00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice สวัสดีครับผมวีรพงษ์ทวีศักดิ์
00:00:08 → 00:00:12 ดิฉันสุธิราพรปรีเปรมและนี่คือศัลยกรรม
00:00:12 → 00:00:15 ความสุขรายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความ
00:00:15 → 00:00:18 สุขมากขึ้นมีความทุกข์น้อย
00:00:18 → 00:00:23 ลงคุณผู้ฟังคะในชีวิตทุกคนน่ะมันต้องมี
00:00:23 → 00:00:28 เรื่องที่จดจำเนาะอือเออแต่ว่ามันก็มี
00:00:28 → 00:00:32 เรื่องความจำมาเกี่ยวข้องเนาะอืงั้นถาม
00:00:32 → 00:00:35 พี่วีดีกว่าพี่วีคิดว่าพี่วีเป็นคนมีความ
00:00:35 → 00:00:39 จำดีมั้ยคะอืมค่อนข้างไปในทางไม่ค่อยดี
00:00:39 → 00:00:40 เท่า
00:00:40 → 00:00:45 ไหร่พี่อ้อยก็ไม่แน่ใจตัวเองนะเออๆเออว่า
00:00:45 → 00:00:48 ดีไม่ดีเพราะว่าจริงๆบางทีบางเรื่องอ่ะ
00:00:48 → 00:00:54 อยากจำก็ลืมอืบางเรื่องอยากลืมดันจำออเออ
00:00:54 → 00:00:58 ก็เลยแต่ว่ามันมีบางเรื่องค่ะพี่วีบาง
00:00:58 → 00:01:01 เรื่องที่พี่อ้อยอ่ะจำซะ
00:01:01 → 00:01:04 [เพลง]
00:01:04 → 00:01:10 จึ้งจำซะจึ้งค่ะมันอุ๊ยดูโงงๆมันเป็นยัง
00:01:10 → 00:01:12 ไงอ่ะพี่อ้อยจำซะจึ้งเนี่ยวันนี้พี่วี
00:01:12 → 00:01:15 กำลังคุยกับวัยรุ่นอยู่นี่โหต้องดูรุ่น
00:01:15 → 00:01:17 ไหนแต่ไม่เมื่อกี้เี่รุ่นไหนนี่รู้เลยนะ
00:01:17 → 00:01:19 เพราะเมื่อกี้นี้พี่อ้อยหลุดหลุดมาคำนึง
00:01:19 → 00:01:22 บอกว่าเรื่องบางเรื่องอยากจำกับลืมอยาก
00:01:22 → 00:01:26 โอ้โหรู้เลยนึกถึงเพลงลนึงเลยนะก็แต่ว่า
00:01:26 → 00:01:28 เรื่องความจำเนี่ยมันเป็นเรื่องแปลกนะพี่
00:01:28 → 00:01:31 อ้อยมันเป็นเรื่องจริงนะเรื่องบางเรื่อง
00:01:31 → 00:01:33 เราอยากจะจำนมันมันลืมแต่เรื่องที่เราแบบ
00:01:33 → 00:01:36 ไม่อยากจะจำหรืออยากจะลืมๆกันไปเนี่ยมัน
00:01:36 → 00:01:40 จำไม่ยอมลืมเลยนะจำชั่วชีวิตเลยอ่ะเเรียก
00:01:40 → 00:01:43 ว่าจำจนตายเลยอ่ะเออแสดงว่าเรื่องสิ่ง
00:01:43 → 00:01:45 เรื่องเรื่องอะไรบางเรื่องที่เราจะจำหรือ
00:01:45 → 00:01:47 ไม่จำเนี่ยมันมันขึ้นอยู่กับอะไรก็ไม่รู้
00:01:47 → 00:01:50 นะทั้งๆที่มันส่งผลกับชีวิตเราแล้วเมื่อ
00:01:50 → 00:01:53 กี้พี่ห้อยบอกว่าถามผมว่าเรื่องเกี่ยวกับ
00:01:53 → 00:01:58 ความจำเนี่ยค่ะเป็นยังไงอือคือผมน่ะไม่
00:01:58 → 00:02:01 อยากจะบอกเลยนะพี่อ้อยว่าคือผมเคยผมมีมุก
00:02:01 → 00:02:04 ตลกอันนึงนะชอบเล่นกับเพื่อนเพื่อนเพื่อน
00:02:04 → 00:02:07 จะบอกผมว่าค่ะผมนี่เหมือนกับเป็นพี่น้อง
00:02:07 → 00:02:11 ฝาแฝดกับอัลเบิร์ตไอสไตน์นะโอ้เหรอคะเออ
00:02:11 → 00:02:13 พี่อ้อยรู้จักอัลเบิร์ตไอสไตน์ใช่มั้ย
00:02:13 → 00:02:15 โอ๊ยทุกคนรู้จักสรู้จักใช่มั้ยผมได้เป็น
00:02:16 → 00:02:19 พี่น้องฝาแสดเ้าเลยนะแต่ผมไม่ได้สผมป่ะ
00:02:19 → 00:02:21 ไม่ใช่คือเรานามสกุลไอสไตน์เดียวกันแต่
00:02:21 → 00:02:25 เขาชื่ออัลเบิร์ตแต่ผมชื่อ
00:02:26 → 00:02:29 อัลไซเมอร์เพื่อนชอบแซวเป็นอัลไซเมอร์ก
00:02:29 → 00:02:33 น่ารักอ่ะมุกน่ารักอ่ะนะฮะแต่ว่าสำหรับผม
00:02:33 → 00:02:35 เนี่ยผมมีความรู้สึกว่าสมัยก่อนผมรู้สึก
00:02:35 → 00:02:38 ว่าตัวเองเป็นคนความจำดีเออแต่พอมันมี
00:02:38 → 00:02:42 อะไรเยอะๆๆมากเนี่ยมันจำไม่ไหวปึ๊บผมก็
00:02:42 → 00:02:44 เลยรู้ว่าเราความจำเริ่มไม่เหมือนเดิมผม
00:02:44 → 00:02:49 ใช้วิธีการจดออือค่ะมีอะไรจดแหกเลยนะฮะก็
00:02:49 → 00:02:52 พอช่วยได้แต่ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือหาที่จด
00:02:52 → 00:02:55 ไม่เจอฮึปัญหาใหญ่ตอนนี้เนี่ยผมจะไม่สนใจ
00:02:55 → 00:02:58 เรื่องความจำความไม่จำละค่ะผมกำลังสนใจ
