00:00:00 → 00:00:03 [เสียงดนตรี]
00:00:03 → 00:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.
00:00:06 → 00:00:08 Listen for a better life.
00:00:08 → 00:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
00:00:11 → 00:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel
00:00:14 → 00:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:16 → 00:00:22 [เสียงดนตรี]
00:00:22 → 00:00:24 วันนี้คุณกินอะไร
00:00:24 → 00:00:29 อาหารที่คุณกินจะส่งผลดี ส่งผลเสีย กับสุขภาพของคุณอย่างไร
00:00:29 → 00:00:31 วันนี้หมอจะชวนทุกคนมาพูดคุย
00:00:31 → 00:00:35 เกี่ยวกับรูปแบบของการกินอาหาร ที่ปลอดภัยกับสุขภาพของเรา
00:00:35 → 00:00:40 กับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋
00:00:40 → 00:00:42 แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
00:00:42 → 00:00:46 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:46 → 00:00:49 [เสียงดนตรี]
00:00:49 → 00:00:54 วันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องของ 6 เครื่องดื่มสุดฮิต เสี่ยงโรคร้าย
00:00:54 → 00:00:59 ปัจจุบันนี้ทุกคนก็จะชอบดื่มเครื่องดื่ม
00:00:59 → 00:01:02 หลายคนไม่ดื่มน้ำเปล่าเลยด้วยซ้ำไปนะคะ
00:01:02 → 00:01:05 เวลาที่มันมีเครื่องดื่มมาใหม่ตามกระแส มีเป็นระยะ ๆ
00:01:05 → 00:01:08 กินแล้วเป็นอย่างไรคะ สดชื่นใช่ไหมคะ
00:01:08 → 00:01:09 กินแล้วรู้สึกว่ามีพลัง
00:01:10 → 00:01:13 หรือบางอย่างอาจจะมีการเติมวิตามิน เติมเกลือแร่อะไรเข้าไป
00:01:13 → 00:01:16 กินแล้วรู้สึกดี กินแล้วรู้สึกว่าสุขภาพดี
00:01:16 → 00:01:18 เสริมภูมิคุ้มกัน
00:01:18 → 00:01:20 เดี๋ยววันนี้เรามาดูกันว่า มีเครื่องดื่มอะไรบ้าง
00:01:20 → 00:01:24 ที่มันอาจจะเกิดอันตรายกับร่างกายเรา
00:01:24 → 00:01:27 สำหรับเครื่องดื่มที่เราพูดกัน หรือที่เราเกริ่นนำไปนี่
00:01:27 → 00:01:32 ก็จะมีตั้งแต่น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง
00:01:32 → 00:01:37 ชานมไข่มุก หรือว่าเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่เราเห็นขายกันอยู่ในท้องตลาด
00:01:37 → 00:01:40 น้ำผลไม้แบบที่บรรจุกล่อง บรรจุขวด
00:01:40 → 00:01:45 แล้วก็จะเป็นพวกของน้ำดื่มผสมวิตามิน หรือว่าเครื่องดื่มที่มีวิตามินทั้งหลาย
00:01:45 → 00:01:49 แล้วก็สุดท้ายค่ะ ก็จะเป็นเรื่องของตัวแอลกอฮอล์
00:01:49 → 00:01:52 เรามาเริ่มกันทีละอันแล้วกันนะคะ อันแรกเลยค่ะ
00:01:52 → 00:01:55 เครื่องดื่มชนิดแรกที่เราจะคุยกัน ก็คือน้ำอัดลม
00:01:55 → 00:01:59 น้ำอัดลมโดยเฉพาะพวกน้ำดำอย่างนี้ค่ะ มันก็จะมีกรดอยู่เนอะ
00:01:59 → 00:02:01 กรดที่อยู่ในน้ำดำเราก็จะเรียกว่า กรดฟอสฟอริก
00:02:01 → 00:02:04 หรือนอกจากนี้ มันก็จะมีการอัดแก๊สนะคะ
00:02:04 → 00:02:07 ทำให้เกิดพวกของกรดคาร์บอนิกเกิดขึ้นนะคะ
00:02:07 → 00:02:08 พวกนี้ถามว่ามีอะไร
00:02:08 → 00:02:11 จะมีการอัดแก๊สเข้าไปนะคะ เพื่อจะเพิ่มความซ่า
00:02:12 → 00:02:16 จะมีการเติมน้ำตาลนะคะ ปรุงแต่งในเรื่องของกลิ่น รส แล้วก็สี
00:02:16 → 00:02:20 ตามแต่ละรสชาติ แต่ละบริษัท แต่ละแบรนด์นะคะ
00:02:20 → 00:02:24 แต่ในภาพรวมนี่ ต้องบอกว่า มันมีน้ำตาลค่อนข้างเยอะ
00:02:24 → 00:02:26 สมมุติถามว่าที่เราได้ยินมา
00:02:26 → 00:02:29 เราจะบอกว่าวันหนึ่ง ไม่ให้กินน้ําตาลเกิน 6 ช้อนชา ถูกไหมคะ
00:02:29 → 00:02:31 6 ช้อนชาหรือว่า น้ำตาลก้อนประมาณ 6 ก้อน
00:02:32 → 00:02:34 นี่คือที่เรามีโควตาจะกินทั้งวัน
00:02:34 → 00:02:37 ทั้งวันหมายถึงผสมในอาหารด้วย แล้วก็ทุกสิ่งอย่าง
00:02:37 → 00:02:40 แต่ถ้าเราดื่มเครื่องดื่ม ที่เป็นน้ำอัดลมเข้าไปโดยเฉลี่ย
00:02:40 → 00:02:43 1 กระป๋องจะมีน้ำตาลก้อนอยู่ประมาณ 10 ก้อน
00:02:43 → 00:02:45 หรือว่าน้ำตาลประมาณ 10 ช้อนชา
00:02:45 → 00:02:48 ซึ่งมากกว่าที่เราแนะนำให้กินทั้งวันอีกค่ะ
00:02:48 → 00:02:52 เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ น้ำตาลในเลือดมันก็อาจจะสูงขึ้นได้
00:02:52 → 00:02:53 ไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้นได้
00:02:54 → 00:02:57 แคลอรีมากเกินไป แล้วก็อาจจะทำให้อ้วนได้
00:02:57 → 00:03:00 นอกจากนี้ค่ะ ในนั้นมันก็จะมีกรดใช่ไหมคะ
00:03:00 → 00:03:04 พวกนี้เวลาที่น้ำตาลเข้าไปปุ๊บ โดนแบคทีเรียในร่างกาย
00:03:04 → 00:03:07 ทำปฏิกิริยากับแบคทีเรีย มีการย่อยน้ำตาล
00:03:07 → 00:03:08 ก็จะเกิดกรด
00:03:08 → 00:03:11 นอกจากนี้ยังมีกรดคาร์บอนิก กรดฟอสฟอริก อะไรก็แล้วแต่
00:03:11 → 00:03:16 กรดพวกนี้ก็จะทำให้มีการกัดกร่อน บริเวณของอีนาเมลของเคลือบฟัน
00:03:16 → 00:03:19 น้ำตาลที่เยอะขึ้น แบคทีเรียในปากเราเจริญเติบโต
00:03:19 → 00:03:24 เพราะฉะนั้น มีโอกาสที่จะเกิดเรื่องของฟันผุ ฟันกร่อนได้นะคะ
