ท้องผูกเรื้อรังอาจนำไปสู่โรคหรือภาวะแทรกซ้อนอะไรได้บ้าง

[PODCAST] Food Choice | EP.10 - กินอย่างไรเมื่อเป็น "โรคท้องผูกเรื้อรัง"

จากช่อง : Mahidol Channel มหิดล แชนแนล


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:03 [เสียงดนตรี]

00:00:0300:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.

00:00:0600:00:08 Listen for a better life.

00:00:0800:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า

00:00:1100:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel

00:00:1400:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล

00:00:1600:00:22 [เสียงดนตรี]

00:00:2200:00:24 วันนี้คุณกินอะไร

00:00:2400:00:29 อาหารที่คุณกินจะส่งผลดี ส่งผลเสีย กับสุขภาพของคุณอย่างไร

00:00:2900:00:31 วันนี้หมอจะชวนทุกคนมาพูดคุย

00:00:3100:00:35 เกี่ยวกับรูปแบบของการกินอาหาร ที่ปลอดภัยกับสุขภาพของเรา

00:00:3500:00:40 กับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋

00:00:4000:00:42 แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร

00:00:4200:00:46 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

00:00:4600:00:49 [เสียงดนตรี]

00:00:4900:00:52 วันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องของท้องผูกนะคะ

00:00:5200:00:55 ทีนี้ทองถูกนี่เป็นปัญหาที่ ไม่มีใครอยากให้เกิดนะคะ

00:00:5500:01:00 การเกิดท้องผูกเรื้อรังนี่ นำมาซึ่งความไม่สบายตัว ใช่ไหมคะ

00:01:0000:01:02 แล้วบางคนนี่ ก็จะทำให้สุขภาพจิตไม่ดีด้วย

00:01:0200:01:06 เราจะหงุดหงิด เราจะมีปัญหามากมายก่ายกองนะคะ

00:01:0600:01:08 แล้วทีนี้เวลาที่ท้องผูกเรื้อรังนี่

00:01:0800:01:11 มันก็จะนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ อีกมากมายเนอะ

00:01:1100:01:14 วันนี้เราจะมาคุยกันว่า สภาพแวดล้อมหรือว่าชีวิตเรานี่

00:01:1400:01:18 มีอะไรบ้าง มีปัจจัยอะไรบ้าง ที่ทำให้เกิดเรื่องของท้องผูกนะคะ

00:01:1800:01:23 แล้วเรื่องของอาหารนี่ จะมีส่วนช่วยในเรื่องของการท้องผูกได้อย่างไร

00:01:2300:01:25 นอกจากนี้นี่ การที่เราท้องผูกอยู่นี่

00:01:2500:01:28 มันจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้อย่างไรบ้าง

00:01:2800:01:30 มีอะไรที่จะต้องระมัดระวัง

00:01:3000:01:31 หรือว่าถ้าท้องผูกอยู่

00:01:3100:01:33 เอ๊ะ เมื่อไหร่เราควรจะต้องไปหาหมอ

00:01:3300:01:35 เมื่อไหร่มันจะเป็นอันตรายกับสุขภาพแล้ว

00:01:3500:01:38 เริ่มต้นเราก็จะมารู้จักกับท้องผูกก่อนนะคะ

00:01:3800:01:40 เมื่อไหร่เราถึงจะเรียกว่าท้องผูก

00:01:4000:01:43 ต้องนึกภาพก่อนเนอะ เวลาที่เรารับประทานอาหารนี่

00:01:4300:01:46 เรากินเข้าไปตั้งแต่ปาก แล้วก็จะไปออกที่ลำไส้

00:01:4600:01:51 โดยเฉลี่ย ระยะเวลาตรงนี้ ก็จะประมาณ 24 ชั่วโมง ประมาณวันนึง

00:01:5200:01:54 ทีนี้ถ้าสมมุติ เมื่อไหร่ก็ตามที่มันเกิน 3 วัน

00:01:5400:01:55 แล้วยังไม่ออกมา

00:01:5500:01:57 อันนี้เราก็จะเรียกว่าท้องผูกแล้ว

00:01:5700:02:00 เพราะฉะนั้น คนทั่วไปมักจะถ่ายทุกวัน

00:02:0000:02:03 บางคนนี่มากกว่าวันละครั้งด้วยซ้ำไป

00:02:0300:02:05 แต่ถ้าเกิน 3 วัน ยังไม่ถ่าย

00:02:0500:02:08 หรือว่าอาทิตย์นึง ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้ง

