00:00:00 → 00:00:13 [เพลง]
00:00:13 → 00:00:17 ครับพี่หมอครับสวัสดีครับสวัสดีครับ
00:00:17 → 00:00:20 สวัสดีทุกสวัสดีครับคุณหมครับครับสวัสดี
00:00:20 → 00:00:24 ครับสวัสดีครับครับครับท่าน
00:00:24 → 00:00:28 ครับวันนี้เจอกัน
00:00:28 → 00:00:35 เอ่อกลางสัปดาห์นะเอ่อกลางสัปดาห์เนี่ยอื
00:00:35 → 00:00:37 คือจะสังเกตว่าในช่วงสักปลายๆสัปดาห์หรือ
00:00:37 → 00:00:40 ต้นสัปดาห์เนี่ยหมอก็พยายามเอาความรู้
00:00:40 → 00:00:44 เรื่องคอเลสเตอรอลเดิมๆ่ะนะนะก็เอามามา
00:00:44 → 00:00:49 สรุปรวบรวมแล้วก็เอาไปโพสต์นะฮะนะไปโพสต์
00:00:49 → 00:00:51 เสริมรายละเอียดให้พวกเราได้อ่านกันนะ
00:00:52 → 00:00:55 แล้วก็ทำความเข้าใจอ่าที่พูดว่าไอ้
00:00:55 → 00:00:58 คอเลสเตอรอลแนวใหม่นะอ้างอิงตามงานวิจัย
00:00:58 → 00:01:03 อ่าล่าสุดสุดนะฮะนะที่เา้าถือว่าเป็นองค์
00:01:03 → 00:01:07 ความรู้ใหม่อัปเดตเลยนะนะในเพจของของทาง
00:01:07 → 00:01:11 เราเนี่ยนะแต่ทีนี้เอ่อในแง่ของการเอามา
00:01:11 → 00:01:17 ใช้เอามาอธิบายเรื่องของการปฏิบัติน่ะเ
00:01:17 → 00:01:19 ซึ่งมันเป็นเรื่องของ clinical Practice
00:01:19 → 00:01:23 นะฮะนะอันเนี้ยเราจะเอามาใช้ยังไงังยังไง
00:01:23 → 00:01:26 บ้างนะฮะทีนี้วันเนี้ยรายละเอียดต่างๆก็
00:01:26 → 00:01:29 เป็นรายละเอียดในเรื่องของคอเลสเตอรอลใน
00:01:29 → 00:01:31 เชิงก็ไม่ได้ว่าเชิงลึกหรอกนะเชิงราย
00:01:31 → 00:01:35 ละเอียดแล้วกันนะฮะอาจจะมีเก็บเล็กผสม
00:01:35 → 00:01:39 น้อยอาจจะเป็นตรงไหนอะไรต่างๆเนี่ยบางบาง
00:01:39 → 00:01:42 ทีเราฟังแล้วเราก็จะได้เข้าใจแบบทะลุทะลุ
00:01:43 → 00:01:46 ไปอ่ะนะว่าเออมันไม่กั๊กๆหรือว่ามันไม่
00:01:46 → 00:01:49 ยังงงๆอยู่ฟังแล้วเอ๊เหตุผลคืออะไรไม่รู้
00:01:49 → 00:01:53 อ่ะนะเนี่ยวันนี้หมอเจะมาเล่านะไม่มี
00:01:53 → 00:01:56 สไลด์อะไรมากมายนะฮสไลด์ก็เป็นสไลด์เก่า
00:01:56 → 00:01:59 นะแต่วันนี้ก็จะมาพยายามเล่านะพยายาม
00:01:59 → 00:02:03 เขียนเป็นเรื่องเล่าอ่ะนะก็ฟังๆดูเนาะนะ
00:02:03 → 00:02:07 ครับทีนี้มันก็มีการถามคำถามขึ้นมาแหละ
00:02:07 → 00:02:11 ว่าอืเนี่ยนะคือในทางการแพทย์กระแสหลัก
00:02:11 → 00:02:13 เราอ่ะเวลาไปตรวจร่างกายไปตรวจเช็คอัพ
00:02:13 → 00:02:16 อะไรต่างๆแล้วเนี่ยผลหลปิดโปรไฟล์เนี่ย
00:02:16 → 00:02:19 มันมีการเปลี่ยนแปลงของไอ้ตัวไขมัน 4 ตัว
00:02:19 → 00:02:22 เนี้ยนะฮะแล้วถ้าเกิดมีการสูงเนี่ยก็อาจ
00:02:22 → 00:02:26 จะโดนได้รับยาหรือหรือเ่อนัดติดตามผลแล้ว
00:02:26 → 00:02:30 ก็มีการให้ข้อมูลทางด้านสุขศึกษานะพูด
00:02:30 → 00:02:32 ง่ายๆอย่าเงี้ยนะว่าจะต้องกินอะไรไม่กิน
00:02:32 → 00:02:34 อะไรหลีกเลี่ยงอะไรแล้วต้องทำยังไงอะไร
00:02:34 → 00:02:37 อย่างเงี้ยนะอย่างนึงในเรื่องของโภชนาการ
00:02:37 → 00:02:41 เนี่ยนะเราก็จะได้ถูกเตือนว่างดไข่แดง
00:02:41 → 00:02:45 หรือจำกัดไข่แดงลดไข่แดงลงนะแล้วก็ไอ้พวก
00:02:45 → 00:02:49 กุ้งหอยปลาปูสัตว์น้ำนะพวกเนี้ยนะเค้าการ
00:02:49 → 00:02:52 แพทย์กระแสหลักเก็ถือว่ามันมีคอเลสเตอรอล
00:02:52 → 00:02:54 สูงนะเพราะฉะนั้นตอนเผลเลือดมันเป็นอย่าง
00:02:55 → 00:02:58 เงี้ยก็ควรจะลดไปด้วยหรือตัดไปก่อนไม่กิน
00:02:58 → 00:03:02 นะฮะหลายคนก็ไปทำจริงทำจังอ่ะนะฮะก็คือ
00:03:02 → 00:03:06 ตัดหมดเลยนะฮะคล้ายๆกับว่าสัตว์ใหญ่สัตว์
00:03:06 → 00:03:11 บกของมันๆอ่าไข่แดงหรือว่าเนี่ยสัตว์น้ำ
00:03:11 → 00:03:14 อะไรต่างๆกุ้งหอยปลาปูอะไรต่างๆนะแต่ส่วน
00:03:14 → 00:03:16 ใหญ่จะไม่ค่อยเกี่ยวกับปลาเพราะปลานี่
00:03:16 → 00:03:19 คอเลสเตอรอลน้อยที่สุดนะฮะแต่ว่าในสัตว์
00:03:19 → 00:03:21 น้ำเนี่ยที่คอเลสเตอรอลมากที่สุดก็คือหอย
00:03:21 → 00:03:26 ลองลงมาก็จะเป็นปลาหมึกอ่าแล้วก็แล้วก็
00:03:26 → 00:03:31 กุ้งแล้วก็ปูนะฮะนะส่วนปลาต่างๆเนี่ยไม่
00:03:32 → 00:03:35 เยอะไม่เยอะนะในแง่คอเลสเตอรอลนะปลามันจะ
00:03:35 → 00:03:40 เน้นไปที่โปรตีนนะอ่ะเอ่อที
00:03:40 → 00:03:44 นี้ก็คำถามเนี่ยส่วนใหญ่ก็คือมีการตั้งคำ
00:03:44 → 00:03:47 ถามว่าเออเนี่ยกินไข่ทั้งฟองไข่ขาวด้วย
00:03:47 → 00:03:51 ไข่แดงด้วยแล้วกินวันละหลายๆลูกนะแล้วโดย
00:03:51 → 00:03:54 เฉพาะการกินสัตว์น้ำที่เป็นหอยกับปลาหมึก
00:03:54 → 00:03:58 เนี่ยนะถ้ากินแล้วเนี่ยคอเลสเตอรอลใน
00:03:58 → 00:04:01 เลือดเราจะเป็นยังไงนะฮะนะอันนี้เราก็มา
00:04:01 → 00:04:03 ทายกันดูอ่ะนะคอเลสเตอรอลมันจะเป็นยังไง
00:04:03 → 00:04:06 ถ้ากินสารอาหารที่หมอว่าเนี่ยนะมันจะลดลง
00:04:06 → 00:04:11 มันจะเพิ่มขึ้นนะฮะนะแล้วถ้าเกิดการแพทย
00:04:11 → 00:04:14 กระแสหลักเเตือนมาเรามาอย่างเงี้ยนะนะถ้า
00:04:14 → 00:04:18 เราไปปฏิบัติตามเนี่ยนะผลแลปในคราวหน้า
00:04:18 → 00:04:21 เนี่ยจะพอทายได้ไหนะว่าถ้างดกินแล้วมันจะ
00:04:21 → 00:04:27 ลดลงหรืออ่าถ้าไม่งดกินล่ะนะมันจะลดหรือ
00:04:27 → 00:04:31 มันจะเพิ่มนะฮะนะอันนี้ในแง่ของคำตอบนะฮะ
00:04:31 → 00:04:36 นะหมอตอบสั้นๆก่อนเลยว่านะถ้าจะกินอาหาร
00:04:36 → 00:04:39 ดังที่บอกเนี่ยนะฮะก็คือไข่ทั้งฟองเอาล่ะ
00:04:39 → 00:04:42 กินหลายหลายลูกอ่ะโดยเฉพาะทำไข่โป่งไข่
00:04:42 → 00:04:45 ปั่นไข่ในรูปแบบที่เสริมสุขภาพที่เคยแนะ
00:04:45 → 00:04:49 นำกันไปนะแล้วก็กินหอยกินปลาหมึกเนี่ยเออ
00:04:49 → 00:04:52 ถ้ากินอย่างเงี้ยนะคำตอบก็คือคอเลสเตอรอล
00:04:52 → 00:04:56 จะลดลงนะฮะอ่าคอเลสเตอรอลลดลงคอเลสเตอรอล
00:04:57 → 00:05:01 ลดลงนะเพราะอะไรอันเนี้ยเราจะมาคุยกัน
00:05:01 → 00:05:05 เนาะอ่ะทีนี้ก็เริ่มอย่างงี้นะอ่าเราก็คง
00:05:05 → 00:05:09 ทราบกันแล้วล่ะว่าคอเลสเตอรอลเนี่ยนะใน
00:05:09 → 00:05:14 ทฤษฎีแนวใหม่ที่เราให้ความรู้กันในเพจนะ
00:05:14 → 00:05:18 ก็คือคอเลสเตอรอลนี้เป็นสารชีวภาพที่เรา
00:05:18 → 00:05:22 จัดหมวดหมู่เป็นสารอาหารอ่าไม่ใช่พลังงาน
00:05:22 → 00:05:26 แล้วเขอยู่ในกลุ่มของอาหารประเภทไขมันนะ
00:05:26 → 00:05:29 งั้นคอเลสเตอรอลก็คือเป็นไขมันที่ไม่ได้
00:05:29 → 00:05:32 ให้พลังงานนะ
00:05:32 → 00:05:36 นะคอเลสเตอรอลเกิดขึ้นจากการสร้างของ
00:05:36 → 00:05:40 เซลล์ต่างๆในร่างกายทุกๆเซลล์ที่มี
00:05:40 → 00:05:43 ปฏิกิริยาของพลังงานนะเพราะฉะนั้นเซลล์
00:05:43 → 00:05:46 เนี่ยแน่นอนนะการมีชีวิตของเซลล์การ
00:05:46 → 00:05:49 turnover ของเซลล์นะแล้วก็การเปลี่ยน
00:05:49 → 00:05:52 แปลงอ่าวงจรของเซลล์เนี่ยก็จะต้องมี
00:05:52 → 00:05:56 เรื่องเกี่ยวข้องกับพลังงานนะเพราะฉะนั้น
00:05:56 → 00:05:58 พลังงานที่เกิดขึ้นกับเซลล์นะจะเป็นใน
00:05:58 → 00:06:01 ฝั่งไหนก็ตามนะส่วนใหญ่เราก็แบ่งง่ายๆ
00:06:01 → 00:06:04 เป็น 2 ฝั่งอ่าว่าเซลล์จะมีการสะสมพลัง
00:06:04 → 00:06:08 งานเก็บกัสะสมเปล่าหรือเซลล์จะมีการเผา
00:06:08 → 00:06:12 ผลาญพลังงานนะฮะแต่ก็ต้องต่อยอดอีกนิดนึง
00:06:12 → 00:06:14 ว่าการที่เซลล์ต่างๆเเกิดการปฏิกิริยา
00:06:14 → 00:06:17 พลังงานในแง่ของการเผาผลาญเนี่ยนะการสลาย
00:06:17 → 00:06:20 เผาผลาพลังงานของเซลล์ต้องมีจุดประสงค์นะ
00:06:20 → 00:06:22 ฮะเพราะเซลล์จะเอาพลังงานที่ว่าเนี้ยหรือ
00:06:22 → 00:06:26 ATP อันเนี้ยไปทำอะไรนะฮะก็คือไปซ่อมแซม
00:06:26 → 00:06:29 นะหรือไปสร้างเซลล์ใหม่อันนี้ก็ต้องมีมี
00:06:29 → 00:06:32 มีความต่อเนื่องในเรื่องนี้ด้วยเพราะนั้น
00:06:32 → 00:06:34 เซลล์มันก็จะมี 2 รูปแบบเพรานั้นไม่ว่าจะ
00:06:34 → 00:06:37 เป็นปฏิกิริยาพลังงานในแง่ของการสะสมหรือ
00:06:37 → 00:06:41 เผาผลานก็ดีจะเกิดคอเลสเตอรอลขึ้นมานะก็
00:06:41 → 00:06:45 จะมีการสร้างคอเลสเตอรอลประกบขึ้นมาเป็น
00:06:45 → 00:06:49 เหมือน 2 แนวทางที่คู่ขนานกันไปเออันนี้
00:06:49 → 00:06:52 เราก็รู้แล้วล่ะทีนี้องค์ความรู้เก่า
00:06:52 → 00:06:56 เนี่ยนะหรือการที่มีผู้ให้ความรู้ต่างๆนะ
00:06:56 → 00:06:58 ฮะทั้งหมอและไม่ใช่หมอเนี่ยเราก็ออกมาพูด
00:06:58 → 00:07:03 กันเป็นในแนวองค์ความรู้เก่าว่านะอ่าร่าง
00:07:03 → 00:07:06 กายคนเราเนี่ยสร้างคอเลสเตอรอลเป็นแบบ
00:07:06 → 00:07:10 ลักษณะว่าสร้างเองเนี่ย 70 80% 75 -80
00:07:10 → 00:07:13 แล้วก็ต้อง intake หรือกินจากอาหารภายนอก
00:07:13 → 00:07:16 เข้าไปเนี่ยก็อยู่ในช่วงประมาณ 20 25%
00:07:16 → 00:07:21 นะฮะแล้วพอการสร้างเยอะๆเนี่ยนะ 75%
00:07:21 → 00:07:24 เนี่ยนะอะไรล่ะเป็นตัวสร้างนะฮะความรู้
00:07:24 → 00:07:27 เก่าก็บอกตับตอตับตับเป็นตัวสร้าง
00:07:27 → 00:07:30 คอเลสเตอรอลซึ่งทำให้หลายหลายคนก็เข้าใจ
00:07:30 → 00:07:34 ไปว่านะคอเลสเตอรอลเกิดการสร้างที่ตัด
00:07:34 → 00:07:38 เท่านั้นนะฮะนะเพราะฉะนั้นจะเบรกจะลดจะ
00:07:38 → 00:07:41 ปรับอะไรต่างๆเกี่ยวกับค่าแลบคอเลสเตอรอล
00:07:41 → 00:07:44 เนี่ยก็ต้องไปวุ่นวายหรือไปยุ่งกับตับนะ
00:07:44 → 00:07:47 ฮะนะแต่จริงๆแล้วเนี่ยมันไม่ใช่ไงเพราะ
00:07:47 → 00:07:48 เมื่อกี้พูดไปตั้งแต่ต้นแล้วว่า
00:07:48 → 00:07:52 คอเลสเตอรอลเกิดจากเซลล์ทุกเซลล์นะทีนี้
00:07:52 → 00:07:54 เรามาดูเฉพาะตัเนี่ยนะฮะในองค์ความรู้
00:07:54 → 00:07:57 ใหม่เนี่ยการสร้างคอเลสเตอรอลของตับเนี่ย
00:07:57 → 00:08:01 ถ้าเป็นพื้นๆธรรมดาๆดทั่วไปเลยเนี่ยมันจะ
00:08:01 → 00:08:06 อยู่ที่ประมาณ 15% 15% นะฮะนะแล้วกรณี
00:08:06 → 00:08:08 ที่ตับเนี่ย
00:08:08 → 00:08:12 เอ่อมีการรับบทหนักในการจัดการพลังงานนะ
00:08:12 → 00:08:15 ถ้าเกิดเรามีการเจ็บป่วยเจ็บป่วยทางด้าน
00:08:15 → 00:08:20 สะสมพลังงานนะหรืออาจจะเ่ามีการเปลี่ยน
00:08:20 → 00:08:23 แปลงรักษาในแง่ที่ตับจะต้องมีการเกิดการ
00:08:23 → 00:08:27 สลายพลังงานเพื่อจะเอ่อจ่ายพลังงานไปไป
00:08:27 → 00:08:30 ซ่อมไปให้อะไรต่างๆในแง่ของการกิน
00:08:30 → 00:08:34 โภชนาการคต่ำอันนี้ตัวเลข 15% ที่เป็น
00:08:34 → 00:08:37 พื้นๆเนี่ยก็จะเปลี่ยนไปนะฮะเก็พบว่า
00:08:37 → 00:08:41 เซลล์ตับเองเนี่ยนะถ้าถ้าเมื่อไหร่นะมี
00:08:41 → 00:08:44 การสลายเผาผลาญพลังงานแบบอยู่ในแนวทางการ
00:08:44 → 00:08:48 กินโลคทำ If ออกกำลังกายอะไต่างๆดีๆอย่าง
00:08:48 → 00:08:52 เงี้ยนะฮะพวกนี้เนี่ยนะคอเลสเตอรอลสามารถ
00:08:52 → 00:08:54 เอ้ยตับสามารถสร้างคอเลสเตอรอลได้เพิ่ม
00:08:54 → 00:08:57 ขึ้นถึงประมาณเนี่ยเกือบๆ 40% ตัวเลขคือ
00:08:57 → 00:08:59 38% นะฮ
00:08:59 → 00:09:02 แต่ในขณะเดียวกันเนี่ยในโหมดของการที่จะ
00:09:02 → 00:09:06 ต้องตับจะต้องมีการสะสมพลังงานเมัน Over
00:09:06 → 00:09:09 Energy นะฮะแล้วมันมีการกินแบบผิดๆอะไร
00:09:09 → 00:09:12 ต่างๆกินเกินด้วยนะฮะนะแล้วก็มี randle
00:09:12 → 00:09:16 Cycle อะไรต่างๆเมื่อตับจะต้องมีการสะสม
00:09:16 → 00:09:18 พลังงานเนี่ยนะฮะอัตราการสร้างของ
00:09:18 → 00:09:22 คอเลสเตอรอลจากจากการสะสมพลังงานของตับ
00:09:22 → 00:09:25 เฉพาะตับนะมันก็จะเพิ่มขึ้นจาก 15% ก็
00:09:25 → 00:09:29 เป็น 20 ประมาณ 27 28% แต่ถ้าเมื่อไหร่
00:09:29 → 00:09:33 เสาสลายเผาผลาญพลังงานก็ประมาณ 38-40 per
00:09:33 → 00:09:36 นะนะเพราะงั้นตับเนี่ยในในองค์ความรู้
00:09:36 → 00:09:38 ใหม่เนี่ยนะฮะที่บอกว่าตับสร้าง
00:09:38 → 00:09:41 คอเลสเตอรอลมากที่สุดเนี่ยนะคือตับเสร้าง
00:09:41 → 00:09:43 ได้ประมาณนี้เท่านั้นนะฮะส่วนใหญ่ก็ยัง
00:09:43 → 00:09:47 ไม่ถึง 50% นะฮะเพราะฉะนั้นรวมๆแล้วเนี่ย
00:09:47 → 00:09:50 เซลล์ต่างๆอวัยวะต่างๆที่เป็นเอต้าเปปติ
00:09:50 → 00:09:52 ทั้งหลายเนี่ยก็จะสร้างคอเลสเตอรอลมาก
00:09:52 → 00:09:56 กว่าตับนะเพราะฉะนั้นตับไม่ใช่ตัวหลักใน
00:09:56 → 00:10:02 การสร้างนะฮะเอาอย่างงี้เนาะอ่ะทีนี้
00:10:02 → 00:10:06 เอ่อก็ตัวเลขเนี่ยเราก็รู้แล้วล่ะว่า
00:10:06 → 00:10:09 เซลล์สร้าง 75-80 per นะการสร้าง
00:10:10 → 00:10:13 คอเลสเตอรอลของเซลล์เนี่ยก็จะมีเงื่อนไข
00:10:13 → 00:10:17 ในเรื่องปฏิกิริยาพลังงานนะแล้วก็หลังจาก
00:10:17 → 00:10:19 ปฏิกิริยาของพลังงานก็จะเป็นเรื่องของผล
00:10:19 → 00:10:23 ของฮอร์โมนนะที่เกิดขึ้นกับพลังงานที่
00:10:23 → 00:10:26 เกิดขึ้นกับเซลล์นั้นนะนะฮะเราก็ต้อง
00:10:26 → 00:10:27 พยายามเรียงลำดับเหล่าเนี้ยให้ได้เป็น
00:10:27 → 00:10:32 ขั้นติดตอนะฮะนะคือคนเราก็มีการกินการกิน
00:10:32 → 00:10:36 อาหารอาหารก็ต้องไปแยกหมวดหมู่ว่าจะเป็น
00:10:36 → 00:10:38 สารอาหารหรือเป็นตัวที่ให้พลังงานกับ
00:10:38 → 00:10:42 เซลล์นะฮะแล้วก็รูปแบบของการให้พลังงาน
00:10:42 → 00:10:45 เนี่ยมันจะไปกระตุ้นฮอร์โมนอะไรออกมาใน
00:10:45 → 00:10:48 การควบคุมหรือจัดการขบวนการพลังงานเนี้ย
00:10:48 → 00:10:53 นะเพราะเซลล์จะต้องมีการทำทุกอย่างตามคำ
00:10:53 → 00:10:57 สั่งของฮอร์โมนที่อาหารไปกระตุ้นออกมานะ
00:10:57 → 00:11:01 ฮะนะเพราะฉนั้นนั้นตัวตัวของคอเลสเตอรอล
00:11:01 → 00:11:04 ที่บอกว่าร่างกายสร้างเองเนี่ยเซลล์ต่างๆ
00:11:04 → 00:11:08 สร้างนะประมาณ 75 80% เนี่ยนะก็ขึ้นอยู่
00:11:08 → 00:11:12 กับปฏิกิริยาของพลังงานและนะเอ่อการออกคำ
00:11:12 → 00:11:13 สั่งของ
00:11:13 → 00:11:18 ฮอร์โมนอันนี้เพราะฉะนั้นเมื่อมีข้อนี้
00:11:18 → 00:11:21 เกิดขึ้นมาเนี่ยหมอก็เห็นว่ามีการแซวๆกัน
00:11:21 → 00:11:25 อยู่อ่ะนะฮะนะว่าบางคนเขาก็จะไปคอมเมนต์
00:11:25 → 00:11:30 น่ะนะว่าอ๋อถ้าอย่างนี้นะอเซลล์สร้างได้
00:11:30 → 00:11:33 ใช่ไหมมอ่าถ้าเซลล์สร้างได้งั้นก็ไม่ต้อง
00:11:33 → 00:11:36 รับคอเลสเตอรอลจากอาหารไม่ได้หรอนะก็ให้
00:11:37 → 00:11:42 เซลล์มันสร้างสินะเออันเนี้ยได้มยคำคำอ่า
00:11:42 → 00:11:45 คำแซวแบบเนี้ยนะหรือการบูลี่แบบเนี้ยนะ
00:11:45 → 00:11:49 ถูกหรือเปล่านะฮะ
00:11:49 → 00:11:55 เนี่ยเพราะฉะนั้นนะ
00:11:55 → 00:11:59 เอออีกอันนึงเนี่ยนะในส่วนที่เหลือก็คือ
00:11:59 → 00:12:02 20 - 25% เนี่ยก็คือเป็นคอเลสเตอรอล
00:12:02 → 00:12:05 ที่เราต้อง intake จากอาหารภายนอกเข้าไป
00:12:05 → 00:12:07 นะทั้งนี้เนี่ยเพราะว่าร่างกายมันมีเหตุ
00:12:07 → 00:12:12 ผลนะเพราะงั้นจากข้อมูลอันเนี้ยนะ 20 25%
00:12:12 → 00:12:17 นะต้องกินนะนะแล้วก็ 75 - 80% นะสร้าง
00:12:17 → 00:12:21 เองนะฮะในส่วนที่กินเข้าไปเนี่ย 20 25%
00:12:21 → 00:12:26 เนี่ยนะฮะนะถ้ามีการกินเข้าไปเนี่ยก็ถาม
00:12:26 → 00:12:29 จริงๆเถอะว่านะ
00:12:29 → 00:12:33 โดยรวมแล้วเนี่ยร่างกายเนี่ยเค pref หรือ
00:12:33 → 00:12:36 เขาต้องการคอเลสเตอรอลที่ที่เซลล์มัน
00:12:36 → 00:12:39 สร้างั่นเองหรือต้องการคอเลสเตอรอลที่กิน
00:12:39 → 00:12:42 เข้าไปอ่ะเอาล่ะเซลล์มันก็สร้างด้วยนะฮะ
00:12:42 → 00:12:45 แต่เราก็กินเข้าไปด้วยแล้วจริงๆแล้วเนี่ย
00:12:45 → 00:12:49 เซลล์ของร่างกายเนี่ยอ่าเต้องการอะไร
00:12:49 → 00:12:52 ต้องการแบบคอเลสเตอรอลที่สร้างเองหรือ
00:12:52 → 00:12:55 ต้องการคอเลสเตอรอลต่างๆที่เรา intake
00:12:55 → 00:12:56 หรือกินเข้าไปจาก
00:12:56 → 00:13:00 อาหารอันเนี้ยคิดว่าว่ายังไง
00:13:01 → 00:13:06 มั้ยอืมีใครจะตอบมั้ยว่าหมอเคยถามไว้นะฮะ
00:13:06 → 00:13:09 ในโพสต์ต่างๆนะในการตั้งคำถามเรื่อง
00:13:09 → 00:13:13 คอเลสเตอรอลเอว่าอย่างงี้แหละเออแล้ว
00:13:13 → 00:13:16 ระหว่างสร้างเองอ่ะกับกินจากอาหารเนี่ยนะ
00:13:16 → 00:13:19 ถามว่าเซลล์อ่ะต้องการอะไรมากกว่ากัน
00:13:19 → 00:13:20 เพราะ
00:13:20 → 00:13:25 อะไรแล้วเดี๋ยวเราจะรู้คำตอบนะอ่ะอันต่อ
00:13:25 → 00:13:27 มาก็คือตัวคอเลสเตอรอลเนี่ยมันเป็นสาร
00:13:28 → 00:13:31 อาหารนะนะฮะไม่ใช่พลังงานไม่ใช่พลังงานนะ
00:13:31 → 00:13:34 ดังนั้นเนี่ยถาม
00:13:34 → 00:13:38 ว่าแล้วมันควรจะนับคอเลสเตอรอลให้อยู่ใน
00:13:38 → 00:13:42 หมวดของอาหารประเภทไหนคือมันเป็นคาฟเป็น
00:13:42 → 00:13:45 โปรตีนหรือเป็นไข
00:13:45 → 00:13:48 มันเนี่ยพื้นๆเราก็รู้ว่าคือสารอาหารนะ
00:13:48 → 00:13:52 สารอาหารส่วนใหญ่ก็คือโปรตีนนะฮะนะแล้ว
00:13:52 → 00:13:55 คอเลสเตอรอลไม่ได้มีไม่ได้มีพฤติกรรมที่
00:13:55 → 00:13:58 จะเป็นเรื่องของพลังงานเพราะก็ให้พลังงาน
00:13:58 → 00:14:01 ไม่ได้ได้นะเพราะฉะนั้นในที่สุดแล้วเนี่ย
00:14:01 → 00:14:04 เรานับคอเลสเตอรอลเ่อเป็นสารอาหารประเภท
00:14:04 → 00:14:08 โปรตีนนะฮะนะโปรตีนเราไม่ได้นับเป็นไขมัน
00:14:08 → 00:14:09 นะ
00:14:09 → 00:14:14 ฮะแต่ตัวคอเลสเตอรอลเนี่ยเเป็นไขมันนะแต่
00:14:14 → 00:14:18 เขาจะอยู่และมากับโปรตีนเพราะฉะนั้นนะ
00:14:18 → 00:14:22 เอ่อปริมาณของคอเลสเตอรอลถ้าจะต้องมาคิด
00:14:22 → 00:14:25 ถึงตัวเลขที่จะต้องกินอย่างน้อยต่อวันไม่
