00:00:00 → 00:00:02 สมมุติว่ามีคนทำงานเป็นกะที่เขาต้องเข้า
00:00:02 → 00:00:04 กะกลางคืนสลับกับกะกลางวันเวลามันผิด
00:00:04 → 00:00:07 เพี้ยนไปจากธรรมชาติมันเป็นข้อจำกัดของ
00:00:07 → 00:00:09 เราจะให้เราลาออกหรอมันก็ไม่ใช่ใช่ป่ะเรา
00:00:09 → 00:00:11 ก็ต้องปรับให้มันไม่กระทบกับตัวเองอ่ะค่ะ
00:00:11 → 00:00:14 ถ้าเราสังเกตตัวเองเรื่อยๆอ่ะเราจะตัดไฟ
00:00:14 → 00:00:17 แต่ต้นลมได้แต่คนที่มันล้ำมาถึงกดไหลย้อน
00:00:17 → 00:00:19 แล้วมันพุ่งขึ้นมาแล้วมันจุกตรงคอแล้วมัน
00:00:19 → 00:00:21 แสบคอแล้วเนี่ยแปลว่าเขาไม่ได้มีการ
00:00:21 → 00:00:23 สังเกตตัวเองเลยว่าเฮ้ยเคท้องอืดท้องเฟ้อ
00:00:23 → 00:00:25 มานานแค่ไหนแล้วบางทีมันมันเริ่มต้นจาก
00:00:25 → 00:00:28 ความคิดของเราอ่ะมันดีไซน์ได้ค่ะเราอยาก
00:00:28 → 00:00:30 หายมั้ยล่ะเราตั้งเป้าไว้ว่าอยากจะหาย
00:00:30 → 00:00:33 อย่างรวดเร็วพอตั้งเป้าดีความคิดตรงนี้ดี
00:00:33 → 00:00:35 อ่ะวิธีการมันจะมาเองสิ่งที่เราคิดสิ่ง
00:00:35 → 00:00:38 ที่เราย้ำๆมันสร้างภาพสร้างชีวิตของเรา
00:00:38 → 00:00:41 เราอยากเห็นตัวเราเป็นยังไงอ่ะแข็งแรงไม่
00:00:41 → 00:00:43 ต้องพึ่งคนอื่นไปตลอดชีวิตไม่ต้องเป็น
00:00:43 → 00:00:46 ภาระใครสุขภาพดีมีความเบิกบานมีพลังชีวิต
00:00:46 → 00:00:49 เราใส่เข้าไปค่ะแล้วมันจะค่อยๆนำเราไปสู่
00:00:49 → 00:00:54 คำพูดใหม่การกระทำใหม่ชะตากรรมใหม่อืได้
00:00:55 → 00:01:00 เกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไกลโรค
00:01:00 → 00:01:04 สวัสดีค่ะสวัสดีค่ะวันนี้นะคะถึงคิวของ
00:01:04 → 00:01:07 แพทย์แผนไทยแล้วค่ะทุกคนวันนี้เราอยู่กับ
00:01:07 → 00:01:09 คุณหมอแดงนะคะให้ขออนุญาตให้คุณหมอแดงแนะ
00:01:09 → 00:01:12 นำตัวเองนิดนึงค่ะใช่ค่ะก็หมอแดงแพทย์แผน
00:01:12 → 00:01:14 ไทยนะคะเป็นแพทย์แผนไทยแล้วก็เป็นที่
00:01:14 → 00:01:16 ปรึกษาด้านการดูแลสุขภาพด้วยตัวเองแบบ
00:01:16 → 00:01:19 องค์รวมปัจจุบันก็มีทำช่องนะคะให้ความรู้
00:01:19 → 00:01:21 เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพใน YouTube
00:01:22 → 00:01:23 Healthy dacy สุขภาพดีไปด้วยกันแล้วก็
00:01:23 → 00:01:26 tiktok กับ Facebook นะคะแล้วก็ที่บ้าน
00:01:26 → 00:01:28 ก็เปิดร้านขายยาเป็นธุรกิจของที่บ้านค่ะ
00:01:28 → 00:01:32 เรียกว่ามาสายสุขสภาพแน่นอนเลยสุภาพค่ะ
00:01:32 → 00:01:35 วันนี้เราจะคุยกันถึงเรื่องของโรคในระบบ
00:01:36 → 00:01:38 ย่อยค่ะอาจจะไม่ใช่โรคก็ได้แต่ว่าเป็น
00:01:38 → 00:01:40 สิ่งที่ความไม่สบายกายที่เกิดขึ้นในระบบ
00:01:40 → 00:01:43 ย่อยอาหารเนาะก่อนอื่นคุณหมอบอกว่าเราจะ
00:01:43 → 00:01:47 คุยเรื่องแผนไทยเนี่ยต้องรู้จากธาตุอ่า
00:01:47 → 00:01:49 เดี๋ยวเรามาคุยเรื่องธาตุกันก่อนดีกว่า
00:01:49 → 00:01:52 ค่ะว่าธาตุในร่างกายเนี่ยมีอะไรบ้างแล้ว
00:01:52 → 00:01:55 แต่ละธาตุเนี่ยมีความสำคัญยังไงโอเคค่ะ
00:01:55 → 00:01:58 จริงๆเป็นการปูพื้นที่ดีตอนแดงมาเรียนแพท
00:01:58 → 00:02:00 แผนไทยเนี่ยแดงว่าความรู้เรื่องท่าเนี่ย
00:02:00 → 00:02:02 เป็นสิ่งที่จริงๆควรจะสอนในโรงเรียนเลย
00:02:02 → 00:02:05 แหละในนางแพทแผนไทยนะคะเราเราอธิบายแบบ
00:02:05 → 00:02:07 นี้ร่างกายของเราเนี่ยประกอบด้วย 4 ท่า
00:02:07 → 00:02:11 เนาะดินน้ำลมไฟนะคะประกอบกับจิตวิญญาณก็
00:02:11 → 00:02:14 เป็นชีวิตของเราเาเรียกเบญจขันธ์เนาะคราว
00:02:14 → 00:02:16 นี้เราก็ได้ยินมาตลอดแหละดินน้ำลมไฟแล้ว
00:02:16 → 00:02:18 มันคืออะไรใช่มยจริงๆแล้วอ่ะค่ะธาตุอ่ะ
00:02:18 → 00:02:20 มันก็คือพลังงานเหมือนกันหมดเเรียก
00:02:20 → 00:02:23 สามัญลักษณะมันเป็นพลังงานแต่ว่ามันจะมี
00:02:23 → 00:02:26 วิเศษลักษณะคือลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน
00:02:26 → 00:02:29 เช่นธาตุดินก็คือมีลักษณะที่เรามองเห็น
00:02:29 → 00:02:32 เราจับต้องได้นะคะมันก็คืออวัยวะของเรา
00:02:32 → 00:02:36 นั่นเองอ่าตาเกศาโรมานะขาดทันตาีมั้ยเออ
00:02:36 → 00:02:40 ผมขนเล็บฟันหนังพวกเนี้ยเราเห็นได้เราจับ
00:02:40 → 00:02:43 ได้มันมีมวลมันมีสาสารอันเนี้ยคือธาตุดิน
00:02:43 → 00:02:45 นะคะในทางแผนไทยเนี่ยมีอยู่ 20 อย่าง
00:02:45 → 00:02:49 กระเพาะลำไส้ก็ถือว่าเป็นธาตุดินอดือจะ
00:02:49 → 00:02:51 มองไม่เห็นใช่แต่ว่าผ่าออกมาหรือว่าเราไป
00:02:51 → 00:02:53 2 กล้องอยู่นี้ก็อ่ะเริ่มมองเห็นะใช่่
00:02:53 → 00:02:55 มั้ยคะแต่จริงๆธาตุดินเนี่ยมันทำงานไม่
00:02:55 → 00:02:57 ได้หรอกค่ะธาตุดินเนี่ยเป็นที่อยู่ของอีก
00:02:57 → 00:03:01 3 ธาตุก็คือน้ำลมแล้วก็ไฟอืธาตุน้ำกัน
00:03:01 → 00:03:04 บ้างธาตุน้ำมันก็เป็นของเหลวที่ไหลเวียน
00:03:04 → 00:03:07 ในร่างกายของเราเนาะอะไรบ้างเลือดน้ำ
00:03:07 → 00:03:11 เหลืองค่ะปัสสาวะอ่ามันข้นมันเหลวน้ำตา
00:03:11 → 00:03:14 น้ำลายน้ำมูกเป็นหมดเลยนะคะธาตุน้ำเนี่ย
00:03:14 → 00:03:16 ก็มีลักษณะเฉพาะคือมันเหลวมันไหลมันชุ่ม
00:03:17 → 00:03:20 แช่มันเอิบอาบมันหล่อเลี้ยงธาตุดินอ่าเรา
00:03:20 → 00:03:23 ต้องมีเลือดคคราวนี้เลือดเนี่ยมันอยู่เฉย
00:03:23 → 00:03:26 ๆมันก็ไม่สามารถเดินทางได้หรอกค่ะมันต้อง
00:03:26 → 00:03:30 มีลมกับไฟอ่าธาตุลมกับไฟก็ถึงสำคัญตรงนี้
00:03:30 → 00:03:32 ลมเนี่ยเป็นธาตุที่ไหลเวียนทั่วร่างกาย
00:03:32 → 00:03:34 เรามองไม่เห็นลมถูกปน้องแพนด้าค่ะแต่เรา
00:03:35 → 00:03:38 รู้สึกนิใช่ว่าตอนเอ่ะเฮ้ยเรามันเย็นนะมี
00:03:38 → 00:03:41 ลมมาปะทะหน้าเราเราหายใจได้นี่แหละคือ
00:03:41 → 00:03:43 ลักษณะของธาตุลมมองไม่เห็นแต่รู้สึกได้
00:03:43 → 00:03:46 ว่ามีอยู่อืธาตุลมเนี่ยพี่ถึงให้ความ
00:03:46 → 00:03:49 สำคัญเพราะว่าลมมองไม่เห็นนะค่ะเพราะ
00:03:49 → 00:03:51 ฉะนั้นไปตรวจด้วยเครื่องไม้เครื่องมือแผน
00:03:51 → 00:03:54 ปัจจุบันเนี่ยมันตรวจไม่ได้อ่ะถูกป่ะแต่
