00:00:00 → 00:00:03 ถ้าพูดถึงวิตามินที่คนมักจะขาดกันมากที่
00:00:03 → 00:00:05 สุดหนึ่งในนั้นเนี่ยคือวิตามินดีครับ
00:00:05 → 00:00:07 เรียกได้ว่าเป็นท็อป 3 เลยนะครับที่คน
00:00:08 → 00:00:10 ทั่วโลกมักจะขาดกันมากที่สุดผมเองเนี่ยสน
00:00:10 → 00:00:12 ใจวิตามินดีมากเพราะว่ามันสำคัญกับร่าง
00:00:13 → 00:00:15 กายมากๆนะครับโดยเฉพาะเรื่องของการชะลอ
00:00:15 → 00:00:18 ไวัแล้วก็ความแก่ก็เลยไปอ่านเปเปอร์ที่
00:00:18 → 00:00:20 เกี่ยวกับวิตามินดีเยอะแล้วก็รู้สึกว่า
00:00:20 → 00:00:22 เฮ้ยมันมีหลายเรื่องที่เราไม่เคยรู้มา
00:00:22 → 00:00:24 ก่อนแล้วก็อยากแชร์ให้กับเพื่อนๆทุกคนที่
00:00:24 → 00:00:27 เป็นชาวท็อปทูทนะครับหลายคนน่ะรู้ว่า
00:00:27 → 00:00:30 วิตามินดีเนี่ยมันมีประโยชน์และจำเป็นแต่
00:00:30 → 00:00:33 มีอีกหลายๆอย่างที่ไม่รู้อย่างเช่นข้อที่
00:00:33 → 00:00:35 1 นะครับวิตามินดีที่ได้จากแสงแดดเนี่ย
00:00:35 → 00:00:38 มันดีกว่าวิตามินดีที่ได้จากอาหารหรือว่า
00:00:38 → 00:00:41 อาหารเสริมด้วยซ้ำไปแต่ว่าคนสมัยเนี้ย
00:00:41 → 00:00:43 เป็นห่วงเนาะว่าการออกไปเจอแสงแดดเข้มๆ
00:00:43 → 00:00:46 นานๆ UV แรงๆเนี่ยมันทำให้เราเป็นมะเร็ง
00:00:46 → 00:00:48 นะครับวันนี้เดี๋ยวจะมาพูดให้ฟังว่าเฮ้ย
00:00:48 → 00:00:51 วิตามินดีจากแสงแดดเนี่ยมันดีกว่าวิตามิน
00:00:51 → 00:01:00 จากซัพพลีเมนท์
00:01:00 → 00:01:02 ในปริมาณที่เท่ากันนะครับแล้วผมว่าน่าจะ
00:01:02 → 00:01:04 เซอร์ไพรส์คนอาจจะเดาไม่ได้ว่าผิวเข้ม
00:01:04 → 00:01:06 หรือผิวอ่อนต้องการดีมากกว่ากันนะเดี๋ยว
00:01:06 → 00:01:08 เฉลยให้ฟังข้อที่ 3 วิตามินดีบอกไปแล้ว
00:01:09 → 00:01:11 เกี่ยวข้องกับความแก่คนมักจะคุ้นว่าดี
00:01:11 → 00:01:13 สำคัญเกี่ยวกับกระดูกแต่จริงๆแล้วการที่
00:01:13 → 00:01:16 เซลล์เราจะแก่ไม่แก่จุดชี้เป็นชี้ตายอยู่
00:01:16 → 00:01:18 ที่วิตามินดีเลยนะครับแล้วก็ข้อสุดท้าย
00:01:18 → 00:01:21 เมื่อเราอายุมากยิ่งขึ้นแล้วเนี่ยร่างกาย
00:01:21 → 00:01:24 เราสามารถจะผลิตวิตามินดีได้น้อยลงนัเป็น
00:01:24 → 00:01:26 เหตุผลว่าทำไมยิ่งเราโตขึ้นโตขึ้นเนี่ย
00:01:26 → 00:01:29 เรามักจะขาดวิตามินดีเพราะฉะนั้นวันนี้ท
00:01:29 → 00:01:31 to รวบรรวมมาให้แล้วนะครับทุกอย่างที่
00:01:31 → 00:01:34 ควรรู้เกี่ยวกับวิตามินดีตั้งแต่รับดีจาก
00:01:34 → 00:01:38 แสงแดดยังไงกินอาหารอะไรได้วิตามินดีควร
00:01:38 → 00:01:40 กินอาหารเสริมยังไงและการฉีดวิตามินดี
00:01:40 → 00:01:43 เข้าร่างกายควรจะทำมเดี๋ยวเราไปลุยกันเลย
00:01:43 → 00:01:46 กับ 9 ข้อที่ควรรู้เกี่ยวกับวิตามินดี
00:01:46 → 00:01:49 ครับ This is the Standard podcast
00:01:49 → 00:01:52 Eye Opening for your
00:01:52 → 00:01:55 ears Top To To podcast สุขภาพที่
00:01:55 → 00:02:00 ใช้วิทยาศาสตร์ไขปัญหาตั้งแต่หัวจดเท้า
00:02:00 → 00:02:03 มาเริ่มที่ข้อแรกครับที่ควรดูนะครับก็คือ
00:02:03 → 00:02:06 เราจะดูได้ยังไงว่าตอนเนี้ยเราขาดวิตามิน
00:02:06 → 00:02:08 ดีหรือเปล่าวิธีการที่ดีที่สุดคือการไป
00:02:08 → 00:02:11 ตรวจเลือดครับผมก็ไปเช็คมานะครับการตรวจ
00:02:11 → 00:02:14 วิตามินดีเนี่ยราคามันก็อยู่หลัก 1000
00:02:14 → 00:02:17 ต้นๆไม่เกิน 2,000 เครับอดอาหาร 8-12 ชมง
00:02:17 → 00:02:20 ก่อนไปตรวจนะครับถามว่าเวลาที่เราไปตรวจ
00:02:20 → 00:02:23 วิตามินดีเนี่ยคุณหมอเาวัดค่าอะไรจากใน
00:02:23 → 00:02:25 เลือดนะมันจะเป็นวิตามิน D ที่อยู่ในรูป
00:02:25 → 00:02:28 Active form นะครับภาษาอังกฤษมันคือ 25
00:02:29 → 00:02:31 Oh แล้วก็ก็ดีชื่อเต็มๆของมันคือ 25
00:02:31 → 00:02:34 ไฮดรอกซี่วิตามิน D นะครับถามว่าปริมาณ
00:02:34 → 00:02:36 ล่ะมันควรจะอยู่ที่เท่าไหร่อันนี้ฟังไว้
00:02:36 → 00:02:38 แล้วกันนะเวลาไปตรวจเ๋เคจะมีตารางให้อยู่
00:02:38 → 00:02:41 แล้วนะครับคือมันจะมี 2 หน่วยจริงๆวัดได้
00:02:41 → 00:02:43 ทั้งคู่นะครับหน่วยนึงเป็นหน่วยนาโนกรัม
00:02:43 → 00:02:48 ต่อ ML นะครับค่าที่เหมาะสมคือต้องมี
00:02:48 → 00:02:50 วิตามินดีในเลือดอยู่ที่
00:02:50 → 00:02:55 30-50 นาโนกรัมต่อ ML ถ้าเกิดว่าคนไหนมี
00:02:55 → 00:02:57 วิตามินดีต่ำกว่า 20 นาโนกรัมต่อ ML นั่น
00:02:57 → 00:03:01 คือขาดวิตามินดีแต่ถ้าอยู่ในช่วง 20-30
00:03:01 → 00:03:05 นกัมต่อ ML นั่นคือพร่องวิตามินดีก็คือ
00:03:05 → 00:03:07 ยังไม่พอแหละแต่ไม่ถึงกับขนาดซีเวียว่า
00:03:07 → 00:03:11 ขาด 30-50 ดีที่สุดเกิน 50 นกัมต่อ ML
00:03:11 → 00:03:14 คือสูงไปซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีนะครับอีก
00:03:14 → 00:03:16 หน่วยนึงที่สามารถจะ Report ความเข้มข้น
00:03:16 → 00:03:19 ของวิตามินดีในเลือดได้คือหน่วยนาโนโมต่อ
00:03:19 → 00:03:23 ลิตรนะครับซึ่งค่าที่เหมาะสมคือ
00:03:23 → 00:03:27 50-15 นาโนโมลต่อลิตรถ้าเกิดในเลือกคน
00:03:27 → 00:03:31 ไหนมีวิตามินดีต่ำกว่า 25 นาโนโมต่อลิตร
00:03:31 → 00:03:34 นั่นคือขาดวิตามินดีถ้าอยู่ในช่วง
00:03:34 → 00:03:38 25-50 นานมต่อลิตรคือพร่องวิตามินดีดี
00:03:38 → 00:03:39 สุดคือ
00:03:39 → 00:03:43 50-15 นานมต่อลิตรซึ่งถ้าเกิน 125 นานม
00:03:43 → 00:03:46 ต่อลิตรเนี่ยก็คือเยอะเกินไปนะครับเพราะ
00:03:46 → 00:03:48 ฉะนั้นถ้าเกิดเวลาที่เราไปตรวจแล้วได้ตัว
00:03:48 → 00:03:51 เลขมาแล้วเช็คหน่วยนิดนึงเพราะว่าหน่วย
00:03:51 → 00:03:53 ที่ไม่เหมือนกันเนี่ยมันจะมีค่าที่เหมาะ
00:03:53 → 00:03:55 สมแตกต่างกันออกไปนะครับเพราะฉะนั้นใคร
00:03:55 → 00:03:58 อยากรู้ว่าตัวเองขาดหรือพร่องวิตามินดี
00:03:58 → 00:04:00 หรือเปล่าดีที่สุดไปตวดเลือดนะครับและ
00:04:01 → 00:04:03 อยากจะบอกว่าทำไมวิตามินดีมีเยอะเกินไป
00:04:03 → 00:04:05 ถึงไม่ดีอ่าวิตามินดีเนี่ยผมพูดเสมอมัน
00:04:05 → 00:04:08 ละลายในไขมันเพราะฉะนั้นเรากินเข้าไปแล้ว
00:04:08 → 00:04:11 เราได้จากแสงแดดเข้าไปแล้วมันสะสมได้ใน
00:04:11 → 00:04:14 ร่างกายสะสมเข้าไปเรื่อยๆเรื่อยๆถ้ามัน
00:04:14 → 00:04:16 เยอะจนเกินไปเนี่ยครับมันทำให้เกิด
00:04:16 → 00:04:18 อันตรายต่อกระดูกด้วยซ้ำไปนะครับเดี๋ยวมา
00:04:18 → 00:04:20 เล่าให้ฟังว่าเยอะไปไม่ดียังไงนั่นคือข้อ
00:04:20 → 00:04:22 แรกนะครับข้อที่ 2 ดีกว่าทำไมถึงบอกว่า
00:04:22 → 00:04:26 ยิ่งแก่ยิ่งขาดวิตามินดีจริงๆหลายคนอาจจะ
00:04:26 → 00:04:29 ไม่รู้นะว่าวิธีการที่ดีที่สุดแล้วก็ปริ
00:04:29 → 00:04:31 ปริมาณวิตามิน D ที่เราได้รับเข้ามาใน
00:04:31 → 00:04:33 ร่างกายเยอะที่สุดมาจากการที่เราเจอกับ
00:04:33 → 00:04:37 แสงแดดหรือว่า UV นั่นเองนะครับทีนี้ยิ่ง
00:04:37 → 00:04:39 เราแกะขึ้นเนี่ยนะครับร่างกายเนี่ยเวลา
00:04:39 → 00:04:41 ที่ได้รับแสงแดดเท่าเดิมเลยความสามารถใน
00:04:41 → 00:04:44 การเปลี่ยน UV หรือว่าแสงแดดให้มันกลาย
00:04:45 → 00:04:47 เป็นวิตามิน D เนี่ยครับมันทำได้มี
00:04:47 → 00:04:49 ประสิทธิภาพลดน้อยลงนั่นคือเหตุผลว่าทำไม
00:04:50 → 00:04:52 ยิ่งแก่ร่างกายเราสร้างวิตามินดีได้น้อย
00:04:52 → 00:04:54 ลงแล้วก็มีความเสี่ยงในการที่จะขาด
00:04:54 → 00:04:58 วิตามินดีนะครับนอกนี้ยังไม่พอครับคือโดย
00:04:58 → 00:05:00 เฉพาะในเมืองไทยเนอากาศมันร้อนแล้วก็แดด
