอย่างเงี้ค่ะมันก็จะ

00:01:4400:01:47 ทำให้เราลืมง่ายๆได้ยกตัวอย่างเช่น

00:01:4700:01:49 อาจารย์อาจจะยุ่งกับอะไรสักอย่างนึงแล้ว

00:01:4900:01:51 อาจารย์ก็ถอดแว่นวางเอาไว้หรือว่าอาจารย์

00:01:5100:01:53 จะเอาแว่นขึ้นมาอยู่ข้างบนศีรษะแล้ว

00:01:5300:01:56 อาจารย์ก็ทำปุ๊บพออาจารย์หยุดโฟกัสกับตรง

00:01:5600:01:58 นั้นแล้วอาจารย์ก็เริ่มมาหาแว่นอาจารย์ก็

00:01:5800:02:00 จำไม่ได้แว่นอาจารย์อยู่ตตรงไหนอ่าแต่

00:02:0100:02:03 เพราะว่าอาจารย์ไม่ได้โฟกัสกับแว่นเป็น

00:02:0300:02:05 สำคัญเพราะฉะนั้นเนี่ยมันหลุดโฟกัสไป

00:02:0500:02:08 อาจารย์ก็จะลืมได้อย่างเงี้ยค่ะทีนี้เ่อ

00:02:0800:02:11 อันเนี้ยเขาจะเรียกว่าเป็นเอ่อขี้ลืมมาก

00:02:1100:02:14 กว่าอ่านะคะทีนี้จะมีอาจารย์ผู้ใหญ่ท่าน

00:02:1400:02:16 นึงจะชอบบอกว่าถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เวลา

00:02:1600:02:19 คนไข้ลืมพวกนี้นะแล้วมาถามเธอว่าฉันจะ

00:02:1900:02:21 สมองเสื่อมหรรือยังฉันจะความจำเสื่อมหรือ

00:02:2100:02:26 ยังเกือบจะร้อยทั้งร้อยยังปกติอยู่เพราะ

00:02:2600:02:29 ว่าส่วนใหญ่คนที่จะบอกว่าเอ่อสมองเสื่อม

00:02:2900:02:34 อ่ะนะสค่ที่อแต่จะเป็นคนดูแลยาตที่ใกล้

00:02:3400:02:37 ชิดใช่จะแบบเอ๊ะสังเกตว่าอันนั้นอันนี้

00:02:3700:02:39 อะไรอย่างเงี้ยค่ะอันนึงที่เจอบ่อยๆคือ

00:02:3900:02:41 เรื่องของพฤติกรรมค่ะอาจารย์หลายคนเนี่ย

00:02:4100:02:44 พฤติกรรมเปลี่ยนไปนะคะเขาเรียกว่าเป็น

00:02:4400:02:47 ระบบเรื่องของพฤติกรรมถดถอยอ่าอารมณ์อาจ

00:02:4700:02:50 จะไม่ค่อยนิ่งการนอนหรืออะไรอย่างเงี้ยจะ

00:02:5000:02:52 ผิดปกติไปนะคะอันนี้ก็จะเป็นอันนึงที่เจอ

00:02:5300:02:56 บ่อยนะคะเอ่อส่วนใหญ่เนี่ยมันจะค่อยๆเป็น

00:02:5600:02:58 ค่อยๆไปจนบางทีเราสังเกตไม่ได้เรามาอีกที

00:02:5800:03:01 นึงเอ๊ะเรารู้สึกว่ามันผิดปกติไปลักษณะ

00:03:0100:03:04 นี้นะคะแล้วก็สมองเสื่อมเนี่ยก็มักจะเจอ

00:03:0400:03:08 ในคนที่อายุมากอือันนี้อันนี้หมายถึงว่า

00:03:0800:03:10 ทั่วๆไปเนาะเ่อก็จะเจอในคนที่อายุมากโดย

00:03:1000:03:13 เฉลี่ยก็ 65 ปีขึ้นไปก็จะเริ่มเจอเยอะ

00:03:1300:03:16 ขึ้นนะคะทีนี้มันคงต้องมาตรวจอ่ะค่ะเพราะ

00:03:1600:03:18 ว่ามันจะเป็นฟังก์ชันหรือเป็นการทำงานโดย

00:03:1800:03:20 รวมของสมองเราคงไม่ได้พูดถึงเรื่องของ

00:03:2000:03:23 ความจำแค่อย่างเดียวนะคะทีนี้อาการสมอง

00:03:2300:03:27 เสื่อมครับคุณหมอเอครับอมันเกิดขึ้นกับคน

00:03:2700:03:29 ที่อายุสูงเท่านั้นหรือเปล่าหรือว่าคนที่

00:03:2900:03:32 อายุนก็มีอาการสมองเสื่อมได้โเการทำงาน

00:03:3200:03:34 ของสมองเหมือนที่บอกอ่ะค่ะว่าในอายุน้อย

00:03:3400:03:36 เจอได้มั้ยเจอได้ค่ะแต่ส่วนใหญ่ต้องใช้คำ

00:03:3600:03:38 นี้นะคะส่วนใหญ่มักจะมีเหตุอื่นๆเหตุ

00:03:3800:03:41 ปัจจัยอื่นเวลาที่เราหาเราบอกว่าเอ๊ะมัน

00:03:4100:03:43 เกิดขึ้นของมันเองหรือมันมีปัจจัยอื่น

00:03:4300:03:45 แล้วทำให้มันเป็นอ่ายกตัวอย่างนะคะเรามี

00:03:4500:03:48 เส้นเลือดไปเลี้ยงใช่มั้ยคะแล้วคนๆเนี้ย

00:03:4800:03:51 เขามีเส้นเลือดอุดตันสัก 2 รอบอือเป็นสตก

00:03:5100:03:53 สัก 2 รอบแน่นอนค่ะการทำงานของสมองไม่

00:03:5400:03:56 เหมือนเดิมแน่นอนใช่่มั้ยคะอันที่ 2 ค่ะ

00:03:5600:03:58 คนที่อาจจะเป็นเรื่องของสารเสพติดนะคะ

00:03:5800:04:01 หรือสารพิบางอย่างใช่มั้ยคะกินเข้าไปแล้ว

00:04:0100:04:05 แบบว่าเอ่อความคิดความจำหรือว่าพฤติกรรม

00:04:0500:04:07 อาจจะเปลี่ยนไปนะคะอีกกลุ่มนึงก็จะเป็นยา

00:04:0700:04:10 ลดความอ้วนบางตัวซึ่งได้เยอะเกินไปเพราะ

00:04:1000:04:12 ว่าตัวนั้นเนี่ยมันจะเป็นอนุพันธ์ของยา

00:04:1200:04:14 บ้าอ่าถ้าได้เป็นระยะเวลายาวนานไม่เหมาะ

00:04:1400:04:18 สมนะคะก็อาจจะทำให้การทำงานของสมองในภาพ

00:04:1800:04:22 รวมเนี่ยลดลงได้ลักษณะนี้นะคะแล้วก็อื่นๆ

00:04:2200:04:24 อย่างเช่นอ่ะมีโรคอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้

00:04:2400:04:27 มีผลกับสมองเนาะอ่าสมมุติเป็นเบาหวาน

00:04:2700:04:29 อย่างงี้ใช่มั้ยคะเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว

00:04:2900:04:32 ก็เส้นเลือดมันตีบมันก็อาจจะมีผลได้

00:04:3200:04:35 เหมือนกันลักษณะเนี้ยค่ะความเครียดมันทำ

00:04:3500:04:38 ให้เราสมองเสื่อมได้มเอ่อความเครียดมัน

00:04:3800:04:40 เหมือนกับว่าเป็นการที่เราใช้งานความ

00:04:4100:04:43 เครียดในที่นี้คะมันก็จะเชว่าอาจารย์

00:04:4300:04:45 เครียดมากเวลาที่อาจารย์ทำงานในภาวะที่

00:04:4500:04:47 มันมีความตึงเครียดเนี่ยคงต้องบอกว่า

00:04:4700:04:49 ประสิทธิภาพของการทำงานอาจจะไม่ได้ดีมาก

00:04:5000:04:51 นักอาจารย์มีความเครียดน้อยๆเนี่ยมัน

00:04:5200:04:54 กระตุ้นอาจารย์นะอาจารย์จะ al ตลอดเวลา

00:04:5400:04:56 อาจารย์นึกภาพออกมั้ยอาจารย์กำลังจะสอนละ

00:04:5600:04:58 อาจารย์ยังทำสไลด์ไม่เสร็จเนี่ยอาจารย์

00:04:5800:05:00 เครียดลอาจารย์เครียดแล้วตอนนี้ใช่มคะอ

00:05:0000:05:01 แต่เป็นความเครียดที่อาจารย์จะนอนไม่หลับ

00:05:0100:05:03 แล้วอาจารย์ก็จะแบบอือตอนนั้นเอาจารย์

00:05:0300:05:06 ต้องแบบทำให้เสร็จใช่มคะแต่ถ้าสมมติมัน

00:05:0600:05:08 เครียดมากๆๆๆเนี่ยตอนนั้นอาจารย์จะแบบรู้

00:05:0800:05:11 สึกแบบมันเศร้ามากมันโหดหูมากอาจารย์จะทำ

00:05:1100:05:13 อะไรไม่ได้อะไรอย่างเงี้ยค่ะเพราะฉะนั้น

00:05:1300:05:15 เนี่ยจริงๆแล้วความเครียดนิดๆเนี่ยมันก็

00:05:1500:05:18 จะเป็นตัวกระตุ้นแต่มากเกินไปก็จะไม่โอเค

00:05:1800:05:20 นะคะทีนี้ถ้าอาจารย์อยู่ในความเครียดบ่อย

00:05:2000:05:23 ๆนะคะมันก็เหมือนกับว่าอาจารย์มีเครื่อง

00:05:2300:05:25 จักรสมองอาจารย์เป็นเครื่องจักรแล้ว

00:05:2500:05:27 อาจารย์ใช้งานมันแบบโอเวอร์โหลดทำ OT ทุก

00:05:2700:05:31 วันพังง่ายแน่นอนอนึกออกมคะถ้าอาจารย์ไม่

00:05:3100:05:34 ใช้เลยมันก็จะฝืดมันก็จะมีปัญหาอยู่ดี

00:05:3400:05:36 เพราะฉะนั้นจริงๆมันก็ควรจะต้องใช้เนาะ

00:05:3600:05:38 แต่ว่าต้องมีช่วงเวลาให้เขาพักบ้างเพราะ

00:05:3800:05:40 ฉะนั้นอาจารย์มีความเครียดได้ค่ะแต่

00:05:4000:05:42 อาจารยไม่ควรจะเครียดตลอดเวลาเพราะว่า

00:05:4200:05:44 เวลาที่อาจารย์มีความเครียดเยอะๆสิ่งที่

00:05:4400:05:46 เกิดขึ้นตามมาคืออนุมูลอิสระอืการอักเสบ

00:05:4600:05:49 เห็นมั้ยคะอันนี้ก็จะทำให้อาจารย์แย่ลง

00:05:4900:05:51 ได้ออ๋อมันเชื่อมโยงกันหมดเลยนะครับถ้า

00:05:5100:05:54 สุขภาพของหลอดเลือดดีถ้าเผื่อเรื่องของ

00:05:5400:05:57 อนุมอิสระมันน้อยลงเรื่องของการอักเสบมัน

00:05:5700:06:00 ควบคุมได้มันก็จะทำให้ให้การหล่อเลี้ของ

00:06:0000:06:03 สมือนสภาพเหมือนเหมืนสภาพแวดล้อมที่เหมาะ

00:06:0300:06:05 สมอย่างเงี้ยค่ะเพราะว่าสมองเรามันไม่มี

00:06:0500:06:07 สร้างไมคแล้วอาจารย์ก็ต้องทำให้มันอยู่ใน

00:06:0700:06:10 สภาวะที่มันเอออยู่ในสภาวะที่มันสามารถจะ

00:06:1000:06:13 อยู่ของมันได้นานๆน่ะอืคุณหมอเอพูดคำว่า

00:06:1300:06:15 ไม่มีการสร้างใหม่แล้วมันมันแปลว่าอะไร

00:06:1500:06:17 ครับก็คือเราจะไม่มีการเพิ่มจำนวนของ

00:06:1700:06:19 เซลล์ประสากันแล้วใช่มันไม่ได้เพิ่มแล้ว

00:06:1900:06:21 ล่ะค่ะแต่ว่ามันก็คือเหมือนกับว่ามันจะมี

00:06:2100:06:23 เค้าเรียกว่ามีพลิ City มีการปรับตัวต้อง

00:06:2300:06:25 บอกอย่างงี้ก่อนนะคะเดี๋ยวคนจะบอกว่าอุ๊ย

00:06:2500:06:27 ตายแล้วมันพังไม่เราค่ะมันมีการปรับตัว

00:06:2700:06:30 สังเกตว่าคนไข้ที่เป็นสกก็ตามเนี่ยพอถึง

00:06:3000:06:32 เวลานึงอ่ะค่ะร่างกายก็จะมีการปรับตัวที่

00:06:3200:06:35 จะทำได้นะคะแต่ว่ามันเป็นการปรับตัวของ

00:06:3500:06:38 เซลล์สมองออือก็คือเซลล์สมองที่เคยทำหน้า

00:06:3800:06:41 ที่แบบนี้อยู่ๆเซลล์สมองเพื่อนเพื่อน

00:06:4100:06:43 เซลล์สมองมันตายไปก็เลยไปทำหน้าที่แทนเ้า

00:06:4300:06:45 อาจจะมีการปรับตัวให้ทำงานได้ดีขึ้นอะไร

00:06:4500:06:47 อย่างเงี้ยค่ะหรือว่าตัวที่มันอาจจะตอน

00:06:4700:06:50 แรกมันขาดเลือดไปอ่ะพอมันมีเลือดมาบาง

00:06:5000:06:52 ส่วนมันก็จะดีขึ้นส่วนที่ตายมันก็จะยังมี

00:06:5200:06:54 อยู่อะไรอย่างเงี้ยค่ะแต่เหมือนกับเราก็

00:06:5400:06:56 คงมีรีเสิร์ฟอ่ะค่ะไม่ได้หมายความว่าแหม

00:06:5600:06:58 มันขาดไปปุ๊บแล้วมันทำงานไม่ได้เลย 100%

00:06:5800:07:00 อะไรอย่างเงี้ยคุณหมอเอ๋นะครับเป็นคุณหมอ

00:07:0000:07:02 ที่เชี่ยวชาญเรื่องของโภชนาการเรื่องของ

00:07:0200:07:05 อาหารเลยแหละทีนี้ผมก็เลยเอาจับเอา 2

00:07:0500:07:08 เรื่องเนี่ยมาโยงกันว่ามันจะมีอาหาร

00:07:0800:07:11 ประเภทไหนมยที่จะช่วยชะลอการเสื่อมของ

00:07:1100:07:14 สมองซึ่งมันเป็นไปตามวัยนะครับโอเคอ่าเอา

00:07:1400:07:17 ง่ายๆก่อนจริงๆสมองเราเนี่ยอันที่ 1 ก็

00:07:1700:07:20 คือตัวสมองเองนะคะแล้วก็ความเสื่อมที่จะ

00:07:2000:07:22 เกิดขึ้นเกิดจากอะไรสมมุติว่าเส้นเลือดไป

00:07:2200:07:24 เลี้ยงสมองอาจารย์ลดลงออาจารย์ก็จะมี

00:07:2400:07:26 ปัญหาเพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่มีผลกับเส้น

00:07:2600:07:30 เลือดนะคะพวกของคอเลสเตอรอลพวกของวพวกของ

00:07:3000:07:32 ไขมันจะนึกภาออกใช่มั้ยคะเพราะฉะนั้นพวก

00:07:3200:07:34 นั้นก็จะต้องไปจัดการให้ดีอันที่ 2

00:07:3400:07:37 process หรือกระบวนการที่อาจจะทำให้สมอง

00:07:3700:07:40 เสื่อมเช่นอนุมูลอิสระออ่าเพราะฉะนั้น

00:07:4000:07:42 เนี่ยพวกเนี้ยพวกอาหารหรือว่าอะไรก็ตาม

00:07:4200:07:45 ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระก็มาละการอักเสบ

00:07:4500:07:47 ที่เกิดขึ้นเพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่จะไป

00:07:4700:07:51 ลดการอักเสบก็จะได้ละอาหารประเภทไหนที่จะ

00:07:5100:07:53 ช่วยในการที่ทำให้สุขภาพของหลอดเลือดของ

00:07:5300:07:56 เรามันดีอาหารประเภทไหนที่จะช่วยลดอนุมูล

00:07:5600:08:00 อิสระอาหารประเภทไหนที่จะลดการอักเสบก็

00:08:0000:08:02 อันที่ 1 นะคะในเรื่องของพวกของสารต้าน

00:08:0200:08:04 อนุมูลอิสระเราจะได้ยินบ่อยมากเลยอย่าง

00:08:0400:08:06 เช่นพวกของเอ่อสมุนไพรทั้งหลายที่เราจะ

00:08:0600:08:09 ได้ยินกันพวกเนี้ยจะมีสารต้านอนุมูลอิสระ

00:08:0900:08:11 นะคะเป็นตัวหลักเ่อต้องบอกว่าเวลาที่เรา

00:08:1100:08:14 จะไปเลือกแล้วหลายๆคนจะพูดเนี่ยคำถามคือ

00:08:1400:08:16 สิ่งที่เกิดขึ้นคุณสมบัติของสารนั้นทำใน

00:08:1600:08:20 หลอดทดลองทำในหนูหรือว่าทำในคนส่วนของ

00:08:2000:08:22 อาหารก็จะเป็นพวกของผักผลไม้เป็นหลักแหละ

00:08:2300:08:25 ที่จะทำให้มีพวกของสารต้านอนุมูลอิสระ

00:08:2500:08:29 เยอะขึ้นใช่มั้ยคะช็อกโกแลตก็ได้เป็นอาาร

00:08:2900:08:31 ใช่ช็อกโกแลตนะคะอาจารย์หาอาจารย์กิน Dark

00:08:3100:08:33 ช็อกโกแลตนะคะอ้าวเหรอฮะอาจารย์กินเป็น

00:08:3300:08:35 มิลคช็อกโกแลตหรือเป็นช็อกโกแลตหวาน

00:08:3500:08:36 เรื่อยๆอาจารย์ก็อาจจะอ้วนขึ้นได้เพราะ

00:08:3600:08:39 ฉนั้นช็อกโกแลตน่าจะดีกว่าใช่ค่ะก็จะเป็น

00:08:3900:08:41 พวกผักผลไม้นะคะพวกนี้ก็จะมีสารต้าน

00:08:4100:08:43 อนุมูลอิสระค่อนข้างเยอะนิดนึงนะคะเพราะ

00:08:4400:08:46 ฉะนั้นเนี่ยเ่อถ้าสังเกตก็คือเวลาคนที่

00:08:4600:08:48 กินผักผลไม้เยอะขึ้นใช่มั้ยคะโรคหัวใจก็

00:08:4800:08:51 น้อยลงโรคหลอดเลือดสมองก็น้อยลงอะไรอย่าง

00:08:5100:08:53 เงี้ยมันก็จะไปด้วยกันเวลาที่พูดถึงสาร

00:08:5300:08:57 ต้านอนุมูลอิสระหลายๆคนคงจะนึกสงสัยในใจ

00:08:5700:09:00 แล้วว่าอนุมูลอิอิสระมันไม่ดียังไงมันไป

00:09:0000:09:02 ทำอะไรกับเซลล์เราเหรอโอเคค่ะพอเมื่อมี

00:09:0200:09:04 อนุมูลอิสระขึ้นมาปุ๊บเนี่ยเขาก็จะต้อง

00:09:0400:09:08 พยายามไปหาคู่อ่าถ้ามันไม่มีคู่ปุ๊บมันก็

00:09:0800:09:10 จะไปทำร้ายชาวบ้านถูกมั้ยอาจารย์เพราะ

00:09:1000:09:11 ฉะนั้นเนี่ยอาจารย์อย่าปล่อยให้มันโดด

00:09:1100:09:14 เดี่ยวอาจารย์ต้องมีอะไรไปจัดการมันชีวิต

00:09:1400:09:17 ของเราก็เช่นกันแล้วก็ทีเนี้ยก็คือสาร

00:09:1700:09:20 ต้านอนุมูลอิสระก็คือมันจะไปจับแล้วทำให้

00:09:2000:09:23 ตัวเนี้ยมันไม่ไปทำร้ายเซลล์ของเรานะคะมี

00:09:2300:09:25 อยู่ช่วงนึงที่เขาจะบอกว่าเวลาอาจารย์จะ

00:09:2500:09:27 กินผักผลไม้เนี่ยให้อาจารย์เลือก 5 สีวัน

00:09:2700:09:29 นึงเพราะว่าในผักแต่ละชนิดอ่ะค่ะมันจะมี

00:09:2900:09:32 สารไม่เหมือนกันเช่นสีเขียวก็จะมีชนิดนึง

00:09:3200:09:36 อ่าสีแดงก็จะมีชนิดนึงสีขาวก็จะมีชนิดนึง

00:09:3600:09:38 แล้วก็สีดำก็จะมีชนิดนึงอะไรอย่างเงี้ย

00:09:3800:09:39 ค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยทุกๆอย่างเนี่ยพอ

00:09:3900:09:41 อาจารย์กินปุ๊บอาจารย์ก็จะได้สารอนุมูล

00:09:4100:09:43 อิสระในหลายๆจุดเราก็เลยบอกว่าให้พยายาม

00:09:4400:09:45 กินหลายๆอันแอปเปิลจะเป็นอีกตัวนึงที่

00:09:4500:09:48 อาจารย์จะได้ยินถ้าเป็นผักสีเขียวเข้มๆ

00:09:4800:09:51 อ่าที่เป็นท็อปฮิตหน่อยก็จะเป็นพวกผักโขม

00:09:5100:09:54 และอย่างงี้ก็แสดงว่าคนที่ชอบทานผักผลไม้

00:09:5400:09:57 ก็จะได้ประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระที่

00:09:5700:10:00 อยู่ในอาหารเหล่านี้แล้วแล้วคนที่อาจจะ

00:10:0000:10:02 ไม่ค่อยได้ชอบผักสักเท่าไหร่ก็จะได้สาร

00:10:0200:10:05 ต้านอนุมอิสระจากทางไหนบ้างมั้ครับก็ถ้า

00:10:0500:10:07 เกิดย้อนกลับไปเนี่ยเราก็จะเคยได้ยินว่า

00:10:0700:10:09 โอเคกินน้ำมันใช่มคะกินน้ำมันหรือว่ากิน

00:10:0900:10:12 พวกของเนื้อสัตว์เนี่ยอาจจะไม่ดีอ่าจะมี

00:10:1200:10:14 เรื่องของคอเลสเตอรอลกลับไปที่เดิมเลย

00:10:1400:10:17 เส้นเลือดมันก็จะมีปัญหาถูกมั้ยคะอ่าถ้า

00:10:1700:10:18 สมมุติว่าอาจารย์กินเนื้อสัตว์เยอะๆ

00:10:1900:10:20 อาจารย์ก็อาจจะมีปัญหาได้เหมือนกันใช่

00:10:2000:10:22 มั้ยคะเพราะฉะนั้นเนี่ยจริงๆแล้วพอมัน

00:10:2200:10:24 กลับมาสูบที่เราเรียกว่าเป็นอาหารที่เป็น

00:10:2400:10:26 Healthy หรืออะไรอย่างเงี้ยมันก็จะกลับ

00:10:2600:10:28 มาที่จุดเดิมเลยเพราะว่าทุกอย่างมัน

00:10:2800:10:29 เกี่ยวข้องกับเส้นเลือดเกี่ยวข้องกันหมด

00:10:2900:10:32 เลยใช่มั้ยคะในส่วนของไข่เองเนี่ยในไข่

00:10:3200:10:34 แดงอ่ะค่ะมันก็จะมีสารตัวนึงที่ชื่อว่า

00:10:3400:10:37 โคลีนนะคะอ่าแล้วโคลีนเนี่ยมันก็จะเป็น

00:10:3700:10:40 ส่วนนึงที่จะไปเป็นเค้าเรียกว่าสารสื่อ

00:10:4000:10:42 ประสาทมันก็ไม่ใช่เฉพาะในไข่แดงอ่ะเนาะ

00:10:4200:10:44 มันก็จะมีในตับในอะไรอย่างเงี้ยก็มีอยู่

00:10:4400:10:46 เยอะเหมือนกันนะคะเพราะฉะนั้นเราก็แค่กิน

00:10:4600:10:49 อาหารให้มันครบถ้วนแล้วผู้ใหญ่เองบางที

00:10:4900:10:51 เขาไม่ยอมกินเนื้อแล้วอ่ะค่ะเขาก็กินน้อย

00:10:5100:10:53 แล้วไข่แดงก็ไม่กินเพราะกลัวคอเลสเตอรอล

00:10:5300:10:55 นนนนี่นั่นก็เลยอาจจะบอกว่าอ่ากลุ่มนี้

00:10:5500:10:57 กินก็อาจจะได้ประโยชน์แต่ว่าต้องดูในรูป

00:10:5700:11:00 แบบของอาหารทั้งหมดโดยที่แพทเทิร์นคือ 1

00:11:0000:11:03 ไขมันต้องต่ำอาหารที่เป็นไขมันอิ่มตัว

00:11:0300:11:05 ต้องต่ำด้วยแล้วไม่เคยมีใครพูดว่ากิน

00:11:0500:11:08 คอเลสเตอรอลได้ unlimit อืเพียงแต่ว่า

00:11:0800:11:10 เมื่อก่อนที่ขีดไว้ที่ 300 ไม่ใช่ละแต่

00:11:1000:11:12 ให้เอาอาหารที่มีคอเลสเตอรอลผสมลงไปใน

00:11:1300:11:14 อาหารที่เรามองว่าเป็น Healthy Food อัน

00:11:1400:11:18 นี้โอเคเพราะฉะนั้นคงไม่ผิดอันที่ 3 เวลา

00:11:1800:11:20 ที่อาจารย์กินไข่เข้าไปอ่ะหรือว่า

00:11:2000:11:23 คอเลสเตอรอลในอาหารน่ะแต่ละคนตอบสนองไม่

00:11:2300:11:25 เหมือนกันเป็นกรรมพันธ์แล้วทีนี้เนี่ยอัน

00:11:2500:11:28 นึงที่เจอร่วมกันก็คือ hdl หรือไขมที่ดี

00:11:2800:11:31 มันสูงไงจริงๆก็ไม่ได้มีใครผิดไม่ได้มี

00:11:3100:11:34 ใครถูกแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าการเอาอาหาร

00:11:3400:11:37 ชนิดเดียวมาเป็นตัวตัดสินว่าอันนี้ดีหรือ

00:11:3700:11:39 ไม่ดีแต่คงต้องดูแพทเทิร์นหรือว่าการกิน

00:11:3900:11:42 ทั้งวันของเขาอ่ะค่ะอพ่อแม่มักจะสอนลูก

00:11:4200:11:46 เสมอครับคุณหมอเอ๋ว่าอาหารเช้าเนี่ยมัน

00:11:4600:11:49 เป็นอาหารที่มื้อที่สำคัญสำหรับคนที่เป็น

00:11:4900:11:52 ผู้ใหญ่สำหรับคนที่สูงอายุแล้วอาหารเช้า

00:11:5200:11:54 เนี่ยมันยังสำคัญอยู่ไหมแล้วมันจะทำให้

00:11:5400:11:57 สมองปลอดโปร่งไปได้ทั้งวันจริงหรือเปล่า

00:11:5700:11:59 ครับอย่างงี้ค่ะอาจารย์ต้องบอกว่าเวลาที่

00:11:5900:12:00 อาจารย์อดนอนปั๊บเนี่ยเหมือนที่บอกร่าง

00:12:0000:12:03 กายอาจารย์ใช้พลังงานไม่แคร์เลยว่าพลัง

00:12:0300:12:05 งานอาจารย์มาจากอะไรถูกมั้ยคะเพราะฉะนั้น

00:12:0500:12:06 เมื่ออาจารย์ไม่กินอาหารปั๊บอาจารย์ไม่มี

00:12:0600:12:09 น้ำตาลเข้าไปเนาะอือสิ่งที่เกิดขึ้นคือ

00:12:0900:12:12 ร่างกายเนี่ยจะมีการสลายไขมันอ่าหรือว่า

00:12:1200:12:15 สลายสิ่งที่เป็นเ้าเรียกว่าพลังงานสะสม

00:12:1500:12:17 เพื่อจะให้มีน้ำตาลออกมาสร้างเป็นพลังงาน

00:12:1700:12:20 นะคะซึ่งทั่วไปอ่ะค่ะเ่อพลังงานสะสมอัน

00:12:2000:12:22 แรกที่เขามาใช้เนี่ยมันจะอยู่ที่ตับมันจะ

00:12:2200:12:24 อยู่ได้ประมาณสัก 7-8 ชั่วโมงซึ่งมัน

00:12:2500:12:27 เพียงพอนะคะสำหรับการนอนหลับคืนนึงแต่ถ้า

00:12:2700:12:29 เกิดจะยังไม่กินต่อจากนั้นอีกเนี่ยร่าง

00:12:2900:12:32 กายอาจารย์จะเริ่มเอาไขมันมาใช้และอ่าพอ

00:12:3200:12:34 อาจารเริ่มสลายไขมันมากขึ้นสิ่งที่เกิด

00:12:3400:12:37 ขึ้นมันก็จะมีอ่าคล้ายๆกับเวลาที่อาจารย์

00:12:3700:12:40 เผาผลาน้ำมันเผาผลาไม่สมบูรณ์อ่ะอ่ามันก็

00:12:4000:12:42 จะมีสารตัวนึงที่เกิดขึ้นจากการสลายไขมัน

00:12:4200:12:45 ที่เราเรียกว่าคีโตนอือนะคะทีนี้พอมันมี

00:12:4500:12:47 คีโตนปั๊บเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นมันจะทำให้

