00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับผมคิดว่าหลายคนนะครับเคยไป
00:00:02 → 00:00:06 เที่ยวตามป่าตามเขาธรรมชาติต่างๆแล้วก็มี
00:00:06 → 00:00:09 ความรู้สึกว่าเออมันสบายใจจังเลยนะครับสด
00:00:09 → 00:00:13 ใสอารมณ์ผ่อนคลายนอนหลับก็สบายนะครับแล้ว
00:00:13 → 00:00:16 ก็รู้สึกสุขภาพโดยรวมเนี่ยมันดีขึ้นนะ
00:00:16 → 00:00:19 ครับอันเนี้ยมันมีหลักการทางวิทยาศาสตร์
00:00:19 → 00:00:22 ซึ่งวันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังนะครับแล้วมัน
00:00:22 → 00:00:24 เป็นปรากฏการณ์อันนึงซึ่งผมอยากจะอธิบาย
00:00:24 → 00:00:27 ลงรายละเอียดให้ทุกๆคนทราบด้วยนะครับ
00:00:27 → 00:00:31 อันเนี้ยที่ต่างประเทศที่ญี่ปุ่นหรือแม้
00:00:31 → 00:00:33 กระทั่งปัจจุบันนี้ในประเทศไทยก็เริ่มมี
00:00:33 → 00:00:35 คนให้ความสนใจกับเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว
00:00:36 → 00:00:38 นะครับมันเป็นเรื่องของการที่เราเข้าหา
00:00:38 → 00:00:42 ธรรมชาติหรือที่เรียกกันว่าการอาบป่านั่น
00:00:42 → 00:00:44 เองนะครับที่ภาษาญี่ปุ่นเขาเรียกว่า
00:00:44 → 00:00:47 ชินรินโยคุนะครับวันนี้ก็จะมาเล่าเรื่อง
00:00:47 → 00:00:50 นี้ให้ฟังว่ามันดียังไงนะครับรวมทั้งถ้า
00:00:50 → 00:00:53 เราจะต้องไปอาบป่าต้องอาบนานแค่ไหนทำบ่อย
00:00:53 → 00:00:55 แค่ไหนถึงจะได้ประโยชน์แล้วถ้าเราไปป่า
00:00:55 → 00:00:58 ไม่ได้มันมีวิธีทดแทนอย่างไรบ้างนะครับพบ
00:00:58 → 00:01:01 กับผมนะครับนายแพทย์ธานีธนียวันเป็น
00:01:01 → 00:01:02 อาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
00:01:03 → 00:01:05 เชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤต
00:01:05 → 00:01:09 บำบัดนะครับเรื่องของการอาบป่าชินรินโยคุ
00:01:09 → 00:01:13 นะครับของประเทศญี่ปุ่นแล้วก็ทางต่าง
00:01:13 → 00:01:16 ประเทศเนี่ยเคมีการศึกษานะครับว่าตัวต้น
00:01:16 → 00:01:19 ไม้นะครับโดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่แล้วก็พืช
00:01:20 → 00:01:23 ประเภทสนต่างๆเนี่ยจะมีการสร้างสารตัวนึง
00:01:23 → 00:01:27 ออกมาสารนี้เนี่ยชื่อว่าไอไซนะครับไนไซ
00:01:28 → 00:01:31 เนี่ยมันเป็นสารที่มีหลายพันชนิดเลยที
00:01:31 → 00:01:35 เดียวนะครับแต่ว่ามันมีบางชนิดที่เรามี
00:01:35 → 00:01:38 การศึกษาเป็นพิเศษนะฮะสารไฟต้นทรายตัวนี้
00:01:38 → 00:01:41 มันคืออะไรนะครับมันก็เป็นน้ำมันของพืช
00:01:41 → 00:01:44 ที่พืชมันผลิตออกมาเพื่อที่จะป้องกันตัว
00:01:44 → 00:01:47 มันเองจากการรุกรานต่างๆจากเชื้อ
00:01:47 → 00:01:50 แบคทีเรียเชื้อราแมลงบางอย่างนะครับนะฮะ
00:01:51 → 00:01:53 แล้วมันก็ไม่ได้อยู่เฉพาะในตัวพืชอย่าง
00:01:53 → 00:01:56 เดียวนะครับต้นไม้พวกนี้เนี่ยมันมักจะ
00:01:56 → 00:01:59 ปล่อยนะครับไอ้ตัวน้ำมันตัวเนี้ยออกมา
00:01:59 → 00:02:02 ล่องลอยในอากาศทำให้สามารถที่จะลดปริมาณ
00:02:02 → 00:02:06 แบคทีเรียในอากาศเหล่านั้นลงไปได้นะครับ
00:02:06 → 00:02:09 ไม่ใช่มีประโยชน์แค่ตัวพืชเพียงอย่าง
00:02:09 → 00:02:12 เดียวแต่ว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในป่าก็จะ
00:02:12 → 00:02:14 ได้รับประโยชน์จากสารไฟออนไซตัวนี้ไปด้วย
00:02:15 → 00:02:19 นะครับนี่คือที่มาของความมหัศจรรย์จากการ
00:02:19 → 00:02:22 ที่เราไปป่านะครับเพราะว่าหลายคนผมคิดว่า
00:02:22 → 00:02:25 เออการไปป่ามันก็ทำให้เรารู้สึกสบายใจดี
00:02:25 → 00:02:27 ได้ไปอาบแดดได้ไปอยู่กับธรรมชาตินะครับ
00:02:27 → 00:02:29 แต่มันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะเลยนะครับวัน
00:02:29 → 00:02:31 นี้นี้เรามาอธิบายกันเรื่องของ
00:02:31 → 00:02:34 วิทยาศาสตร์กันบ้างนะครับสันไฟตนไซนนะ
00:02:34 → 00:02:37 ครับต้องบอกอย่างนี้ก่อนว่าต้นไม้แต่ละ
00:02:37 → 00:02:39 ชนิดเนี่ยมันมีไฟตอนไซนที่ไม่เหมือนกันนะ
