00:00:00 → 00:00:02 จริงๆเรามาตระหนักเรื่องนี้เมื่อไหร่อ่ะ
00:00:02 → 00:00:05 เราไม่จำเป็นต้องเป็น Superman ก็ได้
00:00:05 → 00:00:10 >> รู้สึกโลกทั้งใบแตกสลายเลย
00:00:10 → 00:00:14 >> เราทำงานไม่ได้เหมือนเดิมแล้วแน่ๆเราคง
00:00:14 → 00:00:17 เดินทางกลับไปแบบเดิมไม่ได้แล้วแน่ๆเรามี
00:00:17 → 00:00:20 พนักงานเรามีคุณแม่ที่เราดูแลเรากำลังจะ
00:00:20 → 00:00:22 แต่งงานวางตัวเป็น Superman ว่าฉันจะปก
00:00:22 → 00:00:25 ป้องทุกคนให้ได้แต่วันนี้มันอาจจะทำไม่
00:00:25 → 00:00:28 ได้อีกต่อไปแล้วโลกแตกสลายเลยถึงขนาดมี
00:00:28 → 00:00:33 ความคิดว่าอยากจะหายไปจากโลกนี้ครับ
00:00:33 → 00:00:35 ใจเย็นๆกันก่อนเรากำลังวางตัวเองเป็น
00:00:35 → 00:00:37 ซุปเปอร์ฮีโร่นะซึ่งจริงๆแล้วเป็นเราเป็น
00:00:37 → 00:00:37 มนุษย์ธรรมดา
00:00:38 → 00:00:42 >> มันเป็นสภาวะของการที่สุขยากทุกข์เยอะจน
00:00:42 → 00:00:46 เฉยช้า
00:00:46 → 00:00:51 >> จูนใจพcสประสบการณ์การจูนใจที่ทำให้เรา
00:00:51 → 00:00:53 ได้พบความสุข
00:00:53 → 00:00:57 >> ว่าคะเรามีความพิเศษตรงที่ว่าแขกต้องเป็น
00:00:57 → 00:00:58 คนเปิดนะฮะ
00:00:58 → 00:01:01 >> EP นี้เป็น EP พิเศษสำหรับคนดูแล้วก็คน
00:01:01 → 00:01:03 ฟังทุกคนนะครับเพราะว่า EP นี้อาจจะมี
00:01:03 → 00:01:05 สถานที่ที่แปลกตาไปไม่ต้องตกใจครับเพราะ
00:01:05 → 00:01:06 ว่าเอ
00:01:06 → 00:01:08 >> นี่คือบ้านผม
00:01:08 → 00:01:11 แล้วก็ถ้าเห็นไมค์สวยๆเหล่านี้อ่าอุปกรณ์
00:01:11 → 00:01:14 แล้วก็เฟอร์นิเจอร์สวยๆอ้าของผม
00:01:14 → 00:01:18 แล้วก็คนที่อยู่หลังตากล้องก็คือทีมงาน
00:01:18 → 00:01:18 ของผม
00:01:18 → 00:01:21 >> ของผม
00:01:21 → 00:01:23 >> เออ
00:01:23 → 00:01:27 และนี่คือรายการจูใจของผม
00:01:27 → 00:01:29 >> ก็ไม่ของพี่เอิ้ลของพี่เอิ้น
00:01:29 → 00:01:31 วันนี้พี่เอิ้นมากรุงเทพก็เลยแบบดีใจมาก
00:01:31 → 00:01:33 ก็เลยชวนพี่เอิ้นมามาถ่ายที่บ้านขอบคุณ
00:01:33 → 00:01:39 มากเลยค่ะคนอาจจะไม่ค่อยรู้ว่าเรา 2 คน
00:01:39 → 00:01:40 รู้จักกันได้ยังไง
00:01:40 → 00:01:43 >> รู้จักพี่เอิ้ลมาน่าจะเกือบๆ 10 ปีแล้ว
00:01:43 → 00:01:46 เนาะใช่มั้ครับในฐานะที่เป็นนักแต่งเพลง
00:01:46 → 00:01:47 ตอนนั้นพี่ว่าน่าจะบวชบวชหรือทำอะไรสัก
00:01:48 → 00:01:49 อย่างพี่เอิ้ลก็เห็นว่าผมทำงานดนตรี
00:01:49 → 00:01:52 เหมือนกันอะไรอย่างเงี้ยทำดนตรีอเพลงได้
00:01:52 → 00:01:54 พี่เอิ้ลเขียนเพลงมาแล้วบอกอยากให้ผมมา
00:01:54 → 00:01:56 ช่วยดูแลพาร์ทดนตรีให้อย่างเงี้ยครับเพลง
00:01:56 → 00:01:59 แรกรู้สึกว่าจะเป็นเพลงของพี่ที่ลิเดีย
00:01:59 → 00:02:03 >> ใช่ความรักครั้งสุดท้ายประกอบเอ่อซีรีย์
00:02:03 → 00:02:04 club friday
00:02:04 → 00:02:05 >> อื
00:02:05 → 00:02:09 >> นะรักรักรักๆเอิอันนี้ร้องเพลงตัวเองยัง
00:02:09 → 00:02:09 เพี้ยนเลย
00:02:09 → 00:02:14 >> รักๆๆมีจริงหรือเปล่าชื่อเพลงว่าจริงความ
00:02:14 → 00:02:16 รักครั้งสุดท้ายเอ๊ะไม่ใช่
00:02:17 → 00:02:21 >> รักมีจริงหรือเปล่านั่นแหละเอ้ยใช่ป่าวะ
00:02:21 → 00:02:23 >> และเพลงนั้นนะครับคุณผู้ฟังครับผมอยากจะ
00:02:24 → 00:02:26 บอกว่าเพลงนั้นก็เป็นเพลงแรกและเป็นเพลง
00:02:26 → 00:02:29 เดียวที่พี่เอิ้ลให้ผมทำให้เพราะว่าปกติ
00:02:29 → 00:02:31 พี่เอิ้นแต่งเพลงอะไรก็ดังพอผมทำดนตรี
00:02:31 → 00:02:33 ปุ๊บ
00:02:33 → 00:02:33 >> ดัง
00:02:33 → 00:02:35 >> เบาๆหน่อยอฮะดัง
00:02:35 → 00:02:36 >> ดังอยู่เนาะดังอยู่
00:02:36 → 00:02:39 >> ดังเราเปิดให้มันดังขึ้น
00:02:39 → 00:02:41 เชื่อมว่ามีคนเกาหลีไปcoverเวอร์ด้วยนะ
00:02:41 → 00:02:41 >> จริงหรอครับ
00:02:41 → 00:02:45 >> ใช่เอาเป็นว่าใครอยากฟังก็ไปเสิร์ช
00:02:45 → 00:02:45 >> ครับ
00:02:46 → 00:02:49 >> นะรับรองว่าเพราะแน่นอนแม้ว่าคุณเนี่ยจะ
00:02:49 → 00:02:50 ไม่คุ้นเคยก็ตาม
00:02:50 → 00:02:50 >> ครับ
00:02:50 → 00:02:54 >> เรารู้จักกันในเวอร์ชั่นตอนที่เราเป็นคน
00:02:54 → 00:02:55 ทำงานนะ
00:02:55 → 00:02:55 >> ครับ
00:02:55 → 00:02:57 >> ทำงานแบบใช้แรงงานด้วย
00:02:57 → 00:02:58 >> อือื
00:02:58 → 00:03:01 >> แล้วก็ไม่ได้ไม่ได้รับผิดชอบอะไรมากก็รับ
00:03:01 → 00:03:03 ผิดชอบแค่ตัวเราอย่างพี่เอิ้นก็
00:03:03 → 00:03:03 >> อ
00:03:03 → 00:03:07 >> เขียนเพลงเอ่อของตัวเองว่านก็ทำดนตรีไป
00:03:07 → 00:03:10 แต่ว่าตอนนี้ 10 ปีผ่านมาเรา 2 คนก็ไม่
00:03:10 → 00:03:10 เหมือนเดิม
00:03:10 → 00:03:14 >> อืใช่ครับมีอะไรต้องดูแลเยอะขึ้นเยอะมาก
00:03:15 → 00:03:16 เลยสำหรับผมนะ
00:03:16 → 00:03:20 >> เราห่างหายกันไป 10 กว่าปีแล้วก็เรามา
00:03:20 → 00:03:22 เจอะกันอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้
00:03:22 → 00:03:23 >> ครับ
00:03:23 → 00:03:26 >> นะคะด้วยไปใช้ชีวิตร่วมกันที่เลยเนาะ
00:03:26 → 00:03:26 >> ใช่
00:03:26 → 00:03:27 >> อ่าค่ะ
00:03:27 → 00:03:30 >> การที่จะไปหาพี่เอิ้ลในฐานะที่เป็น
00:03:30 → 00:03:32 จิตแพทย์แล้วก็เป็นที่ปรึกษาได้เนี่ยต้อง
00:03:32 → 00:03:34 มีปัญหา
00:03:35 → 00:03:36 >> พี่เอิ้นน่าจะเจออะไรแบบนี้หลายครั้งหลาย
00:03:36 → 00:03:39 คราวนะครับเพราะว่ามีคนที่รู้จักกันมานาน
00:03:39 → 00:03:41 รู้จักกันมานานเลยแบบเออคุยคิป in touch
00:03:41 → 00:03:44 บ้างอ่าได้คุยกันในโซเชียลบ้างแต่ไม่ได้
00:03:44 → 00:03:46 เจอหน้าสักทีนึงแต่ทุกครั้งที่เขาจะมาหา
00:03:46 → 00:03:50 พี่เอิ้ลเพราะว่าเ้ามีปัญหาผมก็เช่นเดียว
00:03:50 → 00:03:53 กันใช่อยากไปจูนใจอยากไปเจอพี่เอิ้ลเพราะ
00:03:53 → 00:03:56 ว่าเราไม่สามารถแก้ปัญหาชีวิตตัวเอง
00:03:56 → 00:03:59 >> เอ่อเอิ่มได้เร็วเท่าเดิมละเราอยากได้คน
00:03:59 → 00:04:01 ช่วยเป็นที่ปรึกษาให้อย่างเงี้ยครับ
00:04:01 → 00:04:04 >> อืในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเนอะเรามี
00:04:04 → 00:04:08 พัฒนาการกับตัวเราเยอะแยะมากมายแล้ววัน
00:04:08 → 00:04:12 เนี้ยเราได้เรียนรู้ในเรื่องของการฟังมาก
00:04:12 → 00:04:14 ขึ้นเราได้เรียนรู้เรื่องของการฟังตัวเอง
00:04:14 → 00:04:17 พอเราย้อนกลับไปถึงการเปลี่ยนแปลงใน 10
00:04:18 → 00:04:21 ปีว่าได้ยินเสียงอะไรหรือว่าได้รู้จัก
00:04:21 → 00:04:22 อะไรตัวเองมากขึ้นบ้าง
00:04:22 → 00:04:24 >> 10 ปีเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานเหมือนกัน
00:04:24 → 00:04:26 สำหรับช่วงชีวิตคนสำหรับผมนะนะครับเรื่อง
00:04:26 → 00:04:30 แรกเราฟังเสียงตัวเองเยอะแต่ว่าเป็นฟัง
