00:00:00 → 00:00:05 นอนกรนเป็นเรื่องปกติค่ะ
00:00:05 → 00:00:08 คนปกติเนี่ยเราอาจจะมีการกรนได้นานครั้ง
00:00:08 → 00:00:11 เป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นนานๆทีได้ถามว่า
00:00:11 → 00:00:14 คนๆนึงถ้ากรนดูไม่ปกติจะมีสัญญาณยังไง
00:00:14 → 00:00:17 บ้าง 1 คือ
00:00:17 → 00:00:20 แต่ถ้าเราเกิดนอนคนเดียวเราจะรู้ได้ยังไง
00:00:20 → 00:00:23 คะจริงๆมีอุปกรณ์มีแอปพลิเคชัในการที่จะ
00:00:23 → 00:00:26 บันทึกเสียงกรนขณะหลักว่าเราเนี่ยตอนที่
00:00:26 → 00:00:29 เรานอนมีเสียงกลมยบอกชื่อแอปได้มั้
00:00:29 → 00:00:32 ถ้าจะพูดถึงสาเหตุของการกรนเราอาจจะเห็น
00:00:33 → 00:00:35 ว่าบางคนอ้วนส่วนใหญ่กรนใช่มยบางคนไม่
00:00:35 → 00:00:37 อ้วนก็กรนได้เราอาจสงสัยว่ามันเกิดจาก
00:00:37 → 00:00:40 สาเหตุอะไรหลักๆแล้วการกรนหรือการหยุดหาย
00:00:40 → 00:00:42 ใจขณะหลับต้องพูดว่ามันเกิดจากหลายสาเหตุ
00:00:42 → 00:00:44 เราอาจจะไม่รู้ว่าใบหน้าของเราเนี่ยมีผล
00:00:44 → 00:00:47 ต่อการกรนเป็นคนค้างเล็กคนค้างเล็กค้าง
00:00:47 → 00:00:49 เล็กอ่าบางคนเนี่ยหน้าปุ๊บค้างนิดเดียว
00:00:49 → 00:00:52 แล้วก็ไปเป็นคอเลยมีโครงสร้างที่ทำให้
00:00:52 → 00:00:55 เกิดการกลได้ง่ายขึ้นคนส่วนใหญ่มีปัญหา
00:00:55 → 00:00:57 อ้าปากนอนก็จะบอกว่าปิดปากสิไปซื้ออะไรมา
00:00:57 → 00:01:00 แปะปากให้มันปิดแต่หารู้ไม่ว่าเราไม่ได้
00:01:00 → 00:01:02 แก้ปัญหาที่ต้นเหตุภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
00:01:02 → 00:01:04 เนี่ยเป็นภาวะที่ร่างกายเราเนี่ยมันไม่
00:01:04 → 00:01:06 ปล่อยให้เราตายอยู่และมันจะปกป้องให้เรา
00:01:06 → 00:01:08 ฮึบกลับมาหายใจเรื่อยๆแล้วการทำ sleep
00:01:08 → 00:01:10 test เนี่ยคืออะไรคะคุณมอสเราจะตรวจ
00:01:10 → 00:01:12 เทestเมื่อไหร่อย่างงี้ก่อน 1 ก็คือคนที่
00:01:12 → 00:01:16 มี
00:01:16 → 00:01:23 เกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไกลโรค
00:01:23 → 00:01:25 สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการเกลา
00:01:25 → 00:01:28 แก้โรคค่ะทอปิที่เราจะมาคุยกันในวันนี้นะ
00:01:28 → 00:01:31 คะบอกเลยว่าเป็นปัญหาบ้านแตกค่ะเพราะว่า
00:01:31 → 00:01:33 เสียงกรนที่เราได้ยินนะคะนอกจากจะสร้าง
00:01:33 → 00:01:36 ความรำคาญแล้วเนี่ยบางครั้งนะคะยังส่งผล
00:01:36 → 00:01:38 กระทบต่อความสัมพันธ์ด้วยแต่รู้มั้คะว่า
00:01:38 → 00:01:40 การนวนโกรนจริงๆเนี่ยเป็นปัญหาสุขภาพ
00:01:40 → 00:01:42 อย่างหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามเลยเดี๋วัน
00:01:42 → 00:01:44 นี้นะคะเราจะมาปรึกษาคุณหมอไปด้วยกันวัน
00:01:44 → 00:01:46 นี้แพนด้าก็อยู่กับคุณหมอไมค์นะคะแพทย์
00:01:46 → 00:01:48 เฉพาะทางด้านหูคอจมูกและเวชศาสตร์การนอน
00:01:48 → 00:01:51 หลับสวัสดีค่ะคุณหมอครับสวัสดีครับอืยิน
00:01:51 → 00:01:53 ดีต้อนรับเข้าสู่ช่องเกลานะคะครับวันนี้
00:01:53 → 00:01:55 เนี่ยมีหลายคำถามมากๆเกี่ยวกับเรื่องการ
00:01:55 → 00:01:59 นอนการกรนแล้วก็รวมถึงการหยุดหายใจขณะนอน
00:01:59 → 00:02:02 หลับด้วยอ่ะหวังว่าคุณหมอจะให้คำตอบได้
00:02:02 → 00:02:04 เป็นอย่างดีได้ครับค่ะอันดับแรกพันด้า
00:02:04 → 00:02:07 อยากถามคุณหมอก่อนว่าเวลาที่เรานอนอ่ะค่ะ
00:02:07 → 00:02:09 จริงๆแล้วการกรนเนี่ยนอนกรนเป็นเรื่อง
00:02:09 → 00:02:11 ปกติมั้ยคะคนปกติเนี่ยเราอาจจะมีการกรน
00:02:11 → 00:02:14 ได้นานๆครั้งนะครับอันเนี้ยเป็นสิ่งที่
00:02:14 → 00:02:17 อาจจะเกิดขึ้นนานๆทีได้ยกตัวอย่างเช่นเรา
00:02:17 → 00:02:20 ไปเที่ยวใช้กำลังอย่างหนักในการเที่ยว
00:02:20 → 00:02:22 หรือว่าออกกำลังมากๆนะครับกล้ามเนื้อที่
00:02:22 → 00:02:25 มันเคยตึงตัวขณะหลับก็เกิดการหย่อนตัวทำ
00:02:25 → 00:02:28 ให้เรามีการกลนานนานครั้งนะครับหรือว่า
00:02:29 → 00:02:32 การดื่มแอลกอฮอล์กินเหล้านะนะไปดริงอะไร
00:02:32 → 00:02:34 อย่างเงี้ยนะครับทำให้กล้ามเนื้อเราเนี่ย
00:02:34 → 00:02:36 ก็มีการหย่อนตัวขณะหลับมากขึ้นเพราะ
00:02:36 → 00:02:39 ฉะนั้นในคนทั่วไปเนี่ยวันปกติการกลจะไม่
00:02:39 → 00:02:42 เกิดขึ้นแต่ถ้าบางวันบางโอกาสที่มีสิ่ง
00:02:42 → 00:02:46 กระตุ้นทำให้การกล
00:02:46 → 00:02:50 นึงถ้ากรนดูไม่ปกติจะมีสัญญาณยังไงบ้าง 1
00:02:50 → 00:02:52 คือกรนดังทุกวันอ่าลองดูคนด้านข้างถ้า
00:02:53 → 00:02:56 เกิดว่าเรามีคนที่นอนด้วยเากรนทุกวันเลย
00:02:56 → 00:02:59 ค่อนข้างดังหรือว่ามีจังหวะที่เหมือนกับ
00:02:59 → 00:03:01 หยุดหายใจจังหวะนี้คือจังหวะที่เหมือนกับ
00:03:01 → 00:03:04 บางช่วงเนี่ยลมมันหายไปขนาดนึงเลยแล้ว
00:03:04 → 00:03:06 กลับมาฮึบหายใจบ่อยเป็นช่วงๆนะครับอันนี้
00:03:06 → 00:03:10 ก็เป็นสัญญาณเนาะหรือว่าอาการกรนเนี่ยมัน
00:03:10 → 00:03:12 พาไปสู่อาการอื่นๆยกตัวอย่างเช่นกลางวัน
00:03:13 → 00:03:15 เนี่ยถึงแม้นอนเพียงพอแล้วมีอาการอ่อน
00:03:15 → 00:03:18 เพลียเยอะคือง่วงมากเลยบ่ายๆหรือว่าตอน
00:03:18 → 00:03:21 ช่วงสายๆจะต้องมีกาแฟก้าที่ 2 และแปลว่า
00:03:21 → 00:03:24 การนอนที่เพียงพอเนี่ยมันไม่ตอบโจทย์กับ
00:03:24 → 00:03:27 ร่างกายปกติถ้าเรานอนประมาณสัก 6 หรือ 7
00:03:27 → 00:03:30 ช่มงเนี่ยคนทั่วไปก็ควรจะรู้สึกว่าสดชื่น
00:03:30 → 00:03:33 อิ่มและนะครับแต่ว่าถ้าเกิดว่านอนเพียงพอ
00:03:33 → 00:03:36 แต่กลางวันเนี่ยยังง่วงอยู่ถึงแม้ว่าจะมี
00:03:36 → 00:03:38 การนอนที่เพียงพอแล้วนะแล้วมีการกล่า
00:03:38 → 00:03:41 สงสัยว่าจะเป็นการกลที่น่าจะมีการหยุดหาย
00:03:41 → 00:03:43 ใจขณะหลับเกิดขึ้นอค่ะจริงๆแล้วเกิดขึ้น
00:03:43 → 00:03:45 ได้กับทุกเพศทุกวัยเลยมั้ยคะใช่ครับเพราะ
00:03:46 → 00:03:48 มันมีหลายสาเหตุของการเกิดภาวะนี้ครับค่ะ
00:03:48 → 00:03:51 ทีนี้ขอถามเรื่องของเสียงกรนนิดนึงเพราะ
00:03:52 → 00:03:53 ว่าคุณหมอบอกว่าอ่ะถ้ามันมีเสียงกรนที่
00:03:53 → 00:03:56 ดังกลที่ดังเนี่ยคือดังแบบไหนคะเพราะ
00:03:56 → 00:03:58 เพราะว่าแต่ละคนแล้วกันจะมีเสียงที่ต่าง
00:03:58 → 00:04:00 กันบางคนอาจจะกรนแบบเป็นแค่เหมือนเสียงลม
00:04:00 → 00:04:04 ออกจากปากอ่าอันนี้แย่คือเวลาที่เราหลับ
00:04:04 → 00:04:06 เนี่ยต้องบอกว่ากล้ามเนื้อเราหย่อนตัว
00:04:06 → 00:04:09 อยู่แล้วโครงสร้างที่มันเคยตึงในช่องคอ
00:04:09 → 00:04:11 ถ้าเป็นรูปอย่างี้เนาะอ่ะมันก็จะมีการ
00:04:11 → 00:04:13 หย่อนลงมาเล็กน้อยนะครับเวลาเราตื่นเนี่ย
00:04:13 → 00:04:16 กล้ามเนื้อเราตึงตัวคอหอยเราโล่งดีเนี่ย
00:04:16 → 00:04:18 เหมือนกับเป็นท่อที่มันตึงตัวตลอดลมมัน
00:04:18 → 00:04:20 ผ่านเข้าได้สะดวกแต่พอหลังจะมีการหย่อน
00:04:20 → 00:04:23 นิดหน่อยคนทั่วไปก็จะมีการหายใจเสียงดัง
00:04:23 → 00:04:25 ขึ้นมาแต่ไม่รบกวนคนอื่นสัญญาณง่ายๆเลย
00:04:25 → 00:04:28 คือว่านอนข้างๆเรารู้สึกมันดังมากเกินไป
00:04:28 → 00:04:31 cอฟี่cอฟี่มันมีจังหวะแบบใช่ที่มันแบบมี
00:04:31 → 00:04:33 เป็นแพทเทิร์นนะครับที่มันเป็นค่อนข้าง
00:04:33 → 00:04:36 เสียงดังหรือมีจังหวะที่เหมือนกับลมหายลม
00:04:36 → 00:04:39 เฮือกเนาะหรือมีสะดุ้งฮึบขึ้นมาบ่อยๆอะไร
00:04:39 → 00:04:41 แบบเนี้ยอันนี้คือสัญญาณว่ามันไม่น่าจะ
00:04:41 → 00:04:44 ปกตินะครับเราก็ต้องสังเกตจากคนข้างเคียง
00:04:44 → 00:04:46 เพราะว่าเป็นโรคที่ตัวคนที่นอนเองเนี่ย
00:04:46 → 00:04:49 มักจะไม่รู้ถูกมยเพราะว่าเรานอนไปเราก็
00:04:49 → 00:04:52 นอนยาวตื่นตอนเช้าไม่รู้สึกว่ามีผลกระทบ
00:04:52 → 00:04:55 ต่อร่างกายแต่ต้องฟังจากคนด้านข้างที่เขา
00:04:55 → 00:04:58 เป็นคนที่เรารักและรักเราว่าเรามีอาการ
00:04:58 → 00:05:01 แบบเนี้ยเขากังวลและนั้นควรจะต้องมาพบ
00:05:01 → 00:05:04 แพทย์ปรึกษาแพทย์ทีนี้ค่ะคุณหมอถ้าเราอ่า
00:05:04 → 00:05:07 มีคนนอนด้วยก็ไหว้วานได้ช่วยดูหน่อยแต่
00:05:07 → 00:05:10 ถ้าเราเกิดนอนคนเดียวเราจะรู้ได้ยังไงคะ
00:05:10 → 00:05:12 เพราะว่าตอนนอนเราก็ไม่มีทางรู้ได้เด็ด
00:05:12 → 00:05:14 ขาดว่าเรากล่าวแต่ว่าตอนตื่นเนี่ยเรา
00:05:15 → 00:05:16 สามารถสังเกตตัวเองได้ยังไงบ้างอาจจะมี
00:05:16 → 00:05:19 อาการบางอย่างที่อาจจะต้องเป็นตัวที่
00:05:19 → 00:05:22 สัญญาณว่าเราจะต้องสงสัยภาวะนี้ 1 ก็คือ
00:05:22 → 00:05:24 เราหลับไปแล้วเนี่ยทำไมเราตื่นมาตอนเช้า
00:05:25 → 00:05:27 นอนนเพียงพอแล้วนะทำไมถึงง่วงใช่ครับอีก
00:05:27 → 00:05:29 อย่างนึงถ้าเราต้องการรู้ว่าเรานอนกล
00:05:29 → 00:05:33 เนี่ยจริงๆมีอุปกรณ์มีแอปพลิเคชในการที่
00:05:33 → 00:05:36 จะบันทึกเสียงกรนขณะหลักนะว่าเราเนี่ยตอน
00:05:36 → 00:05:39 ที่เรานอนมีเสียงกลนมเป็นอุปกรณ์ก็คือ
00:05:39 → 00:05:42 เป็นแอปที่วางเราจะเปิดมือถือแล้ววางข้าง
00:05:42 → 00:05:45 เตียงเรานะครับแล้วก็บันทึกทั้งคืนเลย
00:05:45 → 00:05:47 แล้วเราจะดูได้ว่าแต่ละคืนที่เรานอนเนี่ย
00:05:47 → 00:05:50 มีเสียงกลนแอมลิูดมันสูงมากน้อยแค่ไหนมี
00:05:50 → 00:05:53 การกลถิมากน้อยแค่ไหนบางคนเนี่ยไม่รู้เลย
00:05:53 → 00:05:55 ว่าตัวเองกรนเพราะว่าเรานอนคนเดียวมาตลอด
00:05:55 → 00:05:57 ชีวิตจนกระทั่งไปอยู่กับเพื่อนหรือว่า
00:05:57 → 00:05:59 เพิ่งจะมีแฟนเพิ่งจะแต่งงานเพิ่งจะรู้ว่า
00:05:59 → 00:06:02 เอ้าเนี่ยเรากลนมาเป็นนานแล้วหรือเปล่า
00:06:02 → 00:06:04 อะไรอย่างเงี้ยนะครับอื่นๆอาจจะเป็นใน
00:06:04 → 00:06:07 เรื่องของว่าเรามีเฮือกขึ้นมากลางดึกหรือ
00:06:07 → 00:06:10 เปล่าถ้านอนคนเดียวนะบางทีตื่นขึ้นมาฮึบ
00:06:10 → 00:06:12 ขึ้นมาเหมือนหายใจไม่สะดวกตอนนอนก็มี
00:06:12 → 00:06:14 เหมือนกันนะครับพวกนี้ก็เป็นสัญญาณที่บอก
00:06:14 → 00:06:17 ว่าโอเคถ้าอยู่คนเดียวเราก็พอจะรู้ได้จาก
00:06:17 → 00:06:19 อุปกรณ์หรือว่าอาการดังต่อไปนี้ค่ะบอก
00:06:19 → 00:06:21 ชื่อแอปได้มั้ยคะแอปชื่อ Sorlab นะ Sor
00:06:21 → 00:06:24 แปลว่าโกน S N O R E แล้วก็ La
00:06:24 → 00:06:27 sอแลabนะครับโหลดกันเอาไว้บันทึกได้นะ
00:06:27 → 00:06:30 ครับค่ะอย่างงี้แปลว่าคนที่นอนกรนเนี่ย
00:06:30 → 00:06:33 ค่ะจะฟleได้ไม่ดีถูกมั้คะชั่วโมงการหลับ
00:06:33 → 00:06:35 ลึกของเขาเออถูกต้องเลยคือเวลาที่เรานอน
00:06:35 → 00:06:38 หลับเนี่ยครับเราจะมีกระบวนการในการเกิด
00:06:38 → 00:06:41 ระยะของการนอนเป็นไซเคิลนะครับคนปกติเวลา
00:06:41 → 00:06:44 หลับไปเนี่ยก็จะมีการหลับเข้าระยะหลับ
00:06:44 → 00:06:47 ตื้นๆก่อนเป็นหลับลึกแล้วก็หลับฝันวนกัน
00:06:47 → 00:06:50 ไปเป็นไซเคิลนะครับแต่ว่าเวลาคนที่นอนกรน
00:06:50 → 00:06:52 เนี่ยนึกภาพเหมือนกับว่าเรามีโครงสร้าง
00:06:52 → 00:06:55 ที่ติดแค่แบในช่องทางเดินหายใจเพราะ
00:06:55 → 00:06:57 ฉะนั้นร่างกายเราเนี่ยจะปกป้องให้เรา
00:06:57 → 00:06:59 เนี่ยมีการฮึบเพื่อมาหายใจบ่อยๆเหมือนมี
00:06:59 → 00:07:03 คนสะกิดบ่อยๆก็จะเป็นการหลับที่เข้าระยะ
00:07:03 → 00:07:06 หลับลึกไม่ได้นานนะครับการหลับลึกคนปกติ
00:07:06 → 00:07:08 เนี่ยประมาณ 20% ของทั้งการนอนสมมุติว่า
00:07:08 → 00:07:10 นอนสัก 8 ชมงอย่างเงี้ยก็หลับลึกประมาณ
00:07:10 → 00:07:12 สักชั่วโมงครึ่งประมาณเนี้ยนะครับแต่ถ้า
00:07:12 → 00:07:15 มีการหลับที่มีการหยุดหายใจเป็นช่วงๆเกิด
00:07:15 → 00:07:19 ขึ้นการหลับจะถูกกระตุ้นให้มีการฮึกๆเข้า
00:07:19 → 00:07:21 มาหายใจเนี่ยเป็นบ่อยๆนะครับก็ทำให้การ
00:07:21 → 00:07:25 หลับลึกเนี่ยถูกถเป็นหลับตื้นเป็นช่วงๆ
00:07:25 → 00:07:27 เพราะฉะนั้นคนที่หลับถึงแม้นอนเพียงพอนะ
00:07:27 → 00:07:29 หลับประมาณสัก 7 หรือ 8 ชั่วโมงแต่หลับ
00:07:29 → 00:07:31 กรนเนี่ยนะครับจะมีเปอร์เซ็นต์ในการหลับ
00:07:31 → 00:07:33 ลึกเนี่ยอาจจะไม่ถึง 10% หรือไม่หลับลึก
00:07:33 → 00:07:36 เลยอก็เลยทำให้ตื่นมาแล้วเพลียนเพลียนะ
00:07:36 → 00:07:38 ครับแล้วก็ต้องนอนในปริมาณที่มากขึ้นกว่า
00:07:38 → 00:07:42 คนทั่วไปอืการกรนนี้ส่งผลต่อคุณภาพการนอน
00:07:42 → 00:07:45 เลยใช่อจริงๆแล้วผลของมันเนี่ยมีอีกหลาย
00:07:45 → 00:07:48 อย่างเลยเนาะถ้าจะพูดถึงสาเหตุของการกรน
00:07:48 → 00:07:51 เนาะเราอาจจะเห็นว่าทำไมบางคนอ้วนส่วน
00:07:51 → 00:07:53 ใหญ่กลนใช่มั้บางคนไม่อ้วนอ้วนก็กรนได้
00:07:53 → 00:07:56 สงสัยว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไรนะครับหลักๆ
00:07:56 → 00:07:59 แล้วการกรนหรือการหยุดหายใจขณะหลับเนี่ย
00:07:59 → 00:08:01 ต้องพูดว่ามันเกิดจากหลายสาเหตุอ่าเวลา
00:08:01 → 00:08:03 ที่ลมหายใจมันผ่านเข้าไปในจมูกเนี่ยนะ
00:08:03 → 00:08:06 ครับลงไปในคอเนี่ยเส้นทางหายใจเนี่ยหมอจะ
00:08:06 → 00:08:09 โชว์ให้ดูนิดนึงว่าการหายใจคนเราเนี่ยมัน
00:08:09 → 00:08:12 ต้องมีลมที่ผ่านเข้าจมูกจมูกคือประตูด่าน
00:08:12 → 00:08:16 ที่ 1 ในการหายใจนะครับลมเข้าจมูกแล้วมัน
00:08:16 → 00:08:20 จะผ่านลงมานะครับหลังนะลิ้นไก่อันนี้คือ
00:08:20 → 00:08:23 ลิ้นไก่อืค่ะอันนี้คือลิ้นที่เรากินข้าว
00:08:23 → 00:08:26 นะครับลมมันจะรอดผ่านเข้ามาตรงเเนี่ยนะ
00:08:26 → 00:08:29 ครับจมูกจะต้องโล่งก่อนถึงจะเข้ามาได้นะ
00:08:29 → 00:08:32 ครับหลังลิ้นไก่นะครับหลังลิ้นถึงจะลงไป
00:08:32 → 00:08:35 ในหลอดลมเข้าไปในปอดได้อันนี้คือเส้นทาง
00:08:35 → 00:08:38 ที่เป็นแทรกปกติไฮเวย์ปกติแล้วที่จะเข้า
00:08:39 → 00:08:41 ไปได้นะครับตอนเราตื่นเนี่ยทุกอย่างมัน
00:08:41 → 00:08:44 โล่งดีเพราะว่ากล้ามเนื้อเราตึงอือฮึแต่
00:08:44 → 00:08:48 พอหลับมันจะหย่อนนิดนึงไอ้การหย่อนเล็ก
00:08:48 → 00:08:50 น้อยเนี่ยไม่ก่อให้เกิดการกรนในคนปกติแต่
00:08:50 → 00:08:54 ถ้ามีการหย่อนที่มากผิดปกติจะปิดกั้นทำ
00:08:54 → 00:08:57 ให้ลมมันเข้าไม่ได้นะอ่าสาเหตุมีอะไรบ้าง
00:08:57 → 00:09:00 1 อายุที่มากขึ้นเช่นบางคนเนี่ยอายุน้อย
00:09:00 → 00:09:04 กว่า 50 ปีไม่เคยกลเลยแต่พอเข้าเลข 5 เลข
00:09:04 → 00:09:06 6 นะครับผู้สูงอายุเริ่มจะกร่นอันนี้
00:09:06 → 00:09:08 เป็นผลจากว่ากล้ามเนื้อในคอเนี่ยมันมีการ
00:09:08 → 00:09:11 ชราก็มีการหย่อนปิดกั้นทำให้ลมเข้าไม่ได้
00:09:11 → 00:09:13 อย่างที่ 2 ก็คือน้ำหนักอ่ะเราจะเห็นว่า
00:09:13 → 00:09:16 คนที่กรนเมักจะอ้วนน้ำหนักเยอะใช่ไหมครับ
00:09:16 → 00:09:19 เพราะว่าความอ้วนเนี่ยไขมันในร่างกายที่
00:09:19 → 00:09:22 สะสมไม่ได้สะสมแค่พุงแค่ขาคะแค่สะโพกเรา
00:09:22 → 00:09:25 เท่านั้นแต่มันสะสมในช่องคอหอยทั้งหมดเลย
00:09:25 → 00:09:28 เพราะฉะนั้นพื้นที่ที่มันเคยโล่งดีเวลา
00:09:28 → 00:09:31 หลับมันก็หย่อนเล็กน้อยแต่ถ้าเกิดว่าเรา
00:09:31 → 00:09:34 มีความอ้วนพื้นที่มันจะแคบไปกว่าปกติ
