00:00:00 → 00:00:02 ตอนนี้เทรนด์เรื่องเส้นหรือว่าคนกิน
00:00:02 → 00:00:05 ราเม็งนะครับเขาสนใจเรื่องเส้นกันแค่ไหน
00:00:05 → 00:00:08 พวกท็อปเทียเขาต้องการเน้นวัตถุดิบสุด
00:00:08 → 00:00:10 ท้ายผมว่าแนวคิดมันก็มาใกล้ๆกันก็คือแบบ
00:00:10 → 00:00:13 เราจะทำยังไงให้มันชู้เส้นชู้แป้งเขาก็จะ
00:00:13 → 00:00:16 หาวิธีแบบถ้าแป้งเนี่ยมันถูกต้มในระดับ
00:00:16 → 00:00:18 ที่พอเหมาะเวลาเราเคี้ยวกลิ่นมันจะออก
00:00:18 → 00:00:21 ง่ายขึ้นรถจะออกง่ายขึ้นพยายามโชว์วัตถุ
00:00:21 → 00:00:22 ดิบกันมาก
00:00:22 → 00:00:26 [เพลง]
00:00:26 → 00:00:29 ขึ้นสวัสดีครับผมหมีจิรณรงค์ครับและนี่
00:00:29 → 00:00:32 คืออะไรพสที่คุยเรื่องเทรนด์การกินกับคน
00:00:32 → 00:00:35 ในวงการอาหาร EP รกสุดของรายการเรามาคุย
00:00:35 → 00:00:38 กันเรื่องราเม็งเมื่อเร็วๆนี้มีทีมคนไทย
00:00:38 → 00:00:41 ที่ไปแข่งราเม็งที่ญี่ปุ่นมานั่นก็คือคุณ
00:00:41 → 00:00:44 โจเจ้าของร้านชินโดราเมงแล้วก็คุณดิวนะฮะ
00:00:44 → 00:00:46 คนที่ทำเส้นให้คุณโจไปแข่งรายการแข่งขัน
00:00:46 → 00:00:48 ราเมงครั้งนี้ค่อนข้างบอกได้ว่าที่
00:00:48 → 00:00:50 ญี่ปุ่นเขากำลังเริ่มสนใจเรื่องเส้นราเมง
00:00:50 → 00:00:53 กันเป็นหลักนะครับถึงขนาดเอามาเป็นโจทย์
00:00:53 → 00:00:56 ในการแข่งขันผมเลยมาที่ชินโดราเม็งเพื่อ
00:00:56 → 00:00:59 คุยว่าเทรนด์ของราเม็งญี่ปุ่นตอนเเขไปถึง
00:00:59 → 00:01:02 ไหนกันแล้ว
00:01:02 → 00:01:06 [เพลง]
00:01:06 → 00:01:10 eat Direction คุยกับคนในวงการอาหารว่า
00:01:10 → 00:01:15 เราควรกินอะไรถึงจะ
00:01:15 → 00:01:19 ดีตอนนี้เทรนด์เรื่องเส้นหรือว่าคนกิน
00:01:19 → 00:01:23 ราเม็งนะครับเสนใจเรื่องเส้นกันแค่ไหนคือ
00:01:23 → 00:01:26 อ่ะจากข้อมูลที่ได้จากการถามไปแล้วก็ชิม
00:01:26 → 00:01:29 กันเองด้วยเนี่ยผมก็แบ่งเป็นหลายๆส่วนก็
00:01:29 → 00:01:32 คือเหมือนกับที่ไทยก็คือกลุ่มที่เาไม่ได้
00:01:32 → 00:01:36 อินเรื่องอาหารก็คือเขากินแบบทั่วไปเนี่ย
00:01:36 → 00:01:39 เขาก็จะไม่ได้ต้องการแบบอะไรเลิศหรูขนาด
00:01:39 → 00:01:41 นั้นเขาก็ไม่ได้มานั่งดมกลิ่นอะไรอย่าง
00:01:41 → 00:01:44 งี้คือเราก็ในตอนแรกภาพเราแบบญี่ปุ่นส่วน
00:01:44 → 00:01:46 ใหญ่อาจจะทำหรือเปล่าแต่ว่าในความเป็น
00:01:46 → 00:01:48 จริงก็คือมันก็มันต้องเป็นคนที่สนใจ
00:01:48 → 00:01:51 เรื่องอาหารน่ะถึงจะเริ่มแบบมาสนใจเรื่อง
00:01:51 → 00:01:54 กลิ่นของเส้นกลิ่นของแป้งกลิ่นของซุปหรือ
00:01:54 → 00:01:56 อะไรต่างๆซึ่ง
00:01:56 → 00:01:59 เอ่อถ้าถามว่าเทรนเป็นยังไงบ้างสมัยก่อน
00:02:00 → 00:02:03 อาจจะเป็นลักษณะเหมือนเส้นแบบ Texture ดี
00:02:03 → 00:02:06 ๆ Texture สำคัญคือแบบกินเข้าไปเนื่องจาก
00:02:06 → 00:02:08 Texture เป็นสิ่งที่เราสัมผัสง่ายที่สุด
00:02:08 → 00:02:11 ฟันเรากัดง่ายที่สุดแล้วก็จะกินช้ากิน
00:02:11 → 00:02:14 เร็วมันก็แบบบางทีถ้าเราทำให้มันแข็งพอ
00:02:14 → 00:02:16 มันจะไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากซุปเท่าไหร่
00:02:16 → 00:02:19 อืออย่างสมัยเนี้ยพวกเทียท็อปๆหรือว่าพวก
00:02:19 → 00:02:23 แนวหน้าหรือพวกอ่าราเมงในโตเกียวอ่ะที่
00:02:23 → 00:02:26 เขาจะทำกันเขก็จะชอบเน้นแบบเส้นที่เริ่ม
00:02:26 → 00:02:30 แบบมีความนิ่มขึ้นมาหน่อยอจากเดิมที่เน้น
00:02:30 → 00:02:33 แข็งหรือแบบสไตล์ฮาตะที่เป็นสไตล์หลัก
00:02:33 → 00:02:36 เช่นแบบโอฉันขอต้มแบบแข็งๆหน่อยนะคนก็จะ
00:02:36 → 00:02:39 ชอบแบบนั้นคนส่วนใหญ่ก็จะชอบแบบแข็งๆเข้า
00:02:39 → 00:02:43 ใจง่ายรถแบบธงดสึแน่นๆเนี่ยดีแต่ว่าหลังๆ
00:02:44 → 00:02:46 คือเขาต้องการเน้นพวกพวกท็อปเทียเขา
00:02:46 → 00:02:49 ต้องการเน้นวัตถุดิบสุดท้ายผมว่าแนวคิด
00:02:49 → 00:02:51 มันก็มาใกล้ๆกันก็คือแบบเราจะทำยังไงให้
00:02:51 → 00:02:54 เหมันชูเส้นชูแป้งเขาก็หาวิธีแบบถ้าแป้ง
00:02:54 → 00:02:57 เนี่ยมันถูกต้มในระดับที่พอเหมาะเวลาเรา
00:02:57 → 00:03:00 เคี้ยวกลิ่นมันจะออกง่ายขึ้นรถจะอง่าย
00:03:00 → 00:03:02 ขึ้นแทนที่จะแบบโอ้ยเน้นแข็งอย่างเดียวก็
00:03:02 → 00:03:05 จะเริ่มแบบดูแล้วว่าแบบเราจะเราจะเติมน้ำ
00:03:05 → 00:03:08 ให้มันแน่นแบบนุ่มแน่นแล้วยังเหนียวได้
00:03:08 → 00:03:11 แค่ไหนคือพยายามโชว์วัตถุดิบกันมากขึ้น
00:03:11 → 00:03:13 เทรน์หลักๆแน่ๆคือทุกคนพยายามโชว์วัตถุ
00:03:13 → 00:03:16 ดิบมากขึ้นซุปก็ต้องแบบโอ้เราต้องพิิ
00:03:17 → 00:03:19 พิถันในการเลือกของแต่ละอย่างร้านแนวหน้า
00:03:19 → 00:03:22 จะเขียนป้ายไว้เลยว่าแบบไอ้ไก่อันนี้แป้ง
00:03:22 → 00:03:25 อันนี้ซุปอันนี้จคือทุกอย่างมาจากไหนคือ
00:03:25 → 00:03:27 พยายามจะเขียนให้หมดพยายามจะเล่าให้เค้า
00:03:27 → 00:03:29 ฟังว่าเออเราเรารงละเอียดขนาดนี้นะซึ่งลง
00:03:30 → 00:03:31 รายละเอียดขนาดนี้เขาคก็จะพยายามใช้ของ
00:03:31 → 00:03:35 ที่แบบเป็นกลิ่นของวัจดิบนั้นๆอือฉะนั้น
00:03:35 → 00:03:38 ราเม็งถ้าถ้าถามว่าฝั่งนึงก็จะไปในโซน
00:03:38 → 00:03:42 นั้นอส่วนฝั่งที่มันเป็นเอ่อฝั่งคนทั่วไป
00:03:42 → 00:03:45 อก็ผมว่าเทรน์ก็ยังเป็นคล้ายๆเดิมนะแต่
00:03:45 → 00:03:48 ว่าในญี่ปุ่นเจะมีพูดว่าแบบวงการรามเอง
00:03:48 → 00:03:50 เป็นวงการที่ค่อนข้างเรียกได้ว่าอิ่มตัว
00:03:50 → 00:03:54 คือแบบมันไม่ค่อยมีอะไรใหม่ๆเพราะว่าคุณ
00:03:54 → 00:03:56 สมมุติว่าผมจะทำอะไรก็ตามแต่มันก็คงมีคน
00:03:56 → 00:04:00 ทำแล้วล่ะอแล้วไม่ใช่แค่ว่าเคยทำก็คงมีคน
00:04:00 → 00:04:02 ทำหลายคนเยอะด้วยซึ่งพอเขาบอกว่ามันค่อน
00:04:03 → 00:04:07 ข้างจำเจแล้วก็พยายามหาอะไรใหม่ๆหาราเม็ง
00:04:07 → 00:04:09 ที่มันเป็นรูปแบบใหม่เพื่อเป็นแรงบันดาล
00:04:09 → 00:04:14 ใจออก็ก็ก็น่าจะอธิบายภาพลักษณ์ของกมงคือ
00:04:15 → 00:04:16 เหมือนแบเราก็เห็นว่าการแข่งเนี่ยมันมี
00:04:17 → 00:04:20 จุดประสงค์หลักคือกับแบบให้ให้คนรู้
00:04:20 → 00:04:22 สังเกตเรื่องเส้นมากขึ้นดีกว่าอ่าก็ส่วน
00:04:22 → 00:04:27 นึงนะใช่เงี้อื
00:04:27 → 00:04:31 โอเคต้องหาคุณโดคุณโจกับคุณดิวว่าการแข่ง