00:04:30 → 00:04:33 เสียงตัวเองในบริบทเดียวก็คือฉันอยากจะ
00:04:33 → 00:04:35 ประสบความสำเร็จฉันอยากทำงานให้เก่งฉัน
00:04:35 → 00:04:37 อยากจะทำงานเพื่อสิ่งนู้นสิ่งนี้ฉันอยาก
00:04:37 → 00:04:40 ดูแลคนรอบข้างให้ได้ดีที่สุดอย่างเงี้ย
00:04:40 → 00:04:43 ครับเอ่อตัวผมเองก็
00:04:43 → 00:04:45 >> ฟังเสียงตัวเองแล้วก็ได้ทำตามมันจริงๆ
00:04:45 → 00:04:47 ตั้งแต่ในสมัยที่เราแต่งเพลงด้วยกันผม
00:04:47 → 00:04:51 เป็นนักแต่งเพลงใช่มั้ครับได้ทำอาชีพที่
00:04:51 → 00:04:53 อยากจะทำตั้งแต่เด็กผมก็ฟังเสียงตัวเ่อ
00:04:53 → 00:04:56 เสียงหัวใจตัวเองต่อว่าจริงๆแล้วอ่ะวัน
00:04:56 → 00:04:59 ที่เขียนเพลงจนมันหมดไฟเราอยากทำอะไรตัว
00:04:59 → 00:05:03 ผมก็มาทำรายการท่องเที่ยวแล้วก็พอฟัง
00:05:03 → 00:05:06 เสียงตัวเองแล้วก็ทำมันจนสำเร็จจริงๆแล้ว
00:05:06 → 00:05:08 ก็
00:05:08 → 00:05:10 ฟังเสียงตัวเอง
00:05:10 → 00:05:15 ในหลายๆมิติแต่ว่าก็จะเป็นเรื่องของการทำ
00:05:15 → 00:05:17 งานครับเออฟังตัวเองว่าฉันจะต้องตัดสินใจ
00:05:17 → 00:05:20 ว่าทำแบบนี้แล้วดีที่สุดถ้าเกิดใครทำไม่
00:05:20 → 00:05:23 ได้อ่ะเราทำเป็นตัวอย่างให้ดูทำทุกอย่าง
00:05:23 → 00:05:26 ให้งานอันนั้นลุล่วงไปให้ได้เงี้ยนะครับ
00:05:26 → 00:05:29 ผมว่าก็น่าจะมีทั้งข้อดีและข้อเสียเหมือน
00:05:29 → 00:05:30 กัน
00:05:30 → 00:05:30 >> อื
00:05:30 → 00:05:32 >> มั่นใจในตัวเองมากเมื่อก่อน
00:05:32 → 00:05:36 >> มันเป็นเสียงของการที่ต้องทำเป้าหมายต่าง
00:05:36 → 00:05:38 ๆให้สำเร็จนะโดยเฉพาะเป้าหมายของเรื่อง
00:05:38 → 00:05:42 งานเล่าช่วงเวลาของความเปลี่ยนแปลงตัวเอง
00:05:42 → 00:05:45 ในเรื่องงานและความรับผิดชอบที่เกิดขึ้น
00:05:45 → 00:05:48 >> ย้อนกลับไปเมื่อก่อนน่ะพี่เอิ้ลเอ่อตอน
00:05:48 → 00:05:49 ที่แต่งเพลงครับ
00:05:49 → 00:05:50 >> อือ
00:05:50 → 00:05:52 >> ก็ทำงานหนักมากนะทั้งๆที่เป็นอาชีพที่เรา
00:05:52 → 00:05:54 อยากทำอ่ะทั้งชีวิตเนาะตอนเป็นนักแต่ง
00:05:54 → 00:05:54 เพลง
00:05:55 → 00:05:57 >> อือพอแต่งเพลงปุ๊บคราวนี้พอมันกลายเป็น
00:05:57 → 00:06:00 มืออาชีพจริงๆเราทำงานอยู่ในค่ายค่ายเพลง
00:06:00 → 00:06:04 เราทำงานดูแลศิลปินต่างๆเขียนเพลงเรา
00:06:04 → 00:06:07 เริ่มทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆจะต้องทำเพลง
00:06:07 → 00:06:10 ให้ต้องเขียนให้ออกบางทีศิลปะบางคนยังไม่
00:06:10 → 00:06:12 มีฟิลมันก็เขียนไม่ออกเงี้ยครับเราต้อง
00:06:12 → 00:06:16 เค้นมันเราต้องหาวิธีเค้นมันเรื่องไม่มี
00:06:16 → 00:06:17 ก็ต้องไปหาเรื่องมา
00:06:17 → 00:06:20 >> ไปคุยกับคนคนนู้นคนนี้มีเรื่องอะไรที่เรา
00:06:20 → 00:06:23 จะเขียนเป็นเพลงได้บ้างเงี้ยครับ
00:06:23 → 00:06:27 >> แล้วก็สุดท้ายท้ายแล้วสิ่งที่รู้ตัวเมื่อ
00:06:27 → 00:06:31 ประมาณ 8 ปีที่แล้วก็คือหมดไฟมันไม่ได้
00:06:31 → 00:06:33 เป็นแบบที่เราตั้งใจตั้งแต่เด็กนี่หว่า
00:06:33 → 00:06:35 นอนดึกมากกินเหล้าสูบบุหรี่
00:06:35 → 00:06:36 >> อือ
00:06:36 → 00:06:39 >> หนักมากกลายเป็นคนที่นิสัยไม่ดีในบาง
00:06:39 → 00:06:42 อย่างโดยไม่รู้ตัวการเป็นมิวสิคโปรดิวซอร
00:06:42 → 00:06:44 อ่ะครับมันจะต้องเป็นคนตัดสินใจอะไรหลายๆ
00:06:44 → 00:06:46 อย่างตัดสินใจว่า
00:06:46 → 00:06:48 >> เทคนี้สำหรับเพื่อนดนตรีนี้เอาแล้วหรือ
00:06:48 → 00:06:50 ยังโอเคในโปรดักชันี้เราต้องทำอะไรบ้าง
00:06:50 → 00:06:54 เราเป็นคนคุมงบประมาณทั้งหมดแล้วก็ดูองค์
00:06:54 → 00:06:56 ประกอบประกอบของดนตรีทั้งหมดครับเพราะ
00:06:56 → 00:06:59 ฉะนั้นในการทำงานเนี่ยมันเหมือนเราเป็นคน
00:06:59 → 00:07:02 ขี้จัจมันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นครับเป็น
00:07:02 → 00:07:03 คนเด็ดขาด
00:07:03 → 00:07:03 >> อ่า
00:07:03 → 00:07:06 >> เป็นคนรู้ว่าเราจะเอาแบบไหนและมันจะต้อง
00:07:06 → 00:07:08 เป็นแบบนั้นเท่านั้นใช่แต่ว่าไม่ใช่ไม่
00:07:08 → 00:07:09 ฟังนักดนตรีคนอื่นนะแต่ว่าสุดท้ายเราเป็น
00:07:09 → 00:07:12 คนตัดสินใจเนี่ยมันก็จะมี
00:07:12 → 00:07:14 >> ลึกๆอยู่ข้างในผมชอบคำนึงมากเลยคำเนี้ย
00:07:14 → 00:07:15 เป็น
00:07:15 → 00:07:17 >> คำที่ผมเคยคุยกับพี่แม็กสรันเป็นนักแต่ง
00:07:17 → 00:07:19 เพลงพี่แม็กคเว่นนะครับ
00:07:19 → 00:07:21 >> โหพี่แม็กทำเฮอ
00:07:21 → 00:07:22 >> ใช่มใช่ม
00:07:22 → 00:07:24 >> พี่แม็กเป็นหัวหน้าผมตอนนั้นเมื่อประมาณ
00:07:24 → 00:07:26 นานมากๆแล้วครับแล้วผมก็เริ่มคุยกับพี่
00:07:26 → 00:07:29 แม็กว่าพี่แม็กผมรู้สึกผมเริ่มนิสัยไม่ดี
00:07:29 → 00:07:32 เลยอ่ะเรารู้สึกเราเอาแต่ใจอ่ะเวลาไปคุย
00:07:32 → 00:07:34 กับค่ายเพลงแล้วเค้าบอกให้เราแก้อะไร
00:07:34 → 00:07:36 เงี้ยเรารู้สึกว่าเราไม่อยากแก้อ่ะ
00:07:36 → 00:07:37 >> อือ
00:07:37 → 00:07:39 >> เราชอบแบบนี้แล้วอ่ะเออคุณจะมีเหตุผลแบบ
00:07:39 → 00:07:41 ไหนก็แล้วแต่เราไม่เราไม่รู้อ่ะทั้งๆที่
00:07:42 → 00:07:43 เขาจ่ายตังค์นะแต่เราก็ไม่อยากแก้แล้วก็
00:07:43 → 00:07:47 จะดื้อแล้วก็บางครั้งมีรัฐดนตรีมาผมเริ่ม
00:07:47 → 00:07:50 รู้สึกตัวเองนิสัยไม่ดีเลยพูดจาก็ไม่ดี
00:07:50 → 00:07:52 เท่าไหร่เวลาอยากให้เขาแก้เพราะมันไม่ได้
00:07:52 → 00:07:55 ดั่งใจไงพี่เอิ้นพี่แม็กสับบอกว่าเฮ้ยการ
00:07:55 → 00:07:57 ที่เรา
00:07:57 → 00:08:00 เป็นนักแต่งเพลงเนี่ยเออถ้าเกิดเราไม่เอา
00:08:00 → 00:08:03 แต่ใจอ่ะเราไม่เป็นคนเด็ดขาดในการทำงาน
00:08:03 → 00:08:03 น่ะ
00:08:03 → 00:08:04 >> อือ
00:08:04 → 00:08:06 >> มันทำงานไม่ได้หรอกเราเขียนเพลงไปถ้าเกิด
00:08:06 → 00:08:08 เราไม่เป็นคนเคาะเองว่าเราจะเอาท่อนเนี้ย
00:08:08 → 00:08:08 >> เออ
00:08:08 → 00:08:11 >> แล้วจะเอาคำนี้หรือว่าเอาประโยคเนี้ยมัน
00:08:11 → 00:08:13 จะเป็นเพลงได้ยังไงวะจะให้คนอื่นมา 10 คน
00:08:13 → 00:08:15 มาแล้วมาเคาะมันมันก็เป็นไปไม่ได้เพราะ
00:08:15 → 00:08:17 ฉะนั้นคนตัดสินใจต้องเป็นตัวเองกลายเป็น
00:08:17 → 00:08:21 คราวเนี้ยเริ่มมั่นใจขึ้นไปเรื่อยๆเออเรา
00:08:21 → 00:08:25 มั่นใจในการทำคือฟังดูเหมือนเอ่อตอนเริ่ม
00:08:25 → 00:08:29 แยกไม่ออกระหว่างเอ่อการเป็นผู้ถัดตัดสิน
00:08:29 → 00:08:32 ใจในงานกับตัดสินใจในชีวิตเนาะมันเริ่ม
00:08:32 → 00:08:33 เบนๆกัน
00:08:33 → 00:08:36 >> ใช่ครับใช่กลายเป็นคนเด็ดขาดในในหลายๆ
00:08:36 → 00:08:39 เรื่องทั้งเรื่องงานแล้วใช่มั้ครับมันลาม
00:08:39 → 00:08:42 มาถึงเรื่องในชีวิตประจำวันกลายเป็นแบบ
00:08:42 → 00:08:45 ไม่รู้สิผมกลายเป็นใจป๋า
