00:00:00 → 00:00:03 เจาะลึกเบาหวานต้องดูแลตัวเองยังไงกินยา
00:00:03 → 00:00:06 อย่างเดียวพอมติดตามได้ในรายการวันใหม่
00:00:06 → 00:00:14 ไกลโรค
00:00:14 → 00:00:17 สืบทอดภูมิปัญญาไทยใส่ใจคุณภาพยาร้าน
00:00:17 → 00:00:23 เจริญสุขโอสถนครปฐม
00:00:23 → 00:00:25 สวัสดีค่ะนี่คือรายการวันใหม่ไกลโรคค่ะ
00:00:25 → 00:00:28 รายการที่จะพาทุกคนไปเปิดมุมมองของยาแผน
00:00:28 → 00:00:31 ไทยแล้วก็สมุนไพรไทยให้คนไทยสุขภาพดี
00:00:31 → 00:00:33 เพราะทุกวัยเริ่มใหม่ได้เสมอกับวันใหม่
00:00:33 → 00:00:36 ไกลโรคนะคะวันนี้เป็นอีกประเด็นฮิตค่ะ
00:00:36 → 00:00:39 อาจารย์รุ่งลวีคะก็คือเบาหวานค่ะแดง
00:00:39 → 00:00:42 สังเกตว่าคนรุ่นใหม่ปัจจุบันก็เป็นเบา
00:00:42 → 00:00:44 หวานเป็นโรค NCD กันเยอะขึ้นนะคะแล้ว
00:00:44 → 00:00:47 สมมุติว่าอายุมากขึ้นอ่ะไปเริ่มตรวจน้ำ
00:00:47 → 00:00:50 ตาลเออก็ปริ่มๆนะหมอยังไม่ได้ให้ยานนะแต่
00:00:50 → 00:00:52 เราก็อยากปรับด้วยตัวเองกับอีกกลุ่มนึงก็
00:00:52 → 00:00:54 คือเป็นเบาหวานอยู่หรือมีคนในบ้านเป็นเบา
00:00:54 → 00:00:57 หวานอยู่จะดูแลเขายังไงไม่อยากกินยาไป
00:00:57 → 00:01:00 ตลอดมันทำได้จริงมยอีกอันนึงที่สำคัญก็
00:01:00 → 00:01:03 คือคนจะเริ่มมองหาสมุนไพรแล้วมันก็มี
00:01:03 → 00:01:05 โปรโมทเยอะมากอันนี้ลดน้ำตาลก็งงค่ะ
00:01:05 → 00:01:08 อาจารย์เริ่มยังไงดีคะเรื่องเบาหวานจริงๆ
00:01:08 → 00:01:10 เบาหวานเนี่ยนะไม่ว่าแผนไหนแต่เริ่มต้น
00:01:10 → 00:01:13 ที่ปรับพฤติกรรมก่อนอืนะคะเพราะว่ายิ่ง
00:01:13 → 00:01:16 ถ้าคนที่เพิ่งเริ่มเป็นเนี่ยบางคนไปเจาะ
00:01:16 → 00:01:19 น้ำตาลบอกมันปริ่มๆนะหมอก็จะบอกว่าปรับ
00:01:19 → 00:01:21 พฤติกรรมก่อนนะนะส่วนใหญ่การปรับพฤติกรรม
00:01:21 → 00:01:24 เนี่ยโอ้โหมันยาวเหยียดเลย 1 2 3 4
00:01:24 → 00:01:27 หลายคนก็อาจจะรู้สึกว่าเอ้ยฉันทำไหวเหรอ
00:01:27 → 00:01:31 อะไรเงี้ยเออทีนี้ให้รู้ก่อนนะคะว่าเมื่อ
00:01:31 → 00:01:34 เราเป็นโรคอะไรก็ตามเนี่ยคนที่จะรักษาได้
00:01:34 → 00:01:38 ก็คือตัวเราเองไม่ใช่หมอไม่ใช่ใครเลยไม่
00:01:38 → 00:01:41 ใช่ญาติอะไรเลยเราเพราะว่าเราบังคับปาก
00:01:41 → 00:01:45 เราได้นะฮะเราบังคับตัวเราได้ถ้าเราไม่ทำ
00:01:45 → 00:01:48 ไม่มีใครช่วยเราได้แล้วค่ะนะคะคนอื่นแค่
00:01:48 → 00:01:52 ผู้ช่วยใช่ค่ะวันนี้เราคงมาคุยกันเนาะว่า
00:01:52 → 00:01:54 เอาเรื่องอาหารก่อนนะคะเพราะอาหารเนี่ย
00:01:54 → 00:01:56 เป็นประเด็นสำคัญเลยเป็นประเด็นที่ทำให้
00:01:56 → 00:01:58 เกิดโรคและเป็นประเด็นที่ทำให้หายโรคได้
00:01:58 → 00:02:01 ด้วยใช่บางคนบอกว่างดน้ำตาลไปเลยมั้ยอ้าว
00:02:01 → 00:02:04 แล้วฉันจะกินอะไรล่ะเราตั้งหลักกันยังไง
00:02:04 → 00:02:07 ดีคะอาจารย์คือเบาหวานเนี่ยพอพูดถึงอัน
00:02:07 → 00:02:09 แรกก็คือเรื่องของคาร์โบไฮเดรตเรื่องของ
00:02:09 → 00:02:12 แป้งว่าแป้งก่อนนะคะหลายคนก็จะได้รับคำ
00:02:12 → 00:02:16 แนะนำว่าให้ลดแป้งลงนะคะแล้วก็เจ้าก้ามคน
00:02:16 → 00:02:20 ที่เป็นเบาหวานเนี่ยมักจะชอบแป้งเออเป็น
00:02:20 → 00:02:23 ความรู้สึกว่าพองดไปมากๆมันโหยหามากเลย
00:02:23 → 00:02:25 เพราะว่าแป้งมันให้พลังงานเยอะแล้วก็
00:02:25 → 00:02:27 สังเกตได้หลายๆคนเลยคนที่เป็นเบาหวาน
00:02:27 → 00:02:31 สวรรค์ใหญ่จะต้องกินแป้งเป็นหลักทำยังไง
00:02:31 → 00:02:34 ที่เขา้าจะมีชีวิตรอดอยู่ได้ในสภาวะที่
00:02:34 → 00:02:37 เป็นเบาหวานและสุขภาพก็ยังคงอยู่ได้นะ
00:02:37 → 00:02:39 สุขภาพดีเหมือนเดิมนะเพราะว่าจริงๆเบา
00:02:39 → 00:02:42 หวานถ้าดูแลตัวเองเป็นนะไม่เป็นอันตราย
00:02:42 → 00:02:45 อะไรเลยแล้วก็จะมีชีวิตอย่างเงี้ยไปตลอด
00:02:45 → 00:02:48 เลยไปที่ไหนที่ไหนก็ไปได้ไม่มีปัญหานะคะ
00:02:49 → 00:02:50 งั้นเราเริ่มที่แป้งเริ่มเริ่มที่แป้งค่ะ
00:02:50 → 00:02:53 อาจารย์ข้าวมั้คะอาจารย์อ่าแป้งเนี่ยก็
00:02:53 → 00:02:56 คือข้าวตัวแรกเลยคือข้าวคือก่อนอื่นก็จะ
00:02:56 → 00:02:57 ไม่เรียกเรียกว่าข้าวอย่างเดียวจะเรียก
00:02:57 → 00:03:00 ว่าคาร์โบไฮเดรตก็แล้วกันน่ามีหลายหลาย
00:03:00 → 00:03:02 กลุ่มเนาะตัวกลุ่มที่เรารู้จักกันก็คือ
00:03:02 → 00:03:05 กลุ่มข้าวคือคือหรือคือกลุ่มแป้งนั่นเอง
00:03:05 → 00:03:07 ข้าวที่เราเลือกกินเนี่ยสมัยก่อนเราจะบอก
00:03:07 → 00:03:11 ว่ากินข้าวกล้องน่ากินข้าวซ้อมือนะคะหลาย
00:03:11 → 00:03:14 คนก็บอกว่าอไม่อร่อยกินไม่ได้ตอนหลัง
00:03:14 → 00:03:18 วิทยาการมันเกริ่นก้าวหน้าขึ้นมาก็มีการ
00:03:18 → 00:03:21 ศึกษาเรื่องพันธุ์ข้าวว่าข้าวชนิดไหนนะ
00:03:21 → 00:03:23 มันเหมาะสำหรับคนที่เป็นเบาหวานอันนี้
00:03:23 → 00:03:26 กระทรวงเกษตรของไทยเนี่ยมีการศึกษาเยอะ
00:03:26 → 00:03:29 ค่ะในในแง่ของการเกษตรเค้าก็พบว่าจะดูว่า
00:03:29 → 00:03:32 ข้าวตัวไหนมันเหมาะให้ไปดูที่ค่าค่าหนึ่ง
00:03:32 → 00:03:35 ค่ะเค้าเรียกว่าไลซิx
00:03:35 → 00:03:38 ค่ะนะคะค่าตัวเนี้ยเวลาเราเรียกกันสั้นๆเ
00:03:38 → 00:03:43 เรียกข้าว G ข้าว G gi G นะข้าว G ต่ำ
00:03:43 → 00:03:45 ถึงจะเหมาะสำหรับคนเป็นเบาหวานต่ำคือเท่า
00:03:45 → 00:03:49 ไหร่ก็คือต่ำกว่า 50 เพราะ G เนี่ยสูงสุด
00:03:49 → 00:03:52 คือ 100 อย่างน้ำตาลเนี่ยคือ G = 100
00:03:52 → 00:03:55 อืนะคะหรือข้าวขาวปกติ G ก็จะเท่ากับ 100
00:03:55 → 00:03:59 ประมาณนะคะเพราะฉะนั้นข้าวที่ต่ำกว่า 50
00:03:59 → 00:04:02 มันก็จะดีสำหรับคนที่เป็นเบาหวานแต่
00:04:02 → 00:04:07 บังเอิญเอ่อข้าวที่ต่ำไม่อร่อยอืนะคะ
00:04:07 → 00:04:11 เพราะมันดูดซับน้ำได้น้อยหุงไปแล้วมันจะ
00:04:11 → 00:04:15 ค่อนข้างที่จะแข็งอ่าคนเป็นประวัติไม่ชอบ
00:04:15 → 00:04:18 แหมพี่เองก็ไม่ชอบเนาะก็เลยมีคนพยายามทำ
00:04:18 → 00:04:23 ข้าวที่มันกลางนะอย่างเช่นพันกข. 43 เคย
00:04:23 → 00:04:26 ได้ยินเนาะซึ่งเดี๋ยวเนี้ยมันจะมีติดข้าง
00:04:26 → 00:04:30 ถุงว่าค่า G เท่าไหร่กข. 43 เนี่ยข้าวมัน