00:04:31 → 00:04:33 ขันรายการเมันคือรายการอะไรแล้วก็มัน
00:04:33 → 00:04:36 สำคัญขนาดไหนครับถามครับคุณโจก่อนแล้วกัน
00:04:36 → 00:04:39 เอ่อเท้าความก่อนคือมันคือการแข่งขันนะ
00:04:39 → 00:04:41 ครับคือจริงๆแล้วมันถูกแข่งขันจัดครั้ง
00:04:41 → 00:04:45 แรกคือปี 1999 ก็คือเป็นการจัดแข่งขันราม
00:04:45 → 00:04:48 เรนเพื่อเหมือนทดสอบฝีมือกันกับผู้ข้อง
00:04:48 → 00:04:51 แข่งขันทั่วประเทศนะครับถามว่าทำไมเขาถึง
00:04:51 → 00:04:54 รื้อโปรเจคนี้ขึ้นมาซึ่งในสมัยนั้นคุซาโน
00:04:54 → 00:04:58 รุอ่ะซึ่งเป็นเ่อเนี่ยครับรูกคุซาโนคือคน
00:04:58 → 00:05:01 ทำนเองใช่มั้ยอ่าใช่ครับก็คือเป็นเจ้าของ
00:05:01 → 00:05:05 ร้านชินโซบะแล้วก็มีอิทธิพลกับอ่า
00:05:05 → 00:05:08 Generation หลังๆที่เรื่องเกี่ยวกับไม่
00:05:08 → 00:05:10 ว่าจะเรื่องของแป้งสาลีรวมถึงเ่อเทคนิค
00:05:10 → 00:05:14 ของการทำราเมนต่างๆเอ่อถ่ายทอดมาถึงในยุค
00:05:14 → 00:05:17 ปัจจุบันทำให้อ่าคนรุ่นใหม่ๆเนี่ยศรัทธา
00:05:17 → 00:05:20 หรือเคารพรักในสิ่งที่คุณซาโน่ทำมีเรื่อง
00:05:20 → 00:05:24 ของอ่าการที่จะพลิกฟื้นธุรกิจของเ่ออ่า
00:05:24 → 00:05:27 เค้าเรียกอะไรอ่ะสถาเ่อเค้าเรียกทำให้วง
00:05:27 → 00:05:31 การราเมนกลับมาพัฒนาหรือว่ากลับมาเป็นที่
00:05:31 → 00:05:34 รู้พูดถึงรู้จักกันมากขึ้นก็คือหลายๆเค้า
00:05:34 → 00:05:37 เรียกอะไหลายๆองค์ประกอบที่ส่งเสริมให้
00:05:37 → 00:05:39 เกิดโปรเจคนี้ขึ้นมารวมถึงอีกเรื่องนึง
00:05:39 → 00:05:42 ที่สำคัญมากก็คืออยากจะให้คนเห็นค่าความ
00:05:42 → 00:05:46 สำคัญของแป้งสาีญี่ปุ่นอืก็เลยเป็นหัวข้อ
00:05:46 → 00:05:48 ในการแข่งขันของการแข่งขันครั้งนี้ด้วย
00:05:48 → 00:05:51 แล้วก็เอ่อพอทั้งหมดทั้งมวลเนี่ยที่พูดมา
00:05:51 → 00:05:53 ทั้งหมดเนี่ยมันเลยทำให้
00:05:53 → 00:05:57 เอ่อหัวข้อหรือว่าเมนเมนของการแข่งขัน
00:05:57 → 00:05:59 ครั้งเนี้ยมันดูยิ่งใหญ่พอที่จะเอ่อเ
00:05:59 → 00:06:03 เรียกหรือรวมตัวคนที่สนใจเข้ามาสู่ร่วม
00:06:03 → 00:06:05 สู่กระบวนการการแข่งขันเนี่ยได้มากขึ้น
00:06:05 → 00:06:07 แล้วแล้วโจทย์ของรายการนี้มันคืออะไรครับ
00:06:07 → 00:06:10 หลักหลักก็คือมิโซราเมนก่อนก็คือตั้งหัว
00:06:10 → 00:06:12 ข้อว่ามิโราเมนแล้วก็ให้หัวข้อเมื่อกี้
00:06:12 → 00:06:15 ที่พูดย้อนกลับไปว่าเขาให้ความสำคัญ
00:06:15 → 00:06:17 เรื่องเอ่อแป้งสาลีด้วยครับแล้วก็รวมถึง
00:06:17 → 00:06:21 นำสินค้าที่เ่อมีคุณภาพของเกษตรกรมาถ่าย
00:06:21 → 00:06:24 ทอดให้กับผู้บริโภคทั่วไปในญี่ปุ่นแต่ว่า
00:06:24 → 00:06:28 ให้ทำมิโราเมงเพื่อเข้าประกวดให้คิดเมนู
00:06:28 → 00:06:31 โดยโดยีมคือแป้งแป้งสาลีใช่เหมือนญี่ปุ่น
00:06:31 → 00:06:33 เริ่มสนใจเรื่องเส้นเรื่องแป้งเรื่องเส้น
00:06:33 → 00:06:35 กันมากขึ้นรึเปล่าใช่ครับเหมือนเขาพยายาม
00:06:35 → 00:06:37 ให้ความสำคัญกับสิ่งนี้สื่อสารให้กับคน
00:06:37 → 00:06:40 ทั่วไปเข้าใจว่าเออแป้งสาลีที่เราใช้อยู่
00:06:40 → 00:06:43 ทุกวันเนี้ยไอ้แผ่นสายพันธุ์ที่ได้รับการ
00:06:43 → 00:06:46 ยอมรับอย่างยากะยฟยมันคืออะไรอะไเงี้ยอ
00:06:47 → 00:06:49 ทุกวันนี้เอาคนที่กินราเมงเริ่มต้นแบบผม
00:06:49 → 00:06:52 เลยนะคือคือเส้นนี้ผมแบบไม่รู้เลยว่ามัน
00:06:52 → 00:06:55 จะต้องสังเกตอะไรใช่เป็นส่วนที่เ่อจริงๆ
00:06:55 → 00:06:57 พูดตรงๆถ้าในฐานะของคนทานอาหารน่ะน่าจะ
00:06:57 → 00:07:00 เป็นส่วนที่เอ่อโฟกัสน้อยที่สุดด้วซ้ถ้า
00:07:00 → 00:07:02 เป็นในลักษณะของต่างชาติที่ทานอาหารคน
00:07:02 → 00:07:05 ญี่ปุ่นเองด้วยมั้ยครับเอ่อด้วยเหมือนกัน
00:07:05 → 00:07:07 ด้วยเหมือนกันก็คือเส้นละเมก็คือเส้นละเม
00:07:07 → 00:07:09 เนาะใช่ครับรู้ว่ามีเป็นแป้งนั่นแหละแต่
00:07:09 → 00:07:13 ว่าตอนเเหมือนเออตอนนี้ตอนนี้เหมือนกับเา
00:07:13 → 00:07:15 ตั้งใจว่าจะจัดการแข่งขันเนี่ยเพื่อให้
00:07:15 → 00:07:18 รู้สึกว่าเฮ้ยแป้งมันมีตัวตนนะใช่ครับนอก
00:07:18 → 00:07:20 จากนั้นก็ยังมีเรื่องของความรู้หรือว่า
00:07:20 → 00:07:23 เป็นคลิปของการเผยแพร่ในเชิงของการศึกษา
00:07:23 → 00:07:26 คือก็มีพูดถึงว่าแบบอมันมาจากไหนจังหวัด
00:07:27 → 00:07:29 ไหนปลูกได้เยอะอะไรอย่างเงี้ยคือจะเป็น
00:07:29 → 00:07:32 คลิิปยาวพอสมควรนะครับคือดูก็จะได้ซึมซับ
00:07:32 → 00:07:35 ว่าอ่ามันคืออะไรแป้งสาีที่เรารู้จักอยู่
00:07:35 → 00:07:38 ทุกวันนี้ปลูกได้มากสุดที่ไหนแล้วก็ใน
00:07:38 → 00:07:40 เม็ดเมล็ดของแป้งสาลีเนี่ยมันประกอบไป
00:07:40 → 00:07:43 ด้วยอะไรบ้างเริ่มมีการให้ความรู้มากขึ้น
00:07:43 → 00:07:47 ถ้าถามคุณดิวครับว่าอเอ่อปกติเส้นราเม็ง
00:07:47 → 00:07:50 มันประกอบด้วยอะไรบ้างก็หลักๆจะมีแป้งขาด
00:07:50 → 00:07:55 ไม่ได้เลยสแป้งสาลีน้ำเกลือแล้วสิ่งที่ทำ
00:07:55 → 00:07:57 ให้ราเม็งเป็นราเม็งเ่ะจริงๆคือคันซุยคัน
00:07:57 → 00:08:00 ซุยคืออะไรคุณดิคันซุยคือน้ำน้ำด่างน้ำ
00:08:00 → 00:08:04 ด่างมันคือน้ำด่างก็คือน้ำที่สารที่ทำให้
00:08:04 → 00:08:07 เป็นด่างอ่ะอ่ามันจะทำให้เส้นมันรับตัว
00:08:07 → 00:08:09 ขึ้นอ๋อเกลือก็ช่วยให้เส้นรัดตัวขึ้นคือ
00:08:09 → 00:08:11 ญี่ปุ่นก็จะบอกว่าคันซีอ่ะมันคือตัวแยก
00:08:11 → 00:08:15 ระหว่างอูด้งกับราเม็งอือ๋อแต่มันก็ดันมี
00:08:15 → 00:08:18 ราเมงที่ไม่ใช้คันซุยเหมือนกันอืออือก็
00:08:18 → 00:08:21 เลยแบบอ่าหลักๆเลยอ่ะส่วนใหญ่มักจะมีคัน
00:08:21 → 00:08:23 ซุยเป็นองค์ประกอบแล้วปกติเราจะได้กลิ่น
00:08:23 → 00:08:26 แป้งจากเส้นราเม็งอยู่แล้วป่าครับได้ครับ
00:08:26 → 00:08:29 แต่ว่าก็ขึ้นอยู่กับอ่าความตั้งใจของคนทำ
00:08:29 → 00:08:31 เพราะว่างมันก็เป็นไปได้ว่ากลิ่นมันไม่
00:08:31 → 00:08:34 ได้มาจากแป้งอย่างเดียวทุกอย่างที่มันมี
00:08:34 → 00:08:37 กลิ่นที่ใส่ลงไปในแป้งมันก็มีผลหมดคือ
00:08:37 → 00:08:40 เช่นอ่าบางครั้งถ้าเรากินเส้นที่ใส่โฮวลง
00:08:40 → 00:08:43 ไปเราอาจจะได้กลิ่นแบบเหลือกกลิ่นแบบเอ่า
00:08:43 → 00:08:46 ฮวดอ่ะกลิ่นก็จะเป็นแบบเปลือกๆถั่วๆ
00:08:46 → 00:08:49 ธัญพืชหน่อยๆอแต่ว่าบางทีเราอาจจะได้
