00:00:00 → 00:00:03 [เสียงดนตรี]
00:00:03 → 00:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.
00:00:06 → 00:00:08 Listen for a better life.
00:00:08 → 00:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
00:00:11 → 00:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel
00:00:14 → 00:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:16 → 00:00:20 [เสียงดนตรี]
00:00:20 → 00:00:22 วันนี้คุณกินอะไร
00:00:22 → 00:00:27 อาหารที่คุณกินจะส่งผลดี ส่งผลเสีย กับสุขภาพของคุณอย่างไร
00:00:27 → 00:00:29 วันนี้หมอจะชวนทุกคนมาพูดคุย
00:00:29 → 00:00:33 เกี่ยวกับรูปแบบของการกินอาหาร ที่ปลอดภัยกับสุขภาพของเรา
00:00:33 → 00:00:38 กับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋
00:00:38 → 00:00:40 แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
00:00:40 → 00:00:44 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:44 → 00:00:47 [เสียงดนตรี]
00:00:47 → 00:00:49 สวัสดีค่ะ กลับมาอีกหนึ่งนะคะ
00:00:49 → 00:00:53 สำหรับ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋
00:00:53 → 00:00:58 วันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องของ กินคีโตอย่างไรให้น้ำหนักลด
00:00:58 → 00:01:02 พร้อมทั้งรับมือผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น จากการกินคีโตค่ะ
00:01:02 → 00:01:08 [เสียงดนตรี]
00:01:08 → 00:01:11 ในปัจจุบันก็มีคนที่อยากจะพยายามลดน้ำหนัก
00:01:11 → 00:01:14 แล้วก็เลือกใช้การกินอาหารที่เราเรียกว่าคีโต
00:01:14 → 00:01:17 เพื่อจะช่วยลดน้ำหนักเป็นปริมาณมากเลยทีเดียว
00:01:18 → 00:01:19 การกินคีโตคืออะไร
00:01:19 → 00:01:22 คีโตในที่นี้ย่อมาจากคำว่า Ketogenic Diet
00:01:22 → 00:01:27 ก็เป็นอาหารที่กินเข้าไป แล้วร่างกายมีการสร้างคีโตน
00:01:28 → 00:01:31 คีโตนเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการสลายไขมัน
00:01:31 → 00:01:35 จริง ๆ ก็ดีเนอะ เพราะว่าเวลาที่เรา กินอาหารเข้าไป ไม่ต้องอดอาหาร
00:01:35 → 00:01:39 แต่ว่าร่างกายเรามีการสลายไขมัน ที่มีอยู่ในร่างกายออกมา
00:01:39 → 00:01:41 ถามว่าหลักการอันนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
00:01:41 → 00:01:46 มันเป็นการ Tricky หรือเป็นการหลอกร่างกายนิด ๆ
00:01:46 → 00:01:51 โดยการที่เราจะพยายาม ทำให้อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำมาก ๆ
00:01:51 → 00:01:54 เมื่อต่ำมาก ๆ ปุ๊บ น้ำตาลในเลือดก็จะไม่สูงขึ้น
00:01:54 → 00:01:57 ร่างกายก็จะรู้สึกเหมือน ณ ขณะนี้เราไม่ได้รับอาหาร
00:01:57 → 00:01:58 หรือว่าเราขาดอาหารอยู่
00:01:59 → 00:02:02 สิ่งที่เกิดขึ้น ร่างกายเราก็จะพยายาม สลายไขมันออกมา
00:02:02 → 00:02:06 เพื่อจะให้เป็นพลังงานเอามาใช้นะคะ
00:02:06 → 00:02:11 ทีนี้ตรงนี้นี่ มันจะเป็นการหลอก กับระดับฮอร์โมนที่ชื่อว่าอินซูลิน
00:02:11 → 00:02:13 หรือกลูคากอนในร่างกาย
00:02:13 → 00:02:17 ซึ่งจะเป็นอันหนึ่งที่คนก็จะชอบเพราะว่า เขาสามารถจะกินอาหารได้
00:02:17 → 00:02:21 แต่ว่าร่างกายเรานี่จะผอมลง เพราะว่าไปสลายไขมันค่ะ
00:02:21 → 00:02:27 [เสียงดนตรี]
00:02:27 → 00:02:29 อาหารคีโตมีกี่ชนิดนะคะ
00:02:29 → 00:02:32 เราต้องมารู้จักก่อนว่า อันที่หนึ่งนี่ มันจะเป็นสแตนดาร์ด
00:02:33 → 00:02:36 หรือว่าเป็นกลุ่มของคีโตที่เป็นปกติ
00:02:36 → 00:02:39 อันนี้ก็จะมีลักษณะที่คาร์โบไฮเดรตต่ำมาก
00:02:39 → 00:02:42 แล้วก็ไขมันสูงขึ้นนะคะ
00:02:42 → 00:02:45 โดยที่โปรตีนจะอยู่ในระดับปกติ
00:02:45 → 00:02:47 ถ้าเรามีมาตรฐานอยู่
00:02:47 → 00:02:49 เราจะเอาให้คาร์โบไฮเดรตต่ำ
00:02:49 → 00:02:54 แล้วก็เปลี่ยนให้เป็นไขมันที่สูงขึ้น อันนี้คือสแตนดาร์ดคีโนะคะ
00:02:54 → 00:02:55 แบบที่สอง
00:02:56 → 00:02:59 เราจะเรียกว่าเป็น High-Protein Ketogenic Diet
00:02:59 → 00:03:02 High-Protein Ketogenic แปลว่าอะไร