00:04:30 → 00:04:33 สูงเกิน 50 มานิดนึงนะคะนับว่าใช้ได้
00:04:33 → 00:04:35 ประมาณ 55 อะไรประมาณนั้นน่ะก็นับว่าใช้
00:04:35 → 00:04:38 ได้เพราะฉะนั้นให้เลือกพันธุข้าวก่อนอนะ
00:04:38 → 00:04:41 คะแล้วก็อันที่ 2 นอกจากเลือกพันข้าวแล้ว
00:04:41 → 00:04:45 เนี่ยดูซิว่าถ้ามีข้าวไหนที่มันมีสีสีแดง
00:04:45 → 00:04:47 สีอะไรเนี่ยนะคะอ่ามีข้าวไสเบอร์รี่มั้คะ
00:04:47 → 00:04:49 ที่จะซื้อข้าวไสเบอร์รี่อะไรเงี้ยก็ไปหา
00:04:49 → 00:04:52 ข้าวไสเบอร์รี่ที่มี G ต่ำๆเพราะว่า
00:04:52 → 00:04:54 ไสเบอร์รี่มันก็ยังมีหลายพันอีกเนาะ G
00:04:54 → 00:04:57 มันก็อาจจะแตกต่างกันตามแต่ละที่อีกนะคะ
00:04:57 → 00:04:59 ก็ไปหาอย่างงั้นมาเพราะฉะนั้นข้าวก็จะ
00:04:59 → 00:05:01 เป็นประเด็นที่ต้องเลือกประเด็นที่ 1
00:05:01 → 00:05:02 เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่ว่ามองว่าข้าวเพราะ
00:05:03 → 00:05:05 สุขภาพคือข้าวกล้องแต่จริงๆเข้าอะไรก็ตาม
00:05:05 → 00:05:07 ให้เราดูที่ G เป็นหลักใช่ค่ะซึ่งในตาม
00:05:07 → 00:05:09 ซุเปอร์มาร์เก็ตเนี่ยมันก็มีเดี๋ยวนี้มี
00:05:09 → 00:05:12 เขียนหมดเลยค่ะนะคะเริ่มจากข้าวเนคราวนี้
00:05:12 → 00:05:15 นอกจากข้าวแล้วมันยังมีพวกคาร์โบไฮเดรต
00:05:15 → 00:05:18 บางตัวนะซึ่งอยู่ในผักเอ่อคาร์โบไฮเดรต
00:05:18 → 00:05:21 บางตัวที่มันไม่ถูกดูดซึมนะหรือว่าดูดซึม
00:05:22 → 00:05:25 น้อยเอาว่าตัวนึงก็คือพวกถั่วกลุ่มพวก
00:05:25 → 00:05:30 ถั่วถั่วมีเปลือกนะอย่างเช่นถั่วแดงถั่ว
00:05:30 → 00:05:34 ดำเอ่อลูกเดือยกลุ่มพวกเนี้ยมันจะมีความ
00:05:34 → 00:05:37 หนาของเปลือกอยู่หรือแม้กระทั่งข้าวโพดนะ
00:05:37 → 00:05:40 คะหลายคนก็เข้าใจผิดว่าเอ้ยข้าวโพดนี่เ้า
00:05:40 → 00:05:42 ห้ามคนเป็นเบาหวานกินนะแต่ที่จริงแล้ว
00:05:42 → 00:05:46 เนี่ยห้ามกินเฉพาะน้ำข้าวโพดอ๋อเพราะน้ำ
00:05:46 → 00:05:49 ข้าวโพดเนี่ยบีบเอากากทิ้งอ่าแล้วก็เอา
00:05:49 → 00:05:52 เนื้อไว้ให้กินถ้าข้าวพืชเนี่ยให้กินทั้ง
00:05:52 → 00:05:55 เมล็ดอย่างงั้นน่ะค่ะกินได้อ่ากินได้ค่ะ
00:05:55 → 00:05:59 เพราะว่ามันเป็นหนึ่งในเอ่อเอ่อแป้งที่
00:05:59 → 00:06:01 มันย่อยยากเพราะว่ามันมีเชลข้างนอกอยู่ออ
00:06:01 → 00:06:04 นะคะเพราะเรากัดสังเกตถ้าเรากินข้าวโพด
00:06:04 → 00:06:07 ถ้าใครเคยกินข้าวโพดทั้งเมล็ดเนี่ยนะก็จะ
00:06:07 → 00:06:09 เพราะว่าเวลาเรากินเนี่ยเวลาถ่ายออกมายัง
00:06:09 → 00:06:11 เป็นเมล็ดยังมีอยู่เลยเพราะอันนี้เขา
00:06:11 → 00:06:14 เรียกว่าย่อยยากเพราะเนื่องจากว่าฟันเรา
00:06:14 → 00:06:17 ไม่สามารถที่จะย่อยมันหมดอืดังนั้นก็จะ
00:06:17 → 00:06:19 ใช้ได้นะฮะเพราะฉะนั้นหัวแดงพวกเนี้ย
00:06:19 → 00:06:22 สามารถป่นเข้ามาในข้างได้อ่าที่มันมี
00:06:22 → 00:06:25 เปลือกมันคือมันมีค่ามันมีแป้งออกมาเล็ก
00:06:25 → 00:06:28 น้อยนะฮะมันก็จะช่วยได้อีกประเภทนึงก็คือ
00:06:28 → 00:06:32 ประเภทที่เอ่อเป็นเมือกนะอย่างเช่นแมงรัก
00:06:32 → 00:06:35 ว่านหางจระเข้นะซึ่งหลายคนบอกเออกินว่าน
00:06:35 → 00:06:38 หางจระเข้สิพวกเนี้ยมันจะไปเคลือบทางเดิน
00:06:38 → 00:06:42 ไอ้ตัวกระเพาะอาหารกับลำไส้ทำให้ตัวน้ำ
00:06:42 → 00:06:46 ตาลกับไขมันไม่ถูกดูดซึมแต่ว่าหางจระเข้
00:06:46 → 00:06:49 จะกินยังไงคะอาจารย์วนหางเข้ก็กินง่ายๆ
00:06:49 → 00:06:52 แล้วถ้าเรานั่นก็คือปอกมาแล้วก็กินเป็นทำ
00:06:52 → 00:06:55 ให้มันปั่นให้เป็นน้ำดื่มก็ได้ค่ะออนะคะ
00:06:55 → 00:06:57 ประมาณสักช็อตนึงอ่ะแก้วเล็กๆอ่ะประมาณ
00:06:57 → 00:07:01 สัก 30 ซีซ -50 ซีซต่อครั้งต่อมื้อได้แต่
00:07:01 → 00:07:03 นี้ถ้าเป็นกลุ่มแมงรักกับว่าหางเข้เนี่ย
00:07:03 → 00:07:05 เราให้กินประมาณสักอาทิตย์ 2 อาทิตย์ติด
00:07:05 → 00:07:08 ต่อได้แล้วก็เลิกแล้วก็หยุดไปสัก 2-3
00:07:08 → 00:07:10 อาทิตย์หรือเดือนนึงแล้วค่อยมาใหม่นะคะ
00:07:10 → 00:07:13 พวกนี้เนี่ยเพราะว่าทำไมถึงต้องหยุดก็
00:07:13 → 00:07:16 เพราะว่าเวลาที่มันกินเมันเคลือบตรงเนี้ย
00:07:16 → 00:07:19 มันไม่ได้กันเฉพาะน้ำตาลมันกันพวกวิตามิน
00:07:19 → 00:07:21 บางตัวด้วยนะโดยเฉพาะวิตามินละลายไขมัน
00:07:21 → 00:07:24 มันกันด้วยไม่ให้เข้า
00:07:24 → 00:07:26 ไม่ได้สารอาหารเพราะงั้นเลย 2 อาทิตย์
00:07:26 → 00:07:28 ปั๊บให้หยุดค่ะเอ่อมันมีงานวิจัยว่า 2
00:07:29 → 00:07:32 อาทิตย์เนี่ยมันจะอยู่ยังยำไส้อยู่ประมาณ
00:07:32 → 00:07:34 3 วันเพราะฉะนั้นก็หยุดให้เลย 3 วันนิด
00:07:34 → 00:07:36 นึงหยุดประมาณสักอาทิตย์นึงหรือ 2
00:07:36 → 00:07:38 อาทิตย์แล้วค่อยกลับมาใหม่ได้เพราะฉะนั้น
00:07:38 → 00:07:40 การกินพวกเนี้ยเราใช้อาหารเป็นตัวช่วย
00:07:40 → 00:07:43 เห็นมั้คะก็ 1 ก็ช่วยอาหารที่มันย่อยเป็น
00:07:43 → 00:07:47 แป๊ะเป็นน้ำตาลได้น้อยน่าอันที่ 2 เนี่ย
00:07:47 → 00:07:50 ก็เอาตัวที่ลดการดูดซึมน้ำตาลนะฮะเพราะ
00:07:50 → 00:07:54 ฉะนั้นก็จะสลับสลับกันมาอย่างงี้นะคะส่วน
00:07:54 → 00:07:57 อะไรที่มันน้ำตาลเยอะก็ไม่ต้องพูดถึงอยู่
00:07:57 → 00:08:00 แล้วใช่มั้คะพวกไอ้น้ำปรุงหรือว่าผลไม้
00:08:00 → 00:08:03 พวกนั้นต้องงดอยู่แล้วอืนั่นนะคะเพราะว่า
00:08:03 → 00:08:06 เราจะได้น้ำตาลจากแป้งเนี่ยก็น่าจะเพียง
00:08:06 → 00:08:10 พอแล้วแล้วก็ในกลุ่มของโปรตีนนะคะคนที่
00:08:10 → 00:08:12 เป็นเบาหวานเนี่ยเนื่องจากก็มันจะมีปัญหา
00:08:12 → 00:08:15 เรื่องเรื่องการย่อยอ่ามันมีปัญหาเรื่อง
00:08:15 → 00:08:18 ของการย่อยมากพอสมควรแล้วแหละแล้วก็มี
00:08:18 → 00:08:21 ปัญหาเรื่องของสมดุลของเชื้อในลำไส้เพราะ
00:08:21 → 00:08:23 งั้นการเลือกเนื้อสัตว์เนี่ยจำเป็นนะคะ
00:08:23 → 00:08:25 โปรตีนที่ใช้เนี่ยก็ควรจะเป็นเนื้อสัตว์
00:08:25 → 00:08:28 ประเภทที่ไม่มีไขมันหรือมีไขมันน้อยนะฮะ
00:08:28 → 00:08:31 เลือกส่วนตำแหน่งที่มันมีไขมันน้อยหรือไป
00:08:31 → 00:08:35 ใช้โปรตีนจากปลานะคะหรือโปรตีนจากไข่นะคะ
00:08:35 → 00:08:37 อย่างเช่นพวกไข่ขาวทั้งหลายแต่ไข่ขาวต้อง