00:08:49 → 00:08:52 กลิ่นเป็นเ่อคันซุยก็คือกลิ่นแอมโมเนีย
00:08:52 → 00:08:55 อือซึ่งซึ่งก็แล้วแต่ว่ามันดีไซน์ว่าเส้น
00:08:55 → 00:09:01 สำหรับทำอะไรอ่ะ
00:09:01 → 00:09:02 ตอนนั้นตอนนั้นเริ่มทำเส้นเองเพราะว่า
00:09:02 → 00:09:06 อะไรครับก็เอ่อจริงๆศึกษามาก่อนหน้านั้น
00:09:06 → 00:09:10 ว่าถ้าจะต้องทำจะทำยังไงอะไรเงี้ยก็พอ
00:09:10 → 00:09:13 ความรู้บ้างนิดหน่อยติดตัวในสมัยแรกที่ทำ
00:09:13 → 00:09:16 อย่าเงี้ยครับก็พอจะทำขึ้นมาเองได้แต่ว่า
00:09:16 → 00:09:18 มันก็ไม่ใช่เส้นราเมนในอุดมคติที่เราทำ
00:09:18 → 00:09:20 อยู่ในปัจจุบันนี่เเหมือนว่าตอนแรกเรา
00:09:20 → 00:09:23 อยากทำราเมนให้ได้ทุกอย่างส่วนประกอบทุก
00:09:23 → 00:09:26 อย่างใช่ครับก็คืออยากทำจริงๆให้มันแบบ
00:09:26 → 00:09:29 สุดไปเลยว่าเราทำได้ถึงขนาดในขอบเขตไหนใน
00:09:29 → 00:09:32 ครู้ตอนนั้นอะไรเงี้ยแต่พอถึงจุดนึงก็คือ
00:09:32 → 00:09:34 พอลูกค้าเริ่มเยอะขึ้นรู้สึกว่าตัวเอง
00:09:34 → 00:09:38 เริ่มไม่ไหวก็เลยต้องไปหาเมอร์ญี่ปุ่น
00:09:38 → 00:09:40 ช่วยอะไรเงี้ยครับก็ก็มันเป็นเรียกว่า
00:09:40 → 00:09:42 เป็นคนที่รับทำเส้นรามนแต่ตามสั่งเราอยู่
00:09:42 → 00:09:45 ดีนะใช่มั้ยใช่ใช่ครับใช่ก็พัฒนา develop
00:09:46 → 00:09:49 ไปจนถึงจุดนึงก็ให้เขาทำให้แล้วก็หลังจาก
00:09:49 → 00:09:51 นั้นเสร็จปุ๊บก็อยู่ในอุตสาหกรรมของการทำ
00:09:51 → 00:09:54 ราเมนสักพักจนไม่ได้ไม่ได้คิดว่าวันนึงจะ
00:09:54 → 00:09:58 ต้องลงมาลุยตรงนี้หรอกอก็จับพัดจับผูก็
00:09:58 → 00:10:02 กลายเป็นลงถลำลงลึกลงไปเรื่อยๆลงลึกไปแต่
00:10:02 → 00:10:05 ว่าไอ้เส้นลเองสุดท้ายก็ยังอยู่ในใจอยู่
00:10:05 → 00:10:09 ดีนะว่าอยากจะทำให้มันใช่ให้เป็นเองริง
00:10:09 → 00:10:12 คิดว่าในทุกคนในเจตนาของทุกคนที่ทำธุรกิจ
00:10:12 → 00:10:15 จากความพยายามหรือความตั้งใจอ่ะคิดว่าน่า
00:10:15 → 00:10:17 จะมีเป้าหมายอยากจะทำมันให้ได้ดีที่สุดใน
00:10:17 → 00:10:20 ทุกๆองค์ประกอบที่เราเราถ่ายทอดอะไรเงี้ย
00:10:20 → 00:10:22 มันน่าจะเป็นตัวเรามากมากที่สุดอันนี้มัน
00:10:22 → 00:10:25 จะสะท้อนกับคำพูดนึงที่แว่วเข้ามาว่าถ้า
00:10:25 → 00:10:28 คุณถ้าคุณแพ้อ่ะแล้วแล้วถ้าผมเป็นคนทำให้
00:10:28 → 00:10:31 คุณน่าจะเสียใจก็คงคล้ายๆกันนะครับถ้า
00:10:31 → 00:10:34 สมมุติเราสามารถส่งอาหารให้ลูกค้า 1 ชาม
00:10:34 → 00:10:35 แล้วเราบอกว่าอันนี้เราไม่ได้ทำนะอันนี้
00:10:35 → 00:10:38 เราทำมันก็จะดูแบบไม่ได้พูมใเหมือนมัน
00:10:38 → 00:10:41 เป็นปมอยู่ในใจว่าอยากจะมีเส้นใช่เหมือน
00:10:41 → 00:10:42 มันพูดได้แต่มันพูดได้ไม่เต็มปากไม่เต็ม
00:10:42 → 00:10:45 ปากว่าทั้งหมดเราทำเองนะเงี้ยใช่สุดท้าย
00:10:45 → 00:10:48 แล้วเอ่อวันนึงคุณดิวก็มาเป็นคนทำเส้นให้
00:10:48 → 00:10:52 คุณโจงอันนี้มันมายังไงคุณดิวคือจริงๆ
00:10:52 → 00:10:55 ต้องเล่าว่ามันก็จับพัดจับูมาหลายๆอย่าง
00:10:55 → 00:10:58 นะเพราะว่าในใจผมอ่ะผมคิดว่าราเม็งมันก็
00:10:58 → 00:11:01 เป็นส่วนหนึ่งผมสนใจพวกแป้งพวกขนมปังพวก
00:11:01 → 00:11:03 อะไรอย่างงี้อยู่แล้วแล้วพอราเม็งเป็น
00:11:04 → 00:11:07 ส่วนหนึ่งที่อินออก็เลยคิดว่าเออก็อยากจะ
00:11:07 → 00:11:10 หาเรียนรู้เรื่องการทำเส้นเหมือนกันอือ
00:11:10 → 00:11:12 แล้วมันมีโปรเจคไซต์โปรเจคที่แบบเฮ้ยทำ
00:11:12 → 00:11:16 ร้านราเม็งกันมั้ยตั้งใจว่าจะทำร้านลมงมี
00:11:16 → 00:11:19 มีไซต์โปรเจคตอนนั้นคือแบบก็คุยๆกันแหละ
00:11:19 → 00:11:22 ครับแล้วผมก็คิดว่าเอออย่างน้อยเราก็
00:11:22 → 00:11:25 เรื่องเรื่องแป้งเรื่องอะไรเนี่ยถ้าเรา
00:11:25 → 00:11:28 ค่อยๆลุยในฐานะบริษัทมันก็อาจจะช้าแะเอา
00:11:28 → 00:11:31 จริงๆถ้าถใครที่เคยทำ Business plan มา
00:11:31 → 00:11:35 ก็จะบอกว่าอย่าทำก็เลยบอกว่าก็ก็ซื้อก็ก็
00:11:35 → 00:11:38 ซื้อเครื่องทำเส้น
00:11:38 → 00:11:42 มา่โปรเจกในอาคคุณดิวเริ่มต้นทำราเม็งจาก
00:11:42 → 00:11:44 การซื้อเครื่องเครื่องทำเส้นราเม็งมาก่อน
00:11:44 → 00:11:48 ไม่ๆๆมีมีมีเพื่อนผมคนนึงเขาบอกว่าคุณทำ
00:11:48 → 00:11:51 เส้นให้อร่อยก่อนเออผมก็ลองดราฟขึ้นมา
00:11:51 → 00:11:53 แล้วผมแบบไม่ได้เลยอ่ะมันมันไม่ใช่อ่ะ
00:11:53 → 00:11:55 ด้วยด้วยอะไรครับตอนนั้นทำไม่ได้ทำด้วย
00:11:55 → 00:11:58 มือครับทำด้วยมือทำลองทำคือต้องบอกว่า
00:11:58 → 00:12:01 สกิลผมนี่สู 0 นะสกิลลงมือทำจริงเนี่ย 0
00:12:01 → 00:12:03 ผมก็เรคิดว่ามันต้องเครื่องแล้วล่ะคือมี
00:12:03 → 00:12:05 อะไรที่เครื่องทำได้บ้างเราจะได้แบบไป
00:12:05 → 00:12:08 ปรับกันตรงนั้นเพราะถ้าแบบมือเรานวดเอง
00:12:08 → 00:12:11 เนี่ยมันก็จะไม่สม่ำเสมอหรือแบบปั้นให้
00:12:11 → 00:12:13 เป็นกลมๆผมก็จะได้วงรีมาอันนึงไม่แต่ผม
00:12:13 → 00:12:15 คิดว่าสุดท้ายถ้าเรายังอยู่ในวงการน่ะบาง
00:12:15 → 00:12:18 อย่างมันก็หนีไม่พ้นอยู่ดีอ่ะซื้อเร็ว
00:12:18 → 00:12:21 ซื้อช้าผมรู้สึกว่ามันก็ต้องซื้ออ่ะก็เลย
00:12:21 → 00:12:24 เพื่อที่เราจะได้แบบอ่าทดลองหลายๆอย่าง
00:12:24 → 00:12:26 ด้วยเพราะเเวลาเรากินไปเราก็มีสมมติฐาน
00:12:26 → 00:12:28 เยอะแยะแล้วเราจะทดลองได้ยังไงเราจะรู้
00:12:28 → 00:12:31 ได้ไงว่ามันมาจากไหนวิธีเร็วที่จะเรียน
00:12:31 → 00:12:33 รู้ก็คือลงมือทำแต่ว่าหลังจากนั้นน่ะก็
00:12:33 → 00:12:36 คือใช้คุณโจก็เริ่มใช้เส้นของคุณดิวมา
00:12:36 → 00:12:39 ตลอดก็เป็นยังไม่ได้ถึงขนาดเต็มที่หรอก
00:12:39 → 00:12:42 เพราะว่าอ่าหลายๆอันมันก็ยังเป็นพุ่ง
00:12:42 → 00:12:44 เริ่มอ่ะครับก็คือเราก็ develop ร่วมกัน
00:12:44 → 00:12:48 แล้วก็ในโปรเจคหลายๆโปรเจคที่เราทำอยู่
00:12:48 → 00:12:52 มันก็ได้เอาส่วนหนึ่งของความคิดเอ่ะมารวม
00:12:52 → 00:12:55 กับงานที่เราทำให้มันดูเป็นเป็นไโปรเจค
00:12:55 → 00:12:59 หรือ Special โปเจคมากกว่าอือๆในส่วนภาพ
00:12:59 → 00:13:01 ต่อไปเนี่ยน่าจะต้องแบบเต็มที่ะก็คือจริง
00:13:01 → 00:13:05 ๆในวันเนี้ยณจุดเวลาเนี้ยคือเราก็เหมือน
00:13:05 → 00:13:08 มีความเข้าใจมากขึ้นอีกสเต็ปนึงหลังจาก
00:13:08 → 00:13:10 ที่เราคิดตั้งแต่ตอนแรกว่าเราเอ้อเราจะทำ