00:02:58 → 00:03:00 เรื่องนี้เลยจำซะจืเรืื่องนี้มันเป็นจัง
00:03:00 → 00:03:02 [เสียงหัวเราะ]
00:03:02 → 00:03:07 ได๋ก่อนอื่นเนี่ยก็ต้องถามพี่วีกับแต่คุณ
00:03:07 → 00:03:12 ผู้ฟังเนี่ยจะน่าจะได้ยินคำว่าจึ้งนะอเออ
00:03:12 → 00:03:14 เพราะว่ามันเป็นเหมือนภาษาสมัยใหม่ของวัย
00:03:14 → 00:03:17 รุ่นน่ะแต่ว่าพี่วีเคยได้ยินมั้ยคะก็เคย
00:03:17 → 00:03:19 ได้ยินนะแต่ว่าแบบไม่ยังไม่ค่อยนั่นเท่า
00:03:20 → 00:03:21 ไหร่ไม่ค่อยคุ้นเคยกันเท่าไหรแปลว่าอะไร
00:03:21 → 00:03:24 อย่างงี้ใช่มั้ยคะเอจึนี่เป็นไงฮะด้วย
00:03:24 → 00:03:28 ความเป็นวัยรุ่นของพี่อ้อยพี่อ้อยก็ไป
00:03:28 → 00:03:32 ศึกษาซึ่งเนี่ยมันเป็นภาษาวัยศัพท์สมัย
00:03:32 → 00:03:36 ใหม่เหมือนแสลงเนาะของวัยรุ่นมันแปลว่า
00:03:36 → 00:03:41 ความดีงามดีเลิศคือดีซะจนคนเห็นน่ะตะลึง
00:03:41 → 00:03:46 ไปเลยอืคือมันต้องเลิศมากอ่ะอืจึ้งอันนี้
00:03:46 → 00:03:48 นะคะมันมันมีที่มาคล้ายๆอึ้งอะไรอย่างงี้
00:03:48 → 00:03:52 ป่ะอึ้งๆนี่มันน้อยไปอึ้งนี่มันเหมือนแบบ
00:03:52 → 00:03:55 เค้าเรียกว่าอะไรในโมเม้นนั้นน่ะเออแล้ว
00:03:55 → 00:03:57 รู้สึกว่าอึ้งกับอะไรบางอย่างซึ่งมีทั้ง
00:03:57 → 00:04:00 ดีมีทั้งไม่ดีอ๋อ
00:04:00 → 00:04:04 อแต่จึ้งเนี่ยมันโหเลอเลิศประเสริฐโลกมาก
00:04:04 → 00:04:08 โอ้โหนะคะประมาณนั้นโอ้โหานี้พี่อ้อยเอ่อ
00:04:08 → 00:04:13 เกริ่นไว้ว่าจำซะจึ้งอือ่าเพราะว่าพี่
00:04:13 → 00:04:17 อ้อยมีความคิดว่าเอ๊ทำไมคนเราเนี่ยต้องจำ
00:04:17 → 00:04:21 แต่เรื่องไม่ดีเรื่องแย่เรื่องที่เป็นบาด
00:04:21 → 00:04:25 แผลอืเออแล้วมันก็คอยมาทำร้ายเราเรื่อยๆ
00:04:25 → 00:04:30 ไปทั้งชีวิตเลยอืๆทำไมเราไม่เอาเรื่องที่
00:04:30 → 00:04:33 จำเนี่ยไม่ว่าดีไม่ว่าร้ายเนี่ยอือมาทำ
00:04:33 → 00:04:38 ให้ชีวิตเราอ่ะจึ้งล่ะอออให้มันไม่รู้
00:04:38 → 00:04:41 แหละอะไรก็ได้เนี่ยที่เราจำเนี่ยก่อนหน้า
00:04:41 → 00:04:44 นี้เนี่ยดีไม่ดีส่วนใหญ่ซึ่งจะเป็นในทาง
00:04:44 → 00:04:48 ไปในทางไม่ดีด้วยนะทำให้เราทุกข์นะแล้วก็
00:04:48 → 00:04:50 ไอ้ด้านดีก็ไม่ค่อยจำอยู่แล้วแต่ตอนนี้
00:04:50 → 00:04:53 พี่อ้อยกำลังจะมาชวนเราว่าเอ้าไหนๆพี่ก็
00:04:53 → 00:04:57 จะพี่ก็จะจำอยู่แล้วดีไม่ดีไม่สนะแต่ว่า
00:04:57 → 00:05:02 พี่อ้อยจะแปลงเอาความจำเหล่านี้มารีไซเคิ
00:05:02 → 00:05:06 ผ่านกระบวนการที่ทำให้ชีวิตเราดีดีขึ้นดี
00:05:06 → 00:05:09 ขึ้นสุดๆไปเลยใช่มั้ยอุ้ยอันนี้ดีอพี่
00:05:09 → 00:05:14 ห้อยชอบๆๆบางคนบางคนบอกเลือกสิเออนัไงใช่
00:05:14 → 00:05:19 มั้ยแต่แต่ผมก็สงสัยว่าไอ้จำเรื่องดีแล้ว
00:05:19 → 00:05:24 ชีวิตจะดีนี่มันมันก็ได้นะถึงแม้ว่าเราจะ
00:05:24 → 00:05:28 จำไม่ค่อยได้เออมันง่ายถ้ามันมีเรื่องดี
00:05:28 → 00:05:31 แล้วเราจำได้ชีวิตก็อยู่แล้วไงแต่ว่าไอ้
00:05:31 → 00:05:36 จำแล้วประสบการณ์ไม่ดีจำร้ายๆเรื่องร้ายๆ
00:05:36 → 00:05:40 ในชีวิตเนี่ยแล้วชีวิตมันจะดีเนี่ยค่ะมัน
00:05:40 → 00:05:45 ยังไงเออมีขั้นตอนมั้ยอือค่ะเดี๋ยวเล่า
00:05:45 → 00:05:50 เรื่องของตัวเองก่อนอ้าอก็คือสมัยนู้นที่
00:05:50 → 00:05:55 ยังมีหนี้มหาศาลมหาศาลฮะอ่าแล้วเราก็สามี
00:05:55 → 00:05:59 ก็หนีไปละเออเราก็ต้องเลี้ยงลูกเลี้ยง
00:05:59 → 00:06:04 ครอบครัวเองทำงานประจำหาเงินใช้หนี้อะไร
00:06:04 → 00:06:08 ประมาณนั้นเพราะงั้นเราก็เลยกลายเป็นคน
00:06:08 → 00:06:12 ที่ไม่มีเวลาดูลูกอือเออันนี้เป็นบาดแผล
00:06:12 → 00:06:15 ของลูกเลยแหละก็คือเหมือนแม่ไม่แทบไม่มี
00:06:15 → 00:06:19 เวลาเลยเพราะว่าหนี้เรามันใหญ่โตอือค่ะ
00:06:19 → 00:06:22 แล้วก็จะใช้เวลากับงานประจำแล้วก็ไปทำงาน