00:08:37 → 00:08:41 ทำให้สุกนะคะหรือโปรตีนจากเต้าหู้ก็ใช้
00:08:41 → 00:08:44 ได้นะคะซึ่งพวกเนี้ยที่บอกก็คือว่าเอ่อ
00:08:44 → 00:08:47 การเลือกกินเนี่ยไม่ได้แปลว่าพอปลาพลทุก
00:08:47 → 00:08:51 มื้อต้องเป็นปลาไม่ใช่ให้หลายๆอย่างเพื่อ
00:08:51 → 00:08:53 ที่ตัวเองเนี่ยจะได้สลับสับเปลี่ยนเพราะ
00:08:53 → 00:08:56 ว่าเวลาเราถูกแนะนำให้ทำพฤติกรรมอะไรก็
00:08:56 → 00:08:58 ตามเนี่ยพวกเราชักรู้สึกว่าเฮ้ยมันน่า
00:08:58 → 00:09:00 เบื่อฉันต้องกินไอ้เนี่ยซ้ำๆซๆแต่ถ้าเรา
00:09:00 → 00:09:02 มองธรรมชาติอย่างี้ออกว่ามันมีให้เลือก
00:09:03 → 00:09:05 หลากหลายเราก็ปรับสิอืวันนั้นก็ไปกินอัน
00:09:05 → 00:09:07 นั้นวันนี้ก็มากินอันนี้วันนู้นมากินอัน
00:09:07 → 00:09:09 นู้นมันก็เลยกลายเป็นธรรมชาติแล้วสุดท้าย
00:09:09 → 00:09:11 มันก็กลายเป็นความชอบแล้วมันก็จะไม่รู้
00:09:11 → 00:09:14 สึกว่าตัวเองถูกบังคับอีกต่อไปอคืออย่าง
00:09:14 → 00:09:16 สมมุติหมดโปรตีนที่อาจารย์บอกว่าอ่ะถ้าดี
00:09:16 → 00:09:18 ก็คือปลานั่นแหละแต่ไม่ใช่ว่าหมูไก่กิน
00:09:18 → 00:09:20 ไม่ได้กินได้แต่เลือกส่วนเอาก็เอาส่วนที่
00:09:20 → 00:09:24 มันมีไขมันน้อยแล้วก็สลับกันไปใช่ค่ะนะก็
00:09:24 → 00:09:27 อย่างถ้าเป็นเป็ดอยากกินเป็ดได้ค่ะพยายาม
00:09:27 → 00:09:29 เอาหนังเป็ดออกไปหน่อยนึงอะไรอย่างเงี้ย
00:09:29 → 00:09:32 หรือถ้าเป็นเป็ดที่หนังกรอบอ้าวกินแต่
00:09:32 → 00:09:34 ส่วนหนังตรงนั้นน้อยหน่อยนะกินเนื้อหน่อย
00:09:34 → 00:09:38 อะไรเงี้ยเออคือมนุษย์น่ะจริงๆก็ต้องต้อง
00:09:38 → 00:09:40 ว่ากันต้องมีความชอบใช่ต้องมีความสุข
00:09:40 → 00:09:41 อาจารย์ไม่งั้นหนูว่าน้ำลายไม่หลั่งน้ำ
00:09:41 → 00:09:43 ย่อยก็ไม่หลั่งเหมือนกันฉันก็ไม่อยากกินอ
00:09:43 → 00:09:45 คือคือที่พูดเรื่องเนี้ยเพราะว่าอะไร
00:09:45 → 00:09:49 เพราะตอนที่พูดกับแม่แรกๆอ่ะนะคะไอ้เรา
00:09:49 → 00:09:51 ที่จบใหม่ๆเราก็รู้สึกสรองมากว่าแม่จะ
00:09:51 → 00:09:53 ต้องปรับพฤติกรรมทุกอย่างไอ้นี่ก็ห้ามไอ้
00:09:53 → 00:09:54 นั่นก็หายนั่นไม่ทันนะแม่ไอ้นี่ก็ไม่ได้
00:09:54 → 00:09:57 นะก็ไม่ควรกินแม่บอกแล้วจะให้ฉันกินอะไร
00:09:57 → 00:10:01 เออแม่พูดคำนึงแล้วจะให้ฉันกินอะไรตอนที่
00:10:01 → 00:10:04 อายุน้อยไม่เป็นโรคไม่มีเงินไม่สามารถจะ
00:10:04 → 00:10:07 เลือกอาหารได้หลากหลายพออายุเยอะสามารถมี
00:10:07 → 00:10:10 เงินสามารถเลือกอาหารได้หลากหลายกลับกิน
00:10:10 → 00:10:12 ไม่ได้จำกัดอีกกลับกินไม่ได้นั่นคือสิ่ง
00:10:12 → 00:10:14 ที่มองแล้วแม่ก็บอกว่ามันไม่เหมือนมนุษย์
00:10:14 → 00:10:17 อ่ะแม่ก็มีความรู้สึกว่ามันถูกจำกัดอ่ะ
00:10:17 → 00:10:20 แรกๆนี่ไม่รู้สึกแบบพอพอฟังแม่พูดอย่างี้
00:10:20 → 00:10:24 ปั๊บเออฉันเป็นอะไรฉันมองแม่เป็นอะไรไป
00:10:24 → 00:10:27 แล้วคือด้วยความหวังดีของเรานะแต่กลาย
00:10:27 → 00:10:30 เป็นว่าเราลืมนึกถึงความรู้สึกพื้นฐานน่ะ
00:10:30 → 00:10:33 ความพึงพอใจเป็นส่วนหนึ่งเพราะฉะนั้นก็
00:10:33 → 00:10:37 เลยวันนี้ก็เลยเว้นที่มาว่าเราเลือกได้
00:10:37 → 00:10:40 เราเราต้องเลือกแต่ให้เราเลือกภายในกลุ่ม
00:10:40 → 00:10:43 ที่เราจำเป็นนะในขณะเดียวกันเราอย่าตึง
00:10:43 → 00:10:46 กับมันมากไปให้ผ่อนคลายบ้างเป็นบางครั้ง
00:10:47 → 00:10:50 นะเอ่อบางคนบอกว่าอยากกินทุเรียนทุเรียน
00:10:50 → 00:10:52 เี่เป็นตัวที่มีปัญหามากสำหรับพวกเบาหวาน
00:10:53 → 00:10:54 แต่งดมย
00:10:54 → 00:10:58 ไม่จำเป็นนะคะมื้อไหนจะกินทุเรียนลดแป้ง
00:10:58 → 00:11:02 ตัวอื่นลงแล้วก็อยากกินเยอะเหมือนเดิมนะ
00:11:02 → 00:11:05 เพราะให้รู้ว่าวันนึงถ้ากินพูนึงไม่ไหว
00:11:05 → 00:11:09 หรอกค่ะนะกินสักแค่เม็ดเดียวพอแล้วก็ลด
00:11:09 → 00:11:11 แป้งตัวอื่นลงซึ่งเนี่ยทำให้เราก็อย่าง
00:11:11 → 00:11:14 น้อยมีความพึงพอใจอ่ะใช่นะไม่ต้องตัดแต่
00:11:14 → 00:11:18 วางแผนเอาวางแผนเอาแล้วก็ลดบางส่วนเอานะ
00:11:18 → 00:11:21 ก็ทำให้มีความรู้สึกว่ามันมีความสุขมาก
00:11:21 → 00:11:25 ขึ้นหนูเห็นด้วยค่ะอาจารย์อืจริงซึ่งวัน
00:11:25 → 00:11:26 เนี้ยเดี๋ยวทุกคนจะได้ข้อมูลความรู้ค่ะ
00:11:26 → 00:11:29 ว่าความหลากหลายมีอยู่จริงค่ะไม่ต้องตัด
00:11:29 → 00:11:31 ทุกอย่างอ่ะอย่างเมื่อกี้าฟไปแล้วแล้วก็
00:11:31 → 00:11:33 โปรตีนไปแล้วแล้วมีอะไรอีกมั้คะอาจารย์
00:11:34 → 00:11:36 ที่เรื่องผักอ้าผักอ่าเรื่องผักผักเนี่ย
00:11:36 → 00:11:41 มันมี 2 ประเด็นคือรสกับสีอืนะคะเอ่อเวลา
00:11:41 → 00:11:44 เลือกผักเนี่ยผักคนเป็นเบาหวานเนี่ยกิน
00:11:44 → 00:11:48 ผักให้เยอะเท่าแต่ว่าในวันนึงเนี่ยควรจะ
00:11:48 → 00:11:51 มีผักรดขมอย่างน้อย 1 มื้ออืนะคะผักรสขม
00:11:51 → 00:11:56 มีอะไรก็มีเอ่อมะระมะระอ่ามะระมะระขี้นก
00:11:56 → 00:11:59 เนี่ยเป็นหนึ่งเลยนะที่รำคาญพอคนพูดถึง
00:11:59 → 00:12:02 มะระนะหน้าเบ๊ะเลยพี่ก็เลยใช่มั้ไม่ไหว
00:12:02 → 00:12:07 มะระเนี่ยมันมีใบมะระมะระเนาะถ้าถ้าเทียบ
00:12:07 → 00:12:11 ระหว่างใบกับผลเนี่ยใบขมน้อยกว่าแล้วลอง
00:12:11 → 00:12:15 กินดูมันอยู่ในวิสัยที่ทานได้ใบมะระอ่ะนะ
00:12:15 → 00:12:18 คะใช่ค่ะใบมะระกี้นกเนี่ยค่ะทานได้แล้วก็
00:12:18 → 00:12:21 มีขายด้วยในท้องตลาดปัจจุบันนี้ถ้าใคร
00:12:21 → 00:12:23 อยากนั่นปลูกเองก็ได้ค่ะเพราะว่าผูกง่าย
00:12:23 → 00:12:26 เป็นไม้เลื้อผูกง่ายไม่ยากนะคะลองดูเอ่อ
00:12:26 → 00:12:28 แล้วก็อันนึงที่ต้องเตือนเนาะสำหรับมะระ
00:12:29 → 00:12:31 ห้ามลวกให้กินดิบถ้ากินดิบขมน้อยกว่าลวก
00:12:31 → 00:12:35 อ๋ออ่าอันเนี้ยเมื่อก่อนไม่รู้แต่น้องสาว
00:12:35 → 00:12:37 อ่ะเค้าเป็นเบาหวานะแล้วเกินแล้วก็บอกว่า
00:12:37 → 00:12:39 เธอก็อย่าไปกินดิบสิเอ้ยเธออย่าไปกินสุก
00:12:39 → 00:12:42 สิอย่าไปลวกถ้าลวกแล้วนั่นเฮ้อเป็นไปได้
00:12:42 → 00:12:45 ไงตามความรู้ของเรานะลวกมันน่าจะดีกว่านะ
00:12:45 → 00:12:47 มันน่าจะขมน้อยลงเพราะมันละลายสารมัน
