00:00:00 → 00:00:05 สวัสดีค่ะหมอนุ่มนะคะกับคุยเรื่องสมองกับ
00:00:05 → 00:00:08 หมอนุ่มนะคะวันนี้นะคะเราก็จะมาชวนคุยกัน
00:00:08 → 00:00:11 เรื่องอาการสั่นกับพาร์กินสันกันค่ะเพราะ
00:00:12 → 00:00:14 ว่าก็เป็นหนึ่งในอาการที่เจอได้บ่อยมากๆ
00:00:14 → 00:00:16 เลยคือช่วงนี้หมอได้รับปรึกษาหรือว่ามี
00:00:16 → 00:00:19 เคสที่มาด้วยอาการสั่นค่อนข้างเยอะนะคะ
00:00:19 → 00:00:22 และคำถามที่ตามมาหลังจากที่มีอาการสั่นก็
00:00:22 → 00:00:25 คือเป็นภาคินสันหรือเปล่านะคะเพราะว่าคน
00:00:25 → 00:00:27 ส่วนใหญ่เนี่ยก็มักจะเข้าใจว่าถ้าเรามี
00:00:27 → 00:00:30 อาการสั่นเราจะเป็นภาคินสันหรือเปล่านะคะ
00:00:30 → 00:00:32 ซึ่งวันนี้นะคะก็จะมาชวนคุยกันเรื่องนี้
00:00:32 → 00:00:36 นะคะว่าอาการสั่นแบบไหนที่เราจะต้องนึก
00:00:36 → 00:00:39 ถึงพาร์กินสันนะคะรวมไปถึงก็จะเล่าโรค
00:00:39 → 00:00:41 อาการโรคของพาร์กินสันให้ฟังด้วยนะคะว่า
00:00:41 → 00:00:44 สุดท้ายแล้วภาคินสันเนี่ยคืออะไรมีแค่
00:00:44 → 00:00:46 อาการสั่นหรือเปล่าหรือว่าจริงๆแล้วเนี่ย
00:00:46 → 00:00:51 มีอาการอะไรอีกได้บ้างนะคะเนาะก็เอ่อช่วง
00:00:51 → 00:00:54 นี้นะคะก็คนไข้เนี่ยก็จะมาด้วยอาการสั่น
00:00:54 → 00:00:56 ค่อนข้างเยอะขึ้นเรื่อยๆเลยนะคะเพราะว่า
00:00:56 → 00:00:58 ส่วนใหญ่เนี่ยอาการสั่นมันเกิดได้จากหลาย
00:00:58 → 00:01:01 สาเหตุมากๆเลยค่ะซึ่งที่เจอได้บ่อยสุดๆ
00:01:01 → 00:01:03 เลยเนี่ยอันนึงก็อาจจะเป็นพวกผลข้างเคียง
00:01:03 → 00:01:06 ของยานะคะโดยเฉพาะยากลุ่มที่บางทีเราก็
00:01:06 → 00:01:09 ใช้กันบ่อยนะคะอย่างเช่นเรื่องของยากลุ่ม
00:01:09 → 00:01:13 ป้องกันไมเกรนหรือว่ายาที่รักษาเรื่องของ
00:01:13 → 00:01:16 อารมณ์ต่างๆนะคะในคนไข้แบบวิตกกังวลคนไข้
00:01:16 → 00:01:18 Panic นะคะพวกนี้ก็จะมีผลข้างเคียง
00:01:18 → 00:01:20 เรื่องสั่นได้ก็เลยทำให้เราเจอคนไข้เยอะ
00:01:20 → 00:01:23 ขึ้นนะคะอันดับแรกเลยเราก็มาดูเรื่องของ
00:01:23 → 00:01:26 อาการสั่นก่อนนะคะอาการสั่นนะคะจริงๆแล้ว
00:01:26 → 00:01:29 เนี่ยคนไข้ก็จะรู้สึกว่ากษัตริย์เหมือน
00:01:29 → 00:01:31 กันนั่นแหละแต่ว่าถ้าเกิดในทางเวลาหมอ
00:01:31 → 00:01:34 ตรวจนะคะเราก็จะแยกอาการสั่นเนี่ยเป็นแบบ
00:01:34 → 00:01:37 3 แบบหลักๆก่อนนะคะอันแรกเลยนะคะเรา
00:01:37 → 00:01:39 เรียกว่าเป็น Racing tember นะคะก็คือ
00:01:39 → 00:01:42 สั่นขณะพักนั่นเองนะคะซึ่งอันนี้คนไข้อ่ะ
00:01:42 → 00:01:44 มักจะไม่ค่อยรู้ตัวด้วยซ้ำนะคะเพราะว่า
00:01:44 → 00:01:47 ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยก็คือจะนั่งอยู่เฉยๆนะ
00:01:47 → 00:01:50 คะแบบมือแบบวางอยู่เฉยๆแล้วก็ญาติอาจจะ
00:01:50 → 00:01:53 สังเกตเห็นว่าเออทำไมมือขยับเองนะคะแต่
00:01:53 → 00:01:54 ตัวคนไข้เองอ่ะบางทีอาจจะไม่ได้สังเกต
00:01:54 → 00:01:57 ด้วยว่าเอ้ยเรามีอาการสั่นเพราะว่ามันไม่
00:01:57 → 00:02:00 ได้รบกวนกับการใช้งานหรืออะไรนะคะอันนี้
00:02:00 → 00:02:02 เป็นเรียกว่าเป็นการอาการสั่นขณะพรรคซึ่ง
00:02:02 → 00:02:06 อาการสั่นขณะพักเนี่ยค่ะจะเป็นอันที่เรา
00:02:06 → 00:02:09 จะนำไปนึกถึงเรื่องของอาการพาคิน 3 หรือ
00:02:09 → 00:02:11 ว่าพาร์กินโซนismนะคะก็คืออาการ
00:02:11 → 00:02:13 พาร์คินสันเทียมอีกทีนึงนะคะซึ่งเดี๋ยว
00:02:13 → 00:02:16 หมอจะเล่าให้ฟังต่อไปนะคะและที่สองที่เจอ
00:02:16 → 00:02:18 บ่อยกว่าเลยเนี่ยก็คือเป็นอาการซันขณะที่
00:02:18 → 00:02:21 เราแบบใช้งานหรือว่าต้านแรงโน้มถ่วงนะคะ
00:02:21 → 00:02:23 ซึ่งอันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนอายุน้อยๆนะคะ
00:02:24 → 00:02:26 อายุแบบ 30-40 อะไรอย่างนี้ค่ะที่มาด้วย
00:02:26 → 00:02:29 รู้สึกว่าเออทำไมแบบมือสั่นง่ายหยิบแก้ว
00:02:29 → 00:02:32 ถือแก้วน้ำแล้วสั่นนะคะหรือว่ายกหยิบของ
00:02:32 → 00:02:34 อะไรอย่างนี้ก็สั่นซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็น
00:02:34 → 00:02:37 สั่น 2 ข้างพร้อมๆกันนะคะลักษณะอาการสั่น
00:02:37 → 00:02:39 แบบนี้นะคะเราจะเรียกว่า posteral นะคะก็
00:02:39 → 00:02:43 คือเป็นสั่นตามที่มีการเอ่อเหมือนต้านแรง
00:02:43 → 00:02:45 โน้มถ่วงของโลกนะคะตามท่าทางอะไรแบบนี้นะ
00:02:45 → 00:02:48 คะซึ่งอาการนั้นเนี่ยมักจะเกิด 2 ข้างพอๆ
00:02:48 → 00:02:51 กันนะคะอาการเนี้ยจะไม่ค่อยเกิดจากใน
00:02:51 → 00:02:53 กลุ่มพวกพาร์กินสันหรือว่าภาคินสันเทียม
00:02:53 → 00:02:55 เท่าไหร่นะคะมีได้นะคะแต่ว่าจะไม่ได้เป็น
00:02:55 → 00:02:57 อาการเด่นมากนะคะส่วนใหญ่อันเนี้ยมักจะ
00:02:57 → 00:03:00 เกิดจากอาการที่ระบบประสาทอัตโนมัติหรือ
00:03:00 → 00:03:02 ว่าโรคบางโรคเนี่ยที่ทำให้มีอาการมือสั่น
00:03:02 → 00:03:05 ได้นะคะแล้วก็เป็นพวกผลข้างเคียงจากยา
00:03:05 → 00:03:08 ต่างๆนะคะอย่างเช่นยาป้องกันไมเกรนอย่าง
00:03:08 → 00:03:11 เช่นกลุ่มพวกแคปซูลเทาแดงถ้าทานมากๆค่ะก็
00:03:11 → 00:03:13 จะรู้สึกว่ามีอาการมือสั่นได้นะคะหรือว่า
00:03:13 → 00:03:15 ที่เจอบ่อยๆก็จะเป็นพวกกลุ่มยากันชักนะคะ
00:03:15 → 00:03:17 เช่นพวกแบบอย่างเงี้ยซึ่งอันนี้ก็เป็นใช้
00:03:18 → 00:03:20 ยาป้องกันไมเกรนเหมือนกันเพราะฉะนั้น
00:03:20 → 00:03:22 เนี่ยแบบเหมือนยาหลายๆตัวเนี่ยมันเป็นยา
00:03:22 → 00:03:25 ที่เราใช้กันอยู่เรื่อยๆคนไข้ก็เลยจะมี
00:03:25 → 00:03:27 อาการมือสั่นได้นะคะหรืออาจจะเกิดจากพวก
00:03:27 → 00:03:30 แบบอ่าสารบางอย่างที่กระตุ้นทำให้ระบบ
00:03:30 → 00:03:32 ประสาทอัตโนมัติเราทำงานเยอะเช่นพวกกาแฟ
00:03:32 → 00:03:37 คาเฟอีนนะคะอย่างบางคนเนี่ยจะไปพูดงาช้าง
00:03:37 → 00:03:39 พูดบนเวทีเผลอกินกาแฟหรืออะไรเข้าไปเนี่ย
00:03:39 → 00:03:41 ก็จะรู้สึกว่าระบบประสาทอัตโนมัติทำงาน
00:03:41 → 00:03:44 เยอะเรามีอาการตื่นเต้นนะคะก็แล้วก็มี
00:03:44 → 00:03:47 อาการมือสั่นได้นะคะหรือบางอันก็อาจจะ
00:03:47 → 00:03:49 เกิดจากโรคบางโรคนะคะเราเรียกว่าเป็น
00:03:49 → 00:03:52 essential Trainer นะคะก็คือเป็นโรค
00:03:52 → 00:03:54 สั่นที่เอ่อเกี่ยวข้องกับพวกพันธุกรรมนะ
00:03:54 → 00:03:57 คะไม่ได้เป็นกลุ่มภาคินสันอะไรนะคะเนาะ
00:03:57 → 00:04:00 แล้วสุดท้ายนะคะสั่นอันนี้อันนี้ส่วนใหญ่
00:04:00 → 00:04:02 จะคนไข้จะไม่ได้มาด้วยสั่นเท่าไหร่นะคะ
00:04:02 → 00:04:05 แต่ว่าเราจะเรียกว่าเป็นสั่นแบบ intention
00:04:05 → 00:04:08 tamer ก็คือว่าเราโฟกัสเรารู้สึกว่าเรา
00:04:08 → 00:04:11 กะระยะไม่ค่อยได้โฟกัสไม่ค่อยได้นะคะ
00:04:11 → 00:04:14 เหมือนบางคนน่ะไปตรวจแล้วทำไมหมอสมองหรือ
00:04:14 → 00:04:16 ว่าที่ตรวจร่างกายเนี่ยก็จะชอบให้เอานิ้ว
00:04:16 → 00:04:19 ชี้แตะจมูกแตะนิ้วอย่างนี้ค่ะอันนี้เรา
00:04:19 → 00:04:22 เป็นการเทสนะคะเกี่ยวกับพวกการกะระยะนะคะ
00:04:22 → 00:04:26 ซึ่งอันนี้จะเป็นลักษณะบ่งชี้ถึงพวกการทำ
00:04:26 → 00:04:28 งานของพวกสมองน้อยอะไรพวกนี้นะคะเนาะ
00:04:28 → 00:04:32 ฉะนั้นเนี่ยจะเห็นว่าอาการสั่นน่ะมันไม่
00:04:32 → 00:04:34 ใช่จำเป็นต้องเป็นพาร์กินสันนะคะสั่นก็
00:04:34 → 00:04:37 คือมีได้แบบหลากหลายหลากหลายแบบมากนะคะ
00:04:37 → 00:04:41 แต่จะมีสั่นที่เราจะนึกถึงพาร์กินสัน
00:04:41 → 00:04:43 เนี่ยซึ่งเดี๋ยวหมอจะอธิบายต่อไปอีกทีนึง
00:04:43 → 00:04:47 นะคะก็เดี๋ยวเรามาดูเรื่องพาร์กินสันกัน
00:04:47 → 00:04:51 นะคะอันแรกเลยนะคะก็คือภาคินสันเนี่ยมัน
00:04:51 → 00:04:53 จะมีคำว่าภาคินโซนนี้ซึ่งภาคินโซนนี้ซึ่ง
00:04:53 → 00:04:54 ก็คือเหมือนเป็นกลุ่มอาการภาคินสันนะคะ
00:04:54 → 00:04:57 เหมือนเหมือนเราปวดหัวปวดหัวไม่ใช่โรคปวด
00:04:57 → 00:05:00 หัวปวดหัวคืออาการปวดหัวนะคะถ้ากินโซนนี้
00:05:00 → 00:05:03 ซึ่งก็เหมือนกันก็คืออาการที่บ่งชี้ว่ามี
00:05:03 → 00:05:06 ลักษณะคล้ายๆว่าจะเป็นพาร์กินสันแต่ไม่
00:05:06 → 00:05:08 ใช่โรคพาร์กินสันถ้าโรคพาร์กินสันเนี่ย
00:05:08 → 00:05:10 เราจะเรียกว่าเหมือนเป็นพาร์กินสัน DC นะ
00:05:10 → 00:05:13 คะก็คือเกิดจากความเสี่ยงของสมองเองแต่
00:05:13 → 00:05:15 ถ้าเกิดเป็นพวกกลุ่มอาการที่เป็นเหมือน
00:05:15 → 00:05:18 ภาคินโซนิสึมเนี่ยมันมักจะเกิดมาจาก
00:05:18 → 00:05:21 สาเหตุอื่นๆมากกว่านะคะเดี๋ยวจะขอให้ดู
00:05:21 → 00:05:24 วีดีโอของคนไข้ที่หมอเคยตรวจแล้วก็ถ่าย
00:05:24 → 00:05:28 ไว้ก่อนเลยนะคะเนาะอ่า
00:05:28 → 00:05:32 จะเป็นตัวอย่างของคนไข้นะคะที่มาตรวจด้วย
00:05:32 → 00:05:34 เรื่องอาการสั่นนะคะอย่างนี้ค่ะจะเห็นว่า
00:05:34 → 00:05:38 นิ้วเนี่ยขยับนะคะนิ้วขยับแบบนี้ซึ่งเป็น
00:05:38 → 00:05:42 ท่าที่แบบคนไข้วางมือสบายๆนะคะซึ่งแบบนี้
00:05:42 → 00:05:45 เราจะเรียกว่าเป็นสั่นขณะพักนะคะลักษณะ
00:05:45 → 00:05:48 แบบนี้จะเห็นค่อนข้างชัดว่าน่าจะเป็น
00:05:48 → 00:05:52 กลุ่มพาร์กินสันนะคะซึ่งจะเห็นว่าข้างนึง
00:05:52 → 00:05:54 เนี่ยอาการมักจะเด่นกว่าด้วยภาคสื่อสาร