00:05:00 → 00:05:03 มันแรงเนี่ยคนมักจะเลี่ยงกิจกรรม Outdoor
00:05:03 → 00:05:05 แล้วะสมัยเยนะครับเพราะฉะนั้นคนก็จะ spend
00:05:05 → 00:05:08 Time Outdoor activities น้อยลงทำให้
00:05:08 → 00:05:12 เราขาดวิตามินดีการทาการแดดเยอะๆหนักๆก็
00:05:12 → 00:05:14 เป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำให้ร่างกายเรา
00:05:14 → 00:05:16 สามารถจะสร้างวิตามินดีได้น้อยลงนะครับ
00:05:16 → 00:05:19 นอกจากนั้นเนี่ยตอนที่เราอายุมากขึ้นมาก
00:05:19 → 00:05:22 ขึ้นเนี่ยร่างกายสะสมไขมันมากขึ้นคือเรา
00:05:22 → 00:05:24 อ้วนมากยิ่งขึ้นแหละแล้วถ้าเกิดว่าร่าง
00:05:24 → 00:05:27 กายมีไขมันเยอะเกินไปนะครับไขมันเนี่ยมัน
00:05:27 → 00:05:30 จะจับวิตามินดีเอาไว้ไม่ค่อยยอมจะปล่อย
00:05:30 → 00:05:33 มันออกมาเพราะฉะนั้นวิตามินดีในเลือดก็
00:05:33 → 00:05:35 คือตัวที่มันเป็น Active form ร่างกาย
00:05:35 → 00:05:38 เอาไปใช้งานได้เนี่ยครับมันก็เลยมีปริมาณ
00:05:38 → 00:05:41 ที่ลดน้อยลงนั่นเองและสุดท้ายนะครับเวลา
00:05:41 → 00:05:44 ที่เราอายุมากขึ้นเนี่ยครับตับไตแล้วบาง
00:05:44 → 00:05:47 ครั้งเนี่ยเราอาจจะมีมะเร็งนะครับการที่
00:05:47 → 00:05:49 ใครก็ตามที่เป็นโรคตับโรคไตหรือว่าเป็น
00:05:49 → 00:05:52 โรคมะเร็งเนี่ยก็จะทำให้ปริมาณวิตามินดี
00:05:52 → 00:05:54 ของเราเนี่ยมันน้อยลงด้วยนะครับนั่นคือ
00:05:54 → 00:05:57 เหตุผลทั้งหมดทำไมยิ่งแก่ยิ่งต้องระวัง
00:05:57 → 00:06:00 เพราะว่ามีแนวโน้มสูงมากที่คุณจะพร่อง
00:06:00 → 00:06:02 วิตามินดีครับข้อที่ 3 วิตามินดีสำคัญยัง
00:06:02 → 00:06:05 ไงเราเรียนมาตอเด็ด็กวิตามินดีสำคัญกับ
00:06:05 → 00:06:06 กระดูกนั่นคือสิ่งที่คนมักจะรู้แล้วก็
00:06:06 → 00:06:09 คุ้นเคยเนาะแต่วิตามินดีผมอยากจะบอกว่า
00:06:09 → 00:06:12 มันสำคัญกับ overall Health คือตั้งแต่
00:06:12 → 00:06:14 หัวจดเท้าเลยนะครับนอกจากกระดูกแล้วเนี่ย
00:06:14 → 00:06:18 ทั้งกล้ามเนื้อระบบประสาทสมองระบบภูมิ
00:06:18 → 00:06:20 คุ้มกันก็สำคัญและล่าสุดผมพูดไปเรื่องการ
00:06:20 → 00:06:24 นอนวิตามินดีสำคัญกับการนอนมากๆเพราะว่า
00:06:24 → 00:06:27 ยิ่งเรามีวิตามินดีเพียงพอการดูดซึม
00:06:27 → 00:06:30 แคลเซียมเราก็จะดีการดูดซึมแมแมกนีเซียม
00:06:30 → 00:06:33 เราก็จะดีและทั้งแคลเซียมแมกนีเซียมและ
00:06:33 → 00:06:36 วิตามินดีเนี่ยเป็น 3 ทหารเสือที่ทำให้
00:06:36 → 00:06:39 เรานอนหลับสบายด้วยเพราะฉะนั้นวิตามิน D3
00:06:39 → 00:06:41 เนี่ยนะครับเป็นสิ่งที่จำเป็นกับเราทุกคน
00:06:41 → 00:06:43 นะครับข้อที่ 4 อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญของ
00:06:43 → 00:06:47 วิตามิน D คือเรื่องของความแก่ครับถ้าใคร
00:06:47 → 00:06:50 ดู Episode 102 ผมพูดถึง 14 สาเหตุของ
00:06:50 → 00:06:54 เซลล์แก่ก็ต้องบอกว่าถ้าใครขาดวิตามินดี
00:06:54 → 00:06:57 นะครับมีโอกาสที่เซลล์จะแก่เยอะมากๆเลย
00:06:57 → 00:07:00 เพราะอะไรถ้าเกิดว่าใครไปดูตอนเซเซแก่
00:07:00 → 00:07:02 เนี่ยนะครับหนึ่งในสาเหตุหลักของเซลล์แก่
00:07:02 → 00:07:05 มันคือ DNA Control หรือที่เรียกว่า DNA
00:07:06 → 00:07:09 mation คือใน DNA ของเราเนี่ยจะมีจีนดี
00:07:09 → 00:07:12 กับจีนไม่ดีซึ่งเราต้องการให้จีนดีเนี่ย
00:07:12 → 00:07:15 มันเปิดและจีนไม่ดีเนี่ยมันปิดไอ้สวิตช์
00:07:15 → 00:07:18 ที่มันเปิดปิดเนี่ยมันคือเรียกว่า DNA
00:07:18 → 00:07:21 mation หรือการเติมหมู่เิเข้าไปนะครับที
00:07:21 → 00:07:23 นี้เวลาที่เราแก่มากขึ้นๆขึ้นนะครับจีน
00:07:23 → 00:07:27 ที่มันควรจะปิดเนี่ยมันดันเปิดอย่างเช่น
00:07:27 → 00:07:29 จีนมะเร็งซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการ
00:07:29 → 00:07:31 เพราะฉะนั้นวิธีการที่ทำให้เซลล์ไม่แกะ
00:07:31 → 00:07:33 คือทำยังไงอ่ะให้ไอ้จีนที่มันไม่ควรจะ
00:07:33 → 00:07:36 เปิดเนี่ยมันปิดให้ได้คือการไปน็อคเอา
00:07:36 → 00:07:39 สวิตที่มันเปิดอยู่เนี่ยออกถามว่าร่างกาย
00:07:39 → 00:07:41 มีกลไกนะครับในการจะเอาสวิตช์ที่มันอยู่
00:07:41 → 00:07:44 ผิดที่เนี่ยออกต้องใช้เอนไซมตัวนึงที่
00:07:44 → 00:07:47 ชื่อว่า T หรือว่า 101 translocation
00:07:47 → 00:07:50 enzyme ซึ่งเจ้าเอนไซมตัวนี้จะทำงานได้
00:07:50 → 00:07:53 ดีก็ต่อเมื่อมีวิตามินดีเป็นโคเอนไซม์
00:07:53 → 00:07:56 นั่นเองถ้าเกิดว่าร่างกายเรามีวิตามินดี
00:07:56 → 00:07:59 เพียงพอเอนไซม์ตัวนี้ก็จะทำงานได้ดีโอกาส
00:07:59 → 00:08:01 ที่กจะซ่อมแซมตัวเองหรือซ่อมแซม DNA ให้
00:08:01 → 00:08:04 จีนที่มันไม่ควรจะเปิดเนี่ยมันปิดมันก็จะ
00:08:04 → 00:08:07 ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นก็จะทำให้เราแก่ช้า
00:08:07 → 00:08:10 ลงนั่นเองนั่นคือเหตุผลว่าทำไมวิตามิน D
00:08:10 → 00:08:12 ถึงสำคัญกับ longevity หรือว่า antiaging
00:08:12 → 00:08:16 นะครับข้อที่ 5 ครับเราต้องการวิตามินดี
00:08:16 → 00:08:19 วันละเท่าไหร่นะครับอันนี้ตัวเลขเป็นตัว
00:08:19 → 00:08:21 เลขที่เป็น International Standard เลย
00:08:21 → 00:08:25 นะครับถ้าเกิดอายุ 1 ขวบจนถึง 70 เนี่ย
00:08:25 → 00:08:29 เราต้องการวิตามินดีต่อวันอยู่ที่ 600 IU
00:08:29 → 00:08:33 หรือเทียบเท่ากับ 15 ไมโครกรัม 600 IU
00:08:33 → 00:08:35 นี่ไม่เยอะเลยนะครับเพราะงั้นมีโอกาสที่
00:08:35 → 00:08:38 คนจะ Overdose ดีได้นะแต่ถ้าเกิดว่าเรา
00:08:38 → 00:08:40 แกะไปมากกว่านั้นนะครับอายุ 71 ปีขึ้นไป
00:08:40 → 00:08:43 เนี่ยต้องการวิตามินดีเพิ่มขึ้นจาก 600
00:08:43 → 00:08:47 ไปอยู่ที่ 800 IU หรือเทียบเท่ากับ 20
00:08:47 → 00:08:49 ไมโครกรัมนะครับถ้าใครอยากจะรู้ว่าไอ้
00:08:49 → 00:08:51 หน่วย IU กับไมโครกรัมเนี่ยมันเทียบกัน
00:08:51 → 00:08:54 ยังไงนะครับสำหรับวิตามิน D3 1
00:08:54 → 00:08:58 ไมโครกรัมเท่ากับ 40 IU หรือว่า 40
00:08:58 → 00:09:00 International unit นั่นเองถามว่าผู้
00:09:00 → 00:09:03 หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือว่าให้นมลูก
00:09:03 → 00:09:05 เนี่ยนะครับต้องการเท่าไหร่ก็ยังต้องการ
00:09:05 → 00:09:08 อยู่ที่ประมาณอยู่ในช่วง 600-800 IU นี่
00:09:08 → 00:09:10 แหละนะครับถามว่าแล้วถ้าเกิดว่าเรากิน
00:09:10 → 00:09:13 วิตามิน D3 จากอาหารเสริมอะไรเงี้ยเข้าไป
00:09:13 → 00:09:15 เยอะกว่าตัวเลขที่เขา recom เนี่ยมันจะ
00:09:15 → 00:09:18 เป็นอะไรมยก็ต้องบอกว่าจริงๆแล้วมีตัวเลข
00:09:18 → 00:09:20 ที่เขาแนะนำว่าร่างกายสามารถที่จะทน
00:09:20 → 00:09:24 วิตามินได้ถึงวันละ 2,000 I ถ้า 2,000 I
00:09:24 → 00:09:27 เนี่ยยังเซฟอยู่แน่ๆนะครับแต่เมื่อไหร่ก็
00:09:27 → 00:09:29 ตามที่ถ้าเราได้รับวิตามิน D เข้าในร่าง
00:09:29 → 00:09:33 กายทุกวันวันละ 4,000 IU ขึ้นไปตัวเลข
00:09:33 → 00:09:35 4,000 IU เนี่ยเป็นจุดตัดว่ามันท็อกซิก
00:09:35 → 00:09:38 กับร่างกายแล้วมันจะเยอะแล้วมันเยอะเกิน
00:09:38 → 00:09:40 ไปแล้วมันก็สะสมในร่างกายนะครับเพราะ
00:09:40 → 00:09:42 อย่างที่บอกไปว่ามันสะสมในไขมันได้แล้ว
00:09:42 → 00:09:44 ร่างกายเรามีไขมันเต็มไปหมดเลยถามว่าถ้า
00:09:44 → 00:09:46 เกิดเรากินวิตามิน D Overdose มากๆแล้ว