00:06:22 → 00:06:25 หาเงินใช้หนี้อือาวนี้ก็มีญาติๆนี่แหละ
00:06:25 → 00:06:30 อือเค้าเตำหนิอือพี่อ้อยอ่าอ่าแต่ว่าพี่
00:06:30 → 00:06:32 อ้อยก็ไม่ไม่ได้ยินด้วยหูตัวเองแต่ว่ามัน
00:06:32 → 00:06:37 วนไปวนมามันก็มาเข้าหูเราอือก็ขอใช้คำพูด
00:06:37 → 00:06:42 ตรงๆที่เขาว่านะคะอเออเขาบอกว่าอ้อยเนี่ย
00:06:42 → 00:06:48 มันแย่อือมันทิ้งลูกไปหาผัวใหม่อืโอ้โห
00:06:48 → 00:06:52 อ่าคำนี้เลยพอเราได้ยินปึ๊บเนี่ยโอโหมัน
00:06:52 → 00:06:58 จี๊ดนะพี่พี่วีอ่ามันจีดพี่อ้อยก็ตั้งสติ
00:06:58 → 00:07:00 ว่าสิ่งที่เราทำเนี่ยมันเป็นอย่างงั้น
00:07:00 → 00:07:06 มั้ยอือไม่ใช่เลยอือเราไม่เคยสนใจเลยอ่า
00:07:06 → 00:07:11 แล้วเราก็บอกว่าเค้าไม่รู้อือว่าเรากำลัง
00:07:11 → 00:07:14 ทำอะไรอยู่อืออ่าเคเห็นแค่ว่าเราไม่มี
00:07:14 → 00:07:17 เวลาให้ลูกแล้วก็ต้องให้เอ่อญาติที่บ้าน
00:07:17 → 00:07:21 ช่วยดูแลอย่างเงี้ยอสุดท้ายพี่อ้อยก็เลย
00:07:21 → 00:07:26 บอกว่าเอาวะอือในเมื่อเคคิดว่าเราเป็นแบบ
00:07:26 → 00:07:31 นี้อืเราต้องไม่ทำทำให้เป็นแบบนี้คือเรา
00:07:31 → 00:07:34 ไม่มีเจตนาทำให้เป็นแบบนี้อยู่แล้วเออเออ
00:07:34 → 00:07:38 เพราะเราไม่เวลานั้นน่ะคือ Survive ใช้ทำ
00:07:38 → 00:07:41 งานให้หนี้หมดมันไม่ใช่เวลาของเรื่องแบบ
00:07:41 → 00:07:45 นั้นเพราะฉะนั้นเนี่ยเราก็เลยบอกว่าดีสิ
00:07:45 → 00:07:48 เอาคำพูดเขานี่แหละมาเป็นแรงบันดาลใจ
00:07:48 → 00:07:52 เพราะฉะนั้นเนี่ยต่อให้ใครเข้ามาในชีวิต
00:07:52 → 00:07:56 ฉันไม่สนใจฉันจะต้องมุ่งหน้าในการทำชีวิต
00:07:56 → 00:07:59 ให้ให้เคลียร์หนี้ให้เร็วที่สุดอแล้ว
00:07:59 → 00:08:03 เพื่อจะได้กลับมาดูมีเวลาให้ลูกอืเพราะ
00:08:03 → 00:08:06 ฉะนั้นพี่อ้อยก็เลยเลือเล่าเรื่องเนี้ยก็
00:08:06 → 00:08:10 คือพี่อ้อยอยากบอกว่าพี่อ้อยแปลงคำตำหนิ
00:08:10 → 00:08:14 ดูถูกดูหมิ่นของคนอื่นอบาดแผลที่เขาสร้าง
00:08:14 → 00:08:19 ให้เราอือมาเป็นแรงบันดาลใจให้เราสู้อจน
00:08:19 → 00:08:23 ้นสภาวะเอค่ะอือันนี้ก็คือคำพูดนั้นเนี่ย
00:08:23 → 00:08:28 คือจำแบบจนวันนี้ยังจำยังจำได้เลยยังแม่
00:08:29 → 00:08:31 เราไม่เอาเอสิ่งนั้นเนี่ยมาทำให้เราแบบ
00:08:31 → 00:08:33 แย่ลงอือแต่ทำให้จึ้งชีวิตเราจึ้งเลยก็
00:08:33 → 00:08:36 คือชีวิตเราดีขึ้นเพราะว่าประเด็นเมื่อ
00:08:36 → 00:08:38 กี้น่าสนใจมากนะพี่อ้อยผมพอพี่อ้อยพูดบอก
00:08:38 → 00:08:42 ว่าเอาวะเราในเมื่อเขาคพูดอย่างงั้นเนี่ย
00:08:42 → 00:08:46 นะเราก็จะไม่เป็นอย่างงั้นนะใช่แล้วเพราะ
00:08:46 → 00:08:48 ว่าเขคไม่รู้ก็เรื่องของเค้าแล้วเราก็
00:08:48 → 00:08:50 พิสูจน์ของเราไปเราไม่เป็นอย่างงั้นเราก็
00:08:50 → 00:08:52 ไม่เป็นอย่างงั้นอะไรอย่าเงี้ยแต่ว่าพอ
00:08:52 → 00:08:54 พี่อ้อยพูดอย่างงี้ปุ๊บมันทำให้ผมนึกถึง
00:08:54 → 00:08:58 อะไรมมันนึกถึงว่ามันมีอีกคำนึงอืจำ
00:08:58 → 00:09:03 เหมือนกันอือแต่ว่าไม่จึ้งค่ะแต่ว่าจำจำ
00:09:03 → 00:09:06 เอาแล้วก็เอาคำนั้นมาเนี่ยแต่ว่าทำให้
00:09:06 → 00:09:09 ชีวิตตรงข้ามกับจึ้งอ่ะหนักกว่าเดิมอีก
00:09:09 → 00:09:12 ค่ะแล้วก็ใช้เหตุผลเดียวกันเลยนะพี่อค่ะ
00:09:12 → 00:09:15 เอ้าในเมื่อคุณบอกฉันเป็นอย่างงั้นใช่
00:09:15 → 00:09:19 มั้ยอมางั้นเดี๋ยวฉันเป็นให้ดูอใช่คนคน
00:09:19 → 00:09:22 ส่วนใหญ่ก็ก็จะทำอย่างเงี้ยคือเหมือน
00:09:22 → 00:09:26 ประชดเออเราก็ในเมื่อว่าฉันเลวเหรออ่าฉัน
00:09:26 → 00:09:29 เลวเลยเลวให้สุดเลย
00:09:29 → 00:09:32 เมื่อกี้นี้พี่อ้อยยังเล่าไม่ครบนิดนึง
00:09:32 → 00:09:35 ตรงที่ว่าเอ๊ะคุณผู้ฟังอาจจะบอกว่าแล้ว