00:12:4700:12:49 เรารู้สึกแบบเหมือนเบื่ออาหารรู้สึก

00:12:4900:12:52 เหมือนคลื่นไส้หรืออะไรแบบเนี้ยค่ะที่ที่

00:12:5200:12:55 ที่คนที่เขาจะแบบอดอาหารอยู่นานๆอันที่ 2

00:12:5500:12:58 ก็คือว่าพอเวลาน้ำตาลมันเริ่มตกอ่ะค่ะ

00:12:5800:13:00 หรือว่าว่าไม่มีน้ำตาลเข้าไปอ่ะความ

00:13:0000:13:02 กระฉับกระเฉงหรืออะไรอย่างเงี้ยมันจะไม่

00:13:0200:13:04 ค่อยดีมากนักอือเพราะฉะนั้นเนี่ยพอ

00:13:0400:13:06 อาจารย์กินน้ำตาลเข้าไปอาจารย์รู้สึกสด

00:13:0600:13:09 ชื่นจันรู้สึกโอเคถูกป่ะเพราะฉะนั้นเนี่ย

00:13:0900:13:12 เวลาที่เหมือนเราอดมาทั้งคืนอ่ะค่ะแล้วพอ

00:13:1200:13:14 ตอนเช้าปุ๊บเนี่ยแล้วจันยังไม่ทานอีก

00:13:1400:13:16 เนี่ยมันก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด

00:13:1600:13:18 อาจารย์ก็ยังไม่ขึ้นซะทีอย่างเงี้ยค่ะมัน

00:13:1900:13:21 ก็เลยทำให้รู้สึกแบบว่ามันอึนๆไปทั้งวัน

00:13:2200:13:24 อะไรประมาณนั้นนะคะแล้วอันนี้ก็คือชื่อ

00:13:2400:13:26 ของอาหารเช้าที่อาจารย์เรียกว่า Breakfast

00:13:2600:13:29 ใช่มั้ยคะก็คือเป็นการเบรกหรือเป็นการ

00:13:2900:13:32 หยุด Fast ที่แปลว่าอดอาหารอาจารยอดมา

00:13:3200:13:34 ทั้งคืนแล้วอาจารย์ก็มาเบรคตรงนี้นะคะก็

00:13:3400:13:36 เลยเรียกว่าเป็น Breakfast ทีนี้ถามว่า

00:13:3600:13:40 มันจำเป็นมก็ต้องบอกว่าในแง่ของสุขภาพที่

00:13:4000:13:42 ดีใช่มยพอเวลาที่อาจารย์ไม่ต้องการจะเอา

00:13:4200:13:44 พลังงานสำรองอาจารย์มาใช้จนหมดอาจารย์ก็

00:13:4400:13:46 ต้องกินเข้าไปพอกินเสร็จปุ๊บมันก็จะไป

00:13:4600:13:48 เก็บสะสมไว้อือเพื่อจะให้อาจารย์มีใช้

00:13:4900:13:51 ตลอดทั้งวันอย่างเงี้ยค่ะแล้วถามว่ามีคน

00:13:5100:13:53 ทำบอกว่าอาจารย์กิน 2 มื้อกิน 3 มื้อบอกอ

00:13:5300:13:56 ถ้าอาจารย์กิน 2 มื้ออาจารย์จะมีความหิว

00:13:5600:13:59 มากกว่าคนที่กิน 3 มื้อลักษณะนี้นะนะคะ

00:13:5900:14:01 เพราะฉะนั้นเหมือนกับโดยทั่วไปเป็นเป็น

00:14:0100:14:04 ลักษณะของการยอมรับในสังคมดีกว่าเนาะก็จะ

00:14:0400:14:07 บอกว่าอาจารย์ก็จะกิน 3 มื้อหรืออาจจะมาก

00:14:0700:14:10 กว่าอ่าแต่ถามว่าถามว่าถ้ามันเป็นอันอื่น

00:14:1000:14:14 อีกล่ะอย่างเช่นพระใช่มั้ยคะถือศีล 8

00:14:1400:14:16 อย่างเงี้ยท่านก็ฉันแค่ 2 มื้อเองอ่ะท่าน

00:14:1600:14:20 ก็อยู่ได้ผอมสุขภาพดีอายุยืนหน้าตาก็ดู

00:14:2000:14:22 แบบเอออายุน้อยกว่าวัยอะไรประมาณเนี้ย

00:14:2200:14:25 เพราะฉะนั้นมันคงไม่ได้บอกว่ามันเป็นความ

00:14:2500:14:35 ผิดที่กี่มื้ออันนี้แล้วแต่คนเนาะ

00:14:3500:14:38 ที่มตอนนี้เราใช้พลังงานสำรองไปะพอเรา

00:14:3800:14:41 เริ่มกินมื้อเช้าปั๊บมันเหมือนกับสตาร

00:14:4100:14:43 เริ่มใหม่อันที่ 2 พอเราเริ่มกินปั๊บ

00:14:4300:14:45 เนี่ยมันก็จะทำให้การเผ่าผ่าาเราเพิ่ม

00:14:4500:14:47 ขึ้นถ้าเราไม่กินอ่ะค่ะการเผาผลาญมันจะ

00:14:4700:14:50 ดรอปลงมันจะไม่ยอมใช้พลังงานเพราะว่ามัน

00:14:5000:14:53 จะรู้สึกว่าไม่มีอะไรมาให้กินลักษณะเค่ะ

00:14:5300:14:55 ฉนั้นคนก็เลยจะบอกว่าโอเคมื้อเช้าเป็น

00:14:5500:14:57 มื้อที่สำคัญเพราะว่ามันจะเหมือนกระตุ้น

00:14:5700:14:59 ให้ในแต่ละวันของอาจารยเนี่ยมัน Alert

00:14:5900:15:02 เพิ่มขึ้นกับอันที่ 2 ก็คือฮอร์โมนทั้ง

00:15:0200:15:04 หลายที่มันถูกสร้างขึ้นในตอนเช้านะคะไม่

00:15:0500:15:07 ว่าจะเป็นคอร์ติซอลหรืออะไรก็ตามพวกเนี้ย

00:15:0700:15:09 มันก็จะช่วยทำให้อาจารย์เนี่ย Alert ขึ้น

00:15:0900:15:12 ลักษณะนี้เป็นต้นมีอยู่ช่วงนึงครับเขาก็

00:15:1200:15:15 จะมีการโฆษณาเลยว่าแปะก๊วยเนี่ยมันช่วย

00:15:1500:15:18 นี่ผมก็ไปกินมานะอาจารย์กินโอนี่แปะก๊วย

00:15:1800:15:20 ไม่ใช่เลยเป็นแปะก๊วยแล้วมาเป็นเม็ดเลย

00:15:2000:15:23 ครับคุณหมออ๋อสีเหลืองใช่มั้ยารอร่อยมา

00:15:2300:15:25 ไม่ไม่ใช่เป็นเม็ดคือมันเป็นเม็ดวิตามิน

00:15:2500:15:28 เนี่ยแหละเเบอกสกัดมาว่าเป็นสัเป็นแคปซูล

00:15:2800:15:31 โอเคเป็นแคปซูลมาเลยผมกินเข้าไปแล้วทำไม

00:15:3100:15:35 รู้สึกว่าเฮ้ยมันปวดหัวอ่ะมันเกิดอะไร

00:15:3500:15:37 ขึ้นหรือว่ามีฤทธิ์อะไรกับไปเจ้าแปะก๊วย

00:15:3700:15:38 หรอกเอาจารย์จ่ายตังค์ไปเยอะอาจารย์ก็เลย

00:15:3900:15:42 ปวดหัวจริงๆแล้วเนี่ยค่ะก็จะมีคนพูดถึง

00:15:4200:15:44 เรื่องของแปะก๊วยมันมีสารสกัดแปะก๊วยนะคะ

00:15:4400:15:46 เราเราไม่ต้องไปรู้จักชื่อมันก็ได้แต่

00:15:4600:15:49 ต้องบอกนิดนึงก่อนว่าสารสกัดเนี่ยมันเป็น

00:15:4900:15:52 สารสกัดของใบแปกก๊วยนะคะไม่ใช่เม็ดอไม่

00:15:5200:15:54 ใช่เม็ดเหรอฮะอ่าไม่ใช่ไม่ใช่เมล็ดสี

00:15:5400:15:56 เหลืองๆที่อาจารย์กินโอนี่แกวยอันนั้นไม่

00:15:5600:15:58 ใช่เลยหรือว่ากินเป็นบัวลอยน้ำขิงใส่เข้า

00:15:5800:16:01 ไปอันนี้ไม่ใช่นะคะตัวที่เขาสกัดมาสกัด

00:16:0100:16:04 จากใบค่ะอาจารย์ทีนี้มันก็มีงานวิจัยที่

00:16:0400:16:06 ทำเขาจะมียาเป็นเม็ดที่อาจารย์ว่าครับ

00:16:0600:16:09 เป็นเม็ดหลอกนะอันนึงเป็นเม็ดแป้งอันนึง

00:16:0900:16:12 เป็นเป็นแปะกวยอ่าแล้วให้กินเริ่มจากคน

00:16:1200:16:14 ที่อาจจะไม่มีปัญหาอะไรก่อนเลยอือแล้วก็

00:16:1400:16:18 ให้กินไป 5 ปีแล้วดูว่าติดตามไปว่าคน

00:16:1800:16:21 กลุ่มเนี้ยทั้ง 2 ทั้งทั้ง 2 อย่างเนี่ย

00:16:2100:16:23 มันมีสมองเสื่อมมีภาวะสมองเสื่อมลดลงหรือ

00:16:2300:16:25 เปล่าหรืออะไรอย่างเงี้ยสิ่งที่เกิดขึ้น

00:16:2500:16:27 คือไม่แตกต่างกันไม่ว่าอาจารย์จะกินเม็ด

00:16:2700:16:29 แป้งหรือว่าอาจารจะกินแกอ้าวที่สกัดอัน

00:16:2900:16:32 ที่ 2 ก็มีควนทำอีกปรากฏว่ามันจะเริ่ม

00:16:3200:16:34 เห็นชัดเจนแต่ตอนประมาณสักอายุ 70

00:16:3400:16:37 อาจารย์กินไปประมาณสัก 5 ปี 10 ปีก่อน

00:16:3700:16:38 หน้านั้นไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลยมันจะ

00:16:3800:16:41 เริ่มเห็นแยกตอนหลังอ่าเพราะฉะนั้นเนี่ย

00:16:4100:16:44 ตรงนี้ก็เลยบอกว่าถามว่าแนะนำมยตอบว่าไม่

00:16:4400:16:46 ได้ประโยชน์นะคะไม่ได้ประโยชน์สำหรับใน

00:16:4600:16:49 ส่วนของสารสกัดใบแตะก๊วยเราพูดถึงอาหาร

00:16:4900:16:52 ที่มันดีต่อความทรงจำของเราละต่อการทำงาน

00:16:5200:16:55 ของสมองของเราละมันมีอาหารที่มันไม่ค่อย

00:16:5500:16:58 ดีมยครับสำหรับความทรงจำของเรารวมทั้ง

00:16:5800:17:01 พฤติกรรมต่างๆที่มันอาจจะทำลายสมองเราเ

00:17:0100:17:03 มันคงไม่ใช่แค่สมองไงคะอาจารย์เมื่อกี้

00:17:0300:17:04 เราคุยกันแล้วว่าอะไรที่มันดีแล้วเราก็

00:17:0400:17:07 บอกมันเกิดจากอะไรอ่ะเส้นเลือดถ้าเส้น

00:17:0700:17:08 เลือดไม่ดีอาจารย์ทำอะไรก็ได้ที่มันมี

00:17:0800:17:11 เรื่องของคอเลสเตอรอลสูงความดันสูงเบา

00:17:1100:17:13 หวานแล้วเส้นเลือดอาจารย์พังสมองอาจารย์

00:17:1300:17:16 ก็จะได้รับเลือดน้อยลงในแง่ของการทำงาน

00:17:1600:17:18 โดยรวมก็จะแย่ลงหรืออาจารย์มีโอกาสจะเกิด

00:17:1800:17:20 สตกอย่างเงี้ยเกิดสักรอบ 2 รอบสมอง

00:17:2000:17:22 อาจารย์ก็พังเหมือนกันเพราะฉะนั้นเนี่ย

00:17:2200:17:24 อาหารอะไรที่มีผลกับเส้นเลือดก็ไม่โอเค

00:17:2500:17:27 ทั้งนั้นเพราะฉะนั้นอาหารที่มีไขมันสูง

00:17:2700:17:30 แล้วเป็นไขมันคหรือไขมันอิ่มตัวง่ายๆคือ

00:17:3000:17:32 ไขมันที่วางไว้แล้วเป็นไข่เป็นก้อนอันนี้

00:17:3200:17:35 ต้องเลี่ยงละถูกมั้ยคะอันที่ 2 น้ำตาลที่

00:17:3500:17:38 สูงมากๆอ่าทีนี้ทีนี้น้ำตาลจะมาตรงนี้ละ

00:17:3800:17:41 น้ำหวานน้ำตาลของอาจารย์เนี่ยมันสูงมาก

00:17:4100:17:43 เนี่ยมันก็อาจจะมีผลกับในคนไข้เบาหวาน

00:17:4300:17:46 หรือน้ำตาลในเลือดที่สูงมากๆเนี่ยมันก็จะ

00:17:4600:17:49 ทำให้เกิดเอ่อสารตัวนึงนะคะเเรียก AG สาร

00:17:4900:17:51 ตัวนั้นเนี่ยไปทำให้เส้นเลือดจันเสื่อม

00:17:5100:17:53 ได้โอเพราะฉะนั้นเนี่ยก็จะต้องลดลงใช่

00:17:5300:17:56 มั้ยคะอ่าที่ก็จะเป็นเรื่องของความดันอ

00:17:5600:17:59 ฉั้นก็ลดโซเดียมโซเดียมความดันจันสูงขึ้น

00:17:5900:18:03 มันก็จะแย่แอลกอฮอล์หรือยาเสพติดก็จะเป็น

00:18:0300:18:06 ตัวที่ทำลายเพราะฉะนั้นก็ไม่ควรทำบุหรี่

00:18:0600:18:08 ก็ไม่ควรและเพราะเส้นเลือดมันพังอย่าง

00:18:0800:18:11 เงี้ยค่ะก็จะเป็นตัวที่บอกว่าคงเป็นภาพ

00:18:1100:18:13 รวมของสุขภาพมากกว่าที่จะบอกว่าเป็นโฟกัส

00:18:1300:18:16 ของอาหารที่มันจะแยกกับสมองอย่าง

00:18:1600:18:20 [เพลง]

00:18:2000:18:23 เดียวเรารู้แล้วครับว่าพฤติกรรมหรือว่า

00:18:2300:18:26 อาหารประเภทไหนที่ทำลายสมองเราอ่ะครับที

00:18:2600:18:28 นี้มันมีเทคนิคอะไรมั้ยครับที่จะป้องกัน

00:18:2900:18:31 หรือทำให้การเสื่อมของสมองเนี่ยมันช้าลง

00:18:3100:18:34 จริงๆเนี่ยต้องบอกว่ามันก็เหมือนกับทั่วๆ

00:18:3400:18:36 ไปเนาะก็จะเป็นเหมือน 3 ออที่เรารู้จัก

00:18:3600:18:39 กันใช่มั้ยคะก็จะเป็นเรื่องของอาหารออก

00:18:3900:18:41 กำลังกายแล้วก็เรื่องของอารมณ์เนาะก็จะ

00:18:4100:18:43 เริ่มจากเรื่องของออกกำลังกายก่อนจริงๆ

00:18:4300:18:45 เนี่ยมันมีทั้ง 2 ส่วนเลยออกกำลังกายใน

00:18:4500:18:47 ส่วนที่เป็นร่างกายแล้วก็ออกกำลังกายสมอง

00:18:4700:18:48 ด้วย

00:18:4800:18:51 นะทีนี้เวลาออกกำลังกายสมองหรือบริหาร

00:18:5100:18:55 สมองเนี่ยมันจะต้องฝึกการคิดวิเคราะห์การ

00:18:5500:18:57 คิดที่มันเป็นเหมือนกับอ่าเค้าเรียกอะไร

00:18:5700:19:01 อ่ะคะมันไม่ใช่แค่แบบว่าบอกให้ทำตามหรือ

00:19:0100:19:02 อะไรอย่างเงี้ยแต่ว่ามันจะต้องแบบมีการ

00:19:0200:19:05 คิดอีกเลเวลนึงอะไรอย่างเงี้ยต้องมีการ

00:19:0500:19:07 ใช้ตรรกะอย่างงี้ใช่ๆค่ะอาจารย์เล่นเล่น

00:19:0800:19:10 หมากฮอสหรืออาจารย์จะเล่นหมากรุกอย่าง

00:19:1000:19:11 เงี้ยอาจารย์ต้องคิดแล้วล่ะว่าอาจารย์จะ

00:19:1100:19:14 กันคนอื่นยังไงอะไรจะเดินอย่างไรในตาต่อ

00:19:1400:19:16 ไปใช่ๆอย่างเงี้ยค่ะอ่าสมมุติถ้าบอกว่า

00:19:1600:19:18 ที่เราพูดกันว่าเรื่องไพ่อย่างเงี้ยจะ

00:19:1800:19:20 เป็นพวกไพ่นกกระจอกหรืออะไรที่อาจารย์จะ

00:19:2000:19:22 ต้องแบบมานั่งคิดเยอะๆหรือว่าอาจารย์จะ

00:19:2200:19:25 แบบเหมือนกับว่าอาจารย์จะมีงานอิกเป็น

00:19:2500:19:27 ฮอบบี้เช่นแบบจะต้องมีความแบบฝึกคิดฝึก

00:19:2700:19:30 วิะวาดรูปหรืออะไรก็ได้ที่ที่อาจารย์จะ

00:19:3000:19:33 ได้ใช้แบบเอ่อฟังก์ชันของสมองเยอะขึ้นใช่

00:19:3300:19:36 มั้ยคะอ่าทีนี้เนี่ยในแง่ของเรื่องของ

00:19:3600:19:39 อารมณ์นอกเหนือจากการพักผ่อนนอหลับให้

00:19:3900:19:41 เพียงพอนะคะโดยทั่วไปก็ 6-8 ชมงแต่ว่า

00:19:4100:19:44 ต้องเป็นหลับสนิทนะคะแล้วก็มันจะช่วยทำ

00:19:4400:19:46 ให้มีเวลาที่สมองหรือว่าร่างกายเราได้พัก

00:19:4600:19:49 จริงๆนะคะแล้วก็สุดท้ายก็คือเรื่องของ

00:19:4900:19:51 อาหารที่เราบอกกันนะคะหลักๆก็คือเป็น

00:19:5100:19:55 อาหารหลัก 5 หมู่นะคะที่ครบถ้วนใช่มั้ยคะ

00:19:5500:19:58 งั้นโดยทั่วไปอ่ะค่ะอาหารที่เราจะพูดว่า

00:19:5800:20:00 มันจะช่วยเนี่ยมันก็จะดูในเรื่องของ

00:20:0000:20:02 ปัจจัยเสี่ยงยกตัวอย่างเช่นทำให้เส้น

00:20:0200:20:05 เลือดเราดีขึ้นใช่มั้ยคะอาจจะทำให้เรื่อง

00:20:0500:20:07 ของอนุมูลอิสระมันลดลงหรือว่าจะมีสารต้าน

00:20:0700:20:09 อนุมูลอิสระมากขึ้นอันถัดมาก็คืออาจจะ

00:20:0900:20:12 ช่วยลดเรื่องของการอักเสบอาจจะมีอีกตัว

00:20:1200:20:14 นึงที่คนพูดถึงก็คือน้ำมันปลาเพราะว่า

00:20:1400:20:17 จริงๆแล้วมันเป็นไขมันซึ่งเป็นส่วนประกอบ

00:20:1700:20:20 ของเซลล์นะคะเซลล์เซลล์เราทุกเซลล์เมันมี

00:20:2000:20:23 ไขมันอยู่อ่าแล้วในสมองเนี่ยมันก็จะมี

00:20:2300:20:25 เอ่อเค้าเรียก dha ซึ่งเป็นส่วนประกอบของ

00:20:2500:20:27 เซลล์ใช่มั้ยคะเพราะฉะนั้นเนี่ยเออมันก็

00:20:2700:20:30 ควรจะต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมถ้าเรากิน

00:20:3000:20:33 น้อยไปอาจจะทำให้เซลล์พวกเนี้ยเอ่อทนกับ

00:20:3300:20:36 ภาวะที่มีความเครียดหรืออะไรไม่ค่อยได้

00:20:3600:20:38 เพราะฉะนั้นเนี่ยอันนี้ก็จะเป็นสมดุลของ

00:20:3800:20:40 เรื่องของอาหารที่เขาจะเลือกมาถ้าเรามอง

00:20:4000:20:42 ในรูปแบบของอาหารก็มักจะเป็นอันนี้ครับ

00:20:4300:20:46 คุณหมองเอพูดถึงน้ำมันปลามันอย่างเดียว

00:20:4600:20:48 กับน้ำมันตับปลาแล้วก็หรือเปล่าครับเพราะ

00:20:4800:20:50 ว่าตอนเด็กๆเนี่ยผมกินน้ำมันตับปลาเยอะ

00:20:5000:20:52 มากเลยอ๋อโอเคค่ะแสดงว่าอาจารย์ตอนเด็กๆ

00:20:5200:20:56 ตัวเล็กค่ะเเลยให้กินน้ำมันตับปลาเอ่อ

00:20:5600:20:57 เวลาที่เป็นน้ำมันปลากับน้ำมันตับปลา

00:20:5700:21:00 เนี่ยวิธีการทำต่างกันค่ะอาจารย์เวลาที่

00:21:0000:21:02 เป็นน้ำมันตับปลาเนี่ยเขาจะเอาเครื่องใน

00:21:0200:21:05 นะคะรวมทั้งสมองปลาเนี่ยมาทำเอ่อมาสกัด

00:21:0500:21:07 ดีว่าใช้คำนี้ดีกนะค่ะในขณะที่ถ้าเป็นน้ำ

00:21:0700:21:09 มันปลาเนี่ยเขาจะใช้ส่วนของเนื้อแล้วก็

00:21:1000:21:12 หนังอือฮึแล้วก็มาสกัดเป็นน้ำมันออกมาที

00:21:1300:21:15 นี้คุณสมบัติของสารที่อยู่ในนั้นเนี่ยถ้า

00:21:1500:21:17 เป็นน้ำมันตับปลาเนี่ยส่วนใหญ่จะเป็น

00:21:1700:21:19 ไวตามินดอกไวตามิน a นะคะจะมีน้ำมันปลา

00:21:2000:21:22 ร่วมด้วยได้แต่ถ้าสมมุติว่าเป็นส่วนของ

00:21:2200:21:25 น้ำมันปลาเนี่ยก็จะเป็นส่วนของเอ่อตัวน้ำ

00:21:2500:21:27 มันที่ได้จากเนื้อปลาซึ่งอันนี้ก็เรียก

00:21:2700:21:29 ว่าเป็นกรดไขมันเนาะหรือหรือถ้าเป็นภาษา

00:21:2900:21:32 ที่เป็นตัวย่อๆที่เราได้ยินกันบ่อยๆเขาจะ

00:21:3200:21:35 เขียนว่าเป็น dha กับ epa ลักษณะเนี้ยค่ะ

00:21:3500:21:38 อ่า 2 ตัวนี้จะมีคุณสมบัติในแง่ของการลด

00:21:3800:21:41 เรื่องของการอักเสบแล้วก็ dha เองก็จะ

00:21:4100:21:44 เป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ในสมอง

00:21:4400:21:46 ด้วยอย่างเงี้ยค่ะเพราะฉะนั้นถ้าจะเลือก

00:21:4600:21:49 ทานให้มันดีต่อระบบเลือดระบบหลอดเลือดของ

00:21:4900:21:52 เราก็น่าจะเป็นน้ำมันปลาอ่าใช่ค่ะแล้วก็

00:21:5200:21:54 เน้นในพวกที่มันเป็นผักผลไม้เพื่อเพิ่ม

00:21:5400:21:56 พวกสารต้านอนุมูลอิสระลดเรื่องของ

00:21:5600:21:58 แอลกอฮอล์หยุดสูบบุหรี่นะนะคะแล้วก็

00:21:5800:22:01 เลี่ยงพวกที่เป็นสารเสพติดหรือว่าสารพิษ

00:22:0100:22:03 ทั้งหลายก็จะช่วยทำให้เส้นเลือดเราแข็ง

00:22:0300:22:06 แรงขึ้นค่ะฟังคุณหมอเอ๋แล้วนะครับวิธีใน

00:22:0600:22:10 การที่จะบำรุงรักษาสมองของเรารวมทั้งชะลอ

00:22:1000:22:12 การเสื่อมสมองของเราเนี่ยก็เป็นหลักการ

00:22:1300:22:15 ที่ใช้ในการที่จะดูแลสุขภาพของเรานี่แหละ

00:22:1500:22:18 เรื่องของอาหารถ้าเราสามารถที่จะควบคุม

00:22:1800:22:22 อาหารได้ควบคุมค่าต่างๆที่เรามีทั้ง blood

00:22:2200:22:25 pressure ทั้งแรงดันโลหิตเรื่องของไขมัน

00:22:2500:22:28 ในหลอดเลือดมันก็จะเป็นตัวช่วยเลยละที่จะ

00:22:2800:22:30 ทำให้หลอดเลือดของเราเนี่ยมันสะอาดแล้วก็

00:22:3000:22:34 ส่งเลือดไปเลี้ยงสมองได้ถ้าเราลดอนุมูล

00:22:3400:22:37 อิสระลงได้ถ้าเราลดการอักเสบลงได้จากการ

00:22:3800:22:40 เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์นั่น

00:22:4000:22:43 แหละจะเป็นคีย์สำคัญในการที่จะบำรุงสมอง

00:22:4300:22:45 ของเราเลยแหละวันนี้ต้องขอบคุณคุณหมอเอ๋

00:22:4500:22:47 นะครับผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงดรุณี

00:22:4700:22:50 วรณวโรดมวิจิตรพระวิชาอายุรศาสตร์คณะ

00:22:5000:22:53 แพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัย

00:22:5300:22:55 มหิดลครับที่มาพูดคุยกับเราคุณหมออี๋มี

00:22:5500:22:58 ช่องทางที่จะได้พูดคุยกับคุณผู้ชมอยู่

00:22:5800:23:00 ด้วยใช่มั้ยครับค่ะก็จะมีเป็น podcast นะ

00:23:0000:23:02 คะอยู่ในมหิดล Channel podcast เนี่ยละ

00:23:0200:23:05 ค่ะเราจะพูดคุยกันในเรื่องของรูปแบบอาหาร

00:23:0500:23:08 นะคะที่ปลอดภัยกับสุขภาพค่ะชื่อว่ารายการ

00:23:0800:23:11 Food Choice กินดีสุขภาพดีเลือกได้ค่ะ

00:23:1100:23:14 สำหรับคุณผู้ฟังที่ชอบฟังเรื่องของอาหาร

00:23:1400:23:16 ผมว่า Food Choice เนี่ยเป็นทางเลือกที่

00:23:1600:23:20 ดีเลยแหละผมคิดว่าผมจะคอยติดตามทุกๆวัน

00:23:2000:23:23 จันทร์เวลา 18:00 นเพื่อจะได้ทิปแล้วก็

00:23:2300:23:26 ทริกในการที่จะเลือกหรือไม่เลือกทานอาหาร

00:23:2600:23:29 อะไรก็ตามยโอกาสหวังว่าจะได้พบกับคุณหวอ

00:23:2900:23:32 เอ๋อีกนะครับยินดี

00:23:3200:23:35 ค่ะคุณผู้ชมครับไม่แน่ใจว่าคุณผู้ชมเป็น

00:23:3500:23:37 เหมือนผมหรือเปล่าพออายุเริ่มมากขึ้น

00:23:3700:23:41 เนี่ยไอ้สิ่งที่เคยจำได้เนี่อยู่ๆก็เกิด

00:23:4100:23:44 จำไม่ได้ไอ้สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสัก

00:23:4400:23:47 ครู่อยู่ๆก็นึกไม่ออกพอจะพูดคำไหนก็มัน

00:23:4700:23:51 ติดอยู่ที่ปากหัวก็ไม่ไวเหมือนเดิมหลายๆ

00:23:5100:23:54 คนอาจจะบอกว่าก็นั่นจะเป็นอาการนึงของคน

00:23:5400:23:57 ที่เริ่มมีอายุมากขึ้นแต่จริงๆแล้วเนี่ย

00:23:5700:23:58 มันไม่อาจจะจะไม่ใช่เรื่องของอายุอย่าง

00:23:5800:24:01 เดียวเนาะมันอาจจะมีเรื่องของพฤติกรรม

00:24:0100:24:03 อยู่ด้วยในวันนี้ครับเราจะมาดูว่า

00:24:0300:24:07 พฤติกรรมแบบไหนที่มันจะมีผลกับสมองของเรา

00:24:0700:24:09 ในหัวข้อที่เราจะมาคุยกันวันนี้คือ 9

00:24:0900:24:12 พฤติกรรมทำร้ายสมองไม่รู้ตัววันนี้แขกรับ

00:24:1200:24:14 เชิญที่มาพูดคุยกับเราครับก็คืออาจารย์

00:24:1400:24:17 ป๊อบผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรนักกิจกรรมบำบัด

00:24:1700:24:20 สพลเข็มทองอาจารย์นักกิจกรรมบำบัดจิต

00:24:2000:24:23 สังคมคณะกยภาพบำบัดมหาวิทยาลัยมหิดล

00:24:2300:24:25 สวัสดีครับอาจารย์ป๊อบสวัสดีครับสดีสบาย

00:24:2500:24:28 ดีครับอาจารย์สบายดีเนาอันดับแรกเลยเข้า

00:24:2800:24:30 เรื่องเลยพฤติกรรมทำร้ายสมองเรากำลังพูด

00:24:3100:24:33 ถึงพฤติกรรมแบบไหนที่มันจะทำร้ายสมองเรา

00:24:3300:24:35 ได้มันจะเป็นพฤติกรรมแบบเอ่อเราไม่รู้ตัว

00:24:3500:24:39 เนาะเราทำไปแล้วก็สมองมันก็เริ่มล้าเริ่ม

00:24:3900:24:42 เหนื่อยเริ่มสะสมความตึงเครียดแล้วก็

00:24:4200:24:44 เสื่อมก่อนไหวตามธรรมชาติเนี่ยนะอาจารย์

00:24:4400:24:47 เต้คือสมองเราเนี่ยจะมีแบบเขเรียก

00:24:4700:24:49 วุฒิภาวะเหมือนเป็นผู้ใหญ่เต็มที่อแต่พอ

00:24:5000:24:51 เป็นผู้ใหญ่เต็มที่มันเริ่มเสื่อมเลยนะ

00:24:5100:24:56 โอ้ 30 ปีอ๋อก็คือคล้ายๆกับเวลาที่เราโต

00:24:5600:24:59 ขึ้นมาจากเด็กเด็กขึ้นมาเป็นวัยรุ่นช่วง

00:24:5900:25:02 นี้เป็นช่วงขาขึ้นเนาชเป็นช่วงขาขึ้นพอ 20

00:25:0200:25:05 กว่าๆ 30 ปุ 30 ปุ๊บปุ๊บอย่างงี้เลยปุ๊บ

00:25:0500:25:07 เลยเหรอแล้วมันจะปุ๊บมากกว่านั้นอีกก็คือ

00:25:0700:25:10 สมองเสื่อมก่อนวัยถ้าเรามีพฤติกรรมทำร้าย

00:25:1000:25:14 สมองไม่รู้ตัวตอน 40 ตอน 40 40 จะเสื่อม

00:25:1400:25:16 ก่อนวัยถ้าอย่างนั้นแสดงว่าตอนนี้เรา

00:25:1600:25:19 กำลังพูดถึง 2 ปัจจัยเนาะปัจจัยนึงก็คือ

00:25:1900:25:21 อยู่นอกเหนือการควบคุมของเราเพราะว่าอายุ

00:25:2100:25:24 ของเราก็เจริญไปเรื่อยๆแต่ไอ้ส่วนที่มัน

00:25:2400:25:26 ควบคุมได้ก็คือเรื่องของพฤติกรรมวันนี้

00:25:2600:25:29 เราจะมาพูดคุยกันเรืพฤติกรรมและมี 9

00:25:2900:25:32 [เพลง]

00:25:3200:25:35 พฤติกรรมงั้นเรามาเริ่มจากพฤติกรรมแรกกัน

00:25:3500:25:37 ก่อนพฤติกรรมแรกก็คือเราทานอาหารไม่ดีต่อ

00:25:3700:25:39 สุขภาพโอ้โหสะดุ้ง

00:25:3900:25:42 เลยอาหารไม่ดีต่อสุขภาพเนี่ยอาจารย์ป๊อบ

00:25:4200:25:46 ขยายสักนิดนึงประเภทไหนก็คือทานแบบอัดลม

00:25:4600:25:49 อืทานอะไรที่หวานๆอ๋อหวานๆน้ำตาแล้วก็ทาน

00:25:4900:25:52 อะไรที่มันๆเข็มๆมาครบเลยอร่อยทนั้นเลย

00:25:5200:25:55 ใช่เพราะว่าอะไรอาจารย์เต้สมองเี่นะเจะ

00:25:5500:25:57 ตื่นตัวนะครับแล้วต้องการพลังงานเนี่ย

00:25:5800:26:02 ตั้งแต่ 5:00 นจนถึง 99:00 นอือคราวนี้

00:26:0200:26:06 อาหารที่เขาจะใช้เนี่ยก็คือมีน้ำตาลน้อยๆ

00:26:0600:26:10 นะมีผักผลไม้เยอะๆเพราะว่ามันทำให้สมองมี

00:26:1000:26:14 พลังงานตื่นตัวครับคราวนี้อาหารที่เราแบบ

00:26:1400:26:17 เกี่ยวกับอาหารทอดอาหารมันเยอะๆเนี่ยมัน

00:26:1700:26:19 จะยังไม่ใช้เมื่อสักครู่อาจารย์ป๊อบพูด

00:26:1900:26:21 ถึงช่วงเช้าแสดงว่ามันเกี่ยวข้องกับ

00:26:2100:26:23 เรื่องของเวลาเกี่ยวข้องกับเรื่องนาฬิกา

00:26:2300:26:26 ยังไงครับใช่มันเป็นเรื่องของการตั้งเวลา

00:26:2600:26:29 ในสมองที่เราเรียกว่านิกาชีวภาพอือคราว

00:26:2900:26:32 นี้พอเราใช้งานของเา้าใช้พลังงานต่างๆ

00:26:3200:26:35 ช่วง 7-9 นอนะครับหลัง 10:00 นเป็นต้นมา

00:26:3500:26:38 เนี่ยสมองก็เริ่มแบบอยากจะพักบ้างอ่ะออเ

00:26:3800:26:41 มีเวลาเวามีเวลาตื่นตัวมีเวลาพักใช่คราว

00:26:4100:26:44 นี้พักของเขาก็อาจจะแบบได้ได้แบบทำอะไร

00:26:4400:26:47 เบาๆเค้าก็ไม่ต้องการพลังงานจากน้ำตาลอือ

00:26:4700:26:50 น้ำตาลถ้าเราทานเกินเนี่ยนะครับมันก็จะไป

00:26:5000:26:54 สะสมสะสมโดยไม่ใช้งานอือพอไปสะสมในสมอง

00:26:5400:26:57 เนี่ยเส้นประสาทมันเริ่มอักเสบเส้นเส้น

00:26:5700:26:59 ประสาทในสมองอักเสบจะจะรู้ได้ยังไงเราจะ

00:26:5900:27:03 เริ่มง่วงทั้งๆที่ไม่ควรง่วงไงอ่าเราจะ

00:27:0300:27:06 เริ่มแบบจำอะไรไม่ค่อยได้ออเราจะเริ่มปวด

00:27:0600:27:09 ล้าสายตาเราก็ต้องการโปรตีนเพื่อไปซ่อม

00:27:0900:27:12 แซมส่วนที่สึกหรอจะได้มีพลังงานในช่วง

00:27:1200:27:14 บ่ายนั่นก็แปลว่าตอนเช้าถ้าเผื่อจะทาน

00:27:1500:27:18 ข้าวอือจะทานข้าวตอนไหนดีก่อน 10:00 น

00:27:1800:27:21 มั้ยหรือยังไงครับใช่ช่วง 7-9 นเนี่ย

00:27:2100:27:24 อาหารเช้าพวกคาร์โบไฮเดรตพวกข้าวซ้อมมือ

00:27:2400:27:26 ยิ่งดีนะอาจารย์เพราะมีไฟเบอร์เยอะนะมี

00:27:2600:27:30 ผักผลไม้ตามหน่อยนะมันก็จะทำให้แบบโอตื่น

00:27:3000:27:32 ตัวมีพลังงานครับอครับแล้วหลังจากนั้นถ้า

00:27:3200:27:35 เผื่อจะเติมให้กับสมองของเราก็อาจจะเป็น

00:27:3500:27:37 อาหารในกลุ่มที่มีโปรตีนสูงหน่อยโปรตีน

00:27:3700:27:40 สูงหน่อยใช่โปรตีนสูงก็อาจจะมาจากถั่ว

00:27:4000:27:43 เหลืองถั่วต่างๆหรือว่าโปรตีนที่เป็นไม่

00:27:4300:27:45 มีติดมันนะอาจารมันจะทำให้พลังงานตอนบ่าย

00:27:4500:27:48 ดีขึ้นอือฮึอย่างงี้ถ้าเผื่อหลังจาก 10:00

00:27:4800:27:51 นมาแล้วผมก็เติมโปรตีนของผมไปเรื่อยๆจน

00:27:5100:27:53 กระทั่งถึงสักเที่ยงคนได้มั้ยควรจะควรจะ

00:27:5300:27:57 ถึงแค่ 20:00 นทำไมไม่ยาวไปกว่านั้น่ะอ่า

00:27:5700:27:59 เพราะว่าเพราะว่าตอน 20:00 นเนี่ยสมองเขา

00:27:5900:28:02 บอกว่าฉันจะเริ่มมีเมลาโทนินหลังแล้วนะ

00:28:0200:28:04 คราวนี้ถ้าเราไปทานเลยเยอะแยะเมลาโทนิน

00:28:0400:28:06 ไม่หลั่งนอนไม่หลับเอานะอาจารย์เต้อ๋อ

00:28:0600:28:09 เมลานินเป็นฮอร์โมนตัวนึงซึ่งสำคัญต่อการ

00:28:0900:28:11 ที่จะทำให้เราง่วงแล้วก็พักผ่อนใช่มันจะ

00:28:1100:28:14 เคิ่มๆชันขอนอนนะยาวๆ

00:28:1400:28:16 [เพลง]