00:03:54 → 00:03:57 เรามีวิธีการในทางแผแมนไทยเนี่ยมีวิธีการ
00:03:57 → 00:04:00 ในการสังเกตได้แล้วก็เอามาบำบัดโรคอาการ
00:04:00 → 00:04:03 ทางลมได้เนาะเดี๋ยวจะค่อยพูดต่อไปส่วนไฟ
00:04:03 → 00:04:05 อ่ะไฟก็เป็นพลังงานที่มองไม่เห็นเหมือน
00:04:05 → 00:04:09 กันแต่ว่ามีความร้อนอ่าเราจะรู้สึกได้จาก
00:04:09 → 00:04:11 ความร้อนนี่แหละเพราะฉะนั้นลมกับไฟเนี่ย
00:04:11 → 00:04:15 ค่ะที่จะไปผลักให้น้ำไปหล่อเลี้ยงดินนี่
00:04:15 → 00:04:18 คือกระบวนการทำงานของธาตุทั้ง 4 ประกอบ
00:04:18 → 00:04:21 กับความคิดความรู้สึกของเราบางทีเราดูแล
00:04:21 → 00:04:23 ร่างกายดีนะแต่ทำไมฉันยังรู้สึกเหมือน
00:04:23 → 00:04:27 ป่วยๆนะอ๋อความคิดนี่เองเครียดไงกังวลมัน
00:04:27 → 00:04:29 ก็ไปกระทบกับธาตุ 4 ได้เหมือนกันอ่าเพราะ
00:04:30 → 00:04:32 ฉะนั้นอันนี้เป็นคร่าวๆของแพทย์แผ่นไทย
00:04:32 → 00:04:35 ค่ะเรียกได้ว่าธาตุดินน้ำลมไฟเนี่ยมีใน
00:04:35 → 00:04:38 ร่างกายของเราทุกคนเลยแล้วก็เราจำเป็นที่
00:04:38 → 00:04:40 จะต้องรู้วิธีในการที่จะดูแลเขาให้สมดุล
00:04:40 → 00:04:42 ด้วยใช่ไหมยคะใช่เป็นองค์ความรู้ที่เกิด
00:04:43 → 00:04:45 ถ้ารู้นะแสดงว่าเป็นประโยชน์กับทุกคนเลย
00:04:45 → 00:04:48 อืค่ะวันนี้เราคุยเรื่องระบบย่อยค่ะคุณ
00:04:48 → 00:04:51 หมอแดงดังนั้นหนูเลยอยากรู้ว่าเวลาที่เรา
00:04:51 → 00:04:53 กินอาหารเข้าไปแล้วเนี่ยค่ะธาตุอะไรใน
00:04:53 → 00:04:56 ร่างกายของเราทำงานบ้างคะอ่าเป็นคำถามที่
00:04:56 → 00:04:59 ดีค่ะจริงๆทั้ง 4 ทาตเนี่ยก็ทำงานสอด
00:04:59 → 00:05:00 ประสานกันทั้งหมดนั่นแหละเนาะมันเชื่อม
00:05:01 → 00:05:03 โยงกันแต่ถ้าว่ากันด้วยเรื่องของระบบย่อย
00:05:03 → 00:05:05 เนี่ย 4 ธาตุมันประสานกันยังไงอ่ะธาตุดิน
00:05:05 → 00:05:08 ก่อนเวลาที่เรากินอะไรเข้าไปเนี่ยค่ะระบบ
00:05:08 → 00:05:10 ย่อยของคนเราเยมันเริ่มตั้งแต่ช่องปากเลย
00:05:10 → 00:05:14 จนถึงคู่ทวารเนาะในปากก็จะมีฟันมีลิ้นลง
00:05:14 → 00:05:18 ไปที่คอหอยหลอดอาหารกระเพาะอาหารลำไส้
00:05:18 → 00:05:20 ใหญ่ลำไส้เล็กในทางแพทย์แผ่นไทยจะเรียก
00:05:20 → 00:05:23 ว่าอันตังกับอันตะคุณังนะคะก็เป็นระบบ
00:05:23 → 00:05:25 เป็นธาตุดินน่ะแต่อย่างที่บอกว่าดินมันทำ
00:05:25 → 00:05:27 งานไม่ได้ใช่มั้ยคะมันต้องมีน้ำธาตุน้ำ
00:05:27 → 00:05:29 คือน้ำดีค่ะในทางแพทยแผนไทยเนี่ยเค้าจะ
00:05:29 → 00:05:32 พูดเลยว่ามีน้ำดีอยู่ 3 สถานน้ำดีแปลว่า
00:05:32 → 00:05:36 อะไรน้ำดีคือน้ำที่มีไฟย่อยอือย่างน้ำมูก
00:05:36 → 00:05:38 อย่าเงี้ยมันไม่ใช่น้ำดีนะน้ำดีอยู่ตรง
00:05:38 → 00:05:41 ไหนบ้างน้ำดีคือน้ำลายในช่องปากก่อนเลย
00:05:41 → 00:05:44 น้ำลายคือน้ำที่มีไฟย่อยถ้าลิงกับแผน
00:05:44 → 00:05:46 ปัจจุบันก็จะมีเอนไซม์ที่ย่อยใช่มั้ยพวก
00:05:46 → 00:05:49 คาฟพวกแป้งอ่าแล้วลงไปอีกสถานที่ 2 อยู่
00:05:49 → 00:05:53 ในไหนกระเพาะก็คือกรดนะคะในการย่อยโปรตีน
00:05:53 → 00:05:56 สถานที่ 3 ก็คือน้ำดีที่ตับหลั่งออกมา
00:05:56 → 00:05:59 เก็บเอาไว้ในถุงน้ำดีย่อยไขมันอันนี้คือ
00:05:59 → 00:06:01 บทบาทของน้ำที่พอเราเคี้ยวปุ๊บอ่าน้ำลาย
00:06:01 → 00:06:05 หลั่งย่อยได้คราวนี้ลมจริงๆลมในทางแผนไทย
00:06:05 → 00:06:07 เนี่ยกองที่ใช้ในการย่อยคือกองในไส้กับ
00:06:07 → 00:06:11 นอกไส้โกฏฐาสยาวาตากับกุฉิสยาวาตานะคะก็
00:06:11 → 00:06:14 เป็นลมที่ช่วยในการเหมือนคลุกเคล้าให้น้ำ
00:06:14 → 00:06:16 ดีมันหลังคือนึกภาพถ้าเกิดว่าดินกระเพาะ
00:06:16 → 00:06:18 อยู่เฉยๆอย่างเงี้ยมันไม่ทำงานถูกป่ะถ้า
00:06:18 → 00:06:21 มันมีลมต่างหากมันถึงจะขยับให้กระเพาะเรา
00:06:21 → 00:06:24 ขย่อนได้เนาะคราวนี้ไฟอีกอันนึงไฟเนี่ยจะ
00:06:24 → 00:06:28 มี 4 กองนะคะอ่าจะมีไฟระส่ำระสายไฟเอ่อทำ
00:06:28 → 00:06:30 ให้แก่ชราอะไรก็ไปแต่ว่าไฟที่ทำหน้าที่ใน
00:06:30 → 00:06:33 การย่อยเนี่ยเขาเรียกปรินมัคคีมันก็จะจุด
00:06:33 → 00:06:36 ขึ้นมาเมื่อเราให้เราหิวอ่ะค่ะจริงๆในทาง
00:06:36 → 00:06:38 แพทยแผนไทยเนี่ยไฟ่ะมาก่อนเลยนะเราจะรู้
00:06:38 → 00:06:40 สึกหิวก่อนเราถึงแบบเฮ้ยฉันต้องหาอาหาร
00:06:40 → 00:06:45 แล้วว่ะฉันไปเปิดตู้เย็นไฟมาลมมีโคร่ครก
00:06:45 → 00:06:48 แล้วเราก็กินเข้าไปเคี้ยวธาตุดินถึงทำงาน
00:06:48 → 00:06:51 เนี่ยคือกลไกของธาตุสที่เาอัตโนมัติอ่ะ
00:06:51 → 00:06:53 เชื่อมยงอัตโนมัติแล้วก็ทำงานในการย่อย
00:06:54 → 00:06:55 ให้เราแล้วถ้าสมมุติว่าเราเป็นคนที่มี
00:06:55 → 00:06:58 พฤติกรรมที่กินข้าวไม่ตรงเวลาล่ะคะแบบนี้
00:06:58 → 00:07:01 เนี่ยมันมีผลกระทบต่อธาตุหรือว่าการย่อย
00:07:01 → 00:07:05 อาหารยังไงบ้างแน่นอนค่ะมันจะรวนคือแดง
00:07:05 → 00:07:08 ว่าคนในวัยแบบหนุ่มสาวเนาะบางทีเรากินไม่
00:07:08 → 00:07:10 เป็นเวลาเนี่ยมันก็ยังไม่เป็นไรนิก็ก็เอา
00:07:10 → 00:07:13 อยู่บางคนไม่กินข้าว 3-4 วันกินแต่นมยัง
00:07:13 → 00:07:16 อยู่ได้เลยถูกป่ะแต่มันจะมาออกอาการตอน
00:07:16 → 00:07:20 วัยปัดฉิมวัยนี่แหละปิว 32 อันะคะไนางแพ
00:07:20 → 00:07:23 แผนไทยเราแบ่งคนออกเป็น 3 3 ช่วงนะ
00:07:23 → 00:07:28 ปฐมวัย 0 และเกิดจนถึง 16 ออ่ามัชฌิมวัย
00:07:28 → 00:07:31 คือ 16 -32 อ่ะช่วงเช่วงวัยรุ่นอะไร
00:07:31 → 00:07:33 เงี้ยเราก็เต็มที่อ่ะก็ไม่เห็นเป็นไริถูก
00:07:33 → 00:07:37 มั้ยคะแต่พอ 32 อัค่ะเริ่มและความเสื่อม
00:07:37 → 00:07:40 เริ่มมาถ้ากินข้าวไม่เป็นเวลาบ่อยๆเป็น
00:07:40 → 00:07:43 นิสัยบางคนก็จะเริ่มมาออกช่วงนี้จริงๆ
00:07:43 → 00:07:45 แล้วอ่ะกินไม่เป็นเวลาเนี่ยต้องบอกว่า
00:07:45 → 00:07:47 ระบบในร่างกายของเราอ่ะมันมีธรรมชาติของ
00:07:47 → 00:07:51 เขานะคะกระเพาะเนี่ยเขาหลั่งกรดออกมาตาม
00:07:51 → 00:07:53 นาฬิกาชีวภาพคือเราก็เป็นส่วนหนึ่งของ
00:07:53 → 00:07:55 ธรรมชาติเนาะกระเพาะมันหลั่งกดออกมาถ้า
