00:00:00 → 00:00:01 ถ้าคุณกินเนื้อแดงเช่นเนื้อหมูเนื้อวัว
00:00:01 → 00:00:04 คุณมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งนะที่เขาสรุป
00:00:04 → 00:00:06 กันมาเนี่ยเขาเขียนว่าต้องเป็นเนื้อแดง
00:00:06 → 00:00:09 ที่ผ่าการปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนสูงถาม
00:00:09 → 00:00:12 ว่าจริงๆแล้วเนื้อสัตว์เป็นตัวที่ทำให้
00:00:12 → 00:00:14 เป็นโรคมะเร็งหรือเปล่าถ้าสมมุติผมถามคุณ
00:00:14 → 00:00:17 ผู้ชมว่ากินแอลกอฮอล์แล้วใส่น้ำแข็งแล้ว
00:00:17 → 00:00:19 เป็นตับแข็ง
00:00:19 → 00:00:19 >> จะโทษน้ำแข็งมั้ย
00:00:20 → 00:00:23 >> อย่างี้เราต้องกินเนื้อดิบหรอคะ
00:00:24 → 00:00:26 >> บางบ้านเนี่ยลูกเขาเกิดมาเขาก็เลี้ยงให้
00:00:26 → 00:00:28 เป็นweกนเป็นมังสวีรัตเลยอะไรอย่างเงี้ย
00:00:28 → 00:00:32 ค่ะเคยมีใครที่ทำวิจัยว่าเด็กที่ถูก
00:00:32 → 00:00:35 เลี้ยงมาแบบ Animal base หรือว่าweกน
00:00:35 → 00:00:37 หรือว่า diet ประเภทไหนก็ตามอะไรเงี้ย
00:00:37 → 00:00:40 เติบโตมาแล้วฉลาดเท่ากันมคุณหมอ
00:00:40 → 00:00:42 >> มันมีอันที่สามารถเทียบเคียงได้
00:00:42 → 00:00:45 >> โหอันนี้นะสมมุติว่าอันเนี้ลองโพสต์ลงใน
00:00:45 → 00:00:47 IG นะตีกันยับเลยอ่ะ
00:00:47 → 00:00:50 เขาบอกว่าเนื้อสัตว์เนี่ยสามารถรักษาภาวะ
00:00:50 → 00:00:53 ซึมเศร้าใบโพล่าได้เหรอคะ
00:00:53 → 00:00:57 >> เคยมีการรายงานครับว่าคนที่
00:00:57 → 00:01:01 Morningินายแพทย์ทวัเจ้าของเพจสุขภาพหมอ 1
00:01:01 → 00:01:03 Healthy Herีโร่ที่เชื่อว่าเราไม่ต้อง
00:01:03 → 00:01:06 พึ่งยักษ์ก็สุขภาพดีได้จะมาเปิดมุมมอง
00:01:06 → 00:01:08 ใหม่เกี่ยวกับ Animal Base Diet ที่จะ
00:01:08 → 00:01:16 ทำให้คุณเข้าใจการกินเนื้อสัตว์มากขึ้น
00:01:16 → 00:01:19 วันนี้มีคำถามมากมายไม่รู้จะเริ่มจากอะไร
00:01:19 → 00:01:23 ก่อนดีคุณชมอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องอะไรคะ
00:01:23 → 00:01:33 เรื่องสุขภาพกายใจความงามแล้วก็
00:01:33 → 00:01:34 hours later
00:01:34 → 00:01:38 >> ถ้าอยากรู้เยอะขนาดนี้ไปงานนี้ดีกว่าไหคะ
00:01:38 → 00:01:41 ครั้งแรกงานมหกรรมชีวิตและสุขภาพที่ครบ
00:01:41 → 00:01:43 ทุกมิติร่วมทุกศาสตร์การดูแลตัวเองทั้ง
00:01:43 → 00:01:46 กายใจและความงามให้คุณได้ค้นหาเวอร์ชั่น
00:01:46 → 00:01:49 ใหม่ของชีวิต Wellness Talk Health
00:01:49 → 00:01:51 Tech Mindful Living Immersive
00:01:51 → 00:01:54 Experience Life Expo Come Explore
00:01:54 → 00:01:57 the Better you 15-16 พฤศจิกายนดูราย
00:01:57 → 00:02:01 ละเอียดในคอม 151 พฤศจิกายนนี้ Live Expo
00:02:01 → 00:02:02
00:02:02 → 00:02:04 >> ครับ Live Expo ไม่ใช่ Expo
00:02:04 → 00:02:07 >> 15-16 พฤศจิกายนครับ
00:02:08 → 00:02:12 >> 15-16 พฤศจิกายนนี้ Live Expo 2025
00:02:12 → 00:02:16 Tob Live Mpere
00:02:16 → 00:02:19 [ปรบมือ]
00:02:19 → 00:02:21 >> วันนี้จะมาคุยกับคุณหมอนึงเรื่อง Animal
00:02:21 → 00:02:23 Base Dietอนะคะก่อนอื่นเลยต้องถามก่อน
00:02:23 → 00:02:26 ว่าแล้วคุณหมอนี่เป็นไดเอตสายไหนค่ะส่วน
00:02:26 → 00:02:29 ตัวคุณหมอเองนะจริงๆของผมเนี่ยเน้นการกิน
00:02:29 → 00:02:32 เนื้อสัตว์แต่ว่ายังกินพืชอยู่บ้างโดย
00:02:32 → 00:02:36 เฉพาะพวกที่เป็นผักกับผลไม้แต่ว่าจำกัดใน
00:02:36 → 00:02:38 ปริมาณที่เหมาะสมนะครับ
00:02:38 → 00:02:39 >> คุณหมอทานโปรตีนวันละกี่กรัมคะ
00:02:39 → 00:02:42 >> ของผมกิน 1-1.6 6 เท่าของน้ำหนักตัวผม
00:02:42 → 00:02:44 หนัก 70 นะครับเพราะฉะนั้นก็จะกินประมาณ
00:02:44 → 00:02:46 70 ถึงประมาณ 110 กรัมต่อวัน
00:02:46 → 00:02:48 >> เพราะว่าเราออกกำลังกายเราต้องสร้างกล้าม
00:02:48 → 00:02:50 เนื้อนะครับเนาะเราต้องใช้โปรตีนเยอะขึ้น
00:02:50 → 00:02:53 >> วันนี้เรามาพูดถึง Animal Base เป็นยัง
00:02:53 → 00:02:56 ไงมายังไงคุณหมอถึงได้มาสนใจในเรื่องนี้
00:02:56 → 00:02:57 เป็นพิเศษคะ
00:02:57 → 00:03:00 >> ส่วนตัวผมเนี่ยนอกจากเรื่องสุขภาพผมสนใจ
00:03:00 → 00:03:02 เกี่ยวกับเรื่องของการลดน้ำหนักนะครับ
00:03:02 → 00:03:04 เพราะฉะนั้นในเรื่อง Animal Base กับ
00:03:04 → 00:03:05 Plant Base ที่เขาถกเถียงกันมาเนี่ย
00:03:05 → 00:03:08 ส่วนใหญ่ก็คือจะเริ่มมาจากการลดน้ำหนัก
00:03:08 → 00:03:10 ว่าในช่วงก่อนหน้านี้เนี่ยจะมีวิธีการลด
00:03:10 → 00:03:12 น้ำหนักหลายแบบวิธีการกินเพื่อสุขภาพหลาย
00:03:12 → 00:03:15 แบบถ้าแบ่งจริงๆแล้วก็จะมีสายที่เขากิน
00:03:15 → 00:03:17 เนื้อสัตว์แบบจริงๆจังๆเลยเป็นสายแบบ
00:03:17 → 00:03:21 เถื่อนๆเลยก็คือกินแบบ CD CD คือคิวัสเอ
00:03:21 → 00:03:21 >> ค่ะ
00:03:21 → 00:03:24 >> คิวอเนี่ยเขาแปลว่าสัตว์กินเนื้อ
00:03:24 → 00:03:26 >> เพราะฉะนั้นสายนึงก็จะกินเนื้อสัตว์เยอะๆ
00:03:26 → 00:03:28 โดยที่ไม่กินพืชเลยแล้วพอเขากินแล้วเ
00:03:28 → 00:03:31 สุขภาพดีขึ้นเขาก็จะเชื่อว่าการกินแบบ
00:03:31 → 00:03:32 เนี้ย
00:03:32 → 00:03:35 >> ถูกต้องแล้วเขาก็จะกินไปตลอดคนกินคีโตที่
00:03:35 → 00:03:38 กินของมันๆเยอะๆแล้วเผอมลงเสุขภาพดีเขาก็
00:03:38 → 00:03:40 จะเชื่อว่าการกินคีโตเนี่ยดี
00:03:40 → 00:03:43 >> ส่วนในช่วงประมาณ 5-10 ปีที่ผ่านมาก็จะ
00:03:43 → 00:03:46 เริ่มมีสายที่กินแบบแพนเบสนะครับแล้วเกิน
00:03:46 → 00:03:47 แล้วเสุขภาพดีเขาจะบอกว่าวิธีการกินของ
00:03:47 → 00:03:50 เขาอ่ะดีคราวนี้เขาก็เลยเกิดการดีเบตกัน
00:03:50 → 00:03:53 ว่าเฮ้ยแบบไหนของใครดีกว่ากันแน่
00:03:53 → 00:03:55 >> คุณหมอก็เลยหันมาสนใจเรื่องนี้
00:03:55 → 00:03:56 >> ถูกต้องครับ
00:03:56 → 00:03:59 >> อืทีเนี้ยอยากให้คุณหมออธิบายถึงคำว่า
00:03:59 → 00:04:01 Animal base นิดนึงว่าเมื่อกี้บอกแล้ว
00:04:01 → 00:04:02 เนาะว่ามันมีแบบว่า Animal Base แบบ
00:04:02 → 00:04:06 ฮาร์ดคอไปเลยหรือว่าต้องมีสัดส่วนเท่านี้
00:04:06 → 00:04:07 เท่านี้ถึงจะเรียกว่า Animal Base อะไร
00:04:07 → 00:04:10 เงี้ยเอาเป็นว่ามันมีกี่กี่สายคะ Animal
00:04:10 → 00:04:11 Base
00:04:11 → 00:04:13 >> ถ้าให้แบ่งแบบเข้าใจง่ายๆเลยแล้วกันนะ
00:04:13 → 00:04:14 ครับก็จะมีอยู่ 3 สาย
00:04:15 → 00:04:17 >> เราจะแบ่งตามสัดส่วนที่เรายอมรับได้ว่า
00:04:17 → 00:04:20 เราจะกินคาร์โบไฮเดรตมากน้อยแค่ไหนเพราะ
00:04:20 → 00:04:22 ว่าถ้าพูดถึง Animal Base เนี่ยสารอาหาร
00:04:22 → 00:04:24 ที่เราจะได้จากanิalหรือได้จากสัตว์จริงๆ
00:04:24 → 00:04:26 เนี่ยถ้ากินแต่สัตว์อย่างเดียวก็จะได้
00:04:26 → 00:04:30 เป็นโปรตีนกับไขมันเพราะว่าในสัตว์จะไม่
00:04:30 → 00:04:32 ค่อยมีส่วนที่เป็นแป้งเท่าไหร่
00:04:32 → 00:04:34 >> นะครับอันที่ 1 ก็จะเป็นเมื่อกี้ที่ผมบอก
00:04:34 → 00:04:37 คุณชมไปก็คือเป็นคิวัสดเพราะว่าคาร์ivอ
00:04:37 → 00:04:38 แปลว่าสัตว์กินเนื้อ
00:04:38 → 00:04:40 >> เพราะฉะนั้นถ้าเรากินคาริอรัสไดเอตคือเรา
00:04:40 → 00:04:43 กินเหมือนเสือเลยเราจะกินแต่โปรตีนกินแต่
00:04:43 → 00:04:45 ไขมันจากเนื้อสัตว์แต่ว่าเราจะไม่กินพวก
00:04:46 → 00:04:47 ที่เป็นพืชเลยแม้แต่นิดเดียวเพราะฉะนั้น
00:04:47 → 00:04:50 ถามว่ากินผักมั้ยไม่กินผลไม้กินมั้ยไม่
00:04:50 → 00:04:51 กิน
00:04:51 → 00:04:52 >> แล้วลำไส้เค้าเป็นยังไงอ่ะคุณหมอ
00:04:52 → 00:04:56 >> ลำไส้ก็จุลินทรีย์ในลำไส้ของแต่ละคนที่
00:04:56 → 00:04:58 เขากินแต่ละแบบมันจะปรับตัวไปตามสิ่งที่
00:04:58 → 00:04:59 เขากินครับ
00:04:59 → 00:04:59 >> อ
00:04:59 → 00:05:01 >> อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่น่าสนใจนะ
00:05:01 → 00:05:01 ครับ
00:05:01 → 00:05:03 >> เค้าก็จะมีเค้าเรียกว่าอะไรอ่ะระบบนิเวศ
00:05:04 → 00:05:05 ในลำไส้เค้าก็จะเป็นอีกแบบไปเลย
00:05:05 → 00:05:07 >> ถูกต้องครับแบบที่ 1 ที่เราพูดกันก็คือ
00:05:07 → 00:05:09 คิวัสเอเนาะสุดโต่งเลย
00:05:09 → 00:05:10 >> สุดโต่งเลย
00:05:10 → 00:05:10 >> ค่ะ
00:05:10 → 00:05:12 >> แบบที่ 2 คือคีโตจนิคdiอet
00:05:12 → 00:05:15 >> สายนี้เนี่ยจริงๆที่มาเนี่ยแต่ก่อนน่ะมัน
00:05:15 → 00:05:17 เกิดมาจากการที่เขาพยายามจะทำยังไงก็ได้
00:05:17 → 00:05:19 ให้รักษาเด็กที่เป็นลมชัก
00:05:20 → 00:05:20 >> อ่า
00:05:20 → 00:05:21 >> อื
00:05:21 → 00:05:24 >> เาค้นพบว่าการที่เรากินคีโตจนิคdiอet
00:05:24 → 00:05:26 เนี่ยมันช่วยรักษาเด็กที่เป็นลมชักได้ให้
00:05:26 → 00:05:30 อธิบายก็คือคีโตเนี่ยมาจากคำว่าคีโตน
00:05:30 → 00:05:32 คีโตนเป็นสารชนิดนึงที่เกิดจากการสลายไข
00:05:32 → 00:05:35 มันในร่างกายออกมาแล้วเป็นพลังงานเจนิค
00:05:35 → 00:05:37 แปลว่าการสร้างเพราะฉะนั้นคีโตจนิคอตเลย
00:05:37 → 00:05:39 เป็นการกินที่เน้นการสร้างสารที่เป็น
00:05:39 → 00:05:40 คีโตน