00:09:35 → 00:09:39 มันจึ้งตรงไหนอ่ะก็แค่เอาเอ่อคำพูดของเขา
00:09:39 → 00:09:43 มาเป็นแรงบันดาลใจอือๆมันจึ้งเคสเนี้ยอือ
00:09:43 → 00:09:47 มันจึ้งตรงที่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปอืเออเรา
00:09:47 → 00:09:50 ก็ทำหน้าที่ของเราทั้งทำงานหาเงินใช้หนี้
00:09:50 → 00:09:54 ดูแลบุพการีดูแลคุณปู่ดูแลคุณพ่อซึ่งเจ็บ
00:09:54 → 00:09:59 ป่วยอืเอ่อมีคำพูดจากคนๆเดิมอือเอ่อพูด
00:09:59 → 00:10:06 ว่าอ้อยมันเจริญอืเพราะว่ามันดูแลบุพการี
00:10:07 → 00:10:12 ดีอืคำเนี้ยอ้อยมันเจริญเนี่ยพี่อ้อยว่า
00:10:12 → 00:10:16 มันจึ้งสำหรับพี่เออค่ะโอใช่เพราะผลมันใน
00:10:16 → 00:10:21 ที่สุดอือผลจากการที่เราพิสูจน์ตัวซึ่ง
00:10:21 → 00:10:24 ใช้เวลาหลายปีนะบอกก่อนใช่มั้ยใช่ไม่ได้
00:10:24 → 00:10:26 ไม่ได้แป๊บๆนะนานมากค่ะนานมากไม่ใช่ว่า
00:10:26 → 00:10:30 อาทิตย์ถัดมานะนไม่ใช่นะหลาย 10 ปีเลย
00:10:30 → 00:10:33 เป็นหลายสบปีเลยเพราะฉะนั้นเนี่ยแสดงว่า
00:10:33 → 00:10:37 อันนึงที่ผมเห็นนะพี่อ้อยก็คือผมสกัดออก
00:10:37 → 00:10:41 มาได้ก็คือว่าอะไรบางอย่างที่ทำให้เราจำ
00:10:41 → 00:10:44 แล้วเราก็รู้สึกไม่ดีหรือว่าเจ็บช้ำน้ำใจ
00:10:44 → 00:10:47 อะไรอย่าเงี้ยสิ่งนึงก็คือโอเคพี่อ้อยบอก
00:10:47 → 00:10:50 ว่าเราก็อ่ะเอาคำนี้มาแล้วเราจะพิสูจน์
00:10:50 → 00:10:56 ตัวเนี่ยค่ะวิธีการก็คือเราจะต้องชัดเจน
00:10:56 → 00:10:59 ในเป้าหมายของเราอืถ้าเราชัดเจนเป็นปั๊บ
00:10:59 → 00:11:02 เนี่ยนะเราก็จะไม่วักแวกอันที่ 1 นะอเขา
00:11:02 → 00:11:05 จะพูดยังไงก็เรื่องของเาเพี่อพูดคว่าเไม่
00:11:05 → 00:11:09 รู้ใช่ๆก็เรื่องของเขาเเพราะเพูดอย่าง
00:11:09 → 00:11:12 งั้นเพราะเขาไม่รู้อเรื่องของเขาค่ะแต่
00:11:12 → 00:11:15 ว่าเป้าหมายเราต้องชัดเจนใช่อันที่ 2 ก็
00:11:15 → 00:11:18 คือเมื่อเป้าหมายชัดเจนแล้วเนี่ยเราจะ
00:11:18 → 00:11:21 ต้องมีความมุ่งมั่นและมีความอดทนน่ะค่ะมี
00:11:21 → 00:11:25 ความอดทนเพียรพยายามสูงมากพี่้ใช่ๆเพราะ
00:11:25 → 00:11:29 มันไม่ได้ไม่ใช่เดือน 2 เดือนไม่ใช่ปี 2
00:11:29 → 00:11:33 ใช่ๆแต่พี่บอกว่าเป็น 10 ปีใช่ค่ะพอเรา
00:11:33 → 00:11:36 ผ่านมาเนี่ยแสดงว่าเราพลิกจากตรงนู้น
00:11:36 → 00:11:38 เนี่ยมาทำให้เราจึ้งเนี่ยพี่ออยพูดของค
00:11:38 → 00:11:41 ว่าคนเดิมแต่พูดประโยคตรงกันข้ามเลยเนี่ย
00:11:41 → 00:11:45 อือโอ้การที่เราจะพบกับสถานการณ์อย่างนี้
00:11:45 → 00:11:48 นี่หมายความว่าต้องมีความมุ่งมั่นพยายาม
00:11:48 → 00:11:52 แล้วมีความอดทนแบบสูงมากอ่ะค่ะใช่มั้ยฮะ
00:11:52 → 00:11:56 ไม่เลิกคือเหเออเป้าหมายชัดเจนแล้วกัดไม่
00:11:57 → 00:12:00 ปล่อยเลยแล้วมุ่งมั่นสูงมากอืใช่เพราะ
00:12:00 → 00:12:03 ฉะนั้นคุณผู้ฟังครับถ้าเกิดใครสักคนนึงนะ
00:12:03 → 00:12:08 มีความจดจำมีความทรงจำอย่างงี้ดีกว่าอ
00:12:08 → 00:12:10 อะไรบางอย่างที่ที่มันดีไม่ต้องพูดถึง
00:12:10 → 00:12:13 แล้วมันแน่นอนอยู่แล้วนะฮะมันดีด้วยตัว
00:12:13 → 00:12:16 มันเองอยู่แล้วอือแต่ว่าที่มันไม่ดีที่
00:12:16 → 00:12:19 มันไปในทางตรงข้ามเงี้ยเราก็สามารถที่จะ
00:12:19 → 00:12:22 พิสูจน์ตัวโดยใช้ใช้ความอดทนใช้เป้าหมาย
00:12:22 → 00:12:26 ชัดเจนใช้ความพยายามค่ะแต่ทีนี้ประเด็น
00:12:26 → 00:12:29 เนี่ยพี่อ้อยค่ะตั้งแต่ตอนเริ่มเลยไม่อ้
00:12:29 → 00:12:32 ที่เราบอกว่ามันเป็นเรื่องแปลกนะคนเรา
00:12:32 → 00:12:35 ทำไมถึงจะจำแต่เรื่องไม่ส่วนใหญ่จะจำแต่
00:12:35 → 00:12:38 เรื่องไม่ดีมันมันเป็นเรื่องของธรรมชาติ
00:12:38 → 00:12:42 ของจิตใต้สำนึกค่ะพี่วีอ่าใช่ผมเคยอ่าน