00:14:25 → 00:14:27 เกินเท่าไหร่ต่อวันอะไรอย่าเงี้ยนะเราก็
00:14:27 → 00:14:32 ต้องมาดูที่ตัวโปรตีนอทคนะต่อวันนั่นแหละ
00:14:32 → 00:14:33 ที่จะ
00:14:33 → 00:14:36 กินแต่ในสูตรของ OC High Good Fat
00:14:36 → 00:14:40 เนี่ยเรามีการจัดสัดส่วนคาฟไม่เกิน 20%
00:14:40 → 00:14:43 โปรตีน 20 30% ที่เหลือเป็นพลังงานซึ่ง
00:14:44 → 00:14:47 อันนี้น่ะนะฮะปริมาณคอเลสเตอรอลจะลงตัว
00:14:47 → 00:14:50 ที่สุดเท่าที่สภาพร่างกายต้องการนะฮะ
00:14:51 → 00:14:53 เพราะสูตรนี้มันเป็นสูตรสำเร็จรูปถ้ามาดู
00:14:53 → 00:14:58 ไส้ในลึกๆเนี่ยเราก็จะรู้นะองั้นสรุปตอนเ
00:14:58 → 00:15:00 รู้แล้วแล้วว่าคอเลสเตอรอลเนี่ยเขานับสาร
00:15:01 → 00:15:04 อาหารเป็นโปรตีนนะแล้วโปรตีนอันไหนล่ะที่
00:15:04 → 00:15:09 จะมีคอเลสเตอรอลเยอะๆหรือไม่เยอะนะอันนี้
00:15:09 → 00:15:12 ก็จะเป็นรายละเอียดยิบย่อยซึ่งในแผนภูมิ
00:15:12 → 00:15:16 ของอาหารต่างๆที่เราเคยฉายไปเนี่ยนะเราก็
00:15:16 → 00:15:20 เแล้วล่ะนะฮะครับอ่อทีนี้การเป็นโปรตีน
00:15:20 → 00:15:24 ของคอเลสเตอรอลเนี่ยนะฮะนะคอเลสเตอรอล
00:15:24 → 00:15:28 เวลาเขมานะเวลาเข้ามาในรูปแบบของความเป็น
00:15:28 → 00:15:31 โปรตีนนะฮเป็นอาหารโปรตีนเนี่ยนะเขาก็จะ
00:15:31 → 00:15:35 ต้องมีขบวนของเขาเลยอ่ะนะฮะนะถ้าไม่มี
00:15:35 → 00:15:39 ขบวนเนี่ยนะมันมันไม่ใช่มันไม่ใช่นะฮ
00:15:39 → 00:15:42 เพราะฉะนั้นอันที่ 1 ก็ต้องมีโปรตีนซึ่ง
00:15:42 → 00:15:45 ดดยย่อยของโปรตีนคือกรดอะมิโนนะอันที่ 2
00:15:45 → 00:15:50 ครับผมเขาจะต้องมีไขมันมาด้วยอก็แล้วแต่
00:15:50 → 00:15:53 จะเป็นอิ่มเดี่ยวซ้อนนะฮะแต่ส่วนใหญ่มัน
00:15:53 → 00:15:57 คืออิ่มตัวนะอิ่มตัวนะสัดสวนอิ่มตัวจะ
00:15:57 → 00:16:00 เยอะที่สุดนะฮะนะอันต่อมาก็คือมีตัว
00:16:00 → 00:16:03 คอเลสเตอรอลมานะอันต่อมาก็คือต้องมี
00:16:03 → 00:16:08 โอเมก้า 3 มานะมีโอเมก้า 3 มาแล้วอันต่อ
00:16:08 → 00:16:11 มาก็คือเขาก็จะมีวิตามินที่ละลายในไขมัน
00:16:11 → 00:16:14 มาด้วยก็คือ a
00:16:14 → 00:16:17 k ซึ่งทั้งหมดเนี่ยมันก็คือการเล่า
00:16:17 → 00:16:21 เรื่องว่าคอเลสเตอรอลเป็นโปรตีนเป็นเป็น
00:16:21 → 00:16:26 ส่วนของโปรตีนน่ะนะฮะนะแล้วก็เวลาที่เอ่อ
00:16:26 → 00:16:29 จะนับคอเลสเตอรอลเนี่ยมันจะต้องมีอื่นๆ
00:16:29 → 00:16:35 อื่นๆนะที่มาแวดล้อมเขาด้วยอันนี้สำคัญ
00:16:35 → 00:16:38 ต้องเข้าใจครับผมเราไม่ได้ไปยุ่งเหยิง
00:16:39 → 00:16:41 อะไรเกี่ยวกับตัวไขมันอิ่มตัวหรือไม่อิ่ม
00:16:41 → 00:16:43 ตัวเชิงเดี่ยวอ่ตัวเชิงซ้อนจากสัตว์อะไร
00:16:43 → 00:16:48 เลยนะฮะนะครับเพียงแต่ว่าเ่อในโปรตีน
00:16:48 → 00:16:50 เหล่านั้นเนี่ยนอกจากมีคอเลสเตอรอลแล้วเ
00:16:50 → 00:16:53 มีถ้าเป็นสัตว์โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ก็จะมีไข
00:16:53 → 00:16:57 มันอิ่มตัวเด่นแต่ถ้าเป็นสัตว์ที่มันมี
00:16:57 → 00:16:59 คอเลสเตอรอลแต่เป็นเป็นสัตว์เล็กนะไขมัน
00:16:59 → 00:17:02 นี่อิ่มตัวมันก็จะเด่น
00:17:02 → 00:17:07 กว่าเพราะฉะนั้นเวลาที่เรากินเนื้อสัตว์
00:17:07 → 00:17:10 ใหญ่โดยเฉพาะเนื้อสัตว์โบกกินหมูกินวัวนะ
00:17:10 → 00:17:14 อ่าพวกนี้เนี่ยมันก็จะมีคอเลสเตอรอลที่มา
00:17:14 → 00:17:17 กับไขมันอิ่มตัวต่างๆนะฮะนะก็แล้วแต่จะ
00:17:17 → 00:17:23 เป็นซีอะไรส่วนใหญ่มันจะเป็นซี C 16 ตติ
00:17:23 → 00:17:26 ใช่มั้ครับผมแต่ถ้าเป็นสัตว์น้ำเนี่ยที่
00:17:26 → 00:17:30 บอกกุ้งหอยปลาปูอะไรตงต่านะอันนี้ก็เป็น
00:17:30 → 00:17:33 โปรตีนแต่เป็นโปรตีนไขมันต่ำๆมากนะเกือบ
00:17:33 → 00:17:36 จะเป็นีนโปรตีนนะเก็มีคอเลสเตอรอลมี
00:17:37 → 00:17:40 โอเมก้า 3 มาด้วยนะมีวิตามินต่างๆแต่
00:17:40 → 00:17:43 วิตามินที่จะมาเนี่ยนะ AD เนี่ยมันไม่ได้
00:17:43 → 00:17:46 เยอะแต่ถ้าเป็นในแง่สัตว์บกสัตว์ใหญ่
00:17:46 → 00:17:52 เนี่ย ade มันมาเพียบเลยนะครับแล้วก็ 3
00:17:52 → 00:17:54 เนี่ยนะฮะโอเมก้า 3 ที่มันมากับ
00:17:54 → 00:17:56 คอเลสเตอรอลมากับไขมันอิ่มตัวมากับสัตว์
00:17:56 → 00:18:00 บกเนี่ยนะก็ไม่ไม่ได้เยอะมากนะฮะนะแต่ว่า
00:18:00 → 00:18:03 ถ้ามากับทางสัตว์น้ำเนี่ยนะกุ้งหอยปลาปู
00:18:03 → 00:18:07 นี่จะเยอะจะเยอะก็จะมีแตกเงี้ยเพราะ
00:18:07 → 00:18:10 ฉะนั้นเราถึงได้ต้องมีการกินโปรตีนที่จะ
00:18:10 → 00:18:14 ต้องมีทั้งไขมันและมีทั้งคอเลสเตอรอลแล้ว
00:18:14 → 00:18:17 มีทั้งวิตามินอ่าที่สำคัญำคัญที่เราควรจะ
00:18:17 → 00:18:18 ได้ให้
00:18:18 → 00:18:22 ถูกนั้นมื้อแรกเรามักจะกินสัตว์ที่อยู่บน
00:18:22 → 00:18:26 บกมื้อเย็นแล้วมักจะกินสัตว์น้ำนะเป็น
00:18:26 → 00:18:29 โปรตีนจากสัตว์น้ำครับมื้อเย็นเนี่ยเรา
00:18:29 → 00:18:32 ได้คอเลสเตอรอลกับโอเมก้า 3 แต่เราไม่
00:18:32 → 00:18:34 ค่อยได้พลัง
00:18:34 → 00:18:39 งานพลังงานในมื้อเย็นเนี่ยมันก็มีต่ำๆนะ
00:18:39 → 00:18:42 แต่หลักๆก็คือเดี๋ยวเราจะนอนแล้วพอเรานอน
00:18:42 → 00:18:45 ปุ๊บเนี่ยเราก็จะเอาพลังงานที่ร่างกายมัน
00:18:45 → 00:18:49 เป็นแเนอรในตอนนอนเี่เอามาใช้มันก็จะพอดี
00:18:49 → 00:18:54 เลยนะแต่มื้อแรกมื้อแรกเนี่ยมื้อแรกเนี่ย
00:18:54 → 00:18:57 เรากินสัตว์ใหญ่อ่ามันก็มีไขมันอิ่มตัว
00:18:57 → 00:18:59 ซึ่งมาให้พลังงานยึดเยอะอ่าแล้วมันก็มี
00:18:59 → 00:19:03 โปรตีนมันก็มีคอเลสเตอรอลมันก็มีโอเมก้า 3
00:19:03 → 00:19:08 นะแต่ปริมาณวิตามิน a อ่ะนะมันก็เยอะกว่า
00:19:08 → 00:19:11 พวกสัตว์น้ำที่จะกินมื้อเย็นมันมื้อแรก
00:19:11 → 00:19:15 เนี่ยเออมื้อแรกเนี่ยนะส่วนใหญ่แล้วเนี่ย
00:19:16 → 00:19:19 ไอ้ตัวพลังงานที่มันมันอยู่กับสัตว์ใหญ่
00:19:19 → 00:19:21 อะไรต่างๆที่ว่าเป็นไขมันหยิ่มตัวอะไร
00:19:21 → 00:19:25 อย่างเงี้ยนะเค้าก็จะมีข้อจำกัดนะเ่อที่
00:19:25 → 00:19:27 จะเกิดการเผาผลาส่วนใหญ่เก็เผาผลาที่แถว
00:19:27 → 00:19:31 ตับนแหละนะแต่พลังงานอื่นๆทั่วร่างกายอ่ะ
00:19:31 → 00:19:33 เพราะว่าเราต้องมี activity มีไ Style
00:19:33 → 00:19:35 ต่างๆที่ต้องเคลื่อนไหวต้องใช้พลังงาน
00:19:35 → 00:19:38 ต้องเ่อแบกหาไม่ต้องออกกำลังกายเราถึงได้
00:19:38 → 00:19:42 ต้องเพิ่มการกินน้ำมันพืชสกัดเย็นอ่า
00:19:42 → 00:19:45 เพื่อเป็นพลังงานอีกอันนึงอ่ะเข้าไปเข้า
00:19:45 → 00:19:50 ไปจอยกันน่ะนะฮะอันนี้เอาไว้อย่างงี้เนาะ
00:19:50 → 00:19:54 มีผลจากทั้งหมดเนี่ยนะฮะเรามีข้อสังเกตมย
00:19:54 → 00:19:58 ล่ะว่าในภาพรวมแล้วเนี่ยนะค่าคอเลสเตอรอล
00:19:58 → 00:20:01 โดยรวมเนะของร่างกายเนี่ยเวลาเราเจาะ
00:20:01 → 00:20:04 เลือดเนี่ยนะเราก็พอรู้อ่ะนะว่าเค้าเอิง
00:20:04 → 00:20:08 ค่าค่าปกติของ Total คอเลสเตอไม่เกิน 200
00:20:08 → 00:20:12 อย่างงี้ใช่มนะแต่จริงๆค่าเนี้ยมันก็ valy
00:20:13 → 00:20:16 มาเรื่อยๆนะฮะเพราะตั้งแต่หมอจบหมอใหม่ๆ
00:20:16 → 00:20:20 อ่ะนะค่าเนี้ยนะในห้องแลบเนี่ยมัน 300
00:20:20 → 00:20:26 มัน 300 นะนะครับผมหมอทำงานตั้งแต่ปี 2529
00:20:26 → 00:20:29 อ่ะนะเ่อค่าแบคอเลสเตอรอลมันก็ 300 ถ้า
00:20:29 → 00:20:32 เกิน 300 ก็ถือว่าสูงแต่ถ้าไม่ถึง 300
00:20:32 → 00:20:35 นี่ก็ไม่สูง Total คอเลสเตอรอลสมัยก่อนเา
00:20:35 → 00:20:38 ก็ตรวจแต่ Total คอสอกับไิก็ไม่ได้มีตรวจ
00:20:38 → 00:20:43 ldl ไม่ได้มีตรวจ hdl บลัมบูราครับผม
00:20:43 → 00:20:47 แล้วต่อมามันก็ลดลงมาเหลือ 280 250 นะ
00:20:47 → 00:20:51 เ่อ 250 260 เนี่ยไม่รู้จะเอาตัวไหนแล้ว
00:20:51 → 00:20:55 ก็มาลงที่ 250 แล้วหลังจากนั้นมันก็อ่าลง
00:20:55 → 00:20:59 มาเรื่อยๆอ่ะนะค่าเกณฑ์ปกติอย่าให้เก 200
00:20:59 → 00:21:02 อะไรอย่าเงี้ยนะแล้วมันก็จะมีวูบลงมาอย่า
00:21:02 → 00:21:04 ให้เกิน 180 อยู่พักนึง
00:21:04 → 00:21:07 180 แล้วหลังจากนั้นตอนนี้ก็เด้งขึ้นมา
00:21:07 → 00:21:12 200 นะปีนี้เป็นหมอทำงานมาปีที่ 39 แล้ว
00:21:12 → 00:21:15 ที่ทำงานตรวจรักษาเป็นแพทย์หรือแปรผลเช็ค
00:21:15 → 00:21:17 up อะไรต่างๆนั้นประสบการณ์มันก็จะเป็น
00:21:17 → 00:21:20 อย่างเงี้นะแต่ยังไงก็ตามนะฮะเราขอให้ดู
00:21:21 → 00:21:24 ว่า to คสอเนี่ยในภาพรวมเนี่ยนะ
00:21:24 → 00:21:27 คอเลสเตอรอลเนี่ยเป็นสารอาหารที่ร่างกาย
00:21:27 → 00:21:28 หรือต้อง
00:21:28 → 00:21:33 เยอะมากนะแล้วถ้ามาเทียบกับบัตรชูก้านะ
00:21:33 → 00:21:38 บัตรชูก้าเวลาตรวจเนี่ยนะค่าปกติก็คือ 70
00:21:38 → 00:21:43 -99 นะฮะเราก็ดูสิเราเทียบกันในขณะที่
00:21:43 → 00:21:46 Total คอสอ 200 เนี่ยนะแต่น้ำตาลเนี่ย
00:21:46 → 00:21:49 ไม่ควรเกิน 100 อย่างเงี้ยมันก็คือ 2 ต่อ
00:21:49 → 00:21:52 1 เท่านะเพราะฉะนั้นถ้าพูดในแง่ของสรุป
00:21:52 → 00:21:55 เนี่ยถามว่าร่างกายเต้องการอะไรมากกว่า
00:21:55 → 00:22:00 กันระหว่างคอเลสเตอรอลนะกับน้ำตาล
00:22:00 → 00:22:04 คอเลสเตอรอลครับผมเออมันมันสำคัญกว่านะ
00:22:04 → 00:22:07 เพราะฉะนั้นตัวแขมันก็เลยเป็นเท่าๆของอี
00:22:07 → 00:22:10 ตัวที่มันไม่สำคัญอครับผม
00:22:10 → 00:22:16 นะอันนี้นะทีนี้คอเลสเตอรอลเนี่ยนะเวลา
00:22:16 → 00:22:19 มันอยู่ในเลือดของเราเนี่ยนะอันนี้
00:22:19 → 00:22:21 คอเลสเตอรอลมาอยู่ในเลือดแล้วนะตอนนี้นะ
00:22:22 → 00:22:26 เอ่อยเขาจะมีลักษณะทางกายภาพเหมือนกับ
00:22:26 → 00:22:31 อะไรนะฮะนะลักษณะของกายภาพของคอเลสเตอรอล
00:22:31 → 00:22:34 ที่อยู่บนเรือไลโปโปรตีนนี่แหละนะฮะ
00:22:34 → 00:22:37 ลักษณะรวมๆทางกายภาพเนี่ยที่เลอยรำอยู่ใน
00:22:37 → 00:22:40 เลือดเนี่ยเขาบอกว่ามันมีลักษณะเหมือนกับ
00:22:40 → 00:22:46 ที่ี้ผึ้งที่ผึ้งออึ่งเ่ะก็คือมันมีความ
00:22:46 → 00:22:47 ลื่นและมันมี
00:22:48 → 00:22:51 ความอะไรมันไม่ได้เหนียวอ่ะนะฮะมันไม่ได้
00:22:51 → 00:22:55 เหนียวนะแต่ว่ามันืหนืๆเออลื่นๆมีความ
00:22:55 → 00:22:58 หนืดมีความลื่นนะฮะอันนี้คือคุณสมบัติ
00:22:58 → 00:23:01 กายภาพของคอเลสเตอรอลนะฮะซึ่งอันเนี้ยมัน
00:23:01 → 00:23:04 เป็นข้อเปรียบเทียบที่มันต่างจากของที่
00:23:04 → 00:23:08 ร่างกายเไม่ไม่ไม่ชอบไม่แฮปปี้นะที่บอก
00:23:08 → 00:23:12 ว่าเหนียวอ่ะนะไอ้พวกต่างๆที่จะเปลี่ยน
00:23:12 → 00:23:14 แปลงเป็นของเหนียวๆอ่ะไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล
00:23:14 → 00:23:18 เป็นไตรกีซาไลน์นะซึ่งไตกีส่วนใหญ่ก็มา
00:23:18 → 00:23:21 จากน้ำตาลน่ะหรือแป้งหรือโปรตีนกลูเต้นนะ
00:23:21 → 00:23:26 ฮะนะหรือผมชูรสหรือสาร inh นะฮะ
00:23:26 → 00:23:30 เอ่ออะไรนะ ins นะฮะ is ครับผมพวกนี้
00:23:30 → 00:23:32 เหนียวทั้งนั้นเลยครับผมเออพวกนี้เนี่ยใน
00:23:32 → 00:23:36 ที่สุดแล้วเมื่อเข้าสู่ลำไส้แล้วเหนียวนะ
00:23:36 → 00:23:38 ครับคือมันเหนียวอ่ะมันเหนียวเกาะติดยึด
00:23:38 → 00:23:42 ติดอะไรต่างๆมันเหนียวมืออ่ะนะเหมือนเอา
00:23:42 → 00:23:44 มืออ่ะไปจับน้ำผึ้งไปจับน้ำเชื่อมไปจับ
00:23:44 → 00:23:47 น้ำตาลไปจับขนมของหวานเนี่ยแล้วมันเปรอะ
00:23:47 → 00:23:51 มืออย่างเงี้ยนะร่างกายจะมีความ sensitive
00:23:51 → 00:23:54 นะที่หงุดหงิดน่ะนะอยู่ไม่สุกอ่ะเพว่ามัน
00:23:54 → 00:23:57 เหนียวมันหนืดมันไม่สบายตัวเนี่ยมันต้อง
00:23:57 → 00:24:01 รีบเป็นไปล้างไปเอาออกไปเช็ดเลยนะแต่ถ้า
00:24:01 → 00:24:04 เป็นพวกคอเลสเตอรอลเนี่ยนะฮะนะพวกเนี้ยนะ
00:24:04 → 00:24:07 ที่มันมากับไขมันน่ะส่วนใหญ่มันลื่นเอ่า
00:24:07 → 00:24:13 มันลื่นนะหนืดลื่นนะหรือว่ามันให้ Feeling
00:24:13 → 00:24:18 อ่ะให้ความรู้สึกที่ที่มันมันสบายอ่ะมัน
00:24:18 → 00:24:21 ไม่รำคาญมันไม่หงุดหงิดมันไม่มันไม่ทุกข์
00:24:21 → 00:24:25 ทรมานกับแบบไอ้พวกเหนียวๆอ่ะนะฮะครับแล้ว
00:24:25 → 00:24:29 การที่เป็นลักษณะที่ผึ้งรอยรำอยู่ในกระแส
00:24:29 → 00:24:33 เลือดเนี่ยนะฮะเขาก็จะมีหน้าที่หลักเลยนะ
00:24:33 → 00:24:35 ที่เรารู้กันน่ะว่าคอเลสเตอรอลเมีหน้าที่
00:24:35 → 00:24:40 ในการซ่อมอซ่อมแล้วก็สร้างนะฮะซึ่งขบวน
00:24:40 → 00:24:44 การซ่อมสร้างนี้นะก็จะมีการเกิดกระบวนการ
00:24:44 → 00:24:47 นำก่อนหน้านี้คือปฏิกิริยาการอักเสบนั่น
00:24:47 → 00:24:50 แหละนะฮะงั้นส่วนใหญ่แล้วเนี่ย
00:24:50 → 00:24:54 เอ่อถ้ามันอยู่ในกระแสเลือดนะนะมันก็คอย
00:24:54 → 00:24:57 จ้องนัล่ะว่าเยื่อบุผิวของกระแสเลือด
00:24:57 → 00:25:00 เนี่ยจะเกิดปฏิกิริยาการอักเสบอะไรที่เขา
00:25:00 → 00:25:06 จะต้องรีบไปซ่อมมนะฮะอันนี้
00:25:06 → 00:25:11 นะแต่ทีนี้อ่าอีกรายละเอียดนึงเนี่ยนะฮะ
00:25:11 → 00:25:15 ตัวคอเลสเตอรอลเนี่ยมันเป็นสารชีวภาพที่
00:25:15 → 00:25:18 มันละลายในน้ำไม่ได้นะฮะเพราะฉะนั้นไม่
00:25:18 → 00:25:22 ใช่เป็นตัวอะไรนะตัวอนุภาพหรือตัวโมเลกุล
00:25:22 → 00:25:26 ของคสออยู่ในเลือดนะฮะนะเาก็จะต้องมีมี
00:25:26 → 00:25:30 สิ่งแวดล้อมหรือว่ามีตัวมีตัวช่วยนะฮะนะ
00:25:30 → 00:25:33 ให้เอยู่ได้ตัวช่วยที่ว่าเนี่ยเราก็รู้
00:25:33 → 00:25:34 แล้วว่าคือไลโปโปรตีน
00:25:34 → 00:25:40 ไลโปโปรตีนซึ่งอ่านะะคอเลสเตอรอลไม่ละลาย
00:25:40 → 00:25:44 น้ำแต่ไลโปโปรตีนเนี่ยอ่าละลายน้ำนะฮะก็
00:25:44 → 00:25:46 คือมันสามารถอยู่ได้ทั้งระบบน้ำเหลืองและ
00:25:47 → 00:25:51 น้ำเลือดนะฮะอ๋อครับผมแล้วไลโปโปรตีนตัว
00:25:51 → 00:25:55 สำคัญำคัญเนี่ยนะหลักๆเนี่ยก็มีอยู่
00:25:56 → 00:25:58 นะมีอยู่
00:25:58 → 00:26:02 มีอยู่อ่า 2 ฝั่งน่ะนะฮก็คือฝั่งเอ่อ
00:26:02 → 00:26:05 คล้ายๆกับ vldl ldl อะไรอย่างงี้นะ idl
00:26:05 → 00:26:07 กับฝั่งที่เป็น
00:26:07 → 00:26:10 hdl 2 ฝั่งซึ่งแต่ก่อนเเรียกไขมันดีไข
00:26:10 → 00:26:12 มันเลวเงี้แต่เดี๋ยวนี้เราก็ไม่พูดกัน
00:26:12 → 00:26:16 แล้วนะฮะเดี๋ยวใครพูดไปเดี๋ยวจะตกยุคนะฮะ
00:26:17 → 00:26:20 ครับผมทีนี้ระหว่าง 2 ฝั่งเนี่ยนะเราก็
00:26:20 → 00:26:24 ให้ข้อมูลกันไปแล้วล่ะว่านะถ้าเป็นฝั่งนะ
00:26:24 → 00:26:29 ของ ldl vldl VL เรน idl อะไรพวกนี้อัน
00:26:29 → 00:26:32 นี้คือฝั่งที่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของ
00:26:32 → 00:26:36 การจ่ายพลังงานโดยตัวตั้งต้นคือ vldl นะ
00:26:36 → 00:26:40 ที่จะถูกจ่ายออกมาจากศัพท์แล้วอยู่ในระบบ
00:26:40 → 00:26:46 เลือดแล้วมันไปสิ้นสุดที่ ldl นะโดยที่
00:26:46 → 00:26:50 ldl เนี่ยเป็นตัวเอ่ออนุภาคสุดท้ายที่
00:26:50 → 00:26:54 เขาจะไม่มีการจ่ายพลังงานนะเจ่ายพลังงาน
00:26:54 → 00:26:58 ด้วยตัวเไม่ได้ขณะเดียวกันเาไปรับ
00:26:58 → 00:27:02 คอเลสเตอรอลจากเซลล์ต่างๆอะไรต่างๆมาไว้
00:27:02 → 00:27:06 ที่ตัวเไม่ได้นะเขาจะทำหน้าที่ 2 หน้าที่
00:27:06 → 00:27:08 เท่านั้นเมื่อสิ้นสุดเป็นโมเลกุลหรือเป็น
00:27:09 → 00:27:14 อนุภาพของ ldl แล้วนะฮะก็คือการเป็นตัว
00:27:14 → 00:27:19 เรือนะที่จะไปรับแบ่งรับคอเลสเตอรอลจาก
00:27:19 → 00:27:25 hdl มาครับแล้วก็รอยำไปส่งที่ตันะโดยไป
00:27:25 → 00:27:28 จับกับ่าเรือที่ตัก
00:27:28 → 00:27:32 ี่หมอก็ให้ข้อมูลนี้คือฝั่งนึงนะฮะนะซึ่ง
00:27:32 → 00:27:36 สมัยก่อนเเรียกว่าเลววๆขายมันเลวครับผม
00:27:36 → 00:27:39 ไม่ใช่นะเก็ทำหน้าที่ของเแบบเนี้ยนะฮะจะ
00:27:39 → 00:27:43 จะเลวหรือดีหรืออะไรอนะอีกฝั่งนึงเนี่ย
00:27:43 → 00:27:46 เป็นฝั่งสำคัญที่สุดก็คือตัว hdl นะฮะนะ
00:27:46 → 00:27:50 High density ไรตนเนี่ยนะฮะ hdl เนี่ย
00:27:50 → 00:27:54 นะอนุภาคอันนี้นะร่างกายเนี่ยสร้างขึ้นมา
00:27:54 → 00:27:59 นะเพื่อที่จะไปคอยรับนะคอเลสเตอรอลต่างๆ
00:27:59 → 00:28:02 นะที่เซลล์มันเกิดปฏิกิริยาทางด้านพลัง
00:28:02 → 00:28:07 งานนะแล้วมักจะมีวอมีล้นเกินน่ะนะฮะมีล้น
00:28:08 → 00:28:12 เกินนะพอมันมีล้นเกินแล้วเนี่ยมันมันอยู่
00:28:12 → 00:28:14 ที่เซลล์ไม่ได้นะนะเพราะมันจะเป็นอันตราย
00:28:14 → 00:28:17 ต่อเซลล์เนื่องจากลักษณะเป็นผลึกที่มี
00:28:17 → 00:28:21 หนามแหลมคมนะมันจะทิ่มแทนมันจะเกิดการ
00:28:21 → 00:28:27 บัดผมที่ไปไปเก็บไปรับไปเก็บไปคลกมานะก็
00:28:27 → 00:28:29 คือเป็นหน้าที่ของ
00:28:29 → 00:28:33 HD เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเซลล์ต่างๆใน 24
00:28:33 → 00:28:35 ช่วโมงเนี่ยเขาก็มีปฏิกิริยาสร้างพลังงาน
00:28:35 → 00:28:38 สลายพลังงานเก็บพลังงานเก็บสะสมอะไรต่างๆ
00:28:38 → 00:28:41 ต่างๆเยเพราะฉะนั้นมันมีคอเลสเตอรอลเกิด
00:28:41 → 00:28:44 ขึ้นตลอดนะฮั้น hdl เนี่ยก็จะต้องทำหน้า
00:28:44 → 00:28:49 ที่อย่างว่องไวที่จะไปจับไปเก็บไปรับนะนะ