00:13:10 → 00:13:12 เส้นนะแต่ก็ยังไม่รู้ว่าภาพมันคืออะไรแต่
00:13:12 → 00:13:14 ตอนนี้เหมือนเหมือนมันเริ่มเข้าที่เข้า
00:13:14 → 00:13:18 ทางขึ้นหลังจากที่เรากลับมาอะไรเงี้ยอืก็
00:13:18 → 00:13:20 Approach ไปข้างหน้าว่ายังไงในร้านน่ะจะ
00:13:20 → 00:13:23 ต้องเป็นเส้นเราทำหมดเออเหมือนตอนเหมือน
00:13:23 → 00:13:26 รายการแข่งมันมาช่วงเวลาที่พอดีเหมือนกัน
00:13:26 → 00:13:29 เนาะคือเราเริ่มพร้อมคุณโจรู้สึกว่าครบ
00:13:29 → 00:13:31 ทุกอย่างที่เราทำเองได้ก็ใช่ครับถ้าถาม
00:13:31 → 00:13:34 ว่าจังหวะจังหวะไทมไลนชีวิตมันก็เหมือน
00:13:34 → 00:13:37 มันลงล็อคให้ว่าแบบนี้แหละก็คือเหมือนเรา
00:13:37 → 00:13:40 ก็ได้ระหว่างที่ก่อนที่เราจะแข่งเราก็ได้
00:13:40 → 00:13:43 ลองทำอะไรบ้าๆโอๆของเราตามภาษาของเราอถ้า
00:13:43 → 00:13:45 เกิดถ้าเป็นแฟนชินโดจะรู้ว่าช่วงนึงจะมี
00:13:45 → 00:13:49 โปรเจคที่พิเศษราพิเศษที่ทำจากเส้นที่ทำ
00:13:49 → 00:13:51 จากเส้นจริงๆแล้วก็ไม่รู้ไม่รู้เหมือนกัน
00:13:51 → 00:13:53 ว่ามันทำไมมันถึงกลายเป็นแบบเหมือนจังหวะ
00:13:53 → 00:13:56 มันน่าจะลงล็อคพอดีกับการที่เราได้แบบทด
00:13:56 → 00:13:59 ลองวิจัยจนถึงจุดนึงที่เราพอจะเข้าใจภาพ
00:13:59 → 00:14:01 บ้างแต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเข้าใจมัน
00:14:01 → 00:14:03 ทั้งหมดนะครับแต่ว่าหมายถึงเรายังอยู่ใน
00:14:03 → 00:14:07 เส้นทางที่น่าจะมีแนวโน้มที่ดีและแล้ว
00:14:07 → 00:14:09 หลังจากนั้นเสร็จปุ๊บพอมันมีโปรเจคขึ้นมา
00:14:09 → 00:14:11 แบบเนี้ยมันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าเอ้อ
00:14:11 → 00:14:15 ลองดูก็ได้ลองส่งไอ้สิ่งที่เรานั่งทำมา
00:14:15 → 00:14:17 แบบงงๆไม่รู้ว่าถูกหรือผิดเนี่ยไปให้เค้า
00:14:17 → 00:14:20 ดูซิว่ามันเราอยู่ในวิถีทางที่ถูกต้อง
00:14:20 → 00:14:23 หรือเปล่าอเหมือนแบบเราเริ่มทำทุกอย่าง
00:14:23 → 00:14:26 เองแล้วแล้วก็ได้ทดลองกับกลุ่มคนกินของ
00:14:26 → 00:14:30 เราประมาณนี้แล้วอยากรู้ว่าเอ่อโอเคว่า
00:14:30 → 00:14:34 จริงเทำถูกทางแล้วหรือเปล่าไม่ใช่ว่าเรา
00:14:34 → 00:14:36 ไปเช็คตัวเองนะใช่ๆเช็คตัวเองนิดนึงพูด
00:14:36 → 00:14:39 จริงๆนี่ถ้าถ้าเร็วไปกว่าเนี้ยก็ยังไม่มี
00:14:39 → 00:14:42 เส้นยังไม่มั่นใจหรอกเอเพราะถ้าสมมติว่า
00:14:42 → 00:14:46 มันแข่งปีที่แล้วเงี้ยก็ก็ก็แบง์ๆเหมือน
00:14:46 → 00:14:48 กันก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงใช่ก็หมายถึงว่า
00:14:48 → 00:14:50 จังหวะมันก็อาจจะพอดีกันด้วยแหละครับที่
00:14:50 → 00:14:53 แบบเราก็ได้ทดลองมาประมาณนึงแล้วก็ช่วง
00:14:53 → 00:14:55 เวลาชีวิตที่เราพร้อมเราได้ทำมาแล้ว
00:14:55 → 00:14:58 ประมาณน่าจะเรวๆ 5-6 เดือนหลังจากนั้น
00:14:58 → 00:15:00 เสร็จเสร็จปุ๊บก็มาเจอโปรเจคนี้พอดีมันก็
00:15:00 → 00:15:04 เลยทำให้แบบเหมือนโสมสลอตได้พอดีอ่า
00:15:04 → 00:15:05 [เพลง]
00:15:06 → 00:15:10 โอเคมาถึงโจทย์ที่ได้จากการแข่งขันเนี่ย
00:15:10 → 00:15:12 โจทย์มันคือโจทย์ตัวโจทย์มันคืออะไรนะ
00:15:12 → 00:15:15 ครับมิโซราเมนที่ทำจากแป้งสาลีภายใน
00:15:15 → 00:15:19 ประเทศมิโซราเมนที่ทำจากแก้สที่ขับเน้น
00:15:19 → 00:15:23 ที่ที่แบบที่เน้นแงว่าเน้นนะเน้นกลิ่นและ
00:15:23 → 00:15:26 รสเหรอก็คือภาษาญี่ปุ่นจะเป็นฟูมิกับ
00:15:26 → 00:15:30 อูมามิโจทย์นี้คือให้ทำให้ส่วนเมองที่ขับ
00:15:30 → 00:15:33 เน้นใช่มั้ยเมื่อกี้บอกคขับเขับเน้นกลิ่น
00:15:33 → 00:15:37 และรสของแป้งสาลีญี่ปุ่นโอเคอันนี้ผมก็
00:15:37 → 00:15:40 กินราเม็งมานิดนึงผมก็พอรู้ว่าไอ้ความโหด
00:15:40 → 00:15:43 มันคือมิโซราเม็งด้วยนะครับใช่ๆมิโซ
00:15:43 → 00:15:46 ราเม็งมิโซราเมงเนี่ยมันคือราเม็งที่ค่อน
00:15:46 → 00:15:49 ข้างแรงเนอะกลิ่นแรงอเดิมต้องให้คุณโจ
00:15:49 → 00:15:52 เล่าจริงๆรากของมันก็คือจริงๆมันเป็น
00:15:52 → 00:15:55 อาหารสตีดอ่ะเพูดง่ายๆว่าคือถูกเอ่อถ่าย
00:15:55 → 00:15:57 ทอดมาจากอาหารจีนโดยพื้นฐานโดยการผัดครับ
00:15:58 → 00:16:01 วให้เกิดกลิ่นกระทะด้วยแล้วก็เส้นเป็นแค่
00:16:01 → 00:16:04 หน่วยสนับสนุนมากกว่าก็คือทำให้อย่างที่
00:16:04 → 00:16:07 พี่หมีพูดไม่กลัวทำให้อิ่มก็คือเป็นแค่
00:16:07 → 00:16:10 หน้าที่นำพารสชาติทั้งหมดออกมาแล้วก็
00:16:10 → 00:16:14 มิรานโดยโดยความเป็น traditional อยู่
00:16:14 → 00:16:16 แล้วเนี่ยมันก็คือมีความเรื่องของมันหมู
00:16:16 → 00:16:19 กระเทียมขิงแล้วก็การวที่ทำให้เกิดมี
00:16:19 → 00:16:21 กลิ่นกระทะเกิดขึ้นซึ่งหลายๆอย่างเนี่ย
00:16:21 → 00:16:24 มันคือถ้าพูดกันตามตรงโจทย์ที่ให้มากับ
00:16:24 → 00:16:26 สิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงอ่ะมัน
00:16:26 → 00:16:29 กำลังยืนอยู่ตรงข้ามกันถามว่าจริงๆไการ
00:16:29 → 00:16:31 แข่งขันครั้งเมันก็ดูโจทย์หน้าสนุกดี
00:16:31 → 00:16:33 เหมือนๆ challeng ของการคิดเหมือนกันว่า
00:16:33 → 00:16:37 ก็ในเมื่อโจทย์อาหารโดยส่วนใหญ่ที่เราทำ
00:16:37 → 00:16:39 เรากินกันอยู่ประจำเนี่ยมันไม่มีภาพของ
00:16:39 → 00:16:42 อาหารแบบที่โจทย์เนี้ยมันออกมาเป็นอาหาร
00:16:42 → 00:16:46 จริงๆอ่ะเลยแทบจะ
00:16:46 → 00:16:48 99.99% อ่ะแทบจะมองไม่เห็นเลยว่าไอ้
00:16:48 → 00:16:51 อาหารในอุดมคติที่คุณกำลังตั้งโจทย์อยู่
00:16:51 → 00:16:53 เนี่ยมันมีในอาหารในโลกของวามจริงมั้ยแทบ
00:16:53 → 00:16:56 จะ 99.99 จริงๆครับก็พูดง่ายๆก็คือแบบว่า
00:16:56 → 00:16:58 มันไม่มีทางที่ิโซเมนจะได้กลิ่นเส้นแ้ง
00:16:58 → 00:17:01 เพราะว่าโดนขิงโดนกระเทียมโดนน้ำมันหมู
00:17:01 → 00:17:04 โดนการผัดขึ้นมาทำให้กลิ่นต่างๆที่มันปก
00:17:04 → 00:17:07 คลุมอยู่ด้านบนเนี่ยทำให้เราไม่ได้รับไม่
00:17:07 → 00:17:09 ได้รับรับรู้อะไรทั้งนั้นแล้วก็คือได้แต่
00:17:09 → 00:17:11 กลิ่นอะไรพวกเนี้ยกลิ่นแรงๆของผักกลิ่น
00:17:11 → 00:17:13 ฉุนทั้งหลายอ่ะครับก็โจทย์ที่ท้าทายนะ
00:17:13 → 00:17:17 แล้วแบบสุดท้ายเราคิดออกมาเป็นราเม็งอะไร
00:17:17 → 00:17:20 ครับเราก็พยายามทำอะไรที่มันอยู่ตรงข้าม