00:12:42 → 00:12:45 หนังสือเล่มนึงเ้าบอกว่าใช่เวลาที่เราจะ
00:12:45 → 00:12:49 ซ่อมใครนะค่ะเรื่องเนี้ยเราจะต้องมจิตใต้
00:12:49 → 00:12:52 สำนึกลงไปให้ถึงระดับจิตใต้สำนึกเพราะใช่
00:12:52 → 00:12:56 ค่ะอะไรบางอย่างที่เาจดจำได้และมันมีผล
00:12:56 → 00:13:00 ต่อชีวิตเในเชิงลบๆเนี่ยนะค่ะมันมีผลมา
00:13:00 → 00:13:04 จากในระดับของจิตใต้สำนึกค่ะซึ่งมันฝัง
00:13:04 → 00:13:08 อยู่ลึกมากลึกมากลึกมากแล้วไม่มีล้างนะคะ
00:13:08 → 00:13:11 หมายความว่ามันจะับไปเรื่อยเติมไปเรื่อย
00:13:11 → 00:13:14 ทั้งชีวิตเนี่ยแล้วเาบอกว่ามันเป็นอย่าง
00:13:14 → 00:13:16 นั้นได้เพราะอะไรรมั้ยพี่ห้อยก็คือพอมัน
00:13:16 → 00:13:19 ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกแล้วมันมีผลกับคน
00:13:19 → 00:13:22 เนี่ยอไอ้ความทรงจำเนี้ยอือแม้กระทั่ง
00:13:22 → 00:13:24 เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวนะไม่รู้ตัวค่ะมันจะ
00:13:24 → 00:13:27 ผลักดันขับเคลื่อนเราอยู่ข้างข้างหลัง
00:13:27 → 00:13:30 ข้างหลังโดยที่เราไม่รู้ตัวมหาศาลอือเขา
00:13:31 → 00:13:34 บอกว่าเวลาที่เราจะแก้พวกนี้นะพี่ออยเรา
00:13:34 → 00:13:38 จะต้องเปิดประตูตรนั้นให้ได้ใช่ค่ะแล้วผม
00:13:38 → 00:13:41 เคยอ่านหนังสือเล่มนึงเบอกว่าจิตใต้สำนิ
00:13:41 → 00:13:45 คนจะเปิดตอนไหนรู้มั้ยอือตอนเบลอๆตอนตอน
00:13:45 → 00:13:48 เบลอๆแล้วตอนที่เขาแบบครึ่งรับครึ่งตื่น
00:13:48 → 00:13:53 นะตอนกำลังงัวเงียงัวค่ะมันเป็นคลื่นสมอง
00:13:53 → 00:13:58 ระดับอัลฟ่าอ่าค่ะแล้วก็อีกอันนึงก็คือเค
00:13:58 → 00:14:03 จะเปิดตอนที่เขาแบบประทับใจมากๆอือแล้วก็
00:14:03 → 00:14:08 มีความสุขมากๆอือฮึหรือว่าสะเทือนใจมากๆ
00:14:08 → 00:14:11 ค่ะอันเนี้ยมันจะเปิดตอนนั้นเพราะฉะนั้น
00:14:11 → 00:14:16 คนที่เขาจะช่วยเหลือคนที่โดนความทรงจำไม่
00:14:16 → 00:14:20 ดีแบบขับเคลื่อนตัวเองโดยที่เขาไม่รู้ตัว
00:14:20 → 00:14:22 เนี่ยเขาก็แต่ว่าอันนั้นต้องบอกก่อนต้อง
00:14:22 → 00:14:24 ใช้ผู้เชี่ยวชาญนะครับที่เค้ามีความ
00:14:24 → 00:14:27 สามารถในการเหมือนกับที่เค้าใช้คำว่าสะกด
00:14:27 → 00:14:32 จิตนั่นแหละอฮะเจะค่อยๆมีวิธีในการซึ่ง
00:14:32 → 00:14:34 เราก็ไม่ได้เชี่ยวชาญขนาดนั้นแต่ว่าเราจะ
00:14:35 → 00:14:37 สังเกตเห็นว่าในในวินาทีนั้นเนี่ยแต่ผม
00:14:37 → 00:14:39 เคยผม
00:14:39 → 00:14:42 เคยไม่ได้ผมไม่ได้เป็นนักสะกดจิตนะพี่
00:14:42 → 00:14:44 อ้อยแต่ว่าผมเคยมีประสบการณ์บางอย่างใน
00:14:44 → 00:14:47 การเป็นวิทยากรบรรยายนี่แหละอแล้วเราจะ
00:14:47 → 00:14:50 ต้องเปลี่ยนอะไรบางอย่างของคนที่แบบอยู่
00:14:50 → 00:14:53 ลึกๆเนี่ยนะอผมไม่ได้ใช้ลักษณะของการสะกด
00:14:53 → 00:14:56 จิตค่ะแต่ว่าผมจะใช้ลักษณะของความที่แบบ
00:14:56 → 00:15:01 ว่าประทับใจมากๆออ่าค่ะพทมาด้วอะไรเวลา
00:15:01 → 00:15:03 ที่เราบรรยายเนี่ยแล้วเราทำกระบวนการบาง
00:15:03 → 00:15:08 อย่างเพี่อ้อยอืเราก็จะเปิดประตูของจิต
00:15:08 → 00:15:12 ใต้สำนึกเคเนี่ยโดยให้เขาแบบตกใจมากๆอื
00:15:12 → 00:15:16 แล้วเราก็พลิกกลับอย่างเร็วอืพลิกับอย่าง
00:15:16 → 00:15:20 เร็วปุ๊บเาจะเกิดความประทับใจมากๆอือฮึ
00:15:20 → 00:15:23 เป็นช่วงเวลาที่จิตสนึเปิดเหมือนกันอือๆ
00:15:23 → 00:15:26 ผมจะยกตัวอย่างนะครับอย่างเวลาที่เนี่ย
00:15:26 → 00:15:30 ความทรงจำที่ไม่ดีของต้องบอกคุณผู้ฟังว่า
00:15:30 → 00:15:33 ผมเป็นจิตอาสาบรรยายในเรือนจำเนี่ยคือผู้
00:15:33 → 00:15:36 ต้องขังเนี่ยพฤติกรรมเขาเนี่ยถูกขับ
00:15:36 → 00:15:38 เคลื่อนจากอะไรบางอย่างที่มันอยู่ในระดับ