00:02:39 → 00:02:42 ครับแล้วไฟตอนซนที่ออกมาเนี่ยก็อาจจะมี
00:02:42 → 00:02:45 หลายชนิดในต้นไม้ชนิดเอ่อต้นไม้คนละชนิด
00:02:45 → 00:02:49 ก็ได้นะครับบางชนิดเนี่ยปล่อยสารไฟตไซน์
00:02:49 → 00:02:52 ออกมาบางชนิดไม่ปล่อยนะครับชนิดที่ปล่อย
00:02:52 → 00:02:54 เนี่ยยกตัวอย่างเช่นพวกต้นสนต้นโปรงต่างๆ
00:02:54 → 00:02:57 นะครับแล้วก็พวกไม้ยืนต้นที่มันสามารถ
00:02:58 → 00:03:00 ผลัดใบได้พวกนี้ก็จะปล่อยสันไฟต้นทรายออก
00:03:00 → 00:03:02 มาแต่ว่าแน่นอนว่าเนื่องจากเป็นต้นไม้คน
00:03:02 → 00:03:04 ละชนิดมันก็จะปล่อยออกมาคนละอย่างกันนะ
00:03:04 → 00:03:07 ครับแต่มันก็จะมีบางอย่างที่ไม่ปล่อยออก
00:03:07 → 00:03:11 มาเช่นกระเทียมอ่าพวกขิงพวกขาพวกนี้ก็มี
00:03:11 → 00:03:13 เหมือนกันในตัวของมันเองแต่มันไม่ปล่อย
00:03:13 → 00:03:16 แปลว่าพวกนั้นเราต้องกินมันเข้าไปนะครับ
00:03:16 → 00:03:19 ทีนี้สารไฟทอไซที่ได้รับการศึกษามากที่
00:03:19 → 00:03:22 สุดนะครับก็จะเป็นสารไฟทอไซที่ออกมาจาก
00:03:22 → 00:03:26 ต้นสนนะฮะคือสารชื่อว่าไพนีนนะครับตัว
00:03:26 → 00:03:30 ไพนีนเนี่ยมีการศึกษาเยอะมากเลยนะครับ
00:03:30 → 00:03:32 แล้วมันก็มีสารอื่นๆที่อยู่ในสนเหมือนกัน
00:03:32 → 00:03:36 ไพนีนจะมีแอลฟ่าไพนีนเบต้าไพนีนนะครับมี
00:03:36 → 00:03:39 สารตัวอื่นอเช่นเซีนนะครับลิโมนีนพวกนี้
00:03:40 → 00:03:41 เป็นต้นนะครับแต่ว่าไพนีเนี่ยจะเป็นตัว
00:03:41 → 00:03:45 ที่ได้รับการศึกษาเยอะที่สุดนะครับถามว่า
00:03:45 → 00:03:48 มันไปทำอะไรกับร่างกายนะครับตัวมันเอง
00:03:48 → 00:03:51 เนี่ยมันเป็นสารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ
00:03:51 → 00:03:54 ด้วยนะครับลดการอักเสบของร่างกายแล้วมัน
00:03:54 → 00:03:57 ก็สามารถที่จะฆ่าเชื้อโรคในอากาศนะครับ
00:03:57 → 00:04:00 ค่าเชื้อโรคที่มันมาพยายามจะกัดกินพืชพวก
00:04:00 → 00:04:02 นี้นะครับทำให้เชื้อโรคไม่สามารถเจริญ
00:04:02 → 00:04:05 เติบโตได้นะครับเป็นการป้องกันตัวเองคน
00:04:05 → 00:04:08 เราเวลาสูดสารไพนีนเข้าไปในร่างกายเนี่ย
00:04:08 → 00:04:11 มันมีผลหลายอย่างมากอย่างแรกนะครับมันไป
00:04:11 → 00:04:15 ลดฮอร์โมนความเครียดของเราก็คือลดคิอของ
00:04:15 → 00:04:19 เราลดรนารีของเราลงนะครับทำให้ความเครียด
00:04:19 → 00:04:23 มันลดลงนะฮะแล้วมันไปกระตุ้น GB receptor
00:04:23 → 00:04:25 a นะครับ cara receptor เนี่ยมันเป็น
00:04:25 → 00:04:29 เอ่อตัวรับตัวหนึ่งของอ่าสมองนะครับที่
00:04:29 → 00:04:31 ถ้ามีการกระตุ้นปุ๊บมันจะทำให้เรารู้สึก
00:04:31 → 00:04:34 ผ่อนคลายนอนหลับได้ง่ายนะครับการมีการที่
00:04:34 → 00:04:39 เรามีตัวอ่าไพนีเนี่ยมันจะทำให้เรามีสมอง
00:04:39 → 00:04:42 ที่ผ่อนคลายจิตใจจะแจ่มใสนะครับอ่าแล้ว
00:04:42 → 00:04:45 มันก็ไปกระตุ้นระบบประสาทอันหนึ่งซึ่ง
00:04:45 → 00:04:47 เรียกว่า parasympathetic nervous
00:04:47 → 00:04:50 System นะครับคนเราเนี่ยประสบระบบประสาท
00:04:50 → 00:04:52 อัตโนมัติเนี่ยมันจะมี 2 แบบนะครับแบบนึง
00:04:52 → 00:04:54 เรียกว่า parasympathetic nervous
00:04:54 → 00:04:56 System และอีกแบบนึงคือ sympathetic
00:04:56 → 00:04:58 nervous System parasympathetic
00:04:58 → 00:05:00 nervous System ถ้าถูกกระตุ้นนะครับ
00:05:00 → 00:05:03 ด้วยสารไพนีตัวเนี้ยมันจะทำให้เรามีความ
00:05:03 → 00:05:07 สงบสบายนะครับมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะกับ
00:05:07 → 00:05:11 การย่อยอาหารนะครับการขับถ่ายต่างๆแต่ใน
00:05:11 → 00:05:14 ขณะที่ถ้ามีการกระตุ้นระบบประสาท
00:05:14 → 00:05:16 อัตโนมัติแบบ sympathetic nervous
00:05:16 → 00:05:18 System เนี่ยมันจะถูกกระตุ้นในเวลาที่
00:05:18 → 00:05:21 เรามีภัยนะครับเช่นว่าเรากำลังเจอสัตว์
00:05:21 → 00:05:24 ร้ายเรากำลังเจอเรื่องเครียดเราก็จะต้อง
