00:00:11 → 00:00:13 สวัสดีครับท่านผู้ฟังทุกท่าน
00:00:13 → 00:00:17 พบกับรายการ Dr.Amp Podcast เรื่องเล่าสุขภาพดี
00:00:17 → 00:00:22 กับผม หมอแอมป์ นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ
00:00:22 → 00:00:25 อาทิตย์นี้เราจะมาคุยกันในหัวข้อที่ชื่อว่า
00:00:25 → 00:00:28 5 สุดยอดวิตามินบำรุงผิว
00:00:28 → 00:00:31 ที่ผมกับทีมงานเลือกสรรมา
00:00:31 → 00:00:34 หลายๆ ท่านที่ถามเข้ามาว่า
00:00:34 → 00:00:36 เอ๋ คุณหมอแอมป์ครับ คุณหมอแอมป์คะ
00:00:36 → 00:00:39 ทำอย่างไรดีถึงจะมีผิวพรรณที่สดใส
00:00:39 → 00:00:43 หลายคนอยากมีผิวพรรณที่สดชื่น อ่อนเยาว์กว่าวัย
00:00:43 → 00:00:46 ไม่ค่อยชอบเรื่องจุดด่างดำ หรือฝ้า หรือกระ
00:00:46 → 00:00:49 อาทิตย์นี้ก็เลยรวบรวมคำถามหลายอย่าง
00:00:49 → 00:00:53 แล้วก็มาเล่าให้ท่านผู้ฟังแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
00:00:53 → 00:00:56 อันนี้ก็ออกตัวไว้ก่อนว่าหมอก็เลือกมา
00:00:56 → 00:01:01 หลายท่านที่ฟังอาจมีความเห็นว่าตัวนู้นสิ ตัวนี้สิ อันนี้ไม่ผิด
00:01:01 → 00:01:06 แต่อันนี้เรียกว่า 5 สุดยอดที่หมอแอมป์คัดเลือกมาให้ก่อนละกัน
00:01:06 → 00:01:10 พูดชื่อเรื่องผิว เราก็ต้องมาคิดกันก่อนว่า
00:01:10 → 00:01:14 ปัจจัยอะไรคะที่ทำให้ผิวไม่ดี
00:01:14 → 00:01:17 ปัจจัยจากภายนอกแน่นอนครับ หลายๆ ท่านทราบ แสงแดด
00:01:17 → 00:01:21 โดยเฉพาะสาวๆ จะกลัวแสงแดดมากเป็นพิเศษ
00:01:21 → 00:01:22 บางคนก็ไม่กลัว
00:01:22 → 00:01:24 เดี๋ยวนี้หลายๆ คนก็ชอบไปวิ่งมาราธอน
00:01:24 → 00:01:27 ชอบไปเล่นกีฬากลางแจ้ง
00:01:27 → 00:01:29 ตอนนี้เราเลยมาเล่าให้ฟังว่า
00:01:29 → 00:01:34 ไม่ได้แปลว่าเราจะชอบผิวขาว ผิวสีนั้น สีนี้ หรือผิวคล้ำ
00:01:34 → 00:01:37 แต่เราจะมาคุยกับถึงเรื่องสุขภาพผิวด้วยว่า
00:01:37 → 00:01:40 คุณจะผิวสีอะไรก็ตาม แต่เรื่องของเม็ดสี
00:01:40 → 00:01:43 จุดสี จุดด่างดำ ฝ้า กระ
00:01:43 → 00:01:46 หรือแม้กระทั่งความผิดปกติบางอย่างที่เกิดบนผิว
00:01:46 → 00:01:50 ที่อาจจะอันตรายพัฒนาไปสู่การเป็นมะเร็งผิวหนัง
00:01:50 → 00:01:53 หรือว่าเนื้องอกที่ผิวหนังได้ในอนาคต
00:01:53 → 00:01:55 ในกรณีนี้เราก็จะมาเล่ากันด้วยว่า
00:01:55 → 00:01:59 จุดที่เกิดมาจากสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี เช่น
00:01:59 → 00:02:01 สารเคมีเอย ฝุ่นควันเอย
00:02:01 → 00:02:05 หรือแม้กระทั่งการทำลายจากแสงแดดโดยที่เราไม่ได้ป้องกัน
00:02:05 → 00:02:09 ผิวหนังเหล่านั้นก็อาจจะพัฒนาไปเป็นเซลล์ผิดปกติได้
00:02:09 → 00:02:13 ซึ่งในปัจจุบันเราเจอเรื่องโรคมะเร็งผิวหนังเยอะขึ้นเรื่อยๆ
00:02:13 → 00:02:17 การป้องกันแดด แล้วก็การป้องกันรังสียูวี
00:02:17 → 00:02:21 คือปัจจัยเริ่มต้นของการมีผิวที่ดี
00:02:21 → 00:02:23 เพราะฉะนั้นเวลาเราออกแดด หรือว่าแดดร้อนๆ
00:02:23 → 00:02:26 เราใส่เสื้อผ้าที่ปกป้องผิวหนังเราได้
00:02:26 → 00:02:29 เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ครีมกันแดด
00:02:29 → 00:02:33 เวลาเราขับรถหรือเวลาเราทำกิจกรรมกลางแจ้ง
00:02:33 → 00:02:35 เราก็ต้องปกป้องผิวหนังเราหน่อย
00:02:35 → 00:02:39 เขาจะได้มีคุณภาพเซลล์ผิวที่ดีไปนานๆ
00:02:39 → 00:02:42 มาพูดกันถึงเรื่องครีมกันแดดกันเล็กน้อย
00:02:42 → 00:02:45 ครีมกันแดดในปัจจุบัน เราจะใช้ยี่ห้ออะไรก็ตาม
00:02:45 → 00:02:48 มีหลักในการดูง่ายๆ
00:02:48 → 00:02:50 คือดูที่ค่า SPF
00:02:50 → 00:02:52 SPF คือค่า Sun Protection Factor
00:02:52 → 00:02:58 ก็คือค่าที่บอกว่าครีมกันแดดตัวนี้ ปกป้องรังสียูวี-บี (UV-B)
00:02:58 → 00:03:01 เพราะฉะนั้นค่าที่เขียนว่า SPF 15
00:03:01 → 00:03:05 จะป้องกันรังสียูวี-บี ได้ประมาณ 93.3%
00:03:05 → 00:03:11 ถ้าเขียน SPF 30 จะป้องกันรังสียูวี-บี ได้ประมาณ 96.7%
00:03:11 → 00:03:16 SPF 50 ป้องกันรังสียูวี-บี ได้ถึง 98%
00:03:16 → 00:03:19 แสดงว่าถ้าถามหมอ ถ้าเราดูค่า SPF เนี่ย
00:03:19 → 00:03:23 ประมาณเกิน 20-30 ขึ้นไปก็เป็นการใช้ได้แล้ว
00:03:23 → 00:03:26 ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปก็ห่างกันที่ละเปอร์เซ็นต์
00:03:26 → 00:03:28 ครึ่งเปอร์เซ็นต์แบบนั้นเป็นต้น
00:03:28 → 00:03:30 อีกหนึ่งตัว คือค่า PA
00:03:30 → 00:03:35 ค่า PA ก็คือป็นการบอกว่าเจ้าครีมกันแดดนั้น