00:28:49 → 00:28:53 ให้ได้ทันช่วงทีนะฮะอันนี้ก็คือเป็นหน้า
00:28:53 → 00:28:57 ที่ที่เขาต้องรับผิดชอบอย่างเต็มกำลังนะ
00:28:57 → 00:29:01 ฮะอ่าเพราะฉะนั้นเนี่ยในทางวิวัฒนาการ
00:29:01 → 00:29:07 เนี่ยเคก็เลยคิดว่านะฮะนะก็นักลิลิต่างๆ
00:29:07 → 00:29:11 ในระดับโลกเอโดยเฉะโทมัสเดิเนี่ยเขาก็เลย
00:29:11 → 00:29:16 บอกว่าการให้ความสำคัญในเรื่องของอ่า
00:29:16 → 00:29:19 อนุภาพนะในการรับส่งคอเลสเตอรอลต่างๆ
00:29:19 → 00:29:23 เหล่าเนี้ยเราจะต้องให้อ่าเเรียกว่าให้
00:29:23 → 00:29:27 priority ของ hdl เนี่ยเป็นเป็นหลักเลย
00:29:27 → 00:29:32 เป็นอนุภาคหลักเลยนะฮะแล้วเคิดว่านะ ldl
00:29:32 → 00:29:34 หรือกลุ่มทางด้านจ่ายพลังงานเนี่ยโดย
00:29:34 → 00:29:36 เฉพาะไปสิ้นสุดที่ ldl ไม่ว่าจะเป็น type
00:29:36 → 00:29:41 a type B พวกเนี้ยมันเป็นอนุภาพที่ถูก
00:29:41 → 00:29:44 การวิวัฒนาการของมนุษย์เราเนี่ยนะฮะเพื่อ
00:29:44 → 00:29:49 มาช่วย hdl ในการรับคอเลสเตอรอลไปนะเพราะ
00:29:49 → 00:29:51 อย่างเหตุผลที่บอกเมื่อกี้เนี่ยว่า hdl
00:29:51 → 00:29:54 ยังไงต้องรีบที่จะไปรับไปเก็บเอาคอสอจาก
00:29:54 → 00:29:58 เซลล์นะฮะเพราะฉะนั้นถ้าเกิดเขามี
00:29:58 → 00:30:01 คอเลสเตอรอลอยู่ในตัวอนุภาค hdl แล้วไม่
00:30:01 → 00:30:03 รีบไม่ผ่องถ่ายรีบไม่จัดการกับ
00:30:03 → 00:30:06 คอเลสเตอรอลเหล่านั้นมันจะไม่ทันเวลาไม่
00:30:06 → 00:30:09 ทันการที่จะไปรับคอเลสเตอรอลจากเซลล์นะ
00:30:09 → 00:30:13 เพราะฉะนั้นเนี่ย hdl จะต้องอ่าพยายามทำ
00:30:13 → 00:30:17 ยังไงก็ได้ที่จะให้ตัวคอเลสเตอรอลจากตัวเ
00:30:17 → 00:30:20 เนี่ยออกไปหรือหมุนเวียนถ่ายเทไปให้เร็ว
00:30:20 → 00:30:24 ที่สุดนะอ่าเราก็เลยมีการวิวัฒนาการที่จะ
00:30:24 → 00:30:27 เอาโมเลกุลหรืออนุภาคของ LD
00:30:27 → 00:30:33 มารับไปงั้น ldl จะทำหน้าที่ในการรับคจาก
00:30:33 → 00:30:38 hdl แล้วเอาไปที่เพื่อไปเปลี่ยนเป็นพวใน
00:30:38 → 00:30:44 การขับคอสอทิ้งทางระบบน้ำดีและลำไส้ต่อ
00:30:44 → 00:30:49 ไปครับผมเพราะฉะนั้นตรงนี้เนี่ยหน้าที่
00:30:49 → 00:30:53 ของของที่เดิมเราเรียกว่าเ่อไขมันดีไขมัน
00:30:53 → 00:30:56 เลวเนี่ยมันก็จะมีหน้าที่หลักๆแค่เยนะฮะ
00:30:56 → 00:31:00 นะแล้วแล้วตัว hdl เนี่ยเราก็ได้รู้จาก
00:31:00 → 00:31:03 ข้อมูลแล้วเนี่ยว่าอ่าหน้าที่เค้าก็มี 5
00:31:03 → 00:31:06 อย่างนะฮะแต่อย่างสำคัญก็ที่หมอบอกไปนี่
00:31:06 → 00:31:08 แหละนะก็คือพยายามที่จะไปรับคอเลสเตอรอล
00:31:08 → 00:31:12 จากเซลล์แล้วรีบเอามาถ่ายให้กับ
00:31:12 → 00:31:16 LD แต่ในระหว่างนั้นเนี่ยตัว hdl เนี่ย
00:31:16 → 00:31:20 อาจจะเอาคอเลสเตอรอลเนี่ยเออไปไปที่ไหน
00:31:20 → 00:31:26 ได้อีกบ้างนะฮะเอ่อก็ไปขับออกที่ลำไส้ที่
00:31:26 → 00:31:31 คนะครับผมเป็นงที่ตับก็ได้นะฮะก็จะมีรตอ
00:31:31 → 00:31:35 โดยเฉพาะเ่อพอยรับเนี่ยที่เรียกว่าสนอ
00:31:35 → 00:31:40 receptor B1 อไปที่เซลล์ไขมันเอาไปสะสม
00:31:40 → 00:31:44 ที่เซลล์ไขมันนะคอเลสเตอรอลเนี่ยนะแล้วก็
00:31:44 → 00:31:48 อ่าไปที่ไหนอีกอ่ะไปที่อวัยวะที่ต้องการ
00:31:48 → 00:31:52 คอเลสเตอรอลแบบค่อนข้างวิกฤตฉุกเฉินน่ะ
00:31:52 → 00:31:55 เช่นที่ตอบหมวกไตหรือระบบเจริญพันธุ์อะไร
00:31:55 → 00:31:58 ต่างๆนะฮะเพราะว่าบางบางครั้งเนี่ยตัวเา
00:31:58 → 00:32:00 เองสร้างคอเลสเตอรอลไม่ทันที่จะมาสร้าง
00:32:00 → 00:32:04 ฮอร์โมนเพศฮอร์โมนความเครียดอะไรอย่าง
00:32:04 → 00:32:09 เงี้ยก็เลยต้องมีการเรียกนะไอ้ตัว hdl
00:32:09 → 00:32:11 ซึ่งมันจะเป็นตัวเรือนำส่งคอเลสเตอรอล
00:32:11 → 00:32:15 เป็นวัตถุดิบไปสร้างสิ่งที่อวัยวะนั้นเ
00:32:15 → 00:32:18 เป็นตัวทำหน้าที่อยู่เนี่ยหลักๆก็จะเป็น
00:32:18 → 00:32:21 อย่างเงี้ยแต่หน้าที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ
00:32:21 → 00:32:24 ตัว hdl เนี่ยรับคอเลสเตอรอลมาแล้วจะต้อง
00:32:24 → 00:32:28 มาแบ่งจ่ายนะ
00:32:28 → 00:32:33 ลดปริมาณลงนะโดยอ่าให้กับตัว
00:32:33 → 00:32:37 ldl รับไปซึ่งทั้งหมดเมันก็จะมีเอนไซมใน
00:32:37 → 00:32:40 การช่วยทำงานนะ
00:32:40 → 00:32:44 CP อันนี้หมอก็ไม่ต้องไปลงั้นนะอีก
00:32:44 → 00:32:47 อนุภาคนึงนะฮะที่เป็นไลโปโปรตีนที่สำคัญ
00:32:47 → 00:32:52 ก็คือ vldl นะฮะเ VL dl VL dl rem
00:32:52 → 00:32:57 แล้วก็ idl นะฮะนะอ่าอนุภาคพวกนี้เนี่ยก็
00:32:57 → 00:33:01 เป็นคล้ายๆกับ ldl เฮะแต่ว่าที่บอกว่าตัว
00:33:01 → 00:33:04 สิ้นสุดคือ ldl แต่ตัวเริ่มต้นเนี่ยคือ
00:33:04 → 00:33:09 vldl นะฮะกลางๆเนี่ยก็จะเป็น vldl rance
00:33:09 → 00:33:13 กับ idl นะฮะแต่อ่าตัวที่ไม่ใช่ ldl
00:33:13 → 00:33:16 เนี่ยมันทำหน้าที่ในการจ่ายพลังงานให้กับ
00:33:16 → 00:33:19 เซลล์ที่ต้องการพลังงานนะอันนี้เพราะ
00:33:19 → 00:33:23 ฉะนั้นพวกเยเจะเป็นการที่ว่าจะแบกเอาไอ้
00:33:23 → 00:33:26 พวกพลังงานคือไกินเนี่ยแล้วก็ไปจ่ายว่า
00:33:26 → 00:33:29 ใครต้องการใครอยากได้อใครไม่พอนะอะไอย่า
00:33:29 → 00:33:33 เงี้ยนะนะก็แล้วแต่ว่าอ่อปฏิกิริยาการ
00:33:33 → 00:33:35 จ่ายเนี่ยมันก็จะมีเรื่องฮอร์โมนเรื่อง
00:33:35 → 00:33:40 เอนไซม์นะฮะนะมาเป็นตัวกำกับอีกทีนึงนะ
00:33:40 → 00:33:42 ว่าจะจ่ายหรือจะไม่จ่ายหรือจะต้องเอาไป
00:33:43 → 00:33:48 เก็บนะเออนะเพรางั้น vldl นะ vldl rance
00:33:48 → 00:33:53 นะฮะนะแล้วก็ตัว idl นะอันนี้ก็คือจ่ายนะ
00:33:53 → 00:33:56 ฮะทีนี้ก็เสริมความรู้ไว้นิดนึงว่าตัว i
00:33:56 → 00:34:01 idl เนี่ยแหละฮะมันเป็นขนาดนะของเ่อ
00:34:01 → 00:34:06 กลุ่มทางด้าน ldl นี่แหละนะที่เขาจะไม่
00:34:06 → 00:34:10 ตรวจพบในกระแสเลือดได้ง่ายๆเพราะเพราะว่า
00:34:10 → 00:34:14 ตัวซตในการรับคอเลสเตอรอลกับที่ตับเนี่ย
00:34:14 → 00:34:19 มันเป็นซต์ที่มีช่องที่มันเหมาะสมและพอดี
00:34:19 → 00:34:24 กับตัวอ่า intermediate นะ density ไน
00:34:24 → 00:34:27 หรือ idl นะฮะเพราะฉะนั้นส่วนใหญ่แล้วจะ
00:34:27 → 00:34:31 ไม่มีอะไรมาขัดขวางนะในการที่ ldl จะกลับ
00:34:31 → 00:34:34 เข้าตับนะแล้วเอาคอเลสเตอรอลไปให้ที่ตับ
00:34:34 → 00:34:40 นะแต่สำหรับนะตัวอื่นๆโดยเฉพาะ ldl ที่
00:34:40 → 00:34:44 เป็น type a หรือ type B อันนี้เเรียก
00:34:44 → 00:34:46 ว่าสัดส่วนหรือ proportion เนี่ยมันไม่
00:34:46 → 00:34:49 เหมาะมันใหญ่ไปกับมันเล็กไปกับประตูทาง
00:34:49 → 00:34:53 เข้าของซตที่ตัดที่จะรับตัว ldl เพราะ
00:34:53 → 00:34:57 ฉะนั้นพวกเนี้ยมันมักจะเกิดปัญหานะเกิด
00:34:57 → 00:35:00 ปัญหาก็คือการสะสมแล้วก็การล้นเกินมาก
00:35:00 → 00:35:03 อยู่ในกระแสเลือดนอกจากนี้ยังมีอิทธิพล
00:35:03 → 00:35:07 ของพวกฮอร์โมนต่างๆนะที่จะมาทำให้การ
00:35:07 → 00:35:11 ปรากฏตัวของรตอนะรวมทั้งเรื่องของยีน
00:35:11 → 00:35:15 เรื่องของกรพันธ์ด้วยนะฮะนะถ้าซต์ที่ตับ
00:35:15 → 00:35:19 นะรตรในการรับ ldl น้อยลงหดหายไปนะเขาก็
00:35:19 → 00:35:24 ยิ่งค้างค้างในกระแสเลือก
00:35:24 → 00:35:27 นะทีนี้ตอนเนี้ยหมออย่าอยากจะให้เรามา
00:35:27 → 00:35:30 พิจารณานะว่า
00:35:30 → 00:35:34 เอ่อเอาล่ะเรารู้แล้วนะคอเลสเตอรอลต่างๆ
00:35:34 → 00:35:37 เนี่ยเซลล์เนี่ยเ่อเขาต้องเสร้างขึ้นเอง
00:35:37 → 00:35:40 แล้วเขาก็เอาไปใช้นะฮะแต่เซลล์เนี่ยสร้าง
00:35:41 → 00:35:46 คอเลสเตอรอลขึ้นมานะในขณะที่มีเรื่องของ
00:35:46 → 00:35:49 ปฏิกิริยาของพลังงานเ่ะมากำกับเซลล์นั้น
00:35:49 → 00:35:53 นะจะเป็นสะสมหรือเป็นเพลาผลาญก็แล้วแต่นะ
00:35:53 → 00:35:55 ตัวชักนำคือฮอร์โมนแล้วก็สารอาหารต่างๆ
00:35:55 → 00:36:00 ที่กินนะฮะนะเพราะฉะนั้นตรงเนี้ยนะฮะที่
00:36:00 → 00:36:03 จะมีการพูดกันถึงเรื่องประโยชน์นะของ
00:36:03 → 00:36:06 คอเลสเตอรอลเนี่ยตรงเนี้ยเราต้องทำความ
00:36:06 → 00:36:12 เข้าใจใหม่นะฮะต้องทำความเข้าใจใหม่
00:36:12 → 00:36:15 เนาะอันนี้ก็ไม่มีอะไรอันนี้ก็เป็นอัน
00:36:15 → 00:36:20 เดิมนะฮะที่เราน่าจะพอรู้กัน
00:36:20 → 00:36:25 นะคือเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายก็จะมีเรื่อง
00:36:25 → 00:36:29 ของเซลล์ไซเคิลนะฮะนะนะโดยที่การเกิด
00:36:29 → 00:36:32 เซลล์ไซเคิลก็คือการหมุนเวียนนะเกิดแก่
00:36:32 → 00:36:36 ตายอ่ะนะของเซลล์นะฮะนะเพราะฉะนั้นเซลล์
00:36:36 → 00:36:38 เนี่ยจะต้องมีการซ่อมหรืออาจจะต้องส่วน
00:36:38 → 00:36:41 ใหญ่ก็คือสร้างใหม่นั่นแหละนะฮะการซ่อม
00:36:41 → 00:36:44 หรือการสร้างใหม่ของเซลล์ก็จะต้องมีการ
00:36:44 → 00:36:47 เอาคอเลสเตอรอลไปซ่อมไปสร้างนะฮะนะอันนี้
00:36:47 → 00:36:52 ก็เป็นหน้าที่นะแต่ความรู้อันเดิมเนี่ย
00:36:52 → 00:36:54 เค้าก็บอกว่าเอ่อตับจะต้องพยายามสร้าง
00:36:55 → 00:36:58 คอเลสเตอรอลมาให้ซ่อมสร้างเซลล์แต่จริงๆ
00:36:58 → 00:37:00 แล้วไม่ใช่นะฮะความรู้ใหม่ก็คือเซลล์นั่น
00:37:00 → 00:37:03 แหละเสร้างเองนะเมีปฏิกิริยาของพลังงาน
00:37:03 → 00:37:07 เ้าก็ต้องสร้างนะพอสร้างขึ้นมาแล้วไม่ว่า
00:37:07 → 00:37:10 จะเป็นเ่อคอเลสเตอรอลจาก ldl เอ้ย
00:37:10 → 00:37:14 คอเลสเตอรอลจากอ่าจากไหนก็ตามนะฮะจากตัว
00:37:14 → 00:37:18 ส่งพลังงานพวก vldl idl vldl remnant
00:37:18 → 00:37:21 หรือจากตัว ldl เนี่ยนะนะแต่ตัว ldl ส่วน
00:37:21 → 00:37:25 ใหญ่มันก็อ่ามันจะไม่ให้คอเลสเตอรอลกับ
00:37:25 → 00:37:29 เซลล์นะนะเพราะว่าอันนี้เรารู้แล้วใช่ม
00:37:29 → 00:37:33 ว่าไอ้ตัว vldl เนี่ยเวลาที่เขาจ่ายพลัง
00:37:33 → 00:37:36 งานเนี่ยเขาจะจ่ายคอเลสเตอรอลไปด้วยนะคือ
00:37:36 → 00:37:39 เเรียกว่าอะไรอ่ะมันเชื้อเล็กอ่ะเช้อเล็ก
00:37:39 → 00:37:42 มันเชเล็กก็คือมันจ่ายพลังงานไปเวลาโ
00:37:42 → 00:37:45 โปรตีนไลเปสมันมาย่อยแล้วเนี่ยนะตัวไตกี
00:37:45 → 00:37:48 มันก็ออกไปให้กับเซลล์ใช้แต่มันจะมีตัว
00:37:48 → 00:37:52 คอเลสเตอรอลเอสเตอร์นะฮะไปด้วยนะอ่าไป
00:37:52 → 00:37:55 ด้วยนะฮะเพราะฉะนั้นเนี่ยมันก็จะไปทั้ง
00:37:55 → 00:37:58 พลังงานและไปไปทั้งสารอาหารนะเพราะว่า
00:37:58 → 00:38:01 เซลล์นั้นเนี่ยพลังงานที่รับไปเนี่ยถ้า
00:38:01 → 00:38:05 เกิดไปสะสมหรือไปเผาผ่าประชก็จะต้องมี
00:38:05 → 00:38:08 เนี่ยมีคอเลสเตอรอลเนี่ยเอ่อ
00:38:09 → 00:38:13 ไปไปให้เซลล์เนี่ยนะที่จะต้องใช้งานต่อ
00:38:13 → 00:38:16 หลังจากการเกิดปฏิกิริยานี้แล้วนะแล้วไอ้
00:38:16 → 00:38:20 ตัวการเกิด hdl เนี่ยนะพอเซลล์มันจ่ายไต
00:38:20 → 00:38:22 กิซเรียบร้อยแล้วเนี่ยนะฮะ vldl มันจ่าย
00:38:22 → 00:38:27 แล้วเนี่ยนะนะตัวฟอสโฟไลปิดนะตัวไอ้ตัว
00:38:27 → 00:38:31 คอเลสเตอรอลเ่อฟรีคอเลสเตอรอลนะฮะกับ
00:38:31 → 00:38:35 คอเลสเตอรอลเอสเตอร์บางส่วนนะพวกเนี้ยนะ
00:38:35 → 00:38:38 มันก็อ่ามันจะถูกโปรตีนน่ะในพลาสม่าหรือ
00:38:38 → 00:38:42 ในน้ำเหลืองเนี่ยเ่อจับจับขมวดมันไว้นะฮะ
00:38:42 → 00:38:48 นะเค้าเรียกว่าสนอร์อ่าอะไรอ่ะอ่าตัวอะไร
00:38:48 → 00:38:51 นะเค้าเรียกโปรตีนอะไรซะอย่างนึงนะลืม
00:38:51 → 00:38:54 ชื่อนะอ่าไม่เป็น
00:38:54 → 00:38:59 ไรเสร็จแล้วเนี่ยก็จะมีการมาควบรวมนะมา
00:38:59 → 00:39:03 มัดรวมของโปรตีนตัวสำคัญเลยก็คือ aple A1
00:39:03 → 00:39:06 ก็กลายเป็นตัวอนุภาค hdl ที่จะไปรับ
00:39:06 → 00:39:11 คอเลสเตอรอลต่อ
00:39:11 → 00:39:14 ไปเพราะฉะนั้นตอนเนี้ยเรากำลังรีวิวกัน
00:39:15 → 00:39:18 ถึงเรื่องเซลล์ไซเคิลนะฮะนะว่าเขาจะต้อง
00:39:18 → 00:39:22 มีการใช้คอเลสเตอรอลนะฮะนะอันต่อมาก็คือ
00:39:22 → 00:39:25 คอเลสเตอรอลเป็นตัวสร้างน้ำดีนะอันนี้
00:39:25 → 00:39:29 หมายหมาถึงว่านะมันไปที่ตับไปที่ระบบน้ำ
00:39:29 → 00:39:33 ดีแล้วนะฮะแล้วก็เกิดการรมิที่จะเป็นพวก
00:39:33 → 00:39:35 เกลือน้ำดีซึ่งเขาจะต้องใช้คอเลสเตอรอล
00:39:35 → 00:39:39 อันนี้ก็เป็นหนทางในการในการกำจัดน่ะนะ
00:39:39 → 00:39:41 หรือในการขับคอเลสเตอรอลหรือลด
00:39:41 → 00:39:44 คอเลสเตอรอลออกจากกระแสเลือดออกจากร่าง
00:39:44 → 00:39:46 กายแล้วเดี๋ยวเจะขับทิ้งทางระบบน้ำดีแล้ว
00:39:46 → 00:39:51 ก็ไปต่อที่ลำไส้นะไปกับอุจจาระนะฮะนะซึ่ง
00:39:51 → 00:39:54 ตรงนี้เนี่ยตรงนี้เนี่ยคอเลสเตอรอลก็มา
00:39:54 → 00:39:58 จากคือไม่ได้มีใครสร้างไม่ได้มีตัสร้างนะ
00:39:58 → 00:40:01 ฮะนะเพราะเป็นคอเลสเตอรอลที่เป็น buy
00:40:01 → 00:40:03 product ที่มาจากเซลล์ต่างๆนะฮะจน
00:40:03 → 00:40:07 กระทั่งมาถึงตัแล้วมีเรือนำส่งติดตัดแล้ว
00:40:07 → 00:40:12 นะต่อมาก็คือคอเลสเตอรอลนะเ่อที่เรากิน
00:40:12 → 00:40:16 จากอาหารภายนอกนะซึ่งเขาจะมาพร้อมกับที่
00:40:16 → 00:40:20 บอกไปคือไขมันโอเมก้า 3 แล้วก็วิตามินที่
00:40:20 → 00:40:25 ละลายในไขมัน AD นะอันเนี้ยนะเค้าจะต้อง
00:40:25 → 00:40:29 เป็นแกิแบบเนี้ยนะฮะนะถึงจะมีการดูดซึม
00:40:29 → 00:40:34 ผ่านลำไส้นะฮะเข้าสู่ร่างกายได้
00:40:34 → 00:40:39 นะเพราะฉะนั้นอันเนี้ยนะเอ่ออันเนี้ยคือ
00:40:39 → 00:40:43 คือนี่คือคำตอบนี่ก็คือความสัมคัญนะที่
00:40:43 → 00:40:46 ว่าเอาในเมื่อรู้ว่าเซลล์เป็นตัวสร้าง
00:40:46 → 00:40:48 เป็นหลักอ่ะแล้วจะกินเข้าไปทำไมอ่ะไม่กิน
00:40:49 → 00:40:53 ได้มยนะคำตอบก็คือไม่ได้นะยังไงคุณก็ต้อง
00:40:53 → 00:40:56 กินนะฮะนะแล้วสัดส่วนที่ร่างกายก็ต้องการ
00:40:56 → 00:41:00 ก็คือ 20 20 - 25% นะอีกเหตุผลนึงก็
00:41:00 → 00:41:03 คือเป็นการตอบคำถามว่าเนี่ยนะถ้าจะให้
00:41:03 → 00:41:07 เซลล์เลือกระหว่างสร้างขึ้นมาเองกับกิน
00:41:07 → 00:41:10 คอเลสเตอรอลจากอาหารภายนอกเข้าไปเนี่ยนะ
00:41:10 → 00:41:14 เซลล์เขาอยากได้อะไรนะเพราะฉะนั้นตอนนี้
00:41:14 → 00:41:15 ตอบได้หรือ
00:41:15 → 00:41:22 ยังอนะตอบได้แล้วครับคำตอบคือเซลล์เ
00:41:22 → 00:41:27 ต้องการคอเลสเตอรอลหาภายนอกออ่าเซลล์ไม่
00:41:27 → 00:41:30 ได้ต้องการคอเลสเตอรอลที่สร้างขึ้นอด้วย
00:41:30 → 00:41:33 ตัวเขาเองเพราะคอเลสเตอรอลจากปฏิกิริยา
00:41:33 → 00:41:37 ของพลังงานที่เซลล์สร้างขึ้นนะมันจะไม่มี
00:41:37 → 00:41:40 สิ่งแวดล้อมอื่นๆที่มาเป็นแพคกิ้งแบบนี้
00:41:40 → 00:41:44 อ่าคือไม่มีโอเมก้า 3 ไม่มีไขมันและไม่มี
00:41:44 → 00:41:46 วิตามินนะ
00:41:46 → 00:41:50 ฮะทีนี้ในปัจจุบันเนี่ยเราก็รู้แล้วว่า AD
00:41:50 → 00:41:54 เนี่ยมันเป็นวิตามินที่ละลายในไขมันซึ่ง
00:41:54 → 00:41:57 มันจะมาแรงกว่าพวกกลุ่มวิตามินละะลายน้ำ
00:41:57 → 00:42:01 นะฮะนะโดยเฉพาะตัวสำคัญที่สุดคือ
00:42:01 → 00:42:08 D ดอกนะฮะนะแต่ตอนเนี้ยมันก็มีคู่แข่งนะ
00:42:08 → 00:42:13 ฮะนะตอนเนี้ยอ่าหลายๆคนที่เป็นเป็นใน
00:42:13 → 00:42:16 กลุ่มทางด้านเวชศาสตร์ชราวัยเนี่ยเขา
00:42:17 → 00:42:20 พยายามให้ความสำคัญกับวิตามิน E นะฮะนะ
00:42:21 → 00:42:24 เอาล่ะเอ่อเราพอรู้ว่าวิตามินดีเนี่ยนะ
00:42:24 → 00:42:28 ถ้าถามว่าวิตามินไหนอ่ะที่ต้องเสริมและ
00:42:28 → 00:42:31 ขาดแล้วเนี่ยมีผลต่อร่างกายมากที่สุดแล้ว
00:42:31 → 00:42:33 เป็นวิตามินที่ดูแล้วจะมีประโยชน์มากที่
00:42:33 → 00:42:37 สุดนะก็คือวิตามิน D นะฮะแต่ในปัจจุบัน
00:42:37 → 00:42:40 เนี่ยเขายกย่องให้วิตามิน E เป็น Master
00:42:40 → 00:42:45 of วิตามินนะฮะนะ Master of Vitamin
00:42:45 → 00:42:49 เพราะว่าเพราะว่า 3 เหตุผลนะฮะนะคือ
00:42:49 → 00:42:52 วิตามิน E ในปัจจุบันเนี่ยนะที่กมาแรงมาก
00:42:52 → 00:42:56 เลยอันที่ 1 เนี่ยก็คือิวิตามินเนี่ยมัน
00:42:56 → 00:43:00 เป็นวิตามินที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการ
00:43:00 → 00:43:04 ทำงานของต่อมใต้สมองนะฮะคือพิจารแล้ว
00:43:05 → 00:43:08 พิจารเนี่ยเป็นต้นทางของการเกิดฮอร์โมน
00:43:08 → 00:43:10 ที่จะไปกระตุ้นอวัยวะต่างๆให้สร้าง
00:43:10 → 00:43:13 ฮอร์โมนอีกทีคือเป็นฮอร์โมนจากสมองที่จะ
00:43:13 → 00:43:15 ไปกระตุ้นการทำงานของอวัยวะสร้างฮอร์โมน
00:43:16 → 00:43:18 นะฮแล้วเขจะทำงานไม่ได้เลยถ้ามันขาด
00:43:18 → 00:43:23 วิตามินอ E นะฮะเนี่ยเพราะฉะนั้นความ
00:43:23 → 00:43:27 สำคัญก็เลยอยู่ที่สมองอันดับ 1 อันดับต่อ
00:43:27 → 00:43:30 มาก็คือวิตามินอเเนี่ยเป็นส่วนประกอบที่
00:43:30 → 00:43:34 สำคัญคือเา้าจะมาประกอบร่างนะกับตัว
00:43:34 → 00:43:37 วิตามินอ่ามันกับตัวฮอร์โมนเพศ่ะฮะทั้ง
00:43:37 → 00:43:42 เพศหญิงเพศชายเนี่ยนะฮะเทสโทสเตอโรนกับ e
00:43:42 → 00:43:47 เนี่ยนะฮะนะเาจะมีผลในเรื่องการชะลอวัยนะ
00:43:47 → 00:43:50 ทำให้เป็นหนุ่มนะมีการสร้างเซลล์อสุจิมี