00:07:55 → 00:07:57 เราไม่กินมันจะเป็นได้ 2 แบบ 1 เลยก็คือ
00:07:57 → 00:08:00 พอเราไม่กินใช่ป่ะพอสมมุติเราเสร็จงาน
00:08:00 → 00:08:02 อะไรแล้วเราไปกินเราจะหิวมากค่ะพอเราหิว
00:08:02 → 00:08:05 มากเกิดอะไรขึ้นกินเร็วกินมากเกินไปพอกิน
00:08:05 → 00:08:07 เร็วกินมากเกินไปนั่นแหละเป็นที่มาของ
00:08:07 → 00:08:10 ท้องอืดท้องเฟ้อลมเยอะอาหารไม่ย่อยอ้วน
00:08:10 → 00:08:14 ระบบเผ่าผ่านพังอือกับอีกแบบนึงก็คือพอ
00:08:14 → 00:08:17 ไม่ได้กินพอผ่านเวลาหิวไปปุ๊บไม่หิวและก็
00:08:17 → 00:08:20 ไม่กินพอไม่กินแต่กระเพาะมันยังต้องหลั่ง
00:08:20 → 00:08:23 กดออกมาเกิดอะไรขึ้นพวกนี้จะก็จะเป็นโรค
00:08:23 → 00:08:26 แบบว่าแสบท้องกดหลังออกมาโรคกระเพาะอ่ะ
00:08:26 → 00:08:28 ค่ะพูดง่ายๆนานวันพวกเนื้อเยื่อเซลล์ต่าง
00:08:28 → 00:08:31 ๆก็เป็นที่มาของกรดไหล่ย้อนนี่แหละคือกรด
00:08:31 → 00:08:34 มันควรจะอยู่ในกระเพาะแต่พอมันไม่อยู่ใน
00:08:34 → 00:08:37 กระเพาะมันโดนท้นมันล้นขึ้นมาเรื่อยๆก็
00:08:37 → 00:08:39 เรียกว่ากดไหลยอนเพราะฉะนั้นกินอาหารไม่
00:08:39 → 00:08:43 เป็นเวลาอย่านิ่งนอนใจคำว่ากินข้าวไม่ตรง
00:08:43 → 00:08:45 เวลาหนูขอขยายความเพิ่มนิดนึงเพราะว่าบาง
00:08:45 → 00:08:48 คนอาจจะมีนาฬิกาชีวิตไม่เหมือนกันน่ะบาง
00:08:48 → 00:08:51 คนเขาอาจจะต้องทำงานตอนกลางคืนอ่าก็คือ
00:08:51 → 00:08:54 ใช้เวลาใช้ชีวิตตอนกลางคืนตอนกลางวันเอาจ
00:08:54 → 00:08:56 จะพักผ่อนอาจจะนอนหรือว่าอาจจะทำให้ไม่
00:08:56 → 00:08:58 ได้กินข้าวเวลาเดียวกับคนปกติทั่วไปเช้า
00:08:58 → 00:09:01 กลางวันเย็นแบบเนี้ยแล้วอย่างเนี้ยค่ะคำ
00:09:01 → 00:09:03 ว่ากินข้าวตรงเวลาของแต่ละคนเป็นยังไงอ่ะ
00:09:03 → 00:09:06 อืจริงๆแต่ละคนอาจจะมีไลฟ์สไตล์ที่ต่าง
00:09:06 → 00:09:10 กันเนาะแต่ธรรมชาติมันเหมือนกันน่ะค่ะพระ
00:09:10 → 00:09:14 อาทิตย์กับพระจันทร์มันไม่เคยมีเวลาที่
00:09:14 → 00:09:17 เปลี่ยนไปตามแต่ละคนเขาเป็นของเขาแบบนี้
00:09:17 → 00:09:20 นี่คือกฎธรรมชาติใช่ไมั้ยคะคราวนี้ที่ที่
00:09:20 → 00:09:22 พี่บอกว่าควรจะใช้ชีวิตตามนาฬิกาชีวภาพ
00:09:22 → 00:09:26 แปลว่าอะไรแปลว่าใช้ชีวิตตามธรรมชาติใช่
00:09:26 → 00:09:29 มั้ยคะเราตื่นเช้ามาพร้อมแสงอาทิตย์นย่อย
00:09:29 → 00:09:31 เรามันจะหลังแล้วค่ะรู้สึกหิวตามธรรมชาติ
00:09:31 → 00:09:33 ของเราอ่ะเพราะฉะนั้นถ้าวิธีการกินที่ดี
00:09:33 → 00:09:36 ที่สุดเราควรที่จะกินตอนเช้ากับตอนกลาง
00:09:36 → 00:09:39 วันให้โอเคเย็นถ้าเกิดสมมุติวันไหนทำงาน
00:09:39 → 00:09:42 เยอะเราจะกินเราก็กินได้นะคะแต่คราวนี้
00:09:42 → 00:09:47 ถ้าเกิดว่าคนที่ต้องทำงานกลางคืนค่ะหรือ
00:09:47 → 00:09:50 ว่าเวลามันผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติมันเป็น
00:09:50 → 00:09:52 ข้อจำกัดของเราจะให้เราลาออกหรอมันก็ไม่
00:09:52 → 00:09:55 ใช่ใช่ป่ะเราก็ต้องปรับให้มันไม่กระทบกับ
00:09:55 → 00:09:58 ตัวเองอ่ะค่ะสมมุติว่ามีคนทำงานเป็นกะที่
00:09:58 → 00:10:00 บ้านเป็นร้านขายยาเนาะก็จะมีเสาโรงงาน
00:10:00 → 00:10:02 เหมือนกันที่เขาต้องเข้ากะกลางคืนสลับกะ
00:10:02 → 00:10:05 กะกลางวันแดนก็จะแนะนำว่าให้กินให้เป็น
00:10:05 → 00:10:07 เวลาให้มากที่สุดเช่นสมมุติเราจะต้องกิน
00:10:07 → 00:10:09 ก่อนเข้างานเราก็พยายามกินให้เป็นเวลา
00:10:09 → 00:10:12 นั้นแหละแต่ก็จะบอกเทุกคนว่าการที่เราทำ
00:10:12 → 00:10:14 งานไม่ตรงกับนาฬิกาชีวภาพเช่นทำงานกลาง
00:10:14 → 00:10:16 คืนแล้วนอนกลางวันอย่างเงี้ยต้องรู้ไว้
00:10:16 → 00:10:19 เลยว่าในระยะยาวเนี่ยระบบในร่างกายของเรา
00:10:19 → 00:10:22 อาจจะล้าเร็วกว่าคนอื่นนะคะแต่ส่วนคนทั่ว
00:10:22 → 00:10:24 ไปที่ทำงานตอนเช้าทำงานตอนกลางวันอย่าง
00:10:24 → 00:10:27 เงี้ยถ้าเป็นไปได้ก็ควรที่จะใช้ชีวิตตาม
00:10:27 → 00:10:31 นาฬิกาชีวภาพแปลว่าเช้ามามากินพอพบค่ำ
00:10:31 → 00:10:33 ร่างกายมันเตรียมตัวพักผ่อนแล้วค่ะถ้าเรา
00:10:33 → 00:10:35 ไปกินตอนนั้นน่ะเหมือนเราไปให้ OT
00:10:35 → 00:10:39 กระเพาะเราอ่ะอืเฮ้ยมันควรจะพักมยอ้าไม่
00:10:39 → 00:10:43 ว่ะอ่ะกินๆๆมันทำ OT ทุกวันนึกภาพไม่ไหว
00:10:43 → 00:10:46 นะล้าเร็วคนที่อายุมากขึ้นน่ะอายุเท่ากัน
00:10:46 → 00:10:48 นะแต่ความเสื่อมอาจจะไม่เท่ากันเพราะการ
00:10:48 → 00:10:51 ใช้ชีวิตอ่ะดูแลต่างกันคคนที่อายุมากกว่า
00:10:51 → 00:10:54 บางคนที่เขาดูแลร่างกายดีเนี่ยร่างกายเขา
00:10:54 → 00:10:56 อาจจะแข็งแรงกว่าคนวัยหนุ่มสาวที่ไม่ได้
00:10:56 → 00:10:58 ดูแลร่างกายก็ได้ถูกต้องเวลาที่เขามี
00:10:58 → 00:11:02 อาการตอนอายุยังน้อยอ่ะเช่น 25 30 อย่าง
00:11:02 → 00:11:05 เงี้ยดีใจไว้นะคะอย่าไปมองว่าแบบทุกข์เลย
00:11:05 → 00:11:08 นะมันมาเตือนให้เราอ่ะดูแลสุขภาพได้เร็ว
00:11:08 → 00:11:11 บางคนเคยสังเกตไม้อยู่ดีๆพรึบขึ้นมาอ้า
00:11:11 → 00:11:14 มะเร็งลำไส้หรือปึบเป็นโรคร้ายแรงไปเลย
00:11:14 → 00:11:18 มันไม่มีสัญญาณเตือนเลยนะโบร่แต่ถ้าเกิด
00:11:18 → 00:11:20 ว่าเรามีอาการก่อนอ่ะ 2530 มีเฮ้ยมัน
00:11:20 → 00:11:22 เหมือนแบบเอ้ยมาแล้ว่ะเราต้องเริ่มดูและ
00:11:22 → 00:11:24 เหมือนแดงแดนก็เริ่มดูแลตัวเองเร็วเพราะ
00:11:24 → 00:11:25 ว่าแดนก็ป่วยมาเร็วเหมือนกันอย่างเงี้ย
00:11:25 → 00:11:28 ค่ะอค่ะถ้าอย่างนั้นเนี่ยหมายความว่าเรา
00:11:28 → 00:11:31 ก็ต้องปรับนิสัยบางอย่างแล้วก็พฤติกรรม
00:11:31 → 00:11:33 ที่เราจะดูแลร่างกายของเราให้แข็งแรงด้วย
00:11:33 → 00:11:36 นอกจากเรื่องการกินข้าวให้ตรงเวลาแล้วมี
00:11:36 → 00:11:38 พฤติกรรมไหนในเรื่องของการทานอาหารที่เรา
00:11:38 → 00:11:40 ควรจะใส่ใจบ้างมั้ยคะอือาจจะเป็นประเภท
00:11:40 → 00:11:43 อาหารอะไรแบบเยค่ะอ่ะ 1 เลยกินให้พอดีกับ
00:11:43 → 00:11:46 ใช้อ่าอ่าอันนี้สำคัญมากอย่างที่น้อง