00:03:24 → 00:03:27 นอกจากนี้ค่ะ ฟอสฟอรัสที่สูงขึ้น
00:03:27 → 00:03:31 ก็อาจจะทำให้มีการสลายในส่วนของกระดูก เพื่อจะเอาแคลเซียมออกมาเนอะ
00:03:31 → 00:03:34 ก็อาจจะทำให้เพิ่มความเสี่ยง เรื่องของกระดูกพรุนได้
00:03:34 → 00:03:37 อีกคำถามที่เจอบ่อย ๆ ก็คือถามว่า
00:03:37 → 00:03:40 ถ้าอย่างนั้นนี่ เรากินเป็นแบบ พวกที่มันไม่มีน้ำตาลได้ไหม
00:03:41 → 00:03:42 เรายังอยากกินน้ำอัดลม
00:03:42 → 00:03:45 เรายังอยากได้รับความหวาน เรายังอยากได้ซ่าอยู่
00:03:45 → 00:03:47 ถามว่าได้ไหม ตอบว่าได้ค่ะ
00:03:47 → 00:03:50 แต่ว่าได้ในที่นี้นี่ สิ่งที่ต่างไปก็คือ
00:03:50 → 00:03:52 ถ้าในเครื่องดื่มของเราไม่มีน้ำตาล
00:03:52 → 00:03:55 เวลาที่เรากินเข้าไป น้ำตาลในเลือดก็จะไม่สูงขึ้น
00:03:55 → 00:03:59 แต่เรายังได้รับความหวาน หมายความว่า รสชาติที่เราได้รับจากลิ้นยังเหมือนเดิม
00:03:59 → 00:04:01 ทีนี้พอน้ำตาลในเลือดไม่ขึ้นปั๊บ
00:04:01 → 00:04:03 ในสมองเราก็จะไม่มีน้ำตาลสูงขึ้น
00:04:03 → 00:04:08 มันก็จะไม่ไปกระตุ้นพวกของฮอร์โมน หรือสารสื่อประสาทที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุข
00:04:08 → 00:04:11 สิ่งที่เกิดขึ้น เราได้ความซ่า เราได้ความหวานติดลิ้น
00:04:11 → 00:04:14 แต่ว่ามันยังรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป
00:04:14 → 00:04:17 ใครที่กินพวกเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล ก็จะรู้สึกแบบนั้น
00:04:17 → 00:04:20 สิ่งที่ตามมาก็คือ ในอาหารมื้อถัด ๆ ไป
00:04:20 → 00:04:26 เขามีแนวโน้มที่จะกินอาหารที่มี พวกข้าวแป้งน้ำตาลสูงขึ้น
00:04:26 → 00:04:28 เพื่อจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
00:04:28 → 00:04:30 แล้วที่สำคัญคือเขาจะติดหวาน
00:04:30 → 00:04:37 ดังนั้น ในช่วงต้น ถ้าสมมุติว่าเราต้องการ จะใช้เป็นเครื่องดื่มในช่วงเปลี่ยนผ่าน
00:04:37 → 00:04:39 เช่น เราอยากจะลด เราอยากจะหยุดน้ำอัดลม
00:04:40 → 00:04:43 แต่เรายังคงติดความรู้สึก แล้วก็รสชาติแบบนี้อยู่
00:04:43 → 00:04:44 เราใช้ได้นะคะ
00:04:45 → 00:04:48 เครื่องดื่มชนิดที่สอง ก็จะเป็นพวกเครื่องดื่มชูกำลัง
00:04:48 → 00:04:51 เราก็จะเห็นเครื่องดื่มชูกำลังนี่ มีคนใช้กันเยอะแยะเลย
00:04:51 → 00:04:54 เอ๊ะ เราเคยไปเปิดดูไหมคะ ว่าในเครื่องดื่มชูกําลังคืออะไร
00:04:54 → 00:04:57 ถ้าเราไปเปิดในขวดเล็ก ๆ ที่เขาขายกันนี่นะคะ
00:04:57 → 00:05:00 มันก็จะมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก
00:05:00 → 00:05:03 อันที่ 2 จะมีวิตามินค่ะ โดยเฉพาะวิตามินบี
00:05:03 → 00:05:05 อันที่ 3 จะมีกาเฟอีนค่ะ
00:05:05 → 00:05:08 โดยทั่วไปขวดนึง จะมีกาเฟอีนประมาณ 50 มิลลิกรัม
00:05:08 → 00:05:12 และจะมีคำเตือนเล็ก ๆ เขียนเอาไว้ว่า ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด
00:05:12 → 00:05:15 แล้วก็มีการแต่งกลิ่น แต่งรสกันนิดหน่อย
00:05:15 → 00:05:19 ถ้าใครเคยชิมก็จะรู้สึกว่า เปิดฝาแล้วกลิ่นมันหอมนะ
00:05:19 → 00:05:21 กินแล้วมันเหมือนเป็นน้ำหวานอะไรแบบนี้
00:05:21 → 00:05:23 อันนี้เคยมีคำถามสำหรับตัวเองเลยว่า
00:05:23 → 00:05:26 เอ๊ะ ทำไมต้องเขียนว่า ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด
00:05:26 → 00:05:28 ในเมื่อถามว่า ถ้าเราจะพูดถึงกาเฟอีนเนอะ
00:05:28 → 00:05:32 ระดับกาเฟอีนที่บอกว่า 50 มิลลิกรัมนี่ น้อยกว่ากาแฟที่เรากินอีก
00:05:32 → 00:05:35 ไม่เห็นมีใครเคยเตือนเลยว่า ห้ามกินกาแฟเกินวันละ 2 แก้ว
00:05:35 → 00:05:38 แต่ว่าจะมาเตือนในเรื่องของ เครื่องดื่มชูกำลัง
00:05:38 → 00:05:43 ก็เลยลองไปเปิดดู มันมีข้อมูลค่ะ ด้วยความที่รสชาติมันหวาน ๆ
00:05:43 → 00:05:44 ขวดมันเล็ก ๆ
00:05:44 → 00:05:47 แล้วเขากังวลว่าในเด็ก เคยมีข้อมูลว่าเด็กดื่ม
00:05:47 → 00:05:51 แล้วเด็กนี่ คือเขารู้สึกว่า มันเป็นเครื่องดื่มที่หวาน ๆ
00:05:51 → 00:05:53 เป็นเหมือนน้ำหวานอะไรอย่างนี้
00:05:53 → 00:05:55 แล้วก็ดื่มเยอะ แล้วตัวเด็ก ตัวเล็กค่ะ
00:05:55 → 00:05:59 เพราะฉะนั้นมีโอกาสที่จะได้รับความเป็นพิษ จากตัวกาเฟอีน
00:05:59 → 00:06:01 มันก็เลยมีคำเตือนขึ้นมา
00:06:01 → 00:06:02 ทีนี้ถามว่าแล้วถ้าเป็นเราล่ะ
00:06:02 → 00:06:04 ถ้าเรากินเยอะ จะเกิดอะไรขึ้น
00:06:04 → 00:06:07 กาเฟอีนที่เข้าไปค่ะ จะกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว
00:06:07 → 00:06:09 ทีนี้เวลาที่เราได้รับกาเฟอีนเยอะ ๆ นี่
00:06:09 → 00:06:12 สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ หัวใจจะเต้นเร็วขึ้น
00:06:12 → 00:06:15 ชีพจรเต้นเร็วขึ้น แล้วก็จะมีเรื่องของ ความดันโลหิตที่สูงขึ้น
00:06:16 → 00:06:18 เพราะฉะนั้นถ้าใครที่มีปัญหา เรื่องหลอดเลือดหัวใจ
00:06:18 → 00:06:19 หรือมีความดันสูง
00:06:19 → 00:06:21 บางทีนี่เวลาที่เรากินพวกนี้เยอะ ๆ