00:02:0800:02:10 อันนี้เราจะเรียกว่าท้องผูกนะคะ

00:02:1000:02:14 ทีนี้เราก็จะมาดูว่าท้องผูก มันเกิดจากอะไรได้บ้าง

00:02:1400:02:16 นอกเหนือจากลักษณะของการถ่ายอุจจาระนะคะ

00:02:1700:02:18 บางคนนี่ก็จะถ่ายทุกวันใช่ไหมคะ

00:02:1800:02:21 ลักษณะอุจจาระที่ปกติมันก็จะต้องนิ่ม

00:02:2100:02:24 แล้วก็ต้องเป็นรูปทรงใช่ไหมคะ

00:02:2400:02:25 แล้วก็ถ่ายได้

00:02:2500:02:28 ทีนี้หลาย ๆ ครั้ง เวลาที่เราไม่ถ่ายอยู่นาน ๆ

00:02:2800:02:32 สิ่งที่เกิดขึ้นก็จะมี ลักษณะของการถ่ายที่ถ่ายลำบาก

00:02:3200:02:33 เป็นก้อนแข็งนะคะ

00:02:3300:02:35 หรือเป็นก้อนเล็ก ๆ เบ่งไม่ออก

00:02:3500:02:38 บางคนนี่ อาจจะต้องใช้วิธีการล้วงนะคะ

00:02:3800:02:40 หรือว่าอาจจะต้องใช้น้ำฉีดก็มีนะคะ

00:02:4000:02:44 อันนี้ก็จะทำให้เกิดปัญหา เกี่ยวกับสุขภาพได้เหมือนกันนะคะ

00:02:4400:02:45 ทีนี้เดี๋ยวเรามาดูกันว่า

00:02:4500:02:48 เวลาที่ท้องผูกแล้วมันส่งผลกระทบอะไรบ้าง

00:02:4800:02:49 อันแรกคือความเครียด

00:02:4900:02:53 หลายคนท้องผูกเรื้อรัง แล้วก็จะรู้สึกว่าตัวเองเครียดนะคะ

00:02:5300:02:56 ทีนี้ต้องมาดูก่อนว่าถ้าเราต้องเบ่งเยอะ ๆ เบ่งบ่อย ๆ

00:02:5600:02:58 สิ่งที่ตามมาหลังจากท้องผูก

00:02:5800:03:02 มันก็จะทำให้เกิดเรื่องของ เส้นเลือดโป่งพองที่บริเวณก้น

00:03:0200:03:04 หรือที่เราเรียกว่าเป็นริดสีดวงทวาร

00:03:0400:03:07 การเบ่งเยอะ ๆ เส้นเลือดตรงนั้นก็จะโป่งพอง

00:03:0700:03:10 ก็จะมีปัญหาเรื่องของริดสีดวงทวาร ตามมาได้นะคะ

00:03:1000:03:14 บางคนถ้าเกิดว่ามีเรื่องของไส้เลื่อน หรือเคยผ่าตัด

00:03:1400:03:16 ก็อาจจะทำให้เกิดเรื่องของ ไส้เลื่อนได้เหมือนกัน

00:03:1600:03:18 เวลาที่เราเบ่ง ต้องบอกนิดนึงก่อนว่า

00:03:1800:03:21 แรงดันในช่องท้องนี่ มันจะค่อนข้างสูงนะคะ

00:03:2200:03:24 แล้วก็จะทำให้มีปัญหาเรื่องของไส้เลื่อนได้

00:03:2400:03:28 สำหรับปัญหาเรื่องของท้องผูก ตอนนี้ก็จะได้ยินบ่อยมากนะคะ

00:03:2800:03:29 แล้วหลาย ๆ คนก็จะบอกว่า

00:03:2900:03:31 เดี๋ยวนี้คนท้องผูกกันเยอะขึ้น

00:03:3100:03:34 พฤติกรรมหรือการใช้ชีวิตประจำวัน ของเราทุกวันนี้

00:03:3400:03:36 มีอะไรบ้างที่จะทำให้เราเสี่ยง

00:03:3600:03:39 หรือว่าทำให้เรามีโอกาสที่จะท้องผูกง่ายขึ้น

00:03:3900:03:41 เอาง่าย ๆ เลย ไล่ไปทีละข้อนะคะ

00:03:4100:03:45 อันแรกเลยก็คือ พฤติกรรมที่นั่ง ๆ นอน ๆ แล้วไม่ค่อยจะเดิน

00:03:4500:03:49 เวลาที่เรามีการเดินหรือมีการเคลื่อนไหว ลำไส้เราก็จะบีบตัว

00:03:4900:03:51 ลองนึกภาพเนอะ เรากินอาหารลงไป

00:03:5100:03:53 แล้วมันก็จะต้องไหลไปจนกระทั่งมันออกนี่

00:03:5300:03:55 ถ้าลำไส้มันนอนอยู่นิ่ง ๆ มันไม่ขยับ

00:03:5500:03:57 อันนี้ก็จะทำให้ท้องผูกได้

00:03:5700:04:01 เพราะฉะนั้นการที่เราอยู่นิ่ง ๆ มันจะทำให้ลำไส้เราขยับตัวน้อยลง

00:04:0100:04:03 ถ้าเกิดเรามีการเคลื่อนไหวร่างกายเยอะขึ้น

00:04:0300:04:06 มันก็จะทำให้ช่วย ในเรื่องของการบีบตัวของลำไส้

00:04:0700:04:09 ถ้าชีวิตเรานั่ง ๆ นอน ๆ เยอะ ๆ

00:04:0900:04:12 อันนี้เราเสี่ยงแล้ว ที่จะทำให้เกิดท้องผูกนะคะ

00:04:1200:04:17 อันที่สอง เรากินอาหารพวกที่มันเป็น ไฟเบอร์หรือว่าใยอาหารน้อย

00:04:1700:04:19 ต้องนึกภาพว่า ในลำไส้เรา

00:04:1900:04:22 สิ่งที่เราจะทิ้งไปก็คือ ของที่มันเป็นกากใยถูกไหมคะ

00:04:2200:04:26 ถ้าเราใส่กากใยลงไปน้อย มันก็จะมีน้อย

00:04:2600:04:29 เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะทำให้ท้องผูกก็มีมากขึ้น

00:04:3000:04:31 อันที่สามค่ะ

00:04:3100:04:34 ก็คือเรื่องของการดื่มน้ำนะคะ

00:04:3400:04:36 ถ้าเกิดเราดื่มน้ำไปน้อยนะคะ

00:04:3600:04:40 น้ำ ปริมาณน้ำ หรือปริมาณของอุจจาระก็จะลดลง

00:04:4000:04:43 แล้วที่สำคัญคือลำไส้ใหญ่ มีหน้าที่คอยดูดน้ำกลับ

00:04:4300:04:44 มันก็จะยิ่งแห้ง

00:04:4400:04:48 พอแห้งปุ๊บ ปริมาณน้อย ๆ มันก็จะทำให้ไม่มีแรงเบ่ง

00:04:4800:04:51 ทำให้ลำไส้เราไม่ขยาย มันก็จะไม่บีบตัว

00:04:5100:04:53 คือลำไส้เรานี่ เวลาที่เขาขยาย

00:04:5300:04:55 นึกภาพเป็นงูเหลือมค่ะ

00:04:5500:04:56 เวลาที่มันมีอะไรเข้าไปปุ๊บนี่

00:04:5600:04:59 มันก็จะมีแรงบีบ แล้วก็ค่อย ๆ ดันไป

00:04:5900:05:00 แต่ถ้าของมันเล็ก ๆ ค่ะ

00:05:0000:05:02 ปริมาตรมันน้อย ๆ

00:05:0200:05:05 มันก็จะทำให้แรงดันตรงนั้นมันลดลง

00:05:0500:05:09 แล้วหลายทีก็จะทำให้มีปัญหา เรื่องของท้องผูกได้เหมือนกัน

00:05:0900:05:12 อันถัดมาค่ะ ก็จะเป็นเรื่องของอาหาร

00:05:1200:05:17 อาหารอะไรบ้างที่จะทำให้ลำไส้เรา ทำงานลดลงหรือว่าบีบตัวช้าลง

00:05:1800:05:19 หนึ่ง อาหารมันค่ะ

00:05:1900:05:22 ของมันจะเป็นของที่ทำให้ลำไส้เราบีบตัวช้าลง

00:05:2200:05:24 เพราะฉะนั้น อาจจะต้องเลี่ยงนะคะ

00:05:2400:05:27 หรือว่าระมัดระวังนิดนึง ถ้าเรามีปัญหาเรื่องท้องผูก

00:05:2700:05:28 อันถัดมาก็จะเป็นพวกของ...

00:05:2900:05:31 บางคนจะบอกว่าพวกชา กาแฟ

00:05:3100:05:32 หรือแม้กระทั่งแอลกอฮอล์นี่

00:05:3200:05:35 ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องของ การบีบตัวของลำไส้ด้วย

00:05:3500:05:36 แต่ว่าต้องบอกนิดนึงว่า

00:05:3600:05:38 อันนี้มันขึ้นกับแต่ละคนนะคะ

00:05:3900:05:40 คนอ้วนค่ะ

00:05:4000:05:42 คนอ้วนก็จะมีปัญหาเหมือนกัน

00:05:4200:05:45 ก็จะทำให้แรงดันในช่องท้องมันก็เยอะเนอะ

00:05:4500:05:48 แล้วก็จะทำให้มีปัญหา เรื่องของท้องผูกได้เหมือนกัน

00:05:4800:05:49 ความเครียด

00:05:5000:05:54 ยิ่งเราเครียดมาก บางทีนี่ ก็จะทำให้การบีบตัวของลำไส้ลดลง

00:05:5400:05:57 ก็จะทำให้ท้องผูกได้เหมือนกันนะคะ

00:05:5700:06:00 สุดท้ายต้องระวังเรื่องยา โดยเฉพาะในผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ

00:06:0000:06:03 คนที่นอนติดเตียงในผู้สูงอายุ

00:06:0300:06:05 คนที่ไม่ค่อยขยับตัวแล้วก็กินยาเยอะ ๆ

00:06:0500:06:09 กลุ่มนี้ค่ะ เสียงมาก ๆ ที่จะทำให้มีปัญหาเรื่องของท้องผูก

00:06:0900:06:13 ยาที่เจอบ่อยที่สุดเลย ที่ผู้ใหญ่เกือบทุกท่านได้กัน

00:06:1300:06:15 ก็จะเป็นกลุ่มของแคลเซียมค่ะ

00:06:1500:06:18 เวลาที่คนได้รับแคลเซียม โดยเฉพาะแคลเซียมคาร์บอเนต

00:06:1800:06:21 อันนี้ก็จะทำให้ท้องผูกได้พอสมควรนะคะ

00:06:2100:06:23 เพราะฉะนั้นถ้าสมมุติว่าทานแคลเซียมอยู่

00:06:2300:06:25 ก็อาจจะต้องระมัดระวังนิดนึง

00:06:2500:06:26 ในยาเม็ดแคลเซียมหลาย ๆ ตัว

00:06:2600:06:29 บางทีเขาจะเติมสารบางอย่างเข้าไป เช่น แมกนีเซียม

00:06:2900:06:32 เพื่อจะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องของท้องผูก