00:05:40 → 00:05:42 >> แล้วคนที่เขาเป็นลมชักนี่คือแปลว่าเขาไม่
00:05:42 → 00:05:43 มีคีโตนออกมา
00:05:43 → 00:05:46 >> ไม่ใช่ครับคือเขาเกิดจากการสังเกตว่าถ้า
00:05:46 → 00:05:48 คนที่เป็นลมชักเนี่ยได้ทำfastิ้การทำ
00:05:48 → 00:05:50 fastิ้จะเกิดสารที่เป็นคีโตออกมาด้วยนะ
00:05:50 → 00:05:52 ครับเนาะแล้วจะอาการลมชักจะดีขึ้น
00:05:52 → 00:05:54 >> แต่เราไม่สามารถที่จะอดอาหารแล้วทำ
00:05:54 → 00:05:57 fastติ้ยาวๆเพื่อให้ลมชักดีขึ้นได้ตลอด
00:05:57 → 00:05:59 เพราะฉะนั้นเขาก็เลยจะเฮ้ยมีวิธีอื่นมั้ย
00:05:59 → 00:06:01 ที่สามารถสร้างคีโตนได้ด้วย
00:06:01 → 00:06:03 >> อ่าเพราะฉะนั้นวิธีอีกวิธีนึงก็คือเฮ้ย
00:06:03 → 00:06:05 ถ้าเราไม่ทำมาอ่ะเราตัดที่เป็นน้ำตาลตัด
00:06:05 → 00:06:08 ที่เป็นแป้งออกร่างกายก็สสสสสลับกับระบบ
00:06:08 → 00:06:10 พลังงานไปใช้ไขมันทำให้เกิดสารที่เป็น
00:06:10 → 00:06:12 คีโตนตัวเเกิดขึ้นมาสมองก็ใช้พลังงานจาก
00:06:13 → 00:06:15 คีโตนได้แล้วเขาพบว่าเฮ้ยอาการลมชักดี
00:06:15 → 00:06:16 ขึ้นด้วยเนาะ
00:06:16 → 00:06:18 >> เพราะฉะนั้นสัดส่วนของคนที่กินคีโตจริงๆ
00:06:18 → 00:06:20 เนี่ยก็คือจะเน้นไขมันเป็นหลัก
00:06:20 → 00:06:23 >> แล้วก็ตัดน้ำตาลออกตัดแป้งออก
00:06:23 → 00:06:26 >> นะครับแต่ว่าความเข้าใจผิดอย่างนึงของคน
00:06:26 → 00:06:28 ที่เขากินคีโตสมัยก่อนๆเลยก็คือเฮ้ยเรา
00:06:28 → 00:06:31 เห็นเขากินหมู 3 ชั้นน่ะฉันคิดว่ามันคือ
00:06:31 → 00:06:33 การกินหมู 3 ชั้นแน่เลยคือคีโตไม่ใช่จริง
00:06:33 → 00:06:36 ๆคีโตคือตัดแป้งตัดน้ำตาลแต่ถ้าจะ Healy
00:06:36 → 00:06:39 จริงเราจะยอมรับให้กินคาร์โบไฮเดรตได้ใน
00:06:39 → 00:06:41 ปริมาณที่ไม่เกินประมาณ 20 กรัมต่อวัน
00:06:41 → 00:06:42 >> อื
00:06:42 → 00:06:44 >> 20 กรัมต่อวันเยอะประมาณไหนก็ไม่เกิน
00:06:44 → 00:06:46 ข้าว 1 ทัพผักได้แต่ว่าต้องเป็นผักที่ไม่
00:06:47 → 00:06:49 ใช่ผักหัวเช่นข้าวโพดเผือกมันฟักทองพวก
00:06:49 → 00:06:50 นี้มันจะมีแป้งนะครับเนาะเพราะฉะนั้นก็
00:06:50 → 00:06:52 กินแต่ผักใบอันนี้ก็ยังได้ใยอาหารด้วยเรา
00:06:52 → 00:06:54 จะเรียกว่าเป็น Healthy คีโต
00:06:54 → 00:06:56 >> สำหรับชมก็ยังมองว่าเป็นคีโตนแบบค่อนข้าง
00:06:56 → 00:06:57 สุดโต่งอยู่นะถ้า 20 กรัม
00:06:57 → 00:07:00 >> สุดใช่ครับก็คือข้าวปกติเรากินมื้อนึง 2
00:07:00 → 00:07:02 ทัพพีวันนึงกิน 6 ทัพีแต่อันนี้แบบรวม
00:07:02 → 00:07:04 ทั้งวัน 1 ทัพีไม่เกิน
00:07:04 → 00:07:07 >> ค่ะเพราะว่ามันอยู่ในผักในอะไรอย่างอื่น
00:07:07 → 00:07:12 ด้วยอ่ะถ้านับกันจริงๆก็ก็เกินถ้าถ้าเรา
00:07:12 → 00:07:14 ทานไฟเบอร์ด้วยก็รวมๆกันก็เกิน
00:07:14 → 00:07:14 >> ใช่ครับ
00:07:15 → 00:07:16 >> อื
00:07:16 → 00:07:17 >> แล้วมีอีกมั้ยคะ
00:07:17 → 00:07:19 >> แบบที่ 3 อันนี้จะเป็นแบบที่ค่อนข้างยืด
00:07:19 → 00:07:20 หยุ่นหน่อยนะครับคนไทยน่าจะทำง่ายก็คือ
00:07:21 → 00:07:23 เป็นLบ High โปรตีน
00:07:23 → 00:07:26 >> แสดงว่าแบบแรกที่เป็นคาริบอรัสไม่กินเลย
00:07:26 → 00:07:28 แบบที่ 2 คือยังยอมกินจากพวกที่เป็นใย
00:07:28 → 00:07:29 อาหารบ้าง
00:07:29 → 00:07:32 >> แบบที่ 3 คำว่าโลขับในที่นี้เราอาจจะกิน
00:07:32 → 00:07:34 สัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตเพิ่มขึ้นมานิดนึง
00:07:34 → 00:07:37 อาจจะประมาณ 20-1 กรัมต่อวันแล้วไโปรตีน
00:07:37 → 00:07:40 ก็อาจจะได้จากพวกเนื้อสัตว์นมไข่เป็นส่วน
00:07:40 → 00:07:43 ใหญ่แต่เราอาจจะไม่สามารถไฮโปรตีนจากพวก
00:07:43 → 00:07:45 ที่เป็นธัญพืชได้เพราะว่าจริงๆในธัญพืชก็
00:07:45 → 00:07:47 ยังมีส่วนที่เป็นคาร์โบไฮเดรตอยู่ถ้าเรา
00:07:47 → 00:07:50 กินแต่คาร์โบไฮเดรตเยอะๆก็จะไม่ใช่โลหะ
00:07:50 → 00:07:51 ไฮโปรตีนละอ
00:07:51 → 00:07:53 >> ค่ะก็จะมีกลุ่มที่เชื่อว่าการกินเนื้อ
00:07:53 → 00:07:56 สัตว์เยอะเนี่ยมันเป็นปัจจัยเสี่ยงใน
00:07:56 → 00:07:57 เรื่องของโรคมะเร็งอะไรอย่างเงี้ยค่ะคุณ
00:07:57 → 00:08:00 หมอตรงนี้มันแฟกมันเป็นยังไงอ่ะคะ
00:08:00 → 00:08:03 >> จริงๆนอกจากที่เขาดีเบตเรื่องมะเร็งนะยัง
00:08:03 → 00:08:06 ดีเบตเรื่องโรคหัวใจค่ะกินเนื้อสัตวเยอะ
00:08:06 → 00:08:08 โรคหัวใกินเนื้อสัตว์เยอะเป็นโรคมะเร็งขอ
00:08:08 → 00:08:10 อธิบายทีละอันแล้วกันนะครับ
00:08:10 → 00:08:12 >> ถ้ากินเนื้อสัตว์เยอะแล้วเป็นโรคมะเร็ง
00:08:12 → 00:08:12 เนี่ย
00:08:12 → 00:08:14 >> ในโรคมะเร็งเนี่ยเมื่อ 10 ปีที่แล้วเนี่ย
00:08:14 → 00:08:17 เขามีการรวบรวมงานวิจัยแล้วก็มีการสรุป
00:08:17 → 00:08:20 classify ออกมาว่าเฮ้ยอะไรบ้างที่เป็น
00:08:20 → 00:08:21 อาหารที่ก่อมะเร็งแน่ๆ
00:08:21 → 00:08:21 >> ค่ะ
00:08:21 → 00:08:24 >> กรุ๊ปที่ 1 เลยที่เป็นสารก่อมะเร็งแน่ๆก็
00:08:24 → 00:08:26 คือพวกที่เป็นอาหารแปรรูปเนื้อสัตว์แปร
00:08:26 → 00:08:30 รูปเช่นไส้กรอกแฮมเบคอนนะครับพวกนี้เนี่ย
00:08:30 → 00:08:33 มีการเอาเนื้อสัตว์มาแล้วก็ทำให้เขา้า
00:08:33 → 00:08:35 สามารถอยู่ได้นานขึ้นโดยการใส่สารที่ชื่อ
00:08:35 → 00:08:38 ว่าไนเตรตเข้าไปช่วยทำให้กันบูดก็ได้ทำ
00:08:38 → 00:08:41 ให้เป็นสารที่เนื้อแดงขึ้นก็ได้นะครับ
00:08:41 → 00:08:42 เพราะฉะนั้นตรงเนี้ยเป็นอันที่ 1
00:08:43 → 00:08:45 >> แต่อันที่ดีเบตอยู่ในปัจจุบันจริงๆเนี่ย
00:08:45 → 00:08:48 อันที่ 2 กุ๊บ 2A เนี่ยคือตัวที่เป็น
00:08:48 → 00:08:48 เนื้อแดง
00:08:48 → 00:08:49 >> ค่ะ
00:08:49 → 00:08:50 >> ว่าเฮ้ยถ้าคุณกินเนื้อแดงเช่นเนื้อหมู
00:08:50 → 00:08:54 เนื้อวัวคุณมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งนะแต่
00:08:54 → 00:08:57 ในที่เขาสรุปกันมาเนี่ยเขาเขียนว่าต้อง
00:08:57 → 00:08:59 เป็นเนื้อแดงที่ผ่านการปรุงอาหารที่ใช้
00:08:59 → 00:09:00 ความร้อนสูง
00:09:00 → 00:09:00 >> ค่ะ
00:09:01 → 00:09:03 >> เพราะฉะนั้นถามว่าจริงๆแล้วเนื้อสัตว์
00:09:03 → 00:09:06 เป็นตัวที่ทำให้เป็นโรคมะเร็งหรือเปล่าคำ
00:09:06 → 00:09:09 ถามคือถ้าสมมุติผมผมถามคุณชมว่ากิน
00:09:09 → 00:09:13 แอลกอฮอล์แล้วใส่น้ำแข็งแล้วเป็นตับแข็ง
00:09:13 → 00:09:14 >> จะโทษน้ำแข็งมั้ย
00:09:14 → 00:09:17 >> จะโทษน้ำแข็งมั้ยถูกมั้ถ้าเรากินน้ำอัดลม
00:09:17 → 00:09:19 ใส่น้ำแข็งแล้วเป็นเบาหวานแสดงว่าน้ำแข็ง
00:09:19 → 00:09:22 ไม่ดีหรือเปล่าอาจจะไม่ใช่จริงๆตัวเนื้อ
00:09:22 → 00:09:24 สัตว์อาจจะไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาอาจจะเกิด
00:09:24 → 00:09:26 จากการที่คุณเอาเนื้อสัตว์ไปผส่ในไตคุณ
00:09:26 → 00:09:28 เอาเนื้อสัตว์ไปผ่านความร้อนสูงแล้วเป็น
00:09:28 → 00:09:29 มะเร็งหรือเปล่า
00:09:29 → 00:09:31 >> ค่ะอย่างี้เราต้องกินเนื้อดิบหรอคะ
00:09:31 → 00:09:33 >> เนื้อดิบจริงๆก็มีทั้งข้อดีข้อเสียนะครับ
00:09:33 → 00:09:34 ค่ะ
00:09:34 → 00:09:37 >> เนื้อดิบเนี่ยถ้าเป็นข้อดีเลยคือสารอาหาร
00:09:37 → 00:09:39 ไม่ถูกชัดล้างออกไปเพราะว่าอะไรเพราะว่า
00:09:39 → 00:09:42 ไม่ผ่านความร้อนแต่ข้อเสียก็มีไข่ดิบ
00:09:42 → 00:09:44 เนี่ยเคยมีคนกินก็จะอาจจะได้เชื้อโรคท้อง
00:09:44 → 00:09:47 เสียเป็นซามโมเนล่าแต่ถ้าสมมุติว่ากินหมู
00:09:47 → 00:09:49 ดิบคุณผู้ชมเคยได้ยินมั้ที่ออกข่าวเยอะๆ
00:09:49 → 00:09:51 เลยกินหมูดิบแล้วหูดับ
00:09:51 → 00:09:51 >> ค่ะ
00:09:51 → 00:09:53 >> หรือที่น่ากลัวที่สุดที่อันนี้ที่ใครเห็น
00:09:53 → 00:09:56 ภาพก็จะแบบโอ้โหเป็นขนาดนี้เลยหรอคือกิน
00:09:56 → 00:09:57 เนื้อวัวดิบ
00:09:57 → 00:09:57 >> อื
00:09:57 → 00:10:00 >> เนื้อวัวดิบเนี่ยในนั้นจะมีพวกพยาธตัวตืด
00:10:00 → 00:10:02 ใช่ถ้าขึ้นสมองก็บางคนก็มาด้วยอาการชัก
00:10:03 → 00:10:04 หรือบางคนเนี่ยปวดเมื่อยกล้ามเนื้อแล้วก็
00:10:05 → 00:10:06 ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไปเซเรยทีเห็น
00:10:06 → 00:10:09 พยาธเต็มกล้ามเนื้อไปหมดเลยทั้งตัวเลยอ
00:10:09 → 00:10:09 >> ก็มีครับ
00:10:09 → 00:10:14 >> สรุปก็คือว่าเนื้อแดงถ้าผ่านความร้อนสูง
00:10:14 → 00:10:17 ก็คือมีงานวิจัยว่ามันสัมพันธกันกับการ
00:10:17 → 00:10:19 เกิดมะเร็งใช่ครับอย่างที่เขาบอกว่าเวลา
00:10:19 → 00:10:21 เราไปกินปิ้งย่างแล้วมีส่วนที่เป็นดำๆที่
00:10:21 → 00:10:23 เกิดจากความหวังตรงนั้นแหละครับไอ้ตัว
00:10:23 → 00:10:24 นั้นแหละคือตัวที่เกิดก่อให้เกิดมะเร็ง
00:10:24 → 00:10:26 >> แล้วถ้าเราตัดไอ้ตรงดำๆออกอ่ะ
00:10:26 → 00:10:29 >> ก็ยังพอกินได้แต่ก็ถ้าถามว่ากินแบบไหนดี
00:10:29 → 00:10:31 ที่สุดถูกมั้ครับด้วยความที่งานวิจัยเค้า
00:10:31 → 00:10:33 ก็ทำอย่างเงี้ต่อไปเรื่อยๆดีที่สุดก็คือ
00:10:33 → 00:10:35 กินข้อที่ 1 กินอาหารให้หลากหลาย
00:10:35 → 00:10:35 >> ค่ะ
00:10:35 → 00:10:38 >> กินเนื้อแดงบ้างกินเนื้อขาวบ้าง