00:05:24 → 00:05:27 มีการเพิ่มความดาโลหิตเพิ่มการเต้นของหัว
00:05:27 → 00:05:30 ใจนะครับเราจะต้องไม่อยากอาหารเราจะต้อง
00:05:30 → 00:05:32 อยู่ในโหมดที่พร้อมที่จะต่อสู้กับสิ่งที่
00:05:32 → 00:05:34 เป็นภัยกับร่างกายเราได้ซึ่งถ้าเราอยู่ใน
00:05:34 → 00:05:37 โหมดนั้นนานๆเนี่ยมันก็จะเป็นผลเสียต่อ
00:05:37 → 00:05:40 ร่างกายนะครับการที่เราไปอยู่ตามป่าตาม
00:05:40 → 00:05:43 เขาพวกนี้มันก็จะมีสารตัวเนี้ยนะครับไพนี
00:05:43 → 00:05:46 เนี่ยกระตุ้นทำให้เราเนี่ยมีความผ่อนคลาย
00:05:46 → 00:05:48 มากขึ้นนะครับด้วยกลไกหลายๆอย่างอย่างที่
00:05:48 → 00:05:50 ว่าไป 1 เรื่องของการกระตุ้น
00:05:50 → 00:05:59 parasympathetic
00:05:59 → 00:06:00 ซแล้วก็
00:06:00 → 00:06:05 รนีแต่แค่นั้นยังไม่พอครับมันมีกลไกพิเศษ
00:06:06 → 00:06:09 อันนึงซึ่งสารตัวนี้เนี่ยมันจะไปกระตุ้น
00:06:09 → 00:06:11 เซลล์ชนิดหนึ่งของร่างกายของเราได้เรา
00:06:11 → 00:06:14 เรียกเซลล์ตัวนี้ว่า NK cell หรือ
00:06:14 → 00:06:16 Natural cer Cell มันเป็นเม็ดเลือดขาว
00:06:16 → 00:06:19 ชนิดหนึ่งนะครับที่มีหน้าที่เอาไว้กำจัด
00:06:19 → 00:06:22 เซลล์มะเร็งหรือเซลล์ซึ่งติดเชื้อไวรัสนะ
00:06:22 → 00:06:25 ครับเซลล์ตัวนี้โดยปกติในร่างกายเรามี
00:06:25 → 00:06:27 อยู่แล้วนะครับแล้วมันมีหน้าที่มาวิ่งไป
00:06:27 → 00:06:30 ตามส่วนต่างๆของร่างกายเราดูซิว่าไอ้
00:06:30 → 00:06:32 เซลล์ปกติในร่างกายของเราเนี่ยมันมีปัญหา
00:06:32 → 00:06:35 ไมนะครับถ้ามันมีปัญหาเช่นมันมีไวรัสซ่อน
00:06:35 → 00:06:37 อยู่ในเซลล์ไอ้ NK เซลล์ตมันมาเกาะปุ๊บ
00:06:38 → 00:06:40 มันก็จะทำลายเซลล์ตัวนี้ทิ้งไปถ้าเกิดว่า
00:06:40 → 00:06:44 เราดันไปเจอมะเร็งนะครับ NK เซลวิ่งมาเจอ
00:06:44 → 00:06:47 ตัวนี้ก็จะทำลายเซลล์ตัวนี้ทิ้งไปนะครับ
00:06:47 → 00:06:51 NK เซลล์เนี่ยมันมีหลากหลายชนิดนะครับ
00:06:51 → 00:06:53 หลากหลายชนิดบางชนิดก็จะไม่ทำอะไรบางชนิด
00:06:53 → 00:06:55 ก็จะมีหน้าที่จัดการกับไอ้สิ่งพวกนี้นะ
00:06:55 → 00:06:58 ครับแล้วคำถามก็คือเอ๊ะ NK แซเนี่ยมันรู้
00:06:58 → 00:07:01 ได้ยังไงว่าวเซลล์ไหนควรจะทำลายนะครับ
00:07:01 → 00:07:03 ต้องบอกอย่างนี้ครับเวลาเซลล์ของเราเนี่ย
00:07:03 → 00:07:06 มีความผิดปกตินะครับมันก็จะมีการสร้าง
00:07:06 → 00:07:10 โปรตีนที่แปลกประหลาดไปนะครับแปลกประหลาด
00:07:10 → 00:07:12 ยังไงอ่ะถ้าเรามีการติดเชื้อไวรัสก็จะมี
00:07:12 → 00:07:15 โปรตีนของไวรัสซึ่งเราสร้างขึ้นมานะครับ
00:07:15 → 00:07:18 เพราะไวรัสมันเป็นยังไงมันเข้าไปในเซลล์
00:07:18 → 00:07:20 เราสั่งให้เซลล์เราเนี่ยผลิตชิ้นส่วนของ
00:07:20 → 00:07:23 มันออกมาเยอะๆนะครับจะได้เอามาประกอบเป็น
00:07:23 → 00:07:25 ไวรัสแล้วก็แตกออกไปจากเซลล์ไปติดกับ
00:07:25 → 00:07:28 เซลล์อื่นไปติดเชื้อที่เซลล์อื่นนะครับ
00:07:28 → 00:07:31 ดังนั้นเนี่ยเมื่อเมื่อเซลล์เราผลิต
00:07:31 → 00:07:34 โปรตีนของไวรัสออกมาเยอะๆมันจะไปจับกับ
00:07:35 → 00:07:38 ตัวตัวนึงเป็นตัวรับเราเรียกว่า mhc
00:07:38 → 00:07:41 Class 1 นะครับ Major hist compatible
00:07:41 → 00:07:44 Complex Class ที่ 1 หรืออีกชื่อนึงของ
00:07:44 → 00:07:46 มันก็คือ hla นะครับ Human leucite
00:07:46 → 00:07:49 antigen นะะตัวเมันจะจับกับโปรตีนภายใน
00:07:49 → 00:07:52 เซลล์แล้วเอาออกมาที่ผิวเซลล์แล้วพอมัน
00:07:52 → 00:07:54 ออกมาเนี่ยมันจะเหมือนเป็นการโบกธงว่า
00:07:54 → 00:07:57 เฮ้ยชันมีความผิดปกตินะไอ้ NK เซลลมาเห็น
00:07:58 → 00:08:00 ธงตัวนี้มันจับแล้วก็จะทำลายเซลล์นี้ทิ้ง
00:08:00 → 00:08:03 มะเร็งก็เช่นเดียวกันนะครับถ้าเมื่อไหร่
00:08:03 → 00:08:05 มีมะเร็งเนี่ยไอ้ตัว msc Class 1 นี่จะ
00:08:05 → 00:08:08 ออกมาเต็มผิวไปหมดเลยทำให้ NK เซลล์มา
00:08:08 → 00:08:10 เห็นอุ๊ยนี่ประลาดแล้วต้องจัดการทิ้งนะ