00:03:02 → 00:03:04 เมื่อกี้เรางดคาร์โบไฮเดรตต่ำแล้วถูกไหมคะ
00:03:04 → 00:03:06 แต่ว่ากลุ่มนี้จะต่างกับกลุ่มแรก
00:03:06 → 00:03:08 คือกลุ่มแรกนี่ โปรตีนปกติ
00:03:08 → 00:03:11 กลุ่มนี้จะเอาโปรตีนสูงขึ้น
00:03:11 → 00:03:14 แล้วก็ไขมันก็ยังสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
00:03:14 → 00:03:15 อันที่สาม
00:03:15 → 00:03:19 อันที่สาม เราเรียกว่า Clyclical Ketogenic Diet
00:03:19 → 00:03:22 ก็คือเรากินคีโตเป็นช่วงเวลา
00:03:22 → 00:03:24 กินคีโตเป็นช่วงเวลาหมายความว่าอะไร
00:03:24 → 00:03:26 สมมุติอาทิตย์นึง 7 วัน
00:03:26 → 00:03:28 เราจะมีคล้าย ๆ Cheat day ให้
00:03:28 → 00:03:30 เราไปกินคีโตประมาณ 5-6 วัน
00:03:31 → 00:03:37 แล้วหลังจากนั้น เราอนุญาตให้กินอาหาร ที่มีคาร์โบไฮเดรตปกติได้ 1-2 วัน
00:03:37 → 00:03:40 แล้วอันสุดท้ายเราเรียกว่าเป็น Targeted Ketogenic Diet
00:03:41 → 00:03:43 หมายความว่าอะไร
00:03:44 → 00:03:46 กลุ่มนี้ถ้าเกิดมีการออกกำลังกายนี่
00:03:46 → 00:03:49 เราจะรู้ว่า เวลาที่เราออกกำลังกายหนัก ๆ
00:03:49 → 00:03:52 โดยเฉพาะ High-intensity Exercise
00:03:52 → 00:03:53 หมายความว่าออกกำลังกายหนักมากนี่
00:03:53 → 00:03:58 สิ่งที่ร่างกายต้องการใช้เป็นพลังงานก็คือ กลุ่มที่เป็นคาร์โบไฮเดรต
00:03:58 → 00:03:59 แล้วถ้าเรากินคีโตอยู่นี่
00:03:59 → 00:04:03 มันจะทำให้ประสิทธิภาพ ในการออกกำลังกาย มันน้อยลง
00:04:03 → 00:04:07 กลุ่มนี้นี่ เขาจะเพิ่มคาร์โบไฮเดรต หลังการออกกำลังกาย
00:04:07 → 00:04:08 โดยเฉพาะออกกำลังกายหนัก ๆ
00:04:08 → 00:04:11 เพราะฉะนั้น เวลาทั่ว ๆ ไป เขายังคงกินคีโตอยู่
00:04:11 → 00:04:13 แต่ว่าวันที่เขาออกกำลังกายหนักนี่
00:04:13 → 00:04:16 เขาจะกินคาร์โบไฮเดรตได้เพิ่มขึ้นค่ะ
00:04:16 → 00:04:20 หลัก ๆ ก็จะมีอยู่ประมาณ 4 ประเภท ในแง่ของการกินคีโตนะคะ
00:04:20 → 00:04:24 ในแง่ของการลดน้ำหนักนะคะ ถามว่า กินคีโตมีข้อดีอย่างไร
00:04:24 → 00:04:27 ข้อดีอันแรกเลยก็คือ ได้กินค่ะ ไม่ได้อด
00:04:27 → 00:04:33 หลายคนบอกว่า โอเคเลย ได้กินขาหมู ได้กินเนื้อ ได้กินหนัง แบบมีความสุขมาก
00:04:33 → 00:04:38 อันที่ 2 ค่ะ ไม่ต้องมานั่งทำ calorie count ไม่ต้องมานั่งนับว่ากี่แคลอรี
00:04:38 → 00:04:40 กินไปเท่านี้แหละ กินไปอย่างที่อยากกิน
00:04:40 → 00:04:42 อันที่ 3 ค่ะ ก็จะรู้สึกว่า
00:04:42 → 00:04:45 การกินคีโตนี่ ดูแล้วมันอิ่ม
00:04:45 → 00:04:47 ดูแล้วมันได้กินมากขึ้น
00:04:47 → 00:04:51 อันนี้คือ happy ในกรณีของคนที่เลือกกินคีโต
00:04:51 → 00:04:54 ที่สำคัญค่ะ เวลาที่เรากินคีโตนี่ น้ำหนักจะลดเร็ว
00:04:54 → 00:04:59 แล้วก็จะลดแบบเห็นชัดเจนมากเลย โดยเฉพาะในช่วงอาทิตย์ 2 อาทิตย์แรก
00:04:59 → 00:05:03 แล้วก็น้ำหนักนี่ก็จะ… ถ้าสมมุติเราเทียบกันเนอะ เทียบกับวิธีอื่น
00:05:03 → 00:05:05 ภายใน 6 เดือนค่ะ
00:05:05 → 00:05:08 การกินคีโตนี่ น้ำหนักจะลดได้มากกว่าวิธีอื่น
00:05:08 → 00:05:11 ส่วนหนึ่งที่น้ำหนักลดเร็วกว่าของคีโต
00:05:11 → 00:05:16 ก็คือเรื่องของ การที่คนไข้จะเสียน้ำไปเยอะกว่า
00:05:16 → 00:05:18 เพราะฉะนั้น น้ำหนักก็จะลดลงเร็ว
00:05:18 → 00:05:21 ทีนี้พอเรารู้แล้วว่า กินคีโตมีข้อดีอย่างไร
00:05:21 → 00:05:26 คราวนี้เราจะมารับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าเราคิดว่าวันนี้เราอยากจะกินคีโต
00:05:26 → 00:05:30 อันแรกที่เราจะเจอก็คือ เวลาที่เราลดคาร์โบไฮเดรตลงเร็ว ๆ นี่
00:05:30 → 00:05:33 มันก็จะมีปัญหาที่เราเรียกว่าเป็น Keto Flu
00:05:33 → 00:05:36 Flu ในที่นี้ก็คือเหมือน อารมณ์เวลาที่เราจะเป็นไข้หวัดใหญ่ค่ะ
00:05:36 → 00:05:39 ปวดเมื่อยตามตัว รู้สึกไม่สบายเนื้อ ไม่สบายตัว
00:05:39 → 00:05:43 อาจจะมีอาการหงุดหงิดได้ มีคลื่นไส้ได้
00:05:43 → 00:05:47 เพราะว่าในช่วงแรก ของเสียที่เกิดขึ้นที่เราเรียกว่าคีโตนนี่
00:05:47 → 00:05:50 มันจะทำให้เรารู้สึกคลื่นไส้ แล้วก็เบื่ออาหารได้เหมือนกัน