00:09:34 → 00:09:37 เพราะมีไขมันแทรกอยู่พอหลับปุ๊บมันปิดลม
00:09:37 → 00:09:40 เลยเข้าไม่ได้นะครับอย่างที่ 3 เราอาจจะ
00:09:40 → 00:09:44 เคยเห็นคนที่คุณพ่อคุณแม่กรนลูกก็กลนด้วย
00:09:45 → 00:09:47 แทำไมแบบมีปัญหาทางโครงสร้างหรือเปล่า
00:09:47 → 00:09:49 ทำไมทางบ้านกลเหมือนกันหมดถึงแม้จะไม่
00:09:49 → 00:09:52 อ้วนก็ตามอันนี้เป็นเรื่องของโครงหน้า
00:09:52 → 00:09:55 โครงหน้านี่มีผลเลยนะครับเราอาจจะไม่รู้
00:09:55 → 00:09:59 ว่าใบหน้าของเราเนี่ยมีผลต่อการกล่า
00:09:59 → 00:10:02 เป็นคนค้างเล็กครับคนค้างเล็กค้างเล็กอ่า
00:10:02 → 00:10:05 บางคนเนี่ยเอ่อหน้าปุ๊บค้างนิดเดียวแล้ว
00:10:05 → 00:10:07 ก็ไปเป็นคอเลยอย่างเงี้ยเป็นคนค้างเล็ก
00:10:07 → 00:10:10 ค้างสั้นจะเป็นคนที่มีโครงสร้างที่ทำให้
00:10:10 → 00:10:13 เกิดการกลได้ง่ายขึ้นเพราะว่าคางเนี่ย
00:10:13 → 00:10:16 เป็นจุดเกาะของลิ้นค่ะลิ้นเนี่ยจะไปเกาะ
00:10:16 → 00:10:19 ที่ตรงตำแหน่งค้างอืถ้าเป็นคนค้างเล็ก
00:10:19 → 00:10:21 เนี่ยลิ้นลิ้นก็จะมีโอกาสจะตกมาในคอตอน
00:10:21 → 00:10:24 หลับง่ายขึ้นนะครับเพราะฉะนั้นเนอนไป
00:10:24 → 00:10:27 เนี่ยนะครับลิ้นจะไปเบียดในคอแล้วทำให้
00:10:27 → 00:10:30 การหายใจติดขัดเหมือนจมน้ำอ่านะครับสุด
00:10:30 → 00:10:33 ท้ายเลยก็คือในเรื่องของโครงสร้างภายใน
00:10:33 → 00:10:36 เช่นต่อมทอนซินมีขนาดใหญ่นะครับเพดานอ่อน
00:10:36 → 00:10:39 หรือลิ้นไก่มีความหย่อนยาเยอะและสุดท้าย
00:10:39 → 00:10:41 ท้ายสุดเลยก็คือเรื่องของภูมิแพ้แล้วก็
00:10:41 → 00:10:43 ปัญหาการหายใจทางจมูกบางคนเนี่ยเรามอง
00:10:43 → 00:10:46 ข้ามว่าเออเราเป็นภูมิแพ้ไม่ต้องรักษาก็
00:10:46 → 00:10:48 ได้บางทีมีฟืดฟาดแค่บางช่วงนะครับจริงๆ
00:10:48 → 00:10:51 แล้วการกรนเกิดจากภูมิแพ้ได้เพราะว่าเวลา
00:10:51 → 00:10:54 ที่จมูกเนี่ยมีปัญหาในการคัดแน่นหรือมี
00:10:54 → 00:10:57 การบวมขนาดหลักเรามักจะมีอาการตอนกลางคืน
00:10:57 → 00:10:59 นะตอนที่เราเป็นภูมิแพ้ตอนนอนไปเนี่ยเรา
00:10:59 → 00:11:01 เริ่มจมูกตันมีน้ำมู่พวกเนี้ยนะครับทำให้
00:11:01 → 00:11:04 การหายใจทางจมูกเนี่ยไม่ดีเลยต้องอ้าปาก
00:11:04 → 00:11:06 หายใจเพราะฉะนั้นกลไกในการอ้าปากหายใจ
00:11:06 → 00:11:09 ส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่จมูกมีปัญหาคัด
00:11:09 → 00:11:11 แน่นอาจจะเป็นจากเยุจมูกบวมจากภูมิแพ้
00:11:11 → 00:11:14 หรือว่าปัญหาอื่นๆทางโครงสร้างเช่นผนัง
00:11:14 → 00:11:17 กั้นจมูกคดเอียงมีก้อนในจมูกหรือสีดวงใน
00:11:17 → 00:11:20 จมูกต่างๆเพราะฉะนฉะนั้นคนส่วนใหญ่เวลา
00:11:20 → 00:11:24 ที่มีปัญหาอ้าปากนอนก็จะบอกว่าปิดปากสิไป
00:11:24 → 00:11:27 ซื้ออะไรมาแปะปากให้มันปิดถูกมั้ยแต่หา
00:11:27 → 00:11:29 รู้ไม่ว่าเราไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุเรา
00:11:29 → 00:11:31 ต้องไปดูก่อนว่าเขาอ้าปากจากสาเหตุอะไร
00:11:31 → 00:11:35 เช่นปัญหาในการหายใจทางจมูกเขาถึงได้มี
00:11:35 → 00:11:38 การผลักของกลไกในร่างกายให้เปิดปากเพราะ
00:11:38 → 00:11:40 ฉะนั้นเนี่ยเราต้องดูก่อนว่าจมูกเ้ามี
00:11:40 → 00:11:44 ปัญหาอะไรมยถ้าจมูกโล่งดีคนปกติก็มักจะ
00:11:44 → 00:11:47 ปิดปากได้เองแต่ถ้าจมูกก็ตันแล้วไปปิดปาก
00:11:47 → 00:11:50 อีกอันนี้รูหายก็จะไม่เหลือและสัญญาณนึง
00:11:50 → 00:11:52 ที่พบได้บ่อยในคนที่อ้าปากนอนก็คือว่า
00:11:52 → 00:11:55 ตื่นมาตอนเช้าคอแห้งเลยหรือว่าตอนช่วง
00:11:55 → 00:11:57 กลางคืนเนี่ยรู้สึกคอแห้งมากต้องตื่นมา
00:11:57 → 00:12:00 จิบน้ำบ่อยๆเนาะอันนี้ก็ต้องไปดูว่าเรา
00:12:00 → 00:12:02 อ้าปากจากสาเหตุอะไรคือโดยปกติแล้วเราจะ
00:12:02 → 00:12:05 ไม่อ้าปากนอนน้อยมากจะมีลมส่วนนึงที่เข้า
00:12:05 → 00:12:09 ไปในปากคือจมูกและปากเนี่ยปากเนี่ย 20%
00:12:09 → 00:12:11 จมูก 80% เพราะฉะนั้นหลักๆแล้วลมจะเข้า
00:12:11 → 00:12:14 จมูกลงไปในคอได้เลยโดยที่ไม่ต้องเปิดปาก
00:12:14 → 00:12:17 การอ้าปากก็มีข้อเสียที่ว่า 1 คือมันเกิด
00:12:17 → 00:12:20 การแห้งใครเคืองในคอใช่มยเราก็ต้องรู้สึก
00:12:20 → 00:12:22 รำคาญกับไปอีกอย่างนึงคือเวลาเราอ้าปาก
00:12:22 → 00:12:24 ลิ้นมันจะตกไปในคอได้ง่ายขึ้นเพราะฉะนั้น
00:12:24 → 00:12:27 การกรนมันจะเกิดหนักขึ้นนะครับอย่างคุณ
00:12:27 → 00:12:29 หมอบอกไปแล้วเนาะว่าจริงๆเวลาที่เราเพลีย
00:12:29 → 00:12:31 หรืออะไรเราก็จะนอนกรนมากขึ้นแล้วอีก
00:12:31 → 00:12:33 อย่างหนึ่งก็คือเวลาที่เราเพลียเรามักจะ
00:12:33 → 00:12:35 เห็นนอนอ้าปากอันนี้มันก็คือมันก็เกี่ยว
00:12:35 → 00:12:38 ข้องกันถูกมั้ยคะส่วนนึงเนี่ยการอ้าปากก็
00:12:38 → 00:12:41 อาจจะเป็นนิสัยของคนที่อ้าปากมานานแล้ว
00:12:41 → 00:12:44 อาจจะมีความเป็นโรคภูมแพ้หรือจมูกตันก็
00:12:44 → 00:12:47 เลยอ้าปากบ่อยๆนะคราวนี้ถึงแม้ว่าเขาจะ
00:12:47 → 00:12:50 จมูกโล่งโดีหรือจมูกเขาไม่ได้คัดแน่นแล้ว
00:12:50 → 00:12:53 แต่ก็ยังมีนิสัยในการอ้าปากอยู่แปลว่าถ้า
00:12:53 → 00:12:56 เราค่ะถ้าเรารู้ตัวก็คือควรจะปิดปากคือ
00:12:56 → 00:12:59 บังคับยากออโตมติกแล้วเราต้องไปดูว่าจมูก
00:12:59 → 00:13:02 มันมีปัญหาหรือเปล่าต้องตรวจสอบตัวเองว่า
00:13:02 → 00:13:05 เราถ้าเราปิดปากหายใจปกติเนี่ยนะครับจมูก
00:13:05 → 00:13:07 เราโล่งมยบางคนปิดปากปุ๊บหายใจมีเสียงฟีด
00:13:07 → 00:13:10 ในจมูกแปลว่าจมูกตันก็ต้องลองตรวจสอบตัว
00:13:10 → 00:13:14 เองนะครับหรือว่าลองสังเกตดูว่าการอ้าปาก
00:13:14 → 00:13:16 นอนเป็นทุกคืนมั้ยแล้วถ้ามันเป็นตลอดเลย
00:13:16 → 00:13:18 อันนี้น่าน่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่างก่อน
00:13:18 → 00:13:20 ที่เราจะไปซื้ออุปกรณ์ในการปิดปากก็ต้อง
00:13:21 → 00:13:23 ดูก่อนว่ามันมีปัญหาอะไรที่เป็นต้นเหตุ
00:13:23 → 00:13:25 ของการอ้าปากนอนหรือเปล่าค่ะอันนี้ขอถาม
00:13:25 → 00:13:28 เพิ่มเติมอย่างคือโดยปกติแล้วที่ควรจะ
00:13:28 → 00:13:30 เป็นคือเราก็ควรจะหายใจเข้าทางจมูกหายใจ
00:13:30 → 00:13:33 ออกทางจมูกอืโดยตอนนอนก็ควรจะเป็นอย่าง
00:13:33 → 00:13:35 งั้นทีนี้ก่อนที่เราจะนอนค่ะคุณหมอมันมี
00:13:35 → 00:13:37 วิธีในการดูแลจมูกของเรายังไงให้มันไม่
00:13:38 → 00:13:40 ตันน่ะให้มันแบบ flow ได้ในเรื่องของโรค
00:13:40 → 00:13:43 ภูมิแพ้นะครับเบสิคที่สุดเลยก็คือถ้า
00:13:43 → 00:13:45 เรื่องของสิ่งแวดล้อมทั่วไปผ้าปูปอกหมอน
00:13:45 → 00:13:47 เนี่ยเราควรจะซักเปลี่ยนเนาะถ้าเป็นภูมิ
00:13:47 → 00:13:50 แพ้เนี่ยคนใหญ่จะเป็นภูมิแพ้ต่อไรฝุนที่
00:13:50 → 00:13:53 อยู่บนเตียงนะครับหรือว่าพวกเชื้อราหรือ
00:13:53 → 00:13:55 ว่าพวกขนสุนัขขนแมวอะไรอย่างเงี้ยแต่คน
00:13:55 → 00:13:58 ไทยจะพบประมาณ 60% 70% เนี่ยแพ้ต่อไร
00:13:58 → 00:14:01 ฝุ่นคือเป็นอยู่ตามใยผ้าเพราะฉะนั้นเวลา
00:14:01 → 00:14:02 เป็นภูมิแพ้ขึ้นเตียงไปปุ๊บสักพักเริ่ม
00:14:02 → 00:14:05 จมูกเริ่มบวมเริ่มตันหรือว่าเริ่มมีน้ำ
00:14:06 → 00:14:08 มูกเราก็ต้องดูแลโดยการเปลี่ยนผ้าปูที่
00:14:08 → 00:14:12 นอนบ่อยๆถ้ามีพรมมีม่านก็ต้องซักเปลี่ยน
00:14:12 → 00:14:15 บ่อยๆถ้าเบสิคที่สุดในการดูแลจมูกให้ไม่
00:14:15 → 00:14:18 คัดแน่นในคนเป็นภูมิแพ้คือการล้างจมูกอาจ
00:14:18 → 00:14:21 จะล้างช่วงเย็นหรือว่าช่วงก่อนนอนประมาณ
00:14:21 → 00:14:23 สักชั่วโมง 2 ชั่วโมงก่อนนอนเนี่ยจมูกก็
00:14:23 → 00:14:26 จะโล่งขึ้นหายใจดีขึ้นแต่ถ้าดูแล้วจมูก
00:14:26 → 00:14:28 มันยังมีอาการตันอยู่ก็คือปรึกษาคุณหมอ
00:14:28 → 00:14:31 คอยจมูกดูว่าการที่จมูกตันมันเกิดจาก
00:14:31 → 00:14:34 สาเหตุอะไรอืครับขอเทคนิคการล้างจมูกได้
00:14:34 → 00:14:37 มั้ยคะหลายๆคนทำแล้วรู้สึกสำลักปกติแล้ว
00:14:37 → 00:14:40 เนี่ยเราจะใช้เป็นน้ำเกลืออุปกรณ์ที่ใช้
00:14:40 → 00:14:42 ล้างเนี่ยมันมีหลากหลายตั้งแต่เป็นไซริ์
00:14:42 → 00:14:45 แล้วก็เป็นขวดสำเร็จรูปในการที่จะบีบเข้า
00:14:45 → 00:14:48 ล้างจมูกนะครับปกติการล้างจมูกเนี่ยเราจะ
00:14:48 → 00:14:51 ให้คนไข้ก้มหน้าในอ่างล้างหน้าแล้วก็อ้า
00:14:51 → 00:14:53 ปากกั้นหายใจก้มหน้าเพื่อที่ว่าเวลาเรา
00:14:53 → 00:14:56 บีดไปแล้วเนี่ยมันก็จะทิศก็จะออกมาอีก
00:14:56 → 00:14:58 ข้างนึงมันจะไม่ย้อนเข้าไปมันก็จะไม่ลงไป
00:14:58 → 00:15:01 ในคอถ้าเราเงยหน้าก็จะลงไปในคอได้นะครับ
00:15:01 → 00:15:04 อ้าปากเนาะอ้าปากด้วยเผื่อว่าอาจจะออกมา
00:15:04 → 00:15:06 ทางปากเป็นไปได้เหมือนกันเวลาเราล้างจมูก
00:15:06 → 00:15:08 เนี่ยเราอาจจะมีไอเดียว่ามันต้องออกอีก
00:15:08 → 00:15:11 ข้างนึงแต่บางคนที่จมูกโครงสร้างมีการตัน
00:15:11 → 00:15:13 มีผนังกั้นจมูกพดมันอาจจะผลักให้ออกทาง
00:15:13 → 00:15:16 ปากก็ได้อันนี้ไม่ซีเรียสนะคะก็อ้าปากไว้
00:15:16 → 00:15:19 แล้วกั้นใจลดการสำลักเวลาบีบบิดๆช้าๆไม่
00:15:19 → 00:15:22 ต้องแรงนะถ้าบีบแรงเกินมันจะปวดหูได้หรือ
00:15:22 → 00:15:25 รู้สึกสำลักได้ถ้าเราบีบแรงเกินไปเราก็
00:15:25 → 00:15:27 บีบช้าๆนะคะค่อยๆคืออยากเป็นไซลิง์ก็คือ
00:15:28 → 00:15:30 ค่อยๆดันถ้าเป็นไซลิงเนี่ยเราดันเราใช้
00:15:30 → 00:15:33 ไซลิง์ 20 ซีซค่อยๆดันนับ 1-5 1-6
00:15:33 → 00:15:38 ประมาณนี้ 1 2 3 4 5 6 ช้าๆเลยไม่
00:15:38 → 00:15:40 ต้องแบบปึ๊กอย่างงี้เข้าไปคือถ้าบีบแรง
00:15:40 → 00:15:43 เกินเนี่ยมันจะไปกระแทกด้านหลังโพงจมูก
00:15:43 → 00:15:45 ซึ่งทำให้ปวดหูเราต้องเอียงคอด้วยมั้แล้ว
00:15:45 → 00:15:47 แต่อะไรคะหลักๆก็คือหน้าตรงก็ได้หรือว่า
00:15:47 → 00:15:49 จะเอียงเล็กน้อยก็ได้สมมุติเราจะล้างข้าง
00:15:49 → 00:15:51 นี้เราก็เอียงฝั่งนี้เล็กน้อยเอียงให้อีก
00:15:51 → 00:15:54 ข้างนึงต่ำกว่าเอียงไปใช่เอียงเอียงคางไป
00:15:54 → 00:15:56 อีกฝั่งที่เราจะล้างก็ได้นะครับก็เวลา
00:15:56 → 00:15:59 ล้างเนี่ยปริมาณคือข้างละ 100 ซีซอย่าง
00:15:59 → 00:16:02 ต่ำเนาะถ้าเป็นไซลิง 20 ซีซข้างละ 5 หลอด
00:16:02 → 00:16:06 อย่างต่ำนะครับก็คือ 100 100 ซีซต่อข้าง
00:16:06 → 00:16:08 อ๋อครั้งนึงก็คือ 200 ต่อข้างใช่แต่ถ้า
00:16:08 → 00:16:11 เป็นอุปกรณ์ที่เป็นขวดเนี่ยเขาก็จะขวด 200
00:16:11 → 00:16:13 ซีซก็จะแบ่งล้างข้างละครึ่งขวดโอ๊ยบางคน
00:16:13 → 00:16:15 ทำอยู่แล้วแต่ไม่รู้ว่าต้องทำถึง100ซีซ
00:16:15 → 00:16:18 อ่าคือปริมาณเมันก็มีผลคือการล้างจมูก
00:16:18 → 00:16:20 เนี่ยไม่ได้มีแค่ข้อดีในการล้างน้ำมูกออก
00:16:20 → 00:16:23 มาอย่างเดียวแต่เป็นข้อดีในการที่เราจะ
00:16:23 → 00:16:25 ปรับสภาพผิวในจมูกเเรียก resurface ผิวใน
00:16:25 → 00:16:28 จมูกเนี่ยให้มันเป็นผิวที่มีคุณภาพดีไม่
00:16:28 → 00:16:31 ก่อให้เกิดอาการคัดแน่นหรือมีน้ำมุกบ่อยๆ
00:16:31 → 00:16:33 แล้วก็เป็นการล้างพวกฝุ่น PM เนาะที่เรา
00:16:33 → 00:16:35 เจอทุกๆวันเนี่ยให้มันออกมาเพราะฉะนั้น
00:16:35 → 00:16:38 จมูกก็จะเป็นจมูกที่สะอาดแล้วก็ไม่บวมไม่
00:16:38 → 00:16:41 ตันได้ง่ายอืค่ะถ้ามันได้รสเค็มบ้างอัน
00:16:41 → 00:16:44 นี้ก็ปกติใช่มั้ปกติเลยปกติเลยเพราะว่า
00:16:44 → 00:16:46 มันเป็นสารละลายที่มีความเข้มข้นเท่ากับ
00:16:46 → 00:16:49 ในเซลล์ในจมูกก็คือมีความเป็นเกลือนะครับ
00:16:49 → 00:16:52 อืออันนี้ก็คือสามารถล้างจมูกก่อนนอนได้
00:16:52 → 00:16:54 สำหรับคนที่รู้สึกว่าตอนนอนแล้วเราหายใจ
00:16:54 → 00:16:56 ไม่โล่งแต่ถ้าสมมุติว่าก็หายใจปกติดี
00:16:56 → 00:16:59 จำเป็นต้องล้างมั้ยคะถ้าปกติดีเราอาจจะ
00:16:59 → 00:17:02 ล้างนานๆครั้งได้เช่นถ้าเราเป็นภูมิแพ้
00:17:02 → 00:17:04 วันไหนที่เราไปเจอฝุ่นไปสัมผัสในที่ที่
00:17:05 → 00:17:07 อากาศไม่ค่อยดีหรือมีฝุ่นเยอะเราอาจจะ
00:17:07 → 00:17:10 ล้างเป็นครั้งคราวได้แต่ถ้าเราอยู่ใน
00:17:10 → 00:17:12 สภาวะที่โอเคช่วงนี้ PM เยอะจังเลยหรือ
00:17:12 → 00:17:15 ว่ามีอากาศที่ไม่ค่อยดีกลัวว่าจะมีอาการ
00:17:15 → 00:17:18 ที่จมูกเริ่มตันมาจะล้างเป็นกิจวัตรก็ได้
00:17:18 → 00:17:21 วันละครั้งไม่ได้เสียหายอะไรออีกพฤติกรรม
00:17:21 → 00:17:23 นึงที่เป็นว่าหลายๆท่านน่าจะเคยทำก็คือ
00:17:23 → 00:17:26 การเอาคอตอนบัไปผันในจมูกอ่ามันเป็นสิ่ง
00:17:27 → 00:17:28 ที่ควรทำมั้คะคุณไม่ต้องทำไม่ควรทำอ้า
00:17:29 → 00:17:31 ทำไมอ่ะเพราะว่าในจมูกก็มีเนื้อเยื่อที่
00:17:31 → 00:17:33 มันค่อนข้างบางอ่ะครับไม่ว่าจะเป็นการใช้
00:17:33 → 00:17:36 ทิชชู่เนี่ยเข้าไปฝันในจมูกอันนี้ก็เกิด
00:17:36 → 00:17:38 การบาดเจ็บมีเลือดออกได้ง่ายจริงๆแล้ว
00:17:38 → 00:17:41 โครงสร้างในจมูกเราเนี่ยนอกจากโครงสร้าง
00:17:41 → 00:17:44 ที่เป็นเยื่อบุกแล้วเนี่ยก็จะมีผนังกั้น
00:17:44 → 00:17:46 จมูกที่อยู่เป็นแกนกลางของจมูกเนี่ยครับ
00:17:46 → 00:17:48 ก็จะมีเส้นเลือดที่มันค่อนข้างเยอะเส้น
00:17:48 → 00:17:50 เลือดฝอยตรงตำแหน่งของผนังกั้นจมูกเนี่ย
00:17:50 → 00:17:53 มันค่อนข้างที่จะเปราะแตกได้ง่ายถ้าเราไป
00:17:53 → 00:17:56 สัมผัสบางทีไปแคะจมูกบ่อยๆเลือดก็ไหลออก
00:17:56 → 00:17:59 ง่ายการดูแลเบื้องต้นเนี่ยนอกจากที่เราจะ
00:17:59 → 00:18:01 ล้างจมูกก็เป็นอาจจะเป็นสเปรย์น้ำเกลือ
00:18:01 → 00:18:04 เพื่อทำให้จมูกชุ่มชื้นแล้วก็หลีกเลี่ยง
00:18:04 → 00:18:06 ในการไปแคะจมูกอ้าแล้วสมมุติว่าบางคนอาจ
00:18:06 → 00:18:09 มีขี้มูกอย่างเงี้ยค่ะเราต้องเอาออกทำยัง
00:18:09 → 00:18:12 ไงได้บ้างคะเอาสำลีแล้วก็ชุบน้ำเกลือแล้ว
00:18:12 → 00:18:16 ก็อาจจะเช็เท็จภายนอกอ๋อไม่ควรคือแต่ว่า
00:18:16 → 00:18:19 แคะได้มั้ยคะแคะก็เป็นสิ่งที่ทำอย่างมัด
00:18:19 → 00:18:21 ระวังแต่จริงๆก็ไม่ควรทำออแต่เราก็ทำกัน
00:18:21 → 00:18:24 เป็นปกติมากๆเลยนะอ่าก็เป็นพฤติกรรมที่
00:18:24 → 00:18:27 โอเคมันก็บางคนก็ติดอ่ะเนาะติดนิสัยแคะ
00:18:27 → 00:18:30 แต่ว่าเราก็ต้องดูว่าเออการแคะของเรานี่
00:18:30 → 00:18:33 มันมีผลแทรกซ้อนอะไรมยเพราะบางทีเนี่ยเรา
00:18:33 → 00:18:35 ไว้เล็บยาวหรือไม่ได้ตัดเล็บเนี่ยเราไป
00:18:35 → 00:18:38 แคะไอ้ตรงเล็บที่มันมีความยาวมันก็ไป
00:18:38 → 00:18:41 เกี่ยวแล้วบาดเจ็บในเยอะบุกได้แล้วถ้า
00:18:41 → 00:18:43 สมมุตินิ้วสกปรกอ่ะค่ะเราแค้จมูก
00:18:43 → 00:18:45 ติดเชื้ออะไรอย่างงี้ได้ด้วยมั้คะอาจจะ
00:18:45 → 00:18:47 ไม่ถึงขั้นนั้นเพราะว่ากลไกในร่างกายก็มี
00:18:47 → 00:18:51 การปกป้องเชื้อโรคอยู่แล้วแต่ก็ถ้ามีบาด
00:18:51 → 00:18:53 แผลที่ค่อนข้างเยอะค่อนข้างใหญ่ก็อาจจะทำ
00:18:53 → 00:18:55 ให้ติดเชื้อได้เหมือนกันโอ้จริงๆก็