00:08:10 → 00:08:13 ครับแต่ถ้าเกิดว่าเป็นเซลล์ปกติเนี่ย msc
00:08:13 → 00:08:15 ตัวนี้ก็ยมีเหมือนกันนั่นแหละแต่มันเป็น
00:08:15 → 00:08:18 mhc ซึ่งมีโปรตีนปกติของเซลล์ดังนั้น
00:08:18 → 00:08:21 เมื่อ NK เซลล์มาเห็นตัวนี้โอ้หน้าตามัน
00:08:21 → 00:08:23 ปกติดีแล้วก็ปล่อยมันไปไม่ต้องสนใจนะครับ
00:08:23 → 00:08:27 นี่คือกลไกการทำงานของ N เซลล์ทีนี้การ
00:08:27 → 00:08:31 อาบป่าเนี่ยถ้าเราได้สารตัวนี้ไปนะครับ
00:08:31 → 00:08:35 ไพนีเนี่ยมีการทดลองว่ามันสามารถเพิ่ม
00:08:35 → 00:08:38 จำนวน NK เซลล์ได้แล้วไม่ใช่แค่นั้นครับ
00:08:38 → 00:08:42 ไม่ใช่แค่เพิ่ม nkc นะครับแต่เป็นการ
00:08:42 → 00:08:46 เพิ่มประสิทธิภาพของ nkc ให้มันมีสูงขึ้น
00:08:46 → 00:08:49 นะฮะไม่ใช่แค่ปริมาณนะครับแต่เป็นปริมาณ
00:08:49 → 00:08:54 และคุณภาพรวมทั้งเลือกแต่ nkc ซึ่งมันมี
00:08:54 → 00:08:56 ความสามารถสูงมารวมกันนะครับจากการ
00:08:56 → 00:08:59 กระตุ้นตัวนี้แล้วในญี่ปุ่นก็มีมีงาน
00:08:59 → 00:09:02 วิจัยเหมือนกันนะครับที่บอกว่าให้คนออกมา
00:09:02 → 00:09:04 2 กลุ่มกลุ่มนึงเนี่ยไปเที่ยวป่าอีก
00:09:05 → 00:09:06 กลุ่มนึงไปเที่ยวเมืองนะครับแล้วเจอว่า
00:09:06 → 00:09:09 ไอ้คน 2 กลุ่มเนี้ยคนกลุ่มที่ไปเที่ยวป่า
00:09:09 → 00:09:11 เนี่ยมีการกระตุ้น NK เซลล์ได้มากกว่านะ
00:09:11 → 00:09:13 ครับแต่ในการทดลองครั้งนี้เค้าไม่ได้ทด
00:09:14 → 00:09:16 ลองกับศารไพนีนเค้าทดลองกับธรรมชาติโดย
00:09:16 → 00:09:19 รวมนะครับธรรมชาติโดยรวมหมายความว่าเออ
00:09:19 → 00:09:21 ให้เดินเข้ามาในป่าในป่าเนี่ยอาจจะมีสาร
00:09:21 → 00:09:25 ไฟตอนไซยหลายชนิดรวมทั้งศาลไพนีนี้ด้วยนะ
00:09:25 → 00:09:28 ครับก็จะเป็นการรวมๆทุกอย่างนะก็เจอว่า
00:09:28 → 00:09:30 เฮ้ยถ้าเราไปเที่ยวป่ากับเราเที่ยวเมือง
00:09:30 → 00:09:32 ทุกคนก็มีความสุขเหมือนกันเพราะว่ามันได้
00:09:32 → 00:09:34 หยุดได้ไปเที่ยวถูกมั้ยครับอ่ะอยู่ใน
00:09:34 → 00:09:36 เมืองเราก็อาจจะไปเล่นเกมไปช้อปปิ้งไปทำ
00:09:36 → 00:09:40 อะไรก็แล้วแต่นะครับเออเราก็มีความสุข
00:09:40 → 00:09:44 แต่ต่อให้ 2 คนเนี้ยมันคนนึงไปป่าคนนึงไป
00:09:44 → 00:09:47 เมืองมีความสุขเท่ากันแต่คนที่ไปป่าเนี่ย
00:09:47 → 00:09:49 จะมีระบบภูมิต้านทานเรื่องของ nk เซลล์
00:09:49 → 00:09:53 ที่ดีกว่าคนที่ไปในเมืองนะครับเราเจอใน
00:09:53 → 00:09:56 ส่วนนี้มาค่อนข้างที่จะเยอะนะฮะก็เลยมี
00:09:56 → 00:09:59 งานวิจัยตัวเนี้ยที่ทำให้เราสนใจว่าเออ
00:09:59 → 00:10:02 นอกเหนือจากมันช่วยทำให้เราสบายใจนอนหลับ
00:10:02 → 00:10:04 ก็ดีสภาพจิตใจก็ดีมันยังทำให้ร่างกายของ
00:10:04 → 00:10:07 เราแข็งแรงมากขึ้นด้วยอีกต่างหากนะครับ
00:10:07 → 00:10:10 นี่ตรงเนี้ยเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆที่อยาก
00:10:11 → 00:10:14 จะให้รู้นะครับทีนี้คำถามต่อมาครับว่าเออ
00:10:14 → 00:10:17 แล้วมันต้องไปป่าแบบไหนล่ะญี่ปุ่นป่ามัน
00:10:17 → 00:10:19 ก็ไม่เหมือนประเทศไทยนี่หว่าใช่มั้ยป่า
00:10:19 → 00:10:23 ญี่ปุ่นมีอะไรป่าไผ่ป่าสนป่าอะไรป่า
00:10:23 → 00:10:26 เต็งรังป่าต้นไม้นะครับถ้าไปที่อเมริกา
00:10:26 → 00:10:29 อ่ะมันมีบางที่มันมีต้นสนบางทีมีต้นโอ๊ค
00:10:29 → 00:10:31 มันที่มีต้นอะไรก็ไม่รู้มันจะได้ผลเหมือน
00:10:31 → 00:10:33 กันหรือเปล่านะครับก็ต้องบอกว่าจริงๆแล้ว
00:10:33 → 00:10:38 เนี่ยมันได้ผลคล้ายกันคล้ายกันนะครับป่า
00:10:38 → 00:10:41 สนเนี่ยเราจะเรียกว่า coniferous Forest
00:10:41 → 00:10:44 นะครับก็คือมีพวกต้นสนต้นโปรงหรือว่าต้น
00:10:44 → 00:10:46 อะไรก็แล้วแต่ที่มันไม่มีการผลัดใบตาม
00:10:46 → 00:10:50 ฤดูกาลต่างๆนะครับกับป่าอีกแบบนึงคือป่า
00:10:50 → 00:10:54 ที่มีการผลัดใบของต้นไม้ก็คือสนเนี่ยใบ
00:10:54 → 00:10:55 มันจะเป็นเหมือนแท่งแท่งเป็นเข็มอย่างนี้
