00:00:00 → 00:00:02 เวลาเราจะกินอะไรเนี่ยนี่เรากำลังว่าง
00:00:02 → 00:00:06 หรือเราหิวกันแน่อาหารที่ดีที่สุดคือ
00:00:06 → 00:00:10 อาหารมื้อแรกของวันถ้ามันไม่ดีก็อย่าไป
00:00:10 → 00:00:13 กินชีวิตที่ดีคือชีวิตที่เราต้องดีไซน์
00:00:13 → 00:00:16 ถ้าเราไม่ดีไซน์ชีวิตคนอื่นจะดีไซน์ชีวิต
00:00:16 → 00:00:19 ให้เราเองอย่างน้อยๆเนี่ยเราควรจะตั้งใจ
00:00:19 → 00:00:21 ทำอะไรสัก 3 เดือนเห็นคุณค่าในชีวิตของ
00:00:21 → 00:00:24 เราเยอะๆเมื่อไหร่ก็ตามที่เราสุขภาพแย่
00:00:24 → 00:00:26 แล้วลูกหลานเราเป็นคนกตัญญูเขาจะเอาชีวิต
00:00:26 → 00:00:29 ของเขามาดูแลเรานี่คือความเห็นแก่ตัวของ
00:00:29 → 00:00:34 คนที่ไม่ได้ดูแลตัวเองเกลาแก้โรคเกลา
00:00:34 → 00:00:36 นิสัยห่างไกล
00:00:36 → 00:00:39 โรคสวัสดีค่ะสวัสดีครับสวัสดีครับยินดี
00:00:39 → 00:00:42 ต้อนรับคุณหมอท็อปนะคะเข้าสู่รายการเกลา
00:00:42 → 00:00:45 แก้โรคค่ะครับยินดีครับยินดีมากครับผมทุก
00:00:45 → 00:00:47 คนที่ดูเกลาหนูว่ารู้จักคุณหมอท็อปอยู่
00:00:48 → 00:00:50 แล้วเพราะว่าติดตามแล้วตอนนี้ก็คือเข้า
00:00:50 → 00:00:52 YouTube ฟีดเนี่ยคือคุณหมอท็อปทั้งนั้น
00:00:52 → 00:00:56 เลยฮะหลอกหลอนหลอกหลอนเออกมิอะไรอย่าง
00:00:56 → 00:00:58 เงี้ยตามกดไลก์อยู่อ่าวันนี้ค่ะเราจะมา
00:00:58 → 00:01:01 คุยกันเรื่องสุขภาพค่ะครับคำถามแรกค่ะหนู
00:01:01 → 00:01:05 อยากรู้ว่าแล้วสุขภาพดีอ่ะคนเราที่บอกว่า
00:01:05 → 00:01:07 เฮ้ยคนนี้สุขภาพดีเวัดกันที่อะไรคะอโดย
00:01:07 → 00:01:10 ทั่วไปเนอก็จะไปดูผลเลือดดูนู่นดูนี่ใช่
00:01:10 → 00:01:13 มมครับจริงๆแล้วเนี่ยคนสุขภาพดีอ่ะเรามอง
00:01:13 → 00:01:15 ปุ๊บเนี่ยเราเห็นเลยว่าเขาสุขภาพดีมันมี
00:01:15 → 00:01:18 ออร่าผลเลือดเนี่ยเป็นตัวเขาเรียกว่าตัว
00:01:18 → 00:01:21 เสริมเฉยๆแต่ความรู้สึกของเราว่าเรารู้
00:01:21 → 00:01:24 สึกว่าแบบเฮ้ยตื่นเช้ามาแล้วมีเอเนอร์จี้
00:01:24 → 00:01:26 กินอาหารได้เอร็ดอร่อยทุกมื้อมีความสุข
00:01:27 → 00:01:29 ตื่นมาแล้วแบบเอ้ยไม่หงุดหงิดนอนหลับได้
00:01:29 → 00:01:32 ดีนอนหลับได้ลึกนอนหลับได้เต็มที่ไม่ตื่น
00:01:32 → 00:01:35 มากลางดึกเนี่ยอย่างเงี้ยเรียกสุขภาพดี
00:01:35 → 00:01:36 แล้วเสร็จแล้วเนี่ยมันจะแสดงออกทางผิว
00:01:36 → 00:01:41 พรรณของเราคือถ้าให้ดูง่ายๆเนี่ยถ้ารอบ
00:01:41 → 00:01:44 เอวของเราใหญ่เกินไปมีห่วงยางอ่ะค่ะคือ
00:01:44 → 00:01:48 สุขภาพไม่ดีฮะตรงไปตรงมาไม่มีอะไรนะหมู
00:01:48 → 00:01:50 ที่แข็งแรงอะไรอย่างเงี้ยไม่มีไม่มีมัน
00:01:50 → 00:01:53 เป็นคำปลอบใจฮะเออค่ะแข็งแรงก็แข็งแรงหมู
00:01:53 → 00:01:55 ก็หมูฮะเพราะจริงๆแล้วสุดท้ายอ่ะมันจะไป
00:01:55 → 00:01:59 จบที่โรคเลื้อรังต่างๆคือตอนเนี้ยพออายุ
00:01:59 → 00:02:02 น้อยอ่ะถึงเราจะอ่าอ้วนถึงเราจะมีห่วงยาง
00:02:02 → 00:02:05 รอบเอวเนี่ยเราอาจจะยังไม่มีเค้าเรียกว่า
00:02:05 → 00:02:08 การแสดงของโรคต่างๆแต่พอมันถึงจุดจุด
00:02:08 → 00:02:10 หนึ่งที่ร่างกายเรารับไม่ไหวอ่ะมันปึ้ง
00:02:10 → 00:02:13 เลยอืมันก็จะเกิดโรคพวกนี้ขึ้นมาแล้วแบบ
00:02:13 → 00:02:16 โอ้โหรักษาไม่ทันแล้วหุ่นดีในนิยามของคุณ
00:02:16 → 00:02:19 หมอคือแบบไหนคะมันก็จะมีลักษณะของตัวเลข
00:02:19 → 00:02:21 ง่ายๆก่อนแล้วกันถ้าเป็นผู้ชายเนี่ยเรา
00:02:21 → 00:02:24 สูงซัก 170 เราก็เอา 100 ไปลบเนี่ยน้ำ
00:02:24 → 00:02:27 หนักสัก 70 แล้วก็อาจจะน้อยกว่านี้ได้นิด
00:02:27 → 00:02:30 หน่อยอย่างเงี้ยก็เรียกว่าเออหุ่นพอใช้
00:02:30 → 00:02:34 ได้ะอ่าแต่ถ้าอยากออกแนวว่าแบบอ่าผอมๆลง
00:02:34 → 00:02:36 มานิดนึงก็เอา 105 ไปลบแบบนี้เป็นต้นแต่
00:02:36 → 00:02:39 ถ้าผู้หญิงเนี่ยก็ควรจะต้องดูสลิมกว่าผู้
00:02:39 → 00:02:41 ชายนิดนึงใช่มั้ครับก็อย่างน้อยก็-บ 105
00:02:41 → 00:02:45 กับ 110 เช่นผู้หญิงสูง 160 อ่าน้ำหนัก
00:02:45 → 00:02:48 เนี่ยก็ควรจะซักประมาณซัก 50 ก็กำลังสวย
00:02:48 → 00:02:51 แบบนี้แต่จริงๆมันมีการวัดค่า BMI ครับก็
00:02:51 → 00:02:54 เอาส่วนสูงและน้ำหนักเนี่ยแหละไปคำนวณคือ
00:02:54 → 00:02:57 เขาจะบอกว่าถ้า BMI เกิน 25 เนี่ยจะเริ่ม
00:02:57 → 00:03:00 มีภาวะอ่าอ้วนขึ้นมาะอือแต่ถ้าให้ผมแนะนำ
00:03:00 → 00:03:03 เนี่ยค่ะแนะนำว่าอยู่สักประมาณ
00:03:03 → 00:03:07 20-22 เนี่ยกำลังสวยเนาะเออแล้วก็สิ่ง
00:03:07 → 00:03:10 ที่สำคัญอีกอย่างนึงคือถ้าเป็นผู้ชาย
00:03:10 → 00:03:12 เนี่ยก็ควรจะมีกล้ามเนื้อหน่อยนึงให้ดู
00:03:12 → 00:03:15 เป็นวดเป็นทรงนิดนึงอ่ะอ่าแบบสไตล์ดารา
00:03:15 → 00:03:18 เกาหลีอ่ะอ่ากำลังดีคือไม่ได้บอกว่ากล้าม
00:03:18 → 00:03:21 ใหญ่ๆไม่ดีนะฮะแต่ว่าเวลาเราพูดถึงสุขภาพ
00:03:21 → 00:03:23 เนี่ยเราไม่จำเป็นที่จะต้องไปแบบเสริม
00:03:23 → 00:03:26 อะไรมากมายของคุณผู้หญิงก็ประมาณว่าเอว
00:03:26 → 00:03:29 ห่วงยางไม่มีนะมันไม่ต้องถึงซิแพคก็ได้นะ
00:03:29 → 00:03:31 ผู้หญิงก็ส่วนใหญ่เจะพูดร่อง 11 ใช่มั้ย
00:03:31 → 00:03:33 อ่าผู้หญิงถ้ามีร่อง 11 เก็ถือว่าเยี่ยม
00:03:34 → 00:03:36 และอ่าผู้ชายก็อ่าถ้าไม่ถึงกับมีซิกแพคก็
00:03:36 → 00:03:38 อย่างน้อยก็อย่าให้มีหวงยางอะไรอย่าง
00:03:38 → 00:03:42 เงี้ยก็จะดีอดูเป็นอะไรที่ค่อนข้างไกลจาก
00:03:42 → 00:03:44 พฤติกรรมการรับประทานอาหารการกินของคน
00:03:44 → 00:03:47 สมัยนี้มากเลยอ่ะเอ่าก็เรื่องธรรมดาเพราะ
00:03:47 → 00:03:49 ว่าสมัยนี้เราเดินไปไหนมันก็จะมีแต่สิ่ง
00:03:49 → 00:03:52 ที่กระตุ้นให้ให้เราอยากกินเนาะก็คือทุก
00:03:52 → 00:03:54 คนเทำค้าขายใช่มั้ยใช่อถ้าเขาไม่กระตุ้น
00:03:54 → 00:03:57 ให้เราอยากกินเเจะขายอะไรอ่ะเขาก็ขายไม่
00:03:57 → 00:03:59 ได้ใช่มั้ยครับแล้วของที่ทำให้เราอยากกิน
00:03:59 → 00:04:04 ซ้ำกินตลอดเวลาคือของหวานอืมค่ะขนมหวาน
00:04:04 → 00:04:06 เนี่ยกินแล้วมันหยุดไม่ได้เนาะค่ะดูดชานม
00:04:06 → 00:04:09 ไข่มุกอึกเดียวหยุดได้มั้ยไม่กำลังเคี้ยว
00:04:09 → 00:04:10 สนุกเลยมีไข่มุกด้วยเออมันไม่ได้มันต้อง
00:04:10 → 00:04:13 ดูดดูดแล้วดูดไปเรื่อยๆอือรู้สึกว่าโอ
00:04:13 → 00:04:16 ชีวิตนี้มันดีจริงๆเลยนะการที่เรามีชานม
00:04:16 → 00:04:18 ไข่มุกอยู่บนโต๊ะทำงานมันช่างแบบเฮ้ย
00:04:18 → 00:04:20 ชีวิตมันต้องอย่างงี้สิใช่มั้ยอ่าอารมณ์
00:04:20 → 00:04:23 มันเป็นอย่างงี้เคยกินอ่าพวกมันฝรั่งอโบ
00:04:23 → 00:04:26 กรอบในถุงใช่มั้ยฮะอ่าโตตชิปส์กิน 3 ชิ้น
00:04:26 → 00:04:30 ได้มั้ยไม่มันเพลินอค่ะถุงเล็กก็หมดบอก
00:04:30 → 00:04:31 เอ้ยอย่างงั้นถ้าเปิดถุงใหญ่แล้วกินเท่า
00:04:32 → 00:04:34 ถุงเล็กได้มั้ยถุงใหญ่ก็หมดเหมือนกัน
00:04:34 → 00:04:38 เพราะว่าเขาดีไซน์มาว่ายังไงก็ตามมันหยุด
00:04:38 → 00:04:40 ไม่ได้จนกว่าจะหมดแต่แตกต่างจากอาหาร
00:04:40 → 00:04:43 สุขภาพนะค่ะให้นึกภาพบางคนชอบนับแคลอรี่
00:04:43 → 00:04:48 ใช่มยเอาไอศกรีมไอศครีมซัก 2-3 ลูก 300
00:04:48 → 00:04:51 กลแควเนาะถ้าเป็นปลาแซลมอนก็ 2 ชิ้นถ้า
00:04:51 → 00:04:55 เป็นไข่ต้มก็ซักอ่า 34 ฟองถ้าเรากินไข่
00:04:55 → 00:04:58 ต้ม 3-4 ฟองเนี่ยเราอิ่มมั้ยอิ่มนะคะอ่า
00:04:58 → 00:05:00 แต่กินไอติม 2 ลูกเนี่ยยังกินเพิ่มได้อีก
00:05:00 → 00:05:03 นะเพราะว่าพวกของหวานหรือพวกขนมเนี่ยร่าง
00:05:03 → 00:05:06 กายเราไม่นับว่าเป็นสารอาหารที่ที่ดีต่อ