00:05:50 → 00:05:54 อาจจะทำให้อ่อนเพลียได้ เพราะว่ามีการสูญเสียน้ำและเกลือแร่
00:05:54 → 00:05:57 ส่วนใหญ่อาการ Keto Flu นี่ มันจะเจอไม่เกิน 2 อาทิตย์ค่ะ
00:05:57 → 00:05:58 1-2 อาทิตย์
00:05:59 → 00:06:01 บางคนปรับตัวเร็วนี่ ก็จะดี
00:06:01 → 00:06:04 หรือบางคนที่เริ่มต้นนี่ กินคาร์โบไฮเดรตไม่เยอะอยู่แล้ว
00:06:04 → 00:06:09 เวลาที่มากินคีโต อันนี้จะมี Keto Flu ไม่เยอะ
00:06:09 → 00:06:11 แต่ถ้าคนที่เคยกินคาร์โบไฮเดรตเยอะ ๆ
00:06:11 → 00:06:13 แล้วมากินคีโตนี่
00:06:13 → 00:06:15 อันนี้จะมีอาการค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
00:06:15 → 00:06:19 อันที่ 2 ค่ะ เรื่องของการขาดสารน้ำ
00:06:19 → 00:06:20 หรือว่าภาวะแห้ง
00:06:20 → 00:06:23 เหมือนที่บอกเลยว่ากินคีโตนี่ จะมีการเสียน้ำค่อนข้างเยอะ
00:06:24 → 00:06:28 ดังนั้น คนที่กินคีโต จะต้องดื่มน้ำ น้ำเปล่านะคะ
00:06:29 → 00:06:31 ไม่ต่ำกว่า 2-3 ลิตรต่อวัน
00:06:31 → 00:06:33 อันนี้เป็นความจำเป็น
00:06:33 → 00:06:34 อันที่ 3 ค่ะ
00:06:34 → 00:06:36 มันมีโอกาสที่จะเรื่องของท้องผูกด้วย
00:06:36 → 00:06:40 แร่ธาตุในส่วนที่จะเป็น เรื่องของไฟเบอร์ก็ไม่มี
00:06:40 → 00:06:43 ขาดแร่ธาตุบางอย่างด้วย ก็เลยจะทำให้คนไข้มีโอกาสที่จะท้องผูก
00:06:44 → 00:06:47 ดังนั้น นอกเหนือจาก การดื่มน้ำ 2-3 ลิตรแล้วนี่
00:06:47 → 00:06:52 เราจะยังแนะนำให้เขากินผักให้เยอะขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นผักใบ
00:06:52 → 00:06:57 แล้วก็มีการขยับตัวออกกำลังกาย เพื่อทำให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหวเคลื่อนที่
00:06:57 → 00:07:00 อันนี้ก็จะช่วยลดในเรื่องของท้องผูกได้ค่ะ
00:07:00 → 00:07:03 อีกอาการหนึ่งที่เราจะเจอ ในคนที่จะเริ่มกินคีโตก็คือ
00:07:03 → 00:07:08 จะบ่นว่าปวดหัว คิดอะไรไม่ค่อยออก ดูซึม ๆ ล้า ๆ หรือเราเรียกว่าเป็นสมองล้า
00:07:09 → 00:07:13 อันนี้เป็นเพราะว่าในช่วงต้น สมองเราจะใช้น้ำตาลเป็นหลัก
00:07:13 → 00:07:15 ในเรื่องของการเป็นพลังงาน
00:07:15 → 00:07:17 แต่พอเวลาเราลดน้ำตาลลงเยอะ ๆ นะคะ
00:07:18 → 00:07:22 ตอนนี้สมองเราจะเริ่มยอมรับ การใช้พลังงานที่มาจากคีโตนแล้ว
00:07:22 → 00:07:24 ดังนั้น ในช่วงที่มันจะมีการเปลี่ยนผ่าน
00:07:24 → 00:07:28 การใช้พลังงานจากน้ำตาล มาเป็นคีโตนในช่วงนี้
00:07:28 → 00:07:33 พอเวลาที่น้ำตาลตก สมองก็จะรู้สึก เหมือนกับว่าตอนนี้พลังงานไม่เพียงพอ
00:07:33 → 00:07:37 คิดอะไรก็จะดูช้า ๆ หน่อย รู้สึกมันไม่สดใส
00:07:37 → 00:07:39 หรือว่าอาจจะมีอาการปวดหัวได้
00:07:39 → 00:07:42 แต่ว่าโดยทั่วไป อาการพวกนี้จะเป็นสั้น ๆ ค่ะ ไม่นาน
00:07:42 → 00:07:45 แล้วก็หลังจากที่ร่างกายปรับตัวได้ ส่วนใหญ่ก็จะดีขึ้น
00:07:45 → 00:07:48 แล้วก็สุดท้ายค่ะ เรื่องของการขาดสารอาหาร
00:07:48 → 00:07:53 อย่างที่บอกค่ะ คีโตเองนี่ ด้วยความที่เราจำกัดเนอะ
00:07:53 → 00:07:57 โดยเฉพาะกลุ่มของคาร์โบไฮเดรต ลงมาเหลือแค่ 50 กรัม
00:07:57 → 00:08:00 หลายคนเลือกไม่เป็น เลือกไม่ดี ไม่ยอมกินผัก
00:08:00 → 00:08:02 สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ
00:08:02 → 00:08:06 จะมีเรื่องของแร่ธาตุ วิตามิน มันไม่เพียงพอ
00:08:06 → 00:08:09 หลาย ๆ คนก็เลยต้องกินคีโตแบบที่ตัวเองชอบ
00:08:09 → 00:08:12 ร่วมกับกินวิตามินอีก 1 กำนะคะ
00:08:12 → 00:08:14 อันที่จะขาดมีอะไรบ้าง
00:08:14 → 00:08:17 วิตามินหลัก ๆ เลยที่มันจะอยู่ในผักผลไม้
00:08:17 → 00:08:20 วิตามินบี วิตามินซีใช่ไหมคะ วิตามินเอได้
00:08:20 → 00:08:24 แล้วก็จะเป็นกลุ่มของพวกแร่ธาตุ เช่น พวกของธาตุเหล็ก
00:08:24 → 00:08:26 พวกของแคลเซียม ใช่ไหมคะ
00:08:27 → 00:08:28 โซเดียมได้ด้วย
00:08:28 → 00:08:30 โพแทสเซียม แมกนีเซียม
00:08:30 → 00:08:32 เยอะแยะไปหมดเลยที่อาจจะขาด
00:08:32 → 00:08:36 เพราะฉะนั้น พวกนี้ถึงบอกว่า เวลาที่ไม่ได้กินคาร์โบไฮเดรต
00:08:36 → 00:08:40 ที่มาจากพวกของข้าว แป้ง หรือว่าถั่วเมล็ดแห้งแล้วนี่