00:08:45 → 00:08:48 ใช้ว่าใจป๋าได้มั้ยคือตั้งแต่เด็กคือผมผม
00:08:48 → 00:08:50 พยายามอยากจะทำงานเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว
00:08:50 → 00:08:52 ให้ได้เพราะว่าผมโตมาในครอบครัวที่ไม่ได้
00:08:52 → 00:08:54 สมบูรณ์พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่าง
00:08:54 → 00:08:56 เงี้ยครับแต่ว่าก็ไม่ได้รู้สึกขาดอะไรแต่
00:08:56 → 00:08:58 ว่าแค่มีความฝันว่าโตขึ้นมาฉันอยากจะทำ
00:08:58 → 00:09:01 งานและดูแลทุกคนให้ได้สิ่งที่มันเกิดขึ้น
00:09:01 → 00:09:04 ก็คือพอเราทำได้แล้วจริงๆอ่ะเรารู้สึกว่า
00:09:04 → 00:09:07 ตัวเองเป็น Superman เป็นหัวหน้า
00:09:07 → 00:09:10 >> ครอบครัวเป็นหัวหน้าทุกๆอย่างซึ่งจริงๆ
00:09:10 → 00:09:13 แล้วมันไม่จำเป็นจะต้องเป็นหัวหน้าในทุกๆ
00:09:13 → 00:09:14 เรื่องก็ได้อย่างเงี้ยครับ
00:09:14 → 00:09:17 >> จริงๆเรามาตระหนักเรื่องนี้เมื่อไหร่อ่ะ
00:09:17 → 00:09:21 ว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็น Superman ก็ได้
00:09:21 → 00:09:24 ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าสำหรับทุกๆ
00:09:24 → 00:09:25 เรื่องก็ได้
00:09:25 → 00:09:28 >> มันคือวันที่เราล้มครับเรารู้ว่าเราไม่
00:09:28 → 00:09:31 ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นวันที่เราทำได้ทุก
00:09:31 → 00:09:33 อย่างแต่ว่าวันนั้นผมทำไม่ได้อีกต่อไป
00:09:33 → 00:09:35 แล้วก็คือวันที่ผมเป็นหมอรองกระดูกทับ
00:09:35 → 00:09:37 เส้นประสาทจากที่เราภูมิใจอ่ะเราทำอะไรก็
00:09:37 → 00:09:38 สำเร็จนี่หว่า
00:09:39 → 00:09:39 >> เออ
00:09:39 → 00:09:41 >> ถ้าเราตั้งใจจริงๆแต่ว่ามันไม่ได้ง่ายนะ
00:09:41 → 00:09:44 ทุกอย่างมันมันมันลำบากลำเค็ญเหมือนกัน
00:09:44 → 00:09:48 แต่ว่าอ๋อถ้าว่านฉายทำอะไรเต็มที่มัน
00:09:48 → 00:09:49 สำเร็จนี่หว่า
00:09:50 → 00:09:50 >> เออ
00:09:50 → 00:09:53 >> แล้วทุกอย่างก็พังทลายไปวันที่ร่างกายไม่
00:09:53 → 00:09:56 เหมือนเดิมหมอนร้องกระดูกทับเส้นประสาท
00:09:56 → 00:09:58 ครับพี่เอิ้นแล้วก็เดินไม่ได้ประมาณ 3
00:09:58 → 00:10:01 เดือนอยู่ร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมก็ฟ้อง
00:10:01 → 00:10:05 ว่ามึงใช้มันมาหนักเกินไปแล้วนะว่านชัย
00:10:05 → 00:10:07 อาการหม่อนรองกระดูกทับเส้นประสาทอ่ะถ้า
00:10:07 → 00:10:11 เกิดใครเคยเป็นนี่จะจะเข้าใจหรือมันมัน
00:10:11 → 00:10:13 เจ็บมากครับมันเจ็บมากแล้วก็ผมนั่งแบบ
00:10:13 → 00:10:16 เนี้ยได้ไม่เกิน
00:10:16 → 00:10:21 แล้ว 1-10 น้ำตาไหลเลยคือมันเจ็บมากมัน
00:10:21 → 00:10:22 นั่งตั้งท่านี้ไม่ได้ต้องนอนคว่ำตลอดเวลา
00:10:22 → 00:10:27 ครับเจ็บกายไปจนถึงใจเพราะว่าเอ่อเราคิด
00:10:27 → 00:10:30 ว่าการอาหารอาการเจ็บป่วยทุกอย่างเจ็บคอ
00:10:30 → 00:10:31 >> อือ
00:10:31 → 00:10:32 >> เป็นหวัดเป็นไข้
00:10:32 → 00:10:32 >> อือ
00:10:32 → 00:10:34 >> แป๊บเดียวมันก็หายนึกออกมั้ยครับเดือนนึง
00:10:34 → 00:10:37 อ่ะเต็มที่เลยหนักๆแต่อันเนี้ย
00:10:37 → 00:10:40 2 เดือนละมันก็ยังไม่หาย
00:10:40 → 00:10:41 >> อื
00:10:41 → 00:10:45 >> ตอนนั้นรู้สึกโลกทั้งใบแตกสลายเลยเราทำ
00:10:45 → 00:10:48 งานไม่ได้เหมือนเดิมแล้วแน่ๆเราคงเดินทาง
00:10:49 → 00:10:51 กลับไปแบบเดิมไม่ได้แล้วแน่แม่เรามี
00:10:51 → 00:10:55 พนักงานที่ที่ที่อยู่ในออฟฟิศเรามีคุณแม่
00:10:55 → 00:10:57 ที่เราดูแลแล้วเราภูมิใจว่าโอ้แม่เดี๋ยว
00:10:57 → 00:11:00 แม่นอนทำงานแล้วนะเป็น 10 ปีว่าเดี๋ยวลูก
00:11:00 → 00:11:03 เลี้ยงแม่เองเรากำลังจะแต่งงาน
00:11:03 → 00:11:05 >> อือื
00:11:05 → 00:11:08 >> เราวางตัวเป็น Superman ว่าฉันจะปกป้อง
00:11:08 → 00:11:12 ทุกคนให้ได้ฉันจะดูแลทุกคนให้ดีที่สุด
00:11:12 → 00:11:13 >> อ
00:11:13 → 00:11:15 >> แต่วันนี้มันอาจจะทำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
00:11:15 → 00:11:19 โลกแตกสลายเลยผมแบบถึงขนาดมีความคิดว่า
00:11:19 → 00:11:22 อยากจะหายไปจากโลกนี้ครับมันรุนแรงมากเลย
00:11:22 → 00:11:26 ตอนนั้นสำหรับขบวนความคิดแล้วก็สุดท้ายก็
00:11:26 → 00:11:30 ต้องหานักจิตบำบัดแล้วก็ได้ยินคำนี้เป็น
00:11:30 → 00:11:32 ครั้งแรกว่าใจเย็นๆก่อนเรากำลังวางตัวเอง
00:11:32 → 00:11:34 เป็นซุปเปอร์ฮีโร่นะซึ่งจริงๆแล้วเป็นเรา
00:11:34 → 00:11:35 เป็นมนุษย์ธรรมดา
00:11:35 → 00:11:36 >> อือ
00:11:36 → 00:11:40 >> การเป็น Superman ของฉัยก็คือเราพร้อมที่
00:11:40 → 00:11:41 จะช่วยเหลือทุกคนครับพี่
00:11:41 → 00:11:41 >> อ
00:11:41 → 00:11:45 >> อยากใช้ทุกคนสบายแม่กินอันนี้ดีกว่านี่
00:11:46 → 00:11:48 อันนี้อยากจะพาให้แม่มีชีวิตดีไปเที่ยว
00:11:48 → 00:11:50 กันมั้ยนู่นนี่นั่นทั้งที่บางทีเราก็
00:11:50 → 00:11:53 เอิ่มเราเหนื่อยมากนึกออกมั้ครับเราไม่มี
00:11:53 → 00:11:56 เวลาอ่ะเวลามีแฟนเนี่ยมีน้องอายก็จะเป็น
00:11:56 → 00:11:59 อย่างงั้นเสมอก็คืออ่ะเค้าจะต้องได้สิ่ง
00:11:59 → 00:12:00 ที่ดีที่สุด
00:12:00 → 00:12:04 >> เราจะทำให้ดีที่สุดกับน้องในออฟฟิศผมก็
00:12:04 → 00:12:05 เป็นลักษณะนั้นเหมือนกันเห็นน้องเหนื่อย
00:12:05 → 00:12:06 แล้วก็แบบเฮ้ย
00:12:06 → 00:12:09 >> น้องทำงานหนักเกินไปมั้ยอยากจะดูแลให้ดี
00:12:09 → 00:12:11 ที่สุดเพราะฉะนั้นโอเคปลายปีนี้อยากให้
00:12:11 → 00:12:14 น้องๆได้โบนัสเยอะๆแล้วก็วิ่งหางอ่ะซึ่ง
00:12:14 → 00:12:16 จริงๆแล้วมันไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้นึกออก
00:12:16 → 00:12:18 มั้ครับเราทำอยากให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีอ่ะ
00:12:18 → 00:12:20 ข้อเสียของ Superman ที่ผมเรียนรู้มาก็
00:12:20 → 00:12:24 คือ Superman เวลาช่วยคนเสร็จแล้วอ่ะเ้า
00:12:24 → 00:12:26 บินกลับไปเลยเราไม่ค่อยเห็นหนัง
00:12:26 → 00:12:28 ซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องไหนที่ขอความช่วย
00:12:28 → 00:12:30 เหลือคนหรือว่าซุปเปอร์ฮีโร่มาอยู่ดีๆ
00:12:30 → 00:12:31 เดินอยู่
00:12:31 → 00:12:34 >> Iron Man Batman เดินอยู่แล้วเจอ
00:12:34 → 00:12:35 >> เค้าเบินไปไหนอ่ะ
00:12:35 → 00:12:37 >> เ้าก็กลับไปตามเนื้อเรื่องของเขาแล้วเก็
00:12:37 → 00:12:40 ภูมิใจในในโลกของเขาแต่ว่านั่นคือโลกของ
00:12:40 → 00:12:42 ซุปเปอร์ฮีโร่โลกชีวิตจริงของเราเราไม่
00:12:42 → 00:12:45 เห็นว่า Superman เวลากางเกงในสีแดงของ
00:12:45 → 00:12:48 เขาเข้าวินแล้วเขาเดินไปหาคุณยายว่ายาย
00:12:48 → 00:12:51 จ๋านะหนูหนูกล้ามใหญ่เกินหนูหนูเอื้อ