00:09:46 → 00:09:49 มันสะสมเนี่ยมันใช้เวลานานมยในการที่ร่าง
00:09:50 → 00:09:52 กายเราจะกำจัดวิตามินดีนะครับก็ต้องบอก
00:09:52 → 00:09:54 ว่าลของวิตามินดีหรือว่าระยะเวลาที่ทำให้
00:09:54 → 00:09:56 วิตามินดีสละไป 50% เนี่ยนะครับมันอยู่
00:09:56 → 00:10:00 ที่ประมาณ 1-2 เดือนเท่ากับว่าถ้าเกิดเรา
00:10:00 → 00:10:02 ได้รับวิตามิน D Overdose เยอะเกินไป
00:10:03 → 00:10:05 เนี่ยครับระยะเวลาในการดีท็อกซ์วิตามินดี
00:10:05 → 00:10:07 ให้มันกลับสู่ภาวะปกติเนี่ยก็อาจจะใช้
00:10:07 → 00:10:10 เวลาในหลัก Week หรือว่าหลักสัปดาห์ 2-3
00:10:10 → 00:10:12 สัปดาห์หรือว่าประมาณ 1 เดือนอะไรเงี้ยก็
00:10:12 → 00:10:14 จะทำให้ระดับปริมาณวิตามินดีในร่างกาย
00:10:14 → 00:10:16 เนี่ยอยู่ในภาวะปกติหลังจากที่เราได้รับ
00:10:16 → 00:10:19 Overdose มากเกินไปในระยะเวลานานนะครับ
00:10:19 → 00:10:23 ข้อที่ 6 7 89 เนี้ยน่าสนใจมากๆนะครับ
00:10:23 → 00:10:26 มันจะเป็น 4 วิธีการที่เราจะได้รับ
00:10:26 → 00:10:28 วิตามินดีเข้ามาในร่างกายเดี๋ยวผมจะไล่ไป
00:10:28 → 00:10:31 ทีละข้อเลยนะครับเริ่มจากข้อ 6 นะครับ
00:10:31 → 00:10:35 สำคัญที่สุดเลยคือเรารับวิตามินดีจากแสง
00:10:35 → 00:10:38 แดดมากที่สุดเลยนะครับถ้าเทียบกัน 100%
00:10:38 → 00:10:40 ในการที่วิตามินดีเข้ามาในร่างกายเนี่ย
00:10:40 → 00:10:43 วิตามินดีจากแสงแดดเนี่ยกินไปแล้ว 80-90
00:10:43 → 00:10:46 เพเพราะงั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากแล้วผม
00:10:46 → 00:10:48 เกริ่นไปแล้วตั้งแต่ตอนอินทรว่าวิตามินดี
00:10:48 → 00:10:51 ที่เราสร้างได้จากแสงแดดเนี่ยเป็นวิตามิน
00:10:51 → 00:10:54 ดีที่ดีกว่าวิตามินที่เรากินเข้าไปจาก
00:10:54 → 00:10:57 อาหารหรืออาหารเสริมด้วยซ้ำไปถามว่าทำไม
00:10:57 → 00:11:00 เดี๋ยวอธิบายให้ฟังนะครับอย่างแรกต้อง
00:11:00 → 00:11:03 เล่าให้ฟังว่าที่ผิวหนังของคนเรานี่นะ
00:11:03 → 00:11:06 ครับผิวหนังเนี่ยมันจะมีเซลล์อยู่ชนิดนึง
00:11:06 → 00:11:10 ที่ชื่อว่าเคติตเนี่ยเต็มไปหมดเลยนะครับ
00:11:10 → 00:11:13 แล้วในเคติตเนี่ยนะครับมันมีวัตถุดิบตัว
00:11:13 → 00:11:16 นึงที่เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้าง
00:11:16 → 00:11:19 วิตามินดีเจ้าวัตถุดิบตัวนี้นะครับชื่อ
00:11:19 → 00:11:24 ทางการมันคือ 7 ข dhc หรือว่าชื่อเต็มๆ
00:11:24 → 00:11:27 ของมันคือ 7 D hydro คสออุ้ยมีคำว่า
00:11:27 → 00:11:29 คอเลสเตอรอลด้วยนั่นหมายความว่า
00:11:29 → 00:11:31 โคเลสเตอรอลเป็นสิ่งที่จำเป็นนะครับเพราะ
00:11:31 → 00:11:33 ว่าเป็นวัตถุดิบในการสังเคราะห์วิตามิน D
00:11:33 → 00:11:36 ไอ้เจ้า 7 dhc หรือว่าที่เรียกว่า D3
00:11:36 → 00:11:39 precursor เนี่ยนะครับเป็นวัตถุดิบหลัก
00:11:39 → 00:11:42 ที่อยู่ในผิวหนังของคนเราและเจ้าวัตถุดิบ
00:11:42 → 00:11:45 ตัวนี้นะครับเมื่อไหร่ก็ตามที่มันเจอกับ
00:11:45 → 00:11:47 รังสี
00:11:47 → 00:11:51 uvb ต้องย้ำนะครับว่า UV มีหลายแบบต้อง
00:11:51 → 00:11:53 เป็น uvb ที่อยู่ในแสงแดดนะครับสามารถใช
00:11:53 → 00:11:59 มากระตุ้นไอ้เจ้า D3 พีเคเซอร์วิส
00:11:59 → 00:12:02 B3 ได้นะครับซึ่งเจ้าวิตามิน B3 เนี่ย
00:12:02 → 00:12:05 ชื่อเต็มๆของมันคือโคลแคลิฟอครับซึ่งไอ้
00:12:05 → 00:12:08 เจ้าวิตามิน B3 ตัวนี้นะครับเมื่อผิวหนัง
00:12:08 → 00:12:10 มันสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วเนี่ยนะครับ
00:12:10 → 00:12:14 มันก็จะเก็บสะสมเอาไว้ในธนาคารคือใน
00:12:14 → 00:12:17 ธนาคารถามว่าคือในไหนก็คือในเซลล์ไขมันเ
00:12:17 → 00:12:19 มันเกาะในไขมันหรือบางครั้งเมันสามารถจะ
00:12:19 → 00:12:21 เกาะกับโปรตีนได้นะครับโดยปกติแล้ว
00:12:22 → 00:12:25 วิตามิน D3 ที่ถูกสร้างได้จากการโดน uvb
00:12:25 → 00:12:29 เนี่ยนะครับมันจะอยู่ในรูปที่ไม่ Active
00:12:29 → 00:12:32 ก็คือมันจะเก็บอยู่ในธนาคารคิดง่ายๆมัน
00:12:32 → 00:12:34 เหมือนกับเราเปิดบัญชีประจำเอาไว้แล้วก็
00:12:34 → 00:12:36 ใส่เงินเอาไว้ทุกเดือนทุกเดือนแล้วเราไม่
00:12:36 → 00:12:39 ไปยุ่งกับมันเก็บไว้ในธนาคารเมื่อไหร่ก็
00:12:39 → 00:12:42 ตามที่ร่างกายของเราเนี่ยนะครับวิตามิน D3
00:12:42 → 00:12:45 ไม่พอมันก็จะค่อยถูกปล่อยออกมาในเลือด
00:12:45 → 00:12:47 แล้วก็เป็นรูปที่ Active form นั่นเองนะ
00:12:47 → 00:12:50 ครับเพราะงั้นตัวที่มันไม่แีนี่แหละมันจะ
00:12:50 → 00:12:54 ไม่ไปวุ่นวายกับปริมาณของแคลเซียมในเลือด
00:12:54 → 00:12:57 ด้วยนะครับเพราะฉะนั้นต่อให้เรามีเจ้าตัว
00:12:57 → 00:13:00 เนี้มากนะครับมันก็จะไม่ส่งสผลกับความ
00:13:00 → 00:13:02 สมดุลของแคลเซียมเพราะถ้าเกิดเรามี D3
00:13:02 → 00:13:04 ที่อยู่ในเลือดซึ่งเป็นรูป Active form
00:13:04 → 00:13:07 มากเกินไปเจ้า D3 ในเลือดเนี่ยนะครับมัน
00:13:07 → 00:13:10 จะไปวุ่นวายกับปริมาณของแคลเซียมถ้าดี
00:13:10 → 00:13:13 สารมีเลือดเยอะแคลเซียมจะถูกดูดซับเยอะ
00:13:13 → 00:13:15 แล้วถ้ามีแคลเซียมเยอะเนี่ยมันจะเป็นพิษ
00:13:15 → 00:13:17 กับร่างกายคือกระดูกเนี่ยแทนที่จะแข็งแรง
00:13:17 → 00:13:20 มันดันเปราะขึ้นหรือถ้าเกิดมีเยอะเนี่ย
00:13:20 → 00:13:22 บางทีมันเป็นตะกันที่อยู่ในไตซึ่งก็ไม่
00:13:22 → 00:13:24 ใช่เรื่องดีนะครับแต่ D3 ที่สังเคราะห์
00:13:24 → 00:13:26 จาก UV เนี่ยไม่ทำให้เกิดโรคพวกนั้นแน่
00:13:26 → 00:13:29 นอนถามว่าวิตามิน D ที่สร้างจากผิวหนังเ
00:13:29 → 00:13:32 มันมีข้อดีอะไรอีกนะครับคือโมเมนที่ไอ้
00:13:32 → 00:13:34 เจ้า precursor D3 อ่ะก่อนจะเปลี่ยนเป็น
00:13:34 → 00:13:36 วิตามิน D เนี่ยมันมีการเปลี่ยนรูปเป็น
00:13:36 → 00:13:38 ตัวนึงก่อนซึ่งไอ้ตัวนั้นเนี่ยครับมีผล
00:13:38 → 00:13:42 พลอยได้คือมันสามารถไปยับยั้งการแบ่งตัว
00:13:42 → 00:13:45 ที่มากเกินไปของเซลล์ผิวหนังนั่นหมายความ
00:13:45 → 00:13:48 ว่ามันสามารถที่จะป้องกันมะเร็งผิวหนัง
00:13:48 → 00:13:50 ไม่ให้เกิดขึ้นได้ด้วยนะครับเพราะฉะนั้น
00:13:50 → 00:13:54 ถ้าเราเจอ UV ที่ไม่เข้มเกินไปบ่อยๆทุก
00:13:54 → 00:13:58 วันเนี่ยก็เป็นการปกป้องร่างกายของเราจาก
00:13:58 → 00:14:00 เซลล์มะเร็งไปในตัวด้วยนั่นคือข้อดีของ
00:14:00 → 00:14:02 การได้รับแสงแดดแล้วก็มาสังเคราะห์
00:14:02 → 00:14:04 วิตามิน B3 ให้เรานะครับสิ่งที่อยากจะ
00:14:05 → 00:14:08 เล่าต่อก็คือว่าสีผิวของคนเราเนี่ยมีผล
00:14:08 → 00:14:10 ต่อการสังเคราะห์วิตามิน D3 ด้วยนะครับ
00:14:10 → 00:14:13 อยากเดาก่อนแมว่าคนที่ผิวอ่อนหรือผิวเข้ม
00:14:13 → 00:14:16 คนไหนเนี่ยสามารถที่จะสังเคราะห์ D3 ได้
00:14:16 → 00:14:20 ง่ายกว่ากันออให้ลองเดานะครับผมจะแอบถาม
00:14:20 → 00:14:22 โปรดิวเซอร์ไปแล้วโปรดิวเซอร์ตอบผิดแอบ
00:14:22 → 00:14:24 ถามแม่ตัวเองด้วยแม่ก็ตอบผิดนะครับคนมัก
00:14:24 → 00:14:27 จะเดาว่าคนที่ผิวเข้มน่าจะสังเคราะห์
00:14:27 → 00:14:29 วิตามิน D3 ได้ดีกว่ามีประสิทธิภาพกว่า
00:14:30 → 00:14:32 แต่คำตอบไม่ใช่นะครับคนที่ผิวอ่อนกว่า
00:14:32 → 00:14:36 ยิ่งผิวขาวๆเนี่ยอยู่ในแดดแป๊บเดียวก็อาจ
00:14:36 → 00:14:39 จะได้วิตามิน D3 เพียงพอแล้วเทียบกับคน
00:14:39 → 00:14:41 ที่ผิวเข้มนะครับผิวเข้มนี่อาจจะต้องอยู่