00:28:1600:28:19 ครับพฤติกรรมที่ 2 เนี่ยคือไม่ขยับร่าง

00:28:1900:28:23 กายเลย 30 นาทีครับเราเรียกว่าเนื่อยนิ่ง

00:28:2300:28:25 ชอบคำว่าเนื่อยนิ่งมองภาพออกเลยว่าอยู่

00:28:2500:28:28 เนื่อยๆนิ่งๆใช่มั้ยจริงๆแล้วหัวใจมัน

00:28:2800:28:30 เหนื่อยมันเหนื่อยด้วยมันเหนื่อยเพราะว่า

00:28:3000:28:34 อยู่นานๆมันไม่ได้ขยับักทีอ๋อปอดก็ไม่ได้

00:28:3400:28:37 ออกซิเจนเลยอย่างเงี้ยครับมันก็เลยส่งผล

00:28:3700:28:39 นะอาจารย์ระยะยาวถ้าเราเป็นอย่างเงี้ยไม่

00:28:3900:28:43 ขยับร่างกายเลยหัวใจหลอดเลือดสมองเอยแย่

00:28:4300:28:45 แล้วอย่างนี้เมื่อสักครู่อาจารย์ป๊อบพูด

00:28:4500:28:47 ถึงคำว่า 30 นาทีแล้วแสดงว่าอาจจะต้อง

00:28:4700:28:49 นั่งจับเวลาเลยหรือเปล่าว่า 30 นาทีที่

00:28:4900:28:52 เรานั่งอยู่นิ่งๆเนี่ยอหลังจาก 30 นาที

00:28:5200:28:54 แล้วเราควรจะไปทำอะไรอย่างอื่นอย่างเงี้

00:28:5400:28:56 เหรอครับจริงๆก็คือเปลี่ยนท่าเปลี่ยนท่า

00:28:5600:28:59 ลุกขึ้นยืนขยับร่างกายบิดขี้เกียจอะไร

00:28:5900:29:02 อย่าเงี้ยสมองเขาก็ตื่นตัวะแล้วเขาจำได้

00:29:0200:29:05 นะอเพราะว่ายิ่งเราทำเป็นประจำสมองเขาจำ

00:29:0500:29:07 แม่นเลยไม่ต้องจับเวลาเลยอ๋ออย่างงี้ก็

00:29:0700:29:10 คือ 30 นาทีแล้วก็เปลี่ยนอิริยาบถสัก 2

00:29:1000:29:12 ชั่วโมงมั้ยหรือว่านานไปอย่างน้อย 3 นาที

00:29:1200:29:16 เอาแค่ 3 นาทีพออย่างน้อย 3 นี้านคงเพ่ง

00:29:1600:29:19 อะไเนหรือบางทีเราทำงานไปเดินไปบ้างก็ได้

00:29:1900:29:22 อือฮึการการที่เราขยับตัวน้อยมันก็จะทำ

00:29:2200:29:25 ให้เราใช้พลังงานน้อยน้อยเกินไปทั้งๆที่

00:29:2600:29:28 เรามีพลังงานตอนเช้าๆ

00:29:2800:29:31 [เพลง]

00:29:3100:29:34 อืพฤติกรรมที่ 3 ที่ทำร้ายสมองของเราล่ะ

00:29:3400:29:36 ครับอาจารย์ป๊อบคืออะไรพฤติกรรมที่ 3

00:29:3600:29:39 เนี่ยเราเรียกว่านั่งคอมนานและใส่หูฟัง

00:29:3900:29:43 นั่งคอมนานาใช้คอมพิวเตอร์อยู่นานแล้ว

00:29:4300:29:45 ต้องใส่หูฟังใส่หูฟังในนี่เลยนะในหูเลยนะ

00:29:4500:29:47 อ้าแล้วมันไม่ดียังไงใส่หูฟังมันก็จะได้

00:29:4800:29:50 ได้ยินชัดๆอืจริงๆแล้วพอเราใส่หูฟังปุ๊บ

00:29:5000:29:54 เนี่ยสมองเขชอบฟังเขาไม่ชอบมองดังนั้นมัน

00:29:5400:29:58 จะทำให้หูของเราเนี่ยใช้งานหนักเกินไปออ

00:29:5800:30:00 แลมันทำให้เครียดมากเลยอาจารย์เพราะว่า

00:30:0000:30:03 ถ้าเราแบบลองดูนะอาจารย์พอใส่อะไรปุ๊บ

00:30:0300:30:07 เนี่ยแลถ้าเราเป็นคนแบบหูไวอ่ะหรือหูหา

00:30:0700:30:10 เรื่องอ่ะหูหาเรื่องก็คือใครนินทาดยว่า

00:30:1000:30:13 นินทาเรื่องเราจิ๊บๆๆๆเราหูไปละหูกระดิก

00:30:1300:30:17 ละแล้วทำให้ตาเตอมันแบบโหมันทำงานเยอะ

00:30:1700:30:20 เกินไปอือฮึถ้าดังนั้นทางแก้หรือว่าวิธี

00:30:2000:30:22 ในการที่จะลดพฤติกรรมนี้คือก็เอาหูฟังออก

00:30:2200:30:26 ใช่ง่ายๆเพราะหูฟังออกเนี่ยตาเตอจะเบิก

00:30:2600:30:30 กว้างตาจะแบบเป็นประกายมองอะไรก็คิดอืจำ

00:30:3000:30:33 ได้แม่นนะอาจารย์แล้วถ้าเรานั่งประชุมกัน

00:30:3300:30:36 แบบเนี้ยไม่ใส่หูฟังเราก็จะสบตายิ้มทัก

00:30:3600:30:39 ทายแล้วก็ได้เดินไปด้วยกันด้วยอ๋อฟังดู

00:30:3900:30:42 เหมือนกับว่าถ้าเราใส่หูฟังเราก็จะโฟกัส

00:30:4200:30:44 กับเสียงเป็นหลักเลยถูกครับในขณะที่ถ้า

00:30:4400:30:47 เราไม่ได้ใส่หูฟังเราต้องพยายามอ่านปากคน

00:30:4700:30:49 ที่ต้องนั่งประชุมด้วยแล้วก็ได้สังเกต

00:30:4900:30:51 อื่นๆด้วยนอกจากที่จะฟังอยู่ที่หูอย่าง

00:30:5100:30:54 เดียวแล้วก็ใส่หูฟังมากๆก็จะหูหาเรื่อง

00:30:5400:30:56 หงุดหงิ

00:30:5600:30:59 ง่าย

00:30:5900:31:01 อาจารย์ป๊อบครับตอนนี้เรามาถึงพฤติกรรม

00:31:0100:31:04 ที่ 4 ที่ทำร้ายสมองนะครับอคืออะไรคือ

00:31:0400:31:06 อย่างงี้ครับมันจะเป็นการดื่มเครื่องดื่ม

00:31:0600:31:11 แอลกอฮอล์มีคาเฟอีนสูบบุหรี่เยอะๆอออืมัน

00:31:1100:31:14 ทำร้ายสมองโดยตรงเลยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

00:31:1400:31:17 เมันจะมีผลยังไงโดยตรงกับสมองเลยอมันจะไป

00:31:1700:31:19 ที่ตัวสมองใช่มั้ยอาจารย์แล้วมันทำให้

00:31:1900:31:23 สมองมึนมึนใช่สมองมึนก็คือแอลกอฮอล์เนี่ย

00:31:2300:31:27 มันจะเข้าไปแทนของเหลวอื่นอื่นๆไปแย่งเลย

00:31:2700:31:30 ไปแย่งอไปแย่งน้ำในสองเนเหมือนสมองเมา

00:31:3000:31:33 เห้าอ่ะอารมณ์นั้นน่ะแต่มันจะเมาเร็วมาก

00:31:3300:31:37 แล้วก็ตาเราเนี่ยจะพร่ามัวคราวนี้นึกถึง

00:31:3800:31:42 พอตามันมัวตาพร่าก็จะเดินเซอือหูชั้นใน

00:31:4200:31:45 เนี่ยที่หูหาเรื่องเนี่ยจะหาเรื่องมาก

00:31:4500:31:48 ขึ้นไปกันใหญ่นะอาจารย์เนาะมันจะหงุดหงิด

00:31:4800:31:52 โมโหก้าวร้าวไม่ได้ไม่ได้ที่ที่ผมเคยทราบ

00:31:5200:31:56 มาก็คือแอลกอฮอลเองก็อาจจะทำให้เซลสมอง

00:31:5600:31:59 มันตายด้วยเหมือนกันโออันนี้ใช่เลยถ้าเรา

00:31:5900:32:02 ทานแอลกอฮอล์มากกว่าเกฑ์นะอาจารย์ก็คือ

00:32:0200:32:06 มากกว่า 2 แก้วในเวลา 1 ช่วโมงอือฮึนั่น

00:32:0600:32:10 จะทำให้เซลล์สมองเนี่ยตายซบุหรี่มันมี

00:32:1000:32:13 อะไรอยู่ที่ที่อยู่ในควันบุหรี่เหรออืสา

00:32:1300:32:17 นิโคตินเนี่ยครับมากนะอาจารย์มีผลต่อสมอง

00:32:1700:32:20 มากกว่าแอลกอฮอล์เมื่อกี้นะโอ้ยโอ้โหนี่

00:32:2000:32:22 เราค่อยๆได้ระดับไปเลยนะเนี่ยใช่ๆนิโคติน

00:32:2200:32:25 ที่อยู่ในบุหรี่ควันบุหรี่ใชใช่เพราะมัน

00:32:2500:32:28 ไปพร้อมกับคาร์บอนไดออกไซด์อ่าครับมันไป

00:32:2800:32:31 จับจับสามารถจับออกซิเจนไม่ให้ทำงานเป็น

00:32:3200:32:34 ออกซิเจนจะทำงานคล้ายๆคาร์บอนไดออกไซด์อ

00:32:3400:32:37 อือแล้วก็เมื่อคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้นใน

00:32:3700:32:42 ร่างกายออกซิเจนก็ลดลงสมองสามารถขาดเลือด

00:32:4200:32:45 แล้วก็อัมพาตได้นะอจาร

00:32:4500:32:48 โอคือแค่สมองขาดเลือดหรือว่าเลือดไปหล่อ

00:32:4800:32:51 เลี้ยงสมองน้อยลงเนี่ยมันก็ทำให้เราเรา

00:32:5100:32:54 เราคิดอะไรไม่ค่อยดีแล้วอันนี้อาจจะทำให้

00:32:5400:32:57 เซลล์สมองตายเลยและที่สำคัญคนรอบข้างข้าง

00:32:5700:33:00 เนี่ยตายก่อนได้นะด้วยด้วควันควันบุหรี่

00:33:0000:33:04 มือ 2 บุรี่อืบุหรี่เนี่ยพอนึกออกอือ

00:33:0400:33:07 แอลกอฮอล์ก็อาจจะพอนึกออกแเฟอีนเนี่ยที่

00:33:0700:33:10 มันอยู่ในชาในกาแฟใช่มั้ยครับมันมันไปทำ

00:33:1000:33:12 อะไรกับสมองใช่ใช่ยังจำได้อยู่มั้ย

00:33:1200:33:16 อาจารย์เต้อถ้าเกิดเราใส่กาแฟใส่น้ำตาล

00:33:1600:33:21 ด้วยนะน้ำตาลน่ะทำให้สมองเราอักเสบไงโอเค

00:33:2100:33:23 อืครับพออย่างงี้มันไม่อักเสบอย่างเดียว

00:33:2300:33:26 เนาะคาเฟอีนเนี่ยมันจะไปกระตุ้นที่กล้าม

00:33:2600:33:29 เนื้ออือมากกว่าสมองดังนั้นออกซิเจนเนี่ย

00:33:2900:33:32 ต้องไปเพิ่มพลังในกล้ามเนื้อออกซิเจนก็ไป

00:33:3200:33:36 เลี้ยงสมองลดลงอสมองก็จะล้าตามมาเหนื่อย

00:33:3600:33:40 หมดแรงอยากนอนอือถ้าเป็นสูบบุหรี่เนี่ยงด

00:33:4000:33:42 ได้ก็จะดีแอลกอฮอล์เนี่ยงดได้ก็จะดีแต่

00:33:4200:33:45 หลายๆคนบอกว่ากาแฟเนี่ยขอสักแก้วได้มั้ย 2

00:33:4500:33:47 แก้วได้มั้ยตอนเช้าไม่งั้นมันไม่ตื่นอ่ะอ

00:33:4700:33:50 เขาก็กำหนดไว้ทั่วโลกกำหนดเลยนะอาจารย์

00:33:5000:33:53 ว่าตั้งแต่เช้าตื่นมาถ้าเป็นกาแฟที่มีน้ำ

00:33:5300:33:56 ตาลน้อยๆเนาหรือไม่ใส่เลยหรือไม่ใส่เลยนะ

00:33:5600:33:59 ก็กินได้วันละ 2 แก้วอือและมีข้อจำกัด

00:33:5900:34:02 ด้วยวันละ 2 แก้วก็คือตื่นเช้ามาจนถึง

00:34:0200:34:05 15:00 นเพราะว่าหลัง 15:00 นเนี่ยเขา

00:34:0500:34:09 ต้องการอากาศออกซิเจนเยอะๆต้องการน้ำบ้าง

00:34:0900:34:13 นะอาจารย์สมองต้องการน้ำต้องการวิตามิน

00:34:1300:34:16 เกลือแรจากน้ำผลไม้จากนมถั่วเหลืองอะไร

00:34:1600:34:18 พวกเก็จะดีกว่า

00:34:1800:34:20 [เพลง]

00:34:2000:34:25 อมาถึงพฤติกรรมที่ 5 ทำร้ายสมองครับคือก็

00:34:2500:34:28 คือพฤติกรรมที่เราแแปงฟันแต่ไม่ใช่ไหมขัด

00:34:2800:34:31 ฟันเลยอยังไงแปรงฟันก็แปรงอยู่ทุกเช้า

00:34:3100:34:34 เย็นก่อนนอนต้องใช้ไหมขัดฟันด้วยใช่เพราะ

00:34:3400:34:36 ว่าไหมขัดฟันเนี่ยเป็นเครื่องมือที่ช่วย

00:34:3600:34:41 กำจัดแบคทีเรียได้ดีมากนะครับได้ได้ลึกซึ

00:34:4100:34:44 ลึกซึ้งถึงตัวเหงือกรากแลฟันด้วยนะครับ

00:34:4400:34:48 แล้วถ้าเรามีแบคทีเรียน้อยลงสมองก็จะไม่

00:34:4800:34:52 มีเชื้อโรคไม่ติดเชื้ออแล้วก็เส้นประสาท

00:34:5200:34:54 จะไม่อักเสบด้วยอาจารย์โอ้โหผมก็นึกว่า

00:34:5400:35:00 แค่ในการใช้ไมขัดฟันเนี่ยอักสุภาพในช่ป

00:35:0000:35:03 ของเราในการที่จะลดครบแบคทีเรียลงไม่ได้

00:35:0300:35:06 นึกว่ามันจะไปมีผลกับสองด้วยใช่สุขภาพ

00:35:0600:35:09 สมองจะดีขึ้นเพราะว่าลดการอักเสบในช่อง

00:35:0900:35:12 ปากและโพรงสมองครับ

00:35:1200:35:14 [เพลง]

00:35:1400:35:17 ครับพฤติกรรม 6-9 เนี่ยเป็นเกี่ยวกับจิต

00:35:1700:35:22 ใจนะอาจารย์มีผลมากดูจิตใจไม่เป็นร่างกาย

00:35:2200:35:25 ตนนี้มาเป็นจิจิตใจอันแรกก็คือเรามีความ

00:35:2500:35:28 คิดลบคิดบเนี่ยอาจารย์มันคือเหมือนกับว่า

00:35:2800:35:33 เราอาจจะคิดแบบเข้าข้างตัวเองบิดเบียนบิด

00:35:3300:35:35 เบียนจากความเป็นจริงอ๋อบิดเบี้ยวไปจาก

00:35:3500:35:38 ความเป็นจริงบบเราเรบิดเบือนได้เลยแล้วก็

00:35:3800:35:43 มักจะมีบุคภาพแบบชอบตำหนิอุยชอบสั่งการอ

00:35:4300:35:47 และชอบเก็บมาคิดน้อยใจนี่แบบพอพูดไปเนี่ย

00:35:4700:35:49 ผมกำลังติ๊กๆๆไปด้วยนะแต่ผมผมไม่ค่อยว่า

00:35:4900:35:52 คนอื่นนะแต่ผมมักจะตำหนิตัวเองอ่ะอันนี้

00:35:5200:35:54 เป็นพวกคิดลบด้วยมั้ยถ้าตำหนิตัวเองว่า

00:35:5400:35:57 ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเราทำมันมัก

00:35:5700:35:59 จะอย่างงี้มันมักจะมาคิดได้ตอนหลังแต่มัน

00:35:5900:36:02 ทำไปแล้วไงก็เลยมาตำหนิตัวเองตอนหลังออ

00:36:0200:36:03 นั่นก็เป็นคิดลบอยู่ด้วยเหมือนกันก็ด้วย

00:36:0300:36:06 เหมือนกันแล้วพวกคิดนู่นคิดนี่กลางคืนก็

00:36:0600:36:10 มานอนไม่หลักไงอาจารย์โออบางทีพอคิดแล้ว

00:36:1000:36:14 เนี่ยอืแล้วคิดไปถึงในสิ่งที่อาจจะเคยทำ

00:36:1400:36:16 แล้วในอดีตเราอาจจะเกิดอาการรู้สึกว่า

00:36:1600:36:19 เฮ้ยไม่น่าทำเลยเราคิดในทางที่ไม่ดีเสมอ

00:36:1900:36:22 ใช่คิดไปข้างหน้าล่วงหน้าอีกคราวนี้สมอง

00:36:2200:36:25 เนี่ยเขาเไม่ชอบคิดกังวลไปนานเพราะว่ามัน

00:36:2500:36:28 ลืมแล้วเต้องการนอนหลักพักผ่อนโดยที่แบบ

00:36:2800:36:31 คิดน้อยๆคิดเรื่องบวกๆดีๆอย่างเงี้ย

00:36:3100:36:35 อาจารย์ถ้าเราสามารถที่จะลดการคิดลบนั้น

00:36:3500:36:39 ลงได้สมองเราก็จะเข้าสู่โหมดในการพักผ่อน

00:36:3900:36:41 ได้ง่ายขึ้นพักผ่อนได้เต็มที่ก็จะทำให้

00:36:4100:36:45 นอนได้ง่ายขึ้นและบางทีฝันดีด้วยออผมอยาก

00:36:4500:36:47 ที่จะฝันดีแต่ก่อนที่จะฝันดีต้องนอนให้

00:36:4700:36:49 ได้ก่อนเนาอันดับแรก

00:36:4900:36:51 [เพลง]

00:36:5100:36:55 ใช่พฤติกรรมที่ 7 นี่คือในเวลาที่จำกัด

00:36:5500:36:58 แล้วก็เราทำงานหลายอย่างพร้อมกันจนเกินไป

00:36:5800:37:01 โอ๊ยคนเดี๋ยวนี้เต้อง multitasking มอคน

00:37:0100:37:04 รุ่นใหม่ใช่มยใช่อืแต่จริงๆแล้วพอทำมากๆ

00:37:0400:37:07 ก็ทำไม่ได้ดีไงตัวสมองเราเนี่ยอาจารย์เต้

00:37:0700:37:10 เราวัดได้ 20 ตำแหน่งนั่นหมายถึงว่าเรา

00:37:1000:37:13 สามารถจริงๆนะถ้าเราทำจริงๆเราทำได้ 20

00:37:1300:37:16 อย่างพร้อมกันโอโหผมไม่สามารถถูกมั้ยไม่

00:37:1600:37:19 มีใครสามารถเพราะว่าสมองมันเหนื่อยสมอง

00:37:1900:37:24 มันล้าเแล้วที่เราแนะนำก็คือทำแค่เป็น 2

00:37:2400:37:27 อย่างก็เต็มที่ละ 2 อย่างก็เป็นเต็ม

00:37:2700:37:30 ใช่เคยได้ยินมาจากบางที่บางที่เขาบอกว่า

00:37:3000:37:33 จริงๆมันไม่ใช่ multitasking หรอกมันเป็น

00:37:3300:37:36 Switch tasking ก็คือทำ 2 อย่างอยู่

00:37:3600:37:39 ข้างหน้าเนี่ยแต่เราเราเราให้ความสนใจกับ

00:37:3900:37:42 สิ่งเนี้ยเอ 2 นาทีแล้วก็กลับมาสิ่งนี้

00:37:4200:37:44 อีก 2 นาทีแล้วก็กลับมาสิ่งนี้ 2 นาทีเรา

00:37:4400:37:47 ไม่สามารถจะทำทุกอย่างไปพร้อมกันได้มัน

00:37:4700:37:50 ยิ่งทำให้งานเสร็จช้าลงไปอีกใช่ใชมถ้า

00:37:5000:37:52 เป็นไปได้ก็โฟกัสทีละสิ่งก็จะดีที่สุดถูก

00:37:5200:37:54 มแล้วการโฟกัสทีละสิ่งอาจจะทำได้เร็วกว่า

00:37:5500:37:56 เดิมด้วยใช่แล้ว

00:37:5600:38:00 [เพลง]

00:38:0000:38:03 มาที่พฤติกรรมที่ 8 ที่ทำร้ายสมองครับอื

00:38:0300:38:07 จะเป็นความตึงเครียดมากๆของคนที่เก็บตัว

00:38:0700:38:11 ไม่เข้าสังคมแนเต้เป็นมั้ยผมเป็นคนที่ชอบ

00:38:1100:38:14 อยู่คนเดียวใช้เวลาคุณภาพกับตัวเองคน

00:38:1400:38:17 เดียวมันก็จะมี extrovert กับอวตนะถ้าผม

00:38:1700:38:20 จะจัดตัวเองเข้าไปผมจะเป็นอเวร์ที่ที่

00:38:2000:38:23 ชาร์จพลังว่าเพิ่มพลังชีวิตด้วยการอยู่คน

00:38:2300:38:25 เดียวถ้าไปอยู่กับคนเยอะๆพลังผมหมดมันก็

00:38:2600:38:29 จะแบ่งออเวร์อีกเพราะว่าอเวร์แบบฉันไม่

00:38:2900:38:32 เอาสังคมเลยอือแต่อินเวิร์ตของอาจารย์เต้

00:38:3200:38:35 คือขอให้เราแบบตั้งหลักนิดนึงสงบสติ

00:38:3500:38:38 อารมณ์นิดนึงแล้วก็ไปเผชิญกับสังคมไงอ่า

00:38:3800:38:41 โอเคใช่ๆผมจะอยู่ประเภทเงี้ยใช่มั้ยก็เก็

00:38:4100:38:44 มีจำกัดเวลาไว้นะอาจารย์เต้ว่าอินเวิร์ต

00:38:4400:38:48 ขอแบบอยู่คนเดียวซัก 20 นาทีอืบางคนทำถึง

00:38:4800:38:51 นะอาจารย์อือๆแต่ความว่า 20 นาทีเนี่ยมัน

00:38:5100:38:55 จะหมกมุ่นคุ่นคิดแต่เรื่องความคิดลบไง

00:38:5500:38:57 เหมือนที่เราคุยกันเมื่อกี้

00:38:5700:39:00 อ๋ออาจารย์ป๊อบบอกว่าถ้าเผื่อใครจะชาร์จ

00:39:0000:39:03 พลังด้วยการอยู่คนเดียวในช่วง 20 นาทีแรก

00:39:0300:39:06 มันอาจจะเป็นช่วงการชาร์จพลังแต่หลังจาก

00:39:0600:39:09 20 นาทีไปแล้วความคิดลบมันอาจจะเริ่มก่อ

00:39:0900:39:12 ตัวแล้วมันอาจจะเริ่มเข้ามาจู่โจมเข้ามา

00:39:1200:39:16 แทรกแซงความคิดของเรานำไปสู่ความเครียดนำ

00:39:1600:39:18 ไปสู่การล้าของสมองแล้วอาจจะนำไปสู่การ

00:39:1800:39:20 เสื่อมของสมองใช่มใช่สมองเสื่อมก่อนวก็

00:39:2000:39:24 คือเรามักจะคิดว่าน้อยใจอะไรเรามักจะคิด

00:39:2400:39:26 ว่าเราไปตำหนิเคเราเพิ่งจะมาคิดได้จะทำไป

00:39:2600:39:29 แล้วอะไรเงี้ยมันจะวนไปวนมาอืเพราะฉะนั้น

00:39:2900:39:32 ถ้าจะชาร์จพลังด้วยกันอยู่คนเดียวก็อย่า

00:39:3200:39:35 ชาร์จเกิน 20 นาทีเนาะหลังจาก 20 นาทีไป

00:39:3500:39:37 แล้วอาจจะไปลองทำอย่างอื่นเข้าสังคมไปทำ

00:39:3700:39:40 เปลี่ยนเปลี่ยนอิริยาบถก็ได้เนาะนะครับ

00:39:4000:39:42 แล้วก็ไปทำอย่างอื่นเพื่อจะป้องกันไม่ให้

00:39:4200:39:44 ความคิดลบน้มันเข้ามาใช่

00:39:4400:39:46 [เพลง]

00:39:4600:39:50 ครับอาจารย์ป๊อบครับเรามาถึงพฤติกรรมที่ 9

00:39:5000:39:52 ที่ทำร้ายสมองของเราล่ะครับมันคือเสียบ

00:39:5200:39:54 ติดความเครียดครับอาจารย์เดี๋ยวมันแปลว่า

00:39:5400:39:57 อะไรเสียบติดความเครียดอาจารย์นึกถึงความ

00:39:5700:39:59 เครียดเนี่ยนะมันจะมีความเครียดที่แบ่ง

00:40:0000:40:04 เป็นบวกและลบแต่เราทำมากเกินไปเนาเช่นเรา

00:40:0400:40:08 ออกกำลังกายหนักจนเกินไปจนไม่หลับไม่นอน

00:40:0800:40:10 อือย่างเงี้ยก็คือถ้าเราตั้งเวลานอนไว้

00:40:1000:40:14 ซึ่งจริงๆเไม่ควรนอนเกิน 23 นหมายถึงเวลา

00:40:1400:40:16 ที่เข้านอนที่ดีใช่เป็นเวลาที่ดีเพราะว่า

00:40:1600:40:20 มันจะมีโกรทฮอร์โมนมาซ่อมแซมเอาโปรตีนมา

00:40:2000:40:22 ซ่อมแซมส่วนที่สึกหลอนะอาจารย์เนาะบางอิน

00:40:2200:40:24 เราออกกำลังกายจนร่างกายเราปวดเมื่อย

00:40:2400:40:28 เนี่ยอือๆเช้ามาก็ยังปวดเมื่อยอย่างเงี้ย

00:40:2800:40:31 เสพติดทำทุกวันทุกวันการออกกำลังกายนี่ก็

00:40:3100:40:33 อาจจะเป็นตัวอย่างของความเครียดแบบบวกแบบ

00:40:3300:40:36 บวกใช่มั้ยว่าจริงๆแล้วการเสพติดที่ว่า

00:40:3600:40:38 เนี่เราอาจจะรู้สึกว่าเราอยากกระชุ่ม

00:40:3800:40:41 กระชวยทำมันทุกวันทำมันทุกวันจากการออก

00:40:4100:40:44 กำลังกายแต่พอเราออกกำลังกายร่างกายของ

00:40:4400:40:46 เราก็ Alert พอมัน Alert มันก็เลยนอนไม่

00:40:4600:40:49 ได้มันนอนไม่ได้มันก็เลยทำให้เที่ยงขึ้น

00:40:4900:40:51 ก่อแล้ว 1 ก็แล้วก็ยังไม่หลับเพราะร่าง

00:40:5100:40:53 กายยัง Alert อยู่อใช่แล้วก็มันยังมาสงผล

00:40:5300:40:56 ตอนเช้าเพราะว่ามันปวดเมื่อยมันไม่สบาย

00:40:5600:40:59 กายสบายใจอือนี่ตอนนี้ผมกำลังนึกถึงว่า

00:40:5900:41:01 ความเครียดที่มันเกิดจาก Dead ไม่ว่างาน

00:41:0200:41:04 ไหนก็ตามเราก็จะรอถึง Dead แล้วเราก็บอก

00:41:0400:41:07 ว่าเออนี่แหละช่วง Dead มันเครียดเนาะมัน

00:41:0700:41:09 ก็จะคิดงานออกอันนี้ถือว่าเป็นการเสพติด

00:41:0900:41:12 มั้ยเป็นการเสพติดแต่เราเรียกแรงกว่านั้น

00:41:1200:41:16 ว่าเน Dead โอ้โห Deadline ทำให้สมองตาย

00:41:1600:41:20 ก็คือขนาดนั้นแหลใช่ใช่เพราะว่ามันก็

00:41:2000:41:23 คล้ายๆกับเราต้องทำหลายอย่างจะต้องนอน

00:41:2300:41:26 ด้วยจะต้องทำให้เสร็จด้วยและก็เกิดความค

00:41:2600:41:29 เดลบและคิดลบแนแล้วก็นำไปสู่การนอนน้อย

00:41:2900:41:32 โอ้โหมันจะไม่นอนมันจะไม่นอนเราเรียกว่า

00:41:3200:41:34 ไม่นอนหรือว่านอนไม่เต็มอิ่มงานไม่เสร็จ

00:41:3400:41:37 กังวลแล้วมันก็จะแบบเผลอๆนะอาจารย์ฝัน

00:41:3700:41:39 ปริ๊งแว๊บอะไรบางอย่างก็ลุกขึ้นมาเขียน

00:41:3900:41:42 ไอเดียดีๆด้วยหือหรอเคยมั้ยอาจารย์เป็น

00:41:4200:41:46 มั้ยมันมันไม่เสร็จไงแต่มันง่วงและก็นอน

00:41:4700:41:49 นอนก็ไม่หลับหรอกแต่บังเอินไปปิ๊งแว้ไป

00:41:4900:41:52 คิดตอนนอนมันนอนหลับไม่สนิทอครับณตอนนั้น

00:41:5200:41:54 อาจารย์จะทำไงครับลุกขึ้นมาเขียนไว้เลย

00:41:5400:41:57 เดี๋ยวลืมเป็นบางคนที่เขียนได้เออเพราะ

00:41:5700:41:59 เขาก็ไม่อยากจะตื่นขึ้นมาแต่ถ้าอาจารย์

00:41:5900:42:02 ตื่นขึ้นมาได้ความคิดปิ๊งแวบมากเลยเออและ

00:42:0200:42:05 เผลอๆได้ไอเดียดีๆด้วยออืแต่เราควรจะทำ

00:42:0500:42:09 ตอนกลางวันงีบนอนสัก 15 นาทีถึง 1 ชมง

00:42:0900:42:13 หลังเที่ยงได้อ๋อก็คือการการการนอนกลาง

00:42:1300:42:17 วันอาจจะช่วยได้ใช่มั้แต่ทางที่ดีตอนกลาง

00:42:1700:42:21 คืนเข้านอนก่อน 23:00 นใช่ถ้าเป็นไปได้

00:42:2100:42:24 แล้วก็นอนให้ได้สัก 6-7 ช่ม 8 ช่มเพื่อจะ

00:42:2400:42:27 สมองของเราจะได้แจ่มสเต็มที่สดชื่นครับ

00:42:2700:42:30 แล้วก็ถ้าเป็นไปได้อาจจะมี Power naap

00:42:3000:42:32 เค้าเรียก Power n ใช่มใช่มั้ยครับที่จะ

00:42:3200:42:35 นอนนอนกลางวันสักช่วงนึง 15 นาที 15 นาที

00:42:3500:42:38 ใช่ถ้าถ้ามันยาวเกินไปจะเป็นยได้ไม่เกิน

00:42:3800:42:40 ชั่วโมงไม่เกินชั่วโมงถ้าสักชั่วโมงครึ่ง

00:42:4000:42:44 ถ้าชั่วโมงครึ่งมันคือจะหลับมันไม่หลับหล

00:42:4400:42:46 แล้วเจ้านายของเราคงไม่แฮปปี้เท่าไหร่

00:42:4600:42:49 เค้าคงปลูกไม่

00:42:4900:42:52 [เพลง]