00:43:50 → 00:43:54 การเจริญพันธุ์นะแล้วก็มีเรื่องของเ่า
00:43:54 → 00:43:57 เค้าเรียกเวชศาสตร์ฉลารอวัยที่จะอายุยืน
00:43:57 → 00:44:02 น่ะนะฮะต้องมีวิตามินอนะแล้วตัววัดที่
00:44:02 → 00:44:05 สำคัญที่บอกว่าเราวัดกันที่มวลกล้ามเนื้อ
00:44:05 → 00:44:09 ใช่มั้ยล่ะนะมวลกล้ามเนื้อเนี่ยจะสร้าง
00:44:09 → 00:44:14 ได้ยากมากในผู้ชายถ้าขาดวิตามิน E นะฮะ
00:44:14 → 00:44:19 อนะคือเราจะมีฮอร์โมนที่สร้างแล้วมีมีกด
00:44:19 → 00:44:22 อะมิโนมีโปรตีนอะไรแล้วเนี่ยเต้องมี
00:44:22 → 00:44:24 วิตามิน
00:44:25 → 00:44:29 อีในการเพิ่มประสิทธิภาพหรือเอ่อการทำงาน
00:44:29 → 00:44:32 ของตัวฮอร์โมนที่จะสร้างไอ้ตัวมวลกลครับ
00:44:32 → 00:44:38 นะฮะเนี่ยอันนี้อันนี้คืออ่าหน้าที่ที่
00:44:38 → 00:44:42 สำคัญมากๆเลยของตัววิตามินอนะก็คือ 1
00:44:42 → 00:44:46 เรื่องของสมอง 2 เรื่องของกล้ามเนื้อเออ
00:44:46 → 00:44:51 เรื่องของกล้ามเนื้อนะครับผม
00:44:51 → 00:44:56 เออแล้วก็เถูกยกย่องให้เป็นอ่ามาสเต of
00:44:56 → 00:45:00 วิตามินเอนี่แหละนะเพราะว่าไม่งั้นเนี่ย
00:45:00 → 00:45:03 ฮอร์โมนตัวอื่นๆนี่
00:45:03 → 00:45:08 เอ่อเกิดยากเกิดตามมาได้ยากมากนะฮะ
00:45:08 → 00:45:09 นะ
00:45:09 → 00:45:11 เอ่อที
00:45:11 → 00:45:16 นี้อันนี้เนี่ยนะขอย้ำว่านะเหตุผลสำคัญ
00:45:16 → 00:45:20 ที่สุดนะที่แม้ว่าสัดส่วนส่วนใหญ่ของ
00:45:20 → 00:45:23 คอเลสเตอรอลเนี่ยจะเกิดจากการสร้างภายใน
00:45:23 → 00:45:27 เซลล์ร่างกายเองนะแต่สัตวส่วนนะที่เหลือ
00:45:27 → 00:45:31 นะอ่าเราก็จำเป็นต้องได้รับจากอาหารนะ
00:45:31 → 00:45:34 เพราะมันจะมีตัวอื่นๆที่มาประกอบกันด้วย
00:45:34 → 00:45:39 นะฮะนะแล้วก็ร่างกาย prefer หรือต้องการ
00:45:39 → 00:45:41 มากกว่าตัวคอเลสเตอรอลที่เราสร้างเองมัน
00:45:41 → 00:45:43 ก็สร้างยังอื่นๆไม่ได้ก็สร้างได้แต่
00:45:43 → 00:45:46 คอเลสเตอรอล
00:45:46 → 00:45:51 นะเอ่อเพราะฉะนั้นต้องกินนะฮะไม่กินไม่
00:45:51 → 00:45:53 ได้นะ
00:45:53 → 00:45:58 เอออันต่อมาก็คือ
00:45:58 → 00:46:03 นะอันต่อมาก็คือที่บอกว่าอย่างนั้นเนี่ย
00:46:03 → 00:46:06 ถ้าเรากินคอเลสเตอรอลจากอาหารเข้าไปมากๆ
00:46:07 → 00:46:09 เนี่ยเดี๋ยวร่างกายเนี่ยหรือเซลล์ร่างกาย
00:46:09 → 00:46:13 เนี่ยมันจะสร้างคอเลสเตอรอลให้ลดน้อยลง
00:46:13 → 00:46:16 อันนี้คิดว่าจริงหรือไม่จริง
00:46:16 → 00:46:20 เมันมีคำพูดใช่มั้ยล่ะว่าเออถ้าสมมติเรา
00:46:20 → 00:46:23 กินคอเลสเตอรอลเยอะๆเสมมุติกินไข่อ่ะนะ
00:46:23 → 00:46:28 เอ่อกินไข่ไข่แดงกินอ่าเนี่ยเ่อแหล่งของ
00:46:28 → 00:46:30 คอเลสเตอรอลจากสัตว์กินเนื้อสัตว์อะไรกิน
00:46:30 → 00:46:34 เครื่องในอย่างเงี้ยนะแล้วนะไอ้ตัวอัตรา
00:46:34 → 00:46:38 การสร้างของเซลล์ต่างๆที่บอกว่าไม่ใช่ตับ
00:46:38 → 00:46:42 แล้วเนี่ยมันจะลดลงมันจะลดลงจริงมยนะคำ
00:46:42 → 00:46:46 ตอบก็คือคือจริงและไม่จริงนะฮะอันนี้จะ
00:46:46 → 00:46:49 ตอบอ่าอ่าที่เรื่องของความไม่จริงก่อนนะ
00:46:49 → 00:46:54 ฮะเอครับผมเอ่อที่ว่ามันไม่จริงเนี่ยนะฮะ
00:46:54 → 00:46:57 นะเดี๋ยวเดี๋ยวอันจริงนี่ไปไวสุดท้ายนะฮะ
00:46:57 → 00:47:02 นะครับผมที่มันไม่จริงเนี่ยก็เพราะ
00:47:02 → 00:47:06 นะเอ่อเดี๋ยวนะ
00:47:06 → 00:47:12 อืก็คือมันไม่เกี่ยวกันน่ะนะฮะอ่าเพราะ
00:47:12 → 00:47:16 ว่าการ intake คอเลสเตอรอลจากอาหารเนี่ย
00:47:16 → 00:47:20 นะร่างกายโดยระบบของลำไส้หรือว่าระบบการ
00:47:20 → 00:47:24 ดูดซึมเนี่ยมันยังมีการควบคุมโดยยีนนะที่
00:47:24 → 00:47:28 จะทำให้เอ่ออ่าเราอยู่ในอัตราส่วนของ
00:47:28 → 00:47:31 ประชากรที่เป็นกราฟระฆังคว่ำอ่ะนะฮะนะว่า
00:47:31 → 00:47:34 จะเป็น hyp Hyper absorber นะแต่
00:47:34 → 00:47:37 วิวัฒนาการของมนุษยชาติเนี่ยนะเขาบอกว่า
00:47:37 → 00:47:40 ไอ้กราฟระฆังคว่ำเส่วนใหญ่มันจะเอียงไป
00:47:40 → 00:47:44 ทางข้างขวานะฮะคือ 55% เนี่ยมันเป็น Hyper
00:47:44 → 00:47:48 absorber ก็คือประมาณเกินครึ่งนึงนะของ
00:47:48 → 00:47:51 ประชากรน่ะในกราฟและคำคว่ำนี่แหละนะมันมี
00:47:51 → 00:47:54 แนวโน้มที่จะดูซึมคอเลสเตอรอลได้ดีแต่ก็
00:47:54 → 00:47:57 ไม่ได้ดีมากนะฮะไม่ได้ดีมากนะเพราะฉะนั้น
00:47:57 → 00:47:59 เนี่ยเอ่อเปอร์เซ็นต์ความต้องการของ
00:47:59 → 00:48:02 คอเลสเตอรอลต่อวันน่ะนะที่มันจะได้รับจาก
00:48:02 → 00:48:06 อาหารเนี่ยนะมันค่อนข้างฟิกนะถึงจะกิน
00:48:06 → 00:48:10 เยอะๆเท่าไหร่เนี่ยมันดูดได้มันเป็นอ่า
00:48:10 → 00:48:14 ถึงมันจะเป็น Hyper hyp absorber 55%
00:48:14 → 00:48:16 อะไรก็ตามมันก็ได้แค่นั้นแหละนะครับนะ
00:48:16 → 00:48:20 เพราะฉะนั้นจะกินมากกินน้อยนะฮะอ่าส่วน
00:48:20 → 00:48:23 ใหญ่กินมากใช่มยเอ่อกินมากยังไงเนี่ย
00:48:23 → 00:48:27 อัตราการสร้างของร่างกายก็ก็ก็ไม่ได้ลดลง
00:48:27 → 00:48:30 ไม่ได้ลดลงนะนะเพราะฉะนั้นคำตอบก็คือไม่
00:48:30 → 00:48:34 จริงนะอันเนี้ยอันนี้ก่อนนะส่วนใหญ่ก็คือ
00:48:34 → 00:48:38 เป็นคำตอบนี้นะฮะนะซึ่งมันมีความหมายนะ
00:48:38 → 00:48:41 ค่อนข้างมากเพราะว่าแต่เก่าเนี่ยเราก็ไม่
00:48:41 → 00:48:44 รู้ทฤษฎีเขาอ่ะนะฮะเคิดว่าเออกินเยอะเถ้า
00:48:44 → 00:48:47 กินไข่วันละ 10 ลูกเนี่ยเอ่อคอเลสเตอรอล
00:48:47 → 00:48:50 ก็ได้เขาไปเป็นพันแล้วล่ะนะฮะนะเ่อลูกนึง
00:48:50 → 00:48:54 180 -2 มิลลิกรัมก็น่าจะได้ตั้ง 1,800
00:48:54 → 00:48:58 ถึง 2,000 มิลลิกรัมแล้วนะนะถ้าอย่างนี้
00:48:58 → 00:49:00 ก็แทบจะไม่ต้องสร้างแล้วเพราะวันๆนึง
00:49:00 → 00:49:02 เนี่ยนะร่างกายต้องสร้างคอเลสเตอรอลอยู่
00:49:02 → 00:49:05 ในช่วงประมาณ 2,000 - 3,000 มิลิกรัมนะ
00:49:05 → 00:49:09 ที่จะมาใช้งานอะไรต่างๆนะเพราะงั้นกินไข่
00:49:09 → 00:49:12 ไป 10 ลูกก็ได้เกือบ 2,000 แล้วเร่างกาย
00:49:12 → 00:49:14 จะได้พักจะได้ไม่ต้องสร้างอันนี้ไม่จริง
00:49:14 → 00:49:21 นะอืครับผมเพราะว่าถ้านะมันดูดซึมได้แค่
00:49:21 → 00:49:24 เท่าไหร่อ่ะ 400 มันก็ได้ 400 อ่ะนะคุณ
00:49:24 → 00:49:26 กิน 2,000 เนี่ยอีก 1000 ผมก็ไม่ไปด้วย
00:49:26 → 00:49:29 อ๋อก็ทิ้งเลยใช่มั้ยครับผม
00:49:29 → 00:49:32 ใช่
00:49:32 → 00:49:34 ครับ
00:49:34 → 00:49:40 อ่าทีนี้เอานะนะก็ในแง่ของการวิเคราะนะ
00:49:40 → 00:49:44 จากคำถามเนี่ยนะฮะว่านะอันที่ 1 เราก็รู้
00:49:44 → 00:49:46 แล้วล่ะว่าร่างกายเนี่ยเจะต้องเป็นเ้า
00:49:46 → 00:49:51 อย่างนี้นะฮะนะก็คือ 1 นะอ่ามีการสร้าง
00:49:51 → 00:49:55 เองแล้วก็มีการกินจากอาหารเข้าไปนะทีนี้จ
00:49:55 → 00:49:58 จากคำถามเนี่ยเถามในส่วนที่มันเป็น 20 -
00:49:58 → 00:50:02 25% น่ะว่าการกินไขท้างฟองการกินปลาหมึก
00:50:02 → 00:50:05 การกินหอยเนี่ยนะแล้วไปลดคอเลสเตอรอลได้
00:50:05 → 00:50:09 ยังไงนะฮะนะเอ่อสิ่งเหล่านี้เมื่อกี้เรา
00:50:09 → 00:50:11 แยกแยะแล้วว่าคอเลสเตอรอลมันอยู่ในโหมด
00:50:11 → 00:50:15 โปรตีนนะแล้วไข่ทั้ฟองเอยปลาหมึกเอยหอย
00:50:15 → 00:50:18 เอยเรานับสารอาหารเป็นเน็ตโปรตีนใช่มั้ย
00:50:19 → 00:50:23 ฮะนะเนี่ยโปรตีนนี้นะต้องนับเป็นนะฮะนะ
00:50:23 → 00:50:27 ต้องนับเป็นนะต้องแยกแยะเ่าในเรื่องอาหาร
00:50:27 → 00:50:30 และพลังงานและสารอาหารต่างๆนะว่าเเป็น
00:50:30 → 00:50:32 อะไรเป็นคาร์โบไฮเดรตเป็นโปรตีนเป็นไขมัน
00:50:32 → 00:50:37 นะในกรณีที่คำถามเนี่ยนะอันนี้คือคือ
00:50:37 → 00:50:41 โปรตีนนะฮะนะหลังจากเรารู้แล้วว่าสิ่ง
00:50:41 → 00:50:45 เนี้ยมันคือโปรตีนนะฮะเราก็ต้องรู้ต่อนะ
00:50:45 → 00:50:48 ว่าปฏิกิริยาการตอบสนองของฮอร์โมนในร่าง
00:50:48 → 00:50:53 กายต่อสารอาหารที่เป็นโปรตีนเนี่ยนะ
00:50:53 → 00:50:56 ฮอร์โมนอะไรมันจะออกมาใช่มเนี่ยอันนี้เรา
00:50:56 → 00:51:00 ก็ต้องรู้นะคือเป็นคาฟเนี่ยอินซูลินออกมา
00:51:00 → 00:51:04 แน่นอนนะพออินซูลินออกมามากๆมากๆหรือ
00:51:04 → 00:51:07 อินซูลินออกมาแบบไม่ดีนักเนี่ยเดี๋ยวตัว
00:51:07 → 00:51:10 แม่คอร์ติซอลก็จะออกมาช่วยมาปรับอ่ะมา
00:51:10 → 00:51:14 ปรับนะแล้วก็เหมือนจะมาทะเลาะกันขึ้นๆลงๆ
00:51:14 → 00:51:18 นะฮแต่ว่าหลักๆพ่อถ้าเป็นคาฟนะก็คือ
00:51:18 → 00:51:21 อินซูลินนะฮะบทบาทเด่นที่สุดนะฮะอันนี้
00:51:21 → 00:51:24 เราก็พอรู้แล้วล่ะแต่ถ้าเมื่อไหร่มันเป็น
00:51:24 → 00:51:28 โปรตีนนะฮะโปรตีนนะโปรตีนเนี่ยนะตัวตอบ
00:51:28 → 00:51:31 สนองในแง่ของฮอร์โมนเนี่ยมันก็จะมี
00:51:31 → 00:51:35 อินซูลินมานะเพะถึงไงโปรตีนก็เป็นแม้ว่า
00:51:35 → 00:51:37 เป็นสารอาหารแต่เขาก็มีความเป็นพลังงาน
00:51:37 → 00:51:39 ได้ด้วยนะเพราะงั้นใดๆที่เป็นพลังงาน
00:51:39 → 00:51:42 เนี่ยโปรตีนมาเอ้ยอินซูลินมาทั้งนั้นแหละ
00:51:42 → 00:51:45 อินซูลินมาแต่มาน้อยนะแล้วก็ไม่ไม่มีบท
00:51:45 → 00:51:49 บาทอะไรเด่นชัดเหมือนกับแบบมาแบบจากคาฟนะ
00:51:49 → 00:51:54 ฮะนะคือกินโปรตีนอินซูลินมากลูคากอนมาโกด
00:51:54 → 00:51:57 ฮอร์โมนมาไทรรอยด์มาหลักๆที่เมาก็จะมาแบบ
00:51:57 → 00:51:58 นี้
00:51:58 → 00:52:01 นะแต่การมาเนี่ยมันก็ต้องดูด้วยอ่ะว่า
00:52:01 → 00:52:05 โปรตีนที่คุณกินเนี่ยมันเป็นโปรตีนอะไร
00:52:05 → 00:52:08 ยังไงนะกรณีนี้เนี่ยนะถ้าเราพูดกันถึง
00:52:08 → 00:52:12 เรื่องเฉพาะไข่ทั้งฟองปลาหมึกป่อยมันก็
00:52:12 → 00:52:16 คือเป็นโปรตีนไขมันปานกลางกับโปรตีนไข
00:52:16 → 00:52:20 มันานะซึ่งพวกเนี้ยเออการกระตุ้นเนี่ยนะ
00:52:20 → 00:52:23 มันก็ไม่ได้กระตุ้นอินซูลินมากนะนะแล้ว
00:52:23 → 00:52:26 มันก็ไม่ได้กระตุ้นไอ้พวกฮอร์โมนตัวแม่
00:52:26 → 00:52:29 คอร์ติซอลคือมันไม่ใช่โปรตีนไขมันสูงนะฮะ
00:52:29 → 00:52:33 นะขณะเดียวกันเนี่ยนะมันก็จะมีพวกกลุ่ม
00:52:33 → 00:52:37 ฮอร์โมนลูกเทพน่ะออกมาผสมผสานด้วยนะก็คือ
00:52:37 → 00:52:40 เเป็นโปรตีนนะอ่าเพราะฉะนั้นเนี่ยยังไงก็
00:52:40 → 00:52:43 ตามเนี่ยกลูคากอนโกดฮอร์โมนไทรรอยด์มา
00:52:43 → 00:52:50 ด้วยนะฮะมาด้วย
00:52:50 → 00:52:56 นะก็นะยังไงอินซูลินนะเข้ามานะนะแต่ตัว
00:52:56 → 00:53:02 อื่นๆที่มานะฮะนะก็ก็แล้วแต่ว่าเขาจะแช
00:53:02 → 00:53:05 กับไอ้ตัวโปรตีนเนี่ยนะ
00:53:05 → 00:53:09 เอ่อยังไงบ้างนะฮะนะมันก็ทุกอย่างเนี่ย
00:53:09 → 00:53:11 มันก็ขึ้นอยู่กับวิธีปรุงอาหารวิธีกิน
00:53:11 → 00:53:15 อะไรตอะไรด้วยนะอันนี้อันนี้ขอให้รู้นะ
00:53:15 → 00:53:19 ส่วนคอร์ติซอลกับแอนลีนจะมาแจมด้วยมนะฮะ
00:53:19 → 00:53:23 นะทุกอย่างเนี่ยนะก็ต้องถือว่าขึ้นอยู่
00:53:23 → 00:53:28 กับปริมาณตัดตวนนะฮะแล้วก็เรื่องของวิธี
00:53:28 → 00:53:32 การปรุงแล้วก็ก็มีการแต่งเติมเสริมอะไรก็
00:53:32 → 00:53:37 ไม่รู้นะหรือไปแปรรูปไปในขนาดไหนก็ตามนะ
00:53:37 → 00:53:41 ฮะนะอันนี้เพราะฉะนั้นขั้นตอนนะฮะก็คือ
00:53:41 → 00:53:45 อาหารสั่งฮอร์โมนนะฮอร์โมนเนี่ยจะไปสั่ง
00:53:45 → 00:53:50 ตับนะจะไปสั่งตับแล้วตับนะก็จะเกิดกระบวน
00:53:50 → 00:53:56 การนะที่จะทำยังไงนะกับตัวคอเลสเตอรอลนะ
00:53:56 → 00:54:01 และไลโปโปรตีนนะนะคือฮอร์โมนสั่งตับส่วน
00:54:01 → 00:54:05 ใหญ่เซลล์ตับก็จะมี 2 อย่างนะฮะก็คือสลาย
00:54:05 → 00:54:10 เผาผลาญหรือเก็บสะสม
00:54:10 → 00:54:15 นะถ้าจะมีการสลายเผาผลาญนะฮะนะเค้าก็จะมี
00:54:15 → 00:54:16 เนี่ย
00:54:16 → 00:54:21 นะมีมีวงจรของเค้าอ่ะนะที่นะที่จะสร้าง VL
00:54:21 → 00:54:25 dl แล้วก็อ่าไปในกระสงกระแสเลือดอะไร
00:54:25 → 00:54:29 ต่างๆนะฮะแต่ถ้าจะสะสมเนี่ยก็แล้วแต่จะ
00:54:29 → 00:54:34 สะสมที่ตับก่อนนะหรือจะส่งไปสะสมตามที่
00:54:34 → 00:54:37 อื่นๆนะฮะตามที่อื่นๆ
00:54:37 → 00:54:42 นะเพราะว่าอ่าถ้าตับเนี่ยสะสมเต็มที่แล้ว
00:54:42 → 00:54:46 มันก็ก็จ่ายไปยังอวัยวะอื่นๆให้สะสมกัน
00:54:46 → 00:54:52 ต่อไปนะฮะนะหรืออ่าหรือก็แล้วแต่นะว่า
00:54:52 → 00:54:55 อิทธิพลของฮอร์โมนสะสมโดยเฉพาะสัดส่วนของ
00:54:55 → 00:54:58 ของอินซูลินเยอะหน่อยนะส่วนใหญ่พวกนี้เขา
00:54:58 → 00:55:04 ก็จะพาไปสะสมตามศัพคิต
00:55:04 → 00:55:09 สู้อันนี้ก็อย่างในกรณีที่เรากินคาฟ
00:55:09 → 00:55:13 อินซูลินก็จะถูกกระตุ้นออกมาอ่าเป็นการ
00:55:13 → 00:55:17 สั่งการของฮอร์โมนใช่มั้ยฮะนะอินซูลินอ่า
00:55:17 → 00:55:20 เวลากินคาฟอินซูลินมาอินซูลินไปสั่งอะไร
00:55:20 → 00:55:26 กับตับอ่ะนะฮะนะส่วนใหญ่นะอินซูลินจะสั่ง
00:55:26 → 00:55:27 ตับ
00:55:27 → 00:55:29 ให้
00:55:29 → 00:55:35 อ่าคือคือคือเราก็รู้อ่ะนะว่าไอ้ตัวคาฟ
00:55:35 → 00:55:39 หรือน้ำตาลเนี่ยนะเวลากินเข้าร่างกายแล้ว
00:55:39 → 00:55:44 เนี่ยนะมันไม่มีใครต้องการใช่มั้ล่ะนะมัน
00:55:44 → 00:55:47 ไม่มีใครต้องการนะฮะนะแม้แต่เซลล์ตับเขก็
00:55:47 → 00:55:50 ไม่ใช้น้ำตาลนะฮะนะเพราะว่าอวัยวะที่บอก
00:55:50 → 00:55:54 ก็คือตับเนี่ยนะตับเนี่ยในการที่เขาจะใช้
00:55:54 → 00:55:58 พลังงานต่างๆเนี่ยเขาจะใช้กดไขมันอิสระเ
00:55:58 → 00:56:01 ไม่ใช้น้ำตาลนะฮะแล้วเเไม่ใช้คีโตนเไม่
00:56:01 → 00:56:04 ใช้คีโตนนะมีช่วงมื้อเย็นเท่านั้นเนี่ย
00:56:04 → 00:56:09 ที่ตับจะมีโอกาสที่จะต้องใช้คีโตนนะฮะนะ
00:56:09 → 00:56:13 ที่ส่งออกมาจากลำไส้เอออืเป็นการสร้างของ
00:56:14 → 00:56:17 แบคทีเรียเท่านั้นแหละครับนะแต่โดยส่วน
00:56:17 → 00:56:21 ใหญ่แล้วตับเขาจะใช้กดไขมันอิสระหรือี้
00:56:21 → 00:56:25 Acid เป็นพลังงานในการซ่อมสร้างในการอ่า
00:56:25 → 00:56:29 ที่จะจ่ายพลังงานตัวอื่นๆตับไม่ใช้น้ำตาล
00:56:29 → 00:56:32 นะฮะเพราะฉะนั้นน้ำตาลเนี่ยนะเมื่อเข้า
00:56:32 → 00:56:36 สู่ร่างกายแล้วเนี่ยถ้าระหว่างที่น้ำตาล
00:56:36 → 00:56:40 เดินทางนะฮะเ่าเ่อที่จะไปตับเนี่ยแต่ว่า
00:56:40 → 00:56:42 มีการเรียกร้องจากเซลล์ที่ต้องการพลังงาน
00:56:42 → 00:56:45 น้ำตาลก็ไปจ่ายพลังงานให้กับเซลล์ก่อนอ่า
00:56:45 → 00:56:48 ที่เหลือมันก็เข้าตับนะแล้วตับเขาก็ไม่
00:56:48 → 00:56:50 ใช้น้ำตาลนะเพราะฉะนั้นถ้าน้ำตาลที่เหลือ
00:56:51 → 00:56:54 เข้าตับตับก็จะว lipogenesis ก็เปลี่ยน
00:56:54 → 00:56:58 เป็นไซไลนทั้งหมดนะเพราะฉะนั้นทั้งหมด
00:56:58 → 00:57:01 เนี่ยมันก็คืออยู่อันอยู่ภายใต้คำสั่งของ
00:57:01 → 00:57:06 ฮอร์โมนอินซูลินนั่นแหละนะ
00:57:06 → 00:57:09 ครับเพราะฉะนั้นอันเนี้ยเราก็
00:57:09 → 00:57:14 เอ่อแล้วแต่ล่ะว่านะถ้าเป็นปฏิกิริยาใน
00:57:14 → 00:57:18 แง่นี้นะนะก็เป็นการจัดการของอินซูลินกับ
00:57:18 → 00:57:22 ตับนะฮะแล้วกระบวนการของพลังงานที่เกิด
00:57:22 → 00:57:27 ขึ้นก็จะเป็นการสะสมพลังงาน
00:57:27 → 00:57:30 พอเป็นการสะสมพลังงานก็จะเกิดคอเลสเตอรอล
00:57:30 → 00:57:33 นะแล้วคอเลสเตอรอลที่จะเกิดจากขบวนการ
00:57:33 → 00:57:37 สะสมพลังงานก็มักจะเป็นคอเลสเตอรอลที่ไม่
00:57:37 → 00:57:39 ดี
00:57:39 → 00:57:43 นะส่วนใหญ่ก็จะในที่สุดจะกลายเป็น ldl
00:57:43 → 00:57:47 type type B นะครับผม
00:57:47 → 00:57:49 เนาะ
00:57:49 → 00:57:53 ครับทีนี้เหตุผลเนี่ยเพราะอะไรอ่ะนะร่าง
00:57:53 → 00:57:56 กายเซลล์ต่างๆหรือแม้แต่ตับเนี่ยที่หมอ
00:57:56 → 00:57:58 บอกว่าเอ่อเวลาเใช้พลังงานเเลือกที่จะใช้
00:57:58 → 00:58:03 กดไขมันอิสระนะฮะนะเพราะพลังงานจากน้ำตาล
00:58:04 → 00:58:09 เนี่ยมันไม่มีความเสถียรใช่มั้ยล่ะนะน้ำ
00:58:09 → 00:58:14 ตาลเนี่ยพลังงานมันต่ำนะ 1 กรัมมันให้ 4
00:58:14 → 00:58:18 กิโลแคลอรี่นะฮะแล้วก็ N produc นะ N
00:58:18 → 00:58:22 produc ของการเผาผลาญน้ำตาลเนะมันมีความ
00:58:22 → 00:58:27 เป็นพิษมากนะเ่อแล้วตัวน้ำตาลเองเนี่ยก็
00:58:27 → 00:58:30 ยังมีผลกับโปรตีนนะ
00:58:30 → 00:58:37 อ่าที่จะไปเกิดสาร AG ใช่มั้ยล่ะนะครับผม
00:58:37 → 00:58:40 ใช่ครับแต่ธรรมชาติของร่างกายเราเนี่ยเรา
00:58:40 → 00:58:44 ก็เลือกใช้แต่ไขมันมากกว่าเพราะว่าไขมัน
00:58:44 → 00:58:47 เนี่ยมันเป็นพลังงานที่เสถียรกว่านะฮะการ
00:58:47 → 00:58:53 เกิดพิษต่างๆน้อยกว่านะน้อยกว่านะแล้วก็
00:58:53 → 00:58:58 เอ่อมันได้พลังงานเยอะกว่ามันได้ 9 ไง 9
00:58:58 → 00:59:02 กิโลแคลอรี่นะเมื่อเทียบกันกรัมต่อกรันะ
00:59:02 → 00:59:07 อันเนี้ยครับผมเพียงแต่ว่าไขมันเนี่ยมัน
00:59:07 → 00:59:10 เป็นพลังงานที่ค่อนข้างเสถียรและมันติด
00:59:10 → 00:59:16 ยากอ่ะนะคือมันเผาหัวนานนะมันมันมันมัน
00:59:16 → 00:59:20 มันช้ามันช้าในในตอนเริ่มต้นมันไม่ปู๊ด
00:59:20 → 00:59:23 ป๊าดนะพุ่งพ่านปู๊ดป๊าดเหมือนน้ำเหมือน
00:59:23 → 00:59:26 เหมือนน้ำตาลนะฮะไขมันเนี่ยนะแต่อย่างไง