00:08:40 → 00:08:43 เราก็จะให้เพิ่มในส่วนที่จะเป็นผักใบเขียว
00:08:43 → 00:08:45 กินถั่วเพิ่มขึ้นได้นะคะ
00:08:45 → 00:08:48 กินถั่วเพิ่มขึ้นได้ เพื่อจะเป็นแหล่งที่จะมีแร่ธาตุ
00:08:48 → 00:08:50 แต่ต้องเป็นถั่วที่มีน้ำมันเยอะนิดนึง
00:08:51 → 00:08:54 อย่างสมมุติจะกินอัลมอนด์ได้ จะกินแมคคาเดเมียได้
00:08:54 → 00:08:57 แต่ว่าคงไม่ใช่แบบถั่วเขียว ถั่วแดง อะไรแบบนี้
00:08:57 → 00:08:58 ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ คงไม่ใช่
00:08:58 → 00:09:03 จะกินนมนี่ อาจจะยอมเป็นพวกของนม ที่มาจากเมล็ดพืช
00:09:03 → 00:09:04 เป็นนมอัลมอนด์ได้
00:09:04 → 00:09:06 แต่ว่าในแง่ของนมวัวนี่
00:09:06 → 00:09:08 มันยังมีน้ำตาลอยู่ค่ะ มีน้ำตาลในนม
00:09:09 → 00:09:12 เพราะฉะนั้น จะไม่ใช่ของที่คีโตให้กินนะคะ
00:09:12 → 00:09:14 แต่ชีสกินได้นะคะ
00:09:14 → 00:09:17 ถ้าจะกินโยเกิร์ตนี่ อาจจะต้องกินด้วยความระมัดระวัง
00:09:17 → 00:09:18 ปริมาณไม่เยอะ
00:09:18 → 00:09:21 และถ้าเป็นไปได้ เขาจะแนะนำให้กินเป็นกรีกโยเกิร์ต
00:09:21 → 00:09:23 ซึ่งจะมีน้ำตาลต่ำกว่านะคะ
00:09:23 → 00:09:29 [เสียงดนตรี]
00:09:29 → 00:09:34 ถามว่าใครควรจะกินคีโตหรือใครไม่ควรจะกินคีโต
00:09:34 → 00:09:41 จริง ๆ แล้วนี่ มันก็เป็นลักษณะของความชอบ ในแง่ของการที่จะเลือกอาหารที่จะรับประทาน
00:09:41 → 00:09:43 บางคนก็บอกว่า แบบนี้ฉันชอบกิน
00:09:43 → 00:09:46 แต่บางคนก็บอก โอ้โฮ แบบนี้ไม่ไหวเลย ฉันกินไม่ได้อะไรอย่างนี้
00:09:46 → 00:09:48 เพราะฉะนั้น อันที่หนึ่ง เป็นความชอบก่อนเนอะ
00:09:48 → 00:09:50 ส่วนใหญ่คนที่จะเลือกกิน ก็มักจะเป็นคนที่อ้วน
00:09:50 → 00:09:52 แล้วก็สุขภาพค่อนข้างโอเค
00:09:53 → 00:09:56 ทีนี้ใครที่ควรจะต้องระมัดระวัง
00:09:56 → 00:09:58 ถ้าสมมุติว่าอยากจะกินคีโตดีกว่า
00:09:58 → 00:10:01 กลุ่มของคนที่จะไม่เหมาะ ในการที่จะเลือกกินคีโต
00:10:01 → 00:10:02 อันแรก เด็ก
00:10:02 → 00:10:06 กรณีของเด็กเองนี่ จริง ๆ ไม่ได้แนะนำให้กินคีโตนะคะ
00:10:06 → 00:10:09 เพราะว่าแร่ธาตุและสารอาหาร เหมือนที่บอกว่าไม่ครบถ้วน
00:10:09 → 00:10:14 อันที่ 2 คือคาร์โบไฮเดรตยังมีความจำเป็น ในเรื่องของการเจริญเติบโตของเด็ก
00:10:14 → 00:10:18 อันที่ 2 ก็คือกลุ่มของผู้หญิงตั้งท้อง อันนี้ไม่แนะนำแล้ว
00:10:18 → 00:10:20 แร่ธาตุไม่ครบ สารอาหารไม่ถูกต้อง
00:10:20 → 00:10:23 อันที่ 3 เป็นคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องโรคตับ
00:10:23 → 00:10:26 มีตับแข็ง มีโรคตับรุนแรง
00:10:26 → 00:10:29 เพราะฉะนั้น ถ้าสมมุติว่าตับไม่ดี
00:10:29 → 00:10:32 อันนี้นี่ไม่เหมาะเลยที่จะเลือกทำคีโต
00:10:32 → 00:10:36 ร่างกายเรานี่ เมื่อเราเลือกที่จะใช้ไขมันเป็นพลังงานหลัก
00:10:36 → 00:10:38 ไม่ใช้คาร์โบไฮเดรต
00:10:38 → 00:10:41 เราต้องถามว่า ไขมันที่จะเอามาใช้ได้นี่
00:10:41 → 00:10:43 มันจะต้องอาศัยอวัยวะอะไร
00:10:43 → 00:10:46 ตับค่ะ เป็นตัวที่จะเปลี่ยนไขมันให้เป็นคีโต
00:10:46 → 00:10:50 เพราะว่า มีไขมันจริง กินคาร์โบไฮเดรตน้อยจริง
00:10:50 → 00:10:53 แต่ประเด็นก็คือ ไขมันไม่สามารถจะเปลี่ยนเป็นพลังงานได้
00:10:53 → 00:10:54 เพราะว่าตับไม่ดี
00:10:55 → 00:10:56 อันนี้ไม่ทำ
00:10:56 → 00:11:00 อันที่ 4 ก็จะเป็นกลุ่มของคนไข้โรคไต โดยเฉพาะไตเสื่อมเรื้อรัง
00:11:00 → 00:11:03 เพราะกลุ่มนี้นี่ เราควรจะกินโปรตีนต่ำ
00:11:03 → 00:11:05 ทีนี้เวลาเราเลือกกินคีโตค่ะ
00:11:05 → 00:11:08 มันมีแนวโน้มที่จะกินโปรตีนสูงขึ้น
00:11:08 → 00:11:11 กินไขมันเยอะ แล้วก็คาร์โบไฮเดรตต่ำลง
00:11:11 → 00:11:15 ดังนั้น กลุ่มนี้อาจจะไม่เหมาะ ที่จะไปเลือกกินคีโต
00:11:15 → 00:11:18 ก็คือกลุ่มที่เป็นคนไข้ที่มีไตเสื่อมเรื้อรัง
00:11:18 → 00:11:24 กลุ่มที่ 5 ก็คือบอกแล้วว่า กินคีโตนี่ เราจะใช้พลังงานหลักจากพวกไขมัน
00:11:25 → 00:11:29 ถ้าคน ๆ นั้นมีปัญหาเรื่องของ การเผาผลาญไขมันที่ไม่ดี
00:11:29 → 00:11:30 ดูได้ยังไง