00:42:5200:42:55 ขึ้นตอนนี้เราไล่เรียงมาเรียบร้อยแล้วว่า

00:42:5500:42:58 9 พฤติกรรมทำร้ายสมองแบบไม่รู้ตัวเนี่ย

00:42:5800:43:02 มันมีอะไรบ้างถ้าจะพอสรุปได้มั้ยครับว่า

00:43:0200:43:06 แล้วจะทำอย่างไรที่จะเลิกหรือว่าหยุดทำ

00:43:0600:43:08 ร้ายสมองของเราักทีอันแรกอาหารต้องมี

00:43:0800:43:12 ประโยชน์อใช่อันที่ 2 ก็คือออกกำลังกายนะ

00:43:1200:43:16 อืึให้พอดีครับให้พอดีด้วยให้พอดีอันสุด

00:43:1600:43:20 ท้ายเราเรียกว่าใจจะต้องแบบมีสมาธิอือ่า

00:43:2000:43:23 มีความนิ่งสงบบ้างทำอะไรก็ได้ให้เรารู้

00:43:2300:43:27 สึกคิดน้อยๆอ๋ออืคล้ายกับว่าเราดูแลทั้ง

00:43:2700:43:30 เรื่องของกายของเราดูแลทั้งเรื่องของใจ

00:43:3000:43:33 ของเราใช่มั้ก็คล้ายๆกับ 9 พฤติกรรมที่

00:43:3400:43:37 ว่าที่แบ่งเป็นหมวดกายแล้วก็หมวดใจดูแล

00:43:3700:43:40 เรื่องอาหารให้ดีออกกำลังกายให้เหมาะสม

00:43:4000:43:43 แล้วก็ดูแลเรื่องของจิตใจเรื่องของอารมณ์

00:43:4300:43:46 แล้วอาจารย์ป๊อบจะมีวิธีที่จะช่วยในการ

00:43:4600:43:49 ที่จะดูแลจิตใจของเราอย่างไรในการที่จะทำ

00:43:4900:43:51 ให้อารมณ์ของเราเนี่ยมันไม่เป็นทางที่มัน

00:43:5100:43:54 วิตกกังวลจนเกินไปหรือว่าไม่ให้เครียดจน

00:43:5400:43:57 เกินไปวิธีครับผมชวนอาจารย์เต้ทำเราเรียก

00:43:5800:44:02 ว่าการหายใจแบบ 4 * 4 4 * 4 นี่เป็น

00:44:0200:44:06 การหายใจแบบนักวิ่ง 4x 4 4 * 400 เรา

00:44:0600:44:08 นั่งเฉยๆนี่แหละครับดูนะอาจารย์เราก็จะ

00:44:0800:44:10 เริ่มเอานิ้วชี้เราเนี่ยชี้ไปตรงนี้เฉชี้

00:44:1100:44:13 ทแยงไปคราวนี้เราก็หายใจเข้านะอาจารย์หาย

00:44:1300:44:18 ใจเข้า 1 2 3 4 ต้องขึ้นด้วยนะอาจารย์

00:44:1800:44:20 ต้องขึ้นด้วยนะอาจารย์เหมือนว่าเราวาดรูป

00:44:2000:44:22 สี่เหลี่ยมนะแล้วค้างไว้อาจารย์ค้างไว้

00:44:2300:44:25 ที่ค้างไว้ที่ตัวเลขไหนครับค้างไว้ที่ตรง

00:44:2500:44:29 จุดนี้แล้วก็ขื่อนนิ้วไปทางขวานับหายใจ 1

00:44:2900:44:32 2 3 4 เอาออกนะอาจารย์เอาออกนะหายใจ

00:44:3200:44:38 ออกทางจมูก 1 2 3 4 โอเคเอาล่ะเข้าอีก

00:44:3800:44:45 ทีครับครับ 1 2 3 4 ค้างไว้ 1 2 3 4

00:44:4500:44:53 ออกครับ 1 2 3 4 เข้าอีกที 1 2 3 4

00:44:5300:45:00 ค้างไว้ 1 2 3 4 ออกครับ 1 2 3 4

00:45:0000:45:04 ฟังดูมันก็เหมือนกับว่าเรากำลังจดจ่อไป

00:45:0400:45:07 ที่การนับแล้วก็เป็นการดูลมหายใจไปด้วยใน

00:45:0700:45:09 ตัวอันนี้ผมเข้าใจถูกป่ะเพิ่มออกซิเจนใน

00:45:0900:45:12 สมองเป็นการเพิ่มออกซิเจนในสมองไปในตัว

00:45:1200:45:16 ด้วยรวมถึงเราดึงความคิดของเรามาอยู่ที่

00:45:1600:45:19 การนับแล้วก็การหายใจของเราใช่และออก

00:45:1900:45:22 กำลังกายโดยตั้งใจด้วยจมครับอ๋อก็คือเรา

00:45:2200:45:25 เคลื่อนไหวไปด้วยใช่ต้องทำ 4 รอบให้ได้

00:45:2500:45:27 สี่เหลี่ยมเนี่ย 4 วงเอ้ย 4 รอบอ๋อโอ๊มัน

00:45:2800:45:30 มีมันมีหลายเลข 4 อยู่ในนี้เนาะลหายใจ

00:45:3000:45:33 เข้า 4 เข้า 4 ค้างไว้ 4 แต่เคลื่อนมือไป

00:45:3300:45:37 ด้วยนะครับตรงนี้ท้าทายนิดนึงแล้วก็ออก 4

00:45:3700:45:41 ออก 4 แล้วก็ไปให้ได้อีก 4 รอบครับครับ

00:45:4100:45:46 อ๋อเป็นสี่เหลี่ยมนับ 4 โอเคเข้าใจ้าใจจ

00:45:4600:45:49 ง่ายๆ 4 * 4 เป็นวิธีในการที่จะฝึก

00:45:4900:45:51 เรื่องของการหายใจเพื่อที่จะเพิ่ม

00:45:5100:45:54 ออกซิเจนให้กับสมองเพื่อที่จะดึงความคิด

00:45:5400:45:56 ของเรามาอยู่กับการการนับมาอยู่กับ

00:45:5600:45:59 ปัจจุบันรวมถึงเป็นการที่จะออกกำลังกาย

00:45:5900:46:03 ด้วยที่สำคัญก็คือลดความวิตกกังวลอืในการ

00:46:0300:46:07 ทำพฤติกรรมที่สมองทำไม่รู้ตัวเป็นวิธีที่

00:46:0700:46:09 ง่ายเนาะง่ายมากครับถ้าเผื่อยังไม่สามารถ

00:46:0900:46:12 จะปรับอะไรได้เลยในชีวิตที่มันทำร้ายเรา

00:46:1200:46:15 มา 9 อย่างเนี่ยอาจจะเริ่มจากสิ่งนี้ก่อน

00:46:1500:46:17 เริ่มเลยครับโอเคในช่วงสุดท้ายนะครับผม

00:46:1700:46:20 อยากที่จะชนให้อาจารย์ป๊อบเนี่ยได้บอก

00:46:2000:46:22 เล่าคุณผู้ชมคุณผู้ฟังให้เห็นถึงความ

00:46:2200:46:25 สำคัญของการดูแลสุขภาพสมองของเราครับผม

00:46:2600:46:29 แนะนำว่าจงหยุดทำร้ายสมองเพราะสมองนั้น

00:46:2900:46:32 อายุมันสั้นนะครับครับเห็นเห็นว่าสมอง

00:46:3200:46:35 เนี่ยมันเติบโตเต็มที่ 30 ปีเนี่ยนะครับ

00:46:3500:46:40 แต่จริงๆแล้วเราจะต้องค่อยๆหยุดพฤติกรรม

00:46:4000:46:43 ที่เราไม่รู้ตัวนะครับทั้ง 9 พฤติกรรมและ

00:46:4300:46:48 เราก็ต้องมีสติกับมันใช้สมองอย่างคิดบวก

00:46:4800:46:51 พอคิดบวกสมองจะยืดหยุ่นแล้วทุกปัญหาจะมี

00:46:5100:46:53 ทางออกครับทุกๆครั้งที่อาจารย์ป๊อบมาคุย

00:46:5300:46:56 กับเรานะครับผมคิดว่าสนุกไม่ใช่สนุกสนุก

00:46:5600:46:58 แค่ผมแต่ว่าสนุกไปถึงคุณผู้ชมด้วยวันนี้

00:46:5800:47:00 ผมขอขอบคุณอาจารย์ป๊อบอย่างมากนะครับที่

00:47:0000:47:02 มาพูดคุยกับเราอาจารย์ป๊อบผู้ช่วย

00:47:0200:47:04 ศาสตราจารย์ดรนักกิจกรรมบำบัดศุภลักษ์

00:47:0400:47:07 เข็มทองอาจารย์นักกิจกรรมบำบัติจิตสังคม

00:47:0700:47:09 คณะกายภาพบำบัติมหาวิทยาลัยมดอยครับ

00:47:0900:47:12 ขอบคุณมากครับโอกาสมามาคุยกันอีกนะยินดี

00:47:1200:47:15 ครับผมคุณผู้ชมครับแล้วกลับมาพบกับ wellbe

00:47:1500:47:18 สุขภาพดีชีวิตดีสร้างได้ได้ทางทุกช่องทาง

00:47:1900:47:21 ของมหิดล Channel ในคราวหน้าเราจะมาพูด

00:47:2100:47:24 คุยกันเรื่องอะไรนั้นต้องติดตามนะครับใน

00:47:2400:47:26 วันนี้ผมอาจารย์เต้บเปลื้องและอาจารย์

00:47:2600:47:31 ป๊อบสวัสดีครับผมสวัสดี

00:47:3100:47:34 ครับคุณผู้ชมคุณผู้ฟังครับประเทศไทยติด

00:47:3400:47:37 อันดับโลกอีกแล้วครับแต่อันดับโลกคราวนี้

00:47:3700:47:39 เราคงจะไม่น่าจะดีใจสักเท่าไหร่เพราะว่า

00:47:3900:47:43 เราติดอันดับโลก 1 ใน 5 ของประเทศที่มีคน

00:47:4300:47:46 เป็นโรคไตมากที่สุดคุณผู้ชมก็คงจะนึกออก

00:47:4600:47:49 ว่าอาหารที่อร่อยนะมักจะไม่ค่อยดีต่อ

00:47:4900:47:52 สุขภาพเท่าไหร่แต่ก็อยากจะยังนึกไม่ออกนะ

00:47:5200:47:54 ฮะว่าอาหารหรือพฤติกรรมการกินเนี่ยมันจะ

00:47:5400:47:57 นำไปสู่โรคไตได้อย่างไรวันนี้หัวข้อที่

00:47:5700:48:00 เราจะมาพูดคุยกันก็คืออาหารบำรุงไตกิน

00:48:0000:48:05 อย่างไรให้ไตไม่พังกับคุณ x ดรวนพรทองโฉม

00:48:0500:48:08 นักวิชาการโภชนาการงานสร้างเสริมสุขภาพ

00:48:0800:48:11 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

00:48:1100:48:14 มหาวิทยาลัยมหิดลในหัวข้อสำคัญครับอาหาร

00:48:1400:48:17 บำรุงไตกินอย่างไรให้ไตไม่พังครับคุณเอก

00:48:1700:48:20 ครับสวัสดีครับสวัสดีค่ะเรื่องของโรคไต

00:48:2000:48:23 ครับอะไรที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิด

00:48:2300:48:27 โรคไตอประเทไทเนี่ยทำไมถึงได้ติด 1 ใน 5

00:48:2700:48:30 อืก่อนที่จะไปถึงสาเหตุอาจจะต้องมาบอกว่า

00:48:3000:48:32 ติดอันดับโลกใช่มั้ยคะต้องมาดูก่อนว่าณ

00:48:3200:48:35 ปัจจุบันเนี่ยคนไทยเนี่ยเป็นโรคไตมากน้อย

00:48:3500:48:38 แค่ไหนนะคะถ้าในปัจจุบันเนี่ยเมื่อเทียบ

00:48:3800:48:41 กับประชากรแล้วเนี่ยมีร้อยละ 17.6 ที่

00:48:4100:48:44 เป็นโรคไตซึ่งถ้าตีเป็นตัวเลขเนี่ย

00:48:4400:48:47 ประชากร 8 ล้านคนที่เป็นโรคไตนะคะแล้วก็

00:48:4700:48:50 เข้าสู่ระยะไตสุดท้ายเนี่ยถึง 2,000 คน

00:48:5000:48:53 เลยมีผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีเนี่ย

00:48:5300:48:56 อย่างน้อยเนี่ย 7,800 คนคต่อปีซึ่งแสดง

00:48:5600:48:59 ว่าโหมันเยอะมากนะคะแน่นอนเลยว่าในเรื่อง

00:48:5900:49:02 ของพฤติกรรมของเราเนี่ยพฤติกรรมที่มันเรา

00:49:0200:49:04 จะต้องผูกติดทุกวันคือพฤติกรรมการกิน

00:49:0400:49:06 เนี่ยของเราเนี่ยมันผูกติดกับรสชาติที่

00:49:0600:49:09 มันแน่นอนว่ารสชาติอร่อยก็มักจะผูกติดกับ

00:49:0900:49:12 ความเค็มนะคะความเค็มก็อาจจะเป็นปัจจัย

00:49:1200:49:15 นึงนะคะที่อ่าเป็นทำให้ไตเราเสื่อมเร็ว

00:49:1500:49:18 ขึ้นนะคะโรคไตหรือว่าอาการเสื่อมของไต

00:49:1800:49:20 เนี่ยครับมันจะมีผลยังไงต่อสุขภาพของเรา

00:49:2000:49:23 อืค่ะจริงๆไตของเราเนี่ยต้องบอกว่ามันจะ

00:49:2300:49:25 มีผลอย่างไรก็ต้องรู้ก่อนว่าไตของเรามี

00:49:2600:49:28 หน้าที่อะไรบ้างนะคะหน้าที่ไตของเราเนี่ย

00:49:2800:49:31 แบ่งเป็นหน้าที่ 3 หน้าที่หลักๆเลยอันแรก

00:49:3100:49:34 เลยคือจะกำจัดของเสียแล้วก็ในเรื่องของ

00:49:3400:49:36 ควบคุมในเรื่องสมดุลน้ำนะคะหน้าที่ที่ 2

00:49:3600:49:40 ก็คือรักษาสมดุลพวกเกลือแร่ต่างๆสมดุลกรด

00:49:4000:49:42 ด่างต่างๆในร่างกายและหน้าที่ที่ 3 ก็

00:49:4200:49:45 เป็นหน้าที่ที่สำคัญมากเลยไตของเราเนี่ย

00:49:4500:49:47 จะมีหน้าที่ในการสร้างสารที่ช่วยในการควบ

00:49:4700:49:51 คุมส่วนต่างๆที่สำคัญคืออันแรกเลยสารพวก

00:49:5100:49:53 ฮอร์โมนเลนินนะคะที่ควบคุมในเรื่องของ

00:49:5300:49:56 ความดันนะคะจะเห็นว่าในคนที่เป็นโรคไตก็

00:49:5600:49:59 จะความดันโลหิตสูงนะคะอันที่ 2 คืออ่า

00:49:5900:50:00 ฮอร์โมน

00:50:0000:50:04 อิพิที่กระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเม็ดเลือด

00:50:0400:50:06 แดงดังนั้นคนเป็นโรคไตก็อาจจะมีภาวโลหิต

00:50:0600:50:08 จางได้นะคะหรือไตเสื่อมก็เริ่มมีภาวะ

00:50:0800:50:12 โลหิตจางได้อันที่ 3 คือไตทำหน้าที่

00:50:1200:50:14 เปลี่ยนวิตามินดีให้อยู่ในรูป Active ร์ม

00:50:1400:50:17 ทำให้ช่วยในการรักษาสมดุนพวกแคลเซียมอ่า

00:50:1700:50:20 ฟอสฟอรัสที่เกี่ยวข้องกับเ่อมวลกระดูกได้

00:50:2000:50:23 ดังนั้นเนี่ยเมื่อไตเสื่อมเนี่ยสิ่งที่จะ

00:50:2300:50:25 สังเกตได้เลยจากหน้าที่ 3 หน้าที่ที่หลัก

00:50:2500:50:28 ๆคือเขาจะมีอาการบวมเกิดขึ้นนะคะไม่ว่าจะ

00:50:2800:50:32 บวมตามเอ่อขาก็ได้นะคะหรือเปลือกปาก็ได้

00:50:3200:50:35 ที่เราสังเกตชาๆคือบวมที่ขาหรือตามตัวนะ

00:50:3500:50:37 คะอันที่ 2 เความดันความดันเขาก็จะสูง

00:50:3700:50:40 ขึ้นนะคะอาจจะพบภาวะความเอ่อในเรื่องของ

00:50:4000:50:43 โลหิตจางได้นะคะกระดูกมวลกระดูกเนี่ยก็จะ

00:50:4300:50:46 เ่าน้อยลงนะคะเพราะว่าในเรื่องของบทบาท

00:50:4600:50:49 หน้าที่ของตัวไตเนี่ยทำงานได้แย่ลงรวมถึง

00:50:4900:50:51 ของเสียเนี่ยถ้าเจาะเลือดก็พบว่าของเสีย

00:50:5100:50:53 ที่มันอาจจะข้างอยู่ในเลือดที่สูงกว่า

00:50:5300:50:57 ปกติไม่ว่าจะเป็นค่าบี้ Un เตินหรือว่า

00:50:5700:51:00 พวกยูริคแอซิดต่างๆหรือแร่ธาตุต่างๆที่

00:51:0000:51:03 อาจจะสูงขึ้นได้ค่ะโอ้โหพอพูดถึงโรคไตผม

00:51:0300:51:05 ก็มักจะได้ยินบ่อยๆว่าเฮ้ยอย่ากินเค็มดิ

00:51:0500:51:08 กินเค็มแล้วมันจะทำให้เป็นโรคไตอย่างงี้

00:51:0800:51:11 แสดงว่ากินเค็มทำให้เป็นโรคไตเลยหรือ

00:51:1100:51:14 เปล่ากิ่นเค็มก็เป็นส่วนหนึ่งนะคะก็อาจจะ

00:51:1400:51:16 เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มีไตเสื่อมเร็วขึ้น

00:51:1600:51:19 นะคะแต่อาจจะมีประเด็นอื่นๆนะคะที่เป็น

00:51:1900:51:21 องค์ประกอบของอาหารที่ทำให้เราไตเรา

00:51:2100:51:23 เสื่อมเร็วขึ้นอย่างเช่นเราอาจจะเป็นเบา

00:51:2300:51:26 หวานก็จะเร่งทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้นหรือ

00:51:2600:51:29 ว่าคนที่กินเ่ออาหารมากเกินไปภาวะอ้วนนะ

00:51:2900:51:32 คะไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรตไขมันนะคะพวก

00:51:3200:51:34 นี้ก็ทำให้เป็นเร่งไตเสื่อมเร็วขึ้นแต่

00:51:3400:51:37 ถ้าจะมาโฟกัสที่ประเด็นว่ากินเค็มทำให้ไต

00:51:3700:51:40 เสื่อมเร็วขึ้นมยก็ใช่นะคะเพราะว่าอะไร

00:51:4000:51:43 เพราะว่าการกินเค็มเนี่ยก็จะมีเค็มเนี่ย

00:51:4300:51:46 จะผูกติดคำว่าโซเดียมเหมือนกันนะคะและธาุ

00:51:4600:51:49 โซเดียมเนี่ยเขามีบทบาทในการรักษาสมดุล

00:51:4900:51:51 น้ำภายในหลอดเลือดระบบหมุนเวียนของเรานะ

00:51:5100:51:54 คะดังนั้นเนี่ยเมื่อเรากินเค็มเข้าไปไตทำ

00:51:5400:51:57 หน้าที่รักษะสมดุลพวกโซเดียมและน้ำทำให้

00:51:5700:52:00 ไตทำงานหนักมากขึ้นดังนั้นถ้าเกิดไตมัน

00:52:0000:52:04 กำจัดได้ไม่หมดเนี่ยทำให้มีของเหลวข้างไป

00:52:0400:52:06 ในร่างกายมากก็เกิดความดันโลหิตสูงก็จะ

00:52:0600:52:09 เร่งทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้นดังนั้นมัน

00:52:0900:52:11 เหมือนเป็นวงจรที่วนกันไปวนกันมาสุดท้าย

00:52:1100:52:14 ก็ไตเสื่อมจากการกินเค็มแต่ก็จะไม่ใช่

00:52:1400:52:16 ประเด็นเดียวที่ทำให้ไตเสื่อมถ้างั้นเรา

00:52:1600:52:19 ลองโฟกัสที่เรื่องของของความเค็มหรือว่า

00:52:1900:52:22 โซเดียมกันก่อนโซเดียมที่แนะนำในแต่ละวัน

00:52:2200:52:25 นี่ประมาณสักเท่าไหร่นะครับค่ะถ้าโซเดียม

00:52:2500:52:28 ที่เราแนะนำในแต่ละวันเนี่ยถ้าเป็นตัวเลข

00:52:2800:52:30 ที่ตามคำแนะนำเลยเพื่อสุขภาพคือไม่ควร

00:52:3000:52:32 เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวันนะคะคำว่า

00:52:3200:52:35 มิลลิกรัมต่อวันเนาะมันก็ตีไม่ออกนะว่า

00:52:3500:52:38 แต่ละอาหารแต่ละอย่างเนี่ยมันมีมากน้อย

00:52:3800:52:41 แค่ไหนนะคะอาจจะต้องบอกเลยว่าอาหารที่

00:52:4100:52:43 เป็นแหล่งโซเดียมเยอะๆมันอยู่ในกลุ่มไหน

00:52:4300:52:46 ก่อนนะคะอันแรกเลยในกลุ่มพวกอาหารแปรรูป

00:52:4600:52:50 ต่างๆอาหารกึ่งสำเร็จรูปอาหารหมักดองนะคะ

00:52:5000:52:52 อาหารแปรรูปถ้าให้นึกง่ายๆคือพวกเนื้อ

00:52:5200:52:55 สัตว์แปรรูปต่างๆนะคะอย่างเช่นอ่าไส้กรอ

00:52:5500:52:58 หมูยอนะคะโดยปกติเนื้อสัตว์ 30 กรัมเนี่ย

00:52:5800:53:00 จะมีปริมาณโซเดียมแค่ประมาณ 30 มิลกรัม

00:53:0000:53:03 เองแต่พอเราไปแปรรูปปุ๊บเนี่ยน้ำหนักที่

00:53:0300:53:05 เท่ากันมีปริมาณโซเดียมเพิ่มขึ้นถึง 10

00:53:0600:53:08 เท่าเป็น 300 มิลกรัมรวมถึงในกลุ่ม

00:53:0800:53:11 เครื่องปรุงต่างๆนะคะเครื่องปรุงไม่ว่าจะ

00:53:1100:53:15 เป็นซอสเอ่อซอสปรุงรสน้ำปลาผงชูรสนะคะ

00:53:1500:53:18 หรือผงปรุงรสต่างๆรวมถึงพวกเครื่องจิ้ม

00:53:1800:53:21 ต่างๆที่เราอาจจะนึกไม่ถึงอย่างเช่นพวก

00:53:2100:53:24 น้ำจิ้มไก่ซอสมะเขือเทศน้ำจิ้มซุกกี้น้ำ

00:53:2400:53:27 จิ้มอ้าอ่าใช่แล้วก็น้ำปลาร้าที่เป็น

00:53:2700:53:29 เครื่องปรุงรสต่างๆพวกกลุ่มเก็จะเป็น

00:53:2900:53:31 กลุ่มที่เป็นแหล่งโซเดียมที่เราก็รู้แต่

00:53:3100:53:33 มันผูกติดกับความอร่อยเนาะเพราะฉะนั้นเรา

00:53:3300:53:36 รู้เนี่ยเราอาจจะต้องมีเ่อความระมัดระวัง

00:53:3600:53:39 ในการกินนะคะรวมถึงโซเดียมที่อาจจะรสชาติ

00:53:3900:53:42 ไม่เค็มแโซเดียมพวกเจะอยู่ในพวกโซเดียม

00:53:4200:53:45 ไบคาร์บอเนตที่เป็นอ่าผงฟูอืดังนั้นเนี่ย

00:53:4500:53:49 พวกสาลับเเาพวกเค้กพวกขนมปังอะไรที่มัน

00:53:4900:53:51 ขึ้นฟูเนี่ยพวกนี้ต้องระมัดระวังด้วย

00:53:5200:53:53 เพราะว่าเราจะไม่ได้รับสัมผัสของความเค็ม

00:53:5400:53:57 แต่มันมีโซเดียมในนั้นอครวมถึงพวกอ่า

00:53:5700:54:00 อาหารที่บรรจุกล่องพวกอย่างน้ำผลไม้หรือ

00:54:0000:54:02 ว่าอาหารกระป๋องพวกนี้จะมีโซเดียมกลุ่ม

00:54:0200:54:05 ที่มันใช้ในการเเรียกว่าเป็น preservative

00:54:0500:54:07 ยื่นในยุคการเก็บรักษาอาหารซึ่งตรงนี้

00:54:0700:54:10 เนี่ยก็จะเป็นแหล่งโซเดียมที่ถ้ารู้ไว้

00:54:1000:54:12 ว่ามันอยู่ในไหนเนี่ยมันจะทำให้เรามีการ

00:54:1200:54:15 หลีกเลี่ยงได้ดีนะคะโดยหลักการง่ายๆเมื่อ

00:54:1500:54:18 เรามีโควต้า 2,000 มิลลิกรัมต่อวันเราก็

00:54:1800:54:20 หารด้วยมื้อหลักของเรา 3 มื้อใช่มั้ยคะ

00:54:2000:54:22 เพราะฉะนั้นเนี่ยมันก็จะตบมือแล้วประมาณ

00:54:2200:54:25 600 มิลกรัมนิดๆนะคะซึตรงนี้เนี่ย 600

00:54:2500:54:27 มิลกรัมเนี่ยถ้าเราตีเป็นเรื่องของ

00:54:2700:54:30 เครื่องปรุงเนี่ยต่อ 1 มื้อเนี่ยควรจะ

00:54:3000:54:33 เท่าไหร่นะคะต่อ 1 มื้อเนี่ยถ้าพวกน้ำปลา

00:54:3300:54:36 ซอสปุ้งรสต่างๆ 1 ช้อนชาประมาณ 400 มกร

00:54:3600:54:38 หรือว่าเราอาจจะใช้ 1 ช้อนชาแล้วบวกกับ

00:54:3800:54:41 พวกเครื่องจิ้มต่างๆพวกซอสคะหรือว่าน้ำ

00:54:4100:54:44 จิ้มไก่น้ำจิ้มบ๊วยต่างๆ 1 ช้อนโต๊ะเนี่ย

00:54:4400:54:47 จะมีปริมาณโซเดียมประมาณ 200 มิลกรัมก็

00:54:4700:54:50 อาจจะเป็นการปรุงรสด้วยอ่าเครื่องปรุงรส

00:54:5000:54:53 พวกน้ำปลาหรือซอสประมาณ 1 ช้อนชาแล้วก็

00:54:5300:54:55 เผื่อไว้สำหรับเครื่องจิ้มต่างต่างๆในมือ

00:54:5600:54:58 นั้นสัก 1 ช้อนโต๊ะได้นะคะซึ่งตรงนี้

00:54:5800:55:00 เนี่ยก็พอบวกกันแล้วเนี่ยก็จะได้ประมาณ

00:55:0000:55:03 600 มิลกรัมก็จะเป็นตัวเลขง่ายๆดังนั้น

00:55:0300:55:05 เนี่ยเราจะมีวิธีการอย่างไรทำให้เรารับ

00:55:0500:55:08 ประทานโซเดียมให้อยู่ในขอบเขตที่เราบอกนะ

00:55:0800:55:12 คะอันแรกเลยต้องเอาพฤติกรรมว่าต้องชิม

00:55:1200:55:15 ก่อนปรุงเนาะไม่ใช่ปรุงก่อนชิมนะคะคือถ้า

00:55:1500:55:18 เราปรุงก่อนชิมเนี่ยบางทีเนี่ยอาหารณ

00:55:1800:55:20 ปัจจุบันเขาทำมาแบบปรุงรสชาติที่มันอร่อย

00:55:2000:55:22 อยู่แล้วชิมก่อนเเราจะได้รู้ความพอดีเรา

00:55:2300:55:25 จะได้ไม่เติมเพิ่มนะคะอันที่ที่ 2 ก็คือ

00:55:2500:55:27 ในเรื่องของการอ่านฉลากโภชนาการเนาะแล้ว

00:55:2700:55:30 ปัจจุบันเนี่ยของที่เขาบรรจุขายมักจะมี

00:55:3000:55:33 ฉลากโภชนาการช่วยเราอยู่แล้วนะคะใน 1

00:55:3300:55:35 หน่วยบริโภคเนี่ยถ้าเกิดเราจะควบคุม

00:55:3500:55:37 ปริมาณโซเดียมเนี่ยก็คือไม่ควรมีปริมาณ

00:55:3700:55:39 โซเดียมต่อ 1 หน่วยบริโภคเกิน 140

00:55:3900:55:41 มิลกรัมอือซึ่งตรงนี้จะช่วยทำให้เราเลือก

00:55:4100:55:44 ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีโซเดียมมากเกินไปนะคะ

00:55:4400:55:46 แล้วก็ในเรื่องของโซเดียมมักจะอยู่ในพวก

00:55:4600:55:49 น้ำซุปน้ำผัดเราอาจจะมีเทคนิคนึงในการกิน

00:55:4900:55:52 อาหารที่มันจะมีน้ำเยอะๆเนี่ยอาจจะใช้พวก

00:55:5200:55:55 ตะเกียบพวกซ่อมเข้ามาช่วยแทนการใช้ช้อนก็

00:55:5500:55:57 จะช่วยลดปริมาณโซเดียมได้นะคะแล้วก็ถ้า

00:55:5700:55:59 มื้อไหนเรามีการเลือกอาหารที่เป็นแหล่ง

00:55:5900:56:01 โซเดียมสูงอย่างเช่นมื้อนี้เรากินบะหมิก

00:56:0100:56:03 กึ่งสำเร็จรูปแล้วเนี่ยเรารู้อยู่แล้วว่า

00:56:0300:56:05 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเนี่ยมันจะมีโซเดียม

00:56:0500:56:08 ประมาณ 1,500 มิลิกรัมซึ่งเกือบจะเอา

00:56:0800:56:10 โคต้าทั้งวันเราไปแล้วแต่ว่ามื้ออื่นๆเรา

00:56:1000:56:13 ก็ยังต้องกินอาหารที่มันพอมีรสชาติบ้าง

00:56:1300:56:14 แต่ให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มันต้องมี

00:56:1400:56:17 เครื่องจิ้มหรือมีอะไรที่มันเป็นแปรรูปนะ

00:56:1700:56:19 คะซึ่งตรงนี้ก็เป็นการรักสาวสมดุลอาหาร

00:56:1900:56:22 ทั้งวันไม่ให้โซเดียมมากเกินไปค่ะอือที

00:56:2200:56:24 นี้นอกจากโซเดียมหรือว่าอาหารที่มีรสเค็ม

00:56:2400:56:27 แล้วมีอะไรที่อาจจะเป็นสาเหตุที่นำไปสู่

00:56:2700:56:29 อาการไตเสื่อมหรือว่าโรคไตได้อีกมยครับ

00:56:2900:56:33 ค่ะอีกประเด็นหนึงที่เป็นร้อยละ 40% เลย

00:56:3300:56:36 ของการเป็นโรคไตหรือไตเสื่อมเนี่ยเกิดจาก

00:56:3600:56:39 การเป็นเบาหวานนะคะอครับการเป็นเบาหวาน

00:56:3900:56:41 เนี่ยจะทำให้ไตเราเสื่อมเร็วขึ้นอย่างไร

00:56:4100:56:43 นะคะเพราะว่าการเป็นบาหวานนั้นแสดงว่า

00:56:4300:56:45 ร่างกายเนี่ยเรามีน้ำตาลในเลือดสูงซึ่ง

00:56:4500:56:47 น้ำตาลในเลือดสูงเนี่ยมันจะทำลายหลอด

00:56:4700:56:49 เลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายรวม

00:56:5000:56:52 ถึงหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงไตด้วยซึ่งตรงนี้

00:56:5200:56:55 เนี่ยไตทำงานได้แย่ลงรวมถึงการเป็นเบา

00:56:5500:56:59 หวานเนี่ยเขาจะมีภาวะที่ทำให้เ่อทำลาย

00:56:5900:57:02 เส้นปสาทซึ่งเส้นปสาทในส่วนที่อาจจะ

00:57:0200:57:05 เลี้ยงกระเพาะปัสสาวะเนี่ยถูกทำลายไปทำ

00:57:0500:57:08 ให้การปัสสาวะของเขาเนี่ยปัสสาวะได้ไม่

00:57:0800:57:11 สุดกระเพาะปัสสาวะเนี่ยเ่อมีน้ำปัสสาวะ

00:57:1100:57:14 ค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะมากซึ่งตรงนี้ทำ

00:57:1400:57:16 ให้การเกิดการติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ

00:57:1600:57:19 และกรวยไตซึ่งก็จะนำมาซึ่งปัญหาในเรื่อง

00:57:1900:57:23 ของอ่าไตเสื่อมได้แล้วก็อีกประการนึงอาจ

00:57:2300:57:26 จะเคยได้ยินว่าอ้วนกบถมไตเพราะว่าเวลาเรา

00:57:2600:57:29 มีน้ำหนักที่เกินเนี่ยมันจะไปกดในเรื่อง

00:57:2900:57:32 ของหลอดเลือดที่ไปเลียงไตทำให้ในเรื่อง

00:57:3200:57:35 ของความดันโลหิตก็จะสูงขึ้นมีโปรตีนรั่ว

00:57:3500:57:38 ได้ซึ่งตรรงนี้ก็ทำให้เกิดไตเสื่อมได้ดัง

00:57:3800:57:41 นั้นเนี่ยการกินอาหารที่พลังงานมากเกินไป

00:57:4100:57:44 ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดไตเสื่อม

00:57:4400:57:46 ได้งั้นก็มาเข้าเรื่องของเราเลยก็คือ

00:57:4600:57:50 อาหารบำรุงไตแล้วเราจะเลือกกินยังไงให้

00:57:5000:57:52 ให้ไตของเราเนี่ยไม่พังซึ่งแบบแผนอาหาร

00:57:5200:57:55 ที่มีการพูดถึงว่าจะช่วยชะลอไตเสื่อมได้

00:57:5500:57:57 ก็คือแบบแผ่นที่เราอาจจะเคยได้ยินคือ das

00:57:5700:58:01 Diet อ่า das Diet คือแบบแผนอาหารเพื่อ

00:58:0100:58:04 ลดความดันโลหิตนะคะเพราะว่าความดาโลหิต

00:58:0400:58:06 สูงเป็นปัจจัยนึงเป็นปัจจัยสำคัญเลยแหละ 2

00:58:0600:58:09 สาเหตุหลักๆทำให้ไตเสื่อมนะคะหรือว่า

00:58:0900:58:12 meditan Diet ที่เราพูดถึงบ่อยๆที่เ

00:58:1200:58:14 ช่วยดูแลทั้งหัวใจหรือเป็นอาหารสุขภาพ

00:58:1400:58:17 ต่างๆซึ่งแบบแผนเนี่ยถ้าเรามาถอดว่ามันมี

00:58:1700:58:19 รายละเอียดอย่างไรบ้าง das di กับเ่อ

00:58:1900:58:22 meditan Diet มันมีจุดร่วมกันคือเขาจะ

00:58:2200:58:26 เน้นอะไรที่มีเป็นพืชผักยอาหารเยอะๆนะคะ

00:58:2600:58:29 ดังนั้นในกลุ่มของข้าวแป้งนะคะเขาคก็จะ

00:58:2900:58:33 เน้นที่มันมียอาหารเยอะๆหน่อยนะคะแล้วก็

00:58:3300:58:36 อ่าพืชผักต่างๆเนี่ยก็เน้นว่าให้กินได้

00:58:3600:58:39 ทุกมื้อนะคะผักเนี่ยถ้าตามคำแนะนำเนี่ย

00:58:3900:58:42 ต่อ 1 มื้อให้ได้สัก 2 ทับพีนะคะเพื่อให้

00:58:4200:58:44 ได้รับพวกแยอาหารที่เพียงพอส่วนกลุ่ม

00:58:4400:58:47 โปรตีนล่ะเขาก็จะเน้นว่าควรจะเป็นโปรตีน

00:58:4700:58:51 ที่ไม่ติดหนังติดมันเป็นโปรตีนที่อ่ามีไข

00:58:5100:58:54 มันอิ่มตัวน้อยอย่างเช่นพวกปลาต่างๆหรือ

00:58:5400:58:57 อาหารอาหารทะเลนะคะโปรตีนจากพืชเนี่ยส่วน

00:58:5700:58:59 ใหญ่ที่ที่แนะนำก็จะเป็นโปรตีนจากถั่ว

00:58:5900:59:02 เหลืองเพราะว่าจะมีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบ

00:59:0200:59:04 ถ้วนคล้ายๆใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์นะคะ