00:03:35 → 00:03:38 ป้องกันรังสียูวี-เอได้เยอะหรือน้อย
00:03:38 → 00:03:40 จะไม่มีเบอร์ครับ
00:03:40 → 00:03:42 จะเป็น +, ++, +++
00:03:42 → 00:03:46 ก็เลือกอันที่มีบวกเยอะๆ นะครับก็จะกันยูวี-เอ ได้เยอะ
00:03:46 → 00:03:50 หรือในปัจจุบันก็จะมีค่า UPF
00:03:50 → 00:03:53 ก็คือ Ultraviolet Protection Factor
00:03:53 → 00:03:55 อันนี้ก็ใข้ในการประกอบดูได้
00:03:55 → 00:03:58 1. ใส่เสื้อผ้าป้องกันแสงแดด
00:03:58 → 00:04:00 2. ทาครีมกันแดด
00:04:00 → 00:04:03 3. เรื่องของการดื่มน้ำครับ
00:04:03 → 00:04:06 น้ำ นี่เป็นปัจจัยสำคัญของร่างกาย
00:04:06 → 00:04:09 มีประโยชน์มากต่อสุขภาพเซลล์ผิวนั่นเอง
00:04:09 → 00:04:11 เซลล์ผิวก็คือต้องการความชุ่มชื้น
00:04:11 → 00:04:14 เหมือนต้นไม้ ต้องรดน้ำ ต้องใส่ปุ๋ย
00:04:14 → 00:04:17 มีแร่ธาตุ มีวิตามินต่างๆ มาบำรุง
00:04:17 → 00:04:20 เขาก็จะเจริญเติบโตได้ดี
00:04:20 → 00:04:24 มีผิวหนังอยู่หลายชั้น หนังกำพร้า ชั้นใน ชั้นกลาง
00:04:24 → 00:04:26 ทั้งหมดก็ต้องมีการบำรุง
00:04:26 → 00:04:28 คิดภาพเหมือนการปลูกต้นไม้เลย
00:04:28 → 00:04:30 ดื่มน้ำเท่าไหร่ดี
00:04:30 → 00:04:34 หลายๆ ท่านเคยได้ยินว่า ดื่มน้ำ ต้องวันละประมาณ 8 แก้ว
00:04:34 → 00:04:35 คราวนี้เรามาดูกันว่า
00:04:35 → 00:04:39 8 แก้วเนี่ย บางคนพอ บางคนไม่พอ
00:04:39 → 00:04:41 เอาค่ามาตรฐานมาดูนิดนึงนะครับ
00:04:41 → 00:04:43 ว่าทั่วโลกเขาใช้เกณฑ์อะไรกันบ้าง
00:04:43 → 00:04:46 อย่างในอเมริกา เขาก็มีสมาคม
00:04:46 → 00:04:49 National Academies of Sciences, Engineering, and Medicine
00:04:49 → 00:04:52 ก็คือสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
00:04:52 → 00:04:57 เขาก็วิจัยว่า ผู้ชายควรจะดื่มน้ำวันละ 3.7 ลิตร
00:04:57 → 00:05:01 หรือเท่ากับประมาณ 15.5 แก้วต่อวัน
00:05:01 → 00:05:05 ผู้หญิงควรจะดื่มน้ำวันหนึ่งประมาณ 2.7 ลิตร
00:05:05 → 00:05:08 หรือเท่ากับ 11.5 แก้วต่อวัน
00:05:08 → 00:05:10 และเขาก็วิจัยไว้ว่า
00:05:10 → 00:05:13 เวลาเราดื่มน้ำประจำวัน บางทีจากอาหาร
00:05:13 → 00:05:15 บางทีจากน้ำดื่ม บางทีจากต้มซุป
00:05:15 → 00:05:18 20% ของน้ำแต่ละวันของเรามาจากอาหาร
00:05:18 → 00:05:21 แล้วก็อีก 80% มาจากเครื่องดื่ม
00:05:21 → 00:05:25 ทำไมผู้ชายถึงต้องการปริมาณน้ำต่อวันมากกว่าผู้หญิง
00:05:25 → 00:05:28 เกิดมาจากผู้ชายมี Fat-free mass เยอะ
00:05:28 → 00:05:31 ก็คือมีกล้ามเนื้อเยอะ ก็ต้องใช้น้ำเยอะ
00:05:31 → 00:05:34 แล้วผู้ชายก็มี Energy expenditure
00:05:34 → 00:05:37 หรือว่าการเผาผลาญพลังงานในแต่ละวันมากกว่าผู้หญิง
00:05:37 → 00:05:41 เนื่องด้วยเป็นผลจากเทสโทสเทอโรน หรือฮอร์โมนเพศชาย
00:05:41 → 00:05:43 แบบนั้นเป็นต้น
00:05:43 → 00:05:46 เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องน้ำก็เป็นเรื่องสำคัญ
00:05:46 → 00:05:48 หรือหลายๆ ท่านอยากจะได้เป๊ะๆ
00:05:48 → 00:05:49 บางคนน้ำหนักเยอะ
00:05:49 → 00:05:53 ก็มีสูตรคำนวณเรื่องของการรับประทานน้ำในแต่ละวัน
00:05:53 → 00:05:59 ก็คือเอาน้ำหนักคูณด้วย 2.2 คูณด้วย 30 แล้วเอาทั่้งหมดหาร 2
00:05:59 → 00:06:02 แล้วก็มาหารด้วย 1,000 อีกที
00:06:02 → 00:06:05 หน่วยออกมาเป็นลิตร เราก็รับประทานตามนั้นได้
00:06:05 → 00:06:08 ปัจจัยที่ส่งผลทำไมบางคนรับประทานน้ำเยอะ
00:06:08 → 00:06:10 บางคนรับประทานน้ำน้อย
00:06:10 → 00:06:13 อันที่ 1 เรื่องการออกกำลังกาย
00:06:13 → 00:06:16 ใครออกกำลังกายเยอะ เสียน้ำเยอะ เสียเกลือแร่เยอะ
00:06:16 → 00:06:18 ก็ต้องรับประทานน้ำเยอะ
00:06:18 → 00:06:20 คนบางคนทั้งวันไม่ออกกำลังกายเลย
00:06:20 → 00:06:24 นั่งอยู่ในห้องประชุมติดแอร์ ไม่มีเหงื่อออกสักหยด
00:06:24 → 00:06:25 แบบนี้อาจจะต้องการน้ำน้อย
00:06:25 → 00:06:29 แต่ก็ใช่ว่าดีต่อสุขภาพ เพราะว่าไม่ได้ขยับตัว
00:06:29 → 00:06:30 ไม่ได้เผาผลาญแคลอรี่
00:06:30 → 00:06:33 ก็ก่อให้เกิดโรคอ้วนสิครับ
00:06:33 → 00:06:37 ข้อที่ 2 ส่งผลต่อการรับประทานน้ำในแต่ละวัน คือสิ่งแวดล้อม
00:06:37 → 00:06:40 ถ้าเมืองร้อนเราก็ต้องรับประทานน้ำเยอะกว่าเดิม
00:06:40 → 00:06:43 ถ้าเมืองหนาวเราก็ทานนน้ำปกติ
00:06:43 → 00:06:47 ข้อที่ 3 สุขภาพในช่วงนั้นก็เกี่ยวข้อง