00:05:06 → 00:05:09 ชีวิตฮะมันก็เลยกินได้เรื่อยๆมันไม่มีคำ
00:05:09 → 00:05:11 ว่าอิ่มมันกระโดดข้ามศูนย์ความอิ่มไปเลย
00:05:11 → 00:05:14 ถ้าเราไม่เข้าใจว่าไอ้ของหวานหรือขนมต่าง
00:05:14 → 00:05:16 ๆเนี่ยมันกระโดดข้ามศูนย์ความอิ่มเราได้
00:05:16 → 00:05:18 เนี่ยเราจะกินไปเรื่อยๆโดยไม่หยุดอันนี้
00:05:18 → 00:05:21 ก็เป็นสิ่งที่ค่อนข้างอันตรายก็ต้องคอย
00:05:21 → 00:05:24 เตือนตัวเองไว้ใช่เวลาเราจะกินอะไรเนี่ย
00:05:24 → 00:05:27 ให้ถามคำถามตัวเองเสมอฮะนี่เรากำลังว่าง
00:05:28 → 00:05:31 หรือเราหิวกันแน่อืบางครั้งเนี่ยไม่ได้
00:05:31 → 00:05:34 หิวเลยว่างไม่มีอะไรทำเอ้ยกินซะหน่อยดี
00:05:34 → 00:05:38 กว่าแล้วก็ถามกินเพื่อคือไม่เข้าใจตัวเอง
00:05:38 → 00:05:41 ไงคือทุกอย่างมันว่างไปหมดว่างแล้วก็ง่าย
00:05:41 → 00:05:43 สมมุติเรานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะเนาะอ่าสาว
00:05:44 → 00:05:48 ออฟฟิศหนุมออฟฟิศอะไรงี้นั่งชานมไข่มุก
00:05:48 → 00:05:53 ลูกอมค่ะขนมทุกอย่างการกิน 1 คำหรือ 1
00:05:53 → 00:05:55 ครั้งเนี่ยร่างกายของเราเนี่ยจะมีน้ำตาล
00:05:55 → 00:05:58 พุ่งขึ้นมาสิ่งที่เกิดขึ้นคือเขาเรียกจะ
00:05:58 → 00:06:00 เกิดภาวะอินซูลินสปไกิ้งครับอินซูลินจะ
00:06:00 → 00:06:03 กระชากอือพอกระชากปุ๊บจังหวะที่อินซูลิน
00:06:03 → 00:06:05 กระชากเนี่ยร่างกายจะหยุดเผาผลาญไขมัน
00:06:05 → 00:06:08 เพราะฉะนั้นคนเราก็เลยบอกว่าเอ้ยทำไมเรา
00:06:08 → 00:06:10 มีไขมันสะสมตลอดเลยก็เพราะว่าอินซูลินเรา
00:06:10 → 00:06:14 กระชากตลอดเวลาเรากินทั้งวันเลยฟังดูแล้ว
00:06:14 → 00:06:15 ก็คือเหมือนเป็นพฤติกรรมที่เราอาจจะไม่
00:06:15 → 00:06:18 ได้เคยไปใส่ใจกับมันมากเพราะเราทำจนเป็น
00:06:18 → 00:06:20 นิสัยเนี่ยเวลาทำงานก็ชอบเคี้ยวหาอะไรกิน
00:06:20 → 00:06:23 ไปเพลินๆแต่สุดท้ายอินซูลินกระชากสะสม
00:06:23 → 00:06:26 เป็นไขมันไม่ใช่แค่อ้วนแต่ว่าอันตรายเป็น
00:06:26 → 00:06:28 โรคอื่นๆได้ด้วยใช่คือด้วยภาวะความเครียด
00:06:28 → 00:06:30 เนี่ยค่ะ
00:06:30 → 00:06:33 คือในปัจจุบันงานมันเครียดเนาะรถติดเอย
00:06:33 → 00:06:36 งานยุ่งเอยงานด่วนดนทุกงานในโลกใบนี้ใช่
00:06:36 → 00:06:40 มั้ยมันก็แบบเอ้ยนมันไม่ไหวมันแบบถาโถม
00:06:40 → 00:06:43 สิ่งที่จะทำให้เรารู้สึกหายถาโถมได้เนี่ย
00:06:43 → 00:06:47 ก็คือของหวานอืพอเรากินของหวานไปเราจะ
00:06:47 → 00:06:49 อารมณ์ดีใช่ค่ะเพราะมันกระตุ้นสารที่ชื่อ
00:06:49 → 00:06:52 ว่าโดปามีนฮะอ่าเพราะฉะนั้นร่างกายเราจะ
00:06:52 → 00:06:54 เกิดคำว่าโดปามีน addiction ก็คือการเสพ
00:06:54 → 00:06:57 ติดโดปามีนแต่แบบนี้เขาเรียกชีปโดปามีน
00:06:57 → 00:07:00 คือโดปามีนราคาถูกซึ่งแบบนี้ไม่ดีต่อร่าง
00:07:00 → 00:07:03 กายโดปามีนราคาถูกเช่นอะไรบ้างเช่นพวกน้ำ
00:07:03 → 00:07:06 ตาลสารเสพติดพวกเนี้ยเขาเรียกเป็นโดปามีน
00:07:06 → 00:07:08 ราคาถูกแล้วเราจะดื้อสารตัวนี้ไปเรื่อยๆ
00:07:08 → 00:07:11 เราก็ต้องกินหวานมากขึ้นกินขนมมากขึ้นเสพ
00:07:11 → 00:07:14 ติดมากขึ้นนะโซเชียล Media ก็เป็นเหมือน
00:07:14 → 00:07:17 กันชีฟโดปามีนยอดไลก์ยอดแชร์ก็เป็นชีฟ
00:07:18 → 00:07:21 โดปามีนอืค่ะวันแรกไม่เคยมีใครมากดไลก์
00:07:21 → 00:07:25 เรา 10 ไลก์ก็ดีใจพอพรุ่งนี้ 9 ไลก์ไม่
00:07:25 → 00:07:29 ใช่ชีวิตนี้แหละต้อง 15 ไลก์ 20 100
00:07:29 → 00:07:32 1000 หมื่นคือพวกเนี้ยเป็นสิ่งที่ทำให้
00:07:32 → 00:07:34 สมองของเราเนี่ยโดนหลอกอยู่ตลอดเวลาแล้ว
00:07:34 → 00:07:36 เราก็จะแบบเหมือน Addict ตลอดเวลาเพราะ
00:07:36 → 00:07:38 ฉะนั้นต้องระมัดระวังโดปามีนพวกนี้ซึ่ง
00:07:38 → 00:07:41 จริงๆแล้วมันมีเา้าเรียกว่ากโดปามีนหรือ
00:07:41 → 00:07:44 ว่าเป็นโดปามีนที่ดีต่อชีวิตเราจริงๆเช่น
00:07:44 → 00:07:48 การออกกำลังกายอการทานอาหารสุขภาพการเดิน
00:07:48 → 00:07:52 โดนแดดการอยู่ในที่โล่งกว้างการนั่งสมาธิ
00:07:52 → 00:07:54 การใช้ชีวิตที่ดีอย่างเงี้ยมันจะออกมา
00:07:54 → 00:07:57 เป็นกูดโดปามีนหรือเป็นโดปามีนที่ทำให้
00:07:57 → 00:08:00 ชีวิตเรายืนยาวขึ้นเอออันนึงอาจจะหาง่าย
00:08:00 → 00:08:02 หน่อยเพราะทำจนชินแต่อีกอันนึงอาจจะต้อง
00:08:02 → 00:08:04 ฝึกฝนนิดนึงหนูอยากรู้อีกอย่างนึงคือหนู
00:08:04 → 00:08:06 ว่าคนที่อาจจะมีร่างกายที่ดีหรือหุ่นดี
00:08:06 → 00:08:09 เนี่ยระบบเผ่าผ่านก็คือสำคัญมากแล้วระบบ
00:08:09 → 00:08:11 เผ่าผลาญดีเนี่ยชีวิตดียังไงคะเมื่อไหร่
00:08:11 → 00:08:14 ก็ตามที่ระบบเผ่าผลานแล้วมีปัญหาสังเกต
00:08:14 → 00:08:16 ได้ว่าสิ่งที่เรากินเข้าไปอ่ะจะไม่โดนเผา
00:08:16 → 00:08:22 ผลาญมาเป็นพลังงานนะแต่จะสะสมเป็นไขมัน
00:08:22 → 00:08:24 เพราะฉะนั้นเนี่ยจะเห็นได้ว่าเฮ้ยบางคน
00:08:24 → 00:08:27 เนี่ยกินเท่ากันเลยไปด้วยกันคู่กันนะคน
00:08:27 → 00:08:30 นึงกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนคนนึงเนี่ยเนี่ย
00:08:30 → 00:08:32 แค่เดินผ่านก็อ้วนแล้วแค่หายใจก็อ้วนแล้ว
00:08:32 → 00:08:34 เออมันมันแบบมันเป็นอย่างนั้นจริงๆเพราะ
00:08:35 → 00:08:37 อะไรเพราะคนนึงคือกินเข้าไปปุ๊บเครื่อง
00:08:37 → 00:08:40 ยนต์เขาดีเขาเผาผลาญอาหารที่กินได้เลยอีก
00:08:40 → 00:08:44 คนนึงคือใส่เข้าไปปุ๊บก็เครื่องยนต์เผา
00:08:44 → 00:08:47 ผลาก็บอกโอ้ไม่ไหวและไอ้อาหารที่กินเข้า
00:08:47 → 00:08:51 ไปมันมันก็แปรรูกไปเป็นไขมันกาะตามส่วน
00:08:51 → 00:08:53 ต่างๆของร่างกายเพราะฉะนั้นถ้าใครระบบเผา
00:08:54 → 00:08:56 ผลาญดีไม่ว่าจะเป็นไขมันจะต่ำลงกล้าม
00:08:56 → 00:08:58 เนื้อจะมากขึ้นนะครับแล้วก็สุขภาพจะดี
00:08:58 → 00:09:01 ขึ้นฮอร์โมนจะคงที่มากขึ้นสดชื่นมากขึ้น
00:09:02 → 00:09:04 ง่ายๆว่ารับของเข้ามาเหมือนกันน่ะแต่ว่า
00:09:04 → 00:09:07 คนนึงใช้ได้ 100% อีกคนนึงใช้ได้ 10% มัน
00:09:07 → 00:09:09 มันไม่เหมือนกันอยู่แล้วมันแตกต่างกัน
00:09:09 → 00:09:12 อยู่แล้วค่ะแล้วถ้าเป็นคนที่ระบบเผ่าผ่าน
00:09:12 → 00:09:15 พังอือฮึกู้ยังไงดีคะคือก่อนที่จะไปกู้
00:09:15 → 00:09:18 เนี่ยเราต้องรู้ก่อนยังไงเรียกว่าพังอ่า
00:09:18 → 00:09:21 อ่าระบอกพอผันพังจริงๆเช็คไม่ยากเราโมโห
00:09:21 → 00:09:25 หิวมั้ยอืถ้าเราแบบตื่นเช้ามาเนี่ยไม่ได้
00:09:25 → 00:09:27 กินข้าวนะ 10:00 นนี่เหวี่ยงแล้วด่าเช็ด
00:09:27 → 00:09:30 ไอ้อย่างงี้ระบบเผาผลาไม่ดีเพะเพราะจริงๆ
00:09:30 → 00:09:32 แล้วเนี่ยร่างกายของเราถ้าระบบเผาผลาญดี
00:09:32 → 00:09:35 เนี่ยเขาจะสามารถดึงไขมันทั่วร่างกาย
00:09:35 → 00:09:39 เนี่ยมาเผาผลาญเป็นพลังงานแล้วเผาผลาญไข
00:09:39 → 00:09:42 มันเป็นสารที่ชื่อว่าคีโตนไปเลี้ยงสมอง
00:09:42 → 00:09:44 ได้ซึ่งสมองเราเนี่ยเลี้ยงด้วยสารอาหาร 2
00:09:44 → 00:09:48 อย่าง 1 คือน้ำตาล 2 คือคีโตนถ้าเปรียบ
00:09:48 → 00:09:52 เทียบคือน้ำตาลเนี่ยคือสารอาหารที่ไป
00:09:52 → 00:09:55 เลี้ยงแบบไม่ได้สะอาดบริสุทธิ์จะเหลือสาร
00:09:55 → 00:09:58 ตกค้างอยู่แต่ถ้าเกิดเป็นคีโตนเนี่ยมันจะ
00:09:58 → 00:10:01 เลี้ยงแบบสะอาดอาบริสุทธิ์มันก็จะไม่
00:10:01 → 00:10:04 เหลือสิ่งตกค้าง fing ก็เป็นพลังงานทาง
00:10:04 → 00:10:06 เลือกพลังงานธรรมชาติพวกเนี้ยเพราะฉะนั้น
00:10:06 → 00:10:08 เนี่ยคนที่ทำ I หรือว่าคนที่ทานแป้งต่ำ