00:18:55 → 00:18:57 sensitive กว่าที่คิดใช่แล้วถ้าอย่างบาง
00:18:57 → 00:19:01 คนค่ะอาจจะไม่มีน้ำเกลืออ่าหรือว่าไม่ไม่
00:19:01 → 00:19:03 อยากใช้น้ำเกลืออ่ะแล้วเขาใช้น้ำเปล่าใน
00:19:03 → 00:19:06 การล้างจมูกแทนมันสามารถทำได้มั้คะจริงๆ
00:19:06 → 00:19:09 ไม่ควรด้วยเหตุผลหลายเรื่องเลย 1 ก็คือ
00:19:09 → 00:19:12 ว่าเวลาที่เราล้างจมูกเนี่ยแนะนำใช้น้ำ
00:19:12 → 00:19:13 เกลือเพราะอะไรเพราะว่าน้ำเกลือเนี่ยมี
00:19:14 → 00:19:16 ความเข้มข้นของเกลือเท่ากับเซลล์ของเรา
00:19:16 → 00:19:19 เพราะนั้นการล้างคือเป็นการชะแล้วก็ไม่
00:19:19 → 00:19:22 เกิดการบาดเจ็บของเซลล์นะครับเพราะว่ามัน
00:19:22 → 00:19:24 มีความเข้มข้นของเกลือเท่ากันทั้งน้ำ
00:19:24 → 00:19:26 เกลือและในเซลล์ของจมูกนะครับแต่ถ้าเป็น
00:19:26 → 00:19:29 น้ำเปล่าเนี่ยเวลาที่เราล้างน้ำเปล่าเข้า
00:19:29 → 00:19:31 ไปเนี่ยคือเวลาที่มันมีความเข้มข้นต่าง
00:19:31 → 00:19:34 กันมันจะเกิดกระบวนการออสโมิสออสมิสคือ
00:19:34 → 00:19:36 น้ำมากไปน้ำน้อยเพราะฉะนั้นน้ำที่เราชะ
00:19:36 → 00:19:39 เข้าไปเนี่ยมันจะไปเข้าไปทำให้เซลล์แตกอื
00:19:39 → 00:19:41 เพราะฉะนั้นจมูกจะมีการบาดเจ็บเกิดขึ้น
00:19:41 → 00:19:43 ได้ถ้าเราใช้น้ำปับขาวที่ไม่ใช่น้ำเกลือ
00:19:43 → 00:19:46 เข้าไปล้างนะครับกับอีกอย่างนึงคือน้ำที่
00:19:46 → 00:19:49 มันไม่สะอาดปกติถ้าเราซื้อน้ำเกลือที่
00:19:49 → 00:19:51 เป็นอ่าวัสดุทางการแพทย์หรือเป็นน้ำเกลือ
00:19:51 → 00:19:54 ผสมเป็นเกลือซองผสมเนี่ยก็จะมีความสะอาด
00:19:54 → 00:19:56 เราจะให้ผสมเกลือซองกับน้ำดื่มนะครับแต่
00:19:56 → 00:19:59 ถ้าใช้น้ำประปาน้ำก๊อกก็จะมีความไม่สะอาด
00:19:59 → 00:20:02 ของน้ำเนี่ยทำให้ติดเชื้อในจมูกได้หรือ
00:20:02 → 00:20:05 ว่ามันก็ถ้ามีข่าวนะติดเชื้อไปถึงแบบใน
00:20:05 → 00:20:06 สมองอะไรอย่างงี้ได้เพราะฉะนั้นแนะนำว่า
00:20:07 → 00:20:10 เป็นน้ำที่เป็นน้ำเกลือทางการแพทย์หรือ
00:20:10 → 00:20:12 บางคนถ้าไม่มีน้ำเกลือจริงๆสามารถที่จะ
00:20:12 → 00:20:16 ใช้น้ำเปล่านี่แหละแล้วก็ต้มกับเกลือแกงอ
00:20:16 → 00:20:19 ได้เหมือนกันแต่สัดสวนเนี่ยก็คือในอัตรา
00:20:19 → 00:20:22 ส่วน 500 ซีซของน้ำเปล่าเนี่ยครับเราต้ม
00:20:22 → 00:20:25 กับน้ำประมาณ 1 ช้อนชากับเกลือประมาณ 1
00:20:25 → 00:20:27 ช้อนชาใช่เกลือ 1 ช้อนฉ่านะฮะแล้วก็ต้ม
00:20:27 → 00:20:30 ให้สุกแล้วก็ตั้งทิ้งให้มันอุ่นเย็นแล้ว
00:20:30 → 00:20:32 ก็มาล้างได้ซึ่งจริงๆแล้วถ้าไม่จำเป็นก็
00:20:32 → 00:20:35 ใช้แบบที่เป็นทางการแพทย์น่าจะสะอาดมาก
00:20:35 → 00:20:37 กว่าอืค่ะเรื่องของการล้างจมูกเนี่ยก็คือ
00:20:37 → 00:20:40 เป็นอีกหนึ่งสาเหตุนึงแล้วกันเนาะที่อาจ
00:20:40 → 00:20:42 จะทำให้จมูกเราไม่ flow ก็เลยพูดถึง
00:20:42 → 00:20:44 เรื่องการจมูกกันนะคะทีนี้อยากรู้ว่าถ้า
00:20:45 → 00:20:47 สมมติว่าเรามีอาการกรนอาจจะรู้ตัวหรือไม่
00:20:47 → 00:20:49 รู้ตัวก็ตามแล้วเราปล่อยไปเรื่อยๆค่ะคุณ
00:20:49 → 00:20:51 หมออย่างเงี้มันเอฟเฟคต่อร่างกายยังไง
00:20:51 → 00:20:54 บ้างค่ะอถ้าพูดถึงการกรนเนี่ยเราก็ต้อง
00:20:54 → 00:20:56 กลัวภาวะหยุดหายใจขณะหลับเนาะภาวะเนี้ย
00:20:56 → 00:20:59 ต้องบอกว่าบางคนเข้าใจผิดกับภาวะไหลตายคน
00:20:59 → 00:21:01 ละอย่างกันนะครับเพราะว่าไหลตายเนี่ยมัน
00:21:01 → 00:21:04 คือเป็นโรคที่เราเสียชีวิตขณะหลับส่วน
00:21:04 → 00:21:06 ใหญ่จะพูดถึงเขาเรียกว่าโรคบูาด้าโรค
00:21:06 → 00:21:09 บูาด้าคือมีจังหวะของหัวใจที่มันเต้นผิด
00:21:09 → 00:21:12 ปกติกระแสไฟฟ้าผิดปกติขณะหลับแล้วก็เสีย
00:21:12 → 00:21:14 ชีวิตไปอันนั้นมักจะเป็นตามพันธุกรรมเ
00:21:14 → 00:21:17 เรียกโรคไหลตายนะครับแต่ว่าถ้าเป็นภาวะ
00:21:17 → 00:21:19 หยุดหายใจขณะหลับเนี่ยเป็นภาวะที่ร่างกาย
00:21:19 → 00:21:21 เราเนี่ยมันไม่ปล่อยให้เราตายอยู่และมัน
00:21:21 → 00:21:23 จะปกป้องให้เราฮึบกลับมาหายใจเรื่อยๆนะ
00:21:23 → 00:21:26 ครับนี้ผลยังไงต่อร่างกายบ้างก็หลักๆแล้ว
00:21:26 → 00:21:29 เนี่ยมีพูดถึงระยะสั้นระยะยาวแล้วกันนะ
00:21:29 → 00:21:31 ครับแหในภาวะที่ร่างกายมีการหยุดหายใจ
00:21:31 → 00:21:34 เป็นช่วงๆขณะหลักสิ่งที่เกิดขึ้นคือเราจะ
00:21:34 → 00:21:37 เข้าสู่ระยะหลับลึกได้ไม่เพียงพอถ้าพูด
00:21:37 → 00:21:40 ถึงคนทั่วไปหลับลึกประมาณ 20% -25%
00:21:40 → 00:21:42 ประมาณเวลาเราหยุดหายใจเนี่ยร่างกายจะถูก
00:21:42 → 00:21:45 พยายามกระตุ้นจากสมองเนี่ยให้กลับมาหายใจ
00:21:45 → 00:21:47 เป็นช่วงๆเพราะฉะนั้นการหลับเนี่ยจะมีการ
00:21:47 → 00:21:50 หลับลึกเนี่ยน้อยมากหรือบางทีบางคนไม่มี
00:21:50 → 00:21:51 เลยถ้าเกิดหยุดหายใจอย่างหนักอ่ะนะครับ
00:21:51 → 00:21:53 เพราะฉะนั้นกลางวันเี่เกิดอะไรขึ้นก็ง่วง
00:21:53 → 00:21:57 เกิดอุบัติเหตุขณะขับรถขับราได้มีปัญหาใน
00:21:57 → 00:22:00 การที่จะโฟกัสกับงานคือความง่วงมันซ่อน
00:22:00 → 00:22:02 อยู่อ่ะเราก็จะแบบโฟกัสไม่ได้นานมีปัญหา
00:22:02 → 00:22:04 หงุดหงิดนะนึกถึงคนที่ง่วงอ่ะรู้สึกมัน
00:22:04 → 00:22:07 หงุดหงิดอารมณ์แปรปรวนได้ง่ายฉันไปนอนใช่
00:22:07 → 00:22:10 แล้วก็มีผลต่อในเรื่องของโรคทางจิตจิตเวช
00:22:10 → 00:22:12 หลายโรคอย่างเช่นโรคภาวะซึมเศร้าวิตก
00:22:12 → 00:22:14 กังวลได้หลายอย่างเลยอันนี้คือผลที่เกิด
00:22:14 → 00:22:18 ขึ้นระยะสั้นๆแต่ระยะยาวๆเนี่ยมันจะมีผล
00:22:18 → 00:22:20 ต่อหัวใจหลอดเลือดหลักๆเลยนะครับเวลาเรา
00:22:20 → 00:22:22 หยุดหายใจเนี่ยออกซิเจนในร่างกายมันเข้า
00:22:22 → 00:22:25 ไปเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอร่างกายต้องฮึบ
00:22:25 → 00:22:27 กลับมาหายใจเนาะแเป็นช่วงเพราะฉะนั้นร่าง
00:22:27 → 00:22:30 กายต้องทำงานหนักขนาดหัวใจจะมีการเต้น
00:22:30 → 00:22:33 เร็วสลับช้าสลับกันบ่อยๆเวลาที่หยุดหายใจ
00:22:33 → 00:22:36 ก็ต้องฮึบขึ้นมาหัวใจก็ต้องบีบเนาะเลือด
00:22:36 → 00:22:38 นะให้ไปเรียงร่างกายให้เพียงพอเพราะ
00:22:38 → 00:22:41 ฉะนั้นหัวใจเต้นผิดจังหวะได้นะครับ
00:22:41 → 00:22:43 ออกซิเนร่างกายตกเพราะฉะนั้นเนี่ยร่างกาย
00:22:43 → 00:22:45 ต้องมีการพยายามทำให้เส้นเลือดมีการหนา
00:22:46 → 00:22:49 ตัวทำงานมากขึ้นเส้นเลือดก็มีการตีบตัน
00:22:49 → 00:22:53 ได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นสมองหัวใจและอื่นๆใน
00:22:53 → 00:22:56 ร่างกายเนาะฮอร์โมนต่างๆทำงานรวนเวลาที่
00:22:56 → 00:23:00 เราหลับไม่ดีอินซูลินทำงานไม่ดีก็เกิดเบา
00:23:00 → 00:23:03 หวานได้ง่ายขึ้นภาวะหิวอิ่มปกติร่างกาย
00:23:03 → 00:23:05 เวลาเราหลับดีๆจะมีการหลั่งฮอร์โมนชื่อ
00:23:05 → 00:23:08 ว่าเลปตินทำให้ร่างกายเราอิ่มไม่ตื่นมาหา
00:23:08 → 00:23:10 อะไรกินใช่มั้แต่ถ้าเรานอนไม่ดีเนี่ย
00:23:10 → 00:23:13 ฮอร์โมนอิ่มทำงานไม่ดีเราก็จะมีความอยาก
00:23:13 → 00:23:16 กินมีความอ้วนได้ง่ายกับคนทั่วไปสุดท้าย
00:23:16 → 00:23:19 เลยก็คือภาวะสมองเสื่อมจากอัลไซเมอร์
00:23:19 → 00:23:22 เมื่อร่างกายเราหลับปกติแล้วจะมีการ
00:23:22 → 00:23:24 เคลียร์ของเสียในร่างกายขณะหลับลึกแต่ถ้า
00:23:24 → 00:23:26 เกิดเราหลับได้ไม่ดีหลับไม่ลึกเพราะเรา
00:23:26 → 00:23:30 กรนก็จะมีของเสียในสมองคั่งและทำให้เรา
00:23:30 → 00:23:33 เป็นสมองเสื่อมได้ง่ายขึ้นคือหลายโรคเลย
00:23:33 → 00:23:36 จากภาวะนี้เพราะฉะนั้นเรารู้แล้วว่าการกล
00:23:36 → 00:23:39 เนี่ยไม่ใช่แค่เรื่องเสียงอย่างเดียวนะ
00:23:39 → 00:23:43 สุขภาพของเราเลยค่ะออสำคัญมากๆเนตอนนี้
00:23:43 → 00:23:45 จริงๆถ้ามีคนในบ้านที่กรนก็อาจจะรำคาญ
00:23:45 → 00:23:47 แหละเป็นไปได้แต่ว่าหยุดรำคาญก่อนเนาะ
00:23:47 → 00:23:49 เดี๋ยวต้องใส่ใจกันก่อนแล้วว่าเฮ้ยจริงๆ
00:23:49 → 00:23:51 กรนเนี้ยมันเกิดจากอะไรเพราะว่ามันเกิด
00:23:51 → 00:23:54 ขึ้นได้หลายสาเหตุมากๆรวมถึงถ้าปล่อยการ
00:23:54 → 00:23:57 กรนไปนานๆเนี่ยมันก็ส่งผลต่อร่างกายทั้ง
00:23:57 → 00:24:01 ระยะสั้นและระยะยาวโออันตรายเหมือนกันอื
00:24:01 → 00:24:03 ค่ะแล้วการทำ sleep test เนี่ยคืออะไรคะ
00:24:03 → 00:24:06 คุณหมอเราต้องใช้เครื่องอะไรยังไงบ้างอ่า
00:24:06 → 00:24:08 sleep test เนี่ยคือการตรวจการนอนหลับ
00:24:08 → 00:24:10 เราต้องการจะทราบว่าขนาดหลับเนี่ยในร่าง
00:24:10 → 00:24:12 กายเรามีอะไรเกิดขึ้นมาบ้างข้อมูลที่เรา
00:24:12 → 00:24:14 จะรู้เนี่ยเราจะตรวจซิปเท็จเมื่อไหร่
00:24:14 → 00:24:16 อย่างี้ก่อนอ่ะ 1 ก็คือคนที่มีสงสัยการ
00:24:16 → 00:24:19 หยุดหายใจขณะลับก็คือคนที่นอนกรนนี่แหละ
00:24:19 → 00:24:21 นอนกรนกลางวันง่วงนะครับมีปัญหาเฮือกตื่น
00:24:21 → 00:24:24 ขึ้นมากลางดึกพวกเนี้ยก็คือข้อที่ 1 ที่
00:24:24 → 00:24:26 ควรมาตรวจสลิปเทสอย่างที่ 2 คือนอนละเมอ
00:24:26 → 00:24:30 ผิดปกติยกตัวอย่างเช่นละเมอไปเตะต่อยคน
00:24:30 → 00:24:33 อื่นละเมอพูดเนาะละเมอขยับร่างกายเยอะมี
00:24:34 → 00:24:36 ความง่วงระหว่างวันที่ค่อนข้างเยอะยกตัว
00:24:36 → 00:24:38 อย่างเช่นนอนก็เพียงพอแล้วทำไมกลางวันยัง
00:24:39 → 00:24:41 อ่อนเพลียง่วงเยอะอยู่สมองเรามันเข้าสู่
00:24:41 → 00:24:44 การหลับลึกไม่ดีหรือเปล่าอะไรอย่างี้เนาะ
00:24:44 → 00:24:47 อื่นๆเช่นปัญหาขากระตุกขณะหลับบ่อยปัญหา
00:24:47 → 00:24:50 กัดฟันบ่อยๆขณะหลับพวกเนี้ยก็คือต้องการ
00:24:50 → 00:24:52 รู้ว่าพฤติกรรมในการนอนที่เกิดขึ้นเนี่ย
00:24:52 → 00:24:55 มันมีกลไกจากสาเหตุอะไรก็จะตรวจการนอน
00:24:55 → 00:24:57 หลับนะครับการตรวจการนอนหลับเนี่ยทำยังไง
00:24:57 → 00:25:00 บ้างก็จะเป็นการตรวจ 1 คืนบางคนก็อาจจะ
00:25:00 → 00:25:02 ตรวจ 2 คืนแล้วแต่นะครับมีอุปกรณ์ติดใน
00:25:02 → 00:25:05 ร่างกายทั่วเลยเนาะปัจจุบันการตรวจมีทั้ง
00:25:05 → 00:25:07 แบบทำที่บ้านทำที่โรงพยาบาลก็ได้อุปกรณ์
00:25:07 → 00:25:11 กรติดมีหลากหลายแบบแบบเต็มแบบย่อแบบย่อก็
00:25:11 → 00:25:13 จะรู้ข้อมูลที่ลดลงมาแล้วแต่ว่าเราจะ
00:25:13 → 00:25:17 โฟกัสเรื่องไหนเราก็จะทราบว่าเรามีการผิด
00:25:17 → 00:25:20 ปกติในระหว่างการหลับมเนาะถ้าพูดถึงภาวะ
00:25:20 → 00:25:22 หยุดหายใจเราจะทราบค่าหนึจากการตรวจการ
00:25:22 → 00:25:25 นอนหลับได้ดัชนีการหยุดหายใจขณะหลับซึ่ง
00:25:25 → 00:25:27 จะบ่งบอกว่าชั่วโมงนึงหยุดหายใจเนี่ยกี่
00:25:27 → 00:25:30 ครั้งถ้าเกิดมีค่าเออกมาเนี่ยอยู่ในค่า
00:25:30 → 00:25:33 ที่ไม่เกิน 5 ครั้งต่อชั่วโมงเราคือคน
00:25:33 → 00:25:35 ปกติแต่ถ้ามันมีค่าที่หยุดหายใจมากกว่า 5
00:25:35 → 00:25:37 ครั้งต่อชั่วโมงอันนี้คือค่าที่ผิดปกติก็
00:25:37 → 00:25:39 แยกกันไปว่าเป็นมากน้อยแค่ไหนถ้าเป็น
00:25:39 → 00:25:42 ระหว่าง 5-15 เล็กเป็นอันดับที่น้อยอยู่
00:25:42 → 00:25:45 15-30 ระดับปานกลางถ้า 30 อัพขึ้นไปแปล
00:25:45 → 00:25:48 ว่ารุนแรงและเป็นหนักและถามว่าแยกเหล่า
00:25:48 → 00:25:50 นี้เพราะอะไรแยกเพราะว่าเราจะได้รู้ว่าคน
00:25:50 → 00:25:53 ที่มีระดับความหยุดหายใจที่มันมากน้อยแค่
00:25:53 → 00:25:56 ไหนเนี่ยมันมีความเสี่ยงในการเกิดโรคมาก
00:25:56 → 00:25:58 น้อยแค่ไหนถ้าเกิดคนที่เป็นน้อยๆเนี่ยเรา
00:25:58 → 00:26:02 อาจจะพอมีช้อยส์ในการรักษาอื่นๆเช่นนอน
00:26:02 → 00:26:05 ตะแคงนะครับปรับพฤติกรรมนะครับนอนให้พอ
00:26:05 → 00:26:07 อะไรอย่างงี้เนาะแล้วก็ลดน้ำหนักอะไร
00:26:07 → 00:26:09 อย่างเงี้ยนะครับแต่ถ้าเป็นระดับที่ค่อน
00:26:09 → 00:26:11 ข้างปานกลางขึ้นไปและหยุดหายใจ 15 ครั้ง
00:26:11 → 00:26:14 ขึ้นไปแบบเนี้ยควรต้องมีการรักษาที่เร่ง
00:26:14 → 00:26:16 ด่วนและเพราะมีผลต่อร่างกายเยอะอย่างพวก
00:26:16 → 00:26:18 โรคหัวใจหลอดเลือดอย่างที่กล่าวไปตอนแรก
00:26:18 → 00:26:21 อ่ะครับการไปทำ sleep test คือ 1 คืนถึง
00:26:21 → 00:26:24 2 คืนอ่าแล้วแต่ว่าถ้าเป็นการตรวจการนอน
00:26:24 → 00:26:26 หลับแบบที่โรงพยาบาลเนี่ยก็ส่วนมากก็ 1
00:26:26 → 00:26:29 คืนแต่ที่บ้านเนี่ยเราอาจจะแล้วแต่ว่า
00:26:29 → 00:26:31 อุปกรณ์แบบยอเนี่ยเราอาจจะตรวจได้มากกว่า
00:26:31 → 00:26:34 1 คืนอาจจะมีคำถามสงสัยค่ะว่าแล้วถ้า
00:26:34 → 00:26:36 สมมุติคืนที่เราไปตรวจที่โรงพยาบาลสมมติ
00:26:36 → 00:26:39 ไปคืนคืนเดียวจะเป็นคืนที่เรานอนปกติก็
00:26:39 → 00:26:41 ไม่เจอผลอะไรอย่างี้เคยเคยเกิดขึ้นมั้คะ
00:26:41 → 00:26:44 คุณหมอจริงๆแล้วเนี่ยมันจะไม่ค่อยต่างกับ
00:26:44 → 00:26:46 คืนต่างอื่นๆเท่าไหร่นะครับเพราะว่าการ
00:26:46 → 00:26:48 นอนคนเรามันก็จะมีความใกล้เคียงกันแต่ละ
00:26:48 → 00:26:50 คืนแต่มันอาจจะมีความแตกต่างแต่ละคืนได้เ
00:26:50 → 00:26:52 เรียก night to night variation ก็คือ
00:26:52 → 00:26:55 อาจจะมีการลดลงของการหยุดหายใจบางคืน
00:26:55 → 00:26:59 เนี่ยเรานอนดีก็อาจจะไม่ได้กลนมากบางคืน
00:26:59 → 00:27:01 เราเหนื่อยเยอะอาจจะกลบ
00:27:01 → 00:27:04 ได้ไม่ต่างกันแต่ถ้าคะแนนค่อนข้างหยุดหาย
00:27:04 → 00:27:06 ใจค่อนข้างเยอะอ่ะมันก็มักจะแปลว่าเราน่า
00:27:06 → 00:27:09 จะเป็นค่อนข้างเยอะบวกลบกันไม่เกิน 5 ไม่
00:27:09 → 00:27:12 ถึง 10 ประมาณนี้ก็มีความแตกต่างกันได้
00:27:12 → 00:27:14 ปกติแล้วเนี่ยตรวจการนอนเนี่ยก็จะเ่อให้
00:27:14 → 00:27:17 ตรวจพยายามให้คนไข้นอนเองก่อนแต่ถ้าเกิด
00:27:17 → 00:27:20 ว่าไม่หลับจริงๆก็จะมียาให้รับประทานแล้ว
00:27:20 → 00:27:22 ก็ให้คนไข้หลับได้ค่ะแล้วสมมุติพอ
00:27:22 → 00:27:25 วินิจฉัยแล้วว่าเฮ้ยเรามีภาวะหยุดหายใจ
00:27:25 → 00:27:28 ขณะหลับที่รุนแรงเราต้องทำยังไงต่อคะอถ้า
00:27:28 → 00:27:30 เป็นระดับรุนแรงเนี่ยปกติหมอจะประเมินการ
00:27:30 → 00:27:33 ดูโครงสร้างภายในช่องคอยและจมูกด้วยนะ
00:27:33 → 00:27:36 ครับยกตัวอย่างเช่นถ้าเกิดว่าโอเคคนไข้มี
00:27:36 → 00:27:38 ภาวะหยุดหายใจที่ค่อนข้างเยอะหยุดหายใจ
00:27:39 → 00:27:41 ระดับที่จาก 30-40 ครั้งขึ้นไปเลยแล้วก็
00:27:41 → 00:27:44 เป็นน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างเยอะด้วยนะครับ
00:27:44 → 00:27:46 ในภาวะเนี้ยการรักษาหลักจะเป็นการใช้
00:27:46 → 00:27:47 เครื่องเรียกว่าเครื่อง Cpap เครื่อง Cpap
00:27:47 → 00:27:49 ก็คือเรียกว่าเครื่องอัดอากาศนะฮะเครื่อง
00:27:49 → 00:27:51 อัดอากาศเนี่ยจะเป็นเครื่องที่มีหน้าที่
00:27:51 → 00:27:54 ในการที่จะเปิดเอาลมไปเป็นแรงดันลมอ่ะ
00:27:54 → 00:27:57 ครับเข้าไปเปิดทางในคอให้ช่องคอมันมีการ
00:27:57 → 00:27:59 โล่งเวลาที่เราใช้เครื่องเนี้ยเราจะหลับ
00:27:59 → 00:28:02 โดยที่ไม่มีเสียงกรนเพราะว่าลมมันจะไป
