เครื่องดื่มที่มีไขมันต่ำหรือไม่มีน้ำตาล จะไม่ทำให้อ้วนจริงหรือไม่

[PODCAST] Food Choice | EP.12 - 9 ความเข้าใจผิดในการลดน้ำหนัก

จากช่อง : Mahidol Channel มหิดล แชนแนล


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:03 [เสียงดนตรี]

00:00:0300:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.

00:00:0600:00:08 Listen for a better life.

00:00:0800:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า

00:00:1100:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel

00:00:1400:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล

00:00:1600:00:22 [เสียงดนตรี]

00:00:2200:00:24 วันนี้คุณกินอะไร

00:00:2400:00:29 อาหารที่คุณกินจะส่งผลดี ส่งผลเสีย กับสุขภาพของคุณอย่างไร

00:00:2900:00:31 วันนี้หมอจะชวนทุกคนมาพูดคุย

00:00:3100:00:35 เกี่ยวกับรูปแบบของการกินอาหาร ที่ปลอดภัยกับสุขภาพของเรา

00:00:3500:00:40 กับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋

00:00:4000:00:42 แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร

00:00:4200:00:46 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

00:00:4600:00:49 [เสียงดนตรี]

00:00:4900:00:55 สำหรับวันนี้นะคะ เราก็จะมาคุยกันในเรื่องของ 9 ความเชื่อสำหรับการลดน้ำหนักว่ามีอะไรบ้าง

00:00:5500:00:58 เราก็จะได้ยินอยู่เรื่อย ๆ เลย เรื่องของการลดน้ำหนัก

00:00:5800:00:59 เพราะว่ามีคนอยากผอม

00:00:5900:01:01 ความเชื่อที่ 1 นะคะ

00:01:0100:01:06 สามารถลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว กี่กิโลกรัมก็ได้

00:01:0600:01:10 ทีนี้ก็จะมีคนบอกว่าเวลาที่เราจะลดน้ำหนักนี่ เราลดได้กี่กิโลกรัมก็ได้

00:01:1000:01:12 หรือว่าเราจะลดเร็วแค่ไหนก็ได้

00:01:1200:01:14 ถามว่าโอเคไหม

00:01:1400:01:17 คำตอบคือว่า สามารถจะลดหลาย ๆ กิโลกรัมได้

00:01:1700:01:18 แต่ว่าเวลาที่เราจะลดน้ำหนัก

00:01:1900:01:20 เราจะพูดถึงผลระยะยาว

00:01:2100:01:24 เราจะพูดถึงการลดน้ำหนักที่สามารถทำได้ตลอด

00:01:2400:01:27 ข้อที่หนึ่งสำหรับการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

00:01:2700:01:29 สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ

00:01:2900:01:34 มันมีโอกาสที่จะ Rebound หรือว่าน้ำหนักจะกลับขึ้นมาค่อนข้างเร็ว

00:01:3400:01:38 อันที่ 2 เวลาที่เราลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว

00:01:3800:01:42 สิ่งที่อาจจะมีผลตามมาก็คือ อาจจะเกิดเรื่องของตับอักเสบได้

00:01:4200:01:46 อาจจะทำให้ร่างกายมีภาวะที่เราเรียกว่าขาดน้ำ

00:01:4600:01:49 แล้วอาจจะทำให้ไตเรามีปัญหาได้

00:01:4900:01:54 เพราะฉะนั้น โดยทั่วไปเราจะไม่แนะนำให้ ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วมากจนเกินไป

00:01:5500:01:57 ถามว่า แล้วแค่ไหนถึงจะเหมาะสม

00:01:5700:01:59 สำหรับการลดน้ำหนักที่เหมาะสมนะคะ

00:01:5900:02:02 ที่จะไม่ทำให้เกิดผลเสียกับสุขภาพโดยรวม

00:02:0200:02:07 ส่วนใหญ่เราก็จะยอมรับ อยู่ที่ประมาณ 0.5-1 กิโลกรัม/สัปดาห์ค่ะ

00:02:0700:02:10 เพราะฉะนั้น ก็จะได้เดือนนึง ประมาณสัก 2-4 กิโลกรัม

00:02:1000:02:13 ก็จะมีหลาย ๆ คนบอกว่า ฉันทำได้มากกว่านี้

00:02:1300:02:17 บอกว่า ใช่ค่ะ ในช่วงแรกนี่ขึ้นกับภาวะของแต่ละคน

00:02:1700:02:20 บางคนอาจจะมีภาวะคั่งน้ำ หรือว่าบวมน้ำอยู่นะคะ

00:02:2000:02:22 เวลาลดในช่วงแรกนี่

00:02:2200:02:25 บางคนก็จะมีภาวะขาดน้ำหรือว่าเสียน้ำไป

00:02:2500:02:27 พวกนี้ก็จะลดได้ค่อนข้างเยอะ

00:02:2700:02:31 ข้อเสียอันหนึ่งที่เราจะไม่อยากให้ลดน้ำหนัก อย่างรวดเร็วมาก ๆ เพราะว่า

00:02:3100:02:33 เวลาที่ลดเร็วมาก ๆ นี่

00:02:3300:02:36 ระบบการเผาผลาญในร่างกายก็จะถูกรบกวน

00:02:3600:02:39 แล้วมันจะไม่ฟื้นกลับขึ้นมาอย่างเป็นปกติ

00:02:4000:02:42 เพราะฉะนั้น หลังจากที่น้ำหนักลดไปแล้วนี่

00:02:4200:02:44 มันจะทำให้ระบบการเผาผลาญเราแย่ลง

00:02:4400:02:45 แล้วถึงจุดนั้นนี่

00:02:4500:02:50 มันจะทำให้น้ำหนักค่อนข้างกลับขึ้นมา ค่อนข้างเร็วนะคะ

00:02:5000:02:51 อันที่สองก็คือเรื่องตับค่ะ

00:02:5100:02:53 เวลาที่ลดน้ำหนักมาก ๆ

00:02:5300:02:55 หรือว่าเวลาที่คนที่มีภาวะขาดอาหารเยอะ ๆ

00:02:5500:02:58 มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องของตับอักเสบได้

00:02:5800:03:03 แล้วสุดท้ายค่ะ การที่จะลดน้ำหนัก ให้ได้ปริมาณน้ำหนักเยอะมาก ๆ ขนาดนี้

00:03:0300:03:05 หมายความว่าจะต้องลดแคลอรีลงไปค่อนข้างมาก

00:03:0600:03:08 การจำกัดแคลอรีมากขนาดนั้นนี่

00:03:0800:03:13 มีความจำเป็นค่ะที่จะต้องเสริมเรื่องของ วิตามิน เกลือแร่ แล้วก็แร่ธาตุบางอย่าง

00:03:1300:03:16 ซึ่งจะไม่เพียงพอ สำหรับการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียวค่ะ

00:03:1600:03:18 จริง ๆ แล้วการลดน้ำหนักที่ถูกต้องนี่

00:03:1800:03:19 เราต้องการผลระยะยาว

00:03:1900:03:24 เราคงไม่อยากจะลดน้ำหนักแค่ประมาณ 3 เดือน แล้วอีก 6 เดือนน้ำหนักเราเพิ่มขึ้น