00:10:55 → 00:10:58 ใช่มั้ยฮะแต่ว่าถ้าป่าที่มันมีการผลัดใบ
00:10:58 → 00:11:01 เนี่ยใบมันจะเป็นป้านๆนะเหมือนใบไม้บ้าน
00:11:01 → 00:11:02 เรานี่แหละแล้วมันร่วงอมาได้นะครับ
00:11:03 → 00:11:07 อันเนี้ยเราจะเรียกว่า deciduous Forest
00:11:07 → 00:11:09 นะครับ des Forest เนี่ยคือใบมันจะเป็น
00:11:09 → 00:11:11 ใบใหญ่ๆไม่ใช่ใบเหมือนเข็มแล้วมันจะร่วง
00:11:11 → 00:11:16 นะครับเพบว่าป่าเรื่องของใบใหญ่ๆที่มัน
00:11:16 → 00:11:19 ร่วงได้แล้วเปลี่ยนไปตามฤดูกาลเนี่ยมันจะ
00:11:19 → 00:11:22 มีความหลากหลายในการต่อต้านแบคทีเรียได้
00:11:22 → 00:11:26 มากกว่าป่าสนอย่างไรก็ตามทั้ง 2 ป่าเนี่ย
00:11:26 → 00:11:28 มันได้ผลประมาณเดียวกันถ้าเราเข้าไปสูด
00:11:28 → 00:11:32 เอาไฟทรายนะครับแต่แน่นอนถ้าเราไปป่าที่
00:11:32 → 00:11:36 มันรกทึบอันนี้อาจจะมีปัญหานะครับเพราะ
00:11:36 → 00:11:40 ว่าการที่ใบไม้มันร่วงมากองอยู่ที่พื้น
00:11:40 → 00:11:42 เยอะๆนะครับมันจะมีการย่อยสลายโดย
00:11:42 → 00:11:44 แบคทีเรียนะครับหรือว่ามีน้ำที่อยู่ข้าง
00:11:44 → 00:11:47 ล่างตรงเนี้ยมันจะส่งสารอันนึงที่ทำให้
00:11:47 → 00:11:50 เราดมเข้าไปแล้วอาจจะมีปัญหาได้นะครับดัง
00:11:50 → 00:11:52 นั้นเป็นข้อเตือนข้อนึงสำหรับคนที่จะไป
00:11:52 → 00:11:55 ป่าพวกนี้นะฮะถ้าจะไปป่าอย่าไปตรงที่มัน
00:11:55 → 00:11:58 มีใบไม้ทับถมกันเต็มไปหมดเอาตรงที่มัน
00:11:58 → 00:12:01 โล่งๆจะดีที่สุดนะครับแต่ยังไงก็ตามป่า
00:12:01 → 00:12:04 ทั้ง 2 อันนี้หรือไม่ว่าจะเป็นป่าไผ่ป่า
00:12:04 → 00:12:07 อะไรก็แล้วแต่มันได้ผลค่อนข้างที่จะดี
00:12:07 → 00:12:09 ตราบใดก็ตามที่แถวนั้นมันยังมีต้นไม้อยู่
00:12:09 → 00:12:11 นะครับ
00:12:11 → 00:12:15 อ่าคำถามต่อมาเอ้ยแล้วถ้าเราจะไปป่ามัน
00:12:15 → 00:12:17 ต้องไปนานแค่ไหนล่ะถึงจะได้ประโยชน์ตรง
00:12:17 → 00:12:21 นี้เออต้องไปนานแค่ไหนนะครับก็ต้องบอกว่า
00:12:21 → 00:12:24 ในการทดลองเนี่ยนะครับมีคนทดลองตั้งแต่
00:12:24 → 00:12:27 แบบให้ไปวันละ 2 ช่วโมงนะครับบางคนก็บอก
00:12:28 → 00:12:30 ว่าเฮ้ยไป 1 ช่วโมงถึงจะได้ประโยชน์นะ 1-2
00:12:31 → 00:12:34 ชมโดยประโดยประมาณนะครับก็หลายวันต่อ
00:12:34 → 00:12:36 สัปดาห์แต่ทีนี้มันก็จะมีคำถามขึ้นมาแล้ว
00:12:36 → 00:12:39 เฮ้ยเออเราต้องไปหลายวันต่อสัปดาห์เลย
00:12:39 → 00:12:42 เหรอนะครับเราก็ต้องไปดูรายละเอียดย่อยๆ
00:12:42 → 00:12:45 ในงานวิจัยอีกเหมือนกันก็คือคนที่เข้าไป
00:12:45 → 00:12:47 แล้วเนี่ยไอ้ผลทางด้านภูมิต้านทานเรื่อง
00:12:47 → 00:12:51 nkc เนี่ยไปครั้งนึงมันจะอยู่ประมาณสัก
00:12:51 → 00:12:53 อาทิตย์นึงนะครับสมมุติว่าเราไปวัน
00:12:53 → 00:12:56 อาทิตย์นะครับไปป่าครั้งนึง 2 ชั่วโมง
00:12:56 → 00:12:59 ปุ๊บเนี่ยไอ้ภูมิต้านทานเรื่องของ nk เซ
00:12:59 → 00:13:02 ที่ได้รับการบูสจากต้นไม้ต่างๆจากสารไฟ
00:13:02 → 00:13:05 ทอไซพวกเนี้ยมันจะอยู่กับเราไปได้อีก 1
00:13:05 → 00:13:08 อาทิตย์ดังนั้นคุณอาจจะไปแค่อาทิตย์ละ 1
00:13:08 → 00:13:11 ครั้งก็เป็นได้นะครับอาทิตย์ละ 1 ครั้งก็
00:13:11 → 00:13:14 สามารถที่จะทำให้คุณสามารถมีภูมิต้านทาน
00:13:14 → 00:13:17 ที่ดีแล้วก็เข้าไปสู่ธรรมชาติต่างๆได้นะ
00:13:18 → 00:13:21 ครับเมื่อกี้ผมขอเล่าเพิ่มเตินนิดนึงแล้ว
00:13:21 → 00:13:24 กันเรื่องของ nk Cell นะฮะเรื่องของ nkc
00:13:24 → 00:13:27 เนี่ยที่มันโดนอ่าสารไนไซ Boost ทำให้มัน
00:13:27 → 00:13:29 แข็งแรงแล้วก็ไปจัดการกับพวกเอ่อมะเร็ง
00:13:30 → 00:13:32 หรือเซลล์ซึ่งมันมีการติดเชื้อไวรัสได้
00:13:32 → 00:13:34 เนี่ยโดยตัวมันเองเนี่ยปัจจุบันในทางการ
00:13:34 → 00:13:37 แพทย์ผมเห็นหลายคนก็เคยมาถามผมนะครับว่า
00:13:37 → 00:13:40 เดี๋ยวเมันมี NK Cell therapy นะครับ NK
00:13:40 → 00:13:43 Cell transplant พวกนี้มันจะดีหรือ