00:28:02 → 00:28:04 เปิดทางในคอให้เราเราก็จะหลับโดยที่เป็น
00:28:04 → 00:28:06 การหายใจของเราเองเนี่ยราบรื่นไม่มีการ
00:28:06 → 00:28:09 หยุดหายใจหรือหยุดหายใจไม่เกินชั่วโมงละ 5
00:28:09 → 00:28:12 ครั้งอันนี้ก็เป็นค่าปกตินะครับถ้าคะแนน
00:28:12 → 00:28:14 ค่อนข้างเยอะจะเลือกไปในทางของการใช้
00:28:14 → 00:28:16 เครื่องอัดอากาศเพราะว่ามันเกิดการติดบ
00:28:17 → 00:28:18 แคบค่อนข้างหนักถ้าติดแคบหนักเหมือนถนน
00:28:18 → 00:28:21 เหมือนถนนเนี่ยมันมีการแคบทั้งถนนเนี่ย
00:28:21 → 00:28:23 เราต้องเอาลมตำรวจไปเปิดทางให้หมดเลยจะ
00:28:23 → 00:28:26 ได้เป็นทางที่โล่ใช่มแต่ถ้าตัวเลขออกมา
00:28:26 → 00:28:29 ค่อนข้างน้อยหยุดหายใจออกมาไม่ถึง 10
00:28:29 → 00:28:31 ครั้งนะ 10 กว่าครั้งพวกนี้หมอก็จะดูโครง
00:28:31 → 00:28:33 สร้างแล้วว่ามันเกิดจากการติดแคบบางจุด
00:28:33 → 00:28:37 ที่ไหนยกตัวอย่างเช่นบางคนเนี่ยอ่าผอมนะ
00:28:37 → 00:28:40 น้ำหนักน้อยแล้วมีปัญหาจมูกตันอย่างเดียว
00:28:40 → 00:28:43 เลยนะคออะไรนี่คือโล่งหมดเลยต่อพอซินไม่
00:28:43 → 00:28:46 โตคอโล่งหมดการรักษาแค่จมูกให้โล่งทำให้
00:28:46 → 00:28:49 หายคนได้หรือบางทีจมูกโล่งแต่ว่ามีเพดาน
00:28:49 → 00:28:52 ที่หย่อนลิ้นไก่ที่ยาวการผ่าตัดบางจุดแค่
00:28:52 → 00:28:54 ผ่าตัดให้ลิ้นไก่สั้นลงหรือเลเซอร์
00:28:54 → 00:28:57 ตำแหน่งของเพดานให้มันกระชับขึ้นก็ทำให้
00:28:57 → 00:29:00 อาการกลมันหายได้เพราะฉะนั้นคิดสวนทางกัน
00:29:00 → 00:29:03 นิดนึงว่าการผ่าตัดจะเวิร์คกับคนที่เป็น
00:29:03 → 00:29:05 ไม่เยอะหรือคนที่ที่มีการติดแคบแค่บางจุด
00:29:05 → 00:29:08 แต่ถ้าเป็นการติดแคบทั้งบริเวณน้ำหนัก
00:29:08 → 00:29:11 เยอะมันแคบหมดเลยน้ำหนักเยอะมีปัญหาอายุ
00:29:11 → 00:29:14 เยอะพวกนี้เป็นแคบการหย่อนทั้งบริเวณเรา
00:29:14 → 00:29:17 ก็ต้องเอาเครื่อง Cpap เนี่ยเอาลมไปผลัก
00:29:17 → 00:29:19 เปิดทางให้เพราะฉะนั้น Cpap จะเป็นตัว
00:29:19 → 00:29:21 เลือกหลักในคนที่เป็นค่อนข้างหนักแต่ถ้า
00:29:21 → 00:29:23 เป็นไม่เยอะก็จะมีช้อยส์ในการรักษามาก
00:29:23 → 00:29:26 ขึ้นอาจจะใช้ CAPAP ก็ได้เลเซอร์ผ่าตัดใน
00:29:26 → 00:29:29 ช่องคอหรือจมูกก็ได้ก็จะเป็นช้อยส์ที่มาก
00:29:29 → 00:29:32 ขึ้นค่ะนะครับอายุมากขึ้นน่ะทำให้เรานอน
00:29:32 → 00:29:35 กรนได้เพราะว่ากล้ามเนื้อมันหย่อนยากมัน
00:29:35 → 00:29:38 มันเกิดทุกคนแน่ๆเลยมั้ยคะทุกคนแน่ๆทุกคน
00:29:38 → 00:29:41 จะนอนกรนเมื่ออายุมากขึ้นอใช่ฮะแล้วแล้ว
00:29:41 → 00:29:43 ทุกคนต้องใช้มั้คะจริงๆมันก็มีความแตก
00:29:43 → 00:29:46 ต่างกันแต่ละคนเนาะคือแต่ละคนปัจจัย
00:29:46 → 00:29:48 พันธุกรรมมันก็แตกต่างบางคนอายุมากๆ 70-
00:29:48 → 00:29:52 80 ก็ไม่กรนแต่บางคนก็อาจจะมีความหย่อน
00:29:52 → 00:29:54 ยานมากกว่าอันนี้น่าจะเป็นแล้วแต่บุคคล
00:29:54 → 00:29:58 โดยเฉพาะคนที่อายุมากแล้วมีไขมันเยอะน้ำ
00:29:58 → 00:30:00 หนักเยอะเนี่ยก็จะมีความหย่อนที่มากกว่า
00:30:00 → 00:30:04 คนอื่นเขานะคะแล้วเราจะดูแลตัวเองได้มั้
00:30:04 → 00:30:06 วันนี้เพื่อที่แบบเออเราไม่อยากเป็นคน
00:30:06 → 00:30:09 นั้นที่นอนมากจนหายใจต้องหยุดหายใจเยอะๆ
00:30:09 → 00:30:11 อย่างเงี้ค่ะต้องดูแลตัวเองให้น้ำหนักไม่
00:30:11 → 00:30:14 เยอะแล้วก็จริงๆก็จะมีการบริหารโครงสร้าง
00:30:14 → 00:30:16 ในช่องคอช่องปากเขาเรียก Myctional
00:30:16 → 00:30:19 Therapy for OSA เป็นการออกกำลังกาย
00:30:19 → 00:30:22 อ่ะครับโครงสร้างลิ้นโครงสร้างภายในคอ
00:30:22 → 00:30:24 เนี่ยให้มันมีการตึงปัจจุบันก็มีรีเสิร์ช
00:30:24 → 00:30:27 ใหม่ๆที่บอกว่าโอเคมันช่วยในการที่จะลด
00:30:27 → 00:30:30 การกรนระดับน้อยๆหรือป้องกันไม่ให้เกิด
00:30:30 → 00:30:34 การกรนได้ถามยังไงคะจะดูมีใน YouTube นะ
00:30:34 → 00:30:36 มันมีเป็นกระบวนการหลายอย่างเลยเช่นเอา
00:30:37 → 00:30:39 ลิ้นเนี่ยไปชิดที่กระพุ้งแก้มซ้ายขวาไป
00:30:40 → 00:30:41 ดันที่เพดานอะไรอย่างเงี้ยครับแล้วก็แลบ
00:30:41 → 00:30:44 ลิ้นหรือมีการทำท่าทางในการเป่าอะไรเงี้ย
00:30:44 → 00:30:47 ก็จะเป็นการบริหารทั้งกระพุงแก้มคอเพดาน
00:30:47 → 00:30:49 อะไรต่างๆให้มันไม่หย่อนเยอะอะไรอย่าง
00:30:49 → 00:30:51 เงี้ยนะครับที่เราคุยกันมาทั้งหมดเนาะ
00:30:51 → 00:30:54 อายุมากขึ้นน่ะมันก็มีผลต่อเรื่องของระบบ
00:30:54 → 00:30:57 การหายใจการนอนของเราอยู่แล้วค่ะทีนี้
00:30:57 → 00:31:00 แพนด้าอยากรู้ว่าแล้วคุณหมอเคยเจอเคสไหน
00:31:00 → 00:31:02 ที่เป็นเคสที่อายุน้อยที่สุดเลยมั้ยคะก็
00:31:02 → 00:31:05 ประมาณ 2-3 ขวบจริงๆก็หยุดหายใจได้แล้วนะ
00:31:05 → 00:31:07 ครับในเด็กเนี่ยครับก็เกิดภาวะหยุดหายใจ
00:31:07 → 00:31:09 ขณะหลับได้ซึ่งสาเหตุในการเกิดไม่เหมือน
00:31:09 → 00:31:12 กับผู้ใหญ่ผู้ใหญ่เราก็จะเป็นจากน้ำหนัก
00:31:12 → 00:31:14 ตัวอายุหรือว่าโครงสร้างนะครับแต่เด็ก
00:31:14 → 00:31:17 เนี่ยจะเป็นจากสาเหตุหลักๆคือโครงสร้างก็
00:31:17 → 00:31:20 คือเขาจะมีต่อม 2 ต่อมที่ก่อปัญหาชื่อ
00:31:20 → 00:31:22 ต่อมทอนซินและต่อมอดีนอยนะฮะต่อมทอนซิน
00:31:22 → 00:31:25 เนี่ยจะเป็นลูกมะนาวอยู่ในคอขนาดใหญ่นะ
00:31:25 → 00:31:28 อ้าปากก็เห็นเป็นก้อนอยู่ในคอนะอันเนี้ย
00:31:28 → 00:31:31 เวลาที่เขาโตในช่วง 10 ขวบปีแรกเนี่ยเขา
00:31:31 → 00:31:33 จะมีต่อมที่ค่อนข้างใหญ่ได้กับอีกต่อมนึง
00:31:33 → 00:31:35 ที่ต่อมอดีนอยต่อมอดีนอยจะเป็นต่อมที่
00:31:35 → 00:31:38 อยู่หลังจมูกนะครับเวลาที่เด็กเขาหายใจ
00:31:38 → 00:31:40 เนี่ยลมมันก็จะถูกขัดจังหวะด้วยต่อม 2
00:31:40 → 00:31:43 ต่อมนี้ปกติแล้วการรักษาก็จะเริ่มต้นจาก
00:31:43 → 00:31:45 ว่าโอเคเราประเมินก่อนว่าเา้ามีความ
00:31:45 → 00:31:48 เสี่ยงหยุดหายใจหรือเปล่าเช่นกากการตื่น
00:31:48 → 00:31:51 บ่อยๆกลางดึกเนามีปัสสาวราฎนะครับหรือว่า
00:31:52 → 00:31:54 เด็กที่นอนกลเสียงดังพวกเนี้ยเขาจะมี
00:31:54 → 00:31:57 ปัญหาที่เกิดในช่วงกลางวันคือเขาจะสมาธิ
00:31:57 → 00:32:00 สั้นได้นะเด็กจะเป็นเด็กที่เกเรเป็นเด็ก
00:32:00 → 00:32:02 ที่อยู่ไม่นิ่งเหมือนกับผู้ใหญ่เราง่วง
00:32:02 → 00:32:04 อ่ะแต่เด็กเขาจะเป็นความง่วงที่ออกมาใน
00:32:04 → 00:32:08 รูปแบบซนนะครับซนแล้วก็ปีนป่ายสมาธิสั้น
00:32:08 → 00:32:11 พอมีภาวะนี้แล้วเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นคือ
00:32:11 → 00:32:13 โรสฮอร์โมนมันจะหลั่งไม่ดีเพราะว่าตอน
00:32:13 → 00:32:16 หลับลึกก็จะมีการหลั่งโกสฮอร์โมนให้เด็ก
00:32:16 → 00:32:18 เขาเติบโตพัฒนาการดีนะครับเด็กพวกเนี้ยเ
00:32:18 → 00:32:21 บางทีเขาจะโตไม่ทันเพื่อนเขาจะมีปัญหา
00:32:21 → 00:32:24 พัฒนาการเพราะฉะนั้นเนี่ยก็ต้องสงสัยภาวะ
00:32:24 → 00:32:26 นี้และเวลาที่เราประเมินดูก็ดูว่ามันมี
00:32:26 → 00:32:29 สาเหตุของต่อม 2 ต่อมนี้ที่โตมยอาจจะ
00:32:29 → 00:32:32 ทำลิปเทสก็ได้เพื่อดูว่ามีการหยุดหายใจ
00:32:32 → 00:32:35 หรือเปล่านะครับปกติหมอก็จะดูว่าโอเคถ้า
00:32:35 → 00:32:38 มีการใหญ่ของ 2 2 ต่อมนี้ก็จะเป็นการให้
00:32:38 → 00:32:41 ยาก่อนเป็นการล้างจมูกพ่นยาพ่นจมูกให้
00:32:41 → 00:32:43 ต่อมมันยุบหรือเป็นการกินยานะครับถ้ามัน
00:32:43 → 00:32:47 ยุบลงก็ดีแต่ถ้าไม่ยุบก็ควรจะผ่าตัดต่อม 2
00:32:47 → 00:32:50 ต่อมนี้ออกแล้วน้องก็จะหายกรนพ้นจากภาวะ
00:32:50 → 00:32:53 หยุดหายใจพัฒนาการก็จะกลับมาจะเห็นได้ว่า
00:32:53 → 00:32:55 พอรักษาไปแล้วเนี่ยเด็กเขาจะกลับมาเป็น
00:32:55 → 00:32:57 เด็กที่ซนน้อยลงจะเรียนเก่งขึ้นหลังจาก
00:32:58 → 00:33:00 ที่แก้ไขภาวะนี้ไปแล้วโอ้เป็นเรื่องที่
00:33:00 → 00:33:07 น่าใส่ใจมากใช่ครับ
00:33:07 → 00:33:11 บางครั้งคิดว่าออก็ลูกเล่นซนมาก็นอนกรน
00:33:11 → 00:33:13 เป็นเรื่องปกติแต่จริงๆอาจจะไม่ได้ปกติ
00:33:13 → 00:33:15 ใช่ครับคือเราจะมองว่าการกลคือการที่แบบ
00:33:15 → 00:33:17 เอ้ยหลับดีนอนหลับอะไรอย่างเงี้ยซึ่งเป็น
00:33:17 → 00:33:20 ความคิดที่ไม่ถูกต้องแล้วก็ต้องปรับ
00:33:20 → 00:33:22 เปลี่ยนความคิดอจริงๆแพนด้าเคยได้ยินมา
00:33:22 → 00:33:25 ด้วยซ้ำนะว่าแบบการนอนกรนเด็กกรนเป็นเด็ก
00:33:25 → 00:33:27 ก้าวร้าวเออมันมันเกี่ยวข้องกันใช่ก็คือ
00:33:27 → 00:33:30 ทั้งอารมณ์มูดเนาะเขาก็จะสวิงได้ง่าย
00:33:30 → 00:33:32 เพราะเมีการหลับที่มันเป็นคุณภาพไม่ดีอ่ะ
00:33:32 → 00:33:35 ค่ะเหลับลึกไม่ดีการหลั่งของฮอร์โมนเติบ
00:33:35 → 00:33:37 โตมันก็ไม่ดีเพราะฉะนั้นเนี่ยอารมณ์เขาก็
00:33:37 → 00:33:40 ไม่อยู่กับที่นะครับแล้วก็พฤติกรรมของ
00:33:40 → 00:33:42 ความซนหรือสมาธิสั้นก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย
00:33:42 → 00:33:45 อือจริงๆแล้วเนาะบางครั้งเรามองแค่เรื่อง
00:33:45 → 00:33:47 นิสัยไม่ได้มันอาจจะมาจากปัญหาสุขภาพก็
00:33:48 → 00:33:52 ได้มีปัญหาทางกายอก็ต้องแก้ร่วมกันไปค่ะ
00:33:52 → 00:33:54 คำถามสุดท้ายค่ะคุณหมอที่เราคุยกันมาทั้ง
00:33:54 → 00:33:56 หมดเนาะอ่าช่วงเวลาที่เรานอนหลับอ่ะมัน
00:33:57 → 00:33:59 เป็นช่วงเวลาที่เราอาจจะเรียกว่าไม่มีสติ
00:33:59 → 00:34:01 แล้วกันอ่ะมันมีสติปติได้ยากเพราะว่าเรา
00:34:01 → 00:34:04 หลับเราไม่รู้ตัวหลายๆคนก็อาจจะมีภาวะของ
00:34:04 → 00:34:08 การกลัวการนอนหลับเพราะว่ากลัวที่จะหลับ
00:34:08 → 00:34:12 แล้วหยุดหายใจแล้วตายไปเลยเออคุณหมอมีคำ
00:34:12 → 00:34:14 แนะนำยังไงบ้างในการที่เราจะวางใจยังไงดี
00:34:15 → 00:34:17 ก่อนนอนเพื่อให้เราเนี่ยนอนได้ดีขึ้นเรา
00:34:17 → 00:34:19 กลัวจากอะไรเราต้องเราต้องแยกแยะความคิด
00:34:19 → 00:34:21 เรานะว่าเรากลัวเพราะอะไรความกลัวนั้น
00:34:21 → 00:34:23 เกิดจากสาเหตุอะไรนะครับถ้าเรากลัวเพราะ
00:34:23 → 00:34:26 เรามีอาการผิดปกติเช่นเรากรนเราสงสัยการ
00:34:26 → 00:34:29 หยุดหายใจเราก็ควรจะมาหาหมอเพื่อแก้ปัญหา
00:34:29 → 00:34:32 ตรงนั้นไม่ใช่ว่ากลัวต่อไปเพราะการนอน
00:34:32 → 00:34:34 เนี่ยมันต้องเกิดจากความผ่อนคลายของจิตใจ
00:34:35 → 00:34:37 เนาะต้องมีการรีกเนาะความพยายามใช้กับทุก
00:34:37 → 00:34:40 อย่างได้ยกเว้นแต่การนอนถูกมยอ่าเรา
00:34:40 → 00:34:42 พยายามกับเรื่องนั้นเรื่องนี้เรื่องเรียน
00:34:42 → 00:34:44 เรื่องทำงานดีหมดยกเว้นแต่เรื่องการนอน
00:34:44 → 00:34:47 เนาะเพราะฉะนั้นมีอะไรให้กังวลใจเราต้อง
00:34:47 → 00:34:50 แก้ปัญหาอาจจะมานั่งเขียนก่อนนอนเลยว่า
00:34:50 → 00:34:52 เรากังวลเรื่องอะไรอยู่แยกแยะเป็นเรื่อง
00:34:52 → 00:34:55 ที่แก้ได้แก้ไม่ได้นะครับเรื่องที่แก้ได้
00:34:55 → 00:34:57 เช่นเรากังวลเรื่องสุขภาพเราอ้าวไปหาหมอ
00:34:57 → 00:35:00 สิไปเจอแพทย์ไปอะไรปรึกษาให้เรียบร้อย
00:35:00 → 00:35:02 อะไรที่แก้ไม่ได้เช่นเรากังวลเรื่องโอเค
00:35:02 → 00:35:05 เหตุบ้านการเมืองต่างๆดาราเป็นอะไรอัน
00:35:05 → 00:35:07 นั้นเราแก้ไม่ได้อยู่นอกเหนือแต่สิ่งที่
00:35:07 → 00:35:10 เราจะควบคุมได้เราก็ต้องปล่อยเพราะฉะนั้น
00:35:10 → 00:35:12 เนี่ยพยายามแยกแยะความคิดเราในช่วงก่อน
00:35:13 → 00:35:17 นอนแล้วก็หาสาเหตุเพื่อจะแก้ไขถึงจะนอน
00:35:17 → 00:35:20 ได้อย่างมีคุณภาพอืค่ะแล้วอย่างการทำ
00:35:20 → 00:35:23 สมาธิหรือว่าการมีโฟกัสก็ได้ค่ะอยู่กับลม
00:35:23 → 00:35:25 หายใจก่อนนอนหายใจเข้าหายใจออกอย่างมี
00:35:25 → 00:35:28 สติเนี่ยมันจะช่วยทำให้ลมมันflowวขึ้นได้
00:35:28 → 00:35:28 มั้
00:35:28 → 00:35:31 แน่นอนเพราะวางทำให้เราไม่คิดถึงเรื่อง
00:35:31 → 00:35:34 อื่นเวลาทำสมาธิหรือนอนไม่หลับเนี่ยนะ
00:35:34 → 00:35:37 ครับเรานอนไม่หลับเราพยายามกำหนดลมหายใจ
00:35:37 → 00:35:39 เข้าออกลึกๆนะครับเราอาจจะโฟกัสแค่เรื่อง
00:35:39 → 00:35:41 ปลายจมูกเราก็ได้นะว่าให้โฟกัสเรื่อง
00:35:41 → 00:35:43 เดียวนะครับทำให้เราเนี่ยไม่คิดเรื่อง
00:35:43 → 00:35:47 อื่นก็จะหลับได้ดีขึ้นอืโอวันนี้ได้ความ
00:35:47 → 00:35:50 รู้แล้วก็ความเข้าใจเรื่องหูคอจมูกแล้วก็
00:35:50 → 00:35:52 เรื่องการนอนหลับเนาะเทุกช่องทุกรูนะใช่ๆ
00:35:52 → 00:35:55 เดูจริงๆคีย์เวิร์ดของมันคือโดยความเป็น
00:35:55 → 00:35:57 ปกติแล้วมันควรจะ flow มันควรจะไม่มีอะไร
00:35:57 → 00:36:00 ไปขวางไปกั้นเหมือนถนนที่มันถูกบล็อกไว้
00:36:00 → 00:36:02 นะครับเราก็ต้องไปแก้ไขอเพราะฉะนั้น
00:36:02 → 00:36:05 สาเหตุของการกรนของแต่ละคนปัญหาสุขภาพของ
00:36:05 → 00:36:07 แต่ละคนจริงๆก็ต้องมาดูเป็นรายบุคคลไปอีก
00:36:07 → 00:36:09 ว่าแล้วอะไรที่ทำให้ถนนเส้นนั้นของคุณ
00:36:09 → 00:36:12 เนี่ยไม่ flow อ่ะก็มาแก้ไขกันไปนะคะรวม
00:36:12 → 00:36:15 ถึงนว่าเราได้เทคนิคเล็กๆน้อยๆที่เราจะไป
00:36:15 → 00:36:17 ทำกันได้ทุกวันเรื่องของการดูแลจมูกของ
00:36:17 → 00:36:19 เราด้วยเนาะเพราะว่าอุ๊ยสำคัญมากๆเลยอยู่
00:36:19 → 00:36:22 หายใจก็ไม่ได้อ่าก็ต้องดูแลกันไปค่ะวัน
00:36:22 → 00:36:24 นี้ก็ต้องขอขอบคุณคุณหมอมากๆเลยนะคะที่มา
00:36:24 → 00:36:27 ให้ความรู้นะคะแล้วก็เดี๋ยวเราจะมี EP
00:36:27 → 00:36:30 หน้าครับขอสปอยไว้นิดนึงว่า EP หน้าเนี่ย
00:36:30 → 00:36:33 อเกี่ยวกับความเชื่อด้วยเรื่องผีอำด้วย
00:36:33 → 00:36:35 อะไรด้วยนะคะอ่ะหลายๆท่านน่าจะอยากดูนะ
00:36:35 → 00:36:38 เดี๋ยวติดตามนะคะฝากติดตามช่องเกลาเอาไว้
00:36:38 → 00:36:40 ก่อนนะคะเดี๋ยวเรามาดู EP หน้ากันแล้ววัน
00:36:40 → 00:36:43 นี้ค่ะทางเกลาก็มีกระเป๋าผ้ามอบให้คุณหมอ
00:36:43 → 00:36:47 นะคะนี่กระเป๋าผ้าเก่าค่ะสามารถใส่ได้โฟล
00:36:48 → 00:36:50 ค่ะตอนนี้อันนี้ใส่ได้ไม่ต้องไม่ต้องกลัว
00:36:50 → 00:36:54 อุตันนะคะใส่ได้เยอะแน่นอนค่ะอันนี้มอบ
00:36:54 → 00:36:57 ให้คุณหมอเลยนะคะแล้วก็ค่ะถ้าใครที่อยาก
00:36:57 → 00:36:59 ได้กระเป๋าผ้าแบบนี้นะคะสามารถสั่งซื้อ
00:36:59 → 00:37:01 ได้ที่ใต้ description นี้เลยนะคะทางเกลา
00:37:01 → 00:37:03 ยังมีเสื้อเกลาสวยๆแบบนี้นะคะแล้วก็มี
00:37:03 → 00:37:05 หมวกด้วยนะคะสามารถอุดหนุนได้นะแล้วก็ถ้า
00:37:05 → 00:37:07 ใครอยากติดตามคุณหมอนะคะก็สามารถติดตาม
00:37:07 → 00:37:10 ได้ที่ช่องทางไหนคะคุณหมอก็ติดตามด้วยทาง
00:37:10 → 00:37:12 เพจหมมหูคอจมูกและการนอนหลับก็มีทั้ง
00:37:12 → 00:37:15 Facebook แล้วก็ TikTok ครับค่ะติดตาม
00:37:15 → 00:37:17 คุณหมอแล้วก็ติดตามเกล่าด้วยนะคะเดี๋เจอ
00:37:17 → 00:37:20 กันใหม่ EP หน้านะคะทั้งคุณหมอแล้วก็ทุก
00:37:20 → 00:37:21 คนเลยค่ะสำหรับวันนี้สวัสดีค่ะคุณหมอ
00:37:21 → 00:37:25 สวัสดีครับขอบคุณเอ
00:37:25 → 00:37:44 [เพลง]