00:17:20 → 00:17:24 ครับอะไรที่ตรงข้ามสิ่งที่สิ่งที่เ่อเป็น
00:17:24 → 00:17:27 คือเราต้องศึกษาในในในตัวเจตนาของอาหาร
00:17:27 → 00:17:29 ก่อนว่าเบื้องต้นอาหารที่มีอยู่บนโลก
00:17:29 → 00:17:32 เนี้ยของมิรานน่ะมันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
00:17:32 → 00:17:35 แล้วสิ่งที่เรากำลังจะทำตรงข้ามทั้งหมด
00:17:35 → 00:17:38 เพื่อกลบจุดอ่อนของมันทั้งหมดอ่ะเพื่อ
00:17:38 → 00:17:40 ทำลายจุดอ่อนต้องพูทำลายจุดอ่อนของมัน
00:17:40 → 00:17:43 ทั้งหมดเนี่ยออกไปอ่ะเราอยู่ในขอบเขตที่
00:17:43 → 00:17:45 เราสามารถพึงกระทำได้หรือเปล่าอย่างยกตัว
00:17:46 → 00:17:48 อย่างเช่นถ้าเราเอากระเทียมออกเราเอาขิง
00:17:48 → 00:17:52 ออกเราเอาการผัดออกอเป็นมิโซก็คือมันจะ
00:17:52 → 00:17:55 เป็นมิรานมั้ยก็คือรื้อมิรานใช่ก็คือรื้อ
00:17:55 → 00:17:57 องค์ประกอบทั้งหมดคือแต่ว่าอย่างที่บอกอ
00:17:57 → 00:18:00 เราต้องเข้าใจในพื้นฐานของการคิดก่อนว่า
00:18:00 → 00:18:03 แล้วมิรานจริงๆแล้วเนี่ยภาพของมันคืออะไร
00:18:03 → 00:18:06 แล้วหลังจากนั้นเราไปเดินย้อนเดินย้อน
00:18:06 → 00:18:10 เส้นทางของการคิดนั้นโดยเลือกทำการทำตรง
00:18:10 → 00:18:12 ข้ามก็คือตรงข้ามหมายคว่าเราไม่ได้แบบไม่
00:18:12 → 00:18:15 เข้าใจนะเรารู้ว่ามิรานน่ะทำแบบนี้มันได้
00:18:15 → 00:18:17 ผลลัพธ์แบบนี้แต่ไอ้สิ่งที่เรากำลังเดิน
00:18:17 → 00:18:19 ย้อนอยู่เนี่ยมันก็ยังคงต้องอยู่ในคอ
00:18:19 → 00:18:22 เดียวกันก็คือทำแล้วยังไม่ได้กระทบ
00:18:22 → 00:18:24 กระเทือนภาพรวมของการไปทำรามอี 1 ชามที่
00:18:24 → 00:18:27 เรากำลังทำอยู่ก็คิดว่าโจทย์มันก็
00:18:27 → 00:18:29 challeng ด้วยแะจริงๆการมาแข่งครั้ง
00:18:29 → 00:18:32 เนี้ยหนึนอกจากกรรมการผู้ทรงเกียรติทั้ง
00:18:32 → 00:18:34 หลายที่เรารู้จักแล้วเราเป็นติ่งแล้วเรา
00:18:34 → 00:18:36 ยังรู้สึกว่าโจทย์มันก็มันก็ถือว่าเป็น
00:18:37 → 00:18:39 การ challeng การคิดพอสมควรเรียกว่าดึง
00:18:39 → 00:18:42 ดูดที่เราไปแข่งใช่ๆๆครับคือแบบมันก็ท้า
00:18:42 → 00:18:44 ทายเราพอสมควรว่าเอ๊ะเราจะทำมันได้หรือ
00:18:44 → 00:18:47 เปล่าเราจะคิดมาอยู่ในกรอบวิธีคิดที่ถูก
00:18:47 → 00:18:48 ต้องหรือเปล่าอะไรอย่า
00:18:48 → 00:18:51 [เพลง]
00:18:51 → 00:18:55 เงี้ยทีนี้ปัญหาหลักใหญ่ละคือเส้นใช่ครับ
00:18:56 → 00:18:58 ทำยังไงให้ให้เส้นมันได้กลิ่นบ้างคุณๆคุณ
00:18:58 → 00:19:03 ดิวเอ่อตอนนั้นเนี่ยโจทย์ก็คือเส้นต้องมี
00:19:03 → 00:19:06 กลิ่นอือซึ่งกลิ่นเนี่ยผมมองว่ามันเป็น
00:19:06 → 00:19:09 เรื่องนึงที่บ่งบอกคุณภาพของวัตถุดิบอ
00:19:09 → 00:19:12 ฉะนั้นเราก็ต้องไปตามหาแป้งที่มีกลิ่น
00:19:12 → 00:19:15 ครับซึ่งแป้งที่มีกลิ่นผมก็อาจจะไม่ได้
00:19:15 → 00:19:18 ลองเยอะมากอ่ะเราก็จะมีภาพในหัวว่าเออเรา
00:19:18 → 00:19:20 ระหว่างที่เราทดลองมาเนี่ยเราชอบกลิ่น
00:19:20 → 00:19:23 แป้งตัวนี้เราชอบรสแป้งตัวนี้ใชต้องต้อง
00:19:23 → 00:19:26 แทรกว่าโจทย์มันคือแป้งญี่ปุ่นด้วยเนาะเพ
00:19:26 → 00:19:28 ว่าคุณดิวไม่ได้ใช้แป้งไทยแน่ๆในการซ้อม
00:19:28 → 00:19:31 ใช่ครับต้องไปหาทางสั่งมันเข้ามาครับ
00:19:31 → 00:19:35 เฉพาะกิที่เขาส่งมาให้ซึ่งแป้งพวกนี้ก็
00:19:35 → 00:19:37 เป็นแป้งที่เราคิดว่าดีแล้วอ่ะแต่แน่นอน
00:19:37 → 00:19:39 มันแป้งญี่ปุ่นมันมีเพียบไปหมดเลยอ่ะเรา
00:19:39 → 00:19:43 ก็พินพอยไปเอาที่เรารู้จักเราก็เคยกินแต่
00:19:43 → 00:19:46 จริงๆอโชคดีตรงที่ว่าตอนที่ผมเริ่มทำเส้น
00:19:46 → 00:19:49 ผมก็มีการเอาแป้งส่วนนึงมาทดลองละว่าแบบ
00:19:49 → 00:19:51 เออเจ้าเนี้ยทรงมันประมาณนี้แหละพันธุ์
00:19:51 → 00:19:54 เนี้ยมันประมาณนี้แหละเราก็เลยพอมีภาพใน
00:19:54 → 00:19:57 หัวอยู่แน่นอนมาอาจจะมีแป้งที่อื้อหือ
00:19:57 → 00:19:59 กลิ่นดีกว่านี้หรือรถดีกว่านี้แต่ว่า
00:19:59 → 00:20:00 อย่างน้อยเราเอาของที่เราคุ้นมือแล้วดี
00:20:01 → 00:20:03 กว่าอย่างน้อยเราเคยทดลองกับมันก็เอาดี
00:20:03 → 00:20:06 ที่สุดในประสบการณ์ของเราอ่ะในจุดเวลา
00:20:06 → 00:20:10 นั้นอืเพื่อไปทำโจทย์แต่พูดจริงๆก็ไม่เคย
00:20:10 → 00:20:12 ใช้เหมือนกันมันจะมีเป็นกล่องที่แบบ
00:20:12 → 00:20:15 สมมุติว่าผมสั่งเกรดเกรด A มารอบนี้มันมี
00:20:15 → 00:20:19 เกรด A + ขึ้นมาผมก็สั่งเกรด A + มาแต่
00:20:19 → 00:20:21 ถ้าผมเปิดเมื่อไหร่เนี่ยกลิ่นมันก็จะค่อย
00:20:21 → 00:20:23 ๆลดลงก็ต้องแบบกะเวลาเปิดนิดนึงอ่ะใกล้
00:20:23 → 00:20:25 แข่งอีกนิดนึงเดี๋ยวๆใกลๆกว่านี้เดี๋ยว
00:20:25 → 00:20:27 เราเปิดแปลว่ากลิ่นแป้งมันค่อยๆหายไปตาม
00:20:28 → 00:20:31 เวลาิส่วนใหญ่มันค่อยๆเฟดไปมันเปิดไปแล้ว
00:20:31 → 00:20:34 มันเกิดเจออากาศอซ้อนมากใช่ทีเนี้ยเรื่อง
00:20:34 → 00:20:38 รสชาติเนี่ยผมมองว่าการบ่มเสริมรสชาติบ่ม
00:20:38 → 00:20:41 คือหมายถึงว่าทำเส้นทิ้งไว้ทำเส้นเสร็จ
00:20:41 → 00:20:45 แล้วทิ้งไว้่อ๋อซึ่งเอ่อมันก็เป็นคนละ
00:20:45 → 00:20:47 เรื่องกับกลิ่นผมรู้สึกว่ากลิ่นกับรถก็
00:20:47 → 00:20:49 แอบแย้งกันในตัวระดับนึงเหมือนกัน่ถ้า
00:20:49 → 00:20:52 อยากทำเส้นกลิ่นก็ทำแบบนึงทำเส้นรถก็แบบ
00:20:52 → 00:20:55 นึงก็เลยต้องทำเส้นมัน 2 อย่างก็
00:20:55 → 00:20:58 คือเส้นเส้นกลิ่นก็ต้องทำเส้นกลิ่นใช่
00:20:59 → 00:21:01 เส้นอรก็ต้องทำเส้นอรแล้วแล้วมันรวมกัน
00:21:01 → 00:21:03 อยู่ในชามเดียวเงี้เหรอใช่เราก็มาประกบ
00:21:03 → 00:21:07 กันให้เป็นเส้นเดียวครับอ๋อก็คือเอาทำ
00:21:07 → 00:21:09 เส้น 2 แบบก่อนแล้วก็เอา 2 แบบเนี้ยเอา
00:21:09 → 00:21:12 แป้งใช่มั้ยฮะมาเอามาประกบกันแล้วก็รีด
00:21:12 → 00:21:14 ออกมาเป็นเส้นเดียว่แก็คือมันจะเป็นแผ่น
00:21:14 → 00:21:16 แป้งก่อนที่ราเม็งมันจะเป็นเส้นมันเป็น
00:21:16 → 00:21:19 แผ่นมาก่อนอแล้วในกระบวนการเป็นแผ่นเเรา
00:21:19 → 00:21:21 ก็เอาแผ่นมาประกบกันอือมันได้เส้นที่มี
00:21:21 → 00:21:23 กลิ่นกับมีรสนั่นแหละตามโจทย์ที่เราทำ
00:21:23 → 00:21:26 แล้วทำยังไงให้มันมามาสู้กันได้กับุขของ
00:21:26 → 00:21:31 โจอ๋อก็เราคือจริงๆมันไม่ใช่เรื่องทำได้