00:12:51 → 00:12:54 เอื้อมไปไม่ถึงช่วยยายช่วยสะกิดกางเกงใน
00:12:54 → 00:12:56 หนูหน่อยได้มั้ยมันไม่มีมุมนี้นึกออกมั้
00:12:56 → 00:12:59 ครับมันไม่ขอความช่วยเหลือจากใครผมเช่น
00:12:59 → 00:13:01 เดียวกันผมไม่เคยขอความช่วยเหลือจาก
00:13:01 → 00:13:02 >> ใครเลย
00:13:02 → 00:13:07 >> เอเพราะอะไรเราถึงไม่อนุญาตให้ตัวเองรับ
00:13:07 → 00:13:10 ความช่วยเหลือจากใครเราเป็นผู้ให้ความ
00:13:10 → 00:13:14 ช่วยเหลือกับทุกๆคนด้วยลมหายใจของเราเลย
00:13:14 → 00:13:14 อ่ะ
00:13:14 → 00:13:17 >> นั่นน่ะสิครับถ้าในมุมผมนะวันนี้ที่ที่
00:13:17 → 00:13:21 มันตกผลึกได้บางอย่างก็คงจะเป็นเราอยาก
00:13:21 → 00:13:24 ให้เขาสบายใจและไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรามี
00:13:24 → 00:13:24 ความทุกข์
00:13:24 → 00:13:29 >> ความสบายใจของคนข้างหน้าก็คือมีคุณค่ากับ
00:13:29 → 00:13:30 เรา
00:13:30 → 00:13:34 >> ใช่ครับแม่เห็นว่าเราแข็งแกร่งแฟนทีมงาน
00:13:34 → 00:13:37 เห็นว่าพี่ว่านฉัยแข็งแกร่งเราคิดว่าเขา
00:13:37 → 00:13:38 น่าจะสบายใจกว่า
00:13:38 → 00:13:39 >> อื
00:13:39 → 00:13:41 >> เราคิดว่าเขาน่าจะรู้สึกว่าเค้ามั่นคงมาก
00:13:41 → 00:13:42 กว่า
00:13:42 → 00:13:45 >> อันนี้เป็นเป็นมุมมองของเรา
00:13:45 → 00:13:46 >> มุมมองของเราครับ
00:13:46 → 00:13:51 >> เราคิดว่าถ้าคนเห็นเราแบบนี้น่าจะสบายใจ
00:13:51 → 00:13:51 >> ครับ
00:13:51 → 00:13:54 >> แล้วความสบายใจของเขามันทำให้เรารู้สึก
00:13:54 → 00:13:55 สบายใจ
00:13:55 → 00:13:56 >> ใช่
00:13:56 → 00:13:58 >> โอเคแต่มันต้องแลกมา
00:13:58 → 00:14:02 >> กับการที่เวลาทุกข์ใจแล้วไม่กล้าบอกใคร
00:14:02 → 00:14:05 เลยวันที่ไปเลยอ่ะพี่เอิ้นเห็นผมร้องไห้
00:14:05 → 00:14:08 >> แต่ผมไม่ได้ร้องไห้ให้ใครเห็นมาเป็น 10
00:14:08 → 00:14:11 ปีแล้วครับมันกลายเป็นคนที่
00:14:11 → 00:14:15 เศร้าแค่ไหนก็จะไม่ร้องไห้ออกมาเหมือน
00:14:15 → 00:14:17 สมองผมมันผิดเพี้ยนไปหมดแล้วอ่ะ
00:14:17 → 00:14:19 มันไม่มีน้ำตาพี่เอิ้ลอ
00:14:19 → 00:14:19 >> อือ
00:14:20 → 00:14:22 >> มันกลายเป็นเศร้าไม่ได้
00:14:22 → 00:14:23 >> อื
00:14:23 → 00:14:27 >> ทุกข์ใจก็บอกใครไม่ได้ถึงแม้กระทั่งจะบอก
00:14:27 → 00:14:28 ตัวเองก็ตาม
00:14:28 → 00:14:30 >> อ่ายังบอกไม่ได้
00:14:30 → 00:14:32 >> ว่านฉายมึงกำลังทุกข์อยู่นะ
00:14:32 → 00:14:34 >> มึงกำลังจะไม่ไหวนะเว้ย
00:14:34 → 00:14:35 >> ไม่มึงจะผ่านมันไปได้
00:14:35 → 00:14:38 >> เมื่อกี้อ่ะที่พี่เอิ้นขอบคุณว่าน่ะ
00:14:38 → 00:14:42 ขอบคุณที่อนุญาตให้เราเป็นคนธรรมดาในวัน
00:14:42 → 00:14:47 นั้นออออออนุญาตให้ตัวเองฟังฟังเสียงความ
00:14:47 → 00:14:52 รู้สึกอนุญาตให้ตัวเองอาจจะมีเวอร์ชั่น
00:14:52 → 00:14:57 ที่รู้สึกว่าคนอื่นจะไม่สบายใจบ้างแต่ว่า
00:14:57 → 00:15:01 เชื่อแม้ว่ามันเป็นความสบายใจมากเลย
00:15:01 → 00:15:04 >> มันเป็นความสบายใจมากเลยเรียกว่าคนที่รัก
00:15:04 → 00:15:07 กันนะคิดว่าคนคนที่รักกันส่วนนึง
00:15:07 → 00:15:09 คุณสมบัติสำคัญเลยอ่ะก็คือบางทีเราก็อยาก
00:15:09 → 00:15:11 จะอบอุ้มบ้าง
00:15:11 → 00:15:14 >> หรือว่าบางทีเราก็อยากจะ
00:15:14 → 00:15:16 >> ผัดกันเป็นฟูกบ้าง
00:15:16 → 00:15:19 อืมันก็เป็นความสบายใจอย่างนึงงั้นแต่
00:15:19 → 00:15:23 เข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยมันเลยใช้เวลาเดิน
00:15:23 → 00:15:27 ทางมามากขนาดนี้งั้นถ้าย้อนกลับไปจริงๆ
00:15:27 → 00:15:30 Superman ก็จะไม่ต่างอะไรกับ The Bag
00:15:30 → 00:15:33 เนาะเพียงว่าประเด็นเนี้ยมีหลายคนน่ะใน
00:15:33 → 00:15:36 Generation เราอ่ะก็จะเป็นแบบนี้เราเติบ
00:15:36 → 00:15:40 โตมากับความรู้สึกว่าการเป็นลูกที่ดีจะ
00:15:40 → 00:15:41 ต้องเป็นยังไง
00:15:41 → 00:15:42 >> อืครับ
00:15:42 → 00:15:47 >> ใช่มั้การเป็นสามีที่ดีต้องเป็นยังไงการ
00:15:47 → 00:15:50 เป็นหัวหน้าที่ดีเอ่อจะต้องเป็นยังไงเรา
00:15:50 → 00:15:55 ต้องรับผิดชอบต้องเป็นยังไงการที่เราเข้ม
00:15:55 → 00:15:57 แข็งมันเป็นยังไง
00:15:57 → 00:15:57 >> อือ
00:15:58 → 00:16:01 >> เรื่องที่ว่านแชร์จากการที่เราได้เริ่ม
00:16:01 → 00:16:03 รู้จักตัวเองแล้วได้เริ่มจูนตัวเองเนี่ย
00:16:03 → 00:16:06 น่าจะมีประโยชน์กับคนที่ฟัง EP นี้มากๆ
00:16:06 → 00:16:11 เลยหลังจากที่เราเข้าใจเนาะความหมายของ
00:16:11 → 00:16:14 ไอ้ Superman เนี่ยว่าเออมันจะต้องเป็น
00:16:14 → 00:16:17 เพราะว่ามันคือบุคลิกนึงที่ทำให้เราได้มา
00:16:17 → 00:16:22 ซึ่งความรู้สึกสบายใจของผู้คนแล้วก็เริ่ม
00:16:22 → 00:16:25 วันนี้เราก็เริ่มตระหนักว่าเออแต่บางที
00:16:25 → 00:16:28 มันก็ต้องแลกมาเหมือนกันนะถ้ามันเป็นแบบ
00:16:28 → 00:16:29 นี้อยู่ตลอดเวลา
00:16:29 → 00:16:30 >> อื
00:16:30 → 00:16:34 >> พอเราได้ยินเสียงตัวเองได้เห็นตัวนี้แล้ว
00:16:34 → 00:16:37 เนี่ยมันเกิดการเรียนรู้อะไรใหม่ในการ
00:16:37 → 00:16:40 ปรับสมดุลในการเป็นtheดของตัวเองต่อจาก
00:16:40 → 00:16:40 นี้มั้ย
00:16:40 → 00:16:44 >> ณวันเนี้ยผมรู้สึกว่าจริงๆเราขอความช่วย
00:16:44 → 00:16:46 เหลือได้ไม่ใช่แค่เรื่องงานนะครับน้องๆ
00:16:46 → 00:16:49 อาจจะมองว่าเฮ้ยมึงก็สั่งกูจังนะบางทีก็
00:16:49 → 00:16:51 สั่งงานกูนี่หว่าไม่ใช่คนละเรื่องกันครับ
00:16:52 → 00:16:54 อันนั้นคือการบรีฟงานเนาะแต่ว่าอ่าการที่
00:16:54 → 00:16:56 เราขอความช่วยเหลือจริงๆนอกเหนือจากหน้า
00:16:56 → 00:16:59 ที่ทุกคนที่อยู่ในรูปในทางแล้วอย่างเงี้ย
00:16:59 → 00:17:01 ครับเราสามารถขอความช่วยเหลือเขาได้ใน
00:17:01 → 00:17:05 เวลาที่เราเดือดร้อนเช่นแม่จ๋าเดี๋หนูจะ
00:17:05 → 00:17:07 ต้องเดินทางไปตรงนู้นมันไม่มีคนอยู่บ้าน
00:17:07 → 00:17:11 แม่ช่วยมาอยู่บ้านเฝ้าบ้านให้หน่อยได้ไหม
00:17:11 → 00:17:14 อะไรอย่างเงี้ยแม่อยากกินปลาสิทอดฝีมือ
00:17:14 → 00:17:16 แม่จังเลยปกติเมื่อก่อนไม่กล้าไม่กล้าขอ
00:17:16 → 00:17:18 นะเพราะว่ารู้สึกว่ากลัวแม่ลำบากแต่ว่าพอ
00:17:18 → 00:17:20 เนี่ยแค่เรื่องง่ายๆอ่ะแม่อยากกินปลาสดิ
00:17:20 → 00:17:23 ของแม่จังเลยอุ๊ยเภูมิใจมากเลยลูกอยากกิน
00:17:24 → 00:17:27 ฝีมือเขาอ่ะแล้วเขารู้สึกว่าเฮ้ย
00:17:27 → 00:17:30 เออเขาจะได้ทำไปเดินตลาดไปซื้อปลาสลิดมา
00:17:30 → 00:17:31 ทอดให้แล้วก็
00:17:31 → 00:17:31 >> อือ
00:17:32 → 00:17:33 >> เอามาให้เรา
00:17:33 → 00:17:33 >> อือ
00:17:33 → 00:17:36 >> บางทีเราเดือดเนื้อร้อนใจบางอย่างทำงาน