00:00:00 → 00:00:05 นอนกรนเป็นเรื่องปกติค่ะ
00:00:05 → 00:00:08 คนปกติเนี่ยเราอาจจะมีการกรนได้นานครั้ง
00:00:08 → 00:00:11 เป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นนานๆทีได้ถามว่า
00:00:11 → 00:00:14 คนๆนึงถ้ากรนดูไม่ปกติจะมีสัญญาณยังไง
00:00:14 → 00:00:17 บ้าง 1 คือ
00:00:17 → 00:00:20 แต่ถ้าเราเกิดนอนคนเดียวเราจะรู้ได้ยังไง
00:00:20 → 00:00:23 คะจริงๆมีอุปกรณ์มีแอปพลิเคชัในการที่จะ
00:00:23 → 00:00:26 บันทึกเสียงกรนขณะหลักว่าเราเนี่ยตอนที่
00:00:26 → 00:00:29 เรานอนมีเสียงกลมยบอกชื่อแอปได้มั้
00:00:29 → 00:00:32 ถ้าจะพูดถึงสาเหตุของการกรนเราอาจจะเห็น
00:00:33 → 00:00:35 ว่าบางคนอ้วนส่วนใหญ่กรนใช่มยบางคนไม่
00:00:35 → 00:00:37 อ้วนก็กรนได้เราอาจสงสัยว่ามันเกิดจาก
00:00:37 → 00:00:40 สาเหตุอะไรหลักๆแล้วการกรนหรือการหยุดหาย
00:00:40 → 00:00:42 ใจขณะหลับต้องพูดว่ามันเกิดจากหลายสาเหตุ
00:00:42 → 00:00:44 เราอาจจะไม่รู้ว่าใบหน้าของเราเนี่ยมีผล
00:00:44 → 00:00:47 ต่อการกรนเป็นคนค้างเล็กคนค้างเล็กค้าง
00:00:47 → 00:00:49 เล็กอ่าบางคนเนี่ยหน้าปุ๊บค้างนิดเดียว
00:00:49 → 00:00:52 แล้วก็ไปเป็นคอเลยมีโครงสร้างที่ทำให้
00:00:52 → 00:00:55 เกิดการกลได้ง่ายขึ้นคนส่วนใหญ่มีปัญหา
00:00:55 → 00:00:57 อ้าปากนอนก็จะบอกว่าปิดปากสิไปซื้ออะไรมา
00:00:57 → 00:01:00 แปะปากให้มันปิดแต่หารู้ไม่ว่าเราไม่ได้
00:01:00 → 00:01:02 แก้ปัญหาที่ต้นเหตุภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
00:01:02 → 00:01:04 เนี่ยเป็นภาวะที่ร่างกายเราเนี่ยมันไม่
00:01:04 → 00:01:06 ปล่อยให้เราตายอยู่และมันจะปกป้องให้เรา
00:01:06 → 00:01:08 ฮึบกลับมาหายใจเรื่อยๆแล้วการทำ sleep
00:01:08 → 00:01:10 test เนี่ยคืออะไรคะคุณมอสเราจะตรวจ
00:01:10 → 00:01:12 เทestเมื่อไหร่อย่างงี้ก่อน 1 ก็คือคนที่
00:01:12 → 00:01:16 มี
00:01:16 → 00:01:23 เกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไกลโรค
00:01:23 → 00:01:25 สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการเกลา
00:01:25 → 00:01:28 แก้โรคค่ะทอปิที่เราจะมาคุยกันในวันนี้นะ
00:01:28 → 00:01:31 คะบอกเลยว่าเป็นปัญหาบ้านแตกค่ะเพราะว่า
00:01:31 → 00:01:33 เสียงกรนที่เราได้ยินนะคะนอกจากจะสร้าง
00:01:33 → 00:01:36 ความรำคาญแล้วเนี่ยบางครั้งนะคะยังส่งผล
00:01:36 → 00:01:38 กระทบต่อความสัมพันธ์ด้วยแต่รู้มั้คะว่า
00:01:38 → 00:01:40 การนวนโกรนจริงๆเนี่ยเป็นปัญหาสุขภาพ
00:01:40 → 00:01:42 อย่างหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามเลยเดี๋วัน
00:01:42 → 00:01:44 นี้นะคะเราจะมาปรึกษาคุณหมอไปด้วยกันวัน
00:01:44 → 00:01:46 นี้แพนด้าก็อยู่กับคุณหมอไมค์นะคะแพทย์
00:01:46 → 00:01:48 เฉพาะทางด้านหูคอจมูกและเวชศาสตร์การนอน
00:01:48 → 00:01:51 หลับสวัสดีค่ะคุณหมอครับสวัสดีครับอืยิน
00:01:51 → 00:01:53 ดีต้อนรับเข้าสู่ช่องเกลานะคะครับวันนี้
00:01:53 → 00:01:55 เนี่ยมีหลายคำถามมากๆเกี่ยวกับเรื่องการ
00:01:55 → 00:01:59 นอนการกรนแล้วก็รวมถึงการหยุดหายใจขณะนอน
00:01:59 → 00:02:02 หลับด้วยอ่ะหวังว่าคุณหมอจะให้คำตอบได้
00:02:02 → 00:02:04 เป็นอย่างดีได้ครับค่ะอันดับแรกพันด้า
00:02:04 → 00:02:07 อยากถามคุณหมอก่อนว่าเวลาที่เรานอนอ่ะค่ะ
00:02:07 → 00:02:09 จริงๆแล้วการกรนเนี่ยนอนกรนเป็นเรื่อง
00:02:09 → 00:02:11 ปกติมั้ยคะคนปกติเนี่ยเราอาจจะมีการกรน
00:02:11 → 00:02:14 ได้นานๆครั้งนะครับอันเนี้ยเป็นสิ่งที่
00:02:14 → 00:02:17 อาจจะเกิดขึ้นนานๆทีได้ยกตัวอย่างเช่นเรา
00:02:17 → 00:02:20 ไปเที่ยวใช้กำลังอย่างหนักในการเที่ยว
00:02:20 → 00:02:22 หรือว่าออกกำลังมากๆนะครับกล้ามเนื้อที่
00:02:22 → 00:02:25 มันเคยตึงตัวขณะหลับก็เกิดการหย่อนตัวทำ
00:02:25 → 00:02:28 ให้เรามีการกลนานนานครั้งนะครับหรือว่า
00:02:29 → 00:02:32 การดื่มแอลกอฮอล์กินเหล้านะนะไปดริงอะไร
00:02:32 → 00:02:34 อย่างเงี้ยนะครับทำให้กล้ามเนื้อเราเนี่ย
00:02:34 → 00:02:36 ก็มีการหย่อนตัวขณะหลับมากขึ้นเพราะ
00:02:36 → 00:02:39 ฉะนั้นในคนทั่วไปเนี่ยวันปกติการกลจะไม่
00:02:39 → 00:02:42 เกิดขึ้นแต่ถ้าบางวันบางโอกาสที่มีสิ่ง
00:02:42 → 00:02:46 กระตุ้นทำให้การกล
00:02:46 → 00:02:50 นึงถ้ากรนดูไม่ปกติจะมีสัญญาณยังไงบ้าง 1
00:02:50 → 00:02:52 คือกรนดังทุกวันอ่าลองดูคนด้านข้างถ้า
00:02:53 → 00:02:56 เกิดว่าเรามีคนที่นอนด้วยเากรนทุกวันเลย
00:02:56 → 00:02:59 ค่อนข้างดังหรือว่ามีจังหวะที่เหมือนกับ
00:02:59 → 00:03:01 หยุดหายใจจังหวะนี้คือจังหวะที่เหมือนกับ
00:03:01 → 00:03:04 บางช่วงเนี่ยลมมันหายไปขนาดนึงเลยแล้ว
00:03:04 → 00:03:06 กลับมาฮึบหายใจบ่อยเป็นช่วงๆนะครับอันนี้
00:03:06 → 00:03:10 ก็เป็นสัญญาณเนาะหรือว่าอาการกรนเนี่ยมัน
00:03:10 → 00:03:12 พาไปสู่อาการอื่นๆยกตัวอย่างเช่นกลางวัน
00:03:13 → 00:03:15 เนี่ยถึงแม้นอนเพียงพอแล้วมีอาการอ่อน
00:03:15 → 00:03:18 เพลียเยอะคือง่วงมากเลยบ่ายๆหรือว่าตอน
00:03:18 → 00:03:21 ช่วงสายๆจะต้องมีกาแฟก้าที่ 2 และแปลว่า
00:03:21 → 00:03:24 การนอนที่เพียงพอเนี่ยมันไม่ตอบโจทย์กับ
00:03:24 → 00:03:27 ร่างกายปกติถ้าเรานอนประมาณสัก 6 หรือ 7
00:03:27 → 00:03:30 ช่มงเนี่ยคนทั่วไปก็ควรจะรู้สึกว่าสดชื่น
00:03:30 → 00:03:33 อิ่มและนะครับแต่ว่าถ้าเกิดว่านอนเพียงพอ
00:03:33 → 00:03:36 แต่กลางวันเนี่ยยังง่วงอยู่ถึงแม้ว่าจะมี
00:03:36 → 00:03:38 การนอนที่เพียงพอแล้วนะแล้วมีการกล่า
00:03:38 → 00:03:41 สงสัยว่าจะเป็นการกลที่น่าจะมีการหยุดหาย
00:03:41 → 00:03:43 ใจขณะหลับเกิดขึ้นอค่ะจริงๆแล้วเกิดขึ้น
00:03:43 → 00:03:45 ได้กับทุกเพศทุกวัยเลยมั้ยคะใช่ครับเพราะ
00:03:46 → 00:03:48 มันมีหลายสาเหตุของการเกิดภาวะนี้ครับค่ะ
00:03:48 → 00:03:51 ทีนี้ขอถามเรื่องของเสียงกรนนิดนึงเพราะ
00:03:52 → 00:03:53 ว่าคุณหมอบอกว่าอ่ะถ้ามันมีเสียงกรนที่
00:03:53 → 00:03:56 ดังกลที่ดังเนี่ยคือดังแบบไหนคะเพราะ
00:03:56 → 00:03:58 เพราะว่าแต่ละคนแล้วกันจะมีเสียงที่ต่าง
00:03:58 → 00:04:00 กันบางคนอาจจะกรนแบบเป็นแค่เหมือนเสียงลม
00:04:00 → 00:04:04 ออกจากปากอ่าอันนี้แย่คือเวลาที่เราหลับ
00:04:04 → 00:04:06 เนี่ยต้องบอกว่ากล้ามเนื้อเราหย่อนตัว
00:04:06 → 00:04:09 อยู่แล้วโครงสร้างที่มันเคยตึงในช่องคอ
00:04:09 → 00:04:11 ถ้าเป็นรูปอย่างี้เนาะอ่ะมันก็จะมีการ
00:04:11 → 00:04:13 หย่อนลงมาเล็กน้อยนะครับเวลาเราตื่นเนี่ย
00:04:13 → 00:04:16 กล้ามเนื้อเราตึงตัวคอหอยเราโล่งดีเนี่ย
00:04:16 → 00:04:18 เหมือนกับเป็นท่อที่มันตึงตัวตลอดลมมัน
00:04:18 → 00:04:20 ผ่านเข้าได้สะดวกแต่พอหลังจะมีการหย่อน
00:04:20 → 00:04:23 นิดหน่อยคนทั่วไปก็จะมีการหายใจเสียงดัง
00:04:23 → 00:04:25 ขึ้นมาแต่ไม่รบกวนคนอื่นสัญญาณง่ายๆเลย
00:04:25 → 00:04:28 คือว่านอนข้างๆเรารู้สึกมันดังมากเกินไป
00:04:28 → 00:04:31 cอฟี่cอฟี่มันมีจังหวะแบบใช่ที่มันแบบมี
00:04:31 → 00:04:33 เป็นแพทเทิร์นนะครับที่มันเป็นค่อนข้าง
00:04:33 → 00:04:36 เสียงดังหรือมีจังหวะที่เหมือนกับลมหายลม
00:04:36 → 00:04:39 เฮือกเนาะหรือมีสะดุ้งฮึบขึ้นมาบ่อยๆอะไร
00:04:39 → 00:04:41 แบบเนี้ยอันนี้คือสัญญาณว่ามันไม่น่าจะ
00:04:41 → 00:04:44 ปกตินะครับเราก็ต้องสังเกตจากคนข้างเคียง
00:04:44 → 00:04:46 เพราะว่าเป็นโรคที่ตัวคนที่นอนเองเนี่ย
00:04:46 → 00:04:49 มักจะไม่รู้ถูกมยเพราะว่าเรานอนไปเราก็
00:04:49 → 00:04:52 นอนยาวตื่นตอนเช้าไม่รู้สึกว่ามีผลกระทบ
00:04:52 → 00:04:55 ต่อร่างกายแต่ต้องฟังจากคนด้านข้างที่เขา
00:04:55 → 00:04:58 เป็นคนที่เรารักและรักเราว่าเรามีอาการ
00:04:58 → 00:05:01 แบบเนี้ยเขากังวลและนั้นควรจะต้องมาพบ
00:05:01 → 00:05:04 แพทย์ปรึกษาแพทย์ทีนี้ค่ะคุณหมอถ้าเราอ่า
00:05:04 → 00:05:07 มีคนนอนด้วยก็ไหว้วานได้ช่วยดูหน่อยแต่
00:05:07 → 00:05:10 ถ้าเราเกิดนอนคนเดียวเราจะรู้ได้ยังไงคะ
00:05:10 → 00:05:12 เพราะว่าตอนนอนเราก็ไม่มีทางรู้ได้เด็ด
00:05:12 → 00:05:14 ขาดว่าเรากล่าวแต่ว่าตอนตื่นเนี่ยเรา
00:05:15 → 00:05:16 สามารถสังเกตตัวเองได้ยังไงบ้างอาจจะมี
00:05:16 → 00:05:19 อาการบางอย่างที่อาจจะต้องเป็นตัวที่
00:05:19 → 00:05:22 สัญญาณว่าเราจะต้องสงสัยภาวะนี้ 1 ก็คือ
00:05:22 → 00:05:24 เราหลับไปแล้วเนี่ยทำไมเราตื่นมาตอนเช้า
00:05:25 → 00:05:27 นอนนเพียงพอแล้วนะทำไมถึงง่วงใช่ครับอีก
00:05:27 → 00:05:29 อย่างนึงถ้าเราต้องการรู้ว่าเรานอนกล
00:05:29 → 00:05:33 เนี่ยจริงๆมีอุปกรณ์มีแอปพลิเคชในการที่
00:05:33 → 00:05:36 จะบันทึกเสียงกรนขณะหลักนะว่าเราเนี่ยตอน
00:05:36 → 00:05:39 ที่เรานอนมีเสียงกลนมเป็นอุปกรณ์ก็คือ
00:05:39 → 00:05:42 เป็นแอปที่วางเราจะเปิดมือถือแล้ววางข้าง
00:05:42 → 00:05:45 เตียงเรานะครับแล้วก็บันทึกทั้งคืนเลย
00:05:45 → 00:05:47 แล้วเราจะดูได้ว่าแต่ละคืนที่เรานอนเนี่ย
00:05:47 → 00:05:50 มีเสียงกลนแอมลิูดมันสูงมากน้อยแค่ไหนมี
00:05:50 → 00:05:53 การกลถิมากน้อยแค่ไหนบางคนเนี่ยไม่รู้เลย
00:05:53 → 00:05:55 ว่าตัวเองกรนเพราะว่าเรานอนคนเดียวมาตลอด
00:05:55 → 00:05:57 ชีวิตจนกระทั่งไปอยู่กับเพื่อนหรือว่า
00:05:57 → 00:05:59 เพิ่งจะมีแฟนเพิ่งจะแต่งงานเพิ่งจะรู้ว่า
00:05:59 → 00:06:02 เอ้าเนี่ยเรากลนมาเป็นนานแล้วหรือเปล่า
00:06:02 → 00:06:04 อะไรอย่างเงี้ยนะครับอื่นๆอาจจะเป็นใน
00:06:04 → 00:06:07 เรื่องของว่าเรามีเฮือกขึ้นมากลางดึกหรือ
00:06:07 → 00:06:10 เปล่าถ้านอนคนเดียวนะบางทีตื่นขึ้นมาฮึบ
00:06:10 → 00:06:12 ขึ้นมาเหมือนหายใจไม่สะดวกตอนนอนก็มี
00:06:12 → 00:06:14 เหมือนกันนะครับพวกนี้ก็เป็นสัญญาณที่บอก
00:06:14 → 00:06:17 ว่าโอเคถ้าอยู่คนเดียวเราก็พอจะรู้ได้จาก
00:06:17 → 00:06:19 อุปกรณ์หรือว่าอาการดังต่อไปนี้ค่ะบอก
00:06:19 → 00:06:21 ชื่อแอปได้มั้ยคะแอปชื่อ Sorlab นะ Sor
00:06:21 → 00:06:24 แปลว่าโกน S N O R E แล้วก็ La
00:06:24 → 00:06:27 sอแลabนะครับโหลดกันเอาไว้บันทึกได้นะ
00:06:27 → 00:06:30 ครับค่ะอย่างงี้แปลว่าคนที่นอนกรนเนี่ย
00:06:30 → 00:06:33 ค่ะจะฟleได้ไม่ดีถูกมั้คะชั่วโมงการหลับ
00:06:33 → 00:06:35 ลึกของเขาเออถูกต้องเลยคือเวลาที่เรานอน
00:06:35 → 00:06:38 หลับเนี่ยครับเราจะมีกระบวนการในการเกิด
00:06:38 → 00:06:41 ระยะของการนอนเป็นไซเคิลนะครับคนปกติเวลา
00:06:41 → 00:06:44 หลับไปเนี่ยก็จะมีการหลับเข้าระยะหลับ
00:06:44 → 00:06:47 ตื้นๆก่อนเป็นหลับลึกแล้วก็หลับฝันวนกัน
00:06:47 → 00:06:50 ไปเป็นไซเคิลนะครับแต่ว่าเวลาคนที่นอนกรน
00:06:50 → 00:06:52 เนี่ยนึกภาพเหมือนกับว่าเรามีโครงสร้าง
00:06:52 → 00:06:55 ที่ติดแค่แบในช่องทางเดินหายใจเพราะ
00:06:55 → 00:06:57 ฉะนั้นร่างกายเราเนี่ยจะปกป้องให้เรา
00:06:57 → 00:06:59 เนี่ยมีการฮึบเพื่อมาหายใจบ่อยๆเหมือนมี
00:06:59 → 00:07:03 คนสะกิดบ่อยๆก็จะเป็นการหลับที่เข้าระยะ
00:07:03 → 00:07:06 หลับลึกไม่ได้นานนะครับการหลับลึกคนปกติ
00:07:06 → 00:07:08 เนี่ยประมาณ 20% ของทั้งการนอนสมมุติว่า
00:07:08 → 00:07:10 นอนสัก 8 ชมงอย่างเงี้ยก็หลับลึกประมาณ
00:07:10 → 00:07:12 สักชั่วโมงครึ่งประมาณเนี้ยนะครับแต่ถ้า
00:07:12 → 00:07:15 มีการหลับที่มีการหยุดหายใจเป็นช่วงๆเกิด
00:07:15 → 00:07:19 ขึ้นการหลับจะถูกกระตุ้นให้มีการฮึกๆเข้า
00:07:19 → 00:07:21 มาหายใจเนี่ยเป็นบ่อยๆนะครับก็ทำให้การ
00:07:21 → 00:07:25 หลับลึกเนี่ยถูกถเป็นหลับตื้นเป็นช่วงๆ
00:07:25 → 00:07:27 เพราะฉะนั้นคนที่หลับถึงแม้นอนเพียงพอนะ
00:07:27 → 00:07:29 หลับประมาณสัก 7 หรือ 8 ชั่วโมงแต่หลับ
00:07:29 → 00:07:31 กรนเนี่ยนะครับจะมีเปอร์เซ็นต์ในการหลับ
00:07:31 → 00:07:33 ลึกเนี่ยอาจจะไม่ถึง 10% หรือไม่หลับลึก
00:07:33 → 00:07:36 เลยอก็เลยทำให้ตื่นมาแล้วเพลียนเพลียนะ
00:07:36 → 00:07:38 ครับแล้วก็ต้องนอนในปริมาณที่มากขึ้นกว่า
00:07:38 → 00:07:42 คนทั่วไปอืการกรนนี้ส่งผลต่อคุณภาพการนอน
00:07:42 → 00:07:45 เลยใช่อจริงๆแล้วผลของมันเนี่ยมีอีกหลาย
00:07:45 → 00:07:48 อย่างเลยเนาะถ้าจะพูดถึงสาเหตุของการกรน
00:07:48 → 00:07:51 เนาะเราอาจจะเห็นว่าทำไมบางคนอ้วนส่วน
00:07:51 → 00:07:53 ใหญ่กลนใช่มั้บางคนไม่อ้วนอ้วนก็กรนได้
00:07:53 → 00:07:56 สงสัยว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไรนะครับหลักๆ
00:07:56 → 00:07:59 แล้วการกรนหรือการหยุดหายใจขณะหลับเนี่ย
00:07:59 → 00:08:01 ต้องพูดว่ามันเกิดจากหลายสาเหตุอ่าเวลา
00:08:01 → 00:08:03 ที่ลมหายใจมันผ่านเข้าไปในจมูกเนี่ยนะ
00:08:03 → 00:08:06 ครับลงไปในคอเนี่ยเส้นทางหายใจเนี่ยหมอจะ
00:08:06 → 00:08:09 โชว์ให้ดูนิดนึงว่าการหายใจคนเราเนี่ยมัน
00:08:09 → 00:08:12 ต้องมีลมที่ผ่านเข้าจมูกจมูกคือประตูด่าน
00:08:12 → 00:08:16 ที่ 1 ในการหายใจนะครับลมเข้าจมูกแล้วมัน
00:08:16 → 00:08:20 จะผ่านลงมานะครับหลังนะลิ้นไก่อันนี้คือ
00:08:20 → 00:08:23 ลิ้นไก่อืค่ะอันนี้คือลิ้นที่เรากินข้าว
00:08:23 → 00:08:26 นะครับลมมันจะรอดผ่านเข้ามาตรงเเนี่ยนะ
00:08:26 → 00:08:29 ครับจมูกจะต้องโล่งก่อนถึงจะเข้ามาได้นะ
00:08:29 → 00:08:32 ครับหลังลิ้นไก่นะครับหลังลิ้นถึงจะลงไป
00:08:32 → 00:08:35 ในหลอดลมเข้าไปในปอดได้อันนี้คือเส้นทาง
00:08:35 → 00:08:38 ที่เป็นแทรกปกติไฮเวย์ปกติแล้วที่จะเข้า
00:08:39 → 00:08:41 ไปได้นะครับตอนเราตื่นเนี่ยทุกอย่างมัน
00:08:41 → 00:08:44 โล่งดีเพราะว่ากล้ามเนื้อเราตึงอือฮึแต่
00:08:44 → 00:08:48 พอหลับมันจะหย่อนนิดนึงไอ้การหย่อนเล็ก
00:08:48 → 00:08:50 น้อยเนี่ยไม่ก่อให้เกิดการกรนในคนปกติแต่
00:08:50 → 00:08:54 ถ้ามีการหย่อนที่มากผิดปกติจะปิดกั้นทำ
00:08:54 → 00:08:57 ให้ลมมันเข้าไม่ได้นะอ่าสาเหตุมีอะไรบ้าง
00:08:57 → 00:09:00 1 อายุที่มากขึ้นเช่นบางคนเนี่ยอายุน้อย
00:09:00 → 00:09:04 กว่า 50 ปีไม่เคยกลเลยแต่พอเข้าเลข 5 เลข
00:09:04 → 00:09:06 6 นะครับผู้สูงอายุเริ่มจะกร่นอันนี้
00:09:06 → 00:09:08 เป็นผลจากว่ากล้ามเนื้อในคอเนี่ยมันมีการ
00:09:08 → 00:09:11 ชราก็มีการหย่อนปิดกั้นทำให้ลมเข้าไม่ได้
00:09:11 → 00:09:13 อย่างที่ 2 ก็คือน้ำหนักอ่ะเราจะเห็นว่า
00:09:13 → 00:09:16 คนที่กรนเมักจะอ้วนน้ำหนักเยอะใช่ไหมครับ
00:09:16 → 00:09:19 เพราะว่าความอ้วนเนี่ยไขมันในร่างกายที่
00:09:19 → 00:09:22 สะสมไม่ได้สะสมแค่พุงแค่ขาคะแค่สะโพกเรา
00:09:22 → 00:09:25 เท่านั้นแต่มันสะสมในช่องคอหอยทั้งหมดเลย
00:09:25 → 00:09:28 เพราะฉะนั้นพื้นที่ที่มันเคยโล่งดีเวลา
00:09:28 → 00:09:31 หลับมันก็หย่อนเล็กน้อยแต่ถ้าเกิดว่าเรา
00:09:31 → 00:09:34 มีความอ้วนพื้นที่มันจะแคบไปกว่าปกติ