00:21:31 → 00:21:33 ครับอ่าการแข่งครั้งเนี้ยมันค่อนข้างฟิก
00:21:33 → 00:21:35 แล้วมันถามรายละเอียดเส้นผมทั้งเยอะ
00:21:35 → 00:21:38 ฉะนั้นตอนที่ผมส่งไปเนี่ยเราตามนิสัยคือ
00:21:38 → 00:21:41 แบบเราอยากพัฒนาไปเรื่อยๆแต่มาถึงวันต้อง
00:21:41 → 00:21:44 ส่งเอกสารแล้วอครับก็เลยคุยกันว่าผมส่ง
00:21:44 → 00:21:48 ตามนี้ก่อนนะอืที่เหลือคุณมาเอช่มาตาม
00:21:48 → 00:21:50 เพราะว่าผมจะส่งไปแล้วคือได้ประมาณเนี้ย
00:21:51 → 00:21:53 ความหนาประมาณเนี้ยทุกอย่างอ่ะมันห้าม
00:21:53 → 00:21:56 เปลี่ยนละฉะนั้นเนี่ยถ้าผมกินเปล่าๆผมได้
00:21:56 → 00:21:59 กลิ่นเส้นผมได้รดละที่เหลือคือเรามาปรับ
00:21:59 → 00:22:00 ที่ซุปละเพื่อให้มันเข้ากับเส้นใช่โจทย์
00:22:01 → 00:22:03 ที่เขาโยนมาเนี่มันก็ช่างยากนักอะไรเงี้ย
00:22:03 → 00:22:05 แต่ว่าสุดท้ายท้ายสุดอ่ะกระบวนการคิดอ่ะ
00:22:05 → 00:22:07 แล้วมันก็มาตกตะกอนเรื่องการทำให้มันเข้ม
00:22:07 → 00:22:12 ข้นขึ้นแล้วก็แล้วก็เรื่องของการเป็นมี
00:22:12 → 00:22:14 เรื่องของการที่มันมีกดพีเกิดขึ้นในชาม
00:22:14 → 00:22:18 ที่ทำให้เอ่อน้ำมันมันกระจายตัวแล้วแล้ว
00:22:18 → 00:22:22 ทำให้มันพยานกลินขึ้นมาได้ปกติแล้วอ่ะมิโ
00:22:22 → 00:22:24 สมมันติดเปรี้ยวที่เราทำอยู่เอาง่ายๆก็
00:22:24 → 00:22:27 คือเส้นเราอ่ะถ้าลไปใส่กับซุปโชอยู่อ่ะอื
00:22:27 → 00:22:30 เอ่อกลิ่นมันไม่ขึ้นขึ้นอใช่อ่าคือมันมัน
00:22:30 → 00:22:33 มันต้องอธิบายเยอะนแหละแต่ก็คร่าวๆคือพอ
00:22:33 → 00:22:36 ไปใส่กับโชยุราังกลิ่นไม่ขึ้นใส่กับมิโซ
00:22:36 → 00:22:39 กลิ่นมันคอมโบเข้าด้วยกันแล้วออกมาเ้นว่า
00:22:39 → 00:22:41 แปว่ามันมันไม่ใช่เป็นกลิ่นที่ได้จากเส้น
00:22:41 → 00:22:43 อย่างเดียวเลยเนาะมันคือกลิ่นที่ผสมซุป
00:22:43 → 00:22:45 กินเข้าไปเนี่ยใช่ใช่เพราะว่าเราเรา
00:22:45 → 00:22:48 ต้องการให้มิโซะก็คือพูดง่ายๆคือมิโสะ
00:22:48 → 00:22:50 ราเม็งราเมงผมก็ต้องเน้นเส้นแต่พอใส่
00:22:50 → 00:22:54 มิโสะเข้ามาก็ต้องเน้นมิโซอืแล้วจริงๆนี่
00:22:54 → 00:22:56 ก็เป็นคำถามนึงว่าเราจะเวทมันยังไงว่าแบบ
00:22:56 → 00:23:00 เส้นนำหรือว่ามิโสะใช่แต่เราก็แบบเอ้าเรา
00:23:00 → 00:23:02 Play เซฟเราเอามันไปด้วยกันเลยแล้วแล้ว
00:23:02 → 00:23:05 ตอนที่พร้อมสุดนี่คือคิดว่ามันเป็นยังไง
00:23:05 → 00:23:08 ออกมาสมบูรณ์แล้วเป็นอ๋อก็อันนี้ผมอธิบาย
00:23:08 → 00:23:10 แล้วกันก็คือว่าเส้นน่ะมันเป็นกลิ่นที่
00:23:10 → 00:23:13 ถ้าไม่มีกลิ่นของเส้นก็จะไม่ได้กลิ่นนี้
00:23:13 → 00:23:15 แล้วถ้าใช้เส้นอย่างอื่นก็จะได้แต่กลิ่น
00:23:15 → 00:23:20 มิโซะแล้วถ้าเราทำให้ซุปมันบางกว่าเนี้ย
00:23:20 → 00:23:23 กลิ่นเส้นมันจะนำขึ้นมาเรารู้สึกว่าของ
00:23:23 → 00:23:27 ที่เราทำได้คือเส้นกับมิโซอ่ะแล้วก็น้ำ
00:23:27 → 00:23:30 มันของราเม็งอ่ะเมันรวมเข้าไปเป็นกลิ่น
00:23:30 → 00:23:33 นึงที่เรารู้สึกว่าเอ้ยหอมเกิดคชใช่หมา
00:23:33 → 00:23:36 ถึงว่าเรารวมเราเราทดลองมาจนเยอะพอที่จะ
00:23:36 → 00:23:39 รู้สึกรู้ได้ว่าถ้ามันรวมกันออกมาเป็น 1
00:23:39 → 00:23:42 2 3 รวมกันออกมาเป็น 4 เนี่ยอันเนี้ย
00:23:42 → 00:23:44 คือสิ่งที่อ๋อคือเป็นกลิ่นใหม่ที่ได้ออก
00:23:44 → 00:23:46 มาจากการรมกันของซกเส้นเนาใช่ใช่ใช่มี
00:23:46 → 00:23:49 ทั้งกลิ่นอาหารอโรเมติกด้วยแล้วก็กลิ่น
00:23:49 → 00:23:51 เส้นก็ขึ้นมาอะไรเงี้ยคือรวมกันเป็น
00:23:51 → 00:23:53 combination ที่ออกมาเป็นชามที่สมบูรณ์
00:23:53 → 00:23:56 ในวันนั้นที่ที่มั่นใจมากขึ้นว่าเออนี่
00:23:56 → 00:23:59 แหละมันคือราเมนที่มีกลิ่นของความเป็นอ
00:23:59 → 00:24:01 ต้องต้องยอมรับว่ากลิ่นไายของความเป็น
00:24:01 → 00:24:03 ญี่ปุ่นเนี่ยมันเป็นสิ่งที่อธิบายยาก
00:24:03 → 00:24:05 เหมือนกันแต่ว่าพอกินเสร็จปุ๊บอืมันรู้
00:24:05 → 00:24:07 สึกได้ว่าเนี่คือกำลังกินอาหารญี่ปุ่น
00:24:07 → 00:24:09 อยู่มันไม่ใช่แค่แป้งมันเป็นกลิ่นที่ซับ
00:24:09 → 00:24:13 ซ้อนกลิ่นที่ดีกลิ่นที่ชัดแล้วถ้าไม่มี
00:24:13 → 00:24:15 กลิ่นแป้งไม่มีกลิ่นแป้งก็ไม่สามารถ
00:24:15 → 00:24:17 เหมือนจุดนี้ได้ใช่เพราะว่าเราก็ลองสลับ
00:24:17 → 00:24:18 เปลี่ยน ingredient ดูว่ามันเป็น
00:24:18 → 00:24:21 สมมุติฐานเราถูกหรือเปล่ามันก็ใช่เป็นตาม
00:24:21 → 00:24:24 นั้นคือเราใช้เส้นอื่นกับอันนี้ในคิชนี้
00:24:24 → 00:24:29 ก็ไม่ได้อีกอะไรเงี้ยใช่
00:24:29 → 00:24:31 ทั้งหมดที่เราทำราเ็งมาหรือไปแข่งก็ตาม
00:24:31 → 00:24:36 เนี่ยเรามีอะไรเรียนรู้จากสิ่งนี้บ้างเอา
00:24:36 → 00:24:40 ซัก 5 ข้อ 2 คนสัก 5 ข้อได้เรื่องแรกก็มี
00:24:40 → 00:24:44 วัฒนธรรมเอออืมจริงก่อนที่จะทำอาหารอะไร
00:24:44 → 00:24:47 ให้ใครกินอะไรเงี้ยหรือว่าแบบจริงๆเ่อเอา
00:24:47 → 00:24:49 พูดกันตรงๆนะที่เรารู้สึกได้ตั้งแต่แรก
00:24:49 → 00:24:53 แล้วว่าเรามาในฐานะคนต่างชาติอืแน่นอนว่า
00:24:53 → 00:24:56 เราไม่ใช่คนญี่ปุ่นเรามาเหมือนเรามาผัด
00:24:56 → 00:25:00 กะเพราแล้วแล้วฝรั่งเดินมาผัดกะเพราโอ้โห
00:25:00 → 00:25:02 ผัดเก่งกว่าเราอีกหรือว่าผัดได้เท่าเรา
00:25:02 → 00:25:05 เลยก็จะรู้สึกว่าอืมนั่นน่ะคือความเข้าใจ
00:25:05 → 00:25:08 ผมผมเลยมองกลับไปว่าแน่นอนเราต้องเข้าใจ
00:25:09 → 00:25:11 วัฒนธรรมของการกินก่อนว่าญี่ปุ่นกินอะไร
00:25:11 → 00:25:14 หรอกแล้วเขาทำอะไรกันอยู่คือถ้าภาพนั้น
00:25:15 → 00:25:17 น่ะมันอยู่ในตัวเราได้อ่ะผมว่าไอ้สิ่ง
00:25:17 → 00:25:19 นั้นมันก็จะถ่ายทอดจากสิ่งที่เราทำออกไป
00:25:19 → 00:25:23 ได้เช่นกันมันเลยจำเป็นต้องเข้าใจในพื้น
00:25:23 → 00:25:26 ฐานของวัฒนธรรมนอกจากเรื่องอาจจะมันก็ยาก
00:25:26 → 00:25:28 นะครับถ้าจะต้องอธิบายว่าภาษาเราจะเข้าใจ
00:25:28 → 00:25:32 มยว่าทำไมมันถึงตั้งชื่อแบบนี้ล่ะมันก็จะ
00:25:32 → 00:25:35 เข้าไปดสู่กระบวนการคิดของวัฒนธรรมความ
00:25:35 → 00:25:38 เป็นญี่ปุ่นขึ้นมาทันทีจนมันออกมาเป็น
00:25:38 → 00:25:42 สิ่งที่เรากำลังถ่ายทอดอยู่แล้วครั้ง
00:25:42 → 00:25:45 เนี้ยมันเหมือนเป็นการแบบทำให้ชัดมากขึ้น