00:17:36 → 00:17:38 หนักมากๆเมื่อก่อนไม่ไม่บอกใครนะครับ
00:17:38 → 00:17:39 >> อือ
00:17:39 → 00:17:41 >> ไม่มีแค่ตเต็มที่ก็บอกโอ้เหนื่อยจัง
00:17:41 → 00:17:43 >> เหนื่อยจังไม่ไหวละ
00:17:43 → 00:17:43 >> อ่าค่ะ
00:17:43 → 00:17:45 >> กินเหล้า
00:17:46 → 00:17:48 >> กินเหล้าแล้วก็ยิ้มๆ
00:17:48 → 00:17:51 >> ใช่แต่ว่าตอนนี้คือแม่เหนื่อยมากเลยช่วง
00:17:51 → 00:17:54 นี้อาจจะอาจจะไม่ค่อยได้ไปหานะเออไม่ไม่
00:17:54 → 00:17:57 ได้ลืมแม่นะเออแต่ว่าไม่ค่อยมีเวลาเลย
00:17:57 → 00:18:00 >> อ่ะขอความช่วยเหลือจากภรรยาเราแต่งงานกัน
00:18:00 → 00:18:04 เร็วมากแต่งงานมา 3 ปีละเริ่มขอความช่วย
00:18:04 → 00:18:07 เหลือในวันที่มันเกินกำลังเราจริงๆหรือ
00:18:07 → 00:18:09 ว่าเราเดือดร้อนอะไรสักอย่างจริงๆครับ
00:18:09 → 00:18:11 เริ่มขอความช่วยเหลือคนอื่นคนเป็นแล้วก็
00:18:12 → 00:18:14 เฮ้ยเอามึงมันเบาลงบางส่วนแต่มันคงปฏิเสธ
00:18:14 → 00:18:16 ไม่ได้นะครับเพราะว่ามันเป็นเราว่าเรา
00:18:16 → 00:18:17 >> มันเป็นแกนกลางของเรา
00:18:17 → 00:18:19 >> เออเราเราพยายามค่อยๆคลายมันออกซึ่งมันก็
00:18:19 → 00:18:21 มีความสุขได้
00:18:21 → 00:18:22 >> ง่ายยิ่งขึ้น
00:18:22 → 00:18:23 >> เออ
00:18:23 → 00:18:23 >> ครับ
00:18:23 → 00:18:26 >> ฟังดูเหมือนการรู้ตัวและการรู้จักสื่อสาร
00:18:26 → 00:18:27 เนี่ย
00:18:27 → 00:18:30 สำคัญเหมือนกันเนาะกับการที่ทำให้ The
00:18:30 → 00:18:31 Bag เบาขึ้น
00:18:31 → 00:18:33 >> ใช่แล้วมันคำว่า the Bag เนี่ยเมื่อก่อน
00:18:33 → 00:18:37 คือมันคำเป็นคำที่เอาไว้ใช้กดดันตัวเอง
00:18:37 → 00:18:37 >> อื
00:18:37 → 00:18:40 >> เพราะว่าแต่มันก็เป็นเรื่องจริงนะเจน Gen
00:18:40 → 00:18:40 Y
00:18:41 → 00:18:43 >> ความภูมิใจวันนั้นกลายเป็นความลำบากใจวัน
00:18:43 → 00:18:45 นี้เด็กๆเราอยากดูแลทุกคนให้ดีที่สุดมัน
00:18:45 → 00:18:47 เป็นความฝันของเด็กผู้ชายทุกคนน่ะพอทำได้
00:18:47 → 00:18:50 แล้วมันเท่นะเว้ยมันดูแลครอบครัวเฮ้ยฉัน
00:18:50 → 00:18:52 ให้แม่เลิกทำงานตั้งแต่ฉันอายุ 18 เลยนะ
00:18:52 → 00:18:53 เว้ย
00:18:53 → 00:18:55 >> เออทำทำไมไม่รู้แล้วเขาก็แบบเกษียณเร็ว
00:18:55 → 00:18:59 กว่าที่จะเป็นเงี้ยครับอ่าเราดูแลนู่นนี่
00:18:59 → 00:19:02 นั่นน่ะแต่ว่าความภูมิใจในความสำเร็จทุก
00:19:02 → 00:19:04 อย่างที่เราเกิดขึ้นมาเนี่ยมันเริ่มกลาย
00:19:04 → 00:19:06 เป็นขึ้นเป็นภูเขาสูงครับเหมือนเราไต่ภู
00:19:06 → 00:19:08 เขาชั้นๆขึ้นไป
00:19:08 → 00:19:11 >> แล้วก็เดินขึ้นมาบางทีมันยิ่งสูงยิ่งหนาว
00:19:11 → 00:19:13 หันไปก็รู้สึกว่ามันเป็นเหตุเหวละ
00:19:13 → 00:19:13 >> เออ
00:19:13 → 00:19:14 >> เราล้มไม่ได้
00:19:14 → 00:19:15 >> เออ
00:19:15 → 00:19:17 >> เออมันคือคำนี้เลยพี่เอิ้ลผมรู้สึกว่าผม
00:19:17 → 00:19:18 ล้มไม่ได้
00:19:18 → 00:19:22 >> อือจริงๆความเชื่อชุดนี้เนี่ยมันก็ดีแล้ว
00:19:22 → 00:19:25 มันก็มีประโยชน์มากๆนะส่วนสำคัญเลยมันก็
00:19:25 → 00:19:29 คือทำให้เราประสบความสำเร็จเรารู้สึกถึง
00:19:29 → 00:19:31 เราภูมิใจในตัวเองในวันนี้บ้างภูมิใจขนาด
00:19:31 → 00:19:34 ว่ารู้สึกว่าตัวเองตัวใหญ่มากๆแล้วก็รู้
00:19:34 → 00:19:36 สึกได้ว่าตัวเองเป็น Superman ก็มันก็
00:19:36 → 00:19:39 เป็นสิ่งที่ดีแหละพี่อวดทุกคนก็อาจจะต้อง
00:19:39 → 00:19:42 เดินทางมาถึงจุดนี้เหมือนกันน่ะอื
00:19:42 → 00:19:46 >> จุดที่มันอาจจะมีบางวันที่เราเหนื่อยกับ
00:19:46 → 00:19:50 การบินหรือว่าบินต่อไปหรือว่าอายุมากละ
00:19:50 → 00:19:53 อายุมากเราเราอาจจะปฏิเสธเรื่องแม้ว่าตอน
00:19:53 → 00:19:56 นี้มันจะมีคำว่า longity เกิดขึ้นเนาะการ
00:19:56 → 00:19:59 ที่แบบเราแบบต่อต้านความแก่ได้อะไรอย่าง
00:19:59 → 00:20:01 เงี้ยมันอาจจะไม่ได้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
00:20:01 → 00:20:06 หรือไม่ได้เร็วขนาดนั้นพอบอกได้มั้คะว่า
00:20:06 → 00:20:10 ความสมดุลเนาะระหว่างการที่เราจะเป็น
00:20:10 → 00:20:16 Superman กับการที่เราจะเป็นผู้ร้องขอ
00:20:16 → 00:20:18 ความช่วยเหลือได้เนี่ยมันอยู่ตรงไหน
00:20:18 → 00:20:20 >> เรื่องนี้ตอบไม่ได้ครับพี่เอิ้น
00:20:20 → 00:20:20 >> อื
00:20:20 → 00:20:22 >> เรื่องนี้ทุกวันนี้ผมก็ยังตอบตัวเองไม่
00:20:22 → 00:20:23 ได้
00:20:23 → 00:20:26 >> มันแค่รู้ตัวเองอ่ะเกินไปแล้วนะมันฉายบอก
00:20:26 → 00:20:30 ตัวเองเกินไปแล้วนะอันนี้อันนี้อันนี้เรา
00:20:30 → 00:20:32 เซตตัวเองเป็นซุเปอร์ฮีโร่เกินไปแล้วนะ
00:20:32 → 00:20:35 อ่ะเอาผ่อนหน่อยนะโอเคพอเรารู้ตัวเองว่า
00:20:35 → 00:20:37 ว่ามันมีมันมีร่างนั้นอยู่นึกออกมั้ยครับ
00:20:37 → 00:20:38 อ่ะอันนี้
00:20:38 → 00:20:41 >> เอ่ออันนี้มันกำลังจะยอมแพ้ใช่มั้ว่าฉาย
00:20:41 → 00:20:42 เอ้ยไม่ได้นะเราหาตรงกลางด้วยกันดีกว่า
00:20:42 → 00:20:44 กลับไปเป็น Superman นิดนึงนึกออกมั้
00:20:44 → 00:20:47 เพราะมันมีมันมีวันที่มันหมดไฟบ้างบาง
00:20:47 → 00:20:49 ครั้งเงี้ยครับคือผมอ่ะเป็นคนมนุษย์สุด
00:20:49 → 00:20:50 โต่งก็คือ
00:20:50 → 00:20:51 >> แล้วคือมัน
00:20:51 → 00:20:53 >> กูไม่ทำอะไรละ
00:20:53 → 00:20:55 >> กูยอมแพ้
00:20:55 → 00:20:57 >> กับโลกใบนี้เออฮะฮ
00:20:57 → 00:20:59 >> ไม่ได้นะฉายกลับขึ้นมา
00:20:59 → 00:21:00 >> อ่าฮะ
00:21:00 → 00:21:02 >> ลุกขึ้นมาไปฆ่าตรงกลางเอ้าอันนี้เอาทำสัก
00:21:02 → 00:21:04 เรื่อง 2 เรื่องก็ยังดีออ
00:21:04 → 00:21:04 >> คะ
00:21:04 → 00:21:06 >> อ่ารู้ว่าเหนื่อยแต่ว่าบอกตัวเองเงี้ยมัน
00:21:06 → 00:21:08 เหมือนเซ็ตค่ากลางให้มัน
00:21:08 → 00:21:12 >> อเป็นไปได้ว่าบางทีมันอาจจะยังเป็นพื้น
00:21:12 → 00:21:15 ที่ในการที่เรายังหาจุดพอดีอยู่เหมือนกัน
00:21:15 → 00:21:18 เท่าที่เพื่อนฟังเนี่ยก็คือว่าเราเข้าใจ
00:21:18 → 00:21:21 ว่าเรามีแกนกลางยังไงก็คือโดยธรรมชาติเรา
00:21:21 → 00:21:23 ก็มันก็เป็น Superman นั่นแหละธรรมชาติ
00:21:23 → 00:21:26 ของเราคือการเป็นมีความสุขกับการเป็นผู้
00:21:26 → 00:21:27 ให้
00:21:27 → 00:21:27 >> อื
00:21:27 → 00:21:30 >> แต่ตอนเนี้ยฟังดูเหมือนกับว่าเราเองเนี่ย
00:21:30 → 00:21:33 เข้าใจว่าชีวิตมันไม่ได้มีกระบวนการเดียว
00:21:33 → 00:21:37 ในการที่จะได้มาซึ่งความภูมิใจในการในการ
00:21:37 → 00:21:38 เป็นผู้ให้
00:21:38 → 00:21:39 >> อืออื
00:21:39 → 00:21:43 >> แล้วก็พอเวลาที่เราให้จนเกินความพอดีของ
00:21:43 → 00:21:47 เราเนี่ยเราก็เริ่มมีเบรก
00:21:47 → 00:21:49 ถ้าถ้าบอกว่ามันจะเป็นความรู้ตัวก็อาจจะ