00:12:47 → 00:12:50 ละลายออกปรากฏไม่ใช่พอลวกแล้วเซลล์มันแตก
00:12:50 → 00:12:53 มันออกมามักขึ้นออออนะคะมันก็เป็นทริกอัน
00:12:53 → 00:12:56 นึงอันเนี้ยคือทำให้พี่มองว่าเวลาจะแนะนำ
00:12:56 → 00:13:00 อะไรกับใครเนี่ยพี่ลองมาก่อนอ่าให้รู้ว่า
00:13:00 → 00:13:03 ฉันก็กินได้นะเพราะไม่งั้นถ้าฉันยังกิน
00:13:03 → 00:13:05 ไม่ได้อ่ะเธอไปบังคับคนอื่นกินน่ะเป็นไป
00:13:05 → 00:13:07 ได้ยังไงั้นพี่ก็เลยเริ่มกินอย่างเงี้ย
00:13:07 → 00:13:11 ค่ะมะระมะแว้งพวกเนี้ยกินได้มะระจีนก็ได้
00:13:11 → 00:13:13 ใช่มั้คะมะระจีนก็ได้แต่ประสิทธิภาพน้อย
00:13:13 → 00:13:15 กว่าค่ะมันมีงานวิจัยว่ามะระจีนลดน้ำตาล
00:13:16 → 00:13:19 ในเลือดได้แต่น้อยกว่าอืนะฮะเพราะฉะนั้น
00:13:19 → 00:13:23 ลองดูค่ะ 1 วันมีมะระสักช่วงนึงนะคะแต่
00:13:23 → 00:13:26 อันนี้พูดไม่ใช่ว่าทุกวัน 365 วันต้องมี
00:13:26 → 00:13:29 มะระนะฮพูดไปแล้วก็กลับมาประเด็นเดิมว่า
00:13:29 → 00:13:32 ถ้าอาหารเป็นยายังไงก็ตามไม่จำเป็นต้อง
00:13:32 → 00:13:36 กินทุกวันนะคะคราวนี้นอกจากรสขมแล้วอีก 2
00:13:36 → 00:13:40 รสที่สำคัญเปรี้ยวกับเผ็ดอือ่าเปรี้ยวกับ
00:13:40 → 00:13:44 เผ็ดเปรี้ยวก็คือไปเพิ่มน้ำนะคะเพิ่มน้ำ
00:13:44 → 00:13:46 ในลำไส้และในขณะเดียวกันเปรี้ยวเพิ่มน้ำ
00:13:46 → 00:13:49 ในตัวเพราะฉะนั้นเนี่ยการเพิ่มน้ำในตัวมี
00:13:49 → 00:13:51 ผลดีอย่างไรกับพวกเบาหวาน
00:13:51 → 00:13:54 กลุ่มเบาหวานเนี่ยมันมีน้ำตาลในเลือดเยอะ
00:13:54 → 00:13:56 อ่ามันจะหนืดเพราะฉะนั้นเลือดจะข้นแล้วก็
00:13:56 → 00:13:59 หนืดก็ให้สังเกตเวลาเจาะเลือดมาโอหูเลือด
00:13:59 → 00:14:02 จะหนืดมากแล้วก็สีจะคล้ำมากเลยเปรี้ยว
00:14:02 → 00:14:05 เนี่ยจะทำให้เลือดจางจางลงได้ความข้นหนืด
00:14:05 → 00:14:08 ลดลงขึ้นนะคะลดลดลงขึ้นแต่ว่ากินมากๆก็
00:14:08 → 00:14:10 เลือดจางเนาะเพราะนั้นก็ไม่ต้องกินมาก
00:14:10 → 00:14:14 ขนาดนั้นก็กินพอประมาณนะคะคือไม่ชอบอย่าง
00:14:14 → 00:14:16 ที่บอกอ่ะให้กินตีพลาะได้เพราะตีมันมี
00:14:16 → 00:14:20 เปรี้ยวฝาดอยู่ในตัวนะคะก็กินแค่วันละ
00:14:21 → 00:14:25 ช็อตกินได้นิดเดียววันละช็อตเนวันก็กินที
00:14:25 → 00:14:28 นะถ้ากินได้สักระยะนึงก็ติดกันสัก 7 วัน
00:14:28 → 00:14:30 แล้วก็เลิกอะไรเงี้ยอือย่างเงี้ยค่ะแล้ว
00:14:30 → 00:14:35 ก็อีกตัวคือเผ็ดอ่าเผ็ดนี่มีไว้ทำอะไรมี
00:14:35 → 00:14:38 ไว้เพิ่มการหมุนเวียนของเลือดอค่ะนะคะ
00:14:38 → 00:14:41 อย่างที่เคยคุยในเทปก่อนๆนะเผ็ดไม่ใช่
00:14:41 → 00:14:43 พริกนะอย่าตกใจนะว่าทุกคนจะต้องกินเผ็ด
00:14:44 → 00:14:46 แล้วต้องกินพริกขี้หนูนะไม่ใช่ส้มตำต้อง
00:14:46 → 00:14:50 มาคำว่าเผ็ดคราวเนี้ยคือพริกไทยคือขิงคือ
00:14:50 → 00:14:54 ขาป่าตะไคร้พวกที่หอมๆเผ็ดๆทั้งหลายกิน
00:14:54 → 00:14:57 ได้หมดนะคะมันมีผักเยอะแยะลองทดลองชิมดู
00:14:58 → 00:15:00 แล้วก็ใส่เข้ามาดูจริงๆเหมือนอาหารไทยเรา
00:15:00 → 00:15:03 ก็จะมีพวกเนี้ย 3 เกลอใช่มั้คะอาจารย์พวก
00:15:03 → 00:15:06 ไอ้ขิงพวกเครื่องแกงพวกเนี้ยอยู่ในเมนู
00:15:06 → 00:15:10 หลากหลายมากกระเทียมอย่างเงี้ยค่ะก็อ่า
00:15:10 → 00:15:13 กระเทียมกินสดก็ได้อะไรก็ได้ถ้าสามารถที่
00:15:13 → 00:15:17 จะไอ้ทนเผ็ดมันได้นะคะก็กินได้ก็วันนึงก็
00:15:17 → 00:15:20 2-3 กลีบหรือ 5 กลีบอะไรเงี้ยก็ใช้ได้
00:15:20 → 00:15:23 แล้วนะคะไม่ต้องคาดหวังเลอเลิศว่ากินแล้ว
00:15:23 → 00:15:27 ฉันจะต้องไปทำให้ลดยาแผนปัจจุบันนะไม่มี
00:15:27 → 00:15:30 ค่ะเป็นไปไม่ได้นะคะตอนเนี้ยสมุนไพรทั้ง
00:15:30 → 00:15:33 หมดที่ทำงานวิจัยมาไม่มีตัวไหนเลยที่กิน
00:15:33 → 00:15:36 อย่างเดียวแล้วสามารถแทนยาแผนปัจจุบันได้
00:15:36 → 00:15:39 อันนี้พูดได้เลย 100% ตัวที่แทนได้จะต้อง
00:15:40 → 00:15:43 กินในปริมาณเยอะและอาจจะเกิดพิษตามมานะคะ
00:15:43 → 00:15:45 เพราะฉะนั้นให้ระมัดระวังเพราะฉะนั้น
00:15:45 → 00:15:47 อาจารย์แนะนำว่ากินอาหารเป็นยาแล้วปรับ
00:15:47 → 00:15:50 พฤติกรรมดีกว่าถ้าใครที่ต้องกินยาแผน
00:15:50 → 00:15:53 ปัจจุบันอยู่ควบคู่ก็ใช้อันเนี้เป็นการดู
00:15:53 → 00:15:57 แลตัวเองใช่แต่ยาปัจจุบันก็กินก็จานต่อไป
00:15:57 → 00:15:59 นะครับซึ่งพวกนี้เนี่ยพอไปสักระยะนึงเรา
00:16:00 → 00:16:02 จะเห็นว่าพอเราปรับไปสักระยะนึงถ้าคนที่
00:16:02 → 00:16:06 ปรับดีนะคะค่าเลือดมันจะลดลงอแล้วเวลาไป
00:16:06 → 00:16:09 คุยกับหมอปรับอะไรเนี่ยบางคนเก็จะมีเอ่อ
00:16:09 → 00:16:13 เรียกว่าลดยาลงได้นะคะบางคนเนี่ยที่เป็น
00:16:13 → 00:16:16 ใหม่ๆบางทีอาจจะไม่ต้องทานยาเลยนะคะหรือ
00:16:16 → 00:16:20 บางคนที่ฉีดอินซูลินไปแล้วก็เคยเจอค่ะว่า
00:16:20 → 00:16:21 สุดท้ายไม่ต้องฉีดค่ะกลับมาใช้ยาอย่าง
00:16:22 → 00:16:25 เดียวก็มีนะคะเพราะฉะนั้นอย่าอย่าปล่อย
00:16:25 → 00:16:27 อย่างี้เพราะว่าเวลาเรากินยาอย่างเดียว
00:16:27 → 00:16:30 ปล่อยไปเรื่อยๆอ่ะสุดท้ายมันจะดื้อยาแล้ว
00:16:30 → 00:16:33 สุดท้ายเนี่ยบางคนเนี่ยกลับมาร้องไห้หมอ
00:16:33 → 00:16:36 บอกให้ฉีดอินซูลินคือทุกคนรู้สึกเหมือน
00:16:36 → 00:16:38 กับเป็นมะเร็งอ่ะทุกคนรู้สึกเหมือนกับ
00:16:38 → 00:16:40 เป็นวาระสุดท้ายของชีวิตอ่ะจริงๆไม่ใช่
00:16:40 → 00:16:43 อันนั้นน่ะคือการแก้ปัญหานะคือการแก้
00:16:43 → 00:16:45 ปัญหาว่าพอมันดื้อสุดท้ายมันคุมไม่อยู่
00:16:45 → 00:16:48 มันก็ต้องฉีดอินซูลินแต่ยังทันค่ะยังกลับ
00:16:48 → 00:16:51 มาทันก็คือว่าถ้าเมื่อไหร่ที่เรารู้ว่า
00:16:51 → 00:16:53 ถึงจุดนั้นแล้วเรายังปรับได้จุดไหนที่เรา
00:16:54 → 00:16:57 ปรับได้นั่งมองเลยค่ะว่าเรามีปัญหาตรงไหน
00:16:57 → 00:16:59 มีปัญหาเรื่องอาหารใช่มั้ชนิดอาหารใช่
00:16:59 → 00:17:02 มั้ยเราปรับที่ชนิดอาหารก่อนอืนะคะเพราะ
00:17:02 → 00:17:05 ว่าอาจารย์ก็มีมีประสบการณ์เคยดูแลมาแล้ว
00:17:05 → 00:17:08 ว่าถึงขนาดว่าฉีดอินซูลินพอปรับพฤติกรรม