00:03:2400:03:27 เพราะฉะนั้น การลดน้ำหนักที่ดีและที่ถูกต้อง

00:03:2700:03:29 จะต้องมีวินัยกับตัวเอง

00:03:2900:03:33 แล้วก็ควบคุมทั้งอาหาร แล้วก็เพิ่มการออกกำลังกาย

00:03:3300:03:38 การเพิ่มการออกกำลังกายก็จะช่วยทำให้ การเผาผลาญในระยะยาวของเราดีขึ้น

00:03:3800:03:42 ที่สำคัญค่ะ ถ้าเราคุมอาหารอย่างเดียว หรือเราลดน้ำหนักอย่างหักโหม

00:03:4200:03:45 แล้วทำให้น้ำหนักเราลดลงอย่างฮวบฮาบในช่วงแรก

00:03:4500:03:49 มันอาจจะทำให้มีลักษณะของเนื้อ ที่ค่อนข้างย้วย

00:03:5000:03:52 อันนี้ถ้าสมมุติว่า เรามีการออกกำลังกายร่วมด้วย

00:03:5200:03:57 มันจะทำให้มีการกระชับในส่วนของผิวหนัง หรือว่าเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อตรงนี้ได้ด้วยค่ะ

00:03:5700:04:02 [เสียงดนตรี]

00:04:0200:04:05 ความเชื่อที่ 2 นะคะก็จะมีคนพูดบอกว่า

00:04:0500:04:07 อยากผอม ต้องงดกินแป้ง

00:04:0700:04:09 หรือว่าวิธีการลดความอ้วนที่นิยมมากที่สุด

00:04:1000:04:12 ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คืองดแป้งนะคะ

00:04:1200:04:14 ถามว่าจำเป็นไหม

00:04:1400:04:17 อันแรกที่เราต้องรู้ก่อนว่าแป้ง หรือว่ากลุ่มของข้าวแป้ง

00:04:1700:04:19 มีความจำเป็นในร่างกาย

00:04:1900:04:23 ถ้าเรางดไปทั้งหมดเลยนี่ ร่างกายจะมีการปรับตัว

00:04:2300:04:25 ทีนี้น้ำหนักลดไหม ลดค่ะ

00:04:2500:04:28 ตราบเท่าที่เรายังงดแป้งอยู่ ลดได้

00:04:2800:04:33 แต่ว่าเราต้องรู้ว่า แป้งนี่ นอกจากที่จะให้พลังงานแล้ว

00:04:3300:04:36 อาหารกลุ่มของข้าวแป้ง เขายังมีวิตามิน มีเกลือแร่

00:04:3600:04:38 มีแร่ธาตุหลาย ๆ อย่างที่ให้ไปด้วยกัน

00:04:3900:04:40 ดังนั้น ถ้าเรางดกลุ่มนี้ทั้งหมด

00:04:4100:04:44 สิ่งที่ตามมาก็คือเราจะขาดสารอาหารพวกนี้

00:04:4400:04:45 แล้วการขาดสารอาหารพวกนี้

00:04:4500:04:48 ก็จะทำให้ระบบการเผาผลาญ

00:04:4800:04:51 หรือการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่สมบูรณ์ ไม่เต็มที่

00:04:5100:04:53 สิ่งที่ต้องทำก็คือต้องเสริมเข้าไปอีก

00:04:5300:04:54 นึกภาพออกใช่ไหมคะ

00:04:5400:04:58 อันที่ 2 คือมันอาจจะไม่ใช่วัฒนธรรม ที่เหมาะกับคนบ้านเรา

00:04:5800:05:02 เพราะว่าคนเอเชียส่วนใหญ่ อาหารหลักก็จะเป็นพวกของข้าวแป้ง

00:05:0200:05:05 เมื่อไหร่ก็ตามที่เรากลับมากินข้าวแป้ง

00:05:0500:05:08 สิ่งที่ตามมาก็คือ น้ำหนักก็จะขึ้นอีกนะคะ

00:05:0800:05:11 เพราะฉะนั้น ถ้าเราคิดว่าเราทำไม่ได้ตลอด

00:05:1100:05:13 อันที่ 2 มีโอกาสจะเกิดผลเสียกับร่างกาย

00:05:1300:05:17 ถ้าจะทำก็อาจจะต้องมีการเสริมแร่ธาตุ หรือว่าวิตามินบางอย่าง

00:05:1700:05:21 เพื่อจะให้ร่างกาย ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนนะคะ

00:05:2100:05:26 เราก็ยังมีวิธีอื่นที่สามารถที่จะลดเรื่องของ น้ำหนักได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องงดแป้งค่ะ

00:05:2600:05:29 ในความเป็นจริงนะคะ เราไม่จำเป็นที่จะต้องงดแป้งก็ได้ค่ะ

00:05:2900:05:30 แต่จะบอกว่า

00:05:3000:05:33 ความจริงข้อที่ 1 ไม่ใช่ความเชื่อนะคะ ความจริงข้อที่ 1 ก็คือ

00:05:3400:05:37 เรากินส่วนที่มันเป็นน้ำตาลมากเกินไป

00:05:3700:05:41 ทีนี้ถ้าสมมุติว่าเราลดในส่วนที่เป็นแป้ง ที่มาจากพวกน้ำตาล

00:05:4100:05:43 หรือว่าแป้งที่เขาเรียกว่าเป็นโมเลกุลเดี่ยว พวกนี้

00:05:4300:05:46 โดยที่มาเลือกกินแป้งบ้าง

00:05:4600:05:48 แต่ว่ากินในกลุ่มที่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน

00:05:4800:05:50 เช่น พวกข้าวไม่ขัดสีนะคะ

00:05:5000:05:52 พวกที่มีไฟเบอร์นะคะ

00:05:5200:05:56 พวกนี้ก็จะช่วยทำให้การทำงาน ในระบบของร่างกายดีขึ้น

00:05:5600:05:58 ได้รับวิตามินแร่ธาตุครบถ้วน

00:05:5800:06:00 แล้วก็ไม่ทำให้เราอ้วนด้วยนะคะ

00:06:0000:06:03 เพราะฉะนั้น เรายังสามารถที่จะ เลือกกินกลุ่มของข้าวแป้งได้

00:06:0300:06:06 แต่ต้องเลือกปริมาณและชนิดให้เหมาะสมค่ะ

00:06:0600:06:11 [เสียงดนตรี]

00:06:1100:06:13 ความเชื่อที่ 3 นะคะ

00:06:1300:06:16 บอกว่าอาหาร Low Fat เป็นอาหารที่มีแคลอรีต่ำ

00:06:1600:06:18 อันนี้ไม่ได้จริงเสมอไป

00:06:1800:06:22 มันเริ่มต้นจากว่า ในกลุ่มของอาหารที่เรารับประทาน

00:06:2200:06:25 กลุ่มของอาหารไขมันนี่ ถ้าเทียบกรัมต่อกรัม

00:06:2500:06:29 จะมีแคลอรีมากกว่ากลุ่มของคาร์โบไฮเดรต หรือว่ากลุ่มที่เป็นโปรตีน

00:06:2900:06:33 แต่ไม่ได้หมายความว่าอาหาร Low Fat นี่ ทำให้เราผอมเสมอไป

00:06:3300:06:38 ยกตัวอย่างเช่น เราจะดื่มน้ำหวาน ดื่มไปเรื่อย ๆ นะคะ อันนี้ก็จะเป็น Low Fat