00:10:09 → 00:10:12 น้ำตาลต่ำระบบเผาผลาญดีพวกเนะครับเขาจะ
00:10:12 → 00:10:15 สมองเนี่ยเขาจะแบบไทตลอดเลยพอระบบเผาผลา
00:10:15 → 00:10:17 เราดีปุ๊บเดี๋ยวทุกอย่างเราดีเองคราวนี้
00:10:17 → 00:10:19 มาอยู่ที่คำถามว่าจะแก้ระบบเผาผลาญยังไง
00:10:19 → 00:10:22 ใช่มั้ยฮะใช่ค่ะเราก็จะต้องทำให้ร่างกาย
00:10:22 → 00:10:25 เนี่ยรู้จักการเผาผลาญไขมันเป็นพลังงาน
00:10:25 → 00:10:27 ได้สารอาหารในปัจจุบันเนี่ยจะเรียกว่า
00:10:27 → 00:10:31 macronutrient กับไมโครนิทนคือสารอาหาร
00:10:31 → 00:10:34 หลักกับสารอาหารรองคำว่าสารอาหารหลักแปล
00:10:34 → 00:10:37 ว่าคุณต้องกินอย่างถูกต้องสารอาหารรองแปล
00:10:37 → 00:10:40 ว่าคุณต้องเสริมให้พอดีสารอาหารหลักมี
00:10:40 → 00:10:44 อยู่ 3 ตัวโปรตีนไขมันคาร์โบไฮเดรตโปรตีน
00:10:44 → 00:10:48 กินแล้วอิ่มเสริมสร้างกล้ามเนื้อน้ำตาล
00:10:48 → 00:10:52 กินแล้วใช้เป็นพลังงานได้ทันทีคน 100%
00:10:52 → 00:10:55 เลยใช้ปุ๊บเป็นพลังงานได้ทันทีไขมันกิน
00:10:55 → 00:10:59 แล้วใช้เป็นพลังงานได้แต่มีคนเพียง 1%
00:10:59 → 00:11:00 ใช้ใช้เป็นเพราะฉะนั้นแตกต่างกันหมายความ
00:11:00 → 00:11:03 ว่าถ้าเราจะให้ใช้ไขมันเป็นพลังงานได้เรา
00:11:03 → 00:11:06 จะต้องฝึกร่างกายของเราค่ะวิธีการฝึกคือ
00:11:07 → 00:11:09 เราต้องลดแป้งและน้ำตาลถ้าเรายังมีแป้ง
00:11:09 → 00:11:12 และน้ำตาลอยู่ร่างกายจะเลือกใช้แป้งและ
00:11:12 → 00:11:15 น้ำตาลไปทางง่ายก่อนไอ้ทางยากจะเผาไขมัน
00:11:15 → 00:11:18 เอ้ามีง่ายๆเผาทำไมก็เผาน้ำตาลไปก่อนมัน
00:11:18 → 00:11:21 ก็เหมือนไม่ได้เรียนรู้การเผาไขมันค่ะ
00:11:21 → 00:11:23 คราวนี้ถ้าเกิดเราอยากจะเรียนรู้การเผาไข
00:11:23 → 00:11:25 มันเราต้องทานแป้งต่ำน้ำตาลต่ำที่เรียก
00:11:25 → 00:11:26 ว่า
00:11:26 → 00:11:30 lchf low ขา High fat ไดเอตแป้งต่ำน้ำ
00:11:30 → 00:11:34 ตาลต่ำไขมันดีสูงและโปรตีนพอดีพอดีเรา
00:11:34 → 00:11:36 ต้องเข้าใจว่าคำว่าไขมันดีเนี่ย 1 คือ
00:11:37 → 00:11:39 ปริมาณพอเหมาะ 2 คือเป็นไขมันจากธรรมชาติ
00:11:40 → 00:11:42 3 คือผ่านความร้อนที่ไม่สูงจนเกินไปนัก
00:11:42 → 00:11:46 แบบนี้เป็นต้นถ้าเราเอาไขมันดีแล้วไปผ่าน
00:11:46 → 00:11:48 ความร้อนสูงแบบเนี้ยมันก็อาจจะเป็นไขมัน
00:11:48 → 00:11:51 ที่ไม่ดีก็ได้ถ้าเราทำผิดเลือกผิดเป็นต้น
00:11:51 → 00:11:54 อย่างเงี้ฮะอันนี้คือเทคนิคแรกเทคนิคที่ 2
00:11:54 → 00:11:56 คือการทำ If intermittent fasting
00:11:56 → 00:11:59 อย่างน้อยๆถ้าเราทำ If 16/8 เนี่ยร่างก
00:11:59 → 00:12:01 กายเราจะเพิ่มเผาผานไขมันเป็นพลังงานแต่
00:12:01 → 00:12:03 พอสัปดาห์ที่ 2 ผ่านไป 1 เดือนผ่านไป 3
00:12:03 → 00:12:05 เดือนเนี่ยร่างกายพิ้วเลยเป็นต้นอันนี้
00:12:05 → 00:12:07 คือเทคนิคง่ายๆเหมือนเราจะฝึกอะไรสัก
00:12:07 → 00:12:09 อย่างนึงอ่ะเนาะร่างกายอาจจะเผ่าผ่านไข
00:12:09 → 00:12:11 มันไม่ดีถ้าอย่างนั้นก็คือต้องฝึกให้มัน
00:12:11 → 00:12:14 เผ่าผ่านให้ได้ก่อนใช่อ่าอาหารเช้าอ่ะค่ะ
00:12:14 → 00:12:16 จริงๆอ่ะมันยังจำเป็นอยู่ไมคะคำว่า
00:12:16 → 00:12:19 Breakfast เนี่ยมาจาก 2 คำรวมกันคือเบรค
00:12:19 → 00:12:23 กับ Fast เบรคแปลว่าหยุดถูกต้องมเคหยุด
00:12:23 → 00:12:26 Fast ก็คือเรื่องของการหยุดการทานอาหาร
00:12:26 → 00:12:29 fasting คือภาวะที่เราไม่ทานอาหาร
00:12:29 → 00:12:31 feeding แปลว่าช่วงที่เราทานอาหารเพราะ
00:12:31 → 00:12:33 ฉะนั้นคำว่า Breakfast หมายความว่า
00:12:33 → 00:12:35 Breakfast เนี่ยก็คือการหยุดการทำ
00:12:35 → 00:12:38 fasting อืเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเราหยุด
00:12:38 → 00:12:41 การทำาติเวลาไหนนั่นเรียกว่า Breakfast
00:12:41 → 00:12:43 อืเพราะฉะนั้นอาหารที่สำคัญที่สุดไม่ใช่
00:12:43 → 00:12:47 อาหารเช้าอาหารที่สำคัญที่สุดคืออาหาร
00:12:47 → 00:12:50 มื้อแรกที่เรากินเราจะกิน 8 นก็ไม่ผิดกิน
00:12:50 → 00:12:53 ได้เราจะกิน 10:00 นก็ไม่ผิดเราจะกิน
00:12:53 → 00:12:55 เที่ยนก็ไม่ผิดเราจะกิน 15:00 นก็ไม่ผิด
00:12:55 → 00:12:58 เราจะกิน 18:00 นก็ไม่ผิดในมื้อแรกของเรา
00:12:58 → 00:13:00 จะผิดก็ต่อเมื่ออาหารมื้อแรกของเรามีแป้ง
00:13:01 → 00:13:03 สูงและน้ำตาลสูงอืและไม่ตั้งใจกินให้มัน
00:13:03 → 00:13:07 ดีๆอาหารที่ดีที่สุดในครั้งแรกของวันที่
00:13:07 → 00:13:10 เรากินนะแต่เรากินอาหารที่มันแบบ hopeless
00:13:10 → 00:13:12 เข้าไปอ่ะสิ้นหวังอ่ะร่างกายเราก็สิ้น
00:13:12 → 00:13:14 หวังเหมือนอาหารที่เรากินน่ะแหละฮะค่ะแต่
00:13:14 → 00:13:16 ถ้าเราเลือกอาหารมื้อแรกได้ดีซึ่งเทคนิค
00:13:16 → 00:13:18 การเลือกอาหารมื้อแรกได้ดีคืออาหารที่มี
00:13:18 → 00:13:23 โปรตีนธรรมชาติสูงเช่นไข่ต้ม 2-3 ฟองคือ
00:13:23 → 00:13:26 มันเป็นความเชื่อนานมากแล้วที่บอกห้ามกิน
00:13:26 → 00:13:29 ไข่เกิน 2 ฟองต่อวันผมถามงี้มีใครใครห้าม
00:13:29 → 00:13:31 กินชานมไข่มุกกเกิน 2 แก้วต่อวันป่ะไม่
00:13:31 → 00:13:34 เห็นมีเลยมีใครห้ามเกินกินเกินพิซซ่าเกิน
00:13:34 → 00:13:36 2 ชิ้นต่อวันมั้ยไม่เห็นมีเลยอืแล้วทำไม
00:13:37 → 00:13:39 มาห้ามกินไข่เกิน 2 ฟองตะวันถ้าเราศึกษา
00:13:39 → 00:13:42 ความรู้จากต่างประเทศเยอะๆอัปเดตของโลกใบ
00:13:42 → 00:13:44 นี้ว่าโลกใบนี้เนี่ยเขาพัฒนาไปถึงไหนแล้ว
00:13:44 → 00:13:46 เนี่ยชีวิตเราจะดีขึ้นแล้วมันจะง่ายแต่
00:13:46 → 00:13:49 ถ้าเรายังยึดติดความเชื่อแบบเดิมโดยที่
00:13:49 → 00:13:51 เราไม่ไปดูโลกใบนี้ว่าเขาคิดอะไรเนี่ยเรา
00:13:51 → 00:13:53 ก็ยังอยู่แบบเดิมรอฮะซึ่งมันไม่ผิดหรอกก็
00:13:54 → 00:13:56 มันชีวิตของท่านที่ท่านจะเลือกไงแต่ผมไม่
00:13:56 → 00:13:59 เลือกไงผมเลือกชีวิตที่เออในโลกนี้มัน
00:13:59 → 00:14:01 ความรู้ตั้งเยอะอ่ะแล้วชีวิตเราดีอ่ะแล้ว
00:14:01 → 00:14:04 เราเราอยากมีชีวิตดีๆเราเราก็ต้องเลือก
00:14:04 → 00:14:06 สิ่งที่ดีให้กับตัวเราหนูอยากได้คำแนะนำ
00:14:06 → 00:14:09 ค่ะว่าอ่าถ้าเป็นบางคนที่มีวิถีชีวิตเร่ง
00:14:10 → 00:14:11 รีบอาจจะเป็นพนักงานออฟฟิศอะไรอย่างเงี้ย
00:14:11 → 00:14:14 ค่ะแล้วอาหารมื้อแรกของวันหาซื้อได้ง่ายๆ
00:14:14 → 00:14:16 คุณหมอแนะนำเป็นอะไรบ้างคะสุดท้ายแล้วมัน
00:14:16 → 00:14:19 อยู่ที่การวางแผนอ่ะอ่าพนักงานออฟฟิศอ้วน
00:14:19 → 00:14:22 ทุกคนเหรอไม่จริงบางคนมันก็หุ่นดีอย่ากับ
00:14:22 → 00:14:26 นายแบบนางแบบบางคนก็อื้อหือตึ๊บจริงมั้ย
00:14:26 → 00:14:28 ค่ะก็ถามบอกว่า 2 คนนี้มีเวลาเท่ากันมั้ย
00:14:28 → 00:14:31 อืมันก็มีเวลาเท่ากันจริงอ่ะทุกอย่าง
00:14:31 → 00:14:33 เหมือนกันหมดเลยแต่ทำไมชีวิตไม่เหมือนกัน
00:14:33 → 00:14:36 เพราะเขามีความรู้ที่ถูกต้องเพราะเขาวาง
00:14:36 → 00:14:39 แผนได้ดีอันนี้สำคัญเพราะเขาตั้งใจใช้
00:14:39 → 00:14:43 ชีวิตดีๆอ่ะสมมุติเราบอกว่าเราไม่มีเวลา
00:14:43 → 00:14:45 เตรียมอาหารก็แน่นอนอยู่แล้วแค่ตื่นก็แทบ
00:14:45 → 00:14:47 จะไม่ทันอยู่แล้วรถติดต่างหากแล้วตอนเย็น
00:14:47 → 00:14:50 ไม่มีเวลาเตรียมอาหารเหรอถ้าเรามีไข่ต้ม
00:14:50 → 00:14:52 สัก 10 ฟองแกะเปลือกแล้วแล้วอยู่ในตู้
00:14:52 → 00:14:55 เย็นมีสลัดผักที่เราเตรียมวันอาทิตย์ที่
00:14:55 → 00:14:58 เป็นวันหยุดเราอยู่ 7 กล่องแล้วก็มีน้ำสล