00:11:46 → 00:11:49 แบนด้ามีถามแล้วว่าเออมันจะแบบกินยังไง
00:11:49 → 00:11:51 อันเนี้ยโดยส่วนตัวแดงนะคะแดงจะไม่ได้มี
00:11:51 → 00:11:54 คำตอบฟิกตายตัวให้กับทุกคนเพราะแต่ละคน
00:11:54 → 00:11:57 เนี่ยมันไม่เหมือนกันเลยเรายึดแก่นแกนไว้
00:11:57 → 00:11:59 กินตามนาฬิกาชีวภาพที่บอกเนาเพราะน้ำย่อย
00:11:59 → 00:12:02 มันจะเหมือนเราให้งานคนในช่วงเวลาที่เา
00:12:02 → 00:12:05 ท็อปฟอร์มอ่ะเขาจะทำงานดียึดไว้แค่นี้กิน
00:12:05 → 00:12:08 ให้หลากหลายร่างกายเราต้องการความสมดุล
00:12:08 → 00:12:11 ทุกวันเนี้ปัญหาที่เจอบ่อยๆเลยนะสำหรับ
00:12:11 → 00:12:14 หลายๆคนก็คือมันจะมีแนวทางการกินที่แบบ
00:12:14 → 00:12:16 เยอะมากเลยอ่ะใช่อ่ะกินคีโตมั่งผักอย่าง
00:12:16 → 00:12:18 เดียวมั่งกินธัญพืชบ้างอะไรอย่างเงี้ยมัน
00:12:18 → 00:12:21 ก็แล้วแต่คนค่ะคำว่าฤดูกาลอันนี้ก็สำคัญ
00:12:21 → 00:12:23 เอออยากคอยเอาตรงนี้ทำไมเราถึงควรกิน
00:12:23 → 00:12:25 อาหารตามฤดูกาลสมมุติว่าเรากินอาหารเป็น
00:12:25 → 00:12:28 ผงชงอย่างงี้สมมุตินะคะเรากินทุกวันเลยจะ
00:12:28 → 00:12:30 หน้าร้อนหน้าหนักหนาวหน้าอะไรเราก็กินกับ
00:12:30 → 00:12:32 เรากินผลไม้ที่มันออกตามฤดูกาลเราจะได้
00:12:32 → 00:12:35 พลังชีวิตค่ะถามว่าอิ่มเหมือนกันมอิ่ม
00:12:35 → 00:12:38 เหมือนกันแต่พลังชีวิตต่างกันนึกภาพผัก
00:12:38 → 00:12:41 อ่ะกว่ามันจะงอกขึ้นมากว่ามันจะโดนฝนโดน
00:12:41 → 00:12:43 แดดความใส่ใจคนปลูกเรากินน่ะเราได้ตรง
00:12:44 → 00:12:46 นั้นนะค่ะสดใหม่อย่างเงี้ยหลังจาก in
00:12:46 → 00:12:49 Detail เราไปปรับให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์
00:12:49 → 00:12:51 ของเราอ่าแล้วก็สามารถที่จะเอาแนวทางนี้
00:12:51 → 00:12:54 ไปลองปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตของแต่ละคน
00:12:54 → 00:12:57 ใช่เพราะว่ามันไม่ได้มีสูตรสำเร็จเนาะไม่
00:12:57 → 00:12:59 มีสูตรสำเร็จอ่าค่ะทีนี้พูดถึงเรื่องของ
00:12:59 → 00:13:02 การย่อยอาหารค่ะคุณหมอเราจะได้ยินว่า
00:13:02 → 00:13:06 อาหารไม่ย่อยอ่ะอ่าแล้วอาหารไม่ย่อยเยค่ะ
00:13:06 → 00:13:08 มันจะเกิดขึ้นกับคนวัยไหนมากเป็นพิเศษ
00:13:08 → 00:13:10 หรือเปล่าคะจริงๆอาหารไม่ย่อยเนี่ยเกิด
00:13:10 → 00:13:12 ได้กับทุกวัยนะอย่างเช่นแบบเด็กอย่าง
00:13:12 → 00:13:15 เงี้ยเวลารีบๆกินสนุกๆกินไปดูไอแผดไป
00:13:15 → 00:13:17 อย่างเงี้ยก็อาหารไม่ย่อยได้หรือวัยรุ่น
00:13:17 → 00:13:20 อ่าเค้าเรียกว่าอะไรกินแบบจังก์ฟู้ดอ่ะ
00:13:20 → 00:13:24 เอาง่ายก็อาหารไม่ย่อยได้อแต่ที่เป็นเยอะ
00:13:24 → 00:13:26 ที่สุดเพราะว่าปัจจัยหลายๆอย่างมันมารวม
00:13:26 → 00:13:29 กันก็คือปัดฉิมเอาไวนี่แหละเพราะมันมีมี
00:13:29 → 00:13:31 พาร์ทของความเสื่อมค่ะมันหนีกันไม่ได้อ่ะ
00:13:31 → 00:13:33 กระเพาะทำงานมาตั้งกี่สิบปีแล้วมันก็
00:13:33 → 00:13:36 เสื่อมได้เนาะเพราะฉะนั้นคนในวัย 32 อัพ
00:13:36 → 00:13:39 ถึงเป็นวัยที่ควรจะเตรียมตัวดูแลเรื่อง
00:13:39 → 00:13:42 อาหารการกินให้มากขึ้นคือกินอย่างมีสติ
00:13:42 → 00:13:44 คือก่อนหน้าเยตอนวเราวัยรุ่นน่ะเรากินจะ
00:13:44 → 00:13:46 มีสติไม่มีสติยังไงอ่ะร่างกายเรามันก็ยัง
00:13:46 → 00:13:49 แบบเเอาเฮ้ยเอาอยู่ว่ะแต่ปัจจุบันเนี้ย
00:13:49 → 00:13:52 กินผิดนิดเดียวเนี่ยท้องอืดอาหารมันยอด
00:13:52 → 00:13:55 เป็น 7 วันก็มีนะมันจะมีอีกอย่างนึงที่จะ
00:13:55 → 00:13:57 เกิดขึ้นกับคนในอาจจะปัดชิมมาไวก็ได้ที่
00:13:57 → 00:14:00 หนูจะได้ยินบ่อยๆก็คือเรื่องของกรดไหล่
00:14:00 → 00:14:03 ย้อนหนูอยากจะรู้ว่าแล้วพฤติกรรมอะไรที่
00:14:03 → 00:14:05 นำไปสู่การเป็นกรดไหล่ย้อนเพราะว่าบางคน
00:14:05 → 00:14:07 ที่อาจจะไม่ได้ยังไม่ได้ถึงวัยนั้นหรือ
00:14:07 → 00:14:09 ยังไม่ได้เป็นเนี่ยพอเฟังเขจะได้แบบเช็ค
00:14:09 → 00:14:12 ตัวเองว่าเฮ้ยเรามีโอกาสเสี่ยงมยกรดไหล
00:14:12 → 00:14:14 ย้อนเนี่ยมันเป็นอาการนึงที่อยู่ในกลุ่ม
00:14:14 → 00:14:17 ของระบบย่อยเนาะกรดอ่ะอย่างที่พี่บอกว่า
00:14:17 → 00:14:19 มันจะควรจะอยู่ในไหนมันควรจะอยู่ใน
00:14:19 → 00:14:22 กระเพาะแต่ทำไมมันถึงไหลแล้วย้อนขึ้นมา
00:14:22 → 00:14:25 ล่ะก็เป็นเพราะว่าพฤติกรรมที่เราใช้ชีวิต
00:14:25 → 00:14:28 นั่นแหละที่มันทำให้ลมอ่ะดันขึ้นมาอยู่ดี
00:14:28 → 00:14:31 ๆคนน่ะไม่เป็นกดลย้อนหรอกค่ะเ้ามีสัญญาณ
00:14:31 → 00:14:33 เตือนมาเนืองๆมาโดยตลอดเคยได้ยินคำว่าตัด
00:14:33 → 00:14:36 ไฟแต่ต้นลมมั้ยเคยได้ยินค่ะเป็นเพราะว่า
00:14:36 → 00:14:38 เราไม่ได้ตัดไฟแต่ต้นลมมันเลยมากระทบน้ำ
00:14:38 → 00:14:40 กับดินและอ่าอันนี้อันนี้คือไม่ใช่เปรียบ
00:14:41 → 00:14:42 ไปแต่เป็นเรื่องจริงเป็นเรื่องจริงๆเป็น
00:14:42 → 00:14:45 เรื่องจริงๆคำโบราณน่ะพี่ชอบมากเพราะว่า
00:14:45 → 00:14:48 มันมีความหมายแทรกจริงๆนะคะตัดไฟแต่ต้นลม
00:14:48 → 00:14:51 อย่างที่พี่บอกว่าไฟกับลมเนี่ยมันเป็นตัว
00:14:51 → 00:14:53 ต้นก่อนที่จะมาถึงน้ำกับดินถ้าเราสังเกต
00:14:53 → 00:14:56 ตัวเองเรื่อยๆอ่ะเราจะตัดไฟจากต้นลมได้
00:14:56 → 00:14:58 แต่คนที่มันล้ำมาถึงกดไหลย้อนแล้วมันพุ่ง
00:14:58 → 00:15:01 ขึ้นมามาแล้วมันจุกตรงงคอแล้วมันแสบคอ
00:15:01 → 00:15:03 แล้วเนี่ยแปลว่าเขาไม่ได้มีการสังเกตตัว
00:15:03 → 00:15:05 เองเลยว่าเฮ้ยเคท้องอืดท้องเฟ้อมานานแค่
00:15:05 → 00:15:07 ไหนแล้วเ้ากินอาหารไม่เป็นเวลามานานแค่
00:15:07 → 00:15:11 ไหนแล้วเามีพฤติกรรมไม่รักตัวเองในการกิน
00:15:11 → 00:15:14 มานานแค่ไหนแล้วคนที่ไม่ได้ดูแลเรื่องของ
00:15:14 → 00:15:16 การกินแล้วแบบท้องอืดท้องเฟ้ออยู่เนืองๆ
00:15:16 → 00:15:18 บ่อยๆมีอาการก็กินยากินยากินยาแต่เราเาก็
00:15:18 → 00:15:20 ไม่ได้ปรับต้นเหตุนี่ก็ยังคงเป็นอย่าง
00:15:20 → 00:15:22 เงี้ยมันสะสมแล้วลมอ่ะค่ะลมกองใหญ่ที่สุด
