00:00:00 → 00:00:01 คือทุกคนชอบคิดว่าตัวเองไม่กินอะไรแล้ว
00:00:01 → 00:00:03 อ้วน
00:00:03 → 00:00:05 ฮอร์โมนความหิวมันอันตรายมันจะเพิ่มขึ้น
00:00:05 → 00:00:08 มันจะเอาชนะมันทำให้เราหิวขึ้นกินเก่ง
00:00:08 → 00:00:11 ขึ้นขนมต้ม 1 ชิ้นเนี่ยพลังงานประมาณข้าว
00:00:11 → 00:00:13 กับ 1 ทัพทีเรากินขนมต้มไป 5 ชิ้น
00:00:13 → 00:00:14 >> ก็เหมือนกินข้าวไป 5 จาน
00:00:14 → 00:00:17 >> ก็กินข้าวไป 5 จานข้าว
00:00:17 → 00:00:19 >> เฮ้ยยาฉีดมันดีขนาดนั้นเลยหรอมันเท่ากับ
00:00:19 → 00:00:21 การตัดกระเพาะเลยหรออย่างเงี้ยก็ไม่ต้อง
00:00:21 → 00:00:22 ไปทำแล้วหรือเปล่า
00:00:22 → 00:00:25 >> 22.5% 5% ใน maximum โดสของเขานะคะโดย
00:00:25 → 00:00:29 ที่ไม่ต้องผ่าตัดร่างกายเราจำว่าร่างกาย
00:00:29 → 00:00:31 ของเรามันเผาผลาญได้ 800 พอเรากลับมากิน
00:00:31 → 00:00:34 1,200 เท่าเดิมกลายเป็นโยโยอย่างที่บอก
00:00:34 → 00:00:37 ค่ะวินัยสำคัญที่สุดทุกคนจะต้องมีไestyle
00:00:37 → 00:00:40 modification ไม่ใช่แต่ว่าจะฉีดยาอย่าง
00:00:40 → 00:00:42 เดียวโรคอ้วนเป็น Chronic disease เพราะ
00:00:42 → 00:00:44 ฉะนั้นถ้าเราจะสู้กับมันเราต้องสู้กับมัน
00:00:44 → 00:00:46 ตลอดชีวิตค่ะ
00:00:46 → 00:00:49 >> สวยสอี่กับอุมโอลิเวียสวัสดีค่ะรายการที่
00:00:49 → 00:00:52 เราจะเชิญผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในเรื่องของ
00:00:52 → 00:00:54 สุขภาพแล้วก็ความสวยความงามมาคุยกันค่ะ
00:00:54 → 00:00:56 วันนี้เนโอมได้รับเกียรติจากคุณหมอบิ๋ว
00:00:57 → 00:00:59 นิรัถานะคะเพื่อนสนิทผมเองที่จะมาพูดคุย
00:00:59 → 00:01:03 ในเรื่องของโรคเบาหวานโรคอ้วนการลดน้ำ
00:01:03 → 00:01:06 หนักต่างๆนะคะวันนี้บิวสวัสดีค่ะ
00:01:06 → 00:01:09 >> สวัสดีค่ะแพทย์หญิงเนถาจันทวัฒนนะคะ
00:01:09 → 00:01:11 อายุรแพทย์ต่อมไร้ทอดโรงพยาทหารผ่านศึกนะ
00:01:11 → 00:01:12 คะ
00:01:12 → 00:01:14 >> และที่วันนี้นะคะผมเชิญหมอบิวมาคุยใน
00:01:14 → 00:01:15 เรื่องของการลดความอ้วนเนี่ยเป็นเพราะว่า
00:01:16 → 00:01:19 ที่โรงพยาบาลใช่มั้ยคะกำลังจะเปิดคลินิก
00:01:19 → 00:01:21 ลดน้ำหนักโดยเฉพาะอยากให้บิวเล่าให้ฟัง
00:01:21 → 00:01:24 นิดนึงโรคอ้วนก็เป็นโรคที่เป็นโรคเรื้อ
00:01:24 → 00:01:27 รังแล้วก็เป็นโรคที่คนไทยเป็นเยอะนะคะทาง
00:01:27 → 00:01:29 โรงพยาบาลผ่านศึกก็เล็งเห็นปัญหาของโรค
00:01:29 → 00:01:33 อ้วนเราก็เลยจะเปิดคลินิกลดน้ำหนักทุกวัน
00:01:33 → 00:01:36 พุธที่ 1 2 3 ของเดือนโดยจะเริ่มต้นที่
00:01:37 → 00:01:40 เดือนสิงหาคมนี้แต่เป็นคลินิกนอกเวลานะคะ
00:01:40 → 00:01:44 เวลา 16.00 น.ถึง 20.00 น.นะคะของทุกวัน
00:01:44 → 00:01:47 พุธที่ 1 2 3 นะคะ
00:01:47 → 00:01:49 >> ถ้าเกิดใครสนใจเนาะการลดน้ำหนักลดความ
00:01:49 → 00:01:51 อ้วนโดยแพทย์
00:01:51 → 00:01:51 >> ค่ะ
00:01:51 → 00:01:53 >> ก็สามารถแวะเวียนไปเจอกันได้
00:01:53 → 00:01:57 >> ได้ค่ะ
00:01:57 → 00:01:59 >> พออายุมากขึ้นน่ะเรื่องของการควบคุมน้ำ
00:01:59 → 00:02:02 หนักอ่ะก็รู้สึกว่ามันยากลำบากมากขึ้นไป
00:02:02 → 00:02:04 เรื่อยๆแล้วการลดน้ำหนักเนี่ยก็มีหลาก
00:02:04 → 00:02:06 หลายวิธีมากๆเนาะศาสตร์นู้นศาสตร์นี้แต่
00:02:06 → 00:02:08 วันนี้เนี่ยผมเชิญบิวมาก็เพราะว่าอยากให้
00:02:08 → 00:02:11 เล่าให้ฟังว่าแล้วศาสตร์ของแพทย์แผน
00:02:11 → 00:02:14 ปัจจุบันน่ะเขาทำอะไรกันบ้างขอแทนตัวเอง
00:02:14 → 00:02:16 ว่าหมอบิวหรือเรียกว่าบิวก็ได้นะคะแต่ว่า
00:02:16 → 00:02:18 ขอเรียกว่าบิวแล้วกันเพราะเหมือนคุยกัน
00:02:18 → 00:02:19 แชร์กัน
00:02:19 → 00:02:20 >> เรามาคุยกัน
00:02:20 → 00:02:21 >> เหมือนเพื่อนคุยกับเพื่อน
00:02:21 → 00:02:24 >> มากกว่านะคะอย่างแรกถ้าจะพูดถึงโรคอ้วนนะ