00:06:21 → 00:06:23 ก็อาจจะทำให้ความดันเราสูงได้
00:06:23 → 00:06:26 อันที่ 2 เอฟเฟกต์โดยตรงของกาเฟอีนก็คือ จะทำให้นอนไม่หลับ
00:06:26 → 00:06:29 ถ้าใครที่มีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ หรือหลับยากอยู่แล้ว
00:06:29 → 00:06:30 อันนี้ก็จะเป็นเรื่องใหญ่
00:06:30 → 00:06:33 แต่อันนี้คือปัจจัยหลักเลยที่คนเอามาใช้
00:06:33 → 00:06:38 ก็คือใช้เพื่อที่จะทำให้เขานี่ สามารถตื่นตัว ขับรถได้ หรือทำงานต่อได้
00:06:38 → 00:06:42 ที่สำคัญค่ะ ขวดเล็กนิดเดียว แต่ว่าปริมาณน้ำตาลมีไม่น้อยเลย
00:06:42 → 00:06:45 เพราะฉะนั้น ในกรณีของ พวกเครื่องดื่มพวกนี้นี่
00:06:45 → 00:06:46 ก็จะมีน้ำตาลสูง
00:06:46 → 00:06:50 ถ้าเรากินมาก ก็อาจจะทำให้น้ำตาล ในเลือดเราสูงขึ้นได้เหมือนกันค่ะ
00:06:50 → 00:06:55 [เสียงดนตรี]
00:06:55 → 00:06:59 อันที่ 3 เครื่องดื่มยอดฮิต ของสาว ๆ ออฟฟิศเลย
00:06:59 → 00:07:00 ก็คือ ชานมไข่มุก
00:07:00 → 00:07:05 ชานมไข่มุกจริง ๆ แล้วนี่ มันมีพลังงานที่สูงกว่า 2 อันแรกที่เราพูดไป
00:07:05 → 00:07:07 เราจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มเนอะ
00:07:07 → 00:07:09 อันแรกก็คือ ส่วนที่เป็นเครื่องดื่ม ก็คือชานม
00:07:09 → 00:07:11 กับอันที่สองก็คือส่วนที่เป็นไข่มุก
00:07:11 → 00:07:14 ในแง่ของชานม ชื่อบอกว่าเป็นชานม
00:07:14 → 00:07:17 แต่ในความเป็นจริง เราไม่ได้ใส่นม หรือเราใส่นมน้อยมาก
00:07:17 → 00:07:19 ยี่ห้อทั่ว ๆ ไปที่ขายอยู่นี่
00:07:19 → 00:07:21 เขาจะใส่ส่วนของชาลงไป
00:07:21 → 00:07:22 มันจะเป็นชาดำเนอะ
00:07:22 → 00:07:25 เสร็จแล้วนี่ ก็จะใส่ส่วนที่เขาเรียกว่านม
00:07:25 → 00:07:28 แต่ในที่นี้ก็คือเหมือนนมข้นจืด หรือว่าพวกครีมเทียมปรุงรส
00:07:28 → 00:07:32 เพราะฉะนั้นพวกนี้ จริง ๆ หลัก ๆ ก็คือน้ำมันดี ๆ นี่เอง
00:07:32 → 00:07:35 แล้วก็มีน้ำตาล หรือบางคนอาจจะใส่เป็นนมข้นเนอะ
00:07:35 → 00:07:37 เพราะฉะนั้นตรงนี้ แคลอรีเต็ม ๆ
00:07:37 → 00:07:39 ถ้าสมมุติเขาใส่ชาเข้มแค่ไหน
00:07:39 → 00:07:44 ความหวานของน้ำตาลหรือว่าความมัน ที่จะใส่เข้าไป มันก็จะเยอะขึ้น
00:07:44 → 00:07:45 อันที่ 2 คือส่วนของไข่มุก
00:07:45 → 00:07:47 เวลาทำไข่มุกคือเอาแป้งไปกวนเนอะ
00:07:48 → 00:07:49 เอามาปั้น แล้วก็ต้มขึ้นไป
00:07:50 → 00:07:52 พอสุกเสร็จปุ๊บนี่ เราก็จะเอาไปใส่ลงไปในคาราเมล
00:07:53 → 00:07:55 เพื่อให้มันดูดสีของคาราเมลเข้ามา
00:07:55 → 00:07:57 แล้วก็จะเป็นสีที่สวย ๆ
00:07:57 → 00:07:59 ทีนี้เวลาเราทำคาราเมลนี่ อยากจะบอกอันนึง
00:07:59 → 00:08:01 น้ำตาลที่เราใช้ทำคาราเมลค่ะ
00:08:01 → 00:08:05 ถ้าสมมุติว่าเราเคี่ยวคาราเมล แล้วสีมันยังอ่อน ๆ นี่
00:08:05 → 00:08:07 ความหวานมันจะยังอยู่
00:08:07 → 00:08:10 แต่ถ้าเราเคี่ยวจนกระทั่งสีมัน กลายไปเป็นสีน้ำตาลไหม้
00:08:10 → 00:08:14 มันจะมีกลิ่นที่หอม ในขณะเดียวกันความหวานมันจะหายไป
00:08:14 → 00:08:16 ความหวานหายไป คำถามคือแคลอรีหายไหม
00:08:16 → 00:08:17 บอก ไม่ได้หายนะคะ
00:08:17 → 00:08:21 แค่เปลี่ยนในแง่ของรสชาติเท่านั้นเอง
00:08:21 → 00:08:22 คือน้ำตาลมันไหม้
00:08:22 → 00:08:26 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ แคลอรียังคงมีอยู่ แต่ว่าความหวานหายไป
00:08:26 → 00:08:29 คนกินจะรู้สึกไม่หวาน ก็จะ เออ...โอเค กินได้
00:08:29 → 00:08:32 เพราะฉะนั้นนี่ จากเดิมที่เรากินชานมใช่ไหมคะ
00:08:32 → 00:08:33 แคลอรีก็เยอะอยู่แล้ว
00:08:33 → 00:08:37 เราเติมไข่มุกเข้าไปอีก ก็คือใส่แป้งเข้าไป ใส่น้ำตาลเข้าไป
00:08:37 → 00:08:40 แล้วเวลากินก็กินเยอะด้วย ไปเพิ่มโน่นนี่นั่น
00:08:40 → 00:08:44 เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็จะทำให้ เรื่องของพลังงานนี่เยอะมาก
00:08:44 → 00:08:46 ดังนั้น ง่าย ๆ เลยค่ะ ถามว่า
00:08:46 → 00:08:49 กินชานมไข่มุกมาก ๆ นี่ จะเกิดอะไรขึ้น
00:08:49 → 00:08:52 มันก็จะไปเพิ่มความเสี่ยง ทำให้เกิดเรื่องของอ้วนนะคะ
00:08:52 → 00:08:55 เรื่องของหลอดเลือดหัวใจ เรื่องของเบาหวาน
00:08:55 → 00:08:59 นอกจากนี้ก็จะทำให้ไตรกลีเซอไรด์ แล้วก็คอเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้นได้ด้วยค่ะ
00:08:59 → 00:09:01 ถามว่า แล้วถ้ายังอยากกินล่ะ
00:09:01 → 00:09:05 ยังเป็นคนที่ติดชานมไข่มุก แล้วจะกินยังไงดี
00:09:05 → 00:09:07 อันแรกเราก็จะลดความหวานก่อน
00:09:07 → 00:09:09 เดี๋ยวนี้เกือบทุกร้านแล้วนะคะ
00:09:09 → 00:09:12 เขาจะสามารถให้เราสั่งความหวานได้ เอากี่เปอร์เซ็นต์
00:09:12 → 00:09:13 เราจะค่อย ๆ ลดค่ะ
00:09:13 → 00:09:15 อันแรกก่อนนะ เราทำให้เป็นแก้วเล็กก่อน
00:09:16 → 00:09:18 อย่าเพิ่งเสียดายของ ทำเป็นแก้วเล็กก่อน
00:09:18 → 00:09:20 พอสั่งแก้วเล็กเสร็จแล้วนี่ เราลดน้ำตาล
00:09:20 → 00:09:23 เทคนิคแรก ลดแค่ประมาณ 25-50%