00:11:30 → 00:11:32 เอาง่าย ๆ เลย ถ้าเกิดเริ่มต้น คอเลสเตอรอลสูงมาก
00:11:32 → 00:11:34 ไตรกลีเซอไรด์สูงมาก
00:11:34 → 00:11:35 แสดงว่าในร่างกายเขานี่
00:11:35 → 00:11:38 จัดการกับไขมันได้ไม่ค่อยดี
00:11:38 → 00:11:41 แล้วการที่เราไปเติมอาหาร ที่มีไขมันสูง ๆ เข้าไป
00:11:41 → 00:11:46 อาจจะทำให้ผลเลือดผู้ที่เป็นคอเลสเตอรอล หรือว่าไตรกลีเซอไรด์นี่
00:11:46 → 00:11:48 มันสูงหนักเข้าไปอีกนะคะ
00:11:48 → 00:11:51 เพราะฉะนั้น กลุ่มนี้ถ้าจะใช้คีโต
00:11:51 → 00:11:53 ควรจะกินด้วยความระมัดระวัง
00:11:53 → 00:11:56 แล้วก็อันสุดท้ายค่ะ อาจจะไม่ได้เป็นข้อห้าม
00:11:56 → 00:11:58 ก็คือคนไข้ที่เป็นเบาหวาน
00:11:58 → 00:12:01 หลาย ๆ ทีเราก็บอกว่า เออ ถ้าเป็นเบาหวานก็ดีสิ
00:12:01 → 00:12:04 เพราะเวลาเรากินคาร์โบไฮเดรตต่ำ น้ำตาลก็น่าจะคุมได้ดี
00:12:04 → 00:12:07 แต่ถ้าคนไข้เป็นเบาหวาน แล้วใช้อินซูลิน
00:12:07 → 00:12:10 พอเราลดคาร์โบไฮเดรตลงทันทีเยอะ ๆ นะคะ
00:12:10 → 00:12:13 แล้วเราลดอินซูลินตามไม่ทัน
00:12:13 → 00:12:17 สิ่งที่จะตามมาก็คือ น้ำตาลตก หรือว่าช็อกน้ำตาล
00:12:17 → 00:12:19 อีกกลุ่มหนึ่งก็คือ เบาหวานที่กินยากิน
00:12:20 → 00:12:24 แต่ว่ายาออกฤทธิ์ โดยการที่ทำให้น้ำตาลออกไปทางปัสสาวะ
00:12:24 → 00:12:28 คนไข้มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเลือดเป็นกรด
00:12:28 → 00:12:30 ซึ่งมันเป็นอันตรายนะคะ
00:12:30 → 00:12:33 ดังนั้น ถ้าคนไข้เป็นเบาหวาน ฉีดอินซูลินอยู่
00:12:34 → 00:12:35 หรือกินยาบางชนิดอยู่
00:12:35 → 00:12:40 ปรึกษาคุณหมอที่ดูแลอยู่นะคะ ว่าสามารถที่จะกินคีโตได้หรือเปล่า
00:12:40 → 00:12:43 อันนี้ก็จะเป็นกลุ่มหลัก ๆ ที่เราจะแนะนำว่า
00:12:43 → 00:12:46 ควรจะพิจารณาเป็นพิเศษถ้าจะกินคีโต
00:12:46 → 00:12:49 หรือว่าไม่แนะนำให้กินคีโตนะคะ
00:12:49 → 00:12:55 [เสียงดนตรี]
00:12:55 → 00:12:58 สำหรับเทคนิคในการเลือกกินคีโตให้เหมาะสมนะคะ
00:12:58 → 00:13:02 ต้องบอกก่อนว่า คีโตนี่หลัก ๆ คือ เราลดคาร์โบไฮเดรตถูกไหมคะ
00:13:02 → 00:13:06 แล้วเราก็จะไปเพิ่ม ส่วนที่มันจะเป็นไขมันค่อนข้างเยอะ
00:13:06 → 00:13:11 ทีนี้เวลาเราลดคาร์โบไฮเดรตนี่ เรามักจะโฟกัสแค่พวกข้าว แป้ง น้ำตาล
00:13:11 → 00:13:16 หรือว่าผักที่เป็นผักหัว แล้วก็ผลไม้
00:13:16 → 00:13:21 อีกอันหนึ่งที่เราอาจจะต้องคิดถึง ก็คือ เครื่องปรุงที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน
00:13:21 → 00:13:25 ถ้าใครที่ทำ หรือว่าใครที่จะไปปรุงอาหารที่เป็นคีโตนี่
00:13:25 → 00:13:29 บางครั้งบางทีอาจจะต้องรู้ว่า ซีอิ๊ว น้ำปลาที่เราใช้นี่
00:13:29 → 00:13:32 บางยี่ห้อมีการเติมน้ำปลาลงไป
00:13:32 → 00:13:36 ถ้าเราใช้เกลือ อันนี้ไม่มีปัญหาเลย ในเกลือไม่มีใครผสมน้ำตาลแน่นอน
00:13:36 → 00:13:39 แต่ว่าในซีอิ๊ว น้ำปลา
00:13:39 → 00:13:41 หรือว่าซอสปรุงรส น้ำมันหอย
00:13:41 → 00:13:47 หรือว่าพวกของซอสมะเขือเทศ ซอสพริก ทุกอย่างเลยที่เป็นเครื่องปรุงทั้งหลาย
00:13:47 → 00:13:49 ส่วนใหญ่มีน้ำตาลอยู่ค่ะ
00:13:49 → 00:13:52 รู้ได้อย่างไร ไปดูข้างฉลากเลยค่ะ
00:13:52 → 00:13:54 ตรงที่เขียนว่าส่วนผสมหรือวัตถุดิบ
00:13:54 → 00:13:58 ถ้ามีน้ำตาลอยู่ ส่วนใหญ่กลุ่มที่จะเอามาทำอาหารคีโตนี่
00:13:58 → 00:14:00 จะใช้ด้วยความระมัดระวัง
00:14:00 → 00:14:02 ถ้าน้ำตาลค่อนข้างเยอะ หลาย ๆ เปอร์เซ็นต์
00:14:02 → 00:14:05 4-5% อย่างนี้ ไม่ใช้
00:14:05 → 00:14:09 แต่ถ้าสมมุติว่าน้ำตาลน้อย ๆ ใช้ได้ แต่ว่าใช้ในปริมาณที่น้อย ๆ
00:14:09 → 00:14:14 เหตุผลเพราะว่าเขาอยากจะให้คาร์โบไฮเดรต ที่มีโควตาแค่ 50 กรัมนี่
00:14:15 → 00:14:18 ไปอยู่ในอาหารที่มันมีคุณค่าทางอาหาร
00:14:18 → 00:14:20 หรือว่ามีแร่ธาตุที่ดี
00:14:20 → 00:14:25 มีคุณค่าทางอาหารมากกว่าที่เราจะมาเติม ในส่วนที่จะเป็นเรื่องของเครื่องปรุงนะคะ
00:14:25 → 00:14:28 เพราะฉะนั้นอาจจะต้องระมัดระวังตรงนี้ด้วย ในส่วนของคาร์โบไฮเดรต
00:14:28 → 00:14:30 อาหารกลุ่มถัดมาก็คือ ส่วนของโปรตีน