00:02:24 → 00:02:26 คะเราต้องคุยก่อนนิยามของโรคอ้วนคืออะไร
00:02:26 → 00:02:30 นะคะโรคอ้วนคือโรคที่มีแฟชสะสมในร่างกาย
00:02:30 → 00:02:33 มากกว่าปกติเพราะฉะนั้นนักกล้ามที่มีใหญ่
00:02:33 → 00:02:36 ๆน้ำหนักเกินอันนั้นเไม่ใช่เป็นโรคอ้วนนะ
00:02:36 → 00:02:39 คะเพราะเขาเป็นแต่ถ้าคนที่อ้วนน่ะก็คือ
00:02:39 → 00:02:42 ว่าแฟชเกินไขมันเกินอันนี้ถือว่าเป็นโรค
00:02:42 → 00:02:45 อ้วนเค้ามีเปอร์เซ็นต์มยว่าเวลาเราไปตรวจ
00:02:45 → 00:02:46 มวลร่างกายอ่ะนึกออกป่ะ
00:02:46 → 00:02:48 >> มีค่ะเขาจะมีเปอร์เซ็นต์แฟชแล้วเขาจะบอก
00:02:49 → 00:02:51 เลยว่าแฟชส่วนไหนเราเกินแฟชส่วนไหนเราพอ
00:02:51 → 00:02:54 เดี๋ยวนี้ในหลายๆฟิตเนสหรือในสถาบันรถ
00:02:54 → 00:02:57 ความอ้วนหลายๆที่ค่ะเขาจะมีที่วัดเดี๋ยว
00:02:57 → 00:03:01 นี้ที่วัดที่แบบเป็นตัวหลักจริงๆอ่ะค่ะ
00:03:01 → 00:03:03 เขาจะเรียก dexa scan นะคะแต่ว่าไม่ค่อย
00:03:03 → 00:03:05 มีหรอกค่ะเราจะวัดเป็นinบอดกัน
00:03:05 → 00:03:06 >> อือ
00:03:06 → 00:03:06 >> ก็ง่ายๆ
00:03:06 → 00:03:08 >> แล้วอย่างงี้ที่โรงพยาบาลหวิวที่แบบมี
00:03:08 → 00:03:11 แผนกลดความอ้วนเลยอะไรอย่างเงี้ยมีมั้ย
00:03:11 → 00:03:14 >> ตอนเนี้ยเป็นหมอเบาหวานนะคะแล้วคนไข้ที่
00:03:14 → 00:03:17 เป็นเบาหวานส่วนใหญ่ก็จะมีภาวะน้ำหนัก
00:03:17 → 00:03:20 เกินหรือโรคอ้วนร่วมด้วยแต่ว่าตัวที่เป็น
00:03:20 → 00:03:23 อินบอี้จริงๆที่โรงพยาบาลยังไม่มีนะคะแต่
00:03:23 → 00:03:26 ว่าสามารถทำได้ในตามที่คลินิกที่มีหรือ
00:03:26 → 00:03:29 ว่าทำได้ตามเดี๋ยวนี้ยิมส่วนใหญ่ยิมมี
00:03:29 → 00:03:32 inบอดหมดอ่ะค่ะดูว่าแฟชเกินmusซิมีเท่า
00:03:32 → 00:03:35 ไหร่เขาจะบอกเลยว่าแฟชตรงไหนเกินแฟชตรง
00:03:35 → 00:03:38 แขนตรงขาตรงพุงตรงอะไรเกินเนี่ยค่ะเขาบอก
00:03:38 → 00:03:40 ได้หมดเลยค่ะว่าแฟชเกิน
00:03:40 → 00:03:42 >> อ่าก็แสดงว่าเครื่องเนี้ยเชื่อถือใช่
00:03:42 → 00:03:43 สามารถมาอ้างอิงทางการแพทย์ได้
00:03:43 → 00:03:46 >> สามารถอ้างอิงได้ค่ะเชื่อถือได้ในระดับ
00:03:46 → 00:03:46 หนึ่ง
00:03:46 → 00:03:48 >> อยากไว้ที่บ้านเลยเนี่ย
00:03:49 → 00:03:51 >> คือถามว่ามีที่บ้านได้มยก็มีราคามันมี
00:03:52 → 00:03:55 ตั้งแต่ไม่แพงมากจนถึงแพงมากนะคะ
00:03:55 → 00:03:56 >> ไม่แพงมากนี่เท่าไหร่
00:03:56 → 00:03:58 >> อันนี้ไม่มั่นใจเหมือนกันค่ะมีแต่ว่าแต่
00:03:59 → 00:04:01 ถ้าไม่แพงมากมันก็จะบอกรายละเอียดอะไรไม่
00:04:01 → 00:04:03 ค่อยได้เยอะอย่างถ้าแพงมากๆหน่อยก็หมือัพ
00:04:03 → 00:04:04 ขึ้นไปอ่ะค่ะ
00:04:04 → 00:04:06 >> ปัจจุบันมันก็จะมีเครื่องชั่งน้ำหนัก
00:04:06 → 00:04:06 เหมือนกัน
00:04:06 → 00:04:06 >> ใช่
00:04:07 → 00:04:09 >> ใช่มยที่มันเป็นแบบดิจิตอลขึ้นจริงๆแล้ว
00:04:09 → 00:04:12 ก็มีเหมือนกันที่บ้านก็เ้าจะวัดน้ำหนัก
00:04:12 → 00:04:15 วัดน้ำวัดไขมันวัดกล้ามเนื้อด้วยอันนี้
00:04:15 → 00:04:16 เชื่อถือได้มั้ยถ้าเป็นแค่เครื่องชั่งน้ำ
00:04:16 → 00:04:18 หนักไม่ได้เป็นเครื่องใหญ่ๆ
00:04:18 → 00:04:21 >> ความเชื่อถืออาจจะน้อยลงกว่าตัวเครื่อง
00:04:21 → 00:04:22 ที่เป็นinบอ
00:04:22 → 00:04:24 >> ก็คือเป็นคร่าวๆ
00:04:24 → 00:04:27 >> คร่าวๆพอพอพอดูได้ระดับนึง
00:04:27 → 00:04:29 >> อ๋อรู้แล้วเพราะว่าถ้าเกิดเป็นเครื่อง
00:04:29 → 00:04:33 ใหญ่เลยเนี่ยเขาก็จะวัดไขมันแต่ละส่วนได้
00:04:33 → 00:04:34 แต่ถ้าเป็นเครื่องช่างน้ำหนักก็คือรวมๆ
00:04:35 → 00:04:38 ใช่ไขมันแขนไขมันต้นขาไขมันเอวแล้วก็จะ
00:04:38 → 00:04:41 วัดเอ่อวัดเปอร์เซ็นต์แฟชเปอร์เซ็นต์เซ็น
00:04:41 → 00:04:44 musซิแล้วก็วัดการเผ่าผลาญของร่างกายของ