00:14:41 → 00:14:44 เป็นหลักชั่วโมงเลยถึงจะได้วิตามิน D3 ใน
00:14:44 → 00:14:46 ปริมาณที่เทียบเท่ากันนะครับเพราะฉะนั้น
00:14:46 → 00:14:49 มันมีข้อดีข้อเสียครับคนที่ผิวขาวเนี่ย
00:14:49 → 00:14:52 อาจจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งมากกว่า
00:14:52 → 00:14:55 เพราะว่ามันมีเมลินหรือว่าเม็ดสีที่คอย
00:14:55 → 00:14:57 ดูบซับยูวินน้อยกว่าคนที่ผิวเข้มนะครับ
00:14:57 → 00:15:00 แต่ข้อดีที่แรกมาก็คือว่าคนที่ผิวขาว
00:15:00 → 00:15:04 เนี่ยจะสามารถสังเคราะห์วิตามิน D3 จาก
00:15:04 → 00:15:07 รังสียวีได้ดีกว่าคนที่ผิวเข้มนั่นเองนะ
00:15:07 → 00:15:10 ครับเพราะงั้นก็ทางที่ดีเดี๋ยวเราจะมามี
00:15:10 → 00:15:12 มีวิธีในการ Balance ว่าเอ้เราจะทำยังไง
00:15:12 → 00:15:16 ให้เรายังได้วิตามิน D3 จากแสงแดดโดยที่
00:15:16 → 00:15:18 ยังไม่เสี่ยงการเป็นมะเร็งผิวหนังนั่นเอง
00:15:18 → 00:15:21 นะครับนี่อยากจะให้คนรู้จักนิดนึงครับคือ
00:15:21 → 00:15:24 ทางวิทยาศาสตร์เนี่ยเขาคมีการแบ่งสีผิว
00:15:24 → 00:15:26 ของคนเนี่ยออกเป็น 6 ระดับนะครับภาษา
00:15:26 → 00:15:29 อังกฤษเนี่ยมันเรียกว่า Fit PAT Mat
00:15:29 → 00:15:31 scale เอาไปเสิร์ชได้เนวันนี้ผมเดี๋ยว
00:15:31 → 00:15:34 เล่าให้ฟังด้วยแบ่งเป็น 6 ระดับคือ 1-6
00:15:34 → 00:15:36 เราทุกคนเนี่ยควรจะมารู้ซะหน่อยว่าเอ๊ะ
00:15:37 → 00:15:38 เราเนี่ยสีผิวอย่างเราเนี่ยมันอยู่ระดับ
00:15:38 → 00:15:41 ไหนกันแน่เพราะถ้าเรารู้เนี่ยมันจะมี
00:15:41 → 00:15:44 ประโยชน์คือเราจะได้เลือกกันแดดว่า SPF
00:15:44 → 00:15:47 ประมาณไหนเหมาะกับเราและ 2 คือมันพอจะบอก
00:15:47 → 00:15:50 เราได้ว่าเราควรจะไปอยู่ท่ามกลางแสงแดด
00:15:50 → 00:15:52 ประมาณกี่นาทีดีถึงจะได้รับปริมาณวิตามิน
00:15:53 → 00:15:55 D3 เพียงพอจากแสงแดดนะครับเพราะฉะนั้นมา
00:15:55 → 00:15:58 รู้กันก่อนว่าผิวอย่างเราเนี่ยสีผิวระดับ
00:15:58 → 00:16:01 ไหนนะครับระดับที่ 1 เขาเรียกว่าแบบขาว
00:16:01 → 00:16:05 แบบไอคือขาวแบบงาช้างขาวมากๆคือต่อให้ไป
00:16:05 → 00:16:07 อยู่กลางแดดยังไงก็ตามเนี่ยไม่มีวันจะผิว
00:16:07 → 00:16:10 เข้มขึ้นมาเลยนะครับถามว่าจะเทียบยังไง
00:16:10 → 00:16:12 ให้เห็นภาพเทียบกับดาราฮอลลีวูดแล้วะกัน
00:16:12 → 00:16:16 คือแน hw ครับผิวแบบแอรเนี่ยคือผิวระดับ
00:16:16 → 00:16:19 ที่ 1 นะครับผิวระดับที่ 2 นะครับเรียก
00:16:19 → 00:16:23 ได้ว่าก็เรียกว่าเป็นผิวขาวถามว่าแทนยาก
00:16:23 → 00:16:25 ไหมก็ต้องบอกว่าแทนยากนะครับเวลาเจอแสง
00:16:25 → 00:16:27 แดดแต่ไม่ได้ขาวเผือกเหมือนระดับแรกนะ
00:16:27 → 00:16:29 ครับถ้าเกิดเทวเป็นดารานะครับระดับ 2
00:16:29 → 00:16:32 เนี่ยก็ประมาณ scarlet janson ถ้าผู้ชาย
00:16:32 → 00:16:34 เนี่ก็ประมาณ Brad pit หรือว่า zack eon
00:16:34 → 00:16:37 นะครับระดับ 3 อันนี้จะเริ่มแบบมีความ
00:16:37 → 00:16:40 เหลืองมีความเบจขึ้นมาและคือผมคิดว่ามัน
00:16:40 → 00:16:43 ประมาณสีน้ำผึ้งอ่อนๆอ่ะคือถ้าไปเจอแสง
00:16:43 → 00:16:46 แดดเนี่ยก็จะค่อยๆแทนขึ้นมานะครับถามว่า
00:16:46 → 00:16:50 ประมาณใครประมาณ sandra บอประมาณ Ron
00:16:50 → 00:16:53 godling ประมาณนี้คือผิวระดับ 3 นะครับ
00:16:53 → 00:16:57 ผิวระดับ 4 นี่ต้องเรียกว่าเป็นสีแบบน้ำ
00:16:57 → 00:16:59 ผึ้งน้ำผึ้งเข้มๆนิดนึงหรือว่าเป็นน้ำำ
00:16:59 → 00:17:02 ตาลอ่อนคือถ้าเจอแดดเนี่ยก็จะแทนขึ้นง่าย
00:17:02 → 00:17:06 นะครับก็จะประมาณออนซหรือว่าประมาณ tor
00:17:06 → 00:17:08 lner นะครับอย่างผม a เนี่ยคือผมก็เถียง
00:17:08 → 00:17:12 อยู่ผมว่าผมประมาณประมาณระดับ 4 3 4
00:17:12 → 00:17:15 น่าจะ 4 นะครับระดับ 5 นะครับก็จะมีความ
00:17:15 → 00:17:18 เข้มขึ้นมาแล้วเป็นน้ำตาลเข้มเลยผิวแทน
00:17:18 → 00:17:20 แต่ว่าก็ยังไม่ได้เป็นแบบผิวแบบไหม้นะ
00:17:20 → 00:17:22 ครับถ้าเป็นดาราชัดๆเนี่ยก็จะเป็น thra
00:17:22 → 00:17:24 แงผิวเข้มประมาณนั้นถ้าผู้ชายเนี่ยก็
00:17:24 → 00:17:28 เทียบเท่ากับบัก Obama นะครับเป็นเลเวล 5
00:17:28 → 00:17:31 เลเวล 6 นะครับผิวเข้มผิวคล้ำมากๆเลยนะ
00:17:31 → 00:17:34 ครับคือไปเจอแดดเแทนง่ายสุดๆนะครับประมาณ
00:17:34 → 00:17:37 ใครประมาณ Michel านะครับพอเห็นภาพมว่า 6
00:17:38 → 00:17:40 ระดับประมาณไหนเพราะฉนั้นลองลองเจตัวเอง
00:17:40 → 00:17:42 ดูซิว่าเออผิวเราเนี่ยมันเป็นสีประมาณไหน
00:17:42 → 00:17:44 นะครับถ้าถ้าเกิดว่าเรารู้แล้วเนี่ยนะ
00:17:44 → 00:17:47 ครับจะได้รู้ว่าเออเราควรจะใช้ skin care
00:17:47 → 00:17:50 หรือว่าซันสกรีนประมาณไหนนะครับพูดถึง
00:17:50 → 00:17:53 ซันสกรีนก่อนเลยะกันนะครับว่าการทาซ
00:17:53 → 00:17:55 Screen เนี่ยยังไงก็จำเป็นเนาะโดยทั่วไป
00:17:55 → 00:17:58 recommendation นะครับถ้าใครสิ Level
00:17:58 → 00:18:00 คือ 1 2 3 4 เนี่ยนะครับอย่างน้อยคุณ
00:18:00 → 00:18:03 จะทาซันสกรีนที่มี SPF ไม่ต่ำกว่า 30 นะ
00:18:03 → 00:18:05 ครับคือแดดเมืองไทยเนี่ยจัด 50 ไปเถอะ
00:18:05 → 00:18:08 ครับดีนะฮะแต่ถ้าเกิดว่าใครที่เป็นผิว
00:18:08 → 00:18:10 เข้มหน่อยคือระดับ 5 ระดับ 6 เนี่ยอาจจะ
00:18:10 → 00:18:13 ต้องการ SPF ที่ต่ำกว่าลงมานะครับเพราะมี
00:18:13 → 00:18:16 เมลานินหรือเมสีเนี่ยช่วยในการป้องกัน UV
00:18:16 → 00:18:18 อยู่แล้วนะครับอาจจะลดลงมาได้ครับดรอปมา
00:18:18 → 00:18:21 ที่ 30 หรือว่า 15 ก็ยังโอเคอยู่นะครับ
00:18:21 → 00:18:24 ถามว่าการทาซ Screen เนี่ยมีผลกับการ
00:18:24 → 00:18:27 สังเคราะห์วิตามินดีในผิวหนังมยก็ต้องบอก
00:18:27 → 00:18:29 ว่ามีผลนะครับแต่ทางวิทยศาสตร์เคเจอว่า
00:18:29 → 00:18:32 มันมีผลลดลงแต่ว่าน้อยมากๆก็ยัง recom
00:18:32 → 00:18:35 ว่าควรจะทาอยู่ดีนะครับทางวิทยศาสตร์เค้า
00:18:35 → 00:18:38 ก็ทดลองแล้วเเจอว่ายังไงการทาซันสกรีน
00:18:38 → 00:18:41 เนี่ยมันก็ไปบล็อก uvb ถูกมยเพรางั้น uvb
00:18:41 → 00:18:44 เข้าถึงผิวหนังลดน้อยลงก็ทำให้
00:18:45 → 00:18:47 ประสิทธิภาพในการสังเคราะห์วิตามิน D3
00:18:47 → 00:18:50 เนี่ยลดน้อยลงแต่แน่นอนมันแลกมากับว่ามัน
00:18:50 → 00:18:53 ช่วยปกป้องร่างกายของเราจากมะเร็งจาก DNA
00:18:53 → 00:18:56 Damage เพราะฉะนั้นต่อให้เราจะอยากได้
00:18:56 → 00:18:59 วิตามิน D3 จากแสงแดดยังไงก็ควรจะทาซ
00:18:59 → 00:19:01 screen อยู่ดีนะครับแล้วก็เลือกให้เหมาะ
00:19:02 → 00:19:04 สมกับ Skin Level ของแต่ละคนนะครับคำถาม
00:19:04 → 00:19:06 ที่น่าสนใจกว่าโอเคเรารู้แหละเราต้องทา
00:19:06 → 00:19:09 ซันสกรีนก่อนออกจากบ้านแล้วถ้าเกิดเรายัง
00:19:09 → 00:19:11 อยากได้วิตามิน D3 จากแสงแดดที่มันดี
00:19:11 → 00:19:14 เนี่ยเราควรจะไปเจอแสงแดดตอนกี่โมงแล้ว
00:19:14 → 00:19:17 เราควรจะอยู่ในแสงแดดประมาณกี่นาทีต่อวัน
00:19:17 → 00:19:20 นะครับอันนี้สนุกมากเลยครับผมไปก็ไปทำหา
00:19:20 → 00:19:22 คำตอบแล้วก็ไปเจอเปเปอร์เพิ่งตีพิมพ์ในปี
00:19:22 → 00:19:25 2024 เดี๋ยวทิ้งลิงก์ไว้ให้ในคอมเมนต์
00:19:25 → 00:19:26 แล้วกันนะครับใครอยากจะไปดูไปดูได้นะครับ
00:19:26 → 00:19:30 เค้ามีการทำทำ simulation ขึ้นมาเลยนะ
00:19:30 → 00:19:35 ครับไปเอาข้อมูลจากดาวเทียมที่วัดระดับ UV
00:19:35 → 00:19:39 index แต่ละช่วงเวลามีการศึกษาถึงมุมที่