00:15:38 → 00:15:41 จิตใต้สำนึกเลยนะค่ะแต่พอเราจะซ่อมปุ๊บ
00:15:41 → 00:15:45 เนี่ยอธิบายด้วยเหตุผลไม่พอไม่มันมันคนละ
00:15:45 → 00:15:48 ที่กันคนละที่เออเหตุผลมันอยู่ที่สมองมัน
00:15:48 → 00:15:50 อยู่ที่สมองแต่นี่มันอยู่ลึกลงไปเลยเนี่ย
00:15:50 → 00:15:53 ใช่แก้กันไม่ได้วิธีที่ผมใช้นะที่ผมผมไม่
00:15:53 → 00:15:56 ใช่เป็นนักสะกดจิตต้องบอกก่อนย้มอีกทีแต่
00:15:56 → 00:15:59 ว่าวิธีที่ผมใช้ก็คือผมจะใช้ความที่เแบบ
00:15:59 → 00:16:04 ช่วงเวลาที่เาตกใจมากๆค่ะแล้วสะเทือนแบบ
00:16:04 → 00:16:06 เขย่าอารมณ์อ่ะแล้วก็พลิกกลับอย่างเร็ว
00:16:06 → 00:16:09 อ่ะอือฮึอย่างเช่นวิธีที่ผมใช้อันนึงก็
00:16:09 → 00:16:12 คือที่ได้ผลนะแล้วมีผลก็คือเข้าไปถึง
00:16:12 → 00:16:15 บรรยายผู้ต้องขังเนี่ยผมจะไม่อธิบายด้วย
00:16:15 → 00:16:19 เหตุผลอะไรเลยอือผมจะใช้ผมเคยใช้แจกัน
00:16:19 → 00:16:22 กระเบื้องเคลือบอ่ะครับค่ะเขวี้ยงกับพื้น
00:16:22 → 00:16:25 อืออตอนเริ่มบรรยายนี่เอาใจการกระเบื้อง
00:16:25 → 00:16:27 เคลือบเนี่ยเขวี้ยงกับพื้นแล้วแตกกระจายอ
00:16:28 → 00:16:31 คเจออย่างงั้นนี่พี่อคิดว่าตกใจป่ะตกใจเ
00:16:31 → 00:16:35 จะบอกเฮ้ยอะไรวะคือมันทำไมต้องตกใจขนาด
00:16:35 → 00:16:39 นั้นอือๆเพราะผู้ต้องหางส่วนใหญ่เ้ามาไม่
00:16:39 → 00:16:43 คัดคิดเมาถึงวันนี้ได้เนี่ก็คือทุกคนผ่าน
00:16:43 → 00:16:45 กระบวนการของความรุนแรงกันหมดน่ะอือเพราะ
00:16:45 → 00:16:49 ้าอะไรนุ่มๆนี่ไม่รู้เรื่องหรอกอืต้องแรง
00:16:49 → 00:16:53 กว่าอืออยู่ๆวิทยากรเอาแกการกระเบื้องเคื
00:16:53 → 00:16:56 มาขว้างต่อหน้าเนี่ยแตกกระจายแรงแค่ไหน
00:16:56 → 00:16:59 วิทยากรแรงกว่า
00:16:59 → 00:17:02 อันนี้เป็นคำสำคัญเลยพี่อ้อยค่ะถ้า
00:17:02 → 00:17:05 พฤติกรรมของคนที่เขาโดนความรุนแรงแล้ว
00:17:05 → 00:17:08 ความรุนแรงนั้นเนี่ยฝังลใบลึกเนี่ยค่ะเรา
00:17:08 → 00:17:13 จะต้องแรงกว่าอ่าไม่งั้นเพื่อไปไปทัชเอ่อ
00:17:13 → 00:17:16 ตงนั้นความรุนแรงนั้นขึ้นมาเออใช่แต่เรา
00:17:16 → 00:17:19 ไม่ได้หมายความว่านิยมความรุนแรงนะแต่ว่า
00:17:19 → 00:17:23 ต้องแรงกว่าค่ะพอแรงกว่าปุ๊บเจะแบบเฮ้ย
00:17:23 → 00:17:25 อะไรวะเนี่ยอะไรอย่างเงี้ยเสร็จแล้วหลัง
00:17:25 → 00:17:28 จากนั้นเราใช้สิ่งนั้นเนี่ยทำกระบวนการ
00:17:28 → 00:17:32 อือแล้วทำให้เขาเข้าใจเรื่องบางเรื่องค่ะ
00:17:32 → 00:17:36 แล้วเขาจะเกิดความประทับใจอย่างรุนแรงอื
00:17:36 → 00:17:41 อันนี้แหละอันนี้เป็นคุณยุของผมนะในการ
00:17:41 → 00:17:45 เปลี่ยนความทรงจำที่ไม่ดีเนี่ยแล้วแปลง
00:17:45 → 00:17:47 มันแล้วเาเกิดการเรียนรู้ปึ๊บหลังจากนั้น
00:17:47 → 00:17:52 เนี่ยเพื่อจะทำให้ชีวิตเขาจึ้งในอนาคตอ
00:17:52 → 00:17:58 อันนี้เป็นเทคนิคชั้นสูงมากซึ่งซึ่งไม่
00:17:58 → 00:18:01 ใช่ใครก็ก็จะทำได้อ่าต้องก็ต้องเรียนรู้
00:18:01 → 00:18:03 เพราะว่าอันนี้มันต้องต้องบอกก่อนว่าต้อง
00:18:03 → 00:18:05 ขอบคุณหลักสูตรที่ผมเคยไปเรียนมาจาก
00:18:05 → 00:18:07 ฝรั่งเศสนะเรื่องการสื่อสารเพื่อการพัฒนา
00:18:07 → 00:18:10 มนุษย์เนี่ยเขาจะสอนว่าเราจะต้องสามารถ
00:18:10 → 00:18:14 ใช้ใช้สัญลักษณ์อ่ะที่จับต้องได้อ่ะค่ะ
00:18:14 → 00:18:17 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ผมใช้คำว่าสัญญวิถีนะ
00:18:17 → 00:18:20 ค่ะอันเนี้ยผมก็ใช้ใช้ความรุนแรงจาก
00:18:20 → 00:18:23 กระเบื้องเคลือบเนี่ยจากแจการกระเบื้อง
00:18:23 → 00:18:26 เนี่ยค่ะเวี้ยงเลยค่ะอันนี้เป็นอันนี้
00:18:26 → 00:18:30 เป็นสัญลักษณ์อ่าที่ทำให้เคตกใจอือฮึแล้ว
00:18:30 → 00:18:34 ทำให้เขาเข้าใจค่ะแล้วเขาก็จะเปลี่ยนจาก