00:05:54 → 00:05:56 นี้ส่วนใหญ่มักจะมาด้วยข้างเดียวก่อนนะคะ
00:05:56 → 00:05:59 ในขณะที่ให้ลองถือของอาจจะดูไม่ได้สั่น
00:05:59 → 00:06:04 ชัดเจนมากนะคะหรืออาการอันนี้นะคะก็จะ
00:06:04 → 00:06:06 เป็นเรื่องของตัวการตรวจว่าคนไข้จะมี
00:06:06 → 00:06:09 อาการชาๆร่วมด้วยนะคะคือข้างนึงเนี่ยทำ
00:06:09 → 00:06:13 ได้อีกข้างนึงเนี่ยช้ากว่าอีกค่านะคะเวลา
00:06:13 → 00:06:16 เดินก็จะมีปัญหาเนี่ยก็จะไม่ค่อยแกว่งแขน
00:06:16 → 00:06:17 นะคะปกติ
00:06:17 → 00:06:22 แขน 2 ข้างพร้อมๆกันแล้วเวลาเดินเนี่ยก็
00:06:22 → 00:06:26 จะรู้สึกว่าตัวโค้งๆงอๆนะคะลักษณะแบบ
00:06:26 → 00:06:28 ครบแบบนี้นะคะเราก็ค่อนข้างจะมั่นใจได้
00:06:28 → 00:06:31 เลยว่าคนไข้คนนี้น่าจะเป็นโรคพาร์กินสัน
00:06:31 → 00:06:34 เนี่ยแหละนะคะเพราะว่าเป็นสันนะคะก็จะมี
00:06:34 → 00:06:37 ได้ตามนี้เลยค่ะที่เมื่อกี้ตรวจมานะคะอัน
00:06:37 → 00:06:41 แรกเลยก็คือเรื่องของสั่นนะคะสั่นนะคะรูป
00:06:41 → 00:06:43 สีเหลืองอันนี้เนาะเราก็จะเรียกว่าเป็น
00:06:43 → 00:06:46 สั่นแบบเทรนด์ก็คืออาการสั่งแล้วจะเรียก
00:06:46 → 00:06:49 ว่าเทมเมอร์นะคะการแพทย์นะคะก็จะดูว่าคน
00:06:49 → 00:06:52 ไข้มีอาการสั่นหรือเปล่านะคะซึ่งถ้าสั่น
00:06:52 → 00:06:56 โดยเฉพาะสั่นข้างเดียวเด่นนะคะแล้วก็เป็น
00:06:56 → 00:06:59 สั่นขณะพักเด่นมากกว่าสถานที่แบบใช้งาน
00:06:59 → 00:07:02 เด็กนะคะก็จะทำให้สงสัยมากขึ้นนะคะแต่คน
00:07:02 → 00:07:04 ไข้ภาคินสันไม่ได้มีแค่เรื่องสั่งนะคะ
00:07:04 → 00:07:07 เอ่อจะต้องมีอาการอื่นๆร่วมด้วยอย่างที่
00:07:07 → 00:07:09 ตรวจเมื่อกี้นะคะอันที่ 2 คือมีเรื่องของ
00:07:09 → 00:07:12 Daddy cinecia Baby แปลว่าช้านะคะใคร
00:07:12 → 00:07:14 ที่เสียก็คือการเคลื่อนไหวก็คือจะมี
00:07:14 → 00:07:16 เรื่องของการเคลื่อนไหวที่ช้าลงอย่างการ
00:07:16 → 00:07:19 เทสเมื่อกี้ก็คือหมอให้ Test กันนิ้วมือ
00:07:19 → 00:07:22 ขยับมือนะคะก็จะเห็นว่าข้างนึงเนี่ยก็ยัง
00:07:22 → 00:07:24 ทำได้ค่อนข้างเร็วนะคะในขณะข้างที่เริ่ม
00:07:24 → 00:07:27 มีปัญหาเนี่ยก็จะทำได้ช้าลดลงนะคะแต่อัน
00:07:27 → 00:07:30 นี้คนไข้ก็จะไม่มาด้วยอาการว่าแบบทำมือ
00:07:30 → 00:07:33 ไม่ได้นะคะคนไข้จะมาด้วยรู้สึกว่าเขาทำ
00:07:33 → 00:07:37 อะไรช้าลงเคลื่อนไหวช้าลงแบบเดินลำบากมาก
00:07:37 → 00:07:41 ขึ้นนะคะหรือว่าแบบคิดช้าหรือว่าพูดช้าลง
00:07:41 → 00:07:43 นะคะรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวเนี่ยมันลำบาก
00:07:43 → 00:07:45 มากขึ้นซึ่งลักษณะของการอาการเคลื่อนไหว
00:07:45 → 00:07:49 ช้าจะเป็นลักษณะที่พาร์กินสันน่าจะต้องมี
00:07:49 → 00:07:51 นะคะมากกว่าอาการสั่นด้วยซ้ำนะคะแบบปกติ
00:07:51 → 00:07:54 เวลาเราแบบสั่นจากอย่างอื่นสั่นจากยาอะไร
00:07:54 → 00:07:55 อย่างนี้บางทีเรายังไม่ค่อยมีเรื่องของ
00:07:55 → 00:07:57 การเคลื่อนไหวช้าได้แต่ว่าถ้าเป็น
00:07:57 → 00:07:59 พาร์กินสันแล้วเนี่ยส่วนใหญ่มักจะต้องมี
00:07:59 → 00:08:02 การเคลื่อนไหวช้าลงด้วยนะคะอันต่อไปนะคะ
00:08:02 → 00:08:07 ก็คือมีเรื่องของตัวอ่าวงกลมสีฟ้าเนี่ยนะ
00:08:07 → 00:08:10 คะเขาเรียกว่าลิสซิ่งเนี่ยก็คือเหมือนแบบ
00:08:10 → 00:08:13 ตัวแข็งอ่ะค่ะคนไข้ภาคินสันเนี่ยส่วนใหญ่
00:08:13 → 00:08:17 ก็คือจะมีลักษณะของที่แข็งๆเกร็งๆเพราะ
00:08:17 → 00:08:20 ฉะนั้นเวลาเดินเนี่ยเขาก็จะแบบค่อนข้าง
00:08:20 → 00:08:23 หลังก็จะค่อนข้างแบบโค้งๆงอไปข้างหน้านะ
00:08:23 → 00:08:26 คะซึ่งเราเรียกแบบลักษณะอาการพาร์กินสัน
00:08:26 → 00:08:28 ในถ้าที่ท่าเดินแบบนี้เราก็จะเรียกว่าถูก
00:08:28 → 00:08:31 Voucher นะคะคือลักษณะเหมือนเราเดินโค้ง
00:08:31 → 00:08:33 หลังไว้ตลอดเวลาแล้วก็จะเหมือนแบบจะพุ่งๆ
00:08:33 → 00:08:36 ไปข้างหน้าตลอดเวลานะคะเวลาเดินก็จะรู้
00:08:36 → 00:08:40 สึกว่าแบบมันจะมีปัญหาช่วงสตาร์ทกับสต๊อป
00:08:40 → 00:08:42 สตาร์ทก็คือจุดเริ่มต้นเนี่ยคนไข้ก็จะรู้
00:08:42 → 00:08:46 สึกว่าแบบเดินก้าวขาลำบากมากนะคะแล้วก็พอ
00:08:46 → 00:08:49 เดินไปได้สักพักก็รู้สึกว่าเดินได้โอเค
00:08:49 → 00:08:51 มากขึ้นนะคะแล้วก็อยู่ดีๆพอตอนจะหยุด
00:08:51 → 00:08:54 เนี่ยก็จะมีปัญหาตอนสต๊อปอีกทีนึงนะคะก็
00:08:54 → 00:08:56 จะรู้สึกว่าหยุดยากก็เลยชอบให้เหมือนแบบ
00:08:56 → 00:08:58 คนไข้มักมาด้วยอาการหกล้มเพราะว่าลักษณะ
00:08:58 → 00:09:00 เนี้ยมันจะเหมือนพุ่งไปข้างหน้าตลอดเวลา
00:09:00 → 00:09:04 นะคะแล้วก็สุดท้ายนะคะก็คือ 4 แถวๆตรง
00:09:04 → 00:09:05 เนี้ยคนไข้ก็คือจะต้องมีเรื่องของ
00:09:06 → 00:09:09 โพสต์อรอลอินเตอร์ลิตี้ก็คือรู้สึกว่าการ
00:09:09 → 00:09:12 เคลื่อนไหวเนี่ยมันมันไม่ stable นะคะก็
00:09:12 → 00:09:16 คือแบบว่าล้มง่ายทรงตัวลำบากนะคะอันนี้ก็
00:09:16 → 00:09:18 จะเป็นกลุ่มอาการที่เราเรียกว่าเป็นภาคี
00:09:18 → 00:09:22 ชนิซึมถ้าคนไข้นะคะมีอาการช้าแล้วตรวจได้
00:09:22 → 00:09:28 ว่ามีเนี่ยอย่างน้อยมีซานมีตัวแข็งมีกลม
00:09:28 → 00:09:30 ง่ายมีการทรงตัวที่ผิดปกตินะคะเราก็จะ
00:09:30 → 00:09:32 สงสัยแล้วว่าคนไข้เนี่ยเราจะเรียกก่อนว่า
00:09:32 → 00:09:35 เป็นภาคินโซลิซึมก่อนนะคะแล้วก็ค่อยมาดู
00:09:35 → 00:09:37 กันอีกทีนึงว่าเป็นโรคพาร์กินสันหรือ
00:09:37 → 00:09:41 เปล่านะคะทีนี้ถามว่าทำไมคนจะต้องแบบกลัว
00:09:41 → 00:09:43 โรคพาร์กินสันหมอว่าส่วนหนึ่งเนี่ยเพราะ
00:09:43 → 00:09:47 คนยังไม่ค่อยรู้ว่าแบบพอเวลาเป็นภาคินสัน
00:09:47 → 00:09:50 แล้วเนี่ยเราจะจัดการหรือว่าเราจะดูแล
00:09:50 → 00:09:53 หรือว่าเราจะมีวิธีป้องกันตัวเราเองหรือ
00:09:53 → 00:09:56 ว่าญาติเราเนี่ยไม่ให้เป็นโรคนี้หรือว่า
00:09:56 → 00:09:59 ถ้าเป็นแล้วเนี่ยเราจะดูแลยังไงนะคะเนาะ
00:09:59 → 00:10:02 เพราะว่าเนี่ยก็ช่วงนี้จะได้รับคำถามจาก
00:10:02 → 00:10:04 คนใกล้ตัวนะคะเนื่องจากว่าก็เริ่มมีญาติ
00:10:04 → 00:10:08 พี่น้องหรือมีคนที่สูงอายุในบ้านมากขึ้น
00:10:08 → 00:10:11 เรื่อยๆนะคะเนาะก็มีอาการสั่นบ้างแล้วก็
00:10:11 → 00:10:13 มีคนที่อาการสงสัยว่าน่าจะเป็นพาร์กินสัน
00:10:13 → 00:10:15 บ้านนะคะคำถามที่หมอเจอบ่อยเลยก็จะรู้สึก
00:10:15 → 00:10:18 ว่าก็จะถามว่าอ่าเป็นพาร์กินสันมียามไหม
00:10:18 → 00:10:21 หายไหมอาการจะเป็นยังไงบ้างอ่ะกินยาแล้ว
00:10:21 → 00:10:24 มีผลข้างเคียงยังไงแล้วต่อไปจะเป็นยังไง
00:10:24 → 00:10:26 จะดูแลยังไงนะคะอันนี้ก็เป็นคำถามที่แบบ
00:10:26 → 00:10:28 ส่วนใหญ่คนเจอบ่อยเพราะฉะนั้นเนี่ยวัน
00:10:28 → 00:10:31 เนี้ยก็เลยจะเหมือนมาเล่าให้ฟังนะคะเพื่อ
00:10:31 → 00:10:34 เป็นข้อมูลไว้นะคะว่าถ้าเกิดเรามีญาติ
00:10:34 → 00:10:37 หรือว่ามีคนที่เอ่อคนในครอบครัวของคนใกล้
00:10:37 → 00:10:39 ตัวที่เราสงสัยว่าเราจะเป็นพาร์กินสัน
00:10:39 → 00:10:41 เนี่ยอ่าจะมีอาการยังไงได้บ้างแล้วเราจะ
00:10:41 → 00:10:47 ดูแลมีวิธีการดูแลเขายังไงได้นะคะเนาะ
00:10:47 → 00:10:51 ก็อันนี้นะคะจะเป็นแบบจริงๆ
00:10:51 → 00:10:53 หมออยากให้รู้ว่าจริงๆแล้วเนี่ย
00:10:53 → 00:10:56 ที่ที่เรามีอาการที่เมื่อกี้หมอบอกไปว่า
00:10:56 → 00:10:59 มีสารมีชามีตัวแข็งมีอะไรแบบนี้เราเรียก
00:10:59 → 00:11:02 ว่าเป็นแค่พาร์กินโซนismซึ่งสาเหตุมัน
00:11:02 → 00:11:04 เยอะมากเลยนะคะอันแรกสุดก็คือเจอว่าเป็น
00:11:04 → 00:11:06 พาร์กินสัน disease นี่แหละก็คือเป็นโรค
00:11:06 → 00:11:09 พาร์กินสันซึ่งอันนี้มักจะเจอในคนที่อายุ
00:11:09 → 00:11:12 มากขึ้นนะคะส่วนใหญ่ก็จะเจอหลังสักประมาณ
00:11:12 → 00:11:17 65 หลัง 60 65 เป็นต้นไปถ้าเจอก่อนหน้า
00:11:17 → 00:11:19 นั้นเนี่ยแสดงว่าไม่ใช่พาร์กินสันแบบที่
00:11:19 → 00:11:21 เราเจอบ่อยๆละนะคะเราก็จะเรียกว่าเป็น
00:11:21 → 00:11:23 artical Parkinson ก็คือแบบเป็น
00:11:23 → 00:11:27 ภาคินสันที่เจอในอายุน้อยนะคะกลุ่มเจอใน
00:11:27 → 00:11:31 กลุ่มโรคบางโรคนะคะแล้วก็เป็นโรคที่เอ่อ
00:11:31 → 00:11:33 เป็นโรคพันธุกรรมบางอย่างมากกว่านะคะจะ
00:11:33 → 00:11:35 ไม่ใช่แบบโรคพาร์กินสันที่เกิดจากความ
00:11:35 → 00:11:38 เสื่อมสม่ำของสมองที่เวลาเราอายุมากขึ้น
00:11:38 → 00:11:42 นะคะแล้วก็อีกอันนึงเลยที่เจอบ่อยๆเลยเรา
00:11:42 → 00:11:45 เรียกว่า secondary sonism ก็คือว่าเอ่อ
00:11:45 → 00:11:48 เป็นอาการภาคินสันที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ
00:11:48 → 00:11:51 อันนี้จะเห็นไหมคะว่าเอ่อสาเหตุที่เจอ
00:11:51 → 00:11:54 บ่อยเลยนะคะก็คือเรื่องของยานะคะนะคะแล้ว
00:11:54 → 00:11:57 ก็อาจจะเป็นอื่นๆก็อย่างเช่นคนไข้เคยมี
00:11:57 → 00:11:59 เส้นเลือดสมองตีบนะคะในตำแหน่งที่จะมี
00:11:59 → 00:12:02 อาการของพาร์กินสันได้ก็มาด้วยเรื่องของ
00:12:02 → 00:12:05 กลุ่มอาการพาร์กินสันได้เช่นกันนะคะคนไข้
00:12:05 → 00:12:07 ที่เคยมีอุบัติเหตุที่ศีรษะนะคะหรือเคย