00:09:23 → 00:09:26 ถ้าใครคิดว่าไหว ลด 50% เลย
00:09:26 → 00:09:28 อันถัดมาก็คือ แทนที่เราจะสั่งเป็นไข่มุก
00:09:28 → 00:09:31 แต่เรายังอยากได้อะไร ที่มันมีความกรุบ ๆ หนึบ ๆ อยู่
00:09:32 → 00:09:33 ให้เราสั่งเป็นบุกแทนค่ะ
00:09:33 → 00:09:36 สั่งเป็นบุกแทน หรือบางคนใช้เป็นเฉาก๊วย
00:09:36 → 00:09:39 อันนี้ก็จะแคลอรีลดลงได้ ในการที่จะเติมลงไป
00:09:39 → 00:09:40 ด้วยเทคนิคนี้นะคะ
00:09:40 → 00:09:44 ก็จะสามารถทำให้เราสามารถกิน ชานมไข่มุกได้ในแคลอรีที่ต่ำลง
00:09:44 → 00:09:46 ก็จะสามารถทำให้เราอ้วนน้อยลงได้
00:09:46 → 00:09:50 แล้วอีกอันหนึ่งก็คือ เราอาจจะไป ออกกำลังกายเพิ่มขึ้นในวันที่เรากิน
00:09:50 → 00:09:55 หรือเราไปควบคุม หรือจำกัดอาหารชนิดอื่นในวันนั้น
00:09:55 → 00:09:57 ลดพวกข้าวแป้ง แล้วก็น้ำมัน ให้ลดลงไปอีก
00:09:57 → 00:10:01 จะได้ทำให้มันไปบาลานซ์กับชานมไข่มุก ที่เรากินเพิ่มขึ้นค่ะ
00:10:01 → 00:10:06 [เสียงดนตรี]
00:10:06 → 00:10:08 อันถัดมาก็คือน้ำผลไม้
00:10:08 → 00:10:12 เราพูดมาตลอดเลยว่า เราอยากจะให้คนกินผักผลไม้เพิ่มขึ้น
00:10:12 → 00:10:16 มันมีวิตามิน มีแร่ธาตุ มีไฟเบอร์ มีอะไรทุกสิ่งอย่างที่ดี
00:10:16 → 00:10:18 จะช่วยในเรื่องของสุขภาพ
00:10:19 → 00:10:22 ทีนี้หลายคนก็จะแบบ เลือกที่จะมากินเป็นน้ำผลไม้แทน
00:10:22 → 00:10:26 ไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้คั้นสด น้ำผลไม้กล่อง หรือน้ำผลไม้ขวด
00:10:26 → 00:10:28 ถามว่ามันโอเคไหม ประเด็นมีนิดเดียวค่ะ
00:10:29 → 00:10:31 เวลาที่เราคั้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้หรือน้ำผักก็ตาม
00:10:31 → 00:10:34 ส่วนใหญ่เราจะต้องทิ้งกากเป็นส่วนหนึ่ง
00:10:34 → 00:10:37 พอเราทิ้งกากใยไปส่วนหนึ่ง ที่เราทิ้งไปคืออะไรคะ คือไฟเบอร์
00:10:37 → 00:10:39 หรือที่เราเรียกว่าเป็นพรีไบโอติกส์
00:10:39 → 00:10:40 จะเป็นอาหารให้ลำไส้เรา
00:10:40 → 00:10:43 สิ่งที่เรากินคืออะไร เรากินน้ำตาลทั้งหมด
00:10:43 → 00:10:45 เรากินวิตามิน แล้วก็มีแร่ธาตุ
00:10:45 → 00:10:48 ถามว่าถ้าเราคั้น แล้วเรากินเลย อันนี้โอเคค่ะ
00:10:48 → 00:10:49 เราได้ทุกอย่าง
00:10:49 → 00:10:52 แต่ถ้าเราวางทิ้งเอาไว้ โดยเฉพาะกลุ่มของวิตามินซี
00:10:53 → 00:10:58 วิตามินซีเป็นวิตามินที่ถูกสลายง่ายมาก เมื่อเจอความร้อน เมื่อเจอแสงแดด
00:10:58 → 00:11:00 สังเกตง่าย ๆ เลย
00:11:00 → 00:11:03 เวลาที่เราซื้อวิตามินซีนี่ ขวดหรือบรรจุภัณฑ์นี่
00:11:03 → 00:11:05 มันจะเป็นสีชาหรือว่าเป็นสีที่ทึบ ๆ
00:11:05 → 00:11:07 เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้โดนแสง
00:11:07 → 00:11:09 ขวดปิดสนิท หรืออาจจะมีพลาสติก 2 ชั้น
00:11:09 → 00:11:12 หรือเทคนิคอะไรก็ได้ ที่ทำให้อากาศมันเข้าไปได้น้อย
00:11:12 → 00:11:14 ทีนี้เวลาที่เราไปซื้อ
00:11:14 → 00:11:18 ของทั้งหมดนี้ มันคั้นแล้วมันวางทิ้งเอาไว้ นานแค่ไหนแล้ว เราก็ไม่รู้
00:11:18 → 00:11:21 อันที่ 2 มันถูกเติมน้ำตาล ลงไปอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้
00:11:21 → 00:11:23 เพราะว่าส้มในแต่ละช่วงเวลาของปีนี่
00:11:23 → 00:11:25 รสชาติก็จะไม่เหมือนกัน
00:11:25 → 00:11:28 อาจจะมีการปรุง โดยการเติมน้ำตาล เติมเกลือ
00:11:28 → 00:11:30 เติมมะนาว แล้วแต่
00:11:30 → 00:11:32 อันสุดท้ายค่ะ เมื่อวันก่อนนี่
00:11:32 → 00:11:35 เพิ่งจะลองคั้นส้มที่บ้านนะคะ เกือบกิโลเลยค่ะ
00:11:35 → 00:11:37 เอามาคั้นดูให้มันเป็นน้ำส้ม
00:11:37 → 00:11:39 ได้น้ำส้มแค่ประมาณแก้วเดียวเองค่ะ
00:11:39 → 00:11:42 แบบแก้วใหญ่ ๆ แก้วมัก ได้แค่แก้วเดียวเอง
00:11:43 → 00:11:46 เพราะฉะนั้นนี่ ถามว่าเวลาเรากินน้ำส้มแก้วนึง
00:11:46 → 00:11:49 มันก็เหมือนเรากินน้ำเนอะ เราจะไม่รู้สึกอิ่มเลย
00:11:49 → 00:11:51 ในขณะที่ถ้าเรากินส้มกิโลนึง
00:11:52 → 00:11:53 กว่าจะกินหมด
00:11:53 → 00:11:55 มันจะรู้สึกอิ่มแล้ว
00:11:55 → 00:11:58 อันนี้นึกภาพออกใช่ไหมคะ แคลอรีที่เราได้เข้าไปนี่
00:11:58 → 00:12:01 มันจะเป็นแคลอรีที่เยอะเกินความจําเป็น
00:12:01 → 00:12:04 ในขณะเดียวกันส่วนที่มันเป็นไฟเบอร์ เรากำลังกำจัดมันทิ้ง
00:12:04 → 00:12:06 เพราะฉะนั้น โดยส่วนตัวจะบอกว่า
00:12:06 → 00:12:09 การกินน้ำผลไม้ที่เป็นกล่อง
00:12:09 → 00:12:11 น้ำผลไม้คั้นเป็นขวดหรืออะไรก็ตาม
00:12:11 → 00:12:13 สิ่งที่เราจะได้ เราจะได้น้ำตาล
00:12:13 → 00:12:15 เราจะได้วิตามินบ้าง
00:12:15 → 00:12:16 หายไปแล้วบางส่วน
00:12:16 → 00:12:18 แล้วก็ได้แร่ธาตุบ้าง
00:12:18 → 00:12:21 แต่ว่าสิ่งที่เป็นไฟเบอร์จะไม่ได้เลย
00:12:21 → 00:12:24 และที่สำคัญ เราจะได้แคลอรี ที่มากเกินความจำเป็น
00:12:24 → 00:12:27 เมื่อไหร่ก็ตามที่เรากิน โดยที่ไม่ผ่านการเคี้ยว
00:12:27 → 00:12:30 อาหารผ่านลงไปอย่างรวดเร็ว ความอิ่มจะยังไม่ถูกกระตุ้นเลยค่ะ