00:06:3800:06:40 แต่เราก็จะไม่ผอมใช่ไหมคะ

00:06:4000:06:43 เพราะฉะนั้น จริง ๆ แล้ว อันนี้ก็เหมือนกันกับการงดแป้ง

00:06:4300:06:46 คือเราสามารถที่จะกินไขมันได้

00:06:4600:06:48 แต่เราต้องเลือกปริมาณของไขมันที่เหมาะสม

00:06:4800:06:51 แล้วก็เลือกชนิดของไขมันที่เหมาะสมเช่นกันค่ะ

00:06:5100:06:53 เวลาที่เราจะเลือกไขมันนะคะ

00:06:5300:06:56 เราก็อาจจะมองดู อันแรกเลยนี่ รูปแบบ

00:06:5600:07:00 ถามว่าไขมันมาจากไหน เราดูตั้งแต่วัตถุดิบ จนกระทั่งถึงวิธีการปรุง

00:07:0000:07:04 วัตถุดิบของที่จะมีไขมันต่ำ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะกินเนื้อสัตว์

00:07:0400:07:08 เราก็ไม่กินพวกที่ติดมัน ไม่กินพวกหนังหรืออะไรแบบนี้นะคะ

00:07:0800:07:10 ถ้าสมมุติว่าเป็นวิธีการปรุง

00:07:1000:07:13 เราก็ปรุง โดยวิธีที่จะไม่มีการเติมน้ำมันเพิ่มแล้ว

00:07:1300:07:16 เช่น ไม่ทอดนะคะ แล้วก็ไม่ผัด

00:07:1600:07:18 หรือถ้าผัดก็ใช้ผัดน้ำนะคะ

00:07:1800:07:24 เลือกมาใช้เป็นอะไรเอ่ย ต้ม นึ่ง ปิ้ง ย่าง ยำ อบ ตุ๋น ใช่ไหมคะ

00:07:2400:07:27 พวกนี้ก็จะทำให้ได้รับปริมาณของไขมันที่ลดลง

00:07:2700:07:31 การเลือกไขมัน เราก็เลือกไขมัน ที่เขาเรียกว่าเป็นไขมันที่ไม่อิ่มตัว

00:07:3200:07:35 หรือว่าไขมันที่วางเอาไว้ แล้วมันไม่เป็นไข ไม่เป็นก้อนนะคะ

00:07:3500:07:37 เวลาที่เราเลือกดูฉลากโภชนาการ

00:07:3700:07:40 เราก็อาจจะดูปริมาณของไขมัน ในอาหารที่เรารับประทานนะคะ

00:07:4000:07:45 มากที่สุดไม่เกิน 35% ของอาหาร ที่ควรจะรับประทานทั้งวันค่ะ

00:07:4500:07:48 อย่างบางครั้งนี่นะคะ เวลาที่เราเห็นฉลากโภชนาการ

00:07:4800:07:51 หรือว่าตรงฉลากเขาเขียนคำว่าไขมันต่ำ

00:07:5100:07:53 หรือว่าไขมันเป็นศูนย์ก็แล้วแต่นี่

00:07:5300:07:55 แต่ในความเป็นจริงไม่ได้บอกนะคะว่า

00:07:5500:07:59 การที่ไขมันต่ำหรือไขมัน 0% พวกนี้ จะไม่มีพลังงาน

00:07:5900:08:01 เขาก็ยังคงมีพลังงานอยู่ค่ะ

00:08:0100:08:03 แต่พลังงานที่ได้ มันอาจจะอยู่ในรูปแบบอื่น เช่น

00:08:0400:08:05 อาจจะเติมน้ำตาลเข้าไป

00:08:0500:08:07 ยกตัวอย่างง่าย ๆ เลยนะคะ

00:08:0700:08:11 สมมุติเราไปซื้อครีมเทียม หรือว่าเราไปซื้อพวกนมนะคะ

00:08:1100:08:14 แล้วบอกว่าเขามีไขมัน 0%

00:08:1400:08:16 ถามว่าไม่มีไขมัน แล้วแคลอรีมันจะหายไปหมดไหม

00:08:1600:08:19 ไม่ค่ะ มันก็ยังคงมีน้ำตาลอยู่นะคะ

00:08:1900:08:24 เราจะต้องโฟกัสในส่วนที่เป็นแคลอรี มากกว่าที่จะเป็นปริมาณไขมัน

00:08:2400:08:25 ถ้าเราอยากจะลดน้ำหนักค่ะ

00:08:2500:08:30 [เสียงดนตรี]

00:08:3000:08:33 ความเชื่อที่ 4 นะคะ เครื่องดื่มไม่ทำให้อ้วน

00:08:3300:08:37 อันนี้เราก็รู้แล้วล่ะว่า จริง ๆ แล้วเราดื่มเครื่องดื่มต่าง ๆ นี่

00:08:3700:08:39 โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล

00:08:3900:08:44 มันก็จะมีพลังงานหรือว่ามีแคลอรีเพิ่มขึ้น แล้วทำให้เราอ้วนได้นะคะ

00:08:4400:08:46 ถามว่าทำไมเราถึงคิดว่า ดื่มเครื่องดื่มแล้วไม่อ้วน

00:08:4600:08:50 เพราะว่าหลาย ๆ ทีเวลาที่เราดื่มเครื่องดื่ม เราจะรู้สึกว่าเราไม่ค่อยอิ่ม