00:18:34 → 00:18:36 สิ่งที่เขาจด
00:18:36 → 00:18:40 จำในระดับจิตใต้สำนึกเนี่ยอือแปลงกลับมา
00:18:40 → 00:18:43 เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ค่ะแล้วชีวิตเขาก็
00:18:43 → 00:18:47 จะจึ้งในอนาคตออย่างงี้เป็นต้นนะฮะเอาเอา
00:18:47 → 00:18:49 แบบง่ายๆแบบพี่อ้อยมั้ยคะเออๆของพี่อ้อย
00:18:50 → 00:18:54 มีแบบง่ายๆเป็นยังไงฮะง่ายเลยเออๆๆก็คือ
00:18:55 → 00:18:59 เมื่อกี้เราคุยกันเรื่องคลื่นสมองอ้าจะ
00:18:59 → 00:19:03 เปิดตอนที่งัวเงียง่วงๆเออใช่เบลอๆอะไร
00:19:03 → 00:19:05 อย่างเงี้ใช่มั้ยคะก็คือคลื่นสมองอัลฟ่า
00:19:05 → 00:19:11 เนาะตรงนี้เนี่ยเอ่อก็คือมีเคสนะคะที่อ
00:19:11 → 00:19:14 ที่ที่ยกตัวอย่างให้ฟังก็คืออ่าเป็นคุณ
00:19:14 → 00:19:18 พ่อคุณแม่ที่เขารู้เรื่องนี้ออตั้งแต่ลูก
00:19:18 → 00:19:23 เล็กๆเลยเออๆๆเขาก็จะบอกว่าลูกเรียน
00:19:23 → 00:19:27 มหาวิทยาลัยนี้อืจบเกียรตินิยมอันดับ 1
00:19:27 → 00:19:32 อือแบบนี้อืพูดตั้งแต่ลูกเบบี๋ก่อนนอนตอน
00:19:32 → 00:19:37 ที่เอาลูกนอนอพูดจนในที่สุดลูกก็จบ
00:19:37 → 00:19:40 มหาวิทยาลัยนี้ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1
00:19:40 → 00:19:46 อออ่าประมาณนั้นอันนั้นคือพ่อแม่ใส่เข้า
00:19:46 → 00:19:49 ไปในลูกค่ะอืแต่ว่าง่ายกว่านั้นคือวัน
00:19:49 → 00:19:52 เนี้ยเราไม่อาจจะไม่มีพ่อแม่มาใส่อะไรให้
00:19:52 → 00:19:55 เราล่ะเออๆเราทำเองค่ะอ๋อตอนที่เราก่อน
00:19:55 → 00:20:00 นอนเออๆเราก็เห็นภาพเลยค่ะเออเห็นภาพที่
00:20:00 → 00:20:03 ตัวเองอยากเป็นภาพเดียวนั้นแหละสร้างขึ้น
00:20:03 → 00:20:06 มาเป็นเหมือนฉายหนังสั้นๆอือๆมีแสงสี
00:20:06 → 00:20:10 เสียงอยากเป็นอะไรอยากสำเร็จแบบไหนอยากมี
00:20:10 → 00:20:16 สุขภาพดีเห็นตัวเองโอ้โหแบบเดินวิ่งแบบ 5
00:20:16 → 00:20:22 กมสบายๆแข่ง tral อ่าวิ่งอะไรอย่างเงี้ย
00:20:22 → 00:20:24 แบบคืออะไรก็ได้เป็นสิ่งที่ตัวเองสร้าง
00:20:25 → 00:20:28 ภาพขึ้นมาเป็นหนังสั้นออแล้วก็คิดภาพนั้น
00:20:28 → 00:20:32 น่ะแล้วก็มีความสุขกับตรงนั้นอืก่อนนอนจน
00:20:32 → 00:20:39 หลับไปออื่าโอ้โหคุณผู้ฟังครับผมผมประทับ
00:20:39 → 00:20:41 ใจมากเลยที่เมื่อกี้นี้พอผมเล่าให้ฟัง
00:20:41 → 00:20:43 เรื่องซึ่งมันเป็นกระบวนการที่มันมันมี
00:20:43 → 00:20:46 ประโยชน์จริงนะค่ะแต่ว่าไม่ใช่ใครก็ทำได้
00:20:46 → 00:20:51 นะค่ะมันก็มีประโยชน์แต่ว่าต้องไม่ก็ไม่
00:20:51 → 00:20:54 ง่ายต้องเข้าใจอะไรบางอย่างแต่พอพี่อพูดก
00:20:54 → 00:20:57 ว่ามาลองวิธีง่ายกว่านั้นมั้ยบอกเฮ้ยมี
00:20:57 → 00:21:00 เหรอเอ้าแล้วพอพี่อ้อยเล่าให้ฟังนะครับ
00:21:00 → 00:21:04 คุณผู้ฟังเฮ้ยมันง่ายจริงด้วยอือแต่ว่า
00:21:04 → 00:21:07 มันเป็นความง่ายที่ต้องบอกก่อนนะครับว่า
00:21:07 → 00:21:10 ค่ะมันเป็นความง่ายที่พี่อ้อยแปลงมาจาก
00:21:10 → 00:21:14 ทฤษฎีที่ค่อนข้างดูเหมือนยากอือคือคำที่
00:21:14 → 00:21:16 อยู่เบื้องหลังคำเมื่อกี้คือการสะกดจิต
00:21:16 → 00:21:19 นั่นเองค่ะเออแต่เราบอกอุ้ยเราไม่ใช่นัก
00:21:19 → 00:21:24 สะกดจิตค่ะแต่พี่อ้อยเนี่ยค้นหาวิธีในการ
00:21:24 → 00:21:29 สะกดจิตตัวเองค่ะซึ่งเราทุกคนทำได้ธรรมดา
00:21:29 → 00:21:31 แล้วเป็นเรื่องจริงด้วยใช่แต่เมื่อกี้นี้
00:21:31 → 00:21:34 พี่ย้อยพูดถึง 2 อย่างนะค่ะพ่อแม่สะกดจิต
00:21:34 → 00:21:39 รูปออกับตัวเองถ้าเราแก่ขนาดนี้พ่อแม่ไม่
00:21:39 → 00:21:43 มาสะกดจิตแล้วเราสามารถสะกดจิตตัวเองได้
00:21:43 → 00:21:46 ใช่ด้วยการพูดกับตัวเองใช่มั้ฮะคเนี่ยพูด
00:21:46 → 00:21:50 ซ้ำๆเห็นภาพซ้ำๆพูดซ้ำซำเห็นภาพซ้ำๆให้