00:19:39 → 00:19:42 ดวงอาทิตย์เนี่ยส่องแสงลงมากระทบพื้นโลก
00:19:42 → 00:19:47 ในแต่ละเดือนในแต่ละซีซันในแต่ละลติจูดริ
00:19:47 → 00:19:50 ของโลกนะครับแล้วก็คำนวณออกมาแล้วก็สรุป
00:19:50 → 00:19:52 ว่าเป็นตัวเลขเลยนะครับที่เป็นไกด์ไลน์
00:19:52 → 00:19:54 เลยนะครับผมก็ไปอ่านแล้วก็เอาสิ่งที่เขา
00:19:54 → 00:19:57 สรุปมามาบอกทุกคนครับต้องบอกว่าเค้าได้
00:19:58 → 00:20:01 ข้อสรุปมาว่าเวลาที่ดีที่สุดที่ควรจะไป
00:20:01 → 00:20:03 เจอแสงแดดแล้วในแสงแดดนั้นน่ะมี uvb ใน
00:20:04 → 00:20:07 ปริมาณที่ดีเนี่ยนะครับก็คือตั้งแต่ 10:00
00:20:07 → 00:20:11 นไปจนถึง 1600 นเดี๋ยวนะใจเย็นๆนะเค้าแค่
00:20:12 → 00:20:14 จะบอกว่าการที่เขาคบอกตัวเลขนี้หมายความ
00:20:14 → 00:20:17 ว่าถ้าแดดอ่อนๆคือยามเช้ามากๆแบบ 7 น 8 น
00:20:17 → 00:20:21 99:00 นที่มันเซฟแน่ๆเนี่ยมันอาจจะไม่มี
00:20:21 → 00:20:24 ประสิทธิภาพเพียงพอที่จะกระตุ้นการสร้าง
00:20:24 → 00:20:26 D3 ได้เท่ากับแดดตอน 10:00 นไม่ได้หมาย
00:20:26 → 00:20:28 ความว่าให้ไปตากแดดตอนเที่ยงนะครับเพราะ
00:20:28 → 00:20:30 ว่าว่าเราต้อง Balance ระหว่าง UV index
00:20:30 → 00:20:33 ที่มันแรงๆคือมะเร็งกับวิตามิน D3 เนาะ
00:20:33 → 00:20:35 ตั้งแต่ 10:00 นถึง 16:00 นเนี่ยเป็นช่วง
00:20:35 → 00:20:38 ที่ uvb ค่อนข้าง Active และเยอะแล้วก็
00:20:38 → 00:20:41 เหมาะสมในการที่จะไปตากเพื่อที่จะเอา D3
00:20:41 → 00:20:44 นะครับเดือนที่มี uvb ในประริมาณที่เหมาะ
00:20:44 → 00:20:47 สมคือตั้งแต่เดือนมีนาคมไปจนถึงปลาย
00:20:47 → 00:20:50 ตุลาคมนั่นหมายความว่าตั้งแต่ช่วง
00:20:50 → 00:20:54 พฤศจิกายนไปจนถึงกุมภาพันธ์เนี่ยครับแสง
00:20:54 → 00:20:57 แดดหรือว่าปริมาณ uvb เนี่ยมันอาจจะลด
00:20:57 → 00:21:00 น้อยลงแล้วก็มีมีประสิทธิภาพในการสร้าง D3
00:21:00 → 00:21:03 ลดน้อยลงก็เป็นการ imply ได้ว่าถ้าเกิด
00:21:03 → 00:21:05 เป็นช่วงฤดูหน้าหนาวเนี่ยเราทุกคนอาจจะมี
00:21:06 → 00:21:09 ความเสี่ยงมากขึ้นที่จะมีปริมาณ D3 ไม่
00:21:09 → 00:21:11 เพียงพอแล้วต้องใส่ใจดูแลตัวเองในการกิน
00:21:11 → 00:21:14 อาหารที่มี D3 เพิ่มขึ้นหรือว่าอาจจะตัด
00:21:14 → 00:21:16 สินใจกิน supplement D3 เพิ่มขึ้นในช่วง
00:21:16 → 00:21:19 ฤดูหนาวนะครับทีนี้มาถึงช่วง duration
00:21:19 → 00:21:21 หรือว่าระยะเวลาที่ต้องตากแดดเพื่อได้ D3
00:21:21 → 00:21:24 เพียงพอนะครับเค้าคำนวณออกมาเลยว่าถ้า
00:21:24 → 00:21:28 ต้องการ D3 ในแต่ละวันประมาณ 1,000 ไ U
00:21:28 → 00:21:31 เนี่ยนะครับสิ type แต่ละ type ควรจะต้อง
00:21:31 → 00:21:33 อยู่ในกลางแดดเท่าไหร่นะครับเดี๋ยวผมจะ
00:21:33 → 00:21:34 เล่าตัวเลขให้ฟังก่อนแล้วเดี๋ยวเรามา
00:21:34 → 00:21:37 วิเคราะห์กันอีกทีว่าเราควรจะเชื่อตัวเลข
00:21:37 → 00:21:39 นี้มากน้อยแค่ไหนนะครับมาเริ่มที่สิ type
00:21:39 → 00:21:41 แรกนะครับถ้าเกิดว่าเป็น Skin Type 1
00:21:41 → 00:21:43 หรือขาวจั๊วเนี่ยนะครับควรจะอยู่ท่ามกลาง
00:21:43 → 00:21:46 แสงแดดประมาณ 5 นาทีถึงจะได้ D3 1,000
00:21:46 → 00:21:49 IU ต่อวันนะครับถ้าเป็น type 2 ก็คือ
00:21:49 → 00:21:52 ยังขาวอยู่แต่มีแทนขึ้นมานิดนึงเนี่ยนะ
00:21:52 → 00:21:55 ครับอยู่ต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดด 6 นาที
00:21:55 → 00:21:57 ครับถ้าเกิดเป็น type 3 เริ่มเป็นสีเบส
00:21:57 → 00:21:59 สีเหลืองอ่อนๆน้ำผึ้งเนี่ยนะครับต้องอยู่
00:21:59 → 00:22:02 ท่ามกลางแนแดดประมาณ 7 นาทีครึ่งแต่ถ้า
00:22:02 → 00:22:06 เริ่ม type 4 ก็คือมีความเป็นน้ำตาลอ่อน
00:22:06 → 00:22:09 นะครับก็ต้องอยู่ท่ามกลางสแดดประมาณ 11
00:22:09 → 00:22:12 นาทีครึ่งครับอเพิ่มเยอะเนาะถ้าเป็น type
00:22:12 → 00:22:15 5 เป็นน้ำตาลเข้มเลยนะครับต้องอยู่ท่าม
00:22:15 → 00:22:19 กลางแสงแดด 15 นาทีนิดๆถึงจะได้ 1000 IU
00:22:19 → 00:22:21 และสุดท้ายผิวเข้มสุด type 6 นะครับต้อง
00:22:21 → 00:22:25 อยู่ท่ามกลางแสงแดดยาวนานถึง 25 นาทีนิดๆ
00:22:25 → 00:22:29 ถึงจะได้วิตามินดี 1,000 IU นะครับ
00:22:29 → 00:22:31 ก็ต้องเล่าให้ฟังว่าการที่เขาได้ตัวเลข
00:22:31 → 00:22:33 นี้มาเนี่ยนะครับเคคำนวณจากการ assume
00:22:33 → 00:22:38 ว่าคนๆนั้นไม่ได้ทากันแดดเลยก็คือ SPF 0
00:22:38 → 00:22:41 แล้วก็คำนวณจากว่าคนๆนั้นเนี่ยไม่ใส่
00:22:41 → 00:22:44 เสื้อผ้าเลยก็คือผิวหนังทั้ง 100% เนี่ย
00:22:44 → 00:22:48 นะครับได้รับ uvb ซึ่งตัวเลขตรงเนี้ยมัน
00:22:48 → 00:22:50 อาจจะไม่สะท้อนความเป็นจริงเนาเพราะใน
00:22:50 → 00:22:52 ชีวิตจริงเนี่ยเราทากันแดดและ 2 คือเรา
00:22:52 → 00:22:55 ใส่เสื้อผ้าด้วยนะครับผมก็ลองไปหาเปเปอร์
00:22:55 → 00:22:58 ที่เทียบเคียงกันว่าเออมีใครทดสอบตอบ
00:22:58 → 00:23:01 ประมาณนี้อีกไมนะครับเขเจอว่าผมไปลองทำทำ
00:23:01 → 00:23:03 ตัวเลขแล้วก็เทียบมาแล้วนะครับเขเจอว่า
00:23:03 → 00:23:05 ไอ้นาทีที่ผมพูดไปเนี่ยนะครับสิ่งที่ทุก
00:23:05 → 00:23:08 คนควรจะทำเนี่ยควรจะเอาตัวเลขนั้นไปคูณ
00:23:08 → 00:23:11 กับ 5 ก็จะได้ระยะเวลาที่เหมาะสมของแต่ละ
00:23:11 → 00:23:15 Skin type นะครับถ้าจะสรุปให้เร็วๆง่าย
00:23:15 → 00:23:18 ๆนะครับถ้าใครเป็น Skin Type 1 2 คือ
00:23:18 → 00:23:21 ตีว่าขาวควรจะอยู่ในแสงแประมาณ 15-30
00:23:21 → 00:23:24 นาทีต่อวันถึงจะได้วิิ D3 1000 IU คือ
00:23:24 → 00:23:27 เพียงพอแน่ๆนะครับถ้าเป็นผิวน้ำตาลคือสี
00:23:27 → 00:23:30 เบสตัวเหลืองๆอย่างประมาณผมเนี่ยสิน type
00:23:30 → 00:23:34 3 type 4 เนี่ยควรต้องอยู่ในแดด 45-60
00:23:34 → 00:23:38 นาทีถึงจะพอนะครับถ้าเป็นแบบผิวเข้มแบบ
00:23:38 → 00:23:41 น้ำตาลเข้มเลยนะครับ type 5 type 6
00:23:41 → 00:23:45 ควรจะเจอแดดอย่างน้อย 1 ชมขึ้นไปครับ 75
00:23:45 → 00:23:48 นาทีอะไรเงี้ยถึงจะเพียงพอที่จะได้รับ
00:23:48 → 00:23:50 วิตามิน D3 นะครับเพราะงั้นเป็นตัวเลขที่
00:23:51 → 00:23:53 เราพอจะทดไว้ในใจแล้วก็เอาไว้ใช้วางแผน
00:23:53 → 00:23:56 ได้เผื่อเราจะไป jing ตอนเช้าหรือจะไปทำ
00:23:56 → 00:23:59 กิจกรรม jing Outdoor ตอนเย็นนะครับก็จะ
00:23:59 → 00:24:01 ได้รู้ว่าเออเราต้องใช้เวลาประมาณนี้นะ
00:24:01 → 00:24:05 ครับทีนี้เมื่อกี้มีพูดถึงพื้นที่ผิวที่
00:24:05 → 00:24:07 มัน expose กับแสงแดดก็ต้องบอกว่ามันมีผล
00:24:07 → 00:24:09 มากๆเพราะว่าร่างกายของเราทั้งหมดเนี่ย
00:24:09 → 00:24:12 สามารถที่จะสร้างวิตามินดีจากแสงแดดได้
00:24:12 → 00:24:14 ทั้งนั้นถ้าเกิดมีอะไรก็ตามมาปกคลุมนะ
00:24:14 → 00:24:17 ครับยิ่งใส่แขนสั้นอย่างเงี้ยกับแขนยาว
00:24:17 → 00:24:19 เนี่ยครับพื้นที่ผิวลดน้อยลงการสร้างวิิ
00:24:19 → 00:24:21 D3 เนี่ยก็ลดน้อยลงตามไปด้วยนะเพราะ
00:24:22 → 00:24:24 ฉะนั้นเค้ามีการทดลองเลยนะครับว่าจริงๆ
00:24:24 → 00:24:28 แล้วอ่ะผิวหนังเพียงแค่ 5% ที่เจอแสงแดด
00:24:28 → 00:24:30 เนี่ยก็กว้างพอเยอะพอที่จะสังเคราะห์วิ D3
00:24:30 → 00:24:32 ให้เราแล้วนะครับถามว่า 5% เนี่ยเทียบ
00:24:32 → 00:24:34 เท่ากับอะไรเทียบเท่ากับแบบนี้ครับก็คือ
00:24:34 → 00:24:37 หน้าของเราแล้วก็หลังมือของเรา 2 ข้าง
00:24:37 → 00:24:39 เนี่ยเท่าเนี้ยก็ 5% แล้วนะครับเพราะ