00:21:49 → 00:21:50 เป็นแบบนั้นเนี่ย
00:21:50 → 00:21:54 >> ความพีคก็คือเมานั่งตกผลึกผมมีเพื่อนน้อย
00:21:54 → 00:21:54 มากเลย
00:21:54 → 00:21:55 >> อ่า
00:21:55 → 00:21:57 >> คนรู้จักที่เป็นเพื่อนที่รู้จักกันน่ะ
00:21:57 → 00:22:00 >> แล้วเแล้วแล้วเรักเราเรารักเค้าแบบนานๆ
00:22:00 → 00:22:02 เจอทีแล้วแฮปปี้มากเลยอย่างเงี้ยมีเยอะ
00:22:02 → 00:22:03 มากครับ
00:22:03 → 00:22:07 >> แต่เพื่อนที่อยู่ในชีวิตที่เราได้เลย
00:22:07 → 00:22:10 เนี่ยมีอยู่ไม่กี่คนเองครับประมาณ 3-4 คน
00:22:10 → 00:22:13 5 คนประมาณเนี้ยไม่เกินนี้แล้วก็เป็นไม่
00:22:13 → 00:22:15 ใช่เพื่อนที่เข้ามาใหม่ๆซักเท่าไหร่ด้วย
00:22:15 → 00:22:17 เป็นเพื่อนที่แบบโตมาด้วยกัน
00:22:17 → 00:22:19 >> แล้วก็มีพี่ว่าน
00:22:19 → 00:22:19 >> อ
00:22:19 → 00:22:22 >> พี่ว่าธนกิจอย่างเงี้ยที่โตมาเป็นพี่ชาย
00:22:22 → 00:22:25 มีเพื่อนอีก 2-3 คนผมเริ่มตั้งตั้งคำถาม
00:22:25 → 00:22:29 ว่าทำไมวะจริงๆแล้วอ่ะเรามีคนรู้จักเยอะ
00:22:29 → 00:22:30 มากเลยนะ
00:22:30 → 00:22:30 >> อือ
00:22:30 → 00:22:32 >> เออแล้วมีคนที่แบบเหมือนหวังดีต่อกันน่ะ
00:22:32 → 00:22:38 เยอะมากเลยอ๋อเรากลัวเราเริ่มกลัวเองว่า
00:22:38 → 00:22:43 อ่อถ้าเกิดรับเข้ามาในชีวิตจะกลายเป็นเรา
00:22:43 → 00:22:46 จะเป็นห่วงเค้าและ
00:22:46 → 00:22:47 >> อ่า
00:22:47 → 00:22:50 >> เซตว่าเราจะต้องดูแลเค้าอีกคนนึงเต็มไป
00:22:50 → 00:22:52 หมดเวลาเค้าเดือดร้อนอะไรเราจะต้องตรง
00:22:52 → 00:22:53 นู้นตรงนี้แล้วหยันเราไม่กล้าขอความช่วย
00:22:53 → 00:22:55 เหลือคนอื่นด้วยอ่ะ
00:22:55 → 00:22:57 >> เออการไม่มีความสัมพันธ์ใหม่คือการไม่
00:22:57 → 00:22:58 ต้องมีภาระใหม่
00:22:58 → 00:23:02 >> อืใช่ๆหรือว่าเป็นเพราะเริ่มอายุเยอะด้วย
00:23:02 → 00:23:05 แล้วก็ไม่ไม่รู้นะครับเด็กๆมันไม่เป็นแต่
00:23:05 → 00:23:06 เพิ่งมาเป็นหลังๆเนี่ย
00:23:06 → 00:23:09 >> พอเราเริ่มอายุเยอะขึ้นน่ะพี่เอิ้นคิดว่า
00:23:09 → 00:23:11 เราเริ่มเห็นว่าอะไรสำคัญกับชีวิตอ่ะ
00:23:11 → 00:23:12 >> อื
00:23:12 → 00:23:14 >> แล้วเราก็อยากจะใช้ชีวิตในส่วนที่เหลือ
00:23:14 → 00:23:18 ของเรากับสิ่งนั้นให้มากขึ้นยกเว้นว่า
00:23:18 → 00:23:21 สิ่งนั้นมันจะเป็นความอัตโนมัติที่เรา
00:23:21 → 00:23:24 คุ้นเคยกับการจะเป็นมันอย่างเช่นบ้างานก็
00:23:24 → 00:23:25 คงจะยังบ้างานอยู่อ่ะนะ
00:23:25 → 00:23:30 >> อืเนี่ยข้อเนี้ยทำยังไงอ่ะคุณหมอครับผม
00:23:30 → 00:23:34 อ่ะพิมพ์ใน Facebook ทุกปีเลยว่าปีหน้า
00:23:34 → 00:23:36 เราจะทำงานให้น้อยลงแล้วนะ
00:23:36 → 00:23:36 >> เอออาฮะ
00:23:36 → 00:23:38 >> เออแบบเนี่ยมันเด้งเตือนมาเมื่อวานนี้
00:23:38 → 00:23:44 พิมพ์ทุกปีเลยครับหนักขึ้นทุกปีเลย
00:23:44 → 00:23:46 เราเซ็ตไว้แล้วตอนปีใหม่อ่ะคืออาสาพระไป
00:23:46 → 00:23:50 หลงอ่ะเราจะหยุดกันยาวผมจะให้ที่ออฟฟิศ
00:23:50 → 00:23:51 หยุดตั้งแต่ประมาณวันที่ 20
00:23:51 → 00:23:52 >> อื
00:23:52 → 00:23:54 >> 10 กว่าๆ 10 ปลายๆแล้วก็มาเจออีกทีวัน
00:23:54 → 00:23:55 ที่ 10 เลยหยุดเกือบเดือนน่ะทุกปีอย่าง
00:23:55 → 00:23:58 เงี้ยครับแล้วก็จะแบบเฮ้ยเหมือนได้รีเฟรช
00:23:58 → 00:24:02 เว้ยอ่าโอเคเราทำงานน้อยๆดีกว่าปีนี้บังๆ
00:24:02 → 00:24:05 ๆๆๆแล้วก็หนักขึ้นแล้วก็อ้าวหนักกว่าปี
00:24:05 → 00:24:06 ที่แล้วอีก
00:24:06 → 00:24:07 กลายเป็นแบบนั้นไปครับ
00:24:07 → 00:24:09 >> เรื่องนี้มันจะเป็นเรื่องยากเพราะว่ามัน
00:24:09 → 00:24:11 เป็นเรื่องของการที่เราเป็นผู้ประกอบการ
00:24:11 → 00:24:14 แล้วอ่ะเป็นผู้บริหารเองด้วยแล้วก็เป็น
00:24:14 → 00:24:17 ผู้ประกอบการกับชีวิตว่านจำได้มว่านเคย
00:24:17 → 00:24:20 บอกพี่เอิ้นว่าจริงๆว่านน่ะชีวิตนี้เดือน
00:24:20 → 00:24:23 นึงว่านมี 30,000 ว่านก็โอเคนะ
00:24:23 → 00:24:25 >> เอ้ยใช่ถ้าอยู่คนเดียวอ่ะ 30,000 โอ้โห
00:24:25 → 00:24:28 ยิ่งกว่าพออีกผมกินข้าวอะไรก็ได้และอร่อย
00:24:28 → 00:24:29 ด้วยอร่อยง่าย
00:24:29 → 00:24:31 >> แล้วพี่เอ้ก็เคยบอกว่าเฮ้ยนี่ก็เป็นความ
00:24:31 → 00:24:35 โชคดีของคุณเลยนะที่คุณรู้ว่าอะไรคือความ
00:24:35 → 00:24:39 พอดีในชีวิตใช่มั้ยเพราะฉะนั้นเนี่ยจริงๆ
00:24:39 → 00:24:46 อ่ะโดยส่วนตัวมันพอแล้วก็พอดีเออแต่ว่าพอ
00:24:46 → 00:24:51 ขยับมาอีกขานึงในการที่เราต้องทำธุรกิจดู
00:24:51 → 00:24:54 แลองค์กรมีลูกน้อง 30,000
00:24:54 → 00:24:58 >> ยังไม่พอน้องคนเดียวเลยครับ
00:24:58 → 00:25:02 >> ใช่มย 2 เนี้ยมันอยู่ในร่างเดียวกันนะคือ
00:25:02 → 00:25:05 ร่างของฉันมันอยู่ในร่างเดียวกันเนาะครับ
00:25:05 → 00:25:10 >> เราอาจจะต้องกลับไปตั้งสติแล้วก็แยกแยะ
00:25:10 → 00:25:14 มันบ่อยๆอ่าว่าเอ่อสำหรับกับตัวเองเนี่ย
00:25:14 → 00:25:20 มันพอมถ้ามันพอเนี่ยใจชื้นได้ละ 1 ถือว่า
00:25:20 → 00:25:22 เป็นความมั่นคงทางใจโดยส่วนตัวเราค่อย
00:25:23 → 00:25:26 กลับมาดูธุรกิจธุรกิจพอมสุดท้ายเราปฏิเสธ
00:25:26 → 00:25:29 ไม่ได้อ่ะว่าเรามีค่าใช้จ่ายพื้นฐานเบอก
00:25:29 → 00:25:31 ว่าค่าใช้จ่ายพื้นฐานของธุรกิจก็เปรียบ
00:25:31 → 00:25:34 เสมือนปัจจัย 4 ในการใช้ชีวิตของเราใช่
00:25:34 → 00:25:37 ป่ะก็กลับไปดูปัจจัย 4 ธุรกิจอ่ะต้อง
00:25:37 → 00:25:42 ระวังความอยากแค่นั้นเองเวลาเราทำธุรกิจ
00:25:42 → 00:25:48 แล้วเราก็จะรู้สึกว่าตัวฉันเนี่ยพอพอมอง
00:25:48 → 00:25:51 หน้าลูกน้องเนี่ยนะพี่เอิ้นว่าร้อยทั้ง
00:25:51 → 00:25:55 ร้อยนะของเจ้าของธุรกิจอ่ะที่มีความผูก
00:25:55 → 00:25:58 พันน่ะแล้วก็เรารู้สึกว่าปรารถนาดีอยาก
00:25:58 → 00:26:00 เห็นลูกน้องเจริญเติบโตอ่ะเราก็รู้สึกว่า
00:26:00 → 00:26:02 อยากจะทำให้เขามีอีกนะได้อีก
00:26:02 → 00:26:04 >> อืใช่ครับ
00:26:04 → 00:26:08 >> เพราะงั้นมันก็เลยไม่รู้อ่ะว่าตรงไหนคือ
00:26:08 → 00:26:12 พอของธุรกิจเพราะว่าทุกครั้งที่มันไปได้
00:26:12 → 00:26:15 คือทุกคนมีโบนัสมีความเป็นอยู่ที่ดีถ้า
00:26:15 → 00:26:17 ถามพี่เอิ้ลก็อันนี้เป็นเรื่องยากเหมือน
00:26:17 → 00:26:22 กันก็แยกให้ออกแล้วก็เซตให้ดีพอเรากลัว
00:26:22 → 00:26:25 ว่าเราจะไม่มั่นคงกลัวว่าคนที่รักจะไม่
00:26:25 → 00:26:30 มั่นคงมันก็กลายเป็นเราเองก็
00:26:30 → 00:26:33 ต้องพยายามทำอะไรบางอย่างซึ่งไม่ได้รู้
00:26:33 → 00:26:34 หรอกว่ามันมีความสุขหรือเปล่า
00:26:34 → 00:26:37 >> จริงครับคือตัวผมอ่ะชอบความพี่เอิ้นเมื่อ
00:26:37 → 00:26:39 กี้ก็คือคำว่าระวังความอยากความอยากของผม