00:04:44 → 00:04:47 เราได้ด้วยเราจะได้รู้ว่าจริงๆแล้วอ่ะวัน
00:04:47 → 00:04:50 นึงอ่ะเราเผ่าผลวันนึงวันละเท่าไหร่ basal
00:04:50 → 00:04:52 metabic rate หรือการเผ่าผ่านแต่ละวัน
00:04:52 → 00:04:55 ของคนเราสมมุติเราเผ่าผานประมาณ 1,400
00:04:55 → 00:04:57 เรากินประมาณ 1,400 อย่างเงี้ยยังไงเราก็
00:04:57 → 00:05:00 ไม่อ้วนถ้าเกิดเราเผาผลาญ 1,600 เราก็
00:05:00 → 00:05:02 สามารถกินได้ 1,600 ยังไงโดยที่ไม่อ้วน
00:05:02 → 00:05:04 แต่ว่าที่เราอ้วนกันเพราะบางทีเราเผ่า
00:05:04 → 00:05:07 ผ่าน 1,400 แต่เรากินกัน 2,000 อ่าเพราะ
00:05:07 → 00:05:10 ฉะนั้นแคลอรี่มันก็เกินก็สะสมสะสมเป็นไข
00:05:10 → 00:05:12 มันก็ก็เลยเป็นโรคอ้วนขึ้นมา
00:05:12 → 00:05:15 >> เพราะฉะนั้นเนี่ยหลักการลดน้ำหนักหรือว่า
00:05:15 → 00:05:18 ลดความอ้วนของแพทย์แผนปัจจุบันน่ะก็คือ
00:05:18 → 00:05:20 กินเข้ามาต้องน้อยกว่าที่ใช้ออกไปอันนี้
00:05:20 → 00:05:21 แค่นี้ถูกต้องมั้ย
00:05:21 → 00:05:24 >> อันนี้อาจจะเป็นหลักง่ายๆนะคะก็คือว่า
00:05:24 → 00:05:28 เข้ายังไงเข้าก็ให้น้อยออกให้เยอะถ้าความ
00:05:29 → 00:05:32 จริงแล้วอ่ะค่ะคือการกินให้น้อยเนี่ยน้อย
00:05:32 → 00:05:35 มากๆถามว่าดีมยก็ไม่ดีนะคะเพราะว่าถ้า
00:05:35 → 00:05:38 น้อยมากๆเช่นแบบสมมุติเราเผาผัน 1,200
00:05:38 → 00:05:39 >> อื
00:05:39 → 00:05:42 >> แต่เราไปกินแบบ 800 อย่างเงี้ยใช่มั้ยคะ
00:05:42 → 00:05:45 >> สมมุติกินเท่า 800 ไปสัก 2-3 เดือนร่าง
00:05:45 → 00:05:49 กายเราจำค่ะจำว่าร่างกายของเรามันเผาผลาญ
00:05:49 → 00:05:52 ได้ 800 พอเรากลับมากิน 1,200 เท่าเดิม
00:05:52 → 00:05:54 กลายเป็นโยโยที่เขาบอกว่าโยโยขึ้นมาเพราะ
00:05:54 → 00:05:57 ว่ามันจำไปแล้วมันเผาผายไป 800 ไปแล้วพอ
00:05:58 → 00:05:59 เรามากิน 1,200 เท่าเดิมน้ำหนักเราเลย
00:05:59 → 00:06:00 ขึ้น
00:06:00 → 00:06:04 >> อ๋อเป็นอย่างนี้นี่เองคำว่าโยโยเนี่ยคือ
00:06:04 → 00:06:07 การที่กินเท่าเดิมนี่แหละแต่ร่างกายเราจำ
00:06:07 → 00:06:08 ว่าใช้น้อยและ
00:06:08 → 00:06:10 >> ใช่เพราะฉะนั้นเนี่ยหลักการจริงๆเนี่ย
00:06:10 → 00:06:12 เอ่อเราจะแนะนำว่าผู้หญิงส่วนใหญ่กินไม่
00:06:12 → 00:06:15 เกิน 1,200-500 ผู้ชายกินไม่เกิน
00:06:15 → 00:06:20 1,500-1800 นะคะโดยที่เอ่อนอกจากการ
00:06:20 → 00:06:21 แคลอรี่
00:06:21 → 00:06:25 >> อาหารก็เป็นคีย์สำคัญในการลดน้ำหนักนะคะ
00:06:25 → 00:06:27 แต่ว่าที่สำคัญอีกอย่างนึงก็คือ
00:06:27 → 00:06:30 >> การออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยการออก
00:06:30 → 00:06:32 กำลังกายเพื่ออะไรเพื่อเราสร้างกล้าม
00:06:32 → 00:06:35 เนื้อค่ะกล้ามเนื้อเป็นเตาเผาชั้นดีกล้าม
00:06:35 → 00:06:37 เนื้อมีมากมายในร่างกายถ้าเราออกกำลังกาย
00:06:37 → 00:06:40 ร่วมด้วยเขาแนะนำว่าถ้าจะลดน้ำหนักอ่ะค่ะ
00:06:40 → 00:06:43 ออกกำลังกายคาร์ดิโอประมาณ 150 นาทีต่อ
00:06:43 → 00:06:45 สัปดาห์บวกกับเทรนingคือสร้างกล้ามเนื้อ
00:06:45 → 00:06:47 อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะในการที่
00:06:48 → 00:06:49 เราสร้างกล้ามเนื้อไปด้วยเนี่ยคือเรา
00:06:49 → 00:06:52 สร้างเตาเผาเพราะฉะนั้นเรามีเตาเผาแล้ว
00:06:52 → 00:06:56 เรากินเรากินได้ในระดับนึงเรามีเตาเผาทำ
00:06:56 → 00:06:58 ให้เมตabลิซึึึมเรายังดีอยู่ทำให้เราไม่
00:06:58 → 00:06:59 โยโยขึ้นมา
00:06:59 → 00:07:02 >> อย่างงี้ก็แปลว่าเราไม่สามารถออกกำลังกาย
00:07:02 → 00:07:05 แบบ aobic exercise อย่างเดียวในการลด
00:07:05 → 00:07:06 น้ำหนักได้
00:07:06 → 00:07:10 >> ถามว่าได้มก็คือได้ค่ะแต่ว่าถ้าเกิดเรา
00:07:10 → 00:07:12 ออกกำลังกายแต่ AOABIC exercise อย่าง
00:07:12 → 00:07:15 เดียวน้ำหนักถามว่าลดมลดแต่มันจะลดแบบลด