00:13:43 → 00:13:45 เปล่านะครับก็ต้องขอบอกอย่างนี้ก่อนนะ
00:13:45 → 00:13:48 ครับ NK Cell ในทางการแพทย์ที่เราใช้กัน
00:13:48 → 00:13:52 นี้อ่าจะเป็นอันนึงซึ่งเรียกว่า Car NK
00:13:52 → 00:13:55 Cell นะครับบางคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า Car
00:13:55 → 00:13:57 T Cell แต่ Car นี่คือ chimeric
00:13:57 → 00:13:59 antigen receptor NK Cell ก็คือเอา NK
00:13:59 → 00:14:02 เซลลของเราออกมานี่แหละแล้วใช้ genetic
00:14:02 → 00:14:04 engineering ไปเปลี่ยนตัวรับของมันให้
00:14:04 → 00:14:07 สามารถไปวิ่งจับมะเร็งได้นะครับเพื่อให้
00:14:07 → 00:14:09 มันสามารถเข้าไปทำลายมะเร็งได้เรามีที่
00:14:09 → 00:14:12 ใช้ในทางการแพทย์กับมะเร็งบางชนิดนะครับ
00:14:12 → 00:14:15 ไม่ใช่ทุกชนิดเราจะใช้แบบนี้นะมันมีข้อดี
00:14:16 → 00:14:19 กว่า Car T เซลลตรงที่ว่า Car NK เซลล์
00:14:19 → 00:14:22 เนี่ยมันไม่ค่อยกระตุ้นไซโตไคน์ต่างๆนะ
00:14:22 → 00:14:25 ครับไซโตไคน์ก็คือสารการอักเสบถ้ามันมี
00:14:25 → 00:14:28 เยอะร่างกายก็จะเกิดปัญหาต่างๆตามมามาก
00:14:28 → 00:14:31 มายได้เช่นอาจจะมีปัญหาต่อสมองต่อการหาย
00:14:31 → 00:14:34 ใจทำให้มันแย่ได้ดังนั้นเวลาที่ใครเคย
00:14:34 → 00:14:36 อยู่โรงพยาบาลที่เขามีการใช้ Car T Cell
00:14:36 → 00:14:39 therapy เนี่ยคนไข้เนี่ยบางทีมาด้วยปอด
00:14:39 → 00:14:42 อักเสบนะครับมีภาวะใกล้เหมือนจะช็อกอย่าง
00:14:42 → 00:14:44 เงี้เราอาจจะต้องให้ยาไปแก้ไขนะอาจจะต้อง
00:14:44 → 00:14:48 ให้สเตียรอยด์ให้ยาไปต้าน i6 อย่างเงี้
00:14:48 → 00:14:50 เป็นต้นทำให้ผลการรักษาของมันเนี่ยอ่าใน
00:14:50 → 00:14:53 ตอนนั้นอาจจะลดลงนะครับก็เลยมีการใช้เป็น
00:14:53 → 00:14:56 Car NK Cell ขึ้นมาแต่ว่า Car NK เซล
00:14:56 → 00:14:57 เนี่ยมันยังทำได้ยากอยู่แล้วก็ปัจจุบัน
00:14:57 → 00:15:01 เนี่ยยังไม่ค่อยมีที่ใช้นะครับทีนี้แน่
00:15:01 → 00:15:04 นอนในเรื่องของเวชศาสตร์ชะลอวัยเขาคก็จะ
00:15:04 → 00:15:06 มีการเอา NK เซลล์ของเราเนี่ยมาฉีดให้เรา
00:15:07 → 00:15:09 เองเคยได้ยินมั้ยบางทีไปบางที่เจะเอา NK
00:15:09 → 00:15:12 ของเราออกมาปุ๊บแล้วเอาไปเพาะทำให้มัน
00:15:12 → 00:15:15 ขยายจำนวนมีเยอะๆแล้วก็ฉีดกลับเข้าไปให้
00:15:15 → 00:15:18 เราหรือบางทีไปเอา NK ของคนอื่นมาฉีดเข้า
00:15:18 → 00:15:21 ไปให้เรานะครับก็สามารถที่จะทำได้แต่
00:15:21 → 00:15:24 ปัญหามันมีอยู่อย่างหนึ่ง NK เซลที่เขา
00:15:24 → 00:15:25 เอาไปเพาะ
00:15:25 → 00:15:28 เนี่ยเมื่อกี้เราบอกว่า NK เซลมีหลายชนิด
00:15:28 → 00:15:31 ถูกมั้ยบางชนิดมันโอเคบางชนิดมันทำงานไม่
00:15:31 → 00:15:34 ค่อยดีเราจะไปรู้ได้ยังไงเเพราะอะไรมา
00:15:34 → 00:15:36 แล้วเ้าใช้สารอะไรในการกระตุ้น nkc ให้
00:15:36 → 00:15:39 มันเพิ่มจำนวนขึ้นตรงนี้เนี่ยผมยังไม่
00:15:39 → 00:15:41 ทราบว่าแต่ละบริษัทเขาใช้วิธีในการ
00:15:41 → 00:15:44 กระตุ้น AC เซลล์แบบไหนแล้วพอกระตุ้น
00:15:44 → 00:15:47 เสร็จแล้วเนี่ยในจำนวนกอง nkc ที่เรามี
00:15:47 → 00:15:50 ทั้งหมดเนี่ยมันเป็น nkc ชนิดไหนกันแน่
00:15:50 → 00:15:54 nkc มีหลายชนิดนะครับเช่นอ่า kir nkc
00:15:54 → 00:15:58 นะครับอ่ามีพวก cd56 High cd56 low
00:15:58 → 00:16:00 อะไรเงี้ยหรือบางคนจะ cd56 Bright หรือ
00:16:00 → 00:16:03 cd56 dim ก็ได้นะครับพวกนี้มันอาจจะ
00:16:03 → 00:16:05 เข้าใจยากหน่อยแต่ว่าแต่ละอันมันไม่
00:16:05 → 00:16:07 เหมือนกันนะครับเราก็ไม่รู้ว่าไอ้ที่เขา
00:16:07 → 00:16:11 ทำแบบเนี้ยมันเป็นยังไงที่สำคัญครับ NK
00:16:11 → 00:16:14 Cell เนี่ยมันจะมีตัวนึงซึ่งมันจะรู้ว่า
00:16:15 → 00:16:17 เป็นเซลล์เรานะครับถ้าเราไปเอา NK เซลล
00:16:17 → 00:16:20 ของคนอื่นมาใช้เนี่ยเราจะต้องดูความเข้า
00:16:20 → 00:16:25 กันได้กับเซลล์เราเพราะว่าอะไร NK มันจะ
00:16:25 → 00:16:26 รู้ได้ยังไงว่าเป็นตัวเราเองแล้วมันจะไม่