00:15:23 → 00:15:24 กับไฟกรองใหญ่ที่สุดอยู่ตรงไหนอยู่ตรง
00:15:24 → 00:15:27 ท้องถ้าเกิดมันเคลื่อนไม่ดีมันขวางเหมือน
00:15:27 → 00:15:30 เราเอาขอนไม้ไปขวางกันลำธานน้ำกับลมมัน
00:15:30 → 00:15:32 เคลื่อนไม่ได้เกิดอะไรขึ้นมันดันสิคะ
00:15:32 → 00:15:35 เพราะลมในช่องท้องเป็นลมกองใหญ่แล้วเก็บ
00:15:35 → 00:15:37 ไว้นานวันมันจะมีความร้อนแล้วลมที่มีความ
00:15:37 → 00:15:41 ร้อนเขาเรียกลมกองละเอียดค่อนข้างอันตราย
00:15:41 → 00:15:43 แล้วทิศทางของลมที่มีความร้อนมันขึ้นบน
00:15:43 → 00:15:47 เสมอถูกป่ะค่ะมันขึ้นบนเสมอแล้วมันไปเจอ
00:15:47 → 00:15:51 อะไรบางคนไปเจอลิ้นปี่ก็จุกลิ้นปี่บางคน
00:15:51 → 00:15:55 ไปเจอคอหอยก็จุกคอหอยแต่ถ้ามันไปเสียดหัว
00:15:55 → 00:15:58 ใจตายได้นะคะที่พี่บอกเมื่อสักครู่นี้ว่า
00:15:58 → 00:16:00 ทำไมท้องอืในทางแผนไทยเราถึงมองว่าเฮ้ย
00:16:00 → 00:16:04 คุณต้องระวังไปเสียดตรงไหนก็ไปมีอาการตรง
00:16:04 → 00:16:06 นั้นเสียดตรงหลังก็ยอกหลังก็ยังโอเคแต่
00:16:06 → 00:16:08 จริงๆตรงหลังก็ไม่โอเคหรอกเพราะว่าเป็น
00:16:08 → 00:16:11 เส้นที่เกี่ยวข้องกับอัมพฤกษ์อัมพาตค่ะคน
00:16:11 → 00:16:15 ที่เคยเห็นมพุงใหญ่ๆแน่นๆนานวันเนี่ยตอน
00:16:15 → 00:16:18 แรกเขาจะปวดหลังก่อนอืหลังๆลมไปเสียดหลัง
00:16:18 → 00:16:21 เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตก็มีอ่าถึงกำลังจะบอก
00:16:21 → 00:16:24 ว่าอาการกดไหลยอนมันเป็นแค่พารทเดียว
00:16:24 → 00:16:27 เสี้ยวเดียวแต่จริงๆแล้วมันเป็นอาการ
00:16:27 → 00:16:29 เกี่ยวกับระบบย่อยที่มันมาจากพฤติกรรมการ
00:16:29 → 00:16:32 กินของเราถ้าน้องแพนด้าถามว่าพฤติกรรม
00:16:32 → 00:16:34 อะไรก็คือพฤติกรรมที่ไม่เคารพกระเพาะค่ะ
00:16:34 → 00:16:37 กระเพาะไม่ชอบอยู่ 4-5 อย่าง 1 เลยก็คือ
00:16:37 → 00:16:40 กระเพาะไม่ชอบทำงานเกินเวลาทำงานหนักอ่ะ
00:16:40 → 00:16:42 คนที่ให้กระเพาะทำงานหนักอย่างที่บอกว่า
00:16:42 → 00:16:44 กินดึกกินถี่เดี๋ยวก็กินกินจุบกินจิบกิน
00:16:44 → 00:16:48 จังเลยของที่มันย่อยยากตลอดเวลานะคะกิน
00:16:48 → 00:16:51 อาหารจังฟู้ดอ่ะเนี่ยคือให้ OT เขาบ่อย
00:16:51 → 00:16:56 เขาจะล้า 2 กระเพาะไม่ชอบความเย็นชเยอ่า
00:16:56 → 00:16:59 กระเพาะมันมันต้องหลั่งกรดร่างกายข้างของ
00:16:59 → 00:17:01 เราต้องการความอุ่นเพราะว่าไฟไงคะไฟย่อย
00:17:01 → 00:17:04 ต้องทำงานคุณไปกินเย็นๆดับไฟย่อยตลอดเวลา
00:17:04 → 00:17:06 ไม่โอเคคนที่ติดน้ำเย็นอันนี้ต้องระวัง
00:17:06 → 00:17:08 เนาะคืออย่างอย่างว่าบ้านเราเป็นเมือง
00:17:08 → 00:17:10 ร้อนจะไม่ให้กินน้ำเย็นเลยก็ไม่ใช่คือกิน
00:17:10 → 00:17:13 ได้นะแต่มันจะมีบางคนที่ไอติมน้ำแข็งน้ำ
00:17:13 → 00:17:16 ปั่นเจี๊ยบๆก่อนอาหารกินตลอดเวลากินน้ำ
00:17:16 → 00:17:18 อุ่นไม่ได้อย่างเงี้ยอันนี้พี่ว่าควร
00:17:18 → 00:17:21 เปลี่ยนพฤติกรรมแล้วถ้ากินไปกินข้าวไปกิน
00:17:21 → 00:17:24 น้ำไปอย่างงี้ก็ไม่ค่อยแนะนำนะคะก่อนมื้อ
00:17:24 → 00:17:27 อาหารนิดนึงในระหว่างกินข้าวแล้วก็หลัง
00:17:27 → 00:17:30 มื้ออาหารเนี่ยควรจะให้ฟเทำงานอือฮึเรา
00:17:30 → 00:17:32 กินน้ำแกงกินอะไรไปได้แต่ว่าไม่ควรแบบ
00:17:32 → 00:17:35 โอ้โหกินน้ำอึๆ 2 แก้วในช่วงเนี้ยโดยส่วน
00:17:35 → 00:17:37 ตัวคิดว่าไม่ควรอ่าอันเนี้ยเป็นพาร์ทของ
00:17:37 → 00:17:41 กระเพาะไม่ชอบความเย็นอ่าจริงๆดีที่สุดนะ
00:17:41 → 00:17:43 เคยทำไว้ในคลิปนึงก็คือการจัดลำดับการกิน
00:17:43 → 00:17:46 กินยังไงให้ย่อยดีเราต้องให้ความอุ่นกับ
00:17:46 → 00:17:48 กระเพาะก่อนกินซุปกินน้ำแกงก่อนอันเนี้ย
00:17:48 → 00:17:50 มันจะเหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่ากำลังจะ
00:17:50 → 00:17:53 กินแล้วนะนำย่อยจะออกมาดีนะคะ 3 กระเพาะ
00:17:53 → 00:17:56 ไม่ชอบอารมณ์ที่ครุ่นคิดค่ะอือารมณ์ครุ่น
00:17:56 → 00:17:58 คิดเนี่ยเป็นอารมณ์ของกระเพาะคือจริงๆ
00:17:58 → 00:18:00 ครุ่นคิดคิดได้แต่ว่าไม่ใช่ว่ากินไปด้วย
00:18:00 → 00:18:02 คิดงานไปด้วยกินไปด้วยแบบเฮ้ยจะกินแล้ว
00:18:02 → 00:18:05 มันจะอ้วนมยกินแล้วต้องนับแควอะไรพวก
00:18:05 → 00:18:08 เนี้ยจะไม่ส่งเสริมการย่อยเลยการกินที่ดี
00:18:08 → 00:18:10 ควรจะกินด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายขอบคุณ
00:18:10 → 00:18:13 นะคะมันถึงเป็นที่มาของว่าเราก็กินดีนะ
00:18:13 → 00:18:16 แต่ทำไมเราย่อยไม่ดีก็เครียดนี่แหละค่ะ
00:18:16 → 00:18:18 เครียดลงกระเพาะคุนคิดมากเกินไปอยู่ที่
00:18:18 → 00:18:21 ตรงนี้ 4 ก็คือกระเพาะไม่ชอบอะไรที่มัน
00:18:21 → 00:18:24 เป็นรสร้อนรสจัดเกินไปเพราะกระเพาะมัน
00:18:24 → 00:18:27 ร้อนอยู่แล้วคนที่กินที่มันเผ็ดผ็ดรสของ
00:18:27 → 00:18:30 ความร้อนในทางแผนไทยเมันอยู่ 3-4 รสค่ะรส
00:18:30 → 00:18:33 เผ็ดจัดๆรสเค็มจัดๆรสเปรี้ยวจัดๆเนี่ย 3
00:18:33 → 00:18:37 รสเนี้ยควรจะระวังหลายๆคนที่คุยแล้วมี
00:18:37 → 00:18:39 อาการเป็นโรคกระเพาะพอถามไปถามมาก็ 3 รส
00:18:39 → 00:18:41 นี้แหละที่เด่นๆกระเพาะเนี่ยมันก็เป็น
00:18:41 → 00:18:43 อวัยวะนึงเหมือนเรามันต้องการสารอาหารไป
00:18:43 → 00:18:46 บำรุงหล่อเลี้ยงแต่คนทุกวันนี้ค่ะเอาจริง
00:18:46 → 00:18:49 ๆพี่ว่ามันก็เป็นไลฟ์สไตล์ของคนปัจจุบัน
00:18:49 → 00:18:51 เหมือนกันที่เลือกกินกินว่าคิดว่า
00:18:51 → 00:18:54 อันเนี้ยดีที่สุดเราก็กินแต่อันนี้บางคน
00:18:54 → 00:18:57 กินผักกินผักบอกว่าเออเนื้อสัตว์ไม่ดีนะ
00:18:57 → 00:18:59 ย่อยยากกินผักอย่างเดียวผักเย็นนะจริงๆ
00:18:59 → 00:19:02 แล้วอผักใบเขียวอ่ะถ้าเกิดว่าเรากินแนมๆ
00:19:02 → 00:19:04 ให้มันหลากหลายอ่ะกินผักดีค่ะแต่บางคน
00:19:04 → 00:19:06 เนี่ยบางคนกลัวเรื่องขับถ่ายกอะไรกินผัก
00:19:06 → 00:19:08 เยอะเกินไปทองอื่นอ่าก็ไม่ดีอีกก็ไม่ดี