00:14:30 → 00:14:33 โปรตีนอาจจะดูเหมือน เอ๊ะ มันก็ไม่เห็นมีอะไรนี่นา
00:14:33 → 00:14:35 โปรตีนมีอยู่ 2 เรื่องที่จะคิด
00:14:36 → 00:14:39 อันแรกก็คือว่า โปรตีนนี่ก็คือเนื้อสัตว์ ไข่ นมเนอะ
00:14:39 → 00:14:42 มันจะมีส่วนที่จะมีเรื่องของไขมันอยู่
00:14:42 → 00:14:46 ทีนี้ไขมันที่อยู่ในโปรตีน โดยเฉพาะพวกเนื้อสัตว์นี่
00:14:46 → 00:14:48 มันมักจะเป็นไขมันอิ่มตัว
00:14:48 → 00:14:52 ซึ่งพวกนี้เวลาที่กินเข้าไปในปริมาณมากนี่
00:14:52 → 00:14:55 อาจจะไปเพิ่มความเสี่ยงในเรื่องของ โรคหัวใจและหลอดเลือด
00:14:55 → 00:14:57 คอเลสเตอรอลอาจจะสูงขึ้น
00:14:57 → 00:14:59 เพราะฉะนั้นอาจจะไม่ใช่อะไรที่เราชอบนัก
00:15:00 → 00:15:01 เราก็มักจะแนะนำว่า
00:15:01 → 00:15:04 โอเค ถ้าอย่างนั้นนี่ ไปกินเป็นพวกของปลาไหม
00:15:05 → 00:15:07 ซึ่งปลานี่ มีไขมันก็จริง
00:15:07 → 00:15:10 แต่ว่ามันจะเป็นไขมันที่ดีนะคะ เป็นน้ำมันปลา
00:15:10 → 00:15:13 ซึ่งอันนี้นี่ จะช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
00:15:13 → 00:15:14 ดังนั้นตรงนี้เราจะแนะนำว่า
00:15:14 → 00:15:18 โอเค ควรจะกินเนื้อสัตว์ ที่อาจจะไขมันต่ำหน่อย
00:15:18 → 00:15:21 หรือถ้าจะเลือกนี่ ก็เลือกเป็นอาหารทะเล
00:15:21 → 00:15:23 หรือว่าเป็นปลาที่มีไขมันสูง
00:15:23 → 00:15:26 อันนี้ก็น่าจะเหมาะ ในการที่จะเลือกมาทำเป็นเมนูคีโต
00:15:26 → 00:15:30 อีกอันหนึ่งที่อาจจะต้องดู ก็คือกลุ่มของไขมันนะคะ
00:15:30 → 00:15:32 ในส่วนของไขมันเองนี่
00:15:32 → 00:15:34 เอาง่าย ๆ เลย แบ่งเป็นไขมันอิ่มตัวก่อน
00:15:34 → 00:15:36 กับไขมันไม่อิ่มตัวนะคะ
00:15:36 → 00:15:40 ไขมันอิ่มตัวหรือว่าไขมันทรานส์ เป็นอะไรที่เราไม่ชอบ
00:15:40 → 00:15:42 ถ้าสมมุติไขมันอิ่มตัว มีอะไรบ้าง
00:15:42 → 00:15:44 ก็เป็นเนื้อสัตว์ติดมันถูกไหมคะ เป็นหนังสัตว์
00:15:44 → 00:15:48 น้ำมันก็จะเป็นน้ำมันพวกที่มันวางเอาไว้ แล้วเป็นไขเป็นก้อน
00:15:48 → 00:15:51 เป็นเนย เป็นมาการีนนะคะ
00:15:51 → 00:15:54 หรือว่าจะเป็นกลุ่มของน้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว
00:15:54 → 00:15:56 ทีนี้ในกลุ่มน้ำมันพวกนี้
00:15:56 → 00:16:00 มันจะทำให้ไขมันตัวเลวที่ชื่อ LDL สูงขึ้น
00:16:00 → 00:16:03 HDL สูงขึ้นด้วยนะคะ
00:16:03 → 00:16:06 แต่ปัจจุบันนี้ ข้อมูลของ HDL ในแง่ของการป้องกันโรคหัวใจ
00:16:06 → 00:16:08 มันไม่ได้ชัดเจนมาก
00:16:08 → 00:16:12 เพราะฉะนั้นถ้าเกิดอาหารที่กินเข้าไป แล้ว LDL หรือว่าไขมันเลวสูง
00:16:12 → 00:16:15 อันนี้มันจะไปเพิ่มความเสี่ยง เรื่องของโรคหัวใจ
00:16:15 → 00:16:17 ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ เราก็อยากจะเลี่ยงกลุ่มนี้
00:16:18 → 00:16:21 แต่ถ้าเกิดจะเลือก ในบรรดาน้ำมันทั้งหลายที่เขาจะใช้นี่
00:16:21 → 00:16:24 กลุ่มของน้ำมันอิ่มตัวที่เขายอมรับ
00:16:24 → 00:16:26 ก็จะเป็นกลุ่มที่จะเป็นน้ำมันมะพร้าวหรือกะทิ
00:16:26 → 00:16:30 จะอยู่ในเมนูอาหารที่เป็นคีโต ค่อนข้างเยอะนิดนึง
00:16:30 → 00:16:34 เหตุผลเพราะว่ากลุ่มนี้ มันทำ LDL ขึ้น แต่ขึ้นไม่เยอะมาก
00:16:34 → 00:16:36 ในขณะที่ HDL มันจะขึ้นค่อนข้างเยอะกว่า
00:16:37 → 00:16:42 กลุ่มสุดท้าย หลาย ๆ คนบอกว่า เอ๊ะ ทำไมกินคีโต ใส่โปรตีนเยอะ ๆ
00:16:42 → 00:16:43 แล้วบังเอิญไปตรวจ
00:16:43 → 00:16:47 มีบางคนเลย กินคีโตแล้วตรวจปัสสาวะตัวเอง
00:16:47 → 00:16:51 เพื่อจะดูว่า ตอนนี้เราอยู่ในภาวะที่มันมีคีโตนหรือยัง
00:16:51 → 00:16:53 บางทีพอเรากินโปรตีนเยอะ ๆ นี่
00:16:53 → 00:16:56 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราตรวจ แล้วตรวจไม่ได้คีโตน
00:16:56 → 00:17:00 เหตุผลง่ายมากเลย เพราะว่าเวลาที่เรากินโปรตีนเยอะ
00:17:01 → 00:17:05 ในบางครั้งโปรตีนจะมีการเปลี่ยน มาสร้างน้ำตาลได้
00:17:05 → 00:17:08 พอเขาสร้างน้ำตาลได้ปุ๊บ ร่างกายจะรู้สึกว่ามีน้ำตาล
00:17:08 → 00:17:09 เขาจะไม่สลายไขมัน
00:17:10 → 00:17:13 เพราะฉะนั้น บางทีเราอาจจะต้องลดปริมาณลง ถ้าเรากินเยอะเกินไป