00:06:47 → 00:06:51 เวลาเราเป็นไข้ ไข้ขึ้นสูง ร่างกายต้องการน้ำมากกว่าปกติ
00:06:51 → 00:06:54 บางครั้งเราอาเจียน เราท้องเสีย
00:06:54 → 00:06:57 ก็ต้องรับประทานน้ำและเกลือแร่เติมเข้าไปด้วย
00:06:57 → 00:07:00 หรือบางคนเป็นนิ่ว เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
00:07:00 → 00:07:03 แบบนี้ถ้าทานน้ำน้อยปุ๊บ ยิ่งแสบ ยิ่งอักเสบ
00:07:03 → 00:07:06 เม็ดเลือดขาวยิ่งขึ้น ต้องรับประทานน้ำเยอะๆ
00:07:06 → 00:07:08 แล้วก็ปัจจัยที่ 4
00:07:08 → 00:07:09 คนท้องและหญิงให้นมบุตร
00:07:09 → 00:07:11 โดยเฉพาะหญิงให้นมบุตร
00:07:11 → 00:07:16 ให้นมลูกก็ต้องการน้ำเยอะกว่าเดิม เพื่อต้องไปผลิตน้ำนม
00:07:16 → 00:07:19 คนให้นมลูกต้องการน้ำประมาณ 13 แก้วต่อวัน
00:07:19 → 00:07:22 หรือวันละประมาณ 3.1 ลิตร
00:07:22 → 00:07:24 ถ้าคนท้องก็ประมาณ 10-11 แก้วต่อวัน
00:07:24 → 00:07:27 นี่ก็ใกล้เคียงเกณฑ์ปกติ
00:07:27 → 00:07:31 เวลาร่างกายเรา ผิวพรรณเราโดนทำลาย
00:07:31 → 00:07:37 ก็ต้องมีรากฐานเกิดขึ้นมาจากสารอนุมูลอิสระนี่แหละ
00:07:37 → 00:07:38 ตัวทำลายเลยครับ
00:07:38 → 00:07:41 ภาษาอังกฤษเรียก Free radicals
00:07:41 → 00:07:43 หรืออาจจะเรียกว่า ROS ก็ได้
00:07:43 → 00:07:47 ก็คือ Reactive Oxygen Species
00:07:47 → 00:07:48 หรือว่าเป็นตัวไม่ดีแหละครับ
00:07:48 → 00:07:52 เวลาเข้าไปตับทำลายตับ ไปอยู่ที่ไตทำลายไต
00:07:52 → 00:07:55 พอมาอยู่ตรงผิวก็จะทำลายเซลล์ผิว
00:07:55 → 00:07:59 ทำให้เกิดจุดหมองคล้ำ ทำให้เป็นเม็ดสีไม่ดี
00:07:59 → 00:08:02 มีความเหี่ยวย่นมากขึ้น ผิวไม่ตึง
00:08:02 → 00:08:04 ความชุ่มชื้นหายไป
00:08:04 → 00:08:07 ซึ่งสารอนุมูลอิสระมีอยู่รอบตัวเราไปหมด
00:08:07 → 00:08:11 ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นควัน PM 2.5
00:08:11 → 00:08:14 เคมีต่างๆ สเปรย์ การไปเจอแดด
00:08:14 → 00:08:16 เราออกไปข้างนอกทุกวันนี่แหละครับ
00:08:16 → 00:08:18 เราเจอเยอะแยะเต็มไปหมด
00:08:18 → 00:08:19 แล้วมากกว่านั้นอีก
00:08:19 → 00:08:22 สารอนุมูลอิสระสร้างได้ในร่างกายเรา
00:08:22 → 00:08:26 แสดงว่าเวลาเราเครียด เวลาเราสูบบุหรี่
00:08:26 → 00:08:28 เวลาเราดื่มเหล้าเยอะๆ
00:08:28 → 00:08:31 3-4 อย่างเหล่านี้ทำลายเซลล์ผิว
00:08:31 → 00:08:33 เพราะฉะนั้นใครไม่อยากหน้าแก่ ก็
00:08:33 → 00:08:35 1.งดสูบบุหรี่
00:08:35 → 00:08:39 2.งดดื่มสุรา หรืออาจจะต้องนานๆ ทีดื่ม
00:08:39 → 00:08:42 อย่าไปทานบ่อย ก็ยิ่งเหี่ยวไว
00:08:42 → 00:08:47 สิ่งต่างๆ เหล่านี้คือสิ่งสำคัญที่เราจะช่วยบำรุงเซลล์ผิวขึ้นมาไ้ด้
00:08:47 → 00:08:51 เราไปทำร้ายเขาเยอะๆ แล้วเราก็อยากจะหน้าเด็กด้วยก็คงยาก
00:08:51 → 00:08:56 การปลูกต้องไม้ เรารดน้ำอย่างดีให้ชุ่มชื้น
00:08:56 → 00:08:58 เราป้องกันเรื่องแสงแดดให้ปริมาณที่พอเหมาะ
00:08:58 → 00:09:00 คราวนี้เราจะใส่ปุ๋ยอะไรกันดี
00:09:00 → 00:09:03 ปุ๋ยอะไรนะ หรือวิตามินอะไรนะ
00:09:03 → 00:09:06 ที่เข้าไปแล้วจะมีส่วนช่วยบำรุงเซลล์ผิวพรรณ
00:09:06 → 00:09:08 หมอไม่ได้เรียงความสำคัญนะ
00:09:08 → 00:09:10 ใน 5 อันดับนี้สำคัญคนละแบบ
00:09:10 → 00:09:13 ลำดับที่ 1 คือ วิตามินซี
00:09:13 → 00:09:15 วิตามินซี ไปรู้จักเขากันหน่อย
00:09:15 → 00:09:18 มีบางอย่างที่ยังไม่ทราบไหม
00:09:18 → 00:09:21 หรือถ้าทราบหมดแล้วก็ฟังอีกรอบหนึ่ง เป็นการย้ำไป
00:09:21 → 00:09:25 วิตามินซี ภาษาอังกฤษเรียก Ascorbic acid
00:09:25 → 00:09:28 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ
00:09:28 → 00:09:30 เป็น Powerful Antioxidant
00:09:30 → 00:09:35 หรือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมากๆ ตัวหนึ่ง
00:09:35 → 00:09:39 วิตามินซีนี่เป็นสิ่งจำเป็นกับร่างกายมาก
00:09:39 → 00:09:42 ในการที่เอาไปสร้างคอลลาเจน
00:09:42 → 00:09:44 ทุกคนรู้จักคอลลาเจนเนอะ
00:09:44 → 00:09:47 คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกายเราครับ
00:09:47 → 00:09:50 คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของเซลล์เนื้อเยื่อ
00:09:50 → 00:09:52 เซลล์ผิวพรรณ ผนังหลอดเลือด
00:09:52 → 00:09:54 กระดูกข้อเข่านี่ก็คอลลาเจน
00:09:54 → 00:09:56 ฟันเรานี่ก็คอลลาเจนนะครับ
00:09:56 → 00:10:01 เพราะฉะนั้นแล้ว วิตามินซีก็เลยมีประโยชน์มากๆ เลย