00:25:45 → 00:25:48 ว่าไอ้สิ่งที่เราคิดอยู่เนี่ยมันญี่ปุ่น
00:25:48 → 00:25:51 พอแล้วหรเป่าแล้วหรือเปล่าด้วยอะไรเงี้ย
00:25:51 → 00:25:54 ซึ่งก็พอกรรมการเขาเข้าใจได้ว่าเออเรา
00:25:54 → 00:25:56 เจตนาเราเป็นแบบนี้เราเป็นต่างชาติแน่นอน
00:25:56 → 00:25:59 เราเป็นต่างชาติพอเราเเข้าปปุ๊บอืมอ้อนี่
00:25:59 → 00:26:03 มนี่อืก็ถือ
00:26:03 → 00:26:07 ว่าแล้วใช่แล้วก็มีถึงเรื่องของความเข้า
00:26:07 → 00:26:10 ใจก็คือถ้าเรื่องต่อมาก็คือความเข้าใจใน
00:26:10 → 00:26:13 แต่ละ category ต่างๆเหมือนเข้าใจวิระบบ
00:26:13 → 00:26:16 การคิดว่าเวลาเราจะทำไรสักอย่างนึงอ่ะมัน
00:26:16 → 00:26:19 จะต้องมาจากการเก็บข้อมูลทั้งหมดแล้วก็
00:26:19 → 00:26:22 สืบขนต่างๆแล้วก็มาประกอบกันภาพ 1 2 3
00:26:22 → 00:26:24 4 5 แล้วดู 10 ภาพเหมือนเราจริงๆพูด
00:26:25 → 00:26:26 ง่ายๆว่าเหมือนเราตอนเราเรียนหนังสืออ่ะ
00:26:26 → 00:26:29 ครับถ้าเราอ่านหนังสือไปมากเท่าไหร่อืเรา
00:26:29 → 00:26:31 อาจจะทำข้อสอบได้มากกว่าคนอื่นเท่านั้นก็
00:26:32 → 00:26:34 เหมือนกันกับอันเนี้ยเราเห็นภาพของมิโซ
00:26:34 → 00:26:37 รานมากกว่าปกติโดยที่คนอื่นเห็นเนี่ย 5
00:26:37 → 00:26:40 ถ้วยเราอาจจะดูซัก 50 ถ้วย 100 ถ้วยมันก็
00:26:40 → 00:26:43 เห็นภาพชัดเจนว่าออเนี่ยแหละภาพรวมของการ
00:26:43 → 00:26:47 ทำลักมิรานที่เรากำลังทำอยู่อมันอยู่ในสจ
00:26:47 → 00:26:50 การคิดไหนอืใช่มันก็ผมว่ามันก็เอาไป
00:26:50 → 00:26:53 ประยุกต์ใช้กับคนอื่นๆได้ในในเชิงของการ
00:26:53 → 00:26:56 เราทำจริงๆความพยายะอยู่ที่ไหนความสำเร็จ
00:26:56 → 00:26:59 อยู่ที่นั่นอยู่แล้วอ่ะคือข้อที่ 2 ใช่
00:26:59 → 00:27:01 อย่าเมื่อกี้มันคือเรื่องความเข้าใจคือ
00:27:01 → 00:27:03 จินตนาการอย่างเดียวอ่ะมันมันก็ยากแหละ
00:27:03 → 00:27:05 เพราะว่าหลายครั้งน่ะอย่างอย่างจริงๆตอน
00:27:05 → 00:27:08 ไปแข่งอ่ะมันก็จะมีคำตอบแบบอ๋อทำไมถึงใช้
00:27:08 → 00:27:10 ตรงนี้อ๋อผมชอบหรือว่าบางทีมันไปจบอยู่
00:27:10 → 00:27:14 แค่ส่วนตรงนั้นน่ะซึ่งซึ่งจริงๆบางทีมัน
00:27:14 → 00:27:17 อาจจะอธิบายได้มากกว่านั้นอซึ่งบางอย่าง
00:27:17 → 00:27:20 เราก็อาจจะแบบเออก็บางอย่างจริงๆถ้าถาม
00:27:20 → 00:27:23 ลึกจริงๆแล้วว่าคงมีก็เราชอบแหละมันมันมี
00:27:23 → 00:27:25 คำตอบแนวๆนั้นอยู่แหะแต่จริงๆเราก็อยาก
00:27:25 → 00:27:29 แปลทุุกๆคำตอบนเป็นเชิงวิทยาศาใจได้ใช่อ
00:27:29 → 00:27:32 อันนั้นคือความเข้าใจใจนอันนั้นคือข้อที่
00:27:32 → 00:27:34 2 นะแล้วสิ่งที่เรียนรู้ข้อที่ 3 จากจาก
00:27:34 → 00:27:37 การแข่งขันครั้งนี้อ่าเรื่องมุมมองของลูก
00:27:37 → 00:27:43 ค้าในแต่ละในแต่ละมุมมองว่ามองเข้าใจภาพ
00:27:43 → 00:27:46 ของการเป็นธุรกิในในทุกเเรียกอะไรเมื่อ
00:27:46 → 00:27:49 ก่อนอาจะมองในส่วนของความเป็น cft manip
00:27:49 → 00:27:51 อย่างเดียวก็คือแบบโชกินในภาษาญี่ปุ่นว่า
00:27:51 → 00:27:55 ไอ้คนที่ทำาฟหรือว่าแบบทำให้มันแบบจริง
00:27:55 → 00:27:57 จังรู้ทุกองค์ประกอบพยายามทำทุกส่วน
00:27:57 → 00:28:01 ประกอบให้ดีที่สุดอ่ะเป็นยังไงแล้วพอเรา
00:28:01 → 00:28:04 ไปอยู่ในสถานการณ์ที่มันจำเป็นต้องคิดใน
00:28:04 → 00:28:06 เรื่องอื่นๆในมุมมองอื่นๆล่ะอะไรอย่าง
00:28:06 → 00:28:08 เงี้ยเราก็เข้าใจในมุมมองของลูกค้าอื่นๆ
00:28:08 → 00:28:11 แหละว่าถ้าในมองมุมมองของภาพกว้างที่จะ
00:28:11 → 00:28:13 สื่อสารให้คนเข้าใจในภาพของสินค้าทั้งหมด
00:28:13 → 00:28:16 เนี่ยวันเนี้ยมันคือแบบมันเหมือนเราเรา
00:28:16 → 00:28:20 เราเราเข้าใจในมุมมองของธุรกิจในแต่ละลูก
00:28:20 → 00:28:22 ค้าในแต่ละกลุ่มได้ได้ชัดเจนมากขึ้นแล้ว
00:28:22 → 00:28:26 ก็เ่อเข้าใจในคาแรคเตอร์ของของสินค้าที่
00:28:26 → 00:28:28 จะเชื่อมโยงกับลูกค้าในแต่ละกลุ่มมากขึ้น
00:28:28 → 00:28:31 มากกว่าอืเหมือนเราเข้าใจทางูของของเรา
00:28:31 → 00:28:33 เองแล้วก็เข้าใจเมื่อก่อนอาจจะมองแต่แบบ
00:28:33 → 00:28:36 โอ๊ยฉันจะทำแต่ฉันจะทำแต่ของที่ดีอร่อย
00:28:36 → 00:28:39 ไว้ก่อนแต่มันอาจจะไม่ได้ตอต้องคิดถึงคน
00:28:39 → 00:28:42 ใช่ก็คือภาพในภาพกว้างล่ะมันอาจจะไม่ได้
00:28:42 → 00:28:45 ตอบนะมันอาจจะอย่างเมื่อกี้ที่นิวพูดว่า
00:28:45 → 00:28:47 เดินเข้ามาแล้วโอ้โหเจอมิโสะอะไรไม่รู้
00:28:47 → 00:28:50 เกิมาไม่เคยกินเลยแล้วเดินเขมายากฉันต้อง
00:28:50 → 00:28:52 เกาหัวก่อนกินมั้ยหรือว่าต้องมีวิธีการ
00:28:52 → 00:28:55 กินซึ่งมันก็ไม่ได้มันก็ไม่ได้คฟสำหรับ
00:28:55 → 00:28:57 เ่อคนที่จะต้องเดินเข้ามาแล้วฉันต้องอ่าน
00:28:57 → 00:29:00 กระดาอะไร 1 ใบก็ไม่รู้อะไรเงี้ยซึ่งอัน
00:29:00 → 00:29:02 นี้ก็คือทำให้เราเห็นภาพมากขึ้นของลูกค้า
00:29:02 → 00:29:06 แหละว่าเอ่อในการทำในแต่ละในละจุดที่เรา
00:29:06 → 00:29:08 กำลังจะเดินไปเนี่ยภาพของเรามันควรจะตอบ
00:29:08 → 00:29:10 คำถามนั้นในในทุกๆคำตอบที่เรากำลังจะเดิน
00:29:11 → 00:29:13 ไปอ่ะครับ 3 ข้อแรกของคุณโจรเนี่ยมันเป็น
00:29:13 → 00:29:15 เรื่องความเข้าใจของตัวเองแล้วก็ให้คน
00:29:15 → 00:29:17 ทั่วไปเข้าใจสิ่งที่เรากำลังทำด้วยเนามี
00:29:17 → 00:29:20 อีกมยครับข้อ 4 ของคณดิวมีมครับโข้อ 4
00:29:20 → 00:29:23 อ่ะสำหรับผมว่าก็คือความสำคัญของการเก็บ
00:29:23 → 00:29:25 รายละเอียดเวลากินเพราะ
00:29:25 → 00:29:29 ว่าด้วยเวลาทั้งหมดที่ผ่านมาตั้งแต่ทำ
00:29:29 → 00:29:31 ตั้งแต่ไปไล่กินชิมนู่นชิมนี่กินแล้วก็ทำ
00:29:31 → 00:29:33 เส้นเนี่ยสิ่งที่ค่อยๆได้เรียนรู้โดย
00:29:33 → 00:29:35 เฉพาะพักหลังก็คือรู้สึกว่าแบบเราเก็บ
00:29:35 → 00:29:38 ละเอียดได้เยอะขึ้นเพราะว่าเวลาสมมุติการ
00:29:38 → 00:29:41 กินมันก็มีรายละเอียดปีกย่อยเยอะเมื่อ
00:29:41 → 00:29:45 ก่อนเราอาจจะกินเส้นแบบเงบอกแล้วมาถึงใส่
00:29:45 → 00:29:48 น้ำปลาก่อนน้ำปลาน้ำพริกใส่ปุงเป็น
00:29:48 → 00:29:51 ก๋วยเตี๋ยวสนุกสนานแต่ว่ากพอเราค่อยๆเก็บ
00:29:51 → 00:29:54 ราละเอียดกับมันเช่นแบบเฮ้ยแต่ถ้าเราอยาก
00:29:54 → 00:29:56 รู้เกี่ยวกับเส้นน่ะถ้าเราใส่ไปอ่ะมันก็
00:29:56 → 00:29:59 มันรบกวนนะ