00:14:59 → 00:15:02 สลัดที่เราคัดเลือกแล้วว่าน้ำตาลต่ำมี
00:15:02 → 00:15:05 โปรตีนต่างๆไม่ว่าจะเป็นหมูเห็ดเป็ดไก่
00:15:05 → 00:15:07 ที่เป็นเนื้อสัตว์จากธรรมชาติที่เรา
00:15:07 → 00:15:10 เตรียมไว้อยู่ที่ดีอยู่แล้วในระดับหนึ่ง
00:15:10 → 00:15:12 หรือว่าถั่วเปลือกแข็งที่เราเตรียมไว้
00:15:12 → 00:15:15 อยู่แล้วอยู่ในบ้านแล้วเราสามารถ Mix แอน
00:15:15 → 00:15:18 Mat เป็นอาหารเช้าเตรียมปุ๊บหยิบไปกิน
00:15:18 → 00:15:22 บางคนบอกไม่มีเวลากินถ้าท่านไม่มีเวลาที่
00:15:22 → 00:15:24 จะทานอาหารให้มันดีต่อชีวิตของท่านท่านก็
00:15:24 → 00:15:28 ไปทานตอนเที่ยงก็ข้ามมื้อเช้าไปไม่เห็นจะ
00:15:28 → 00:15:30 เป็นไรมันก็ย้อนกลับมาในเรื่องเดิมครับ
00:15:30 → 00:15:35 ว่าอาหารที่ดีที่สุดคืออาหารมื้อแรกของ
00:15:35 → 00:15:40 วันดังนั้นถ้ามันไม่ดีก็อย่าไปกินชีวิต
00:15:40 → 00:15:44 ที่ดีคือชีวิตที่เราต้องดีไซน์ถ้าเราไม่
00:15:44 → 00:15:47 ดีไซน์ชีวิตคนอื่นจะดีไซน์ชีวิตให้เราเอง
00:15:47 → 00:15:50 อยู่ที่การจัดการอยู่ที่วินัยของเราในการ
00:15:50 → 00:15:52 ที่จะแบบอยากให้ชีวิตเราเป็นยังไงถ้าเรา
00:15:52 → 00:15:54 เห็นคุณค่าชีวิตแบบที่คุณหมอบอกก็คือก็
00:15:54 → 00:15:57 ใส่ใจหน่อยอาหารการกินถูกต้องค่ะแล้วที
00:15:57 → 00:16:00 เนี้ยค่ะเราสามารถกินอาหารตามวัยให้เหมาะ
00:16:00 → 00:16:03 สมได้ยังไงบ้างคะเช่นวัยเรียนวัยทำงาน
00:16:03 → 00:16:06 แล้วก็ผู้สูงอายุจริงๆอาหารทุกวัยอ่ะแทบ
00:16:06 → 00:16:08 จะไม่ได้แตกต่างกันมากครับอือฮึเพียงแต่
00:16:08 → 00:16:12 ว่าเราพยายามไปเอ่อเเรียกว่าไปคิดเยอะอ่ะ
00:16:12 → 00:16:16 จริงๆมัน Easy ฮะธรรมชาติคำนี้สำคัญที่
00:16:16 → 00:16:19 สุดธรรมชาติปัจจุบันมาถึงเอ้ยอาหารเสริม
00:16:19 → 00:16:22 อะไรดีสุดผมถามเฮ้ยๆอาหารธรรมชาติอ่ะทาน
00:16:22 → 00:16:24 ดียังถ้ายังทานอาหารธรรมชาติไม่ดีเนี่ย
00:16:24 → 00:16:27 ยังไม่ต้องเสริมอาหารเสริมเลยนะคือตัว
00:16:27 → 00:16:29 หลักยังไม่ได้จะเอาตัวรองงี้ไม่ถูกต้อง
00:16:29 → 00:16:32 แต่ถ้าเราทานเต็มที่แล้วแต่ว่าเรายังขาด
00:16:32 → 00:16:34 อยู่การจะเสริมวิตามินการจะเสริม
00:16:34 → 00:16:37 โปรไบโอติกการจะเสริมอ่าน้ำมันสกัดเย็น
00:16:37 → 00:16:41 การจะเสริมสารอาหารบางอย่างผมไม่ได้ห้าม
00:16:41 → 00:16:46 มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่แต่ว่าอย่าเอาไปแทน
00:16:46 → 00:16:50 ของหลักแล้วบางคนค่ะคุณหมอที่ติดนิสัยชอบ
00:16:50 → 00:16:53 ปรุงอ่าเช่นก๋วยเตี๋ยวมาแล้วต้องปรุงไม่
00:16:53 → 00:16:56 ปรุงไม่ได้ไม่ชิมก่อนด้วยนะอ่าแบบเนี้ย
00:16:56 → 00:16:59 การปรุงมีผลเสียต่อร่างกายยังไงบ้างก็แน่
00:16:59 → 00:17:01 นอนอยู่แล้วฮะแค่ไซตก็ผิดเรียบร้อยแล้ว
00:17:01 → 00:17:05 ครับคืออันดับแรกเนี่ยเราก็มักจะคิดว่า
00:17:05 → 00:17:07 เราต้องปรุงถึงอร่อยที่เราอร่อยเนี่ยเรา
00:17:07 → 00:17:09 ไม่ได้อร่อยจากก๋วยเตี๋ยวนะเราจะอร่อยจาก
00:17:09 → 00:17:12 ส่วนใหญ่ก็น้ำตาลน้ำปลาคือเราอร่อยจาก
00:17:13 → 00:17:15 เครื่องปรุงเพราะว่ารสมันชาติมันจัดไงเรา
00:17:15 → 00:17:19 ติดรสชาติติดความหวานเราติดชีปโดปามีนน่ะ
00:17:19 → 00:17:22 โดปามีนราคาถูกอ่ะเราเลยตักใส่ตักใส่ตัก
00:17:22 → 00:17:26 ใส่แล้วเราขาดสติในการกินไงอย่างเช่น
00:17:26 → 00:17:28 ก๋วยเตี๋ยวส่วนประกอบในก๋วยเตี๋ยวส่วน
00:17:28 → 00:17:30 ใหญ่เป็นเส้นคราวนี้เส้นทุกชนิดอ่ะยกเว้น
00:17:30 → 00:17:32 พวกเส้นบุกอ่าเส้นบุกมันก็จะไม่ค่อยมี
00:17:32 → 00:17:34 แป้งอะไรงี้ใช่ไหมมครับแคลอรีมันก็ต่ำอัน
00:17:34 → 00:17:37 เโอเคแต่ถ้าเป็นเส้นเล็กเส้นหมี่เส้นใหญ่
00:17:37 → 00:17:40 เส้นหมี่กรอบเส้นอะไรพวกเนี้ยคือมันแป้ง
00:17:40 → 00:17:42 มันสูงมากแล้วมันเป็น process Food ส่วน
00:17:42 → 00:17:45 หนึ่งอ่ะมันจะทำให้ร่างกายของเราเนี่ยมี
00:17:45 → 00:17:48 อิซูลิน spiking สูงกว่าอย่างอื่นเพราะ
00:17:48 → 00:17:50 ฉะนั้นเนี่ยผมจะไม่ค่อยทานแต่ว่าผมจะทาน
00:17:50 → 00:17:54 เกาเหลาแล้วใส่ผักเพิ่มพิเศษอ่าคียอีกอัน
00:17:54 → 00:17:58 นึงคือน้ำในเกาเหลาอ่ะสั่งอ่ะสั่งเกาเหลา
00:17:58 → 00:17:59 น้ำเพราะว่าว่าถ้าสั่งเกาเหลาแห้งเนี่ย
00:17:59 → 00:18:03 เขาจะปรุงมาให้อืน้ำตาลกระจายอร่อยิอร่อย
00:18:03 → 00:18:06 ใช่มยอ่ามันอร่อยอยู่แล้วมันหวานไงเออแต่
00:18:06 → 00:18:08 ถ้าเราสั่งเกาเหลาน้ำอ่ะเสร็จแล้วเนี่ย
00:18:08 → 00:18:11 เรากินเนื้อให้เยอะแต่กินน้ำให้น้อยเพราะ
00:18:11 → 00:18:14 อะไรคือเราไปสั่งแม่ค้าไม่ได้หรอกไปสั่ง
00:18:14 → 00:18:17 ร้านก๋วยเตี๋ยวบอกไม่ใส่ผงชูรสคือน้ำต้มเ
00:18:17 → 00:18:19 ใส่ผงชูรสตั้งแต่แรกแล้วไม่ใส่ผงชูรสเค้า
00:18:19 → 00:18:21 เอาอะไรเเก็ต้องเทน้ำทิ้งทำให้ใหม่เหรอ
00:18:21 → 00:18:23 มันทำไม่ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วอ่าเขาก็
00:18:23 → 00:18:26 บอกไม่ใส่นี่ไงไม่ใส่เพิ่มกับไม่ใส่มัน
00:18:26 → 00:18:29 ต่างกันนะค่ะคือเขาไม่ใส่เพิ่ม
00:18:29 → 00:18:32 ให้เราเห็นแต่เขาใส่อยู่แล้วป่ะอ่าซึ่งก็
00:18:32 → 00:18:35 ไม่ว่ากันไงคือเราก็ไม่รู้อาจจะไม่ใส่ก็
00:18:35 → 00:18:38 ได้เนาะเราก็ไม่รู้อะไรอย่างเงี้ยซึ่งตัว
00:18:38 → 00:18:40 เขาเรียกว่าผงชูรสเนี่ยการกระตุ้น
00:18:40 → 00:18:43 อินซูลินเนี่ยมันสูงกว่าน้ำตาลอืเพราะ
00:18:43 → 00:18:46 ฉะนั้นบางคนบอกไม่กินน้ำตาลแต่กินผงชูรส
00:18:46 → 00:18:49 กระชากเลยขึ้นฟ้าไปเลยอินซูลินนี่กระชาก
00:18:49 → 00:18:52 เลยเพราะฉะนั้นสุดท้ายก็ถ้าเรากินผงชูรส
00:18:52 → 00:18:55 เยอะๆมันก็จะเกิดเหตุการณ์พวกนี้เช่นกัน
00:18:55 → 00:18:58 ก็ต้องระมัดระวังอ่าคือเวลาที่ผมพูดเนี่ย
00:18:58 → 00:19:00 บางคนบอกโอ้ยังงก็กินอะไรไม่ได้เลยผมบอก
00:19:00 → 00:19:03 เวลาเราจะทำอะไรกับชีวิตเราเได้ 80%
00:19:03 → 00:19:07 เนี่ยเก่งแล้วอีก 20% ก็พลาดได้ผมก็กินไป
00:19:07 → 00:19:10 กับลูกสาวไปกับครอบครัวเขากินขนมผมก็กิน
00:19:10 → 00:19:14 ไม่ได้มีปัญหาอะไรเขากินของทอดผมก็กินแต่
00:19:14 → 00:19:17 เรากินให้มันเป็นปริมาณน้อยหรือว่าเรากิน
00:19:17 → 00:19:19 เป็นลำดับให้ถูกต้องเช่นปกติเนี่ยการทาน
00:19:20 → 00:19:22 อาหารต้องเรียงลำดับให้ถูกต้องค่ะเริ่ม
00:19:22 → 00:19:25 ต้นด้วยน้ำสัก 1 แก้วเพื่อให้ร่างกาย
00:19:26 → 00:19:27 เนี่ยโดนกระตุ้นก่อนว่าเดี๋ยวเราจะทาน
00:19:27 → 00:19:30 อาหารและตามด้วยผักใบเขียวแป้งต่ำเพื่อ
00:19:30 → 00:19:33 ให้ร่างกายได้ไฟเบอร์ให้เต็มที่เรากินผัก
00:19:33 → 00:19:35 ทีหลังเนี่ยเราอิ่มเราก็ไม่กินแล้วไงอ่า
00:19:35 → 00:19:37 เราก็ต้องกินอะไรที่มันแบบเราไม่ค่อยจะ
00:19:37 → 00:19:39 กินก่อนน่ะกินไปก่อนเสร็จแล้วค่อยตามด้วย
00:19:39 → 00:19:43 โปรตีนธรรมชาติบวกกับไขมันดีพอเราเริ่ม
00:19:43 → 00:19:45 อิ่มเนี่ยอ้าเราอยากจะกินแป้งสักนิด
00:19:45 → 00:19:48 คาร์โบไฮเดรตสักนิดจะกินข้าวจะกินอะไรนิด
00:19:48 → 00:19:50 นึงเราก็ตบไว้ตอนท้ายอีกซะหน่อยนึงอืแล้ว
00:19:50 → 00:19:53 พวกขนมหวานเนี่ยที่กระชากอินซูลินสูงๆ
00:19:53 → 00:19:56 เนี่ยเราก็เอาไว้ท้ายสุดเลยพอเราอิ่มใน
00:19:56 → 00:19:57 ระดับนึงแล้วไอ้นี่เราเสริมไปสักนิดสัก
00:19:58 → 00:20:00 หน่อยพอจบสุดท้ายปุ๊บเราไปเดินอีก 10
00:20:00 → 00:20:03 นาทีน้ำตาลจะไม่กระชากค่ะเห็นมั้ยตาม