00:08:5000:08:52 เมื่อเรากินของแล้วไม่อิ่ม ไม่แน่นท้อง

00:08:5200:08:55 เราก็คิดว่า เออ ไม่เป็นไร หรือบางทีเราอาจจะลืมไปด้วยซ้ำ

00:08:5500:08:58 ทีนี้ถามว่ากับดักสำคัญเลย ของเครื่องดื่มคืออะไร

00:08:5800:09:02 อันแรก คนที่กินเครื่องดื่ม แล้วจะชอบพูดว่า มันไม่หวาน

00:09:0200:09:05 มันไม่หวาน กินนิดเดียวนะคะ

00:09:0500:09:08 สมมุติว่าให้ดูว่าถ้าเรามีแก้วกาแฟเล็ก ๆ

00:09:0800:09:09 แล้วเราเติมน้ำตาลเข้าไป 3 ช้อน

00:09:0900:09:12 เราจะรู้ทันทีเลยว่าเครื่องดื่มอันนี้มันหวาน

00:09:1200:09:15 แต่ถ้าเราเปลี่ยนแก้วกาแฟนี้ ให้เป็นแก้วขนาดใหญ่

00:09:1500:09:19 เช่น เป็นแก้วกาแฟที่เขาขาย เป็นเครื่องดื่มใหญ่ ๆ อย่างนี้นะคะ

00:09:1900:09:20 แล้วเราเติมน้ำตาลไป 3 ช้อน

00:09:2000:09:22 เราจะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยหวาน

00:09:2200:09:25 แล้วเวลาเรากิน เราจะรู้สึกดี เพราะเรารู้สึกว่ามันไม่หวาน

00:09:2500:09:28 แต่คำถามคือ ถ้าเรากินหมดทั้งแก้ว

00:09:2800:09:29 นั่นคือเราได้น้ำตาลทั้งหมด

00:09:3000:09:32 ฉะนั้น หลายครั้งเวลาที่เราซื้อเครื่องดื่ม

00:09:3200:09:35 แล้วซื้อเป็นปริมาณค่อนข้างเยอะนะคะ

00:09:3500:09:37 หรือปริมาตรค่อนข้างเยอะ แก้วใหญ่อย่างนี้ค่ะ

00:09:3700:09:42 มันจะทำให้เราได้รับน้ำตาลมากขึ้น ถึงแม้ว่าเราจะสั่งเป็นแบบหวานน้อย

00:09:4200:09:45 อันที่ 2 เครื่องดื่มที่ไม่มีพลังงาน

00:09:4500:09:47 หรือว่าบอกว่าใช้น้ำตาล 0%

00:09:4700:09:50 หรือว่าบอกว่าใช้เครื่องดื่ม ที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล

00:09:5000:09:52 อันนี้ถามว่าจะทำให้อ้วนไหม

00:09:5200:09:53 ต้องบอกว่า ใช่ค่ะ

00:09:5300:09:57 การใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล หรือว่าไม่มีน้ำตาลนี่

00:09:5700:10:00 มันก็จะไม่มีแคลอรีในเครื่องดื่มอันนั้น

00:10:0000:10:01 แต่ว่าในความเป็นจริงก็คือ

00:10:0100:10:03 ร่างกายเรา น้ำตาลในเลือดก็จะไม่ขึ้น

00:10:0300:10:06 เราได้รับแค่ความหวาน แต่สมองเราอาจจะไม่ฟิน

00:10:0600:10:10 อาจจะไม่รู้สึกสดชื่น เท่าที่เรากินเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล

00:10:1000:10:13 แล้วมันจะส่งผลให้อาหารในมื้ออื่น ๆ

00:10:1300:10:15 หรือว่าอาหารอย่างอื่นที่เรากินนี่

00:10:1500:10:16 มันจะมีน้ำตาลมากขึ้น

00:10:1600:10:19 อันนี้โดยภาพรวมของทั้งวันที่เรากิน

00:10:1900:10:20 น้ำตาลก็ยังเยอะอยู่ดี

00:10:2100:10:25 นอกจากนี้ ก็จะมีเครื่องดื่มหลาย ๆ อย่าง ที่จะพยายามเคลมในเรื่องของการลดน้ำหนัก

00:10:2500:10:27 ยกตัวอย่างเช่น กาแฟลดน้ำหนัก

00:10:2700:10:30 จริง ๆ ต้องบอกว่า ถ้าคนที่ไม่กินกาแฟอยู่แล้ว

00:10:3100:10:34 ถ้าไปกินกาแฟเพิ่ม ก็ไม่รู้จะลดน้ำหนักยังไง

00:10:3400:10:36 นึกภาพออกใช่ไหมคะ เพราะเรากินเพิ่มเนอะ

00:10:3600:10:38 ถ้าไม่กินกาแฟอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องกินก็ได้ค่ะ

00:10:3800:10:41 ถ้าในกรณีของคนที่กินกาแฟ แล้วบอกว่ากาแฟช่วยลดน้ำหนัก

00:10:4100:10:44 ทำไมถึงเลือกเป็นสินค้าที่เป็นกาแฟ

00:10:4400:10:45 เพราะว่าในกาแฟมีกาเฟอีนอยู่

00:10:4500:10:49 แล้วกาเฟอีนเองนี่ สามารถที่จะกระตุ้นการเผาผลาญได้

00:10:4900:10:50 แต่ต้องนึกภาพนะคะ

00:10:5000:10:53 การกระตุ้นการเผาผลาญจากกาเฟอีน มันอยู่ในหลักนิดเดียว

00:10:5300:10:56 แต่สิ่งที่เราเพิ่มเข้าไป เช่น เราเพิ่มครีมเทียม

00:10:5600:10:57 เราเพิ่มนม เราเพิ่มน้ำตาล

00:10:5700:11:00 อันนี้แคลอรีที่เพิ่มขึ้นนี่

00:11:0000:11:04 มันมากกว่าการเผาผลาญที่เพิ่มขึ้น จากตัวกาเฟอีนนะคะ

00:11:0400:11:08 ที่สำคัญ ในปัจจุบันมีหลาย ๆ ผู้ผลิต

00:11:0800:11:10 เติมพวกยาที่เป็นยาลดความอ้วนลงไปในกาแฟ

00:11:1100:11:12 ซึ่งอันนี้จะเป็นอันตรายกับสุขภาพ

00:11:1300:11:17 ข้อสังเกตค่ะ ถ้ากินกาแฟ แล้วรู้สึกใจสั่นมากกว่าปกตินะคะ

00:11:1700:11:19 รู้สึกนอนไม่ค่อยหลับ รู้สึกหงุดหงิดง่าย

00:11:1900:11:22 หรือว่าน้ำหนักมันลดลงได้เยอะ ไม่อยากกินอาหารเลย

00:11:2200:11:26 อันนี้ให้สงสัยไว้ก่อนนะ ว่าอาจจะมียาลดน้ำหนักผสมอยู่ในกาแฟค่ะ

00:11:2600:11:30 ซึ่งในกรณีที่มันมียาลดน้ำหนัก ผสมอยู่ในกาแฟนะคะ

00:11:3000:11:32 ยากลุ่มนี้น่าจะไปกระตุ้นการเผาผลาญ

00:11:3200:11:35 โดยการทำให้หัวใจเราทำงานหนักขึ้น

00:11:3500:11:36 ทำให้เราไม่ค่อยหิว

00:11:3600:11:40 ทีนี้ถ้าในกรณีของคนที่มีโรคหัวใจอยู่ หรือคนที่มีความดันโลหิตสูงอยู่

00:11:4000:11:43 อันนี้มีอันตรายนะคะ จะทำให้หัวใจทำงานหนัก

00:11:4300:11:45 แล้วก็เกิดเรื่องของหัวใจขาดเลือดได้

00:11:4500:11:48 ในบางรายนี่อาจจะทำให้มีเรื่องของ หลอดเลือดสมองได้ค่ะ

00:11:4800:11:53 [เสียงดนตรี]