00:10:01 → 00:10:03 ในหลายส่วนของร่างกาย
00:10:03 → 00:10:06 เจ้าวิตามินซีก็เลยมีการวิจัยเยอะ
00:10:06 → 00:10:10 ช่วยต่อสู้กับริ้วรอยบนผิวหนัง แล้วก็บำรุงผิวหนังเรานั่นเอง
00:10:10 → 00:10:14 เวลาที่เราขาดวิตามินซี เราจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อ
00:10:14 → 00:10:17 ปวดเส้นเอ็น ปวดเส้น
00:10:17 → 00:10:19 เพราะฉะนั้นวิตามินซีก็มีส่วนกับเรื่อง
00:10:19 → 00:10:21 การบำรุงกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
00:10:21 → 00:10:24 ถ้าวิตามินซีขาดปุ๊บก็เลือดออกตามไรฟัน
00:10:24 → 00:10:27 อันนี้เราเคยเรียนเนอะ ตอนเราเด็กๆ
00:10:27 → 00:10:30 ถ้าวิตามินซีไม่มี แผลหายช้า
00:10:30 → 00:10:36 วิตามินซีมีส่วนช่วยในการบำรุงการรักษา
00:10:36 → 00:10:38 หรือการหายตัวของแผลในร่างกายเรา
00:10:38 → 00:10:43 อีก 1 อันที่วิตามินซีมีประโยชน์มากโดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน
00:10:43 → 00:10:47 ที่เชื้อไวรัส อันตราย แล้วก็โจมตีมนุษย์
00:10:47 → 00:10:49 เพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายครับ
00:10:49 → 00:10:53 เพราะว่าวิตามินซีมีการวิจัยว่ามีส่วนช่วยสำคัญ
00:10:53 → 00:10:56 ในการเสริมสร้างภูมิต้านทาน NK Cell
00:10:56 → 00:11:00 หรือ Natural Killer Cell หรือเซลล์เพชรฆาตนั่นเอง
00:11:00 → 00:11:02 ให้ทำได้มีประสิทธิภาพขึ้น
00:11:02 → 00:11:04 ต่อสู้กับเชื้อโรค เชื้อไวรัส
00:11:04 → 00:11:08 นี่คือประสิทธิภาพหลายอย่างของวิตามินซี
00:11:08 → 00:11:13 แต่ในบทนี้ครับ ตอนนี้เรามาคุยกันเรื่องวิตามินซีกับผิวพรรณ
00:11:13 → 00:11:18 เราก็มาดูสิ มีข้อมูลอะไรที่เกี่ยวพัน สนับสนุนกับเรื่องนี้บ้าง
00:11:18 → 00:11:23 มีการวิจัยไว้ครับ ในวารสารทางการแพทย์ Nutrients
00:11:23 → 00:11:25 ในปี 2007
00:11:25 → 00:11:27 วิจัยว่า ในเซลล์ผิวหนังคนเรา
00:11:27 → 00:11:30 ที่เขาเรียกว่า Epidermal skin layers
00:11:30 → 00:11:32 หรือที่เรียกว่า Epidermis
00:11:32 → 00:11:34 หรือว่า Dermis
00:11:34 → 00:11:36 D-E-R-M-I-S
00:11:36 → 00:11:39 E-P-I-D-E-R-M-I-S
00:11:39 → 00:11:44 Epidermis กับ Dermis ก็แปลว่า ชั้นผิวหนังชั้นต่างๆ
00:11:44 → 00:11:49 การวิจัยก็บอกไว้ว่า ในเซลล์ผิวหนัง 100 กรัม หรือ 1 ขีด
00:11:49 → 00:11:53 จะพบวิตามินซีอยู่ในนั้นสูงถึง 64 มิลลิกรัม
00:11:53 → 00:11:54 โอ้โห มากเลยนะครับ
00:11:54 → 00:11:58 แสดงว่าในเซลล์ผิวหนัง วิตามินซีเป็นองค์ประกอบที่
00:11:58 → 00:12:02 มีประสิทธิภาพ และเป็นองค์ประกอบหลักที่อยู่ในนั้นด้วย
00:12:02 → 00:12:06 วิตามินซีมีส่วนสำคัญในการบำรุงผิวพรรณ บำรุงสุขภาพ
00:12:06 → 00:12:10 ทำให้ผิวชุ่มชื้น ทำให้ผิวกระจ่างใส
00:12:10 → 00:12:15 ป้องกันเม็ดสีที่จะเข้มขึ้น ให้กระจ่างขึ้นกว่าเดิม
00:12:15 → 00:12:20 ก็คือเซลล์ผิวจะได้มีออร่า นั่นก็คือสิ่งที่หลายๆ คน พอจะเข้าใจ
00:12:20 → 00:12:25 มีการวิจัยไว้ใน Clinical, Cosmetic and Investigational Dermatology
00:12:25 → 00:12:27 ในปี 2015
00:12:27 → 00:12:29 ก็คือการวิจัยระดับนานาชาติเรื่องผิวหนัง
00:12:29 → 00:12:32 วิจัยไว้ในผู้ชาย 47 คน
00:12:32 → 00:12:38 เป็นเวลา 6 เดือนที่ให้รับประทาน วิตามินซี 54 มิลลิกรัม
00:12:38 → 00:12:40 ผสมกับ BioMarine complex
00:12:40 → 00:12:43 ผสมกับ Zinc หรือสังกะสี
00:12:43 → 00:12:46 ผสมกับ Grape Seed Extract สารสกัดเมล็ดองุ่น
00:12:46 → 00:12:50 รับประทานสูตรนี้แหละครับ เป็นเวลา 6 เดือน
00:12:50 → 00:12:52 มีผลอย่างมาก อย่าง Significant
00:12:52 → 00:12:56 ภาษาการวิจัย แปลว่า อย่างมีนัยสำคัญ
00:12:56 → 00:13:00 ก็คือมีผลอย่างมากในการบำรุงและฟื้นฟูสุขภาพผิว
00:13:00 → 00:13:04 อีก 1 งานวิจัย ใน The Journal of Aesthetic Dermatology
00:13:04 → 00:13:06 ในปี 2016
00:13:06 → 00:13:10 วิจัยในผู้หญิง 152 คน
00:13:10 → 00:13:14 ให้รับประทานวิตามินซี 54 มิลลิกรัม บวก สังกะสี
00:13:14 → 00:13:20 บวก Marine complex ก็คือสารประกอบของสัตว์ทะเลน้ำลึก
00:13:20 → 00:13:21 เป็นเวลา 4 เดือน
00:13:21 → 00:13:25 มีประสิทธิภาพ และมีนัยสำคัญทางสถิติ ว่า
00:13:25 → 00:13:29 บำรุง ฟื้นฟูสุขภาพผิวได้อย่างมากๆ เลย
00:13:29 → 00:13:34 มีอีกครับ ถ้าเราทาครีมกันแดดด้วย ทานวิตามินซีด้วย