00:59:26 → 00:59:30 ก็ตามนะเมื่อมันสตดแล้วเนี่ยคือร่างกายพอ
00:59:30 → 00:59:35 เวลามันเข้าคีโตสิสใช้ไขมันอาจจะใช้ไอ้
00:59:35 → 00:59:38 พวกกดไขมันได้เก่งๆหรือไปได้ถึงกระทั่ง
00:59:38 → 00:59:41 ใช้คีโตนได้แล้วเนี่ยนะเวลามันติดแล้วมัน
00:59:41 → 00:59:46 ติดเลยนะฮะนะมันก็จะยาวๆไปตลอดเลยนะอัน
00:59:46 → 00:59:50 นี้แหละนะฮะอันนี้สำคัญนะมันไม่มีสะดุดนะ
00:59:50 → 00:59:53 มันไม่วูบวาบมันไม่อ่าเป็นไรถไฟหอะ
00:59:53 → 00:59:56 ตีลังกาเหมือเหมือนกับเหมือนกับไม่เสถียร
00:59:56 → 00:59:59 เหมือนกับน้ำตาลน้ำตาลครับผมเออมันเีย
00:59:59 → 01:00:02 กว่านะฮะเพราะฉะนั้นเนี่ยเหตุผลหนึ่ง
01:00:02 → 01:00:05 เนี่ยในการที่เราต้องกินน้ำมันสกัดเย็นใน
01:00:05 → 01:00:08 มื้อแรกเนี่ยก็เพื่อว่าจะให้ร่างกายเกิด
01:00:08 → 01:00:12 การเริ่มต้นในการเผาผลาญนะที่ให้เครื่อง
01:00:12 → 01:00:16 มันติดน่ะนะพอเป็นตัวกระเดี่ยมันเผาไขมัน
01:00:16 → 01:00:20 แล้วเนี่ยนะฮะนะมันก็จะเผาได้ยาวไปเลยนะ
01:00:20 → 01:00:24 ทั้งวันหรือต่อไปถึงกลลางคืนเลยมันก็เป็น
01:00:24 → 01:00:27 อย่างเงี้ยนะฮะนะอันนี้ก็คือยังไงยังไง
01:00:27 → 01:00:30 เี่ถึงจะอ้วนจะผอมเนี่ยนะฮะการกินน้ำมัน
01:00:30 → 01:00:33 สกัดเย็นจะกินมากกินน้อยจะปรับสัตส่วนยัง
01:00:33 → 01:00:37 ไงปรับปริมาณยังไงก็ตามนะก็ยังจะต้องใช้
01:00:37 → 01:00:40 เป็นตัวกระตุ้นหรือการเริ่มวงจรการเผา
01:00:40 → 01:00:42 ผลาญปพลังงานจับไขมันน่ะแบบที่หมอว่า
01:00:42 → 01:00:47 เนี่ยนะแล้วผลอันเนี้ยมันจะเกิด 5 สอ 5
01:00:47 → 01:00:52 สอจำ 5 สนี่พอพอรู้มยถ้าเกิดร่างกายเาผัน
01:00:52 → 01:00:56 อ่าไขมันเป็นพลังงานนะฮะนะครับผม 5 สอนะ
01:00:56 → 01:01:01 ฮะอันที่ 1 เกิดความเสถียรนะเสถียรนะความ
01:01:01 → 01:01:06 สะอาดนะแล้วก็เกิดความสดชื่นสดดชเพราะว่า
01:01:06 → 01:01:10 ถ้าได้ถึงคีโตนเนี่ยคีโตนก็จะทำให้สมองนะ
01:01:10 → 01:01:15 เบนน่ะนะฮะนะเกิดความอะไรเกิดความโล่ง
01:01:15 → 01:01:19 โปร่งสบายแบบคือสมองมันจะสดชื่นขึ้นมานะ
01:01:19 → 01:01:23 ฮะเกิดความสบายเกิดความสบายความสบายของ
01:01:23 → 01:01:26 ร่างกายน่ะเพราะว่าร่างกายมันเหมือนมีการ
01:01:26 → 01:01:30 หล่อลื่นอ่าที่ที่ดีๆอ่ะนะไขมันมันลื่น
01:01:30 → 01:01:34 น่ะนะหล่อลื่นที่ดีๆเสถียนสะอาดสดชื่น
01:01:34 → 01:01:38 สบายและสุดท้ายคือสนิทนะฮะสนิทเนี่ยก็คือ
01:01:38 → 01:01:43 จะมีผลในแง่ที่สมองจะหลับจะหลับฟรีเลย
01:01:44 → 01:01:49 นะเนี่ยหลับสนิทหลับสนิทนะฮะเพราะฉะนั้น
01:01:49 → 01:01:53 ผมสารไขมันเป็นพลังงานโดยเฉพาะถ้าได้ถึง
01:01:53 → 01:01:56 ขั้นคลีนคีโตนเนี่ยเราจะหลับสนิทไม่มีนะ
01:01:56 → 01:02:00 ไม่มีตื่นไม่มีแบบนอนไม่หลับนะนะไอ้ที่
01:02:00 → 01:02:03 นอนไม่หลับเนี่ยมันเป็นเตี้คีโตนนะมันไม่
01:02:03 → 01:02:06 ใช่พลังงานที่สะอาด
01:02:06 → 01:02:09 นะอ่าที
01:02:09 → 01:02:12 นี้
01:02:12 → 01:02:15 เอ่อทีนี้ถ้าเกิดเป็นคาฟนี่เราก็พอรู้
01:02:15 → 01:02:18 แล้วใช่มั้ยล่ะว่าสุดท้ายเราก็จะได้เป็น
01:02:18 → 01:02:22 ll type B
01:02:22 → 01:02:32 เนาะครับ
01:02:32 → 01:02:36 ฮัลโหลครับเออเมื่อไหร่ก็ตามที่ฮอร์โมนนะ
01:02:36 → 01:02:40 ไปบอกให้เซลล์มีการสร้างมีการเก็บสะสมไข
01:02:40 → 01:02:44 มันนะฮะนะเซลล์จะมีการสร้างคอเลสเตอรอล
01:02:44 → 01:02:49 ขึ้นมาเสมอในทุกๆครั้งนะฮะนะนะอันนี้ก็
01:02:49 → 01:02:54 หมายถึงาฟนี่แหละนะฮะงั้นในทางตรงกันข้าม
01:02:54 → 01:02:57 เนี่ยเนี่ยตอนเนี้ยนะของเราเนี่ยโจทย์ก็
01:02:57 → 01:03:02 คือเรื่องของโปรตีนนะฮะโปรตีนนะพอเป็น
01:03:02 → 01:03:05 โปรตีนเนี่ยนะ
01:03:05 → 01:03:09 เอ่อมันก็จะตรงกันข้ามแล้วใช่มั้ยล่ะ
01:03:09 → 01:03:14 นะทีนี้
01:03:14 → 01:03:18 เออทีนี้ตัวโปรตีนเอ้ยตัวพลังงานเนี่ยนะ
01:03:18 → 01:03:22 ฮะพลังงานต่างๆเนี่ยนะที่เซลล์เนี่ยที่
01:03:22 → 01:03:25 เรากินอาหารเข้าไปเนี่ยนะแล้วก็พลังงาน
01:03:25 → 01:03:28 เหล่านี้เนี่ยถูกตับเนี่ยเปลี่ยนให้เป็น
01:03:28 → 01:03:32 vldl แล้วก็แจกจ่ายไปนะตามเซลล์หรือ
01:03:32 → 01:03:35 อวัยวะที่เต้องการพลังงาน
01:03:35 → 01:03:38 นะคือคำพูดที่บอกเมื่อกี้เนี่ยว่าถ้า
01:03:39 → 01:03:42 เปรียบเทียบระหว่างน้ำตาลกับไขมันนะร่าง
01:03:42 → 01:03:45 กายเนี่ยเขต้องการไขมันเป็นพลังงานในทุกๆ
01:03:45 → 01:03:50 เซลล์นะฮะเไม่ชอบเกลัวน้ำตาลนะแต่ว่ารูป
01:03:50 → 01:03:53 แบบการนำส่งพลังงานที่เป็นไขมันเนี่ยเรา
01:03:53 → 01:03:57 ก็นำส่งในรูปแบบของ vldl นะฮะเนี่ยอันนี้
01:03:57 → 01:04:02 ก็จะต้องมามีข้อสรุปก่อนนะฮะว่าแล้วการนำ
01:04:02 → 01:04:08 ส่ง VL dl ไปให้เซลล์ต่างๆเนี่ยนะมันมี
01:04:08 → 01:04:12 อย่างไรมันมีรูปแบบอย่างไรนะฮะ vldl
01:04:12 → 01:04:14 เนี่ยก็คือการส่งพลังงานนะที่มันเป็น
01:04:14 → 01:04:18 ไตรกีสไลก็จะมีคอเลสเตอรอลไปด้วยนะนะแล้ว
01:04:18 → 01:04:21 ระหว่างนั้นเนี่ยเค้าก็จะไปสลายพลังงาน
01:04:21 → 01:04:23 โดย
01:04:23 → 01:04:27 เอนไซม์ไลโปโปรตีนไลเปสใช่มยฮะนะแต่ทีนี้
01:04:27 → 01:04:30 รูปแบบนะของ ldl เนี่ยอันนี้มันเป็นโครง
01:04:30 → 01:04:36 สร้างเรื่อนำส่งแต่นะตัวสำคัญเลยนะก็คือ
01:04:36 → 01:04:40 ตัวโครงสร้างที่เป็นไตคิลเนี่ยนะมันเป็น
01:04:40 → 01:04:43 แบบไหนขึ้นอยู่กับ 3 ตั้งต้นขึ้นอยู่กับ 3
01:04:43 → 01:04:48 ตั้งต้นก็คือตัวเรือเ dl dl นะแต่องค์
01:04:48 → 01:04:51 ประกอบในเรือเนี่ยที่มันจะมีไตรกีซาไลน์
01:04:51 → 01:04:56 มีคอเลสเตอรอลมีเอปอ่าอ่าต่างๆนะฮะนะครับ
01:04:56 → 01:05:00 ผมเรามาตอนเนี้ยเราต้องมาดูที่ตัวไครินนะ
01:05:00 → 01:05:03 ซึ่งไครินเนี่ยมันขึ้นอยู่กับสิ่งที่เป็น
01:05:03 → 01:05:08 ต้นทางของไตกิลนะก็รูปแบบต่างๆมันก็จะมี
01:05:08 → 01:05:12 สักประมาณ 7-8 รูปแบบนะฮะนะถ้าไตรกีสไลเย
01:05:12 → 01:05:17 มาจากคาร์โบไฮเดรตนะต้นทางมันคือคาฟนะฮะ
01:05:17 → 01:05:23 คือคาฟนะอันนี้นะคาฟส่วนเกินที่เปลี่ยน
01:05:23 → 01:05:27 เป็นไตกีสไลเนี่ยเกิดจากอ่าตัวการออกคำ
01:05:27 → 01:05:31 สั่งก็คือฮอร์โมนอินซูลินใช่มั้ยฮะนะแล้ว
01:05:31 → 01:05:36 ก็อ่าไตกีสไลอันนี้ในรูปของ vldl มันจะ
01:05:36 → 01:05:39 ถูกลำเรียงไปในระบบ
01:05:39 → 01:05:44 เลือดแล้วก็ปลายทางก็คือการไปเก็บสะสมไม่
01:05:44 → 01:05:47 สามารถสลายเผาผลาญได้เพราะว่าตัวกำกับคือ
01:05:47 → 01:05:51 อินซูลินนะฮะแล้วผลสุดท้ายจากการสะสมพลัง
01:05:51 → 01:05:56 งานอันนี้เราก็จะได้เป็นเป็น ldl type B
01:05:56 → 01:06:01 B ครับถ้าไตกีสไลมีต้นทางมาจากน้ำมันแปร
01:06:01 → 01:06:05 รูปโดยเฉพาะน้ำมันพืชแปรรูปนะฮะหรือ
01:06:05 → 01:06:10 ไตกีสไลมีต้นทางมาจากไขมันพรานนะฮะอันนี้
01:06:10 → 01:06:14 เนี่ยตัวฮอร์โมนที่จะออกมาในการออกคำสั่ง
01:06:15 → 01:06:18 หหรือบริหารจัดการเนี่ยนะคือมันก็ไปในรูป
01:06:18 → 01:06:21 ของ VL VL นี่แหละนะแต่ฮอร์โมนที่จัดการ
01:06:21 → 01:06:24 ที่เป็นคอร์ติซอลกับอินซูลิน
01:06:24 → 01:06:28 ครับมีผลมากกว่าอินซูลินนะแล้วช่องทางใน
01:06:28 → 01:06:31 การลำเลียงหรือการจัดการคือระบบน้ำเหลือง
01:06:31 → 01:06:34 นะครับทั้งน้ำมันพืชแปรรูปและไขมันทานนะ
01:06:34 → 01:06:39 ฮะนะแล้วปลายทางเอาไปทำอะไรฮะเอาไปเก็บ
01:06:39 → 01:06:42 สะสมนะเนี่ยร่างกายเอาไปเก็บสะสมเพราะ
01:06:42 → 01:06:45 ร่างกายไม่รู้จักเซลล์ต่างๆใช้เป็นพลัง
01:06:45 → 01:06:48 งานไม่ได้เพราะมันไม่รู้ว่ามันน้ำมันพืช
01:06:48 → 01:06:52 อันเนี้ยคืออะไรนะน้ำมันพืชนะฮะนะแล้วไม่
01:06:52 → 01:06:56 รู้ว่าไขมันทานเนี่ยนะเเทียมครีมเทียมใน
01:06:56 → 01:06:59 เขามาการีน shing cy Mate เนี่ยมันคือ
01:06:59 → 01:07:02 สารอะไรมันจัดการไม่ได้นะเพราะงั้นจัดการ
01:07:02 → 01:07:05 ไม่ได้ก็จะต้องเอาไปเก็บสะสมนะฮะเพราะ
01:07:05 → 01:07:08 ฉะนั้นทั้งคอเลสเตอรอลกับอินซูรินก็จะเอา
01:07:09 → 01:07:12 ไปเก็บสะสมนะแล้วส่วนใหญ่ตำแหน่งที่สะสม
01:07:12 → 01:07:15 ก็มักจะเป็น viser Space นะฮะนะคือช่อง
01:07:16 → 01:07:20 ท้องนะอืแล้วตัวผที่ตามมาจากการสะสมพลัง
01:07:21 → 01:07:22 งานเนี่ย
01:07:22 → 01:07:25 อ่าสุดท้ายแล้วของตัวคอเลสเตอรอลที่เกิด
01:07:25 → 01:07:29 ขึ้นก็จะเป็น ldl type B type B นะฮะ
01:07:30 → 01:07:32 เพราะฉะนั้นมาจากคาฟมาจากน้ำมันพืชแปรรูป
01:07:32 → 01:07:36 มาจากไขมันทานนะเอ่อจากคาฟเป็นระบบเลือด
01:07:36 → 01:07:39 จากอีก 2 อย่างนี่เป็นระบบน้ำเหลืองนะ
01:07:39 → 01:07:42 แล้วตัว Action ก็คือซอกับอินซูลินนะครับ
01:07:43 → 01:07:46 แล้วก็ปฏิกิริยาของพลังงานเป็นในเรื่อง
01:07:46 → 01:07:50 ของการเก็บสะสมนะ n product ก็คือ ldl
01:07:50 → 01:07:55 type B นี้นี้มาดูว่าถ้าไตกีสไลเนี่ย
01:07:55 → 01:07:58 มันเป็นมันเป็นน้ำมันดีเช่นน้ำมันสกัด
01:07:58 → 01:08:01 เย็นน้ำสลัดทีออยอะไรอย่างเงี้ยนะฮะครับ
01:08:01 → 01:08:06 ผมหรือมันเป็นไตกีสไลที่เป็นไขมันคงลูปนะ
01:08:06 → 01:08:09 เป็นไขมันคงลูปเช่นมะพร้าว
01:08:09 → 01:08:14 กะพริบงี้นะซึ่งอันเนี้ยนะตัวตอบสนองใน
01:08:14 → 01:08:16 แง่ของฮอร์โมนหรือออกคำสั่งเนี่ยก็คือ
01:08:16 → 01:08:20 ฮอร์โมนรูปเทพและมันจะไปในระบบน้ำเหลือง
01:08:20 → 01:08:24 นะแล้วเสร็จแล้วไปแล้วไปไหนฮะ
01:08:24 → 01:08:28 มันไปให้เซลล์นะฮะนะจะเป็นเซลล์ตับเซลล์
01:08:28 → 01:08:30 กล้ามเนื้อหรือเซลล์อะไรก็ตามที่เค
01:08:30 → 01:08:33 ต้องการพลังงานเนี่ยนะอ่าเซลล์นั้นจะเกิด
01:08:33 → 01:08:39 การสลายเผาผลาญพลังงานนะแล้วอ่าสิ่งที่ไป
01:08:39 → 01:08:42 ด้วยนะฮะอ่าจะเป็นสารพรึกษาเคมีเป็น
01:08:42 → 01:08:46 วิตามิน a d e k เป็นอ่าไขมันเป็น
01:08:46 → 01:08:52 โอเมก้า 3 อะไรถ้ามีนะนะนะพวกเนี้ยนะเอ่อ
01:08:52 → 01:08:55 ก็จะเอาไปซซ่อมแซมแล้วก็ไปสร้างเซลล์ใหม่
01:08:55 → 01:08:58 นะแล้วผลสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นที่เป็น End
01:08:59 → 01:09:02 produc นะฮะของการนำส่งพลังงานอันนี้คือ
01:09:02 → 01:09:08 ldl type a นะแล้วก็กลับเข้าต่อันนี้
01:09:08 → 01:09:12 เราต้องอธิบายได้ครับผมมีอีก 2 อันนะฮะนะ
01:09:13 → 01:09:17 อันเนี้ยถ้าไตกีสไลนี้เนี่ยนะเป็นไตกีสไล
01:09:17 → 01:09:24 ที่เกิดจากกดไขมันอิ่มตัวนะก็คือพิตอิกนะ
01:09:24 → 01:09:28 ฮะนะที่สะสมในร่างกายแล้วเกิดการทำ If
01:09:28 → 01:09:31 เกิดการออกกำลังกายแล้วไม่ได้กินอะไรนะ
01:09:31 → 01:09:34 แล้วร่างกายเนี่ยเอ่อเกิดการพยายามจะสลาย
01:09:34 → 01:09:41 ไขมันเพิิ aid นะซึ่งเป็น C 16-1 นะฮะ
01:09:41 → 01:09:47 ครับอันนี้นะมันเป็นไขมันที่มีการสลายแต่
01:09:47 → 01:09:51 เราถือว่าเป็นไตกีสไลที่ไม่ดีนะฮะ VL นำ
01:09:51 → 01:09:54 vldl นำส่งเนี่ยนะ
01:09:54 → 01:09:59 มันก็จะมีการนำส่งนะไปในระบบท่อน้ำเหลือง
01:09:59 → 01:10:01 ภายใต้การออกคำสั่ง
01:10:01 → 01:10:05 ของของคอร์ติซอลนะฮะคอซอครับผมคอร์ติซอล
01:10:05 → 01:10:09 จะเป็นตัวสั่งให้เกิดการสลายนะฮะครับแล้ว
01:10:09 → 01:10:14 เาเอาไปนะก็แล้วแต่นะเอาไปทำเป็นพลังงาน
01:10:15 → 01:10:21 ได้มนะฮะหรือจะไปเก็บสะสมนะต่อนะรอบใหม่
01:10:21 → 01:10:24 อันนี้แล้วแต่โดยสุดสุดท้ายจากปฏิกิริยา
01:10:24 → 01:10:28 ของพลังงานซึ่งมักจะเป็นอ่าการสะสมด้วย
01:10:28 → 01:10:31 การเผาผลาก็ได้เราก็จะได้เป็น ldl type
01:10:31 → 01:10:32 B
01:10:32 → 01:10:36 นะเราจะได้เป็น ldl type
01:10:36 → 01:10:42 b ส่วนอีกอันนึงกรณีที่เป็นไครินนะที่มา
01:10:42 → 01:10:47 กับโปรตีนของเนื้อสัตว์นะแล้วมันเป็นไข
01:10:47 → 01:10:52 มันอิ่มตัวประเภทพิติ C6 ขี 0 นะแต่นี้
01:10:52 → 01:10:56 เป็นพิติไม่ใช่พิกตัวอีกแบบเมื่อกี้นะฮะอ
01:10:56 → 01:11:01 เออซึ่งเป็นไตกินในเรือ vldl ที่ดีนะตัว
01:11:01 → 01:11:04 เนี้ยตัวมาคำสั่งกำกับก็คือฮอร์โมนลูกเทพ
01:11:04 → 01:11:08 ทั้ง 6 และช่องทางที่เขาไปจะไปในช่องน้ำ
01:11:08 → 01:11:13 เหลืองนะร่างกายก็จะเอาไปสลายไปเผาผลาญไป
01:11:13 → 01:11:17 ซ่อมแซมแล้วก็ไปสร้างเซลล์ใหม่นะแล้วผล
01:11:17 → 01:11:22 สุดท้ายก็จะเกิด ldl type a นะกับเข้า
01:11:22 → 01:11:25 ตักพาคอเลสเตอรอลที่เหลืออยู่กลับไป
01:11:25 → 01:11:30 ต่อันนี้เนี่ยพอเข้าใจในรูปแบบของเอ่อ
01:11:31 → 01:11:34 ไตกีสไลที่ร่างกายเต้องการมั้ยหรือเซลล์
01:11:35 → 01:11:35 ต้องการ
01:11:36 → 01:11:42 มั้ยครับเข้าใจได้ครับมันจะลึกไปววงรอบ
01:11:42 → 01:11:47 ของมันก็คือวันต่อวันหรือว่าเป็นตเป็นวัน
01:11:47 → 01:11:50 ต่อวันครับผมทั้งหมหมดเนี่ยคือวันต่อวัน
01:11:50 → 01:11:54 มื้อต่อมื้อเลยม้อซึ่งก็แล้วแต่ว่าเรากิน
01:11:54 → 01:11:57 อะไรเข้าไปในมื้อนั้นแต่ตอนเนี้ยเรากำลัง
01:11:57 → 01:11:59 พยายามที่จะโฟกัสหรือมาอธิบายในเรื่องที่
01:11:59 → 01:12:03 เาถามนี่แหละว่าโปรตีนในรูปแบบที่ว่า
01:12:03 → 01:12:07 เนี้ยนะเนี่ยมันจะมีผลยังไงนะก็คืออันที่
01:12:07 → 01:12:10 1 เรู้ะสารอาหารคือโปรตีนอันที่ 2
01:12:10 → 01:12:13 ฮอร์โมนอะไรบ้างที่จะออกมาซึ่งมันก็แล้ว
01:12:13 → 01:12:17 แต่ว่ามันมีส่วนประกอบในแบบไหนของต้นทาง
01:12:17 → 01:12:20 ครับผมเออเ้าเป็นโปรตีนเค้าก็ออกมาหมด
01:12:20 → 01:12:23 แหละนะอินซูลินเข้ามานิดหน่อยกลูคากอน
01:12:23 → 01:12:29 นะเป็นกลุ่มฮอมรุเทพนะฮะนะครับแล้วก็ใน
01:12:29 → 01:12:32 ที่สุดเ้าจะไปสะสมหรือไปสลายพอผลาน่ะ
01:12:32 → 01:12:36 อันเนี้ยอันนี้เนตอบว่าอ
01:12:36 → 01:12:42 ไอไข่อ่าหอยปูเอ้ยหอยกู้เอ้ยหอยปลาหมึก
01:12:42 → 01:12:46 หอยปลาหมึกครับผมพวกเนี้ยส่วนใหญ่ก็คือไป
01:12:46 → 01:12:51 ไปสลายเผาผลาญอ่าแล้วผลจากพลังงานที่ได้
01:12:51 → 01:12:55 จากการสลายเผาผลาเก็ต้องไปสซ่อมซ่อมสร้าง
01:12:55 → 01:12:57 ครับผมเออก็แล้วแต่ว่าเซลล์ไหนที่ต้องการ
01:12:57 → 01:13:00 จะซ่อมนะฮะเพราะหลักการของร่างกายก็คือ
01:13:00 → 01:13:03 ตรงไหนอ่ะที่มันผิดปกติอ่ะตรงนั้นเนี่ยนะ
01:13:03 → 01:13:06 เวลาเรากินอาหารเข้าไปเนี่ยนะฮะถ้า
01:13:06 → 01:13:09 ปฏิกิริยาของอาหารถูกต้องฮอร์โมนฮอร์โมน
01:13:09 → 01:13:11 กำกับถูกต้องแบบเนี้ยนะเาก็จะไปตรงนั้น
01:13:11 → 01:13:15 ก่อนเลยถ้าเรามีอักสร่งอักเสบเรามีอะไร
01:13:15 → 01:13:18 เสียหายอยู่เช่นเรามีตับอักเสบอยู่เรามี
01:13:18 → 01:13:21 เ่อปัญหาเกี่ยวกับตับที่จะต้องเยียวยา
01:13:21 → 01:13:25 เงี้ยนะมันก็มันก็ซ่อมที่ตับนั่นแหละนะฮ
01:13:25 → 01:13:27 ก็คือเซลล์ตับเนี่ยมันเกิดปฏิกิริยาการ
01:13:27 → 01:13:31 สลายพอผลาพลังงานแล้วมันก็ซ่อมนะมันซ่อม
01:13:32 → 01:13:34 เพราะอะไรเพราะวัตถุดิบมันก็เพียบพร้อมนะ
01:13:34 → 01:13:39 ฮะนะคอเลสเตอรอลก็มีวิตามิน a ก็มีนะพลัง
01:13:39 → 01:13:47 งานก็มีนะโอเมก้า 3 ก็มีนะฮะก็มีครับผม
01:13:47 → 01:13:52 เอนะก็นี่แหละแล้วในที่สุดแล้วเนี่ยตัว
01:13:52 → 01:13:55 สุดท้ายของของปฏิกิริยาของพลังงานเนี่ยก็
01:13:55 → 01:13:59 คือ ldl เนี่ยมันก็จะเป็น TY a นะอย่าง
01:13:59 → 01:14:03 ไรก็ตามการที่ ldl เนี่ยมันอยู่ในกระแส
01:14:04 → 01:14:07 เลือดที่นานเกินไปถ้ามันอยู่ตามวงรอบของ
01:14:07 → 01:14:10 มันเนี่ยนะโดยมีค่าครึ่งชีวิต 1-2 วัน
01:14:10 → 01:14:13 แล้วมันก็อยู่ได้ประมาณ 3-5 วันอะไรอย่าง
01:14:13 → 01:14:16 เงี้ยนะครับอันนี้มันก็ไม่ก่อปัญหาอไม่
01:14:16 → 01:14:19 ค่อยจะก่อปัญหานะฮะแล้วปริมาณไม่ได้เยอะ
01:14:19 → 01:14:23 ซต์ยังดีนะฮะแต่เมื่อไหร่ก็ตามนะที่เรา
01:14:23 → 01:14:26 ป่วยเรามีปัญหาด้วยอินซูลินเราเป็นโรคเ่า
01:14:27 → 01:14:30 เบาหวานความดันไขมันหัวใจโรค ncd ต่างๆมา
01:14:31 → 01:14:36 ครอบนอ่าพวกนี้เนี่ยนะมันก็จะไปยืดเวลานะ
01:14:36 → 01:14:39 ของการคงอยู่ของตัว ldl ไม่ว่าจะเป็น type
01:14:39 → 01:14:42 a หรือ type B พี่ก็เรียกว่ามันโปรลอง
01:14:42 → 01:14:45 plma Resident อ๋อครับผมแล้วตัวขนาด
01:14:45 → 01:14:48 โมเลกุลของมันเนี่ยถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่
01:14:48 → 01:14:52 มันมีขนาดไม่เกิน 70 นาโนเมตรนะไม่ว่ามัน
01:14:53 → 01:14:55 จะเป็นเป็น type a type B เป็นเลมแนน
01:14:55 → 01:14:58 เป็น idl ถ้าเหลือนะนะหรือเป็น VL dl
01:14:58 → 01:15:02 อะไรก็ตามนะพวกเนี้ยมันก็มีโอกาสที่จะ
01:15:02 → 01:15:05 เกิดปฏิกิริยานะเ้าเรียกทรานไซโทซิสนะฮะ
01:15:05 → 01:15:08 เข้าไปทำให้เกิดนะการสะสมการอักเสบของ
01:15:08 → 01:15:11 เยื่อบุอหนังหลอดเลือกที่เป็นลักษณะเรีย
01:15:11 → 01:15:15 ว่า inside out