00:07:15 → 00:07:18 แบบลีนกับลดแบบมีmusซิอ่ะค่ะถ้าผอมแบบมี
00:07:18 → 00:07:21 กล้ามเนื้อมันก็จะดีกว่าเพราะว่าเราจะได้
00:07:21 → 00:07:23 เมาบอลิึมที่มากขึ้นด้วยเราอยากสร้าง
00:07:23 → 00:07:25 กล้ามเนื้อให้ตัวเองด้วยอ่ะค่ะ
00:07:25 → 00:07:25 >> อ๋อ
00:07:25 → 00:07:28 >> แล้วควรจะทำควบคู่กันไปมากกว่าค่ะ
00:07:28 → 00:07:30 >> ก็แอบแบบคิดถึงตัวเองเหมือนกันเพราะว่า
00:07:30 → 00:07:32 อุ๋มอ่ะไม่ชอบเทนing
00:07:32 → 00:07:34 >> ไม่ชอบเหมือนกันแต่จำเป็นต้องทำ
00:07:34 → 00:07:35 >> จริงหรอ
00:07:35 → 00:07:37 >> อันนี้ต้องลดน้ำหนักมาตลอดชีวิตเหมือนกัน
00:07:37 → 00:07:39 ค่ะอันนี้ลงมา 20 ก.นะคะไestล
00:07:39 → 00:07:42 modification ก็คือการคุมอาหาร
00:07:42 → 00:07:43 >> อือ
00:07:43 → 00:07:46 >> ลดน้ำหนักโดยการออกกำลังกายนะคะพยายามคือ
00:07:46 → 00:07:50 คีย์หลักๆก็คือลดแป้งกินโปรตีนกินอาหาร
00:07:50 → 00:07:52 ที่มีไฟเบอร์เยอะๆกินอาหารที่ low ไกemic
00:07:52 → 00:07:55 index นะคะแล้วก็ออกกำลังกายแล้วก็ight
00:07:55 → 00:07:58 training ร่วมด้วยเพราะเมื่อไหร่ที่เรา
00:07:58 → 00:08:00 กลับมากินมันจะมีบางช่วงอ่ะค่ะที่เราฟิต
00:08:00 → 00:08:03 หนักๆเราสามารถกินได้สัก 1,200- 1,500
00:08:03 → 00:08:05 แต่มันก็จะมีบางช่วงที่เราไม่ไหวเราก็
00:08:05 → 00:08:08 กลับมากินเยอะมากขึ้นแต่ถ้าถ้าเรามีการ
00:08:08 → 00:08:11 เผาผลาญที่ดีขึ้นถามว่าโยโยมันโยโยมยมัน
00:08:11 → 00:08:13 ก็อาจจะต้องมีโยโยค่ะแต่ว่าน้ำหนักเราจะ
00:08:13 → 00:08:16 เกณฑ์ได้น้อยกว่าที่คนที่ไม่เคยไลฟ์สไตล์
00:08:16 → 00:08:19 modification ก็คือคนที่ไม่เคยคุมอาหาร
00:08:19 → 00:08:20 กับออกกำลังกาย
00:08:20 → 00:08:22 >> อ่าก็คือน้ำหนักเหวี่ยงน้อย
00:08:22 → 00:08:23 >> อ่าเหวี่ยงน้อยกว่า
00:08:23 → 00:08:24 >> อ่าถ้าสมมติว่าไม่ได้ออกกำลังกายไม่ได้
00:08:24 → 00:08:26 สร้างกล้ามเนื้อไว้ก็มีโอกาสน้ำหนักที่จะ
00:08:26 → 00:08:30 แบบเหวี่ยงเยอะขึ้นไปกว่าใช่ค่ะอื
00:08:30 → 00:08:32 >> แต่ว่าบางคนทำอย่างี้ไปแล้วในระดับนึงนี่
00:08:32 → 00:08:35 มันก็อาจจะไม่ได้ผลเราก็ต้องมี intervent
00:08:35 → 00:08:37 ก็คือต้องมีเครื่องมือให้คนไข้เครื่องมือ
00:08:37 → 00:08:41 ที่เรามีให้ก็คือมียาใช่คะมียาลดน้ำหนัก
00:08:41 → 00:08:44 แล้วก็มีการผ่าตัดกระเพาะแต่ว่าเดี๋ยวนี้
00:08:44 → 00:08:47 ที่มันฮิตกันคมขามก็คือเรื่องยา
00:08:47 → 00:08:50 >> เอ่อถ้าพูดถึงเรื่องยาปุ๊บยาลดน้ำหนักที่
00:08:50 → 00:08:51 เมื่อก่อนมันเป็นชุดๆอ่ะไม่แน่ใจว่า
00:08:51 → 00:08:53 เดี๋ยวนี้เขายังกินกันมั้ที่เป็นชุดๆ
00:08:53 → 00:08:56 >> คิดว่าตามคลินิกบางคลินิกยังมีขายนะคะ
00:08:56 → 00:08:59 >> ยังมีเนาะอ่ะมันคืออะไรอยากให้บิวช่วย
00:08:59 → 00:09:00 เล่าให้ทุกคนฟังหน่อย
00:09:00 → 00:09:03 >> ส่วนใหญ่มันจะมียาฮอร์โมนไทรอยด์ยาขับ
00:09:03 → 00:09:08 ปัสสาวะแล้วยาที่จะได้ยินกันบ่อยๆคือไซบุ
00:09:08 → 00:09:10 >> ซึ่งมันเป็นยาลดความอ้วนซึ่งมันลดความ
00:09:10 → 00:09:13 อ้วนได้ดีนะคะแต่ว่ามันมีความเสี่ยงเยอะ
00:09:13 → 00:09:16 ซึ่งตอนนี้มันถูกถอดออกแล้วว่าไม่ให้ขาย
00:09:16 → 00:09:19 แล้วเพราะว่ามันเป็นยาที่มีอันตราย
00:09:19 → 00:09:20 >> มากโอเค
00:09:20 → 00:09:23 >> มันเดี๋ยวนะแต่เหมือนยังมีอีกตัวนึงมั้ย
00:09:23 → 00:09:25 มันมีมันเป็น
00:09:25 → 00:09:26 >> นี่แหละค่ะ
00:09:26 → 00:09:27 >> อะไรซักอย่าง
00:09:27 → 00:09:29 >> อ่ะตัวนั้นยังมีอยู่เดี๋ยวเนี้ยมันจะ
00:09:29 → 00:09:33 เริ่มมียาเบาหวานน่ะค่ะที่สามารถลดน้ำ
00:09:33 → 00:09:38 หนักได้แล้วเหมือนกันก็จะใช้ยากลุ่มนั้น
00:09:38 → 00:09:41 ในคนไข้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