00:13:34 → 00:13:39 ก็จะช่วยปกป้องสุขภาพผิวจากแสงแดดที่แรงๆ ได้ดีขึ้นกว่าเดิม
00:13:39 → 00:13:43 โดยจะไปทำการลดจำนวนเซลล์ที่เสียหายลง
00:13:43 → 00:13:47 หรือเพิ่มอัตรากระบวนการซ่อมแซมเซลล์ในร่างกาย
00:13:47 → 00:13:48 หรือ Regenereative
00:13:48 → 00:13:52 นั่นคืออีกตัวหนึ่งที่วิตามินซีมีประโยชน์
00:13:52 → 00:13:53 คราวนี้ครับเรามาดูกันว่า
00:13:53 → 00:13:58 มนุษย์ 1 คนต้องการวิตามินซีในแต่ละวันเท่าไหร่
00:13:58 → 00:14:02 คำตอบคร่าวๆ ก็จะมีหลายสมาคมครับที่เขาวิจัยออกมา
00:14:02 → 00:14:06 หมอก็เลยหารเฉลี่ย ดูมาหลายๆ สมาคมว่า
00:14:06 → 00:14:09 1 วันคนเราควรจะรับประทานวิตามินซี
00:14:09 → 00:14:13 วันละประมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวันก็น่าจะพอเพียง
00:14:13 → 00:14:16 ฟังตอนนี้เสร็จปุ๊บ อยากผิวดี อยากผิวกระจ่าง
00:14:16 → 00:14:20 ซื้อวิตามินซีมา ไปซื้อผลไม้มากินใหญ่เลย
00:14:20 → 00:14:22 โดยไม่รู้ว่าจะพอหรือยัง
00:14:22 → 00:14:24 กินเข้าไปอีกไม่รู้จะเกินหรือยัง
00:14:24 → 00:14:25 เพราะฉะนั้นเหมือนที่หมอบอกครับ
00:14:25 → 00:14:28 ของทุกอย่างมากเกินไปก็เป็นพิษ
00:14:28 → 00:14:31 น้อยเกินไปก็ไม่ได้ผล
00:14:31 → 00:14:35 หลักทางสายกลาง ใช้ไ้ด้เสมอในทุกๆ เรื่อง
00:14:35 → 00:14:37 เรามาเข้าใจกันก่อนครับว่า
00:14:37 → 00:14:42 ในปัจจุบัน วิทยาศาสตร์การแพทย์เจริญก้าวหน้าไปมาก
00:14:42 → 00:14:45 ทำให้สามารถคิดเครื่องมือ แลปในการตรวจ
00:14:45 → 00:14:48 วัดระดับวิตามินซีในเลือดเราได้เรียบร้อย
00:14:48 → 00:14:50 เราก็ไปดูเกณฑ์นะครับ
00:14:50 → 00:14:54 เกณฑ์มาตรฐานของปริมาณวิตามินซีในเลือดเรา
00:14:54 → 00:15:01 อยู่ที่ 19.25-130.25 ไมโครโมลต่อลิตร
00:15:01 → 00:15:07 ก็คือน้อยสุดห้ามต่ำกว่า 19 เกินไปก็ต้องห้ามเยอะเกิน 130
00:15:07 → 00:15:10 ระดับที่พอเหมาะของวิตามินซีในเลือด ถ้าเจาะจากเลือด
00:15:10 → 00:15:13 เวลาเราปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่า
00:15:13 → 00:15:17 คุณหมอครับ ก่อนที่เราจะไปซื้อกินเอง กินเข้าไปเยอะเกิน
00:15:17 → 00:15:21 หรือเราอาจจะคิดว่าเรากินพอแล้ว แต่ในเลือดเรามีน้อย
00:15:21 → 00:15:28 เราควรจะวัดดูก่อนครับว่า ในเลือดเราวิตามินซีขาดหรือเกิน
00:15:28 → 00:15:33 ระดับที่พอเหมาะควรจะอยู่ที่ 50 ไมโครโมลต่อลิตร
00:15:33 → 00:15:36 ก็คือประมาณ 50 ขึ้นไปนิดๆ แต่อย่าเกิน 130
00:15:36 → 00:15:40 นั่นคือระดับของวิตามินซีในเลือดที่ร่างกายต้องการ
00:15:40 → 00:15:43 คราวนี้พอเรารู้ระดับ ถ้าเราเยอะอยู่แล้ว
00:15:43 → 00:15:47 แสดงว่าอาหารการกินที่เรารับประทานอยู่แล้วพอเพียง
00:15:47 → 00:15:49 เราก็ไม่ต้องไปเสียสตางค์ในการซื้อวิตามินซี
00:15:49 → 00:15:54 มาบำรุงเข้าไปในร่างกายให้ Overdose หรือมากเกินไป
00:15:54 → 00:15:57 หรือบางคนคิดว่าตัวเองรับประทานผักผลไม้เยอะแล้ว
00:15:57 → 00:16:00 คิดว่าวิตามินซีน่าจะพอ
00:16:00 → 00:16:01 แต่พอเจาะมาเสร็จ
00:16:01 → 00:16:04 ผลเลือดวิตามินซีอาจจะน้อยกว่าเกณฑ์ไปเยอะ
00:16:04 → 00:16:08 เนื่องด้วยในร่างกายเขาอาจจะต้องการใช้มากกว่าปกติ
00:16:08 → 00:16:12 หรือต้องการใช้ในบริเวณอื่นๆ ก็เลยเหลือน้อย
00:16:12 → 00:16:16 คราวนี้ก็ควรวัดดูก่อน ว่าขาดหรือเกินนะครับ
00:16:16 → 00:16:17 นี่คือสิ่งสำคัญครับว่า
00:16:17 → 00:16:22 ระดับวิตามินซี และวิตามินต่างๆ หรือเกลือแร่ต่างๆ ในเลือด
00:16:22 → 00:16:25 ไม่มีหรอกครับว่าวิตามินยี่ห้อใดดีที่สุด
00:16:25 → 00:16:27 ปริมาณเท่าไหร่ โดสเท่าไหร่
00:16:27 → 00:16:31 ถามผมเข้ามาเยอะเนี่ย ผมก็ตอบไม่ได้นะครับ
00:16:31 → 00:16:33 เพราะร่างกายมนุษย์เราเนี่ยต่างกันมาก
00:16:33 → 00:16:37 บางคนใช้ชีวิตแบบนึง บางคนนอนแบบนึง
00:16:37 → 00:16:41 ฝาแฝดร่างกายคล้ายกันการใช้ชีวิตก็ยังต่างกัน
00:16:41 → 00:16:44 ก็เลยเป็นการยากที่เราจะประเมินว่า
00:16:44 → 00:16:48 คนไหนต้องการวิตามินเยอะ คนไหนต้องการวิตามินน้อย
00:16:48 → 00:16:50 คราวนี้เรามาคุยกันในกรณีที่มีน้อย
00:16:50 → 00:16:53 วิตามินซีในเลือดเราไม่พอ
00:16:53 → 00:16:55 เราจะไปเติมวิตามินซีที่ไหนได้ดี
00:16:55 → 00:16:57 เอาอาหารมาดูก่อน
00:16:57 → 00:17:00 อาหารที่มีวิตามินซีเยอะ บำรุงผิว ก็มี
00:17:00 → 00:17:05 ส้ม มะนาว ฝรั่ง มะขามป้อมนี่ก็เยอะ