00:26:39 → 00:26:42 ไม่ใช่อยากรวยไม่เคยมีคำว่าอยากรวยเลยแต่
00:26:42 → 00:26:44 อยากทำคือน้องๆอ่ะจะกลัวมากๆเลยเวลาพี่
00:26:44 → 00:26:46 วาดมันมีไอเดียอะไรขึ้นมาใหม่เงี้ยอ
00:26:46 → 00:26:47 >> เออ
00:26:47 → 00:26:49 >> อืม
00:26:49 → 00:26:53 ไม่ได้ละเปิดบริษัททัวร์ดีกว่า
00:26:53 → 00:26:56 ทำปุ๊บสุดท้ายแล้วผมไปส่งลูกทัวร์ทุกทริป
00:26:56 → 00:26:58 กลายเป็นเราเหนื่อยหนักเลยอ่ะเราแล้วเรา
00:26:58 → 00:26:59 แบบ
00:26:59 → 00:27:02 >> แต่เราดูใจนะเราเราไปเจอเค้าแล้วเราได้ไป
00:27:02 → 00:27:05 ส่งเค้ากับมืออ่ะเออถ้าไปรับได้คงไปรับ
00:27:05 → 00:27:06 แล้วอย่าเงี้ยครับ
00:27:06 → 00:27:08 >> อยากทริปเนี่ยยังไม่ยังไม่พอเนี่ยพอเรา
00:27:08 → 00:27:12 รู้ว่าตัวเองเหนื่อยละอย่าทำเพลง
00:27:12 → 00:27:15 >> ตอนนั้นหมดไฟใช่มั้พี่เอิ้นอยากอยากไปหมด
00:27:15 → 00:27:18 ไม่เคยอยากรวยเลยอยากทำเพลงเฮ้ยไปคุยกับ
00:27:18 → 00:27:20 ค่ายเพลงดีกว่าไม่เพราะเราไม่มีกำลังแล้ว
00:27:20 → 00:27:22 อ่ะแล้วน้องๆก็จะกลัวเวลาพี่ว่านอยากอะไร
00:27:23 → 00:27:25 ขึ้นมาเนี่ยอยากอยากทำเพลงเพราะว่าอาสาพ
00:27:25 → 00:27:27 หลงมันเคยเกิดขึ้นมาเพราะว่าเป็นรายการ
00:27:27 → 00:27:29 ท่องเที่ยวที่มันมีเพลงเว้ยเฮ้ยแล้วเรา
00:27:29 → 00:27:31 ไม่ค่อยมีเวลาเลยหลังๆอยากอยากทำเพลงคิด
00:27:31 → 00:27:34 ถึงการเขียนเพลงมีไอเดียเต็มไปหมดเออ
00:27:34 → 00:27:36 >> เออแล้วก็ทำเพลงปุ๊บตอนแรกไปคุยกับค่าย
00:27:36 → 00:27:40 เพลงคุยคุยมาโอ้ยไม่น่าจะยากขนาดนั้นนะ
00:27:40 → 00:27:42 เพราะเราก็ทำค่ายเพลงมาก่อนเราก็ทำมาหมด
00:27:42 → 00:27:45 แล้วทุกสิ่งโปรโมทยุคนี้เราเก็โปรโมท
00:27:45 → 00:27:47 ออนไลน์แล้วโปรโมทออนไลน์ทำเองนอกจากจะ
00:27:47 → 00:27:50 ไม่ได้เงินแล้วเสียเงินด้วยครับ
00:27:50 → 00:27:50 >> ครับ
00:27:50 → 00:27:53 >> แล้วก็เริ่มทำเพลงตอนเนี้ยหมดไปทั้งหมด
00:27:53 → 00:27:56 น่าจะประมาณล้านแล้ว
00:27:56 → 00:27:59 แล้วแบบอ้าวเออ
00:27:59 → 00:27:59 >> เออ
00:27:59 → 00:28:02 >> อ่ะแต่มันน่าจะน่าจะได้มีอะไรกลับกลับคืน
00:28:02 → 00:28:04 มาอย่างน้อยมันเป็นความสุขเราอ่ะถึงแม้จะ
00:28:04 → 00:28:04 เหนื่อย
00:28:04 → 00:28:07 >> เออแค่จริงๆอ่ะบางเรื่องนะเราคิดเราก็มี
00:28:07 → 00:28:10 ความสุขละแล้วเรารู้สึกรู้สึกว่าเราจะมี
00:28:10 → 00:28:13 ความสุขมากกว่าถ้าเราได้ลงมือทำอ่ะเออ
00:28:13 → 00:28:16 แล้วมันจะเสียดายมากแล้วมันจะแบบเออถ้า
00:28:16 → 00:28:19 เราถ้าเราไม่ได้ทำสำคัญคือพี่เอิ้ลคิดว่า
00:28:19 → 00:28:22 มันเป็นเพราะว่าเราเห็นว่าเราทำได้ถ้าเรา
00:28:22 → 00:28:26 ไม่ทำแล้วใครจะทำหรือถ้าไม่ทำวันนี้จะทำ
00:28:26 → 00:28:30 วันไหนอย่างเงี้ยด้วยไทยที่พอทำแล้วเนี่ย
00:28:30 → 00:28:33 มันต้องเสร็จแล้วสำเร็จด้วย
00:28:33 → 00:28:35 >> คราวนี้ในระหว่างทางที่มันยังไม่เสร็จ
00:28:36 → 00:28:38 แล้วไม่สำเร็จอ่ะมันดันมีงอกอีกนะ
00:28:38 → 00:28:42 >> อือๆอ้ามันมีความอยากมีความอยากอยากความ
00:28:42 → 00:28:46 อยากก็เฮ้ยอันนี้ก็ระหว่างทางมันดันต่อ
00:28:46 → 00:28:50 ยอดกันน่ะบางทีความอยากเนี่ยมันมันทำให้
00:28:50 → 00:28:55 เราหลุดไปจากเส้นทาง
00:28:55 → 00:28:57 หลักของเราเหมือนกันนะบางทีรูปแบบมันอาจ
00:28:57 → 00:28:59 จะเปลี่ยนไปได้สวิตช์ไปได้แต่เมื่อไหร่ก็
00:28:59 → 00:29:02 เส้นทางของการใช้ศักยภาพของเราหรือคุณค่า
00:29:02 → 00:29:04 ของเราเนี่ยมันยังคงอยู่มันก็ยังดำเนินไป
00:29:04 → 00:29:09 ได้อยู่การที่เราจะไม่ตกภายใต้ความอยาก
00:29:09 → 00:29:11 เนี่ยพี่เอิ้นว่าสำคัญคืออยากทำแล้วทำ
00:29:11 → 00:29:14 สำเร็จแล้วอ่ะเราเอาความสำเร็จไปทำอะไร
00:29:14 → 00:29:17 อันนี้คือคำถามสำคัญที่เราอาจจะต้องถาม
00:29:17 → 00:29:20 ตัวเองเสมอหลังจากที่เราทำแล้วสำเร็จมัน
00:29:20 → 00:29:23 จะทำให้เราเข้าใจความหมายของสิ่งที่เราทำ
00:29:23 → 00:29:27 และการมีชีวิตอยู่ของเราการบาanceซความ
00:29:27 → 00:29:30 อยากและความพอดีมันจะเกิดขึ้นนะ
00:29:30 → 00:29:31 ดีมากเลยเพื่อน
00:29:31 → 00:29:34 >> 2 ก้อนเลยนะถ้าเราฟังดีๆนะมันก็มีความ
00:29:34 → 00:29:35 อยากกับความกลัว
00:29:35 → 00:29:36 >> ครับ
00:29:36 → 00:29:39 >> มีอยู่ 2 ก้อนแค่นั้นแหละเป็นโจทย์สำคัญ
00:29:39 → 00:29:44 ที่เราต้องเรียนรู้เพื่อจะดูแลเขาเราจะมี
00:29:44 → 00:29:48 ชีวิตยังไงถ้าเรามีต้นทุน 0 บาทชีวิตเรา
00:29:48 → 00:29:53 โดยปกติอ่ะเราจะคิดว่าเอองั้นคือฉันต้อง
00:29:53 → 00:29:58 พัฒนาทุกวันฉันจะชอบตัวเองฉันจะดีขึ้นคือ
00:29:58 → 00:30:02 ฉันต้องแบบพัฒนามีทุกวันทุกวันทุกวันเรา
00:30:02 → 00:30:06 ก็จะคิดว่าเฮ้ยเนี่ยจากที่ฉันไม่มีนะเฮ้ย
00:30:06 → 00:30:09 วันนี้ฉันดูแลทุกคนได้มันอยู่เท่านี้นะ
00:30:09 → 00:30:12 ดังนั้นการจะกลับมาเห็นตัวเองตอนศูนย์บาท
00:30:12 → 00:30:15 เนี่ยโอ้โหแค่หันมาก็เจ็บปวดแล้วนะแต่
00:30:15 → 00:30:22 กลายเป็นว่าในวันที่เราเป็นมิตรกับตัวเอง
00:30:22 → 00:30:25 ในวันที่ 0 บาทได้เรามีความสุขนะจริงๆมัน
00:30:25 → 00:30:30 ก็อาจจะแค่การที่เรากลัวกลัวว่าเราอ่ะ
00:30:30 → 00:30:33 กลับไปเป็นคนที่มีความสุขง่ายๆแบบไม่ต้อง
00:30:33 → 00:30:38 มีอะไรเลยมีเพียงตัวฉันและศักยภาพของฉัน
00:30:38 → 00:30:41 และความสามารถในสิ่งที่ฉันเป็นมันจะเป็น
00:30:41 → 00:30:44 การล้มเหลวเนาะการที่เราอยู่กับสิ่งนี้
00:30:44 → 00:30:47 ได้แล้วเราบอกได้ว่าเนี่ยคือมีความสุขโดย
00:30:47 → 00:30:49 ที่ฉันไม่ต้องเป็นเจ้าของบริษัทหรือความ
00:30:49 → 00:30:52 สำเร็จอ่ะโคตรเก่งเลย
00:30:52 → 00:30:53 >> จริงเหรอครับ
00:30:53 → 00:30:59 >> ใช่แต่คนที่สำเร็จแล้วอ่ะลงมาอยู่ในจุด
00:30:59 → 00:31:02 เริ่มต้นได้อย่างสุขสบายใจอ่ะเค้าต้องมี
00:31:02 → 00:31:07 ทักษะอะไรอ่ะเค้าถึงจะทำแบบนี้ได้
00:31:07 → 00:31:11 มันเป็นเรื่องที่พี่เอิ้นว่ามันคือ
00:31:11 → 00:31:14 พัฒนาการขั้นสูงอย่างหนึ่งเหมือนกัน
00:31:14 → 00:31:18 >> มันมีวันที่ตกผลึกได้ก็คือวันที่เราเริ่ม
00:31:18 → 00:31:22 มีความสุขยากขึ้นมันเหมือนแบบว่า
00:31:22 → 00:31:23 ใจมัน
00:31:23 → 00:31:24 >> อื
00:31:24 → 00:31:26 >> เคยตอนเด็กๆเคยอยากกินอันนี้มากเลยอยาก
00:31:26 → 00:31:30 กินอยากลองกินอุนิสักครั้งนึงเป็นยังไงวะ
00:31:30 → 00:31:33 ไข่หอยเหม็นไข่หอยหอย
00:31:33 → 00:31:34 >> ไข่หอยเหม็น
00:31:34 → 00:31:36 >> ไขหอยเหม็น
00:31:36 → 00:31:39 >> นอนเนาะเอ้ย
00:31:39 → 00:31:41 อยากอยากกินน่ะชีวิตนี้มันจะเป็นยังไงวะ
00:31:41 → 00:31:42 ลองกินดูอะไรเงี้ยเด็กๆที่เราไลฟ์