00:12:31 → 00:12:32 น้ำตาลในเลือดขึ้นเรียบร้อยแล้ว
00:12:32 → 00:12:36 ดังนั้น กินน้ำผลไม้กล่อง น้ำผลไม้ที่คั้นสดเป็นขวดก็ตาม
00:12:36 → 00:12:38 ก็จะทำให้แคลอรีเพิ่มขึ้น
00:12:38 → 00:12:41 เสี่ยงกับเรื่องของอ้วน เบาหวาน
00:12:41 → 00:12:42 น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
00:12:42 → 00:12:45 แล้วก็จะมีเรื่องของ โรคหัวใจและหลอดเลือดได้เช่นกันค่ะ
00:12:45 → 00:12:51 เครื่องดื่มตัวที่ 5 ก็จะเป็นพวกของ น้ำดื่มผสมวิตามินหรือเครื่องดื่มวิตามิน
00:12:51 → 00:12:55 ซึ่งตอนนี้เทรนด์กำลังมามากเลย ในคนที่สนใจสุขภาพ
00:12:55 → 00:12:56 ก็อยากจะได้รับวิตามิน
00:12:56 → 00:13:00 ก็เลย…อุ๊ย แทนที่เราจะกินน้ำ เรากินน้ำดื่มผสมวิตามินดีกว่า
00:13:00 → 00:13:02 มันก็จะได้ทำให้เราได้รับวิตามินด้วย
00:13:03 → 00:13:04 ส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่นะคะ
00:13:05 → 00:13:07 น้ำดื่มที่ผสมวิตามินปัจจุบันนี้
00:13:07 → 00:13:09 ถามว่าเขาผสมวิตามินอะไรลงไป
00:13:09 → 00:13:11 มักจะเป็นวิตามินบีกับวิตามินซี
00:13:11 → 00:13:14 บีกับซีเป็นวิตามินที่ละลายน้ำ
00:13:14 → 00:13:16 แล้วเขาก็เลยเอามาผสมในน้ำไงคะ
00:13:16 → 00:13:19 ทีนี้ข้อเสียของวิตามินที่ละลายน้ำก็คือ
00:13:19 → 00:13:21 สลายตัวง่าย สลายตัวเร็ว
00:13:21 → 00:13:25 มันถูกสลายตัวในกรณีที่เจอแสง แล้วก็เจอความร้อน
00:13:25 → 00:13:28 เพราะฉะนั้นตอนเขาทำค่ะ เขาผสมลงไปจริง
00:13:28 → 00:13:31 แต่คำถามคือกว่าจะมาถึงเรา
00:13:31 → 00:13:33 ในแง่ของการเก็บนะคะ
00:13:33 → 00:13:35 การสต๊อกเอาไว้
00:13:35 → 00:13:38 ระยะเวลากว่าที่อยู่ในที่ต่าง ๆ การขนส่งทั้งหมด
00:13:38 → 00:13:41 จนกระทั่งมาถึงผู้บริโภค แล้วเปิดขวด แล้วกิน
00:13:41 → 00:13:45 คำถามคือ ณ ตอนนั้น เราจะเหลือวิตามินบีและวิตามินซีเท่าไหร่
00:13:45 → 00:13:46 อาจจะไม่เยอะแล้วนะคะ
00:13:46 → 00:13:48 เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณคาดหวังว่าจะได้
00:13:49 → 00:13:52 กับสิ่งที่คุณดื่มเข้าไป อาจจะไม่เหมือนกัน
00:13:52 → 00:13:55 อันที่ 2 ปริมาณวิตามินที่ผสมลงไปนี่
00:13:55 → 00:13:56 มันไม่ได้เยอะมากหรอกค่ะ
00:13:56 → 00:13:59 เพราะว่ามันจะถูกบังคับด้วยเรื่องของกฎหมาย
00:13:59 → 00:14:01 แล้วราคาที่มันเพิ่มขึ้น
00:14:02 → 00:14:04 ลองนึกภาพว่าถ้าเราซื้อน้ำดื่มปกติเท่าไหร่
00:14:04 → 00:14:07 เราซื้อน้ำดื่มที่ผสมวิตามินเท่าไหร่
00:14:07 → 00:14:09 ราคาที่เพิ่มขึ้นอันนั้น
00:14:09 → 00:14:13 คิดว่ามันคุ้มค่าไหมกับวิตามินที่เขาเติมลงไป
00:14:13 → 00:14:14 ถามว่าสมมุติเราซื้อน้ำดื่มธรรมดา
00:14:15 → 00:14:17 แล้วเราไปกินวิตามินบีรวม หรือวิตามินซีกับวิตามินซี
00:14:18 → 00:14:19 ซึ่งเม็ดนึงไม่กี่สตางค์
00:14:19 → 00:14:21 แล้วมาบวกราคาเสร็จ
00:14:21 → 00:14:25 ถามว่าราคาเครื่องดื่ม หรือน้ำดื่มที่ผสมวิตามิน
00:14:25 → 00:14:26 มันแพงกว่าอันนี้กี่เท่า
00:14:27 → 00:14:29 จะกินแบบไหน อันนี้เลือกเอา
00:14:29 → 00:14:33 แต่ถามว่าถ้าไม่ได้เดือดร้อน ราคานี้รับได้ กินแล้วสบายใจ
00:14:33 → 00:14:34 อันนี้กินไปเลย
00:14:34 → 00:14:37 ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกว่ามันมีความจำเป็น
00:14:37 → 00:14:40 รวมถึงบางอย่างตอนนี้ที่จะพยายามเสริม เช่น
00:14:40 → 00:14:42 เขียนว่ามันเป็นวิตามิน
00:14:42 → 00:14:45 เขียนบอกไปเลยว่า ใส่วิตามินเข้าไปในเครื่องดื่ม
00:14:46 → 00:14:50 อันนี้จะต่างกับพวกที่เป็นเครื่องดื่ม ที่เป็นน้ำดื่มผสมวิตามิน
00:14:50 → 00:14:53 น้ำดื่มผสมวิตามินมันจะไม่ค่อยมีแคลอรี เพราะมันคือน้ำดื่มปกติ
00:14:53 → 00:14:55 แล้วเติมวิตามินลงไป
00:14:55 → 00:14:57 แต่ถ้าเป็นเครื่องดื่มที่มีวิตามิน
00:14:58 → 00:14:59 พวกนี้จะมีการปรับแต่งรส
00:15:00 → 00:15:04 แล้วก็เติมวิตามินที่เพิ่มกว่าความต้องการ ที่เรากำหนดไว้
00:15:04 → 00:15:06 แต่จะไม่เกินสองเท่า
00:15:06 → 00:15:08 ยกตัวอย่างเช่น วิตามินซี
00:15:08 → 00:15:11 ถ้าเป็นเครื่องดื่มวิตามินซี ที่ขายกันอยู่ในท้องตลาด
00:15:11 → 00:15:14 ส่วนใหญ่จะใส่ประมาณ 2 เท่า ของความต้องการในแต่ละวัน
00:15:14 → 00:15:17 เราก็นั่งคิดว่า ถ้าเขาใส่ไป 2 เท่าแล้ว
00:15:17 → 00:15:20 โอเค มันอาจจะหายไประหว่างทาง มาถึงเรา น่าจะพอเนอะ
00:15:20 → 00:15:22 มันก็มีงานวิจัยที่เขาเอามาสุ่มตรวจค่ะ
00:15:22 → 00:15:24 ในบางยี่ห้อนี่แทบไม่เหลือแล้ว
00:15:24 → 00:15:29 เพราะฉะนั้น ตอนนี้มันขึ้นกับเทคนิค วิธีการ แล้วก็วิตามินซีที่เขาเอามาใช้
00:15:29 → 00:15:34 แล้วเทคนิคที่เขาใช้ว่า มันจะสามารถคงตัววิตามินได้ดีแค่ไหน
00:15:34 → 00:15:36 อันสุดท้ายที่ให้ระวังค่ะ
00:15:36 → 00:15:39 ก็คือว่าเครื่องดื่มพวกนี้ ก็จะต้องเติมรสชาติเนอะ