00:09:34 → 00:09:37 เพราะมีไขมันแทรกอยู่พอหลับปุ๊บมันปิดลม
00:09:37 → 00:09:40 เลยเข้าไม่ได้นะครับอย่างที่ 3 เราอาจจะ
00:09:40 → 00:09:44 เคยเห็นคนที่คุณพ่อคุณแม่กรนลูกก็กลนด้วย
00:09:45 → 00:09:47 แทำไมแบบมีปัญหาทางโครงสร้างหรือเปล่า
00:09:47 → 00:09:49 ทำไมทางบ้านกลเหมือนกันหมดถึงแม้จะไม่
00:09:49 → 00:09:52 อ้วนก็ตามอันนี้เป็นเรื่องของโครงหน้า
00:09:52 → 00:09:55 โครงหน้านี่มีผลเลยนะครับเราอาจจะไม่รู้
00:09:55 → 00:09:59 ว่าใบหน้าของเราเนี่ยมีผลต่อการกล่า
00:09:59 → 00:10:02 เป็นคนค้างเล็กครับคนค้างเล็กค้างเล็กอ่า
00:10:02 → 00:10:05 บางคนเนี่ยเอ่อหน้าปุ๊บค้างนิดเดียวแล้ว
00:10:05 → 00:10:07 ก็ไปเป็นคอเลยอย่างเงี้ยเป็นคนค้างเล็ก
00:10:07 → 00:10:10 ค้างสั้นจะเป็นคนที่มีโครงสร้างที่ทำให้
00:10:10 → 00:10:13 เกิดการกลได้ง่ายขึ้นเพราะว่าคางเนี่ย
00:10:13 → 00:10:16 เป็นจุดเกาะของลิ้นค่ะลิ้นเนี่ยจะไปเกาะ
00:10:16 → 00:10:19 ที่ตรงตำแหน่งค้างอืถ้าเป็นคนค้างเล็ก
00:10:19 → 00:10:21 เนี่ยลิ้นลิ้นก็จะมีโอกาสจะตกมาในคอตอน
00:10:21 → 00:10:24 หลับง่ายขึ้นนะครับเพราะฉะนั้นเนอนไป
00:10:24 → 00:10:27 เนี่ยนะครับลิ้นจะไปเบียดในคอแล้วทำให้
00:10:27 → 00:10:30 การหายใจติดขัดเหมือนจมน้ำอ่านะครับสุด
00:10:30 → 00:10:33 ท้ายเลยก็คือในเรื่องของโครงสร้างภายใน
00:10:33 → 00:10:36 เช่นต่อมทอนซินมีขนาดใหญ่นะครับเพดานอ่อน
00:10:36 → 00:10:39 หรือลิ้นไก่มีความหย่อนยาเยอะและสุดท้าย
00:10:39 → 00:10:41 ท้ายสุดเลยก็คือเรื่องของภูมิแพ้แล้วก็
00:10:41 → 00:10:43 ปัญหาการหายใจทางจมูกบางคนเนี่ยเรามอง
00:10:43 → 00:10:46 ข้ามว่าเออเราเป็นภูมิแพ้ไม่ต้องรักษาก็
00:10:46 → 00:10:48 ได้บางทีมีฟืดฟาดแค่บางช่วงนะครับจริงๆ
00:10:48 → 00:10:51 แล้วการกรนเกิดจากภูมิแพ้ได้เพราะว่าเวลา
00:10:51 → 00:10:54 ที่จมูกเนี่ยมีปัญหาในการคัดแน่นหรือมี
00:10:54 → 00:10:57 การบวมขนาดหลักเรามักจะมีอาการตอนกลางคืน
00:10:57 → 00:10:59 นะตอนที่เราเป็นภูมิแพ้ตอนนอนไปเนี่ยเรา
00:10:59 → 00:11:01 เริ่มจมูกตันมีน้ำมู่พวกเนี้ยนะครับทำให้
00:11:01 → 00:11:04 การหายใจทางจมูกเนี่ยไม่ดีเลยต้องอ้าปาก
00:11:04 → 00:11:06 หายใจเพราะฉะนั้นกลไกในการอ้าปากหายใจ
00:11:06 → 00:11:09 ส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่จมูกมีปัญหาคัด
00:11:09 → 00:11:11 แน่นอาจจะเป็นจากเยุจมูกบวมจากภูมิแพ้
00:11:11 → 00:11:14 หรือว่าปัญหาอื่นๆทางโครงสร้างเช่นผนัง
00:11:14 → 00:11:17 กั้นจมูกคดเอียงมีก้อนในจมูกหรือสีดวงใน
00:11:17 → 00:11:20 จมูกต่างๆเพราะฉะนฉะนั้นคนส่วนใหญ่เวลา
00:11:20 → 00:11:24 ที่มีปัญหาอ้าปากนอนก็จะบอกว่าปิดปากสิไป
00:11:24 → 00:11:27 ซื้ออะไรมาแปะปากให้มันปิดถูกมั้ยแต่หา
00:11:27 → 00:11:29 รู้ไม่ว่าเราไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุเรา
00:11:29 → 00:11:31 ต้องไปดูก่อนว่าเขาอ้าปากจากสาเหตุอะไร
00:11:31 → 00:11:35 เช่นปัญหาในการหายใจทางจมูกเขาถึงได้มี
00:11:35 → 00:11:38 การผลักของกลไกในร่างกายให้เปิดปากเพราะ
00:11:38 → 00:11:40 ฉะนั้นเนี่ยเราต้องดูก่อนว่าจมูกเ้ามี
00:11:40 → 00:11:44 ปัญหาอะไรมยถ้าจมูกโล่งดีคนปกติก็มักจะ
00:11:44 → 00:11:47 ปิดปากได้เองแต่ถ้าจมูกก็ตันแล้วไปปิดปาก
00:11:47 → 00:11:50 อีกอันนี้รูหายก็จะไม่เหลือและสัญญาณนึง
00:11:50 → 00:11:52 ที่พบได้บ่อยในคนที่อ้าปากนอนก็คือว่า
00:11:52 → 00:11:55 ตื่นมาตอนเช้าคอแห้งเลยหรือว่าตอนช่วง
00:11:55 → 00:11:57 กลางคืนเนี่ยรู้สึกคอแห้งมากต้องตื่นมา
00:11:57 → 00:12:00 จิบน้ำบ่อยๆเนาะอันนี้ก็ต้องไปดูว่าเรา
00:12:00 → 00:12:02 อ้าปากจากสาเหตุอะไรคือโดยปกติแล้วเราจะ
00:12:02 → 00:12:05 ไม่อ้าปากนอนน้อยมากจะมีลมส่วนนึงที่เข้า
00:12:05 → 00:12:09 ไปในปากคือจมูกและปากเนี่ยปากเนี่ย 20%
00:12:09 → 00:12:11 จมูก 80% เพราะฉะนั้นหลักๆแล้วลมจะเข้า
00:12:11 → 00:12:14 จมูกลงไปในคอได้เลยโดยที่ไม่ต้องเปิดปาก
00:12:14 → 00:12:17 การอ้าปากก็มีข้อเสียที่ว่า 1 คือมันเกิด
00:12:17 → 00:12:20 การแห้งใครเคืองในคอใช่มยเราก็ต้องรู้สึก
00:12:20 → 00:12:22 รำคาญกับไปอีกอย่างนึงคือเวลาเราอ้าปาก
00:12:22 → 00:12:24 ลิ้นมันจะตกไปในคอได้ง่ายขึ้นเพราะฉะนั้น
00:12:24 → 00:12:27 การกรนมันจะเกิดหนักขึ้นนะครับอย่างคุณ
00:12:27 → 00:12:29 หมอบอกไปแล้วเนาะว่าจริงๆเวลาที่เราเพลีย
00:12:29 → 00:12:31 หรืออะไรเราก็จะนอนกรนมากขึ้นแล้วอีก
00:12:31 → 00:12:33 อย่างหนึ่งก็คือเวลาที่เราเพลียเรามักจะ
00:12:33 → 00:12:35 เห็นนอนอ้าปากอันนี้มันก็คือมันก็เกี่ยว
00:12:35 → 00:12:38 ข้องกันถูกมั้ยคะส่วนนึงเนี่ยการอ้าปากก็
00:12:38 → 00:12:41 อาจจะเป็นนิสัยของคนที่อ้าปากมานานแล้ว
00:12:41 → 00:12:44 อาจจะมีความเป็นโรคภูมแพ้หรือจมูกตันก็
00:12:44 → 00:12:47 เลยอ้าปากบ่อยๆนะคราวนี้ถึงแม้ว่าเขาจะ
00:12:47 → 00:12:50 จมูกโล่งโดีหรือจมูกเขาไม่ได้คัดแน่นแล้ว
00:12:50 → 00:12:53 แต่ก็ยังมีนิสัยในการอ้าปากอยู่แปลว่าถ้า
00:12:53 → 00:12:56 เราค่ะถ้าเรารู้ตัวก็คือควรจะปิดปากคือ
00:12:56 → 00:12:59 บังคับยากออโตมติกแล้วเราต้องไปดูว่าจมูก
00:12:59 → 00:13:02 มันมีปัญหาหรือเปล่าต้องตรวจสอบตัวเองว่า
00:13:02 → 00:13:05 เราถ้าเราปิดปากหายใจปกติเนี่ยนะครับจมูก
00:13:05 → 00:13:07 เราโล่งมยบางคนปิดปากปุ๊บหายใจมีเสียงฟีด
00:13:07 → 00:13:10 ในจมูกแปลว่าจมูกตันก็ต้องลองตรวจสอบตัว
00:13:10 → 00:13:14 เองนะครับหรือว่าลองสังเกตดูว่าการอ้าปาก
00:13:14 → 00:13:16 นอนเป็นทุกคืนมั้ยแล้วถ้ามันเป็นตลอดเลย
00:13:16 → 00:13:18 อันนี้น่าน่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่างก่อน
00:13:18 → 00:13:20 ที่เราจะไปซื้ออุปกรณ์ในการปิดปากก็ต้อง
00:13:21 → 00:13:23 ดูก่อนว่ามันมีปัญหาอะไรที่เป็นต้นเหตุ
00:13:23 → 00:13:25 ของการอ้าปากนอนหรือเปล่าค่ะอันนี้ขอถาม
00:13:25 → 00:13:28 เพิ่มเติมอย่างคือโดยปกติแล้วที่ควรจะ
00:13:28 → 00:13:30 เป็นคือเราก็ควรจะหายใจเข้าทางจมูกหายใจ
00:13:30 → 00:13:33 ออกทางจมูกอืโดยตอนนอนก็ควรจะเป็นอย่าง
00:13:33 → 00:13:35 งั้นทีนี้ก่อนที่เราจะนอนค่ะคุณหมอมันมี
00:13:35 → 00:13:37 วิธีในการดูแลจมูกของเรายังไงให้มันไม่
00:13:38 → 00:13:40 ตันน่ะให้มันแบบ flow ได้ในเรื่องของโรค
00:13:40 → 00:13:43 ภูมิแพ้นะครับเบสิคที่สุดเลยก็คือถ้า
00:13:43 → 00:13:45 เรื่องของสิ่งแวดล้อมทั่วไปผ้าปูปอกหมอน
00:13:45 → 00:13:47 เนี่ยเราควรจะซักเปลี่ยนเนาะถ้าเป็นภูมิ
00:13:47 → 00:13:50 แพ้เนี่ยคนใหญ่จะเป็นภูมิแพ้ต่อไรฝุนที่
00:13:50 → 00:13:53 อยู่บนเตียงนะครับหรือว่าพวกเชื้อราหรือ
00:13:53 → 00:13:55 ว่าพวกขนสุนัขขนแมวอะไรอย่างเงี้ยแต่คน
00:13:55 → 00:13:58 ไทยจะพบประมาณ 60% 70% เนี่ยแพ้ต่อไร
00:13:58 → 00:14:01 ฝุ่นคือเป็นอยู่ตามใยผ้าเพราะฉะนั้นเวลา
00:14:01 → 00:14:02 เป็นภูมิแพ้ขึ้นเตียงไปปุ๊บสักพักเริ่ม
00:14:02 → 00:14:05 จมูกเริ่มบวมเริ่มตันหรือว่าเริ่มมีน้ำ
00:14:06 → 00:14:08 มูกเราก็ต้องดูแลโดยการเปลี่ยนผ้าปูที่
00:14:08 → 00:14:12 นอนบ่อยๆถ้ามีพรมมีม่านก็ต้องซักเปลี่ยน
00:14:12 → 00:14:15 บ่อยๆถ้าเบสิคที่สุดในการดูแลจมูกให้ไม่
00:14:15 → 00:14:18 คัดแน่นในคนเป็นภูมิแพ้คือการล้างจมูกอาจ
00:14:18 → 00:14:21 จะล้างช่วงเย็นหรือว่าช่วงก่อนนอนประมาณ
00:14:21 → 00:14:23 สักชั่วโมง 2 ชั่วโมงก่อนนอนเนี่ยจมูกก็
00:14:23 → 00:14:26 จะโล่งขึ้นหายใจดีขึ้นแต่ถ้าดูแล้วจมูก
00:14:26 → 00:14:28 มันยังมีอาการตันอยู่ก็คือปรึกษาคุณหมอ
00:14:28 → 00:14:31 คอยจมูกดูว่าการที่จมูกตันมันเกิดจาก
00:14:31 → 00:14:34 สาเหตุอะไรอืครับขอเทคนิคการล้างจมูกได้
00:14:34 → 00:14:37 มั้ยคะหลายๆคนทำแล้วรู้สึกสำลักปกติแล้ว
00:14:37 → 00:14:40 เนี่ยเราจะใช้เป็นน้ำเกลืออุปกรณ์ที่ใช้
00:14:40 → 00:14:42 ล้างเนี่ยมันมีหลากหลายตั้งแต่เป็นไซริ์
00:14:42 → 00:14:45 แล้วก็เป็นขวดสำเร็จรูปในการที่จะบีบเข้า
00:14:45 → 00:14:48 ล้างจมูกนะครับปกติการล้างจมูกเนี่ยเราจะ
00:14:48 → 00:14:51 ให้คนไข้ก้มหน้าในอ่างล้างหน้าแล้วก็อ้า
00:14:51 → 00:14:53 ปากกั้นหายใจก้มหน้าเพื่อที่ว่าเวลาเรา
00:14:53 → 00:14:56 บีดไปแล้วเนี่ยมันก็จะทิศก็จะออกมาอีก
00:14:56 → 00:14:58 ข้างนึงมันจะไม่ย้อนเข้าไปมันก็จะไม่ลงไป
00:14:58 → 00:15:01 ในคอถ้าเราเงยหน้าก็จะลงไปในคอได้นะครับ
00:15:01 → 00:15:04 อ้าปากเนาะอ้าปากด้วยเผื่อว่าอาจจะออกมา
00:15:04 → 00:15:06 ทางปากเป็นไปได้เหมือนกันเวลาเราล้างจมูก
00:15:06 → 00:15:08 เนี่ยเราอาจจะมีไอเดียว่ามันต้องออกอีก
00:15:08 → 00:15:11 ข้างนึงแต่บางคนที่จมูกโครงสร้างมีการตัน
00:15:11 → 00:15:13 มีผนังกั้นจมูกพดมันอาจจะผลักให้ออกทาง
00:15:13 → 00:15:16 ปากก็ได้อันนี้ไม่ซีเรียสนะคะก็อ้าปากไว้
00:15:16 → 00:15:19 แล้วกั้นใจลดการสำลักเวลาบีบบิดๆช้าๆไม่
00:15:19 → 00:15:22 ต้องแรงนะถ้าบีบแรงเกินมันจะปวดหูได้หรือ
00:15:22 → 00:15:25 รู้สึกสำลักได้ถ้าเราบีบแรงเกินไปเราก็
00:15:25 → 00:15:27 บีบช้าๆนะคะค่อยๆคืออยากเป็นไซลิง์ก็คือ
00:15:28 → 00:15:30 ค่อยๆดันถ้าเป็นไซลิงเนี่ยเราดันเราใช้
00:15:30 → 00:15:33 ไซลิง์ 20 ซีซค่อยๆดันนับ 1-5 1-6
00:15:33 → 00:15:38 ประมาณนี้ 1 2 3 4 5 6 ช้าๆเลยไม่
00:15:38 → 00:15:40 ต้องแบบปึ๊กอย่างงี้เข้าไปคือถ้าบีบแรง
00:15:40 → 00:15:43 เกินเนี่ยมันจะไปกระแทกด้านหลังโพงจมูก
00:15:43 → 00:15:45 ซึ่งทำให้ปวดหูเราต้องเอียงคอด้วยมั้แล้ว
00:15:45 → 00:15:47 แต่อะไรคะหลักๆก็คือหน้าตรงก็ได้หรือว่า
00:15:47 → 00:15:49 จะเอียงเล็กน้อยก็ได้สมมุติเราจะล้างข้าง
00:15:49 → 00:15:51 นี้เราก็เอียงฝั่งนี้เล็กน้อยเอียงให้อีก
00:15:51 → 00:15:54 ข้างนึงต่ำกว่าเอียงไปใช่เอียงเอียงคางไป
00:15:54 → 00:15:56 อีกฝั่งที่เราจะล้างก็ได้นะครับก็เวลา
00:15:56 → 00:15:59 ล้างเนี่ยปริมาณคือข้างละ 100 ซีซอย่าง
00:15:59 → 00:16:02 ต่ำเนาะถ้าเป็นไซลิง 20 ซีซข้างละ 5 หลอด
00:16:02 → 00:16:06 อย่างต่ำนะครับก็คือ 100 100 ซีซต่อข้าง
00:16:06 → 00:16:08 อ๋อครั้งนึงก็คือ 200 ต่อข้างใช่แต่ถ้า
00:16:08 → 00:16:11 เป็นอุปกรณ์ที่เป็นขวดเนี่ยเขาก็จะขวด 200
00:16:11 → 00:16:13 ซีซก็จะแบ่งล้างข้างละครึ่งขวดโอ๊ยบางคน
00:16:13 → 00:16:15 ทำอยู่แล้วแต่ไม่รู้ว่าต้องทำถึง100ซีซ
00:16:15 → 00:16:18 อ่าคือปริมาณเมันก็มีผลคือการล้างจมูก
00:16:18 → 00:16:20 เนี่ยไม่ได้มีแค่ข้อดีในการล้างน้ำมูกออก
00:16:20 → 00:16:23 มาอย่างเดียวแต่เป็นข้อดีในการที่เราจะ
00:16:23 → 00:16:25 ปรับสภาพผิวในจมูกเเรียก resurface ผิวใน
00:16:25 → 00:16:28 จมูกเนี่ยให้มันเป็นผิวที่มีคุณภาพดีไม่
00:16:28 → 00:16:31 ก่อให้เกิดอาการคัดแน่นหรือมีน้ำมุกบ่อยๆ
00:16:31 → 00:16:33 แล้วก็เป็นการล้างพวกฝุ่น PM เนาะที่เรา
00:16:33 → 00:16:35 เจอทุกๆวันเนี่ยให้มันออกมาเพราะฉะนั้น
00:16:35 → 00:16:38 จมูกก็จะเป็นจมูกที่สะอาดแล้วก็ไม่บวมไม่
00:16:38 → 00:16:41 ตันได้ง่ายอืค่ะถ้ามันได้รสเค็มบ้างอัน
00:16:41 → 00:16:44 นี้ก็ปกติใช่มั้ปกติเลยปกติเลยเพราะว่า
00:16:44 → 00:16:46 มันเป็นสารละลายที่มีความเข้มข้นเท่ากับ
00:16:46 → 00:16:49 ในเซลล์ในจมูกก็คือมีความเป็นเกลือนะครับ
00:16:49 → 00:16:52 อืออันนี้ก็คือสามารถล้างจมูกก่อนนอนได้
00:16:52 → 00:16:54 สำหรับคนที่รู้สึกว่าตอนนอนแล้วเราหายใจ
00:16:54 → 00:16:56 ไม่โล่งแต่ถ้าสมมุติว่าก็หายใจปกติดี
00:16:56 → 00:16:59 จำเป็นต้องล้างมั้ยคะถ้าปกติดีเราอาจจะ
00:16:59 → 00:17:02 ล้างนานๆครั้งได้เช่นถ้าเราเป็นภูมิแพ้
00:17:02 → 00:17:04 วันไหนที่เราไปเจอฝุ่นไปสัมผัสในที่ที่
00:17:05 → 00:17:07 อากาศไม่ค่อยดีหรือมีฝุ่นเยอะเราอาจจะ
00:17:07 → 00:17:10 ล้างเป็นครั้งคราวได้แต่ถ้าเราอยู่ใน
00:17:10 → 00:17:12 สภาวะที่โอเคช่วงนี้ PM เยอะจังเลยหรือ
00:17:12 → 00:17:15 ว่ามีอากาศที่ไม่ค่อยดีกลัวว่าจะมีอาการ
00:17:15 → 00:17:18 ที่จมูกเริ่มตันมาจะล้างเป็นกิจวัตรก็ได้
00:17:18 → 00:17:21 วันละครั้งไม่ได้เสียหายอะไรออีกพฤติกรรม
00:17:21 → 00:17:23 นึงที่เป็นว่าหลายๆท่านน่าจะเคยทำก็คือ
00:17:23 → 00:17:26 การเอาคอตอนบัไปผันในจมูกอ่ามันเป็นสิ่ง
00:17:27 → 00:17:28 ที่ควรทำมั้คะคุณไม่ต้องทำไม่ควรทำอ้า
00:17:29 → 00:17:31 ทำไมอ่ะเพราะว่าในจมูกก็มีเนื้อเยื่อที่
00:17:31 → 00:17:33 มันค่อนข้างบางอ่ะครับไม่ว่าจะเป็นการใช้
00:17:33 → 00:17:36 ทิชชู่เนี่ยเข้าไปฝันในจมูกอันนี้ก็เกิด
00:17:36 → 00:17:38 การบาดเจ็บมีเลือดออกได้ง่ายจริงๆแล้ว
00:17:38 → 00:17:41 โครงสร้างในจมูกเราเนี่ยนอกจากโครงสร้าง
00:17:41 → 00:17:44 ที่เป็นเยื่อบุกแล้วเนี่ยก็จะมีผนังกั้น
00:17:44 → 00:17:46 จมูกที่อยู่เป็นแกนกลางของจมูกเนี่ยครับ
00:17:46 → 00:17:48 ก็จะมีเส้นเลือดที่มันค่อนข้างเยอะเส้น
00:17:48 → 00:17:50 เลือดฝอยตรงตำแหน่งของผนังกั้นจมูกเนี่ย
00:17:50 → 00:17:53 มันค่อนข้างที่จะเปราะแตกได้ง่ายถ้าเราไป
00:17:53 → 00:17:56 สัมผัสบางทีไปแคะจมูกบ่อยๆเลือดก็ไหลออก
00:17:56 → 00:17:59 ง่ายการดูแลเบื้องต้นเนี่ยนอกจากที่เราจะ
00:17:59 → 00:18:01 ล้างจมูกก็เป็นอาจจะเป็นสเปรย์น้ำเกลือ
00:18:01 → 00:18:04 เพื่อทำให้จมูกชุ่มชื้นแล้วก็หลีกเลี่ยง
00:18:04 → 00:18:06 ในการไปแคะจมูกอ้าแล้วสมมุติว่าบางคนอาจ
00:18:06 → 00:18:09 มีขี้มูกอย่างเงี้ยค่ะเราต้องเอาออกทำยัง
00:18:09 → 00:18:12 ไงได้บ้างคะเอาสำลีแล้วก็ชุบน้ำเกลือแล้ว
00:18:12 → 00:18:16 ก็อาจจะเช็เท็จภายนอกอ๋อไม่ควรคือแต่ว่า
00:18:16 → 00:18:19 แคะได้มั้ยคะแคะก็เป็นสิ่งที่ทำอย่างมัด
00:18:19 → 00:18:21 ระวังแต่จริงๆก็ไม่ควรทำออแต่เราก็ทำกัน
00:18:21 → 00:18:24 เป็นปกติมากๆเลยนะอ่าก็เป็นพฤติกรรมที่
00:18:24 → 00:18:27 โอเคมันก็บางคนก็ติดอ่ะเนาะติดนิสัยแคะ
00:18:27 → 00:18:30 แต่ว่าเราก็ต้องดูว่าเออการแคะของเรานี่
00:18:30 → 00:18:33 มันมีผลแทรกซ้อนอะไรมยเพราะบางทีเนี่ยเรา
00:18:33 → 00:18:35 ไว้เล็บยาวหรือไม่ได้ตัดเล็บเนี่ยเราไป
00:18:35 → 00:18:38 แคะไอ้ตรงเล็บที่มันมีความยาวมันก็ไป
00:18:38 → 00:18:41 เกี่ยวแล้วบาดเจ็บในเยอะบุกได้แล้วถ้า
00:18:41 → 00:18:43 สมมุตินิ้วสกปรกอ่ะค่ะเราแค้จมูก
00:18:43 → 00:18:45 ติดเชื้ออะไรอย่างงี้ได้ด้วยมั้คะอาจจะ
00:18:45 → 00:18:47 ไม่ถึงขั้นนั้นเพราะว่ากลไกในร่างกายก็มี
00:18:47 → 00:18:51 การปกป้องเชื้อโรคอยู่แล้วแต่ก็ถ้ามีบาด
00:18:51 → 00:18:53 แผลที่ค่อนข้างเยอะค่อนข้างใหญ่ก็อาจจะทำ
00:18:53 → 00:18:55 ให้ติดเชื้อได้เหมือนกันโอ้จริงๆก็