00:12:07 → 00:12:10 ติดเชื้อบางอย่างพวกนี้ก็เจอได้นะคะอย่าง
00:12:10 → 00:12:13 ยานะคะก็จะเจอบ่อยเลยเนอะคืออันที่เจอ
00:12:13 → 00:12:17 บ่อยๆเลยอ่ะค่ะที่ที่ทำให้ช่วงนี้หมอก็จะ
00:12:17 → 00:12:19 คนไข้สั่นบ่อยขึ้นก็คือเรื่องของกลุ่มยา
00:12:19 → 00:12:22 รักษาอารมณ์เรื่องพวกยาซึมเศร้าต่างๆนะคะ
00:12:22 → 00:12:26 จะเห็นว่าแบบยาหลายๆตัวเลยอ่ะคนที่คนกิน
00:12:26 → 00:12:29 เรื่องรักษาวิตกกังวลซึมเศร้าแพนิคอะไรก็
00:12:29 → 00:12:33 แล้วแต่เนี่ยก็จะมีผลข้างเคียงเรื่อง
00:12:33 → 00:12:36 สั่งได้นะคะเนาะแล้วก็ยาอีกอันนึงก็จะ
00:12:36 → 00:12:39 เป็นพวกยาขยายหลอดเลือดในคนไข้ไม่เกรน
00:12:39 → 00:12:41 หรือคนไข้เวียนหัวพวกแคปซูลเทาแดงอ่ะค่ะ
00:12:41 → 00:12:44 พวก Ferrari scenarian ต่างๆนะคะแล้วก็
00:12:44 → 00:12:47 จะเป็นพวกกลุ่มยาคลื่นไส้อาเจียนนะคะหรือ
00:12:47 → 00:12:50 ว่าอ่าโมทีเรียที่แบบยาแก้อาเจียนอย่าง
00:12:50 → 00:12:52 เงี้ยบางทีเรากินเยอะมากๆอย่างเงี้ยค่ะก็
00:12:52 → 00:12:54 มีผลข้างเคียงได้จะเห็นว่ายาเนี่ยเป็นยา
00:12:54 → 00:12:57 ที่แบบใช้บ่อยนะคะซึ่งกลุ่มนี้ถ้าเกิดเรา
00:12:57 → 00:12:59 ใช้ระยะเวลาต่อเนื่องกันเป็นเวลานานๆ
00:13:00 → 00:13:02 เนี่ยก็อาจจะทำให้มีผลข้างเคียงเรื่องมี
00:13:03 → 00:13:04 อาการคล้ายภาคินสันได้เพราะฉะนั้นเนี่ย
00:13:04 → 00:13:06 เวลาเรามาด้วยอาการสั่นก็คืออย่าเพิ่งตก
00:13:06 → 00:13:09 ใจนะคะส่วนใหญ่ก็จะไล่ดูยาทั้งหมดของคน
00:13:09 → 00:13:11 ไข้ก่อนว่ามีตัวไหนที่ทำให้มีอาการสั่น
00:13:11 → 00:13:15 ได้ไหมนะคะแล้วก็อาการเนี่ยถ้าเกิดเป็น
00:13:15 → 00:13:18 สั่นจากสาเหตุอื่นๆเนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยมัก
00:13:18 → 00:13:21 จะเป็น 2 ข้างพร้อมๆกันนะคะแล้วก็ยกเว้น
00:13:21 → 00:13:23 ว่าถ้าเกิดแบบคนไข้เคยมีเส้นเลือดสมองตีบ
00:13:23 → 00:13:26 ข้างนึงอันนั้นอาจจะมาดูมาด้วยเหมือนแบบ
00:13:26 → 00:13:28 มีอาการข้างใดข้างหนึ่งเด่นกว่าได้นะคะ
00:13:28 → 00:13:31 แต่ถ้าเกิดแบบมาเด่นข้างเดียวเลยนะคะแบบ
00:13:31 → 00:13:34 เป็นข้างนึงจนข้างนึงอาการเยอะๆแล้วค่อย
00:13:34 → 00:13:36 เริ่มมีอาการอีกค่าเนี่ยก็จะทำให้สงสัย
00:13:36 → 00:13:39 โรคพาร์กินสันมากขึ้นนะคะเนาะ
00:13:39 → 00:13:42 นี้ก็จะเป็นลักษณะนะคะที่เราอาจจะสังเกต
00:13:42 → 00:13:46 อาการของคนใกล้ตัวนะคะหรือว่าคนในบ้านเรา
00:13:46 → 00:13:50 ได้ง่ายๆนะคะถ้าเห็นอย่างรูปรูปคุณลุงคน
00:13:50 → 00:13:52 เนี้ยนะคะก็คือจะเป็นลักษณะค่อนข้าง
00:13:52 → 00:13:55 จำเพาะของภาคผ่านเลยนะคะแต่ว่ากว่าเราจะ
00:13:55 → 00:13:58 เห็นแบบนี้ได้เนี่ยส่วนใหญ่อาการค่อนข้าง
00:13:58 → 00:14:01 เยอะระดับนึงแล้วนะคะเพราะว่าส่วนใหญ่
00:14:01 → 00:14:03 เนี่ยถ้าเกิดแบบช่วงแรกๆเนี่ยคนไข้บางที
00:14:03 → 00:14:06 ไม่ได้มีอาการอะไรเยอะมากกว่าจะเคลื่อน
00:14:06 → 00:14:09 ไหวช้าหรือว่าเดินจนตัวโค้งงอแบบนี้หรือ
00:14:09 → 00:14:11 ว่ามาด้วยหกล้มบ่อยๆเนี่ยส่วนใหญ่จะเป็น
00:14:11 → 00:14:14 ระยะของภาคินสันที่ค่อนข้างชัดเจนละนะคะ
00:14:14 → 00:14:17 แต่ว่าถ้าเป็นระยะแรกๆเนี่ยบางทีคนไข้ก็
00:14:17 → 00:14:20 อาจจะมาด้วยแค่สั่นเล็กๆน้อยๆแล้วก็ญาติ
00:14:20 → 00:14:22 อาจจะสังเกตเห็นหรือว่าคนไข้อาจจะสังเกต
00:14:22 → 00:14:25 เห็นนะคะหรือว่าอันนึงเนี่ยที่อาจจะทำให้
00:14:25 → 00:14:28 มาได้บ่อยก็อย่างในคลิปเมื่อกี้ค่ะคุณป้า
00:14:28 → 00:14:30 เขาก็จะมีตัวเขาเรียกว่าลิปเทมเมอร์นะคะ
00:14:30 → 00:14:33 ก็คือมีอาการปากสั่นร่วมด้วยนะคะก็อันนี้
00:14:33 → 00:14:36 ก็อาจจะให้สงสัยมากขึ้นนะคะเพราะว่าเพราะ
00:14:36 → 00:14:38 ว่ามันจะเป็นอะไรที่แบบสังเกตเห็นได้ค่อน
00:14:38 → 00:14:41 ข้างง่ายนะคะแล้วก็คนไข้ภาคินสันเนี่ยก็
00:14:41 → 00:14:43 จะมีลักษณะที่เราเรียกว่าแบบเหมือน
00:14:43 → 00:14:47 Massage ก็คือแบบใส่เหมือนๆหน้าใส่หน้า
00:14:47 → 00:14:49 กากก็คือน่าจะแบบนิ่งๆแบบบางทีญาติก็จะ
00:14:49 → 00:14:53 รู้สึกว่าเอ๊ะทำไมแบบคนในครอบครัวของเรา
00:14:54 → 00:14:57 ดูเปลี่ยนไปแบบดูไม่ค่อยไม่ค่อยยิ้มไม่
00:14:57 → 00:15:00 ค่อยหึงไม่ค่อยอืออะไรแล้วก็แบบหน้านิ่งๆ
00:15:00 → 00:15:03 ตลอดเวลาทั้งๆที่จริงๆอ่ะเขายังมีอารมณ์
00:15:03 → 00:15:05 ความรู้สึกอยู่นะคะเช่นแบบบางทีอยากจะ
00:15:05 → 00:15:07 หัวเราะอยากอะไรเงี้ยแต่ว่าหน้าการเนื่อง
00:15:07 → 00:15:09 จากว่ามันมีการเคลื่อนไหวของที่ลดลงอ่ะ
00:15:09 → 00:15:12 ค่ะมันก็เลยทำให้แบบมีลักษณะของหน้านิ่งๆ
00:15:12 → 00:15:15 ร่วมด้วยนะคะเนาะก็อันนี้ก็จะเป็นลักษณะ
00:15:15 → 00:15:19 ของพาร์กินสันนะคะแต่สิ่งสำคัญกว่านั้นนะ
00:15:19 → 00:15:22 คะคือหมอว่าเรื่องสั่นเรื่องช้าเรื่องการ
00:15:22 → 00:15:24 เดินหรือว่าเรื่องอะไรอย่างนี้ส่วนใหญ่คน
00:15:24 → 00:15:26 ก็จะรู้ว่าเวลาสื่อสารน่ะมีอาการแบบนี้
00:15:26 → 00:15:29 ได้นะคะไม่งั้นเราก็คงไม่กลัวว่าแบบเอ๊ะ
00:15:29 → 00:15:32 ทำไมพาร์กินสันแบบทำไมสั่นแล้วถึงจะกลัว
00:15:32 → 00:15:34 เป็นพาร์กินสันนะคะส่วนใหญ่คนรู้หมดและ
00:15:34 → 00:15:38 ภาคินสันก็คือโรคแบบสารแบบแข็งเกร็ง
00:15:38 → 00:15:41 เคลื่อนไหวผิดปกตินะคะแต่จริงๆที่คนไม่
00:15:41 → 00:15:43 ค่อยรู้เลยเนี่ยก็คือเรื่องของว่า
00:15:43 → 00:15:46 พาร์กินสันเนี่ยเขามีอาการที่ไม่ได้มา
00:15:46 → 00:15:49 ด้วยเคลื่อนไหวด้วยร่วมด้วยได้นะคะก็คือ
00:15:49 → 00:15:51 จริงๆก็คือเป็นอาการที่เจอมาคู่กันเลย
00:15:51 → 00:15:55 อย่างในมุมของคนไข้ก็มาด้วยแบบมาด้วยสั่น
00:15:55 → 00:15:57 มาด้วยเคลื่อนไหวช้ามาด้วยการเดินผิดปกติ
00:15:57 → 00:15:59 แต่ส่วนใหญ่ก็จะมาด้วยแบบอย่างนี้ล้มบ่อย
00:15:59 → 00:16:02 รู้สึกบางทีเหมือนจริงๆคนไข้อาจจะไม่ได้
00:16:02 → 00:16:05 สังเกตว่าเขาเคลื่อนไหวช้าลงแต่ว่าญาติ
00:16:05 → 00:16:07 อาจจะรู้สึกว่าคนไข้อ่อนแรงหรือเปล่าทำไม
00:16:07 → 00:16:11 เดินมีปัญหาหรือว่าล้มบ่อยนะคะอันนี้ก็
00:16:11 → 00:16:13 คืออาการที่ทางย่าแล้วคนไข้เนี่ยส่วนใหญ่
00:16:13 → 00:16:16 จะสังเกตได้แต่อีกอันนึงเลยเนี่ยเราเรียก
00:16:16 → 00:16:18 ว่านอนมอเตอร์ก็คือเรื่องของการเคลื่อน
00:16:18 → 00:16:21 ไหวของร่างกายนอนมอเตอร์ Simple เนี่ยเจอ
00:16:21 → 00:16:23 ได้บ่อยในภาคินสันมากๆเรียกว่าเจอควบคู่
00:16:23 → 00:16:28 กันไปเลยอันนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้การดูแล
00:16:28 → 00:16:30 คนไข้ภาคินสันเนี่ยค่อนข้างยากนะคะแล้วก็
00:16:30 → 00:16:33 ถ้าเกิดใครเนี่ยที่ไม่ได้เคยฟังหรือว่า
00:16:33 → 00:16:36 เคยรู้ตรงนี้จะทำให้รู้สึกว่าทำไมคนไข้พา
00:16:36 → 00:16:40 กินสันน่ะถึงแบบอารมณ์แบบซึมเศร้าถึง
00:16:40 → 00:16:43 อารมณ์เปลี่ยนเปลี่ยนไปพฤติกรรมเปลี่ยนไป
00:16:43 → 00:16:46 มีปัญหาเรื่องของการจัดการอารมณ์หรืออะไร
00:16:46 → 00:16:48 ต่างๆคือจริงๆแล้วมันเป็นหนึ่งในอาการของ
00:16:48 → 00:16:51 โรคคนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าแบบเป็นเพราะว่า
00:16:51 → 00:16:53 คนไข้เหมือนเป็นโรคพาร์กินสันเราก็เลย
00:16:53 → 00:16:55 สนิทเลยมีปัญหาเรื่องของอารมณ์จริงๆแล้ว
00:16:55 → 00:16:57 ไม่ใช่ก็เป็นหนึ่งในอาการของโรคเหมือนกัน
00:16:57 → 00:17:00 นะคะเพราะว่าโรคพาร์กินสันเนี่ยก็คือมัน
00:17:00 → 00:17:02 เป็นการเสื่อมของสมองการเสื่อมของสมอง
00:17:03 → 00:17:04 เนี่ยตำแหน่งที่เราเห็นได้ใช้ก็คือ
00:17:04 → 00:17:06 ตำแหน่งของการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่าง
00:17:06 → 00:17:10 กายแต่จริงๆแล้วสารโดรามีนที่ลดลงที่ที่
00:17:10 → 00:17:12 ทำให้การเคลื่อนไหวผิดปกติเนี่ยสารโรมัน
00:17:12 → 00:17:15 ก็มีหน้าที่แล้วก็ฟังก์ชันของการส่วนอื่น
00:17:15 → 00:17:18 ๆร่วมด้วยนะคะอย่างเช่นเรื่องของการควบ
00:17:18 → 00:17:21 คุมอารมณ์การนอนหลับนะคะหรืออะไรต่างๆ
00:17:21 → 00:17:24 หรือคนไข้ภาคินสันเนี่ยมักจะมีอาการร่วม
00:17:24 → 00:17:26 นะคะที่เราเรียกว่านอนมอเตอร์เซนติเมตร
00:17:26 → 00:17:29 เช่นที่เจอบ่อยๆเลยนะคะก็คือเรื่องของซึม
00:17:29 → 00:17:32 เศร้านะคะคนไข้ก็มักจะมาด้วยอารมณ์ผิด
00:17:32 → 00:17:35 ปกตินะคะเนาะแล้วก็มีปัญหาเรื่องของการ
00:17:35 → 00:17:38 นอนหลับนะคะโดยเฉพาะแบบรู้สึกว่าแบบบางที
00:17:39 → 00:17:41 เนี่ยเราเรียกว่าเป็นเหมือนแบบการนอนหลับ
00:17:41 → 00:17:45 ที่มันจะเหมือนเพ้อหรือละเมอค่ะเอ่อเป็น
00:17:45 → 00:17:47 การนอนหลับผิดปกติช่วงเลนส์อ่ะค่ะคนไข้
00:17:47 → 00:17:51 บางทีอ่ะมาด้วยแบบละเมอตอนดึกๆแล้วมี
00:17:51 → 00:17:54 อาการแบบเตะต่อยคนข้างด้านล่างนะคะเคยแบบ
00:17:54 → 00:17:57 มีคนไข้พามาบอกว่าคุณคุณป้าผ่านมาด้วยแบบ
00:17:57 → 00:17:59 ว่าเหมือนนึกว่าคุณลุงแบบว่าตื่นขึ้นมา
00:17:59 → 00:18:03 แล้วก็แบบชกต่อยหรืออะไรทุกคืนนะคะจริงๆ