00:59:0400:59:07 ซึ่งตรงนี้เนี่ยเราก็จะมีคำแนะนำเพิ่ม

00:59:0700:59:09 เติมนิดนึงว่าจะมีรายละเอียดของข้อมูลการ

00:59:0900:59:11 ศึกษาวิจัยว่าถ้าเราเลือกโปรตีนจากพืช

00:59:1100:59:13 เนี่ยเมื่อเปรียบเทียบกลุ่มที่กินโปรตีน

00:59:1300:59:15 จากพืชน้อยกับกลุ่มที่กินโปรตีนจากากพืช

00:59:1500:59:18 มากเนี่ยกลุ่มที่กินโปรตีนจากพืชมากอย่าง

00:59:1800:59:20 เช่นพวกต้องหู้ต่างๆเนี่ยจะมีความเสื่อม

00:59:2000:59:24 ของไตน้อยกว่านะคะหรือว่าอาจะเป็นพวก

00:59:2400:59:26 เดี๋ยวนี้มี Plant Bas Meat ค่อนข้าง

00:59:2600:59:28 เยอะนะคะแต่ว่า Plant Bas Meat อาจต้อง

00:59:2800:59:30 ระมัดระวังว่าต้องเลือกที่มันมีโซเดียม

00:59:3000:59:32 ไม่เยอะเพราะว่า Plant Bas Meat หรือ

00:59:3200:59:35 ว่าเนื้อจากพืชเนี่ยมักจะมีข้อจำกัดใน

00:59:3500:59:37 เรื่องปริมาณโซเดียมอาจจะสูงต้องเลือกให้

00:59:3700:59:40 มันมีปริมาณโซเดียมไม่สูงด้วยค่ะพอพูดถึง

00:59:4000:59:43 แหล่งโปรตีนอีกชนิดนึงที่ผมนึกออกก็คือจะ

00:59:4300:59:47 เป็นนมนมนี่ยังแนะนำได้มั้ยครับอค่ะ

00:59:4700:59:49 สำหรับนมเนี่ยก็เป็นอีกตัวนึงที่เป็นแบบ

00:59:4900:59:51 แผ่นอาหารของ das Diet เหมือนกันเพราะ

00:59:5100:59:53 ว่าการได้รับแคลเซียมที่เพียงพอก็จะช่วย

00:59:5300:59:56 ควบคุมในเร่เรื่องของความดันเราได้แต่นม

00:59:5600:59:59 ที่ได้รับการเอ่อมีข้อมูลการศึกษาวิจัย

00:59:5901:00:02 ว่ามีผลในการช่วยชะลอตายเนี่ยคือเป็นนม

01:00:0201:00:05 ที่เป็นนมที่พร่องมันเนยหรือเป็น 0%

01:00:0501:00:07 เพราะว่ามันจะช่วยกำจัดในพวกไขมันอิ่มตัว

01:00:0701:00:09 ได้นะคะดังนั้นเนี่ยตัวนมเป็นแหล่ง

01:00:0901:00:11 แคลเซียมที่ดีแต่แนะนำให้เป็นนมจืดและ

01:00:1201:00:14 เป็นนร่องมันเนยหรือขาดมันเนยก็จะดีต่อ

01:00:1401:00:17 สุขภาพของไตเราด้วยค่ะรวมถึงในกลุ่มของไข

01:00:1701:00:19 มันก็แนะนำให้เลือกไขมันที่ดีนะคะอาจจะ

01:00:1901:00:22 เป็นน้ำมันรำค่าน้ำมันมะกอกนะคะหรือว่าไข

01:00:2201:00:25 มันจากปลาพวกโอเมก้า 3 ว่าจะปลาแซลมอนปลา

01:00:2501:00:28 ทูน่านะคะหรือว่าพอพูดแบบนี้มันดูไกลตัว

01:00:2801:00:32 มากอาจจะเป็นปลาไทยๆปลาจาระเม็ดปลากระพง

01:00:3201:00:35 นะคะปลาทูก็ได้นะคะซึ่งตรงนี้ก็จะช่วยทำ

01:00:3501:00:37 ให้ชะลอตายเสื่อมได้และอีกประการหนึใน

01:00:3701:00:40 เรื่องของการดื่มน้ำนะคะเพราะการดื่มน้ำ

01:00:4001:00:42 เนี่ยเป็นประเด็นที่สำคัญเลยนะคะเพราะว่า

01:00:4301:00:45 การที่ขาดน้ำเนี่ยไตก็จะยิ่งทำงานหนักมาก

01:00:4501:00:48 ขึ้นเพราะไตจะต้องมีการขับไถยของเสียผ่าน

01:00:4801:00:50 การขับปัสสาวะต่างๆดังนั้นเนี่ยน้ำเนี่ย

01:00:5001:00:53 ต้องกินให้เพียงพอนะคะถ้าเราขาดน้ำเนี่ย

01:00:5301:00:55 ตายเนี่ยยิ่งแย่ดังนั้นเนี่ยความเพียงพอ

01:00:5501:00:58 ของการกินน้ำเนี่ยถือว่าสำคัญเราจะคำนวณ

01:00:5801:01:01 ได้ยังไงว่าเราควรจะกินน้ำเท่าไหร่นะคะ

01:01:0101:01:05 หลักการง่ายๆเลยเราเอาอ่า 30-40 มลเนี่ย

01:01:0601:01:08 คูณน้ำหนักตัวของเรานะคะอย่างเช่นเราเอา

01:01:0801:01:11 40 ก็ได้นะคะเราน้ำหนักตัว 50 กกเราคูณ

01:01:1101:01:15 40 ปุ๊บมันก็จะได้ 2,000 ML หรือประมาณ

01:01:1501:01:18 2 ลิตรเอออันนี้ก็ถือถือเป็นคำแนะนำที่เ

01:01:1801:01:21 บอกว่าควรกินน้ำใน 1 วันประมาณ 6-8 แก้ว

01:01:2101:01:24 ต่อวันมันก็มีที่มาที่ไปจากตรงนี้อ๋อถ้า

01:01:2401:01:27 งั้นผมตัวใหญ่หน่อยผมก็ 8 แก้วหรือว่า 2

01:01:2701:01:29 ลิตรอาจจะไม่พอใช่ก็ต้องเพิ่มตามน้ำหนัก

01:01:2901:01:32 ตัวแต่อาจจะต้องมีข้อควรระวังนิดนึงว่า

01:01:3201:01:34 ถ้าผู้ชมบางคนเนี่ยไปฟังแล้วตัวเองดัน

01:01:3401:01:37 เป็นโรคไตหรือว่าโรคหัวใจที่มีต้องมี

01:01:3701:01:40 จำกัดเรื่องน้ำเนี่ยก็อาจจะต้องดูให้มีพอ

01:01:4001:01:42 ดีกับโรคที่เป็นอยู่ด้วยค่ะข้อมูลหรือว่า

01:01:4301:01:45 ชนิดของอาหารที่ที่คุณเอแนะนำเรื่องไม่

01:01:4501:01:47 ว่าจะเป็น Dash หรือว่า mediterranean

01:01:4701:01:49 Diet นี่ก็คือสูตรอาหารหรือว่าเป็นแนว

01:01:4901:01:52 ทางการรับประทานอาหารที่ทุกคนใช้ได้ใช่

01:01:5201:01:55 ค่ะไม่ใช่แค่เอ่อคนที่ใกล้จะไตเสื่อมแต่

01:01:5501:01:58 ว่าจริงๆทุกคนหรือวัยเราๆจริงๆก็ควรจะรับ

01:01:5801:02:01 ประทานเพราะว่าแบบแผนที่พูดไปเนี่ยมันไม่

01:02:0101:02:03 ใช่แค่เรื่องไตอย่างเดียวมันดูองค์รวมของ

01:02:0401:02:07 ทุกอวยวะของร่างกายเลยนะคะอครับแล้วถ้า

01:02:0701:02:10 สมมุติว่ามีอาการเริ่มมีอาการไตเสื่อมละ

01:02:1001:02:13 Dash Diet หรือว่า meditan Diet เนี่ย

01:02:1301:02:16 มันยังช่วยได้มยหรือต้องมีการระวังอะไร

01:02:1601:02:21 เพิ่มเติมมอืค่ะแน่นอนเลยว่าเวลาเรามีภวะ

01:02:2101:02:23 ไตเสื่อมแล้วเนี่ยมันก็ต้องมีการปรับใน

01:02:2301:02:27 เรื่องของปริมาณอาหารแล้วก็ชนิดอาหารบ้าง

01:02:2701:02:29 นะคะไายเนี่ยมันจะมีความเสื่อมมีหลายระยะ

01:02:2901:02:32 5 ระยะเนาะระดับที่ 3 การกร้องของตายเรา

01:02:3201:02:35 อยู่ที่ประมาณไม่ถึง 50% แล้วเนี่ยอาจจะ

01:02:3501:02:38 ต้องมีการปรับลดในตัวของโปรตีนนะคะโปรตีน

01:02:3801:02:41 ที่เราแนะนำว่าอ่าควรจะกินเยอะๆเนาะอาจจะ

01:02:4101:02:44 ต้องเหลือมื้อละประมาณ 3 ช้อนกินข้าวนะคะ

01:02:4401:02:47 เพื่อให้ปริมาณโปรตีนเนี่ยไม่มากเกินไปจน

01:02:4701:02:49 ตตเนี่ยจะต้องมีการขับของเสียจากการย่อย

01:02:4901:02:52 โปรตีนมากเกินรวมถึง่าธาตุพวกโพแทสเซียม

01:02:5201:02:55 ที่เราจะเจอในพวกผักผลมไม้นะคะเมื่อไต

01:02:5501:02:57 เริ่มเสื่อมแล้วเนี่ยก็มักจะมีระดับ

01:02:5701:03:01 โพแทสเซียมที่สูงนะคะดังนั้นเนี่ยกลุ่ม

01:03:0101:03:04 ผักผลไม้ที่มีสีส้มสีเหลืองสีแดงหรือ

01:03:0401:03:07 เขียวเข้มเนี่ยก็อาจจะต้องระมัดระวังรวม

01:03:0701:03:09 ถึงผลไม้บางชนิดชนิดที่โพแทสเซียมเยอะ

01:03:0901:03:12 เกินไปพวกแก้มังกรแล้วก็มะพร้าวนะคะที่มี

01:03:1201:03:14 โพแทสเซียมสูงเนี่ยก็อาจจะต้องมีการลด

01:03:1401:03:17 ปริมาณการกินลงนะคะแต่ก็ยังกินได้แต่ต้อง

01:03:1701:03:19 ให้รู้ว่ามันเป็นแหล่งโพแทสเซียมอันที่ 3

01:03:1901:03:22 คือฟอสฟอรัสนะคะฟอสฟอรัสเนี่ยก็จะเป็นแร่

01:03:2201:03:25 ธาตุตัวนึงที่เวลาตเรามีความบกพร่องหรือ

01:03:2501:03:28 การกรองแย่ลงเนี่ยฟอสฟอรัสเนี่ยก็จะสูง

01:03:2801:03:30 ซึ่งฟอสฟอรัสที่อาจจะต้องระมัดระวังคือ

01:03:3001:03:33 ฟอสฟอรัสที่เกิดจากการสังเคราะห์คืออยู่

01:03:3301:03:37 ในแหล่งไหนก็คือในพวกอ่าน้ำอารมณ์สีดำนะ

01:03:3701:03:41 คะอแล้วก็สารที่ใช้สำหรับแช่แข็งอาหาร

01:03:4101:03:44 ต่างๆดังงั้นพวกอาหารแช่แข็งแล้วก็น้ำ

01:03:4401:03:46 อารมณ์สีดำเนี่ยก็ควรจะหลีกเลี่ยงในกลุ่ม

01:03:4601:03:49 ที่มีอ่าไตเริ่มเสื่อมในระดับที่ต้องมี

01:03:4901:03:52 การปรับอาหารแล้วค่ะครับผมเคยได้ยิน

01:03:5201:03:57 เรื่องของการห้ามกินโปรตีนที่อยู่ในไข่

01:03:5701:04:00 เพราะมันอาจจะไปเพิ่มปริมาณโโปรตีนในสาร

01:04:0001:04:03 อาหารจนมากเกินไปแล้วอาจจะมีผลต่อเรื่อง

01:04:0301:04:05 ของไตที่มันเสื่อมอยู่อันนี้อันนี้จริง

01:04:0501:04:07 มั้ยอ่ะอเวลาเราไปโรงพยาบาลเนาะเวลาคน

01:04:0701:04:10 เป็นโรคไตคุณหมอมาจะบอกว่าให้กินแต่ไข่

01:04:1001:04:13 ขาวนะคะแต่จริงๆแล้วในภาวะที่ไตเราปกติ

01:04:1301:04:16 เนี่ยเราสามารถกินทั้งไข่ขาวไข่แดงได้นะ

01:04:1601:04:19 คะแต่ในเวะระยะที่มันเริ่มไตเสื่อมเนาะ

01:04:1901:04:22 ตัวฟอสฟอรัสในไข่แดงเนี่ยมันค่อนข้างสูง

01:04:2201:04:25 นะคะหมอก็เลยเลี่ยงว่ากินไข่ได้เดี๋ยอาจ

01:04:2501:04:28 จะเลี่ยงไข่แดงแต่จริงๆแล้วเราสามารถจะ

01:04:2801:04:30 ปรับในเรื่องปริมาณการกินไข่ได้เราก็กิน

01:04:3101:04:33 ทั้งไข่ขาวไข่แดงได้ไม่ว่าจะเป็นโรคไตเรา

01:04:3301:04:36 ก็ตามนะคะแต่เนื่องจากคุณหมอเนี่ยอาจจะ

01:04:3601:04:39 เป็นคำแนะนำที่แบบให้ง่ายในทางปฏิบัติแต่

01:04:3901:04:41 จริงๆแล้วถ้าไปเจอนักกำหนดอาหารเนี่ยเขา

01:04:4101:04:44 สามารถจะให้คนไข้ที่เป็นโรคไตกินไข่ได้

01:04:4401:04:46 ทั้งฟองเพียงแต่ว่าอยู่ในปริมาณที่เหมาะ

01:04:4601:04:48 สมแต่ในกรณีที่เราเนี่ยต้องการกินอาหาร

01:04:4801:04:51 เพื่อดูแลสุขภาพไตเรายังปกติเนี่ยไข่แดง

01:04:5101:04:53 เรากินได้นะคะไม่ได้มีปัญหาอะไรถ้าเผื่อ

01:04:5301:04:56 เราอยากที่ที่จะควบคุมไม่ให้โซเดียมมาก

01:04:5601:04:58 เกินไปก็มันตอนนี้มันก็มีผลิตภัณฑ์ตั้ง

01:04:5801:05:01 เยอะแยะที่เป็นเกลือในรูปแบบอื่นใช่มั้ย

01:05:0101:05:03 ครับเราเราสามารถที่จะเลือกเกลือเหล่า

01:05:0301:05:07 นั้นได้ไหมอืค่ะสำหรับในเรื่องของพอเรา

01:05:0701:05:10 พูดว่าเฮ้ยโซเดียมมันน่ากังวลเนาะมันก็จะ

01:05:1001:05:12 มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นอ่าเค้าเรียกว่า

01:05:1201:05:16 เครื่องปรุงแต่งรถที่ใช้เ่อสารอาหารอื่นๆ

01:05:1601:05:18 เข้ามาแทนคือโปแทสเซียมคลอไรด์ตัว

01:05:1801:05:20 โพแทสเซียมเนี่ยเป็นตัวแรทธาที่มี

01:05:2001:05:22 ประโยชน์ในการช่วยลดความดันโลหิตเราได้

01:05:2201:05:24 ดังนั้นเนี่ยถ้าจะเลือกผลิตผพันธ์กลุ่ม

01:05:2401:05:26 ที่เป็นโพเทสเซียมเนี่ยเราสามารถใช้ได้ใน

01:05:2601:05:30 กรณีที่เขาไม่ได้มีปัญหาโรคไตนะคะอาจจะมี

01:05:3001:05:33 แค่ความานที่ต้องจำกัดโซเดียมแต่ถ้าเกิด

01:05:3301:05:35 มีปัญหาโรคไตแล้วเนี่ยต้องระมัดระวังใน

01:05:3501:05:38 การใช้นะคะซึ่งถามว่ามันอันตรายมั้ยการ

01:05:3801:05:41 ใช้โพแทสเซียมทดแทนในกลุ่มผู้ป่วยโรคตาย

01:05:4101:05:43 ก็อาจจะไม่ได้อันตรายมากนักถ้าเกิดเราใช้

01:05:4301:05:45 ในปริมาณที่ไม่มากเกินไปแต่จะดีกว่าไม้

01:05:4501:05:47 ถ้าเราเลือกผลิตอันที่มันเหมาะสมตั้งแต่

01:05:4701:05:50 แรกเลยว่ามันไม่ได้เป็นใช้โพแทสเซียมทด

01:05:5001:05:52 แทนซึ่งคนเป็นโรคไตก็ต้องระมัดระวัง

01:05:5201:05:55 โพแทสเซียมด้วยเหมือนกันไม่ใช่โอย่างเดีย

01:05:5501:05:58 ซึ่งปัจจุบันเนี่ยผลิตภัณฑ์ที่เอ่อเป็นลด

01:05:5801:06:01 โซเดียมลงแล้วไม่ได้ใช้พวกโเซียมเข้ามาทด

01:06:0101:06:05 แทนเนี่ยมีขายมากมายเลยนะคะแล้วก็มีรส

01:06:0501:06:08 ชาติที่อร่อยด้วยนะคะซึ่งตรงนี้เราสามารถ

01:06:0801:06:11 อ่านฉลากได้เวลาเราจะซื้ออะไรเนี่ยที่ดี

01:06:1101:06:14 ต่อสุขภาพอ่านฉลากนิดนึงนะคะไม่ใช่แค่ว่า

01:06:1401:06:17 อ๋อลดโซเดียมแต่ว่ามันมีโปแทสเซียมทดแทน

01:06:1701:06:19 นะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยแนะนำว่าพยายามปรับ

01:06:1901:06:23 รสในเรื่องรสชาตินะคะกินรสชาติที่เป็น

01:06:2301:06:25 ธรรมชาติแล้วกลับไปกินอะไรที่มันเป็นสิ่ง

01:06:2501:06:28 ที่เป็นธรรมชาติผ่านการแปรรูปน้อยโซเดียม

01:06:2801:06:30 ก็จะได้ในปริมาณที่เหมาะสมในช่วงสุดท้าย

01:06:3001:06:33 เยผมก็จะชวนคุณ x ให้ได้ฝากถึงคุณผู้ชม

01:06:3301:06:35 คุณผู้ฟังเรื่องของการดูแลสุขภาพโดยทั่ว

01:06:3501:06:39 ไปโดยใช้หลักการทางด้านโภชนาการครับออื

01:06:3901:06:42 ค่ะั้นในเรื่องของการดูแลสุขภาพถ้าพูดถึง

01:06:4201:06:45 ของเรื่องไตเนาะอันดับแรกเลยในเรื่องของ

01:06:4501:06:47 อาหารการกินแนะนำให้กินอาหารที่ดีต่อ

01:06:4701:06:50 สุขภาพนะคะอย่างที่บอกไปเลยนะคะดีต่อ

01:06:5001:06:53 สุขภาพคือมีอะไรบ้างนะคะในปริมาณที่สมดุล

01:06:5301:06:55 ไม่มากเกินไปไปนะคะรวมถึงดื่มน้ำให้เพียง

01:06:5501:06:58 พอนะคะแล้วก็ในเรื่องของการดูแลน้ำหนัก

01:06:5801:07:01 ตัวนะคะอย่างที่บอกไปว่าอ้วนกรมระทมไตได้

01:07:0101:07:04 เพราะฉะนั้นน้ำหนักตัวเนี่ยหมั่นดูแลให้

01:07:0401:07:06 อย่าให้มันเพิ่มมากไปกว่าเดิมนะคะหรือว่า

01:07:0601:07:08 ถ้าใครมีน้ำหนักตัวที่มากแล้วเนี่ยพยายาม

01:07:0801:07:11 ลดระดับน้ำหนักตัวลงมาสัก 5-10 per มัน

01:07:1101:07:14 ก็จะเห็นผลดีต่อสุขภาพนะคะแล้วเรื่องการ

01:07:1401:07:16 ออกกำลังกายก็สำคัญเนาะเพราะการออกกำลัง

01:07:1701:07:19 กายเนี่ยมันจะทำให้ระบบต่างๆของร่างกายทำ

01:07:1901:07:21 งานได้ดีรวมถึงดูแลในเรื่องของน้ำหนักเรา

01:07:2101:07:24 ได้ด้วยนะคะแล้วก็ในเรื่องของการนอนหลพัก

01:07:2401:07:26 ผ่อนนะคะอันนี้ยังไม่ได้พูดถึงเลยจริงๆ

01:07:2601:07:28 การนอนหลับพักผ่อนถือว่าเป็นประเด็นที่

01:07:2801:07:30 สำคัญเพราะว่าในเรื่องของความเครียดนะคะ

01:07:3001:07:33 การพักผ่อนไม่เพียงพอมีผลทำให้ความดัน

01:07:3301:07:35 โลหิตของเราเพิ่มสูงขึ้นได้ซึ่งความดัน

01:07:3501:07:38 ที่สูงจะก็จะทำลายไตของเราได้ด้วยนะคะรวม

01:07:3801:07:42 ถึงในเรื่องของการปัสสาวะไม่กลั้นปัสสาวะ

01:07:4201:07:44 นานๆนะคะเพราะไม่งั้นเนี่ยกระเพาะปัสสาวะ

01:07:4401:07:46 เนี่ยเกิดการอักเสบปัสสาวะข้างในระบบ

01:07:4601:07:49 กระเพาะปัสสาวะมากทำให้กรวยตตอักเสบติด

01:07:4901:07:51 เชื้อได้ง่ายแล้วก็หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่

01:07:5101:07:54 ทำล้ายสุขภาพอะไรบ้างการสูบบุหรี่นะนะคะ

01:07:5401:07:56 การดื่มแอลกอฮอล์ต้องหลีกเลี่ยงตรงนี้มัน

01:07:5601:07:59 มีส่วนทำลายไตได้และอันสุดท้ายในเรื่อง

01:07:5901:08:02 ของการกินยานะคะเพราะว่าไตับถ่ายพวกสิ่ง

01:08:0201:08:05 ที่เป็นสารพิษยาถ้ามันกินในปริมาณที่มาก

01:08:0501:08:07 เกินหรือกินยาที่ซ้ำซ้อนเนี่ยตายก็จะถูก

01:08:0701:08:10 ทำลายได้เพราะฉะนั้นเนี่ยการดูแลสุขภาพไต

01:08:1001:08:12 เนี่ยนอกจากอาหารแล้วเนี่ยก็จะมีองค์

01:08:1201:08:14 ประกอบอื่นๆอย่างที่บอกไปซึ่งถ้าทำได้

01:08:1401:08:17 ทั้งหมดที่บอกไปเนี่ยหรือทำได้สัก 50%

01:08:1701:08:21 เนี่ยไตเราเนี่ยก็จะมีอายุที่ยืนยาวมาก

01:08:2101:08:23 ขึ้นนะคะไม่เสื่อมก่อนวัยอันควรค่ะครับ

01:08:2301:08:26 ถ้าทำตามที่คุณเอแนะนำเนี่ยมันคงจะไม่ได้

01:08:2601:08:29 ช่วยดูแลเรื่องแค่ไตแล้วมันจะดูแลสุขภาพ

01:08:2901:08:32 องค์รวมไปด้วยแน่ๆเลยโอกาสหน้าคงจะได้คุย

01:08:3201:08:35 กับคุณเอใหม่ในเรื่องของการใช้หลักการทาง

01:08:3501:08:38 โภชนาการในการดูแลสุขภาพในด้านอื่นๆของ

01:08:3801:08:40 ร่างกายอีด้วยนะดีเลยค่ะวันนี้ต้องขอ

01:08:4101:08:44 ขอบคุณคุณ x ดรวนพรทองโฉมนักวิชาการ

01:08:4401:08:47 โภชนาการงานสร้างเสริมสุขภาพคณะ

01:08:4701:08:50 แพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัย

01:08:5001:08:53 มหิดลครับโอกาสหน้าเราคงจะได้มาพูดคุยกัน

01:08:5301:08:55 อีกผมว่าคุยกับคุณ x ทีรแล้วคุณผู้ชมได้

01:08:5501:08:58 ประโยชน์แล้วผมก็ได้ประโยชน์ด้วยนะครับ

01:08:5801:09:02 ขอบคุณครับค่ะขอบคุณค่ะคุณผู้ชมครับคุณ

01:09:0201:09:04 ผู้ฟังครับแล้วกลับมาพบกับรายการ World

01:09:0401:09:07 be สุขภาพดีชีวิตดีสร้างได้ได้ใหม่กัน

01:09:0701:09:10 อีกครั้งหนึงทางช่องทางต่างๆของมหิดน

01:09:1001:09:13 Channel จนกว่าจะพบกันใหม่นะครับรักษา

01:09:1301:09:16 สุขภาพสวัสดี

01:09:1601:09:19 ครับสวัสดีครับผมอาจารย์เต้รพีบุญเปลื้อง

01:09:1901:09:21 คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลกับ

01:09:2101:09:25 wellbeing สุขภาพดีชีวิตดีสร้างได้ครับ

01:09:2501:09:28 คุณผู้ฟังครับลองจินตนาการนะครับว่าตอน

01:09:2801:09:31 เนี้ยเป็นวันเงินเดือนออกน่าแปลกนะว่า

01:09:3101:09:33 ทำไมถึงเรียกว่าเป็นเงินเดือนออกนะเพราะ

01:09:3301:09:36 ว่าพอมันออกจากบัญชีเราไปหมดเลยถูกมั้ย

01:09:3601:09:39 ทั้งเรื่องที่จะต้องฆ่าผ่อนโน่นนี่นั่น

01:09:3901:09:43 และที่สำคัญหลายๆคนก็จะต้องมีปาร์ตี้และ

01:09:4301:09:45 ส่วนใหญ่ก่อนจะไปปาร์ตี้ก็จะต้องติด

01:09:4501:09:48 แฮชแทกกันหน่อยแล้วล่ะว่าบุฟเฟ่ตจะ

01:09:4801:09:51 เยียวยาทุกสิ่งเวลาไปกินบุฟเฟ่ต์เนี่ย

01:09:5101:09:54 อะไรก็ตามที่เราอยากกินอะไรก็ตามที่มัน

01:09:5401:09:58 อร่อยเนี่ยมันมักจะไม่มีลิมิตเนาะแล้วก็

01:09:5801:10:00 มักจะลืมตัวไปด้วยว่าอะไรก็ตามที่มัน

01:10:0001:10:03 อร่อยเนี่ยมันก็มักจะไม่ค่อยดีกับสุขภาพ

01:10:0301:10:06 สักเท่าไหร่หรอกวันนี้ครับเราจะได้พูดคุย

01:10:0601:10:08 กับคุณหมอเอ๋ครับผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์

01:10:0801:10:10 หญิงจรุณีวรณวัดมวิจิตภาควิชาอายุรศาสตร์

01:10:1001:10:13 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

01:10:1301:10:15 มหาวิทยาลัยมหิดลครับคุณหมอเอสวัสดีครับ

01:10:1501:10:17 สวัสดีค่ะสวัสดีค่ะวันนี้ครับที่ชวนคุณ

01:10:1701:10:20 หมอเอมากเลยเพราะว่าอาหารเนี่ยมันเป็น

01:10:2001:10:23 สิ่งที่เราต้องกินอยู่ทุกวันมันมีออะไร

01:10:2301:10:26 บ้างมที่มันอาจจะเกี่ยวข้องกับโรคภัยโดย

01:10:2601:10:29 เฉพาะเรื่องของโรคมะเร็งครับในวันนี้เรา

01:10:2901:10:31 จะมาดูว่าอาหารประเภทไหนที่จะทำให้เรา

01:10:3101:10:34 เสี่ยงกับโรคมะเร็งมากขึ้นและมันมีวิธี

01:10:3401:10:37 ปฏิบัติที่จะเลี่ยงมะเร็งได้อย่างไรคุณ

01:10:3701:10:39 หมอเครับค่ะบุฟเฟ่ต์ครับเวลาที่ไป

01:10:4001:10:42 บุฟเฟ่ต์นะครับคุณหมอเอ๋ผมก็จะมุ่งไปที่

01:10:4201:10:45 นี่เลยครับอาหารประเภทที่เป็นแบบเนื้อ

01:10:4501:10:49 สัตว์อะไรก็ตามที่แพงแพงอะไรก็ตามที่แบบ

01:10:4901:10:51 หากินไม่ได้เผมก็จะมุ่งไปตรงนั้นก่อนเลย

01:10:5101:10:54 มันดีมยครับโอเคมันอยู่อยู่ที่ว่าอย่าง

01:10:5401:10:55 งี้ค่ะอาจารย์สมมุติว่าเวลาที่อาจารย์จะ

01:10:5501:10:58 จ่ายเงินบุฟเฟ่ต์เนี่ยอย่างแรกเลยที่คนจะ

01:10:5801:11:00 รู้สึกคือต้องกินให้คุ้มใช่แล้วครับอคนจะ

01:11:0001:11:02 รู้สึกก่อนว่าต้องกินให้คุ้มเพราะฉะนั้น

01:11:0201:11:06 คนจะรู้สึกว่าอะไรที่แพงก็จะต้องกินกับ

01:11:0601:11:09 อันที่ 2 คนจะรู้สึกว่าต้องกินเยอะๆถึงจะ

01:11:0901:11:12 ดีทีนี้คำถามก็คือว่าโอกาสที่เราจะกิน

01:11:1201:11:14 เยอะอ่ะมันมีแน่ๆสำหรับบุฟเฟ่ต์นะคะทีนี้

01:11:1501:11:16 ถามว่ามันผิดมมมันคงไม่ได้ผิดที่บุฟเฟ่ต

01:11:1601:11:18 เนาะเพราะบุฟเฟ่ต์ไม่ได้เดินเข้าปากเรา

01:11:1801:11:20 เราเป็นคนไปหยิบบุฟเฟต์มาใส่ปากเราเพราะ

01:11:2001:11:22 ฉะนั้นมันก็ต้องผิดที่ไม่ไอ้ที่มือเราก็

01:11:2201:11:24 ต้องเป็นที่ปากเรา

01:11:2401:11:26 เป็นที่ใจเราด้วยนะครับอาจารยโอเคค่ะถาม

01:11:2601:11:28 ว่าโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เกิดมะเร็งมันมี

01:11:2801:11:31 ได้ 2 ส่วนค่ะอันแรกคืออาหารที่อาจารย์

01:11:3101:11:33 เลือกทานกับอันที่ 2 คืออาจารย์กินมาก

01:11:3301:11:36 แล้วทำให้อาจารย์อ้วนขึ้นอ่าหลายคนก็จะ

01:11:3601:11:38 บอกว่าโอ๊ยเวลาเป็นมะเร็งคือน้ำหนักลดลง

01:11:3801:11:41 ผอมลงแล้วก็จะทำให้กังวลว่าจะเป็นมะเร็ง

01:11:4101:11:43 แต่ต้องบอกงงี้ค่ะว่าคนอ้วนเองเนี่ยเพิ่ม

01:11:4301:11:46 ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็ง

01:11:4601:11:48 ที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนยกตัวอย่างเนาะ