00:31:42 → 00:31:45 ประสบการณ์น่ะแล้วได้กินแล้วมันว้าวอ่ะ
00:31:45 → 00:31:48 เวลามีความเศร้ามาโดนด่าอุ๊ยร้องไห้ณวัน
00:31:48 → 00:31:51 เนี้ยครับอยู่ดีๆมันมีช่วงนึงไร้ความรู้
00:31:51 → 00:31:52 สึก
00:31:52 → 00:31:57 >> ทุกข์ไม่สุดสุขไม่สุดกินของอร่อยแค่ไหนก็
00:31:57 → 00:32:01 อืมอร่อยดีนะปากอร่อยแต่ว่าใจมันไม่ได้
00:32:01 → 00:32:03 อร่อยตามปากขนาดนั้นแล้ว
00:32:03 → 00:32:06 >> รวมถึงวิวที่สวยขนาดไหนพอเราเดินทางตลอด
00:32:06 → 00:32:08 เวลาอืม
00:32:08 → 00:32:09 >> สวยดีนะ
00:32:09 → 00:32:12 >> มันไม่เหมือนเมื่อก่อนที่แบบว้ายว้า
00:32:12 → 00:32:16 >> ว้ายๆวๆๆๆมันมันน้อยลงมันเหมเหมือนเซตค่า
00:32:16 → 00:32:20 กลางไปแล้วเมื่อก่อนใครมาด่าเราเราแบบ
00:32:20 → 00:32:23 โอ๊ยเจ็บปวดร้องไห้ทุกคนนี้แบบเวลามี
00:32:23 → 00:32:26 คอมเมนต์ด่ามาว่าแบบได้เหตุผลน่ะอ่าเล่น
00:32:27 → 00:32:29 คีย์บอร์ดหน่อยอะไรอย่างเงี้ยการด่าที่
00:32:29 → 00:32:31 เอาไปปรับตัวเองได้ก็ก็ดีหรือว่าเขาจะด่า
00:32:31 → 00:32:34 พ่อล่อแม่ด่านู่นนี่นั่นอะไรที่มันไร้
00:32:34 → 00:32:37 สาระมันไม่รู้สึกอะไรอีกเลยอ่ะ
00:32:37 → 00:32:40 >> มันไร้ความสุขไร้ความเศร้าตัวผมมันมัน
00:32:40 → 00:32:42 กลายเป็นความอยากมีแต่ความอยากทำอ่ะแต่
00:32:42 → 00:32:44 ไม่มีอยากทำงานนู่นไอ้นั่นแต่ว่าไม่ไม่มี
00:32:44 → 00:32:47 ความอยากมีอ่ะวันนั้นน่ะก็เลยเป็นวันที่
00:32:47 → 00:32:51 ตกผลึกได้ว่าโอเคไม่ไม่ต้องมีเยอะกว่านี้
00:32:51 → 00:32:54 แล้วก็ได้วะเพราะก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จไป
00:32:54 → 00:32:55 แล้วจะเอาไปไว้ที่ไหนเหมือนกัน
00:32:55 → 00:32:55 >> อืออือ
00:32:55 → 00:32:58 >> เพราะเราก็ดูแลแม่ได้ได้ดีแล้วอ่ะณวัน
00:32:58 → 00:33:01 เนี้ยก็เป็นชีวิตที่เราเราไม่เคยจับต้อง
00:33:01 → 00:33:02 มาก่อนเลยอ
00:33:02 → 00:33:06 >> อือมันเป็นสภาวะของการที่สุขยาก
00:33:07 → 00:33:08 ทุกข์เยอะ
00:33:08 → 00:33:10 >> อื
00:33:10 → 00:33:12 >> จนเฉยช้า
00:33:12 → 00:33:14 >> ครับแต่แล้วทุกข์ต้องเก็บอาการอีก
00:33:14 → 00:33:17 >> ยิ้มให้คนทั้งโลกร้องให้กับตัวเอง
00:33:17 → 00:33:18 >> อื้อหือ
00:33:18 → 00:33:20 >> พี่โอ๊ตก็มาวันที่ร้องไห้นะพี่เอิ้ลไป
00:33:20 → 00:33:22 ร้องไห้อยู่บ้านพี่เอิ้นบ้าจริงๆแล้วแล้ว
00:33:22 → 00:33:25 คนเยอะนะร้องไห้
00:33:25 → 00:33:28 พี่อิลรู้ตัวเลยอ่ะเหมือนเหมือนน้ำตามัน
00:33:28 → 00:33:31 ขั่งสมองอ่ะมันไม่ได้ร้องไห้มา 10 ปีอ่ะ
00:33:31 → 00:33:32 เอ้ยโล่งดีกว่า
00:33:32 → 00:33:33 >> อื
00:33:33 → 00:33:36 >> เออหรือจริงๆมันเรามีต่อมต่อมน้ำตาที่มัน
00:33:36 → 00:33:37 >> อื
00:33:37 → 00:33:39 >> ถูกบรรจุเอาไว้แล้วมันสะสมความเครียดแล้ว
00:33:39 → 00:33:40 เรารู้สึกว่าเรา
00:33:40 → 00:33:43 >> มันกยิ่งกดดันเรื่อยโอเคเราทุกข์ได้เรา
00:33:43 → 00:33:45 ร้องไห้ได้อ่ะปล่อยไปเลยเต็มที่
00:33:45 → 00:33:47 >> อ้าวโล่งเฉยเลย
00:33:47 → 00:33:50 >> เ้าเรียกว่าเป็นรีซลียนหรือว่าทักษะของ
00:33:50 → 00:33:55 การลมได้มันคือทักษะนึงของจิตใจนะคือการ
00:33:55 → 00:33:59 ที่เราอนุญาตให้เราเป็นคนที่ล้มได้ล้ม
00:33:59 → 00:34:00 เหลวได้
00:34:00 → 00:34:01 >> อื
00:34:01 → 00:34:05 >> แต่ลุกได้ว่ารู้มว่านี่เป็นทักษะสำคัญของ
00:34:05 → 00:34:08 ผู้บริหารและผู้นำยุคใหม่ในรุ่นนี้เลยนะ
00:34:08 → 00:34:11 ที่ควรจะต้องมีเราต้านความเปลี่ยนแปลงไม่
00:34:11 → 00:34:14 ได้เราต้านกระแสเราต้านความทุกข์เราต้าน
00:34:14 → 00:34:18 สิ่งที่เอ่อไม่สามารถควบคุมบนโลกใบนี้ได้
00:34:18 → 00:34:20 มันกลายเป็นว่าการที่เราเป็นหัวหน้าคน
00:34:20 → 00:34:24 หรือว่าการเป็นผู้บริหารในยุคเนี้ยค่ะมัน
00:34:24 → 00:34:28 มันยากมากเลยอ่ะที่เราจะไม่ล้มมันมันยาก
00:34:28 → 00:34:30 มากที่เราจะไม่เหนื่อยการแวะมาล้มแวะได้
00:34:30 → 00:34:35 นะแล้วก็ล้มในที่ที่ปลอดภัยไอ้การที่บาง
00:34:35 → 00:34:38 ทีเราอนุญาตให้ตัวเองเป็นคนธรรมดาและยอม
00:34:38 → 00:34:42 รับและล้มได้อยากร้องไห้ก็ร้องมันแต่มัน
00:34:42 → 00:34:45 เป็นเวลาที่ใช่และพื้นที่ที่ปลอดภัยพอนี่
00:34:45 → 00:34:49 แหละคือทักษะสำคัญที่ว่าเนี่ยได้รับจาก
00:34:49 → 00:34:51 ประสบการณ์ชีวิตแล้วล่ะจากการเป็น
00:34:51 → 00:34:54 Superman ของเราก็คือการที่เรามีทักษะ
00:34:54 → 00:34:57 ที่จะล้มได้แล้วก็ลุกไวสำคัญคือเราต้อง
00:34:57 → 00:35:00 ฟังตัวเองฟังชีวิตแล้วก็เชื่อมั่นในความ
00:35:00 → 00:35:04 สามารถของเราจูนใจฉบับบ้านใช้นะครับ
00:35:04 → 00:35:05 >> หิวข้าวแล้วใช่มั้ล่ะ
00:35:06 → 00:35:07 >> ใช่
00:35:07 → 00:35:10 >> ขอบคุณพี่เพื่อนมากเลยครับขอบคุณคนฟังที่
00:35:10 → 00:35:12 ฟังจนจบนะครับ
00:35:12 → 00:35:14 >> ครับหวังว่าเาจะฟังเราจนจบนะครับ
00:35:14 → 00:35:17 >> ขอพูดแบบจิเกิลแบบจูนใจสโลแกนตอนปิดท้าย
00:35:17 → 00:35:18 มีมั้ย
00:35:18 → 00:35:20 >> แชร์ประสบการณ์การจูนใจที่ทำให้เราได้พบ
00:35:20 → 00:35:21 ความสุข
00:35:21 → 00:35:24 >> บายไป
00:35:24 → 00:35:28 >> คนฟังปิดคลิปแล้วไปนอนซะ
00:35:28 → 00:35:33 >> โอเคปกติอ่ะเวลาจบ EP อ่ะพี่เอิ้ลก็จะ
00:35:33 → 00:35:37 ทิ้งท้ายด้วยการถามแขกรับชวนเสมอเลยว่า
00:35:37 → 00:35:39 รู้สึกยังไงบ้างจากการคุยกันเกือบ 1
00:35:39 → 00:35:43 ชั่วโมงที่ผ่านมาแต่ว่าฉันลืมถามเธออ่ะ
00:35:43 → 00:35:45 ฉันมาถามย้อนหลังได้ป่ะ
00:35:45 → 00:35:49 >> ได้เลยก็จริงๆรู้สึกดีทุกครั้งที่คุยกับ
00:35:49 → 00:35:51 พี่เอิ้ลครับตั้งแต่ไปหาที่จังหวัดเลย
00:35:51 → 00:35:56 แล้วแล้วก็สิ่งที่ได้เสมอเลยมันคือนอกจาก
00:35:56 → 00:35:59 พี่เอิ้ลจะให้กำลังใจดีๆแล้วให้แนวคิดดีๆ
00:35:59 → 00:36:02 แล้วเนี่ยตัวผมอ่ะเหมือนเห็นพี่เอิ้ลเป็น
00:36:02 → 00:36:05 กระจกสะท้อนตัวเองเวลาที่เราเครียดสุด
00:36:06 → 00:36:08 ท้ายแล้วมันไม่ได้เกิดจากใครเลยมันเกิด
00:36:08 → 00:36:10 จากตัวเองเท่านั้นว่าเราเครียดกับมัน
00:36:10 → 00:36:14 เพราะว่าเราคิดบางทีถ้าเกิดยังหาทางออก
00:36:14 → 00:36:18 ไม่ได้แล้วก็ลองไปนอนเล่นดูสักคืนนึงมัน
00:36:18 → 00:36:22 อาจจะคิดออกพวกนี้ก็ได้ก็ไม่มีอะไรนอกจาก
00:36:23 → 00:36:25 ความสบายใจครับขอบคุณพี่เอิ้นมากๆครับ
00:36:25 → 00:36:28 >> ถ้าทูลใจพcสเป็นประโยชน์กับใจคุณและเพื่อ
00:36:28 → 00:36:32 ความยั่งยืนของจูนใจฝากสนับสนุนด้วยการกด
00:36:32 → 00:36:34 ไลค์กดแชร์กด Subscribe และกดกระดิ่ง
00:36:35 → 00:36:39 กลิ้งๆด้วยนะคะ