00:20:03 → 00:20:05 สเต็ปอย่างเงี้ยผมก็ใช้ชีวิตแบบปกติเวลา
00:20:05 → 00:20:07 ผมสอนใครผมก็ทำอย่างนั้นแหละไม่ได้มานั่ง
00:20:07 → 00:20:09 คิดเองว่าโอ้อย่างงั้นดีแต่ตัวเองไม่ทำผม
00:20:09 → 00:20:12 ตื่นมาผมดื่มน้ำเปล่า 1 แก้วอีกสักพักผม
00:20:12 → 00:20:16 ดื่มกาแฟดำเสร็จแล้วผมก็ทำ If ต่อกินมื้อ
00:20:16 → 00:20:20 เช้าประมาณ 10:00 นถนผมทำยังไงผมก็สอนทุก
00:20:20 → 00:20:24 คนแบบนั้นตรงไปตรงมาจริงๆสิ่งที่เราโตมา
00:20:24 → 00:20:27 ค่ะสังคมไทยคือการกินข้าวกับกับข้าวอ่า
00:20:27 → 00:20:30 อ่าอย่างงี้ก็คือผิดลำดับเลยใช่มั้ยคะใน
00:20:30 → 00:20:33 แต่ก่อนเนี่ยเวลาที่เราทานจริงๆเนี่ย
00:20:33 → 00:20:36 อาหารที่คนแก่คนเฒ่าที่อายุยืนเราทาน
00:20:36 → 00:20:39 เนี่ยเขาไม่ได้กินอาหารที่ปรุงแต่งจากน้ำ
00:20:40 → 00:20:42 ตาลเยอะขนาดนั้นอืเข้าอาจจะกินข้าวซึ่งมา
00:20:42 → 00:20:45 จากอาหารธรรมชาติอันนี้ไม่ผิดเกินข้าวกับ
00:20:45 → 00:20:49 ผักต้มกินกับน้ำพริกกินกับปลาทูแล้วอาหาร
00:20:49 → 00:20:52 ก็เป็นธรรมชาติถ้าเกิดมีนาฬิกานับ 9 ของ
00:20:52 → 00:20:55 คนเฒ่าคนแก่ในอดีตอ่ะเขาคออกไปทำนาออกไป
00:20:55 → 00:20:58 เดินน่ะเดินวันเป็น 19,000 ของพวกเราเดิน
00:20:58 → 00:21:01 ส 3,500 1,900 ถึงหรือยังยังไม่ถึงเลย
00:21:01 → 00:21:04 บางคนเดินวันนึงไม่ถึง 1,900 เลยอืทำตัว
00:21:04 → 00:21:07 เหมือนนั่งสมาธิตลอดเวลาค่ะมันมันก็ต่าง
00:21:07 → 00:21:11 กันสมัยนี้เห็นแดดนี่หลบแทบไม่ทันสมัย
00:21:11 → 00:21:15 ก่อนนู่นเ้าตากแดดตากแดดแล้วดียังไงโอเค
00:21:15 → 00:21:17 บางคนบอกตากแดดแล้วกลัวมะเร็งนั่นโอ้โห
00:21:17 → 00:21:19 ต้องไปดูเปเปอร์พวกนี้เชื่อไม่ได้วิจัย
00:21:19 → 00:21:24 พวกนี้คือต้องใช้คำว่ามันมีเค้าเรียกว่า
00:21:24 → 00:21:28 สิ่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเยอะค่ะอ่ะ
00:21:28 → 00:21:31 เช่นห้ามโดนแดดก็ขายอะไรยาทากันแดดอืถูก
00:21:31 → 00:21:35 ต้องมยกินอาหารเช้าเยอะๆก็ขายซีเรียลทุก
00:21:35 → 00:21:37 อย่างมันมีอะไรสอดแทรกหมดมีการ
00:21:37 → 00:21:40 advertising ทำให้เรารู้สึกว่าเราต้อง
00:21:40 → 00:21:41 อย่างงั้นเราต้องอย่างงนี้เราต้องอย่าง
00:21:41 → 00:21:44 โง้นแต่พอเราย้อนกลับไปดูในอดีตอ่ะที่คน
00:21:44 → 00:21:47 เขาอายุยืนๆเก็เห็นโดนแดกกันปกติคนไทยไม่
00:21:47 → 00:21:50 ได้จะเป็นมะเร็งผิวหนังอะไรกันมากมายตัว
00:21:50 → 00:21:52 ดำเมี่ยมแต่กล้ามเนื้อแข็งแรงวิตามินดี
00:21:52 → 00:21:55 เต็มๆแต่ปัจจุบันกลายเป็นอะไรห้ามโดนแดด
00:21:55 → 00:21:57 ให้ทาครีมกันแดดเสร็จแล้วให้กินวิตามินดี
00:21:57 → 00:22:01 เพิ่มโอ้ขายทั้งยากันแดดขายทั้งวิตามินดี
00:22:01 → 00:22:04 เสร็จแล้วก็ขายได้ทุกสิ่งอ่ะแต่ว่าห้ามไป
00:22:04 → 00:22:06 อยู่กับธรรมชาติมันโลกมันก็เลยเป็นอย่าง
00:22:06 → 00:22:09 เงี้ยตอนเนี้ยคือกินแต่อาหารเสริมแต่ไม่
00:22:09 → 00:22:12 ใช้ชีวิตให้ถูกหลักการมันก็ลำบากพูดถึง
00:22:12 → 00:22:15 แดดค่ะคือแดดปัจจุบันเนี้ยอาจจะเคยมี
00:22:15 → 00:22:17 ท็อปปิกนี้ว่าเมื่อสมัยก่อนน่ะแดดมันไม่
00:22:17 → 00:22:20 ได้แรงเท่าทุกวันนี้ไงทุกวันนี้แดดแรงมาก
00:22:20 → 00:22:23 แล้วเราจะไปตากแดดช่วงเวลาไหนดีคะแดดจริง
00:22:23 → 00:22:25 ๆแล้วเนี่ยยิ่งแดดแรงยิ่งได้วิตามินดีอ่ะ
00:22:25 → 00:22:28 กลางวันเที่ยงๆงี้ใช่ได้เยอะสุดแต่ออย่าง
00:22:28 → 00:22:31 ที่คือว่าการได้เยอะมันก็ไม่ได้จำเป็นจะ
00:22:31 → 00:22:34 ต้องเยอะแยะเพราะฉะนั้นอย่างผมโดนแดด
00:22:34 → 00:22:38 เนี่ยผมก็แนะนำว่าแดด 6 นถึง 7 นอ่อนๆก็
00:22:38 → 00:22:41 ได้แล้วหรือว่าแดดอ่าสักช่วง 17 นถึง
00:22:41 → 00:22:43 18:00 นก็ได้แล้วก็ถามบอกว่าจะได้แดดได้
00:22:43 → 00:22:46 ยังไงผมก็บอกว่าปกติจอดรถกันยังไงอ่ะเวลา
00:22:46 → 00:22:51 ไปทำงานผมก็บอกไปจอดไกลๆหน่อยจอดห่างไป
00:22:51 → 00:22:53 สักนิดนึงแล้วเดินสัก 5 นาทีสิ่งที่เราจะ
00:22:53 → 00:22:56 ได้เดิน 5 นาทีจะได้ 509 ถึง 79 อันที่ 2
00:22:56 → 00:23:00 คือได้โดนแดดหน่อยนึงมีการ Active อย่าง
00:23:00 → 00:23:02 เงี้ยร่างกายของเราฮอร์โมนจะดีเสร็จแล้ว
00:23:02 → 00:23:04 ทำงานเราก็มี Active ตอนเย็นอย่างเงี้ย
00:23:04 → 00:23:07 อ่าถ้าเกิดแทนที่เราจะแบบหลบอยู่ในร่ม
00:23:07 → 00:23:09 ตลอดเวลาเราก็เดินซะหน่อยเดินสวนสาธารณะ
00:23:09 → 00:23:11 ซะหน่อยอะไรอย่างเงี้ยโอเคมันชีวิตเราอาจ
00:23:11 → 00:23:13 จะทำไม่ได้ทุกวันหรอกแต่ถ้าเกิดเราคิดว่า
00:23:13 → 00:23:15 ชีวิตเราสำคัญน่ะเราจะหาเวลาทำได้พอสมควร
00:23:15 → 00:23:18 ละฟังวันนี้แล้วก็อาจจะได้ข้อมูลเพิ่มก็
00:23:18 → 00:23:21 เอาไปดีไซน์ชีวิตตัวเองได้ใช่แต่ก็อย่าไป
00:23:21 → 00:23:24 แบบเครียดมากสุดท้ายอะไรที่มันไม่
00:23:24 → 00:23:26 compatible with Life อ่ะคือมันไม่
00:23:26 → 00:23:29 หล่อหลอมไปกับชีวิตประจำวันของเราอ่ะมัน
00:23:29 → 00:23:31 จะทำได้ไม่ยาวนานเพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญ
00:23:31 → 00:23:35 คือการที่เราทำทุกอย่างวันละนิดคือ
00:23:35 → 00:23:37 เปลี่ยนแิเปลี่ยนนิสัยอ่ะซึ่งการเปลี่ยน
00:23:37 → 00:23:39 นิสัยเนี่ยมันไม่ใช่หน้ามือเป็นหลังมือ
00:23:39 → 00:23:42 เช่นผมยกตัวอย่างเหมือนหนังสือเล่มนึงที่
00:23:42 → 00:23:45 ผมเขียนนะครับ 49 habits นิสัยง่ายๆ
00:23:45 → 00:23:48 ชีวิตโคตรดีคือถ้าทำตามหนังสือเล่มนั้น 49
00:23:48 → 00:23:49 อย่างอ่ะชีวิตท่านไม่ดีเนี่ยท่านมาด่าผม
00:23:49 → 00:23:54 ได้เลยคือมันมันง่ายจนแบบโคตรๆตื่นมาดื่ม
00:23:54 → 00:23:57 น้ำ 1 แก้วยากมั้ยอ่ะไม่ยากอ่าเดินลงมา
00:23:57 → 00:24:00 ปุ๊บอ่ะใครดื่มกาแฟดำก็ดื่มแก้วนึงใครจะ
00:24:00 → 00:24:02 กินชาเขียวก็กินใครจะกินชาร้อนก็กินไม่
00:24:02 → 00:24:06 ได้ว่าอะไรเสร็จแล้วคุณเดินสัก 5 นาทียาก
00:24:06 → 00:24:10 มั้ยเออโดนแดดสัก 5 นาทีเดินในที่โล่ง
00:24:10 → 00:24:12 กว้างรับอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย 5 นาที
00:24:12 → 00:24:14 เนี่ยบางคนบอกโอ้ยตื่นไม่ไหวถามว่าทำไม
00:24:14 → 00:24:16 ตื่นไม่ไหวก็เอ็งนอนดึกไงก็นอนให้มันเร็ว
00:24:16 → 00:24:18 ขึ้นมาหน่อยไงบางคนบอกโอ้ต้องทำงานตอนดึก
00:24:19 → 00:24:21 ก็ตื่นเช้าก็มาทำงานเช้าไงอืเออคือทุก
00:24:21 → 00:24:24 อย่างมัน Easy เพียงแต่เราหาข้ออ้างที่จะ
00:24:24 → 00:24:27 ไม่ทำมันก็เป็นประมาณนั้นคือการเปลี่ยน
00:24:27 → 00:24:28 แปลงนิสัยเนี่ยที่ผมบอกเนี่ยมันไม่ใช่ว่า
00:24:29 → 00:24:31 ชีวิตเราจะดีขึ้นภายใน 3 วัน 5 วันหรอก
00:24:31 → 00:24:33 ค่ะแต่ถ้าท่านทำอย่างเงี้ยติดกันอย่าง
00:24:33 → 00:24:37 น้อย 21 วันมันจะเริ่มเป็นกิจวัตรประจำ
00:24:37 → 00:24:41 วันพอเราทำติดต่อกัน 90 วันมันจะฝังจน
00:24:41 → 00:24:44 เป็นนิสัยเล็กๆของเราแล้วชีวิตเราจะดี
00:24:44 → 00:24:46 ขึ้นจนคาดไม่ถึงเมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำ
00:24:46 → 00:24:50 ติดต่อกันอย่างนี้ 1 ปีชีวิตเราจะดีขึ้น
00:24:50 → 00:24:53 อย่างน้อย 37 เท่าถามว่า 37 เท่ามาจากคำ
00:24:53 → 00:24:56 ไหนอันนี้มาจากคำว่าไคเซ็นดีขึ้นวันละนิด
00:24:56 → 00:24:59 ดีขึ้นทุกๆวันของญี่ปุ่นซึ่งการดีขึ้นวัน
00:24:59 → 00:25:02 ละ 1% มันก็จะยกกำลังไปเรื่อยๆในทุกๆวัน