00:15:40 → 00:15:41 ส่วนใหญ่จะมีน้ำตาล มีเกลืออยู่
00:15:41 → 00:15:44 ถ้าเรากินเข้าไป แล้วเรากินหลายขวด
00:15:44 → 00:15:48 สิ่งที่จะเกิดขึ้น ก็คือเราจะได้น้ำตาล และได้เกลือเยอะขึ้น
00:15:48 → 00:15:50 มันก็อาจจะเพิ่มโอกาสที่เราจะอ้วนขึ้น
00:15:50 → 00:15:53 แล้วก็เสี่ยงกับเรื่องของเบาหวาน ความดัน
00:15:53 → 00:15:56 เรื่องของหลอดเลือดหัวใจ เหมือนที่เป็นจากทุก ๆ อย่าง
00:15:56 → 00:15:58 ที่เรากินน้ำตาลเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
00:15:58 → 00:16:00 เพราะฉะนั้นเวลาที่เราจะจ่ายเงินไปแล้วนี่
00:16:00 → 00:16:02 เราควรจะมีความฉลาดในการซื้อของว่า
00:16:02 → 00:16:05 มันคุ้มค่ากับเงินที่เราจะเสียไปหรือเปล่าค่ะ
00:16:05 → 00:16:08 อันสุดท้ายนะคะ ก็จะเป็นแอลกอฮอล์
00:16:08 → 00:16:09 ถามว่าดีหรือไม่ดี
00:16:09 → 00:16:12 หลายคนก็จะบอกว่า ดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ
00:16:12 → 00:16:16 คำว่า “เพื่อสุขภาพ” แลดู เอ๊ะ กินแอลกอฮอล์มันมีข้อดีด้วยหรือ
00:16:16 → 00:16:18 ข้อดีข้อที่ 1 ของแอลกอฮอล์ค่ะ
00:16:18 → 00:16:21 ในกรณีของไวน์ อาจจะเป็นไวน์แดงก็ได้ค่ะ
00:16:21 → 00:16:23 เพราะว่าในเปลือกองุ่นนี่
00:16:23 → 00:16:26 มันจะมีสารสกัดตัวหนึ่งชื่อ Resveratrol
00:16:26 → 00:16:28 ซึ่งตัวนี้จะเป็นแอนติออกซิแดนท์
00:16:28 → 00:16:33 มีคุณสมบัติบางอย่างที่เราบอกว่า มันอาจจะช่วยชะลอความแก่ได้ด้วย
00:16:33 → 00:16:35 โอ้โฮ หลายคนก็แบบแฮปปี้มากเลยอะไรอย่างนี้
00:16:35 → 00:16:39 อันที่ 2 ค่ะ ในกรณีของตัวไวน์นะคะ
00:16:39 → 00:16:43 หรือว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สามารถจะเพิ่มไขมันตัวดีในเลือดได้
00:16:43 → 00:16:46 ประเด็นคือเรากินนิดเดียว มันก็เพิ่มนะคะ
00:16:46 → 00:16:48 การกินปริมาณแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น
00:16:48 → 00:16:51 ไม่ได้ทำให้ไขมันตัวดีเพิ่มขึ้นไปอีก
00:16:51 → 00:16:55 แต่ว่าการกินแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น อาจจะทำให้ตับเราพังได้
00:16:56 → 00:16:57 แล้วได้แคลอรีเพิ่มขึ้น
00:16:58 → 00:16:59 ในกรณีของแอลกอฮอล์ค่ะ
00:16:59 → 00:17:01 เราอาจจะคุ้นเคยตอนเราเรียนมาว่า
00:17:01 → 00:17:06 คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย
00:17:06 → 00:17:09 จริง ๆ แอลกอฮอล์เป็นตัวหนึ่ง ที่ให้พลังงานนะคะ
00:17:09 → 00:17:13 1 กรัมของแอลกอฮอล์ ให้พลังงานอยู่ประมาณสัก 7-8 แคลอรี
00:17:13 → 00:17:17 เพราะฉะนั้น มันเกือบ ๆ จะเท่ากับไขมัน
00:17:17 → 00:17:21 1 กรัมให้พลังงานมากกว่า คาร์โบไฮเดรตหรือโปรตีนเสียอีก
00:17:21 → 00:17:23 แต่ไม่ใช่แค่แอลกอฮอล์ค่ะ
00:17:23 → 00:17:25 การกินเบียร์หรือไวน์
00:17:25 → 00:17:26 เวลาที่เขาสกัดมานี่
00:17:27 → 00:17:30 มันจะมี…อย่างเช่นถ้าเป็นไวน์ ก็จะมีองุ่นใช่ไหมคะ
00:17:30 → 00:17:31 ก็จะมีน้ำตาลจากองุ่นอีก
00:17:31 → 00:17:35 ถ้าเป็นเบียร์ เป็นมอลต์ เป็นข้าว เป็นบาร์เลย์ เป็นอะไรก็แล้วแต่
00:17:35 → 00:17:38 เราก็จะมีพลังงานจากพวกแป้ง หรือธัญพืชพวกนั้นอีก
00:17:38 → 00:17:42 เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้วนี่ มันจะมีน้ำตาลอยู่ในเบียร์หรือในไวน์
00:17:42 → 00:17:46 แต่ถ้าเป็นเหล้า อันนี้ไม่มีน้ำตาล อันนี้แอลกอฮอล์เพียว
00:17:46 → 00:17:47 นึกภาพออกใช่ไหมคะ
00:17:47 → 00:17:50 สิ่งที่เกิดขึ้น HDL เพิ่มขึ้นนิดนึง
00:17:50 → 00:17:55 แต่ว่าตับจะพังมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าคุณกินเบียร์เยอะขึ้นเรื่อย ๆ
00:17:55 → 00:17:58 เพราะฉะนั้นถามว่าจะกินยังไง อันนี้เลือกกัน
00:17:58 → 00:18:02 ถามว่าในกรณีของคนที่ไม่เคยกินเลย ไม่ได้แนะนำให้ดื่มแอลกอฮอล์
00:18:02 → 00:18:06 แต่ถ้าคนที่กินอยู่แล้ว ให้ลดปริมาณลงมาในระดับที่เหมาะสม
00:18:06 → 00:18:08 เหมาะสมในที่นี้เราจะพูดถึงคำว่า Drink
00:18:09 → 00:18:11 คำว่า Drink ในที่นี้ ผู้ชายไม่ควรจะเกิน 2 Drink
00:18:11 → 00:18:13 ผู้หญิงไม่ควรจะเกิน 1 Drink
00:18:13 → 00:18:17 ถ้ามีโรคตับไปเรียบร้อยแล้ว ไม่แนะนำให้ดื่มแอลกอฮอล์นะคะ
00:18:17 → 00:18:22 ทีนี้ถามว่าถ้าเรารู้อยู่แล้วว่า แอลกอฮอล์ อาจจะไม่ได้ดีกับสุขภาพขนาดนั้น
00:18:22 → 00:18:23 แล้วเราอยากจะลด
00:18:23 → 00:18:25 คือมันไม่ใช่แค่เรื่องของสุขภาพอย่างเดียว
00:18:25 → 00:18:27 แต่ว่าบางครั้งบางทีเวลาเราเมาแล้วเสร็จ
00:18:28 → 00:18:30 เราดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แล้วเราไปขับรถ
00:18:30 → 00:18:32 มันก็อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยง กับคนอื่นได้ด้วย
00:18:32 → 00:18:34 แล้วไม่ใช่แค่เพียงเรื่องของโรคตับ
00:18:34 → 00:18:38 โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด หรือว่าเรื่องของเบาหวาน น้ำตาล ความอ้วน