00:17:13 → 00:17:17 ไม่งั้นร่างกายเรา จะไม่อยู่ในภาวะที่เป็น Ketosis
00:17:17 → 00:17:18 หรือว่าร่างกายเราจะไม่สลายไขมันค่ะ
00:17:19 → 00:17:22 แล้วแหล่งอาหารไขมันที่เหมาะสมมีอะไรได้อีก
00:17:22 → 00:17:24 ก็จะอยู่ในรูปของน้ำมัน
00:17:24 → 00:17:27 น้ำมันมีอะไร ก็เป็นน้ำมันที่มันไม่อิ่มตัวเนอะ
00:17:27 → 00:17:29 น้ำมันพืชทั้งหลายเลยค่ะ
00:17:29 → 00:17:33 คาโนลาก็ได้ น้ำมันมะกอกก็ได้ น้ำมันงาก็ได้นะคะ
00:17:33 → 00:17:36 น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง ได้หมดเลย
00:17:36 → 00:17:39 กลุ่มนี้ก็จะเป็นกลุ่มของไขมันที่ไม่อิ่มตัว
00:17:39 → 00:17:43 อันที่ 2 ที่จะเป็นแหล่งให้พลังงาน ที่จะเป็นเรื่องของน้ำมันด้วย
00:17:43 → 00:17:45 แล้วก็โปรตีนด้วย ก็คือพวกถั่วค่ะ
00:17:45 → 00:17:51 สังเกตว่าพวกถั่วนี่ ก็จะเป็นเมนูที่จะอยู่ ในกลุ่มเมนูของคีโตค่อนข้างเยอะเลย
00:17:51 → 00:17:54 ถั่วที่มีน้ำมันเยอะ ๆ สังเกตว่าจะเป็นถั่วที่มันนิ่ม ๆ
00:17:54 → 00:17:56 แมคคาเดเมียอย่างนี้ เห็นไหมคะ
00:17:56 → 00:17:57 กินแล้วมันจะนิ่ม ๆ
00:17:57 → 00:17:59 ถั่วลิสงก็พอได้นะคะ
00:17:59 → 00:18:02 อันนี้ก็จะเป็นกลุ่มของถั่วที่จะใช้ในคีโต
00:18:02 → 00:18:04 หรือว่าจะเป็นกลุ่มอัลมอนด์ เป็นต้น
00:18:04 → 00:18:09 อันถัดมาค่ะ ก็จะเป็นกลุ่มของ ผลิตภัณฑ์ที่เราเรียกว่าเป็น Dairy Product
00:18:09 → 00:18:11 หรือว่าผลิตภัณฑ์จากนม
00:18:11 → 00:18:14 เหมือนที่บอกไปตอนต้นค่ะ ในส่วนของนมเองนี่
00:18:14 → 00:18:16 ต่อให้เป็นนมไขมันเต็มส่วน
00:18:16 → 00:18:19 เราก็ยังไม่ชอบ แล้วเราก็ยังคิดว่า
00:18:19 → 00:18:22 อาจจะไม่ได้เป็นตัวที่เหมาะที่จะอยู่ในคีโต
00:18:23 → 00:18:25 ในนมมันจะยังมีน้ำตาลอยู่
00:18:25 → 00:18:27 ซึ่งมีค่อนข้างเยอะเลย เป็นน้ำตาลแลคโตส
00:18:27 → 00:18:31 ดังนั้นถ้าจะยอม ก็จะเป็นพวกชีสได้ค่ะ
00:18:31 → 00:18:33 เป็นครีมได้ค่ะ
00:18:33 → 00:18:36 ครีมในที่นี้ก็คือแบบเหมือนครีมที่ทำมาจากนม
00:18:36 → 00:18:37 แต่ถ้าเป็นครีมก็ต้องบอกก่อน
00:18:37 → 00:18:41 เหมือนเนยค่ะ ก็จะมีส่วนที่เป็นไขมันเยอะนิดนึง
00:18:41 → 00:18:43 แล้วก็เป็นไขมันอิ่มตัวนะคะ
00:18:43 → 00:18:47 แล้วก็ถ้าสมมุติว่าจะเป็นผักผลไม้ที่จะยอมได้
00:18:47 → 00:18:50 ก็จะเป็นพวกของเบอร์รีได้นะคะสำหรับผลไม้
00:18:50 → 00:18:53 แล้วก็ถ้าจะเป็นกลุ่มของผัก ก็จะเป็นกลุ่มอะโวคาโด
00:18:53 → 00:18:56 อันนี้ก็จะเป็นอีกอันหนึ่ง ที่จะเป็นแหล่งให้พลังงาน
00:18:56 → 00:18:59 ให้วิตามินอี แล้วก็มีไขมันที่ดี
00:18:59 → 00:19:02 มีแร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างเยอะ
00:19:02 → 00:19:06 แล้วก็เป็นเมนูที่จะถูกนำมาใช้ ในกลุ่มของคีโตค่อนข้างเยอะค่ะ
00:19:07 → 00:19:12 [เสียงดนตรี]
00:19:12 → 00:19:16 สำหรับเมนูของอาหารของคนทั้งไข้คีโตนะคะ
00:19:16 → 00:19:18 ถ้าเราจะเปรียบเทียบกับอาหารของคนปกติ
00:19:18 → 00:19:20 ยกตัวอย่างเช่น ตอนเช้านี่
00:19:20 → 00:19:22 เราอาจจะเป็น American Breakfast
00:19:22 → 00:19:25 มีอะไรบ้าง เราจะกินกาแฟใช่ไหมคะ
00:19:25 → 00:19:27 เราอาจจะมีไข่ดาว
00:19:27 → 00:19:29 เราอาจจะมีเรื่องของขนมปังเนอะ
00:19:29 → 00:19:33 อันนี้เขาก็อาจจะเปลี่ยนนิดนึง คือกินกาแฟได้
00:19:33 → 00:19:34 ได้เป็นกาแฟดำ
00:19:34 → 00:19:39 อันที่ 2 ถ้าจะใส่ แทนที่จะใส่เป็นนม เขาจะให้ใส่เป็นครีม
00:19:40 → 00:19:42 ถ้าไม่ใส่ครีม เขาจะให้ใส่กะทิ
00:19:42 → 00:19:46 ครีมในที่นี้คือแบบ…เป็นครีมสดค่ะ ครีมข้นนะคะ
00:19:46 → 00:19:47 อันนั้นได้
00:19:47 → 00:19:51 อันที่ 2 ถ้าจะเป็นไข่ดาว ไข่ดาวก็อาจจะไม่ได้ห้าม
00:19:51 → 00:19:53 หรือว่าอาจจะกินเป็นเบคอนได้
00:19:53 → 00:19:54 แต่จะต้องไม่มีขนมปัง
00:19:54 → 00:19:58 อันนี้คือเป็นเหมือนคล้าย ๆ มื้อเช้า ของกลุ่มของคนที่กินคีโต
00:19:58 → 00:19:59 อันที่ 2 มื้อกลางวัน
00:19:59 → 00:20:02 มื้อกลางวันนี่ พวกที่จะเป็นสเต๊กได้