00:25:02 → 00:25:06 ดีขึ้นวันละ 1% ติดต่อกัน 365 วันจะดี
00:25:06 → 00:25:10 ขึ้นทั้งหมด 3,700 per คือ 37 เท่านั่น
00:25:10 → 00:25:11 เองซึ่งเป็นการยกกำลังเดี๋ยวนี้หนังสือ
00:25:11 → 00:25:13 หลายเลี่ยมเขียนอยู่แล้วเมื่อเมื่อสัก
00:25:13 → 00:25:15 ครู่คุณหมอพูดถึงเรื่องของการดื่มชากาแฟ
00:25:15 → 00:25:18 ด้วยหนูอยากรู้ว่าคือมันอาจจะยังมีความ
00:25:18 → 00:25:20 เข้าใจที่หลากหลายอยู่ในปัจจุบันนี้ว่า
00:25:20 → 00:25:23 แล้วดื่มชากาแฟอ่ะดื่มแค่ไหนที่ดีต่อร่าง
00:25:23 → 00:25:26 กายเพราะบางคนน่ะค่ะวันนึงคือ 3-4 แก้ว
00:25:26 → 00:25:28 เลยอ่ะครับคือเราต้องดู 2 อย่างแล้วกัน
00:25:28 → 00:25:31 กันปริมาณกับคุณภาพของมันคุณภาพของกาแฟ
00:25:31 → 00:25:34 เนี่ยไม่ได้บอกว่าโอ้โหคุณจะต้องไปบนยอด
00:25:34 → 00:25:37 ดอยดอยพิเศษนู่นนี่ไม่ใช่ไม่เกี่ยวคุณภาพ
00:25:37 → 00:25:41 คือกาแฟที่คุณภาพดีที่สุดคือกาแฟดำกาแฟดำ
00:25:41 → 00:25:43 สิ่งที่เติมเข้ามาคือสิ่งที่ทำลายคุณภาพ
00:25:44 → 00:25:46 ของมันอาจจะมีข้อยกเว้นอยู่สักไม่กี่อัน
00:25:46 → 00:25:49 อันนึงก็คือพวก mct Oil medium Chin
00:25:49 → 00:25:52 ไกดซึ่งจะทำให้เราเข้าสู่ภาวะคีโตสิสเผา
00:25:52 → 00:25:54 ผลาญไขมันมาเป็นพลังงานได้ง่ายแต่ก็ไม่
00:25:55 → 00:25:57 ได้แนะนำให้ไปกินเลื่อยเปื่อยต้องมีความร
00:25:57 → 00:25:59 อีกเช่นกันเพราะฉะนั้นถ้าเรายังไม่ได้
00:25:59 → 00:26:01 ศึกษาอะไรให้ดีกาแฟดำเนี่ยคือใช่กาแฟที่
00:26:02 → 00:26:04 โคตรโหดเหมือนจอมโหดกระโดดกัดหูที่สุด
00:26:04 → 00:26:10 แล้วนะคือกาแฟ 3 in one อ่าง่ายเลยอ้าว
00:26:10 → 00:26:15 ง่ายดิป่วยง่ายเลยค่ะเพราะอะไรกาแฟ 3 in
00:26:15 → 00:26:18 one มีองค์ประกอบอยู่ 3 อย่างใน 10 ส่วน
00:26:18 → 00:26:23 ของกาแฟมีกาแฟ 1 ส่วนอีก 9 ส่วนแบ่งกัน
00:26:23 → 00:26:26 อย่างละครึ่งคือครีมเทียมและน้ำตาลไม่ว่า
00:26:26 → 00:26:29 จะเป็นน้ำตาลเทพพยามาจากไหนอ่ะหรือว่าจะ
00:26:29 → 00:26:32 เป็นครีมเทียมที่เขาว่าโอ้ไม่อันตรายสุด
00:26:32 → 00:26:35 ท้ายมันก็เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นกับชีวิต
00:26:35 → 00:26:38 อ่ะแต่กาแฟดำอ่ะดีมันไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
00:26:38 → 00:26:41 ของระบบเผาผลาญไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ
00:26:41 → 00:26:44 กระตุ้นให้ร่างกายเรากระชุ่มกระชวยหรือ
00:26:44 → 00:26:46 ว่าการที่ทำให้เราอารมณ์ดีไม่ว่าจะเป็น
00:26:46 → 00:26:49 กลิ่นของมันนะรูปรสกลิ่นเสียงพวกนี้มันก็
00:26:49 → 00:26:52 จะแบบไม่ได้มีปัญหาถ้าเป็นกาแฟดำจะร้อนจะ
00:26:52 → 00:26:54 เย็นก็ได้ไม่ว่ากันแต่เมื่อไหร่ก็ตามที่
00:26:54 → 00:26:57 เติมอย่างอื่นเข้ามามันไม่ใช่กาแฟครับมัน
00:26:57 → 00:27:01 คือคือขนมหวานครับอที่เรียกว่าลิคิด
00:27:01 → 00:27:04 แคลอรี่อันนี้น่ากลัวมากคือแคลอรี่ที่เรา
00:27:04 → 00:27:06 กินเป็นประจำเนี่ยเช่นแบบพวกเป็นเนื้อ
00:27:06 → 00:27:09 สัตว์อย่างเงี้ยมันจะมีความอิ่มท้องแต่
00:27:09 → 00:27:12 ลิควิดแคลอรี่ไม่อิ่มชาไทยขนมหวานน้ำหวาน
00:27:12 → 00:27:16 1 แก้ว 500 กิลแคลอรี่ไม่อิ่มด้วยนะโอ้
00:27:16 → 00:27:19 อย่าไปพูดถึงความอิ่มยังไม่หายหิวน้ำเลย่
00:27:19 → 00:27:23 เออ 2 แก้วปาบก็ยังไม่อิ่มต้องมาอย่าง
00:27:23 → 00:27:26 อื่นเติมแต่นี่คือ 1,000 กิลแคลอรี่ 1,000
00:27:26 → 00:27:30 กิลแคลอรี่คือไข่กี่ฟองรู้มั้ย 10 กว่า
00:27:31 → 00:27:33 ใช่คือไข่ทั้งหมดเนี่ยประมาณซัก 10-15
00:27:33 → 00:27:36 ฟองอ่ะค่ะกินไข่ 15 ฟองได้มั้ยไม่น่าจะ
00:27:36 → 00:27:38 ได้นะเอ่าแบบสมมุติว่าเราไม่กลัวการกิน
00:27:38 → 00:27:40 ไข่เลยกินไก่ 15 ฟองกินไหวมั้ยอาจจะไหว
00:27:40 → 00:27:43 บางคนเอ่าแต่ก็อย่างที่บอกคือว่ามันโคตร
00:27:43 → 00:27:45 โหดเลยไข่ 15 ฟองกว่าจะได้ 1,000 กิโล
00:27:45 → 00:27:48 แคลอรีแต่การดูดน้ำหวาน 2 แก้วเนี่ยมัน
00:27:48 → 00:27:53 โคตรชิลเลยอือ่าเฮ้ยทำไมนับแคลอรีแล้วมัน
00:27:53 → 00:27:56 ไม่รอดอ่ะเพราะเราไม่เข้าใจว่าแคลอรี่ไม่
00:27:56 → 00:27:59 เท่ากับแคลอรี่ไม่เหมือนกันแคลอรีของน้ำ
00:27:59 → 00:28:02 หวาน 500 กิลแคลอรี่ไม่เท่าแคลอรีกับ
00:28:02 → 00:28:05 เนื้อสัตว์จากธรรมชาติ 500 กิลแคลอรี่คือ
00:28:05 → 00:28:09 แคลอรี่เหมือนเขียนเท่ากันแต่ประโยชน์กับ
00:28:09 → 00:28:12 คุณภาพของมันแตกต่างกันร่างกายเรานับ
00:28:12 → 00:28:15 นิวเทรียนหรือนับสารอาหารไม่ได้นับแคลอรี
00:28:15 → 00:28:19 ครับร่างกายเรากินไป 3,000 กิโลแคลอรีจาก
00:28:19 → 00:28:22 น้ำหวานร่างกายก็ไม่อิ่มร่างกายนับสาร
00:28:22 → 00:28:25 อาหารคือ nutrient ดังนั้นจึงแนะนำให้กิน
00:28:25 → 00:28:27 nutrient dent Food คืออาหารที่มีความ
00:28:27 → 00:28:31 เข้มข้นของสารอาหารที่ดีและเหมาะสมอืโดย
00:28:31 → 00:28:33 เน้นจากธรรมชาติเป็นหลักเพราะเมื่อไหร่ก็
00:28:33 → 00:28:36 ตามที่ผ่านโปเสต่างๆเนี่ยร่างกายของเรา
00:28:36 → 00:28:39 เนี่ยไม่ค่อยชอบพอร่างกายเราไม่ค่อยชอบก็
00:28:39 → 00:28:41 จะเกิดการอักเสบในเซลล์ต่างๆทั่วร่างกาย
00:28:41 → 00:28:43 แล้วร่างกายเกิดการอักเสบไปเรื่อยๆสิ่ง
00:28:43 → 00:28:46 ที่เกิดขึ้นก็คือเซลล์เปลี่ยนหน้าเปลี่ยน
00:28:46 → 00:28:50 ตาแล้วก็เสี่ยงมะเร็งในอนาคตอืนั่นเองคือ
00:28:50 → 00:28:52 ไม่ได้บอกว่ากินแล้วจะเป็นมะเร็งแต่บอก
00:28:52 → 00:28:56 ว่าสาเหตุของมะเร็งคือการโดนกระตุ้นแบบ
00:28:56 → 00:28:59 เนี้ยบ่อยๆจนเซลล์เปลี่ยนรูปร่างและหน้า
00:29:00 → 00:29:02 ตาไม่น่ารักจนกลายเป็นเมล็กเหล่านี้ก็มา
00:29:02 → 00:29:05 จากพฤติกรรมที่เราใช้ในชีวิตประจำวันหมด
00:29:05 → 00:29:09 เลยอก็คือแ habit แย่ๆเชีวิตชีวิตแย่ๆเออ
00:29:09 → 00:29:13 อค่ะฟังแล้วก็น่าจะอ่ะเอาไปเตือนตัวเอง
00:29:13 → 00:29:15 กันนิดนึงอาจจะเหมือนที่คุณหมอบอกว่ามัน
00:29:15 → 00:29:16 ไม่สามารถที่จะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
00:29:16 → 00:29:18 ได้เลยหรอกแต่ว่าค่อยๆเตือนตัวเองได้บทำ
00:29:18 → 00:29:20 ทำไปเรื่อยๆสมมุติเราอยากจะมีชีวิตดีๆ
00:29:20 → 00:29:23 เนี่ยผมแนะนำว่าอย่างน้อยๆเนี่ยเราควรจะ
00:29:23 → 00:29:25 ตั้งใจทำอะไรสัก 3 เดือนแล้วพอเราจริงจัง
00:29:25 → 00:29:27 กับมันเนี่ยเราจะรู้สึกดีกับตัวเองแล้ว
00:29:27 → 00:29:29 หลังจากนั้นเราจะอยากจะทำมันไปอีก 30 ปี
00:29:30 → 00:29:32 ฮะเห็นคุณค่าในตัวเองเยอะๆเห็นคุณค่าใน
00:29:32 → 00:29:35 ชีวิตของเราเยอะๆพอเรารักตัวเองอ่ะเราจะ
00:29:35 → 00:29:37 ตามหาสิ่งที่ดีจริงๆให้กับตัวเองแต่ถ้า
00:29:37 → 00:29:39 เราไม่เห็นคุณค่าในตัวเองไม่รักในตัวเอง
00:29:39 → 00:29:41 เนี่ยคนไม่รักตัวเองมันจะดูแลตัวเองหรอฮะ
00:29:41 → 00:29:44 ชีวิตของเราเนี่ยฝากไว้กับตัวเราอย่าไป
00:29:44 → 00:29:47 ฝากไว้กับคุณหมอจะให้คุณหมอคุณหมอบก็ยัง
00:29:47 → 00:29:49 แบบบางทียังเอาตัวไม่รอดเลยน้ำหนักเกิน
00:29:49 → 00:29:52 กันเยอะแยะเออก็ต้องดูแลสุขภาพเราเป็นหมอ
00:29:52 → 00:29:54 เนี่ยเราบอกให้คนไข้ลดน้ำหนักเราบอกให้ค
00:29:54 → 00:29:56 ไข้ดูแลตัวเองตัวเรายังเอาไม่รอดเนี่ย
00:29:56 → 00:29:58 อย่างงี้ไม่ควรพูดจะมีข้ออ้างอะไรไม่รู้
00:29:58 → 00:30:00 รู้อ่ะแต่ถ้าเราอยากจะบอกคนไข้ให้เขา