00:11:5300:11:57 ความเชื่อที่ 5 อดมื้อกินมื้อจะได้ผอมไว ๆ

00:11:5700:12:00 ตอนนี้ก็จะมีคนทำค่อนข้างเยอะเลย ก็คือพยายามอดอาหาร

00:12:0100:12:03 ไม่ว่าจะเป็นอดมื้อเช้า อดมื้อเย็น

00:12:0300:12:05 หรือว่าวันนี้ไม่กิน พรุ่งนี้กิน

00:12:0500:12:09 โดยหลาย ๆ ท่านอาจจะรู้จักกัน ในรูปแบบที่เราเรียกว่าเป็น IF

00:12:0900:12:11 ถามว่ามันช่วยทำให้น้ำหนักลดไหม

00:12:1100:12:13 ก็ใช้คำว่า อาจจะ

00:12:1300:12:15 เพราะว่าหลาย ๆ ที บางคนบอกว่า

00:12:1500:12:18 ไม่กินมื้อเช้าแล้ว เหลือแค่ 2 มื้อ

00:12:1800:12:21 แต่ 2 มื้อนี้ ถ้าบุฟเฟ่ต์ทั้งเที่ยงและเย็น ก็คงจะไม่ผอม

00:12:2100:12:22 นึกภาพออกใช่ไหมคะ

00:12:2200:12:27 เพราะฉะนั้น จริง ๆ แล้วการทำ IF หรือว่าสิ่งที่เขาบอกว่าอดมื้อกินมื้อนี่

00:12:2700:12:30 ก็คือจะทำให้ปริมาณการกินมันลดลง

00:12:3000:12:31 เนื่องจากว่าเราตัดไปมื้อนึง

00:12:3100:12:33 สมมุติเรามี 3 มื้อเนอะ

00:12:3300:12:34 เราตัดไปมื้อนึง

00:12:3400:12:36 มันก็จะเหลืออยู่ประมาณสัก 2 ใน 3

00:12:3600:12:39 ก็คือลดไปแล้ว 30% ของอาหาร

00:12:3900:12:41 แต่ในความเป็นจริง ถ้าสมมุติว่า 2 มื้อที่เหลือนี่

00:12:4100:12:43 เรากินเข้าไป 150

00:12:4300:12:46 มันก็จะไม่มีทางผอมนะคะ

00:12:4600:12:49 แล้วที่สำคัญค่ะ หลาย ๆ ท่านที่เคยชินกับการกิน 3 มื้อ

00:12:4900:12:51 แล้วบอกให้มันลดมื้อนี่

00:12:5100:12:52 มันจะมีความหิว

00:12:5200:12:55 พอมันหิวมากปุ๊บ ความยับยั้งชั่งใจมันจะไม่เหลือแล้วค่ะ

00:12:5500:12:58 มันก็จะกินเยอะมากเลย เพราะเรารู้สึกว่า โอ้โฮ ตอนนี้เราหิวมาก

00:12:5800:13:00 เราก็จะกินเยอะขึ้น

00:13:0000:13:03 เพราะฉะนั้น จริง ๆ การใช้วิธี IF หรือว่าการอดนี่

00:13:0300:13:07 มันอาจจะเหมาะกับคนบางคนเท่านั้น มันไม่ได้เหมาะกับคนทุกคน

00:13:0700:13:11 ถ้าเราเป็นคนที่อาจจะเป็นโรคกระเพาะ เราอาจจะปวดท้องง่าย ๆ นะคะ

00:13:1100:13:13 ก็ไม่ได้แนะนำให้ทำวิธีนี้

00:13:1300:13:15 แต่ให้กระจายมื้อดีกว่าค่ะ

00:13:1500:13:18 กินมื้อเล็ก ๆ แล้วก็กระจายสัก 3-4 มื้อ

00:13:1800:13:20 อันนี้อาจจะเหมาะกับเรามากกว่า

00:13:2000:13:21 แล้วทำให้เราผอมได้ดีกว่า

00:13:2100:13:25 สำหรับคนที่จะลองวิธี เช่น อดมื้อกินมื้อ หรืออะไรก็ตามนี่

00:13:2500:13:27 อาจจะต้องระมัดระวังนิดนึงนะคะ

00:13:2700:13:30 โดยเฉพาะในคนที่เป็นเบาหวานนะคะ

00:13:3000:13:32 เพราะว่ายาหลาย ๆ ตัวที่ท่านกินอยู่นี่

00:13:3200:13:35 อาจจะทำให้น้ำตาลมันตกลงใช่ไหมคะ

00:13:3500:13:38 ทีนี้ถ้าสมมุติมื้อนี้เราไม่กิน แต่เรากินยาอยู่

00:13:3800:13:40 มันก็อาจจะทำให้เกิดน้ำตาลต่ำได้

00:13:4000:13:44 เพราะฉะนั้นใครที่มีโรคประจำตัว แล้วรับประทานยาหลาย ๆ ตัว

00:13:4400:13:49 ถ้าอยากจะทำวิธีนี้ แนะนำว่าให้ปรึกษาคุณหมอที่ดูแลก่อน

00:13:4900:13:51 ไม่งั้นเดี๋ยวอาจจะเกิดอันตรายได้ค่ะ

00:13:5100:13:56 [เสียงดนตรี]