00:18:55 → 00:18:57 sensitive กว่าที่คิดใช่แล้วถ้าอย่างบาง
00:18:57 → 00:19:01 คนค่ะอาจจะไม่มีน้ำเกลืออ่าหรือว่าไม่ไม่
00:19:01 → 00:19:03 อยากใช้น้ำเกลืออ่ะแล้วเขาใช้น้ำเปล่าใน
00:19:03 → 00:19:06 การล้างจมูกแทนมันสามารถทำได้มั้คะจริงๆ
00:19:06 → 00:19:09 ไม่ควรด้วยเหตุผลหลายเรื่องเลย 1 ก็คือ
00:19:09 → 00:19:12 ว่าเวลาที่เราล้างจมูกเนี่ยแนะนำใช้น้ำ
00:19:12 → 00:19:13 เกลือเพราะอะไรเพราะว่าน้ำเกลือเนี่ยมี
00:19:14 → 00:19:16 ความเข้มข้นของเกลือเท่ากับเซลล์ของเรา
00:19:16 → 00:19:19 เพราะนั้นการล้างคือเป็นการชะแล้วก็ไม่
00:19:19 → 00:19:22 เกิดการบาดเจ็บของเซลล์นะครับเพราะว่ามัน
00:19:22 → 00:19:24 มีความเข้มข้นของเกลือเท่ากันทั้งน้ำ
00:19:24 → 00:19:26 เกลือและในเซลล์ของจมูกนะครับแต่ถ้าเป็น
00:19:26 → 00:19:29 น้ำเปล่าเนี่ยเวลาที่เราล้างน้ำเปล่าเข้า
00:19:29 → 00:19:31 ไปเนี่ยคือเวลาที่มันมีความเข้มข้นต่าง
00:19:31 → 00:19:34 กันมันจะเกิดกระบวนการออสโมิสออสมิสคือ
00:19:34 → 00:19:36 น้ำมากไปน้ำน้อยเพราะฉะนั้นน้ำที่เราชะ
00:19:36 → 00:19:39 เข้าไปเนี่ยมันจะไปเข้าไปทำให้เซลล์แตกอื
00:19:39 → 00:19:41 เพราะฉะนั้นจมูกจะมีการบาดเจ็บเกิดขึ้น
00:19:41 → 00:19:43 ได้ถ้าเราใช้น้ำปับขาวที่ไม่ใช่น้ำเกลือ
00:19:43 → 00:19:46 เข้าไปล้างนะครับกับอีกอย่างนึงคือน้ำที่
00:19:46 → 00:19:49 มันไม่สะอาดปกติถ้าเราซื้อน้ำเกลือที่
00:19:49 → 00:19:51 เป็นอ่าวัสดุทางการแพทย์หรือเป็นน้ำเกลือ
00:19:51 → 00:19:54 ผสมเป็นเกลือซองผสมเนี่ยก็จะมีความสะอาด
00:19:54 → 00:19:56 เราจะให้ผสมเกลือซองกับน้ำดื่มนะครับแต่
00:19:56 → 00:19:59 ถ้าใช้น้ำประปาน้ำก๊อกก็จะมีความไม่สะอาด
00:19:59 → 00:20:02 ของน้ำเนี่ยทำให้ติดเชื้อในจมูกได้หรือ
00:20:02 → 00:20:05 ว่ามันก็ถ้ามีข่าวนะติดเชื้อไปถึงแบบใน
00:20:05 → 00:20:06 สมองอะไรอย่างงี้ได้เพราะฉะนั้นแนะนำว่า
00:20:07 → 00:20:10 เป็นน้ำที่เป็นน้ำเกลือทางการแพทย์หรือ
00:20:10 → 00:20:12 บางคนถ้าไม่มีน้ำเกลือจริงๆสามารถที่จะ
00:20:12 → 00:20:16 ใช้น้ำเปล่านี่แหละแล้วก็ต้มกับเกลือแกงอ
00:20:16 → 00:20:19 ได้เหมือนกันแต่สัดสวนเนี่ยก็คือในอัตรา
00:20:19 → 00:20:22 ส่วน 500 ซีซของน้ำเปล่าเนี่ยครับเราต้ม
00:20:22 → 00:20:25 กับน้ำประมาณ 1 ช้อนชากับเกลือประมาณ 1
00:20:25 → 00:20:27 ช้อนชาใช่เกลือ 1 ช้อนฉ่านะฮะแล้วก็ต้ม
00:20:27 → 00:20:30 ให้สุกแล้วก็ตั้งทิ้งให้มันอุ่นเย็นแล้ว
00:20:30 → 00:20:32 ก็มาล้างได้ซึ่งจริงๆแล้วถ้าไม่จำเป็นก็
00:20:32 → 00:20:35 ใช้แบบที่เป็นทางการแพทย์น่าจะสะอาดมาก
00:20:35 → 00:20:37 กว่าอืค่ะเรื่องของการล้างจมูกเนี่ยก็คือ
00:20:37 → 00:20:40 เป็นอีกหนึ่งสาเหตุนึงแล้วกันเนาะที่อาจ
00:20:40 → 00:20:42 จะทำให้จมูกเราไม่ flow ก็เลยพูดถึง
00:20:42 → 00:20:44 เรื่องการจมูกกันนะคะทีนี้อยากรู้ว่าถ้า
00:20:45 → 00:20:47 สมมติว่าเรามีอาการกรนอาจจะรู้ตัวหรือไม่
00:20:47 → 00:20:49 รู้ตัวก็ตามแล้วเราปล่อยไปเรื่อยๆค่ะคุณ
00:20:49 → 00:20:51 หมออย่างเงี้มันเอฟเฟคต่อร่างกายยังไง
00:20:51 → 00:20:54 บ้างค่ะอถ้าพูดถึงการกรนเนี่ยเราก็ต้อง
00:20:54 → 00:20:56 กลัวภาวะหยุดหายใจขณะหลับเนาะภาวะเนี้ย
00:20:56 → 00:20:59 ต้องบอกว่าบางคนเข้าใจผิดกับภาวะไหลตายคน
00:20:59 → 00:21:01 ละอย่างกันนะครับเพราะว่าไหลตายเนี่ยมัน
00:21:01 → 00:21:04 คือเป็นโรคที่เราเสียชีวิตขณะหลับส่วน
00:21:04 → 00:21:06 ใหญ่จะพูดถึงเขาเรียกว่าโรคบูาด้าโรค
00:21:06 → 00:21:09 บูาด้าคือมีจังหวะของหัวใจที่มันเต้นผิด
00:21:09 → 00:21:12 ปกติกระแสไฟฟ้าผิดปกติขณะหลับแล้วก็เสีย
00:21:12 → 00:21:14 ชีวิตไปอันนั้นมักจะเป็นตามพันธุกรรมเ
00:21:14 → 00:21:17 เรียกโรคไหลตายนะครับแต่ว่าถ้าเป็นภาวะ
00:21:17 → 00:21:19 หยุดหายใจขณะหลับเนี่ยเป็นภาวะที่ร่างกาย
00:21:19 → 00:21:21 เราเนี่ยมันไม่ปล่อยให้เราตายอยู่และมัน
00:21:21 → 00:21:23 จะปกป้องให้เราฮึบกลับมาหายใจเรื่อยๆนะ
00:21:23 → 00:21:26 ครับนี้ผลยังไงต่อร่างกายบ้างก็หลักๆแล้ว
00:21:26 → 00:21:29 เนี่ยมีพูดถึงระยะสั้นระยะยาวแล้วกันนะ
00:21:29 → 00:21:31 ครับแหในภาวะที่ร่างกายมีการหยุดหายใจ
00:21:31 → 00:21:34 เป็นช่วงๆขณะหลักสิ่งที่เกิดขึ้นคือเราจะ
00:21:34 → 00:21:37 เข้าสู่ระยะหลับลึกได้ไม่เพียงพอถ้าพูด
00:21:37 → 00:21:40 ถึงคนทั่วไปหลับลึกประมาณ 20% -25%
00:21:40 → 00:21:42 ประมาณเวลาเราหยุดหายใจเนี่ยร่างกายจะถูก
00:21:42 → 00:21:45 พยายามกระตุ้นจากสมองเนี่ยให้กลับมาหายใจ
00:21:45 → 00:21:47 เป็นช่วงๆเพราะฉะนั้นการหลับเนี่ยจะมีการ
00:21:47 → 00:21:50 หลับลึกเนี่ยน้อยมากหรือบางทีบางคนไม่มี
00:21:50 → 00:21:51 เลยถ้าเกิดหยุดหายใจอย่างหนักอ่ะนะครับ
00:21:51 → 00:21:53 เพราะฉะนั้นกลางวันเี่เกิดอะไรขึ้นก็ง่วง
00:21:53 → 00:21:57 เกิดอุบัติเหตุขณะขับรถขับราได้มีปัญหาใน
00:21:57 → 00:22:00 การที่จะโฟกัสกับงานคือความง่วงมันซ่อน
00:22:00 → 00:22:02 อยู่อ่ะเราก็จะแบบโฟกัสไม่ได้นานมีปัญหา
00:22:02 → 00:22:04 หงุดหงิดนะนึกถึงคนที่ง่วงอ่ะรู้สึกมัน
00:22:04 → 00:22:07 หงุดหงิดอารมณ์แปรปรวนได้ง่ายฉันไปนอนใช่
00:22:07 → 00:22:10 แล้วก็มีผลต่อในเรื่องของโรคทางจิตจิตเวช
00:22:10 → 00:22:12 หลายโรคอย่างเช่นโรคภาวะซึมเศร้าวิตก
00:22:12 → 00:22:14 กังวลได้หลายอย่างเลยอันนี้คือผลที่เกิด
00:22:14 → 00:22:18 ขึ้นระยะสั้นๆแต่ระยะยาวๆเนี่ยมันจะมีผล
00:22:18 → 00:22:20 ต่อหัวใจหลอดเลือดหลักๆเลยนะครับเวลาเรา
00:22:20 → 00:22:22 หยุดหายใจเนี่ยออกซิเจนในร่างกายมันเข้า
00:22:22 → 00:22:25 ไปเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอร่างกายต้องฮึบ
00:22:25 → 00:22:27 กลับมาหายใจเนาะแเป็นช่วงเพราะฉะนั้นร่าง
00:22:27 → 00:22:30 กายต้องทำงานหนักขนาดหัวใจจะมีการเต้น
00:22:30 → 00:22:33 เร็วสลับช้าสลับกันบ่อยๆเวลาที่หยุดหายใจ
00:22:33 → 00:22:36 ก็ต้องฮึบขึ้นมาหัวใจก็ต้องบีบเนาะเลือด
00:22:36 → 00:22:38 นะให้ไปเรียงร่างกายให้เพียงพอเพราะ
00:22:38 → 00:22:41 ฉะนั้นหัวใจเต้นผิดจังหวะได้นะครับ
00:22:41 → 00:22:43 ออกซิเนร่างกายตกเพราะฉะนั้นเนี่ยร่างกาย
00:22:43 → 00:22:45 ต้องมีการพยายามทำให้เส้นเลือดมีการหนา
00:22:46 → 00:22:49 ตัวทำงานมากขึ้นเส้นเลือดก็มีการตีบตัน
00:22:49 → 00:22:53 ได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นสมองหัวใจและอื่นๆใน
00:22:53 → 00:22:56 ร่างกายเนาะฮอร์โมนต่างๆทำงานรวนเวลาที่
00:22:56 → 00:23:00 เราหลับไม่ดีอินซูลินทำงานไม่ดีก็เกิดเบา
00:23:00 → 00:23:03 หวานได้ง่ายขึ้นภาวะหิวอิ่มปกติร่างกาย
00:23:03 → 00:23:05 เวลาเราหลับดีๆจะมีการหลั่งฮอร์โมนชื่อ
00:23:05 → 00:23:08 ว่าเลปตินทำให้ร่างกายเราอิ่มไม่ตื่นมาหา
00:23:08 → 00:23:10 อะไรกินใช่มั้แต่ถ้าเรานอนไม่ดีเนี่ย
00:23:10 → 00:23:13 ฮอร์โมนอิ่มทำงานไม่ดีเราก็จะมีความอยาก
00:23:13 → 00:23:16 กินมีความอ้วนได้ง่ายกับคนทั่วไปสุดท้าย
00:23:16 → 00:23:19 เลยก็คือภาวะสมองเสื่อมจากอัลไซเมอร์
00:23:19 → 00:23:22 เมื่อร่างกายเราหลับปกติแล้วจะมีการ
00:23:22 → 00:23:24 เคลียร์ของเสียในร่างกายขณะหลับลึกแต่ถ้า
00:23:24 → 00:23:26 เกิดเราหลับได้ไม่ดีหลับไม่ลึกเพราะเรา
00:23:26 → 00:23:30 กรนก็จะมีของเสียในสมองคั่งและทำให้เรา
00:23:30 → 00:23:33 เป็นสมองเสื่อมได้ง่ายขึ้นคือหลายโรคเลย
00:23:33 → 00:23:36 จากภาวะนี้เพราะฉะนั้นเรารู้แล้วว่าการกล
00:23:36 → 00:23:39 เนี่ยไม่ใช่แค่เรื่องเสียงอย่างเดียวนะ
00:23:39 → 00:23:43 สุขภาพของเราเลยค่ะออสำคัญมากๆเนตอนนี้
00:23:43 → 00:23:45 จริงๆถ้ามีคนในบ้านที่กรนก็อาจจะรำคาญ
00:23:45 → 00:23:47 แหละเป็นไปได้แต่ว่าหยุดรำคาญก่อนเนาะ
00:23:47 → 00:23:49 เดี๋ยวต้องใส่ใจกันก่อนแล้วว่าเฮ้ยจริงๆ
00:23:49 → 00:23:51 กรนเนี้ยมันเกิดจากอะไรเพราะว่ามันเกิด
00:23:51 → 00:23:54 ขึ้นได้หลายสาเหตุมากๆรวมถึงถ้าปล่อยการ
00:23:54 → 00:23:57 กรนไปนานๆเนี่ยมันก็ส่งผลต่อร่างกายทั้ง
00:23:57 → 00:24:01 ระยะสั้นและระยะยาวโออันตรายเหมือนกันอื
00:24:01 → 00:24:03 ค่ะแล้วการทำ sleep test เนี่ยคืออะไรคะ
00:24:03 → 00:24:06 คุณหมอเราต้องใช้เครื่องอะไรยังไงบ้างอ่า
00:24:06 → 00:24:08 sleep test เนี่ยคือการตรวจการนอนหลับ
00:24:08 → 00:24:10 เราต้องการจะทราบว่าขนาดหลับเนี่ยในร่าง
00:24:10 → 00:24:12 กายเรามีอะไรเกิดขึ้นมาบ้างข้อมูลที่เรา
00:24:12 → 00:24:14 จะรู้เนี่ยเราจะตรวจซิปเท็จเมื่อไหร่
00:24:14 → 00:24:16 อย่างี้ก่อนอ่ะ 1 ก็คือคนที่มีสงสัยการ
00:24:16 → 00:24:19 หยุดหายใจขณะลับก็คือคนที่นอนกรนนี่แหละ
00:24:19 → 00:24:21 นอนกรนกลางวันง่วงนะครับมีปัญหาเฮือกตื่น
00:24:21 → 00:24:24 ขึ้นมากลางดึกพวกเนี้ยก็คือข้อที่ 1 ที่
00:24:24 → 00:24:26 ควรมาตรวจสลิปเทสอย่างที่ 2 คือนอนละเมอ
00:24:26 → 00:24:30 ผิดปกติยกตัวอย่างเช่นละเมอไปเตะต่อยคน
00:24:30 → 00:24:33 อื่นละเมอพูดเนาะละเมอขยับร่างกายเยอะมี
00:24:34 → 00:24:36 ความง่วงระหว่างวันที่ค่อนข้างเยอะยกตัว
00:24:36 → 00:24:38 อย่างเช่นนอนก็เพียงพอแล้วทำไมกลางวันยัง
00:24:39 → 00:24:41 อ่อนเพลียง่วงเยอะอยู่สมองเรามันเข้าสู่
00:24:41 → 00:24:44 การหลับลึกไม่ดีหรือเปล่าอะไรอย่างี้เนาะ
00:24:44 → 00:24:47 อื่นๆเช่นปัญหาขากระตุกขณะหลับบ่อยปัญหา
00:24:47 → 00:24:50 กัดฟันบ่อยๆขณะหลับพวกเนี้ยก็คือต้องการ
00:24:50 → 00:24:52 รู้ว่าพฤติกรรมในการนอนที่เกิดขึ้นเนี่ย
00:24:52 → 00:24:55 มันมีกลไกจากสาเหตุอะไรก็จะตรวจการนอน
00:24:55 → 00:24:57 หลับนะครับการตรวจการนอนหลับเนี่ยทำยังไง
00:24:57 → 00:25:00 บ้างก็จะเป็นการตรวจ 1 คืนบางคนก็อาจจะ
00:25:00 → 00:25:02 ตรวจ 2 คืนแล้วแต่นะครับมีอุปกรณ์ติดใน
00:25:02 → 00:25:05 ร่างกายทั่วเลยเนาะปัจจุบันการตรวจมีทั้ง
00:25:05 → 00:25:07 แบบทำที่บ้านทำที่โรงพยาบาลก็ได้อุปกรณ์
00:25:07 → 00:25:11 กรติดมีหลากหลายแบบแบบเต็มแบบย่อแบบย่อก็
00:25:11 → 00:25:13 จะรู้ข้อมูลที่ลดลงมาแล้วแต่ว่าเราจะ
00:25:13 → 00:25:17 โฟกัสเรื่องไหนเราก็จะทราบว่าเรามีการผิด
00:25:17 → 00:25:20 ปกติในระหว่างการหลับมเนาะถ้าพูดถึงภาวะ
00:25:20 → 00:25:22 หยุดหายใจเราจะทราบค่าหนึจากการตรวจการ
00:25:22 → 00:25:25 นอนหลับได้ดัชนีการหยุดหายใจขณะหลับซึ่ง
00:25:25 → 00:25:27 จะบ่งบอกว่าชั่วโมงนึงหยุดหายใจเนี่ยกี่
00:25:27 → 00:25:30 ครั้งถ้าเกิดมีค่าเออกมาเนี่ยอยู่ในค่า
00:25:30 → 00:25:33 ที่ไม่เกิน 5 ครั้งต่อชั่วโมงเราคือคน
00:25:33 → 00:25:35 ปกติแต่ถ้ามันมีค่าที่หยุดหายใจมากกว่า 5
00:25:35 → 00:25:37 ครั้งต่อชั่วโมงอันนี้คือค่าที่ผิดปกติก็
00:25:37 → 00:25:39 แยกกันไปว่าเป็นมากน้อยแค่ไหนถ้าเป็น
00:25:39 → 00:25:42 ระหว่าง 5-15 เล็กเป็นอันดับที่น้อยอยู่
00:25:42 → 00:25:45 15-30 ระดับปานกลางถ้า 30 อัพขึ้นไปแปล
00:25:45 → 00:25:48 ว่ารุนแรงและเป็นหนักและถามว่าแยกเหล่า
00:25:48 → 00:25:50 นี้เพราะอะไรแยกเพราะว่าเราจะได้รู้ว่าคน
00:25:50 → 00:25:53 ที่มีระดับความหยุดหายใจที่มันมากน้อยแค่
00:25:53 → 00:25:56 ไหนเนี่ยมันมีความเสี่ยงในการเกิดโรคมาก
00:25:56 → 00:25:58 น้อยแค่ไหนถ้าเกิดคนที่เป็นน้อยๆเนี่ยเรา
00:25:58 → 00:26:02 อาจจะพอมีช้อยส์ในการรักษาอื่นๆเช่นนอน
00:26:02 → 00:26:05 ตะแคงนะครับปรับพฤติกรรมนะครับนอนให้พอ
00:26:05 → 00:26:07 อะไรอย่างงี้เนาะแล้วก็ลดน้ำหนักอะไร
00:26:07 → 00:26:09 อย่างเงี้ยนะครับแต่ถ้าเป็นระดับที่ค่อน
00:26:09 → 00:26:11 ข้างปานกลางขึ้นไปและหยุดหายใจ 15 ครั้ง
00:26:11 → 00:26:14 ขึ้นไปแบบเนี้ยควรต้องมีการรักษาที่เร่ง
00:26:14 → 00:26:16 ด่วนและเพราะมีผลต่อร่างกายเยอะอย่างพวก
00:26:16 → 00:26:18 โรคหัวใจหลอดเลือดอย่างที่กล่าวไปตอนแรก
00:26:18 → 00:26:21 อ่ะครับการไปทำ sleep test คือ 1 คืนถึง
00:26:21 → 00:26:24 2 คืนอ่าแล้วแต่ว่าถ้าเป็นการตรวจการนอน
00:26:24 → 00:26:26 หลับแบบที่โรงพยาบาลเนี่ยก็ส่วนมากก็ 1
00:26:26 → 00:26:29 คืนแต่ที่บ้านเนี่ยเราอาจจะแล้วแต่ว่า
00:26:29 → 00:26:31 อุปกรณ์แบบยอเนี่ยเราอาจจะตรวจได้มากกว่า
00:26:31 → 00:26:34 1 คืนอาจจะมีคำถามสงสัยค่ะว่าแล้วถ้า
00:26:34 → 00:26:36 สมมุติคืนที่เราไปตรวจที่โรงพยาบาลสมมติ
00:26:36 → 00:26:39 ไปคืนคืนเดียวจะเป็นคืนที่เรานอนปกติก็
00:26:39 → 00:26:41 ไม่เจอผลอะไรอย่างี้เคยเคยเกิดขึ้นมั้คะ
00:26:41 → 00:26:44 คุณหมอจริงๆแล้วเนี่ยมันจะไม่ค่อยต่างกับ
00:26:44 → 00:26:46 คืนต่างอื่นๆเท่าไหร่นะครับเพราะว่าการ
00:26:46 → 00:26:48 นอนคนเรามันก็จะมีความใกล้เคียงกันแต่ละ
00:26:48 → 00:26:50 คืนแต่มันอาจจะมีความแตกต่างแต่ละคืนได้เ
00:26:50 → 00:26:52 เรียก night to night variation ก็คือ
00:26:52 → 00:26:55 อาจจะมีการลดลงของการหยุดหายใจบางคืน
00:26:55 → 00:26:59 เนี่ยเรานอนดีก็อาจจะไม่ได้กลนมากบางคืน
00:26:59 → 00:27:01 เราเหนื่อยเยอะอาจจะกลบ
00:27:01 → 00:27:04 ได้ไม่ต่างกันแต่ถ้าคะแนนค่อนข้างหยุดหาย
00:27:04 → 00:27:06 ใจค่อนข้างเยอะอ่ะมันก็มักจะแปลว่าเราน่า
00:27:06 → 00:27:09 จะเป็นค่อนข้างเยอะบวกลบกันไม่เกิน 5 ไม่
00:27:09 → 00:27:12 ถึง 10 ประมาณนี้ก็มีความแตกต่างกันได้
00:27:12 → 00:27:14 ปกติแล้วเนี่ยตรวจการนอนเนี่ยก็จะเ่อให้
00:27:14 → 00:27:17 ตรวจพยายามให้คนไข้นอนเองก่อนแต่ถ้าเกิด
00:27:17 → 00:27:20 ว่าไม่หลับจริงๆก็จะมียาให้รับประทานแล้ว
00:27:20 → 00:27:22 ก็ให้คนไข้หลับได้ค่ะแล้วสมมุติพอ
00:27:22 → 00:27:25 วินิจฉัยแล้วว่าเฮ้ยเรามีภาวะหยุดหายใจ
00:27:25 → 00:27:28 ขณะหลับที่รุนแรงเราต้องทำยังไงต่อคะอถ้า
00:27:28 → 00:27:30 เป็นระดับรุนแรงเนี่ยปกติหมอจะประเมินการ
00:27:30 → 00:27:33 ดูโครงสร้างภายในช่องคอยและจมูกด้วยนะ
00:27:33 → 00:27:36 ครับยกตัวอย่างเช่นถ้าเกิดว่าโอเคคนไข้มี
00:27:36 → 00:27:38 ภาวะหยุดหายใจที่ค่อนข้างเยอะหยุดหายใจ
00:27:39 → 00:27:41 ระดับที่จาก 30-40 ครั้งขึ้นไปเลยแล้วก็
00:27:41 → 00:27:44 เป็นน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างเยอะด้วยนะครับ
00:27:44 → 00:27:46 ในภาวะเนี้ยการรักษาหลักจะเป็นการใช้
00:27:46 → 00:27:47 เครื่องเรียกว่าเครื่อง Cpap เครื่อง Cpap
00:27:47 → 00:27:49 ก็คือเรียกว่าเครื่องอัดอากาศนะฮะเครื่อง
00:27:49 → 00:27:51 อัดอากาศเนี่ยจะเป็นเครื่องที่มีหน้าที่
00:27:51 → 00:27:54 ในการที่จะเปิดเอาลมไปเป็นแรงดันลมอ่ะ
00:27:54 → 00:27:57 ครับเข้าไปเปิดทางในคอให้ช่องคอมันมีการ
00:27:57 → 00:27:59 โล่งเวลาที่เราใช้เครื่องเนี้ยเราจะหลับ
00:27:59 → 00:28:02 โดยที่ไม่มีเสียงกรนเพราะว่าลมมันจะไป