00:10:38 → 00:10:41 >> นะแล้วก็อันที่ 1 ที่เา้าจัดไว้เป็นกรุ๊ป
00:10:41 → 00:10:43 แรกเลยก็คืออาหารแปรรูปอันเนี้ยถ้าเลี่ยง
00:10:43 → 00:10:44 ได้ก็ก็เลี่ยงดีกว่าเพราะยังไงเราก็รู้
00:10:44 → 00:10:47 แน่ๆว่าเค้าใส่สารเคมีแล้วก็มะเร็งเนี่ย
00:10:47 → 00:10:49 ที่สัมพันธ์จริงๆเนี่ยนะครับกับอาหาร
00:10:49 → 00:10:51 กลุ่มนี้เนี่ยไม่ใช่ทุกมะเร็งแต่มะเร็ง
00:10:51 → 00:10:53 ที่เขาบอกว่าสัมพันธ์มากที่สุดเลยคือ
00:10:53 → 00:10:54 มะเร็งลำไส้
00:10:54 → 00:10:55 >> ค่ะ
00:10:55 → 00:10:57 >> เพราะฉะนั้นมะเร็งลำไส้ก็จะเกิดจากการที่
00:10:57 → 00:10:59 การขับถ่ายผิดปกติเป็นไปได้มั้ว่าเรากิน
00:10:59 → 00:11:00 เนื้อสัตว์แล้วเราท้องผูก
00:11:00 → 00:11:03 >> เป็นไปได้ทำยังไงให้ท้องเราไม่ผูกอ้าอาจ
00:11:03 → 00:11:05 จะกินใยอาหารเพิ่มได้มย
00:11:05 → 00:11:08 >> อ่าเราไม่กินขาบแต่เราอาจจะกินผักได้มย
00:11:08 → 00:11:10 เพื่อให้อาจได้ขาบน้อยๆแต่ว่ายังมีใย
00:11:10 → 00:11:12 อาหารอยู่ทำให้ลำไส้เรายังขับไถ่ได้ดี
00:11:12 → 00:11:14 จุลินทรีย์ในลำไส้เรายังแข็งแรง
00:11:14 → 00:11:17 >> วิธีที่แบบว่าเหมาะที่จะแบบว่าปรุงอาหาร
00:11:18 → 00:11:20 ให้สุกนะคะคุณหมอมันควรจะเป็นอย่างคือควร
00:11:20 → 00:11:21 จะเป็นslลวคุกหรือว่า
00:11:21 → 00:11:23 >> ใช้ความร้อนไม่สูงถ้าเป็นภาษาทั่วไปเใช้
00:11:23 → 00:11:25 คำว่า food ถูกมั้ยครับแล้วก็ผ่านความ
00:11:25 → 00:11:28 ร้อนน้อยๆการทอดเนี่ยใช้ความร้อนสูงอาจจะ
00:11:28 → 00:11:31 เป็นการต้มการนึ่งแบบเนี้ยเรารับได้
00:11:31 → 00:11:32 >> แล้วปิ้งย่างอ่ะค่ะ
00:11:32 → 00:11:34 >> ย่างเจ้าส่วนตัวจริงๆผมก็ยังทานนะ
00:11:34 → 00:11:34 >> ค่ะ
00:11:34 → 00:11:36 >> เพราะว่าอาหารจริงๆมันไม่ใช่เรื่องสุขภาพ
00:11:36 → 00:11:38 อย่างเดียวมันเป็นเรื่องความสุขด้วยแต่
00:11:38 → 00:11:40 เราแค่ไม่ได้ทานแบบนี้ทุกวัน
00:11:40 → 00:11:40 >> ค่ะ
00:11:41 → 00:11:41 >> นะครับ
00:11:41 → 00:11:43 >> เพราะชมก็รู้สึกว่าจริงๆอ่ะการย่างด้วยไฟ
00:11:44 → 00:11:47 อ่ะมันน่าจะเป็นวิธีที่แบบว่าทำกันมาเป็น
00:11:47 → 00:11:50 หมื่นเป็นหมื่นๆปีแล้วถูกมั้คะมันเป็น
00:11:50 → 00:11:52 วิธีแรกที่แบบมนุษย์แบบ
00:11:52 → 00:11:53 >> ใช้อ่ะถูกมั้
00:11:53 → 00:11:56 >> ใช่ครับคือถ้าเป็นยุคแต่ก่อนเนี่ยเราจะ
00:11:56 → 00:11:59 เริ่มมาจากการที่เรากินพืชผักเนาะแล้วก็
00:11:59 → 00:12:03 เริ่มมาล่าสาดนะครับแล้วก็เริ่มมาปรุงโดย
00:12:03 → 00:12:06 การใช้ไฟแต่ยุคปัจจุบันมันไม่ใช่แค่นั้น
00:12:06 → 00:12:08 มันเป็นยุคของ Ultra Process Food
00:12:08 → 00:12:11 >> ก็คือมีการผ่านกระบวนการเยอะแยะไปหมดซึ่ง
00:12:11 → 00:12:13 ตรงเนี้ยน่าจะเป็นปัญหามากกว่าการใช้ไฟ
00:12:13 → 00:12:13 ด้วยซ้ำ
00:12:14 → 00:12:15 >> อืมะเร็งไปแล้ว
00:12:16 → 00:12:16 >> ครับ
00:12:16 → 00:12:17 >> หัวใจล่ะคะ
00:12:18 → 00:12:19 >> ในตำนานที่เขาบอกว่ากินเนื้อสัตว์เยอะ
00:12:19 → 00:12:22 แล้วมันเสี่ยงโรคหัวใจนี่เพราะอะไรคะหัว
00:12:22 → 00:12:24 ใจสิ่งที่เขากลัวจริงๆจากการกินเนื้อ
00:12:24 → 00:12:25 สัตว์แล้วสิ่งที่พืชไม่มีเนี่ยมันคือสิ่ง
00:12:25 → 00:12:27 ที่เรียกว่าคอเลสเตอรอล
00:12:27 → 00:12:28 >> ซึ่งคุณหมอทุกคนหลายๆคนเดี๋ยวนี้ก็เริ่ม
00:12:28 → 00:12:31 แบบตื่นตัวเรื่องคอเลสเตอรอลนะครับเนาะ
00:12:31 → 00:12:33 ถ้าเป็นงานวิจัยที่เป็นต้นตำรับเลยอ่ะ
00:12:33 → 00:12:37 ประมาณปี 1948 1950 ก็คือแบบประมาณ 70
00:12:37 → 00:12:38 80 ปีแล้ว
00:12:38 → 00:12:40 >> ตอนนั้นเนี่ยเบอกเฮ้ยทำไมคนเป็นโรคหัวใจ
00:12:41 → 00:12:43 เยอะเขาก็เลยแล้วมันเกิดจากอะไรน้อเจาะ
00:12:43 → 00:12:45 เลือดไปเนี่ยเขาพบว่าคนที่เป็นโรคหัวใจ
00:12:45 → 00:12:48 เนี่ยคอเลสเตอรอลสูงแล้วในผนังหลอดเลือด
00:12:48 → 00:12:50 ก็มีคอเลสเตอรอลอยู่ด้วย
00:12:50 → 00:12:52 >> เเลยเริ่มอนุมานก่อนว่าเฮ้ยคอเลสเตอรอล
00:12:52 → 00:12:53 เป็นสาเหตุหรือเปล่า
00:12:53 → 00:12:55 >> ซึ่งจริงๆมันอาจจะเป็นสาเหตุหรือไม่เป็น
00:12:55 → 00:12:57 สาเหตุก็ไม่รู้แต่ว่ามันมีความสัมพันธ์
00:12:57 → 00:12:58 กันเลยคิดแบบนั้น
00:12:58 → 00:12:58 >> ค่ะ
00:12:58 → 00:13:00 >> แต่ช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมานะครับเบอกว่า
00:13:00 → 00:13:02 เฮ้ยเราคุมอาหารที่คอเลสเตอรอลสูงแต่ทำไม
00:13:03 → 00:13:05 คนที่เป็นโรคหัวใจอ่ะไม่ลดลงเลย
00:13:05 → 00:13:05 >> ค่ะ
00:13:05 → 00:13:07 >> งานวิจัยก็เลยเริ่มตรวจตัวอื่นเพิ่มว่า
00:13:07 → 00:13:09 มันมีตัวอื่นอีกมั้ยที่น่าจะมีความ
00:13:09 → 00:13:12 สัมพันธ์ซึ่งในไทยเนี่ยก็ทำนะครับมีการ
00:13:12 → 00:13:15 เก็บข้อมูลคนประมาณ 3,000 คนแล้วก็ติดตาม
00:13:15 → 00:13:18 ไปเรื่อยๆว่าคอเลสเตอรอลสูง HDL เป็นยัง
00:13:18 → 00:13:20 ไงไตลีซเป็นยังไงอย่างเงี้ยว่ามันมีความ
00:13:20 → 00:13:22 สัมพันธ์กับการเป็นโรคหัวใจมั้ยแล้วเพบ
00:13:22 → 00:13:25 ว่า Total Cholesterol กับ LDL ที่สูง
00:13:25 → 00:13:28 แทบจะไม่ได้สัมพันธ์กับการเป็นอ่ามะเร็ง
00:13:28 → 00:13:29 ไม่ได้สัมพันธ์กับการเป็นโรคหัวใจแต่ตัว
00:13:29 → 00:13:31 ที่สัมพันธมากกว่าคือ
00:13:31 → 00:13:31 >> ไกิล
00:13:31 → 00:13:35 >> ไตีซนที่สูงและ HDL ที่ต่ำ
00:13:35 → 00:13:37 >> ซึ่งพอเป็นแบบนี้ปั๊บคนก็เลยคิดว่าเออ
00:13:37 → 00:13:41 แล้วทำยังไงแบบ HDL เราถึงจะสูงเนาะมันมา
00:13:41 → 00:13:43 คู่กันนะครับคุณผู้ชมว่าเวลาคนเรา HDL
00:13:43 → 00:13:46 ต่ำเนี่ยไตกีซาลไรดมันมักจะมักจะสูงซึ่ง
00:13:46 → 00:13:49 ตัวไตกีซาลมันคือไขมันที่เป็นพลังงานสะสม
00:13:49 → 00:13:51 พูดง่ายๆก็คือคนอ้วนนั่นแหละ
00:13:51 → 00:13:53 >> คนอ้วนมักจะมีแต่กี่สไลด์สูงแล้วก็ HDL
00:13:53 → 00:13:55 ต่ำเพราะฉะนั้นทำไงให้ HDL เราสูงขึ้นก็
00:13:55 → 00:13:58 ลุ้นถูกต้องครับ HDL ก็จะสูงขึ้นโดย
00:13:58 → 00:13:59 ธรรมชาติโดยที่เราอาจจะยังไม่ต้องกิน
00:13:59 → 00:14:02 อาหารเสริมก็มาตรฐานเลยคอเลสเตอรอลเท่า
00:14:02 → 00:14:04 ไหร่เถึงกินหยาคะ
00:14:04 → 00:14:06 >> คอเลสเตอรอลเนี่ยก็อยู่ที่ว่า
00:14:06 → 00:14:09 >> อยู่ที่ว่าเ้ามีโรคประจำตัวด้วยมั้ยถ้ามี
00:14:09 → 00:14:11 โรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงที่หลอดเลือด
00:14:11 → 00:14:14 จะอักเสบเขาก็จะคutพอย์เก็จะต่ำบางคนเกิน
00:14:14 → 00:14:16 130 ก็ให้กินยาละแต่บางคนที่ไม่ได้มี
00:14:16 → 00:14:19 ความเสี่ยงเกิน 160 ก็ยังอาจจะยังให้แบบ
00:14:19 → 00:14:19 ปรับ
00:14:19 → 00:14:23 >> การใช้ชีวิตดูก่อนอย่างี้ก็มีครับแต่การ
00:14:23 → 00:14:25 เจาะเลือดเนี่ยผมต้องบอกว่ามันเป็นการดู
00:14:25 → 00:14:28 แค่ณปัจจุบันวันนั้น
00:14:28 → 00:14:29 >> ค่ะ
00:14:29 → 00:14:31 >> สมมุติว่าอันนี้อ้างอิงจากคนไข้ผมแล้วกัน
00:14:31 → 00:14:33 คนไข้ผมก่อนหน้านี้ที่ก่อนที่เขาจะดูแล
00:14:33 → 00:14:34 สุขภาพ
00:14:34 → 00:14:34 >> ค่ะ
00:14:34 → 00:14:37 >> ผลเลือดเ้าแบบนึงแต่พอเาดูแลสุขภาพเสร็จ
00:14:37 → 00:14:39 ปั๊บผลเลือดเขาเป็นอีกแบบนึงในระยะเวลา
00:14:39 → 00:14:40 ที่ห่างกันแค่ 2 เดือนอุ้ย
00:14:40 → 00:14:41 >> อื
00:14:41 → 00:14:43 >> ทำไมอยู่ดีๆคอเลสเตอรอลสูงขึ้น
00:14:43 → 00:14:45 คอเลสเตอรอลต่ำลงในระยะเวลาสั้นๆแล้วแปล
00:14:45 → 00:14:47 ว่าเขาสุขภาพดีหรือไม่ดีทันทีทันใดหรอไม่
00:14:47 → 00:14:49 ใช่จริงๆมันเป็นผลสะสมมานานแล้วแต่เราไม่
00:14:49 → 00:14:51 ได้มานั่งเจาะทุกวันถูกมั้ครับ
00:14:51 → 00:14:52 >> เพราะฉะนั้นดีที่สุดเลยถ้าเราอยากจะรู้
00:14:52 → 00:14:55 ว่าดีหรือไม่ดีอ่ะเราต้องไปสแกนดูพวกหลอด
00:14:55 → 00:14:56 เลือดว่าหลอดเลือดเรามีหินปูนเกาะหรือ
00:14:56 → 00:14:57 เปล่า
00:14:57 → 00:14:57 >> ค่ะ
00:14:57 → 00:14:58 >> อ
00:14:58 → 00:15:01 >> อย่างงี้ Animal เบสเหมาะกับใครคะ
00:15:01 → 00:15:04 >> จริงๆต้องบอกว่าเหมาะกับทุกคนนะยกเว้นคน
00:15:04 → 00:15:06 ที่มีโรคประจำตัวบางโรคที่ไม่เหมาะกับการ
00:15:06 → 00:15:08 กินแอนิจริงๆ
00:15:08 → 00:15:08 >> เช่น
00:15:08 → 00:15:10 >> เช่นคนที่เป็นโรคไต
00:15:10 → 00:15:10 >> อื
00:15:11 → 00:15:13 >> ทำไมถึงพูดแบบนั้นต้องอธิบายก่อนว่าคนบาง
00:15:13 → 00:15:16 คนมักจะเข้าใจผิดนะครับว่ากินโปรตีนเยอะ
00:15:16 → 00:15:18 แล้วเดี๋ยวเป็นโรคไตไม่รู้คุณชมเคยได้ยิน
00:15:18 → 00:15:19 มั้ย
00:15:19 → 00:15:21 >> อ่าจริงๆการกินโปรตีนเยอะไม่ได้ทำให้เป็น
00:15:21 → 00:15:24 โรคไตถ้ากินในปริมาณที่เหมาะสมแต่คนที่
00:15:24 → 00:15:28 เป็นโรคไตแล้วต้องจำกัดการกินโปรตีนด้วย
00:15:28 → 00:15:30 เหตุผลที่ว่าไตของคนเราเนี่ยมันทำหน้าที่
00:15:30 → 00:15:33 หลายอย่างแต่หนึ่งในนั้นเนี่ยคือการกำจัด