00:13:5600:14:00 ความเชื่อที่ 6 นะคะ กินสลัดแล้วทำให้ผอม

00:14:0000:14:03 เอ๊ะ ทำไมบางคนบอกว่า กินสลัดแล้วก็น้ำหนักลดลง

00:14:0300:14:05 เป็นเมนูยอดฮิตสำหรับคนที่อยากจะลดน้ำหนัก

00:14:0500:14:07 แต่บางคนบอกกินแล้วกิน อีกยังไงก็ไม่ผอม

00:14:0800:14:09 จริง ๆ มันไม่ได้ผิดที่สลัดค่ะ

00:14:0900:14:11 แต่ผิดที่คนตักเอาสลัดเข้าปาก

00:14:1100:14:13 สมมุติว่าในกรณีของสลัดนี่

00:14:1300:14:16 สิ่งที่เราพยายามจะกินอยู่ก็คือ เราจะทำให้แคลอรีมันต่ำ

00:14:1600:14:18 เราก็จะเลือกเป็นผักนะคะ

00:14:1800:14:20 อาจจะมีผลไม้บ้างนิดหน่อยใช่ไหมคะ

00:14:2000:14:22 ทีนี้ถามว่าในสลัด อะไรที่อ้วนที่สุด

00:14:2200:14:23 น้ำสลัดค่ะ

00:14:2300:14:26 ถ้าเราราดน้ำสลัดอย่างเข้มข้นชุ่มฉ่ำ

00:14:2600:14:29 หรือว่าแทบจะเอาผักไปจิ้มน้ำสลัดมากิน

00:14:2900:14:31 อันนี้ก็จะอ้วนได้นะคะ

00:14:3100:14:34 อันที่สองค่ะ ด้วยความที่เรามีผักค่อนข้างเยอะ

00:14:3400:14:36 มันจะไม่ค่อยอยู่ท้อง

00:14:3600:14:38 หลายคนก็กินสลัด เสร็จแล้วมันหิว มันไม่อิ่ม

00:14:3800:14:42 มันอิ่มแป๊บเดียว แล้วเดี๋ยวก็จะไปกิน อย่างโน้นอย่างนี้อีกตามมา

00:14:4200:14:45 เพราะฉะนั้น วิธีการเลือกกินสลัดที่เหมาะสม ที่ดี

00:14:4500:14:47 ตั้งแต่เราเลือกผักก่อนนะคะ

00:14:4700:14:51 เราอาจจะใช้เป็นพวกผักใบ บวกกับพืชที่มีหัว

00:14:5100:14:53 เพราะมันจะช่วยทำให้เราอิ่มไวขึ้น

00:14:5300:14:54 มีไฟเบอร์เยอะขึ้น

00:14:5400:14:58 ยกตัวอย่างนะคะ เช่น มันเทศ เช่นฟักทองนะคะ

00:14:5800:15:01 อาจจะใส่ลูกเดือย อาจจะใส่ถั่วแดงลงไปด้วย

00:15:0100:15:03 สอง เราอาจจะเพิ่มโปรตีนค่ะ

00:15:0300:15:06 เพื่อจะทำให้ตรงนี้มีความอิ่มท้องมากขึ้น

00:15:0600:15:09 ไม่ว่าจะเป็นไก่ ไม่ว่าจะเป็นปลา หรือไม่ว่าจะเป็นไข่

00:15:0900:15:13 อันนี้ก็จะช่วยทำให้เมนูสลัดของเรานี่ มีแคลอรีต่ำ

00:15:1300:15:17 แต่ว่ายังคงมีเรื่องของความอิ่มท้อง และมีโปรตีนครบถ้วน

00:15:1700:15:20 อันที่ 3 เมื่อกี้คือตัวการสำคัญเลย ก็คือน้ำสลัด

00:15:2000:15:23 น้ำสลัดจะมี 2 แบบที่เราเห็นกันบ่อย ๆ

00:15:2300:15:25 ก็คือสลัดน้ำข้นกับน้ำสลัดที่เป็นน้ำใส

00:15:2600:15:29 ถ้าเป็นน้ำข้น ใส่เข้าไปเท่าไหร่ มันจะเกาะอยู่ที่ใบ

00:15:2900:15:31 พวกพืชผักที่เราใส่เข้าไป

00:15:3100:15:35 เพราะฉะนั้น ทุก ๆ ใบที่เรากิน ก็จะมีสลัดน้ำข้นนี่กินเข้าไปตลอดเวลา

00:15:3500:15:37 แต่ถ้าสมมุติว่าเป็นสลัดน้ำใสค่ะ

00:15:3700:15:41 มันน้ำใส มันก็จะลงไปกองอยู่ที่ข้างล่างจานเรา

00:15:4100:15:42 เพราะฉะนั้นเวลาเราตักนี่

00:15:4200:15:44 มันจะติดอยู่ที่ใบน้อยกว่า

00:15:4400:15:45 แคลอรีก็จะต่ำกว่า

00:15:4500:15:48 ดังนั้นวิธีการกินสลัดที่เหมาะสมนะคะ

00:15:4800:15:50 หนึ่ง ใส่ผักผลไม้ลงไปได้

00:15:5000:15:54 อาจจะเลือกทั้งส่วนที่เป็นผักใบ แล้วก็ผักหัวนะคะ

00:15:5400:15:56 หรือว่าจะมีธัญพืชร่วมด้วย

00:15:5600:15:58 ใส่โปรตีนเพิ่มขึ้นนะคะ

00:15:5800:16:00 แนะนำให้เป็นโปรตีนที่ไม่ติดมันนะคะ

00:16:0000:16:03 อาจจะเป็นปลา อาจจะเป็นไก่ หรืออาจจะเป็นไข่นะคะ

00:16:0300:16:06 แล้วก็เลือกน้ำสลัด เป็นน้ำสลัดน้ำใส

00:16:0600:16:09 หรือว่าใส่น้ำสลัดในปริมาณที่น้อยหน่อยนะคะ

00:16:0900:16:11 เพื่อจะทำให้แคลอรีมันลดลงค่ะ

00:16:1100:16:12 แล้วสุดท้ายนะคะ

00:16:1200:16:14 เห็นบ่อย ๆ เลย เวลาที่เราไปรับประทานนี่

00:16:1400:16:18 เราก็จะมีอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มันจะเป็นจานของเบคอนกรอบ

00:16:1800:16:19 หรือจะเป็นขนมปังกรอบ

00:16:1900:16:21 บางคนนี่บอก โอเค เราอยากจะกินสลัดลดความอ้วน

00:16:2100:16:25 แต่ตักเบคอนเข้าไปแบบประมาณ 5 ช้อน อะไรอย่างนี้นะคะ

00:16:2500:16:28 หรือว่าใส่ขนมปังกรอบเข้าไปอีกประมาณ 4 ช้อน

00:16:2800:16:29 อันนี้คงไม่ผอมนะคะ

00:16:2900:16:32 เพราะฉะนั้นอาจจะลดปริมาณนะคะ ถ้าจะกินก็ให้ปริมาณน้อยหน่อย

00:16:3200:16:36 หรือว่าไม่ใส่เลย อันนี้ก็จะช่วยทำให้สลัดจานนี้ที่เรากินนี่

00:16:3600:16:37 มีแคลอรีที่ต่ำลงค่ะ

00:16:3700:16:42 [เสียงดนตรี]

00:16:4200:16:47 ความเชื่อที่ 7 กินเนื้อสัตว์เท่าไหร่ก็ได้ ไม่อ้วน

00:16:4700:16:49 ถามว่าจริงไหม ต้องบอกว่าอย่างนี้ค่ะ

00:16:4900:16:51 เวลาที่เรากินอาหารเข้าไปในร่างกาย

00:16:5100:16:55 เราเลือกที่จะใช้พลังงาน จากอาหารที่เรากินไม่เหมือนกัน

00:16:5500:16:57 อันแรก เขาอาจจะเลือก ในส่วนที่เป็นคาร์โบไฮเดรตก่อน

00:16:5700:17:01 แล้วหลังจากนั้น ก็จะเลือกในส่วนที่มันเป็นไขมันมาใช้

00:17:0100:17:04 ส่วนที่เป็นโปรตีน โดยทั่วไปเวลาที่เรากินเข้าไป

00:17:0400:17:05 ถ้าร่างกายไม่ได้ขาดอาหารนี่

00:17:0500:17:08 โปรตีนจะไม่ได้ถูกนำมาใช้เป็นพลังงาน

00:17:0800:17:11 โปรตีนจะเอาไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย

00:17:1100:17:15 ดังนั้น เวลาที่เรากินโปรตีนเข้าไป ร่างกายจะเลือกที่จะเก็บก่อน

00:17:1500:17:18 ถามว่า ถ้าอย่างนั้นกินเท่าไหร่ก็ได้ ไม่อ้วนจริงหรือเปล่า

00:17:1800:17:18 ไม่จริงค่ะ

00:17:1800:17:20 จริง ๆ โปรตีนเองก็ให้พลังงานเหมือนกัน

00:17:2000:17:25 เพราะฉะนั้น เวลาที่เรากินโปรตีน แล้วมันมีไขมันแทรกอยู่ในเนื้อโปรตีนนี่