00:09:41 → 00:09:42 มากกว่านะคะ
00:09:42 → 00:09:46 >> อ่าก็แปลว่าไอ้สเอ่อถ้าเกิดให้เทียบ
00:09:46 → 00:09:48 ระหว่างยาที่แบบเมื่อก่อนเรากินกันยาลด
00:09:48 → 00:09:50 น้ำหนักที่เป็นชุดๆไม่แนะนำเลยค่ะ
00:09:50 → 00:09:51 >> อันนั้นไม่แนะนำ
00:09:51 → 00:09:54 >> ไม่แนะนำเลยอันตรายมากค่ะมันมียาไทรอย
00:09:54 → 00:09:57 ฮอร์โมนมันมียาขับปัสสาวะมันมีที่มัน
00:09:57 → 00:09:59 อันตรายต่อชีวิตได้ทุกอย่างค่ะมันคือกฎ
00:09:59 → 00:10:01 การหิว
00:10:01 → 00:10:03 >> กฎการหิวทำให้ก็เลยทำให้อิ่ม
00:10:03 → 00:10:04 >> อ่าพออิ่ม
00:10:04 → 00:10:05 >> พออิ่มก็กินน้อย
00:10:06 → 00:10:06 >> อื
00:10:06 → 00:10:08 >> พอหยุดยาก็โยโยจบถ้าเราไม่ออกกำลังกาย
00:10:08 → 00:10:12 ร่วมด้วยสมมุติเราวันนึงใช้แคลอรี่วันนึง
00:10:12 → 00:10:16 1,500 เกิดเรากินเรากินได้แค่ 800 หายไป
00:10:16 → 00:10:19 700 Kคต่อวัน 10 วันแล้วก็หายไปกลึง
00:10:19 → 00:10:22 เดือนนึงก็หายไป 3 กลแต่พอเหมือนเดิม
00:10:22 → 00:10:26 อย่างที่บอกกลับมาหยุดยาแล้วก็กลับมากิน
00:10:26 → 00:10:27 เท่าเดิมหรืออาจจะกลับมากินเพิ่มขึ้นอีก
00:10:27 → 00:10:30 ก็ได้เพราะว่าร่างกายมันadดapตัวเองเวลา
00:10:30 → 00:10:33 เราลดน้ำหนักไปอ่ะค่ะฮอร์โมนความหิวมันจะ
00:10:33 → 00:10:36 มันอันตรายมันจะเพิ่มขึ้นมันจะเอาชนะมัน
00:10:36 → 00:10:39 ทำให้เราหิวขึ้นกินเก่งขึ้น
00:10:39 → 00:10:39 >> อ๋อ
00:10:39 → 00:10:42 >> การเผาผลาญจากการที่อย่างที่บอกอ่ะค่ะการ
00:10:42 → 00:10:44 เผาผลาเราก็แย่ไปแล้วเพราะก่อนหน้านี้เรา
00:10:45 → 00:10:47 กินน้อยมาตั้งนานแล้วเผาผ่านแย่ลงมันก็ทำ
00:10:47 → 00:10:51 ให้น้ำหนักขึ้นโยโยพอเราน้ำหนักลดร่างกาย
00:10:51 → 00:10:54 เราก็ฉลาดร่างกายเราก็จะใช้พลังงานน้อยลง
00:10:54 → 00:10:57 แล้วร่างกายเราก็จะสร้างฮอร์โมนทำให้มัน
00:10:57 → 00:11:02 หิวมากขึ้นเดี๋นะก็แปลว่ายาไปกดความหิว
00:11:02 → 00:11:04 ความอยากอาหารทำให้เรากินน้อยลงพอเรากิน
00:11:04 → 00:11:06 น้อยลงการเผาผันก็ลดลง
00:11:06 → 00:11:07 >> อ่าใช่
00:11:07 → 00:11:10 >> อ่าแล้วร่างกายเราก็พยายามจะต่อสู้ให้เรา
00:11:10 → 00:11:11 กินเยอะขึ้น
00:11:11 → 00:11:11 >> ใช่ค่ะ
00:11:11 → 00:11:13 >> โดยการสร้างฮอร์โมนขึ้นมาเพราะมันอาจจะ
00:11:13 → 00:11:14 แบบ
00:11:14 → 00:11:17 >> เป็นการadดapเตationของฮอร์โมนทำให้ความ
00:11:17 → 00:11:20 อยากความหิวมันมากขึ้นแล้วพอเราหยุดยา
00:11:20 → 00:11:22 >> ด้วยการเผาผันที่ลดลงอยู่แล้วแล้วก็
00:11:22 → 00:11:24 ฮอร์โมนทำให้เราอยากกินเพิ่มขึ้นอีกก็
00:11:24 → 00:11:26 กลายเป็นโยโยขึ้นมาเพราะเราจะกินเพิ่ม
00:11:26 → 00:11:28 ขึ้นในขณะที่เผาผลาน้อย
00:11:28 → 00:11:29 >> อใช่ค่ะ
00:11:29 → 00:11:32 >> อ่าแต่ถ้าสมมุติว่าเราอ่ะออกกำลังกายไป
00:11:32 → 00:11:34 ด้วยสร้างกล้ามเนื้อไปด้วย
00:11:34 → 00:11:37 >> ใช่โอกาสที่เผาผ่านเนี่ยก็จะไม่ไม่ต่ำ
00:11:37 → 00:11:37 ขนาดนั้น
00:11:37 → 00:11:38 >> ใช่ค่ะ
00:11:38 → 00:11:40 >> ก็ยังจะเป็นตัวช่วยไม่ให้น้ำหนักเหวี่ยง
00:11:40 → 00:11:40 โยโย
00:11:40 → 00:11:44 >> ใช่อย่างที่พูดไปเมื่อตอนที่ว่าตอนแรกว่า
00:11:44 → 00:11:46 ที่ไปวัดinบอแล้ว basal metabolic rate
00:11:46 → 00:11:50 อ่ะค่ะคือจริงๆก็เราแนะนำว่าไม่ให้กินต่ำ
00:11:50 → 00:11:52 กว่าเบอ metabolic rate ในร่างกายเรา
00:11:52 → 00:11:55 >> เพราะว่าถ้ากินต่อต่ำไปกว่านั้นแสดงว่า
00:11:55 → 00:11:58 ร่างกายเราฉลาดพอมันกินต่ำกว่าเบซอเมตติ
00:11:58 → 00:12:00 เรทของร่างกายการเผ่าผลของร่างกายอ่ะค่ะ
00:12:00 → 00:12:02 ร่างกายมันก็จะลดการเผ่าผลลง