00:15:33 → 00:15:35 ของเสียและการควบคุมสมดุลของการเป็นกรด
00:15:35 → 00:15:38 เป็นเบสในร่างกายเาพบว่าการที่เรากิน
00:15:38 → 00:15:41 อาหารที่มาจากเนื้อสัตว์เป็นส่วนใหญ่จะทำ
00:15:41 → 00:15:44 ให้ภาวะในเซลล์มีแนวโน้มที่จะเป็นกรด
00:15:44 → 00:15:44 >> อือ
00:15:44 → 00:15:46 >> เพราะฉะนั้นคนที่เป็นโรคไตแล้วเนี่ยการ
00:15:46 → 00:15:49 ที่เขาควบคุมสมดุลความเป็นกรดในร่างกาย
00:15:49 → 00:15:51 เขาจะทำไม่ได้เพราะฉะนั้นกดก็จะค้างอยู่
00:15:51 → 00:15:53 ในร่างกายทำให้สุขภาพเขาเสียแต่ถ้าเรา
00:15:53 → 00:15:55 เป็นคนปกติแบบนี้ไม่ได้มีโรคประจำตัวการ
00:15:55 → 00:15:57 ที่เรากินเนื้อสัตว์เซลล์ของเราเป็นกฎมาก
00:15:57 → 00:16:00 ขึ้นร่างร่างกายจัดการได้มั้ยจัดการได้
00:16:00 → 00:16:01 เพราะฉะนั้นคนทั่วไปเนี่ยกินเนื้อสัตว์
00:16:01 → 00:16:02 ไม่ได้มีปัญหาเลย
00:16:02 → 00:16:05 >> แต่คนที่เป็นโรคไตเนี่ยอาจจะต้องขยับไป
00:16:05 → 00:16:07 กินที่เป็น plant เบสมากขึ้น
00:16:07 → 00:16:10 >> อันนี้ก็ดีเบตเยอะเหมือนกัน
00:16:10 → 00:16:12 เพราะว่าเดี๋ยวนี้ก็จะเห็นว่าแบบอาจจะ
00:16:12 → 00:16:15 เป็นอาหารเสริมหรือว่าพวกเวโปรตีนพวกเว
00:16:15 → 00:16:17 เขย่าเวอะไรเงี้ยตอนนี้ก็มันก็จะมีทั้ง
00:16:17 → 00:16:20 ที่แบบว่าเป็นพวกแบบเไอโซลateแล้วมันก็จะ
00:16:20 → 00:16:22 มีพวกที่แบบว่าเป็น plant เบสเป็นแบบอะไร
00:16:22 → 00:16:23 เงี้ย
00:16:23 → 00:16:26 >> เอาจริงๆคุณหมอโปรตีนจากพืชอ่ะมันช่วย
00:16:26 → 00:16:28 ซ่อมแสม
00:16:28 → 00:16:30 หรือว่าช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อหรือว่า
00:16:30 → 00:16:34 อะไรอย่างเงี้ยได้เทียบเท่ากับโปรตีนจาก
00:16:34 → 00:16:34 สัตว์มั้
00:16:34 → 00:16:36 >> เราต้องรู้ก่อนว่ามันจะทดแทนกันได้มยคือ
00:16:36 → 00:16:39 มันมีความต่างกันยังไงก่อนนะครับถ้าเป็น
00:16:39 → 00:16:42 โปรตีนจากที่เป็น animal base เนี่ย
00:16:42 → 00:16:44 >> เราจะเรียกว่าเป็น complete โปรte Compete
00:16:44 → 00:16:46 คือสมบูรณ์เพราะฉะนั้น Complete โปรteคือ
00:16:46 → 00:16:48 พอเขาย่อยเป็นส่วนที่เล็กที่สุดที่ร่าง
00:16:48 → 00:16:50 กายเราต้องการที่เรียกว่ากรดอะมิโนแล้ว
00:16:50 → 00:16:53 เนี่ยมันจะได้เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นครบ
00:16:53 → 00:16:54 ถ้วน
00:16:54 → 00:16:55 >> คำว่าจำเป็นหมายความว่าอะไรจำเป็นหมาย
00:16:55 → 00:16:58 ความว่าร่างกายเราสร้างไม่ต้องได้จากการ
00:16:58 → 00:17:00 กินเท่านั้นถ้าเรากินจาก animal base
00:17:00 → 00:17:03 เราจะได้กรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วนแต่ถ้าเรา
00:17:03 → 00:17:07 กินจาก plant bสเนี่ยจะเป็น incomplete
00:17:07 → 00:17:09 โปรตีนหมายความว่าเป็นโปรตีนที่ไม่ได้มี
00:17:09 → 00:17:12 กฎอะมิโนจำเป็นเนี่ยครบถ้วนแต่ถามว่าทด
00:17:12 → 00:17:14 แทนได้มั้ทดแทนได้แต่คุณจะกินยากขึ้น
00:17:14 → 00:17:15 หน่อยนึงเช่น
00:17:15 → 00:17:18 >> ถ้าคุณอยากกินถั่วคุณกินถั่วคุณอาจจะได้
00:17:18 → 00:17:20 ตัวที่เป็นกรดอะมิโนจำเป็นไม่ครบคุณต้อง
00:17:20 → 00:17:22 กินถั่วบวกข้าว
00:17:22 → 00:17:22 >> อื
00:17:23 → 00:17:24 >> เพราะฉะนั้นถามว่าทดแทนได้มั้ทดแทนได้
00:17:24 → 00:17:26 ครับแต่ต้องกินหลายอย่างเพื่อให้ได้กรด
00:17:26 → 00:17:28 อะมิโนครบถ้วน
00:17:28 → 00:17:29 >> อืซึ่งก็ไปเพิ่มขาบอีก
00:17:29 → 00:17:32 >> ซึ่งก็จะเพิ่มขาบในแง่ของคนที่เขากำลังดู
00:17:32 → 00:17:35 แลสุขภาพหรือต้องการลดปริมาณขาบเพื่อดูแล
00:17:35 → 00:17:37 น้ำหนักตัวดูแลเรื่องของเบาหวานก็อาจจะ
00:17:37 → 00:17:38 ไม่เหมาะเท่าไหร่
00:17:38 → 00:17:39 >> ค่ะครับ
00:17:39 → 00:17:43 >> คุณหมอแล้วพวกแบบพวกอะมิโนอซิดอ่ะที่มัน
00:17:43 → 00:17:45 มาเป็นเม็ดหรือว่าเป็นอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:17:45 → 00:17:47 ส่วนตัวเนื่องจากว่าต่อสู้กับเรื่องที่
00:17:47 → 00:17:51 ว่าควรจะกินโปรตีนเท่าไหร่มายาวนานมาก
00:17:51 → 00:17:53 เพราะว่าอ่ะก็สายออกกำลังกายเราไปฟิตเนส
00:17:53 → 00:17:54 ไปอะไรอย่างเงี้ยใช่มั้คะคุณหมอสำหรับชม
00:17:54 → 00:17:57 นะชมหนักประมาณ 50 กว่า 60 อ่ะ Let say
00:17:57 → 00:18:00 เมื่อก่อนเนี่ยแค่ 1:1 อ่ะก็ยังรู้สึกว่า
00:18:00 → 00:18:03 ยากเลยแล้วชมเชื่อว่าคนทั่วไปอ่ะก็ไม่
00:18:03 → 00:18:04 ค่อยแตะด้วย
00:18:04 → 00:18:04 >> อื
00:18:04 → 00:18:07 >> ทีเนี้ย PT บางคนก็จะบอกว่าอย่างน้อยเลย
00:18:07 → 00:18:10 อายูต้อง 1.5 5 อีวบางคนก็บอกว่าถ้ายู
00:18:10 → 00:18:14 ต้องการสร้างยูอยากจะบยูต้องคูณ 2 120
00:18:14 → 00:18:18 บ้าไปแล้วกินยังไงก็เริ่มแบบว่าอ่ะหาตัว
00:18:18 → 00:18:20 ช่วยหาอะไรเงี้ยก็ไปเจอไอ้พวกแบบ
00:18:20 → 00:18:23 อะมิโนอซิดที่มันเป็นแบบเป็นเม็ดๆแต่ทำไม
00:18:23 → 00:18:26 กินแล้วมันแบบมันร้อนมากอ่ะคุณหมอมันร้อน
00:18:26 → 00:18:30 ในมันแบบว่ามันโอ้โหแบบแผลเป็นปากหรือว่า
00:18:30 → 00:18:34 แบบปากแตกแบบเออมันฮีทอ่ะทำไมอ่ะคะ
00:18:34 → 00:18:36 >> ต้องบอกแบบนี้ว่าด้วยความที่ไม่ใช่มันไม่
00:18:36 → 00:18:37 ใช่ Food
00:18:37 → 00:18:40 ไม่ใช่อาหารที่มาจากธรรมชาติจริงๆนะครับ
00:18:40 → 00:18:42 เป็นอาหารก็ต้องยอมรับว่ากว่าจะสกัดแบบ
00:18:42 → 00:18:44 นี้ได้มันต้องผ่านกระบวนการอย่างบางคน
00:18:44 → 00:18:46 เนี่ยกินเวยไolate
00:18:46 → 00:18:48 >> แล้วไปตรวจอีก 3 เดือนตับอักเสบ
00:18:48 → 00:18:49 >> ค่ะ
00:18:49 → 00:18:51 >> ทำไมอีกคนนึงไม่เป็นคือร่างกายแต่ละคนอาจ
00:18:51 → 00:18:54 จะทนทานต่ออาหารที่ไม่ใช่อาหารธรรมชาติ
00:18:54 → 00:18:55 ไม่เหมือนกัน
00:18:55 → 00:18:57 >> แต่ถามว่าทานเสริมได้มยทานได้ครับอย่าง
00:18:57 → 00:19:00 เช่นเมื่อกี้คุณชมพูดถึง PT เนาะเขาก็จะ
00:19:00 → 00:19:01 แบบอยากสร้างกล้ามเนื้อคุณต้องกินพวกบาน
00:19:01 → 00:19:02 เชนอะมิโนอซิด
00:19:03 → 00:19:04 >> คือจริงๆเไม่ได้เไม่ได้แนะนำเราหรอกแกก็
00:19:04 → 00:19:07 บอกว่าให้เราแบบว่าพึ่งพาอาหารจริงๆให้
00:19:07 → 00:19:11 ได้มากที่สุดแต่เราอ่ะกลับรู้สึกว่าโหการ
00:19:11 → 00:19:12 ต้องเคี้ยวเนื้อสัตว์แบบ
00:19:13 → 00:19:15 >> เออมันกินยากมันมันไม่ไหวอะไรอย่างเงี้ย
00:19:15 → 00:19:18 แล้วรู้สึกว่าเออถ้าแบบก็ลองแบบว่าลอง
00:19:18 → 00:19:21 เหมือนกับไปฟังพcสแบบเจอหมอป้ายยาอะไร
00:19:21 → 00:19:25 อย่างเงี้ยก็ลองดูก็รู้สึกว่ามันฟิตขึ้น
00:19:25 → 00:19:27 จริงคือแบบกินแป๊บเดียวเนี่ยตื่นเช้ามา
00:19:28 → 00:19:30 ท้องนี่แบบปั๊กๆอย่างี้เลยนะแล้วก็ซ่อม
00:19:30 → 00:19:33 แซมไวเหมือนกับว่าไม่เมื่อย
00:19:33 → 00:19:33 >> ครับ
00:19:33 → 00:19:36 >> เออไม่มีไม่มีอาการล้าอะไรอย่างเงี้ยรู้
00:19:36 → 00:19:38 สึกแบบเหมือนเราแข็งแรงขึ้นอะไรเงี้ยแต่
00:19:38 → 00:19:42 ว่าปากนี่แตกระแหงแบบอื
00:19:43 → 00:19:45 >> บางทีเราสนใจแต่สิ่งที่เราอยากได้แต่เรา
00:19:45 → 00:19:48 ไม่รู้ว่าในอาหารเสริมตัวนั้นอาจจะมีส่วน
00:19:48 → 00:19:50 ประกอบอื่นๆที่เขาต้องใส่มาแล้วแล้วร่าง
00:19:50 → 00:19:52 กายเราอาจจะไม่ถูกกับสารอาหารตัวนั้นก็
00:19:52 → 00:19:53 ได้ก็เป็นไปได้ครับ
00:19:53 → 00:19:55 >> ค่ะกินเนื้อสัตว์จริงๆดีกว่าเนาะ
00:19:55 → 00:19:57 >> ก็เสริมได้นะครับแต่ว่าสมมุติว่าคุณชม
00:19:57 → 00:19:59 ต้องการโปรตีนอ่ะสมมุติว่าต้องการโปรตีน
00:19:59 → 00:20:00 100 กรัมต่อวัน
00:20:00 → 00:20:01 >> ค่ะ
00:20:01 → 00:20:03 >> เกินครึ่งนึงให้มาจากอาหารธรรมชาติแล้ว
00:20:03 → 00:20:06 ส่วนที่เหลือค่อยค่อยเสริมเอาแบบนี้ก็
00:20:06 → 00:20:06 ปลอดภัยกว่า
00:20:07 → 00:20:09 >> อือย่างเงี้ Animal base diet เนี่ยค่ะ
00:20:09 → 00:20:13 เราควรจะต้องกินยังไงต้องเป็นอัตราส่วน
00:20:13 → 00:20:16 ยังไงมันถึงจะแบบว่าเป็นสูตรที่ดีที่สุด
00:20:16 → 00:20:19 อ่ะสำหรับชมรู้สึกว่า 100% อาจจะ
00:20:19 → 00:20:23 ฮาร์ดคอร์เกินไปมันมีอัตราส่วนที่แบบ
00:20:23 → 00:20:25 เหมาะสมมั้หรือว่าคุณหมอเชื่อในทางสาย
00:20:25 → 00:20:26 กลางหรือยังไง
00:20:26 → 00:20:29 >> ขึ้นอยู่กับว่าเรากินอาหารแบบ animal
00:20:29 → 00:20:32 base นั้นเพื่อวัตถุประสงค์อะไรแล้ว
00:20:32 → 00:20:35 สภาวะร่างกายของเราตอนนั้นเนี่ยต้องการ
00:20:35 → 00:20:39 แบบไหนอธิบายว่าสมมุติว่าตอนนี้เรา
00:20:39 → 00:20:42 ต้องการกินเพื่อที่จะลดน้ำหนัก
00:20:42 → 00:20:42 >> ค่ะ
00:20:42 → 00:20:45 >> ต้องการกินเพื่อที่จะรักษาเบาหวานสัดส่วน
00:20:45 → 00:20:48 ของ animal base อาจจะจำเป็นต้องสูงกว่า
00:20:48 → 00:20:51 เพื่อที่จะลดขาบที่มาจากตัว plant bส
00:20:51 → 00:20:51 >> ค่ะ
00:20:51 → 00:20:54 >> อ่าถูกมั้ยครับแต่ถ้าสมมุติว่าตอนเเรา