00:17:08 → 00:17:12 ก็ก็ไม่ต้องฉีดก็มีค่ะกลับมาสามารถจะใช้
00:17:12 → 00:17:15 ยาใช้เพาะเฉพาะยากินได้นะคะแต่ไม่มี
00:17:15 → 00:17:19 ประเภทที่อเอ่อหยุดยากินแล้วหมดไปเลยนะคะ
00:17:19 → 00:17:23 ไม่กินยาเลยเนี่ยไม่มียกเว้นกรณีที่เพิ่ง
00:17:23 → 00:17:26 เป็นใหม่ๆอ่าค่ะถ้าเพิ่งเป็นใหม่ๆซึ่ง
00:17:26 → 00:17:27 ปกติเราก็พับพฤติกรรมปรับพฤติกรรมอยู่
00:17:27 → 00:17:30 แล้วนะคะหรือว่าเป็นใหม่ๆเพิ่งกินยามา
00:17:30 → 00:17:33 ระยะเดียวไม่กี่ปี 2 ปีปรับอันนั้นน่ะก็
00:17:34 → 00:17:37 สามารถกลับมาได้นะคะอโอเคอ่ะนอกจากเอ่อ
00:17:37 → 00:17:39 อาหารเมื่อกี้เห็นอาจารย์บอกว่ามีเรื่อง
00:17:39 → 00:17:42 ของปริมาตรกระเพาะเอ่อต้องกิน 80% กับ
00:17:42 → 00:17:46 มื้อด้วยอ๋อเอ่อค่ะในเรื่องของปริมาตรก็
00:17:46 → 00:17:51 สำคัญนะคะเพราะเราเราก็เจอว่าคนที่เอ่อ
00:17:51 → 00:17:54 เป็นเบาหวานเนี่ยกินเยอะทำไมต้องกินเยอะ
00:17:54 → 00:17:56 เพราะว่ากินเข้าไปแล้วเนี่ยน้ำตาลมันไม่
00:17:56 → 00:17:59 เข้าไปให้พลังงานในกล้ามเนื้อเพราะน้ำตาล
00:17:59 → 00:18:01 มันอยู่แค่กระแสเลือดไม่สามารถจะเข้าไปใน
00:18:01 → 00:18:04 กล้ามเนื้อเพราะฉะนั้นเขาก็รู้สึกว่าเขา
00:18:04 → 00:18:08 จะต้องกินเยอะกินเยอะมากๆนะทีนี้เวลากิน
00:18:08 → 00:18:10 เยอะมากๆเนี่ยมันก็จะมีปัญหาว่าสุดท้าย
00:18:10 → 00:18:13 มันก็กลายเป็นส่วนอืนะก็กลายเป็นอ้วนอีก
00:18:13 → 00:18:17 ใช่มั้ฮะคือเอ่อที่ดังที่ดีก็คือว่า
00:18:17 → 00:18:21 พยายามควบคุมปริมาณที่กินนะคะเพราะพอกิน
00:18:21 → 00:18:23 เยอะเข้าไปนานๆเข้าเนี่ยกระเพาะมันคลาด
00:18:23 → 00:18:26 เคยได้ยินคำว่ากระเพาะคลากงเนาะก็คือ
00:18:26 → 00:18:28 กล้ามเนื้อหูรูดมันเนี่ยมันยืดขยายจน
00:18:28 → 00:18:31 กระทั่งว่ามันสุดแรงและมันก็เลยกลายเป็น
00:18:31 → 00:18:34 หย่อนยางไปนะฮะแล้วก็สุดท้ายต้องกินเยอะ
00:18:34 → 00:18:36 เพื่อที่จะให้มันเต็มกระเพาะนะคะรู้สึก
00:18:36 → 00:18:40 อิ่มเมื่อกินเยอะถ้าเราคุมตั้งแต่ต้นหรือ
00:18:40 → 00:18:42 ว่ามาคลุมตอนหลังกระเพาะไปคากแล้วมาคลุม
00:18:42 → 00:18:45 ตอนหลังก็ได้นะคะมันจะค่อยๆปรับตัวได้มัน
00:18:45 → 00:18:48 จะค่อยปรับหดกลับมาได้ได้อีกเคยเคยมีคน
00:18:48 → 00:18:50 ที่แนะนำแบบเนี้ยค่ะแล้วเค้าก็บอกว่าเค้า
00:18:50 → 00:18:54 ก็กลับหดเข้ามาได้นะคะแนะนำเรื่อง 80%
00:18:54 → 00:18:56 ปริมาตรกระเพาะเพราะอะไรเพราะว่าปริมาตร
00:18:56 → 00:19:00 กระเพาะเนี่ยปกติถ้าหดอยู่เฉยๆเนี่ยนะไม่
00:19:00 → 00:19:02 มีอาหารเนี่ยก็มีอยู่แค่เข้าช่องว่างข้าง
00:19:02 → 00:19:05 ในมีประมาณ 50 ซีซ 100 ซีซเองแต่พอขยาย
00:19:05 → 00:19:08 ได้เป็นลิตรอืนะฮะขยายได้เป็นลิตรเลย
00:19:08 → 00:19:12 เพราะฉะนั้นเรากินแค่ประมาณ 800 ซีซนะคะ
00:19:12 → 00:19:15 ประมาณ 80% ของปริมาตรของเรานะคะเพื่อให้
00:19:15 → 00:19:19 มันมีแก๊สให้มันมีลมที่พอควรแล้วทำให้
00:19:19 → 00:19:21 ผนังกระเพาะสามารถบีบตัวได้แล้วย่อยอาหาร
00:19:21 → 00:19:24 ได้อออ่าตรงเนี้ยก็จะทำให้ไม่ให้ไม่เกิด
00:19:24 → 00:19:27 อาการบูดเน่าไม่มีอาการท้องอื่นท้องเฟอตา
00:19:27 → 00:19:31 ก็คืออย่าให้อิ่มเกินรู้สึกตัวเองก่อน
00:19:32 → 00:19:35 แล้วก็หยุดกินค่ะถูกค่ะอทีนี้แล้วจะรู้
00:19:35 → 00:19:40 ได้ไงว่าไม่อิ่มเกินเออเราก็ถ้าโดยส่วน
00:19:40 → 00:19:42 ตัวก็จะกินไม่ไม่ถึงกับอิ่มมากอ่ะค่ะจะ
00:19:42 → 00:19:44 รู้ตัวเองอ่ะค่ะแล้วก็หยุดหรืออาจารย์มี
00:19:44 → 00:19:47 ทริกยังไงมั้เอ่อที่จริงนะตอนแรกก็เคยพูด
00:19:47 → 00:19:50 กับเด็กๆว่าเวลากินน่ะให้ลองนั่งสังเกต
00:19:50 → 00:19:53 ตัวเองกินช้าๆแล้วสังเกตตัวเองมันจะมี
00:19:53 → 00:19:56 อยู่คำนึงค่ะพอกินคำนั้นลงไปเรารู้สึกอีก
00:19:56 → 00:19:59 แต่ส่วนใหญ่ทุกคนจะเพิกเฉยจุดนั้นหลายคน
00:19:59 → 00:20:02 จะเลยจุดนั้นทั้งท่านขวัญเลยจริงๆรู้พี่
00:20:02 → 00:20:06 คิดว่ารู้นะทุกคนรู้สึกถึงจุดนั้นแต่ก็
00:20:06 → 00:20:08 ยังรู้สึกว่ามันอร่อยยังอยากกินอีกหรือ
00:20:08 → 00:20:11 ไม่ก็เสียดายอ่าเสียดายนี่น้อยกว่าความ
00:20:11 → 00:20:14 อร่อยส่วนใหญ่มักจะเป็นอย่างงั้นคือก็จะ
00:20:14 → 00:20:17 เลยเพิกเฉยจุดนั้นออกไปดังนั้นตรงนั้นตรง
00:20:17 → 00:20:20 เนี้ยตั้งสติใหม่อ่าพอถึงจุดนั้นแล้วเรา
00:20:20 → 00:20:22 หยุดค่ะพอเราทำอย่างนี้หลายๆครั้งเข้า
00:20:22 → 00:20:25 เนี่ยเอ่อเราจะรู้ว่าปริมาตรที่เรา
00:20:25 → 00:20:27 ต้องการกินเป็นเท่าไหร่เพราะฉะนั้นพี่ก็
00:20:27 → 00:20:30 จะกำหนดปริมาตรตั้งแต่แรกว่าพี่กินเท่า
00:20:30 → 00:20:34 เนี้ยพออือ่ะแต่ถ้าคนที่กำหนดไม่ได้ตั้ง
00:20:34 → 00:20:38 แต่แรกเนาะกินไปก่อนแล้วค่อยๆลดลงเพราะ
00:20:38 → 00:20:41 ว่าพอหลายคนพอถึงตรงนั้นจะบอกว่าเสียดาย
00:20:41 → 00:20:45 ของอย่างี้นะบอกนะเสียดายของแต่คุณแม่เอง
00:20:45 → 00:20:47 ทิ้งลงถังขยะกับทิ้งเข้าไปในตัวการสูญ
00:20:47 → 00:20:50 เสียแตกต่างนะคะทิ้งลงถังขยะมันก็สูญเสีย
00:20:50 → 00:20:54 แค่นั้นเสียดายของก็ของแต่อ่าแต่ถ้าเข้า
00:20:54 → 00:20:57 ไปในตัวนั่นคือบวกค่าใช้จ่ายในการรักษา
00:20:57 → 00:21:00 อีกเท่าตัวอ่ะใช่มั้ยคะมันมากกว่าตรงนั้น
00:21:00 → 00:21:03 อีกอ่ะเสียดายไม่ได้ค่ะนะคะแต่ทางที่ดี
00:21:03 → 00:21:06 ที่สุดก็คือให้รู้จุดตรงนั้นแล้วก็จับตรง
00:21:06 → 00:21:07 นั้นเอาไว้หลักๆก็คืออาจจะต้องมีสติกับ
00:21:08 → 00:21:09 การกินจริงๆเพราะว่าเดี๋ยวนี้คนกินบางที
00:21:09 → 00:21:12 ก็ทำอย่างอื่นไปด้วยก็ก็บางทีก็กินอะไรก็
00:21:12 → 00:21:14 ไม่รู้ด้วยซ้ำพอมีสติการกินปุ๊บเราจะรู้
00:21:14 → 00:21:16 แล้วปริมาตรประมาณเนี้ยเอาอิ่มพอดีแล้วก็
00:21:16 → 00:21:20 อย่าเสียดายนะคะดีกว่าไปรักษาตัวเองอ่า
00:21:20 → 00:21:22 แล้วเห็นอาจารย์มีพูดถึงอันนึงก็คือ
00:21:22 → 00:21:26 เรื่องของชาค่ะอ่าก็คือที่จริงแล้วเนี่ย
00:21:26 → 00:21:29 เอ่อคนเป็นเบาหวานมีความจริงๆไม่ใช่แค่