00:20:02 → 00:20:06 ถ้าจะกินเป็นคากิ จะกินเป็นขาหมูได้ไหม
00:20:06 → 00:20:07 ได้ค่ะ
00:20:07 → 00:20:09 ถ้าจะกินเป็นพวกก๋วยเตี๋ยวหรืออะไรอย่างนี้
00:20:09 → 00:20:12 เส้นที่ใช้ เขาจะใช้เส้นบุกค่ะ
00:20:12 → 00:20:14 เพราะว่าพอมันเป็นเส้นบุกปั๊บนี่
00:20:14 → 00:20:17 มันก็จะไม่มีพลังงาน แล้วก็ไม่มีคาร์โบไฮเดรต
00:20:18 → 00:20:22 หรือไม่งั้น ก็จะใช้เป็นก๋วยเตี๋ยว ที่เป็นเกาเหลาหมูตุ๋นอย่างนี้ค่ะ
00:20:22 → 00:20:26 อันนี้ใช่เลยสำหรับในกรณีของ สูตรที่จะเป็นคีโต
00:20:26 → 00:20:28 อันถัดมาค่ะ จะเป็นพวกถ้าเป็นเครื่องดื่ม
00:20:29 → 00:20:30 สมมุติบอกว่าอยากจะกิน
00:20:31 → 00:20:34 ทีนี้ถ้าสมมุติว่า จะกินเป็นกาแฟหรือเป็นชาเย็นได้ไหม
00:20:34 → 00:20:35 ได้นะคะ
00:20:35 → 00:20:37 แต่ว่าต้องบอกนิดนึง
00:20:37 → 00:20:40 น้ำตาลที่ใช้จะไม่ใช่น้ำตาลปกติแล้ว
00:20:40 → 00:20:42 อาจจะต้องเป็นน้ำตาลเทียม
00:20:42 → 00:20:45 แล้วก็จะไม่ได้ใส่นม แต่ว่าจะใส่เป็นกะทิแทน
00:20:45 → 00:20:48 ถ้าอยากจะกินเป็นพวกของผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นนม
00:20:48 → 00:20:52 ก็อาจจะต้องเลือกไปเป็นนมอัลมอนด์แทน ในกรณีของกลุ่มคีโต
00:20:52 → 00:20:57 อันนี้คือคร่าว ๆ ในแง่ของเมนูจากอาหารปกติ เปลี่ยนไปเป็นอาหารคีโต
00:20:57 → 00:21:02 พวกของที่เป็นพวกแกงที่เป็นแกงกะทิ อันนี้ก็พอทำได้หมดเลย
00:21:02 → 00:21:05 อย่างบ้านเรา สมมุติ เราจะกินเป็นพะแนงได้ไหม ได้ค่ะ
00:21:06 → 00:21:08 เราจะกินเป็นแกงเขียวหวานได้ไหม ได้ค่ะ
00:21:08 → 00:21:11 เพราะว่าพวกนี้ก็จะเป็นเรื่องของกะทิ ค่อนข้างเยอะ
00:21:11 → 00:21:16 แล้วก็มีระวังนิดนึงก็คือพวกเครื่องปรุง ที่บอกไปแล้วตอนต้นนะคะ
00:21:16 → 00:21:20 ให้เลือกเครื่องปรุงที่อาจจะไม่ได้มี น้ำตาลปนเยอะนิดนึงนะคะ
00:21:20 → 00:21:25 [เสียงดนตรี]
00:21:26 → 00:21:28 ค่ะ ก็ฟังมาจนถึงตอนนี้นะคะ
00:21:28 → 00:21:31 ถ้าใครยังอยากจะกินคีโตอยู่ ไม่ได้ห้าม
00:21:31 → 00:21:34 การกินคีโตเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดน้ำหนัก
00:21:34 → 00:21:36 ลดได้เร็วนะคะ
00:21:36 → 00:21:38 อาจจะไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายในช่วงต้น
00:21:38 → 00:21:40 ไม่จำเป็นต้องนับแคลอรี
00:21:40 → 00:21:42 มีอาหารให้กิน
00:21:42 → 00:21:44 ที่สำคัญไม่ค่อยหิวด้วยนะคะ
00:21:44 → 00:21:48 อันนี้ก็เลยดูว่าเป็นข้อดี ในการที่จะลดน้ำหนักแบบคีโตนะคะ
00:21:48 → 00:21:52 ข้อเสียนิดเดียวก็คือว่า มันจะต้องการความยั่งยืนนิดนึง
00:21:52 → 00:21:56 เพราะฉะนั้นนี่ คีโตถ้าจะทำได้ ต้องทำให้สม่ำเสมอ
00:21:56 → 00:21:59 เมื่อไหร่ก็ตามที่หยุดกิน มีโอกาสที่จะรีบาวน์หรือว่าโยโย่ได้
00:21:59 → 00:22:03 สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคีโตก็คือ จะต้องเลือกอาหารให้ดีค่ะ
00:22:04 → 00:22:07 เพื่อจะให้ได้รับแร่ธาตุ และสารอาหารที่เหมาะสม
00:22:08 → 00:22:10 ถ้าสมมุติเราคิดว่าเราอยากจะกินคีโต เราชอบ
00:22:10 → 00:22:13 แต่ว่าเราไม่สามารถ ที่จะเลือกอาหารได้อย่างเหมาะสม
00:22:13 → 00:22:19 เราก็มีความจำเป็นที่จะต้องเติมแร่ธาตุ หรือสารอาหารบางอย่างที่มีโอกาสจะขาด
00:22:19 → 00:22:21 ในกรณีของการกินคีโตค่ะ
00:22:22 → 00:22:26 พบกับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้
00:22:26 → 00:22:28 ทุกวันจันทร์เวลา 18:00 น.
00:22:28 → 00:22:30 ที่ Mahidol Channel Podcast
00:22:30 → 00:22:33 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel
00:22:33 → 00:22:34 YouTube Mahidol Channel
00:22:35 → 00:22:36 Apple Podcasts
00:22:36 → 00:22:37 Spotify
00:22:37 → 00:22:38 Anchor
00:22:38 → 00:22:39 Joox
00:22:39 → 00:22:45 ดำเนินรายการโดยหมอเอ๋ ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร
00:22:45 → 00:22:48 [เสียงดนตรี]
00:22:48 → 00:22:52 Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้