00:20:54 → 00:20:56 เป็นคนที่สุขภาพดีแล้วเรารู้สึกว่าเราได้
00:20:56 → 00:20:58 รูปร่างที่เราพอใจเราได้สุขภาพที่เราพอใจ
00:20:58 → 00:21:01 แล้วเราเริ่มระบบเผาผลาญดีแล้วเราสามารถ
00:21:01 → 00:21:03 กลับไปกินขาเพิ่มขึ้นได้เราก็สามารถ
00:21:03 → 00:21:06 สวิตช์จากการกิน Animalas ไปกิน Plant
00:21:06 → 00:21:10 เบสมากขึ้นเช่นเราอยากได้โปรตีนใน 1 วัน
00:21:10 → 00:21:12 100 แบบเมื่อกี้ที่ผมสมมุติเนาะ
00:21:12 → 00:21:14 >> เราอาจจะเอาโปรตีนจากเนื้อสัตว์ครึ่งนึง
00:21:14 → 00:21:16 แล้วโปรตีนจากเต้าหู้อีกได้มั้ยได้อีก
00:21:16 → 00:21:18 ครึ่งนึงก็สามารถทำได้
00:21:18 → 00:21:18 >> อื
00:21:18 → 00:21:20 >> เอาจากถั่วอีกสักหน่อยนึงได้มั้ยก็สามารถ
00:21:20 → 00:21:21 ทำได้แต่
00:21:21 → 00:21:24 >> เราต้องรู้ก่อนว่าจริงๆแล้วในอาหารที่เรา
00:21:24 → 00:21:26 กินน่ะมันมีสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตด้วย
00:21:26 → 00:21:27 มั้ยตอนนั้นเราต้องการคาร์โบไฮเดรตหรือ
00:21:27 → 00:21:28 เปล่า
00:21:28 → 00:21:30 >> คุณหมอแล้วพวกฮอร์โมนที่มันอยู่ในสัตว์
00:21:30 → 00:21:33 อ่ะสัตว์ที่มันถูกเลี้ยงมาในอุตสาหกรรม
00:21:33 → 00:21:36 แล้วมันมีฮอร์โมนอะไรเงี้ยมันตกถึงเรามั้
00:21:36 → 00:21:37 คะ
00:21:37 → 00:21:37 >> ถึงครับ
00:21:37 → 00:21:38 >> อื
00:21:38 → 00:21:40 >> ตกถึงแต่ว่าจริงๆมันมีกฎหมายควบคุมเนาะ
00:21:40 → 00:21:42 แต่ก็อย่างว่านะครับเนาะยังไงมันก็ต้องมี
00:21:42 → 00:21:44 บ้างอยู่แล้วที่เราได้รับเข้าไป
00:21:44 → 00:21:46 >> มันมีข้อเสียที่หลายคนไม่รู้เยอะมากพอสม
00:21:46 → 00:21:49 ควรพูดง่ายๆก็คือถ้าเป็นฮอร์โมนในปริมาณ
00:21:49 → 00:21:51 ที่ค่อนข้างเยอะเนี่ยบางคนเป็นมะเร็งได้
00:21:51 → 00:21:52 นะ
00:21:52 → 00:21:52 >> อื
00:21:52 → 00:21:55 >> อย่างเช่นร่างกายบางคนตอบสนองต่อฮอร์โมน
00:21:55 → 00:21:56 เอสโตรเจนเยอะ
00:21:56 → 00:21:57 >> ได้เอสโตรเจนเข้าไปเยอะบางคนเป็นมะเร็ง
00:21:57 → 00:22:00 เต้านมโดยที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาจาก
00:22:00 → 00:22:02 ไหนในครอบครัวก็ไม่มีใครเป็นนะครับหรือ
00:22:02 → 00:22:04 บางคนเนี่ยถ้าในผู้ชายเนี่ยได้
00:22:04 → 00:22:06 เทสโตสเตอโรนเยอะก็อาจจะเป็นพวกมะเร็ง
00:22:06 → 00:22:07 ต่อมลูกหมาก
00:22:07 → 00:22:09 >> อันเนี้ยคือได้ฮอร์โมนเข้าไปเยอะๆเราอาจ
00:22:09 → 00:22:11 จะพอรู้ตัวแต่ที่ไม่รู้ตัวเลยจริงๆคือได้
00:22:11 → 00:22:14 เข้าไปน้อยๆแต่ได้นานๆ
00:22:14 → 00:22:16 >> ถูกต้องครับอันเนี้จะมีผลกับ
00:22:16 → 00:22:18 >> เ้าเรียกว่าการจัดการฮอร์โมนในร่างกาย
00:22:18 → 00:22:19 >> อื
00:22:19 → 00:22:21 >> ผมยกตัวอย่างแล้วกันเช่นแต่ก่อนเนี่ยหมอ
00:22:21 → 00:22:24 มักจะบอกว่าเวลาเรามีอาการปวดในร่างกายนะ
00:22:24 → 00:22:27 เราไม่ควรซื้อยากินเองนะอย่าซื้อยาต้มยา
00:22:27 → 00:22:27 หม้อกินนะ
00:22:28 → 00:22:28 >> อื
00:22:28 → 00:22:30 >> เพราะว่าอะไรเพราะว่าในนั้นเนี่ยเขาชอบ
00:22:30 → 00:22:31 ใส่ยาสเตียรอยด์มา
00:22:31 → 00:22:33 >> กินสเตรียรอยด์เสร็จปั๊บรู้สึกว่าเฮ้ยการ
00:22:33 → 00:22:35 อักเสบฉันว่ามันดีขึ้นนะ
00:22:35 → 00:22:37 >> คราวนี้ร่างกายคนเราเนี่ยมันสามารถสร้าง
00:22:37 → 00:22:39 สเตอรอยด์เองได้ด้วยแต่มันสร้างในชื่อที่
00:22:39 → 00:22:41 ว่าเป็นชื่อฮอร์โมนคอร์ติซอล
00:22:41 → 00:22:43 >> คราวนี้พอเราได้สเตรอยด์จากภายนอกเข้าไป
00:22:43 → 00:22:45 เรื่อยๆร่างกายก็นึกว่าเอ้ยมีสเตียรอยด์
00:22:45 → 00:22:48 แล้วนี่นาฉันไม่ต้องสร้างก็ได้แล้วณวัน
00:22:48 → 00:22:50 นึงพอเราไม่ได้กินสเตรียรอยด์เวลาเราปวด
00:22:50 → 00:22:52 หรือเวลาเราป่วยร่างกายไม่สร้างคอร์ติซอล
00:22:52 → 00:22:54 ไม่สร้างสเตรียรอยด์แล้วคราวนี้เราป่วย
00:22:54 → 00:22:54 หนักเลย
00:22:54 → 00:22:55 >> อื
00:22:55 → 00:22:57 >> หรือบางคนเนี่ยอยากผอมอยากผอมไว
00:22:57 → 00:23:01 >> ด้วยการกินพวกเร่งเบิร์นอย่างเงี้ยครับ
00:23:01 → 00:23:02 >> ซึ่งเราก็ไม่รู้อาจจะมีฮอร์โมนไทรรอยด์
00:23:02 → 00:23:04 อยู่ในนั้นพอมีฮอร์โมนไทรอยด์อยู่ในนั้น
00:23:04 → 00:23:06 กินไปเรื่อยๆนานๆร่างกายก็รับรู้ว่าฉัน
00:23:07 → 00:23:08 ไม่จำเป็นต้องสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ก็ได้
00:23:09 → 00:23:11 นี่ณวันนึงไทรรอยด์ก็หยุดทำงานไปอยู่ดีๆ
00:23:11 → 00:23:13 บางคนก็งงว่าเอ้าทำไมฉันโยโยล่ะอ๋อ
00:23:13 → 00:23:15 ฮอร์โมนไทรอยด์คุณมันต่ำเพราะว่าร่างกาย
00:23:15 → 00:23:18 มันไม่สร้างมันชินกับการที่ไม่ต้องสร้าง
00:23:18 → 00:23:21 >> ซึ่งเอาจริงๆก็คือกินผักก็ไม่ได้ว่าจะ
00:23:21 → 00:23:23 ปลอดภัยจากสารพิษนะทุกวันนี้
00:23:23 → 00:23:24 >> ถูกครับใช่ครับ
00:23:24 → 00:23:24 >> เออ
00:23:24 → 00:23:26 >> ยาฆ่าแมลงเอ่ยอะไรเอ่ย
00:23:26 → 00:23:28 >> เออแล้วอย่างถั่วเหลืองอย่างเงี้ยเท่าที่
00:23:28 → 00:23:31 ชมเข้าใจก็คือว่าเป็นพืชที่เค้าเรียกว่า
00:23:31 → 00:23:32 อะไรตัดแต่งพันธุกรรมแบบหนักที่ที่สุด
00:23:33 → 00:23:33 แล้ว
00:23:33 → 00:23:34 >> ใช่ครับ
00:23:34 → 00:23:36 >> บริโภคมากๆก็มีผลมั้คะ
00:23:36 → 00:23:38 >> มีครับแล้วก็จริงๆก็ทำให้ร่างกายเกิดการ
00:23:38 → 00:23:40 อักเสบในระยะยาวได้ด้วยนะ
00:23:40 → 00:23:42 >> เราต้องทำฟาร์มกันแล้วเหรอคะหรือยังเรา
00:23:42 → 00:23:44 ต้องเลี้ยงวัวเองมั้ยคุณหมอ
00:23:44 → 00:23:47 >> จริงๆแล้วก็ถ้าสำหรับผมนะครับมันเลี่ยง
00:23:47 → 00:23:48 ไม่ได้อยู่แล้วเพราะว่าเราไม่ใช่ผู้ผลิต
00:23:48 → 00:23:51 อ่ะเราเป็นผู้บริโภคเพราะฉะนั้นดีที่สุด
00:23:51 → 00:23:53 ก็คือ 1 อย่ากินอาหารจำเจคนที่กินอาหาร
00:23:53 → 00:23:56 จำเจก็มีโอกาสที่จะได้สารพิษจากของเดิมๆ
00:23:56 → 00:23:59 ซ้ำๆแล้วสะสมในปริมาณมากเพราะฉะนั้นการ
00:23:59 → 00:24:01 ที่เราสลับไปกินอันนั้นบ้างอันนี้บ้างจาก
00:24:02 → 00:24:03 แหล่งนั้นบ้างแหล่งนี้บ้างแล้วก็เลือกให้
00:24:03 → 00:24:05 ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ว่าเออนี่คือ
00:24:05 → 00:24:07 ออร์แกนิคที่สุดที่ฉันหาได้แล้วนะ
00:24:07 → 00:24:09 >> สมมุติว่าเวลาเราได้ยินคำว่าซอฟู้ดนะเรา
00:24:09 → 00:24:13 จะได้ยินแบบเป็นพืชอ่ะแล้วที่จะถูกยกย่อง
00:24:13 → 00:24:15 ให้เป็นซเปอร์ฟู้ดฝั่ง animal base เมี
00:24:15 → 00:24:17 ซุเปอร์ฟู้ดบ้างมั้คะ
00:24:17 → 00:24:20 >> มีครับจริงๆมีทั้งอันที่หลายคนรู้จักแต่
00:24:20 → 00:24:22 ว่าไม่คิดว่ามันดีขนาดนี้เลยหรอกับหลายคน
00:24:22 → 00:24:24 ไม่เคยรู้จักมาก่อนอธิบายอย่างนี้ก่อนดี
00:24:24 → 00:24:25 กว่าบางคนอาจจะไม่รู้จักครับว่าซฟพูดคือ
00:24:26 → 00:24:28 อะไรซเปอรคือดีเยี่ยมถูกมั้คืออาหารที่ดี
00:24:28 → 00:24:30 เยี่ยมเนี่ยข้อที่ 1 ควรมาจากอาหาร
00:24:30 → 00:24:31 ธรรมชาติ
00:24:31 → 00:24:31 >> อื
00:24:31 → 00:24:34 >> ข้อที่ 2 ต้องเป็นอาหารที่สารอาหารเยอะ
00:24:34 → 00:24:38 แต่แคลอรี่น้อยก็คือสารอาหารอัดแน่นเลย
00:24:38 → 00:24:40 โดยที่เราได้แคลอรี่ไม่เยอะและข้อที่ 3
00:24:40 → 00:24:43 ควรจะมีคุณสมบัติเป็นแอนตี้ออกซidนช่วย
00:24:43 → 00:24:45 ซ่อมแซมการอักเสบในร่างกายได้ซึ่งถ้าเอา
00:24:45 → 00:24:48 ที่หาง่ายที่สุดเลยนะครับไข่
00:24:48 → 00:24:48 >> อื
00:24:48 → 00:24:51 >> ราคาไม่แพงแล้วก็เป็นโปรตีนที่ดีที่สุด
00:24:51 → 00:24:51 ด้วย
00:24:51 → 00:24:52 >> คุณหมอทานไข่ทุกวันมั้คะ
00:24:52 → 00:24:53 >> ทานครับ
00:24:53 → 00:24:53 >> ทุกวันละกี่ฟองคะ
00:24:53 → 00:24:55 >> 2-4 ฟองครับ
00:24:55 → 00:24:56 >> ออโอเค
00:24:56 → 00:24:57 >> บางคนก็จะถามว่าทำไมไม่กินเยอะกว่านั้น
00:24:57 → 00:24:59 อย่างที่บอกเราก็ไม่รู้ว่ามีสารพิษมั้ย
00:24:59 → 00:25:01 เราก็ควรจะเฉลี่ยโปรตีนกันไปในหลากหลาย
00:25:01 → 00:25:02 อย่างเนาะนะครับ
00:25:03 → 00:25:03 >> อ
00:25:03 → 00:25:05 >> แล้วก็เมื่อกี้ที่คุณผู้ชมถามผมว่าใน
00:25:05 → 00:25:07 ซุเปอร์ฟู้ดที่คนไม่ค่อยรู้จักอ่ะ
00:25:07 → 00:25:07 >> ค่ะ
00:25:07 → 00:25:09 >> จริงๆมีอยู่ตัวนึงนะครับเราเรียกมันว่า
00:25:09 → 00:25:10 โบน
00:25:10 → 00:25:11 >> ก็น้ำซุปกระดูก
00:25:11 → 00:25:14 >> ถูกต้องครับแต่คนทั่วไปจะบอกเฮ้ยเราไม่
00:25:14 → 00:25:16 อยากใช้ความร้อนในการทำอาหารไม่ใช่
00:25:16 → 00:25:18 >> อ่าถูกต้องครับแต่ต้มเล้งเนี่ยอาจจะไม่
00:25:18 → 00:25:20 ใช่บนบอสโดยธรรมชาติเพราะว่ามันมีการปรุง
00:25:20 → 00:25:22 เนาะมันเป็นการปรุงซุป
00:25:22 → 00:25:25 >> แต่ถ้าจะเอาสารอาหารที่ตามธรรมชาติเลย
00:25:25 → 00:25:28 เนี่ยเขาจะเอาพวกกระดูกที่ยังมีเอ็นยังมี
00:25:28 → 00:25:31 เนื้อติดๆใช่ครับแล้วก็เอามาต้มเอามา
00:25:31 → 00:25:34 เคี่ยวแล้วพวกที่ความร้อนเวลามันไปชะล้าง