00:30:00 → 00:30:03 เชื่อถือเราเราอยากจะบอกใครก็ตามทั้งโลก
00:30:04 → 00:30:07 ใบเนี้ยเราควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีเราต้อง
00:30:07 → 00:30:10 ดูแลร่างกายของเราเป็นแรงบันดาลใจที่ดี
00:30:10 → 00:30:12 ให้กับผู้ป่วยถึงจะถูกต้องเข้าสโลแกนเลย
00:30:12 → 00:30:14 ค่ะทำไมเราไม่เกลาตัวเองก่อนที่เราจะไป
00:30:14 → 00:30:18 เกลาคนอื่นก็ตามนั้นนะเออค่ะทีนี้พูดถึง
00:30:19 → 00:30:21 นิสัยค่ะมีอีกนิสัยนึงอ่าคนบางคนอาจจะ
00:30:21 → 00:30:24 เป็นคนที่ Alert หน่อยอ่ะ Alert คือ
00:30:24 → 00:30:26 Active มากเลยชอบทำนู่นทำนี่ตลอดเวลา
00:30:26 → 00:30:29 เน้นทำกิจกรรมเน้นใช้ชีวิตไม่เน้นนอนแบบ
00:30:29 → 00:30:31 เนี้ยอันตรายต่อสุขภาพมั้ยคะอมันแน่นอน
00:30:31 → 00:30:33 อยู่แล้วครับจริงๆแล้วอันดับ 1 เกี่ยวกับ
00:30:33 → 00:30:35 สุขภาพเนี่ย you are what you eat
00:30:35 → 00:30:38 กินอะไรเข้าไปก็เป็นอย่างงั้นแหละอันแรก
00:30:38 → 00:30:40 อันที่ 2 คือการนอนครับจำคำนี้เลยนะนอน
00:30:40 → 00:30:43 ไม่ดีชีวิตไม่มีวันดีเพราะอะไรเมื่อไหร่
00:30:43 → 00:30:45 ก็ตามที่เรานอนไม่ดีฮอร์โมนในร่างกายของ
00:30:45 → 00:30:47 เราจะแปรปรวนฮอร์โมนเราจะผิดปกติให้
00:30:48 → 00:30:50 สังเกตคนหงุดหงิดคนหิวง่ายคนความดันขุ้น
00:30:50 → 00:30:52 สูงคนน้ำตาลสวิงคือคนนอนไม่ดีทั้งนั้น
00:30:52 → 00:30:55 เพรางั้นคำว่านอนดีคืออะไรบางคนบอกออนอน
00:30:55 → 00:30:58 เยอะๆบอกไม่ใช่นอนดีประกอบด้วย 2 อย่าง
00:30:58 → 00:31:00 ค่ะทั้งปริมาณและคุณภาพปริมาณคือเอาค่า
00:31:01 → 00:31:03 เฉลี่ยแล้วกันคือ 7-9 ชมเกิน 9 ไปก็ไม่
00:31:03 → 00:31:08 ค่อยดี 6 หรอคะ 6 คือขั้นต่ำที่พอทนได้อื
00:31:08 → 00:31:10 คุณภาพคือหลับลึกอย่างน้อยต้องชั่วโมง
00:31:10 → 00:31:13 ครึ่งมีตื่นกลางดึกไม่เกิน 1 ครั้งถ้า
00:31:13 → 00:31:15 ตื่น 2-3 ครั้งเอ๊ยไม่ใช่แล้วเริ่มไม่ใช่
00:31:15 → 00:31:17 แล้วสมมุติตื่นมากลางดึกต้องกลับไปนอนได้
00:31:17 → 00:31:20 เร็วนี่คือคุณภาพที่ดีแต่ว่าทุกอย่าง
00:31:20 → 00:31:22 เนี่ยมันต้องมีสต็ปที่ทำให้เกิดสิ่งนี้
00:31:22 → 00:31:25 ขึ้นแล้วก็ยังไม่พอว่าอ่าเรื่องของเวลา
00:31:25 → 00:31:28 นี่สำคัญมากๆในอดีตเนี่ยเไม่มีหรอกฮะวัน
00:31:28 → 00:31:31 เสาร์อาทิตย์วันหยุดนขัตฤกษ์วันหยุดชดเชย
00:31:31 → 00:31:34 มีแต่เรานี่แหละมนุษย์ในปัจจุบันมันมีวัน
00:31:34 → 00:31:37 หลากหลายเหลือเกินเนี่ยวันธรรมดาขึ้นสุด
00:31:37 → 00:31:39 ลงสุดวันเสาร์อาทิตย์ก็ขึ้นสุดลงสุดคือ
00:31:39 → 00:31:43 ยังไงวันธรรมดาก็ตื่นซะเช้ากลับดึกเสาร์
00:31:43 → 00:31:46 อาทิตย์ก็เหมือนกันตื่นสะบ่ายเลยอย่างงี้
00:31:46 → 00:31:48 ร่างกายไม่แฮปปี้อืเพราะว่าร่างกายของเรา
00:31:48 → 00:31:50 เนี่ยใช้ชีวิตตามพระอาทิตย์และพระจันทร์
00:31:50 → 00:31:52 พระอาทิตย์ขึ้นร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแบบ
00:31:52 → 00:31:55 นึงพระอาทิตย์ตกร่างกายก็หลั่งฮอร์โมนใน
00:31:55 → 00:31:58 อีกรูปแบบหนึ่งและถ้าเกิดเรานอนตรงเวลา
00:31:58 → 00:32:01 ตื่นตรงเวลาทุกวันนาฬิกาชีวิตของเรามันจะ
00:32:01 → 00:32:05 ดีฮอร์โมนของเราจะดีบางคนบอกประจำเดือน
00:32:05 → 00:32:08 ไม่มาตั้งคันยากหงุดหงิดสิวเยอะส่วนใหญ่
00:32:08 → 00:32:11 นอนไม่ดีทั้งนั้นแหละพอนอนไม่ดีฮอร์โมน
00:32:11 → 00:32:14 ไม่ดีฮอร์โมนไม่ดีหิวง่ายหิวง่ายอ้วนง่าย
00:32:14 → 00:32:17 ฮอร์โมนไม่ดีสิวขึ้นฮอร์โมนไม่ดีชีวิตแย่
00:32:17 → 00:32:20 ฮอร์โมนแย่หมดอ่ะแล้วนอนดีอ่ะค่ะเขาก็
00:32:20 → 00:32:22 อยากนอนดีแล้วนะแต่บางคนอาจจะแบบก่อนหน้า
00:32:22 → 00:32:24 นี้อาจจะเคยนอนไม่ดีมันมันติดอย่างงั้นมา
00:32:24 → 00:32:27 แล้วพอจะไปนอนนอนไม่หลับอ่าคุณหมอมีคำแนะ
00:32:27 → 00:32:29 นำยังไงว่าเราจะเตรียมตัวนอนยังไงให้นอน
00:32:29 → 00:32:32 ได้ดีอ่ะคะเวลาเราอยากจะนอนได้ดีเนี่ยไม่
00:32:32 → 00:32:35 ใช่ไปเตรียมตัวก่อนนอนอืเราต้องเตรียมตัว
00:32:35 → 00:32:39 ตั้งแต่ตื่น 1 คือการโดนแสงแดดตอนเช้าโดน
00:32:39 → 00:32:41 แดดเช้าเมลาโทนินหลัง 20:00 นสะกิดให้เรา
00:32:41 → 00:32:44 ง่วงตอน 22:00 นพอดีซึ่งเป็นเวลานอนที่ดี
00:32:44 → 00:32:48 ที่สุดนอน 22:00 น 23 น 23:30 นร่างกาย
00:32:48 → 00:32:50 หลังโรสฮอร์โมนออกมาซึ่งเป็นฮอร์โมนของ
00:32:50 → 00:32:52 การเผาผ่านคอร์ติซอลฮอร์โมนต่ำฮอร์โมนทุก
00:32:52 → 00:32:55 อย่างอยู่ในระดับที่ดีฮอร์โมนหิวฮอร์โมน
00:32:55 → 00:32:57 อิ่มไม่วุ่นวายกับชีวิตเพราะฉะนั้นการ
00:32:57 → 00:32:59 เตรียมตัวตั้งแต่เช้าไม่ว่าจะเป็นการตื่น
00:32:59 → 00:33:02 ที่ตรงเวลาทุกๆวันให้ร่างกายรู้ว่านี่คือ
00:33:02 → 00:33:04 เวลาตื่นไม่ต้องใช้นาฬิกาปุกเพราะเราตื่น
00:33:04 → 00:33:08 ตรงเวลาแล้วเราใช้ชีวิตให้ดีชีวิตให้ดี
00:33:08 → 00:33:11 เช่นการโดนแดดการเดินให้มากการออกกำลัง
00:33:11 → 00:33:13 กายร่วมด้วยร่างกายของเราก็จะเป็นสต็ป
00:33:13 → 00:33:17 สเต็ปการกินอาหารมื้อเย็นให้จบก่อน 18:00
00:33:17 → 00:33:20 นให้จบก่อน 1900 นร่างกายของเราก็จะมี
00:33:20 → 00:33:22 ระบบฮอร์โมนที่ดีคราวนี้พอทั้งวันเราดี
00:33:22 → 00:33:24 ปุ๊บเราไปเตรียมตัวก่อนเข้านอน 1 ช่วโมง
00:33:24 → 00:33:28 ก่อนนอนเนี่ยแบบโคตรๆสำคัญเลยเพราะอะไร
00:33:28 → 00:33:30 คืออย่างที่บอกคือว่าถ้าเราทำเช้ามาดี
00:33:30 → 00:33:32 แล้วแล้ว 1 ชั่วโมงก่อนนอนเราทำไม่ดี
00:33:32 → 00:33:35 เนี่ยเราก็จะหลับได้ไม่ค่อยดีเพราะฉะนั้น
00:33:35 → 00:33:39 เวลาตั้งนาฬิกาปลุกผมแนะนำให้ตั้งนาฬิกา
00:33:39 → 00:33:42 ปลุกไปนอนให้เตือนตอน 21:00 นว่าเฮ้ย
00:33:42 → 00:33:45 เดี๋ยวยูต้องเตรียมตัวเข้านอนนะพอเตือน
00:33:45 → 00:33:48 ปุ๊บ 21:00 นผมจะเริ่มปิดไฟและในห้องไฟจะ
00:33:48 → 00:33:51 เริ่มเป็นสีส้มซึ่งไฟสีส้มจะไม่กระตุ้น
00:33:51 → 00:33:54 ให้ร่างกายเราแคทีอันต่อมาคือเราจะเริ่ม
00:33:54 → 00:33:56 ดูแลร่างกายตัวเราไม่ว่าจะเป็นอาบน้ำก็
00:33:56 → 00:33:58 แนะนำให้อาบน้ำอุ่นเพื่อปรับอุณหภูมิให้
00:33:58 → 00:34:00 เข้านอนได้ดีเสียงก็ต้องไม่มีอะไรรบกวนผม
00:34:00 → 00:34:03 จะใส่ที่อุดหูตลอดแล้วไฟในห้องก็จะต้อง
00:34:03 → 00:34:06 มืดใครเปิดทีวีแล้วนอนไปด้วยเนี่ยยากมาก
00:34:06 → 00:34:08 นะฮะที่ชีวิตจะดีนะครับสมองเราจะโดน
00:34:08 → 00:34:10 กระตุ้นตลอดโดยเราไม่รู้ตัวแล้วจะเปิด
00:34:10 → 00:34:12 ทำไมให้เปลืองไฟเล่นค่าไฟก็แพงเฮ้ยถ้ายู
00:34:12 → 00:34:15 จะนอน 1 ชั่วโมงก่อนนอนไม่ว่าจะเป็นการ
00:34:15 → 00:34:18 เตรียมตัวเข้านอนการปรับสภาพแวดล้อมให้
00:34:18 → 00:34:21 เหมาะอากาศที่เย็นพอดีๆๆแอร์ไม่เป่าหน้า
00:34:21 → 00:34:24 อุณหภูมิประมาณสัก 20-22 รอบข้างที่เงียบ
00:34:24 → 00:34:27 ไฟที่มืดสนิทการที่ทำให้เราคดาวก่อนนอนมี
00:34:27 → 00:34:30 หลายเทคนิคไม่ว่าจะเป็นอ่าฟังเสียงต่างๆ
00:34:30 → 00:34:34 ใช่มั้ยครับหรือว่าฟังเพลงเบาๆอ่าหรือว่า
00:34:34 → 00:34:35 ถ้าเกิดอยู่กับครอบครัวอย่างผมก็อ่าน
00:34:35 → 00:34:38 นิทานให้ลูกฟังแล้วก็เข้านอนอ่าหรือบางคน
00:34:38 → 00:34:42 ก็อ่านหนังสือที่มันไม่ได้ตื่นเต้นด้วยไฟ
00:34:42 → 00:34:45 สีส้มใช่มยอ่านหนังสือพวก How to อ่ะคือ
00:34:45 → 00:34:48 ถ้าเราไปอ่านหนังสือแบบที่มันตื่นเต้น่า