00:17:2500:17:26 ยกตัวอย่างนะคะ

00:17:2600:17:30 ระหว่างกินหมูสามชั้นกับหมูสันในใช่ไหมคะ

00:17:3000:17:31 ต่อให้ก้อนเท่ากันน่ะ

00:17:3100:17:36 หมูสันในก็จะมีแคลอรีที่ต่ำกว่า เพราะว่าไขมันมันน้อยกว่าเนอะ

00:17:3600:17:38 ทีนี้พอเวลาที่เรากินเข้าไปในร่างกาย

00:17:3800:17:41 ถ้าเรากินเยอะ ๆ กินแบบเราไม่กลัวเรื่องอ้วนอย่างนี้

00:17:4100:17:42 เราบอกจะกินเท่าไหร่ก็ได้

00:17:4200:17:46 อันแรกที่ต้องรู้ก่อนก็คือ กินโปรตีนจะอิ่มกว่ากินอาหารชนิดอื่น

00:17:4600:17:47 ในปริมาณที่เท่ากัน

00:17:4700:17:51 อันที่สองก็คือ ถ้ากินเยอะเกินไป มีอันตรายกับร่างกายไหม

00:17:5100:17:52 เหมือนที่บอกค่ะ

00:17:5200:17:54 ร่างกายจะไม่เก็บโปรตีนไว้

00:17:5400:17:57 ดังนั้นโปรตีนที่กินแล้วเยอะเกินไป

00:17:5700:18:00 ร่างกายจะต้องเอาไปทิ้ง เอาไปทำลาย

00:18:0000:18:04 เพราะฉะนั้นอวัยวะที่มีหน้าที่ คอยจัดการเอาโปรตีนออกจากร่างกายก็คือไต

00:18:0400:18:07 กินเยอะไป ก็จะทำให้ไตเราทำงานหนักขึ้น

00:18:0700:18:10 อันที่ 3 ถามว่ามันทำให้ไม่อ้วนจริงหรือเปล่า

00:18:1000:18:16 บอกแค่ว่าร่างกายเลือกที่จะใช้ส่วนอื่น ก่อนที่จะเป็นโปรตีน

00:18:1600:18:17 แต่ถ้าไม่มีอะไรแล้ว

00:18:1700:18:20 ร่างกายก็จะเอาโปรตีนมาใช้เช่นเดียวกันนะคะ

00:18:2000:18:22 ดังนั้นนี่ถามว่ากินแล้วอ้วนไหม

00:18:2200:18:24 ตอบว่า มีโอกาสที่จะอ้วนได้

00:18:2400:18:26 และที่สำคัญคือกินเยอะเกินไป

00:18:2600:18:29 ก็อาจจะทำร้าย หรือว่าทำให้ไตเราทำงานหนักขึ้นค่ะ

00:18:2900:18:34 [เสียงดนตรี]

00:18:3400:18:36 ความเชื่อที่ 8 นะคะ

00:18:3600:18:40 ช่วงที่ต้องการจะลดน้ำหนัก ควรจะกินเฉพาะผักและผลไม้

00:18:4000:18:43 อันนี้มันมีหลายรูปแบบของคนที่จะกิน

00:18:4300:18:47 ยกตัวอย่างเช่น กินน้อยจริง ๆ เช่น กินแอปเปิลวันละลูก

00:18:4700:18:48 อย่างนี้ในช่วงเวลาที่จะลดน้ำหนัก

00:18:4900:18:52 หรือบางคนกินเฉพาะผักแล้วก็ผลไม้อย่างเดียว

00:18:5200:18:55 ต้องบอกว่าผักผลไม้ ให้แคลอรีต่ำจริง ๆ

00:18:5500:18:58 อิ่มท้องไหม มันจะอยู่ท้องแค่ช่วงสั้น ๆ

00:18:5800:19:01 แล้วหลังจากนั้น มันก็จะรู้สึกหิวอีกอยู่ดีนะคะ

00:19:0100:19:05 ที่สำคัญค่ะ กลุ่มนี้แทบไม่มีโปรตีนเลยนะคะ

00:19:0500:19:08 เพราะฉะนั้นร่างกายก็จะมีการเสียโปรตีนทุกวัน

00:19:0800:19:10 แต่ว่าไม่มีของใหม่เข้าไป

00:19:1000:19:15 แล้วระยะยาว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ จะทำให้กล้ามเนื้อเราเล็กลง