00:21:50 → 00:21:54 ชัดเจนค่ะก่อนนอนค่ะนะฮะแล้วก็แค่นั้น
00:21:54 → 00:21:58 แหละค่ะเป็นการสะกดจิตตัวเองแล้วก็เป็น
00:21:58 → 00:22:03 การไปแก้ไขจิตใต้สำนึกจริงๆเรียกว่าแก้ไข
00:22:03 → 00:22:06 ไหมอาจจะไม่สร้างใหอ่ะสร้างใหม่เพราะว่า
00:22:06 → 00:22:09 ไอ้ที่มันอยู่มันถูกถมอยู่ข้างล่างอ่ะก็
00:22:09 → 00:22:13 ให้มันถมไว้แต่เราสร้างสิ่งดีใหม่เนี่ย
00:22:13 → 00:22:16 ขึ้นมาให้มันมากให้มันถี่ให้มันเยอะแล้ว
00:22:16 → 00:22:19 มันอยู่ด้านบนเพราะฉะนั้นเนี่ยพอมันอยู่
00:22:19 → 00:22:22 ด้านบนเนี่ยเราจับต้องได้เร็วเอามาใช้ได้
00:22:22 → 00:22:25 เร็วสำเร็จได้เร็วโอ้โหต้องบอกก่อนเลยนะ
00:22:25 → 00:22:28 ครับคุณผู้ฟังครับวันนี้เนี่ยตอนจำซะจึ้ง
00:22:29 → 00:22:33 เนี่ยนอกจากจะตอนชื่อตอนนี้งงๆปึ๊บแต่พอ
00:22:33 → 00:22:35 อธิบายปุ๊บชัดเจนพอชัดเจนเสร็จปุ๊บพี่
00:22:35 → 00:22:40 อ้อยมีกลยุทธ์หรือว่ามีเคล็ดลับที่สามารถ
00:22:40 → 00:22:43 เอาไปปฏิบัติได้นะครับที่เราจะสามารถ
00:22:43 → 00:22:46 สร้างความทรงจำใหม่ๆค่ะที่จะทำให้เรา
00:22:46 → 00:22:50 ชีวิตเราจึ้งได้แล้วมันก็ฝั่งจิตใต้สำนึก
00:22:50 → 00:22:54 ทับทับไปเรื่อยๆๆแล้วข้างบนนี่แหละจิตใจ
00:22:54 → 00:22:56 สนึกเี่เชื่อละเออมันจะเชื่อปุ๊บไอ้ข้าง
00:22:56 → 00:23:00 ล่างมันออกมีผลไม่มีผลแล้วมันโดนทับโดน
00:23:00 → 00:23:03 ทับไปนี่ระหว่างที่กำลังฟังพี่อ้อยเล่าไป
00:23:03 → 00:23:05 ด้วยนะครับคุณผู้ฟังผมก็เริ่มเริ่มมีแล้ว
00:23:05 → 00:23:08 ผมมีเป้าหมายชัดเจนแล้วเนี่ยเฮ้ยว่า
00:23:08 → 00:23:13 เดี๋ยวๆ๋จะวันหลังต้องรอดูผลก่อนนะฮะเอผม
00:23:13 → 00:23:15 ก็จะเริ่มปฏิบัติเหมือนกันนะครับเอเนี่ย
00:23:15 → 00:23:17 ก็จะบอกกับตัวเองซึ่งจริงๆเป็นเรื่อง
00:23:17 → 00:23:20 บังเอิญนะพี่อ้อยเมื่อไม่นานมานี้ผมเริ่ม
00:23:20 → 00:23:22 มีความคิดว่าผมอ่ะอยากจะเห็นภาพตัวเอง
00:23:22 → 00:23:25 เป็นอะไรอุยแต่ว่ายังไม่เคยใช้กระบวนการ
00:23:25 → 00:23:28 นี้อยากรู้จังเลยเออเดี๋ยวๆเดี๋ยวผมจะเล
00:23:28 → 00:23:32 พี่อ้อยฟังหลังไมคโอค่ะๆนะฮะแต่ว่ายังไง
00:23:32 → 00:23:35 ก็ตามทีนะครับคุณผู้ฟังความทรงจำถ้าเรา
00:23:35 → 00:23:40 ปล่อยไปแบบไม่มีให้มันเป็นไปตามชะตากรรม
00:23:40 → 00:23:43 ของมันน่ะมายังไงก็ไปอย่างงั้นล่ะแล้วก็
00:23:43 → 00:23:46 ส่งผลต่อชีวิตเราเป็นอย่างงั้นใช่แล้วเรา
00:23:46 → 00:23:49 ก็โทษชะตากรรมอยเออเราก็โทษชะตากรรมแต่
00:23:49 → 00:23:52 ถ้าเกิดเรารู้เคล็ดลับนี้ว่าเราควบคุมมัน
00:23:52 → 00:23:57 ได้อืเราสามารถแก้ไขมันได้เราสามารถสร้าง
00:23:57 → 00:24:02 ใหม่ได้อือวิธีง่ายมากก็แค่ถ้าใครจำไม่
00:24:02 → 00:24:06 ได้นะครับกลับไปฟังพคตอนนี้นะนับจากช่วง
00:24:06 → 00:24:10 นาทีที่ประมาณ 20 เนี่ยอืที่พี่อ้อย
00:24:10 → 00:24:14 อธิบายว่าวิธีง่ายมากแค่ทำสิ่งนี้ค่ะ
00:24:14 → 00:24:17 ชีวิตเราเนี่ยความทรงจำที่เราสร้างขึ้นมา
00:24:17 → 00:24:20 ใหม่เนี่ยมันจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นแล้วก็
00:24:20 → 00:24:24 จึ้งแน่นอนค่ะนะครับวันนี้ศัลกรรมคววาม
00:24:24 → 00:24:27 สุขผมพี่วีและพี่อ้อยก็ต้องลาไปก่อนนะ
00:24:27 → 00:24:30 ครับสวัสดีครับสวัสดี
00:24:30 → 00:24:33 ค่ะติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:24:33 → 00:24:36 Application ของ Thai PBS podcast
00:24:36 → 00:24:39 spotify soundcloud Google podcast
00:24:39 → 00:24:42 Apple podcast และ YouTube Channel
00:24:42 → 00:24:46 Thai PBS podcast tha PBS podcast
00:24:46 → 00:24:49 View the world via The Voice
00:24:49 → 00:24:54 [เพลง]