00:12:02 → 00:12:05 >> หลังจากถ้าเราไม่ออกกำลังกายเพิ่มนะคะมัน
00:12:05 → 00:12:07 ก็จะลดการเผ่าผ่านลงกลายเป็นแบบก่อนหน้า
00:12:07 → 00:12:10 นี้เผ่าผาน 1,400 แต่ไม่ออกกำลังกายลงกิน
00:12:10 → 00:12:12 ไป 1,000 นึงร่างกายมันก็จะจำว่าเราเผ่า
00:12:12 → 00:12:15 ผา 1,000 นึงพอเรากลับมากิน 1,400 เท่า
00:12:15 → 00:12:16 เดิมอ้าน้ำหนักขึ้น
00:12:16 → 00:12:20 >> อ่ะถ้าสมมุติว่ายากินแบบสมัยก่อนน่ะไม่
00:12:20 → 00:12:23 เวิร์คปัจจุบันเนี่ยแพทย์แผนปัจจุบันก็มี
00:12:23 → 00:12:25 ยาช่วยแต่ซึ่งมันจะเป็นยาฉีดละ
00:12:25 → 00:12:29 >> จริงๆถามว่ามันถ้าเป็นยาเบาหวานนะคะมันจะ
00:12:29 → 00:12:34 มียากินกับยาฉีดแต่ยากินจะเป็นยารักษาเบา
00:12:34 → 00:12:36 หวานชนิดนึงแต่ว่าลดน้ำหนักไปแค่ประมาณ
00:12:36 → 00:12:39 2-3 กเพราะมันขับทำน้ำตาลทางปัสสาวะมัน
00:12:39 → 00:12:42 ก็เลยแบบโอ๊ยไม่ไม่ค่อยไม่ค่อยลดน้ำหนัก
00:12:42 → 00:12:43 เท่าไหร่นะคะ
00:12:43 → 00:12:44 >> อ่าก็เลยไม่ได้เป็นที่นิยม
00:12:44 → 00:12:48 >> ใช่ส่วนยาฉีดเนี่ยมาเป็น 10 ปีแล้วค่ะ
00:12:48 → 00:12:49 >> อ๋อเหรอ
00:12:49 → 00:12:51 >> ใช่ค่ะยาฉีดมีมานานแล้วค่ะมีเป็น 10 ปี
00:12:51 → 00:12:54 แล้วค่ะแต่ว่ายาฉีดอ่ะมันเกิดขึ้นมายังไง
00:12:54 → 00:12:58 มันเกิดขึ้นมาจากที่ว่าเขาทำการศึกษาในคน
00:12:58 → 00:13:00 ไข้เบาหวานแล้วหญ้าฉีดเนี้ยมันมาจากน้ำ
00:13:00 → 00:13:03 ลายกิ้งก่าด้วยที่เขาค้นพบขึ้นมา
00:13:03 → 00:13:05 >> ตายละ
00:13:05 → 00:13:06 >> จริงหรอ
00:13:06 → 00:13:07 >> จริงค่ะ
00:13:07 → 00:13:09 >> แล้วเค้าไปเอาน้ำลายกิ้งก่าใครคิดไปเอา
00:13:09 → 00:13:10 น้ำลายกิ้งก่ามาเนี่ย
00:13:10 → 00:13:13 >> อันนี้จำไม่ได้แต่ว่ามันคิดค้นมาเริ่มต้น
00:13:13 → 00:13:15 มาจากน้ำลายกิ้งก่า
00:13:15 → 00:13:16 >> เพราะอะไรอ่ะ
00:13:16 → 00:13:20 >> จนได้ไอ้ตัวยาตัวนี้ขึ้นมาแล้วก็เขาก็มา
00:13:20 → 00:13:22 ผลิตยาฮอร์โมนตัวเนี้ยเพราะว่าฮอร์โมนตัว
00:13:22 → 00:13:27 เนี้ยมันเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ลดความอยาก
00:13:27 → 00:13:31 แล้วก็ทำให้ลำไส้เนี่ยมันขยับตัวช้าก็คือ
00:13:31 → 00:13:35 สมมุติลำไส้ปกติเรากินปุ๊บใช่คะลำไส้ขยับ
00:13:35 → 00:13:38 บีบออกลำไส้ขยับบีบออกแต่ว่าอันเนี้มันจะ
00:13:38 → 00:13:41 ทำให้แบบกินไปก็ยังอยู่นิ่งๆอยู่พอเรากิน
00:13:41 → 00:13:46 อีกกินอีกมันก็ถมถมเข้าไปจนแน่นแล้วเราก็
00:13:46 → 00:13:48 อิ่มเราก็พอเราก็กินไม่ได้แล้ว
00:13:48 → 00:13:50 >> อ๋อ
00:13:50 → 00:13:53 >> แล้วเก็เอายาเนี้ยมาทดสอบกับคนไข้เบาหวาน
00:13:53 → 00:13:55 เพราะว่าน้ำหนักลดน้ำหนักลดเลยอ
00:13:55 → 00:13:59 >> ก็ต้องบอกว่าจริงๆแล้วอ่ะเค้าตั้งใจสร้าง
00:13:59 → 00:14:02 มาเพื่อคนเป็นเบาหวานที่เป็นทั้งเบาเบา
00:14:02 → 00:14:04 หวานด้วยและน้ำหนักเกินด้วยหรือไม่เกี่ยว
00:14:04 → 00:14:05 เอาแค่แบบเบาหวานอย่างเดียว
00:14:06 → 00:14:08 >> เบาหวานอย่างเดียวค่ะแต่ว่าคนไข้เบาหวาน
00:14:08 → 00:14:10 ส่วนใหญ่อ่ะค่ะการศึกษามักทำที่ต่าง
00:14:10 → 00:14:11 ประเทศ
00:14:11 → 00:14:13 >> แล้วคนไข้เบาหวานส่วนใหญ่มักมักมีปัญหารก
00:14:13 → 00:14:15 วอลุ่มด้วย
00:14:15 → 00:14:15 >> อ่า
00:14:16 → 00:14:19 >> ก็เลยก็เลยเหมือนแบบพอได้ใช้ไปควบคุมน้ำ
00:14:19 → 00:14:22 ตาลในเลือดได้ดีบวกกับน้ำหนักลง
00:14:22 → 00:14:24 >> น้ำหนักลงประมาณช่วงแรกๆ
00:14:24 → 00:14:28 >> ตัวแรกๆน่าจะลงสักประมาณสัก 5%-10% ได้นะ
00:14:28 → 00:14:32 คะพอเขาเห็นว่าคนที่เป็นเบาเบาหวานน้ำ
00:14:32 → 00:14:35 หนักลงได้ยาตัวเนี้ยค่ะมันไม่ทำให้เกิด
00:14:35 → 00:14:37 อาการน้ำตาลต่ำเพราะว่ายาตัวเนี้เนี่ยมัน
00:14:37 → 00:14:41 จะออกฤทธิ์ก็ต่อเมื่อมีการกินอาหารปริมาณ