00:17:05 → 00:17:06 สตรอว์เบอร์รี่นี่ก็มาก
00:17:06 → 00:17:09 อันนี้คือกลุ่มวิตามินซีจากผลไม้
00:17:09 → 00:17:13 จากพืชผักครับ ในผักที่มีวิตามินซีเยอะๆ ก็จะเป็น
00:17:13 → 00:17:17 บร็อคโคลี่ ผักโขม ผักคะน้า
00:17:17 → 00:17:20 ผักปวยเล้งนี่ก็เยอะ ใบมะรุมนี่ก็มาก
00:17:20 → 00:17:24 เพราะฉะนั้นแล้ว การรับประทานวิตามิน ควรจะรู้จักตัวเอง
00:17:24 → 00:17:26 รับประทานแต่พอเหมาะ
00:17:26 → 00:17:30 ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อดูว่าเยอะเกินไปหรือเปล่า
00:17:30 → 00:17:32 วิตามินซีมีประโยชน์อีกเรื่องหนึ่งนะครับ
00:17:32 → 00:17:35 ช่วยดูดซึมธาตุเหล็กจากพืชได้ด้วย
00:17:35 → 00:17:37 อีกหนึ่งเรื่องครับที่หมอเติมให้หน่อย
00:17:37 → 00:17:41 ปัจจุบันมนุษย์เราเก่งฉกาจขึ้นไปอีกขึ้นหนึ่งว่า
00:17:41 → 00:17:45 เราสามารถตรวจรหัสพันธุกรรมเราได้เลยนะครับว่า
00:17:45 → 00:17:48 มนุษย์คนนี้มีรหัสพันธุกรรมที่
00:17:48 → 00:17:53 ต้องการวิตามินซีมากกว่าปกติ หรือเกณฑ์ปกติ
00:17:53 → 00:17:55 หรือต้องการน้อยกว่าปกติ
00:17:55 → 00:18:01 รหัสพันธุกรรมที่ขื่อว่า SLC23A1
00:18:01 → 00:18:05 ถ้ามีการกลายพันธุ์ หรือ Genetic Mutation
00:18:05 → 00:18:10 คนไข้ก็จะต้องการวิตามินซีมากกว่าคนปกติแบบนี้เป็นต้น
00:18:10 → 00:18:14 ถ้าใครรู้รหัสพันธุกรรมตัวเองก็เอามาใช้งานได้อีกด้วย
00:18:14 → 00:18:15 จบตัวที่หนึ่ง
00:18:15 → 00:18:18 ความรู้บางอย่างหมอเอามาย่อยใ้ห้ทุกคนฟัง
00:18:18 → 00:18:24 บางอย่างท่านผู้ฟังทางบ้านมีความรู้ในส่วนที่หมอไม่ได้พูดไป
00:18:24 → 00:18:26 เราก็มาแลกกันในคอมเมนท์ได้
00:18:26 → 00:18:32 คนอื่นที่เข้ามาฟัง เข้ามาชม ก็จะได้ไปดูแล้วแลกเปลี่ยนกัน
00:18:32 → 00:18:35 สร้างสังคมความรู้สุขภาพดีไปด้วยกัน
00:18:35 → 00:18:37 เราไปต่อครับ
00:18:37 → 00:18:41 ตัวที่ 2 ครับที่หมอแอมป์เลือกเข้ามา วิตามินอีแล้วกัน
00:18:41 → 00:18:44 วิตามินอี หรือภาษาอังกฤษเรียก โทโคฟีรอล
00:18:44 → 00:18:49 T-O-C-O-P-H-E-R-O-L
00:18:49 → 00:18:51 เป็นเพื่อนสนิทเลยครับของวิตามินซี
00:18:51 → 00:18:56 ทำหน้าที่เป็น Powerful Antioxidant
00:18:56 → 00:18:59 คือสารต้านอนุมูลอิสระพลังสูง
00:18:59 → 00:19:00 ทั้งคู่เลยนะครับ
00:19:00 → 00:19:02 ช่วยปกป้องและบำรุงสุขภาพเซลล์ผิวหนัง
00:19:02 → 00:19:06 ในการต่อสู้กับแสงแดดได้ดีมาก วิตามินอีเนี่ย
00:19:06 → 00:19:11 เวลาเจอแสงแดดปุ๊บ เขาก็จะดูดซึมเข้าไปให้เข้าผิวหนังเราน้อย
00:19:11 → 00:19:14 นี่คือตัวสำคัญที่เป็นประสิทธิภาพของวิตามินอี
00:19:14 → 00:19:19 ปกติร่างกายของคนเราจะผลิตวิตามินอีผ่านต่อมไขมันนะครับ
00:19:19 → 00:19:21 เจ้าวิตามินอีนี่แหละครับละลายในไขมัน
00:19:21 → 00:19:24 เขามีแขนง แบ่งออกเป็น 7 ชนิด
00:19:24 → 00:19:28 มี Alpha-Tocopherol, Gamma-Tocopherol
00:19:28 → 00:19:32 Delta, Epsilon, Ota, Zeta, Bera
00:19:32 → 00:19:34 แบ่งเป็นหลายชนิด
00:19:34 → 00:19:38 ชนิดที่แพร่หลายและได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือ
00:19:38 → 00:19:42 แอลฟา แอลฟา-โทโคฟีรอล และ แกมมา แกมมา-โทโคฟีรอล
00:19:42 → 00:19:46 วิตามินอี ช่วยปกป้องเซลล์ต่างๆ จากสารอนุมูลอิสระ
00:19:46 → 00:19:50 เพราะฉะนั้นแล้วพวกสารอนุมูลอิสระต่างๆ มันจะมาทำลายผิว
00:19:50 → 00:19:54 เข้ามาจากฝุ่นควัน จากบุหรี่ จากความเครียดเรา
00:19:54 → 00:19:59 เจ้าวิตามินอีก็เพิ่มประสิทธิภาพในการต่อต้านสารเหล่านี้
00:19:59 → 00:20:03 ผิวพรรณก็กลับมาแข็งแรง ชะลอวัยมากกว่าเดิม
00:20:03 → 00:20:08 เพราะฉะนั้น สารต้านอนุมูลอิสระก็จะทำหน้าที่เหมือนตำรวจ
00:20:08 → 00:20:10 ในการปกป้อง ไม่ใช่แค่ผิวนะครับ
00:20:10 → 00:20:13 ไปจนถึงระบบไหลเวียนเลือดด้วย
00:20:13 → 00:20:16 เพิ่มประสิทธิภาพร่างกายในการต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้ด้วย
00:20:16 → 00:20:22 วิตามินอีก็คือเหมือนกับน้ำมันหรืออาหารที่เซลล์ร่างกายรับไป
00:20:22 → 00:20:26 ไปต่อสู้กับเซลล์ผู้ร้าย ไปต่อสู้กับสิ่งที่เข้ามาทำลาย
00:20:26 → 00:20:30 แกมมา-โทโคฟีรอล เป็นวิตามินอี อีกแขนงหนึ่ง
00:20:30 → 00:20:35 มีบทบาทสำคัญในการต่อต้านอนุมูลอิสระอีกแล้ว
00:20:35 → 00:20:38 และลดการ Oxidation ของ LDL ได้ด้วย