01:15:15 → 01:15:20 นะเพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้นะนะเนี่ยเนี่ย
01:15:20 → 01:15:28 เราก็พอจะได้คำตอบแล้วเนาะเออครับว่านะ
01:15:28 → 01:15:34 เขาจะมีวิถีการจัดการอะไรยังไงนะแค่ไหนนะ
01:15:34 → 01:15:38 ใช่
01:15:38 → 01:15:43 ครับคือหลักการกินอาหารจริงๆเนี่ยนะฮะนะ
01:15:43 → 01:15:45 ในแง่ของการกิน low C High Fat เนี่ย
01:15:45 → 01:15:49 คำว่า low C เนี่ยนะก็คือการควบคุมจำกัด
01:15:49 → 01:15:51 คาฟนะฮะ
01:15:51 → 01:15:53 นะป
01:15:53 → 01:15:57 ปฏิกิริยาที่สำคัญเลยนะฮะของคาฟเนี่ยนะก็
01:15:57 → 01:16:01 คือคาฟกระตุ้นอินซูลินนะฮะเพราะฉะนั้น
01:16:01 → 01:16:05 อินซูลินขนาดไหนล่ะนะที่เราต้องการนะคือ
01:16:05 → 01:16:08 เซออินซูลินเนี่ยที่พอเหมาะเลยเนี่ยนะมัน
01:16:08 → 01:16:12 ก็จะอยู่ระหว่างเนี้ยระหว่าง 2-5 หรือ 6
01:16:12 → 01:16:15 นะนะหน่วยของมันน่ะนะ Micro
01:16:16 → 01:16:18 International Unit อะไรอย่างเงี้ยเปอร
01:16:18 → 01:16:21 เลิตรอะไรอย่างงี้นะเลิตรครับเอ่อหน่วย
01:16:21 → 01:16:25 ของมันก็คือเนี้ยอยู่ในตัวเลข 2 นะฮะนะ 2
01:16:25 → 01:16:29 ครับถึง 5 หรือ 6 ก็ตามนะฮะแต่เวลาเรากิน
01:16:29 → 01:16:33 อาหารเข้าไปแล้วเนี่ยนะฮะนะถ้าถ้ามีคาฟ
01:16:33 → 01:16:38 น้อยๆจำกัดาฟเน็ตาฟไม่เกิน 20 อ่าอะไร
01:16:38 → 01:16:41 อย่างเงี้ยนะฮะหรือ 50 นะฮะหรือ Total C
01:16:41 → 01:16:44 per Day เนี่ยไม่เกิน 20% ของพลังงาน
01:16:44 → 01:16:48 เ่อพวกเนี้ยนะฮะนะการกระตุ้นอินซูลินต่าง
01:16:48 → 01:16:51 ๆเหล่าเนี้ยมันก็จะกระตุ้นไม่เยอะก็คือ
01:16:51 → 01:16:53 มันอาจจะกระตุ้นเพิ่มขึ้นไปอีกประมาณเท่า
01:16:53 → 01:16:58 นึงนะฮะนะจาก 2 ถึง 6 นะก็อาจจะเป็นอะไร
01:16:58 → 01:17:02 ประมาณ 45 จนถึงประมาณไม่เกิน 15 อะไร
01:17:02 → 01:17:04 อย่างเงี้ยนะถ้าอย่างงี้เนี่ยเป็นลักษณะ
01:17:04 → 01:17:07 ปกติของการกินแบบโลคราฟที่ถูกต้องที่ถูก
01:17:07 → 01:17:09 ต้อง
01:17:09 → 01:17:12 ครับแล้วเพราะฉะนั้นอีกเรื่องนึงก็คือ
01:17:12 → 01:17:15 พื้นฐานของการมีอินซูลินของคุณน่ะนะสภาวะ
01:17:15 → 01:17:17 ทางด้านสุขภาพทางด้านเมตาบอลิกของคุณ
01:17:17 → 01:17:20 เนี่ยมันมีอินซูลินที่มันดื้อที่มันเกิน
01:17:20 → 01:17:24 ที่มันไฮเปอร์อินซูลินนีเมียสะสมอยู่ปป
01:17:24 → 01:17:29 อืครับผมส่วนในในแง่ของสารอาหารอย่างอื่น
01:17:29 → 01:17:32 จะเป็นโปรตีนเป็นไขมันดีอะไรต่างๆเหล่า
01:17:32 → 01:17:35 เนี้ยนะพวกเนี้ยนะมันเป็นการควบคุม
01:17:35 → 01:17:38 อินซูลินโดยอัตโนมัติอยู่แล้วนะฮนะและอีก
01:17:38 → 01:17:41 อย่างนึงถ้าเป็นโปรตีนเนี่ยนะโปรตีนส่วน
01:17:41 → 01:17:44 ใหญ่มันก็จะมีฮอร์โมนเนี่ยนะทางฝั่งลูก
01:17:44 → 01:17:47 เทพน่ะออกมาแจมๆอยู่ด้วยบ้างนะแบบ
01:17:47 → 01:17:50 กลูคากอนโสฮอร์โมนไทรรอยด์อยู่แล้วนะครับ
01:17:50 → 01:17:54 ผมส่วนในแง่ของไไขมันเนี่ยถ้าเป็นไขมันดี
01:17:54 → 01:17:57 เนี่ยนะถ้าเป็นไขมันดีอ่ะเขาคก็กระตุ้น
01:17:57 → 01:17:59 ฮอร์โมนลูกเทพเป็นหลักอยู่แล้วอินซูลิน
01:17:59 → 01:18:03 แทบไม่มาเลยอินซูลินคอร์ติซอลไม่ไม่มาเลย
01:18:03 → 01:18:07 ครับนะแล้วเก็ไปช่องทางน้ำเหลืองอะไรของ
01:18:07 → 01:18:10 เขาอยู่แล้วนะแต่ส่วนใหญ่อ่ะเราอ่ะจะพลาด
01:18:10 → 01:18:12 เพราะว่าองค์ความรู้เรื่องไขมันเราน้อย
01:18:12 → 01:18:15 เรากินไม่เป็นแล้วไม่มีความรู้เชิงลึกนะ
01:18:16 → 01:18:18 เพราะงั้นเรากินไขมันที่มันไม่ถูกปริมาณ
01:18:18 → 01:18:21 สัดส่วนอ่าหรือวิธีปรุงอะไรต่างๆเหล่า
01:18:21 → 01:18:26 เนี้ยนะตัวนี้เนี่ยนะมันก็เลยกลายเป็นแบบ
01:18:26 → 01:18:29 พวเมื่อกี้ของ vldl ที่มันเป็นไขมันที่
01:18:29 → 01:18:32 ไม่ถูกต้องนะเ่อแล้วมันก็ไปกระตุ้น
01:18:32 → 01:18:36 คอร์ติซอลออกมานะแล้วพอกระตุ้นคอร์ติซอล
01:18:36 → 01:18:39 ออกมาปุ๊บเไขมันเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็น
01:18:39 → 01:18:43 ปฏิกิริยาพลังงานในแง่ของการสะสมพลังงาน
01:18:43 → 01:18:46 ครับผมแล้วสุดท้ายมันก็ได้เป็น ldl type
01:18:46 → 01:18:49 B อะไรอย่างเงี้ซึ่งมันก็ผิดอ่ะมันไม่
01:18:49 → 01:18:52 ถูกต้องแต่ถ้าเข้าใจเรื่องน้ำมันสกัดเย็น
01:18:52 → 01:18:55 เข้าใจไขมันคงลูกนะกินเป็นกินถูกปรุงได้
01:18:55 → 01:18:59 อะไรอย่างเงี้ยนะอ่ามันก็ต่างกันเลยนะพวก
01:18:59 → 01:19:02 นี้ฮอร์โมนลูกเทพออกมามันจะเกิดปฏิกิริยา
01:19:02 → 01:19:04 อีกฝั่งนึงก็คือการสลายเผาผลาญแล้วก็ไป
01:19:04 → 01:19:08 ซ่อมไปสร้างอ่าจะสร้างกล้ามเนื้อจะสร้าง
01:19:08 → 01:19:11 อ่าอวัยวะจะซ่อมอวัยวะไอ้โน่นไอ้นี่
01:19:11 → 01:19:15 อักเสบอะไรอย่างเงี้ยใช่ซ่อมไปนะเพราะ
01:19:15 → 01:19:18 ฉะนั้นเนี่ยเราจะเอาปฏิกิริยาฝั่งไหนอ่ะ
01:19:18 → 01:19:22 นะเอ่อสลายเผาผลาญหรือสะสมเนี่ยนะมันขึ้น
01:19:22 → 01:19:25 อยู่การกำหนดในเรื่องของอาหารการกินนะ
01:19:25 → 01:19:29 เสร็จแล้วเนี่ยการออกคำสัฮอร์โมนนะฮะแล้ว
01:19:29 → 01:19:33 ก็อเนี่ยสุดท้าย End product อะไรต่างๆ
01:19:33 → 01:19:36 เนี่ยที่มันจะตามมาแล้วเมื่อก็จะไปมีผล
01:19:36 → 01:19:41 ต่ออะไรปิดโปรไฟล์อย่างไรนะจะเป็นอ่าอ่า
01:19:42 → 01:19:44 ไขมัน Total cholesterol ldl สูงแค่ไหน
01:19:44 → 01:19:46 hdl สูงต่ำแค่
01:19:46 → 01:19:49 ไหนแล้วก็มันเป็น type a type B นะ
01:19:49 → 01:19:53 lant เป็นยังไง a b เป็นยังไงเนี่ยนะ
01:19:53 → 01:19:57 เนี่ยทุกอย่างมันก็จะเริ่มต้นวงวงจรมาจาก
01:19:57 → 01:20:00 เรื่องของการกินเป็นกินถูกนะกินอย่าง
01:20:00 → 01:20:04 เหมาะสมเนี่ยนะฮะ
01:20:04 → 01:20:07 ครับ
01:20:07 → 01:20:11 อืม
01:20:11 → 01:20:16 เอ่อก็มันก็จะไปพร้อมกันแหละนะฮะนะอ่าใน
01:20:17 → 01:20:19 แง่ของปฏิกิริยาของพลังงานกับตัว
01:20:19 → 01:20:22 คอเลสเตอรอลเนี่ยจะเป็นชนิดไหนแล้วก็มาก
01:20:22 → 01:20:25 น้อยนะฮะคือเขาบอกว่าคนส่วนมากเรากินไม่
01:20:25 → 01:20:30 เป็นอ่าเช้าขึ้นมาก็กินข้าวจานโตๆนะฮะกิน
01:20:30 → 01:20:35 กับกับข้าวกินไข่กินหมูกินเนื้อตัดนะนะ
01:20:35 → 01:20:38 แต่มันมีข้าวแล้วอ่ะนะฮะมันมีข้าวแล้วนะ
01:20:38 → 01:20:43 เนี่ยใช่เพราะงั้นความรู้ในเรื่องของกลไก
01:20:43 → 01:20:46 นะรายละเอียดของอาหารไส้ในของอาหารอะไร
01:20:46 → 01:20:50 ต่างๆรวมทั้งสารอาหารและพลังงานนะฮอร์โมน
01:20:50 → 01:20:53 อะไรออกมาทำงานนะแล้วปิปฏิกิยาที่เกิด
01:20:53 → 01:20:56 ขึ้นเนี่ยมันจะเป็นการสลายหรือเผาผลาอ่า
01:20:56 → 01:21:00 หรือการเก็บสะสมล่ะมันฝั่งไหนนะ
01:21:00 → 01:21:04 ฮะอันนี้เราก็มีคำตอบล่ะนะว่าไข่ทั้งฟอง
01:21:04 → 01:21:08 เอยหอยเอยปลาหมึกเอยอ่าพวกนี้ก็คือเป็น
01:21:08 → 01:21:12 โปรตีนไขมันปานกลางกับโปรตีนไขมันต่ำนะ
01:21:12 → 01:21:17 ปฏิกิริยาต่างๆนะฮะคือคือคือคือพวกเนี้ย
01:21:18 → 01:21:20 มันเป็นสัตว์นะฮะมันเป็นสัตว์องค์ประกอบ
01:21:20 → 01:21:23 เนี่ยนอกจากโปรตีนนอกจากคอเลสเตอรอลเนอก
01:21:23 → 01:21:26 จากสารอาหารที่ว่าแล้วเนี่ยนะโปรตีนเข้า
01:21:26 → 01:21:29 มากับไขมันนะฮะแล้วไขมันส่วนใหญ่จากสัตว์
01:21:29 → 01:21:32 เนี่ยนะโดยเฉพาะอย่างไข่เนี่ยมันก็จะต้อง
01:21:32 → 01:21:36 เป็นพวกไข่่มันอิ่มตัวใช่มั้ยล่ะนะครับ
01:21:36 → 01:21:39 ส่วนสัตว์น้ำเนี่ยอย่างหอยกับปลาหมึก
01:21:39 → 01:21:42 เนี่ยหอยกับปลาหมึกเนี่ยนะไขมันอิ่มตัวก็
01:21:42 → 01:21:45 มีแต่ไม่ได้เยอะมันจะเป็นไขมันไม่อิ่มตัว
01:21:45 → 01:21:48 ซะเยอะกว่า
01:21:48 → 01:21:53 ครับทีนี้ในแง่ของไขมันเนี่ยที่มันมากับ
01:21:53 → 01:21:56 โปรตีนแล้วมันมักจะเป็นปัญหาต่อคนเรา
01:21:56 → 01:22:00 เนี่ยนะฮะเมันก็คือไขมันอิ่มตัวนะฮะเพราะ
01:22:01 → 01:22:04 ว่าบทบาทของไขมันส่วนใหญ่เลยของสัตว์
01:22:04 → 01:22:07 เนี่ยมนุษย์ก็เป็นสัตว์นะฮะนะก็เราให้
01:22:07 → 01:22:11 ความสำคัญกับไขมันอิ่มตัวเป็นหลัก
01:22:11 → 01:22:16 นะส่วนแม้ว่าสัดส่วนของไขมันอิ่มตัวที่
01:22:16 → 01:22:18 เป็นหลักจริงๆเนี่ยเราไม่ได้ต้องการเยอะ
01:22:18 → 01:22:22 เราก็ต้องการแค่ 30% ใช่มั้ล่ะถ้าเป็นมู
01:22:22 → 01:22:26 ฝ้าไม่ตัวเชิงเดี่ยวก็ 50 เนี่ยจะเยอะเออ
01:22:26 → 01:22:29 แล้วถ้าเป็นูฝ้าไม่มีตัวเชิงซ้อนก็แค่ 20
01:22:29 → 01:22:32 20 ครับผมแต่ยังไงก็ตามเนี่ยในอิ่ม
01:22:32 → 01:22:36 เดี่ยวซ้อนเนี่ยนะถ้าเป็นไม่ตัวเชิงซ้อน
01:22:36 → 01:22:39 เนี่ยอันนี้ก็ถือว่าเป็น essential นะฮะ
01:22:39 → 01:22:41 คือร่างกายสร้างเองไม่ได้มันต้องรับจาก
01:22:41 → 01:22:45 อาหารเข้าไปแต่สำหรับอิ่มตัวกับไม่อิ่ม
01:22:45 → 01:22:48 ตัวเชิงเดี่ยวเนี่ยที่ 30 50 นะอันนี้
01:22:48 → 01:22:52 มันคือมันเป็นไขมันที่เรียกไม่จำเป็นน่ะ
01:22:52 → 01:22:56 นะแล้วร่างกายสร้างได้สร้างได้คืออะไรนะ
01:22:56 → 01:22:59 คือ 2 ตัวเมันแมันมันมีลูกศรไปกลับมัน
01:22:59 → 01:23:02 เปลี่ยนไปเปลี่ยนมานหมดนะเปลี่ยนไป
01:23:02 → 01:23:06 เปลี่ยนมานะก็คือไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวก็
01:23:06 → 01:23:07 เปลี่ยนเป็นอิ่มตัวอิ่มตัวก็เปลี่ยนเป็น
01:23:07 → 01:23:10 ไม่อิ่มตัวเชิงเดีวนะก็ขึ้นอยู่กับ
01:23:10 → 01:23:13 สถานการณ์นะถ้าเมื่อไหร่นะปริมาณไขมัน
01:23:13 → 01:23:16 เหล่าเมันเกินนะมันเกินมันก็จะไปต้อง
01:23:16 → 01:23:19 พยายามสะสมนะฮะเพราะฉะนั้นถ้าสมมติมัน
01:23:19 → 01:23:22 เกินที่เชิงเดี่ยวเชิงเดี่ยวก็จะพยายามเป
01:23:22 → 01:23:25 เปลี่ยนแปลงเป็นไขมันอิ่มตัวเพราะการสะสม
01:23:25 → 01:23:28 ไขมันในร่างกายคนเรานะมันต้องสะสมในรูปแบ
01:23:28 → 01:23:32 ของไขมันอิ่มตัวนะแล้วถึงเวลาที่เราจะเอา
01:23:32 → 01:23:35 ไขมันในร่างกายเรามาใช้เวลาเราทำ fing
01:23:35 → 01:23:38 โปรลอง Fast หรือเราออกกำลังกายเนี่ยนะ
01:23:38 → 01:23:41 ไอ้ตัวไขมันอิ่มตัวเนี่ยก็จะต้องมีการ
01:23:41 → 01:23:44 เปลี่ยนมาเป็นไขมันไม่มีตัวเชิงเดียวนะ
01:23:44 → 01:23:47 เพื่อจะเผาผลาญเป็นพลังงานต่อนะมันง่าย
01:23:47 → 01:23:49 กว่ามันง่าย
01:23:50 → 01:23:53 กว่ามันก็จะมีลูกศรไปกลับกอะไรอะไรอย่าง
01:23:53 → 01:23:56 เงี้ยนะฮะนะแต่ทีนี้เนี่ยความสำคัญที่บอก
01:23:56 → 01:23:59 เมื่อกี้เนี่ยนะฮะก็คือไขมันอิ่มตัวใช่
01:23:59 → 01:24:04 มั้ยล่ะนะนะอย่างสัตว์ทุกชนิดมันมีหมด
01:24:04 → 01:24:07 แหละไขมันอิ่มตัวนะโดยเฉพาะสัตว์ใหญ่
01:24:07 → 01:24:10 เนี่ยสัตว์ใหญ่ส่วนใหญ่คือไขมันตัวมันมี
01:24:10 → 01:24:15 มี 4 รูปแบบเนาะนะอันเนี้ยนะก็คือ 1 กด
01:24:15 → 01:24:21 พติก 46 นะฮะ 2 กด bic C4 3 กดิ c12
01:24:21 → 01:24:26 แล้วก็ 4 กดสิ c18 นะฮะ c18 นะฮะตัวสำคัญ
01:24:27 → 01:24:32 เลยของไขมันอิ่มตัวคือกดสิ C8 นะฮะ c18
01:24:32 → 01:24:38 นะนะแต่อีตัวอื่นเนี่ย C6 C4 C2 นะฮะนะ
01:24:38 → 01:24:41 พวกนี้เนี่ยนะมันมีผลยังไงต่อต่อ
01:24:41 → 01:24:45 คอเลสเตอรอลต่อคอเลสเตอรอลนะ
01:24:46 → 01:24:49 ฮะอันนี้เราก็ต้องรู้แล้วล่ะว่าเนื้อ
01:24:49 → 01:24:51 สัตว์หรือโปรตีนสัตว์เนี่ยที่เราจะกิน
01:24:51 → 01:24:56 เหล่าเนี้ยนะนะน่าจะมีอ่ามีมีมีรูปแบบของ
01:24:56 → 01:25:00 ไคมอิตัวเป็นแบบไหนนะฮะถ้าเป็นเนื้อสัตว์
01:25:00 → 01:25:03 สัตว์ใหญ่ส่วนใหญ่มันก็เป็น c16 พิติหมด
01:25:03 → 01:25:07 เลยใช่มั้ยล่ะนะแต่ตัวเนี้ยนะฮะตัว
01:25:07 → 01:25:11 สเตียริกหรือ c18 อันนี้มันเป็นไขมันอิ่ม
01:25:11 → 01:25:15 ตัวที่พบได้ในหนังสัตว์นะโดยเฉพาะหนัง
01:25:15 → 01:25:19 สัตว์ปีกนะฮะน้สัตว์ปนะแล้วก็เนื้อของ
01:25:19 → 01:25:20 สัตว์น้ำขอแป๊บนึง
01:25:20 → 01:25:23 นะนะ
01:25:23 → 01:25:26 เพราะฉะนั้นนะฮะเป็นยังไงอ่ะนะกุ้งหอยปลา
01:25:26 → 01:25:31 ปูนะปลาหมึกนะพวกนี้คือเนื้อของสัตว์น้ำ
01:25:31 → 01:25:35 มันจะมีไขมันอิ่มตัวสเตียริก 48 นะอ๋อ
01:25:35 → 01:25:41 ครับผม 48 เยอะเยอะนะอนี่แหละนะแล้วถ้า
01:25:41 → 01:25:44 เรากินสัตว์ปีกเรากินไก่ติดหนังติดมันเรา
01:25:44 → 01:25:48 กินอกไก่เรากินน่องไก่นะแต่ขอกิน
01:25:48 → 01:25:54 อ่าหนังหุ้มของของมันด้วยเนี่ยนะฮะนะโอเค
01:25:54 → 01:25:56 อันเนี้ยไม่มีใครว่าอะไรนะฮะเพราะว่านอก
01:25:56 → 01:25:59 จากโปรตีนที่คุณจะได้แล้วก็ยังจะได้ไอ้
01:25:59 → 01:26:04 ตัว c18 สติด้วยฮะแล้วกระดูกมันได้มั้ย
01:26:04 → 01:26:08 ครับห้ะกระดูกไก่ไครับกระดูกได้ตหน้าอก
01:26:08 → 01:26:13 ใช่มั้หน้าอกเป็นกระดูกอเป็นคอลลาเจนอื
01:26:13 → 01:26:16 เป็นคอลลาเจนไ
01:26:16 → 01:26:22 นะเอตีนไก่อ่ะเหรอเออตีนด้วยคอด้วย
01:26:22 → 01:26:26 นั่นแหละนะอันนี้ได้หมดนะฮะก็คือสัตว์ปีก
01:26:26 → 01:26:29 นะฮะที่ติดหนังติดมันหรือกระดูกอ่อนนะ
01:26:29 → 01:26:34 เนี่ยได้นะก็จะมีสเตียริก c18 นะแล้วก็
01:26:34 → 01:26:38 เนื้อสัตว์น้ำนี่ก็ c18 เยอะนะเอ่อ 48 ก็
01:26:38 → 01:26:43 ยังเจอในพืชนะอย่างเช่นถั่วพิรัสนะฮะถั่ว
01:26:43 → 01:26:46 แมเนียที่เป็นถั่วภูเขาไฟของฟิลิปปินส์นะ
01:26:46 → 01:26:52 ฮะนะแล้วก็เจอในโกโก้ฮะโกโก้นะผงโกโก้ดีบ
01:26:52 → 01:26:57 โกโก้ก็มีนะครับก็มีทั้งพืชทั้งสัตว์นะฮะ
01:26:57 → 01:27:02 ก็คือไขมันอิ่มตัว c18 มีความสำคัญมากกับ
01:27:02 → 01:27:07 เรื่องของคอเลสเตอรอลโดยเฉพาะ ldl นะฮะนะ
01:27:07 → 01:27:11 ตรงเนี้ยก็คือตรงที่จะมาถึงคำตอบที่ว่า
01:27:11 → 01:27:14 ทำไมมันถึงลดลงนะฮะมันลดลงก็เพราะว่าอผม
01:27:14 → 01:27:20 นะคุณสมบัติของกดไขมันอิ่มตัวสิ C8 นะฮะ
01:27:20 → 01:27:24 นะเค้าเป็นไขมันอิ่มตัวนะที่สามารถ
01:27:24 → 01:27:28 เปลี่ยนนะไปเป็นไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวได้
01:27:28 → 01:27:32 ไม่อิ่มตัวได้นะครับ
01:27:32 → 01:27:37 เออแต่ไถมันอิ่มตัวชนิดอื่นๆก็คือพิ c16
01:27:37 → 01:27:41 นะฮะิิ lac เปลี่ยนไม่ได้ฮะนะเปลี่ยนเป็น
01:27:41 → 01:27:47 อ๋อไม่อิมตัวเชิงเดยวไม่ได้นะแต่เิอย่างเ
01:27:47 → 01:27:51 แต่ถ้าสิเปลี่ยนได้เปลี่ยนได้ครับแล้ว
01:27:51 → 01:27:55 แล้วพวกพวกพวกปลากระดูกปลาหรือว่าก้างปลา
01:27:55 → 01:27:58 เี่มันจะเป็นสติหรือเป็นตัวไหนครับผมเอ่อ
01:27:58 → 01:28:01 เราก็ส่วนใหญ่พวกนี้เรายังนับเป็นโปรตีน
01:28:01 → 01:28:04 อยู่นะนะอ๋อครับผมยังไม่นับเป็นไขมันเป็น
01:28:04 → 01:28:07 โปรตีนเนี่ยเ่าเนื้อหรือกระดูกอ่ะเนื้อก็
01:28:07 → 01:28:11 มากกว่ามันก็เป็นสติยังมีอยู่ฮะนะอ๋อครับ
01:28:11 → 01:28:15 ผมคือบางคนเคก็เวลาทำโบนบอเนี่ยเา้าก็เอา
01:28:15 → 01:28:18 กระดูกปลานิลก้างปลานิลนี่แหละมันมันเ่
01:28:18 → 01:28:21 หัวปลานิล
01:28:21 → 01:28:26 นะมันก็ได้สิด้วยนะเป็นไขมันอิ่มตัวนะนะ
01:28:26 → 01:28:29 แต่หลักๆโนบอเนี่ยเราต้องการคอลลาเจน
01:28:29 → 01:28:31 ต้องการโปรตีนอืใช่ครับ
01:28:31 → 01:28:37 ผมก็เนี่ยนะนะทีนี้การที่ว่าอันที่ 1 นะ
01:28:37 → 01:28:40 ฮะมันเปลี่ยนจากอิ่มตัวเป็นไม่อิ่มตัว
01:28:40 → 01:28:44 เชิงเดี่ยวได้อิ่มตัวครับ
01:28:44 → 01:28:47 ผม 2 เนี่ยฮะนะเนี่ยเวลาที่มันสามารถ
01:28:47 → 01:28:49 เปลี่ยนใจอิ่มตัวเป็นไม่อิ่มตัวเชิง
01:28:49 → 01:28:51 เดี่ยวได้เนี่ยมันจะทำให้เกิดปฏิ
01:28:51 → 01:28:55 ปฏิกิริยาการยับยั้งการสร้างโปรตีน a โป้
01:28:55 → 01:29:01 b a โป้ B โอครับผมเหตุผลก็เพราะว่านะ
01:29:01 → 01:29:04 ตับเนี่ยตับเนี่ยนะฮะเขาจะเป็นตัวในการ
01:29:04 → 01:29:08 สร้างโปรตีนที่จะมาเป็นส่วนประกอบของ ldl
01:29:08 → 01:29:14 หรือ vldl กับ hdl ถ้าโปรตีนที่ตับ
01:29:14 → 01:29:18 นะจะสร้างมาเป็นส่วนประกอบของฝั่งสส่ง
01:29:18 → 01:29:22 พลังงานเนี่ยก็คือ vldl กับกับ ldl เนี่ย
01:29:22 → 01:29:26 นะเค้าก็จะสร้างเป็น aple b นะถ้าจะ
01:29:26 → 01:29:29 สร้างให้ฝั่ง hdl เจะสร้างเป็น aple A1
01:29:29 → 01:29:30 aple A1 ครับ
01:29:30 → 01:29:36 ผมทีนี้โปรตีนพวกเนี้ยนะฮะนะนะมันก็จะ
01:29:36 → 01:29:39 ต้องมาจากอะไรอ่ะมาจากสัตว์ก็เป็นส่วน
01:29:39 → 01:29:43 ใหญ่ก็แล้วแต่มาจากสัตว์มาจากพืชอะไรต่าง
01:29:43 → 01:29:47 ๆนะฮะนะถ้าจะสร้าง ldl กับตัว hdl ให้
01:29:47 → 01:29:50 เก่งๆเนี่ยนะส่วนใหญ่แล้วมันจะต้องเป็น
01:29:50 → 01:29:52 โปรตีนที่อยู่ใน
01:29:53 → 01:29:56 มันจะสร้างได้เก่งมากนะแล้วตัวทั้ง ldl
01:29:56 → 01:29:59 กับ hdl มันจะพุ่งสูงขึ้นนะนะครับผมมันมี
01:29:59 → 01:30:04 ข้อแม้เดียวเนี่ยอันเนี้ยนะว่าว่าถ้า
01:30:04 → 01:30:06 เนื้อสัตว์นั้นหรือผลิตหรือสัตว์เนี่ย