00:21:29 → 00:21:32 เบาหวานนะพวกโรคเลื้อหลังทั้งหลายเบาหวาน
00:21:32 → 00:21:35 ไขมันอะไรพวกเนี้ยความดันอเอ่อความดันพวก
00:21:35 → 00:21:38 เนี้ยมันจะมีสิ่งที่เราเรียกว่าของเสียใน
00:21:38 → 00:21:40 ร่างกายนะคะคำว่าของเสียอันเนี้ยเ่อเรา
00:21:40 → 00:21:43 พูดโดยทั่วไปว่าอนุมูลอิสระนะค้าคำว่า
00:21:43 → 00:21:45 อนุมูลอิสระอย่างงั้นน่ะนะคะจริงๆในร่าง
00:21:45 → 00:21:48 กายเนี่ยมันมีทั้งอนุมูลอิสระมีทั้งสิ่ง
00:21:48 → 00:21:51 ที่เราเรียกว่าความเครียดออกซิเดชนะซึ่ง
00:21:51 → 00:21:55 ซึ่งตัวเนี้ยมันคือตัวก่อโรคระยะยาวโรค
00:21:55 → 00:21:58 เรื้อรังอีกหลายอย่างที่ตามมานะคะดังนั้น
00:21:58 → 00:22:01 เนี่ยเวลาเราใช้ชีวิตพวกเนี้ยเราก็พยายาม
00:22:01 → 00:22:05 ลดให้มันมากที่สุดนะคะเพราะว่าอย่างกรณี
00:22:05 → 00:22:08 เม็ดเลือดเอาเม็ดเลือดง่ายๆนะคะเม็ดเลือด
00:22:08 → 00:22:10 เนี่ยพอมีความเครียดออกซิเดชเกิดขึ้นหรือ
00:22:10 → 00:22:13 มีอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นเนี่ยไอ้ไอ้ตัว
00:22:13 → 00:22:17 ผนังเม็ดเลือดน่ะค่ะมันจะมันจะไม่สามารถ
00:22:17 → 00:22:21 ที่จะนั่นต่อมันจะเกาะติดทำให้เลือดเนี่ย
00:22:21 → 00:22:24 เกาะติดกันเป็นก้อนอืนะฮะพอเลือดเกาะติด
00:22:24 → 00:22:26 เป็นก้อนเนี่ยมันก็จะทำให้เลือดเนี่ยข้น
00:22:26 → 00:22:29 ขึ้นนะคะนั่นน่ะคือปัญหาเพราะฉะนั้น
00:22:29 → 00:22:31 เครื่องดื่มตรงเนี้ยบางชนิดเนี่ยมันจะ
00:22:31 → 00:22:35 ช่วยได้อืเพราะงั้นก็พี่ก็เลยแนะนำว่าถ้า
00:22:35 → 00:22:38 เป็นคนเป็นเบาหวานเนี่ย 1 น้ำเปล่าก็ดี
00:22:39 → 00:22:41 อันที่ 2 เนี่ยการใช้เครื่องดื่มที่เป็น
00:22:41 → 00:22:44 พวกสมุนไพรทั้งหลายเนี่ยมันอันที่ 1 ช่วย
00:22:44 → 00:22:48 ลดออกซิเดชอันที่ 2 เนี่ยเอ่ออาจจะมีบาง
00:22:48 → 00:22:51 ตัวช่วยลดน้ำตาลในเลือดหรืออันที่ 3 อาจ
00:22:51 → 00:22:56 จะมีบางตัวช่วยลดเอ่อการดูดซึของน้ำตาลอื
00:22:56 → 00:23:00 นะคะเอาอย่างงี้นะคะงั้นมาเลยดีกว่าค่ะ
00:23:00 → 00:23:02 เห็นอาจารย์เอามาด้วยวันนี้อ่ะเมื่อกี้
00:23:02 → 00:23:06 ที่มันช่วยอะไรนะคะลดน้ำตาลในเลือดอ่าลด
00:23:06 → 00:23:09 ออกซิเดชตัวนี้เป็นตัวที่ลดออกซิเดชันะ
00:23:09 → 00:23:12 หรือว่าลดอนุมูลอิสระได้ดีนะคะซึ่งใน
00:23:12 → 00:23:15 กลุ่มเบาหวานเนี่ยต้องมีอันนี้คือฝางค่ะ
00:23:15 → 00:23:18 อันนี้เป็นแนะนำให้ทำชาฝางนะคะเวลาเรา
00:23:18 → 00:23:20 ซื้อเดี๋ยวนี้เราซื้อจากอินเทอร์เน็ตได้
00:23:20 → 00:23:22 แต่มันจะเป็นชิ้นใหญ่ๆอย่างเงี้ยค่ะนะคะ
00:23:22 → 00:23:25 ซึ่งจะละลายยากเราก็จะย่อยมาเป็นชิ้นเล็ก
00:23:25 → 00:23:27 ๆแบบนี้ไม่ต้องหมดเป็นผงนะคะย่อยเป็นชิ้น
00:23:27 → 00:23:29 เล็กๆอย่างเงี้ยค่ะเอ่อประมาณนี้ค่ะ
00:23:30 → 00:23:33 ประมาณซักเอ่อไม่เท่าไหร่จะประมาณเนี้ยก็
00:23:33 → 00:23:36 ใช้ได้ละแค่นี้เองนิดเดียวนะคะแล้วหลัง
00:23:36 → 00:23:38 จากนั้นเราใช้น้ำร้อนจัดๆอันนี้ใส่เข้าไป
00:23:38 → 00:23:42 แล้วเนาะเราเติมไปนิดนึงค่ะแล้วก็แช่ไว้
00:23:42 → 00:23:46 นะแช่ไว้ค่ะเดี๋ยวเราก็จะเห็นว่าเห็นมั้
00:23:46 → 00:23:49 ฮะสีมันเริ่มมาละนะฮะเพราะน้ำร้อนเนี่ย
00:23:49 → 00:23:52 มันจะละลายสารในฝางเนี่ยจะเป็นสารที่ต้าน
00:23:52 → 00:23:56 ออกซิเดชที่ดีอืนะคะแล้วก็มันก็จะทำให้
00:23:56 → 00:24:00 เลือดเนี่ยมีค่าความเครียดเนี่ยลดลงนะฮะ
00:24:00 → 00:24:03 เพราะงั้นเอ่อตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่แนะนำ
00:24:03 → 00:24:07 นอกจากฟ้างแล้วมันก็ยังมีอัญชันนะคะอีก
00:24:07 → 00:24:11 ตัวนึงซึ่งควรจะกินแบบสลับอ่าไปเรื่อยๆ
00:24:11 → 00:24:13 อย่างที่บอกไม่มีอะไรให้กินตลอดชีวิตไม่
00:24:13 → 00:24:17 อันนี้ไม่ใช่แทนน้ำชาไม่ใช่แทนกาแฟนะคะ
00:24:17 → 00:24:21 แต่เป็นตัวที่สลับได้น้ำชาเองก็มีฤทธิ์นะ
00:24:21 → 00:24:24 คะเพราะฉะนั้นเนี่ยน้ำชาก็ใช้ได้ค่ะเอ่อ
00:24:24 → 00:24:27 ชาเขียวธรรมดาเนี่ยค่ะหรือว่าชาจีนก็ได้
00:24:27 → 00:24:31 ค่ะแต่ถ้าเป็นพวกชาเนี่ยต้องชงแบบชงเร็วๆ
00:24:31 → 00:24:35 ไม่ให้แช่นะคะถ้าถ้าชาพวกชาจีนเนี่ยให้ชง
00:24:35 → 00:24:38 สักประมาณเอ่อ 30 วินาทีถึง 1 นาทีไม่
00:24:38 → 00:24:41 เกินนั้นอืแล้วเอาขึ้นซะเพื่อไม่ให้มันมี
00:24:41 → 00:24:44 แทนเพราะว่าถ้ามีแทนินออกแล้วมีรสฝาด
00:24:44 → 00:24:46 เนี่ยมันจะทำให้ท้องผูกซึ่งไม่เหมาะ
00:24:46 → 00:24:48 สำหรับคนเป็นเบาหวานนะคะแต่อันเนี้จะไม่
00:24:48 → 00:24:50 ได้เกี่ยวอะไรกับท้องผูกเนาะอ่าอันนี้ไม่
00:24:50 → 00:24:52 เกี่ยวข้องกับท้องผูกแต่อันนี้เป็นตัวที่
00:24:52 → 00:24:56 ทำให้เลือดเนี่ยมันดีขึ้นนะคะในในยาไทย
00:24:56 → 00:24:59 เนี่ยเขาจะบอกว่าฝางบำบำรุงเลือดนะคะ
00:24:59 → 00:25:02 เพราะฉะนั้นก็จะใช้ในยาบำรุงเลือดหลาย
00:25:02 → 00:25:05 ชนิดเลยนะคะแล้วนี่สีสวยมากอันนี้ก็คือ
00:25:05 → 00:25:07 กินวันละแก้วกินแค่เนี้ยค่ะวันละแก้ว
00:25:08 → 00:25:10 ครั้งเดียวมื้อเช้าก็ได้หรือมื้อเที่ยงก็
00:25:10 → 00:25:14 ได้ค่ะไม่ไม่ต้องกินเดียวเอาแค่นี้พอนี่
00:25:14 → 00:25:18 คือวิธีป้องกันไอ้โรคแทรกซ้อนที่จะตามมา
00:25:18 → 00:25:22 นะคะซึ่งชานอกจากกลุ่มพวกนี้แล้วก็ยังมี
00:25:22 → 00:25:26 ชาอีก 2 ชนิดที่น่าสนใจคือชาใบหม่อนอืกับ
00:25:26 → 00:25:29 เอ่อชาผักเชียงดานะคะแต่ถ้าเป็นชาผัก
00:25:29 → 00:25:33 เชียงดาเนี่ยเอ่อต้องกินก่อนอาหารประมาณ
00:25:33 → 00:25:36 ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเพราะว่าชาผักเชียงดา
00:25:36 → 00:25:40 เนี่ยมันทำให้ลดอากาศกะลดการดูดซึมน้ำตาล
00:25:40 → 00:25:42 เพราะฉะนั้นต้องกินก่อนเพราะถ้าพอกินหลัง
00:25:42 → 00:25:44 แล้วมันก็ไม่มีประโยชน์แล้วเพราะน้ำตาล
00:25:44 → 00:25:46 มันดูดซึมเข้าไปแล้วอแต่อย่างอื่นกินตอน
00:25:46 → 00:25:49 ไหนก็ได้อ่าตอนนี้ให้กินตอนช่องว่างอะไร
00:25:49 → 00:25:52 ได้ใบหม่อนก็ได้ชาใบหม่อนก็เป็นตัวอีกตัว