01:11:4801:11:50 ผู้หญิงเนี่ยอันที่มันเกี่ยวข้องกับ

01:11:5001:11:52 ฮอร์โมนก็จะเป็นมะเร็งของระบบสืบพันธุ์

01:11:5201:11:56 อ้าออะไรบ้างเต้านมค่ะนะคะอันที่ 2 ก็คือ

01:11:5601:11:58 รังไข่อ่ามะเร็งมดลูกหรือว่าเขาเรียกว่า

01:11:5801:12:01 เยื่อบุพงมดลูกนะคะอันเนี้ยจะเจอบ่อยแล้ว

01:12:0101:12:03 ก็จะสัมพันธ์กับคนอ้วนหมายความว่าถ้าคน

01:12:0301:12:06 อ้วนเนี่ยก็จะเสี่ยงกับมะเร็งพวกเนี้ยมาก

01:12:0601:12:08 กว่าคนผอมนะคะในผู้ชายก็จะเป็นกลุ่มของ

01:12:0901:12:11 มะเร็งต่ำลูกหมากหรือว่ามะเร็งลำไส้อะไร

01:12:1101:12:13 อย่างงี้เป็นต้นอันนี้คือมาจากอ้วนเนาะ

01:12:1301:12:15 ถ้าอ้วนแล้วเพิ่มความเสี่ยงเพราะฉะนั้น

01:12:1501:12:17 ถ้าบุฟเฟ่ต์กินเยอะแล้วอ้วนโอเคไปเพิ่ม

01:12:1701:12:20 ความเสี่ยงอันนี้เป็นทางอ้อมอาจารย์ครับ

01:12:2001:12:22 อันที่ 2 ก็จะเป็นลักษณะของตัวอาหารเอง

01:12:2201:12:25 อ่าอาหารที่เรามองว่าอาจจะเสี่ยงในเรื่อง

01:12:2501:12:27 ของการที่จะทำให้เกิดเรื่องของมะเร็งเรา

01:12:2701:12:29 ได้ยินบ่อยอาจารย์ได้ยินอะไรมาบ้างที่

01:12:2901:12:31 อาจารย์รู้สึกว่ามันเสี่ยงอ้ามันก็ต้อง

01:12:3101:12:35 ปิ้งๆย่างๆไหม้ๆเกรียมๆครับออันที่ 1 ก็

01:12:3501:12:37 คือเป็นลักษณะของอาหารที่อาจารย์บอกว่า

01:12:3701:12:40 เอาไปปิ้งย่างแล้วมันเกิดเป็นลักษณะเป็น

01:12:4001:12:43 เค้าเรียกอะไรอ่ะเ่าสีดำๆเกรียมๆใช่มั้ย

01:12:4301:12:45 คะมันไหม้อ่ามันไหม้เนาะอันนี้มันก็จะมี

01:12:4501:12:48 สารเคมีบางอย่างถามว่าเกิดจากอะไรสมมุติ

01:12:4801:12:50 อาหารของอาจารย์เนื้อสระอาจารย์มีน้ำมัน

01:12:5001:12:52 ครับพออาจารย์ไปปิ้งปุ๊บน้ำมันมันหยดลงไป

01:12:5201:12:55 อ่าแล้วมันก็จะไปโดนไฟข้างล่างแล้วมันก็

01:12:5501:12:56 จะเป็นเขม่าเป็นควันขึ้นมาแล้วมาเกาะที่

01:12:5601:12:59 เนื้อสัตว์ซึ่งมันหอมมากใช่อันนั้นแหละก็

01:12:5901:13:01 จะเป็นตัวนึงที่มันจะมีสารเคมีบางอย่าง

01:13:0101:13:04 ที่เขาเรียกว่าไปเป็นสารก่อมะเร็งอืถ้า

01:13:0401:13:07 อาจารย์กินตรงนั้นเยอะก็ไปเร่งให้มันเร็ว

01:13:0701:13:10 ขึ้นลักษณะนี้อันที่ 2 สมมุติอาจารย์บอก

01:13:1001:13:12 ว่าอาจารย์ตัดทิ้งแล้วกันไม่กินะอันนั้น

01:13:1201:13:14 อาจารย์กินแต่เนื้อเยอะๆเลยการกินเนื้อ

01:13:1401:13:16 แดงปริมาณมากอาจารย์ก็จะได้สารบางอย่าง

01:13:1701:13:19 เพิ่มขึ้นเหมือนกันนะคะมันอยู่ที่ว่า

01:13:1901:13:21 เนื้อที่อาจารย์กินเป็นแบบไหน 1 เนื้อแดง

01:13:2101:13:23 ปกติเลยกับอันที่ 2 เป็นลักษณะของเนื้อ

01:13:2301:13:26 แปรรูปเนื้อแปรรูปเช่นเอิ่มเอาไปหมักใช่

01:13:2601:13:30 มั้ยคะหรือว่ารมควันอ่าจะเป็นพวกของโส

01:13:3001:13:33 เช่นแหนมไส้กรอกหรืออะไรพวกเนี้ยค่ะพวก

01:13:3301:13:35 เนี้ยจะเป็นพวกเนื้อแปรรูปซึ่งเวลาที่เขา

01:13:3501:13:37 แปรรูปมันจะมีสารเคมีบางอย่างที่เกิดขึ้น

01:13:3701:13:40 หรือใส่ลงไปเพื่อจะทำให้อาหารมันมีอายุ

01:13:4001:13:43 ยาวนานขึ้นออถนอมอายุอาหารใช่ค่ะเพราะ

01:13:4301:13:45 ฉะนั้นตรงนี้เนี่ยมันก็จะมีอยู่ 2 ส่วน

01:13:4501:13:47 อันแรกคือในกรณีที่อาจารย์ปิ้งย่างแล้วก็

01:13:4701:13:51 มีลักษณะของตัวเ่อสีดำๆใช่มั้ยคะที่เป็น

01:13:5101:13:54 ที่เป็นเอ่อจากที่เนื้อมันไหม้เนาะอันที่

01:13:5401:13:56 2 ก็เป็นปริมาณของเนื้อสัตว์ที่เป็น

01:13:5601:13:58 เนื้อแดงที่อาจารย์กินเยอะเกินไปอันที่ 3

01:13:5801:14:00 อาจารย์อาจจะเลือกเนื้อที่มันไม่ต้องปิ้ง

01:14:0001:14:02 ย่างไหม้ก็ได้แต่ว่ามันเป็นลักษณะของ

01:14:0201:14:04 เนื้อสัตว์แปรรูปเยอะเกินไปอาจารย์ก็

01:14:0401:14:07 เพิ่มความเสี่ยงอเวลาที่หมอเอพูดถึงเนื้อ

01:14:0701:14:10 แดงเครับหลายๆคนอาจจะนึกไม่ออกว่าอะไร

01:14:1001:14:12 บ้างที่มันคือเนื้อแดงออ่าเวลาที่เราอ่าน

01:14:1201:14:15 ในหนังสืออ่านในนิตยสารหรืออินเทอร์เน็ต

01:14:1501:14:16 ก็ตามเขาจะใช้คำว่าเนื้อแดงเนาะในภาษา

01:14:1601:14:19 อังกฤษเาก็จะเขียนคำว่า Red Meat กับไ me

01:14:1901:14:21 อ่าตรงตัวเลยค่ะยกตัวอย่างนะอาจารย์ก็จะ

01:14:2101:14:24 เป็นพวกปลาพวกไก่เงี้แล้วจะบเป็นไท Meat

01:14:2401:14:27 อืออ่าพวกหอยอาจารย์มันก็จะเป็นไท Meat

01:14:2701:14:29 ซึ่งพวกเไขมันมันจะต่ำกับอันกลุ่มที่เป็น

01:14:2901:14:32 อันนี้ก็จะเป็นพวกของ Red Meat นะคะเช่น

01:14:3201:14:34 เอ่อเนื้อวัวเนื้อหมูเนื้อแกะใช่มั้ยคะ

01:14:3401:14:36 พวกนี้ก็จะถือว่าเป็น Red Meat อย่าง

01:14:3601:14:39 เงี้ยค่ะเ่าโดยทั่วไปถามว่ากินได้มยกิน

01:14:3901:14:41 ได้นะคะแต่ปริมาณพอสมควรไม่ใช่แบบว่ากิน

01:14:4101:14:44 ทีนึงเยอะๆเป็นกิโลกๆหรือว่าแบบจะกินไป

01:14:4501:14:48 แบบอะไรนะเข้าแข่งขันอะไรแบบเนี้ยอือ

01:14:4801:14:51 อาหารมันมีส่วนในการที่จะทำให้เกิดมะเร็ง

01:14:5101:14:53 ได้ใช่มั้ยครับโดยเฉพาะอย่างที่ที่คุณหมอ

01:14:5301:14:56 เอ๋กพูดถึงว่าอาหารอะไรบ้างที่จะนำไปสู่

01:14:5601:14:59 การเป็นสารก่อมะเร็งหรือมีสารก่อมะเร็งใน

01:14:5901:15:01 ปริมาณที่เยอะแล้วมะเร็งอะไรบ้างครับที่

01:15:0101:15:04 จะเป็นผลจากการที่เรากินอาหารประเภทนี้

01:15:0401:15:06 เข้าไปต้องบอกนิดนึงก่อนว่าเวลาที่เราพูด

01:15:0601:15:08 เนี่ยเราใช้คำว่าเสี่ยงเราพูดคำว่าเสี่ยง

01:15:0801:15:10 ทุกครั้งเลยเพราะฉะนั้นคำว่าเสี่ยงในที่

01:15:1001:15:13 นี้มันอาจจะไม่ได้พูดว่ามันเป็นสาเหตุโดย

01:15:1301:15:15 ตรงเช่นกินแล้วมันต้องเป็นอันนี้กนเนาะ

01:15:1501:15:17 แต่เสี่ยงในที่นี่หมายความว่าเราเราเราหา

01:15:1701:15:19 ความสัมพันธ์แบบเอ้ยถ้าอย่างเงี้ยมัน

01:15:1901:15:22 เพิ่มโอกาสอะไรอย่างเงี้ยค่ะลักษณะนั้น

01:15:2201:15:25 เนาะทีนี้ถามว่าเป็นอะไรสัมพันธ์เยอะๆเลย

01:15:2501:15:27 มันก็จะต้องเกี่ยวข้องกับพวกมะเร็งที่

01:15:2701:15:29 เป็นทางเดินอาหารอาจารย์อือก็จะเป็นลำไส้

01:15:2901:15:32 เนาะที่เราจะได้ยินบ่อยๆใช่มั้ยคะกระเพาะ

01:15:3201:15:34 ลำไส้หลอดอาหารอะไรอย่างเงี้ยซึ่งจะ

01:15:3401:15:37 เกี่ยวข้องกับพวกนี้นะคะอ่าถามว่ามีเยอะ

01:15:3701:15:39 ไมก็บ้านเราก็เยอะเหมือนกันที่จะเป็น

01:15:3901:15:42 มะเร็งกลุ่มนี้ค่ะคุณหมอเอกครับถ้าเนื้อ

01:15:4201:15:45 แดงมันเป็นตัวที่ทำให้เราเสี่ยงกับมะเร็ง

01:15:4501:15:49 มากขึ้นแล้วผักใยเส้นใยต่างๆในผักมันจะ

01:15:4901:15:52 ช่วยลดอาการเสี่ยงจากมะเร็งเนี่ยถ้างั้น

01:15:5201:15:54 เราก็เปลี่ยนไปเลยเลยกินมังสวิรัสแทนเลย

01:15:5401:15:57 ได้มั้ยฮะอาจารย์อาจจะได้ยินชัดๆที่สุด

01:15:5701:15:59 เลยก็คือคนไข้ที่เป็นมะเร็งลำไส้หรือ

01:15:5901:16:01 มะเร็งเต้านมหลายคนเนี่ยพอเป็นมะเร็ง

01:16:0101:16:04 เสร็จปุ๊บก็จะไม่กินเนื้อเลยอันนี้เราเจอ

01:16:0401:16:05 บ่อยมากนะคะแล้วหลายคนก็เปลี่ยนมาเป็น

01:16:0501:16:08 มังสวิรัสนะคะแต่ถามว่าอันนี้จะลดความ

01:16:0801:16:10 เสี่ยงมั้ยเหมือนที่อาจารย์บอกเลยอันที่ 1

01:16:1001:16:12 อาจารย์ลดพวกเนื้อแดงอันที่ 2 อาจารย์ได้

01:16:1201:16:15 เพิ่มผักผลไม้ได้เพิ่มไฟเบอร์นะคะอันที่ 3

01:16:1501:16:18 เนี่ยพวก process Food เนี่ยมันจะลดลง

01:16:1801:16:19 ทันทีเลยเพราะว่าถ้าอาจารย์กินแต่ผัก

01:16:1901:16:21 เนี่ยอาจารย์ไม่รู้ว่าอาจารย์จะไป ess

01:16:2101:16:24 อะไรมันอ่ะอาจารย์นึกออกใช่มเพราะฉะนั้น

01:16:2401:16:27 เนี่ยโดยแงของอาหารเนี่ยยังไงมันก็ลดความ

01:16:2701:16:30 เสี่ยงอยู่แล้วอ่ะข้อมูลที่มีก็คือเมีการ

01:16:3001:16:33 ติดตามคนที่กินอาหารพวกเนะคะแยกเป็น 3

01:16:3301:16:35 กลุ่มกลุ่มกินเนื้อกลุ่มกินปลากลุ่มกิน

01:16:3501:16:38 มังสวิรัตปรากฏว่ากลุ่มกินเนื้อความ

01:16:3801:16:41 เสี่ยงในการเกิดมะเร็งอเยอะที่สุดออ่าปลา

01:16:4101:16:44 กับมังสวิรัตอ่ะก็จะลดลงมาลักษณะนี้เพราะ

01:16:4401:16:46 ฉะนั้นจริงๆถามว่าถ้าเวลามีคนมาถามว่า

01:16:4601:16:49 จำเป็นมยต้องไปกินมังสวิรัตแล้วมังสวิรัต

01:16:4901:16:51 บอกว่าถ้าอยากกินไม่ได้ว่าอะไรแต่สิ่งที่

01:16:5101:16:53 อาจารย์ต้องรู้คือเวลาที่อาจารย์กินมังสา

01:16:5301:16:55 วิรัสอาจารย์เพิ่มความเสี่ยงของการขาด

01:16:5501:16:58 วิตามินบางตัวอืเช่นถ้ามังสาวิรัสเข้มข้น

01:16:5801:17:01 หรือเจอาจารย์จะขาดวิตามิน B12 ซึ่งปกติ

01:17:0101:17:04 พบในไหนอ่ะครับ B1 อยู่ในเนื้อสัตว์ค่ะ

01:17:0401:17:05 อ๋อเนื้อสัตว์เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าอาจารย์

01:17:0501:17:08 สกแบบเข้มข้นเป็นเจเนี่ยอาจารย์อาจจะต้อง

01:17:0801:17:11 มาได้รับเสริมและอ่าแต่ถ้าสมมุติอาจารย์

01:17:1101:17:14 บอกว่าโอเคงั้นกินแค่เป็นมังสวิรัตก็พอ

01:17:1401:17:15 หรือชาวบ้านตอนนี้อาจจะบอกว่าถ้าเจอใน

01:17:1501:17:18 อินเทอร์เน็ตจะเจอคำว่า Plant Bas อ๋อ PL

01:17:1801:17:20 Plant Bas di อาจารย์ได้ยินอ่า Plant

01:17:2001:17:22 Base Diet ใช่มั้ยคะ Plant Bas Diet

01:17:2201:17:24 ก็คือเหมือนความว่าอาหารส่วนใหญ่เนี่ยจะ

01:17:2401:17:27 มาจากพืชอือฮึแต่ Plant เบสยังอนุญาตให้

01:17:2701:17:29 อาจารย์กินจากสัตว์ได้บ้างเช่นบางคนบอก

01:17:2901:17:31 ว่ากินสัตว์เล็กอาทิตย์ละวันอย่างเงี้ยก็

01:17:3101:17:34 ยังเป็นแนเบสอืออย่างเงี้ยค่ะหรือบางคน

01:17:3401:17:37 บอกว่ากินไข่ได้บางคนบอกกินนมได้ก็ยังไม่

01:17:3701:17:39 ได้เป็นแบบว่าเอ่อมังสาวีรัสเอ้ยขอโทษที

01:17:3901:17:42 ไม่ได้เป็นเจซะ 100% ถ้าเป็นกลุ่มที่เป็น

01:17:4201:17:44 Plant เสแล้วเลือกกินได้อย่างเงี้ยค่ะ

01:17:4401:17:46 พวกนี้ก็จะไม่ขาด B12 อันที่ 2 ที่อาจจะ

01:17:4601:17:49 ทำให้กินได้แล้วแบบปริมาณน้อยหน่อยก็คือ

01:17:4901:17:51 ่าเหล็กเพราะว่า่าเหล็กเนี่ยมีทั้งจากใน

01:17:5201:17:54 พืชแล้วก็จากในสัตว์อแต่ว่าที่อยู่ในพืช

01:17:5401:17:57 เนี่ยเวลาเราดูดซึมเนี่ยมันจะมีตัวขัด

01:17:5701:18:00 ขวางเพราะฉะนั้นมันจะดูดซึมได้ไม่ 100%

01:18:0001:18:01 เนาะเพราะฉะนั้นเนี่ยมันต้องกินปริมาณ

01:18:0101:18:04 เยอะจริงๆมันถึงจะเพียงพอก็อาจจะทำให้มี

01:18:0401:18:06 โอกาสเสี่ยงหรือว่ากันขาดได้อย่างเงี้ย

01:18:0601:18:08 ค่ะดังนั้นเนี่ยถามว่าถ้าเวลาคนบอกว่า

01:18:0901:18:12 เอ๊ะถ้าถ้าจะไม่กินแบบเป็นเนื้อแล้วจะมา

01:18:1201:18:14 กินเป็นบังสาวิรัตเลยได้มยต่อว่าได้แต่

01:18:1401:18:16 ว่าต้องต้องคอยดูนิดนึงว่าจะมีความเสี่ยง

01:18:1601:18:19 ที่จะขาดวิตามินอะไรพวกนี้หรือเปล่านะคะ

01:18:1901:18:21 อันที่ 2 คือถ้าเกิดว่าจะเลือกกินแค่

01:18:2101:18:24 Plant เบสแล้วก็เลือกอาหารให้เหมาะสมอัน

01:18:2401:18:27 นี้โอเคเลยอือค่ะแอลกอฮอล์ร่ะครับ

01:18:2701:18:29 แอลกอฮอล์ก็ได้เหมือนกันทีนี้หลักการของ

01:18:2901:18:31 การทำให้เกิดเรื่องของมะเร็งตับกับ

01:18:3101:18:34 แอลกอฮอล์กับคนอ้วนเนี่ยมาคล้ายๆกันนะคะ

01:18:3401:18:37 หลักการก็คือมันจะทำให้เซลล์ตับเนี่ยอัน

01:18:3701:18:39 แรกเเขาเรียกว่าเป็น fy วอรคือมันอ้วน

01:18:3901:18:42 ขึ้นอ่าพอมันอ้วนขึ้นแล้วหลังจากนั้นก็จะ

01:18:4201:18:45 มีการอักเสบนะคะการอักเสบพออักเสบเสร็จ

01:18:4501:18:48 ปุ๊บมันก็จะมีการซ่อมแซมอาจารย์นึกภาพว่า

01:18:4801:18:51 อาจารย์เป็นแผลแล้วมันหายแต่อาจารย์กรีด

01:18:5101:18:53 ซ้ำมันเรื่อยๆอ่ะมันก็จะกลายเป็นเป็นแผ

01:18:5301:18:55 เป็นอืพอมันเป็นแผเป็นอันนี้ก็คือตับ

01:18:5501:18:58 อาจารย์เปลี่ยนละเ้าเรียกว่าเป็นตับแข็ง

01:18:5801:19:01 อือพอเป็นตับแข็งปุ๊บเนี่ยเซลล์บางอย่าง

01:19:0101:19:03 หรือหน้าตาบางอย่างมันจะทำงานผิดปกติแล้ว

01:19:0301:19:05 อันนี้มันก็จะเปลี่ยนไปเป็นมะเร็งได้คน

01:19:0501:19:07 ที่กินแอลกอฮอล์นะคะเราก็จะทำให้เกิด

01:19:0701:19:10 process แบบนี้ก็คือ 1 เนี่ยยพอกินเยอะๆ

01:19:1001:19:12 ปุ๊บเนี่ยเซลล์ตับมันก็จะอ้วนขึ้นแล้วมัน

01:19:1201:19:14 ก็จะมีการอักเสบเปลี่ยนไปเป็นตับแข็งแล้ว

01:19:1401:19:17 ก็เป็นมะเร็งในขณะที่คนอ้วนตอนเนี้ยมัน

01:19:1701:19:20 ให้ process เดียวกันกับแอลกอฮอลเลยอือฮึ

01:19:2001:19:21 หน้าตาแบบเดียวกันเลยเพราะฉะนั้นตอนนี้

01:19:2101:19:24 อ้วนก็ไม่ได้เนาะกินแอลกอฮอล์ก็ไม่ได้

01:19:2401:19:26 แอลกอฮอล์เขาอาจจะบอกว่าอย่างงี้ค่ะถ้า

01:19:2601:19:28 สมมุติอาจารย์ยังไม่ได้เป็นมะเร็งนะคะ

01:19:2801:19:30 อาจารย์ไม่ได้มีปัญหาเรื่องโรคตับอ่า

01:19:3001:19:32 อาจารย์จะกินได้ไหมบอกว่าพอได้นะคะแต่ว่า

01:19:3201:19:34 อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมอีกและอยู่ที่เท่า

01:19:3401:19:37 ไหร่ผู้ชายเนี่ยประมาณไม่เกิน 2 ริงต่อ

01:19:3701:19:40 วันผู้หญิงไม่เกิน 1 ดริงต่อวันถ้าจะนึก

01:19:4001:19:42 ไม่ออกแก้วช็อตหรือว่าบางคนก็บอกว่าชง

01:19:4201:19:46 กาแฟช็อตนึงนะคะนั่นคือ 30 ซีซีสำหรับพวก

01:19:4601:19:48 เหล้าที่เป็น40ดีกรีอันนี้คือแค่ดริงก์

01:19:4801:19:50 นึงอือฮึแต่ถ้าสมมุติว่าอาจารย์กินเบียร์

01:19:5001:19:53 เบียร์ประมาณ 5% ก็คือ 100 ซีซีอาจารย์จะ

01:19:5301:19:56 ได้ 5 กรัมอาจารย์ได้ประมาณแถวๆ 200 300

01:19:5601:19:59 เพราะฉะนั้นกระป๋องนึงอ่ะพอและกระป๋องนึง

01:19:5901:20:02 ก็ประมาณดริงนึงอย่างงี้ค่ะไวนอาจารย์ก็

01:20:0201:20:03 จะลดลงมาหน่อยนึงเพราะไวนมันก็แล้วแต่

01:20:0301:20:05 เนาะเอ่อดีกรีหรือว่าเปอร์เซ็นต์

01:20:0501:20:08 แอลกอฮอล์ของไวนมันแี่อ่ะค่ะตั้งแต่ 10

01:20:0801:20:11 กว่ายัน 20 เลยอือฮึมะเร็งเหล่านี้ครับเา

01:20:1101:20:13 ชอบกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าเพราะว่าบาง

01:20:1301:20:17 ครั้งเนี่ยผมไปได้ได้ยินคนพูดมาบอกว่านี่

01:20:1701:20:20 นะถ้าเป็นมะเร็งนะต้องงดอาหารแบบนี้เพราะ

01:20:2001:20:24 อาหารกลุ่มเนี้ยมันจะไปฟีดหรือไปป้อนให้

01:20:2401:20:26 เซลล์มะเร็งมันโตอในกรณีของคนที่เป็น

01:20:2601:20:28 มะเร็งอ่ะค่ะเซลล์มะเร็งมันเหมือนเป็นกาว

01:20:2801:20:30 ฝากค่ะอเพราะฉะนั้นเซลล์มะเร็งเคอาศัย

01:20:3001:20:34 อาหารจากตัวเราแต่ว่าเาเก่งมากเลยคือต่อ

01:20:3401:20:36 ให้เราไม่กินอาหารเนี่ยเซลล์มารินก็จะได้

01:20:3601:20:38 อาหารอันนี้ก่อนสมมุติใครบอกว่าจะอดอาหาร

01:20:3801:20:41 ให้เซลล์มะเร็งมันตายอาจารย์อาจจะตายก่อน

01:20:4101:20:44 ที่เซลล์มะเร็งมันจะตายเพราะว่าเค้าอ่ะ

01:20:4401:20:47 ได้อาหารจากตัวเราอ่ะมาก่อนนะคะอันที่ 2

01:20:4701:20:49 คือเวลาที่เขาใช้อ่ะเขาชอบเหมือนที่

01:20:4901:20:51 เหมือนที่คนจะชอบพูดเนาะว่ามีแนวโน้มว่า

01:20:5101:20:53 ส่วนที่มันเป็นน้ำน้ำตาลมันกินง่ายแล้ว

01:20:5301:20:56 มันก็จะได้เยอะคนก็จะพยายามเลี่ยงน้ำตาล

01:20:5601:20:59 นะคะทีนี้ถามว่าจำเป็นมยที่จะต้องเลี่ยง

01:20:5901:21:01 น้ำตาลทีนี้ต้องบอกว่าถ้าสมมุติอาจารย์

01:21:0101:21:03 มองในแง่ว่าอาจารย์กินน้ำตาลเอ่อเป็นพวก

01:21:0301:21:06 น้ำหวานนะคะน้ำตาลที่แบบกินปุ๊บแล้วมัน

01:21:0601:21:08 เป็นพลังงานเลยทันทีพวกนี้อาจารย์ก็จะ

01:21:0801:21:10 เสียงเรื่องอ้วนนะคะเพราะฉะนั้นอาจารย์จะ

01:21:1001:21:12 ไปลดพวกนั้นก็ไม่มีปัญหาถามว่า

01:21:1201:21:14 คาร์โบไฮเดรตหรือกลุ่มน้ำตาลยังจำเป็น

01:21:1401:21:17 มั้ยยังจำเป็นอาจารย์ก็ทานได้ก็เลี่ยง

01:21:1701:21:19 ส่วนที่มันเป็นน้ำตาลที่มันจะแบบกินปุ๊บ

01:21:1901:21:21 ดูซึมปั๊บที่เป็นน้ำหวานกินให้เป็นพวกที่

01:21:2101:21:24 มันเป็นคาร์บรตที่มีไฟเบอร์เพราะเรารู้

01:21:2401:21:26 อยู่แล้วว่าไฟเบอร์เนี่ยตัวไฟเบอร์นะคะ

01:21:2601:21:28 เวลามันลงไปในลำไส้ปั๊บเนี่ยมันจะไปเป็น

01:21:2801:21:31 อาหารให้เซลล์ที่อยู่ที่ลำไส้ทำให้

01:21:3101:21:33 แบคทีเรียในลำไส้เนี่ยเจริญเติบโตได้ดี

01:21:3301:21:36 แล้วสร้างเาเรียกว่าเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดี

01:21:3601:21:38 ในลำไส้แล้วช่วยป้องกันมะเร็งเพราะฉะนั้น

01:21:3801:21:40 เนี่ยคาร์โบไฮเดรตไม่ได้แย่ซะทีเดียว

01:21:4001:21:43 อาจารย์ยังสามารถจะกินคาร์โบไฮเดรตที่ดี

01:21:4301:21:46 ได้น้ำตาลแต่ว่ามีไฟเบอร์ซึ่งจะช่วยทำให้

01:21:4601:21:48 เซลล์เ่อลำไส้อาจารทำงานได้ดีขึ้นและป้อง

01:21:4801:21:50 กันมะเร็งด้วยเราได้ยินตลอดเลยกินผัก

01:21:5001:21:54 ผลไม้ป้องกันมะเร็งลำไส้ใชใช่อืก็ด้วยการ

01:21:5401:21:56 ทำงานของเจ้าแบคทีเรียเหล่านี้ใช่ค่ะ

01:21:5601:21:59 แบคทีเรียแล้วก็พวกของเอ่อไฟเบอร์ที่เข้า

01:21:5901:22:01 ไปเขาก็จะไปเป็นอาหารแบคทีเรียในลำไส้เอง

01:22:0101:22:04 เนี่ยมันจะมีทั้งตัวที่ดีและไม่ดีทีนี้พอ

01:22:0401:22:06 มันเข้าไปปุ๊บเนี่ยมันจะสร้างสิ่งแวดล้อม

01:22:0601:22:09 ให้ตัวที่ดีเนี่ยอยู่ได้อ่าแล้วก็อาจจะ

01:22:0901:22:12 ไม่เหมาะกับตัวที่ไม่ดีค่ะเราได้

01:22:1201:22:15 แบคทีเรียตัวดีจากที่ไหนครับโอเคมันมี

01:22:1501:22:17 อยู่แล้วค่ะจริงๆเนี่ยคำถามคือเราอ่ะเป็น

01:22:1701:22:20 ปรสิทของมันหรือเปล่ายังไม่รู้เลยเอ๊หรือ

01:22:2001:22:22 ใครเป็นปรสิทธิ์ของใครใช่เพราะว่าถ้า

01:22:2201:22:24 อาจารย์นับจำนวนเซลล์อ่ะค่ะนับจำนวนเซลล์

01:22:2401:22:26 ในร่างกายเรากับนับจำนวนเซลล์ของ

01:22:2601:22:28 แบคทีเรียเซลล์ของแบคทีเรียมีมากกว่าเรา

01:22:2801:22:30 เพราะฉะนั้นเลยไม่แน่ใจว่าใครเป็นปรสิท

01:22:3001:22:33 ของใครแต่ถ้าตัวเนี่ยเตัวเล็กกว่าเราอ่า

01:22:3301:22:35 ทีนี้ถามว่ามันมาจากไหนจริงๆในแต่ละคนน่ะ

01:22:3501:22:38 ค่ะมันมีอยู่แล้วมันมีหลายชนิดนะคะมีความ

01:22:3801:22:40 หลากหลายมีความหลากหลายเหมือนเหมือนในป่า

01:22:4001:22:42 แล้วมีสัตว์ป่าหลายอย่างนะคะเรามีหน้าที่

01:22:4201:22:45 แค่ทำให้มันสมดุลอือเมื่อเราใช้ชีวิตเรา

01:22:4501:22:48 กินยาปฏิชีวนะเรากินอาหารไม่เหมาะสมความ

01:22:4801:22:51 สมดุลตรงนี้มันเสียไปพอมันเสียไปปุ๊บมัน

01:22:5101:22:53 ก็จะทำให้มีความผิดผิดปกติบางอย่างเกิด

01:22:5301:22:56 ขึ้นเช่นบางคนก็มีลำไส้ปลาปรวนบ้างล่ะมี

01:22:5601:22:58 โน่นมีนี่อะไรอย่างเงี้ยจริงๆแล้วก็กลับ

01:22:5801:23:01 ไปสู่ภาวะปกติอ่ะค่ะกินอาหารครบ 5 หมู่

01:23:0101:23:03 กินเป็น Balance died คือกินทุกอย่าง

01:23:0301:23:07 เนาะกินผักผลไม้เยอะขึ้นไม่กินยาปฏิชิมา

01:23:0701:23:09 เป็นประจำอย่างเงี้ยค่ะก็จะช่วยได้ส่วน

01:23:0901:23:12 ที่เหลือที่บอกว่าโอเคจะไปกินพวกของเอ่อ

01:23:1201:23:15 โยเกิร์ตอันนี้ก็ได้เหมือนกันนะคะเพราะ

01:23:1501:23:17 ว่าแต่ถามว่ามันเยอะพอหรือเปล่ามันก็อาจ

01:23:1701:23:20 จะไม่พอหรอกแต่ว่ามันก็ถือว่าไปช่วยเสริม

01:23:2001:23:22 ส่วนที่ดีอะไรอย่างนี้ค่ะ

01:23:2201:23:28 [เพลง]

01:23:2801:23:30 ตอนนี้เราพูดถึงอาหารเป็นหลักเลยนะครับ

01:23:3001:23:33 ค่ะมันมีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เราเสี่ยง

01:23:3301:23:35 กับมะเร็งบ้างอ่ะครับนอกจากอาหารแล้วอ่ะ

01:23:3601:23:38 โอเคก็มันมีตั้งแต่ว่าเป็นปัจจัยภายในและ

01:23:3801:23:40 ปัจจัยภายนอกเวลาที่เรามองใช่มั้ยคะ

01:23:4001:23:42 ปัจจัยภายในก็คือตัวเราเองแหละตั้งแต่

01:23:4201:23:46 กรมพรอ่าอ่าง่ายๆเลยเ่า Angelina โี่

01:23:4601:23:48 อาจารย์อาจจะเคยได้ยินสักเมื่อหลายปีก่อน

01:23:4801:23:50 ที่บอกว่าเขาออกมาประกาศว่าตัวเองเนี่ยมี

01:23:5001:23:54 กรรมพันธ์ผิดปกติที่อให้เองมเร็งเต้านม

01:23:5401:23:57 แล้วก็เข้าไปสู่การรักษาคือการผ่าตัดเอา

01:23:5701:24:00 เต้านมออกแล้วก็ใส่เเรียกซิลิโคนเข้าไป

01:24:0001:24:03 ใหม่อือเพื่อจะไม่ให้เขาเป็นมะเร็งอ้าว

01:24:0301:24:06 อ้าก็คือมันเป็นมะเร็งเต้านมเขเอาเต้านม

01:24:0601:24:08 ออกไปแล้วเขาก็จะได้ไม่ต้องเป็นมะเร็งโ

01:24:0801:24:10 ครับโอเคั้ยคะแต่ถามว่าในทางการแพทย์เรา

01:24:1001:24:13 ทำมเราเราไม่ได้แนะนำนะคะต่อให้เราเจอเรา

01:24:1301:24:15 ตรวจแล้วเราเจอว่าเป็นมะเร็งตัวเนี้ยหรือ

01:24:1501:24:18 ว่ามียีนตัวนี้ผิดปกติอ่ะเราก็ยังบอกว่า

01:24:1801:24:20 ให้เขาอ่ะเหมือนกับเอ่อทำแมมโมแกรมแล้วก็

01:24:2101:24:23 ติดตามตัวเองเป็นระยะระยะแค่จะยกตัวอย่าง

01:24:2301:24:25 ให้ดูว่ามันมีปัจจัยภายในก็คือกรรมพันธ์

01:24:2501:24:28 ที่ผิดปกตินะคะไม่ว่าจะเป็นมะเร็งเม็ด

01:24:2801:24:31 เลือดบางอย่างอ่าที่เราเคยได้ยินว่ามันมี

01:24:3101:24:33 ความผิดปกติของยีนของกรมพรแล้วเปลี่ยนไป

01:24:3301:24:36 เป็นมะเร็งนะคะเรื่องของเต้านมหรือว่ามัน

01:24:3601:24:39 จะมีอีกอันนึงก็คือคนที่เป็นมะเร็งลำไส้

01:24:3901:24:42 อือซึ่งอันเนี้ยเขาจะมีลักษณะที่จะเป็น

01:24:4201:24:45 คล้ายๆติ่งเนื้อที่ลำไส้ปริมาณมากนะคะ

01:24:4501:24:47 ตั้งแต่เด็กอ่าพอเวลาผ่านไปปุ๊บติ่งเนื้อ

01:24:4701:24:50 พวกนี้มันกลายพันแล้วมันจะกลายเป็นมะเร็ง

01:24:5001:24:52 อย่างนี้ก็ได้เหมือนกันฉะนั้นตอนนี้ก็จะ

01:24:5201:24:54 มีคคนพูดอยู่เยอะเหมือนกันว่าการตรวจยีน

01:24:5401:24:56 พวกนี้ดูว่าจะเป็นความเสี่ยงของมะเร็ง

01:24:5601:24:57 หรือเปล่าใช่มั้ยคะอันนี้เรามองเป็น

01:24:5701:25:00 ปัจจัยภายในนะคะถ้าเราไม่ได้ตรวจพวกนี้

01:25:0001:25:02 เราก็อาจจะดูในประวัติครอบครัวของเราเช่น

01:25:0201:25:06 โอ้โหทุกเเรชเลยมีมะเร็งกันทุกวทุกคนอะไร

01:25:0601:25:09 เงี้ยอาจก็จะน่าสนใจนิดนึงนะคะอันที่เจอ

01:25:0901:25:12 บ่อยๆแล้วก็ที่เขาพูดกันเนาะก็จะเป็นเต้า

01:25:1201:25:15 นมกับลำไส้มะเร็งลำไส้ใหญ่ยกตัวอย่างนะคะ

01:25:1501:25:18 คนในครอบครัวเเรียกสายตรงสายตรงคืออะไร

01:25:1801:25:21 ข้างๆเราก็คือพี่น้องอบนล่างคือพ่อแม่กับ

01:25:2101:25:24 ลูกเรานั่นคือสายตรงสายตรงตรงนี้ก่อนนะ

01:25:2401:25:26 ถ้าสายตรงเช่นพ่อแม่หรือพี่น้องเราเป็นมี

01:25:2601:25:29 ใครคนใดคนนึงเป็นมะเร็งในช่วงอายุน้อย

01:25:2901:25:32 อันเนี้ยเราจะตัดสินใจว่าโอควรจะไปเช็ค

01:25:3201:25:34 ค่ะแล้วก็เวลาที่เราจะเช็คเนี่ยสมมุติถ้า

01:25:3401:25:36 คนที่เป็นอายุสัก 40 เนาะเราก็จะมาเช็ค

01:25:3601:25:39 ตอน 10 ปีก่อนที่เขาจะเป็นอันที่ 2 เป็น

01:25:3901:25:42 ปัจจัยภายนอกปัจจัยภายนอกก็อาหารอันนึง

01:25:4201:25:45 ที่เมื่อกี้อาจารย์พูดไว้ใช่มยคะฮะมันก็

01:25:4501:25:48 ต้องดูอ่ะค่ะว่ามันจะเป็นมะเร็งอะไรที่

01:25:4801:25:50 ไหนเนาะส่วนใหญ่ก็ทางเดินอาหารแล้วก็ที่

01:25:5001:25:52 บอกว่าเมื่อกี้เรื่องอ้วนเนาะก็จะไป

01:25:5201:25:54 เกี่ยวข้องกับเรื่องของตัวเอ่อมะเร็งที่

01:25:5401:25:57 เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนอืค่ะนอกจากอาหาร