00:19:08 → 00:19:11 อีกอเพราะฉะนั้นกระเพาะเนี่ยมันไม่ชอบ
00:19:11 → 00:19:13 อยู่ 45 อย่างนี้ถ้าเราอยากมีระบบย่อยให้
00:19:13 → 00:19:16 ดีเราคอยดูแล 45 อย่างเไม่มีอะไรยากทำให้
00:19:16 → 00:19:18 เป็นนิสัยเราจะมีระบบย่อยที่ดีค่ะแล้วใน
00:19:18 → 00:19:21 ทางของการแพทย์แผนไทยอ่ะค่ะมีการรักษากรด
00:19:21 → 00:19:24 ไหลย้อนยังไงบ้างคะเราเน้นกันสักประวัติ
00:19:24 → 00:19:26 นะคะอย่างที่บอกว่าอาการมันมาอาจจะเหมือน
00:19:26 → 00:19:29 กันนะแต่พอถามต้นเหตุไปอ่ะไม่มีใครเหมือน
00:19:29 → 00:19:32 กันเลยแล้วการแพทย์แผนไทยเนี่ยเป็นการ
00:19:32 → 00:19:34 แพทย์ที่พูดได้ว่า Custom อ่ะเราไม่มี
00:19:34 → 00:19:37 แพทเทิร์นหรอกอย่างถ้าเกิดน้องแนถามว่า
00:19:37 → 00:19:38 ต้องดูแลตัวเองยังไงอย่าเงี้ยส่วนใหญ่พี่
00:19:38 → 00:19:42 จะให้อำนาจเนี้ยกับคนไข้เพราะแต่ละคนร่าง
00:19:42 → 00:19:44 กายไม่มีใครเหมือนกันเลยถ้าเราเข้าใจความ
00:19:44 → 00:19:47 แตกต่างเราจะรู้ว่าเราให้เขาได้แค่แนวทาง
00:19:47 → 00:19:50 แต่เขาต้องเป็นคนที่เอาตรงเนี้ยไปปรับให้
00:19:50 → 00:19:52 เหมาะกับไลฟ์สไตล์เขาเองนะคะเพราะฉะนั้น
00:19:52 → 00:19:54 การรักษากดลย้อนเนี่ยเราจะซักประวัติก่อน
00:19:55 → 00:19:58 ว่าเฮ้ยเค้าเป็นคนอ่ะในช่วงวัยไหนเคมี
00:19:58 → 00:20:00 อะไรโรคประจำตัวหรือเปล่าเขามีพฤติกรรม
00:20:00 → 00:20:03 ยังไงเทำงานอะไรอิริยาบถอะไรอะไรที่มัน
00:20:03 → 00:20:06 สั่งสมให้เา้ามีอาการอย่างนี้แล้ววิธีการ
00:20:06 → 00:20:08 รักษาก็จะต่างกันไปมีการใช้ยาช่วยเพราะ
00:20:08 → 00:20:10 ว่าอย่างที่บอกว่ากดไหลหยอนหรือว่าอาการ
00:20:10 → 00:20:13 ทางระบบย่อยอ่ะบางคนก็มาจากไฟหย่อนบางคน
00:20:13 → 00:20:16 ก็มาจากไฟเยอะบางคนเกิดจากลมไม่เคลื่อน
00:20:16 → 00:20:19 บางคนเกิดจากน้ำแห้งเกินไปมันเกิดได้จาก
00:20:19 → 00:20:21 หลายสาเหตุเลยค่ะพอเรารู้แล้วเนี่ยเราถึง
00:20:21 → 00:20:24 จะค่อยแนะนำยาที่เหมาะกับแต่ละคนหรือบาง
00:20:24 → 00:20:27 คนไม่ชอบใช้ยาก็หัตถการก็ได้อ่ามีการแบบ
00:20:27 → 00:20:31 พอกยาแช่ยามีการกล่อมท้องนะคะหรือนวดผ่อน
00:20:31 → 00:20:33 คลายก็ได้เพราะบางคนเนี่ยกดลย้อนมันมาจาก
00:20:33 → 00:20:37 เส้นที่มันรัดรึงขวางทางลมก็มีหรือบางคน
00:20:37 → 00:20:41 นะน้องแพนด้าแค่คุยอ่ะก็ดีขึ้นแล้วนะอื
00:20:41 → 00:20:43 เพราะว่าเขาเป็นกฎลย้อนจากความคิดเหมือน
00:20:43 → 00:20:46 แบบจริงๆแล้วอาการทางกายอ่ะมันหายไปหมด
00:20:46 → 00:20:48 แล้วอ่ะแต่เขายังแปะป้ายอยู่เลยอ่ะว่าเขา
00:20:48 → 00:20:50 เป็นกฎลย้อนคนเราพอแปะป้ายอยู่คิดอยู่ว่า
00:20:50 → 00:20:53 เราเป็นกฎลย้อนสิ่งที่เขาพูดสิ่งที่เขา
00:20:53 → 00:20:56 คิดสิ่งที่เขาทำสื่อที่เขาดูจะมีแต่กดไหล
00:20:56 → 00:20:59 ย้อนค่ะอาหารที่กดไหลย้อนห้ามหมกินอ่ะ
00:20:59 → 00:21:02 ต้องหายาแบบนี้นะผ่านไป 3 ปียังกินเป็นกด
00:21:02 → 00:21:04 ลย้อนอยู่เลยค่ะบางทีมันมันเริ่มต้นจาก
00:21:04 → 00:21:07 ความคิดของเราอ่ะบางคนถามว่าต้องกินยานาน
00:21:07 → 00:21:10 เท่าไหร่คะมันดีไซน์ได้ค่ะเราอยากหายมั้ย
00:21:10 → 00:21:11 ล่ะเพราะฉะนั้นมันอยู่ที่ความคิดเหมือน
00:21:11 → 00:21:13 กันว่าเราตั้งเป้าไว้ว่าเราอยากจะหาย
00:21:13 → 00:21:17 อย่างรวดเร็วพอตั้งเป้าดีความคิดตรงนี้ดี
00:21:17 → 00:21:19 อ่ะวิธีการมันจะมาเองเออเราจะกินยังไงดี
00:21:19 → 00:21:22 เราจะมีพฤติกรรมยังไงดีเราจะคิดยังไงดี
00:21:22 → 00:21:24 แต่ถ้าเกิดว่ามันเริ่มต้นที่ความความคิด
00:21:24 → 00:21:26 มันก็ไม่ใช่แล้วอ่ะว่าฉันเป็นกดลย้อน
00:21:26 → 00:21:29 เมื่อไหร่จะหายอ่ะอุเนี่ยอือก็จะไม่หาย
00:21:29 → 00:21:32 ค่ะเพราะฉะนั้นการคุยบางคนแค่คุยปลดล็อเ
00:21:32 → 00:21:35 ก็ดีขึ้นแล้วอือฮึแล้วการที่คนเราแบบ
00:21:35 → 00:21:38 อย่างพี่หมอแดงยกตัวอย่างว่าคนเนี้เขาอาจ
00:21:38 → 00:21:39 จะเคยเป็นแหละแล้วเขาก็หายแล้วแต่เขายัง
00:21:40 → 00:21:41 คิดซ้ำๆว่าเขายังเป็นอยู่มันก็เลยทำให้
00:21:41 → 00:21:44 เขาไม่หายแล้วหนูอยากรู้ว่าแบบเนี้ยมัน
00:21:44 → 00:21:46 เรียกว่าความวิตกกังวลน่ะมันทำให้เราเป็น
00:21:46 → 00:21:50 โรคได้มคะความวิตกกังวลเนี่ยแสดงว่าเป็น
00:21:50 → 00:21:53 สาเหตุนึงเลยที่ทำให้คนในปัจจุบันน่ะไม่
00:21:53 → 00:21:56 แข็งแรงอืเราเราคุยกับใครบ่อยที่สุดอ่ะใน
00:21:57 → 00:21:59 ทุกวันอ่ะตัวเองเ
00:21:59 → 00:22:03 ที่ที่ย้ำมันสร้างภาพส้าชวิของแล้วทุกนี้
00:22:03 → 00:22:06 เราโดนบอมบาด้วยแบบความวิกกังวลอ่ะเดี๋ยว
00:22:06 → 00:22:08 เอ้ยอนาคตจะยังไงอดีตจะยังไงหรือทุกวัน
00:22:08 → 00:22:10 นี้ดีอยู่แล้วหรือเปล่า question ตเอย่าง
00:22:11 → 00:22:13 เงี้ตลอดเวลาแล้วสมองเรามันก็มีหน้าที่
00:22:13 → 00:22:15 เดียวคือการ repeat ในช่องของแดงก็จะมีทำ
00:22:15 → 00:22:17 พวกคลิปเกี่ยวกับ affirmation หรือว่า
00:22:17 → 00:22:19 สมาธิเนี่ยแหละค่ะแดงใช้ตรงเนี้ยมาช่วยคน
00:22:19 → 00:22:22 ไข้ของแดงเพราะแดงรู้สึกว่าการที่เราเพาะ
00:22:22 → 00:22:26 ต้นกล้าเมล็ดพันธุ์ดีๆลงไปในช่วงที่จิตใจ
00:22:26 → 00:22:28 ของเรามันพร้อมอ่ะมันสงบเหมือเราต้องต้อง
00:22:28 → 00:22:31 เคลียร์ก่อนนะเคลียร์ทางก่อนคือโอโหงงมา
00:22:31 → 00:22:33 ตลอดเลยอย่างเงี้ยเราต้องมาแบบอ่ะนิ่งๆ
00:22:33 → 00:22:35 สมาธิอาจจะอยู่กับตัวเองสักพักนึงหายใจ
00:22:35 → 00:22:38 ลึกๆเคลียร์ให้ทุกอย่างมันผ่อนคลายแล้ว
00:22:38 → 00:22:41 เราเพาะคำพูดดีๆเราอยากเห็นตัวเราเป็นยัง
00:22:41 → 00:22:44 ไงอ่ะแข็งแรงไม่ต้องพึ่งคนอื่นไปตลอด
00:22:44 → 00:22:47 ชีวิตไม่ต้องเป็นภาระใครสุขภาพดีมีความ
00:22:47 → 00:22:50 เบิกบานมีพลังชีวิตเราใส่เข้าไปค่ะแล้ว
00:22:50 → 00:22:54 มันจะค่อยๆสร้างเซลล์ใหม่สมองใหม่แล้วก็
00:22:54 → 00:22:58 นำเราไปสู่คำพูดใหม่การกระทำใหม่ชะตาก