00:06:3200:06:34 สุดท้ายก็คือ ห้ามกลั้นอุจจาระนะคะ

00:06:3400:06:36 เวลาที่เรากลั้นอุจจาระบ่อย ๆ นี่

00:06:3600:06:40 มันจะทำให้ระบบการบีบตัวของลำไส้นี่ มันแปรปรวนไป

00:06:4000:06:45 แล้วก็จะทำให้มีปัญหาในเรื่องของ การบีบตัวของลำไส้

00:06:4500:06:46 แล้วก็มันจะไม่สัมพันธ์กัน

00:06:4600:06:49 ตรงนี้ก็แนะนำว่า ไม่ควรจะกลั้นอุจจาระ

00:06:4900:06:51 ทั้งหมดก็จะเป็น 9 พฤติกรรม

00:06:5100:06:55 ที่ทำให้เรามีความเสี่ยง ในการที่จะเกิดเรื่องของท้องผูกค่ะ

00:06:5500:07:00 [เสียงดนตรี]

00:07:0000:07:03 ในกรณีที่เราท้องผูกอยู่ แล้วคำถามก็คือว่า

00:07:0300:07:06 เอ๊ะ มันจะเป็นอะไรหรือเปล่า มันจะอันตรายกับชีวิตเราไหม

00:07:0600:07:10 หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่ท้องผูก แล้วเราควรจะไปพบแพทย์นะคะ

00:07:1000:07:13 ทีนี้ท้องผูกนี่ ต้องบอกนิดนึงก่อนว่า

00:07:1300:07:17 ถ้าสมมุติว่ามันไหลลงไปได้ ก็จะไม่มีปัญหาเนอะ

00:07:1700:07:20 เพราะฉะนั้นหลัก ๆ เลย เวลาที่ท้องผูกแล้วเราก็กังวลนะคะ

00:07:2000:07:21 ทางการแพทย์ก็คือหมายความว่า

00:07:2100:07:25 มันจะมีอะไรไปอุดกั้น ทางเดินอาหารหรือเปล่านะคะ

00:07:2500:07:27 ที่อุดกั้นทางเดินอาหารที่เจอบ่อย ๆ

00:07:2700:07:29 ยกตัวอย่างเช่น เรากลัวว่าเราจะเป็นมะเร็งไหม

00:07:2900:07:32 เพราะฉะนั้นอาการที่น่าสนใจ

00:07:3200:07:34 หรือว่าการที่ควรจะต้องระวัง

00:07:3400:07:36 แล้วควรจะต้องไปพบแพทย์

00:07:3600:07:39 อันที่หนึ่ง จะมีท้องผูก อาจจะสลับกับท้องเสีย

00:07:3900:07:42 ลองนึกภาพว่าถ้ามันมีก้อนอยู่ในลำไส้เรานะคะ

00:07:4200:07:44 แล้วทีนี้ มันก็ทำให้อุจจาระมันค้างอยู่

00:07:4500:07:47 มันค้างอยู่นาน ๆ บางทีมันก็จะกลายเป็นของเหลว

00:07:4700:07:49 แล้วก็ไหลออกไปได้นะคะ

00:07:4900:07:52 เพราะฉะนั้น ถ้าเรามีท้องผูกบ้าง ท้องเสียสลับกัน

00:07:5200:07:54 อันนี้ควรจะไปพบแพทย์

00:07:5400:07:55 อันที่สองค่ะ

00:07:5500:07:58 ถ้าสมมุติว่าถ่ายเป็นเลือดนะคะ

00:07:5800:07:59 อันนี้ก็ควรจะไปพบแพทย์

00:08:0000:08:02 อันที่สาม เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

00:08:0200:08:04 อันนี้ควรจะไปพบแพทย์ นึกออกไหมคะ

00:08:0400:08:07 ท้องผูกสลับท้องเสีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

00:08:0700:08:09 ถ่ายดำ หรือว่าถ่ายเป็นเลือดนะคะ

00:08:0900:08:11 มีคลื่นไส้อาเจียนร่วมกับการท้องผูก

00:08:1100:08:15 อันนี้เป็นอาการที่บอกว่า ควรจะต้องไปพบแพทย์นะคะ

00:08:1500:08:18 หรือว่าซีดลงอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ในผู้ใหญ่นะคะ