00:18:38 → 00:18:40 แต่ว่าการดื่มเหล้านี่
00:18:40 → 00:18:42 ก็เพิ่มความเสี่ยงกับเรื่องของมะเร็ง หลาย ๆ อย่าง
00:18:42 → 00:18:45 นอกเหนือจากมะเร็งตับ ที่เรารู้กันเป็นปกติอยู่แล้ว
00:18:46 → 00:18:47 เพราะฉะนั้นยังไม่เคยดื่ม ไม่ให้ดื่ม
00:18:48 → 00:18:49 ถ้าดื่มอยู่แล้ว ลดลงก่อน
00:18:49 → 00:18:54 [เสียงดนตรี]
00:18:54 → 00:18:58 เมื่อเราพูดถึง 6 เครื่องดื่ม ที่เราไม่ชอบใจไปแล้ว
00:18:58 → 00:19:01 อาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หรือเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ
00:19:01 → 00:19:02 แล้วถามว่าเราจะกินอะไรล่ะ
00:19:02 → 00:19:05 ก็เสนอ 5 เครื่องดื่มที่ดีกับสุขภาพ
00:19:05 → 00:19:08 อันแรกเลยนำมาเบอร์หนึ่งในทุก ๆ งานวิจัย
00:19:08 → 00:19:09 ก็คือน้ำเปล่าค่ะ
00:19:10 → 00:19:12 น้ำเปล่าดีที่สุด กินได้ ราคาไม่แพง
00:19:12 → 00:19:14 แล้วก็มีประโยชน์กับร่างกาย
00:19:14 → 00:19:16 วันหนึ่งควรจะกินประมาณ 6-8 แก้ว
00:19:16 → 00:19:17 อันนี้ใช้น้ำเปล่านะคะ
00:19:17 → 00:19:23 น้ำเปล่ายังสามารถที่จะช่วยลดเรื่องของ ความอยากกินเรื่องของเครื่องดื่มต่าง ๆ ด้วย
00:19:23 → 00:19:26 เวลาที่เราจะเริ่ม ที่จะเลิกเครื่องดื่มทั้งหลาย
00:19:26 → 00:19:27 เราใช้วิธีลดลงก่อนก็ได้
00:19:27 → 00:19:31 เวลาที่เราลดลงปุ๊บ เราก็จะเพิ่มเครื่องดื่ม ที่เป็นน้ำเปล่าเข้าไปเพิ่มขึ้น
00:19:31 → 00:19:35 ลดโดยการที่จะไปลดปริมาณไซส์ หรือว่าขนาดให้แก้วเล็กลง
00:19:35 → 00:19:37 ลดความหวานที่เติมลงไป
00:19:37 → 00:19:39 แล้วก็ลดระยะห่าง
00:19:39 → 00:19:42 เช่น จากเดิมกินทุกวัน ให้มันห่างขึ้น
00:19:42 → 00:19:44 กินทุก 2 วัน กินทุก 3 วันอะไรอย่างนี้
00:19:44 → 00:19:47 ในระหว่างที่เราลดนั้นน่ะ เราก็เติมน้ำเปล่าลงไป
00:19:47 → 00:19:49 ดื่มน้ำเปล่าไปเรื่อย ๆ ช่วยทำให้เราอิ่มนะคะ
00:19:49 → 00:19:52 แล้วก็ช่วยทำให้ ระบบการไหลเวียนในร่างกายดีขึ้น
00:19:52 → 00:19:54 ไม่เสี่ยงกับโรคต่าง ๆ ด้วยค่ะ
00:19:54 → 00:19:57 อันที่ 2 ก็จะเป็นกลุ่มของชาเขียว
00:19:57 → 00:19:59 หลายคนอาจจะรู้สึกว่า
00:19:59 → 00:20:02 อาจจะไม่ใช่ชาเขียวก็ได้ค่ะ เป็นชาก็ได้
00:20:02 → 00:20:06 หลายคน ตัวเองก็เคยเป็น ชอบดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
00:20:06 → 00:20:07 ไม่ค่อยจะชอบดื่มน้ำเปล่าเลย
00:20:08 → 00:20:12 ตอนนั้นที่เปลี่ยนได้นี่ก็คือ ใช้วิธีการกินน้ำเปล่าไหม
00:20:12 → 00:20:13 ไม่ค่ะ
00:20:13 → 00:20:15 คนที่ไม่กินน้ำเปล่าก็จะไม่กินน้ำเปล่า
00:20:15 → 00:20:17 ตอนนั้นที่กินคือใช้เป็นชาค่ะ
00:20:17 → 00:20:22 แต่ว่าใช้เป็นชาดำที่มีกลิ่นเป็นผลไม้ แล้วอาจจะบีบมะนาวลงไปนิดนึง
00:20:22 → 00:20:24 เพิ่มกลิ่น เพิ่มรสชาติ
00:20:24 → 00:20:26 อาจจะเป็นชาร้อน หรือว่าจะเป็นชาเย็นก็ได้
00:20:26 → 00:20:27 ตอนนั้นใช้อย่างนี้ค่ะ
00:20:27 → 00:20:28 กินไปสักพักหนึ่ง
00:20:28 → 00:20:30 พอมันเริ่มมีความขมติดลิ้นขึ้นนี่
00:20:31 → 00:20:32 เราก็จะไม่ค่อยอยากกินของหวาน
00:20:32 → 00:20:35 แล้วหลังจากนั้นเราก็ค่อยเพิ่มน้ำเปล่า เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
00:20:35 → 00:20:36 อันนี้ก็จะเป็นวิธีหนึ่ง
00:20:36 → 00:20:40 นอกจากนี้ค่ะในชา ไม่ว่าจะเป็นชาเขียวหรือชาดำก็ตาม
00:20:40 → 00:20:43 จะมีสารสกัดพวกที่ชื่อว่าคาเทชิน
00:20:43 → 00:20:45 แล้วก็มีส่วนที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
00:20:46 → 00:20:48 ซึ่งอันนี้จะช่วยลดเรื่องของ คอเลสเตอรอลได้ด้วย
00:20:48 → 00:20:52 แล้วก็จะช่วยเรื่องของเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แล้วก็ดีกับสุขภาพได้ด้วยค่ะ
00:20:52 → 00:20:55 อันที่ 3 ก็จะเป็นพวกของกาแฟ
00:20:55 → 00:20:57 กาแฟโอเคไหม กาแฟได้ค่ะ
00:20:57 → 00:21:02 กาแฟมีกาเฟอีน ลืมบอกไป จริง ๆ ชาเมื่อสักครู่ก็มีกาเฟอีนเหมือนกัน
00:21:02 → 00:21:03 ก็จะช่วยให้เราตื่นตัว
00:21:03 → 00:21:04 ถ้าใครมีปัญหานอนไม่หลับ
00:21:04 → 00:21:07 ก็ไม่ควรจะกินพวกของชาหรือกาแฟ
00:21:07 → 00:21:10 ทีนี้ชากาแฟมีอีกอันหนึ่งก็คือ มันอาจจะไปกระตุ้นเรื่องของการสร้างกรด
00:21:11 → 00:21:13 หลาย ๆ คนที่มีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อน
00:21:13 → 00:21:17 เช็กนิดนึง ถ้าสมมุติว่ากินเข้าไป แล้วอาการมันกำเริบเป็นมากขึ้น
00:21:18 → 00:21:20 ที่สำคัญเวลาที่เราจะให้กินชากาแฟ
00:21:20 → 00:21:24 มันจะต้องไม่ผสมน้ำตาล ไม่ผสมสารตัวอื่นที่มันมีแคลอรีเยอะขึ้น
00:21:24 → 00:21:27 ในกรณีของกาแฟเองนี่ เราแนะนำกาแฟดำเนอะ
00:21:27 → 00:21:31 ในกาแฟเองก็มีสารที่จะเรียกว่า เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่
00:21:31 → 00:21:34 เพราะฉะนั้นมันก็จะช่วย ในเรื่องของสุขภาพได้ส่วนหนึ่งค่ะ