00:34:48 → 00:34:50 ฟันกำลังภายในหรือดูทีวีจนหลับเนี่ยเราจะ
00:34:50 → 00:34:52 หลับได้ไม่ดีเราต้องอ่านหนังสือกลุ่มพวก
00:34:52 → 00:34:54 How to อ่ะมันจะง่วงไงหนังสือ How to
00:34:54 → 00:34:56 อ่ะอ่านแล้วมันแบบออง่วงเอาสักบทนึงแล้ว
00:34:56 → 00:34:59 กันออะไอะไก็ตามที่เราอ่านก่อนนอนนะถ้า
00:34:59 → 00:35:01 เราอ่านสิ่งดีๆก่อนนอนเนี่ยมันจะฝังเข้า
00:35:02 → 00:35:04 ไปในสมองเราโดยไม่รู้ตัวอ่าได้ประโยชน์
00:35:04 → 00:35:06 ด้วยใช่บางทีเรามีเรื่องกังวลใจให้เขียน
00:35:06 → 00:35:09 มาในกระดาษ 3-4 ข้อเขียนเสร็จแล้วก็โยน
00:35:09 → 00:35:12 ทิ้งไปพอเราเขียนปุ๊บเนี่ยมันจะได้รีสได้
00:35:12 → 00:35:14 ระบายแล้วเราจะเข้านอนได้ง่ายขึ้นคือ
00:35:14 → 00:35:16 เรื่องมันไม่หายไปหรอกโยนทิ้งเรื่องก็
00:35:16 → 00:35:19 เหมือนเดิมนั่นแหละแต่ว่ามันจะทำให้เออก็
00:35:20 → 00:35:22 ได้ทำอะไรบางอย่างแล้ววะมันก็จะง่ายขึ้น
00:35:22 → 00:35:24 นั่นเองถ้าเราอยากจะนอนดีหนูว่ามันต้อง
00:35:24 → 00:35:26 วางแผนเหมือนที่คุณหมอบอกเนาะเพราะว่าอาจ
00:35:26 → 00:35:28 จะเคยใช้ชีวิตแบบไม่ได้นอนดีมาแล้วอยู่ๆ
00:35:28 → 00:35:31 วันนี้อยากจะนอนดีเนี่ยมานอนเลยก็ไม่ได้
00:35:31 → 00:35:33 หลับนะเพราะฉะนั้นต้องวางแผนไว้ก่อนว่า
00:35:33 → 00:35:36 อ่ะตอนเช้าคือหนูฟังแล้วมันเหมือนเป็นรูี
00:35:36 → 00:35:38 ใหม่เป็นกิจวัตรที่เราต้องทำเลยอ่ะใช่
00:35:38 → 00:35:41 เพื่อนผมก็จะถามเฮ้ยทำได้ไงวะทำได้ทุกวัน
00:35:41 → 00:35:43 ผมก็บอกอ้าวแล้วเวลาเราหายใจเนี่ยเราหาย
00:35:43 → 00:35:45 ใจโดยเราต้องคิดอะไรมั้ยไอ้ชีวิตที่ผมทำ
00:35:45 → 00:35:47 ทุกวันเนี่ยผมไม่ได้รู้สึกลำบากหรือรู้
00:35:47 → 00:35:49 สึกว่ามันเป็น habit หรือเป็นวินัยอะไรนะ
00:35:49 → 00:35:51 ฮะมันก็คือชีวิตปกติที่คนรักตัวเองต้องทำ
00:35:51 → 00:35:54 ป่ะอืค่ะก็ไม่เห็นรู้สึกอะไรถ้าใครรู้สึก
00:35:54 → 00:35:57 ลำบากก็แปลว่ายังไม่ได้ฝึกให้ใช้ชีวิตที่
00:35:57 → 00:36:00 ดีเพราะเขฝึกมันก็จะ Easy มันก็จะง่ายทุก
00:36:00 → 00:36:03 คนนัแหลอค่ะก็ค่อยๆทำไปอย่างใช่ค่อยๆทำ
00:36:03 → 00:36:06 อย่าไปโอ้โหฟังวันนี้เสร็จอื้อหือชีวิต
00:36:06 → 00:36:09 ฉันต้องดีพวกนี้แหมเป็น 10 ปีที่ผ่านมา
00:36:09 → 00:36:11 กว่าจะใช้หนี้มันต้องใช้เวลาเออมันธรรมดา
00:36:12 → 00:36:15 ติดหนี้ไม่ต้องเยอะก็ค่อยๆทำไป 3 เดือนปี
00:36:15 → 00:36:18 นึงไม่ต้องรีบคนที่ฟังแล้วอาจจะกำลังแบบ
00:36:18 → 00:36:21 ว่าเ้ยอยากสร้างรูทีนหรือกิจวัตรใหม่อยาก
00:36:21 → 00:36:23 ปรับชีวิตตัวเองให้มันดีขึ้นเนี่ยค่ะอือ
00:36:23 → 00:36:26 กำลังใจเป็นสิ่งที่ต้องใช้แน่ๆสำหรับคน
00:36:26 → 00:36:28 ที่กำลังเริ่มเนาะอือฮึหมอมีคำแนะนำในการ
00:36:28 → 00:36:31 สร้างกำลังใจยังไงบ้างคะสิ่งที่สำคัญที่
00:36:31 → 00:36:33 สุดคือเรามีเป้าหมายทำไมเราต้องสุขภาพดี
00:36:33 → 00:36:36 อือ่าแล้วสุขภาพดีไปทำไมวะถ้าคิดไม่ออกผม
00:36:36 → 00:36:38 ให้คำนึงแล้วกันเราสุขภาพดีเพื่อคนที่เรา
00:36:38 → 00:36:41 รักบางคนบอกว่าโอ้เนี่ยเดี๋ยวพอเราแก่เรา
00:36:41 → 00:36:44 เลี้ยงลูกหลานดีพอเราไม่สบายลูกหลานจะได้
00:36:44 → 00:36:46 มาดูแลผมถามแล้วทำไมต้องไม่สบายทำไมต้อง
00:36:46 → 00:36:49 ให้ลูกหลานมาดูแลแปลว่าเมื่อเราอายุเยอะ
00:36:49 → 00:36:52 ขึ้นเราก็เป็นคนที่แข็งแรงได้นี่แน่นอนอ
00:36:52 → 00:36:54 อย่าไปเอา mindset ว่าอายุเยอะแล้วต้อง
00:36:54 → 00:36:57 ป่วยอื mind เซตอย่างงั้นใครจะเอาเอาไป
00:36:57 → 00:37:00 มันชีวิตของคนอื่นชีวิตเราคือยิ่งแก่ยิ่ง
00:37:01 → 00:37:05 เก่าชีวิตยิ่งดียิ่งอายุเยอะยิ่งดูดีขึ้น
00:37:05 → 00:37:08 เรื่อยๆยิ่งอายุเยอะยิ่งแข็งแรงขึ้น
00:37:08 → 00:37:11 เรื่อยๆใครอยากอ่อนแอใครอยากไม่มีแรงใคร
00:37:11 → 00:37:13 อยากป่วยเรื่องของเขาและถ้าใครมาบอกว่า
00:37:13 → 00:37:17 เฮ้ยใครมันก็ต้องป่วยอย่าไอเอา mindset
00:37:17 → 00:37:20 แบบนั้นมาใส่สมองดีๆของเราใครอยากป่วยก็
00:37:20 → 00:37:23 ตามสะดวกอสมมุติเรามีลูกหลานเนี่ยเราไม่
00:37:23 → 00:37:25 อยากจะไปเจอกับเขาที่ไปเที่ยวหรือว่าไป
00:37:25 → 00:37:27 สนุกไปสนานหรอกเราจะไปเจอเข้าที่โรง
00:37:27 → 00:37:30 พยาบาลทำมั้เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเรารักลูก
00:37:30 → 00:37:33 หลานเราจริงเรารักครอบครัวเราจริงเราต้อง
00:37:33 → 00:37:37 สุขภาพดีแบบโคตรๆรเพราะอะไรเมื่อไหร่ก็
00:37:37 → 00:37:40 ตามที่เราสุขภาพแย่แล้วลูกหลานเราเป็นคน
00:37:40 → 00:37:43 กตัญญูเคจะทำอะไรดูแลเราเจะเอาชีวิตของ
00:37:43 → 00:37:46 เค้ามาดูแลเราอค่ะแล้วชีวิตของเค้าถ้า
00:37:46 → 00:37:48 เขาคอยู่กับครอบครัวเมื่อเขาคเอาชีวิตของ
00:37:48 → 00:37:50 เขาคมาดูแลเราแล้วครอบครัว
00:37:50 → 00:37:55 เค้าก็จะมีปัญหาอืเค้าจะเอาเงินเก็บทั้ง
00:37:55 → 00:37:59 หมดของเค้าเงินเก็บในครอบครัวของเขามาดู
00:37:59 → 00:38:02 แลเราที่เราไม่ดูแลตัวเองนี่คือความเห็น
00:38:02 → 00:38:04 แก่ตัวของคนที่ไม่ดูแลตัวเองถ้าเราบอกว่า
00:38:04 → 00:38:08 เรารักลูกหลานเราจริงไปทำชีวิตให้ดีนี่
00:38:08 → 00:38:10 คือความสำคัญนะหรือแม้กระทั่งคนที่ไม่มี
00:38:10 → 00:38:13 ลูกหลานก็ต้องแข็งแรงเพื่อตัวเองอโอ้คน
00:38:14 → 00:38:15 ที่ไม่มีลูกหลานนี่ส่วนใหญ่เค้าแข็งแรง
00:38:15 → 00:38:17 เพื่อตัวเคเองอยู่แล้วอเพราะอะไรรู้มั้ย
00:38:17 → 00:38:20 mindset คือเค้าไม่เค้าแบบต้องพึ่งตัว
00:38:20 → 00:38:22 เองเวลามนุษย์เรารู้ตัวว่าต้องพึ่งตัวเอง
00:38:22 → 00:38:25 เนี่ยเราจะทำให้ตัวเราดีขึ้นมนุษย์แข็ง
00:38:25 → 00:38:28 แกร่งจากการรู้สึกว่าเราเราต้องยืนบนขา
00:38:28 → 00:38:30 ของเราเองแต่เมื่อไหร่ก็ตามที่บอกโอ้
00:38:30 → 00:38:32 เดี๋ยวคนนั้นช่วยได้เดี๋ยวคนนี้ช่วยได้
00:38:32 → 00:38:34 เดี๋ยวนั้นช่วยได้เราจะอ่อนแอร์ขึ้นมาทัน
00:38:34 → 00:38:37 ทีวันนี้นะคะคุณหมอคุยกันมาโหเยอะมากๆ
00:38:37 → 00:38:40 แล้วหนูว่าตัวหนูเองคนที่ฟังเนี่ยหนูก็
00:38:40 → 00:38:44 ได้อะไรใหม่ๆได้เข้าใจจริงๆเอาง่ายๆเลยนะ
00:38:44 → 00:38:46 แค่คำว่า Breakfast เพิ่งเข้าใจว่าเ้ยมัน
00:38:46 → 00:38:49 คืออะไรวันนี้ทั้งๆที่แบบเราคุ้นเคยกับคำ
00:38:49 → 00:38:52 นี้มานานมากแล้วมันจะเข้าใจพอมันเข้าใจ
00:38:52 → 00:38:54 ตรงนี้มันจะเข้าใจกระบวนการในการแบบดูแล
00:38:54 → 00:38:57 ตัวเองการกินอาหารหลายๆอย่างมากๆวันนี้
00:38:57 → 00:38:59 นี้นะคะต้องขอขอบคุณคุณหมอท็อปมากๆเลยนะ
00:38:59 → 00:39:03 คะแต่ว่าก่อนอื่นนะคะใครที่ดูนะคะถ้าชอบ
00:39:03 → 00:39:05 นะคะกดไลค์กดแชร์ให้เราด้วยนะคะแล้วก็
00:39:05 → 00:39:08 คอมเมนต์บอกเราหน่อยว่า EP เนี้ยได้รู้
00:39:08 → 00:39:10 อะไรใหม่ๆบ้างหรือว่าตอนนี้คุณมีวิธีดูแล
00:39:10 → 00:39:12 ตัวเองยังไงอยู่บ้างนะคะแชร์ให้เรารู้
00:39:12 → 00:39:14 หน่อยแล้วก็ถ้าใครยังไม่จุใจเนาะช่องคุณ
00:39:14 → 00:39:18 หมอท็อปมีอื้อเลยค่ะมีเยอะเลยค่ะอยากรู้
00:39:18 → 00:39:21 อะไรตามไปดูได้เลยนะคะก็วันนี้ต้องขอ
00:39:21 → 00:39:23 ขอบคุณคุณหมออีทีนะคะเดี๋ยวเจอกัน EP
00:39:23 → 00:39:25 หน้าค่ะติดตามชมด้วยนะคะขอบคุณค่ะสวัสดี
00:39:25 → 00:39:27 ครับ
00:39:27 → 00:39:28 A
00:39:28 → 00:39:48 [เพลง]