01:30:06 → 01:30:10 หรือพืชอะไรก็ตามนะฮะมันมีไขมันอิ่มตัว
01:30:10 → 01:30:16 ที่ไม่ใช่นะพวก c16 c14 c12 แต่มันเป็น
01:30:16 → 01:30:20 C8 นะครับจงไขมันอิ่มตัวตัวเยมันเปลี่ยน
01:30:20 → 01:30:25 เป็นไม่อิมตัวเชิงเดยวอและมันยังจะมีผล
01:30:25 → 01:30:30 ที่จะทำให้ยับยั้งหรือกดการสร้าง a b นะ
01:30:30 → 01:30:33 ฮะนะอืมันจะไม่สร้าง Apple B พอมันไม่
01:30:33 → 01:30:36 สร้าง Apple B มันก็จะเลยจะลดการสร้าง
01:30:36 → 01:30:41 vldl และลดการตั้ง ldl ไปใน
01:30:41 → 01:30:45 ตัวงั้นกรณีที่ ldl สูงถ้าเรามากินอาหาร
01:30:46 → 01:30:50 ที่มันมีกดสินะฮะนะจะเกิดการสร้าง a b
01:30:50 → 01:30:54 ที่ลดลงนะนะเพราะฉะนั้นตัว ldl ก็จะลด
01:30:54 → 01:30:56 ลงแต่
01:30:56 → 01:31:02 นะในอีกฝั่งนึงนะฮะนะที่มันเป็นโปรตีนไข
01:31:02 → 01:31:05 มันต่ำโปรตีนไขมันปานกลางพวกนี้ร่างกาย
01:31:05 → 01:31:10 หรือตับจะเอาไปสร้าง AP a ให้กับ hdl H
01:31:10 → 01:31:14 ออ๋อเพราะฉะนั้นเนี่ยคือเหตุผลที่ว่าการ
01:31:14 → 01:31:18 กินเนื้อสัตว์น้ำการกินอ่าตัตปีกติดหนัง
01:31:18 → 01:31:24 อ่อติดตีนนะฮะแล้วก็การครับผมการกอะไรก็
01:31:24 → 01:31:29 ตามที่มันมีพวกกดไขมันอิ่มตัวประเภท c18
01:31:29 → 01:31:33 ste จะเป็นการลดการสร้าง Apple B และลด
01:31:34 → 01:31:36 ldl แต่เพิ่ม
01:31:36 → 01:31:41 hdl เพม a a ครับผมนั้นคำตอบก็คือเมื่อ
01:31:41 → 01:31:45 คุณกินไข่ทั้งฟองเมื่อคุณอ่ากินหอยกินปลา
01:31:46 → 01:31:52 หมึกปลาหมึก ldl จึงลดลงนะแล้วอ hdl ก็
01:31:52 → 01:31:57 สูงขึ้นดีมั้ยล่ะอันนี้คือคำตอบเป็นมหาก
01:31:57 → 01:32:00 ก่าวเลยครับคำตอบนี้สุดยอดมากครับผมนะ
01:32:00 → 01:32:03 แล้วอีกเรื่องนึงก็คือการที่เรากินสัตว์
01:32:03 → 01:32:06 น้ำแบบเนี้ยนะฮะเราจะ
01:32:06 → 01:32:10 ได้เราจะได้สารอาหารต่างๆที่จะไปสร้าง
01:32:10 → 01:32:13 ไทรรอยด์ฮอร์โมนนะฮะเราจะได้สารอาหารต่าง
01:32:13 → 01:32:16 ๆคือนอกจากสติแล้วเนี่ยนะการกินสัตว์น้ำ
01:32:17 → 01:32:20 พวกเนี้ยในมื้อเย็นเนี่ยนะฮะเราจะได้อ
01:32:20 → 01:32:22 คอเลสเตอ
01:32:22 → 01:32:25 เราจะได้โอเมก้า 3 นะและเราจะได้วัตถุดิบ
01:32:25 → 01:32:29 ไปสร้างไทรรอยด์ฮอร์โมน
01:32:29 → 01:32:33 นะไทฮอร์โมนทำหน้าที่เป็นฮอร์โมนลูกเทพใน
01:32:33 → 01:32:39 การเผาผลาพลังงานนะครับเผาผลาเพื่อเพื่อ
01:32:39 → 01:32:42 เอาไปซ่อมแซมและเอาไปสร้างนะแล้วทำงาน
01:32:42 → 01:32:46 เมื่อไหร่กลางคืนกลางคืนเพราะฉะนั้นมื้อ
01:32:46 → 01:32:49 เย็นเนี่ยจึงเป็นมื้อที่เราแนะนำให้กิน
01:32:49 → 01:32:53 เนื้อสัตว์เล็กหรือหรือสัตว์ปีกหรือไม่ก็
01:32:53 → 01:32:57 สัตว์น้ำนะกินข้าวต้มปลากินข้าวต้มทะเลนะ
01:32:57 → 01:33:01 ใส่หอยใส่ปลาหมึกนะจะใส่หมูสับใส่กุ้งเ
01:33:01 → 01:33:04 ใส่เข้าไปครับรวมถึงเครื่องเครื่องในด้วย
01:33:04 → 01:33:07 ใช่มั้ยครับเออเครื่องในด้วยก็หมุนเวียน
01:33:07 → 01:33:09 สลับสับเปียนไปอย่างเงี้ยนะฮะแต่ถ้าเมื่อ
01:33:09 → 01:33:12 ไหร่ก็มามาใส่ไอ้พวกสัตว์น้ำพวกเนี้ยเรา
01:33:12 → 01:33:15 ก็จะได้ของแถมนะที่เป็นวัตถุดิบในการ
01:33:15 → 01:33:19 สร้างไทรอยฮอร์โมนนะพอตอนหลังจากอินซูลิน
01:33:19 → 01:33:22 ไปพักแล้ว 22:00 น 23:00 นแล้วเนี่ยไทรอย
01:33:22 → 01:33:26 ฮอร์โมนออกมาเนี่ยก็จะออกมาแอชหรือทำการ
01:33:26 → 01:33:29 เผาผลาพลังงานเพราะว่ายไงร่างกายเรา
01:33:29 → 01:33:32 ต้องการโหมดของการเผาผลาญพลังงานมากกว่า
01:33:32 → 01:33:34 โหมดของการสะสมพลังงานอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
01:33:34 → 01:33:37 ใช่ยิ่งเผาตอนนอนยิ่งดีนะครับเออเพราะ
01:33:37 → 01:33:40 ฉะนั้นถ้าเรามีวัตถุดิบโดยเฉพาะมีตัว
01:33:40 → 01:33:44 ไทรอยด์ฮอร์โมนที่ไม่ขี้เกียจทำงานเก่งๆ
01:33:44 → 01:33:47 เพราะว่าวัตถุดิบในการไปสร้างของเค้า
01:33:47 → 01:33:51 เนี่ยนะมันเพียบพร้อมไปหมดน่ะนะวัตถุดิบ
01:33:51 → 01:33:53 ในการสร้างสร้างไทรฮอร์โมนที่สำคัญคือ
01:33:53 → 01:33:58 เกลือไอโอดีนสังกสีเซเลเนียมนะฮะนะ
01:33:58 → 01:34:00 เซเลเนียมเซเลเนียมนี่ก็พิเศษหน่อยก็ต้อง
01:34:00 → 01:34:04 หาของกินน่ะนะก็คือถั่วปลาสินันะก็กิน
01:34:04 → 01:34:07 เข้าไปนะหรือกินพวกจมูกข้าวนะ
01:34:07 → 01:34:11 ฮะแล้วเรากินในอย่างเงี้ยเรียบร้อยนะฮะ
01:34:11 → 01:34:14 ไทรอยฮอร์โมนออกมามันก็จะแคีสุดๆแต่ตอน
01:34:14 → 01:34:18 นอนอร่างกายมันก็เผาพลังงานต่อก็เป็นโหมด
01:34:18 → 01:34:20 ที่เราต้องการอยู่แล้วเผาเสร็จก็ไปซ่อม
01:34:20 → 01:34:23 เผาเสร็จแล้วเข้าไปซ่อมเพราะว่าการนอนตอน
01:34:23 → 01:34:25 กีนนอนหลับเนี่ยเราต้องการพลังงานเพื่อ
01:34:25 → 01:34:30 การซ่อมแซมเราต้องซ่อมแซมร่างกายตอนนอน
01:34:30 → 01:34:34 ครับแล้วยิ่งคนที่ตัดาฟไปนานๆเนี่ยจน
01:34:34 → 01:34:38 ไทรรอยด์เริ่มจะทำงานไม่ค่อยได้นะครับมัน
01:34:38 → 01:34:41 จถ้ามาทำแบบนี้ก็จะมีประโยชน์มากเลยครับ
01:34:41 → 01:34:45 ผมใช่นะแต่ยังไงก็ตามเนี่ยไทรรอยเนี่ย
01:34:45 → 01:34:48 เป็น cf Dependent ฮอร์โมนนะเพราะฉะนั้น
01:34:48 → 01:34:51 คุณจะกินสัตว์น้ำสัตว์ทะเลอะไรต่างๆที่
01:34:51 → 01:34:53 หมอพูดพูดไปเมื่อกี้แล้วเนี่ยคุณก็จะต้อง
01:34:53 → 01:34:56 มีการคือคือคือจะต้องมีการบริหารจัดการ
01:34:56 → 01:35:00 คาฟกับอินซูลินนะฮะครับผมเพราะอินซูลิน
01:35:00 → 01:35:03 กับไทรรอยด์ซึ่งเป็นลูกสาวคนกลางเนี่ยนะ
01:35:03 → 01:35:08 ฮะเขาจะต้องมาพร้อมกันนะถ้าเกิดนะเราไป
01:35:08 → 01:35:13 จำกัดคงจำกัดคาฟเราไปเอ่อเ่อตัดคาฟอะไร
01:35:13 → 01:35:15 อย่างเงี้ยนะฮะอินซูลินเขไม่มาเนี่ย
01:35:15 → 01:35:18 ไทรรอยด์เค้าก็ไม่กล้ามาเพราะว่าไทรรอยด์
01:35:18 → 01:35:22 เนี่ยเอ่อเ้าเป็นฮอร์โมนที่เเรียกว่ามัน
01:35:22 → 01:35:24 เป็นลูกสาวคนกลางแล้วมันเป็นฮอร์โมนของ
01:35:24 → 01:35:27 ความหวาดกลัวและความขี้เกียจคือไทรอยด์
01:35:27 → 01:35:29 เป็นฮอร์โมนที่ขี้เกียจที่สุดในร่างกาย
01:35:29 → 01:35:33 เป็นฮอร์โมนที่มองที่สุดนะพลังงานไม่ถึง
01:35:33 → 01:35:38 คฟไม่มีอินซูลินไม่มากูก็ไม่ออก
01:35:38 → 01:35:42 เนี่ยไม่แชไม่ทำอะไรทั้งสิ้นนะฮะไม่เผา
01:35:42 → 01:35:45 ไส่กิสลยก็สูงเนี่ยเวลาไทรรอยด์เเผาเเผา
01:35:45 → 01:35:49 ไตรกีสไลนะนะก็ชอบเผาไตรกีซาไลน์ใครไตรกี
01:35:49 → 01:35:52 สูงๆเนี่ยต้องกระตุ้นไทรอยด์นะฮะเพราะ
01:35:52 → 01:35:54 ฉะนั้นไอ้พวกไฮเปอร์ไทรอยดไทรอยดเป็นพิษ
01:35:54 → 01:35:57 เนี่ยเป็นยังไงอ่ะนะเมันถึงได้เผาได้เผา
01:35:57 → 01:35:59 ดีอ่ะมันรุ่มร้อนทั้งวันทั้งคืนน่ะนะ
01:35:59 → 01:36:03 เพราะว่าไตกีสรานถูกเผาอ่ะกินจุผอมลงกิน
01:36:03 → 01:36:10 จุผอมลงนะเอเผาจนตาถลนเถลือกเลยนะครับผม
01:36:10 → 01:36:14 เออนะเพราะฉะนั้นเนี่ยก็คือทั้งหมดเนี่ย
01:36:14 → 01:36:18 นะฮะนะอยากจะบอกว่าเราต้องมีความรู้ความ
01:36:18 → 01:36:20 เข้าใจในการทำงานของฮอร์โมนการกินอาหาร
01:36:20 → 01:36:21 ให้ถูกให้เป็น
01:36:21 → 01:36:27 นะฮะนะแล้วก็ที่สำคัญที่สุดนะฮะผู้คนที่
01:36:27 → 01:36:30 ไม่เรื่องรู้ราวอะไรกันนักเนี่ยนะฮะก็คือ
01:36:30 → 01:36:34 การตื่นขึ้นมาแล้วกินอาหารมื้อแรกผิดนะเอ
01:36:34 → 01:36:36 กินข้าวกินเบเกอรี่กินขนมปังกินปลาต้้ง
01:36:36 → 01:36:41 โก๋กินผลไม้ข้าวเหียอะไรไม่รู้นะอันนี้
01:36:41 → 01:36:47 ไม่ได้นะได้เพราะว่าการออกคำสั่งต่อตับนะ
01:36:47 → 01:36:51 ฮะนะก็คืออาหารนะจะมีฮอร์โมนมาออกคำคำ
01:36:51 → 01:36:55 สั่งนะผู้รับคำสั่งคือตับนะตับเป็นตัวจัด
01:36:55 → 01:36:58 การพลังงานภายใต้คำสั่งคือฮอร์โมนแต่
01:36:58 → 01:37:02 ฮอร์โมนกระตู้นอาหารนะฮะนะนะแล้วก็จะเกิด
01:37:02 → 01:37:05 ปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลงของนะพลังงานและ
01:37:05 → 01:37:09 สารอาหารนะโดยมีค่าผลแหลบฟ้องออกมานะใน
01:37:09 → 01:37:13 เรื่องของค่าค่าเลือดค่าน้ำตาลค่าไขมัน
01:37:13 → 01:37:17 นี่งั้นมื้อแรกเนี่ยสำคัญที่สุดนะฮะมื้อ
01:37:17 → 01:37:22 แรกของวันนี่นะจะต้องมีการจัดการเรื่อง
01:37:22 → 01:37:25 อาหารและพลังงานให้ถูกนะนะด้วยเหตุนี้จึง
01:37:25 → 01:37:30 เป็นเหตุที่มาของอ่าคำตอบที่หมอว่านะคุณ
01:37:30 → 01:37:33 ต้องกิน low C High Good Fat และกิน
01:37:33 → 01:37:36 แบบ Two Meal a day โดยอาหารเนี่ยจะมี
01:37:36 → 01:37:41 มื้อแรกกับมื้อเย็นมื้อแรกโฟกัสในเรื่อง
01:37:41 → 01:37:45 ของพลังงานนะและจะต้องเค้าเรียกควบคุม
01:37:45 → 01:37:49 จำกัดคาฟนะฮะเพื่อไม่ให้อินซูลินกับ
01:37:49 → 01:37:53 คอร์ติซอลที่จะออกมานะมันต้องควบค
01:37:53 → 01:37:56 อินซูลินก่อนเลยมื้อแรกถ้ามื้อแรกมีความ
01:37:56 → 01:38:00 รู้มีการจัดการพลังงานที่ถูกต้องนะฮะนะ
01:38:00 → 01:38:05 มันจะดีไปตลอดทั้งวันเลยนะฮะนะใช่ครับงาน
01:38:05 → 01:38:08 ต่างๆจะนิ่งอ่ามันจะเป็นเรื่องการใช้กดไข
01:38:08 → 01:38:11 มันอิสระเรื่องของการมีคีโตนเข้าคีโตสิ
01:38:11 → 01:38:14 เป็น Fat เนอรนะแล้วก็พลังงานต่างๆให้
01:38:14 → 01:38:17 เอาวะให้สมองให้เซลล์ให้กล้ามเนื้อให้
01:38:17 → 01:38:21 ร่างกายเนี่ยมี activity มีไสลที่นะอ่า
01:38:21 → 01:38:29 ไม่ไม่ไม่ไม่อะไรอ่ะไม่ไม่ไม่ย่ำแยกครับ
01:38:29 → 01:38:33 ผมนะเพราะฉะนั้นเนี่ยสำคัญที่สุดก็คือ
01:38:33 → 01:38:38 เรื่องของการกินมื้อแรกนะฮะนะอันนี้แหละ
01:38:38 → 01:38:44 นะคือสำคัญเนี่ยก็คือคือมื้อแรกเนี่ยเรา
01:38:44 → 01:38:48 เราออกคำสั่งกับอินซูลินยังไงนะฮะนะการ
01:38:49 → 01:38:51 ออกคำสั่งกับอินซูลินสำคัญที่สุดที่สุดนะ
01:38:51 → 01:38:56 ฮะนะแล้วก็อินซูลินเนี่ยิ่งอ่ะเขาก็จะมา
01:38:56 → 01:38:59 ที่เมื่อไหร่มื้อเย็นใช่มมื้อเย็น 6:00 น
01:38:59 → 01:39:03 ครับผมเนี่ยนะก็ให้อินซูลินมาพออินซูลิน
01:39:03 → 01:39:06 มาก็ต้องมีคาฟแต่มื้อแรกเนี่ยอินซูลินก็
01:39:06 → 01:39:11 ไม่มาอินซูลินไม่มาเนี่ยเราก็ต้องลดงดาฟ
01:39:11 → 01:39:14 ตัดาฟอะไรอย่างงี้นะ
01:39:14 → 01:39:18 ฮะแต่ถ้ามันผิดที่มื้อแรกปุ๊บนะเรียบร้อย
01:39:18 → 01:39:21 ฮะนะไอินซูลินเข้ามาบริหารจัดการตั้งแต่
01:39:21 → 01:39:24 มื้อแรกเลยเพงั้นวันทั้งคันวันวันทั้งวัน
01:39:24 → 01:39:29 คืนทั้งคืนก็ไม่มีอะไรดีะนะฮะจบจบแล้วนะ
01:39:29 → 01:39:33 ฮะนะอันเนี้ยนะถึงจะกินอะไรเข้าไปยังไงก็
01:39:33 → 01:39:38 ตามถ้ามื้อแรกเนี่ยนะมื้อแรกการส่งคำสั่ง
01:39:38 → 01:39:43 นะฮะคืออาหารผิดฮอร์โมนผิดนะตับทำงานไม่
01:39:43 → 01:39:49 ถูกนะฮะนะครับก็ผลทางด้านเมตาบอลิกนะก็ก็
01:39:49 → 01:39:54 จบนะี่ครับนั้นแหละครับผม
01:39:54 → 01:39:58 อ
01:39:58 → 01:40:10 เอ่อก็อันนี้ก็แทบจะหมดแล้วล่ะนะฮะ
01:40:10 → 01:40:18 นะมันก็นะ 1 กินอะไรนะฮะ what to eat
01:40:18 → 01:40:23 นะกินอะไรกินยังไงมีปริมาณเท่าไหร่นะกิน
01:40:23 → 01:40:27 กี่มื้อนะแล้วปรุงยังไงนะเส็จแล้วเนี่ย
01:40:27 → 01:40:30 สิ่งที่จะได้รับในแง่ของพลังงานและสาร
01:40:30 → 01:40:35 อาหารเนี่ยมันจะไปแอชยังไงกับร่าง
01:40:35 → 01:40:39 กายสิ่งที่จะมาควบคุมหรือมาแอคชั่นเนี่ย
01:40:39 → 01:40:40 ก็คือ
01:40:40 → 01:40:44 ฮอร์โมนครับแล้วอวัยวะที่ฮอร์โมนจะไปสั่ง
01:40:44 → 01:40:49 การนะเ่อในการเกิดปฏิกิริยานะต่อไปเนี่ย
01:40:49 → 01:40:54 ก็คือตับนะฮะอันดับตับตับตับอ่อนนะฮะแต่
01:40:54 → 01:40:58 ตับนี่มากที่สุดนะฮะนะ
01:40:58 → 01:41:08 อืก็จะจะอย่างนี้แหละนะตับๆอ่อนฮอร์โมนนะ
01:41:08 → 01:41:13 ฮะแล้วก็ขอย้ำว่านะ
01:41:13 → 01:41:17 เอ่อกินรทับไ Fat ให้เป็นกิน To Me Day
01:41:17 → 01:41:21 ให้ให้ถูกนะฮะนะครับ
01:41:21 → 01:41:25 นี่แหละทั้งหมดนี้เนี่ยถ้ามีความเข้าใจ
01:41:25 → 01:41:30 และเกิดความถูกต้องเหมาะสมนะฮะผแลปต่างๆ
01:41:30 → 01:41:34 ไม่ผิดหูผิดตาผิดแปลกแตกต่างนะหรือมาก
01:41:34 → 01:41:37 น้อยสุดสวิงลิงโก้อะไรต่างๆให้ต้องมานั่ง
01:41:37 → 01:41:42 เอ่อก่าหน้าผากเครียดนะแล้วก็มาพลิกซองยา
01:41:42 → 01:41:46 เม็ดยากินดีไม่ดีกินดีไม่ดีนะเที่ยว
01:41:46 → 01:41:49 วุ่นวายโพสต์ถามตรงนั้นตรงนี้อะไรต่างๆ
01:41:49 → 01:41:52 แล้วก็ในที่สุดก็หาข้อสรุปไม่ได้อีกนะฮะ
01:41:52 → 01:41:54 เพราะว่าพวกเนี้ยมันต้องเข้าใจไงอาหารมัน
01:41:54 → 01:41:58 มีไส้ในอาหารคือความรู้นะอาหารคือการที่
01:41:58 → 01:42:01 สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจและมันจะต้อง
01:42:01 → 01:42:06 รู้ไปจนกระวันตายนะฮะนะจะป่วยจะเจ็บป่วย
01:42:06 → 01:42:10 ต้องยิ่งรู้เยอะๆนะแล้วก็นำสู่การปฏิบัติ
01:42:10 → 01:42:16 นะร้องผิดรองถูกไปนะเพพวกเที่จะมาแมี
01:42:16 → 01:42:19 ปัญหาอีเจนซี่หรือเกิดภาวะวิกฤตทำร้าย
01:42:19 → 01:42:23 ทำลายร่างกายอะไรซะจนขนาดไหนหรอกนะฮะครับ
01:42:23 → 01:42:27 ผมเอ่อแล้วก็สุดท้ายหมอย้ำนะว่าเรื่องไข
01:42:27 → 01:42:31 มันอิ่มตัวนะไขมันอิ่มตัวของของเราเนี่ย
01:42:31 → 01:42:34 นะฮะนะมันมีรายละเอียดมีไส้ในที่ต้องทำ
01:42:34 → 01:42:38 ความเข้าใจดีๆนะฮะอย่างน้อยเนี่ยเราต้อง
01:42:38 → 01:42:42 รู้จัก pic Acid นะฮะนะถ้าร่างกายจะสะสม
01:42:42 → 01:42:45 ไขมันเาก็สะสมในรูปแบบของไขมันตัว c16
01:42:45 → 01:42:50 เหมือนกันแหละแต่เาเป็นพิติแอซิดนะฮะครับ
01:42:50 → 01:42:56 ครับนอกจากนี้ก็ไอ้พวกไิ c14 ิ c12 นะอัน
01:42:56 → 01:42:59 นี้เขก็มีบทบาทแต่เขาก็อยู่กลางๆนี่แหละ
01:43:00 → 01:43:03 นะอ่าไม่ฟไม่ดีอะไรมากมายนักนะแต่ตัวที่
01:43:03 → 01:43:08 พระเอกก็คือตัวสิ Acid เอ่าอันนี้แหละนะ
01:43:08 → 01:43:12 สำคัญที่สุดเลยต้องต้องใส่เข้าสู่ร่างอ
01:43:12 → 01:43:16 ให้เยอะๆโดยเฉพาะคนที่ป่วยนะฮะนะก็ก็มี
01:43:16 → 01:43:19 เหตุผลเแบบที่คุยกันไปเมื่อกี้นี้นะแล้ว
01:43:19 → 01:43:24 ตัวอาหารนะที่จะมี c18 เยอะๆนะฮะนะก็มี
01:43:24 → 01:43:28 ทั้งพืชทั้งสัตว์นะหลักๆก็คือสัตว์ปีกที่
01:43:28 → 01:43:32 ต้องติดหนังติดมันติดตีนนะฮะนะแล้วก็น้ำ
01:43:32 → 01:43:36 ก็คือเป็นเนื้อสัตว์ต่างๆนะมากๆก็คือสิ่ง
01:43:36 → 01:43:40 ที่ไม่ใช่ปลานะจะเยอะนะส่วนปลาตัวใหญ่ก็
01:43:40 → 01:43:45 ก็ก็มีนะฮะปลาตัวเล็กก็น้อยสุดครับผมพืก็
01:43:45 → 01:43:49 เป็นโกโก้นะโกโก้กถบที่นี่นะโอันนี้ก็
01:43:49 → 01:43:55 ต้องหามาอยู่ในในเมนูอาหารเนาะครับนี่นะ
01:43:55 → 01:43:58 ฮะก็เดี๋ยวยังไงหมอจะโพสต์รายละเอียดแบบ
01:43:58 → 01:44:03 สรุปนะของเรื่องไขมันอิ่มตัวนะลงไปในเพจ
01:44:03 → 01:44:08 นะที่เราทำอะไรขึ้นมาใหม่อ่ะนะเอ่อสวยๆนะ
01:44:08 → 01:44:12 ฮะหน้าเพจนะแล้วก็สัญลักษณ์ของเพจเราก็
01:44:12 → 01:44:18 เปลี่ยนเป็นไว Thailand นะครับก็ไลฟ์นี้
01:44:18 → 01:44:22 ก็จะเป็นไลฟ์ประเดิมกับเพจใหม่โลโก้
01:44:22 → 01:44:24 ใหม่ครับ
01:44:24 → 01:44:29 ผมมีอะไรสงสัยมยใช้เวลาไปนานเท่าไหร่
01:44:29 → 01:44:32 อ่าชั่วมง 44 ครับ
01:44:32 → 01:44:37 เรพอดีพอดีเลยครับผมเยก็กะว่าจะใช้
01:44:38 → 01:44:41 ชั่วโมงครึ่งนั่นแหละนะนะคือเรื่องอาหาร
01:44:41 → 01:44:44 เนี่ยโ C High fash เนี่ยสัดส่วนก็อัน
01:44:44 → 01:44:50 นี้แฮะนะเอ่อไขมันนี่มากสุด 60 นะถึง 70%
01:44:50 → 01:44:53 คาฟนี่ก็แล้วแต่ว่าระบบเมตาบอลิกร่างกาย
01:44:53 → 01:44:57 เป็นยังไงนะเจ็บป่วยเยอะๆก็คาฟสัก 5% พอ
01:44:57 → 01:45:02 นะ 10% นะอ่าไม่ได้เจ็บป่วยอะไรนักก็ 15
01:45:02 → 01:45:07 20% ได้นะส่วนโปรตีนก็แี่อยู่ 2030 นะฮะ
01:45:07 → 01:45:10 เนี่ยก็มีอิ่มเดี่ยวซ้อนนะฮะไขมันนะ
01:45:11 → 01:45:16 โปรตีนคาฟนะเก็ตามนี้ส่วนโปรตีนเนี่ยนะฮะ
01:45:16 → 01:45:21 ก็ตามนี้นะฮะนะไขมันสูงมีอะไรบ้างนะเนี่ย
01:45:21 → 01:45:27 นะ 3 ชั้นเบคอนนมนะแต่เบคอนส่วนใหญ่มันก็
01:45:27 → 01:45:30 มันเป็นอาหารแปรรูปซะเป็นส่วนใหญ่แล้วล่ะ
01:45:30 → 01:45:35 นะใช่ครับผมนมนมเป็นนมอะไรอ่ะนมรอรอ Milk
01:45:35 → 01:45:41 รอมิ้วครับผมนะอ่านมเต็มรูปนะฮะชีสชีสที่
01:45:41 → 01:45:46 แบบหาได้ดีๆเลยนะก็ชีสแพะออร์แกนิคอ่ะชีส
01:45:46 → 01:45:51 แพะนะเไม่ได้ก็เอาชีสแพ้แล้วกันนะออันนี้
01:45:51 → 01:45:55 ชี้เป็นโปรตีนนะฮะไม่ใช่ไขมันแต่ถ้าเนยกี
01:45:55 → 01:45:58 อันนี้เป็นไขมันนะแล้วก็โยเกิร์ตนะ
01:45:58 → 01:46:02 โยเกิร์ตโยเกิร์ตโฮมดดีที่สุดนะจะซื้อเ้า
01:46:02 → 01:46:06 ก็ต้องดูสลากให้ดีโปรตีนไขมันปานกลางก็
01:46:06 → 01:46:10 คือไข่เนื้อสัตว์ติดหนังนะฮะเนื้อสัตว์
01:46:10 → 01:46:13 ใหญ่นี่แหละนะฮะเนื้อสัตว์ติดหนังติดมัน