00:14:41 → 00:14:44 ในปริมาณนึงกระตุ้นน้ำตาลปริมาณนึงมันถึง
00:14:44 → 00:14:46 จะเพิ่มการหลั่งอินซูลินเพราะฉะนั้นเขาก็
00:14:46 → 00:14:50 เลยวิวัฒนาการต่อคนไข้ที่ไม่เป็นเบาหวาน
00:14:50 → 00:14:50 >> อ่า
00:14:50 → 00:14:53 >> อ่าก็เลยวิวก็เลยทำในคนไข้ที่ไม่เป็นเบา
00:14:53 → 00:14:56 หวานร่วมด้วยแล้วก็พบว่าคนไข้ที่ไม่เป็น
00:14:56 → 00:14:59 เบาหวานก็สามารถใช้ได้โดยไม่มีอาการน้ำ
00:14:59 → 00:15:02 ตาลต่ำแล้วก็น้ำหนักลดลงมาก็เป็นยาที่ฉีด
00:15:02 → 00:15:05 ทุกวันอันนี้คือวิวัฒนาการแรกแล้วต่อมาคน
00:15:05 → 00:15:07 เราเนาะก็ไม่อยากฉีดยาทุกวันนัก
00:15:07 → 00:15:10 วิทยาศาสตร์อ่ะค่ะก็พยายามทำอะไรที่ช่วย
00:15:10 → 00:15:13 คนไข้ให้ดีที่สุดฉีดยาทุกวันบางทีมันก็
00:15:13 → 00:15:15 ลืมได้ถูกต้องมั้คะความสม่ำเสมอของการกิน
00:15:15 → 00:15:18 ยาฉีดยาทุกวันกับสัปดาห์ละครั้งเนี่ยการ
00:15:18 → 00:15:20 ฉีดยาหรือการกินยาสัปดาหครั้งความสม่ำ
00:15:20 → 00:15:24 เสมอในการใช้ยามันดีกว่าทุกวันอยู่แล้ว
00:15:24 → 00:15:28 เขาก็เลยวิวัฒนาการจนได้ยาที่ฉีดสัปดาห์
00:15:28 → 00:15:31 ละครั้งขึ้นมาแต่ยังเป็นสำหรับคนไข้เบา
00:15:31 → 00:15:32 หวานอยู่นะคะ
00:15:32 → 00:15:34 >> อ่าอันนี้ก็คือเป็นเฟสถัดมา
00:15:34 → 00:15:35 >> เป็นเฟสถัดมา
00:15:35 → 00:15:37 >> แล้วสำหรับคนไข้ที่เป็นเบาหวานอยู่ดี
00:15:37 → 00:15:37 >> ใช่
00:15:37 → 00:15:39 >> เพราะว่าอะไรเพราะว่าน้ำตาลจะต่ำ
00:15:39 → 00:15:41 >> เพราะว่ามันลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
00:15:41 → 00:15:41 >> อ่า
00:15:41 → 00:15:44 >> อ่าเค้าทำการศึกษาคนไข้ที่เป็นเบาหวาน
00:15:44 → 00:15:46 ก่อนเพราะฉะนั้นเขาก็เลยเป็นข้อบ่งชี้
00:15:46 → 00:15:49 สำหรับคนไข้ที่เป็นเบาหวานและมีภาวะอ้วน
00:15:49 → 00:15:52 ร่วมด้วยถ้าเกิดเราไม่สามารถวัดเอ่อตัว
00:15:52 → 00:15:56 inบอได้คะเราก็เอาง่ายๆได้เลยนะคะว่าอ้วน
00:15:56 → 00:15:59 น่ะสำหรับคนเอเชียนะคะก็คือเอาน้ำหนักตัว
00:15:59 → 00:16:02 เองที่เป็นกิโลกรัมนะคะหารด้วยส่วนสูงที่
00:16:02 → 00:16:06 เป็นเมตรกำลัง 2 นะคะสำหรับคนไทยอ่ะค่ะ
00:16:06 → 00:16:08 ถ้าเกิน 23-24.9
00:16:08 → 00:16:11 เนี่ยเาเรียกภาวะน้ำหนักเกินและถ้ามาก
00:16:11 → 00:16:14 กว่า 25 เนี่ยเรียกว่าโรคอ้วนและแต่ถ้า
00:16:14 → 00:16:17 เป็นคนยุโรปเนี่ยมากกว่า 30 เขาจะเรียก
00:16:17 → 00:16:19 ว่าโรคอ้วนอันนี้ถ้าเราไม่ไม่สามารถวัด
00:16:19 → 00:16:22 ด้วยเครื่องได้อันนี้ก็เป็นเป็นเครื่อง
00:16:22 → 00:16:25 มือง่ายๆที่เราจะวัดว่าเราอ้วนหรือยังน้ำ
00:16:25 → 00:16:26 หนักเกินหรือยัง
00:16:26 → 00:16:29 >> ขอรีแคAPอีกทีนึงเนาะผมเชื่อว่าหลายคนอาจ
00:16:29 → 00:16:32 จะรู้จักเครื่องมือนี้แล้วเค้าเรียก BMI
00:16:32 → 00:16:32 >> ใช่ค่ะ
00:16:32 → 00:16:36 >> อ่าก็คือจริงๆแล้วอ่ะต้องยอมรับก่อนอย่าง
00:16:36 → 00:16:39 นึงว่าวัฒนธรรมทำไทยเองอ่ะคือหมอเราอาจจะ
00:16:39 → 00:16:41 ตัดที่ประมาณ 20 ใช่ป่ะว่าเอ้ยเนี่ยแหละ
00:16:41 → 00:16:44 คือหุ่นดีสุขภาพดี healthy แต่จริงๆแล้ว
00:16:44 → 00:16:48 มันไม่ใช่ความสวยใน perception ของคนไทย
00:16:48 → 00:16:51 >> ถ้าโรคอ้วนเราจริงๆถ้าปกติเราก็เอา BMI
00:16:51 → 00:16:56 ที่ 18.5 ถึง 22.9 อันนี้ถือว่าอ่ะ
00:16:56 → 00:16:59 healthy สำหรับหมอและถ้าเมื่อไหร่มาก
00:16:59 → 00:17:02 กว่า 23-24.9
00:17:02 → 00:17:05 เอ้ยถึง 24.9 อันเนี้ยเริ่มน้ำหนักเกิน
00:17:05 → 00:17:07 และแต่ถ้ามากกว่า 25 เมื่อไหร่ถือว่าเป็น
00:17:07 → 00:17:11 โรคอ้วนและก็เลยได้ยาขึ้นมาที่ฉีดสัปดาห์
00:17:11 → 00:17:15 ละครั้งซึ่งลดน้ำหนักได้มากกว่าตัวที่ยา