00:18:03 → 00:18:05 แล้วก็คือเป็นหนึ่งในอาการพาร์กินสันได้
00:18:05 → 00:18:06 เหมือนกันนะคะแล้วอีกอันนึงที่เจอบ่อยเลย
00:18:06 → 00:18:10 ก็คือเรื่องของท้องผูกนะคะแล้วก็ระบบ
00:18:10 → 00:18:12 ประสาทอัตโนมัติที่ผิดปกติไปนะคะที่เจอ
00:18:12 → 00:18:15 บ่อยๆก็จะเป็นเรื่องของเราเรียกว่าภาวะ
00:18:15 → 00:18:18 ความดันต่ำขนาดถ้ายืนนะคะหมอเคยเจอคนไข้
00:18:18 → 00:18:22 ที่มาด้วยเหมือนวูบบ่อยรู้สึกว่ายืนแล้ว
00:18:22 → 00:18:23 ก็เวียนหัวเวียนหัวมาด้วยเหมือนเวียนหัว
00:18:23 → 00:18:25 เรื้อรังอ่ะค่ะแต่จริงๆอ่ะไม่ได้สังเกต
00:18:25 → 00:18:28 เลยว่าแบบเออมีการเคลื่อนไหวที่ช้าหรือ
00:18:28 → 00:18:30 ว่ามีเรื่องของอาการสั่นนะคะแต่ก็ไปหา
00:18:30 → 00:18:33 สาเหตุของเวียนหัวเวียนหัวทำไมไม่หายสัก
00:18:33 → 00:18:35 ทีนะคะซึ่งพอตรวจร่างกายเราก็เจอลักษณะ
00:18:35 → 00:18:39 ของที่ส่งสายพานกินสันพอได้รักษาภาคินสัน
00:18:39 → 00:18:41 นะคะอาการเวียนหัวมันก็ดีขึ้นตามไปด้วย
00:18:41 → 00:18:43 ได้เหมือนกันนะคะเนาะอันนี้ก็คืออยากให้
00:18:43 → 00:18:45 รู้ว่าจริงๆแล้วแบบคนไข้เนี่ยมักจะมี
00:18:45 → 00:18:49 อาการอื่นๆที่ไม่ใช่แค่สั่นหรือการ
00:18:49 → 00:18:51 เคลื่อนไหวช้าร่วมด้วยนะคะเพราะว่าเวลา
00:18:51 → 00:18:54 เราเจอคนไข้แบบที่สงสัยว่าจะเป็น
00:18:54 → 00:18:58 พาร์กินสันเราจะได้รักษาควบคู่กันไปนะคะ
00:18:58 → 00:19:01 ทั้งอาการทางด้านมอเตอร์ก็คือด้านการ
00:19:01 → 00:19:04 เคลื่อนไหวของร่างกายแล้วก็ด้านที่เป็น
00:19:04 → 00:19:06 ด้านอื่นๆทั้งเรื่องของอารมณ์การนอนหลับ
00:19:06 → 00:19:10 แล้วก็เรื่องของการขับถ่ายผิดปกติอะไร
00:19:10 → 00:19:12 ต่างๆแล้วแต่นะคะเพราะว่าถ้าสมมติว่าส่วน
00:19:12 → 00:19:16 ใหญ่เรารักษาแค่ร่างกายของคนไข้เนี่ย
00:19:16 → 00:19:19 คุณภาพชีวิตของคนไข้เนี่ยก็มักจะยังไม่
00:19:19 → 00:19:22 ได้ดีเท่าที่ควรถ้าแบบเน้นให้ยารักษา
00:19:22 → 00:19:23 เรื่องเคลื่อนไหวให้ดีอย่างเดียวแต่ไม่
00:19:24 → 00:19:26 ได้รักษาเรื่องซึมเศร้าหรือไม่ได้รักษา
00:19:26 → 00:19:28 เรื่องการนอนหลับนะคะคนไข้ก็มักจะมี
00:19:28 → 00:19:31 อารมณ์ที่ผิดปกติตัวคนไข้เองก็ไม่มีความ
00:19:31 → 00:19:33 สุขตัวญาติเองก็รู้สึกว่าเอ๊ะทำไมคนไข้จะ
00:19:33 → 00:19:36 ต้องเป็นแบบนี้นะคะนึกว่าแบบเออเขามี
00:19:36 → 00:19:38 ปัญหาเรื่องอารมณ์เพราะว่าเอ่อเครียดหรือ
00:19:38 → 00:19:40 เปล่าเพราะว่าที่เป็นโรคหรือเปล่าจริงๆก็
00:19:40 → 00:19:43 คือมันเป็นหนึ่งในอาการของโรคนั่นเองนะคะ
00:19:43 → 00:19:44 เนาะ
00:19:44 → 00:19:48 ทีนี้เนี่ยอีกอันนึงที่อยากให้รู้นะคะก็
00:19:48 → 00:19:50 คือเรื่องของว่าเราเรียกว่าเป็นระยะของ
00:19:50 → 00:19:54 ภาคินสันส่วนหนึ่งเลยอ่ะค่ะที่คนไข้กลัว
00:19:54 → 00:19:57 การเป็นภาคินสันนะคะที่เจอมาหมอรู้สึกว่า
00:19:57 → 00:20:00 เป็นเพราะว่าคนไข้อ่ะหรือว่าญาติเองเนี่ย
00:20:00 → 00:20:03 ไม่รู้ว่าเหมือนเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
00:20:03 → 00:20:06 ในอนาคตหลังจากที่หมอบอกว่าคนไข้เป็น
00:20:06 → 00:20:08 ภาคินสันแล้วนะคะมันไม่เหมือนโรคอื่นๆ
00:20:08 → 00:20:11 เนอะแบบถ้าเป็นเบาหวานอ่ะเรารู้ว่าเดี๋ยว
00:20:11 → 00:20:15 เบาหวานไปตาไปตายอะไรได้ก็เป็นโรคที่แบบ
00:20:15 → 00:20:18 คนส่วนใหญ่รู้จักหรือแม้กระทั่งแบบเรื่อง
00:20:18 → 00:20:20 เอาไซเมอร์ก็ตามอ่ะคนรู้ว่าเป็น
00:20:20 → 00:20:24 อัลไซเมอร์หลงลืมเดี๋ยววันนึงก็จะลืมแบบ
00:20:24 → 00:20:27 จำอะไรไม่ได้เลยคือเหมือนพอรู้ว่ามันจะ
00:20:27 → 00:20:31 เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เป็นโรคๆนั้นบ้าง
00:20:31 → 00:20:35 นะคะแต่ว่าภาคินสันเนี่ยคนมักจะรู้แค่
00:20:35 → 00:20:37 ระยะตอนที่วินิจฉัยว่าเป็นพาร์กินสันนะ
00:20:37 → 00:20:42 แต่ไม่ค่อยอ่ามีใครมาพูดถึงหรือว่าได้
00:20:42 → 00:20:45 อธิบายถึงระยะการดำเนินของโรคว่าคนไข้
00:20:45 → 00:20:48 หรือว่าญาติเองเนี่ยควรจะเตรียมตัวกับคน
00:20:48 → 00:20:51 ไข้ยังไงบ้างนะคะเพราะว่าเอ่ออันนี้ก็จะ
00:20:51 → 00:20:53 เป็นอาการที่
00:20:53 → 00:20:55 เขาเรียกว่าการดำเนินโรคการดำเนินโรคก็
00:20:55 → 00:20:58 คือว่าเมื่อเราเป็นโรคนี้เราก็รู้อยู่
00:20:58 → 00:21:00 แล้วล่ะว่าเดี๋ยว
00:21:00 → 00:21:03 อีก 2 ปีข้างหน้าอีก 3 ปีข้างหน้าอีก 4
00:21:03 → 00:21:06 ปีข้างหน้าอีก 5 ปีข้างหน้าเนี่ยคนไข้จะ
00:21:06 → 00:21:09 มีอาการยังไงได้บ้างนะคะเนาะเพราะว่า
00:21:09 → 00:21:11 กลุ่มโรคพาร์กินสันเนี่ยเรายังถือว่าเป็น
00:21:11 → 00:21:14 กลุ่มโรคที่เราเรียกว่าเป็นความเสื่อมของ
00:21:14 → 00:21:17 สมองนะคะก็คือคล้ายๆกลุ่มโรคอัลไซเมอร์
00:21:17 → 00:21:20 หรือว่าโลกความจำเสื่อมก็คือเป็นภาวะความ
00:21:20 → 00:21:23 เสื่อมที่เกิดจากอายุที่มากขึ้นหรือว่า
00:21:23 → 00:21:25 จากสาเหตุอื่นๆมากระตุ้นก็แล้วแต่นะคะแต่
00:21:25 → 00:21:27 ว่าความเสื่อมตรงนี้มันจะค่อยๆเกิดมาก
00:21:27 → 00:21:31 ขึ้นไปเรื่อยๆนะคะเอ่อปัจจุบันยังไม่ได้
00:21:31 → 00:21:34 มีญาณหรือว่ามีการรักษาอะไรที่มาหยุดยั้ง
00:21:34 → 00:21:36 ความเสื่อมตรงนี้ได้เหมือนโรคข้อเข่า
00:21:36 → 00:21:39 เสื่อมเนาะเมื่อมีข้อเข่าเสื่อมแล้วเราก็
00:21:39 → 00:21:42 ยังใช้งานไปเรื่อยๆยังเดินไปเรื่อยๆเพราะ
00:21:42 → 00:21:43 ฉะนั้นเนี่ยมันก็อาจจะมีอาการที่ข้อเข่า
00:21:43 → 00:21:45 เสื่อมมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นนะคะแต่ว่า
00:21:45 → 00:21:47 อย่างโรคข้อเข่าเสื่อมอะไรเงี้ยเราก็ยัง
00:21:47 → 00:21:50 มีวิธีการรักษาที่จะสามารถรับเปลี่ยนข้อ
00:21:50 → 00:21:52 หรืออะไรได้แต่ว่าโรคพาร์กินสันหรือว่า
00:21:52 → 00:21:55 โรคอัลไซมันเป็นการความเสื่อมของเซลล์ของ
00:21:55 → 00:21:58 สมองนะคะเพราะฉะนั้นปัจจุบันมันยังไม่ได้
00:21:58 → 00:22:01 มีวิธีการหรือว่าอะไรที่จะไปทำให้เราหาย
00:22:01 → 00:22:04 ขาดจากตรงนี้ได้นะคะแต่ส่วนใหญ่การรักษา
00:22:04 → 00:22:07 เนี่ยก็จะเป็นการรักษาเพื่อให้คุณไข้
00:22:07 → 00:22:11 เนี่ยมีคุณภาพชีวิตที่ดีนะคะแล้วก็อาจจะ
00:22:11 → 00:22:15 ช่วยชะลอการดำเนินโรคแล้วก็รักษากลุ่ม
00:22:15 → 00:22:17 อาการอื่นๆที่เราเจอร่วมกันเพื่อให้คนไข้
00:22:17 → 00:22:20 กับญาติเนี่ยอยู่ร่วมกันได้อย่างแบบมี
00:22:20 → 00:22:23 ความสุขมีคุณภาพชีวิตที่ดีในช่วงที่แบบ
00:22:23 → 00:22:26 อีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้าเนี่ยแทนที่จะแบบ
00:22:26 → 00:22:29 ถ้าไม่ทำอะไรเลยเนี่ยคนไข้อาจจะทรุดเร็ว
00:22:29 → 00:22:32 มากนะคะเนาะงั้นพอระยะของพาร์กินสันเนี่ย
00:22:32 → 00:22:34 มีอะไรได้บ้างนะคะก็ถ้าเห็นตามรูปนี้นะคะ
00:22:34 → 00:22:37 ส่วนใหญ่ในระยะของภาคินสันเนี่ยเราก็จะ
00:22:37 → 00:22:40 แบ่งตามนี้เลยค่ะระยะแรกก็คือคนไข้ยัง
00:22:40 → 00:22:43 เดินได้ปกตินะคะอาจจะมีอาการแบบเล็กๆน้อย
00:22:43 → 00:22:45 ๆซึ่งอาการตรงเนี้ยส่วนใหญ่อ่ะคนไข้ส่วน
00:22:45 → 00:22:48 ใหญ่มักจะยังไม่ค่อยได้มาเจอหมอนะคะเว้น
00:22:48 → 00:22:50 แต่ว่าคนที่แบบมีประวัติคนในครอบครัวเป็น
00:22:50 → 00:22:53 หรือว่าคนที่ค่อนข้างแบบสังเกตตัวเองเอง
00:22:53 → 00:22:55 ได้ชัดมากๆว่าเริ่มสั่นนิดนึงก็เริ่มมา
00:22:55 → 00:22:58 ตรวจแล้วแต่ว่าส่วนใหญ่ระยะหนึ่งเนี่ยมัก
00:22:58 → 00:23:00 จะยังไม่ค่อยมาเจอกันนะคะมักจะมาอีกทีก็
00:23:00 → 00:23:03 คือประมาณระยะ 2 ระยะ 2 ระยะ 3 เนี่ยคือ
00:23:03 → 00:23:06 คนไข้เริ่มมีอาการสั่นหรือว่าช้าหรือว่า
00:23:06 → 00:23:09 การเคลื่อนไหวที่เริ่มผิดปกติมากขึ้นนะคะ
00:23:09 → 00:23:11 เช่นอาจจะมาด้วยรู้สึกว่าทำไมเดินลำบาก
00:23:11 → 00:23:14 จังล้มบ่อยจังนะคะหรือว่ารู้สึกว่าทำไมทำ
00:23:14 → 00:23:17 อะไรมันไม่คล่องแคล่วเหมือนเดิมส่วนหนึ่ง
00:23:17 → 00:23:18 อาจจะรู้สึกว่าเอ้ยเป็นเพราะว่าอายุเยอะ
00:23:18 → 00:23:20 ขึ้นหรือเปล่านะคะแต่ว่าอันนึงก็อาจจะ
00:23:20 → 00:23:23 เป็นจากตัวโรคด้วยนะคะส่วนใหญ่ที่มาหา
00:23:23 → 00:23:26 เนี่ยก็มักจะเป็นระยะ 2 ระยะ 3 นะคะก็คือ
00:23:26 → 00:23:29 คนไข้ก็เริ่มเห็นว่ามีสัญชาติขึ้นและนะคะ
00:23:29 → 00:23:31 แล้วก็เอ่ออาจจะเริ่มมีการใช้ชีวิตประจำ
00:23:31 → 00:23:34 วันที่มันลำบากขึ้นเช่นแบบกินคาร์ฟกิน
00:23:34 → 00:23:38 ข้าวตักช้อนแปรงฟันหรืออะไรที่แบบลำบาก
00:23:38 → 00:23:40 ขึ้นทำงานที่มันต้องใช้ความละเอียดยาก
00:23:40 → 00:23:42 ขึ้นแต่งตัวเองอะไรแบบนี้นะคะหรือว่าการ
00:23:42 → 00:23:46 เดินเริ่มมีปัญหานะคะส่วนระยะ 4 ระยะ 5
00:23:46 → 00:23:50 เนี่ยจะเป็นระยะที่เอ่อส่วนใหญ่แล้วเนี่ย
00:23:50 → 00:23:55 ก็คือคนไข้เนี่ยอ่าทองรักษาระยะ 2 ระยะ 3
00:23:55 → 00:24:00 ก็จะเป็นการรักษาเพื่อป้องกันหรือชะลอให้
00:24:00 → 00:24:04 ไป 4-5 เนี่ยให้ช้าที่สุดนะคะ 4 ก็คือคน