00:24:39 → 00:24:42 ฉะนั้นถ้าเกิดว่าใครออกกำลังกายแล้วก็
00:24:42 → 00:24:45 เลือกเสื้อผ้าถ้าเป็นแขนสั้นเราใส่แขน
00:24:45 → 00:24:47 สั้นขาสั้นไปออกกำลังกายไปจอกกิ้งเนี่ย
00:24:47 → 00:24:50 เราก็ควรจะ spend Time Outdoor น้อย
00:24:50 → 00:24:52 กว่าวันที่เราใส่เสื้อผ้าแขนยาวขายาวออก
00:24:52 → 00:24:55 ไปจอกกิ้งนั่นเองก็สามารถที่จะ adapt ได้
00:24:55 → 00:24:57 นะครับโดยใช้ความรู้ตรงนี้เนาะทีนี้อย่าง
00:24:57 → 00:25:00 ที่บอกไปว่าต้องการ D3 จากแสงแดดแต่เรา
00:25:00 → 00:25:02 ไม่ต้องการมะเร็งจาก UV เช่นกันนะครับ
00:25:02 → 00:25:04 แล้วอย่างนี้เราควรจะ Balance มันยังไงผม
00:25:04 → 00:25:08 มีคำแนะนำแบบนี้ครับถ้าใครไม่เคยดู
00:25:08 → 00:25:10 พยากรณ์อากาศหรือว่าแอปมือถือที่มัน
00:25:10 → 00:25:14 สามารถจะบอกค่า UV index ได้ต่อจากนี้ไป
00:25:14 → 00:25:16 ควรจะเข้าไปดูแล้วนะครับเพราะก่อนที่ผมจะ
00:25:16 → 00:25:19 ออกไป jing เพื่อรับื้น D3 เนี่ยผมเช็ค UV
00:25:19 → 00:25:22 index เสมอนะครับถามว่า UV index เท่า
00:25:22 → 00:25:25 ไหร่เหมาะสม UV index อยู่ที่
00:25:25 → 00:25:30 3-5 เป็น UV index ที่ดีที่สุดที่จะไป
00:25:30 → 00:25:32 spend Time ข้างนอกในการทำ Outdoor
00:25:32 → 00:25:35 activities เพราะว่า UV ไม่เข้มจนเกินไป
00:25:35 → 00:25:38 และ uvb ยังมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะไป
00:25:38 → 00:25:41 กระตุ้นการสร้างวิตามิน B3 ในผิวหนังของ
00:25:41 → 00:25:44 เรานะครับอย่างวันเนี้ยผมมาอัดรายการใน
00:25:44 → 00:25:48 พื้นที่กรุงเทพฯนะครับผมว่าเช็คว่าเออ UV
00:25:48 → 00:25:50 index 3-5 นี่มันช่วงเวลาไหนบ้างก็เจอ
00:25:50 → 00:25:54 ว่าต้องก่อน 11 นและหลัง 1600 นนะครับจะ
00:25:54 → 00:25:57 เป็นช่วงที่ดีที่สุดซึ่งผมก็คิดว่ามันก็
00:25:57 → 00:26:00 ตอบโจทย์ชีวิตเราพอสมควรนะครับถ้าเกิดว่า
00:26:00 → 00:26:03 ใครเลิกงาน 17:00 นเนี่ยครับยังสามารถไป
00:26:03 → 00:26:06 ทำ Outdoor activities หรือว่า Exercise
00:26:06 → 00:26:08 ได้อย่างผมเองเนี่ยผมเลือกที่จะไปออก
00:26:08 → 00:26:11 กำลังกายท่ามกลางแสงแดดตอนเย็นเพราะว่า
00:26:11 → 00:26:13 มันตอบโจทย์ว่าเราหลังเลิกงานนะครับส่วน
00:26:13 → 00:26:16 ตอนเช้าเนี่ยผมก็พาตัวเองไปเจอแสงแดดเช่น
00:26:16 → 00:26:19 กันแต่ด้วยเหตุผลว่าเราต้องการให้สายตา
00:26:19 → 00:26:21 หรือว่าดวงตาของเราได้รับแสงเข้าไปเพื่อ
00:26:21 → 00:26:23 ทำให้ biological Clock ของเราเนี่ยมัน
00:26:24 → 00:26:26 ทำงานได้ดีเป็นปกติเพื่อบอกตัวเองว่าตอน
00:26:26 → 00:26:28 นี้คือตอนเช้าข้อที่ 7 ครับนอกจากจะได้
00:26:28 → 00:26:30 วิตามิน D3 จากแสงแดดแล้วยังสามารถจะได้
00:26:30 → 00:26:32 รับวิตามิน D3 จากการกินอาหารได้ด้วยนะ
00:26:32 → 00:26:35 ครับต้องมารู้จักว่าเอออาหารอะไรมี
00:26:35 → 00:26:37 วิตามิน D3 ที่ต้องการล่ะก่อนอื่นต้องบอก
00:26:37 → 00:26:40 ว่าวิตามิน D เนี่ยมันมี 2 ชนิดคือ d2
00:26:41 → 00:26:44 กับ D3 นะครับถามว่า d2 ได้จากไหนได้จาก
00:26:44 → 00:26:46 พืชคือพืชเองสามารถที่จะเปลี่ยน UV เป็น
00:26:46 → 00:26:49 วิตามิน D ได้เหมือนกันแต่เป็นรูป d2 แต่
00:26:49 → 00:26:52 สัตว์สามารถจะเปลี่ยน UV เป็น D3 ได้นะ
00:26:52 → 00:26:55 ครับเพราะฉะนั้นถ้าเรากินพืชได้ d2 กิน
00:26:55 → 00:26:57 สัตว์ได้ D3 ถามว่าแนะนำให้กินอะไรแนะนำ
00:26:57 → 00:27:01 ให้กิน D3 นะครับเพราะอะไรทั้ง d2 และ D3
00:27:01 → 00:27:03 เนี่ยมันสามารถจะเก็บอยู่ในธนาคารได้ทั้ง
00:27:03 → 00:27:06 คู่นะครับแต่มันเอามาใช้งานได้แตกต่างกัน
00:27:06 → 00:27:08 D3 ผมบอกไปว่ามันเหมือนกับเงินที่เราฝาก
00:27:08 → 00:27:11 ในบัญชีประจำเนาะแต่ d2 เนี่ยมันเหมือน
00:27:11 → 00:27:13 กับเราซื้อทองมาเก็บไว้มีมูลค่าทั้งคู่
00:27:13 → 00:27:17 แต่ถามว่าเราสามารถจะเอาเงินสดที่เก็บไว้
00:27:17 → 00:27:19 ธนาคารหรือทองไปใช้งาน Cash Flow ได้
00:27:19 → 00:27:22 ง่ายกว่ากันแน่นอนเป็นเงินสดหลักการเดียว
00:27:22 → 00:27:24 กันเลยนะครับ D3 ร่างกายสามารถเปลี่ยนรูป
00:27:24 → 00:27:26 D3 ให้อยู่ในรูปที่มันเป็น Active form
00:27:26 → 00:27:28 เข้าไปในเลือดและไปกระตุ้นการทำงานของ
00:27:28 → 00:27:30 ร่างกายได้ง่ายกว่า d2 นั่นเองเพราะ
00:27:30 → 00:27:34 ฉะนั้นอยากกินวิตามินดีกินจากสัตว์เป็น
00:27:34 → 00:27:36 หลักนะครับถามว่าในสัตว์เนี่ยต้องกิน
00:27:36 → 00:27:38 สัตว์หรือส่วนไหนของสัตว์ที่มันมีมี
00:27:38 → 00:27:41 วิตามิน D3 เยอะนะครับดีที่สุดเลยคือการ
00:27:41 → 00:27:44 กินปลาครับปลาที่มีไขมันเยอะๆเนี่ยก็จะมี
00:27:44 → 00:27:46 วิตามิน D3 เยอะตามไปด้วยนะครับถ้าเกิด
00:27:46 → 00:27:48 ว่าเป็นปลาน้ำจื่อที่หาได้ในไทยนะครับก็
00:27:48 → 00:27:52 โอนี่เลยปลาตะเพียนปลาทับทิมปลานิลปลา
00:27:52 → 00:27:55 ช่อนปลาดุกปลาสวายหรือดอลลี่ั่นแหละครับ
00:27:55 → 00:27:57 กินได้เลยครับมีไขมันเยอะแล้วก็มีวิตามิน
00:27:57 → 00:28:00 D3 เยอะนะครับสำหรับปลาทะเลที่หาได้ใน
00:28:00 → 00:28:02 ไทยนะครับก็ตั้งแต่นี่เลยปลากระบอกปลา
00:28:02 → 00:28:06 กระพงปลาอินทรีย์ปลาสำลีแล้วก็ปลาทูครับ
00:28:06 → 00:28:08 เหล่าเนะครับสามารถที่จะกินเข้าไปเลยมี
00:28:08 → 00:28:10 วิตามิน D3 เยอะหรือถ้าจะเป็นปลาเมืองนอก
00:28:10 → 00:28:14 หน่อยเนี่ยตระกุลแซลมอนซารีนเฮิเนี่ยครับ
00:28:14 → 00:28:17 กินได้เลยวิตามิน D3 เยอะมากๆเลยนะครับ
00:28:17 → 00:28:19 ถ้าใครชอบกินปลาแนะนำกินปลาครับเพราะว่า
00:28:19 → 00:28:22 ปลา 100 กรัมเนี่ยนะครับโดยเฉลี่ยเนี่ยก็
00:28:22 → 00:28:25 จะมีวิตามิน D3 เนี่ยอยู่ตั้งแต่ 300 ไป
00:28:25 → 00:28:28 ถึง 700 IU เลยถึงว่าเยอะมากๆเพราะันนึง
00:28:28 → 00:28:30 ต้องการแค่ประมาณ 600 I เท่านั้นเองแต่
00:28:30 → 00:28:33 ถ้าเกิดว่าใครไม่ใช่สายปลาเป็นสายหอยหอย
00:28:33 → 00:28:35 นี่ก็ได้อยู่นะหอยนางลม 100 กรัมเนี่ยมี
00:28:35 → 00:28:39 วิิ D3 อยู่ 300 IU โอ้เยอะไม่แพ้กันนะ
00:28:39 → 00:28:41 ครับและถ้าเป็นเนื้อสัตว์แดง่ะต้องบอกว่า
00:28:41 → 00:28:44 ก็พอมีแต่มันน้อยกว่าปลาและหอยมากๆนะครับ
00:28:44 → 00:28:46 อย่างเนื้อหมู 100 กรัมเนี่ยมี D3 อยู่
00:28:46 → 00:28:49 ประมาณ 50 IU ถ้าเป็นตับวัว 100 กรัมมี
00:28:49 → 00:28:54 D3 อยู่ 40 IU ไข่แดง 1 ฟองมีวิตามิน D3
00:28:54 → 00:28:58 40 IU นะครับเนื้อวัว 100 กรัมมีแค่ 10
00:28:58 → 00:29:00 IU ทีนี้นอกจากเนื้อสัตว์เนี่ยนะครับ
00:29:00 → 00:29:03 ผลิตภัณฑ์จากสัตว์อย่างเช่นนมเนี่ยอ่า
00:29:03 → 00:29:04 เดี๋ยวเนี้ยผู้ประกอบการเนี่ยเค้าก็จะมี
00:29:04 → 00:29:07 การแอดวิตามิน D3 เ้าเรียกว่า fortified
00:29:07 → 00:29:09 Milk นะครับมีการ Add D3 เข้าไปเพิ่มนะ
00:29:09 → 00:29:12 ครับนมสมัยเนี้ย 1 แก้วนะครับก็จะมี D3
00:29:12 → 00:29:15 อยู่ที่หลักประมาณ 100 IU แล้วแต่ยี่ห้อ
00:29:15 → 00:29:18 เพราะฉะนั้นเนี่ยสามารถจะพลิกหลังขวดดู
00:29:18 → 00:29:20 ได้นะครับทีนี้ถ้าเกิดอยากได้วิตามินดี
00:29:20 → 00:29:23 จากพืชบ้างล่ะอ่ะเห็ดนะครับจริงๆเห็ดเป็น
00:29:23 → 00:29:25 พืชที่ผลิตวิตามิน D เยอะที่สุดแต่เป็น
00:29:25 → 00:29:28 รูป d2 นะครับเห็ดประมาณ 1 ถ้วยเนี่ย