00:08:1800:08:22 แล้วก็อีกอันนึงค่ะ ในกรณีที่ท้องผูกเรื้อรังนะคะ

00:08:2200:08:23 หลาย ๆ ท่านจะบอกว่า

00:08:2300:08:26 ฉันท้องผูกมาเป็นปีแล้ว ท้องผูกแบบเรื้อรัง

00:08:2600:08:28 แต่ถ้าท้องผูกแบบรุนแรงมาก ๆ

00:08:2800:08:31 เช่น บางคนนี่ 4-5 วัน หรืออาทิตย์นึงนะ

00:08:3100:08:35 หรือว่าอาจจะจำเป็นที่จะต้องใช้ ยาระบายปริมาณเยอะ ๆ

00:08:3500:08:37 มีคนไข้เคยมาบอกว่า

00:08:3700:08:39 ใช้ยาระบายเกือบ 100 เม็ดอย่างนี้ค่ะ

00:08:4000:08:42 อันนี้ก็ควรจะมาตรวจนะคะ

00:08:4200:08:45 เพื่อจะดูนิดนึงว่ามันมีปัญหาอะไร กับเรื่องของลำไส้หรือเปล่าค่ะ

00:08:4500:08:47 ในกรณีที่คนไข้มีปัญหา

00:08:4700:08:50 หรือว่ามีคนที่มาหา แล้วบอกว่ามีปัญหาเรื่องท้องผูกนี่

00:08:5000:08:52 อันแรกเลยที่เราจะดูนะคะ

00:08:5200:08:55 เราก็จะดูว่าท้องผูกอันนี้ เป็นท้องผูกที่อันตรายไหม

00:08:5500:08:58 หรือว่าท้องผูกที่ดูแล้ว ไม่ได้อันตรายอะไรนะคะ

00:08:5800:09:00 ท้องผูกที่อันตรายที่บอกไป เมื่อสักครู่นี้ก็คือ

00:09:0000:09:02 มีเบื่ออาหาร มีน้ำหนักลด

00:09:0200:09:04 มีท้องผูกสลับท้องเสีย

00:09:0400:09:07 คนไข้ตรวจร่างกายแล้วได้ซีดลงนะคะ

00:09:0700:09:08 หรือว่ามีการถ่ายดำ

00:09:0800:09:09 อันนี้อันตรายเนอะ

00:09:0900:09:11 อันนี้ก็ควรจะต้องไปตรวจเพิ่มเติม

00:09:1100:09:15 อันที่สอง ถ้ามันไม่มีอาการอะไรพวกนี้เลย เราก็จะมาเช็กต่อว่า

00:09:1500:09:17 มีสาเหตุไหมที่ทำให้ท้องผูก

00:09:1700:09:21 ยกตัวอย่างเช่น ดูพฤติกรรม ดูยา ดูอะไรอย่างนี้นะคะ

00:09:2100:09:24 ว่ามีอะไรที่ทำให้เกิดเรื่องของท้องผูกได้ไหม

00:09:2400:09:28 ถ้ามีเราก็จะแก้ไข เช่น ถ้าเกิดสมมุติว่า มันเป็นจากยา

00:09:2800:09:33 เราก็จะดูว่า ยาตัวนี้จะเปลี่ยนได้ไหม จะปรับได้ไหมนะคะ

00:09:3300:09:36 หรือว่าจะมีโรคบางอย่าง ที่ทำให้เขามีปัญหาเรื่องท้องผูก

00:09:3600:09:38 มีเกลือแร่บางอย่างที่ผิดปกติ

00:09:3800:09:39 อันนี้เราก็จะตรวจไป

00:09:4000:09:42 แล้วสุดท้ายถ้าสมมุติว่าเราหาไม่เจอ

00:09:4200:09:45 แล้วเราก็คิดว่ามันอาจจะเป็นจากพฤติกรรม

00:09:4500:09:47 เราก็จะมาปรับพฤติกรรมนะคะ

00:09:4700:09:50 ร่วมกับ...อาจจะมีเรื่องของการให้ยาระบาย

00:09:5000:09:52 เพื่อจะช่วยเขาด้วยนะคะ

00:09:5200:09:54 แล้วก็มีการปรับพฤติกรรมควบคู่กันไป

00:09:5500:09:58 แล้วก็นัดมาดูอีกทีนึงว่า ตรงนี้จะดีขึ้นหรือยังนะคะ

00:09:5800:10:02 ในส่วนของการปรับพฤติกรรม สำหรับคนไข้ท้องผูกนะคะ

00:10:0200:10:05 อันแรกเลยก็คือ ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา

00:10:0500:10:09 ตอนเช้าตื่นมา แล้วก็ไปนั่งถ่ายในห้องน้ำนะคะ

00:10:0900:10:13 จริง ๆ แล้วเวลาที่เรานั่งถ่ายในห้องน้ำ เราก็จะต้องมีการฝึกเรื่องของการหายใจ

00:10:1300:10:16 ฝึกเรื่องของการใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องด้วย

00:10:1600:10:18 เราจะไม่เบ่งโดยใช้กล้ามเนื้อ ที่ปอดหรือว่าที่หน้าอก

00:10:1800:10:20 แต่ว่าเราจะใช้กล้ามเนื้อหน้าท้อง

00:10:2000:10:23 เพื่อเบ่งให้มีการเพิ่มแรงดัน

00:10:2300:10:26 แล้วก็จะทำให้ลำไส้มันบีบตัวได้ดีขึ้นนะคะ

00:10:2600:10:28 เราจะไม่กลั้นอุจจาระนะคะ

00:10:2800:10:32 ถ้าเกิดเมื่อไหร่เรารู้สึกว่าปวด เราก็ควรที่จะไปเข้าห้องน้ำเลยนะคะ

00:10:3200:10:34 แล้วก็พยายามไม่เครียด

00:10:3400:10:35 อันนี้ทำยาก

00:10:3500:10:36 แต่ว่าถ้าเครียดมาก

00:10:3600:10:40 ก็อาจจะทำให้มีปัญหา เรื่องของท้องผูกได้เช่นกันนะคะ

00:10:4000:10:43 แล้วก็ดื่มน้ำให้เยอะขึ้นนะคะ

00:10:4300:10:47 รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ หรือว่ามีใยอาหารเยอะขึ้นนะคะ

00:10:4700:10:49 แล้วก็จะต้องดื่มน้ำให้เยอะขึ้นนะคะ

00:10:4900:10:53 คำว่าเยอะขึ้นในที่นี้คือ อย่างน้อยประมาณ 2 ลิตร

00:10:5300:10:55 ดื่มน้ำประมาณ 8 แก้วนะคะ

00:10:5500:10:59 แล้วก็ควรจะรับอาหารที่มีเรื่องของไฟเบอร์ หรือว่าใยอาหารเพิ่มขึ้น

00:10:5900:11:00 เพิ่มขึ้นแค่ไหน

00:11:0100:11:03 ถ้าเกิดว่าเราไปอ่านดู เขาจะเขียนบอกค่ะ

00:11:0300:11:05 20-30 กรัม

00:11:0500:11:07 เอ๊ะ 20-30 กรัมนั้นคืออะไร

00:11:0700:11:08 ก็จะมีผักเนอะ

00:11:0800:11:11 ทีนี้ตรงนี้ค่ะมันจะมี...เขาเรียกว่าใยอาหาร

00:11:1100:11:14 ที่มันจะเป็นแบบที่ละลายน้ำกับไม่ละลายน้ำ

00:11:1400:11:18 ไม่ต้องสนใจก็ได้ เอาเป็นว่า เราจะกินทั้งสองอย่างนะคะ

00:11:1800:11:19 ปริมาณอยู่ที่เท่าไหร่

00:11:1900:11:22 ถ้าเป็นผักใบที่สุกแล้วนะคะ

00:11:2200:11:24 เขาจะใช้คำว่า 1 ทัพพี หรือว่าประมาณกำปั้นนึง

00:11:2500:11:26 อันนี้เป็นผักที่สุกแล้ว

00:11:2700:11:28 ถ้าเป็นผักใบที่ยังไม่สุก

00:11:2800:11:32 มันก็จะเป็น...เอาฝ่ามือ 2 อัน มารวมกัน

00:11:3200:11:34 อันนี้นะคะ นับเท่ากับ 1 เนอะ

00:11:3400:11:38 ถ้าสุกแล้ว ฝ่ามือเดียวอันนี้ ก็คือ 1 นะคะ

00:11:3800:11:41 วันหนึ่งค่ะ ผักผลไม้รวมกันกินให้ได้ 5 ส่วน

00:11:4100:11:44 ถ้าเกิดกินได้ประมาณ 5 ส่วน อันนี้เราบอกว่า

00:11:4400:11:48 ไฟเบอร์หรือว่าใยอาหารนี่ มันจะอยู่ที่ประมาณสัก 20-30 กรัม

00:11:4800:11:52 ถ้ากินได้ประมาณนี้มันก็จะเพียงพอ สำหรับสุขภาพที่ดี

00:11:5200:11:55 แล้วก็ช่วยป้องกันเรื่องของท้องผูกได้ด้วย

00:11:5500:12:00 [เสียงดนตรี]

00:12:0000:12:03 ในเรื่องของอาหารนะคะ เมื่อกี้เราก็พูดไปคร่าว ๆ แล้ว

00:12:0300:12:06 แต่ทีนี้บอกว่า โอ๊ย มานั่งคิดแล้วคิดไม่ออก

00:12:0600:12:09 ว่าจะกินไฟเบอร์ยังไง 20-30 กรัมอะไรอย่างนี้

00:12:0900:12:14 ใช้หลักการเดิมก็ได้ค่ะก็คือ ในจานอาหารเรา ควรจะมีผักครึ่งหนึ่ง

00:12:1400:12:18 แล้วก็อีก 1 ใน 4 ก็ควรจะเป็นส่วนที่เป็นข้าว หรือคาร์โบไฮเดรตนะคะ

00:12:1800:12:21 แล้วก็ส่วนที่มันเป็นโปรตีน อีกสักประมาณ 1 ใน 4 นะคะ

00:12:2100:12:24 อันนี้ถ้าเรากิน 3 มื้อ แล้วก็มีผักครึ่งนึงทั้ง 3 มื้อ

00:12:2400:12:29 อันนี้ก็ได้แล้วสำหรับในส่วนที่เป็น เรื่องของไฟเบอร์หรือว่าใยอาหาร