00:24:04 → 00:24:07 ไข้เริ่มมีปัญหาเรื่องของการเดินมากแบบจน
00:24:07 → 00:24:10 อาจจะต้องใช้เครื่องช่วยนะคะก็คือเรื่อง
00:24:10 → 00:24:13 ของ Walker นะคะแล้วก็ 5 เนี่ยก็คือเริ่ม
00:24:13 → 00:24:16 เป็นแบบเริ่มเคลื่อนไหวเองไม่ค่อยได้ละก็
00:24:16 → 00:24:18 อาจจะต้องใช้วีลแชร์นะคะหรือไปกว่านั้น
00:24:18 → 00:24:21 เนี่ยก็อาจจะแบบอาจจะมีภาวะเริ่มมีภาวะ
00:24:21 → 00:24:23 ติดเตียงนะคะอันนี้เป็นระยะโรคของ
00:24:23 → 00:24:26 พาร์กินสันที่สุดท้ายเนี่ยถามว่าวันนึง
00:24:26 → 00:24:29 อ่ะมันก็อาจจะมีการดำเนินโรคที่ดำเนินไป
00:24:29 → 00:24:32 ถึงที่คนไข้อาจจะต้องไประยะ 4 ระยะ 5 นะ
00:24:32 → 00:24:35 คะแต่ว่าการตรวจวินิจฉัยให้เร็วหรือว่า
00:24:35 → 00:24:39 การรักษาก็เพื่อเราจะชะลอให้ระยะ 4 ระยะ 5
00:24:39 → 00:24:42 เนี่ยมาให้ช้าที่สุดนะคะแล้วก็ให้คุณภาพ
00:24:42 → 00:24:46 ชีวิตของคนไข้ให้อยู่ในช่วงระยะแรกๆหรือ
00:24:46 → 00:24:48 ว่าตอนที่อาการอย่างน้อยๆอยู่เนี่ยสามารถ
00:24:48 → 00:24:51 ใช้ชีวิตได้เป็นปกติได้มากที่สุดนะคะเนาะ
00:24:51 → 00:24:54 ซึ่งถ้าเกิดเราดีๆนะคะหรือว่าคนไข้มีการ
00:24:54 → 00:24:58 เตรียมตัวหรือว่ารู้จักโรคดีๆนะคะเช่นแบบ
00:24:58 → 00:25:00 พอเราเริ่มรู้แล้วว่าเรามีอาการของโรค
00:25:00 → 00:25:03 หรือไงก็เริ่มไปออกกำลังกายนะคะอาจจะออก
00:25:03 → 00:25:05 กำลังกายเบาๆหรืออะไรทำให้กล้ามเนื้อแข็ง
00:25:05 → 00:25:08 แรงนะคะก็จะทำให้เราเนี่ยสามารถชะลอการ
00:25:08 → 00:25:13 ที่เราจะต้องแบบไปจนสุดจนถึงจุดที่เรารู้
00:25:13 → 00:25:15 สึกว่าแบบการเคลื่อนไหวเนี่ยมันลำบากมากๆ
00:25:15 → 00:25:17 นะคะซึ่งสุดท้ายเนี่ยเราอาจจะชะลอได้แบบ
00:25:17 → 00:25:20 หลายๆปีเลยเป็นหลักสิบปีเลยก็ได้นะคะถ้า
00:25:20 → 00:25:23 เกิดเรามีวิธีการรักษาแล้วก็ดูแลตัวเองดี
00:25:23 → 00:25:26 ๆนะคะเนาะ
00:25:26 → 00:25:28 นี้ถามว่าทำไมถึง
00:25:28 → 00:25:31 Stage ของพาร์กินสันมันถือเป็นแบบนั้น
00:25:31 → 00:25:33 ล่ะเพราะว่าเนี่ยค่ะก็คือสาเหตุของ
00:25:33 → 00:25:35 ภาคินสันนะคะก็คือเกิดจากการที่สมองของ
00:25:36 → 00:25:39 เราเนี่ยมันมีการเสื่อมของเซลล์สมองนะคะ
00:25:39 → 00:25:42 จริงกลไกการเกิดโรคพาร์กินสันโรค
00:25:42 → 00:25:44 อัลไซเมอร์เนี่ยจะคล้ายๆกันก็คือเขาเชื่อ
00:25:44 → 00:25:47 ว่ามันมีการสะสมของโปรตีนบางตัวที่มันผิด
00:25:47 → 00:25:51 ปกติแล้วก็ไปทำให้เซลล์ประสาทเนี่ยมันทำ
00:25:51 → 00:25:53 งานไม่ได้นะคะอย่างถ้าเกิดเป็นเรื่องของ
00:25:53 → 00:25:56 ความจำเรื่องของ unzounder ก็จะไปโดนใน
00:25:56 → 00:25:59 ส่วนของสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำนะคะก็
00:25:59 → 00:26:01 อาจจะไปเกี่ยวข้องกับพวกสารสื่อประสาทพวก
00:26:01 → 00:26:03 astril coline หรืออะไรแบบนี้ถ้าคิดสาร
00:26:03 → 00:26:05 เองก็เช่นกันภาคินสันเนี่ยก็จะเป็นการ
00:26:05 → 00:26:08 เสิร์ฟของเซลล์ประสาทนะคะในส่วนของที่
00:26:08 → 00:26:10 สร้างโดตามินโดมินเนี่ยจะเกี่ยวข้องกับ
00:26:10 → 00:26:12 พวกการเคลื่อนไหวของร่างกายรวมไปถึง
00:26:12 → 00:26:15 เรื่องอารมณ์ต่างๆนะคะเนาะด้วยความที่มัน
00:26:15 → 00:26:18 เกิดจากการเสื่อมของเซลล์ประสาทเนี่ยมัน
00:26:18 → 00:26:21 เลยทำให้ปัจจุบันเนี่ยเขาก็พยายามหายา
00:26:21 → 00:26:24 หรือว่าหาการรักษาหรือว่าหาอะไรที่จะไป
00:26:24 → 00:26:26 ชะลอหรือว่าไปป้องกันตรงเนี้ยให้ได้มาก
00:26:26 → 00:26:29 ที่สุดนะคะแต่ว่าปัจจุบันก็ยังไม่ได้มียา
00:26:29 → 00:26:32 ที่พิสูจน์ได้ว่าเราจะไปป้องกันโรคตรงนี้
00:26:32 → 00:26:35 หรือรักษาตรงนี้ให้หายขาดได้นะคะก็ได้แต่
00:26:35 → 00:26:40 ดูแลตัวเองนะคะอันนึงเลยที่ทำให้ช่วยชะลอ
00:26:40 → 00:26:43 การเสื่อมของเซลล์ตรงนี้ได้ไม่ว่าจะเอา
00:26:43 → 00:26:46 จริงๆไม่ว่าจะเอาไซเบอร์พาร์กินสันหรือ
00:26:46 → 00:26:49 ว่าโรคที่เป็นโรคเกี่ยวกับพวกการเสิร์ฟ
00:26:49 → 00:26:51 ของเซลล์ต่างๆนะคะที่ดีที่สุดเลยก็คือ
00:26:51 → 00:26:54 เรื่องของการออกกำลังกายนะคะแทบจะทุกข์
00:26:54 → 00:26:57 แบบงานวิจัยเนี่ยจะมีการบอกว่างานการออก
00:26:57 → 00:26:59 กำลังกายสามารถช่วยชะลอหรือว่าช่วยป้อง
00:26:59 → 00:27:01 กันการเกิดอัลไซเมอร์ช่วยป้องกันการเกิด
00:27:01 → 00:27:03 พาร์กินสันหรือแม้กระทั่งโรคหลอดเลือด
00:27:03 → 00:27:05 ต่างๆโรคเส้นเลือดหัวใจตีบเส้นเลือดสมอง
00:27:05 → 00:27:07 ตีบอะไรต่างๆการออกกำลังกายก็คือการป้อง
00:27:07 → 00:27:09 กันที่ดีที่สุดในปัจจุบันนะคะเพราะฉะนั้น
00:27:09 → 00:27:13 เนี่ยส่วนใหญ่ถ้าเราอยากดูแลตัวเองให้อ่า
00:27:13 → 00:27:16 สมองของเราอยู่ได้นานที่สุดนะคะการทำงาน
00:27:16 → 00:27:18 ของโรคที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมต่างๆดี
00:27:18 → 00:27:20 ที่สุดนะคะก็เริ่มต้นที่ตัวเราเองเรื่อง
00:27:20 → 00:27:23 ของการออกกำลังกายนะคะซึ่งส่วนใหญ่แล้ว
00:27:23 → 00:27:25 เนี่ยอาจจะไม่ได้ต้องออกหนักมากนะคะออก
00:27:25 → 00:27:28 เป็นแบบเน้นความสม่ำเสมอดีกว่าอย่างเช่น
00:27:28 → 00:27:31 เรื่องของการออกให้ชีพจรไม่ได้ต้องแบบ
00:27:31 → 00:27:33 เร็วแบบเหมือนออกหนักมากจนเกินไปแต่ว่า
00:27:33 → 00:27:38 ให้ออกให้ชีพจรเต้นอยู่ในประมาณโซน 2 โซน
00:27:38 → 00:27:40 3 ของตัวเองนะคะก็คือส่วนใหญ่เฉลี่ยก็
00:27:40 → 00:27:43 ประมาณสัก 120-140 ประมาณนี้แต่ขอให้ได้
00:27:43 → 00:27:45 ต่อเนื่องนะคะต่อเนื่องอย่างน้อยประมาณ
00:27:45 → 00:27:49 สัก 30-45 นาทีนะคะแล้วก็อย่างน้อยประมาณ
00:27:49 → 00:27:51 สัก 3-5 วันต่อสัปดาห์อันนี้จะเป็นการออก
00:27:51 → 00:27:55 กำลังกายที่ช่วยชะลอพวกความเสื่อมของโรค
00:27:55 → 00:27:56 ที่เกิดจากความเสื่อมต่างๆหรือว่าโรคพวก
00:27:56 → 00:27:59 หลอดเลือดต่างๆได้ที่สุดเน้นที่ความสม่ำ
00:27:59 → 00:28:02 เสมอนะคะเนาะแล้วก็นอกจากการออกกำลังกาย
00:28:02 → 00:28:05 ก็จะเป็นเรื่องของพวกการจัดการความเครียด
00:28:05 → 00:28:08 นะคะการนอนให้พอนะคะหรือรวมไปถึงการทาน
00:28:08 → 00:28:11 อาหารที่มันมีประโยชน์หรือหลีกเลี่ยงสาร
00:28:11 → 00:28:14 พิษต่างๆเช่นพวกแบบแอลกอฮอล์นะคะหรือว่า
00:28:14 → 00:28:17 อาหารของทอดของมันหรือว่าอาหารที่เป็นพวก
00:28:18 → 00:28:20 แบบไขมันไม่ดีเยอะๆนะคะพวกนี้ก็จะยิ่งทำ
00:28:20 → 00:28:22 ให้ความเสื่อมของเซลล์หรือว่าโรคที่
00:28:22 → 00:28:24 เกี่ยวข้องกับพวกเนี้ยมันมีโอกาสเพิ่ม
00:28:24 → 00:28:27 ความเสี่ยงมากขึ้นนะคะสารพิษต่างๆเช่น
00:28:27 → 00:28:29 เรื่องของบุหรี่หรืออะไรก็แล้วแต่รวมไป
00:28:29 → 00:28:30 ถึงความเครียดเองนะคะความเครียดปัจจุบัน
00:28:30 → 00:28:33 ก็สัมพันธ์กับโรคหลายโรคมากๆนะคะไม่ใช่
00:28:33 → 00:28:36 แค่ภาคินสันโรคสมองเสื่อมด้วยอัลไซเมอร์
00:28:36 → 00:28:39 ด้วยเรื่องเอ่อทางอารมณ์อะไรต่างๆมากมาย
00:28:39 → 00:28:42 นะคะเนาะ
00:28:42 → 00:28:45 อันนี้นะคะอยากให้โชว์ให้รู้ว่าแบบจริงๆ
00:28:45 → 00:28:47 แล้วเนี่ยภาคินสันเนี่ยก่อนที่จะมาหาหมอ
00:28:47 → 00:28:50 แล้วมาด้วยกันหรือว่ามาด้วยการเดินที่ผิด
00:28:50 → 00:28:52 ปกติเนี่ยจริงๆก็คือ
00:28:52 → 00:28:56 ความเสื่อมของเซลล์เนี่ยมันเริ่มมาตั้ง
00:28:56 → 00:29:00 แต่ถ้าอย่างรูปแรกเนี่ยค่ะจะเห็นว่าจุด
00:29:00 → 00:29:03 จุดที่มันมีการสะสมของโปรตีนที่ปกติแล้ว
00:29:03 → 00:29:05 จะทำให้เซลล์สมองเริ่มผิดปกติเนี่ยมัน
00:29:05 → 00:29:06 เริ่มตั้งแต่ตรงนี้นะคะตรงนี้นะคะก็คือ
00:29:06 → 00:29:09 เรื่องของเส้นประสาทที่เกี่ยวข้องกับการ
00:29:09 → 00:29:12 ดมกลิ่นนะคะแล้วก็ตรงตัวก้านสมองนะคะที่
00:29:12 → 00:29:14 เกี่ยวข้องกับพวกการทำงานของระบบประสาท
00:29:14 → 00:29:16 อัตโนมัติอะไรอย่างนี้ต่างๆจะเห็นได้ว่า
00:29:16 → 00:29:19 แบบจริงๆแล้วคนไข้ภาคินสันระยะแรกที่ไม่
00:29:19 → 00:29:22 ได้มาเจอหมอว่าบางคนซักประวัติย้อนไปดีๆ
00:29:22 → 00:29:26 จะมาด้วยไม่ได้กลิ่นนะคะมาด้วยกันการดม
00:29:26 → 00:29:28 กลิ่นมีปัญหาเช่นแบบเอ๊ะกินอาหารบางอย่าง
00:29:28 → 00:29:30 ทำไมรู้สึกว่าแบบรสชาติหรือว่าแบบการได้
00:29:30 → 00:29:32 กลิ่นมันไม่เหมือนเดิมดื่มกาแฟหรือว่ากิน
00:29:33 → 00:29:35 อะไรแล้วเอ๊ะทำไมกลิ่นมันเปลี่ยนนะคะซึ่ง
00:29:35 → 00:29:38 อันนี้ถ้ายุคโควิดอาจจะแยกกันยากนิดนึง
00:29:38 → 00:29:40 เพราะว่าส่วนใหญ่การติดเชื้อโควิดก็ทำให้
00:29:40 → 00:29:42 เรามีปัญหาเรื่องกลิ่นได้แต่ว่าถ้าเป็น
00:29:42 → 00:29:45 ยุคก่อนโควิดเนี่ยอาการตรงนี้บางทีแบบ
00:29:45 → 00:29:48 ค่อนข้างชัดเลยแบบว่าพอคนไข้มาด้วยสั่น
00:29:48 → 00:29:51 แล้วก็ซักไปเนี่ยมีแทบทุกคนนะคะก็จะมา
00:29:51 → 00:29:52 ด้วยปัญหาเรื่องของการดมกลิ่นหรือว่ามา
00:29:52 → 00:29:54 ด้วยเรื่องของระบบประสาทอัตโนมัติที่มัน
00:29:54 → 00:29:57 ทำงานผิวปกติเช่นเรื่องท้องผูกมาก่อนนะคะ
00:29:57 → 00:30:00 หรือเนี่ยเริ่มมีวิงเวียนมึนหัวเวียนหัว