00:29:59 → 00:30:03 ชิมเข้าไปชิจเดิมก็ไม่รู้สึกว่ามันรู้สึก
00:30:03 → 00:30:07 ว่าเอมันมีอะไเคำว่าอุมิมันคืออะไรเนาะ
00:30:07 → 00:30:10 แล้วก็ไล่ไปถึงแบบเส้นแค่แค่ของเลือเส้น
00:30:10 → 00:30:12 อย่างเดียวแล้วกันเส้นแป้งมันเป็นยังไง
00:30:12 → 00:30:14 แป้งมีกลิ่นรสยังไงความเหนียวมันเป็นยัง
00:30:14 → 00:30:18 ไงกัดแล้วมันยืดหยุ่นดีมหรือว่ามันแบบกัด
00:30:18 → 00:30:21 แล้วขัดง่ายๆแล้วมันอืดเร็วแค่ไหนคือยิ่ง
00:30:21 → 00:30:23 ยิ่งเราคุ้นเคยกับหัวข้อไหนอ่ะเราก็จะ
00:30:23 → 00:30:26 ข้ามหัวข้อนั้นได้เร็วขึ้นพอเรายิ่งอยู่
00:30:26 → 00:30:28 กับมันนานขึ้นผมรู้สึกว่าชวงหลังๆที่ต้อง
00:30:28 → 00:30:30 มานั่งเทสกับคุณโจเทสไปเทสมาเนี่ยเหมือน
00:30:30 → 00:30:32 ก็เราก็จะไวขึ้นกับเรื่องการเก็บราย
00:30:32 → 00:30:36 ละเอียดพวกเนี้ยเพราะว่าแบบเออกินแค่ที
00:30:36 → 00:30:39 เดียวอาจจะเก็บได้ 4-5 หัวข้อะซึ่งซึ่ง
00:30:39 → 00:30:41 มันก็จะเชื่อมไปถึงข้อที่ 5 ก็คือความ
00:30:42 → 00:30:45 สำคัญของการกินให้เยอะๆกินให้หลากหลายนะ
00:30:45 → 00:30:47 กินให้ครบ 5 หมูคือแบบสิ่งที่เรียนรู้คือ
00:30:47 → 00:30:50 เราควรกินให้เยอะขึ้นกินให้เยอะขึ้นคือ
00:30:51 → 00:30:53 ต้องเรียงอะไรพอพอเราเก็บรายละเอียดปุ๊บ
00:30:53 → 00:30:55 อ่ะเมื่อเราเอาความการเก็บรายละเอียดแบบ
00:30:55 → 00:30:57 นั้นไปใช้กับวัตถุดิบใหม่ๆเราก็จะเก็บข้อ
00:30:57 → 00:30:59 มูลเรียรู้ได้เยอะขึ้นมันก็คุ้มกับการที่
00:30:59 → 00:31:02 แบบโอเคถ้าเราไม่เคยกิน a เราก็จะไม่รู้
00:31:02 → 00:31:05 จัก a เหมือนเหมือนถ้าเราไม่เคยกินพิก
00:31:05 → 00:31:06 เส้นแบบที่ญี่ปุ่นเราก็จะไม่รู้ว่าพิเซน
00:31:07 → 00:31:09 ญี่ปุ่นมันแบบมันมีอะไรแนวนี้ด้วยฮะซึ่ง
00:31:09 → 00:31:12 ยิ่งเรากินเยอะเรายิ่งรู้จักของเยอะเรา
00:31:12 → 00:31:15 ยิ่งรู้จักประสบการณ์ใหม่ๆเยอะโดยที่เรา
00:31:15 → 00:31:18 เก็บรายละเอียดด้วยอ่ะมันก็จะทำให้เค้า
00:31:18 → 00:31:21 เรียกอะไรนะญี่ปุ่นมันจะมีคำอดิอ่ะเราเรา
00:31:21 → 00:31:25 รับเรารับไที่แปลว่าฉันจะขอรับไปแล้วนะ
00:31:25 → 00:31:27 ซึ่งในความหมายก็คือทั้งเรื่องชีวิตทั้ง
00:31:27 → 00:31:30 ทั้งเรื่องความเหน็ดเหนื่อยของคนที่อยู่
00:31:30 → 00:31:33 ในกระบวนการเราขอรับมันมาเนี่ยคือผมรู้
00:31:33 → 00:31:35 สึกว่ามันก็สอดคล้องกันแล้วยิ่งกินกินให้
00:31:35 → 00:31:37 มันหลากหลายกินให้มันแบบของใหม่ๆขึ้นมา
00:31:37 → 00:31:40 ให้ทำให้เราได้เรียนรู้ได้ประสบการณ์ใหม่
00:31:40 → 00:31:42 ๆซึ่งผมว่าก็เป็นสิ่งที่เรายิ่งกินเยอะ
00:31:43 → 00:31:47 ยิ่งยิ่งดียิ่งยิ่งกินเยอะยิ่งดีรเป่าอ่ะ
00:31:47 → 00:31:50 โอเคสุดท้ายแล้วฮะก็ผมรู้สึกว่าการไปแข่ง
00:31:50 → 00:31:53 ขันครั้งนี้เนาะทุกคนอาจจะรู้ผลอยู่แล้ว
00:31:53 → 00:31:56 ว่าเราไม่ได้ที่ 1 แต่ว่ารู 2 คนไม่ได้
00:31:57 → 00:31:59 เป็นคนที่แบบเสียดายกับเอ่อตำแหน่งหรือ
00:31:59 → 00:32:02 อะไรขนาดนั้นเพราะเพราะว่าอะไรครับเหมือน
00:32:02 → 00:32:04 แบบได้อะไรมากมากกว่านั้นมั้ยฮะคือจริงๆ
00:32:04 → 00:32:09 มันก็เติมเต็มความฝันผมผมเปิดหนังสือ
00:32:09 → 00:32:12 เมื่อ 10 ปีที่แล้วผมไม่เคยคิดว่าผมจะรู้
00:32:12 → 00:32:15 จักทุกท่านในหนังสือในวันนี้อะไรเงี้ย
00:32:15 → 00:32:17 แล้วรวมถึง 2 ปีที่ผมก่อนหน้านั้นผมไม่
00:32:17 → 00:32:19 ได้ไปทำงานที่ญี่ปุ่นอะไรเงี้ยผมก็เป็น
00:32:19 → 00:32:21 แค่คนกินอะไรเงี้ยผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า
00:32:21 → 00:32:23 วันนี้ผมจะมาทำอาหารให้เากินอะไรเงี้ย
00:32:23 → 00:32:26 ซึ่งมันแบบมันเหมือนฝันที่เป็นจริงมาก
00:32:26 → 00:32:28 กว่าจริงๆถามว่ามันไปแข่งมันก็อาจจะเป็น
00:32:28 → 00:32:31 แค่อปชั่นเสริมแต่ว่าความฝันของคนคนึงมัน
00:32:31 → 00:32:35 ก็ถูกเติมเต็มด้วยด้วยแบบมันเกิดมาคุ้ม
00:32:35 → 00:32:39 แล้วอ่ะไปทำให้เคกินน่ะมันไม่ได้เอมันแบบ
00:32:39 → 00:32:42 มันจำเป็นเหรออาจจะอย่างที่บอกมันอาจจะ
00:32:42 → 00:32:45 ไม่ตอบโจทย์ธุรกิจนะแต่มันจอตอโจทย์ความ
00:32:45 → 00:32:49 ความรู้สึกอ่ะว่าแบบมันเนี่ยหนังสือเนี่ย
00:32:49 → 00:32:52 เปิดมาโอ้เจอหลายคนเลยในนั้นจริงมัน
00:32:52 → 00:32:54 เหมือนฝันเป็นจริงแหละครับมันไม่ไม่รู้จะ
00:32:54 → 00:32:58 หาคำมาอธิบายความรู้สึกนี้ยังไงว่าเราได้
00:32:58 → 00:33:01 ทำความฝันนี้สำเร็จก้าวแรกแล้วอะไรเงี้ย
00:33:01 → 00:33:06 ที่แบบไปถึงที่หมายมันแล้วก็ไปได้ทำงานใน
00:33:06 → 00:33:08 ที่นั่นจริงๆอะไรเงี้ยนอกจากคือถ้าบอกโอ๊
00:33:08 → 00:33:11 ไปเที่ยวก็คงไม่แปลกแต่ได้ไปทำงานในนั้น
00:33:11 → 00:33:14 ได้เห็นรูปบรรยากาศส่งนี่คือครัวที่เขาทำ
00:33:14 → 00:33:17 กันิจริงๆนะแล้วก็อาหารก่อนหน้าอีเวนนี้
00:33:17 → 00:33:21 มันก็คืออาหารที่ของคุณซาโน่อ่ะมันคือแบบ
00:33:21 → 00:33:23 มันคือแบบนี่มันคือแบบ The Best ของ The
00:33:23 → 00:33:26 Best แบบไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ยัง
00:33:26 → 00:33:29 ไงอะไรเงี้ยถ้าคนชอบหรือว่าหลงใหลในใน
00:33:29 → 00:33:32 วัฒนธรรมญี่ปุ่นอยู่แล้วแล้วก็ชื่นชอบใน
00:33:32 → 00:33:35 เ่ออาหารประเภทเนี้ยสถานที่เมันก็ตอบคำ
00:33:35 → 00:33:38 ถามของคนที่ชอบอยู่แล้วว่าแบบเอ้ยฉันได้
00:33:38 → 00:33:40 ไปทำงานในนี้นะมันคือความภูมิใจครั้ง
00:33:40 → 00:33:43 หนึ่งในชีวิตที่ที่แบบมันหาอะไรมาเปรียบ
00:33:43 → 00:33:45 เทียบไม่น่าได้แล้วก็โอกาสนี้มันก็ขอบคุณ
00:33:45 → 00:33:48 สำหรับโอกาสด้วยที่มันเกิดขึ้นอะไรเงี้ยอ
00:33:48 → 00:33:50 สำหรับคนกินก็ถือว่าโชคดีนะที่คุณโจกับ
00:33:50 → 00:33:53 คุณิวไม่ได้สัก 1 นะไม่งั้นต้อง 1 ปี
00:33:53 → 00:33:55 เนี่ยผมอาจจะต้องบินไปกินที่ญี่ปุ่นใช่ม
00:33:55 → 00:33:58 ตอนนี้ก็ได้กินที่ศลยาก็ขอบวันนี้ขอบคุณ
00:33:58 → 00:34:02 คุณโจคุณิวมากครับที่มาคุยกันรายการ E
00:34:02 → 00:34:04 ตอนแรกเลยนะครับขอบคุณมากครับขอบคุณมาก
00:34:04 → 00:34:04 ครับ
00:34:04 → 00:34:13 [เพลง]
00:34:13 → 00:34:26
00:34:26 → 00:34:30 ครับอ