00:25:52 → 00:25:56 นึงที่ลดน้ำตาลในเลือดได้ดีนะคะแล้วก็แต่
00:25:56 → 00:25:59 อย่างที่บอกเหมือนเดิมนะว่าถ้าจะกินแบบ
00:25:59 → 00:26:03 แทนยาไม่ได้มันไม่ได้นะคะก็ขอให้กินเป็น
00:26:03 → 00:26:06 เครื่องดื่มอย่างเงี้ยช่วยนะมันก็จะช่วย
00:26:06 → 00:26:08 ได้นอกนี้อาจารย์ชานี่จริงจริงๆควรกิน
00:26:08 → 00:26:11 ก่อนอาหารถูกมั้คะอ่ะควรจะกินก่อนอาหาร
00:26:11 → 00:26:15 ค่ะแต่ถึงจะดีทีนี้ถ้าบางคนไม่ชอบน้ำชา
00:26:15 → 00:26:18 เดี๋ยวดีๆลองชิมดูก็แล้วกันนะลองทำแล้ว
00:26:18 → 00:26:22 ลองชิมดูบางคนไม่ชอบนะคะเอ่อเพราะเราไม่
00:26:22 → 00:26:24 ให้ใส่น้ำตาลไม่ให้ใส่อะไรเลยนะคะมันจะมี
00:26:24 → 00:26:27 กลิ่นมีรสของมันเฉพาะตัวซึ่งเอ่อคิดว่า
00:26:27 → 00:26:30 หลายๆคนกินได้ถ้าไม่ชอบจริงๆก็ให้ไปใช้
00:26:30 → 00:26:33 อาหารทั่วพวกผักทั้งหลายนะคะโดยเลือกผัก
00:26:33 → 00:26:37 ที่มีสีอย่างเช่นเอ่อพริกหวานนะพริกหวาน
00:26:37 → 00:26:40 มันก็จะสีเขียวสีแดงสีเหลืองอ่าพริกหวาน
00:26:40 → 00:26:44 อ่าพริกหวานอันที่ 1 นะอ่าอันที่ 2 เนี่ย
00:26:44 → 00:26:47 ก็อย่างอัญชันก็สามารถจะไปหุงกับข้าวได้
00:26:47 → 00:26:52 นะคะหรือเป็นพวกขมิ้นหรือเป็นพวกหญ้าเค้า
00:26:52 → 00:26:55 เรียกหญ้าฝรั่งนะคะซึ่งซึ่งเอาไปหุงเป็น
00:26:55 → 00:26:57 ข้าวหมกอืนะคะซึ่งเราไม่ต้องทำเองเพราะ
00:26:57 → 00:27:01 หญ้าฝรั่งมันแผ่เอ่อขมิ้นนะคะขมิ้่นซึ่ง
00:27:01 → 00:27:05 อย่างเช่นเกลือเอ่อไก่ทอดขมิ้นหรือปลาทอด
00:27:05 → 00:27:07 ขมิ้่นอะไรอย่างเงี้ยพวกเนี้ยก็เป็นตัว
00:27:07 → 00:27:12 ช่วยได้ทั้งหมดเลยงั้นให้เราให้ดูแล้วก็
00:27:12 → 00:27:15 อีกตัวนึงคือหญ้าฝรั่งหญ้าฝรั่งเนี่ยเรา
00:27:15 → 00:27:18 ใส่ในข้าวหมกทั้งหลายนะคะแต่เราคงทำเอง
00:27:18 → 00:27:21 ไม่ไหวเพราะหญ้าฝรั่งมันราคาแพงมากนะคะก็
00:27:21 → 00:27:26 ไปซื้อพวกข้าวหมกก็ได้ค่ะแล้วก็เอ่อมารับ
00:27:26 → 00:27:29 ประทานได้แล้วก็เติมผักเติมอะไรเข้าไปอื
00:27:29 → 00:27:32 โอเคนอกจากพวกชาแล้วพวกขมิ้นเอยพวกหญ้า
00:27:32 → 00:27:34 ฝรั่นเมื่อกี้ที่อาจารย์พูดมีอย่างอื่น
00:27:35 → 00:27:37 อีกมั้คะที่จะช่วยเรื่องเบาหวานได้เอ่อ
00:27:37 → 00:27:39 เอ่อประเด็นเรื่องอาหารก็ยังมีอีกแค่
00:27:39 → 00:27:41 ประเด็นเดียวค่ะคือเรื่องของมื้ออาหารนะ
00:27:41 → 00:27:45 คะอเอ่อหลายคนคิดเข้าใจผิดว่าเวลาเรากิน
00:27:45 → 00:27:47 อาหารเนี่ยหลายคนบอกว่าอาหารมื้อเย็นคือ
00:27:47 → 00:27:50 อาหารสำคัญสุดอืจริงมั้ยคะโดยเฉพาะวัย
00:27:50 → 00:27:53 รุ่นสมัยนี้อ่าวัยรุ่นสมัยนี้เนี่ยเช้า
00:27:53 → 00:27:57 กินน้อยนะคะเอ่อกลางวันก็กินรีบๆพอตอน
00:27:57 → 00:28:00 เย็นเนี่ยเล่นมือหนักเลยนะคะเอ่อจริงๆ
00:28:00 → 00:28:02 แล้วเนี่ยไม่ว่าใครคนไหนไม่ใช่เฉพาะเบา
00:28:02 → 00:28:07 หวานนะคะมื้อเย็นควรจะเป็นมื้อที่น้อยสุด
00:28:07 → 00:28:10 นะฮน้อยสุดแล้วก็มีคาร์โบไฮเดรตให้น้อย
00:28:10 → 00:28:13 สุดคนที่เป็นเบาหวานเนี่ยถ้าเป็นไปได้
00:28:13 → 00:28:17 มื้อเย็นลดคาร์โบไฮเดรตลงงดเลยงดเลยให้
00:28:17 → 00:28:21 กินแต่โปรตีนกับผักอ่านะคะโปรตีนผักไขมัน
00:28:21 → 00:28:25 นะฮะได้แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ได้แต่ให้น้อย
00:28:25 → 00:28:27 ๆนะฮะแล้วก็เลือกชนิดคาร์โบไฮเดรตที่มัน
00:28:27 → 00:28:32 ดีมื้อหนักสุดควรจะเป็นมื้อเช้านะคะมีบาง
00:28:32 → 00:28:35 คนบอกว่ามื้อเช้าต้องกินแบบราชามื้อกลาง
00:28:35 → 00:28:37 วันต้องกินแบบเศรษฐีแต่มื้อเย็นต้องกิน
00:28:37 → 00:28:39 แบบอย่าจบนะคะนี่คือเรื่องจริงค่ะเรื่อง
00:28:39 → 00:28:43 ที่ในชีวิตเนี่ยเพราะคนสมัยก่อนจริงๆกิน
00:28:43 → 00:28:45 แค่มื้อเดียวเราไม่ได้กิน 3 มื้อมาตั้ง
00:28:45 → 00:28:48 แต่ยุคหนึ่งดำบันนะคะยุค1ันเนี่ยเช้าต้อง
00:28:48 → 00:28:51 ไปล่าสัตว์ค่ะใช่มั้คะล่าสัตว์เสร็จแล้ว
00:28:51 → 00:28:53 ถึงจะมากินนะเพราะฉะนั้นก็กินแค่มื้อ
00:28:53 → 00:28:56 เดียวสมัยนี้เราก็สามารถจะปรับตัวเราได้
00:28:56 → 00:28:58 เพื่อไม่ให้กระเพาะเราทำงานหนักกันเกินไป
00:28:58 → 00:29:02 นะฮะก็แบบอย่างที่ว่าเช้าหนักเที่ยงเบาหน
00:29:02 → 00:29:05 เย็นเบาเบาไปนิดนึงนะคะแต่เราก็ยังมีความ
00:29:05 → 00:29:09 ถูกกับครอบครัวได้นะคะอืค่ะคราวนี้มีอีก
00:29:09 → 00:29:10 อันนึงที่อาจารย์เน้นย้ำมาตลอดเลยเรื่อง
00:29:11 → 00:29:13 ของการออกกำลังกายค่ะอาจารย์อันนี้มัน
00:29:13 → 00:29:15 สำคัญยังไงบ้างสำหรับคนเป็นเบาหวานเอ่อ
00:29:15 → 00:29:18 คือเขาพบว่าอย่างงี้ค่ะการออกกำลังกาย
00:29:18 → 00:29:20 เนี่ยจะทำให้น้ำตาลเนี่ยสามารถเข้าสู่
00:29:20 → 00:29:24 เซลล์ได้มากยิ่งขึ้นนะนี่คืองานวิจัยทุก
00:29:24 → 00:29:27 งานวิจัยจะบอกมาตรงกันเพราะฉะนั้นtheม mus
00:29:27 → 00:29:31 เลยค่ะว่าคนที่เป็นเบาหวานทุกคนต้องออก
00:29:31 → 00:29:35 กำลังกายทีนี้จะออกยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับ
00:29:35 → 00:29:38 ว่ามีคำแนะนำอะไรบ้างนะคะแกว่งแขนแกว่ง
00:29:38 → 00:29:41 ขวาได้มั้ยได้ทีนี้มันก็จะมีคน 2 ประเภท
00:29:41 → 00:29:44 ค่ะประเภทที่ 1 ต้องฉีดอินซูลินแล้วกับ
00:29:44 → 00:29:47 อีกประเภทหนึ่งยังไม่ต้องฉีดอินซูลินคน
00:29:47 → 00:29:49 ที่ฉีดอินซูลินแล้วเนี่ยเวลาจะออกกำลัง
00:29:49 → 00:29:52 กายเนี่ยต้องเอ่อสังเกตอะไรเยอะแยะไปหมด
00:29:52 → 00:29:55 เลยต้องดูค่าน้ำตาลในเลือดต้องดูเอ่อใน
00:29:55 → 00:30:00 เรื่องของค่าคีโตนในเลือดนะคะดังนี้เนี่ย
00:30:00 → 00:30:03 เอ่อคิดว่าถ้าคนที่ฉีดอินซูลินแล้วนะอยาก
00:30:03 → 00:30:06 ให้ไปเปิดอ่านของการออกกำลังกายของโรง
00:30:06 → 00:30:09 พยาบาลศรีราชที่เขียนเอาไว้ในเว็บไซต์อื
00:30:09 → 00:30:12 นะคะซึ่งเขียนไว้หมดเลยค่ะว่าค่าน้ำตาลใน
00:30:12 → 00:30:14 เลือดเท่านี้ออกกำลังกายได้เท่าไหร่อะไร
00:30:14 → 00:30:17 ยังไงอะไรอย่างเงี้ยให้สังเกตยังไงนะคะ