00:30:00 → 00:30:04 ง่ายรู้สึกหน้ามืดง่ายนะคะแต่ก็จะเห็นว่า
00:30:04 → 00:30:06 มันเป็นอาการที่แบบถ้าคนไข้มาด้วยแบบนี้
00:30:06 → 00:30:09 ก็คงไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นพาร์กินสันนะคะ
00:30:09 → 00:30:12 ก็ต้องอาศัยเรื่องของการตรวจร่างกายเพื่อ
00:30:12 → 00:30:15 ดูลักษณะของการสั่นบางอย่างหรือว่าลักษณะ
00:30:15 → 00:30:17 ที่คนไข้มีอาการเรื่องของการเคลื่อนไหว
00:30:17 → 00:30:20 ช้าหรือมีอาการแข็งอะไรอย่างนี้ร่วมด้วย
00:30:20 → 00:30:22 หรือเปล่าอาการตัวแข็งเริ่มด้วยนะคะเนาะ
00:30:22 → 00:30:25 จะมาเห็นอีกทีนึงเนี่ยส่วนใหญ่ก็จะเป็น
00:30:25 → 00:30:27 เนี้ยค่ะระยะที่คนไข้เนี่ยจะเห็นว่าการ
00:30:27 → 00:30:30 การเสื่อมของตัวเซลล์สมองเนี่ยมันก็เริ่ม
00:30:30 → 00:30:34 แบบเอ่อเป็นมากขึ้นเรื่อยๆนะคะโดนในส่วน
00:30:34 → 00:30:37 ของตัวที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวที่
00:30:37 → 00:30:41 ผิดปกติและเริ่มกระจายไปตรงสมองส่วนหน้า
00:30:41 → 00:30:44 นะคะแล้วก็ตำแหน่งอื่นๆเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:30:44 → 00:30:47 จะเห็นว่าคนไข้อ่ะก็จะไม่ได้มีแค่อาการ
00:30:47 → 00:30:49 เรื่องของการเคลื่อนไหวผิดปกติแต่ว่ามัก
00:30:49 → 00:30:52 จะต้องมีเรื่องของอารมณ์การนอนนะคะท้อง
00:30:52 → 00:30:54 ผูกหรืออะไรเงี้ยร่วมด้วยอยู่แล้วนะคะ
00:30:54 → 00:30:57 เนาะจากการที่อ่าเซลล์สมองเนี่ยมันเสื่อม
00:30:57 → 00:31:00 ของหลายๆตำแหน่งแล้วก็สุดท้ายเลยไปจนถึง
00:31:00 → 00:31:04 ระยะท้ายๆเลยค่ะสุดท้ายเนี่ยคนไข้
00:31:04 → 00:31:07 ภาคินสันโดยเฉพาะถ้าเป็นมามากกว่าประมาณ
00:31:07 → 00:31:10 สัก 5 ปีเป็นต้นไปจะมีอาการของเราที่เรา
00:31:10 → 00:31:12 เรียกว่าเป็นสมองเสื่อมแบบพาร์กินสันได้
00:31:12 → 00:31:14 ซึ่งอันนี้อาจจะต้องแยกจากอัลไซเมอร์นะคะ
00:31:14 → 00:31:17 ก็คือคนไข้ก็จะมีอาการหลงลืมมีความจำที่
00:31:17 → 00:31:21 ผิดปกติร่วมด้วยได้นะคะก็ส่วนใหญ่เนี่ยคน
00:31:21 → 00:31:23 ไข้จะถ้าเป็นพาร์กินสันแล้วมีหลงลืมเป็น
00:31:23 → 00:31:25 สมองเสื่อมจากภาคินสันคนส่วนใหญ่คนไข้ก็
00:31:25 → 00:31:27 มักจะมีการวินิจฉัยภาคินสันมาก่อนแหละ
00:31:27 → 00:31:31 หลายๆปีแล้วสุดท้ายระยะหนึ่งที่การดำเนิน
00:31:31 → 00:31:34 โรคนะคะโรคมันเป็นมากขึ้นเรื่อยๆคนไข้ก็
00:31:34 → 00:31:39 อาจจะเริ่มมีสมองหรือว่ามีความจำที่แย่ลง
00:31:39 → 00:31:41 ตามไปด้วยนะคะซึ่งส่วนใหญ่เนี่ยก็มักจะ
00:31:41 → 00:31:45 หลังจากประมาณสัก 5 ปี 7 ปี 8 ปีเป็นต้น
00:31:45 → 00:31:47 ไปถึงจะเริ่มมีสมองเสื่อมนะคะถ้าเกิดเป็น
00:31:47 → 00:31:50 สมองเสื่อมหรือว่าความจำเสื่อมแย่ลงตั้ง
00:31:50 → 00:31:52 แต่แรกๆโดยที่ยังไม่ได้มีอาการของเพศสี
00:31:52 → 00:31:54 สันและอันนั้นเราก็จะนึกถึงสาเหตุของสมอง
00:31:54 → 00:31:57 เสื่อมอื่นๆมากกว่านะคะเห็นไว้ว่าแบบคน
00:31:57 → 00:32:00 ไข้ภาคินสันส่วนใหญ่ก็จะมีอาการได้หลาก
00:32:00 → 00:32:02 หลายมากๆนะมันไม่ใช่แค่สั่นอย่างเดียวนะ
00:32:02 → 00:32:06 คะเพราะฉะนั้นจริงๆแล้วถ้าเรารู้ว่าแล้ว
00:32:06 → 00:32:09 ก็เข้าใจว่าจริงๆแล้วโรคพาร์กินสันเนี่ย
00:32:09 → 00:32:12 มันเป็นโรคที่คนไข้มีอาการได้หลากหลาย
00:32:12 → 00:32:14 ตั้งแต่ด้านของด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย
00:32:14 → 00:32:17 แล้วก็ด้านอื่นๆด้วยเนี่ยเวลาดูแลคนไข้
00:32:17 → 00:32:21 เนี่ยเราก็จะดูแลได้แบบองค์รวมมากขึ้นนะ
00:32:21 → 00:32:24 คะดูแลให้เขาแบบดูแลจิตใจเขาด้วยดูแลให้
00:32:24 → 00:32:26 มีความมีความสุขมีคุณภาพชีวิตที่ดูด้วย
00:32:26 → 00:32:29 แล้วก็รวมไปถึงตัวคนที่ดูแลเองโรคที่
00:32:29 → 00:32:31 เกี่ยวกับความเสื่อมต่างๆไม่ว่าจะเป็น
00:32:31 → 00:32:34 อัลไซเมอร์นะคะภาคินสันอะไรต่างๆเนี่ยมัน
00:32:34 → 00:32:36 ไม่ใช่เรื่องแค่ของคนไข้อย่างเดียวจะเป็น
00:32:36 → 00:32:39 เรื่องของการที่เป็นเรื่องของคนดูแลด้วย
00:32:39 → 00:32:42 caregiver ด้วยนะคะว่าจะต้องมามีบทบาท
00:32:42 → 00:32:45 หรือว่ามีความสำคัญในการที่ช่วยดูแลผู้
00:32:45 → 00:32:47 ป่วยเนี่ยระดับนึงเลยเพราะว่าส่วนใหญ่
00:32:47 → 00:32:50 แล้วคนไข้เนี่ยมักจะพอถึงจุดๆนึงคนไข้อาจ
00:32:50 → 00:32:53 จะดำเนินอ่าช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้นะ
00:32:53 → 00:32:56 คะก็จะต้องมีคนช่วยดูแลนะคะซึ่งถ้าเกิดคน
00:32:56 → 00:32:59 ช่วยดูแลเนี่ยรู้แล้วก็เข้าใจตัวโรคนะคะ
00:32:59 → 00:33:01 แล้วก็รู้ว่าทำไมอาการเค้าถึงเป็นแบบนี้
00:33:01 → 00:33:04 แล้วเป็นแบบนี้นะคะก็จะช่วยดูแลได้ดียิ่ง
00:33:04 → 00:33:06 ขึ้นนะคะแล้วก็อย่างเรื่องของการป้องกัน
00:33:06 → 00:33:09 การหกล้มอะไรต่างๆคือบางทีเราคิดว่าคนไข้
00:33:09 → 00:33:12 ก็แค่สั่นแต่จริงๆเราจะไม่ได้นึกถึงไปว่า
00:33:12 → 00:33:15 จริงๆแล้วอาการสั่นหรือการช้าลงมันคือ
00:33:15 → 00:33:17 เพิ่มความเสี่ยงของการหกล้มเพราะฉะนั้น
00:33:17 → 00:33:20 เนี่ยการดูแลเช่นการไปเข้าห้องน้ำก็ไม่
00:33:20 → 00:33:24 ควรให้คนไข้ไปคนเดียวละหรือถ้าไปคนเดียว
00:33:24 → 00:33:26 ก็ควรจะต้องมีการเตรียมพร้อมเรื่องของ
00:33:26 → 00:33:30 สถานที่มีราวจับมีพื้นก็จะต้องเป็นพื้น
00:33:30 → 00:33:33 แบบไม่ลื่นจนเกินไปหรืออะไรแบบนี้นะคะ
00:33:33 → 00:33:36 เพราะส่วนใหญ่เนี่ยคนไข้ภาคินสันนะคะมัก
00:33:36 → 00:33:40 จะมาเวลาแย่ลงอ่ะจำไม่ค่อยได้แย่ลงจากตัว
00:33:40 → 00:33:42 โรคพาร์กินสันแต่มักจะแย่ลงจากภาวะแทรก
00:33:42 → 00:33:44 ซ้อนมากกว่าที่เจอบ่อยเลยคือเรื่องของหก
00:33:44 → 00:33:46 ล้มแล้วกระดูกหักเพราะกระดูกหักในผู้สูง
00:33:46 → 00:33:49 อายุเนี่ยก็คือเรื่องใหญ่เลยนะคะเนาะยิ่ง
00:33:49 → 00:33:52 ถ้าเกิดเป็นกระดูกแบบพวกกระดูกเอ่อสะโพก
00:33:52 → 00:33:54 หรือว่ากระดูกหลังกระดูกอะไรที่ทำให้เดิน
00:33:54 → 00:33:57 ไม่ได้ค่ะพอพอเกิดเหตุการณ์ขึ้นปุ๊บส่วน
00:33:57 → 00:33:59 ใหญ่คนไข้จะทรุดแล้วฟื้นตัวค่อนข้างยากนะ
00:33:59 → 00:34:02 คะเพราะว่าด้วยตัวโรคเนี่ยมันก็มีการ
00:34:02 → 00:34:04 เคลื่อนสมัยที่ลำบากอยู่แล้วพอต้องมาฟื้น
00:34:04 → 00:34:06 ตัวด้วยกันกายภาพบำบัดอีกเนี่ยก็จะค่อน
00:34:06 → 00:34:09 ข้างยากนะคะอีกอันนึงเลยอ่ะค่ะด้วยความ
00:34:09 → 00:34:12 ที่คนไข้ภาคินสันเขามีการเคลื่อนไหวที่
00:34:12 → 00:34:14 มันผิดปกติที่ไม่ใช่แค่แขนขาเนาะอย่าง
00:34:14 → 00:34:17 เช่นเรื่องของที่น่าขยับได้น้อยลงนะคะพวก
00:34:17 → 00:34:20 นี้ก็จะมีปัญหาเรื่องของการกลืนที่ลดลง
00:34:20 → 00:34:22 ด้วยคนไข้จะมีปัญหาเรื่องกลืนลำบากบางคน
00:34:22 → 00:34:25 ก็มาด้วยแบบเอ๊ะทำไมสังเกตว่าอยู่ดีๆน้ำ
00:34:25 → 00:34:27 ลายมันก็ไหลบ่อยก็เข้าใจว่าเป็นแบบปาก
00:34:27 → 00:34:29 เบี้ยวกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเปล่าอะไร
00:34:29 → 00:34:31 อย่างเงี้ยค่ะแต่จริงๆคือการกลืนของเขา
00:34:31 → 00:34:34 เนี่ยช้าลงกลืนไม่ทันกับที่น้ำลายที่เรา
00:34:34 → 00:34:37 สร้างออกมาหรือเวลาเรากินอาหารเนี่ยก็จะ
00:34:37 → 00:34:38 มีปัญหาเรื่องของกลืนลำบากด้วยเพราะ
00:34:38 → 00:34:40 ฉะนั้นคนไข้เนี่ยก็จะมักจะมาด้วยเรื่อง
00:34:40 → 00:34:43 ของสำลักสำลักลงต่อติดเชื้อที่ปอดอย่าง
00:34:43 → 00:34:45 เงี้ยได้นะคะเพราะฉะนั้นถ้าเกิดเรารู้
00:34:45 → 00:34:47 แล้วก็เข้าใจเนี่ยเราก็จะได้ป้องกันภาวะ
00:34:47 → 00:34:49 แทรกซ้อนต่างๆตรงเนี้ยได้ดีมากยิ่งขึ้นนะ
00:34:49 → 00:34:52 คะเวลาถ้าเรารักษาโรคพาร์กินสันไปแล้วคน
00:34:52 → 00:34:55 ไข้เนี่ยดูแลตัวเองหรือว่าคนดูแลดูแลได้
00:34:55 → 00:34:57 ค่อนข้างดีแล้วไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น
00:34:57 → 00:35:00 เนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยเอ่อพาร์กินสันเนี่ย
00:35:00 → 00:35:02 มักจะอยู่ได้เอ่อแบบ
00:35:02 → 00:35:05 คุณภาพชีวิตค่อนข้างดีแล้วก็มีความสุขได้
00:35:05 → 00:35:08 เลยแต่ว่าถ้าเกิดแบบมีภาวะแทรกซ้อนใดๆ
00:35:08 → 00:35:10 ต่างๆที่มันเกิดขึ้นมาเนี่ยอันนี้มักจะทำ
00:35:10 → 00:35:13 ให้แบบอาการมันทรุดลงเร็วขึ้นได้นะคะเนาะ
00:35:13 → 00:35:16 ทีนี้สำหรับการมีนิสัยโรคพาร์กินสันนะคะ
00:35:16 → 00:35:19 ก็คนไข้ส่วนใหญ่เวลาพอแบบมาสั่นปุ๊บก็จะ
00:35:19 → 00:35:22 ถามหมอแล้วว่าเอ๊ะแล้วจะต้อง MRI สมองไหม
00:35:22 → 00:35:25 คะหรืออะไรแบบนี้ไหมนะคะเนาะก็ส่วนใหญ่
00:35:25 → 00:35:28 แล้วเนี่ยภาคินสันก็จะคล้ายๆโรคอื่นๆใน
00:35:28 → 00:35:30 ทางสมองหลายๆโรคนะคะคือเราวินิจฉัยจาก
00:35:30 → 00:35:32 อาการนี่แหละเป็นหลักเพราะว่าเวลาเราทำ
00:35:32 → 00:35:36 MRI ไปส่วนใหญ่ก็มักจะเจออะไรที่มันไม่
00:35:36 → 00:35:40 ได้จำเพาะเจาะจงนะคะทีนี้ถ้าดูจากภาพตรง
00:35:40 → 00:35:42 ตำแหน่งที่เซลล์สมองเสื่อมมันจะคือแบบตรง