00:12:3000:12:32 อาจจะรับประทานเป็นผลไม้เพิ่มขึ้นนิดนึงก็ได้

00:12:3200:12:34 ในบางรายที่ต้องการไฟเบอร์เนอะ

00:12:3400:12:39 แล้วก็บอกว่า เอ๊ะ กินผักอย่างเดียว อาจจะไม่ได้ ไม่มากพอเนอะ

00:12:3900:12:40 ก็อาจจะเป็นลักษณะนั้น

00:12:4000:12:43 หลายคนจะมีการเปลี่ยนโดยที่จะบอกว่า

00:12:4300:12:46 เอ๊ะ ถ้าอย่างนั้น ขอเป็นน้ำผักผลไม้ปั่นได้ไหม

00:12:4600:12:48 เพราะว่าฉันกินผักผลไม้ในอาหารได้น้อย

00:12:4800:12:52 อันนี้ถามว่าได้ไหม ตอบว่าในส่วนของน้ำผักพอได้นะคะ

00:12:5200:12:55 แต่ถ้าสมมุติว่าเป็น น้ำผลไม้ที่เอามาปั่นเยอะ ๆ นี่

00:12:5500:12:58 อาจจะต้องระวังนิดนึง ถ้าสมมุติว่าเขาเป็นเบาหวาน

00:12:5800:13:00 หรือว่าเขามีปัญหาเรื่องของน้ำหนักนะคะ

00:13:0000:13:02 การรับประทานปริมาณมาก ๆ อย่างนี้

00:13:0200:13:04 ก็อาจจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้

00:13:0400:13:07 แล้วที่สำคัญค่ะ ถ้าจะกินผักผลไม้ปั่น

00:13:0700:13:08 ไม่ควรจะแยกกาก

00:13:0800:13:12 ก็คือปั่นรวมกันไปหมดเลย แล้วก็ทำให้เรากินได้ง่ายขึ้น

00:13:1200:13:14 มันก็จะได้ไฟเบอร์นะคะ

00:13:1400:13:17 แต่ว่าต้องระวังในเรื่องของน้ำตาล กับเรื่องของน้ำหนักเนอะ

00:13:1800:13:22 ทีนี้ถ้าสมมุติว่า เราบอกว่า โอเค เราจะมีลักษณะของผักครึ่งหนึ่งใช่ไหมคะ

00:13:2200:13:24 แล้วก็จะเป็นอาหารอย่างอื่นครึ่งหนึ่งนี่

00:13:2400:13:26 เราก็ต้องมาดูว่า เอ๊ะ มันเป็นรูปแบบอะไร

00:13:2600:13:28 จริง ๆ มันก็จะอยู่ในกลุ่ม ที่มันเป็นสลัดก็ได้

00:13:2800:13:33 จะเป็นยำก็ได้ นึกออกไหมคะ อย่างนี้มันก็จะมีหลาย ๆ อย่างร่วมกัน

00:13:3300:13:34 จะเป็นพวกก๋วยเตี๋ยวก็ได้

00:13:3400:13:36 แต่ว่าคงต้องเป็นก๋วยเตี๋ยว ที่เพิ่มผักนิดนึงเนอะ

00:13:3600:13:38 ไม่ใช่เหมือนปัจจุบันนี้ ที่มีว่าเป็นก๋วยเตี๋ยว

00:13:3800:13:42 แต่ว่ามีผักชี 2 ใบอะไรอย่างนี้คงไม่ใช่นะคะ

00:13:4200:13:45 แล้วก็จะเป็นกลุ่มของพวกเมี่ยงก็ได้

00:13:4500:13:47 อันนี้ก็จะทำให้มีผักเยอะขึ้นนะคะ

00:13:4700:13:49 ผักสลัดเป็นยำนะคะ

00:13:4900:13:51 ถ้าสมมุติว่าจะเป็นผัดผักก็ได้เหมือนกัน

00:13:5100:13:54 แต่อันนึงที่ต้องระวัง ก็คือของที่ต้องเลี่ยง

00:13:5400:13:55 เมื่อกี้เล่าให้ฟังแล้วว่า

00:13:5500:13:57 ถ้าเป็นอาหารที่มีไขมันสูง

00:13:5800:14:00 มันจะทำให้ลำไส้บีบตัวช้าลงถูกไหมคะ

00:14:0000:14:02 เพราะฉะนั้น คนที่มีปัญหาเรื่องของท้องผูก

00:14:0200:14:04 เราอาจจะให้เลี่ยงของมันนิดนึง

00:14:0400:14:07 เพราะฉะนั้น มันก็เลยจะไม่กลายไปเป็นของทอด

00:14:0700:14:10 แล้วของทอดบอกว่าเป็นผัก ผักทอดได้ไหม

00:14:1000:14:10 บอกว่าไม่ได้

00:14:1000:14:12 ถ้าจะเป็นผัดผักได้ไหม

00:14:1200:14:13 บอกว่าพอได้นะคะ

00:14:1300:14:16 แต่ว่าถ้าเป็นผัดผัก คงไม่ได้แบบว่าน้ำมันเยอะจนเกินไป

00:14:1600:14:19 ทีนี้ถ้าเราไปซื้อเขา แล้วมันเป็นผัดผักก็ต้องบอกว่า

00:14:1900:14:22 เราอาจจะตักเฉพาะส่วนที่มันเป็นผักขึ้นมา

00:14:2200:14:25 ส่วนที่มันเป็นเกรวี่หรือเป็นน้ำราด อาจจะกินให้น้อยหน่อย

00:14:2500:14:27 เพราะว่าตรงนั้นมันจะมีน้ำมันเยอะขึ้น

00:14:2700:14:29 ลักษณะนี้เป็นต้นนะคะ

00:14:2900:14:33 แล้วก็จะมีเรื่องของผักผลไม้ ทั้งผักสด หรือจะเป็นน้ำผักผลไม้ก็ได้

00:14:3300:14:35 อย่างที่บอกไปแล้วเมื่อสักครู่ค่ะ

00:14:3500:14:38 เวลาที่เราพูดถึงคำว่าใยอาหารหรือไฟเบอร์นี่

00:14:3800:14:42 จริง ๆ ถามว่ามันเหมือนกันหรือเปล่า มันมีกี่ประเภท มันเป็นอย่างไร

00:14:4200:14:45 หลายคนก็บอกว่า ไปอ่านมาแล้ว เอ๊ะ มันต่างกันไหมนะคะ

00:14:4600:14:49 จริง ๆ เราจะแยกส่วนที่เป็นใยอาหาร หรือไฟเบอร์เป็น 2 ส่วนค่ะ

00:14:4900:14:53 ส่วนแรกเราเรียกว่าละลายน้ำ ส่วนที่ 2 เราจะเรียกว่าไม่ละลายน้ำ

00:14:5300:14:55 จริง ๆ ในอาหารที่เรารับประทานกันอยู่นี่

00:14:5500:15:00 มันจะมีทั้งส่วนที่เป็น ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำปนกัน

00:15:0000:15:02 ถ้าจะให้เห็นภาพนี่ ต้องนึกก่อนเนอะ

00:15:0200:15:04 สมมุติไม่ละลายน้ำ อย่างเช่นเรากินก้านคะน้า

00:15:0400:15:07 แล้วเวลาเราถ่ายออกมา แล้วเราเห็นเป็นเส้น ๆ น่ะค่ะ

00:15:0700:15:08 อันนั้นค่ะ ไม่ละลายน้ำ

00:15:0800:15:10 ถ้าสมมุติว่าเป็นพวกของโอ๊ต

00:15:1000:15:12 ข้าวโอ๊ตที่เรากินนะคะ

00:15:1200:15:15 แล้วเราใส่นมลงไปปุ๊บ แล้วมันพองออกมา เห็นภาพใช่ไหมคะ

00:15:1500:15:18 หรือว่าเรากินแอปเปิล แล้วเราเอามือไปบี้เนื้อแอปเปิล

00:15:1800:15:22 แล้วเรารู้สึกว่ามันจะมีความเหมือนกับน้ำ ๆ

00:15:2200:15:26 หรือว่าแมงลัก แมงลักที่เราเอาไปแช่น้ำ แล้วมันมีวุ้นพอง ๆ

00:15:2600:15:28 อันนั้นค่ะคือไฟเบอร์ที่เป็นละลายน้ำ

00:15:2800:15:32 เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้วถามว่าในแมงลักนี่ มันมีแค่ไฟเบอร์ละลายน้ำไหม

00:15:3200:15:32 ไม่ค่ะ

00:15:3200:15:34 ตรงสีดำ ๆ กลาง ๆ น่ะค่ะ

00:15:3400:15:36 ตรงที่มันเป็นแข็ง ๆ

00:15:3600:15:38 อันนั้นคือส่วนที่มันไม่ละลายน้ำ

00:15:3800:15:40 เพราะฉะนั้นในอาหารที่เรารับประทานนี่

00:15:4000:15:45 มันมีส่วนของทั้งไฟเบอร์ ที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำปน ๆ กัน

00:15:4500:15:48 แต่บางอย่างมันจะมีไฟเบอร์ที่ละลายน้ำเด่น

00:15:4800:15:51 บางอย่างมีไฟเบอร์ไม่ละลายน้ำเด่น

00:15:5100:15:53 ลักษณะนี้เป็นต้นนะคะ

00:15:5300:15:56 คุณสมบัติเวลาที่เรารับประทานเข้าไปนี่

00:15:5600:15:57 ก็จะแตกต่างกันนิดนึง

00:15:5700:16:00 อันที่เป็นไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำเนอะ

00:16:0000:16:03 อันนี้ก็จะไปทำให้อุจจาระมันฟอร์มเป็นก้อน

00:16:0300:16:06 ทำให้เพิ่มปริมาณของอุจจาระ

00:16:0600:16:08 แล้วก็มันก็อาจจะมีส่วนในเรื่องของ

00:16:0800:16:12 การที่จะไปเป็นอาหาร ให้กับแบคทีเรียในลำไส้ของเรา

00:16:1200:16:16 ในขณะเดียวกัน กลุ่มที่เป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำ

00:16:1600:16:18 อันนี้มันพองตัวเห็นไหมคะ

00:16:1800:16:22 มันจะช่วยเรื่องของการดูดซึม เรื่องของสารอาหารนะคะ

00:16:2200:16:26 ทำให้การดูดซึมสารอาหาร โดยเฉพาะพวกน้ำตาลหรือไขมันนี่ช้าลง

00:16:2600:16:28 ลําไส้บีบตัวช้าลง

00:16:2800:16:31 ในขณะที่ไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ มันไปเพิ่มปริมาณอุจจาระ

00:16:3100:16:34 อันนี้มันไปกระตุ้นแล้ว ลำไส้ก็จะบีบตัวเร็วขึ้น

00:16:3400:16:39 ดังนั้นเวลาคนที่ท้องผูก เราอยากได้อะไร เราอยากได้แบบที่ไม่ละลายน้ำ

00:16:3900:16:41 เพราะเราอยากได้ปริมาณอุจจาระ

00:16:4100:16:44 เราอยากให้ลำไส้มันบีบตัวเร็ว ๆ มันจะได้ถ่ายได้ใช่ไหมคะ

00:16:4500:16:46 แต่ในความเป็นจริงคือเวลาเราซื้อนี่

00:16:4600:16:49 หรือเวลาที่เรากินนี่ เราได้ทั้งสองอย่าง

00:16:4900:16:52 เขาถึงบอกว่า ให้เรากินผักเยอะขึ้น เห็นไหมคะ

00:16:5200:16:56 เพราะว่าในผักนี่ โดยเฉพาะผักใบ ที่มันเป็นเส้น ๆ

00:16:5600:17:00 อันนี้มันจะมีส่วนที่เป็นเรื่องของ ไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำเยอะขึ้นค่ะ

00:17:0100:17:06 [เสียงดนตรี]

00:17:0600:17:09 แล้วก็ถ้าสมมุติว่าเราปรับเรื่องของ พฤติกรรมไปแล้วนะคะ

00:17:0900:17:13 สุดท้ายมันก็จะมาอยู่ในกลุ่ม ที่จะเป็นเรื่องของยาซึ่งจะเป็นตัวช่วย

00:17:1300:17:17 ในแง่ของยา เขาเรียกว่ายาระบายใช่ไหมคะ

00:17:1700:17:19 หรือว่ายาที่ช่วยเรื่องของการท้องผูกนี่

00:17:1900:17:21 จริง ๆ ต้องบอกว่ามันเหมือนยาลดไข้ค่ะ

00:17:2100:17:22 มันไม่ได้แก้ที่สาเหตุ

00:17:2200:17:25 มันเป็นการรักษาตามอาการนะคะ

00:17:2500:17:26 ถามว่ามีอะไรบ้าง

00:17:2600:17:30 อันแรกเลยก็คือเป็นยา กลุ่มที่ไปกระตุ้นให้ลำไส้เราบีบตัว

00:17:3000:17:33 แล้วมันก็จะทำให้เราถ่ายออกไปได้นะคะ

00:17:3300:17:37 กลุ่มที่ 2 นี่ก็จะเป็นยาที่จะไปทำให้ มีความเข้มข้นสูง ๆ

00:17:3700:17:40 เมื่อยามีความเข้มข้นสูง ๆ แล้วอยู่ในลำไส้

00:17:4000:17:43 มันจะดูดน้ำในตัวเราเข้าไปในลำไส้

00:17:4300:17:47 ก็จะทำให้ปริมาณของอุจจาระในลำไส้มันเยอะขึ้น

00:17:4700:17:51 แล้วไปกระตุ้นให้ลำไส้บีบหรือว่าถ่ายออกมา

00:17:5100:17:55 อันสุดท้ายนี่ก็จะเป็นยา กลุ่มที่จะเป็นเรื่องของยาเหน็บ

00:17:5500:17:58 ซึ่งอันนี้ก็จะไปทำให้เหมือนกับ

00:17:5800:18:02 ไปกระตุ้นตรงบริเวณของหูรูด ที่ลำไส้ที่ทวารหนัก

00:18:0200:18:04 แล้วทำให้เราถ่ายออกมานะคะ

00:18:0400:18:08 อันแรกก่อน ยาที่เพิ่มการบีบตัวของลำไส้ ที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ

00:18:0800:18:09 หรือเรากินกันบ่อย ๆ

00:18:1000:18:12 ก็จะเป็นกลุ่มของพวกมะขามแขกนะคะ

00:18:1200:18:15 หรือว่าที่เราไปซื้อกันเนอะ

00:18:1500:18:16 ทีนี้ตรงนี้ถามว่าอันตรายไหม

00:18:1600:18:19 ต้องบอกนิดนึงก่อนว่า กลุ่มนี้เวลาที่เราใช้นี่

00:18:1900:18:23 ถ้าเราใช้เรื่อย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้น ลำไส้เราจะชินเนอะ