00:25:34 → 00:25:36 เอาวิตามินเอาคอลลาเจนต่างๆมาอยู่ในน้ำ
00:25:36 → 00:25:38 แล้วเราก็กรองเอาตัวเนื้อเอาตัวกระดูก
00:25:38 → 00:25:41 ทิ้งตัวน้ำนั่นแหละเป็นแอนตี้ออกซidนชั้น
00:25:41 → 00:25:42 ดีเลยนะครับอันเนี้เป็นซุเปอร์ฟู้ดที่
00:25:42 → 00:25:43 หลายคนไม่รู้จัก
00:25:43 → 00:25:47 >> จริงๆพวกสายที่เขา้าทำ IF กันนานๆเขาก็จะ
00:25:47 → 00:25:49 ชอบเปิดหมายถึงว่าเวลาที่เเปิดหมายเหมือน
00:25:49 → 00:25:54 ว่าฟาส 2 วัน 3 วันเจะชอบเปิดด้วยโบนบอส
00:25:54 → 00:25:56 >> แล้วอย่างเงี้ยคนที่เขาเป็นมังสวีรัต
00:25:56 → 00:26:00 อย่างเงี้ยค่ะคือเขาหาโปรตีนจากที่ไหนได้
00:26:00 → 00:26:02 เพียงพอซึ่งชมเห็นแบบในโซเชียลมีดีอย่าง
00:26:02 → 00:26:06 เงี้ยมันก็จะมีนักเพราะกายที่แบบเป็น
00:26:06 → 00:26:10 มังสวีรัชนักกีฬาเป็นอะไรเงี้ยแต่ว่าเา้า
00:26:10 → 00:26:12 ก็มีกล้าม
00:26:12 → 00:26:15 เหมือนกันทำได้ยังไงอ่ะ
00:26:15 → 00:26:17 >> ต้องบอกว่าร่างกายมนุษย์เนี่ยเา้าไม่ได้
00:26:17 → 00:26:20 สนใจว่าเรากินอะไรเข้าไปเค้าสนใจว่าเวลา
00:26:20 → 00:26:22 ที่เราย่อยเสร็จแล้วเนี่ยเราได้สารอาหาร
00:26:22 → 00:26:24 ที่ร่างกายต้องการหรือเปล่า
00:26:24 → 00:26:26 >> นะครับเพราะฉะนั้นถ้าเรามองเรื่องโปรตีน
00:26:26 → 00:26:28 ในการสร้างกล้ามเหมือนนักกล้ามที่เขาเป็น
00:26:28 → 00:26:29 เนาะนะครับ
00:26:29 → 00:26:31 >> โปรตีนเนี่ยเราถ้าแบ่งเป็นจักรสัตว์ก็ได้
00:26:31 → 00:26:33 จากเนื้อสัตว์นมไข่แต่ถ้าเป็นจักรพืช
00:26:33 → 00:26:36 เนี่ยก็จะเป็นพวกถั่วธัญพืชแล้วก็พวก
00:26:36 → 00:26:38 เต้าหู้ที่เห็นหลายๆคนชอบกินเลยก็เป็นพวก
00:26:38 → 00:26:42 เทมเป้แต่ว่าความที่จะเอามาทดแทนกันได้
00:26:42 → 00:26:44 เนี่ยนอกจากชนิดที่ผมอธิบายไปตอนแรกแล้ว
00:26:44 → 00:26:46 ว่าเราต้องกินหลากหลายอย่างผสมกันนะเรา
00:26:46 → 00:26:48 ถึงจะได้กรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วนนะใน
00:26:48 → 00:26:51 เรื่องปริมาณเนี่ยถามว่ากินยากมั้ยกินยาก
00:26:51 → 00:26:55 พอสมควรทดแทนได้แต่กินยากเพราะยกตัวอย่าง
00:26:55 → 00:26:57 ถ้าต้องการโปรตีน 100 กรัมผมกินเนื้อ
00:26:57 → 00:26:59 สัตว์ผมอาจจะกินเนื้อสัตว์แค่ 5 ขีดเวลา
00:26:59 → 00:27:00 เราไปกินบุฟเฟ่ต์ครับคุณผู้ชม
00:27:00 → 00:27:02 >> บุฟเฟ่ต์กินเนื้อสัตว์เนี่ยกินได้เรื่อยๆ
00:27:02 → 00:27:04 อยู่แล้ว 5 ขีดเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถ
00:27:04 → 00:27:06 กินได้ครึ่งก
00:27:06 → 00:27:08 >> ครึ่งกิโลกินไปเพลินๆแป๊บเดียวเราไปช่าง
00:27:08 → 00:27:09 น้ำหนักจริงๆถึงครึ่งกิโลอยู่นะ
00:27:09 → 00:27:11 >> หรืออาจจะเป็นเนื้อสัตว์ลดลงหน่อยได้มั้ย
00:27:11 → 00:27:14 อาจจะเป็น 4 ขีดบวกไข่ 3 ฟอง
00:27:14 → 00:27:15 >> ไข่ 1 ฟองโปรตีน 6 กรัม
00:27:15 → 00:27:17 >> ก็ได้โปรตีนแบบนี้เหมือนกันหรืออาจจะลดลง
00:27:17 → 00:27:20 หน่อยอาจจะเป็นอ่าเนื้อสัตว์ 3 ขีดมีไข่
00:27:20 → 00:27:23 อีก 3 ฟองแล้วก็กินนมกินนมโปรตีนสูงสัก
00:27:23 → 00:27:26 ขวดนึงอ่าก็จะได้ครบแล้วแต่ในขณะที่
00:27:26 → 00:27:29 โปรตีน 100 กรัมในสายแกนเนี่ยถ้าเราจะกิน
00:27:29 → 00:27:31 เนี่ยเราต้องกินถั่วประมาณ 5 ขีดถั่ว 5
00:27:31 → 00:27:34 ขีดนี่คือนับแต่ตัวเม็ดถั่วเนี่ยกินกันจน
00:27:34 → 00:27:35 ท้องอื่นน่ะ
00:27:35 → 00:27:38 >> นะครับหรือว่าtempมเป้เนี่ย 5 ขีดหรือกิน
00:27:38 → 00:27:40 เต้าหู้ประมาณ 1 กก.อื
00:27:40 → 00:27:43 >> ซึ่งก็ถามว่ากินได้มยกินได้แต่ไม่ใช่ทุก
00:27:43 → 00:27:44 คนจะทำได้
00:27:44 → 00:27:44 >> ค่ะ
00:27:44 → 00:27:46 >> นะต้องใช้คำนี้
00:27:46 → 00:27:48 >> โหอันนี้นะสมมุติว่าอันเนี้ลองโพสต์ลงใน
00:27:48 → 00:27:51 IG นะตีกันยับเลยอ่ะ
00:27:51 → 00:27:54 บางบ้านเนี่ยเหมือนกับว่าลูกเขาเกิดมาเขา
00:27:54 → 00:27:57 ก็เลี้ยงให้เป็นแบบเป็นมังสวีรัตน์เลย
00:27:57 → 00:28:00 อะไรอย่าเงี้ยค่ะมันเคยมีใครที่แบบทำ
00:28:00 → 00:28:02 วิจัย
00:28:02 → 00:28:06 หรือว่าไปตามแทรคดูมั้คะว่าเด็กที่แบบถูก
00:28:06 → 00:28:09 เลี้ยงมาแบบ Animal Base หรือว่า Week
00:28:09 → 00:28:11 หรือว่าไม่จะเป็นไม่ว่าจะเป็นไดเอตประเภท
00:28:11 → 00:28:15 ไหนก็ตามอะไรเงี้ยเติบโตมาแล้วแบบฉลาด
00:28:15 → 00:28:18 เท่ากันไหมคุณหมอถ้าเป็นงานวิจัยที่
00:28:18 → 00:28:22 เปรียบเทียบโดยตรงนะครับว่า Animal Basal
00:28:22 → 00:28:25 Bสจริงมั้ยจะไม่มีแต่มันมีอันที่สามารถ
00:28:25 → 00:28:27 เทียบเคียงได้ผมคิดว่าคุณชมน่าจะเคยได้
00:28:27 → 00:28:31 ยินว่ามีสารบางตัวที่ดีต่อการพัฒนาสมอง
00:28:31 → 00:28:32 ของเด็ก
00:28:32 → 00:28:35 >> อ่าซึ่งในนมเวลาเาโฆษณาเก็จะบอกว่ามีสาร
00:28:35 → 00:28:37 ตัวนี้อยู่เยอะนะให้กินแบบนี้สินะครับ
00:28:37 → 00:28:38 >> DH
00:28:38 → 00:28:40 >> ตัวนั้นคือ DHA ซึ่ง DHA เนี่ยอธิบายก่อน
00:28:40 → 00:28:42 ว่ามันคือโอเมก้า 3
00:28:42 → 00:28:42 >> ค่ะ
00:28:42 → 00:28:45 >> แต่เป็นโอเมก้า 3 ที่ส่วนใหญ่เราจะพบใน
00:28:45 → 00:28:47 สัตว์โดยเฉพาะปลา
00:28:47 → 00:28:47 >> ค่ะ
00:28:47 → 00:28:50 >> อ่าเบอกว่าเอ้ยถ้าเราเอาเด็กทารกที่เพิ่ง
00:28:50 → 00:28:54 คลอดแล้วกินนมแม่ปกติกับนมแม่ที่แม่เขา
00:28:54 → 00:28:57 อาจจะได้เสริม DHA เยอะหน่อยแล้วก็ติดตาม
00:28:57 → 00:29:02 ไปในระยะเวลาสัก 2-3 ปีเพบว่าเด็กที่กิน
00:29:02 → 00:29:06 นมแม่ที่ได้เสริม DHA เค้ามีพัฒนาการเรา
00:29:06 → 00:29:09 อาจจะวัด IQ ยากนะครับเนาะแต่พัฒนาการที่
00:29:09 → 00:29:11 เทียบกันกับเด็ก 2 คนเนี่ยเราจะบอกได้ว่า
00:29:11 → 00:29:14 พัฒนาการของเด็กที่มี DHA ได้จากแม่เนี่ย
00:29:14 → 00:29:16 พัฒนาการเขาดีกว่าเราก็เลยอาจจะบอกอุ๊ย
00:29:16 → 00:29:20 แสดงว่าถ้าเรากินอาหารที่เป็น animal
00:29:20 → 00:29:23 base แล้วมี DHA ในนั้นสูงน่าจะฉลาดกว่า
00:29:23 → 00:29:25 หรือเปล่านะแต่เป็นแค่คำอนุมานเราไม่
00:29:25 → 00:29:27 สามารถบอกได้เพราะไม่มีการทำงานวิจัย
00:29:27 → 00:29:28 เทียบระหว่าง Animal Base กับ Pant Bส
00:29:28 → 00:29:30 จริงๆแต่อันนี้เราพูดในแง่ของโอเมก้า 3
00:29:30 → 00:29:32 >> แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยนะgenนติกอีกเนาะคุณ
00:29:32 → 00:29:32 หมอ
00:29:32 → 00:29:33 >> ถูกต้องครับ
00:29:33 → 00:29:35 >> มีทั้งgenนติกมีทั้ง Epic Genetic
00:29:35 → 00:29:37 Epenic ก็คือการเลี้ยงดู
00:29:37 → 00:29:40 >> ถ้าเราแฝด 2 คนไปเลี้ยงคนละที่ต่อให้มี
00:29:40 → 00:29:42 เจนติกของความฉลาดเท่ากันแต่ว่าโตขึ้นก็
00:29:42 → 00:29:43 อาจจะไม่เหมือนกันก็ได้
00:29:43 → 00:29:46 >> อเค้าบอกว่าเนื้อสัตว์เนี่ยสามารถรักษา
00:29:46 → 00:29:50 แบบภาวะซึมเศร้าไบโพลารได้เหรอคะ
00:29:50 → 00:29:53 >> เคยมีการรายงานครับว่าคนที่กินคีโตจนิค
00:29:53 → 00:29:56 ไดเอตมีความสามารถในการที่ทำให้ตัวเอง
00:29:56 → 00:29:58 เนี่ยอาการจากไม่ได้หมายว่าหายเลยนะครับ
00:29:58 → 00:30:02 อาการดีขึ้นได้ถามว่ามันทำอย่างนั้นได้
00:30:02 → 00:30:04 ยังไงคือบางทีเราอ่านงานวิจัยหรือแรงงาน
00:30:04 → 00:30:06 เราไม่ใช่แค่เชื่ออย่างเดียวเราก็ต้องมา
00:30:06 → 00:30:08 นั่งคิดก่อนด้วยความที่เราเป็นหมอว่ามัน
00:30:08 → 00:30:09 มีกลไกอะไรที่มัน
00:30:09 → 00:30:10 >> มันเกี่ยวกับน้ำตาลในเลือดมั้คุณหมอ
00:30:11 → 00:30:13 >> น้ำตาลก็เกี่ยวครับเพราะว่าเขาบอกว่าการ
00:30:13 → 00:30:15 ที่คนเราเป็นโรคทางใจผมใช้โรคทางใจเนาะ
00:30:15 → 00:30:18 ไม่ว่าจะเป็นซึมเศร้าเป็นไบโพลารนะครับนะ
00:30:18 → 00:30:21 พวกเนี้ยสัมพันธ์กับโคนิฟชของสมองก็คือมี
00:30:21 → 00:30:24 การอักเสบที่เป็นเรื้อรังเพราะฉะนั้นถ้า
00:30:24 → 00:30:27 มีสารอะไรชนิดนึงที่สามารถลดการอักเสบได้
00:30:27 → 00:30:30 น่าจะทำให้อาการดีขึ้นได้ซึ่งสารตัวนั้น
00:30:30 → 00:30:33 ที่เราพูดถึงก็คือ EPA เคยได้ยินว่ามี DHA
00:30:33 → 00:30:36 และ EPA ถูกมั้ยนะครับพวกเเป็นกลุ่ม
00:30:36 → 00:30:39 โอเมก้า 3 โอเมก้า 3 จะมีทั้งหมด 3 ตัว
00:30:39 → 00:30:42 ที่เราพูดกันหลักๆก็คือมี ALA
00:30:42 → 00:30:44 EPA แล้วก็ DHA
00:30:44 → 00:30:46 >> ตัว ALA เนี่ยส่วนใหญ่เเราจะได้จากพวก
00:30:46 → 00:30:47 Plant Base
00:30:47 → 00:30:47 >> ออ
00:30:47 → 00:30:50 >> ส่วน EPA กับ DHA จะได้จาก Animal base
00:30:50 → 00:30:52 คราวนี้บางคนที่เป็นสายแพนเบสเขาจะบอกว่า
00:30:52 → 00:30:55 อ่าเห็นมั้ยล่ะฉันกินแพนเบสฉันก็ได้
00:30:55 → 00:30:57 โอเมก้า 3 เหมือนกันนะ
00:30:57 → 00:30:57 >> แกได้ตัวเดียว
00:30:58 → 00:31:00 >> แต่ตัว ALA เนี่ยร่างกายเราเปลี่ยนเป็น
00:31:00 → 00:31:02 EPA กับ DHA ได้แต่ในปริมาณที่มันน้อย
00:31:02 → 00:31:03 มาก