00:16:27 → 00:16:30 ทำลายมันก็ต้องดูอยู่ที่ mhc เมื่อตะกี้
00:16:30 → 00:16:33 นี่แหละนะครับ mhc เนี่ยมันจะมี mhc
00:16:33 → 00:16:36 Class 1 ซึ่งมันมีย่อยๆลงไปอีกนะครับ
00:16:36 → 00:16:37 คือตัวนึงคือ
00:16:37 → 00:16:41 mhc C นะครับตัว C ตัวนี้นี่แหละมันจะ
00:16:41 → 00:16:43 เป็นตัวบ่งบอกว่า
00:16:43 → 00:16:47 เฮ้ยฉันคือเซลล์ปกตินะฉันคือเจ้าของร่าง
00:16:47 → 00:16:50 นะอย่ามาทำร้ายฉันเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณ
00:16:50 → 00:16:54 เอา NK เซลคนอื่นมาใช้แล้วมันดันมี mhc
00:16:54 → 00:16:57 เนี่ยหน้าตาไม่เหมือนกับคนไข้มันจะเกิด
00:16:57 → 00:17:00 ปฏิกิริยาต่อต้านและทำลายเซทันทีดังนั้น
00:17:00 → 00:17:02 เนี่ยก่อนจะเอมาใช้ต้องมีการ Match ก่อน
00:17:03 → 00:17:04 ว่าให้ msc Class C เนี่ยมันเหมือนกัน
00:17:04 → 00:17:07 เป๊ะเลยทั้งคู่ไม่งั้นเนี่ยจะเอามาใช้ไม่
00:17:07 → 00:17:10 ได้นะครับงั้นอันนี้เนี่ยก็เป็นสิ่งหนึ่ง
00:17:10 → 00:17:13 ซึ่งเป็นข้อจำกัดข้อแรกเราไม่รู้ว่า nkc
00:17:13 → 00:17:16 ที่เราขยายตัวมาเนี่ยมันเป็น akk Cell
00:17:16 → 00:17:18 แบบไหนบ้างไม่รู้นะครับในเมื่อไม่รู้เรา
00:17:18 → 00:17:20 ไม่รู้ว่าผลมันเป็นยังไงแล้วเราก็ต้องมี
00:17:20 → 00:17:23 การ Match msc Class C พวกเนี้ยให้ได้
00:17:23 → 00:17:25 นะครับไม่ฉะนั้นก็จะเกิดอันตรายขึ้นมา
00:17:25 → 00:17:29 เหมือนกันอันที่ 3 มันแพงอันที่ 4 ไม่มี
00:17:29 → 00:17:32 การการันตีว่ามันจะทำอะไรได้แต่เขาจะ
00:17:32 → 00:17:35 โฆษณาว่าอะไรครับโฆษณาว่า NK เซลลของเรา
00:17:35 → 00:17:38 เอาไปเพาะแล้วใส่เข้าไปให้ตัวเราเองเนี่ย
00:17:38 → 00:17:40 มันจะทำให้ร่างกายของเราเนี่ยปลอดจาก
00:17:40 → 00:17:43 มะเร็งมีภูมิต้านทานที่แข็งแรงแต่ว่า
00:17:43 → 00:17:45 อย่างไรก็ตามยังไม่มีใครที่ยืนยันแบบนั้น
00:17:45 → 00:17:48 ได้นะครับถ้าจะทำก็สามารถทำได้แต่ว่ามัน
00:17:48 → 00:17:51 แพงมากผมต้องขอเตือนไว้ก่อนนะครับผลเสีย
00:17:51 → 00:17:54 มีมยอาจจะมีในบางคนอย่างที่ผมบอกคือโอเค
00:17:54 → 00:17:57 NK เซลล์อาจจะไม่ค่อยกระตุ้นไซโตไคน์แต่
00:17:57 → 00:17:59 มันก็มีส่วนบ้างที่มันกระตุ้นคุณใส่ตกขาย
00:17:59 → 00:18:01 ได้ดังนั้นถ้าจะให้ก็ต้องอยู่ในมือของผู้
00:18:01 → 00:18:04 เชี่ยวชาญนะครับแล้วก็จะต้องมีการวัด
00:18:04 → 00:18:06 ระดับพวกนี้ด้วยนะฮ NK เซลพวกนี้มันตาย
00:18:06 → 00:18:08 ง่ายนะมันไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดดังนั้น
00:18:08 → 00:18:10 เนี่ยคุณอาจจะต้องไปทำอยู่เรื่อยๆก็ได้นะ
00:18:10 → 00:18:13 ครับดังนั้นก็แล้วแต่ะกันถ้าจะทำก็ต้องไป
00:18:13 → 00:18:15 คุยรายละเอียดกับคุณหมอที่เเป็นคนทำนะ
00:18:15 → 00:18:18 ครับแล้วก็ต้องเข้าใจทุกอย่างก่อนนะฮะอ่ะ
00:18:18 → 00:18:20 เราย้อนกลับมาในเรื่องของการอาบป่านะ
00:18:20 → 00:18:23 ชินรินโยคุเมื่อกี้นะครับคือเรารู้ละว่า
00:18:23 → 00:18:26 เออมันต้องทำบ่อยแค่ไหนอาทิตย์ละครั้งก็
00:18:26 → 00:18:29 ได้ครั้งละ 1-2 ชั่วโมงป่าอะไรก็ได้นะ
00:18:29 → 00:18:32 ครับอย่าไปตรงที่มันมีมีใบไม้ทับถมกัน
00:18:32 → 00:18:34 เยอะๆแล้วกันมันอับมันชื้นพวกนั้นอย่าไป
00:18:34 → 00:18:35 นะครับไปตรงที่มันปลอดภัยไม่มีงูไม่มี
00:18:35 → 00:18:39 สัตว์มีพิษนะฮะอ่าป่าสนก็จะดีกว่าเพราะ
00:18:39 → 00:18:43 ว่า 1 มันมีการศึกษาเรื่องของสารไทนีมาก
00:18:43 → 00:18:47 กว่าป่าชนิดอื่นนะครับทีนี้เฮ้ยแล้วถ้า
00:18:47 → 00:18:50 เราไปป่าไม่ได้ล่ะเช่นเอาเมืองไทยไปตรง
00:18:50 → 00:18:53 ไหนดีสวนสาธารณะได้มั้ยก็ก็ได้นะแต่มัน
00:18:53 → 00:18:57 ร้อนน่ะมันร้อนมัน PM 2.5 เยอะมันไปไม่
00:18:57 → 00:19:00 ได้ไปแล้วโอ้โห 40 องาเราเป็นลมตายพอดี
00:19:00 → 00:19:04 แล้วเราทำยังไงล่ะนี่ครับมันก็มีงานศึกษา