00:18:2300:18:26 แล้วหลาย ๆ คนก็คือ เริ่มต้น เราอาจจะกินเม็ดเดียว

00:18:2600:18:30 แต่พอเวลาผ่านไป กลายเป็น 2 เม็ด 3 เม็ด 4 เม็ดอะไรอย่างนี้

00:18:3000:18:33 พวกนี้มันจะเหมือน...ใช้คำว่าดื้อก็ได้เนอะ

00:18:3300:18:35 ในระยะยาว ถ้าเราใช้ไปเรื่อย ๆ ค่ะ

00:18:3500:18:38 เราต้องการใช้ยาที่ปริมาณเพิ่มขึ้น

00:18:3800:18:39 อันที่แบบว่ามีปัญหามากที่สุด

00:18:3900:18:42 คือในบางรายนะคะที่มีท้องผูกเรื้อรัง

00:18:4200:18:44 แล้วเป็นระยะเวลายาวนานนี่

00:18:4400:18:49 หลายคนนี่ก็อาจจะจำเป็นที่จะต้อง ได้รับการผ่าตัดด้วยซ้ำไป

00:18:4900:18:51 แต่ว่าการผ่าตัดตรงนี้มันขึ้นกับสาเหตุ

00:18:5100:18:53 ยกตัวอย่างเช่น ถ้าสมมุตินะคะ

00:18:5300:18:57 เขาท้องผูกเป็นเพราะว่าเขามีเนื้องอก หรือว่าเป็นมะเร็ง

00:18:5700:19:00 อันนี้คือการผ่าตัดรักษาโรคนะ

00:19:0000:19:03 อันที่ 2 คนไข้ที่เคยผ่าตัดในช่องท้อง

00:19:0300:19:05 แล้วมีปัญหาเรื่องท้องผูกนะคะ

00:19:0500:19:07 หรือว่ามีปัญหาเรื่องของคลื่นไส้อาเจียน

00:19:0700:19:10 อันนี้ก็คืออาจจะมีลักษณะ ที่เราเรียกว่าเป็นพังผืดเนอะ

00:19:1000:19:12 แล้วก็ไปยึดลำไส้

00:19:1200:19:15 อันนี้ก็จะทำให้เรื่องของลำไส้อุดตัน ก็อาจจะจำเป็นต้องผ่าตัด

00:19:1500:19:17 ก็จะมีอีกกลุ่มนึง

00:19:1700:19:20 ก็จะเป็นกลุ่มที่ไม่รู้สาเหตุจริง ๆ นะคะ

00:19:2000:19:22 แล้วก็มีท้องผูกเรื้อรังนะคะ

00:19:2200:19:25 แล้วก็ลำไส้นี่มันไม่ยอมทำงานเนอะ

00:19:2500:19:29 อันนี้หลายครั้งก็อาจจะต้องจบ ด้วยการผ่าตัดเหมือนกันนะคะ

00:19:2900:19:33 แต่ว่าอย่างไรก็ตามอันนี้คือในกรณีที่ เป็นเคสที่มันเป็นรุนแรง

00:19:3300:19:35 มันไม่ได้เจอบ่อย

00:19:3500:19:37 แต่ถ้าสมมุติว่า เรากังวลว่าเราจะเป็นอย่างนั้น

00:19:3700:19:40 ถึงบอกไงคะว่า ถ้าสมมุติเรามีปัญหา

00:19:4000:19:43 แล้วก็มีเรื่องของท้องผูกเรื้อรัง เป็นระยะเวลายาวนานนะคะ

00:19:4300:19:46 ก็แนะนำว่าควรจะต้องไปเจอคุณหมอ

00:19:4600:19:47 ยาวนานในที่นี้เท่าไหร่

00:19:4700:19:50 โดยทั่วไป เกิน 6 เดือนนี่ก็ไม่ไหวแล้วค่ะ

00:19:5000:19:51 คนไข้ก็ทนไม่ค่อยไหวแล้ว

00:19:5100:19:56 สัก 3-4 เดือนหลายคน เอ๊ะ ต้องใช้ยาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นะคะ

00:19:5600:19:58 ทำแล้วมันไม่ดีขึ้นเลยอะไรอย่างนี้

00:19:5800:20:00 ส่วนใหญ่ก็แวะมาคุยกัน

00:20:0000:20:04 คุณหมอเขาก็จะมองหาสาเหตุก่อนว่า มันมีอะไรที่แก้ไขได้ไหม

00:20:0400:20:08 มีอะไรที่สามารถจะทำให้เกิด เรื่องของท้องผูกได้หรือเปล่านะคะ

00:20:0800:20:10 หลังจากนั้น ลองดูซิว่าถ้าเราปรับตัว

00:20:1000:20:13 เรามีการใช้ยาร่วมด้วยแล้ว มันจะได้หรือเปล่า

00:20:1300:20:15 สุดท้ายถ้ามันไม่ได้ มันก็จะมีการตรวจเพิ่มเติม

00:20:1500:20:18 ในแต่ละรายนี่ ตามขั้นตอนต่อไปค่ะ

00:20:1800:20:23 [เสียงดนตรี]

00:20:2300:20:25 นอกเหนือจากสาเหตุที่จะทำให้ท้องผูก

00:20:2500:20:28 เป็นจากยา ที่คนไข้รับประทานทั่ว ๆ ไปแล้วนี่นะคะ

00:20:2800:20:30 ก็จะมีโรคทางกายหลาย ๆ อย่างเหมือนกัน

00:20:3000:20:33 ที่อาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องของท้องผูกนะคะ

00:20:3300:20:35 ยกตัวอย่างเช่น โรคทางระบบประสาท

00:20:3500:20:38 ทำให้การบีบตัวของลำไส้ทำงานได้ไม่ดี

00:20:3800:20:41 ที่เจอบ่อย ๆ ยกตัวอย่างนะคะ คือกลุ่มของไทรอยด์

00:20:4100:20:43 โรคเบาหวานที่เป็นมาเรื้อรัง

00:20:4300:20:47 บางทีก็อาจจะทำให้ท้องผูกได้เหมือนกันนะคะ

00:20:4700:20:51 อีกอันหนึ่งก็คือ คนที่มีปัญหากับเรื่องของไขสันหลัง

00:20:5100:20:53 หรือว่าเส้นประสาทที่หลังนะคะ

00:20:5400:20:56 แล้วจะทำให้มีปัญหาตรงนี้ได้

00:20:5600:20:58 เกลือแร่ที่ผิดปกติบางอย่าง

00:20:5800:21:02 ก็จะทำให้คนไข้มีปัญหา เรื่องของท้องผูกได้เช่นกันนะคะ

00:21:0200:21:04 อันนี้ก็อาจจะต้องไปมองหา

00:21:0400:21:06 อันหนึ่งที่อาจจะเจอได้ไม่บ่อย

00:21:0600:21:11 ก็คือโรคที่เป็นเรื่องของการบีบตัว ของบริเวณของอุ้งเชิงกราน

00:21:1100:21:12 กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานนะคะ

00:21:1200:21:16 อาจจะทำให้การบีบตัวตรงนั้น ทำงานไม่สอดคล้องกันนะคะ

00:21:1600:21:19 แล้วก็เลยทำให้คนไข้มีปัญหาเรื่องของท้องผูก

00:21:1900:21:22 การเบ่งถ่ายหรืออะไรอย่างนี้มันจะทำได้ไม่ดี

00:21:2200:21:25 เพราะว่าแรงมันจะไม่สัมพันธ์กันนะคะ

00:21:2500:21:30 อันนี้ก็ควรจะต้องไปหาคุณหมอ เพื่อหาสาเหตุและแก้ไขให้ตรงจุดค่ะ

00:21:3000:21:33 สำหรับอาการท้องผูก หลาย ๆ คนก็มองว่ามันเป็นเรื่องเล็ก ๆ เนอะ

00:21:3300:21:36 ก็ท้องผูกก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็ไปซื้อยาระบายมารับประทานก็ได้