00:31:03 → 00:31:06 >> น้อยจนขนาดที่เขา้าบอกว่าเออคุณกินตัว EPA
00:31:06 → 00:31:08 กับ DHA เพิ่มเถอะเพราะมัน convert มัน
00:31:08 → 00:31:11 เปลี่ยนรูปจาก ALA มาเป็น EPA กับ DHA
00:31:11 → 00:31:13 ได้น้อยนะครับเพราะฉะนั้นเค้าเลยบอกว่า
00:31:13 → 00:31:16 เอ้ยแสดงว่าตัว EPA หรือเปล่าที่ทำให้การ
00:31:16 → 00:31:19 อักเสบในสมองเราอ่ะมันลดลงเพราะสมัยนี้
00:31:19 → 00:31:21 เราตรวจการอักเสบในร่างกายได้เนาะตัวที่
00:31:21 → 00:31:22 เขาตรวจก็คือตัว EPA เนี่ยแหละครับว่าเรา
00:31:22 → 00:31:23 มี EPA เยอะหรือน้อย
00:31:24 → 00:31:26 >> อย่างเงี้แปลว่าถ้าคนที่ใจแบบอยากจะมาทาง
00:31:26 → 00:31:29 แบบ Plant Base หรือว่าจะจะเป็นWeนจริงๆ
00:31:29 → 00:31:31 ก็ต้องใช้ความพยายาม
00:31:31 → 00:31:33 >> ถูกต้องครับอย่างที่บอกว่าทดแทนกันได้แต่
00:31:33 → 00:31:36 ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ต้องบอกว่าจริงๆแล้ว
00:31:36 → 00:31:38 อาหารที่เป็น vegan หรือแพนเbสในประเทศ
00:31:38 → 00:31:40 ไทยเนี่ยด้วยความที่คนไทยเราหาของกินได้
00:31:41 → 00:31:43 ค่อนข้างค่อนข้างง่ายแต่อาหารที่เป็น
00:31:43 → 00:31:45 plant bบสจริงๆเนี่ยผมมองว่าหายากเอา
00:31:45 → 00:31:48 ง่ายๆคุณชมมองลองมองช่วงกินเจก็ได้
00:31:48 → 00:31:48 >> ค่ะ
00:31:48 → 00:31:51 >> ช่วงกินเจเนี่ยอาหารที่เป็นแพนเบสจริงๆ
00:31:51 → 00:31:52 ที่ดีต่อสุขภาพมันไม่ใช่หน้าตาแบบเนี้ย
00:31:53 → 00:31:56 อันนี้มันกลายเป็นเกณฑการกินเจที่มีแป้ง
00:31:56 → 00:31:57 เยอะถูกมั้ครับเนาะ
00:31:57 → 00:31:59 >> อมันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือว่ามี
00:31:59 → 00:32:02 รีเสิร์ชอะไรใหม่ๆมั้คะที่เกี่ยวกับ
00:32:02 → 00:32:04 Animal base ที่มันน่าสนใจแล้วเราควร
00:32:04 → 00:32:05 ที่จะต้องรู้อ่ะค่ะคุณหมอ
00:32:05 → 00:32:08 >> เมื่อกี้จะพูดถึงข้อดีกันไปเยอะเนาะ
00:32:08 → 00:32:10 >> เดี๋จะบอกว่าเอ้ยทำไมผมอิงไปทำ Animal
00:32:10 → 00:32:11 Base เนาะ
00:32:11 → 00:32:13 >> ต้องบอกว่ามันมีข้อเสียเหมือนกันแต่หลาย
00:32:13 → 00:32:15 คนไม่ค่อยรู้นะครับอันนี้คือเรื่องของนม
00:32:15 → 00:32:17 นมก็เป็น animal product แบบหนึ่ง
00:32:17 → 00:32:19 >> เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วเนี่ยที่สวีเดนเ
00:32:19 → 00:32:22 มีการแบบสำรวจแล้วก็มีงานวิจัยเขาบอกว่า
00:32:22 → 00:32:24 เฮ้ยพอติดตามคนประมาณ 100,000 คนไปเนี่ยเ
00:32:24 → 00:32:28 พบว่าทำไมมีคนอยู่กลุ่มนึงที่กระดูกสะโพก
00:32:28 → 00:32:31 หักง่ายกว่าปกติอัตราการเสียชีวิตสูงพอ
00:32:31 → 00:32:35 เขาติดตามมาโอ้คนกลุ่มเนี้ยกินนมมากกว่า 3
00:32:35 → 00:32:35 แก้วต่อวัน
00:32:35 → 00:32:38 >> อืแปลกเนาะจริงๆมันน่าจะได้แคลเซียมนะ
00:32:38 → 00:32:40 >> ถูกต้องครับเฮ้ยทำไมกินนมแล้วถึงกระดูก
00:32:40 → 00:32:42 หักล่ะอย่างที่บอกว่าเราก็ต้องมาดูว่ามัน
00:32:42 → 00:32:45 มีกลไกอะไรที่มันมันทำให้อยู่ดีๆผลมัน
00:32:45 → 00:32:47 สรุปมาเป็นแบบนี้ได้ข้อที่ 1 คืออย่างที่
00:32:47 → 00:32:49 บอกว่าการที่เรากินอาหารที่มาจากanิal
00:32:49 → 00:32:52 เยอะๆแล้วบางคนแบบพึ่งพาย Animal Bas
00:32:52 → 00:32:55 อย่างเดียวโดยที่ไม่ได้ไฟเบอร์จากพวกพืช
00:32:55 → 00:32:58 ผักบ้างเลยนะครับกลุ่มเนี้ยโอกาสที่เกิด
00:32:58 → 00:33:01 การอักเสบในร่างกายก็จะมีแล้วพอในร่างกาย
00:33:01 → 00:33:03 เกิดการอักเสบมันมีโอกาสที่จะทำให้โบน
00:33:03 → 00:33:05 losอสหรือกระดูกของเราเนี่ยมันสูญเสีย
00:33:05 → 00:33:06 แคลเซียมได้แทนที่จะได้แคลเซียม
00:33:06 → 00:33:07 >> ค่ะ
00:33:07 → 00:33:10 >> และเพบว่าในปัจจุบันเวลาเราเลี้ยงวัวครับ
00:33:10 → 00:33:12 เราไม่ได้เลี้ยงวัวในที่แบบโล่งแจ้งได้
00:33:12 → 00:33:14 แสงอาทิตย์แม่วัว
00:33:14 → 00:33:17 >> ถูกต้องครับแม่วัวไม่ได้วิตามินดี
00:33:17 → 00:33:18 >> เพราะฉะนั้นการที่เรามีแคลเซียมอย่าง
00:33:18 → 00:33:20 เดียวไม่มีวิตามินดีแทบไม่ได้ประโยชน์จาก
00:33:21 → 00:33:23 การที่เราจะทำให้กระดูกเราแข็งแรงเลย
00:33:23 → 00:33:25 เพราะฉะนั้นก็ในต่างประเทศเขาอาจจะมีแม่
00:33:25 → 00:33:28 นมวัวที่ต้องเสริมวิตามินดีโดยการ
00:33:28 → 00:33:30 สังเคราะห์แล้วก็แอดเข้าไป
00:33:30 → 00:33:31 >> แต่ก็ไม่เหมือนแม่วัวที่ถูกเลี้ยงตาม
00:33:31 → 00:33:32 ธรรมชาติอ
00:33:32 → 00:33:33 >> ก็เหมือนแม่วัวกินวิตามินอย่างงั้นน่ะ
00:33:33 → 00:33:34 >> ถูกต้องครับ
00:33:34 → 00:33:36 >> อือืเมื่อกี้คุณหมอแตะเรื่องของค่าอักเสบ
00:33:36 → 00:33:39 นิดนึงเอาจริงๆเราจะโทษจากการกินเนื้อ
00:33:39 → 00:33:41 สัตว์อย่างเดียวก็ไม่ได้มค่าอักเสบในร่าง
00:33:41 → 00:33:41 กาย
00:33:41 → 00:33:44 >> ไม่ได้ครับถ้าเอาจริงๆแล้วเนี่ย 2 ฝั่ง
00:33:44 → 00:33:46 ทั้ง Animal Bas กับ Pant Base เนี่ย
00:33:46 → 00:33:49 จริงๆลดการอักเสบได้ทั้งคู่เพราะคนๆนึง
00:33:50 → 00:33:52 ที่ร่างกายอักเสบเยอะอยู่แล้วพอกิน Animal
00:33:52 → 00:33:54 Bas ปั๊บเขาตัดสิ่งที่เป็นน้ำตาลทิ้งพอ
00:33:54 → 00:33:57 ตัดน้ำตาลทิ้งร่างกายอักเสบร้อยลงส่วนคน
00:33:57 → 00:33:59 ที่เขาเป็นplพantเบสที่เป็น plant เบสแบบ
00:33:59 → 00:34:01 สุขภาพดีจริงๆ plant เบสแบบนั้นเนี่ยเขา
00:34:02 → 00:34:05 จะไม่กินน้ำตาลเหมือนกันแล้วก็ไม่กินพวก
00:34:05 → 00:34:06 ขาบที่แปรรูปมา
00:34:06 → 00:34:06 >> อื
00:34:06 → 00:34:08 >> เพราะฉะนั้นร่างกายของเราเนี่ยลดการ
00:34:08 → 00:34:11 อักเสบลงจากการที่เราไม่ได้น้ำตาลไม่ได้
00:34:12 → 00:34:12 แป้งแปรรูป
00:34:12 → 00:34:17 >> อืมันยังมีความเข้าใจอะไรเกี่ยวกับ animal
00:34:17 → 00:34:20 base ที่มันผิดๆอยู่บ้างมั้ยคะที่รู้สึก
00:34:20 → 00:34:24 ว่าอันเนี้มันต้องแก้ไขละมันเข้าใจผิดกัน
00:34:24 → 00:34:25 ไปเยอะมาก
00:34:25 → 00:34:29 >> ถ้าเอาข้อนึงเลยก็คือการกินที่กินแต่
00:34:29 → 00:34:32 เนื้อสัตว์แล้วเคยสุขภาพดีมาก่อนแล้วฉัน
00:34:32 → 00:34:33 สามารถทำแบบนั้นได้
00:34:33 → 00:34:33 >> อืออื
00:34:33 → 00:34:34 >> ตลอดชีวิต
00:34:34 → 00:34:35 >> ค่ะ
00:34:35 → 00:34:37 >> ไม่สามารถทำแบบนั้นได้แน่นอนยกตัวอย่าง
00:34:37 → 00:34:40 แบบนี้ดีกว่าครับเวลาที่เราเจอคนลดน้ำ
00:34:40 → 00:34:42 หนักบางคนอันนี้ผมอาจจะพูดในแง่มุมที่
00:34:42 → 00:34:44 เป็นผมเจอคนไข้แบบนี้บ่อยเนาะคนที่บางคน
00:34:44 → 00:34:46 ที่เขากินคีโตหรือกินแต่เนื้อสัตว์มาเยอะ
00:34:46 → 00:34:48 ๆแล้วเผอมลงแล้วเาไม่กินแป้งเลยเนี่ย
00:34:48 → 00:34:49 >> ค่ะ
00:34:49 → 00:34:51 >> ข้อที่ 1 จะพบว่าผมร่วงข้อที่ 2 จะพบว่า
00:34:51 → 00:34:53 ประจำเดือนไม่มา
00:34:53 → 00:34:53 >> ค่ะ
00:34:53 → 00:34:56 >> แสดงว่าอะไรแสดงว่าแป้งมีผลกับฮอร์โมนพอ
00:34:56 → 00:34:59 สมควรบางคนเจอว่าไทรรอยด์ต่ำแฝงคือเฮ้ย
00:34:59 → 00:35:01 ทำไมระบบเผาผ่านแล้วมันดูไม่ค่อยดีเลยแต่
00:35:01 → 00:35:04 พอกลับไปเติมแป้งนิดนึงนึงปั๊บน้ำหนักลง
00:35:04 → 00:35:06 ต่อได้สุขภาพกลับมาดีผมไม่ร่วงแล้วประจำ
00:35:06 → 00:35:07 เดือนกลับมาเลย
00:35:07 → 00:35:09 >> ก็คือคอร์ติซอลกระฉูด
00:35:09 → 00:35:12 >> ถูกต้องครับเพราะฉะนั้นดีที่สุดก็คือพอ
00:35:12 → 00:35:14 เราได้จุดที่เราพอใจเรายังไงก็ต้องกลับไป
00:35:14 → 00:35:18 กินแป้งจาก plant เบสบ้างแต่ให้เลือกแป้ง
00:35:18 → 00:35:21 ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการมาอย่างน้อยขอให้
00:35:21 → 00:35:24 แป้งนั้นมีใยอาหารสุขภาพเราจะดีในระยะยาว
00:35:24 → 00:35:27 >> อือือันนี้จริงเพราะว่าฟังเข้ามาเหมือน
00:35:27 → 00:35:31 กันคะเก็บอกว่าจริงๆไม่ว่าจะเป็นไดเอต
00:35:31 → 00:35:34 ประเภทไหนเนาะแบบว่าจะเจจะคีโตจะคาร์นิวอ
00:35:34 → 00:35:37 หรือจะอะไรสักคือหรือแม้แต่กระทั่งการทำ
00:35:37 → 00:35:37 IF อะไรเงี้ย
00:35:37 → 00:35:38 >> ครับ
00:35:38 → 00:35:42 >> พอคนไปทำแล้วมันติดใจแล้วก็จะติดกับดัก
00:35:42 → 00:35:44 มันแล้วก็จะคิดว่ามัน
00:35:44 → 00:35:47 >> มันจะดีมันจะดีตลอดแล้วมันดีที่สุดแต่ว่า
00:35:47 → 00:35:50 จริงๆแล้วมันทางสายกลางมันก็น่าจะ
00:35:50 → 00:35:52 >> อย่างที่คุณชมพูดเมื่อกี้เรื่อง IF นะบาง
00:35:52 → 00:35:55 คนเ้าก็ติดกับการกิน IF มื้อเดียวต่อวัน
00:35:55 → 00:35:55 >> ค่ะ
00:35:55 → 00:35:58 >> ก็มีครับแล้วก็บางคนเนี่ยพอมื้อเดียวต่อ
00:35:58 → 00:36:00 วันแล้วรู้สึกว่าดีฉันอยากทำมากกว่าเดิม
00:36:00 → 00:36:02 สุดท้ายคอร์ติซอลก็หลั่งเยอะเพราะว่าร่าง
00:36:02 → 00:36:03 กายเครียดเกินไป
00:36:03 → 00:36:06 >> ค่ะแล้วมันมีมั้ว่าที่แบบว่าเหมือนเราไม่
00:36:06 → 00:36:08 รู้อว่ามันมันมันร่างกายมันได้รับความ
00:36:08 → 00:36:10 เครียดมากเกินไปแบบว่าเค้าคิดว่าเขา