00:22:58 → 00:23:01 ใหม่อืมได้ฟังดูแล้วเหมือนกับว่าใครที่
00:23:02 → 00:23:04 กำลังรู้สึกว่าชีวิตตัวเองแบบทั้งชีวิต
00:23:04 → 00:23:07 มิติอื่นๆก็ไม่ดีสุขภาพด่างกายก็ไม่ดีอีก
00:23:07 → 00:23:10 อ่าแต่ถ้าสมมุติเรากลับมาดูแลใจแล้วก็
00:23:10 → 00:23:12 ความคิดของเราให้ดีได้เหมือนเราจะเปลี่ยน
00:23:12 → 00:23:15 ชะตาชีวิตเปลี่ยนเส้นทางได้เลยถูกต้องคน
00:23:15 → 00:23:18 ที่ประสบความสำเร็จแล้วมีความสุขสงบใน
00:23:18 → 00:23:21 ชีวิตนะคะเขาจะรู้ความสำคัญของความคิดมัน
00:23:21 → 00:23:25 เป็นคีย์เลยถ้าไปศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของ
00:23:25 → 00:23:28 สมองเนาะหรือว่าการแพทย์ยุคใหม่อ่ะซึ่ง
00:23:28 → 00:23:30 จริงๆเราค้นพบมาในทางพุทธก็นานมากแล้ว
00:23:30 → 00:23:33 ด้วยซ้ำใช่มเรื่องของสมาธิอ่ะมันเป็นจุด
00:23:33 → 00:23:35 เริ่มต้นของการมีสุขภาพดีเลยค่ะมันเป็นยา
00:23:35 → 00:23:37 เม็ดแรกที่เราทุกคนควรที่จะให้กับตัวเอง
00:23:37 → 00:23:40 คุณหมอบอกว่าสมาธิเนี่ยเป็นยาเม็ดแรกเลย
00:23:40 → 00:23:43 ด้วยซ้ำหนูอยากรู้ว่าแล้วการที่เราทำ Self
00:23:43 → 00:23:45 Reflection หรือการสะท้อนตัวเองเนี่ยค่ะ
00:23:45 → 00:23:47 มันสามารถช่วยให้ร่างกายเราแข็งแรงได้ยัง
00:23:47 → 00:23:50 ไงจริงๆ Self Reflection เนี่ยมันถ้าพูด
00:23:50 → 00:23:54 แปลมันก็เหมือนเป็นการสำรวจร่างกายสังเกต
00:23:54 → 00:23:57 จิตใจเนาะอค่ะมันควรจะทำเลยค่ะทุกวันมัน
00:23:57 → 00:23:59 เป็นอย่างที่บอกมันเป็นการตัดไฟจากต้นลม
00:24:00 → 00:24:02 มันเป็นการใช้ชีวิตในเชิงป้องกันเวลาที่
00:24:02 → 00:24:05 เรามีอาการออกมาแล้วอ่ะเาเรียกมันเป็น
00:24:05 → 00:24:08 ปลายทางแล้วค่ะถ้าดินของเรามันลงมาถึงตรง
00:24:08 → 00:24:11 นี้ะเราเราปวดท้องแล้วเรากดขึ้นมาแล้ว
00:24:11 → 00:24:13 อย่างเงี้ยมันคือน้ำกับดินและเป็นเพราะ
00:24:13 → 00:24:15 ว่าเราไม่ได้ทำ Self Reflection บ่อยๆ
00:24:15 → 00:24:18 แดงอยากแนะนำทุกคนนะคะในทุกุกวันนะลอง
00:24:18 → 00:24:21 แบ่งเวลาให้ตัวเองอาจจะตอนเช้าหรือตอนนอน
00:24:21 → 00:24:24 ก็ได้นะคะมาอยู่นิ่งๆกับตัวเองสังเกตร่าง
00:24:24 → 00:24:27 กายสำรวจจิตใจซึ่งสมาธิก็เป็นหนึ่งในพารท
00:24:27 → 00:24:29 ของสำรวจจิตใจเนาะสังเกตร่างกายก่อนค่ะ
00:24:29 → 00:24:32 อย่างที่บอกว่ามันจะไม่มีทางมาถึงกฎไหล
00:24:32 → 00:24:34 ย้อนหรอกถ้าเราสังเกตว่าเอ้ยวันเนี้ยยืน
00:24:34 → 00:24:38 อยู่หน้ากระจกอุยทองป่องมากนะไม่ได้นะ
00:24:38 → 00:24:40 หรือว่าเราลองยืดเหยียดสิโอ้โหฝั่งซ้าย
00:24:40 → 00:24:43 ตึงกว่าฝั่งขวามากนะอ๋อเรายืนผิดนี่เอง
00:24:43 → 00:24:46 หรือว่าอ้าวเฮ้ยทำไมไหลเรามันเอียงๆหรือ
00:24:46 → 00:24:48 ปากเราเบี้ยวๆออเราเคี้ยวข้างเดียวอย่าง
00:24:48 → 00:24:51 เงี้ยถ้าเราสังเกตก่อนเราจะรู้ก่อนว่าออ
00:24:51 → 00:24:54 ต้องปรับะนี่คือพาร์ทของการสังเกตร่างกาย
00:24:54 → 00:24:56 อยากให้ทำทุกวันจริงๆค่ะทำไมแดงถึงชอบ
00:24:56 → 00:24:58 แทรกในเรื่องของการยืดเหยียดเพราะมันมัน
00:24:58 → 00:25:01 มันเห็นตัวเองอ่ะยืดเกียด 2 ฝั่งอ่ะเราก็
00:25:01 → 00:25:03 รู้แล้วว่ามันไม่เท่ากันเราก็ปรับอย่าง
00:25:03 → 00:25:05 เงี้ยนะคะพารที่ 2 ก็คือการสำรวจจิตใจ
00:25:05 → 00:25:08 ซึ่งอันนี้แสดงว่าแล้วแต่มีวิธีการหลาย
00:25:08 → 00:25:11 อย่างมากๆสมาธิก็เป็นพาร์ทนึงค่ะสมาธิจะ
00:25:11 → 00:25:13 อย่าไปคิดภาพว่าโอ้โหต้องมานั่งอะไรมัน
00:25:13 → 00:25:16 ไม่ใช่ขนาดนั้นนะมันคือแก้การแบ่งเวลามา
00:25:16 → 00:25:19 อยู่กับตัวเองเงียบๆลองนึกภาพทุกวันน่ะ
00:25:19 → 00:25:22 เราออกไปอ่ะเราก็รับสื่อแล้วค่ะอายตนะเรา
00:25:22 → 00:25:25 ตาหูจมูกทุกอย่างเราเหมือนเราโดนบำบัอ่ะ
00:25:25 → 00:25:27 เปิดมือถือก็โอโหเรื่องราวอะไรมากมายแค่
00:25:27 → 00:25:31 ว่าตอนก่อนนอนน่ะเราเหมือนเรามีห้องเล็กๆ
00:25:31 → 00:25:35 เซฟโซนเราเราไม่อยากรับอะไรอ่ะเราอยาก
00:25:35 → 00:25:37 สื่อสารกับตัวเองอ่ะเป้าหมายเราอ่ะเรา
00:25:37 → 00:25:39 กำลังเดินไปในทางนั้นหรือเปล่าสมาธิอยาก
00:25:39 → 00:25:42 ให้เข้าใจแค่มุมเนี้ยค่ะมุมมานั่งเฉยๆ
00:25:42 → 00:25:45 เงียบๆกับตัวเองแล้วก็ผ่อนคลายการผ่อน
00:25:45 → 00:25:47 คลายอยู่กับตัวเองเนี่ยเป็นการบอกร่างกาย
00:25:47 → 00:25:51 ว่าเราปลอดภัยดีคนทุกวันเนี้ยมันมีความ
00:25:51 → 00:25:53 วิตกกังวลเพราะว่าคลื่นความถี่ที่มันเข้า
00:25:53 → 00:25:56 มามันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ปลอดภัยเรา
00:25:56 → 00:25:59 ต้องเก็บเงินมากขึ้นอืเรายังไม่ถ่ายเลย
00:25:59 → 00:26:01 วันเนี้ยจะเป็นมเร็งรนไส้หรือเปล่าเรา
00:26:01 → 00:26:03 ต้องนอนเร็วหรอวันนี้ยังไม่ถึง 7 ชั่วโมง
00:26:03 → 00:26:05 เลยการสมาธิมันเหมือนกันมาอยู่กับตัวเอง
00:26:05 → 00:26:08 แล้วก็เฮ้ยหายใจตอนนี้ไม่มีอะไรเลยมีแค่
00:26:08 → 00:26:11 ตัวเราเองกับลมหายใจเราปลอดภัยดีเราอยาก
00:26:11 → 00:26:14 อยู่กับตัวเองเนี่ยแล้ววันนี้เกิดอะไร
00:26:14 → 00:26:15 ขึ้นกับเราบ้างเรามีเรื่องอะไรที่อยาก
00:26:16 → 00:26:18 ชื่นชมตัวเองมยหรือเราทำอันนี้เราทำผิด
00:26:18 → 00:26:23 พลาดไปเราแก้อะไรได้มแล้วเราปล่อยวางรีต
00:26:23 → 00:26:25 สมาธิมันก็เหมือนเป็นการพูดคุยกับตัวเอง
00:26:25 → 00:26:28 แล้วก็ทิ้งอะไรที่ไม่ดีไปเพราะพ้อมที่จะ
00:26:28 → 00:26:31 เข้านอนอย่างมีคุณภาพนะคะเพราะฉะนั้นอยาก
00:26:31 → 00:26:34 ให้ทำ S Reflection จะเป็นการใช้ชีวิตใน
00:26:34 → 00:26:37 เชิงป้องกันสังเกตร่างกายสำรวจจิตใจเวิรค
00:26:37 → 00:26:40 เหมือนอาจจะฟังดูบางคนอาจจะรู้สึกว่ามัน
00:26:40 → 00:26:43 ดูไม่เกี่ยวกันเลยนะก็ลองทำดูลองค่ะต้อง
00:26:43 → 00:26:45 ลองต้องลองแล้วคุณจะรู้สึกกับตัวเองว่า
00:26:45 → 00:26:48 เออทำไมช่วงนี้ดูดูมีพลังชีวิตดูมีอ่าอ