00:21:3700:21:39 หลาย ๆ คนก็ทำอย่างนั้นจริง ๆ นะคะ

00:21:3900:21:42 จนกระทั่งตอนนี้มาเจอคนไข้ รายล่าสุดที่เคยเจอนี่

00:21:4200:21:45 คนไข้บอกว่าไปซื้อยาระบายมารับประทาน

00:21:4500:21:49 ตอนแรกนี่เคยเจอมากสุดคือ ประมาณ 20-30 เม็ดต่อวัน

00:21:4900:21:51 ที่เคยบอกนะคะว่าคนไข้มักจะซื้อ

00:21:5100:21:54 บอกว่าเป็นยาเม็ดมะขามอะไรอย่างนี้นะคะ

00:21:5400:21:57 เสร็จแล้วกินเข้าไปแล้วนี่ปุ๊บ จากเดิมกินเม็ดนึง

00:21:5700:21:59 แล้วก็ต้องค่อย ๆ เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ

00:21:5900:22:02 เมื่อก่อนนี่ ได้ยิน 20 เม็ด ก็แอบตกใจนิดนึงแล้ว

00:22:0200:22:05 จนกระทั่งล่าสุดนี่ค่ะ คนไข้บอกว่าต้องกินวันละ 200 เม็ด

00:22:0500:22:08 ก็เลยตกใจบอก หา! ทำไมต้องกินวันละ 200 เม็ด

00:22:0800:22:13 เขาบอกว่าถ้าเขากินน้อยกว่านี้ เขาจะรู้สึกว่าเขาไม่สามารถจะถ่ายได้นะคะ

00:22:1300:22:15 จริง ๆ นี่ ถามว่าซื้อกินเองได้ไหม

00:22:1500:22:17 ถ้าช่วงเวลาสั้น ๆ น่ะค่ะ

00:22:1700:22:20 แนะนำว่าก็ได้เหมือนกันนะคะ คือเป็นการปรับตัว

00:22:2000:22:23 แต่ถ้ามันเป็นระยะเวลายาวนาน เช่น เกิน 3 เดือน 6 เดือนอย่างนี้

00:22:2300:22:25 แล้วเราต้องใช้ยาระบายมาตลอดอย่างนี้ค่ะ

00:22:2600:22:29 มันควรต้องหาสาเหตุแล้วว่ามันเป็นจากอะไร

00:22:2900:22:33 แล้วมาดูว่าสาเหตุนี้สามารถแก้ไขได้ไหม

00:22:3300:22:35 มันก็มีโรคบางอย่างหรือภาวะบางอย่าง

00:22:3500:22:39 ที่ทำให้ลำไส้มันไม่บีบตัว หรือว่าบีบตัวน้อยนะคะ

00:22:3900:22:43 แล้วทำให้คน ๆ นั้น มีปัญหาเรื่องของท้องผูกเรื้อรังนะคะ

00:22:4300:22:45 ซึ่งถ้าเราไม่มาหาสาเหตุค่ะ

00:22:4500:22:49 สิ่งที่เกิดขึ้น มันก็จะนำไปสู่ภาวะต่าง ๆ อีกมากมาย

00:22:4900:22:51 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเกลือแร่ผิดปกตินะคะ

00:22:5100:22:55 เรื่องของความเครียดนะคะ เรื่องของแรงดันในช่องท้องที่สูงขึ้น

00:22:5500:22:58 มีริดสีดวงทวารหรืออะไรก็แล้วแต่นะคะ

00:22:5800:23:01 เพราะฉะนั้นตรงนี้ ถ้าเกิดสมมุติว่าภายในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ

00:23:0100:23:03 แล้วเราจะซื้อยารับประทานเอง

00:23:0300:23:06 ก็อาจจะบอกว่าไม่ได้อันตรายมากนัก ใช้คำนี้นะคะ

00:23:0700:23:08 แต่ว่าต้องดูนิดนึงก่อนว่า

00:23:0800:23:14 เราจะต้องไม่มีอาการที่ผิดปกติ เช่น ถ่ายดำ ถ่ายเป็นเลือด

00:23:1400:23:19 คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง ท้องผูกสลับท้องเสียที่พูดไปตั้งแต่ต้นนะคะ

00:23:1900:23:22 ถ้าไม่มีอะไรเลย กินช่วงสั้น ๆ คงไม่เป็นไร

00:23:2200:23:26 แต่ถ้าเมื่อไหร่นานเกินกว่า 3 เดือน 6 เดือน แนะนำว่ามาหาหมอได้แล้วค่ะ

00:23:2600:23:29 จะได้มาหาสาเหตุที่ชัดเจนว่าเป็นจากอะไร

00:23:2900:23:32 แล้วก็เริ่มต้นการรักษาที่ถูกต้องค่ะ

00:23:3200:23:34 ก็สรุปนะคะสำหรับปัญหาเรื่องของท้องผูก

00:23:3400:23:36 จะฟังว่ามันเป็นเรื่องเล็ก ก็เรื่องเล็กเนอะ

00:23:3700:23:43 แต่จะฟังว่า ท้องผูกเองก็เป็นปัญหา ที่จะนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ อีกมากมายตามมา

00:23:4300:23:46 เพราะฉะนั้นนี่ ก็ควรจะต้องสังเกตตัวเองนิดนึงนะคะ

00:23:4600:23:48 ว่าตอนนี้เวลาที่เราท้องผูกนี่

00:23:4900:23:53 เรามีอาการพิเศษที่ทำให้น่าสนใจ ต้องไปเจอแพทย์หรือยังนะคะ

00:23:5300:23:56 อันที่สองก็คือ การซื้อยามารับประทานเองนี่

00:23:5600:23:58 ใช้ได้ค่ะ แต่ช่วงสั้น ๆ

00:23:5800:24:01 ที่สำคัญ เราควรจะต้องมาปรับ ในเรื่องของพฤติกรรม

00:24:0100:24:03 ที่อาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องของท้องผูก

00:24:0400:24:07 มาหาซิว่ามันมีโรคทางกายที่ทำให้ท้องผูกไหม

00:24:0700:24:09 ดูเรื่องของยานะคะ

00:24:0900:24:13 แล้วหลังจากนั้นเราก็มาปรับในเรื่องของ พฤติกรรมเลือกอาหารให้เหมาะสมนะคะ

00:24:1300:24:16 ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกาย

00:24:1600:24:18 ลดพฤติกรรมนั่ง ๆ นอน ๆ นะคะ

00:24:1800:24:20 กินไฟเบอร์ให้เยอะขึ้นนะคะ

00:24:2000:24:25 ตรงนี้ก็จะเป็นทางเลือกอันหนึ่งที่จะทำให้เรา แก้ปัญหาเรื่องของท้องผูกได้ค่ะ

00:24:2500:24:30 พบกับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้

00:24:3000:24:32 ทุกวันจันทร์เวลา 18:00 น.

00:24:3200:24:34 ที่ Mahidol Channel Podcast

00:24:3400:24:36 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel

00:24:3600:24:38 YouTube Mahidol Channel

00:24:3800:24:39 Apple Podcasts

00:24:3900:24:41 Spotify

00:24:4100:24:41 Anchor

00:24:4100:24:42 Blockdit

00:24:4500:24:50 ดำเนินรายการโดยหมอเอ๋ ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร

00:24:5000:24:53 [เสียงดนตรี]