00:20:38 → 00:20:41 ก็คือมีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกาย
00:20:41 → 00:20:44 ลดไขมันไม่ดี หรือ LDL
00:20:44 → 00:20:47 บำรุงสุขภาพหัวใจ บำรุงสุขภาพหลอดเลือด
00:20:47 → 00:20:53 มีฤทธิ์ในการ Anticancer ก็คือต่อสู้กับเซลล์เนื้องอก
00:20:53 → 00:20:56 ต่อสู้กับเซลล์ที่กำลังจะกลายพันธุ์ไปเป็นเซลล์มะเร็ง
00:20:56 → 00:20:59 วิตามินอีก็เป็น 1 ในทหารที่เข้ามาช่วย
00:20:59 → 00:21:04 ช่วยลดสารก่อมะเร็งอย่างไนโตรซามีน (Nitrosamines)
00:21:04 → 00:21:05 ก็มาต่อสู้นี่แหละครับ
00:21:05 → 00:21:11 ชะลอรอยเหี่ยวย่นได้ด้วย ชะลอรอยดำ ตีนกา ได้ดี
00:21:11 → 00:21:15 วิตามินอีมีส่วนสำคัญในการบำรุงผิว เพิ่มความชุ่มชื้น
00:21:15 → 00:21:19 ทำให้ผิวเราไม่แห้ง ทำให้ผิวเราเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล
00:21:19 → 00:21:23 การขาดวิตามินอี มีปัญหากับร่างกาย
00:21:23 → 00:21:27 วิตามินอีเวลาเรารับประทานเข้าไปน้อยกว่าปกติ
00:21:27 → 00:21:31 ก็ทำให้ภูมิต้านทานตกลง ภูมิต้านทานไม่ดี
00:21:31 → 00:21:35 เพราะว่าวิตามินอีมีส่วนช่วยในการเพิ่มภูมิต้านทานด้วย
00:21:35 → 00:21:39 ถ้าวิตามินอีน้อยครับ กล้ามเนื้ออ่อนแรง พละกำลังตกลง
00:21:39 → 00:21:42 ข้อที่ 3 ครับ ถ้าวิตามินอีน้อย
00:21:42 → 00:21:45 จอประสาทตาก็จะเสื่อม เพราะวิตามินอีมีส่วนช่วย
00:21:45 → 00:21:48 ในการบำรุงประสาทตา แล้วก็ลูกตาเรามาก
00:21:48 → 00:21:52 แอลกอฮอล์มีผลในการลดการดูดซึมวิตามินอี
00:21:52 → 00:21:57 ไม่ควรนะครับ รับประทานแอลกอฮอล์พร้อมวิตามินอีนี่ก็ไม่ได้
00:21:57 → 00:22:00 คราวนี้ครับ หลายท่านก็จะถามหมอว่า
00:22:00 → 00:22:02 ทานวิตามินอีกี่มิลลิกรัมดีคะ
00:22:02 → 00:22:05 กลับไปที่คำตอบข้อที่ 1 นะครับ
00:22:05 → 00:22:07 เราต้องมาดูก่อนสิครับว่า
00:22:07 → 00:22:11 วิตามินอีนี่ถ้าเยอะเกินก็มีปัญหาต่อสุขภาพ
00:22:11 → 00:22:14 น้อยเกินไปก็มีปัญหาต่อสุขภาพ
00:22:14 → 00:22:15 ระดับที่เหมาะสมครับ
00:22:15 → 00:22:18 ปัจจุบันเราก็สามารถเจาะเลือดได้
00:22:18 → 00:22:21 มีการวิจัยไว้ในต่างประเทศมากมายว่า
00:22:21 → 00:22:26 ระดับวิตามินอีในเลือดมนุษย์ ถ้าเจาะเลือดมาแล้วจะแบ่งออกเป็น
00:22:26 → 00:22:29 2 หัวข้อ ก็คือแขนงแหละครับ
00:22:29 → 00:22:33 1 ระดับแกมมา-โทโคฟีรอลในเลือดมนุษย์
00:22:33 → 00:22:39 ควรจะอยู่ในระดับประมาณ 0.5-6.2 ไมโครโมลต่อลิตร
00:22:39 → 00:22:43 ก็คือน้อยสุด 0.5 เยอะสุด 6.2
00:22:43 → 00:22:47 ระดับที่เหมาะสมก็คือ 3.5 ไมโครโมลต่อลิตร
00:22:47 → 00:22:49 นี่คือแกมมา-โทโคฟีรอล
00:22:49 → 00:22:53 2 ครับ ระดับ แอลฟา-โทโคฟีรอล ตัวนี้บำรุงผิวได้ดี
00:22:53 → 00:22:56 น้อยที่สุดที่เจาะในเลือด
00:22:56 → 00:23:04 ควรจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 17.61-71.36 ไมโครโมลต่อลิตร
00:23:04 → 00:23:07 ค่ามาตรฐานครับ ถ้าอยากให้ผิวชุ่มชื้น
00:23:07 → 00:23:11 ควรจะมีแอลฟา-โทโคฟีรอลมากกว่า 45 ไมโครโมลต่อลิตร
00:23:11 → 00:23:13 แต่ไม่ควรเกิน 71 ครับ
00:23:13 → 00:23:15 ถ้าเยอะเกินเป็นอย่างไรบ้างคะ
00:23:15 → 00:23:16 โอ้ ไม่ดีเลยนะครับ
00:23:16 → 00:23:22 วิตามินอี ถ้าเยอะเกินไปจะทำให้เลือดแข็งตัวยาก
00:23:22 → 00:23:25 ถ้ามากเกินไปคิดภาพเหมือนน้ำมันเยอะเกินครับ
00:23:25 → 00:23:28 เลือดก็จะไหลเวียนเร็วกว่าปกติครับ หยุดยาก
00:23:28 → 00:23:31 คราวนี้ถ้าเรามีดบาดก็จะหยุดยาก
00:23:31 → 00:23:36 ไปทำฟัน ไปผ่าตัด ทำศัลยกรรม หรือจะต้องไปฉีดยา
00:23:36 → 00:23:38 ก็ต้องระมัดระวังว่า
00:23:38 → 00:23:41 ถ้าใครก็ตามที่รับประทานวิตามินอีอยู่
00:23:41 → 00:23:44 แล้วมีแพลนจะต้องเสียเลือดเสียเนื้อ
00:23:44 → 00:23:46 ต้องโดนผ่าตัดหรือมีเลือดออกแน่
00:23:46 → 00:23:49 ต้องหยุดวิตามินอี อย่างน้อย 1-2 อาทิตย์
00:23:49 → 00:23:52 ก่อนจะไปทำฟัน ก่อนจะไปผ่าตัด
00:23:52 → 00:23:54 ก่อนจะไปทำตา ก่อนจะไปทำจมูก
00:23:54 → 00:23:59 คุณหมอเขาจะแนะนำว่าต้องหยุดวิตามินอี กับน้ำมันตับปลา
00:23:59 → 00:24:03 เพราะ 2 อย่างนี้ ถ้าเยอะเกินไปทำให้เลือดไหลไม่หยุด
00:24:03 → 00:24:07 เพราะฉะนั้นอีกกลุ่มหนึ่งครับ คนที่รับประทาน
00:24:07 → 00:24:12 หรือว่าท่านผู้ฟังทางบ้านที่มีผู้ปกครองทานยาสลายลิ่มเลือด
00:24:12 → 00:24:16 ทานแอสไพริน ทานโคลพิโดเกรล