00:29:28 → 00:29:31 สามารถจะให้ d2 ได้ 136 IU เพราะฉะนั้น
00:29:31 → 00:29:34 เนี่ยไปเลือกกิ่นอาหารที่ Rich in
00:29:34 → 00:29:36 Vitamin D ได้นะครับทีนี้อยากจะเล่าให้
00:29:36 → 00:29:38 ฟังว่าเวลาที่เรากินอาหารที่มีวิตามิน D
00:29:38 → 00:29:40 เข้าไปแล้วเนี่ยนะครับมันแตกต่างจาก
00:29:40 → 00:29:43 วิตามิน D3 ที่ผิวหนังมันสร้างได้ยังไง
00:29:43 → 00:29:46 คือพอเรากินวิตามิน D3 เข้าไปแล้วนะครับ
00:29:46 → 00:29:49 เข้าไปตื๊ดๆๆเข้าไปถึงกระเพาะและลำไส้และ
00:29:49 → 00:29:52 ผ่านการดูดซึมเนี่ยสารอาหารทั้งหมดเนี่ย
00:29:52 → 00:29:55 มันจะถูกส่งไปที่ตับก่อนแล้วก็เป็นเจ้า
00:29:55 → 00:29:58 ตับนี่แหละครับที่จะเปลี่ยนวิตามิน D3 ใน
00:29:58 → 00:30:00 อาหารให้อยู่ในรูปของ Active form นะ
00:30:00 → 00:30:03 ครับแล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่ D3 อยู่ในรูป
00:30:03 → 00:30:05 Active form เนี่ยมันสามารถจะทำงานได้
00:30:05 → 00:30:08 เหมือนกับสเตียรอยด์ฮอร์โมนเลยเท่านั้น
00:30:08 → 00:30:10 ยังไม่พอเนี่ยมันยังไปควบคุมสมดุลของ
00:30:10 → 00:30:12 แคลเซียมเลยนะครับถ้ามีเยอะร่างกายก็จะ
00:30:13 → 00:30:16 ดูดซึมแคลเซียมเยอะนะครับร่างกายเราเนี่ย
00:30:16 → 00:30:19 ครับก็เลยจะเก็บ D3 ใน 2 รูปแบบคือไม่
00:30:19 → 00:30:21 Active กับ Active ไม่ Active ส่วนใหญ่
00:30:22 → 00:30:24 เนี่ยมันมาได้จากการสังเคราะห์จากแสงเนาะ
00:30:24 → 00:30:26 เก็บไว้ในธนาคารเหมือนกับการฝากบัญชี
00:30:27 → 00:30:29 ประจำนะครับซึ่งเก็บไว้ไม่เป็นอันตรายกับ
00:30:29 → 00:30:31 ร่างกายเพราะมีเยอะก็ไม่กระทบกับปริมาณ
00:30:31 → 00:30:34 แคลเซียมที่เยอะเกินไปนะครับกับอีกรูปแบบ
00:30:34 → 00:30:38 นึงคือวิตามิน D3 ที่ได้จากการกินอาหาร
00:30:38 → 00:30:40 หรืออาหารเสริมเนี่ยนะครับเมื่อกินเข้าไป
00:30:40 → 00:30:42 แล้วตับเปลี่ยนให้อยู่ในรูป Active form
00:30:42 → 00:30:44 เจ้า Active form เนี่ยมันสามารถที่จะไป
00:30:44 → 00:30:46 ควบคุมสมดุลแคลเซียมได้แล้วก็จะเก็บ
00:30:46 → 00:30:49 กระจายอยู่ทั่วร่างกายเลยนะครับ 35% เก็บ
00:30:49 → 00:30:52 ในไขมัน 30% อยู่ในเลือด 20% อยู่ในกล้าม
00:30:52 → 00:30:55 เนื้อแล้วก็ 15% เนี่ยอยู่ในที่เหลือทั่ว
00:30:55 → 00:30:58 ร่างกายนะครับถ้าเกิดว่าเรากินวิตามิน D3
00:30:58 → 00:31:00 มากจนเกินไปเนี่ยนะครับมันสามารถจะเป็น
00:31:00 → 00:31:03 พิษได้เพราะอะไรเพราะว่าถ้าเกิดว่าร่าง
00:31:03 → 00:31:05 กายเราเก็บ D3 อยู่ในรูป inactive form
00:31:05 → 00:31:08 จนเต็มแล้วเนี่ยสุดท้าย D3 ที่เหลือส่วน
00:31:08 → 00:31:11 เกินมันจะกลายอยู่ในรูป inactive form
00:31:11 → 00:31:13 ซึ่งจะอยู่ในเลือดแล้วก็ล้นไปหมดเลยซึ่ง
00:31:13 → 00:31:16 ถ้ามันมีตัว inactive form อยู่เยอะๆ
00:31:16 → 00:31:18 เนี่ยครับอย่างที่บอกไปว่ามันทำหน้าที่
00:31:18 → 00:31:21 เป็นเหมือนกับสเตียรอยด์ฮอร์โมนมันก็จะไป
00:31:21 → 00:31:24 เจ้ากี้เจ้ากันวิ่งเข้าไปในเซลล์นู้น
00:31:24 → 00:31:27 เซลล์นี้สั่งการให้เซลล์ทำงานเยอะเกินไป
00:31:27 → 00:31:29 ซึ่งซึ่งบางกิจกรรมเราไม่ต้องการให้มัน
00:31:29 → 00:31:31 เยอะขนาดนั้นนะครับแล้วก็ทำให้เกิดอาการ
00:31:31 → 00:31:34 เป็นพิษต่อร่างกายได้นั่นเองนั่นคือเหตุ
00:31:34 → 00:31:38 ผลว่าทำไมผมถึงบอกว่าวิตามิน D3 จากผิว
00:31:38 → 00:31:40 หนังที่ได้จากแสงแดดเนี่ยมันดีกว่าเพราะ
00:31:40 → 00:31:43 มันเซฟกว่านั่นเองนะครับแต่การที่เรากิน
00:31:43 → 00:31:45 วิทิ D3 เนี่ยถามว่าร่างกายต้องใช้มั้ย
00:31:45 → 00:31:48 ต้องการแต่ต้องการในปริมาณที่พอดีถ้ามัน
00:31:48 → 00:31:50 เยอะเกินไปเมื่อไหร่อันนั้นแหละจะเริ่ม
00:31:50 → 00:31:52 ไม่ดีกับร่างกายแล้วนะครับเพราะแทนที่มัน
00:31:52 → 00:31:54 จะทำให้ทุกอย่างเนี่ยทำงานได้เป็นระบบ
00:31:54 → 00:31:57 ระเบียบดีมากยิ่งขึ้นมันก็ไปปั่นป่วนทำ
00:31:57 → 00:31:59 ให้ให้ร่างกายเนี่ยมันว้าวุ่นแล้วก็ตื่น
00:31:59 → 00:32:02 ตัวมากเกินไปก็ทำให้เกิดอาการท็อกซิกนั่น
00:32:02 → 00:32:04 เองถามว่าถ้าเรามี D3 เยอะเกินไปเนี่ย
00:32:04 → 00:32:07 อาการท็อกซิกมันเป็นยังไงถ้า D3 เยอะผล
00:32:07 → 00:32:10 คือร่างกายจะดูดซึมแคลเซียมเยอะกระดูกก็
00:32:10 → 00:32:12 จะอัพเทคแคลเซียมเข้าไปเยอะกระดูกจะเปราะ
00:32:12 → 00:32:15 นะครับแล้วถ้าเลือดเรามีแคลเซียมเยอะจน
00:32:15 → 00:32:18 เกินไปเนี่ยครับคราวเนี้ยก็จะทั้งปวดหัว
00:32:18 → 00:32:21 เวียนหัวคลื่นไส้อาเจียนอ้วกนั่นคือระดับ
00:32:21 → 00:32:24 เบาๆนะครับแต่ถ้ามันเยอะมากๆไตเราเนี่ยก็
00:32:24 → 00:32:26 พังได้เพราะมันจะมีหินปูนอยู่ในไตหรือ
00:32:26 → 00:32:28 กระดูกเนี่ยถ้ามันมีแคลเซียมเยอะเกินไป
00:32:28 → 00:32:30 ไม่ใช่เรื่องดีครับกระดูกเราจะเปราะนะ
00:32:30 → 00:32:32 ครับเพราะฉะนั้นถ้าเกิดใครฟังอยู่แล้วกิน
00:32:33 → 00:32:35 อาหารเสริมที่เป็น D3 มานานต่อเนื่องใน
00:32:35 → 00:32:39 โดสที่เยอะเกินกว่า 600 ไมโครกรัมผมแนะนำ
00:32:39 → 00:32:41 ว่ารีบไปตรวจครับถ้าเจอว่าตอนนี้ D3 เรา
00:32:41 → 00:32:44 เยอะเกินไปแล้วสิ่งที่คุณควรต้องทำคือ
00:32:44 → 00:32:48 หยุดการกิน D3 และหยุดการกินแคลเซียมทัน
00:32:48 → 00:32:52 ทีเลยนะครับใช้เวลาดีท็อกซ์ประมาณซัก 2-3
00:32:52 → 00:32:54 อาทิตย์เดี๋ยวร่างกายจะค่อยๆกลับสู่สภาพ
00:32:54 → 00:32:57 ปกติแล้วเมื่อไหร่ร่างกายกลับสู่ภาวะป
00:32:57 → 00:33:01 ปกติค่อยกลับมาเริ่มการรับ D3 ใหม่
00:33:01 → 00:33:05 เปลี่ยนแผนใหม่คือเน้นปริมาณพอดีแต่สม่ำ
00:33:05 → 00:33:08 เสมอแทนนะครับแทนที่จะรับเยอะๆนะครับแต่
00:33:08 → 00:33:10 วันนี้ผมก็มีโอกาสคุยกับ co producer
00:33:10 → 00:33:12 ของรายการ Top to นะครับเค้าซื้อ wim D
00:33:12 → 00:33:15 3 มาแต่เป็น Overdose มากๆคือ 5,000 IU
00:33:15 → 00:33:17 แล้วพอผมบอกว่าเฮ้ยวันนึงร่างกายต้องการ
00:33:17 → 00:33:20 ไม่เกิน 6 -800 IU เนี่ยเค้าก็ถามว่า
00:33:20 → 00:33:22 เอ้ยแล้วอย่างเงี้ยเราต้องทิ้งไอ้สิ่งที่
00:33:22 → 00:33:25 เราซื้อมามยผมก็ต้องบอกว่าจริงๆอ่ะเา้ามี
00:33:25 → 00:33:27 clinical trial เลยนะครับไปเทียบดูว่า
00:33:27 → 00:33:30 คือคนที่แบบกินวิตามิน D3 Overdose นานๆ
00:33:30 → 00:33:34 แบบหลัก 4,000 5,000 IU เนี่ยมันมัน
00:33:34 → 00:33:38 โอเคมยร่างกายไหวไหจริงๆก็ต้องบอกว่ากิน
00:33:38 → 00:33:41 ได้นะครับถ้าคุณไม่ได้กินทุกวันคือมัน
00:33:41 → 00:33:43 สามารถจะคิดได้ง่ายๆแบบนี้เลยครับวิิ D
00:33:43 → 00:33:46 ร่างกายต้องการวันละ 600 I ถูกมยทุกวัน
00:33:46 → 00:33:48 ทุกวันเท่ากับว่าอาทิตย์นึง 7 วันเนี่ย
00:33:48 → 00:33:51 เอา 7 * 600 มันก็คือประมาณ 4,200 IU
00:33:51 → 00:33:54 ด้วยความที่วิตามิน D เนี่ยมันสะสมในร่าง
00:33:54 → 00:33:57 กายนะครับโดยทฤษฎีแล้วเราสามารถที่จะรับ
00:33:57 → 00:34:01 วิตามิดีเข้าไปในปริมาณมากแต่ทำอาทิตย์ละ
00:34:01 → 00:34:04 ครั้ง 2 อาทิตย์ครั้งได้แล้วก็ปล่อยให้
00:34:04 → 00:34:07 ร่างกายทยอยใช้ไอ้ที่เรารับเข้าไปแล้วก็
00:34:07 → 00:34:10 ไม่ต้องกินเพิ่มถามว่าร่างกายจะยังโอเค
00:34:10 → 00:34:13 ไหมก็อาจจะยังโอเคอยู่นะครับก็อาจจะเป็น