00:21:34 → 00:21:38 อันถัดมา ถ้าสมมุติว่าเราบอกว่า เรากินชา กินกาแฟไม่ได้
00:21:38 → 00:21:41 เพราะว่าเราอาจจะท้องอืด เราอาจจะมีอาการกรดไหลย้อน
00:21:41 → 00:21:42 ถามว่าถ้าอย่างนั้นใช้อะไรดี
00:21:42 → 00:21:46 เราอาจจะลองเปลี่ยนมาเป็น พวกของน้ำขิงก็ได้นะคะ น้ำขิงอุ่น ๆ
00:21:46 → 00:21:48 แต่ว่าในกรณีของน้ำขิงอุ่น ๆ นี่
00:21:48 → 00:21:50 เราจะซื้อก็ได้หรือว่าเราจะทำเองก็ได้
00:21:50 → 00:21:54 เอาขิงแก่มาทุบมาบุบ แล้วก็ต้มในน้ำ แล้วก็กินได้
00:21:54 → 00:21:57 น้ำขิงช่วยอะไร ช่วยเรื่องของท้องอืด ขับลม
00:21:57 → 00:22:01 ในคนที่มีปัญหาเรื่องของท้องอืด มีแก๊สในท้องเยอะ ๆ นะคะ
00:22:01 → 00:22:03 อันนี้ก็จะช่วยได้นะคะ
00:22:03 → 00:22:06 อุ่นท้อง สบายท้อง กินแล้วช่วยขับลมได้ค่ะ
00:22:06 → 00:22:08 นอกจากนี้ ในกลุ่มของน้ำขิง
00:22:08 → 00:22:11 ก็อาจจะไปกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน เพิ่มขึ้นได้อีกนิดนึง
00:22:11 → 00:22:14 ซึ่งมันก็คงช่วยทางอ้อมเนอะ อาจจะไม่ได้ช่วยทำให้ผอมลง
00:22:14 → 00:22:18 แต่ว่าอย่างน้อยที่สุด ก็ทำให้การเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นได้นิดนึง
00:22:18 → 00:22:20 อันสุดท้ายค่ะ ก็จะเป็นกลุ่มนม
00:22:20 → 00:22:23 ทีนี้ในกรณีของนมนี่ ถามว่าดีอย่างไร
00:22:23 → 00:22:27 อันที่หนึ่ง มีโปรตีนสูง มีแคลเซียม มีฟอสฟอรัส
00:22:27 → 00:22:30 แล้วก็สามารถจะช่วยทำให้อิ่มท้องได้นะคะ
00:22:30 → 00:22:33 ถ้าเกิดจะลดแคลอรีลง ก็ให้เลือกนมที่เป็นนมไขมันต่ำ
00:22:33 → 00:22:36 ถ้าไม่ใช่นม อาจจะเป็นกลุ่มของโยเกิร์ตก็ได้
00:22:36 → 00:22:38 อีกอันหนึ่ง ถ้าสมมุติว่าคน ๆ นั้นแพ้นม
00:22:38 → 00:22:43 แพ้นม ให้สังเกตนิดนึง เวลาคนพูดว่าแพ้นมนี่ ดูว่าเขาแพ้อะไร
00:22:43 → 00:22:45 ถ้าแพ้โปรตีนในนมวัว
00:22:45 → 00:22:50 อันนี้เขาจะกินนมไม่ได้ กินโยเกิร์ตไม่ได้ กินพวกชีสไม่ได้
00:22:50 → 00:22:53 แต่ถ้าสมมุติว่าเขาแพ้น้ำตาลในนม
00:22:53 → 00:22:56 ก็คือไม่มีเอนไซม์ช่วยย่อยน้ำตาล
00:22:56 → 00:22:59 กินนมทีไรแล้วท้องอืด กินนมทีไรแล้วท้องเสีย
00:22:59 → 00:23:03 อันนี้เขายังสามารถจะกินนม ที่เราเรียกว่าเป็นแลคโตสฟรีได้
00:23:03 → 00:23:06 เขายังสามารถที่จะกินโยเกิร์ตได้นะคะ
00:23:06 → 00:23:09 ถ้าไม่แน่ใจ เลี่ยงไปกินกรีกโยเกิร์ต อันนี้ก็จะช่วยได้
00:23:09 → 00:23:12 อันที่ 3 เขากินเป็นลักษณะของนมถั่วเหลือง
00:23:12 → 00:23:15 คือนมที่ไม่ได้มาจากนมวัว ซึ่งจะไม่มีน้ำตาลแลคโตส
00:23:15 → 00:23:19 นมถั่วเหลืองได้ นมอัลมอนด์ได้ นมข้าวโพดได้ หรือนมข้าวได้
00:23:19 → 00:23:22 อันนี้ก็จะเป็นทางเลือก สำหรับคนที่อยากจะได้เครื่องดื่ม
00:23:22 → 00:23:26 ที่อาจจะดีกับสุขภาพ และไม่ทำให้เสี่ยงในการเกิดโรคค่ะ
00:23:26 → 00:23:30 โดยสรุปนะคะ สำหรับเครื่องดื่ม ที่จะเสี่ยงกับโรคทั้งหลาย
00:23:30 → 00:23:34 ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเครื่องดื่ม ที่มีน้ำตาลในปริมาณมาก
00:23:34 → 00:23:36 หรือว่าจะเป็นกลุ่มของแอลกอฮอล์
00:23:36 → 00:23:40 ทีนี้ถ้าสมมติว่าจะเลี่ยงมา เราก็จะแนะนำว่า
00:23:40 → 00:23:44 เครื่องดื่มที่ดีกับสุขภาพ ก็จะเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล
00:23:44 → 00:23:47 อันแรกที่เราแนะนำเลย ก็ควรจะเป็นน้ำเปล่านะคะ
00:23:47 → 00:23:50 รองลงมาก็จะเป็นพวกของชา น้ำขิง
00:23:50 → 00:23:52 หรืออาจจะเป็นกาแฟหรือว่าจะเป็นพวกนม
00:23:52 → 00:23:56 อันนี้ก็จะช่วยได้ในกรณีที่ เราอยากจะได้เครื่องดื่ม
00:23:56 → 00:23:59 แต่เราก็ไม่อยากจะทำให้สุขภาพเราแย่ลง
00:23:59 → 00:24:01 ที่สำคัญดูนิดนึงค่ะ ปริมาณน้ำตาลจะต้องไม่เยอะ
00:24:01 → 00:24:05 ถ้าเราเลือกดื่มนม คงไม่ใช่นมช็อกโกแลตหรือนมกาแฟ
00:24:05 → 00:24:08 นมโกโก้ที่มันจะมีน้ำตาลเยอะขึ้นนะคะ
00:24:08 → 00:24:11 เพราะไม่งั้นมันก็จะกลับไปสู่อันเดิมเลยก็คือ น้ำตาลมากเกินไป
00:24:11 → 00:24:13 วิธีการมอง อ่านฉลากโภชนาการค่ะ
00:24:13 → 00:24:16 วันหนึ่งเราไม่ควรจะกินน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชา
00:24:16 → 00:24:19 หรือว่าไม่ควรจะเกิน 24 กรัมค่ะ
00:24:19 → 00:24:24 พบกับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้
00:24:24 → 00:24:26 ทุกวันจันทร์เวลา 18:00 น.
00:24:26 → 00:24:28 ที่ Mahidol Channel Podcast
00:24:28 → 00:24:30 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel
00:24:31 → 00:24:32 YouTube Mahidol Channel
00:24:32 → 00:24:33 Apple Podcasts
00:24:34 → 00:24:35 Spotify
00:24:35 → 00:24:36 Anchor
00:24:36 → 00:24:36 Joox
00:24:39 → 00:24:44 ดำเนินรายการโดยหมอเอ๋ ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
00:24:44 → 00:24:47 [เสียงดนตรี]