00:19:1500:19:17 แล้วการเผาผลาญเราก็จะน้อยลง

00:19:1700:19:21 ดังนั้น การที่จะกินผัก แล้วก็ผลไม้เพื่อจะลดน้ำหนัก

00:19:2100:19:23 จะทำได้จริง ๆ ค่ะ แต่ว่าช่วงสั้น ๆ

00:19:2300:19:26 อาจจะสักประมาณ 2 อาทิตย์ เต็มที่เดือนนึง

00:19:2600:19:28 แล้วหลังจากนั้น น้ำหนักก็จะไม่ลดแล้วนะคะ

00:19:2800:19:32 แล้วที่สำคัญคือ จะทำให้การเผาผลาญในอนาคตเราแย่ลง

00:19:3200:19:33 เพราะว่าโปรตีนมันน้อย

00:19:3300:19:35 กล้ามเนื้อมันก็จะลดลงเช่นกันค่ะ

00:19:3500:19:39 ผักและผลไม้ที่เหมาะสมที่ควรจะกิน วันนึงควรจะกินเท่าไหร่

00:19:3900:19:41 ไม่กินเลยก็ไม่โอเค

00:19:4100:19:42 กินวันนึงประมาณ 5 ส่วน

00:19:4200:19:44 5 ส่วนคืออะไร

00:19:4400:19:46 เรานึกถึงกำปั้นนะคะ

00:19:4600:19:48 ผลไม้ลูกขนาดเท่ากำปั้นเรานี่

00:19:4800:19:49 นี่คือ 1 ส่วน

00:19:4900:19:52 ถ้าเป็นผัก แล้วเรามากอง แล้วดูขนาดเท่ากำปั้นเรานี่

00:19:5200:19:54 อันนี้เป็นผักต้มนะ ประมาณ 1 ส่วน

00:19:5500:19:58 ถ้าเป็นผักสดที่ยังไม่ต้ม ยังไม่สุก

00:19:5800:20:00 เราให้ 2 กำปั้น เท่ากับ 1 ส่วน

00:20:0000:20:03 เราก็มาบวกกัน จะกินผักกินผลไม้ก็แล้วแต่

00:20:0300:20:04 ประมาณวันนึง 5 ส่วน

00:20:0400:20:06 ถ้าเป็นไปได้ควรจะเลือกให้หลากสี

00:20:0600:20:10 เพื่อจะให้ได้วิตามินแล้วก็แร่ธาตุ ที่แตกต่างกันในแต่ละชนิดค่ะ

00:20:1000:20:13 ทีนี้ก็จะมีอีกอันนึงว่า เอ๊ะ ผลไม้ในแต่ละชนิดนี่

00:20:1300:20:17 สามารถที่จะทำให้เราอ้วนผอม ต่างกันหรือเปล่านะคะ

00:20:1700:20:20 จริง ๆ ต้องบอกว่าแคลอรีมันไม่ได้ต่างกัน

00:20:2000:20:23 แต่ว่าความต่างกันก็คือ ปริมาณน้ำตาลที่มีอยู่ในผลไม้

00:20:2300:20:26 เวลาที่เรากินปุ๊บ น้ำตาลในเลือดมันก็จะสูงขึ้น

00:20:2600:20:29 อันนี้ถ้าสมมุติผลไม้ที่มีดัชนีน้ำตาลสูง

00:20:3000:20:31 กินแล้วมันหวานมากเนอะ

00:20:3100:20:33 กินแล้วรสจัดจ้านเลย

00:20:3300:20:34 อย่างนี้ดัชนีน้ำตาลสูง

00:20:3400:20:37 พวกนี้อาจจะไม่เหมาะ สำหรับคนไข้ที่เป็นเบาหวาน

00:20:3700:20:40 แล้วถ้าอย่างนั้นเกี่ยวอะไรกับคนลดความอ้วน ลองนึกภาพเนอะ

00:20:4000:20:43 เวลาที่เรา กินน้ำตาลในเลือดมันจะสูงขึ้นมา

00:20:4300:20:46 แต่ว่าน้ำตาลในเลือดมันจะต้องลดลง หลังจากที่เราหยุดกินถูกไหมคะ

00:20:4600:20:49 ส่วนใหญ่ภายใน 1-2 ชั่วโมง น้ำตาลก็จะเริ่มลดแล้ว

00:20:4900:20:52 ทีนี้จากที่ร่างกายเคยอยู่ด้วยน้ำตาลสูง ๆ

00:20:5200:20:54 ถ้าน้ำตาลมันลดลงอย่างรวดเร็ว

00:20:5400:20:57 มันก็จะเกิดภาวะที่คล้าย ๆ กับน้ำตาลตก

00:20:5700:20:59 ก็คือจะกระตุ้นให้เราหิว

00:20:5900:21:01 จะกระตุ้นให้เราอยากกินนะคะ

00:21:0100:21:04 ดังนั้น ถ้าเรากินผลไม้ที่มีดัชนีน้ำตาลสูง

00:21:0400:21:06 มันจะไปกระตุ้นให้เราหิวเร็วขึ้น

00:21:0700:21:09 หิวได้มากกว่ากลุ่มที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ

00:21:0900:21:12 อันนี้ก็จะบอกว่า ถ้าสมมุติอยากจะลดน้ำหนัก

00:21:1200:21:13 หรือว่าเป็นเบาหวานอยู่

00:21:1300:21:16 ก็เลือกผลไม้ที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำค่ะ

00:21:1600:21:21 [เสียงดนตรี]

00:21:2100:21:22 ความเชื่อที่ 9 นะคะ

00:21:2200:21:27 อาหารเสริมสำหรับการลดน้ำหนัก สามารถจะลดน้ำหนักได้ดีแล้วก็รวดเร็ว

00:21:2700:21:29 ทีนี้ต้องบอกนิดนึงก่อน

00:21:2900:21:35 เวลาที่เราจะไปซื้อ แล้วเขาใช้ชื่อว่าเป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาหารเสริม

00:21:3500:21:37 ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วค่ะ มันไม่ใช่ยา

00:21:3800:21:40 การที่เราจะลดน้ำหนักได้มีประสิทธิภาพ

00:21:4000:21:42 ลดได้ดี ลดได้นาน

00:21:4200:21:44 หรือว่าลดได้แน่ ๆ ใช้คำนี้เนอะ

00:21:4400:21:48 อันนี้ถ้าทำได้จริง ๆ เขาขึ้นทะเบียนเป็นยาแล้วค่ะ

00:21:4800:21:49 การขึ้นทะเบียนเป็นยานี่

00:21:4900:21:53 มันจะขายได้ แล้วก็ได้มูลค่ามากกว่าอีก

00:21:5300:21:55 แต่ด้วยความที่ของพวกนี้ค่ะ

00:21:5500:21:57 มันเป็นการวิเคราะห์ วิจัย

00:21:5700:22:01 หรือแม้กระทั่งเอาแค่คุณสมบัติ ที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์บางอย่าง

00:22:0100:22:04 ซึ่งเราไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า โดสนี่มันเหมาะสมหรือยัง

00:22:0400:22:06 โดสเพียงพอหรือเปล่า

00:22:0600:22:08 หรือว่าเอามาใช้จริงในคนนี่

00:22:0800:22:11 มันสามารถจะช่วยลดน้ำหนักได้จริง ๆ หรือเปล่า

00:22:1100:22:13 ดังนั้น ณ ปัจจุบันนะคะ

00:22:1300:22:17 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรืออาหารเสริม ที่โฆษณากันว่าช่วยลดน้ำหนัก

00:22:1700:22:21 ยังไม่มีตัวไหนที่มีประสิทธิภาพมากพอ

00:22:2100:22:23 ที่จะช่วยลดน้ำหนักได้จริง ๆ

00:22:2300:22:25 และมีประสิทธิภาพนะคะ

00:22:2500:22:30 [เสียงดนตรี]

00:22:3000:22:34 ต้องบอกว่าเราจะเห็นว่า มีความเชื่อ เกี่ยวกับเรื่องของการลดน้ำหนักค่อนข้างมาก

00:22:3400:22:36 อาจจะมากกว่านี้ อาจจะเยอะกว่านี้นะคะ

00:22:3600:22:39 แล้วหลาย ๆ อย่างนี่ ไม่ได้เป็นความจริงเสมอไป

00:22:3900:22:43 เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกท่านเลือกที่จะเสพข้อมูล

00:22:4300:22:45 ที่เหมาะสมและถูกต้อง

00:22:4500:22:47 อย่างน้อยที่สุด Mahidol Channel ก็เป็นช่องทางหนึ่ง

00:22:4700:22:52 ที่จะคัดสรรแล้วว่าข้อมูลอันนี้ เป็นข้อมูลที่ถูกต้องแล้วก็เชื่อถือได้ค่ะ

00:22:5200:22:54 ก็ติดตามช่องของเราต่อไปนะคะ

00:22:5400:22:59 สำหรับที่จะดูในเรื่องของความเชื่อ เรื่องของอาหาร การออกกำลังกาย และสุขภาพ

00:22:5900:23:03 พบกับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้

00:23:0400:23:06 ทุกวันจันทร์เวลา 18:00 น.

00:23:0600:23:08 ที่ Mahidol Channel Podcast

00:23:0800:23:10 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel

00:23:1000:23:12 YouTube Mahidol Channel

00:23:1200:23:13 Apple Podcasts

00:23:1300:23:14 Spotify

00:23:1400:23:15 Anchor

00:23:1500:23:16 Blockdit

00:23:1800:23:24 ดำเนินรายการโดยหมอเอ๋ ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร

00:23:2400:23:27 [เสียงดนตรี]