00:34:13 → 00:34:15 ทางเลือกได้สำหรับใครที่ซื้อมาแล้วแล้ว
00:34:15 → 00:34:17 ยังไม่อยากโยนทิ้งนะครับเราสามารถจะ
00:34:17 → 00:34:21 บริหารการเอาวิตามิน D3 เข้าไปได้โดยใช้
00:34:21 → 00:34:23 เนี่ยตัวเลขที่ผมบอกไปต้องการวันละ 600
00:34:23 → 00:34:26 IU นะครับแล้วถ้าเกิดว่าเกิดร่างกายได้
00:34:26 → 00:34:28 รับเยอะเกิ้นไปท็อกซิกเนี่ยเเราไปเจอคุณ
00:34:28 → 00:34:30 หมอคุณหมออาจจะให้เรานอนรับน้ำเกลือหรือ
00:34:30 → 00:34:32 ว่ามีวิธีในการที่ดีท็อกซ์วิตามิน D ให้
00:34:32 → 00:34:34 เราได้ยังไงลองปรึกษาคุณหมอได้นะครับนั่น
00:34:34 → 00:34:37 คือข้อ 7 การรับวิตามิน D3 จากอาหารนั่น
00:34:37 → 00:34:41 เองข้อ 8 การรับวิตามิน D3 จากอาหารเสริม
00:34:41 → 00:34:44 ล่ะจะต้องเลือกอาหารเสริมยังไงอย่างที่
00:34:44 → 00:34:47 บอกข้อแรกนะครับต้องรู้ก่อนว่าววิตามิน D3
00:34:47 → 00:34:50 เราต้องการวันละ 600 IU ถ้าคุณไม่เกิน 70
00:34:50 → 00:34:53 แต่ถ้าแก่กว่า 70 ต้องการ 800 IU ถามว่า
00:34:53 → 00:34:56 กินประมาณวันละ 1,000 I โอเคไมยก็ยัง
00:34:56 → 00:34:58 โอเคอยู่นั่นคือข้อที่ 1 นะครับข้อที่ 2
00:34:58 → 00:35:02 ถามว่าซื้อจากไหนดีปกติแล้ววิตามิน D3
00:35:02 → 00:35:03 ที่อยู่ในรูปอาหารเสิร์ฟเนี่ยครับมักจะ
00:35:03 → 00:35:07 แฝงอยู่แล้วในผลิตภัณฑ์อย่างเช่นน้ำมัน
00:35:07 → 00:35:09 ตับปลาหรือว่าคอ R Oil นะครับถ้าเราซื้อ
00:35:09 → 00:35:12 น้ำมันตับปลาเนี่ยมันจะได้ทั้งวิตามิน D3
00:35:12 → 00:35:14 และแถมวิตามิน a มาด้วยอยู่แล้วเพราะ
00:35:14 → 00:35:18 ฉะนั้นกินได้เลยครับยังไงคุณได้วิตามิน D3
00:35:18 → 00:35:20 หรือถ้าเกิดว่าใครไม่ได้อยากได้ไขมันดี
00:35:20 → 00:35:23 จากปลาทะเลลึกคุณอาจจะซื้อวิตามิน D3 ที่
00:35:23 → 00:35:26 เป็นเพียวๆก็ได้แต่เลือกโดสดีๆผมแนะนำว่า
00:35:26 → 00:35:29 ประมาณ 600 แล้วกินเรื่อยๆทุกวันเนี่ยดี
00:35:29 → 00:35:32 กว่าเซฟกว่าแน่ๆนะครับข้อที่ 3 ควรจะกิน
00:35:32 → 00:35:35 ตอนไหนกินพร้อมมื้ออาหารครับเพราะวิตามิน
00:35:35 → 00:35:37 D3 ละลายในไขมันกินอาหารที่มีไขมันเนี่ย
00:35:38 → 00:35:41 จะดูดซึมดีแล้วถามว่ามื้อไหนล่ะถ้าส่วน
00:35:41 → 00:35:44 ตัวจากที่ผมอ่านงานวิจัยมาเเจอว่าช่วง
00:35:44 → 00:35:47 เวลาที่ร่างกายดูดซึม D3 ได้ดีที่สุดคือ
00:35:47 → 00:35:50 ช่วงเวลาบ่ายแก่ๆหรือช่วงเย็นเพราะฉะนั้น
00:35:50 → 00:35:53 หลังมื้อเย็นเป็นเวลาที่อาจจะดีที่สุดใน
00:35:53 → 00:35:56 การ Take supplement D3 เข้าไปนะครับ
00:35:56 → 00:35:58 แล้วข้อดีของการกินวิตามิน D3 ตอนเย็นก็
00:35:59 → 00:36:00 คือว่าถ้าเรากิน D3 เข้าไปแล้วตอนเย็น
00:36:00 → 00:36:03 เนี่ยทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและ
00:36:03 → 00:36:06 แมกนีเซียมดีตามไปด้วยซึ่งทั้งแคลเซียม
00:36:06 → 00:36:09 และแมกนีเซียมเนี่ยนะครับควรจะได้เยอะๆ
00:36:09 → 00:36:11 ตอนเย็นเพราะมันช่วยทำให้การนอนหลับของ
00:36:11 → 00:36:15 เราดีแล้วก็ช่วยให้การซ่อมแซมกระดูกตอน
00:36:15 → 00:36:17 กลางคืนของเราดีด้วยนะครับข้อสุดท้ายที่
00:36:17 → 00:36:19 ควรรู้สำหรับการ Take supplement D3
00:36:19 → 00:36:23 คืออย่ากินเยอะเกิดนเพราะว่ามันสะสมใน
00:36:23 → 00:36:26 ร่างกายแล้วมันเป็นพิษได้ด้วยนี่คือทั้ง
00:36:26 → 00:36:28 หมดที่ควรจะรู้สำหรับการ Take supplement
00:36:28 → 00:36:31 นะครับข้อที่ 9 ครับการฉีบวิตามิน D3
00:36:31 → 00:36:34 เข้าไปในร่างกายเนี่ยควรจะทำมคำตอบของผม
00:36:34 → 00:36:38 ก็คือว่าถ้าคุณไปตรวจเลือดแล้วแล้วเจอว่า
00:36:38 → 00:36:41 คุณมีภาวะวิตามินดี deficiency คือขาด
00:36:41 → 00:36:45 วิตามินดีหนักมากเนี่ยนะครับแล้วอยู่ภาย
00:36:45 → 00:36:48 ใต้การดูแลของคุณหมอที่เชี่ยวชาญเนี่ย
00:36:48 → 00:36:51 สามารถที่จะฉีดวิตามินดีเข้าไปในร่างกาย
00:36:51 → 00:36:53 ได้นะครับซึ่งการฉีดวิตามินดีเข้าไปใน
00:36:53 → 00:36:56 ร่างกายที่ดีคือการฉีดวิตามินดีเข้าไปที่
00:36:56 → 00:36:58 กล้ามเนื้อคือบริเวณ del Toy คือบริเวณ
00:36:58 → 00:37:01 หัวไหลเนี่ยครับคือวิธีที่ดีที่สุดในการ
00:37:01 → 00:37:05 ฉีดวิ D3 เข้าไปนะครับแล้วถ้าใครฉีด D3
00:37:05 → 00:37:07 เนี่ยจะรู้ว่าโดสที่เขาใช้เนี่ยมันเยอะ
00:37:07 → 00:37:11 มากๆนะครับอยู่ในช่วง 200,000 - 300,000
00:37:11 → 00:37:15 IU ต่อการฉีด 1 ครั้งนั้นเท่ากับว่าการ
00:37:15 → 00:37:18 ฉีด D3 เข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียวต่อปีก็
00:37:18 → 00:37:21 อาจจะเพียงพอหรืออย่างมากเนี่ยอาจจะ 6
00:37:21 → 00:37:25 เดือนครั้งต่อปีก็เพียงพอซึ่งแนะนำเฉพาะ
00:37:25 → 00:37:29 สำหรับคนที่มีเพาวะ D deficiency หรือ
00:37:29 → 00:37:32 ว่ามีโรคบางอย่างที่ทำให้การดูดซึม
00:37:32 → 00:37:35 วิตามินดีเข้าทางลำไส้เนี่ยทำไม่ได้ดี
00:37:35 → 00:37:38 นั่นเองนะครับเพราะฉะนั้นใครอยากฉีดไป
00:37:38 → 00:37:41 ตรวจก่อนและควรจะฉีดภายใต้การดูแลของคุณ
00:37:41 → 00:37:44 หมอถึงจะปลอดภัยครับนั่นคือ 9 ข้อที่ทุก
00:37:44 → 00:37:46 คนควรจะรู้เกี่ยวกับวิตามินดีนะครับผม
00:37:46 → 00:37:49 สรุปให้สั้นๆอีกรอบนึงแล้วกันนะครับข้อ
00:37:49 → 00:37:52 แรกนะครับวิตามินดีเป็นหนึ่งในวิตามินที่
00:37:52 → 00:37:55 คนไทยขาดเยอะที่สุดและเราทุกคนควรจะตรวจ
00:37:55 → 00:37:57 เลือดอยู่สม่ำเสมอทุกปีเพื่อดูว่าเราขาด
00:37:57 → 00:38:00 วิตามินดีหรือเปล่านะครับถ้าไม่พอเสริม
00:38:00 → 00:38:02 แต่ถ้าเรามีพอเหมาะหรือว่ามีเยอะเกินไป
00:38:02 → 00:38:04 แล้วก็ไม่ควรจะรับเยอะเกินไปเพราะเยอะไป
00:38:04 → 00:38:07 อันตรายนะครับข้อที่ 2 วิตามิน D3 ที่ได้
00:38:07 → 00:38:11 รับจากแสงแดดมันดีที่สุดเลยนะครับเพราะ
00:38:11 → 00:38:13 ฉะนั้นต่อให้เมืองไทยแดดจะแรงเนี่ยผมแนะ
00:38:13 → 00:38:16 นำว่าเราควรจะพาตัวเองไปทำ Outdoor
00:38:16 → 00:38:19 activities โดยเลือกการทำ Outdoor
00:38:19 → 00:38:21 activities ตอนที่ UV index เนี่ยไม่
00:38:21 → 00:38:24 เกิน 5 นะครับคือ 3-5 ดีที่สุดแล้วก็ควร
00:38:24 → 00:38:28 จะทากันแดกที่มี SPF ที่เหมาะสมด้วยนะ
00:38:28 → 00:38:31 ครับอย่างน้อย 30 ขึ้นไปครับ 50 ขึ้นไป
00:38:31 → 00:38:34 ได้ดีเลยนะครับอย่างที่ 3 ครับร่างกายเรา
00:38:34 → 00:38:37 ต้องการวิตามิน D3 วันละ 600 IU เท่า
00:38:37 → 00:38:40 นั้นเองยกเว้นคุณอายุเกิน 70 ถึงต้องการ
00:38:40 → 00:38:42 800 IU อย่ากินเยอะเกินนะครับไม่ใช่
00:38:42 → 00:38:46 เรื่องดีเนาะสุดท้ายถ้ากินมนแนะนำว่ากิน
00:38:46 → 00:38:49 น้อยๆสม่ำเสมอดีกว่าและถ้าใครกินโดสเยอะๆ
00:38:50 → 00:38:52 ผมแนะนำว่าให้ Take A bak บ้างซัก 1
00:38:52 → 00:38:54 อาทิตย์ 2 อาทิตย์แล้วค่อยกลับมากินใหม่
00:38:54 → 00:38:56 ก็จะปลอดภัยกับร่างกายมากขึ้นสุดท้ายการ
00:38:56 → 00:38:59 ฉีดข้าว่าร่างกายทำได้ถ้าคุณบกพร่อง
00:38:59 → 00:39:01 วิตามินดีจริงๆและควรทำภายใต้การดูแลของ
00:39:01 → 00:39:03 หมอถ้าทำเหล่านี้รับรองว่าคุณจะไม่ขาด
00:39:04 → 00:39:06 วิตามินดีแล้วสุขภาพคุณจะแข็งแรงแล้วก็
00:39:06 → 00:39:09 แก่ช้าอย่างแน่นอน
00:39:09 → 00:39:13 ครับ Top to Toe The Standard
00:39:13 → 00:39:18 podcast Eye Opening for your ears