00:19:04 → 00:19:06 เพิ่มเติมอีกครับคืองานศึกษาเรื่องของ
00:19:06 → 00:19:09 essential Oil นี่ essential Oil คือ
00:19:09 → 00:19:13 อะไรมันก็คือไอ้น้ำมันพวกนี้แหละครับสาร
00:19:13 → 00:19:15 ไฟตอนทรายนี่แหละที่ผลิตออกมาจากต้นไม้คน
00:19:15 → 00:19:18 เ้าก็เอามาทำเป็น essential Oil เพื่อ
00:19:18 → 00:19:20 ที่จะเอามาใช้ดมเข้าไปแล้วมันมีการศึกษา
00:19:20 → 00:19:25 ด้วยครับอ่ามีสนไซเปรสชื่อฮิโนกิของ
00:19:25 → 00:19:28 ญี่ปุ่นนะครับมีการศึกษาว่าเอาไอ้น้ำมัน
00:19:28 → 00:19:31 หอมมะเเขยจากไอ้สนตัวเนี้ยขฮิโนกิเนี่ยนะ
00:19:31 → 00:19:34 ครับเอามาหยด 4-5 หยดนะครับแล้วก็ใช้
00:19:34 → 00:19:37 เหมือนเป็นตัวเนอร์นะครับคือให้มันมีฟูเอ
00:19:38 → 00:19:42 ไอ้ตัวนี้ออกมานะครับแล้วเรานอนดมมันนะ
00:19:42 → 00:19:45 ครับคืนทำตอนกลางคืนอย่างเงี้ยทำทุกคืน
00:19:45 → 00:19:49 ทุกคืนทุกคืนเพบว่าไอ้สารตัวนี้เนี่ยมัน
00:19:49 → 00:19:52 ช่วยมากเลยแล้วในฮิโนกิเนี่ยมันมีไพนีน
00:19:52 → 00:19:55 เยอะมากนะครับไพนีเนี่ยดูดซึมได้ทางการ
00:19:55 → 00:19:58 หายใจไม่ต้องกินดูดทางการหายใจอย่างเข้า
00:19:58 → 00:20:01 ไปได้สักประมาณ 60% ของสิ่งที่เราดมเข้า
00:20:01 → 00:20:05 ไปแล้วก็พบว่าอะไรรู้มยเพราะว่าไอ้คนที่
00:20:05 → 00:20:08 ดมตัวนี้เนี่ยใช้ essential Oil hinoki
00:20:08 → 00:20:11 ตัวนี้นะครับมันทำให้ได้ผลอย่างเดียวกับ
00:20:11 → 00:20:16 การไปป่าเลยเออได้ผลอย่างเดียวกันเลยนะ
00:20:16 → 00:20:18 ครับคือถ้าเราไม่มีเวลาเราก็ใช้ตัวนี้ได้
00:20:18 → 00:20:21 ในตอนนอนนะครับคือเรานอนแล้วเราก็ได้ผล
00:20:21 → 00:20:24 จากไพนีตัวนี้ก็คือเป็นยังไงมันกระตุ้น
00:20:24 → 00:20:27 กาบ้า a หลับสนิทเพิ่มขึ้นนะครับลด
00:20:27 → 00:20:30 ฮอร์โมนความเครียดลดอดีนีนลดคอร์ติซอลนะ
00:20:30 → 00:20:34 ครับอ่าทำให้จิตใจของเราสบายมากขึ้น NK
00:20:34 → 00:20:37 เซลล์ของเราก็แข็งแรงขึ้นตัวมันเองจะลด
00:20:37 → 00:20:39 การอักเสบแล้วมันก็เป็นสารที่ต่อต้านพวก
00:20:39 → 00:20:42 แบคทีเรียกับเชื้อราต่างๆด้วยและช่วยทำ
00:20:42 → 00:20:45 ให้บริเวณนั้นปราศจาก
00:20:45 → 00:20:49 แบคทีเรียด้วยนะครับงั้นจะเห็นได้ว่าถ้า
00:20:49 → 00:20:52 ท่านไปป่าได้โอเคมันเป็นประสบการณ์ที่ดี
00:20:52 → 00:20:53 กว่าการที่ต้องมานั่งอยู่ในห้องแล้วก็ใช้
00:20:53 → 00:20:56 น้ำมันหอมระเหยนะครับแต่ถ้าท่านไปไม่ได้
00:20:56 → 00:20:59 การเลือกเอาน้ำมันหอมระเหยมาใช้ตอนกลาง
00:20:59 → 00:21:02 คืนนะครับก็ยังถือว่ามีประโยชน์มากอยู่ดี
00:21:02 → 00:21:04 นะครับส่วนน้ำมันหอมระเหยอย่างอื่นที่ไม่
00:21:04 → 00:21:07 ใช่ฮิโนกิถามว่ามันใช้ได้มั้ยก็ใช้ได้
00:21:07 → 00:21:09 ครับแต่ตัวนี้มันมีงานศึกษาซึ่งผมจะทิ้ง
00:21:09 → 00:21:11 ลิงก์งานวิจัยให้ทุกคนสามารถไปดูได้ด้วย
00:21:11 → 00:21:13 ตัวเองนะครับถ้าเป็นตัวอื่นก็อาจจะมีการ
00:21:13 → 00:21:16 ศึกษาที่น้อยกว่าหน่อยนะครับแต่ว่าก็น่า
00:21:16 → 00:21:18 จะใช้ได้เหมือนกันนะครับอย่าง essential
00:21:18 → 00:21:20 Oil มีตัวอื่นอีกเยอะแยะไปหมดนะครับแต่
00:21:20 → 00:21:23 ว่าตัวนี้เนี่ยมันมีการศึกษาผมก็เลยยกมัน
00:21:23 → 00:21:25 ขึ้นมานะครับโอเคหวังว่าวันนี้จะเป็น
00:21:25 → 00:21:28 ประโยชน์กับหลายๆคนนะครับเอ่อถ้าถ้ามี
00:21:28 → 00:21:30 เวลาว่างยังไงก็อยากจะให้ไปลองมี
00:21:31 → 00:21:34 ประสบการณ์อาบป่านะครับบ้างนะฮะคือเราไป
00:21:34 → 00:21:38 อยู่กับธรรมชาติบ้างเราไปเหยียบพื้นดินไป
00:21:38 → 00:21:40 เจอแสงแดดนะครับไปใช้ชีวิตข้างนอกบ้างนะ
00:21:40 → 00:21:43 ครับอ่าแล้วไปใช้ชีวิตข้างนอกเนี่ยเรายัง
00:21:44 → 00:21:47 ได้ผลพลอยได้จากสารไฟออนไซซึ่งออกมาจาก
00:21:47 → 00:21:50 พืชเหล่านี้อีกด้วยนะครับโอเควันนี้เท่า
00:21:50 → 00:21:55 นี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