00:28:02 → 00:28:04 เปิดทางในคอให้เราเราก็จะหลับโดยที่เป็น
00:28:04 → 00:28:06 การหายใจของเราเองเนี่ยราบรื่นไม่มีการ
00:28:06 → 00:28:09 หยุดหายใจหรือหยุดหายใจไม่เกินชั่วโมงละ 5
00:28:09 → 00:28:12 ครั้งอันนี้ก็เป็นค่าปกตินะครับถ้าคะแนน
00:28:12 → 00:28:14 ค่อนข้างเยอะจะเลือกไปในทางของการใช้
00:28:14 → 00:28:16 เครื่องอัดอากาศเพราะว่ามันเกิดการติดบ
00:28:17 → 00:28:18 แคบค่อนข้างหนักถ้าติดแคบหนักเหมือนถนน
00:28:18 → 00:28:21 เหมือนถนนเนี่ยมันมีการแคบทั้งถนนเนี่ย
00:28:21 → 00:28:23 เราต้องเอาลมตำรวจไปเปิดทางให้หมดเลยจะ
00:28:23 → 00:28:26 ได้เป็นทางที่โล่ใช่มแต่ถ้าตัวเลขออกมา
00:28:26 → 00:28:29 ค่อนข้างน้อยหยุดหายใจออกมาไม่ถึง 10
00:28:29 → 00:28:31 ครั้งนะ 10 กว่าครั้งพวกนี้หมอก็จะดูโครง
00:28:31 → 00:28:33 สร้างแล้วว่ามันเกิดจากการติดแคบบางจุด
00:28:33 → 00:28:37 ที่ไหนยกตัวอย่างเช่นบางคนเนี่ยอ่าผอมนะ
00:28:37 → 00:28:40 น้ำหนักน้อยแล้วมีปัญหาจมูกตันอย่างเดียว
00:28:40 → 00:28:43 เลยนะคออะไรนี่คือโล่งหมดเลยต่อพอซินไม่
00:28:43 → 00:28:46 โตคอโล่งหมดการรักษาแค่จมูกให้โล่งทำให้
00:28:46 → 00:28:49 หายคนได้หรือบางทีจมูกโล่งแต่ว่ามีเพดาน
00:28:49 → 00:28:52 ที่หย่อนลิ้นไก่ที่ยาวการผ่าตัดบางจุดแค่
00:28:52 → 00:28:54 ผ่าตัดให้ลิ้นไก่สั้นลงหรือเลเซอร์
00:28:54 → 00:28:57 ตำแหน่งของเพดานให้มันกระชับขึ้นก็ทำให้
00:28:57 → 00:29:00 อาการกลมันหายได้เพราะฉะนั้นคิดสวนทางกัน
00:29:00 → 00:29:03 นิดนึงว่าการผ่าตัดจะเวิร์คกับคนที่เป็น
00:29:03 → 00:29:05 ไม่เยอะหรือคนที่ที่มีการติดแคบแค่บางจุด
00:29:05 → 00:29:08 แต่ถ้าเป็นการติดแคบทั้งบริเวณน้ำหนัก
00:29:08 → 00:29:11 เยอะมันแคบหมดเลยน้ำหนักเยอะมีปัญหาอายุ
00:29:11 → 00:29:14 เยอะพวกนี้เป็นแคบการหย่อนทั้งบริเวณเรา
00:29:14 → 00:29:17 ก็ต้องเอาเครื่อง Cpap เนี่ยเอาลมไปผลัก
00:29:17 → 00:29:19 เปิดทางให้เพราะฉะนั้น Cpap จะเป็นตัว
00:29:19 → 00:29:21 เลือกหลักในคนที่เป็นค่อนข้างหนักแต่ถ้า
00:29:21 → 00:29:23 เป็นไม่เยอะก็จะมีช้อยส์ในการรักษามาก
00:29:23 → 00:29:26 ขึ้นอาจจะใช้ CAPAP ก็ได้เลเซอร์ผ่าตัดใน
00:29:26 → 00:29:29 ช่องคอหรือจมูกก็ได้ก็จะเป็นช้อยส์ที่มาก
00:29:29 → 00:29:32 ขึ้นค่ะนะครับอายุมากขึ้นน่ะทำให้เรานอน
00:29:32 → 00:29:35 กรนได้เพราะว่ากล้ามเนื้อมันหย่อนยากมัน
00:29:35 → 00:29:38 มันเกิดทุกคนแน่ๆเลยมั้ยคะทุกคนแน่ๆทุกคน
00:29:38 → 00:29:41 จะนอนกรนเมื่ออายุมากขึ้นอใช่ฮะแล้วแล้ว
00:29:41 → 00:29:43 ทุกคนต้องใช้มั้คะจริงๆมันก็มีความแตก
00:29:43 → 00:29:46 ต่างกันแต่ละคนเนาะคือแต่ละคนปัจจัย
00:29:46 → 00:29:48 พันธุกรรมมันก็แตกต่างบางคนอายุมากๆ 70-
00:29:48 → 00:29:52 80 ก็ไม่กรนแต่บางคนก็อาจจะมีความหย่อน
00:29:52 → 00:29:54 ยานมากกว่าอันนี้น่าจะเป็นแล้วแต่บุคคล
00:29:54 → 00:29:58 โดยเฉพาะคนที่อายุมากแล้วมีไขมันเยอะน้ำ
00:29:58 → 00:30:00 หนักเยอะเนี่ยก็จะมีความหย่อนที่มากกว่า
00:30:00 → 00:30:04 คนอื่นเขานะคะแล้วเราจะดูแลตัวเองได้มั้
00:30:04 → 00:30:06 วันนี้เพื่อที่แบบเออเราไม่อยากเป็นคน
00:30:06 → 00:30:09 นั้นที่นอนมากจนหายใจต้องหยุดหายใจเยอะๆ
00:30:09 → 00:30:11 อย่างเงี้ค่ะต้องดูแลตัวเองให้น้ำหนักไม่
00:30:11 → 00:30:14 เยอะแล้วก็จริงๆก็จะมีการบริหารโครงสร้าง
00:30:14 → 00:30:16 ในช่องคอช่องปากเขาเรียก Myctional
00:30:16 → 00:30:19 Therapy for OSA เป็นการออกกำลังกาย
00:30:19 → 00:30:22 อ่ะครับโครงสร้างลิ้นโครงสร้างภายในคอ
00:30:22 → 00:30:24 เนี่ยให้มันมีการตึงปัจจุบันก็มีรีเสิร์ช
00:30:24 → 00:30:27 ใหม่ๆที่บอกว่าโอเคมันช่วยในการที่จะลด
00:30:27 → 00:30:30 การกรนระดับน้อยๆหรือป้องกันไม่ให้เกิด
00:30:30 → 00:30:34 การกรนได้ถามยังไงคะจะดูมีใน YouTube นะ
00:30:34 → 00:30:36 มันมีเป็นกระบวนการหลายอย่างเลยเช่นเอา
00:30:37 → 00:30:39 ลิ้นเนี่ยไปชิดที่กระพุ้งแก้มซ้ายขวาไป
00:30:40 → 00:30:41 ดันที่เพดานอะไรอย่างเงี้ยครับแล้วก็แลบ
00:30:41 → 00:30:44 ลิ้นหรือมีการทำท่าทางในการเป่าอะไรเงี้ย
00:30:44 → 00:30:47 ก็จะเป็นการบริหารทั้งกระพุงแก้มคอเพดาน
00:30:47 → 00:30:49 อะไรต่างๆให้มันไม่หย่อนเยอะอะไรอย่าง
00:30:49 → 00:30:51 เงี้ยนะครับที่เราคุยกันมาทั้งหมดเนาะ
00:30:51 → 00:30:54 อายุมากขึ้นน่ะมันก็มีผลต่อเรื่องของระบบ
00:30:54 → 00:30:57 การหายใจการนอนของเราอยู่แล้วค่ะทีนี้
00:30:57 → 00:31:00 แพนด้าอยากรู้ว่าแล้วคุณหมอเคยเจอเคสไหน
00:31:00 → 00:31:02 ที่เป็นเคสที่อายุน้อยที่สุดเลยมั้ยคะก็
00:31:02 → 00:31:05 ประมาณ 2-3 ขวบจริงๆก็หยุดหายใจได้แล้วนะ
00:31:05 → 00:31:07 ครับในเด็กเนี่ยครับก็เกิดภาวะหยุดหายใจ
00:31:07 → 00:31:09 ขณะหลับได้ซึ่งสาเหตุในการเกิดไม่เหมือน
00:31:09 → 00:31:12 กับผู้ใหญ่ผู้ใหญ่เราก็จะเป็นจากน้ำหนัก
00:31:12 → 00:31:14 ตัวอายุหรือว่าโครงสร้างนะครับแต่เด็ก
00:31:14 → 00:31:17 เนี่ยจะเป็นจากสาเหตุหลักๆคือโครงสร้างก็
00:31:17 → 00:31:20 คือเขาจะมีต่อม 2 ต่อมที่ก่อปัญหาชื่อ
00:31:20 → 00:31:22 ต่อมทอนซินและต่อมอดีนอยนะฮะต่อมทอนซิน
00:31:22 → 00:31:25 เนี่ยจะเป็นลูกมะนาวอยู่ในคอขนาดใหญ่นะ
00:31:25 → 00:31:28 อ้าปากก็เห็นเป็นก้อนอยู่ในคอนะอันเนี้ย
00:31:28 → 00:31:31 เวลาที่เขาโตในช่วง 10 ขวบปีแรกเนี่ยเขา
00:31:31 → 00:31:33 จะมีต่อมที่ค่อนข้างใหญ่ได้กับอีกต่อมนึง
00:31:33 → 00:31:35 ที่ต่อมอดีนอยต่อมอดีนอยจะเป็นต่อมที่
00:31:35 → 00:31:38 อยู่หลังจมูกนะครับเวลาที่เด็กเขาหายใจ
00:31:38 → 00:31:40 เนี่ยลมมันก็จะถูกขัดจังหวะด้วยต่อม 2
00:31:40 → 00:31:43 ต่อมนี้ปกติแล้วการรักษาก็จะเริ่มต้นจาก
00:31:43 → 00:31:45 ว่าโอเคเราประเมินก่อนว่าเา้ามีความ
00:31:45 → 00:31:48 เสี่ยงหยุดหายใจหรือเปล่าเช่นกากการตื่น
00:31:48 → 00:31:51 บ่อยๆกลางดึกเนามีปัสสาวราฎนะครับหรือว่า
00:31:52 → 00:31:54 เด็กที่นอนกลเสียงดังพวกเนี้ยเขาจะมี
00:31:54 → 00:31:57 ปัญหาที่เกิดในช่วงกลางวันคือเขาจะสมาธิ
00:31:57 → 00:32:00 สั้นได้นะเด็กจะเป็นเด็กที่เกเรเป็นเด็ก
00:32:00 → 00:32:02 ที่อยู่ไม่นิ่งเหมือนกับผู้ใหญ่เราง่วง
00:32:02 → 00:32:04 อ่ะแต่เด็กเขาจะเป็นความง่วงที่ออกมาใน
00:32:04 → 00:32:08 รูปแบบซนนะครับซนแล้วก็ปีนป่ายสมาธิสั้น
00:32:08 → 00:32:11 พอมีภาวะนี้แล้วเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นคือ
00:32:11 → 00:32:13 โรสฮอร์โมนมันจะหลั่งไม่ดีเพราะว่าตอน
00:32:13 → 00:32:16 หลับลึกก็จะมีการหลั่งโกสฮอร์โมนให้เด็ก
00:32:16 → 00:32:18 เขาเติบโตพัฒนาการดีนะครับเด็กพวกเนี้ยเ
00:32:18 → 00:32:21 บางทีเขาจะโตไม่ทันเพื่อนเขาจะมีปัญหา
00:32:21 → 00:32:24 พัฒนาการเพราะฉะนั้นเนี่ยก็ต้องสงสัยภาวะ
00:32:24 → 00:32:26 นี้และเวลาที่เราประเมินดูก็ดูว่ามันมี
00:32:26 → 00:32:29 สาเหตุของต่อม 2 ต่อมนี้ที่โตมยอาจจะ
00:32:29 → 00:32:32 ทำลิปเทสก็ได้เพื่อดูว่ามีการหยุดหายใจ
00:32:32 → 00:32:35 หรือเปล่านะครับปกติหมอก็จะดูว่าโอเคถ้า
00:32:35 → 00:32:38 มีการใหญ่ของ 2 2 ต่อมนี้ก็จะเป็นการให้
00:32:38 → 00:32:41 ยาก่อนเป็นการล้างจมูกพ่นยาพ่นจมูกให้
00:32:41 → 00:32:43 ต่อมมันยุบหรือเป็นการกินยานะครับถ้ามัน
00:32:43 → 00:32:47 ยุบลงก็ดีแต่ถ้าไม่ยุบก็ควรจะผ่าตัดต่อม 2
00:32:47 → 00:32:50 ต่อมนี้ออกแล้วน้องก็จะหายกรนพ้นจากภาวะ
00:32:50 → 00:32:53 หยุดหายใจพัฒนาการก็จะกลับมาจะเห็นได้ว่า
00:32:53 → 00:32:55 พอรักษาไปแล้วเนี่ยเด็กเขาจะกลับมาเป็น
00:32:55 → 00:32:57 เด็กที่ซนน้อยลงจะเรียนเก่งขึ้นหลังจาก
00:32:58 → 00:33:00 ที่แก้ไขภาวะนี้ไปแล้วโอ้เป็นเรื่องที่
00:33:00 → 00:33:07 น่าใส่ใจมากใช่ครับ
00:33:07 → 00:33:11 บางครั้งคิดว่าออก็ลูกเล่นซนมาก็นอนกรน
00:33:11 → 00:33:13 เป็นเรื่องปกติแต่จริงๆอาจจะไม่ได้ปกติ
00:33:13 → 00:33:15 ใช่ครับคือเราจะมองว่าการกลคือการที่แบบ
00:33:15 → 00:33:17 เอ้ยหลับดีนอนหลับอะไรอย่างเงี้ยซึ่งเป็น
00:33:17 → 00:33:20 ความคิดที่ไม่ถูกต้องแล้วก็ต้องปรับ
00:33:20 → 00:33:22 เปลี่ยนความคิดอจริงๆแพนด้าเคยได้ยินมา
00:33:22 → 00:33:25 ด้วยซ้ำนะว่าแบบการนอนกรนเด็กกรนเป็นเด็ก
00:33:25 → 00:33:27 ก้าวร้าวเออมันมันเกี่ยวข้องกันใช่ก็คือ
00:33:27 → 00:33:30 ทั้งอารมณ์มูดเนาะเขาก็จะสวิงได้ง่าย
00:33:30 → 00:33:32 เพราะเมีการหลับที่มันเป็นคุณภาพไม่ดีอ่ะ
00:33:32 → 00:33:35 ค่ะเหลับลึกไม่ดีการหลั่งของฮอร์โมนเติบ
00:33:35 → 00:33:37 โตมันก็ไม่ดีเพราะฉะนั้นเนี่ยอารมณ์เขาก็
00:33:37 → 00:33:40 ไม่อยู่กับที่นะครับแล้วก็พฤติกรรมของ
00:33:40 → 00:33:42 ความซนหรือสมาธิสั้นก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย
00:33:42 → 00:33:45 อือจริงๆแล้วเนาะบางครั้งเรามองแค่เรื่อง
00:33:45 → 00:33:47 นิสัยไม่ได้มันอาจจะมาจากปัญหาสุขภาพก็
00:33:48 → 00:33:52 ได้มีปัญหาทางกายอก็ต้องแก้ร่วมกันไปค่ะ
00:33:52 → 00:33:54 คำถามสุดท้ายค่ะคุณหมอที่เราคุยกันมาทั้ง
00:33:54 → 00:33:56 หมดเนาะอ่าช่วงเวลาที่เรานอนหลับอ่ะมัน
00:33:57 → 00:33:59 เป็นช่วงเวลาที่เราอาจจะเรียกว่าไม่มีสติ
00:33:59 → 00:34:01 แล้วกันอ่ะมันมีสติปติได้ยากเพราะว่าเรา
00:34:01 → 00:34:04 หลับเราไม่รู้ตัวหลายๆคนก็อาจจะมีภาวะของ
00:34:04 → 00:34:08 การกลัวการนอนหลับเพราะว่ากลัวที่จะหลับ
00:34:08 → 00:34:12 แล้วหยุดหายใจแล้วตายไปเลยเออคุณหมอมีคำ
00:34:12 → 00:34:14 แนะนำยังไงบ้างในการที่เราจะวางใจยังไงดี
00:34:15 → 00:34:17 ก่อนนอนเพื่อให้เราเนี่ยนอนได้ดีขึ้นเรา
00:34:17 → 00:34:19 กลัวจากอะไรเราต้องเราต้องแยกแยะความคิด
00:34:19 → 00:34:21 เรานะว่าเรากลัวเพราะอะไรความกลัวนั้น
00:34:21 → 00:34:23 เกิดจากสาเหตุอะไรนะครับถ้าเรากลัวเพราะ
00:34:23 → 00:34:26 เรามีอาการผิดปกติเช่นเรากรนเราสงสัยการ
00:34:26 → 00:34:29 หยุดหายใจเราก็ควรจะมาหาหมอเพื่อแก้ปัญหา
00:34:29 → 00:34:32 ตรงนั้นไม่ใช่ว่ากลัวต่อไปเพราะการนอน
00:34:32 → 00:34:34 เนี่ยมันต้องเกิดจากความผ่อนคลายของจิตใจ
00:34:35 → 00:34:37 เนาะต้องมีการรีกเนาะความพยายามใช้กับทุก
00:34:37 → 00:34:40 อย่างได้ยกเว้นแต่การนอนถูกมยอ่าเรา
00:34:40 → 00:34:42 พยายามกับเรื่องนั้นเรื่องนี้เรื่องเรียน
00:34:42 → 00:34:44 เรื่องทำงานดีหมดยกเว้นแต่เรื่องการนอน
00:34:44 → 00:34:47 เนาะเพราะฉะนั้นมีอะไรให้กังวลใจเราต้อง
00:34:47 → 00:34:50 แก้ปัญหาอาจจะมานั่งเขียนก่อนนอนเลยว่า
00:34:50 → 00:34:52 เรากังวลเรื่องอะไรอยู่แยกแยะเป็นเรื่อง
00:34:52 → 00:34:55 ที่แก้ได้แก้ไม่ได้นะครับเรื่องที่แก้ได้
00:34:55 → 00:34:57 เช่นเรากังวลเรื่องสุขภาพเราอ้าวไปหาหมอ
00:34:57 → 00:35:00 สิไปเจอแพทย์ไปอะไรปรึกษาให้เรียบร้อย
00:35:00 → 00:35:02 อะไรที่แก้ไม่ได้เช่นเรากังวลเรื่องโอเค
00:35:02 → 00:35:05 เหตุบ้านการเมืองต่างๆดาราเป็นอะไรอัน
00:35:05 → 00:35:07 นั้นเราแก้ไม่ได้อยู่นอกเหนือแต่สิ่งที่
00:35:07 → 00:35:10 เราจะควบคุมได้เราก็ต้องปล่อยเพราะฉะนั้น
00:35:10 → 00:35:12 เนี่ยพยายามแยกแยะความคิดเราในช่วงก่อน
00:35:13 → 00:35:17 นอนแล้วก็หาสาเหตุเพื่อจะแก้ไขถึงจะนอน
00:35:17 → 00:35:20 ได้อย่างมีคุณภาพอืค่ะแล้วอย่างการทำ
00:35:20 → 00:35:23 สมาธิหรือว่าการมีโฟกัสก็ได้ค่ะอยู่กับลม
00:35:23 → 00:35:25 หายใจก่อนนอนหายใจเข้าหายใจออกอย่างมี
00:35:25 → 00:35:28 สติเนี่ยมันจะช่วยทำให้ลมมันflowวขึ้นได้
00:35:28 → 00:35:28 มั้
00:35:28 → 00:35:31 แน่นอนเพราะวางทำให้เราไม่คิดถึงเรื่อง
00:35:31 → 00:35:34 อื่นเวลาทำสมาธิหรือนอนไม่หลับเนี่ยนะ
00:35:34 → 00:35:37 ครับเรานอนไม่หลับเราพยายามกำหนดลมหายใจ
00:35:37 → 00:35:39 เข้าออกลึกๆนะครับเราอาจจะโฟกัสแค่เรื่อง
00:35:39 → 00:35:41 ปลายจมูกเราก็ได้นะว่าให้โฟกัสเรื่อง
00:35:41 → 00:35:43 เดียวนะครับทำให้เราเนี่ยไม่คิดเรื่อง
00:35:43 → 00:35:47 อื่นก็จะหลับได้ดีขึ้นอืโอวันนี้ได้ความ
00:35:47 → 00:35:50 รู้แล้วก็ความเข้าใจเรื่องหูคอจมูกแล้วก็
00:35:50 → 00:35:52 เรื่องการนอนหลับเนาะเทุกช่องทุกรูนะใช่ๆ
00:35:52 → 00:35:55 เดูจริงๆคีย์เวิร์ดของมันคือโดยความเป็น
00:35:55 → 00:35:57 ปกติแล้วมันควรจะ flow มันควรจะไม่มีอะไร
00:35:57 → 00:36:00 ไปขวางไปกั้นเหมือนถนนที่มันถูกบล็อกไว้
00:36:00 → 00:36:02 นะครับเราก็ต้องไปแก้ไขอเพราะฉะนั้น
00:36:02 → 00:36:05 สาเหตุของการกรนของแต่ละคนปัญหาสุขภาพของ
00:36:05 → 00:36:07 แต่ละคนจริงๆก็ต้องมาดูเป็นรายบุคคลไปอีก
00:36:07 → 00:36:09 ว่าแล้วอะไรที่ทำให้ถนนเส้นนั้นของคุณ
00:36:09 → 00:36:12 เนี่ยไม่ flow อ่ะก็มาแก้ไขกันไปนะคะรวม
00:36:12 → 00:36:15 ถึงนว่าเราได้เทคนิคเล็กๆน้อยๆที่เราจะไป
00:36:15 → 00:36:17 ทำกันได้ทุกวันเรื่องของการดูแลจมูกของ
00:36:17 → 00:36:19 เราด้วยเนาะเพราะว่าอุ๊ยสำคัญมากๆเลยอยู่
00:36:19 → 00:36:22 หายใจก็ไม่ได้อ่าก็ต้องดูแลกันไปค่ะวัน
00:36:22 → 00:36:24 นี้ก็ต้องขอขอบคุณคุณหมอมากๆเลยนะคะที่มา
00:36:24 → 00:36:27 ให้ความรู้นะคะแล้วก็เดี๋ยวเราจะมี EP
00:36:27 → 00:36:30 หน้าครับขอสปอยไว้นิดนึงว่า EP หน้าเนี่ย
00:36:30 → 00:36:33 อเกี่ยวกับความเชื่อด้วยเรื่องผีอำด้วย
00:36:33 → 00:36:35 อะไรด้วยนะคะอ่ะหลายๆท่านน่าจะอยากดูนะ
00:36:35 → 00:36:38 เดี๋ยวติดตามนะคะฝากติดตามช่องเกลาเอาไว้
00:36:38 → 00:36:40 ก่อนนะคะเดี๋ยวเรามาดู EP หน้ากันแล้ววัน
00:36:40 → 00:36:43 นี้ค่ะทางเกลาก็มีกระเป๋าผ้ามอบให้คุณหมอ
00:36:43 → 00:36:47 นะคะนี่กระเป๋าผ้าเก่าค่ะสามารถใส่ได้โฟล
00:36:48 → 00:36:50 ค่ะตอนนี้อันนี้ใส่ได้ไม่ต้องไม่ต้องกลัว
00:36:50 → 00:36:54 อุตันนะคะใส่ได้เยอะแน่นอนค่ะอันนี้มอบ
00:36:54 → 00:36:57 ให้คุณหมอเลยนะคะแล้วก็ค่ะถ้าใครที่อยาก
00:36:57 → 00:36:59 ได้กระเป๋าผ้าแบบนี้นะคะสามารถสั่งซื้อ
00:36:59 → 00:37:01 ได้ที่ใต้ description นี้เลยนะคะทางเกลา
00:37:01 → 00:37:03 ยังมีเสื้อเกลาสวยๆแบบนี้นะคะแล้วก็มี
00:37:03 → 00:37:05 หมวกด้วยนะคะสามารถอุดหนุนได้นะแล้วก็ถ้า
00:37:05 → 00:37:07 ใครอยากติดตามคุณหมอนะคะก็สามารถติดตาม
00:37:07 → 00:37:10 ได้ที่ช่องทางไหนคะคุณหมอก็ติดตามด้วยทาง
00:37:10 → 00:37:12 เพจหมมหูคอจมูกและการนอนหลับก็มีทั้ง
00:37:12 → 00:37:15 Facebook แล้วก็ TikTok ครับค่ะติดตาม
00:37:15 → 00:37:17 คุณหมอแล้วก็ติดตามเกล่าด้วยนะคะเดี๋เจอ
00:37:17 → 00:37:20 กันใหม่ EP หน้านะคะทั้งคุณหมอแล้วก็ทุก
00:37:20 → 00:37:21 คนเลยค่ะสำหรับวันนี้สวัสดีค่ะคุณหมอ
00:37:21 → 00:37:25 สวัสดีครับขอบคุณเอ
00:37:25 → 00:37:44 [เพลง]