00:36:10 → 00:36:12 handle ได้อย่างเงี้ยก็มันไม่หิวอ่ะอะไร
00:36:12 → 00:36:13 อย่างเงี้ยคุณหมอ
00:36:13 → 00:36:14 >> มีครับ
00:36:14 → 00:36:17 >> แต่ว่าร่างกายก็จะแสดงออกแบบอื่นแทนอย่าง
00:36:17 → 00:36:18 เมื่อกี้ที่บอกนะครับเริ่มมีความร่วง
00:36:18 → 00:36:20 เริ่มมีประจำเดือนไม่มา
00:36:20 → 00:36:22 >> อันเนี้ยก็จะเริ่มส่งสัญญาณบอกแล้วว่าฉัน
00:36:22 → 00:36:25 handle ไม่ไหวแล้วนะค่ะแล้วก็มันจะมีอีก
00:36:25 → 00:36:28 อันนึงเถียงกันเนี่ยโชวเห็นเลยแพนเบสกับ
00:36:28 → 00:36:30 animal base เจะชอบเถียงกันก็คือว่าการ
00:36:30 → 00:36:33 กินเนื้อสัตว์เนี่ยส่งผลกระทบต่อสิ่งแวด
00:36:33 → 00:36:35 ล้อมจริงมั้ยคะคุณหมอ
00:36:35 → 00:36:37 >> ถ้ามีคนกินเนื้อสัตว์เยอะขึ้นสิ่งที่
00:36:37 → 00:36:39 กระทบสิ่งแวดล้อมแน่ๆคือเขาต้องใช้อาหาร
00:36:39 → 00:36:41 สัตว์เยอะขึ้นแล้วอาหารสัตว์ที่ใช้จริงๆ
00:36:41 → 00:36:43 ส่วนใหญ่ในประเทศเราก็คือพวกอะไรครับข้าว
00:36:43 → 00:36:44 โพด
00:36:44 → 00:36:44 >> ค่ะ
00:36:44 → 00:36:49 >> อ่าถั่วเหลืองพวกนี้ถ้าสมมุติว่าเราทำ
00:36:49 → 00:36:51 อาหารสัตว์โดยที่ไม่ได้มีการเผาป่าไม่ได้
00:36:51 → 00:36:53 มีการถังป่าเพื่อเอามาใช้แต่ว่าเป็นการ
00:36:53 → 00:36:56 เลี้ยงตามธรรมชาติซึ่งก็บอกไม่ได้ว่า
00:36:56 → 00:36:58 สามารถทำได้มั้อ่ะนะครับนะในมุมของผู้
00:36:58 → 00:37:00 ผลิตน่ะแบบเนี้ยก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำ
00:37:00 → 00:37:03 ให้ระบบนิเวศมันเสียไปเพราะฉะนั้นส่วนตัว
00:37:03 → 00:37:06 ผมไม่ได้เชื่อว่าการที่เรากินเนื้อสัตว์
00:37:06 → 00:37:07 แล้วทำให้ระบบนิเวศเสียแต่มันขึ้นอยู่กับ
00:37:08 → 00:37:10 กระบวนการที่เค้าทำอาหารมาให้สัตว์ที่เรา
00:37:10 → 00:37:11 กินน่ะ
00:37:11 → 00:37:12 >> มากกว่า
00:37:12 → 00:37:12 >> อค่ะ
00:37:12 → 00:37:15 >> ส่วนในมุมของผู้บริโภคเราทำอะไรได้บ้าง
00:37:15 → 00:37:17 ที่แบบจะไม่ทำให้กลายเป็นภาระของสิ่งแวด
00:37:17 → 00:37:19 ล้อมข้อที่ 1 เลยกินให้หมด
00:37:19 → 00:37:20 >> ค่ะ
00:37:20 → 00:37:22 >> ถ้าเราสั่งมาแล้วเราก็กินให้หมดแล้วก็
00:37:22 → 00:37:27 พยายามไม่สนับสนุนคนที่เค้าสร้าง animal
00:37:27 → 00:37:29 base มาโดยที่โดยที่กระทบสิ่งแวดล้อมแค่
00:37:29 → 00:37:30 นั้นเองครับ
00:37:30 → 00:37:32 >> อืแต่จริงจริงๆอีกฝั่งนึงที่เขาเถียงเก็
00:37:32 → 00:37:34 บอกว่าจริงๆ plant เบ bas เบสก็ในขั้นตอน
00:37:34 → 00:37:36 การผลิตก็สามารถทำลายสิ่งแวดล้อมได้
00:37:36 → 00:37:37 เหมือนกัน
00:37:37 → 00:37:39 >> ได้ครับยกตัวอย่างง่ายๆเลยอีกอันนึงก็คือ
00:37:39 → 00:37:40 ถ้าสมมุติว่าเป็นแพลนเบสเนี่ยเวลาเขาปลูก
00:37:41 → 00:37:43 พืชสารเคมีเขาเต้องใช้อยู่แล้วแล้วสาร
00:37:43 → 00:37:46 เคมีพวกนี้เวลาลงดินชะล้างลงน้ำ
00:37:46 → 00:37:48 >> พวกเราทุกคนได้รับผลกระทบเหมือนกันเพราะ
00:37:48 → 00:37:50 ฉะนั้นไม่มีอะไรที่มีแบบของฉันดีที่สุด
00:37:50 → 00:37:51 ไม่มีหรอกครับอ
00:37:51 → 00:37:54 >> ค่ะแต่ละวันของคุณหมอคุณหมอทานอะไรบ้างคะ
00:37:54 → 00:37:55 3 มื้อ
00:37:55 → 00:37:57 >> อาหารทั่วไปเลยครับอ่ะอย่างเมื่อเช้า
00:37:57 → 00:38:01 กะเพราหมูสับบไข่ดาวบางคนจะชอบคิดว่าหมอ
00:38:01 → 00:38:04 แต่ละคนหรือว่าคนที่เขาสุขภาพดีแต่ละคน
00:38:04 → 00:38:07 อาหารที่กินจะวิริมาหลามากจริงๆไม่ใช่เรา
00:38:07 → 00:38:10 อย่ามองอาหารว่าอาหารมื้อนี้เนี่ยเป็นยัง
00:38:10 → 00:38:12 ไงแต่เราให้เรามองว่าในอาหาร 1 จานเราได้
00:38:12 → 00:38:16 อะไรจากเขาบ้างเช่นผมกินกะเพราหมูสับผมมี
00:38:16 → 00:38:17 ข้าวโปรตีน
00:38:17 → 00:38:20 >> เอ๊ข้าวมื้อนี้เราซื้อจากเค้าคุณป้าร้าน
00:38:20 → 00:38:22 นี้เป็นข้าวสวยไม่เป็นไรเป็นข้าวสวยเดี๋
00:38:22 → 00:38:25 เราหาผักกินเพิ่มเพื่อให้ได้ย้างแต่ถ้า
00:38:25 → 00:38:26 มื้อไหนเป็นข้าวกล้องได้ก็เข้ากล้อง
00:38:26 → 00:38:28 โปรตีนเราได้จากอะไรเราได้จาก
00:38:28 → 00:38:31 >> เนื้อหมูอ่าอ่าแล้วก็มีน้ำมันนิดหน่อยก็
00:38:31 → 00:38:33 ไม่ว่ากันเพราะว่าอะไรไม่มีทางที่เราจะ
00:38:33 → 00:38:35 ได้ที่ดีต่อสุขภาพทุกมื้อถูกมั้ครับ
00:38:35 → 00:38:38 >> ค่ะอืแต่จริงๆเลยคุณหมอพอแบบพอเรามาหัน
00:38:38 → 00:38:40 หันมาสนใจเรื่องสุขภาพมุมมองที่มันมีต่อ
00:38:40 → 00:38:42 อาหารเนี่ยมันเปลี่ยนไปเลยนะเพราะมัน
00:38:42 → 00:38:46 เหมือนแบบบ้าโปรตีนเนาพอมองอาหารตัวเอง
00:38:46 → 00:38:49 ปุ๊บคือสแกนก่อนว่าแบบโปรตีนแบบว่าสัด
00:38:49 → 00:38:51 ส่วนโปรตีนเราเท่าไหร่อะไรอย่างเงี้ยแป้ง
00:38:51 → 00:38:51 เท่าไหร่อะไรเงี้
00:38:51 → 00:38:53 >> ซึ่งจริงๆเป็นสิ่งที่ดีครับอย่างเวลาเรา
00:38:53 → 00:38:55 ไปเข้าร้านสะดวกซื้ออย่างเงี้ยถ้าเป็น
00:38:55 → 00:38:57 ช่วงแต่ก่อนผมก็เคยแบบสุขภาพไม่ดีเนาะ
00:38:57 → 00:38:59 แล้วก็ช่วงที่ทำงานหนักน้ำหนักตัวเยอะ
00:38:59 → 00:39:00 อย่างเงี้ยนะช่วงที่เริ่มกลับมาใส่ใจ
00:39:00 → 00:39:02 สุขภาพเข้าร้านปั๊บเราดูก่อนเลยน้ำตาล
00:39:02 → 00:39:03 เยอะมั้ย
00:39:03 → 00:39:05 >> แต่แต่ก่อนเราจะดูแคลอรี่เป็นยังไงแต่พอ
00:39:05 → 00:39:06 เราเริ่มมีความรู้ปั๊บน้ำตาลเยอะหรือ
00:39:06 → 00:39:08 เปล่าโปรตีนเยอะมั้ยเพราะเรารู้ว่าเวลา
00:39:08 → 00:39:11 เรากินโปรตีนได้ถึงเราจะอิ่มแล้วเราก็จะ
00:39:11 → 00:39:13 ไม่ไปอยากกินของหวานให้สุขภาพเสีย
00:39:13 → 00:39:15 >> แต่อันเนี้จริงอันเนี้จริงว่าถ้าสมมุติ
00:39:15 → 00:39:18 ว่าวันไหนที่แบบว่าทานอาหารเช้าที่แบบว่า
00:39:18 → 00:39:21 โปรตีนมันฮิตแล้วมันจะไม่หิวเลยนะแล้วมัน
00:39:21 → 00:39:23 ก็จะไม่อยากกินจุกกินจิกนะ
00:39:23 → 00:39:24 >> ใช่ครับอิ่มทั้งวัน
00:39:24 → 00:39:27 >> อใช่อ่ะให้คุณหมอสรุปการกิน Animal Bas
00:39:27 → 00:39:30 diet แบบเพื่อสุขภาพ
00:39:30 → 00:39:33 >> เพื่อสุขภาพที่ดีที่สุด Animal Based
00:39:33 → 00:39:35 Diet ที่ดีต้องมีไฟเบอร์
00:39:35 → 00:39:35 >> อื
00:39:36 → 00:39:38 >> ไม่ว่าในช่วงนั้นเนี่ยคุณจะเป็น animal
00:39:38 → 00:39:40 base เพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตามเช่น
00:39:40 → 00:39:43 วัตถุประสงค์ลดน้ำหนักคุณอาจจะกินขาบน้อย
00:39:43 → 00:39:46 แต่คุณต้องได้แป้งน้อยแล้วยังได้ยอะนะ
00:39:46 → 00:39:49 เพราะฉะนั้นการกินผักใบขาบไม่เยอะคุณกิน
00:39:49 → 00:39:52 เข้าไปเถอะทำให้ลำไส้คุณดีด้วยแล้วก็ใน
00:39:52 → 00:39:56 ช่วงที่คุณสุขภาพดีแล้วอย่ากลัวการกินขาบ
00:39:56 → 00:40:01 กินAnิal Bas ได้ปกติเนื้อสัตว์นมไข่แต่
00:40:01 → 00:40:03 อย่ากลัวการกินขาบไม่งั้นสุขภาพคุณจะเสีย
00:40:03 → 00:40:06 พอคุณบาanceซได้แบบนี้คุณมีความรู้ว่า
00:40:06 → 00:40:09 อาหารแบบเนี้ยมันมีข้อดีคืออะไรเช่นอาหาร
00:40:09 → 00:40:10 ที่เนื้อสัตว์เยอะข้อดีคือเรากินแล้วเรา
00:40:10 → 00:40:11 อิ่มนาน
00:40:11 → 00:40:13 >> พอเรากินแล้วเราอิ่มนานเราไม่อยากกินน้ำ
00:40:13 → 00:40:16 ตาลสุขภาพเราก็ดีนะเรารู้ว่าการกินแพลน
00:40:16 → 00:40:18 เบสเนี่ยมันมีข้อดีคือมันมีใยอาหารซึ่ง
00:40:18 → 00:40:20 เนื้อสัตว์ให้ไม่ได้เนื้อสัตว์ไม่ค่อยมี
00:40:20 → 00:40:22 ใยอาหารเลยการที่เรารู้ข้อดีแบบนี้แล้ว
00:40:22 → 00:40:24 เราเอามารวมกันคุณจะเป็นคนที่สุขภาพดีโดย
00:40:24 → 00:40:27 ที่ไม่ต้องคิดว่าฉันจะเลือกขาวหรือดำ
00:40:27 → 00:40:27 >> ค่ะ
00:40:27 → 00:40:30 >> แต่เรารู้ว่าในภาวะที่เราอยู่ตรงเนี้ยเรา
00:40:30 → 00:40:31 เอาขาวกี่ส่วนเอาดำกี่ส่วน
00:40:31 → 00:40:33 >> อืสมดุลเนาะ
00:40:33 → 00:40:33 >> ถูกต้องครับ
00:40:33 → 00:40:36 >> อืวันนี้นะคะก็ได้ความรู้ดีๆเยอะเลยนะคะ
00:40:36 → 00:40:39 แล้วก็สำหรับใครนะคะที่เอ่อมีข้อสงสัยนะ
00:40:39 → 00:40:41 คะอยากจะให้ชมเนี่ยทำคเทนเกี่ยวกับเรื่อง
00:40:41 → 00:40:44 สุขภาพเรื่องไหนนะคะแชร์มาบอกกันได้เลย
00:40:44 → 00:40:47 ค่ะหรือว่าดูคเทนนี้นะคะจบแล้วเนี่ยชอบ
00:40:47 → 00:40:49 อะไรหรือว่าไม่ชอบอะไรเนี่ยนะคะก็เม้นต์
00:40:49 → 00:40:51 มาบอกกันได้เลยค่ะเพราะว่ารายการเรานะคะ
00:40:51 → 00:40:53 เราอยากที่จะพัฒนานะคะแล้วก็ปรับปรุงราย
00:40:53 → 00:40:56 การให้ดียิ่งๆขึ้นไปนะคะแล้วก็จะได้มี
00:40:56 → 00:40:59 สุขภาพที่ดีไปด้วยกันค่ะและที่สำคัญนะคะ
00:40:59 → 00:41:01 ฝากกดไลค์กดแชร์นะคะแล้วก็กด Subscribe
00:41:01 → 00:41:03 เป็นกำลังใจให้กับช่อง Life Do ของเรา
00:41:03 → 00:41:07 ด้วยนะคะและปลายปีนี้ค่ะเราจะมีงานใหญ่นะ
00:41:07 → 00:41:09 คะเพื่อคนรักสุขภาพนะคะ Life Expo ค่ะก็
00:41:09 → 00:41:12 จะเป็นงานมหกรรมนะคะชีวิตแล้วก็สุขภาพนะ
00:41:12 → 00:41:15 คะที่ครบวงจรที่สุดเลยนะคะก็ฝากติดตาม
00:41:15 → 00:41:19 ด้วยก็แล้วกันอ
00:41:19 → 00:41:22 [เพลง]