01:25:5701:26:00 ปิ้งย่างหรือว่าสารพวกที่จะยืดอายุของ

01:26:0001:26:02 อาหารแล้วเนี่ยมันมีอะไรอีกมั้ยครับที่

01:26:0201:26:04 อาจจะเป็นตัวที่ทำให้เราเสี่ยงกับมะเร็ง

01:26:0401:26:07 มากขึ้นโอเคอ่าถ้าบ้านเราก่อนเนาะพยาทบาง

01:26:0701:26:09 ตัวที่ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตรงบริเวณ

01:26:0901:26:12 ของท่อน้ำดีและทำให้มีความเสี่ยงของ

01:26:1201:26:14 มะเร็งท่อน้ำดีเพิ่มขึ้นอันนี้เนาะอันที่

01:26:1501:26:17 2 เนี่ยก็ก็จะได้ยินข่าวบ่อยที่บอกว่า

01:26:1701:26:20 ทางเอ่ออีสานใช่มั้ยคะกินอาหารบางประเภท

01:26:2001:26:23 เงี้ยที่สุกๆดิบๆอันที่ 2 ก็จะเป็นกลุ่ม

01:26:2301:26:25 ของมะเร็งตับที่เราจะได้ยินอันนี้ชัดเจน

01:26:2501:26:29 เลยก็คือเชื้อราที่ชื่ออลท็อกซินนะคะมัน

01:26:2901:26:32 จะเป็นสารพิษที่สร้างขึ้นมาจากเชื้อรา

01:26:3201:26:34 เชื้อรานี้อยู่ในไหนอยู่ในกลุ่มของถั่ว

01:26:3401:26:37 ลิสงหรือในถั่วทั้งหลายนะคะทีนี้เนี่ยใน

01:26:3701:26:39 อาหารหลายๆอย่างที่เรากินเนี่ยเราจะเห็น

01:26:3901:26:42 ว่ามันจะมีถั่วลิสงป่นที่ผสมอยู่ถ้า

01:26:4201:26:44 อาจารย์สามารถที่จะคั่วถั่วลิสงแล้ว

01:26:4401:26:46 อาจารย์บดเองเป็นถั่วลิสงที่อาจารย์กิน

01:26:4601:26:49 ใหม่ๆไม่มีปัญหาค่ะแต่ถ้าอาจารย์วางค้าง

01:26:4901:26:51 เอาไว้หรืออาจารย์ไปซื้อมาแล้วอาจารย์ไม่

01:26:5101:26:53 มั่นใจเ่อเ่อมันอาจจะมีเชื้อราอยู่แล้วเ

01:26:5301:26:56 ป่นมาปุ๊บอาจารย์มองไม่เห็นอ่าแล้ว

01:26:5601:26:58 อาจารย์ก็รับประทานเข้าไปสิ่งที่เกิดขึ้น

01:26:5801:27:00 ก็คืออาจารย์จะได้สารพิษที่เราเรียกว่าอล

01:27:0001:27:04 ทอกซินซึ่งมาจากถั่วนั้นแล้วถ้าอาจารย์

01:27:0401:27:06 ได้รับในปริมาณที่เยอะๆนะคะติดต่อกันเป็น

01:27:0601:27:09 ระยะเวลายาวนานมันก็อาจจะทำให้เกิดการ

01:27:0901:27:12 อักเสบขึ้นที่ตับนะคะแล้วก็นำไปสู่เรื่อง

01:27:1201:27:15 ของตัวมะเร็งตับได้ในที่สุดอย่างเงี้ยค่ะ

01:27:1501:27:16

01:27:1601:27:20 [เพลง]

01:27:2001:27:25 ครับคุณหมอครับเราอยากที่จะได้เคล็ดลับ

01:27:2501:27:28 ครับในการที่จะ stay away from cancer

01:27:2801:27:30 หรือว่าห่างไกลจากมะเร็งเนี่ยคุณหมออ๋มี

01:27:3001:27:32 เคล็ดลับที่จะมาแนะพวกเราบ้างมั้ครับเอ่า

01:27:3201:27:34 จริงๆต้องบอกว่ามันเป็นวิธีการปฏิบัติตัว

01:27:3401:27:37 เพื่อสุขภาพดีมันไม่ใช่แค่มะเร็งเนาะมัน

01:27:3701:27:39 มันหมายถึงว่าโรคอื่นๆด้วยอันแรกเลยไม่

01:27:3901:27:42 อ้วนออกกำลังกายสม่ำเสมอเห็นมั้ยคะอ่า

01:27:4201:27:45 สุขภาพดีรูปร่างดีใช่มั้ยคะอ่าถามว่ายัง

01:27:4501:27:48 ไงดีถ้าอ้วนอยู่ให้ลดน้ำหนักนะคะอย่าง

01:27:4801:27:52 น้อยเนาะขอ 5% นะคะไม่ใช่ 5% ในปีนึงเรา

01:27:5201:27:54 เราเซตกันที่ 5-6 เดือนก่อนอ 6 เดือนแรก

01:27:5401:27:57 เงี้ยควรจะลดได้ 5% และนะคะถ้ากลับมาเป็น

01:27:5701:27:59 น้ำหนักปกติได้อันนี้คือดีที่สุดนะคะแต่

01:27:5901:28:02 ถ้าไม่ได้ต้องลดลงนะคะเวลาที่ลดก็คือคุม

01:28:0201:28:05 อาหารออกกำลังกายออกกำลังกายเนี่ยตัวเลข

01:28:0501:28:08 ที่เหมาะสมเอาแค่สุขภาพดีนะคะก็คือมาก

01:28:0801:28:11 กว่า 150 นาทีต่อสัปดาห์และจะต้องหยุดออก

01:28:1101:28:14 กำลังกายไม่เกิน 2 วันอืเพราะฉะนั้นเนี่ย

01:28:1401:28:17 มันคือออกเกือบทุกวันน่ะน้อยสุดในอาทิตย์

01:28:1701:28:19 นึงอ่ะคือ 3 วันครับนะคะแล้วก็ทำได้มาก

01:28:2001:28:22 กว่านั้นเวลาที่คุณหมอเอ๋พูดว่าน้ำหนัก

01:28:2201:28:25 ปกติเนี่ยครับคำว่าปกติของแต่ละคนนี่อาจ

01:28:2501:28:27 จะไม่เท่ากันโอเคอ่าจริงๆแล้วถ้าเกิดเรา

01:28:2701:28:29 เอาอันนี้ต้องบอกว่าข้อมูลมาจากฝรั่งเนาะ

01:28:2901:28:31 เก็จะพูดว่าไม่อ้วนไม่อ้วนของฝรั่งก็คือ

01:28:3101:28:34 เอา BMI ที่ต่ำกว่า 25 BMI ครับค่ะหรือ

01:28:3401:28:38 ว่าดัชนีมวลก่า 25 นะคะก็วิธีคิดก็คือเอา

01:28:3801:28:40 น้ำหนักเป็นตัวตั้งที่เป็นกิโลหารด้วย

01:28:4001:28:43 ส่วนสูงที่เป็นเมตร 2 ครั้งยกตัวอย่าง

01:28:4301:28:48 เช่นอ่าสูงอน้ำหนัก 45 กสูง 155 อย่าง

01:28:4801:28:50 เงี้ยค่ะก็เอา 45 ตั้งแล้วก็หารด้วย 1

01:28:5001:28:54 1.55 2 ครั้งก็จะออกมาเป็น BMI อย่าง

01:28:5401:28:57 เงี้ยค่ะแล้วก็ตัวเลขที่ที่เหมาะสมคือจะ

01:28:5701:29:00 ประมาณตั้งแต่ 18.5 จนถึงประมาณ 25 แต่

01:29:0001:29:03 ถ้าเป็นคนเอเชียค่ะเอ่อเราจะตัดที่ประมาณ

01:29:0301:29:06 23 นะคะเพราะฉะนั้น 23-25 ก็ยังไม่ได้

01:29:0601:29:10 น่าเกลียดมากโอเคครับนี่คือน้ำหนักที่บอก

01:29:1001:29:12 ว่าน้ำหนักปกติคอยู่ในช่วงใชคือไม่อ้วน

01:29:1201:29:16 ไม่ผอมเกินไปอ่านะคะแล้วก็เวลาที่น้ำหนัก

01:29:1601:29:18 ลดลงอาจจะต้องระวังนิดนึงเวลาที่เราลดน้ำ

01:29:1801:29:21 หนักแล้วเราตั้งใจนี่เราไม่กลัวอพวกที่

01:29:2101:29:23 ไม่ได้ตั้งใจแล้วน้ำหนักลดเร็วๆอันนี้

01:29:2301:29:25 ต้องระวังว่าเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งใน

01:29:2501:29:27 ช่วงภายใน 3 เดือนถ้าน้ำหนักลดลงเกิน 5%

01:29:2701:29:30 อันนี้น่าสนใจแล้วค่ะนะคะถ้าลดลง 5% ใน 1

01:29:3001:29:33 เดือนอันนี้ถือว่าแบบชัดเจนมากๆนะคะโดย

01:29:3301:29:36 ทั่วไปก็ 5% ใน 3 เดือนค่ะอาจารย์แล้วเรา

01:29:3601:29:38 ก็มาดูอาหารเนาะเราเอาอันที่มันควรกิน

01:29:3801:29:40 ก่อนก็คืออาจารย์กินให้ครบ 5 หมู่อาจารย์

01:29:4001:29:44 กินผักผลไม้เยอะขึ้นใช่มยคะกินเป็นธัญพืช

01:29:4401:29:45 ที่ไม่ขัดสีเพื่อที่อาจารย์จะได้มี

01:29:4501:29:48 ไฟเบอร์ถ้าสมมุติอาจารย์จะกินเป็นน้ำหวาน

01:29:4801:29:50 อาจารย์ก็กินเป็นผลไม้แทนซะอาจารย์จะได้

01:29:5001:29:52 มีไฟเบอร์ด้วยแล้วที่สำคคืออย่างงี้ค่ะ

01:29:5201:29:55 ถ้าอาจารย์กินเป็นน้ำหวานมันจะขาดความ

01:29:5501:29:58 อิ่มถ้าอาจารย์กินเป็นผลไม้อาจารย์จะมี

01:29:5801:30:00 เวลาเคี้ยวอาจารย์จะยังมีไฟเบอร์กินไป

01:30:0001:30:03 แล้วอาจารย์ก็จะอิ่มส่วนที่จะจำกัดแล้ว

01:30:0301:30:05 เนาะอันนี้คือของที่ให้กินใช่มยคะดื่มน้ำ

01:30:0501:30:08 เปล่าได้เลยนะคะอันที่ 2 ก็จะเป็นส่วนที่

01:30:0801:30:10 จำกัดเมื่อกี้เราพูดไปะก็จะให้เลี่ยงพวก

01:30:1001:30:12 ที่มันเป็นน้ำหวานน้ำหวานเองอาจจะไม่ได้

01:30:1201:30:14 เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งนะคะแต่มันทำให้

01:30:1401:30:16 อ้วนแล้วก็ไปเพิ่มความเสี่ยงอีกทีนึงนะคะ

01:30:1601:30:19 พวกของฟาสฟู้ดอาจารย์จะต้องลดลงมานิดนึง

01:30:1901:30:22 ละใช่มยไขมันเมื่อกี้อาจารย์ไขมันเยอะ

01:30:2201:30:24 เกินไปของปิ้งย่างที่อาจารย์อาจจะมีพวก

01:30:2401:30:27 ของสารกร่อมะเร็งอย่างเงี้ยค่ะเนื้อแดง

01:30:2701:30:30 ใช่มั้ยคะอาหารแปรรูปอย่างเงี้ยค่ะก็จะลด

01:30:3001:30:32 ลงเนื้อแดงไม่ได้ห้ามไม่ต้องถึงขนาด

01:30:3201:30:34 เลี่ยงใช่ใช่ๆเนื้อแดงหรือว่าอาหารแปรรูป

01:30:3401:30:36 อาจารย์แค่ลดปริมาณลงอย่าเยอะเกินไปเยอะ

01:30:3601:30:39 เกินไปในที่นี้เท่าไหร่โดยทั่วไปเราจะแนะ

01:30:3901:30:41 นำว่าถ้ามันเป็นเนื้อเนื้อแดงอ่ะค่ะสัก

01:30:4101:30:43 ประมาณเท่าฝ่ามือเราอย่างเงี้ยค่ะอาทิตย์

01:30:4301:30:45 นึงประมาณสัก 3 ครั้งฝ่ามือผมก็จะใหญ่

01:30:4501:30:47 หน่อยอาจารย์นึกถึงกล่องไพ่อ่าถ้ามันเป็น

01:30:4701:30:50 กล่องไพ่กว้างคูณยาวคูณหนาประมาณนั้นนะคะ

01:30:5001:30:52 อาจารย์ก็จะรีเลี่ยงเนื้อแดงนิดนึงถามว่า

01:30:5301:30:54 เนื้อสัตว์โปรตีนกินได้มั้ยกินได้ค่ะ

01:30:5401:30:57 โปรตีนจากพืชก็ได้หรือจะเป็นเนื้อสีขาว

01:30:5701:30:59 เป็นซีฟู้ดเป็นอะไรอย่างงี้เป็นปลานี้ได้

01:30:5901:31:02 แทนนะคะอันถัดมาก็คืออาจารเลี่ยงพวกเนื้อ

01:31:0301:31:06 แดงเนื้อแปรรูปใช่มั้ยคะอาหารปิ้งย่างไปะ

01:31:0601:31:09 พวกของไขมันสูงๆนะคะเพราะว่ามันอาจจะมี

01:31:0901:31:11 พวกของไขมันทรานสหรืออะไรก็แล้วแต่ว่ากัน

01:31:1101:31:14 ไปทีนี้สุดท้ายก็คือถามว่าัพพูดทุกครั้ง

01:31:1401:31:16 เลยค่ะ sup ก็คือในกรณีที่เราเลือกกิน

01:31:1601:31:20 อาหารปกติไม่พอเรามีข้อจำกัดใดๆก็ตามแต่

01:31:2001:31:23 ถ้าไม่มีก็ไม่ไม่ได้มีแนะนำนะคะแนะนำใน

01:31:2301:31:25 ที่นี้หมายความว่าจะมีัพอะไรมยที่ป้องกัน

01:31:2501:31:28 มะเร็งตอบว่าไม่มีนะคะอันที่ 2 ถามว่าแนะ

01:31:2801:31:31 นำมยเฉพาะกลุ่มค่ะที่สามารถหรือว่าควรจะ

01:31:3201:31:35 กินนะคะถามว่าถ้าใครมีอยู่แล้ววิธีง่ายๆ

01:31:3501:31:37 เลยถ้าสมมุติเป็นกลุ่มวิตามินนะคะอาจารย์

01:31:3701:31:39 จะแยกเป็น 2 กลุ่มคือวิตามินละลายน้ำกับ

01:31:3901:31:42 วิตามินละลายไขมันอือวิตามินละลายไขมันมี

01:31:4201:31:45 โอกาสสะสมได้อือวิตามินละลายน้ำโดยทั่วไป

01:31:4501:31:47 เราก็จะทิ้งไปอาจารย์กินเยอะฉี่อาจารย์ก็

01:31:4701:31:48 จะแพง

01:31:4801:31:52 ขึ้นก็คือมันไม่ดูดซึมก็ไปมันทิ้งอ่า

01:31:5201:31:54 เพราะฉะนั้นเนี่ยโดยทั่วไปก็คืออาจารย์ก็

01:31:5401:31:58 จะบอกว่าให้ลดหรือว่าพยายามที่จะไม่ไม่

01:31:5801:32:00 กินวิตามินละลายไขมันที่ปริมาณเยอะเบต้า

01:32:0101:32:02 คีนก็จะอยู่ในกลุ่มของไวตามิน A อย่าง

01:32:0201:32:05 เงี้ยค่ะนะคะแต่ว่าวิตามินในละลายไขมัน

01:32:0501:32:07 เนี่ยมันจะมีตัวนึงก็คือวิตามินดีที่เรา

01:32:0701:32:10 จะไม่พออาจารย์ก็อาจจะต้องเสริมอาจจะได้

01:32:1001:32:12 จากธรรมชาติเช่นจไปตากแดดหรืออาจารย์จะ

01:32:1301:32:15 เลือกของกินอะไรอย่างเงี้ยวันนี้ครับเรา

01:32:1501:32:17 ได้ทริปจากคุณหมอเอไปหลายอย่างเลยโดย

01:32:1801:32:20 เฉพาะเรื่องของการเลือกกินอาหารและการ

01:32:2001:32:23 ปฏิบัติตัวเพื่อจะห่างไกลจากโรคภัยต่างๆ

01:32:2301:32:26 หลายๆคนอาจจะอยากฟังเรื่องราวของอาหารจาก

01:32:2601:32:29 คุณหมอเอ๋มากขึ้นเนี่ยมีวิธีจะติดตามคุณ

01:32:2901:32:32 หมอเอ๋ได้ยังไงครับค่ะก็จะมี podcast นะ

01:32:3201:32:33 คะที่อยู่ในมหิดล Channel podcast

01:32:3401:32:36 เหมือนกันนะคะชื่อว่ารายการ Food Choice

01:32:3601:32:39 กินดีสุขภาพดีเลือกได้นะคะซึ่งอันนี้รูป

01:32:3901:32:41 แบบรายการจะเป็นเรื่องของการพูดคุยใน

01:32:4101:32:44 เรื่องของรูปแบบอาหารที่ปลอดภัยกับสุขภาพ

01:32:4401:32:46 นะคะก็อย่าลืมฝากติดตามด้วยนะคะวันนี้

01:32:4601:32:48 ต้องขอบคุณคุณหมอเอ๋นะครับผู้ช่วย

01:32:4801:32:51 ศาสตราจารย์แพทย์หญิงจรุนีววัดมวิจิตรที่

01:32:5101:32:53 มารร่วมรายการกับเราครับในโอกาสหน้าหวัง

01:32:5301:32:55 ว่าจะได้พูดคุยกับคุณหมอเอ๋อีกนะครับยิน

01:32:5501:32:58 ดี

01:32:5801:33:01 ค่ะสวัสดีครับคุณผู้ชมคุณผู้ฟังครับผม

01:33:0101:33:03 อาจารย์เต้จากคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัย

01:33:0301:33:05 มหิดลครับคุณผู้ฟังครับหนึ่งในคำค้นยอด

01:33:0501:33:08 ฮิตตลอดกาลในอินเทอร์เน็ตเลยนะครับก็คือ

01:33:0801:33:11 คำว่าเสื่อมสมรรถภาพทางเพศครับมันเป็น

01:33:1101:33:13 ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกเลยก็ว่าได้แต่

01:33:1301:33:16 หลายๆคนก็คงจะยังไม่กล้าที่จะไปปรึกษาผู้

01:33:1601:33:20 รู้ไม่กล้าแม้แต่จะไปถามกับคุณหมอนะครับ

01:33:2001:33:23 วันนี้ครับเราจะเอาเรื่องนี้มาพูดคุยกัน

01:33:2301:33:25 เลยไม่ต้องไปหาข้อมูลกันในอินเทอร์เน็ตก็

01:33:2501:33:28 ะถ้ามันเกิดกับคุณผู้ฟังคุณผู้ชมแล้วเรา

01:33:2801:33:32 จะรับมือกับมันอย่างไรแล้ว 4 วิธีง่ายๆใน

01:33:3201:33:35 การที่จะรับมือกับอาการสื่อมสมรรถภาพทาง

01:33:3501:33:37 เพศครับวันนี้เป็นเกียรติเหลือเกินนะครับ

01:33:3701:33:40 ที่เราได้รองศาสตราจารย์นายแพทย์อนุพันธ์

01:33:4001:33:43 ตันติวงศ์สัญแพทย์ด้านระบบทางเดินปัสสาวะ

01:33:4301:33:46 สาขาวิชาสัญศาสตร์ยูโรวิทยาภาควิชา

01:33:4601:33:49 สัญศาสตร์คณะแพทยศาสตร์สิริราชพยาบาล

01:33:4901:33:51 มหาวิทยาลัยมหิดลมาอยู่กับเราครับท่าน

01:33:5101:33:52 อาจารย์อาจารย์หมออนุพันธ์เนี่ยถือว่า

01:33:5201:33:55 เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้เลยทางราย

01:33:5501:33:57 การของเราก็เลยเชิญคุณหมอมาเพื่อที่จะพูด

01:33:5701:34:00 คุยเรื่องนี้เลยครับเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

01:34:0001:34:02 ครับคุณหมอครับแต่ก่อนที่จะไปพูดถึงคำว่า

01:34:0201:34:06 เสื่อมสมรรถภาพทางเพศเราลองย้อนกลับไปดู

01:34:0601:34:09 ซะนิดนึงว่าไอ้การแข็งตัวของอวยวะเพศชาย

01:34:0901:34:11 นะครับมันมีขั้นตอนยังไงครับอาจารย์ก่อน

01:34:1101:34:14 ที่จะไปดูว่ามันเสื่อมยังไงดูขั้นตอน

01:34:1401:34:16 เบื้องต้นของมันหลักการสักนิดนึงครับ

01:34:1601:34:18 อาจารย์ครับในเรื่องของการแข็งตัวของ

01:34:1801:34:20 อวัยวะเพศชายเนี่ยครับเราก็คงให้ความ

01:34:2001:34:23 สำคัญกับตอนที่จะมีเพศสัมพันธ์ใช่มั้ย

01:34:2301:34:26 ครับเพราะฉะนั้นเอ่อเราก็อาจจะต้องรู้ว่า

01:34:2601:34:28 กระบวนการของการมีเพศสัมพันธ์เนี่ยมันจะ

01:34:2801:34:31 มีเป็นขั้นตอนอยู่เหมือนกันอ๋อมีขั้นตอน

01:34:3101:34:33 ด้วยแรอครับอาจารย์ฮะๆครับอย่างขั้นแรก

01:34:3301:34:35 เนี่ยเอ่อมันก็เหมือนกับการเตรียมความ

01:34:3501:34:38 พร้อมอ่ะครับอ่าพูดคุยกันก่อนอะไรกันก่อน

01:34:3801:34:41 อย่างงั้นใช่มั้ยครับเพราะว่าถ้าไปผลี

01:34:4101:34:43 ผลามทำไปโดยที่ไม่ได้เตรียมความพร้อมด้วย

01:34:4301:34:47 กันเนี่ยมันก็อาจจะเกิดปัญหาอุปสรรคได้นะ

01:34:4701:34:50 ครับอพอมาขั้นตอนที่ 2 เนี่ยก็เรียกว่า

01:34:5001:34:53 ต้องมีการเล้าลมกันนะแล้วลมก็คือการ

01:34:5301:34:56 สัมผัสด้วยความรักในจุดต่างๆที่ทำให้เกิด

01:34:5601:34:59 ความสุขซึ่งกันและกันนะครับและถึงไปถึง

01:34:5901:35:02 ขั้นตอนที่ 3 ครับอันนั้นก็คือการที่จะมี

01:35:0201:35:06 การร่วมเพศนะครับอ่าถ้าฝ่ายชายก็คือการ

01:35:0601:35:08 ที่ไว้ว่าเพศนั้นมีการแข็งตัวพอที่จะสอด

01:35:0801:35:11 ใส่เข้าไปในช่องคลอดของผู้หญิงได้ซึ่ง

01:35:1101:35:14 หลายคนก็มักจะให้ความสำคัญกับเฉพาะขั้น

01:35:1401:35:16 ตอนนี้เป็นหลักกระโดดไปเลยจากขั้นตอนศูไป

01:35:1601:35:20 ขั้นตอน 3 เลยอาจารย์ใจรเพราะฉะนั้นมันก็

01:35:2001:35:23 เหลือนเหมือนกับไม่พร้อมใจร้อนตกม้าตาย

01:35:2301:35:27 เออนะครับเพราะฉะนั้นพอ 3 แล้วไม่พอนะ

01:35:2701:35:30 ครับพอ 3 แล้วควรจะต้องมี 4 4 คือยังไง

01:35:3001:35:32 ครับอาจารย์ 4 นี่มันเหมือนกับเป็นการพูด

01:35:3301:35:38 คุยอให้กำลังใจให้ความสุขด้วยการพูดสิ่ง

01:35:3801:35:41 ดีๆที่เกิดขึ้นจากการที่เรามีเพศสัมพันธ์

01:35:4101:35:46 ตรงนั้นหรือแม้แต่มันไม่สำเร็จก็ควรจะมี

01:35:4601:35:48 การพูดคุยให้กำลังใจกันผมเชื่อว่าหลายๆคน

01:35:4801:35:50 เครับกระโดดไปที่ขั้นตอนที่ 3 มครับ

01:35:5001:35:53 อาจารย์จริงจริงจริๆอันเนี้ยผมผมถึงอยาก

01:35:5301:35:56 จะได้มาพูดคุยครับในการที่มันจะแข็งตัว

01:35:5601:35:58 ได้เนี่ยครับอาจารย์อวัยวะเพศชายจะแข็ง

01:35:5801:36:01 ตัวได้เนี่ยมันมีกลไกอะไรอย่างไรครับ

01:36:0101:36:04 อาจารย์ออ่าๆคือเอ่อวัเเพศของเราเนี่ย

01:36:0401:36:08 ต้องลึกภาพเอาหน่อยเนาะนะครับมันเอ่อเป็น

01:36:0801:36:13 ลำใช่มั้ยครับเอ่อเป็นถ้าด้านล่างมันเป็น

01:36:1301:36:16 เป็นท่อสำหรับปัสสาวะนะแต่ด้านบนนั้นน่ะ

01:36:1601:36:20 มันมีแกน 2 อันเหมือนฟองน้ำนะครับแข็งๆ

01:36:2001:36:23 ซึ่งปกติเนี่ยมันจะไม่แข็งหรอกแต่มันเป็น

01:36:2301:36:28 ฟองน้ำที่เลือดจะเข้าไปไปเติมในส่วนนั้น

01:36:2801:36:30 ถ้ามันไปเติมเข้าเต็มที่มันก็จะทำให้ส่วน

01:36:3001:36:33 นั้นมันแข็งตัวขึ้นนะครับการที่เลือดจะ

01:36:3301:36:35 เข้าไปเติมได้เนี่ยก็ต้องมีการขยายตัวของ

01:36:3601:36:39 หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงในส่วนนั้นนะครับ

01:36:3901:36:43 เวลาเรามีความรู้สึกต้องการทางเพศหรือถูก

01:36:4301:36:45 กระตุ้นทางเพศเนี่ยมันเป็นกระตุ้นกลไกใน

01:36:4501:36:49 ร่างกายนะครับก็ทำให้เกิดการขยายตัวของ

01:36:4901:36:51 หลอดเลือดตรงนั้นเพราะฉะนั้นเมื่อไหรแต่

01:36:5101:36:54 ยังมีการกระตุ้นการเร้าเนี่ยการแข็งตัวก็

01:36:5401:36:57 ยังดำเนินต่อไปนะครับจนกระทั่งอเคถ้า

01:36:5701:37:01 เผื่อเกิดมีการหลั่งตอนเนี้ยมันมีกลไกที่

01:37:0101:37:04 ทำให้หยุดการการขยายตัวของหลอดเลือดก็จะ

01:37:0401:37:07 กลับมาเขี่ยวเหมือนเดิมอเหมือนเดิมอัน

01:37:0701:37:10 นั้นเพราะฉะนั้นถ้าเผื่อมีอะไรก็ตามที่ทำ

01:37:1001:37:13 ให้การขยายตัวของหลอดเลือดตรงนั้นไม่ดี

01:37:1301:37:15 ครับการแข็งตัวก็เกิดไม่ได้เกิดไม่ได้

01:37:1501:37:17 หรือเกิดได้น้อยใช่มั้ยเกิดได้น้อยเพราะ

01:37:1701:37:20 ฉะนั้นก็โรคของหลอดเลือดโรคของระบบประสาท

01:37:2001:37:24 ที่ที่จะมาควบคุมตรงนี้ก็จะมีผลถ้าเราพูด

01:37:2401:37:27 ถึงว่าไอ้เจ้าการแข็งตัวเนี่ยครับมันเกิด

01:37:2701:37:31 จากปัจจัยหลายๆอย่างอแล้วถ้ามันไม่สามารถ

01:37:3201:37:34 ที่จะแข็งตัวได้เนี่ยเราเรียกได้เลยมั้ย

01:37:3401:37:36 ครับว่าคนๆเนี้ยเขาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

01:37:3601:37:39 แล้ว่ะครับอืมคือถ้าไปพูดคำว่าเสื่อม

01:37:3901:37:42 เนี่ยนะน่าตกใจน่าตกใจและน่าอายครับ

01:37:4201:37:44 อาจารย์ผมผมยังถ้าเผื่อมันเกิดขึ้นกับผม

01:37:4401:37:46 เนี่ยผมคงไม่รู้ว่าจะไปปรึกษาใครครับ

01:37:4601:37:48 อาจารย์ครับเพราะฉะนั้นบางคนก็จะบอกเอ้า

01:37:4801:37:53 ขอหย่อนๆแล้วกันหย่อนสทางเพศแล้วก็บางที

01:37:5301:37:56 คนไขก็เดี๋ยวนี้จะใช้คำว่า Ed นะครับ

01:37:5601:38:00 เพราะว่าคำ Ed มาจากภาษาอังกฤษนะครับอค

01:38:0001:38:03 ฟังชัน ect dis funtion อ่าครับก็คือ

01:38:0301:38:07 หน้าที่ในการแข็งอคเนี่ยมันเสียไปอนะครับ

01:38:0701:38:10 เพราะฉะนั้นคำนี้ก็เลยกลายเป็นคำที่คนจะ

01:38:1001:38:13 รู้จักมักคุ้นขึ้นบางทีก็จะมาหาหมอบอกผม

01:38:1301:38:16 เป็น Ed ครับมันก็จะสะดวกปากมากกว่าที่จะ

01:38:1601:38:19 บอกคุณหมอครับผมหย่อนสมรรถภาพทางเพศครับ

01:38:1901:38:24 ใช่มั้ใช่ครับถ้าจะพูดถึงคำนิยามของ Ed

01:38:2401:38:27 นะครับอาจารย์ครับอมันมีคำนิยามให้พอที่

01:38:2701:38:29 จะเข้าใจได้ง่ายมั้ยครับว่ามันจะต้องเกิด

01:38:2901:38:32 กันบ่อยขนาดไหนหรือมันเกิดครั้งเดียวก็

01:38:3201:38:36 ถือว่าเป็น ed แล้วอืเป็นห่วงใช่มั้เป็น

01:38:3601:38:38 ห่วงครับเริ่มเป็นห่วงตัวเองครับพักเดียว

01:38:3801:38:41 อย่าเพิ่งกังวลอ๋อเหรอครับครับคือคือว่า

01:38:4101:38:45 ไอ้นิยามของมันเนี่ยมันก็มันก็บอกด้วย

01:38:4501:38:49 ด้วยลักษณะของไอ้คำตรงนั้นอยู่แล้วนะครับ

01:38:4901:38:52 เอ่อเพราะฉะนั้นเนี่ยคนผู้เอ่อคนนั้นเอง

01:38:5201:38:55 เนี่ยจะรู้ตัวเองหรือแม้คู่นอนของเขาก็จะ

01:38:5501:38:58 รู้เลยว่าอ่าๆอันนี้มันมีปัญหาเรื่องของ

01:38:5801:39:01 การแขงตัวนะครับแต่มันมีระดับของการแข็ง

01:39:0101:39:05 ตัวนะเช่นถ้าถ้าเป็นน้อยๆมันมันแข็งได้

01:39:0501:39:08 แต่มันแข็งได้ไม่นานมันก็อ่อนแต่ถ้าเป็น

01:39:0801:39:11 Ed เนี่ยแข็งได้ไม่นานแล้วก็อ่อนโดยที่

01:39:1101:39:15 ไม่ทันหลังอนะครับถ้าแย่ขึ้นไปอีกนิดนึง

01:39:1501:39:19 ก็คือโหแข็งแต่กว่าจะสอดใส่ไปได้นี่มัน

01:39:1901:39:23 ยากเหลือเกินอือครับแล้วถ้าแย่มากๆก็คือ

01:39:2301:39:26 แข็งไม่พอเลยสอดใส่ไม่ได้เลยนะครับเพราะ

01:39:2601:39:29 ฉะนั้นมันก็มีระดับของมันคือต้องให้เข้า

01:39:2901:39:32 ใจก่อนว่าโดยธรรมชาติของคนเราเนี่ยมันไม่

01:39:3201:39:34 ใช่จะต้องดี 100% ทุกครั้งไปอ่ะเออ

01:39:3401:39:36 อันเนี้ยต้องอย่าเข้าใจผิดอันนี้เป็น

01:39:3601:39:39 กำลังใจให้ผมเองด้วยก็อ่าแน่นอนขอเป็น

01:39:3901:39:42 กำลังใจให้กับทุกคนนะครับคือคือมันไม่

01:39:4201:39:44 จำเป็นว่าต้องดีทุกครั้งเอ่อบางครั้งที่

01:39:4401:39:47 เราเหนื่อยๆมาเนาเราไม่ได้พักผ่อนมันก็

01:39:4801:39:51 ไม่ค่อยจะสู้ออ่าบางคนกินเหล้ามามากิน

01:39:5101:39:54 เลี้ยงมาแหมนึกว่าจะฉลองกันซะหน่อยมันเมา

01:39:5401:39:57 เกินไปมันก็ไม่สู้ขึ้นมาเหมือนกันนะครับ

01:39:5701:40:00 เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อเกิดเป็นแค่ครั้ง 2