00:35:42 → 00:35:44 เนี้ยค่ะตำแหน่งของก้านสมองตรงนี้ใช่ไหม
00:35:44 → 00:35:48 คะซึ่งมันดูยากมากๆนะคะโดยปกติเนี่ยเรา
00:35:48 → 00:35:52 ไม่ได้ส่ง MRI สมองเพื่อคอนเฟิร์มว่าคน
00:35:52 → 00:35:55 ไข้เป็นภาคินสันแต่เรามักจะส่ง MRI เสมอ
00:35:55 → 00:35:58 เพื่อหาสาเหตุอื่นๆของพาร์กินสันที่ไม่
00:35:58 → 00:36:01 ใช่โรคพาร์กินสันก่อนมากกว่าเพราะเวลาถ้า
00:36:01 → 00:36:03 เกิดสมมุติว่าคนไข้มีสาเหตุอื่นที่ทำให้
00:36:03 → 00:36:05 เกิดอาการพาร์กินสันเทียมได้เนี่ยไม่ว่า
00:36:05 → 00:36:09 จะเป็นน้ำในโพรงสมองเยอะมีโรคเส้นเลือด
00:36:09 → 00:36:12 สมองตีบหรือว่ามีก้อนเนื้องอกหรืออะไรก็
00:36:12 → 00:36:15 แล้วแต่เวลาเราไปแก้เหตุตรงนั้นเนี่ยมัน
00:36:15 → 00:36:17 ก็จะสามารถแก้อาการพาร์กินสันได้เลยนะคะ
00:36:17 → 00:36:20 แต่ส่วนใหญ่ถ้าเกิดทำทำ MRI ออกมาแล้วไม่
00:36:20 → 00:36:22 เจอลักษณะอะไรจำเพาะแล้วอาการเข้าได้กับ
00:36:22 → 00:36:24 Package เราก็จะค่อยนึกถึงพาร์กินสันมาก
00:36:24 → 00:36:27 กว่านะคะที่ถามว่ามันมีลักษณะที่พอจะบอก
00:36:27 → 00:36:30 ได้ไหมมันก็มีลักษณะที่พอจะบอกได้แหละ
00:36:30 → 00:36:33 เนี่ยก็คือถ้าเกิดเราซูมเข้าไปดูดีจริงๆ
00:36:33 → 00:36:35 อ่ะค่ะตรงตำแหน่งที่เซลล์ประสาทหรือว่า
00:36:35 → 00:36:37 เซลล์สมองจะชอบมีอาการเสื่อมเนี่ยมันก็จะ
00:36:37 → 00:36:39 มีทรายบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่าเอ้ย
00:36:39 → 00:36:43 อย่างๆอ่าอันนี้คือทรายปกติใช่ไหมคะภาพ
00:36:43 → 00:36:45 แรกสุดเนี่ยคือปกติเนี่ยจะเห็นว่าเอ้ย
00:36:45 → 00:36:47 เซลล์สมองมันจะต้องมีเหมือนแบบลักษณะยื่น
00:36:47 → 00:36:49 ๆออกมาแบบนี้นะแต่ถ้าเกิดแบบว่าอยู่ดีๆ
00:36:49 → 00:36:52 มันดูหายตายก็จะทำให้เราสงสัยพาร์กินสัน
00:36:52 → 00:36:55 มากขึ้นแต่จริงๆแล้วในชีวิตของการเป็นหมอ
00:36:55 → 00:36:58 สมองมาแล้วก็วินิจฉัยคนไข้นะคะหมอไม่หมอ
00:36:58 → 00:37:01 ไม่ได้เอาทรายเนี่ยมามาใช้ในการบอกว่าคน
00:37:01 → 00:37:03 ไข้กิน 3 นะคะเพราะว่าว่ามันดูยากแล้วก็
00:37:03 → 00:37:07 เราก็ไม่ได้แบบจะต้องหาแล้วการไม่มีทราย
00:37:07 → 00:37:09 นี้ก็ไม่ได้บอกว่าคนไข้ไม่ได้เป็นถ้า
00:37:09 → 00:37:11 อาการเข้าได้นะคะจานนี้ก็จะโชว์ให้ดูว่า
00:37:11 → 00:37:13 แบบเออถ้าเกิดเราจะดูจริงๆมันก็พอมีบอก
00:37:13 → 00:37:15 ได้นะแล้วก็ส่วนใหญ่มักจะใช้ในเรื่องของ
00:37:15 → 00:37:18 งานวิจัยหรืออะไรอย่างนี้ที่มากกว่านะคะ
00:37:18 → 00:37:22 นิดส่วนใหญ่ถ้าเกิดหมอจะดูลักษณะของ MRI
00:37:22 → 00:37:25 คนไข้หมอจะดูเพราะว่าดูสาเหตุอื่นมากกว่า
00:37:25 → 00:37:28 อย่างนี้อย่างภาพแรกอย่างนี้ค่ะก็คือน้ำ
00:37:28 → 00:37:31 ในโพรงสีดำๆตรงนี้เป็น
00:37:31 → 00:37:34 มันเยอะมากกว่าปกตินะคะอย่างนี้เราเรียก
00:37:34 → 00:37:37 ว่าภาวะที่มันมีน้ำในโพรงสมองเยอะนะคะ
00:37:37 → 00:37:41 ซึ่งคนไข้เนี่ยก็จะมาด้วยซันช้าลงแต่ว่า
00:37:41 → 00:37:43 ลักษณะก็อาจจะต่างจากพาร์กินสันหน่อยซึ่ง
00:37:43 → 00:37:45 กลุ่มเนี่ยบางทีเดินเนี่ยเดินช้ามันพาย
00:37:45 → 00:37:47 กินสันแต่ว่าจะเดินเหมือนเป็นแบบเหมือน
00:37:47 → 00:37:51 แม่เหล็กติดเท้าแบบเหมือนเท้ามีแม่เหล็ก
00:37:51 → 00:37:53 ติดอยู่กับพื้นแบบเหมือน Magnetic อย่าง
00:37:53 → 00:37:56 เงี้ยมากกว่านะคะแล้วก็ลักษณะอาการก็อาจ
00:37:56 → 00:37:57 จะเป็น 2 2 ข้างเท่าๆกันไม่ได้มาด้วยแบบ
00:37:57 → 00:38:00 ข้างเดียวเด็กแบบพาคินสันนะคะซึ่ง
00:38:00 → 00:38:03 อันเนี้ยสำคัญมากๆเราภาวะ Normal Plus
00:38:03 → 00:38:05 Pressure hydrosoft อันนี้ก็คือน้ำใน
00:38:05 → 00:38:08 โพรงสมองเยอะถ้าเกิดสมมุติว่าตรวจเจอแล้ว
00:38:08 → 00:38:10 รู้สึกว่าเอ้ยคนไข้ไม่น่าใช่ภาคินสันแล้ว
00:38:10 → 00:38:12 สงสัยทำ MRI สมองเจอภาวะนี้นะคะอันนี้
00:38:12 → 00:38:16 รักษาได้นะคะเนาะเราก็จะลองเทสแบบว่าลอง
00:38:16 → 00:38:18 เจาะน้ำออกมาซิเมื่อเราระบายน้ำแล้วคนไข้
00:38:18 → 00:38:20 เดินดีขึ้นไหมถ้าเดินดีขึ้นอันนี้ก็คือ
00:38:20 → 00:38:22 ส่งปรึกษาคุณหมอผ่าตัดสมองเพื่อใส่สาย
00:38:22 → 00:38:25 ระบายน้ำด้วยค่ะคนไข้ก็จะกลับมาเดินได้
00:38:25 → 00:38:28 ปกติเลยนะคะอันนี้ก็สำคัญว่าถ้าเกิดเรา
00:38:28 → 00:38:30 สงสัยเราก็ต้อง MRI ดูนะคะหรืออย่างอัน
00:38:30 → 00:38:32 ที่ 2 เนี่ยอันที่ 2 ก็จะเป็นกลุ่ม
00:38:32 → 00:38:35 ภาคินสันที่สงสัยว่าเป็นสัตว์พวกโรคหลอด
00:38:35 → 00:38:38 เลือดนะคะการที่มันมีเห็นสีขาวๆสีขาวๆแบบ
00:38:38 → 00:38:40 เนี้ยสงสัยว่าน่าจะมีหลอดเลือดฝอยหรือว่า
00:38:40 → 00:38:42 หลอดเลือดเล็กๆที่มีปัญหานะคะซึ่งพวก
00:38:42 → 00:38:45 เนี้ยจะสัมพันธ์กับพวกเรื่องของเอ่อ
00:38:45 → 00:38:47 ปัจจัยเสี่ยงของหลอดเลือดตีบต่างๆเบาหวาน
00:38:48 → 00:38:50 ความดันไขมันอะไรก็แล้วแต่นะคะซึ่งถ้า
00:38:50 → 00:38:52 เกิดเราเจอลักษณะแบบนี้เราก็คิดว่าเออน่า
00:38:52 → 00:38:55 จะเป็นภาคินสันเทียมจากเรื่องหลอดเลือดนะ
00:38:55 → 00:38:57 เพราะฉะนั้นก็ต้องไปคุมเบาหวานคุมปัจจัย
00:38:57 → 00:39:01 เสี่ยงอะไรให้ดีนะคะแล้วก็จะช่วยอ่าลด
00:39:01 → 00:39:05 อาการโปรเกรสการดำเนินโรคได้นะคะหรือ
00:39:05 → 00:39:08 อย่างอันสุดท้ายอย่างนี้ทำมาแบบเจอแล้ว
00:39:08 → 00:39:11 เจอก้อนเนื้องอกเลยนะคะซึ่งอันนี้ก็แทน
00:39:11 → 00:39:14 ที่จะไปปรับยาพาร์กินสันอะไรก็ไปรักษาตัว
00:39:14 → 00:39:16 ก่อนก็จะทำให้หายได้เพราะฉะนั้นเนี่ยเวลา
00:39:16 → 00:39:21 เราจะส่ง MRI คนไข้อ่ะจะส่งในกรณีที่เรา
00:39:21 → 00:39:23 รู้สึกว่า 1 คนไข้อาการไม่ได้ตรงไปตรงมา
00:39:23 → 00:39:26 กับพาร์กินสันเช่นเจอลักษณะเหมือน
00:39:26 → 00:39:29 พาร์กินสันแต่อายุน้อยมากๆนะคะแบบว่าต่ำ
00:39:29 → 00:39:32 กว่า 60 ปีหรืออะไรแบบนี้นะคะหรือลักษณะ
00:39:32 → 00:39:35 มันไม่ได้เป็นแบบที่แบบพาร์กินสันจำเพาะ
00:39:35 → 00:39:38 ที่บอกว่าหน้านิ่งๆมาด้วยข้างเดียวเด่นๆ
00:39:38 → 00:39:42 แบบเหมือนเด่นขณะพักเดินแบบมีลักษณะแบบ
00:39:42 → 00:39:44 นี้ตรวจแล้วรู้สึกว่าเอ้ยยังไม่น่าใช่
00:39:44 → 00:39:47 พาร์กินสันนะก็จะส่ง MRI สมองนะคะแล้วก็
00:39:47 → 00:39:50 อื่นๆที่สำคัญก็เหมือนกันเพียงเช่นก็คือ
00:39:50 → 00:39:52 ต้องซักประวัติยาเลยมียาอันไหนที่ทำให้
00:39:52 → 00:39:55 เกิดอาการปะทินสันได้ไหมนะคะอย่างคนที่
00:39:55 → 00:39:58 ถ้าตอนนี้ใครรู้สึกว่ามือสั่นอยู่เช็คยา
00:39:58 → 00:40:00 ตัวเองก่อนเลยนะคะว่าแบบเอ๊ะเรากินยาที่
00:40:00 → 00:40:02 มันมีความเสี่ยงที่มันแล้วมือสั่นหรือ
00:40:02 → 00:40:05 เปล่านะนะคะแล้วก็ต้องหลีกเลี่ยงพวก
00:40:05 → 00:40:07 เครื่องดื่มหรืออาหารที่ยิ่งจะมาทำให้เรา
00:40:07 → 00:40:10 ฝันมากขึ้นพวกชากาแฟน้ำอัดลมผงชูรสอะไร
00:40:10 → 00:40:13 ต่างๆนะคะที่ทำให้มันมีอาการใจสั่นมือ
00:40:13 → 00:40:16 สั่นได้มากขึ้นนะคะแล้วก็ส่วนใหญ่อีกอัน
00:40:16 → 00:40:19 นึงที่พอเวลาคนไข้มาด้วยสัตว์ก็ต้องตรวจ
00:40:19 → 00:40:21 เช็คพวกเรื่องของไทรอยด์นะคะก็จะเป็นอัน
00:40:21 → 00:40:24 ที่เจอได้บ่อยนะคะเนาะ
00:40:24 → 00:40:27 สุดท้ายก็คือเราถ้าเกิดสมมุติว่าสงสัยว่า
00:40:27 → 00:40:30 เป็นพาร์กินสันจริงๆแล้วรักษาได้ไหมรักษา
00:40:30 → 00:40:33 ยังไงนะคะมีวิธีอะไรบ้างนะคะเนาะปัจจุบัน
00:40:33 → 00:40:36 ก็การรักษาพระเกศสารหลักๆก็จะมีอยู่ 2
00:40:36 → 00:40:40 อย่างนะคะก็คือยาแล้วก็ผ่าตัดนะคะเนาะอ่า
00:40:40 → 00:40:43 ส่วนใหญ่แล้วเราก็จะรักษาด้วยยาก่อนเป็น
00:40:43 → 00:40:46 อันดับแรกนะคะยาเนี่ยจริงๆนอกจากเป็นการ
00:40:46 → 00:40:48 รักษาแล้วเนี่ยจริงๆเราเอามาช่วยในการ
00:40:48 → 00:40:52 วินิจฉัยได้ด้วยนะคะอย่างแบบคนไข้บางคน
00:40:52 → 00:40:54 ที่มีอาการสงสัยพาร์กินสันอย่างเงี้ยค่ะ
00:40:54 → 00:40:57 เกิดจากการที่เขาแบบมีโดปามีลดลงเราก็จะ
00:40:57 → 00:40:59 ให้ยายาที่เพิ่มเหมือนไปเพิ่มโดมปามีนให้
00:40:59 → 00:41:02 คนไข้อย่างเงี้ยค่ะซึ่งพอแบบกินยาปุ๊บ
00:41:02 → 00:41:04 ส่วนใหญ่แบบคนไข้ก็จะรู้สึกเหมือนแบบ
00:41:04 → 00:41:08 โอ้โหแบบเหมือนยาเทวดาเลยก็คือแบบจากการ
00:41:08 → 00:41:11 ที่เดิมทีอาการเยอะมากพอได้ยาไปปุ๊บเนี่ย
00:41:11 → 00:41:15 แล้วมันแบบตอบสนองดีมากกลับมาเดินได้เดิน
00:41:15 → 00:41:18 คล่องไม่สั่นแล้วเนี่ยค่ะอันนี้ก็จะเป็น
00:41:18 → 00:41:21 ตัวช่วยนึงที่ช่วยวินิจฉัยว่าคนไข้น่าจะ
00:41:21 → 00:41:24 มีภาคินสันจริงๆเพราะเวลาเราให้ยากลุ่ม
00:41:24 → 00:41:27 พวกแบบโดปามีโอโรป้าอะไรไปในกลุ่มเคสอื่น
00:41:27 → 00:41:31 ๆเช่นไม่ว่าจะเป็นก้อนเนื้องอกน้ำในโพรง
00:41:31 → 00:41:33 สมองเยอะหรืออะไรเนี่ยการตอบสนองมันจะไม่
00:41:33 → 00:41:36 ได้แบบชัดเจนมากมันจะไม่ได้แบบว้าวมากนะ
00:41:36 → 00:41:39 คะก็สดหรือเกิดจากสาเหตุจากยาอะไรอย่าง
00:41:39 → 00:41:41 นี้เวลาเราให้ยาไปคนไข้ก็จะไม่ค่อยได้ดี