00:24:16 → 00:24:18 โรคหลอดเลือดและสมองอย่างนี้
00:24:18 → 00:24:21 ก็ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะทานวิตามินอี
00:24:21 → 00:24:26 เพราะอาจจะไปเสริมฤทธิ์กันแล้วทำให้เลือดหยุดยาก
00:24:26 → 00:24:29 นั่นคือสิ่งสำคัญที่เยอะเกินไปก็ไม่ดี
00:24:29 → 00:24:31 น้อยเกินไปผิวก็เหี่ยวก็แก่ก็ไม่ดีอีก
00:24:31 → 00:24:35 คราวนี้ไปดูอีก 1 อันที่ Advance ขึ้นมาหน่อย
00:24:35 → 00:24:40 ในปัจจุบันครับมีการวิจัยเรื่องพันธุกรรมขึ้นมาว่า
00:24:40 → 00:24:44 ถ้าคนที่รหัสพันธุกรรมเป็นแบบนี้ มียีนตัวนี้
00:24:44 → 00:24:47 ก็จะต้องการวิตามินอีมากกว่าคนปกติ
00:24:47 → 00:24:50 ถ้ารหัสแบบนี้ต้องการเกณฑ์ปกติ
00:24:50 → 00:24:53 ถ้ารหัสแบบนี้ต้องกินน้อยๆ เลยเดี๋ยวเยอะเกินไป
00:24:53 → 00:24:57 Genetic ที่เกี่ยวกับเรื่องของวิตามินอีก็คือ
00:24:57 → 00:25:01 1. ZPR1 (ZPR1 Zinc Finger)
00:25:01 → 00:25:04 2. SCARB1 (Scavenger Receptor Class B Member 1)
00:25:04 → 00:25:08 3. CYP4F2 (Cytochrome P450 Family 4 Subfamily F Member 2)
00:25:08 → 00:25:13 3 ตัวนี้ก็จะเป็นรหัสพันธุกรรมหลักที่รับผิดชอบเรื่องวิตามินอี
00:25:13 → 00:25:19 คราวนี้ครับมาต่อกันว่าเราอยากจะวิตามินอีในเลือดดี
00:25:19 → 00:25:22 อยากจะบำรุงเข้าไปเพราะเรารู้แล้วว่าเราน่าจะขาด
00:25:22 → 00:25:27 อาหารประเภทไหนคะ ที่มีวิตามินอีสูง จากคำถามที่ถามกันมา
00:25:27 → 00:25:29 อันดับหนึ่ง กลุ่มถั่ว
00:25:29 → 00:25:33 กลุ่มถั่วและเมล็ดธัญพืชนี่แหละครับดีมากสำหรับการบำรุงผิว
00:25:33 → 00:25:40 อันดับ 1 เมล็ดทานตะวัน ถั่วอัลมอนด์ ถั่วฮาเซลนัท ถั่วลิสงก็ได้
00:25:40 → 00:25:44 เมล็ดฟักทองก็ดี เม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็ใช้ได้
00:25:44 → 00:25:47 กลุ่มนี้บำรุงผิวเพิ่มวิตามินอี
00:25:47 → 00:25:52 กลุ่มพืชผักผลไม้ที่บำรุงผิว มีวิตามินอีเยอะ ก็จะเป็น
00:25:52 → 00:25:57 อะโวคาโด ผักโขม คะน้า กีวี่ก็เยอะ
00:25:57 → 00:26:02 บรอกโคลี พริกหวานก็ดี หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus) ก็ใช้ได้
00:26:02 → 00:26:05 กลุ่มสัตว์ที่มีวิตามินอีเยอะ ก็คือ
00:26:05 → 00:26:08 ต้องเป็นปลาน้ำลึกครับ ปลาที่อยู่ในน้ำหนาวๆ
00:26:08 → 00:26:10 นึกออกไหมพอเขาอยู่ในน้ำหนาว
00:26:10 → 00:26:13 เขาก็ต้องมีไขมันมาห่อหุ้มร่างกายให้เขาอุ่น
00:26:13 → 00:26:17 ในไขมันปลานั่นแหละครับมีวิตามินอีเยอะ
00:26:17 → 00:26:20 เช่น ปลาเทราซ์ ปลาแซลมอน
00:26:20 → 00:26:23 ถ้าเป็นบ้านเราก็ปลาทูอย่างนี้พอได้
00:26:23 → 00:26:24 ตัวนี้ก็คือตัวสำคัญ
00:26:24 → 00:26:26 นั่นก็คือสิ่งที่หมอแนะนำครับ
00:26:26 → 00:26:29 แล้วก็อีกอย่างหนึ่งครับ ถ้าทานยาอยู่ เช่น
00:26:29 → 00:26:34 ยาที่ย่อยสลายผ่าน Cytochrome P450 3A4
00:26:34 → 00:26:38 เช่น Omeprazole ถ้าจะกินพร้อมวิตามินอีก็ต้องระมัดระวัง
00:26:38 → 00:26:43 อันนี้ก็คือสรุปครับว่าในตระกูลวิตามินอี
00:26:43 → 00:26:47 2 ตัวที่สำคัญก็คือ แอลฟา-โทโคฟีรอล และแกมมา-โทโคฟีรอล
00:26:47 → 00:26:51 ที่หมออยากให้ทุกท่านจำไว้และจดไว้
00:26:51 → 00:26:56 เพื่อที่จะไปอ่านต่อ ว่านี่แหละคือตัวที่หมอแนะนำ
00:26:56 → 00:26:59 ว่ามีประโยชน์กับคุณภาพผิว
00:26:59 → 00:27:02 เพิ่งจะเดินทางมาได้แค่ 2 รายการเองนะครับ
00:27:02 → 00:27:04 เวลาก็หมดสำหรับอาทิตย์นี้
00:27:04 → 00:27:08 เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือเพิ่งเริ่มเปิด เหลืออีก 3 ตัวนะครับ
00:27:08 → 00:27:11 ในสุดยอดวิตามินบำรุงผิว กับผม หมอแอมป์
00:27:11 → 00:27:14 เพราะฉะนั้นเดี๋ยวเรามาต่อกันในอาทิตย์หน้า
00:27:14 → 00:27:16 อาทิตย์นี้ขอลากันไปก่อน
00:27:16 → 00:27:22 ขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรง สุขภาพกายก็ดี สุขภาพใจก็ดี
00:27:22 → 00:27:25 มีพลังจิต พลังใจในการต่อสู้
00:27:25 → 00:27:28 ไม่ว่าจะเป็นทุกเรื่องที่ทุกท่านอยากได้
00:27:28 → 00:27:32 ทั้งการงาน ทั้งการเรียน ทั้งครอบครัว ทั้งสุขภาพ
00:27:32 → 00:27:35 ขอให้ประสบความสำเร็จแล้วก็เดินหน้าไปด้วยกัน
00:27:35 → 00:27:41 สร้างสังคมสุขภาพดีที่ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องลงมือทำ
00:27:41 → 00:27:43 สัปดาห์นี้ สวัสดีครับ
00:27:43 → 00:27:45 เจอกันใหม่สัปดาห์หน้า ขอบคุณครับ