01:40:0001:40:03 ครั้งเนี่ยผมคิดว่ามันเป็นธรรมชาติอแล้ว

01:40:0301:40:06 ก็ไม่ต้องไปตกใจมันมีโอกาสกลับคืนมาได้

01:40:0601:40:09 ครับแต่ถ้าเมื่อไหร่มันค่อยๆเป็นทีละน้อย

01:40:0901:40:11 แล้วเป็นมากขึ้นเป็นอยู่นานบางคนบอกต้อง

01:40:1101:40:14 เป็นหลายๆเดือนหน่อยนะติดต่อกันอันเนี้ย

01:40:1401:40:17 เออถึงน่าจะมีปัญหาจริงๆครับครับถ้าเป็น

01:40:1701:40:20 ครั้ง 2 ครั้งยังไม่ต้องกังวลมากนะครับ

01:40:2001:40:23 ใชมฮะผมไม่อยากให้กังวลอย่ากังวลเลยใช่

01:40:2301:40:27 มั้ยครับแต่จริงๆเนี่ยมันกลับมีคนกังวลอื

01:40:2701:40:30 มีคนกังวลเยอะและไอ้ความกังวลนั่นแหละมัน

01:40:3001:40:33 คือสาเหตุของ Ed ที่เกิดจากเรื่องจิตใจอ

01:40:3301:40:36 อ๋อแสดงว่าสาเหตุของ Ed เนี่ยมันมาจากจิต

01:40:3601:40:39 ใจได้ด้วยเหมือนกันเหรอครับโอ้แน่นอนเลย

01:40:3901:40:41 ถ้าจะแบ่งสาเหตุมันก็จะแบ่งเป็น 2 เรื่อง

01:40:4101:40:45 ใหญ่ๆครับคือทางกายกับทางใจนะครับทางกาย

01:40:4501:40:47 เนี่ยก็คืออย่างที่เมื่อกี้บอกว่าคนไกมัน

01:40:4701:40:49 ต้องมีเรื่องเรื่องของหลอดเลือดใช่มั้ยฮะ

01:40:4901:40:52 หลอดเลือดมีการขยายหลายตัวเพราะฉะนั้นโรค

01:40:5201:40:56 เรื้อรังหลายๆอย่างเช่นเบาหวานเรื่องความ

01:40:5601:41:00 ดันโลหิตสูงไขมันสูงนะครับโรคหัวใจโรค

01:41:0001:41:03 อ้วนพวกเนี้ยแล้วก็ตามอายุด้วยอเพราะ

01:41:0301:41:06 ฉะนั้นไอ้พวกเเป็นปัจจัยเสี่ยงทางกายที่

01:41:0601:41:09 จะทำให้เกิดปัญหาอีดีขึ้นอนะครับครับส่วน

01:41:0901:41:12 ทางใจก็อยากรู้มั้ยมีอะไรบ้างอยากรู้เลย

01:41:1201:41:15 ครับอาจารย์เพราะผมเป็นคนขี้กังวนครับอ่า

01:41:1501:41:19 นั่นแหละก็ต้องทำใจสบายๆนะครับเท่าที่ผม

01:41:1901:41:23 รวบรวมจากคนให้นะครับครับเอ่ออันแรกน่าจะ

01:41:2301:41:26 เป็นความไม่พร้อมซึ่งมันเป็นจุดเริ่มต้น

01:41:2601:41:30 ที่เมื่อกี้บอก่ะบางทีอเมานะครับเพลียไม่

01:41:3001:41:34 ได้หลับได้นอนมันก็ไม่มีเรี่ยวมีแรงเออนะ

01:41:3401:41:37 ครับไม่พร้อมนี่บางทีไม่ใช่ตัวเรานะฮะ

01:41:3701:41:39 ฝ่ายหญิงเค้าไม่พร้อมเไม่เล่นด้วยอย่าง

01:41:3901:41:43 เงี้ยเราก็หงอยไปนะครับมันก็เลยไม่สู้ใช่

01:41:4301:41:46 มั้ยเพราะฉะนั้นก็ต้องดูให้ดีถ้าเผื่อว่า

01:41:4601:41:49 เราจะทำอะไรให้มันมีความสุขจริงๆก็ต้องมี

01:41:4901:41:53 ความพร้อมแต่แต่ถ้าถ้าผมจะถามผมก็มักจะ

01:41:5301:41:56 ถามว่าอ้าแล้วตอนเช้าๆมันมีการแข่งมั้ย

01:41:5601:41:59 เออคือถ้าเราสังเกตได้ว่าเอ๊ะเช้าๆก็แข็ง

01:41:5901:42:03 ตัวดีิอนะครับอันนี้แหละแสดงว่ากลไกการทำ

01:42:0301:42:06 งานการขยายของหล่อดเลือดต่างๆมันยังทำงาน

01:42:0601:42:10 ได้ดีอยู่อือันเนี้ยไม่ต้องไปกังวลมัน

01:42:1001:42:13 เป็นเรื่องของจิตใจที่ทำให้การแข็งตัวมัน

01:42:1301:42:16 แย่ลงเมื่อไหร่กังวลนะครับระบบประสาท

01:42:1601:42:18 อัตโนมัติของเราเนี่ยมันจะไปทำให้หลอด

01:42:1801:42:21 เลือดมันกดตัวอ้าวที่เพราะฉนั้นแทนที่มัน

01:42:2101:42:25 จะขยายมันจะแข็งมันก็เหี่ยวมันก็เหี่ยว

01:42:2501:42:27 นอกจากอาการไม่แข็งแล้วเนี่ยครับคุณหมอ

01:42:2701:42:31 ครับมันมีอาการผิดปกติอื่นๆได้อีกมั้ย

01:42:3101:42:34 ครับคือจริงๆถ้าจะมองเรื่องสุขภาพทางเพศ

01:42:3401:42:37 จะมี 3 เรื่องครับที่มักจะเจอกับพวกผู้

01:42:3701:42:41 ชายนะครับแล้วบางทีมันก็จะสับสนซับซ้อน

01:42:4101:42:44 กันนะครับที่ว่าเป็น Ed เนี่ยเราพบบ่อย

01:42:4401:42:48 ที่สุดะได้ทุกอายุคือไม่แข็งตัวนะครับอัน

01:42:4801:42:51 ที่ 2 ที่มันก็จะเจอได้แต่นเจอนะอายุที่

01:42:5101:42:53 มากขึ้นเรื่อยๆครับเพราะมันเกี่ยวกับ

01:42:5301:42:56 เรื่องของฮอร์โมนเพศชายอืคือถ้าฮอร์โมน

01:42:5601:42:59 เพศชายในอายุมากขึ้นมันจะค่อยๆลดลงนะครับ

01:42:5901:43:02 เพราะฉะนั้นความรู้สึกต้องการทางเพศนะ

01:43:0301:43:05 ครับที่เหมือนแม้จะมีผู้หญิงสวยๆอยู่ข้าง

01:43:0501:43:09 ๆก็ไม่มีการรู้สึกต้องการไม่แข็งขึ้นมา

01:43:0901:43:13 อันนี้เป็นเรื่องของความรู้สึกต้องการมัน

01:43:1301:43:16 ที่มันลดลงลดลงไปอืนะครับครับก็ก็จะเจอ

01:43:1601:43:19 ได้อือฮึส่วนอันที่ 3 นั้นเราเรียกว่าการ

01:43:1901:43:22 หลั่งเร็วครับเนี่ยก็หลายคนก็อาจจะเข้าใจ

01:43:2201:43:26 ผิดนึกว่าเออมันต้องโอครึ่งชั่วโมงนะเขไป

01:43:2601:43:29 ดูหนังมากอย่างเงี้ยนะครับอออันนั้นอัน

01:43:2901:43:32 นั้นทำให้เราเข้าใจผิดออครับเพราะเศึกษา

01:43:3201:43:34 มาแล้วโดยปกติมันก็จะอยู่ประมาณสัก 7

01:43:3401:43:37 นาทีบวกลบอ๋อ 7 นาทีบวกลบนะครับเออแล้ว

01:43:3701:43:40 ส่วนใหญ่คนที่เป็นเป็นปัญหาก็มักจะอาจจะ

01:43:4001:43:43 น้อยกว่า 2 นาทีนะครับหรือบางทีก็อาจยัง

01:43:4301:43:45 ไม่ทันสอดใส่เลยก็หลังแล้วอย่างเงี้ยนะ

01:43:4601:43:48 ครับอครับเพราะฉะนั้นก็เป็นอีกอันนึงซึ่ง

01:43:4801:43:51 อาจจะเจอในในวัยรุ่นมากกว่าเพราะว่ายัง

01:43:5101:43:54 ขาดประสบการณ์ในการจะควบคุมอครับซึ่ง

01:43:5401:43:56 สาเหตุของการหลั่งเร็วนี่น่าจะเกิดจาก

01:43:5601:43:59 อะไรครับส่วนหนึ่งมาจากจิตใจแต่การหลั่ง

01:43:5901:44:02 เร็วเนี่ยเอ่อก็จะมีเทคนิคอะไรต่างๆที่

01:44:0201:44:05 อาจจะเคยเห็นเคยอ่านกันมากับอีกอันนึงทาง

01:44:0501:44:08 การแพทย์เราก็มียาบางตัวนะครับที่อาจจะไป

01:44:0801:44:11 ช่วยเออช่วยชะลอการหลั่งเร็วได้ชครับแล้ว

01:44:1101:44:13 เรื่องการหลั่งเร็วกับ Ed เนี่ยบางทีมัน

01:44:1401:44:17 สัมพันธ์กันอ้าวเหรอครับเออเพราะว่าพอพอ

01:44:1701:44:22 สมมุติว่าคนไหนเนี่ยนะครับที่ที่มีอีเนอะ

01:44:2201:44:25 เช่นพอพอรู้ว่าสอดใส่ไม่นานมันก็จะอ่อน

01:44:2501:44:28 ตัวะก็คงจะต้องรีบทำให้มันเสร็จเร่งสปีด

01:44:2801:44:31 เร่งสปีดอ้าวกลายเป็นหลั่งเร็วหรือคน

01:44:3101:44:34 เริ่มต้นด้วยหลั่งเร็วก่อนแล้วพอหลั่ง

01:44:3401:44:37 เร็วมากๆก็มันกังวลของจะหลังมันก็เลยต่อ

01:44:3701:44:41 มามันเลยไม่แข่งออกซะเลยเป็นดีไปอันนี้

01:44:4101:44:44 มันเกี่ยวข้องกันได้เออผมไม่เคยนึกเลยนะ

01:44:4401:44:48 ผมเคยได้ยินหลายๆคนนะฮะที่บอกว่าการที่

01:44:4801:44:50 สำเร็จความใคร่หรือว่าช่วยตัวเองอยู่

01:44:5001:44:54 เรื่อยๆเนี่ยมันอาจจะนำไปสู่เรื่องปัญหา

01:44:5401:44:57 ของสุขภาพทางเพศได้มันจริงมั้ยครับคุณหมอ

01:44:5701:44:59 ครับผมคิดว่าไม่จริงอ๋อเหรอครับแต่แต่มัน

01:44:5901:45:04 ก็จะมีคนไข้บางคนนะครับที่ที่เค้ามีมีการ

01:45:0401:45:08 ช่วยตัวเองบ่อยๆครับเอ่อมันก็อาจจะเหมือน

01:45:0801:45:11 กับว่ามันชินก็ก็เลยทำให้ไอ้ตอนจะมีเพศ

01:45:1101:45:15 สัมพันธ์จริงๆอาจจะคือการกระตุ้นอาจจะไม่

01:45:1501:45:17 เหมือนกับตอนที่ช่วยตัวเองนะเพราะช่วยตัว

01:45:1701:45:19 เองมันมีทั้งดูหนังดูอะไรทำหลายๆอย่างก็

01:45:1901:45:23 ได้อือนะครับเพราะฉะนั้นแต่โดยโดยในหลัก

01:45:2301:45:25 การทฤษฎีแล้วเนี่ยมันไม่น่ามาเกี่ยวข้อง

01:45:2501:45:29 กันอนะครับอครับความผิดปกติทั้ง 3 อย่าง

01:45:2901:45:31 นะครับไม่ว่าจะเป็นความต้องการอเพศที่ลด

01:45:3101:45:34 ลงการไม่แข็งตัวของอวัยวเพศหรือการหลั่ง

01:45:3401:45:37 เร็วนะครับมันต้องเกิดขึ้นอยู่ยาวนานสัก

01:45:3701:45:40 เท่าไหร่ถึงจะเอ๊คงจะต้องหาคำปรึกษาแล้ว

01:45:4101:45:45 ครับเออเท่าที่ผมสังเกตนะครับถ้าถ้าเมื่อ

01:45:4501:45:48 ไหร่เนี่ยมันแบบจักตดีดีอยู่แล้วปุ๊บปั๊บ

01:45:4801:45:51 เป็นเนี่ยนะครับผมผมคิดว่ามันเป็นเรื่อง

01:45:5101:45:55 ทางด้านจิตใจความไม่พร้อมในครั้งนั้นก็ทำ

01:45:5501:45:58 ให้เกิดปัญหานะครับไอ้ตรงเนี้ยถ้าเราเข้า

01:45:5801:46:00 ใจเนี่ยเราก็อาจจะไม่จำเป็นต้องไปศึกษา

01:46:0001:46:04 แพทย์ก็ได้อนะครับนั้นพอเข้าใจเราทำใจเรา

01:46:0401:46:08 ปรับตัวอะไรของเราใหม่อ่ะมันก็โอเคนะครับ

01:46:0801:46:12 แต่ถ้าเมื่อไหร่มันมันเป็นแล้วเราเรารู้

01:46:1201:46:14 ว่าเรามีความเสี่ยงทางด้านร่างกายอ่ะเช่น

01:46:1401:46:17 อายุเรามากขึ้นแล้วเรามีโรคเรื้อรังหลายๆ

01:46:1701:46:19 อย่างเนี่ยแล้วโดยมากมันจะค่อยๆเป็นค่อยๆ

01:46:2001:46:22 ไปเป็นมากขึ้นอย่างเนี้ยครับผมคิดว่า

01:46:2201:46:25 อันเนี้ยควรควรปรึกษา

01:46:2501:46:29 [เพลง]

01:46:2901:46:32 แพทย์คุณหมอครับถ้าในที่สุดแล้วถูก

01:46:3201:46:36 วินิจฉัยว่ามีอาการ Ed ครับอวิธีในการที่

01:46:3601:46:39 จะรักษาเนี่ยมันมีวิธีการไหนบ้างครับมัน

01:46:3901:46:41 ก็คือขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ว่ากายหรือใจ

01:46:4201:46:44 หรือทั้ง 2 อย่างนะแล้วก็ขึ้นอยู่กับความ

01:46:4401:46:47 รุนแรงด้วยเป็นมากเป็นน้อยแค่ไหนนะครับ

01:46:4701:46:50 ถ้าเรียงลำดับกันไปเนี่ยครับเอ่อส่วนใหญ่

01:46:5001:46:54 เนี่ยเราเรามักจะใช้เรื่องของการกินยายา

01:46:5401:46:57 แต่จริงๆการกินยาเนี่ยมันเป็นเป็น

01:46:5701:47:00 วิวัฒนาการที่มาหลังสุดเลยอ้าวนะรฮะผมก็

01:47:0001:47:03 นึกว่ายาเนี่ยมาก่อนเลยเออไม่ใช่พอมีการ

01:47:0301:47:07 กินยาซึ่งมันง่ายเนี่ยนะมันเลยทำให้ไอ้

01:47:0701:47:10 เรื่องของ Ed เนี่ยมีคนสนใจมากขึ้นถ้า

01:47:1001:47:13 เข้ามาหาหมอรักษามากขึ้นเพราะมันน่าจะ

01:47:1301:47:15 ง่ายมันจะง่ายเพราะว่าวิธีที่ยากกว่าซึ่ง

01:47:1501:47:17 ซึ่งเกิดมาก่อนเนี่ยก็อาจจะเป็นเรื่องของ

01:47:1701:47:20 การฉีดยาฉีดฉดฉีดไปที่ไหนครับผมเริ่ม

01:47:2001:47:25 เสียวครับตรงอวัยวเภศโอ้โหคนลุกเลย

01:47:2501:47:28 ครับเออพอมันเป็นยาเม็ดนี่มันง่ายกว่ากัน

01:47:2801:47:31 เยอะมันง่ายกว่ากันเยอะแต่กลไกมันคืออัน

01:47:3101:47:34 เดียวกันคือไปทำให้มีการขยายตัวของหลอด

01:47:3401:47:37 เลือดตรงบริเวณอวัยวะเพศอีกอันนึงที่จะทำ

01:47:3701:47:40 ให้เอ่อเลือดมันเข้าไปอยู่ตรงนั้นได้

01:47:4001:47:42 เนี่ยครับเขาเรียกว่าใช้ปั๊มหรือกระบอก

01:47:4201:47:46 สุญญากาศงเคยเห็นในโฆษณาตามแมกาซีนอ๋เคย

01:47:4601:47:48 เห็นอ้าผมก็นึกว่าเ้าเอาไว้เพิ่มขนาด

01:47:4801:47:51 อย่างเดียวเออคือคือคือผมไม่ได้แนะนำถึง

01:47:5201:47:54 กับเพิ่มขนาดนะไปใช้คำว่าเหมือนกับเป็น

01:47:5401:47:58 การไป Exercise ทำให้มีมีเลือดมันไหล

01:47:5801:48:00 เวียนเข้าไปไงอ๋อครับเพราะว่าเวลาเราสวม

01:48:0001:48:03 กระบอกแล้วเนี่ยนะครับแล้วเราปั๊มเอาให้

01:48:0301:48:05 เกิดสูญากาศเนี่ยมันก็จะต้องทำให้เลือด

01:48:0501:48:08 วิ่งเข้ามาในวัยวเพศมากขึ้นใช่มั้ยมันก็

01:48:0901:48:12 จะเกิดการพองการขยายตัวการแข็งอแต่ถ้า

01:48:1201:48:14 เผื่อเราเอากระบอกออกปั๊บเนี่ยมันก็

01:48:1401:48:16 เหี่ยวเลยมันก็เหี่ยวสิครับทำไงล่ะครับ

01:48:1601:48:19 อ่าก็ต้องมีหนังสติ๊กหนังยางขึ้นมาอีกอัน

01:48:1901:48:23 นึงออฮะรูดเข้าไปรัดที่โคนอวัยวเพศเพื่อ

01:48:2301:48:25 จะให้เลือดมันกันไม่ให้เลือดเออที่มัน

01:48:2601:48:29 เข้ามาแล้วเนี่ยไหลออกไปแล้วเราก็รัดไป

01:48:2901:48:32 เรื่อยแหละจนกว่าเสร็จกิจน่ะถึงตัดมันออก

01:48:3201:48:35 เออบางคนเพลินนะตัดตัดยางใช่มั้ยฮะตัดยาง

01:48:3501:48:38 ไม่ใช่ตัดแล้วแต่บางคนถ้าเพลินนะครับเกิด

01:48:3801:48:41 รัดนานเป็นชั่วโมงเนี่ยนะอ้อมันทำให้มีผล

01:48:4201:48:44 นะหมายถึงเลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศไม่เพียง

01:48:4401:48:46 พออย่างเงี้แอครับใชผมเคยผมเคยอ่านอีก

01:48:4601:48:49 แล้วครับคุณหมอครับว่าบางที่เขาใช้วิธี

01:48:4901:48:53 การฝังแกนเข้าไปอผ่าตัดเพื่อจะฝังแกนเข้า

01:48:5301:48:56 ไปมันมันมันมันมีจริงเหรอครับมีแล้วก็ทำ

01:48:5701:48:59 มานานและอาจจะเป็นเรียกว่าเอ่อไม้สุดท้าย

01:48:5901:49:03 แหละที่จะช่วยตรงนั้นเดี๋ยวเเราจะพบว่า

01:49:0301:49:05 เจอคนไข้ที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากมากขึ้น

01:49:0501:49:08 เพราะเรามีการตรวจเช็คใช่มั้ยครับแล้วพอ

01:49:0801:49:11 เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะแรกๆเนี่ยซึ

01:49:1101:49:13 ยังอยู่ภายในต่อมลูกหมากเนี่ยถ้าเราไปตัด

01:49:1301:49:16 เอาต่อมลูกหมากออกมันก็จะมีโอกาสหายขาด

01:49:1601:49:19 ได้อืแต่บางครั้งเนี่ยตรงต่อมลูกหมากนั้น

01:49:1901:49:23 มันมีเส้นประสาทที่มาเลี้ยงอวัยวเพศครับ

01:49:2301:49:27 ผ่านติดมาข้างๆมันอาจจะโดนทำลายอครับถ้า

01:49:2701:49:30 โดนทำลายไปทั้ง 2 ทั้ง 2 ด้านเนี่ยคนนั้น

01:49:3001:49:35 ก็มีอีแบบสมบูรณ์นะครับคือยาก็อาจจะช่วย

01:49:3501:49:38 ไม่ได้เลยอยากกินนะฮะเพราะฉะนั้นถ้าวิธี

01:49:3801:49:42 การแก้ถาวรก็คือเราต้องเอาแกนอวัยวะเทศ

01:49:4201:49:46 เพศเทียมเนี่ยสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศ

01:49:4601:49:48 อย่างงี้มันก็แข็งอยู่ตลอดเวลาสิครับอ้า

01:49:4801:49:51 มีหลายแบบให้เลือกมีหลายแบบอถ้าเงินน้อย

01:49:5201:49:55 หน่อยก็ก็แบบแข็งแบบพอพับได้อ๋อแข็งแบบ

01:49:5501:49:58 พับได้เออแต่ถ้าเผื่อแบบมีเงินมากหน่อย

01:49:5801:49:59 เนี่ย

01:49:5901:50:03 เอ่อมันจะแข็งได้ต่อเมื่อมันมีน้ำเข้าไป

01:50:0301:50:06 ในแกนอันนั้นนะครับน้ำมันมาจากไหนน้ำมัน

01:50:0601:50:10 ก็มาจากไอ้ถุงที่เราเก็บน้ำไว้นะครับแล้ว

01:50:1001:50:13 ก็มีตัวปั๊มถ้าเราต้องการให้มันแข็งเราก็

01:50:1301:50:16 บีบปั๊มๆๆัมๆน้ำในถุงเก็บมันก็เข้าไปอยู่

01:50:1601:50:20 ในแกนนั้นก็แข็งขึ้นมาแกออ่าแล้วพอเราไม่

01:50:2001:50:23 เสร็จกิจแล้วครับเราก็ปั๊มๆๆออกกลับมา

01:50:2301:50:26 อยู่ในในถุงเก็บออดีเลยอย่างงี้ก็สามารถ

01:50:2601:50:29 เลือกระดับความแข็งได้ตามความต้องการอ่า

01:50:2901:50:32 ทั้งทั้งนานก็ความตามความต้องการได้เพราะ

01:50:3201:50:34 ว่าเมื่อไหร่เรายังไม่ได้ปั๊มออกมันก็ยัง

01:50:3401:50:37 แข็งอยู่อย่างนั้นยาพวกนี้มันมีผลข้าง

01:50:3701:50:41 เคียงหลายอย่างมครับมันมีแต่ถือว่าน้อยนะ

01:50:4101:50:44 ครับเพราะว่าถ้ากลไกของมันเนี่ยคือการ

01:50:4401:50:47 ขยายตัวของหลอดเลือดครับแต่เขาก็พยายามจะ

01:50:4701:50:51 ออกแบบให้มันขยายเฉพาะตรงเอวัยวเพศอืแต่

01:50:5101:50:54 บางครั้งมันก็ไปขยายเส้นเลือดทางอื่นอาจ

01:50:5401:50:58 จะรู้สึกตัวมันร้อนๆวูบวาบอาจจะรู้สึกว่า

01:50:5801:51:00 มึนๆหัวคัดจมูกอะไรอย่างเงี้ยเพราะหลอด

01:51:0001:51:02 เลือดที่อื่นมันก็ขยายไปด้วยเลือที่อื่น

01:51:0201:51:06 อาจจะขยายด้วยอืแต่ถือว่ามีน้อยครับแต่ขอ

01:51:0601:51:10 เตือนนิดนึงมันมีข้อห้ามของการกินยานะ

01:51:1001:51:13 ครับเพราะว่าคนที่เป็นโรคหัวใจซึ่งเหมือน

01:51:1301:51:16 ก็ความเสี่ยงอยู่แล้วนะแล้วก็กินยาหัวใจ

01:51:1601:51:18 บางอย่างซึ่งบางทีมันไปเสริมฤทธิ์กับตัว

01:51:1801:51:22 นี้อครับอาจจะทำให้ความดันตกอาจจะทำให้

01:51:2201:51:26 หัวใจวายไปได้ก็ต้องระวังห้ามกินยายาแบบ

01:51:2601:51:28 นี้ควรซื้อมากินเองมยครับ

01:51:2801:51:34 เอ่อจริงๆอผมคิดว่าถ้าดีเนี่ยควรควรจะไป

01:51:3401:51:37 คุยกับหมอก่อนนะครับเพื่อจะได้รู้ว่าจริง

01:51:3701:51:40 ๆแล้วสาเหตุมันเป็นยังไงกันแน่แล้วอะไร

01:51:4001:51:43 เป็นตัวเสี่ยงที่ซ่อนอยู่หรือเปล่านะครับ

01:51:4301:51:46 ถ้าเราไปซื้อกินเองเราอาจจะละเลไอ้ความ

01:51:4601:51:48 เสี่ยงที่มันซ่อนอยู่ตรงนั้นโรคต่างๆที่

01:51:4901:51:52 ซ่อนอยู่ที่อยู่เราก็เสียโอกาสครับกับอีก

01:51:5201:51:56 อันนึงก็คือว่าคนที่มีสาเหตุทางจิตใจอ่ะ

01:51:5601:51:58 ครับอย่างที่เมื่อกี้บอกแล้วว่าจริงๆถ้า

01:51:5801:52:01 เราเข้าใจเรามีการปรับตรงนั้นเนี่ยครับ

01:52:0101:52:04 มันมันไม่จำเป็นต้องใช้ยาเลยก็ได้ครับ

01:52:0401:52:07 หรือว่าการใช้ยาอาจจะใช้เพียงแค่ระยะสั้น

01:52:0701:52:10 ๆครับเพราะพอยามันไปช่วยเสริมเนี่ยมันก็

01:52:1001:52:13 ทำให้ไม่ล้มเหลวในครั้งนั้นเกิดความมั่น

01:52:1301:52:16 ใจเกิดความมั่นใจนะครับพอมั่นใจไปสักพัก

01:52:1601:52:21 นึงโอเคก็จุดยาได้ทำเองได้เอแต่ถ้าเผื่อ

01:52:2101:52:24 เราไม่ได้ไปหาหมอเราก็ไปหลงโอ้ต้องกินยา

01:52:2401:52:27 ต้องกินยามันก็เลยกลายเป็นกินยาเกินความ

01:52:2701:52:28 จำเป็น

01:52:2801:52:33 [เพลง]

01:52:3301:52:37 อือคุณหมอครับเรามีวิธีในการรับมือกับ

01:52:3701:52:40 อาการ Ed นี้อย่างไรอ่ะครับผมอยากจะให้

01:52:4001:52:43 เตรียมรับมือเตรียมรับมือเออโดยที่ยังไม่

01:52:4301:52:47 ต้องมี Ed อันแรกที่ผมแนะนำก็คือเราต้อง

01:52:4701:52:51 ต้องเรียนรู้เรื่องของสุขภาพบเพศชาย

01:52:5101:52:54 เรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ซึ่งมันก็เป็น

01:52:5401:52:57 หน้าเป็นที่น่าเสียดายนะว่าพวกเราไม่ค่อย

01:52:5701:53:01 ได้ได้เรียนรู้ในระบบอ่ะนะครับแล้วเราก็

01:53:0101:53:04 ไปเรียนรู้ตามสื่อต่างๆถูกเปไม่รู้ว่าถูก

01:53:0401:53:07 ต้องหรือเปล่านะครับแต่ถ้าเผื่อแล้วเรา

01:53:0701:53:11 ศึกษาเรียนรู้แล้วก็เราก็ต้องเรียนรู้กับ

01:53:1101:53:14 ชีวิตจริงของเราด้วยนะครับกับคู่ของเรา

01:53:1401:53:17 ด้วยอถ้าเผื่อเราเรียนรู้ตรงนั้นก็เป็น

01:53:1701:53:21 การป้องกันได้ะนะครับอันที่ 2 ผมคิดว่า

01:53:2101:53:25 เป็นเรื่องของการป้องกันความเสี่ยงก่อน

01:53:2501:53:28 ที่มันจะเป็นอือเช่นความเสี่ยงทางกายเรา

01:53:2801:53:32 ก็ไปตรวจเช็คสุขภาพเพออายุเกิน 40 ไปแล้ว

01:53:3201:53:35 เนี่ยเราจะพบว่าสาเหตุทางกายมีมากขึ้นนะ

01:53:3501:53:38 ครับอ่ากไปตัวเช็คเบาหวานความดันอะไร

01:53:3801:53:41 อย่างเงี้ยนะโรคอ้วนอย่าให้มีครับถ้าออก

01:53:4101:53:45 กำลังกายสม่ำเสมอมันก็จะป้องกันไอ้โรคพวก

01:53:4501:53:47 นี้อยู่ด้วยรวมทั้งลดความเสี่ยงลงใช่มั้

01:53:4701:53:50 ลดความเสี่ยงดีๆลงแต่ในข้อข้อที่ 2 เนี่ย

01:53:5001:53:53 ถ้าเราจะป้องกันความเสี่ยงทางจิตใจเนี่ย

01:53:5301:53:57 อืก็คือควรจะดูว่ามันมีความพร้อมหรือยัง

01:53:5701:54:00 ในการที่เรามีเพศสัมพันธ์ครั้งนั้นนะครับ

01:54:0001:54:04 ครับถ้าเกิดมันเกิดมีไปแล้วเราก็ลองทบทวน

01:54:0401:54:07 ดูอ้ามันเป็นธรรมดาน่ะที่มันเกิดขึ้น

01:54:0701:54:10 เพราะเราไม่พร้อมจะไปกังวลกับมันเกินไปนะ

01:54:1001:54:14 ครับอันนั้นก็จะช่วยได้ครับครับแล้วพอมา

01:54:1401:54:17 อีกข้อหนึ่งข้อที่ 3 เนี่ยผมคิดว่าเป็น

01:54:1701:54:20 เรื่องของการยอมรับและความเข้าใจใจอือนะ

01:54:2001:54:23 ครับยอมรับก็คืออ้าพอมันเป็นอ่ะโอเคก็

01:54:2301:54:27 อย่าไปไปไปเก็บอยู่คนเดียวอือฮึบางทีแฟน

01:54:2801:54:30 ก็ไม่บอกทั้งๆที่แฟนเขาก็รู้นะเลยกลาย

01:54:3001:54:32 เป็นเรื่องเป็นราวอย่างที่ที่เมื่อกี้พูด

01:54:3201:54:35 กันนะครับแต่ความเข้าใจที่สำคัญอีกอันนึง

01:54:3501:54:39 คือความเข้าใจระหว่างคู่ของเราอ๋ออืคือ

01:54:3901:54:42 ถ้าเมื่อไหร่เนี่ยคู่ของเราเข้าใจเออมัน

01:54:4201:54:45 เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้เกเพราะ

01:54:4501:54:47 อย่างนี้นะเรามีวิธีช่วยกันอย่างงนี้นะ

01:54:4701:54:51 อือเพราะคู่เนี่ยเป็นตัวช่วยที่สำคัญและ

01:54:5101:54:55 สุดท้ายที่ผมคิดว่าเป็นกุญแจของความสุข

01:54:5501:54:59 ทางเพศครับก็คือไอ้ขั้นตอนของการให้ความ

01:54:5901:55:03 สุขกันและกันโดยการสัมผัสอืการสัมผัสครับ

01:55:0301:55:06 เพราะการสัมผัสนี่คุณอยู่ที่ไหนก็สัมผัส

01:55:0701:55:10 กันได้ใช่มั้ได้ทุกเวลาอือเหนื่อยแค่ไหนอ

01:55:1001:55:13 สัมผัสกันหน่อยก็ยังเป็นเป็นความสุขที่

01:55:1301:55:16 ให้แก่การเป็นความรักเป็นสัมพันธภาพที่ดี

01:55:1601:55:19 ต่อกันไปเรื่อยๆแล้วตรงนั้นละเป็นการป้อง

01:55:1901:55:24 กันแล้วก็เป็นการการรักษาปัญหาเรื่อง

01:55:2401:55:27 เสื่อมสมรรถภาพทางเพศเพราะว่าถ้าเผื่อเรา

01:55:2701:55:30 มองว่าพอเรามีความเสื่อมทำให้ทำให้ความ

01:55:3001:55:33 สุขทางเพศเราหายไปอือแต่ถ้าเผื่อเรามี

01:55:3301:55:37 ความสุขทางเพศโดยวิธีอื่นโดยสัมผัสได้ถึง

01:55:3701:55:39 แม้จะเสื่อมยังไงเราก็เราก็ยังมีความสุข

01:55:3901:55:42 ได้แล้วยังรักกันอยู่แล้วก็ยังรักกันอยู่

01:55:4201:55:45 แลอาจจะรักกันมากขึ้นด้วยออื้อหือดีจัง

01:55:4501:55:48 เลยครับคุณหมอครับดีจังเลยดีใจจังเลยที่

01:55:4801:55:50 ได้คุยกับคุณหมอวันนี้ครับครับในวันนี้

01:55:5001:55:54 ครับเราได้รู้ว่ากลไกในการที่จะป้องกัน

01:55:5401:55:58 หรือทำให้ไม่เกิดการไม่แข็งตัวทั้งปัจจัย

01:55:5801:56:01 เรื่องกายปัจจัยเรื่องใจอือในวันนี้ต้อง

01:56:0101:56:03 ขอบคุณอาจารย์อย่างมากเลยครับที่มาพูดคุย

01:56:0301:56:06 กันในเรื่องที่หลายๆคนไม่กล้าที่จะปรึกษา

01:56:0601:56:09 แม้แต่เพื่อนหรือคู่นอนของตัวเองวันนี้มา

01:56:0901:56:12 ฟังจากคุณหมอเลยในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยว

01:56:1201:56:14 ชาญนะครับวันนี้ต้องขอขอบพระคุณรอง

01:56:1401:56:16 ศาสตราจารย์นายแพทย์อนุพันธ์ตันติวงศ์

01:56:1601:56:18 ครับท่านเป็นสัญแพทย์ด้านระบบทานเดิน

01:56:1801:56:22 ปัสสาวะสาขาวิชาสัญศาสตร์ยูโรวิทยาภาค

01:56:2201:56:24 วิชาสัญศาสตร์คณะแพทยยาศาสตร์เสิราช

01:56:2401:56:27 พยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดลครับวันนี้สนุกมาก

01:56:2701:56:29 ครับได้คุยกับคุณครับพบกับ wellbeing

01:56:2901:56:33 สุขภาพดีชีวิตดีสร้างได้ทุกวันจันทร์เวลา

01:56:3301:56:37 18:00 นที่มหิดน Channel podcast ผ่าน

01:56:3701:56:40 ช่องทาง Facebook มหิดน Channel YouTube

01:56:4001:56:43 มหิดน Channel Apple podcast spotify

01:56:4301:56:47 anor blockit ดำเนินรายการโดยอาจารย์

01:56:4701:56:49 เต้รพีบุญเปลื้อง

01:56:4901:56:54 [เพลง]

01:56:5401:56:59 wellbe สุขภาพดีชีวิตดีสร้าง

01:56:5901:57:06 [เพลง]

01:57:0601:57:09 ได้ความรู้ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้

01:57:0901:57:14 มหาวิทยาลัยมหิดลปัญญาของแผ่น

01:57:1401:57:18 [เพลง]

01:57:1801:57:21 ดิน

01:57:2101:57:24 y