00:41:41 → 00:41:43 ขึ้นมากนักแต่ถ้าเกิดเป็นคนไข้ภาคินสัน
00:41:43 → 00:41:46 จริงๆเนี่ยก็ค่อนข้างบอกได้ซึ่งยาในกลุ่ม
00:41:46 → 00:41:49 รักษาไพจิตรสันก็จะมียาหลายกลุ่มมากๆนะคะ
00:41:49 → 00:41:53 คนไข้ก็จะมักจะถามว่าแล้วไม่ทานได้ไหม
00:41:53 → 00:41:58 เพราะว่าก็มันยังรักษาไม่หายนะคะไม่ทันไป
00:41:58 → 00:42:00 ก็ไม่หายอยู่ดีไม่ทานได้หรือเปล่าจริงๆ
00:42:00 → 00:42:04 แล้วเนี่ยตัวยาภาษาพาร์กินสันนอกจากจะ
00:42:04 → 00:42:08 ช่วยลดอาการของคนไข้ได้แล้วเนี่ยมันยังพอ
00:42:08 → 00:42:11 ช่วยชะลอให้คนไข้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่
00:42:11 → 00:42:14 ยืดออกไปได้นานมากขึ้นนะคะเพราะฉะนั้นถ้า
00:42:14 → 00:42:16 เกิดเราสงสัยว่าคนไข้เป็นภาคินสันจริงๆก็
00:42:16 → 00:42:20 มักจะแนะนำว่าให้รักษาดีกว่านะคะถ้าไม่
00:42:20 → 00:42:22 รักษาเนี่ยอย่างที่บอกว่าส่วนใหญ่คนไข้
00:42:22 → 00:42:24 เนี่ยมักจะไม่ได้แย่ลงจากตัวพาร์กินสัน
00:42:24 → 00:42:27 เองแต่ว่าอาจจะแย่ลงจากภาวะแทรกซ้อนเช่น
00:42:27 → 00:42:30 เดินลำบากเดินแล้วมีปัญหาเรื่องของสะดุด
00:42:30 → 00:42:33 ง่ายลมง่ายเพราะฉะนั้นเนี่ยการกินยาเนี่ย
00:42:33 → 00:42:35 มันจะสามารถช่วยให้คนไข้กลับมาเดินได้
00:42:35 → 00:42:38 ปกติลดอาการสั่นหรืออาการตัวแข็งอะไรก็
00:42:38 → 00:42:41 แล้วแต่ทำให้ต้องการการเกิดภาวะแทรกซ้อน
00:42:41 → 00:42:44 ป้องกันการสำลักป้องกันการหกล้มได้ก็จะทำ
00:42:44 → 00:42:47 ให้แบบเอ่อคนไข้ไม่ต้องมาเสี่ยงต่อภาวะ
00:42:47 → 00:42:48 แทรกซ้อนแบบนี้เพราะว่าถ้าเกิดสมมุติว่า
00:42:48 → 00:42:51 เราไม่กินยาอะไรเลยปล่อยไว้แล้วคนไข้มา
00:42:51 → 00:42:54 ด้วย 6 ลมอย่างเงี้ยค่ะก็จะยิ่งทำให้อ่า
00:42:54 → 00:42:56 อาการหรือว่าโรคเนี่ยมันยิ่งแย่ลงเร็วไป
00:42:56 → 00:42:59 นะคะเพราะฉะนั้นต่อให้ปัจจุบันเนี่ยมัน
00:42:59 → 00:43:01 ยังไม่ได้มียาที่ทำให้หายขาดแต่ส่วนใหญ่
00:43:01 → 00:43:04 แล้วเนี่ยก็จะแนะนำให้รักษาเพื่อช่วยลด
00:43:04 → 00:43:08 อาการแล้วก็ภาวะแทรกซ้อนแล้วก็ให้ชะลอการ
00:43:09 → 00:43:12 ดำเนินโรคไปให้ได้นานมากที่สุดนะคะรวมถึง
00:43:12 → 00:43:15 อันนี้ก็คือเป็นการรักษาเรื่องของพวก
00:43:15 → 00:43:18 อาการตัวแข็งสั่นอะไรต่างๆเราก็ควรจะ
00:43:18 → 00:43:20 รักษาเรื่องอาการที่ไม่ใช่อาการเกี่ยวกับ
00:43:20 → 00:43:22 อาการ
00:43:22 → 00:43:24 การเคลื่อนไหวของคนไข้ด้วยเนอะถ้าคนไข้มี
00:43:24 → 00:43:29 ซึมเศร้าก็ควรจะให้ยาร่วมด้วยถ้าคนไข้มี
00:43:29 → 00:43:31 ท้องผูกก็ต้องจัดการตรงนี้ด้วยคนไข้มี
00:43:31 → 00:43:34 ปัญหาเรื่องของการนอนก็ควรรักษาโรคๆกันไป
00:43:34 → 00:43:38 นะคะไม่ใช่แค่เพื่อคนไข้เองแต่เพื่อคนใน
00:43:38 → 00:43:41 ครอบครัวด้วยเพื่อญาติเพื่อคนดูแลด้วยนะ
00:43:41 → 00:43:43 คะเพราะว่าก็จะทำให้การดูแลคนไข้เนี่ย
00:43:43 → 00:43:46 ง่ายขึ้นนะคะถ้าเกิดสมมุติว่าคนไข้มี
00:43:46 → 00:43:48 ปัญหาตรงนี้เนี่ยยังไงบรรยากาศในบ้านหรือ
00:43:48 → 00:43:51 ว่าการดูแลมันก็จะยากมากขึ้นเนี่ยก็จะทำ
00:43:51 → 00:43:53 ให้คนอื่นนอกจากตัวคนไข้เองที่ก็รู้สึก
00:43:53 → 00:43:56 ว่าทรมานจากโรคอยู่แล้วเนี่ยคนอื่นก็จะ
00:43:56 → 00:43:59 รู้สึกว่าเออแบบมันทำให้ทุกอย่างมันดูยาก
00:43:59 → 00:44:01 ขึ้นไปด้วยนะคะเพราะฉะนั้นการรักษาควบคู่
00:44:01 → 00:44:04 กันไปทั้งเรื่องของการเคลื่อนไหวแล้วก็
00:44:04 → 00:44:07 เรื่องของอื่นๆเนี่ยจะทำให้อ่าทั้งคนไข้
00:44:07 → 00:44:09 เองแล้วก็คนใกล้ตัวเนี่ยรู้สึกว่าแบบมัน
00:44:09 → 00:44:11 มีความสุขมากขึ้นนะคะแล้วก็ไม่ได้รู้สึก
00:44:11 → 00:44:14 ว่าเออโรคนี้มันน่ากลัวจนเกินไปนะคะสุด
00:44:14 → 00:44:17 ท้ายโรคนี้นะคะก็แตกต่างจากโลกพวกสมอง
00:44:17 → 00:44:19 เสื่อมหรืออัลไซเมอร์ก็คือมันมีการรักษา
00:44:19 → 00:44:22 เรื่องของการผ่าตัดร่วมด้วยส่วนส่วนใหญ่
00:44:22 → 00:44:27 การผ่าตัดจะใช้ในคนไข้ที่เวลากินยามาระยะ
00:44:27 → 00:44:29 หนึ่งคือยาในภาคินสันนะคะเขาจะเรียกว่า
00:44:29 → 00:44:33 เหมือนมีระยะที่ตอบสนองดีระยะหนึ่งนะคะ
00:44:33 → 00:44:34 ส่วนใหญ่ก็
00:44:34 → 00:44:39 พอกินยาไปสัก 3 ปี 5 ปีคนไข้ก็อาจจะต้อง
00:44:39 → 00:44:41 มีการแบบปรัชญาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆปรับยา
00:44:41 → 00:44:44 หลายกลุ่มมากขึ้นจนถึงจุดนึงที่รู้สึกว่า
00:44:44 → 00:44:48 ปรับยาไปแล้วมันก็เริ่มแบบมีผลภาวะแทรก
00:44:48 → 00:44:50 ซ้อนมีผลข้างเคียงจากยาอะไรต่างๆก็แล้ว
00:44:50 → 00:44:53 แต่เนี่ยมันก็จะมีการรักษาที่เราเรียกว่า
00:44:53 → 00:44:57 การผ่าตัดนะคะทำฝั่งเครื่อง deependent
00:44:57 → 00:44:59 simulation ก็คือเหมือนเป็นเครื่องเลย
00:44:59 → 00:45:02 แล้วก็ฝั่งเข้าไปในตรงส่วนของสมองที่
00:45:02 → 00:45:04 เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวอ่ะค่ะคนไข้ก็
00:45:04 → 00:45:07 จะเหมือนแบบมีเครื่องที่มาช่วยให้เราแบบ
00:45:07 → 00:45:10 การเคลื่อนไหวดีขึ้นนะคะซึ่งอันนี้ก็อาจ
00:45:10 → 00:45:14 จะต้องพิจารณาเป็นอ่ารายบุคคลไปอีกทีนึง
00:45:14 → 00:45:16 นะคะแต่ก็เป็นอีกหนึ่งการรักษาที่มาทำให้
00:45:16 → 00:45:20 คนไข้พาร์กินสันเนี่ยสามารถมีเอ่อยืดระยะ
00:45:20 → 00:45:22 เวลาของรถหรือว่าสามารถใช้ชีวิตที่ที่ทำ
00:45:22 → 00:45:24 ให้คนไข้ยังเดินได้ช่วยเหลือตัวเองได้
00:45:24 → 00:45:27 เนี่ยไปได้นานมากยิ่งขึ้นอีกนะคะเนาะงั้น
00:45:27 → 00:45:29 ถ้าเกิดตอนนี้นะคะใครฟังแล้วรู้สึกว่า
00:45:29 → 00:45:34 อุ๊ยเราเป็นเริ่มมีอาการสั่นแล้วนะคะหรือ
00:45:34 → 00:45:38 มีคนใกล้ตัวที่รู้สึกว่ามีอาการซันการ
00:45:38 → 00:45:41 เคลื่อนไหวผิดปกติมีอาการช้าแล้วสงสัยว่า
00:45:41 → 00:45:43 จะเป็นพาร์กินสันหรือเปล่าก็แนะนำให้ไป
00:45:43 → 00:45:45 ตรวจนะคะเนาะเพราะยิ่งการรักษาได้เร็ว
00:45:45 → 00:45:49 เท่าไรนะคะก็จะยิ่งช่วยชะลอการดำเนินโรค
00:45:49 → 00:45:51 แล้วก็ทำให้คนไข้มีความสุขมากขึ้นนะคะ
00:45:51 → 00:45:53 เนาะ
00:45:53 → 00:45:58 ยาวเลยนะคะเดี๋ยวเรามาดูกันว่ามีคอมเมนต์
00:45:58 → 00:46:03 อะไรหรือเปล่านะคะ
00:46:03 → 00:46:05 สวัสดีค่ะ
00:46:05 → 00:46:09 โอเค
00:46:09 → 00:46:12 ก็มีคุณกนกพรคุณธีระพัฒน์แล้วก็คุณผิดที่
00:46:12 → 00:46:17 เป็นแบบอ่า
00:46:17 → 00:46:20 โอเคยังไม่มีคำถามอะไรเพิ่มเติมตอนนี้นะ
00:46:21 → 00:46:23 คะแต่ว่าจริงๆเรื่องนี้ก็คือเหมือนหมอ
00:46:24 → 00:46:27 อยากให้แบบมาฟังกันไว้แล้วก็เป็นเรื่อง
00:46:27 → 00:46:29 ของสมองที่อาจจะแบบไม่ค่อยได้มีใครมาพูด
00:46:29 → 00:46:31 ในเรื่องของเชิงลึกเรื่องของอาการหรือว่า
00:46:31 → 00:46:34 การรักษาหรือว่าระยะของโรคหรือการตรวจ
00:46:34 → 00:46:37 อะไรมากนักนะคะก็อยากจะแบบเหมือนมาพูด
00:46:37 → 00:46:39 เพื่อให้เป็นความรู้เพื่อจะได้เป็น
00:46:39 → 00:46:41 ประโยชน์สำหรับใครที่มีญาติมีคนใกล้ตัว
00:46:41 → 00:46:43 หรือว่าสงสัยว่าการตัวเองจะเป็นหรือเปล่า
00:46:43 → 00:46:47 หรือแม้กระทั่งคนที่ตอนนี้กังวลอยู่ว่า
00:46:47 → 00:46:50 อาการสั่นเรามีเริ่มมีสั่นเนี่ยเราเป็น
00:46:50 → 00:46:53 หรือเปล่าอย่างน้อยก็อาจจะช่วยไขข้อข้อง
00:46:53 → 00:46:55 ใจบางอย่างอะไรได้ทำให้เรารู้สึกสบายใจ
00:46:55 → 00:46:57 ขึ้นนะคะใครที่มีอาการสั่นอย่างเดียวนะคะ
00:46:57 → 00:46:59 เราไม่ได้มีอาการอย่างอื่นนะคะส่วนใหญ่
00:46:59 → 00:47:01 อันนี้ยังไม่ใช่ภาคอีสานนะคะโดยเฉพาะถ้า
00:47:01 → 00:47:03 เกิดอายุน้อยกว่า 60
00:47:03 → 00:47:06 ยากมากๆที่จะเป็นกลุ่มอาการพาคินสันนะคะ
00:47:06 → 00:47:09 ส่วนใหญ่ไปหาสาเหตุอื่นก่อนเนาะมักก็ที่
00:47:09 → 00:47:11 เจอบ่อยๆเลยก็มักจะเป็นเรื่องของยาเรื่อง
00:47:11 → 00:47:14 ของสารบางอย่างแบบบางคนกินกาแฟเยอะไปก็
00:47:14 → 00:47:16 มือสัตว์มากกว่านะคะหรือ
00:47:16 → 00:47:20 เป็นยาที่แบบปัจจุบันเนี่ยอาการวิตกกังวล
00:47:20 → 00:47:22 หรืออะไรกันมากขึ้นนะคะยาหลายๆตัวก็ชอบ
00:47:22 → 00:47:24 ให้ทำให้มือสั่นได้นะคะหรือเรื่องไทรอยด์
00:47:24 → 00:47:26 เรื่องอะไรแบบนี้เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเรามี
00:47:26 → 00:47:28 อาการมือสั่นอย่าเพิ่งกังวลว่าเราจะเป็น
00:47:28 → 00:47:29 พาร์กินสันนะคะ
00:47:29 → 00:47:32 กิจกรรมตัวเองก่อนนะคะแล้วก็ถ้าเกิดรู้
00:47:32 → 00:47:35 สึกว่าเฮ้ยถ้าเกิดมีอาการแบบชัดเจนว่าเรา
00:47:35 → 00:47:37 เป็นตัวนี้อยู่แล้วเราแบบหยุดทานยาอาการ
00:47:37 → 00:47:40 ดีขึ้นอันนี้ก็ไม่น่ามีอะไรน่ากังวลนะคะ
00:47:40 → 00:47:44 เนาะงั้นก็วันนี้นะคะก็เอ่อเดี๋ยวพอเท่า
00:47:44 → 00:47:46 นี้ก่อนนะคะถ้าสำหรับใครมีคำถามนะคะก็
00:47:46 → 00:47:49 สามารถพิมพ์คำถามคอมเมนต์ทิ้งไว้ได้นะคะ
00:47:49 → 00:47:51 แล้วก็เดี๋ยวหมอจะมาตอบให้อีกทีนึงนะคะ
00:47:51 → 00:47:55 ขอบคุณมากค่ะสวัสดีค่ะ