01:46:13 → 01:46:19 นะเอ่อแล้วก็พวกเครื่องในเครื่องในนะฮะนะ
01:46:20 → 01:46:22 เครื่องในนี่ก็แล้วแต่อาจจะไขมันปางกลาง
01:46:22 → 01:46:25 ไขมันต่ำนะฮะนะอ่าแล้วกลุ่มถั่วเหลืองที่
01:46:26 → 01:46:29 ผ่านการหมักนะฮะเทมเป้นัตโตะอ่าั่วเน่า
01:46:29 → 01:46:33 ั่วหอมมิโสะอันนี้ก็เป็นโปรตีนไขมันปาน
01:46:33 → 01:46:37 กลางแต่เป็นพืชนะฮะเป็นพืชโปรตีนไขมันต่ำ
01:46:37 → 01:46:40 ก็ปลาตัวใหญ่ๆนะปลาแซลมอนปลาแซลมอนเนี่ย
01:46:41 → 01:46:43 ก็ยังเป็นโปรตีนไขมันต่ำอยู่นะแล้วพวก
01:46:43 → 01:46:49 เครื่องในสันในนะอกไก่นะอก
01:46:49 → 01:46:52 ไก่แล้วก็โปรตีนไมันต่ำมากก็เป็นพวกสัตว์
01:46:52 → 01:46:54 น้ำดยเฉพาะปลาตัวเล็ก
01:46:54 → 01:46:59 นะแล้วก็กุ้งหอยปลาหมึกนะกั้งอือกินให้
01:46:59 → 01:47:03 ครบนะฮะใน 1 วันอ่าเลือกมื้อแรกกับมื้อ
01:47:03 → 01:47:08 เย็นนะข้อ 1 ข้อ 2 ก็มื้อแรกข้อ 3 ข้อ 4
01:47:08 → 01:47:12 กับมื้อเย็นแต่ไข่เนี่ยกับเครื่องในเนี่ย
01:47:12 → 01:47:16 ก็อ่ามื้อแรกได้มื้อเย็นได้
01:47:16 → 01:47:22 หมดก็เป็นตามรูปนี้เโดยสัดส่วนไขมันปาน
01:47:22 → 01:47:27 กลางก็สักครึ่งนึงนะแต่ไขมันที่เอ้โปรตีน
01:47:27 → 01:47:31 ไขมันสูงเนี่ยไม่เกิน 10% พอนะถ้าเจ็บ
01:47:31 → 01:47:35 ป่วยก็ต้องลดลงอีกครับนี่ไม่เยอะนะฮะไม่
01:47:35 → 01:47:39 เยอะแต่คนจะพลาดไงนะคนที่เค้าเกินไม่รู้
01:47:39 → 01:47:41 ไม่รู้ไส้ในอาหารต่างๆเขาก็จะกินอันนี้
01:47:41 → 01:47:46 เยอะที่สุดนะใช่ครับกินเนื้อสัตว์ติดหนัง
01:47:46 → 01:47:49 เนื้อสัตว์ใหญ่อะไรต่างๆนะมีไขมันเยอะๆ
01:47:49 → 01:47:53 เนี่ยเนี้ยกินกินเป็นก้อนๆเลย
01:47:53 → 01:47:56 นะแล้วก็ไอ้พวกไขมันต่ำต่ำมากอะไรอย่าง
01:47:56 → 01:47:59 งี้ก็ประมาณนี้นะ
01:47:59 → 01:48:04 40% อืเี่น่าจะพอรู้
01:48:04 → 01:48:08 นะแล้วก็สุดท้ายเนี่ยคอเลสเตอรอลดีไม่ดี
01:48:08 → 01:48:11 นะถ้าดีก็มักจะเป็น ldl type a นะฮะนะ
01:48:11 → 01:48:14 นะถ้าไม่ดีก็เป็น ldl type B นะอันนี้
01:48:14 → 01:48:17 เป็น ldl ที่สิ้นสุดแล้วอ่ะนะฮะนะอันนี้
01:48:17 → 01:48:21 ก็ไลฟ์แรกๆเคยแยกไว้แล้วนะนะเนี่ยละเอียด
01:48:21 → 01:48:24 เลยแหละนะส่วนใหญ่มันก็ตั้งต้นที่ตัว
01:48:24 → 01:48:28 อ่าไขมันนี่แหละนะไขมันไินนะแล้วก็เรือนำ
01:48:28 → 01:48:31 ส่งก็ VL dl นะแต่ทีนี้ต้นทางมันจะเป็น
01:48:31 → 01:48:36 ไิมาจากอะไรนะก็เยอะแยะนะอันนี้ราย
01:48:36 → 01:48:39 ละเอียดพวกนี้คือคือความละเอียดนะฮะของ
01:48:39 → 01:48:42 อาหารเที่จะเอารายละเอียดไปใส่แล้วก็
01:48:42 → 01:48:46 อธิบายนะเป็นเหตุเป็นผลนะแล้วก็ตอบคำถาม
01:48:46 → 01:48:50 นะเพราะในที่สุจะได้เป็นอะไรอ่ะเนี่ยฝั่ง
01:48:50 → 01:48:53 ที่คอเลสเตอรอลดีๆก็เป็น type a นะไม่ดี
01:48:53 → 01:48:55 ก็ type
01:48:55 → 01:48:59 B ครับผมันนี้สุดท้ายเลยก็เป็นอย่างเงี้
01:48:59 → 01:49:00 นะ
01:49:00 → 01:49:04 ฮะแบบที่คุยกันไปเมื่อกี้นะอันนี้ไม่มี
01:49:04 → 01:49:08 อะไรการนำสส่วนเรื่องฮอร์โมนเนี่ยนะเมื่อ
01:49:08 → 01:49:10 กี้ก็พูดไปแล้ว
01:49:10 → 01:49:15 ป่าครับผมก็คือวงรอบของวันและคืนนะฮะนะ
01:49:15 → 01:49:20 ที่เราเรียกว่า Dial and cal rit นะใน
01:49:20 → 01:49:23 แง่ของฮอร์โมนที่มาตามธรรมชาติของร่างกาย
01:49:23 → 01:49:26 มีอะไรบ้างอะไรอย่าเงี้ยนะฮะก็อยากให้ดู
01:49:26 → 01:49:30 ว่าอินซูลินนะเ้ามาตอนเย็นๆนี้พอเห็นมั้ย
01:49:30 → 01:49:35 ตกไปมยอินซูลินมาตอนเย็นๆมนเย็นมาแล้ว
01:49:35 → 01:49:40 แล้วก็พีคสูงสุดก็คือ 2 ชมง 6 นถ 20:00 น
01:49:40 → 01:49:43 นะแล้วก็ค่อยๆลาจากไปนะจนกระทั่งถึง 22:00
01:49:43 → 01:49:47 นนะฮะนะแล้วพอสปุ๊บเนี่ยไอ้พวกโสฮอร์โมน
01:49:47 → 01:49:53 เตินมานะนะถ้าไม่มีคอร์ติซอลมามา
01:49:53 → 01:49:59 คอยมาคอยบล็อกมาคอยอ่ายังไม่ไปไหน่ะนะฮะ
01:49:59 → 01:50:03 นะแล้วก็ไทรรอยด์มาเพื่อเผาผลาไตกีสลดนะ
01:50:03 → 01:50:08 ให้ร่างกายมันเข้าคติทั้งวันทั้งคืนก็ไป
01:50:08 → 01:50:11 ตอนเช้าตอนเช้าตัวปลุกตื่นก็คือคอร์ติซอล
01:50:11 → 01:50:15 นะโดยที่เขาจะมาตั้งแต่ประมาณ 3:00 นใน
01:50:15 → 01:50:19 บางคนนะฮะแต่ส่วนใหญ่ก็จะมาแถวๆนี้แหละ
01:50:19 → 01:50:23 6:00 นไม่เกินเ่อ 8:00 นเราถึงได้ตื่นเ
01:50:23 → 01:50:27 เพราะเราตื่นจากแม่มาปลูกแล้วเวลาแม่มาเ
01:50:27 → 01:50:31 จะมาพร้อมกับแนีและแนีเนี่ยเป็นตัวที่จะ
01:50:31 → 01:50:34 ทำให้เกิดการเกิดพลังงานแล้วก็ลุกได้ตื่น
01:50:34 → 01:50:39 ได้นะฮะนะถ้าอ่าไม่ดื้อคอร์ติซอล
01:50:39 → 01:50:42 คอร์ติซอลไม่ได้เยอะแยะอะไรต่างๆนะฮะนะ
01:50:42 → 01:50:46 ร่างกายก็จะมีพวที่จะเอาคอเลสเตอรอลไป
01:50:47 → 01:50:51 สร้างฮอร์โมนเพศให้อฮะนะแต่ถ้าเครียดถ้า
01:50:51 → 01:50:55 คอร์ติซอลเยอะนะแล้วก็มีการดื้ออะไรต่างๆ
01:50:55 → 01:51:00 พวกนี้นะฮอร์โมนเพศก็ลดลงไปนะสร้างยากนะ
01:51:00 → 01:51:06 ตามเยฮะนะก็จะหมดแล้ว
01:51:06 → 01:51:12 ครับเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าหมอแปลงคำถามนะฮะ
01:51:12 → 01:51:17 นะว่าอ้าแล้วกินเนื้อวัวเป็นสเต็กชิ้นโตๆ
01:51:17 → 01:51:23 อ่ะนะขอคอเลสเตอรอลมันจะเป็นยังไงเอเเวลา
01:51:23 → 01:51:29 เราอธิบายเราก็จะไปอธิบายแบบเนี้ยนะ
01:51:29 → 01:51:33 ฮะถ้าเกิดว่าไอทโปรตีนนะแล้วก็กินโปรตีน
01:51:33 → 01:51:37 เยอะๆเลยนะอ่าไม่ได้กินไขมันจากน้ำมัน
01:51:37 → 01:51:41 สกัดเย็นอะไรอย่างเงี้ยนะฮะใช่มันจะเป็น
01:51:41 → 01:51:44 สะสมมากกว่าครับผมเออเราก็ต้องดูราย
01:51:44 → 01:51:46 ละเอียดของโปรตีนนะแล้วเสร็จแล้วเนี่ย
01:51:46 → 01:51:49 โปรตีนนั้นเนี่ยถ้าเป็นโปรตีนเนื้อสัตว์
01:51:49 → 01:51:52 ใหญ่เนื้อสัตว์บกแดงๆนะติดหนังติดมาเอ้ย
01:51:52 → 01:51:55 ติดมันมาด้วยอะไรต่างๆไขมันส่วนใหญ่ที่
01:51:55 → 01:51:58 อยู่ในโปรตีนพวกนี้ก็เป็นไขมันอิ่มตัวที่
01:51:58 → 01:52:03 เป็นประเภท C6 พาติกนะไขมันสลิกยากไม่มี
01:52:03 → 01:52:07 อ่ะไม่เกิดไม่มีพวกนี้ก็จะไปสร้างแต่ a b
01:52:07 → 01:52:11 เออแล้วฮอร์โมนในการตอบส่วนใหญ่นะก็จะ
01:52:11 → 01:52:16 เป็นเรื่องของคอร์ติซอลคิอครับอ่าแล้วการ
01:52:16 → 01:52:19 สะสมเหรอถ้าเกิดใช้ไม่ได้เนี่ยก็จะไปอยู่
01:52:19 → 01:52:24 ที่ vis Space ช่องท้องเอาในช่องท้อง
01:52:24 → 01:52:28 อะไรอย่างเงี้ยก็ดูจากค่าเหนะฮะโดยเฉพาะ
01:52:28 → 01:52:34 ถ้ามียน expression หรือว่ายีนอะไรอ่ะอ่า
01:52:34 → 01:52:37 Response ยนน่ะเเรียกว่าไอ้ resp น่ะฮะ
01:52:37 → 01:52:42 นะด้วยอย่างเงี้ยนะก็เรียบร้อยไฮเปอรใช่ม
01:52:42 → 01:52:42 ครับ
01:52:42 → 01:52:48 ผมเอ่อหมายถึงอะไรยน resp hyperdia ใช่
01:52:48 → 01:52:50 มั้ครับที่สะสม
01:52:50 → 01:52:56 ผมอ๋อใช่มั้ยครับแล้วแต่ยีนการแสดงออกของ
01:52:56 → 01:52:59 ยีนเนี่ยเค้าเรียกยน expression หรือย
01:52:59 → 01:53:01 susceptibility
01:53:01 → 01:53:06 ครับว่าจะ respond ในแนวไหนในแนวที่จะ
01:53:06 → 01:53:11 เกิดการสะสมพลังงานนะึหรือไปทำให้เกิดการ
01:53:11 → 01:53:16 อักเสบนะฮะอืบางคนก็อักเสบด้วยสะสมพลัง
01:53:16 → 01:53:20 งานด้วยนะซึ่งพวกนี้เนี่ยตัว hdl ก็จะต่ำ
01:53:20 → 01:53:22 ลงนะ
01:53:22 → 01:53:27 อ๋อครบเลยเนะเพราะว่ามันเป็นไขมันอิ่มตัว
01:53:27 → 01:53:29 นะแล้ว
01:53:29 → 01:53:32 ก็มันมี
01:53:32 → 01:53:41 ตัวตัวอะไรนะไอ้ตัวตัวที่ที่จะที่จะทำที่
01:53:41 → 01:53:43 จะมีการเปลี่ยนแปลงคล้ายๆเป็นตัวท็อกซิน
01:53:43 → 01:53:48 น่ะนะฮะนะของของแบคทีเรียก็เดี๋ยวจะมีราย
01:53:48 → 01:53:51 ละเอียดแชร์ไปให้อ่านแล้วกันนะแต่อันนี้
01:53:51 → 01:53:55 อยากจะให้ได้สโคปว่าเวลาจะอธิบายคำถาม
01:53:55 → 01:53:58 เนี่ยหรือเวลาที่เรากลับไปดูตารางแลบ
01:53:58 → 01:54:02 เนี่ยนะฮะนะเราก็จะมองกันแบบเนี้ยว่านึก
01:54:02 → 01:54:05 ไปเลยว่าคนเนี้ยรูปแบบของอาหารที่เขา
01:54:05 → 01:54:09 พรีเซนหรือว่าเแชร์มาเนี่ยนะหรือหรือราย
01:54:09 → 01:54:12 ละเอียดที่เป็นเนื้อหาสาระที่เขาโพสต์ว่า
01:54:12 → 01:54:15 เคกินอย่างงั้นอย่างนี้อะไรต่างๆเนี่ยมัน
01:54:15 → 01:54:18 น่าจะเป็นอาหารประเเภทไหนนะฮะอันที่ 1 ก็
01:54:18 → 01:54:22 คือต้องแยกแยะก่อนว่าโปรตีนเยอะไขมันเยอะ
01:54:22 → 01:54:26 นะหรือคาฟเยอะนะหรือผสมผสานกันแล้วเนี่ย
01:54:26 → 01:54:29 อะไรมากอะไรน้อยเป็นโลคาฟมั้เป็นคีโตมั้ย
01:54:29 → 01:54:33 เป็น cd หรือเกด CD อันที่ 2 ก็คือคิดว่า
01:54:33 → 01:54:37 นะปฏิกิริยาของพลังงานนะที่เอ้ยโทษที
01:54:37 → 01:54:40 ปฏิกิริยาของฮอร์โมนนะฮะเนี่ยจากพลังงาน
01:54:40 → 01:54:43 เนี่ยก็ไปฮอร์โมนแล้วฮอร์โมนที่จะมาออกคำ
01:54:43 → 01:54:46 สั่งเนี่ยนะน่าจะมีอะไรมาเป็นส่วนใหญ่
01:54:46 → 01:54:47 สะสมหรือเผาผ่า
01:54:48 → 01:54:53 นะแล้วก็ตัดตับจะเป็นยังไงนะฮะเ่อตับจะ
01:54:53 → 01:54:55 เกิดการเปลี่ยนแปลงยังไงตับหรือตับอ่อน
01:54:55 → 01:54:59 เนี่ยนะฮะนะถ้าเป็นกรณีแบบเนี้ยนะจะดื้อ
01:54:59 → 01:55:03 อินซูลินมั้ยจะอินซูลินอ่าอ่าฟังก์ชันมย
01:55:03 → 01:55:07 หรือว่าจะ sensitive หรือว่าจะ
01:55:07 → 01:55:09 resistance
01:55:09 → 01:55:11 ตไม่งั้นก็
01:55:11 → 01:55:18 คิอหรือจะเป็นการทำงานของฮอร์โมนต่างรูป
01:55:18 → 01:55:22 เทพแล้วสุดท้ายก็คืออวัยวะเหล่านี้เนี่ย
01:55:22 → 01:55:24 ในที่สุดแล้วมันจะเป็นยังไงตับเป็นยังไง
01:55:24 → 01:55:28 เ่าลำไส้ระบบน้ำดีเป็นยังไงแล้วก็กล้าม
01:55:28 → 01:55:31 เนื้อไทรรอยด์จะเป็นยังไงแต่กล้ามเนื้อ
01:55:31 → 01:55:33 กับไทรรอยด์เนี่ยมันก็จะเป็นอวัยวะที่จะ
01:55:33 → 01:55:38 มีบทบาทเ่อไปในช่วงท้ายๆนะฮะส่วนใหญ่ก็
01:55:38 → 01:55:41 เราจะดูที่ตับอ่อนกับตับโดยเฉพาะตับนะมี
01:55:41 → 01:55:46 บทบาทเยอะมากกว่ามากที่
01:55:46 → 01:55:49 สุดแล้วก็สุดท้ายเนี่ยค่าแลบึงได้ออกไป
01:55:49 → 01:55:53 เป็นอย่างเงี้ย Total คอสเตอนะ ldl hdl
01:55:53 → 01:55:58 ไกินนะแล้วเวลาเข้าอัตราส่วนต่างๆนะเอ่อ y
01:55:58 → 01:56:03 g เ่นะไหาด้วย hdl remnant Apple B
01:56:03 → 01:56:04 non hdl อะไร
01:56:04 → 01:56:09 เงี้แล้วก็แปลผลตีกลับนะว่าเออยูริกจะ
01:56:09 → 01:56:12 เป็นยังไงอัตราการเผาผลาญเป็นยังไงการ
01:56:12 → 01:56:16 สร้างกล้ามเนื้อสร้างได้มยนะฮะครับผมแล้ว
01:56:16 → 01:56:21 ก็ตับไตมันจะเป็นยังไงอือืครับ
01:56:21 → 01:56:24 ผมมีอะไร
01:56:24 → 01:56:26 อีกสงสัยอะไร
01:56:26 → 01:56:33 มั้ยไม่มีนะครับผมอยากคุยอยากถามอะไร
01:56:33 → 01:56:36 มั้ยก็มันจะเป็นเหมือนเรื่องเล่าเรื่อง
01:56:36 → 01:56:40 นึงอ่ะนะฮะนะว่าเค้ามองกันอย่างเงี้ยใน
01:56:40 → 01:56:44 รายละเอียดนะในรายละเอียดนะฮะแต่เวลามอง
01:56:44 → 01:56:48 จริงๆเนี่ยมันใช้มโนจิตน่ะแว๊บเดียวอ่ะนะ
01:56:48 → 01:56:51 ฮะใช่ครับผมจะมาเล่าให้ฟังอะไรอย่างเงี้ย
01:56:51 → 01:56:56 เค้าก็จะมีลำดับขั้นอะไรต่างๆแบบเนี้ยนะ
01:56:56 → 01:56:59 ฮทีนี้ถ้าเราไปตรวจไปเช็คอัพอะไรต่างๆ
01:56:59 → 01:57:03 เหล่าเนี้ยนะหมอต่างๆเก็ไม่มามองอย่างนี้
01:57:03 → 01:57:06 หรอกนะเไม่มาคิดถึงหรอกนะไม่แยกแยะพลัง
01:57:06 → 01:57:12 งานฮอร์โมนเรอนนะเ่าตับตับอ่อนอะไรอย่าง
01:57:12 → 01:57:17 เงี้ยนะหรือไทรรอยด์หรือลำไส้อะไรอย่าง
01:57:17 → 01:57:18 งี้หรอก
01:57:18 → 01:57:19 อ่า
01:57:19 → 01:57:21 พร้อมแจกครับ
01:57:21 → 01:57:26 ผมเออแต่เราเราอยู่ในฝั่งอีกฝั่งนึงที่
01:57:26 → 01:57:29 เป็นอย่างเงี้ยเป็นเรื่องหน่อของในทาง
01:57:29 → 01:57:34 ปฏิบัตินะฮะนะเราก็ต้องมองไปนะแต่ละเคส
01:57:34 → 01:57:36 แต่ละเคสที่เขเอามาโพสต์ถามเรื่องค่าแลบ
01:57:36 → 01:57:41 ก็ดีนะเรื่องการปฏิบัติตัวก็ดีแล้ว
01:57:41 → 01:57:45 ก็ก็เท่าที่เห็นนะฮะหลายๆเคสก็ก็เหมือน
01:57:45 → 01:57:48 กับว่าการโพสต์เนี่ยแล้วมันไม่มีคนอธิบาย
01:57:48 → 01:57:52 ลึกๆอ่ะนะแล้วพอเข้าตารางปุ๊บนะแล้วเสร็จ
01:57:52 → 01:57:54 แล้วเนี่ยผลมันออกมา
01:57:55 → 01:57:58 เนี่ยมันก็ค่อนข้างค้านน่ะนะสมมุติว่าเมา
01:57:58 → 01:58:02 ตอบว่าดีๆมากเลยทำยังไงเนี่ยหมอคงจะงงล่ะ
01:58:02 → 01:58:07 สิไปกินอะไรมาอู้ยเออน้ำหนักแจ๋วเลยอะไร
01:58:07 → 01:58:10 อย่างเงี้ยนะฮะครับผมแต่เลือดเ่ะเลือดมัน
01:58:10 → 01:58:14 ไม่แจ๋วอ่ะเวลาเข้าสารางเรานะฮะหรือไม่
01:58:14 → 01:58:17 รู้ตารางเราจะผิดหรือเปล่านะฮะคือหมอก็
01:58:17 → 01:58:20 อยากให้คิดน่ะนะฮว่า 1
01:58:20 → 01:58:21 คนเราเนี่ยนะ
01:58:21 → 01:58:25 อ่าคนเรามันเป็นอย่างนี้นะฮะนะสมมุติว่า
01:58:25 → 01:58:29 เราอ่ะร่างกายเนี่ยร่างกายไม่เปไม่ปกติ
01:58:29 → 01:58:32 ไม่แข็งแรงไม่ Healthy ไม่แข็งแรงแต่ผล
01:58:32 → 01:58:35 เลือดมันปกติอันนี้เราเจอได้เยอะมากใช่
01:58:35 → 01:58:38 มั้ยล่ะใช่ครับใช่ครับเราก็รู้ว่าเราไม่
01:58:38 → 01:58:41 ปกติเราถไม่ตรวจเลือดพอไปตรวจเลือด
01:58:41 → 01:58:45 investigate มาแล้วเฮ้ยผลเลือดปกตินะเออ
01:58:45 → 01:58:49 ก็เลยงงอ่ะนะนี่ในเมื่อผลเลือดปกติแล้ว
01:58:49 → 01:58:53 แหมหมอแปลผลจะไปแปลให้มันผิดปกติได้ยังไง
01:58:53 → 01:58:58 อ่ะก็ต้องสมยอมไปก็ปกตินะแต่เราก็รู้อยู่
01:58:58 → 01:59:02 แก่ใจอ่ะว่าเฮ้ยกูไม่ปกติหรอกกูอ้วนนะเออ
01:59:02 → 01:59:07 ครับผมเออกูสงสัยจะตับไม่ดีสงสัยจะอะไร
01:59:07 → 01:59:11 อย่างเงี้ยนะนะน้ำหนักเยอะอะไรต่างๆเหล่า
01:59:11 → 01:59:16 เนี้ยนะแต่ผลแหลบมันปกตินะฮะเพราะฉะนั้น
01:59:16 → 01:59:19 เนี่ยน้ำหนักของความเชื่อจริงๆแล้วเนี่ย
01:59:19 → 01:59:21 ก็คือต้องเชื่อร่างกายว่าเออร่างกายไม่
01:59:21 → 01:59:24 ปกติถ้าแลบมันปกติถ้าแลบมันไม่ปกติด้วยก็
01:59:24 → 01:59:28 โอเคนะมันก็ตอบโจทย์แหละถ้าแหบมันปกติ
01:59:28 → 01:59:31 เนี่ยงงแล้วไม่รู้แล้วจะแปลว่ายังไงก็
01:59:31 → 01:59:34 ร่างกายมันไม่ปกตินะฮะกับอันที่ 2 นะฮะ
01:59:34 → 01:59:39 อันที่ 2 ก็คือคือร่างกายปกตินะแต่แลบมัน
01:59:39 → 01:59:41 ผิดปกติ
01:59:41 → 01:59:46 อ้ามันจะหมายถึงอะไรเนี่ย
01:59:46 → 01:59:50 ฮึคือแลบมันผิดปกติอ่ะแต่ทำไมร่างกายมัน
01:59:50 → 01:59:51 รู้สึกปกติ
01:59:51 → 01:59:54 อ่ะะก็คือเนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยมันก็อยู่ใน
01:59:55 → 01:59:58 ในลักษณะของคนที่ว่าว่าผิดปกติมาฮะแล้วก็
01:59:58 → 02:00:02 เกิดมีการแก้ไขคืออาจจะได้ได้กลุ่มได้คำ
02:00:02 → 02:00:06 แนะนำหรือได้แนวทางโภชนาการแนวทางไสลแบ
02:00:06 → 02:00:10 แบบใหม่แบบในแนวเนี้ยอ่าอะไรอ่ะ If นี่
02:00:10 → 02:00:12 แหละฮะ intermittent fasting and
02:00:12 → 02:00:16 feeding นะอย่างเหมาะสมเนี่ยนะครับึพวก
02:00:16 → 02:00:19 นี้เนี่ยนะคุณอาจจะผิดปกติทั้งค่าแลบและ
02:00:19 → 02:00:23 อ่าและและสภาพร่างกายหรือสุขภาพหรือความ
02:00:23 → 02:00:26 Healthy ของคุณน่ะนะฮะแต่คุณอยู่ในแนว
02:00:26 → 02:00:29 ทางที่ถูกต้องอย่างเงี้ยนะไปเรื่อยๆแล้ว
02:00:29 → 02:00:33 เนี่ยร่างกายคุณปกติแต่แลบคุณยังผิดปกติ
02:00:33 → 02:00:36 อยู่เงี้ยนะนะนะอันนี้ก็ต้องมาคิดแล้วล่ะ
02:00:36 → 02:00:40 ว่าไอ้สิ่งที่เราดำเนินทางมาในแง่ของการ
02:00:40 → 02:00:43 มีสุขภาพดี If low C High fash อะไร
02:00:43 → 02:00:46 อย่างเงี้ยนะฮะมันมันขาดตกบกพร่องอะไร
02:00:46 → 02:00:49 หรือเปล่านะฮะนะมันต้องปรับอะไรอีกมั้ยนะ
02:00:49 → 02:00:52 ฮะเพื่อว่าที่หมายปลายทางสุดท้ายแล้วคือ
02:00:52 → 02:00:56 ร่างกายปกติแล้วแลบก็ปกตินะฮะเพราะว่า
02:00:56 → 02:00:59 สิ่งที่ถูกต้องที่สุดเลยคือร่างกายปกติ
02:00:59 → 02:01:04 แลบปกตินะฮะถ้าร่างกายปกติแล้วแลบไม่ปกติ
02:01:04 → 02:01:09 เนี่ยก็ต้องมาคุยหาสาเหตุหารายละเอียดนะ
02:01:09 → 02:01:11 แล้วก็อธิบาย
02:01:11 → 02:01:15 นะครับคือมันก็มีส่วนน้อยนะหมอว่าที่ว่า
02:01:15 → 02:01:18 ใช่ร่างกายมันปกติไปก่อนแต่ตอนเแลบมันยัง
02:01:18 → 02:01:21 ไม่ฟื้นมันยังไม่คืนยังไม่
02:01:21 → 02:01:25 ปกติแต่ถ้า Follow up ไปแล้ว 2 ครั้งก็
02:01:25 → 02:01:28 แล้ว 3 ครั้งก็แล้วเฮ้ยนะเอ่อเหมือนร่าง
02:01:28 → 02:01:31 กายปกติแต่แลปไม่ปกติสักทีอ่ะมันเป็นไป
02:01:31 → 02:01:34 ไม่ได้นะเพราะคนร่างกายปกติแลบก็น่าจะ
02:01:34 → 02:01:39 ปกติอ่ะนะผมถ้าถึงที่สุดแล้ว
02:01:39 → 02:01:46 เนี่ยก็จบแหละนะครับผมโอเคครับขอบคุณมาก
02:01:46 → 02:01:52 ครับเออๆนะขอคมาครับผมครับสวัสดี
02:01:52 → 02:02:08 [เพลง]
02:02:17 → 02:02:19 ครับ
02:02:19 → 02:02:23 [เพลง]
02:02:23 → 02:02:26 H