00:26:48 → 00:26:50 นี้คำว่าพลังชีวิตหนูว่าสำคัญมากอยากให้
00:26:50 → 00:26:53 คุณหมอช่วยขยายความหน่อยได้มคะคำว่าพลัง
00:26:53 → 00:26:55 ชีวิตคืออะไรอ่ะนอกจากมันมันมันมาจากส่วน
00:26:56 → 00:26:57 ไหนของร่างกายหรอนอกจากการที่เราดูแลร่าง
00:26:58 → 00:27:00 กายภายนอกแล้วเนี่ยจริงๆพลังชีวิตถ้าจะ
00:27:00 → 00:27:03 ว่าไปมันก็เป็นเหมือนเป็นเหมือนองค์รวม
00:27:03 → 00:27:05 เหมือนกันนะมันไม่ได้มาจากปัจจัยใดปัจจัย
00:27:05 → 00:27:08 นึงแต่มันเป็นมาจากปัจจัยที่ว่ากายกับใจ
00:27:08 → 00:27:12 ของเรามันมันสอดคล้องแล้วเรารู้ว่าเราจะ
00:27:12 → 00:27:15 เอาพลังเนี้ยไปใช้ประโยชน์อะไรมันมีอยู่ 3
00:27:15 → 00:27:18 อย่างเนาะเรียกลมได้ใช้ลมเป็นไล่ลมถูกถ้า
00:27:18 → 00:27:21 เราทำ 3 นี้ได้เนี่ยเราจะมีพลังชีวิตก็
00:27:21 → 00:27:23 คือเราจะสดใสนะคะเรียกลมได้เนี่ยก็คือ
00:27:23 → 00:27:25 ตื่นเช้ามาเนี่ยเรายังไม่มีลมหรอกค่ะเรา
00:27:25 → 00:27:28 ยังแบบนิ่งๆทุกอย่างไหลเอื่อยๆกำลังแบบ
00:27:28 → 00:27:30 แบนๆๆราบอยู่เลยอย่างเงี้ยเราออกกำลังกาย
00:27:30 → 00:27:33 เราขยับตัวเรียกลมก่อนนะคะลมอีกอย่างนึง
00:27:33 → 00:27:35 ก็คือเราต้องรู้ว่าลมที่เราจะเรียกมา
00:27:35 → 00:27:37 เนี่ยเราจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรเหมือนมี
00:27:37 → 00:27:40 เป้าหมายในชีวิตอ่ะบางคนสังเกตมั้ยที่
00:27:40 → 00:27:41 พลังชีวิตมันดูแบบเหนื่อยๆเนอะเพราะว่า
00:27:42 → 00:27:44 เขาไม่รู้ว่าเจะตื่นมาทำอะไรไม่มีเป้า
00:27:44 → 00:27:46 หมายไม่มีเป้าหมายใช้ชีตเป็นวันหมดวันก็
00:27:46 → 00:27:48 ก็ดูเบื่อๆเนาะเรียกว่าไม่แอคทีฟได้มั้ย
00:27:48 → 00:27:51 คะแบบนี้อ่าอาจจะใช้คำนั้นก็ยังไม่ถูกนัก
00:27:51 → 00:27:53 ค่ะเพราะว่าแทีมันเหมือนเป็นวิธีการน่ะ
00:27:53 → 00:27:55 แบบเอ้ยต้องแบบแคทีนะแต่คนที่มีเป้าหมาย
00:27:55 → 00:27:58 บางทีเาไม่ต้องแคทีก็ได้เค่อยๆทำแต่รู้
00:27:58 → 00:28:02 ว่าเราจะไปตรงไหนใช่รู้วิธีเรียกลมตอน
00:28:02 → 00:28:04 เช้าเนี่ยเราเรียกลมก่อนขยับเนี่ยเรียกๆ
00:28:04 → 00:28:06 ลมมาเนาะอย่างอย่าตัวแดงเองเงี้ยตอนเช้า
00:28:06 → 00:28:08 แดงจะมีกิจวัตรก็คือเดินเร็วช่วง 10 นาที
00:28:08 → 00:28:10 แรกมันยังไม่อะไรหรอกค่ะแต่สัก 20 นาที
00:28:10 → 00:28:13 เดินไปแล้วอ่ะรู้สึกเหมือนจะบินคือตัวมัน
00:28:13 → 00:28:16 เบามากเนี่ยแปลว่าลมเรามาแล้วะนะคะพอเรา
00:28:16 → 00:28:18 เรียกลมมาแล้วปุ๊บเราไปอาบน้ำกินข้าวดี
00:28:18 → 00:28:21 ปุ๊บเราออกไปใช้ลมค่ะคนที่เรียกลมมาแล้ว
00:28:21 → 00:28:23 เหมือนตื่นมาแล้วไม่รู้ว่าจะออกไปใช้ลม
00:28:23 → 00:28:26 อย่างไรอ่ะมันก็หายไปหมดค่ะพลังชีวิตก็หด
00:28:26 → 00:28:29 หายเราออกไปใช้ลมลมทำงานสร้างประโยชน์ให้
00:28:29 → 00:28:31 ผู้คนเนาะแต่ละคนมีประโยชน์กันหมดล่ะค่ะ
00:28:31 → 00:28:33 แต่ว่าขอให้เรารู้ว่าเราใช้อันนี้ออกไป
00:28:33 → 00:28:36 ยังไงสุดท้ายก็คือต้องไล่ลมให้ถูกด้วยบาง
00:28:36 → 00:28:39 คนนะคะมาดีมากเลยเรียกลมมาและใช้ลมดีและ
00:28:39 → 00:28:43 แต่ไล่ลมไม่ถูกไล่ลมแปลว่าอารมณ์ที่มันลบ
00:28:43 → 00:28:46 ๆหรือลมที่มันคงค้างเราไม่ได้ยืดเหยียด
00:28:46 → 00:28:48 เลยเราโอ้โหตึงมากมาทั้งวันออกไปทำงาน
00:28:48 → 00:28:50 เนี่ยแล้วก็ไม่ได้มายืดเหยียดไม่ได้มา
00:28:50 → 00:28:52 เคลียร์ท้องนวดท้องไล่ลมอย่างเงี้ยมันก็
00:28:52 → 00:28:55 อั้นเป็นลมพิษได้อเราต้องรู้จักวิธีการ
00:28:55 → 00:28:58 เคลียร์ลมเนี่ยยืดเหยียดสมาธิก็ช่วยได้
00:28:58 → 00:29:01 ปล่อยวางก็ช่วยได้ถ้าเราทำ 3-4 อย่างเย
00:29:01 → 00:29:03 ได้อ่ะน้องเพนด้าจะรู้เลยว่าถ้าเราทำกับ
00:29:03 → 00:29:07 ตัวเองนะคะเราจะมีการไหลเวียนในร่างกาย
00:29:07 → 00:29:09 ที่ดีแล้วลมที่ไหลเวียนในร่างกายที่ดีบวก
00:29:09 → 00:29:11 กับเป้าหมายที่เรารู้ว่าเราจะออกไปทำอะไร
00:29:11 → 00:29:14 เนี่ยมันจะทำให้เราเป็นคนที่มีพลังชีวิต
00:29:14 → 00:29:17 อือถ้างั้นก็คือสอดคล้องกันก็คือว่าร่าง
00:29:17 → 00:29:21 กายเราเรื่องของพลังชีวิตเนี่ยการตั้ง
00:29:21 → 00:29:23 เป้าหมายก็ช่วยช่วยเพราะถ้าเราไม่มีการ
00:29:23 → 00:29:27 ตั้งเป้าหมายตรงนี้เราก็เหมือนไม่รู้ว่า
00:29:27 → 00:29:30 เราจะตื่นมาทำอะไรแล้วเราจะเรียกลมไปทำ
00:29:30 → 00:29:32 อะไรใช่แล้วปรากฏถ้าไม่มีเป้าหมายชีวิต
00:29:32 → 00:29:35 อาจจะเรียกลมได้ก็ได้นะแต่ไม่รู้จะใช้ลม
00:29:35 → 00:29:38 ยังไงแล้วก็ไม่รู้ว่าจะทิ้งลมยังไงใช่อ่า
00:29:38 → 00:29:40 ทุกคนที่กำลังฟังอยู่อ่ะคงจะมีเป้าหมาย
00:29:41 → 00:29:43 ชีวิตหรือว่ามีสิ่งที่กำลังอยากจะทำให้
00:29:43 → 00:29:45 สำเร็จวันนี้ก็ได้รู้จากคุณหมอแดงว่าการ
00:29:45 → 00:29:49 บริหารลมในร่างกายจะมีส่วนช่วยให้เราไป
00:29:49 → 00:29:51 ถึงเป้าหมายนั้นได้เร็วขึ้นหนูว่าหลายๆคน
00:29:51 → 00:29:54 ที่ฟังอยู่ก็น่าจะได้ไปสำรวจตัวเองแล้วก็
00:29:54 → 00:29:57 อาจจะเริ่มทำ Self Reflection หลังจาก
00:29:57 → 00:30:00 คลิปนี้ก็ได้ได้นะคะใครนะคะที่ได้ไปลองทำ
00:30:00 → 00:30:03 เ Reflection หรือว่าไปบริหารลมนะคะได้ผล
00:30:03 → 00:30:06 ยังไงมาแชร์ให้เรารู้คอมเมนต์ไว้ใต้คลิป
00:30:06 → 00:30:07 นี้ด้วยนะคะเพื่อจะได้เป็นกำลังใจให้กับ
00:30:07 → 00:30:10 เพื่อนๆคนอื่นๆด้วยและ EP หน้านะคะเดี๋ยว
00:30:10 → 00:30:12 เราจะกลับมาเจอกับคุณหมอแดงแพทย์แผ่นไทย
00:30:12 → 00:30:14 กันอีกซึ่งจะเป็นโรคอะไรเนี่ยก็อยากให้
00:30:14 → 00:30:17 ทุกคนติดตามดูนะคะกด Subscribe กดดติดตาม
00:30:17 → 00:30:19 เอาไว้แล้วก็จะได้ไม่พลาดคลิปใหม่ๆของเรา
00:30:19 → 00:30:21 ด้วยนะคะสำหรับวันนี้ต้องขอขอบคุณคุณหมอ
00:30:21 → 00:30:25 แดงมากๆเลยค่ะยินดีค่ะขอบคุณค่ะ
00:30:25 → 00:30:28 [เพลง]
00:30:28 → 00:30:32 แ
00:30:32 → 00:30:45 [เพลง]