00:30:17 → 00:30:20 ซึ่งตรงเนี้ยคิดว่าเค้าเขียนไว้สมบูรณ์
00:30:20 → 00:30:25 และนะคะลองไปหาอ่านดูเอ่อสำหรับคนที่ปกติ
00:30:25 → 00:30:29 ธรรมดาสามารถใช้การออกกำลังกายอะไรก็ได้
00:30:29 → 00:30:32 เท่าที่อยากได้แต่ก็มีอยู่แห่งนึงที่พูด
00:30:32 → 00:30:36 ถึงเรื่องของการแกว่งแขกนะคะแล้วก็บอกท่า
00:30:36 → 00:30:39 อยู่ 4 ท่าซึ่งก็พี่ก็เห็นง่ายดีนะคะคือ
00:30:39 → 00:30:43 ของโรงพยาบาลนนนทเวทนะคะก็สามารถเปิด
00:30:43 → 00:30:45 เว็บไซต์ได้เช่นเดียวกันนะคะเพราะพวกนี้
00:30:45 → 00:30:49 ก็แค่ยืดเหยียดให้ออกกำลังกายประมาณวันละ
00:30:49 → 00:30:54 เอ่อ 30 นาทีนะคะ 25-30 นาทีแล้วอาทิตย์
00:30:54 → 00:30:57 นึงไม่ต่ำกว่า 3 วันอ่านะคะไม่มากไม่น้อย
00:30:57 → 00:31:01 กว่านี้คือมากกว่านี้ได้เล็กน้อยนะคะแต่
00:31:01 → 00:31:04 อย่าหเกินไปค่ะอืโอเค
00:31:04 → 00:31:07 กับอีกอันนึงแสดงว่าสำคัญพอๆกันก็คือ
00:31:07 → 00:31:11 เรื่องของการเอาออกการขับข่ายอคนเป็นเบา
00:31:11 → 00:31:14 หวานนี่จะมีปัญหามากว่าเดี๋ยวเค้าก็ท้อง
00:31:14 → 00:31:17 ถูกเดี๋เก็ท้องเสียอืทำไมคะอาจารย์เอ่อ
00:31:17 → 00:31:20 เพราะว่าอย่างที่บอกอ่ะเบาหวานมัน
00:31:20 → 00:31:22 สัมพันธ์กับเชื้อในตัวช่วงไหนที่เขา้ามี
00:31:22 → 00:31:27 ปัญหามากก็คือว่าเอ่อตัวน้ำตาลขึ้นมากๆ
00:31:27 → 00:31:31 เค้าก็จะท้องผุอนะฮแต่บางช่วงอยู่ๆก็จะ
00:31:31 → 00:31:33 ปรับกลายเป็นท้องเสียเองเพราะว่าเชื้อมัน
00:31:33 → 00:31:37 ไม่ดุลกลับมาแบบนี้แล้วก็ทำเหมือนเทปก่อน
00:31:37 → 00:31:41 ๆที่ว่ามานะคะว่าเมื่อไหร่ท้องผูกก็ให้
00:31:41 → 00:31:45 กินพวกตีพลาอืนะคะช่วยนะฮะแล้วก็ปรับ
00:31:45 → 00:31:48 อาหารเลี้ยงเชื้ออ่าคำว่าอาหารเลี้ยง
00:31:48 → 00:31:50 เชื้อคืออาหารที่เรากินนี่แหละเพราะว่า
00:31:50 → 00:31:52 เรากินเไม่ใช่แค่เลี้ยงเรามันเลี้ยงเชื้อ
00:31:52 → 00:31:55 ด้วยนะคะออาหารเลี้ยงเชื้อที่ดีนะก็คือ
00:31:55 → 00:32:00 กลุ่มพวกเต้าหู้อออ่านะคะซึ่งมันก็มีหลาย
00:32:00 → 00:32:03 รูปแบบนะคะตอนนี้เต้าหู้ที่กินเนี่ยคือ
00:32:03 → 00:32:06 เต้าหู้ที่ทำมาจากถั่วนะคะถ้าเป็นพวก
00:32:06 → 00:32:08 เต้าหู้ไข่อันนั้นเป็นไข่นะคะไม่ใช่ไม่
00:32:08 → 00:32:10 ใช่ไม่ใช่เนื้อเต้าหู้ออ่าไม่ไม่จัดอยู่
00:32:10 → 00:32:13 ในกลุ่มโปรตีนเต้าหู้นะคะเพราะงั้นก็ลอง
00:32:13 → 00:32:17 ปรับตรงนี้ดูแล้วก็เอ่อเวลาเรากินอาหาร
00:32:17 → 00:32:20 เนี่ยอย่ากินรสจืดเย็นมากเกินไปเพราะว่า
00:32:20 → 00:32:22 มันจะทำให้ลำไส้ไม่ทำงานนะฮปรับพวกเผ็ด
00:32:22 → 00:32:25 ขึ้นมาหน่อยนึงทำให้ลำไส้ทำงานได้เ่อถ้า
00:32:26 → 00:32:31 ท้องเสียทำไงประสาการฟูอืนะคะประสาการฟู
00:32:31 → 00:32:35 ถ้าหาซื้อไม่ได้จริงจริงก็ขออนุญาตเอ่ย
00:32:35 → 00:32:40 ชื่อนะบริษัทเอ่อก็คือกฤษนะกันตากิเลนได้
00:32:40 → 00:32:44 หรือว่าเป็นยาริบบิ้นซัวตาตกเบสก็ใช้ได้
00:32:44 → 00:32:48 แต่ให้ใช้แค่ครั้งเดียวออคือท้องเสียปุ๊บ
00:32:48 → 00:32:51 กินไปจบค่ะแล้วมันก็จะปรับสภาพเองเพราะ
00:32:51 → 00:32:55 ถ้ากินเยอะไปมันจะฆ่าเชื้อไปเรื่อยๆเพราะ
00:32:55 → 00:32:58 ฉะนั้นมันก็จะเกิดไม่ดุลกันอีกแล้วอ่าดม
00:32:58 → 00:33:01 ดุลสำคัญค่ะของเชื้อดีเชื้อไม่ดีเนี่ยไม่
00:33:01 → 00:33:03 ได้แปลว่าต้องกำจัดเชื้อเชื้อไม่ดีออกหมด
00:33:03 → 00:33:06 ต้องให้เชื้อไม่ดีคานกับเชื้อดีได้มันถึง
00:33:06 → 00:33:10 จะสมดุลในร่างกายค่ะอืค่ะโหวันนี้ก็ครบ
00:33:10 → 00:33:12 เลยจริงๆแดงว่าหลักๆมันคือการอยู่กับร่าง
00:33:12 → 00:33:15 กายเนาะอาจารย์เนาะเราจะคือเราพลาดมาแล้ว
00:33:15 → 00:33:18 น้ำตาเราปริ่มแล้วหรือเราเป็นอยู่แล้วเรา
00:33:18 → 00:33:20 อาจจะไปทำอะไรกับ consequence ที่มันเกิด
00:33:20 → 00:33:22 ขึ้นแล้วไม่ได้แต่เราปรับวันนี้ได้นะคะ
00:33:22 → 00:33:24 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหารอาจารย์ก็บอก
00:33:24 → 00:33:26 อยู่ว่าเอ้ยไม่ใช่ว่าต้องตัดไปเลยเรามี
00:33:26 → 00:33:28 ทางเลือกเยอะมากเราลองเอาสิ่งที่คุยกัน
00:33:28 → 00:33:31 วันเนี้ยไปลองปรับดีไซน์ดูการออกกำลังกาย
00:33:31 → 00:33:33 อ้าถ้าเกิดอยู่ในขั้นฉีดอินซูลินแล้วออก
00:33:33 → 00:33:36 ยังไงอาจารย์ก็แนะนำช่องทางให้นะคะแล้วก็
00:33:36 → 00:33:38 เรื่องของการขับถ่ายอ้าวท้องผูกทำยังไง
00:33:38 → 00:33:41 ท้องเสียทำยังไงแสดงว่าวันนี้มีประโยชน์
00:33:41 → 00:33:43 มากๆครบเลยค่ะอาจารย์อาจารย์มีอะไรจะทิ้ง
00:33:43 → 00:33:46 ท้ายเกี่ยวกับเบาหวานอีกมั้คะคือก็ให้บอก
00:33:47 → 00:33:50 ว่าเดี๋อยากจะบอกว่าคนที่เป็นเบาหวานนะคะ
00:33:50 → 00:33:53 ไม่ใช่จุดสุดท้ายของชีวิตเบาหวานแค่
00:33:53 → 00:33:56 อุปสรรคนิดหน่อยในการมีชีวิตอยู่นะคะ
00:33:56 → 00:33:59 สามารถจะอยู่กับเบาหวานได้โดยที่ร่างกาย
00:33:59 → 00:34:02 เราสุขภาพดีเพราะฉะนั้นอย่าวางทางว่าถ้า
00:34:02 → 00:34:04 เมื่อไหร่เราเป็นโรคไม่ว่าจะเบาหวานหรือ
00:34:04 → 00:34:08 อะไรก็ตามวางชีวิตไว้ในมือของหมอคนเดียว
00:34:08 → 00:34:12 คือหลายคนอาจจะบอกว่าเดี๋รอไปถามหมออืใช้
00:34:12 → 00:34:15 เวลาอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมงอ่านบท
00:34:15 → 00:34:18 ความเกี่ยวกับเบาหวานอ่านบทความเกี่ยวกับ
00:34:18 → 00:34:22 เอ่อการทำงานของร่างกายทั้งหลายนะคะเพื่อ
00:34:22 → 00:34:25 ทำให้เราเนี่ยสามารถปรับตัวเราเองได้คน
00:34:25 → 00:34:29 ที่จะรักษาตัวเราได้ดีที่สุดคือตัวเราเอง
00:34:29 → 00:34:32 เห็นด้วยนะคะเพราะฉะนั้นก็ถ้ามีใครที่อาจ
00:34:32 → 00:34:34 จะเป็นอยู่เองหรือว่าคนใกล้ชิดที่เป็น
00:34:34 → 00:34:36 อยู่ก็ลอง fort คลิปนี้ให้เขาดูนะคะแล้ว
00:34:36 → 00:34:39 เดี๋ยวรอบต่อไปค่ะจะพบกันในหัวข้ออะไรอีก
00:34:39 → 00:34:41 รับรองว่าน่าสนใจก็กลับมาพบกันใหม่นะคะ
00:34:41 → 00:34:43 วันนี้ได้กับอาจารย์ก็ลาไปก่อนค่ะบ๊ายบาย
00:34:43 → 00:34:47 ค่ะบ๊ายบายค่ะ
00:34:47 → 00:35:01 [เพลง]