00:17:15 → 00:17:18 ฉีดตัวแรกที่ทุกวันแต่ข้อห้ามในการใช้ของ
00:17:18 → 00:17:22 ยาอันนี้ก็คือคนไข้ที่มีประวัติครอบครัว
00:17:22 → 00:17:28 ที่เป็นมะเร็งไทรอยด์ชนิดเมดลารี่นะคะ
00:17:28 → 00:17:29 >> ละเอียดอย่างงั้นเลยหรอ
00:17:29 → 00:17:32 >> ใช่ค่ะเราก็ต้องถามคนไข้ก่อนเฉยๆว่าคนไข้
00:17:32 → 00:17:36 ใช่มีประวัติในครอบครัวเป็นมะเร็งไทรอยด์
00:17:36 → 00:17:36 มั้ย
00:17:36 → 00:17:37 >> หรือแม้กระทั่งตัวเองป่ะ
00:17:37 → 00:17:39 >> ถ้าตัวเองเป็นมะเร็งไทรอยด์แต่ไม่ใช่
00:17:39 → 00:17:41 มะเร็งไทรอยด์แบบเมดารี่
00:17:41 → 00:17:42 >> อื
00:17:42 → 00:17:44 >> ก็ไม่มีข้อห้ามในการใช้
00:17:44 → 00:17:44 >> อ่า
00:17:44 → 00:17:47 >> นะคะแล้วสำหรับในการสรีenนingเราต้อง
00:17:47 → 00:17:50 อตซาวด์ก่อนมั้ยเจาะไทรรอยด์ก่อนมั้ยใน
00:17:50 → 00:17:52 การที่จะสั่งยานี้ไม่จำเป็น
00:17:53 → 00:17:53 >> อ
00:17:53 → 00:17:55 >> นะคะโอเคก็ยัง
00:17:55 → 00:17:56 >> คือมันไปกระตุ้นให้เป็นเพิ่มหรอหรือว่า
00:17:56 → 00:17:57 ยังไง
00:17:57 → 00:18:00 >> คือมันมีการศึกษาค่ะว่ามันจะเพิ่มเอ่อ
00:18:00 → 00:18:03 ฮอร์โมนที่ชื่อว่าแคลซีทนินเฉยฮอร์โมน
00:18:03 → 00:18:06 แคลซีโตนินมันเป็นฮอร์โมนที่เราอ่ะไว้ติด
00:18:06 → 00:18:09 ตามคนไข้ที่เป็นเอ่อมะเร็งไทรอยด์ชนิด
00:18:09 → 00:18:12 เมดลารี่เพราะฉะนั้นเขาก็เลยเป็นข้อห้าม
00:18:12 → 00:18:15 ในคนไข้ซึ่งมีเป็นมะเร็งชนิดนี้หรือมี
00:18:15 → 00:18:17 ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งชนิดนี้อยู่
00:18:17 → 00:18:19 แล้วนะคะ
00:18:19 → 00:18:21 >> อย่างเงี้ยก็แปลว่าปากการลดน้ำหนักสามารถ
00:18:21 → 00:18:22 ไปกระตุ้นมะเร็งได้สิ
00:18:22 → 00:18:24 >> ถามว่ามันเป็นกระตุ้นมะเร็งได้มยมันแค่
00:18:24 → 00:18:28 เป็นการศึกษาในห้องทดลองว่ามันกระตุ้น
00:18:28 → 00:18:31 ฮอร์โมนที่ชื่อว่าแคลซีโทนินนะคะซึ่ง
00:18:31 → 00:18:33 ฮอร์โมนแคลซิโทนเนี่ยเป็นฮอร์โมนที่เป็น
00:18:33 → 00:18:36 ฮอร์โมนที่เป็นเอ่อฮอคสำหรับในการที่
00:18:36 → 00:18:38 วินิจฉัยคนไข้ที่เป็นเอ่อมะเร็งไทรอยด์
00:18:38 → 00:18:40 ชนิดเมดลารี่อ่ะค่ะ
00:18:40 → 00:18:42 >> อ้าเราสามารถเจาะก่อนได้ป่ะหมายถึงว่าก็
00:18:42 → 00:18:45 เจาะเป็นเบสลนเหมือนที่เเจาะแนะนำไม่ได้
00:18:45 → 00:18:48 แนะนำไม่แนะนำแค่ถามแค่ถามถามสักประวัติ
00:18:48 → 00:18:48 เฉยๆ
00:18:48 → 00:18:51 >> เป็นสมมุติไงสมมุติว่าแบบโอ๊ตายแล้วใน
00:18:51 → 00:18:55 ครอบครัวฉันมีเมลี่ไทรรอยด์คาสิโน่าอย่าง
00:18:55 → 00:18:57 เงี้ยเราก็แบบอยากใช้ยา
00:18:57 → 00:18:59 >> อันนี้ก็คือไม่แนะนำเพราะเป็นข้อห้าม
00:18:59 → 00:19:01 >> เป็นข้อห้ามเลยใช่ป่ะ
00:19:01 → 00:19:02 >> เรียกว่า contra indication
00:19:02 → 00:19:03 >> ใช่ค่ะ
00:19:03 → 00:19:05 >> ไม่ใช่ว่าแบบว่าไม่ควร
00:19:05 → 00:19:06 >> ไม่ควรเป็นข้อห้าม
00:19:06 → 00:19:08 >> ห้ามเลยค่ะข้อห้าม
00:19:08 → 00:19:10 >> เมื่อก่อนเนี่ยมันจะมีข้อแตกต่างแค่ 2
00:19:10 → 00:19:13 อย่างเนาะก็คือฉีดทุกวันกับฉีดสัปดาห์ละ 1
00:19:13 → 00:19:16 ครั้งแต่ตอนเนี้ยไอ้สัปดาห์ละ 1 ครั้งอ่ะ
00:19:16 → 00:19:17 ออกมาเยอะมาก
00:19:17 → 00:19:19 >> เค้าก็extensชมา
00:19:19 → 00:19:22 >> จากเบาหวานเป็นไม่ใช่เบาหวานก็มี 2
00:19:22 → 00:19:24 ยี่ห้อหลักๆอ่ะค่ะ
00:19:24 → 00:19:28 >> แต่ว่าตัวที่หลายๆคนอาจจะเป็นที่ฮือฮากัน
00:19:28 → 00:19:31 มากที่สุดก็อาจจะมีไม่ขอพูดชื่อยี่ห้อ
00:19:31 → 00:19:33 แล้วกันนะค่ะมันเป็นยาใหม่ล่าสุดซึ่งมัน
00:19:33 → 00:19:37 ผสานฮอร์โมน 2 ตัวเข้าไปในยาลดน้ำหนักอัน
00:19:37 → 00:19:39 นี้ขึ้นทะเบียนเป็นยาลดน้ำหนักอยู่
00:19:39 → 00:19:41 >> อ่าขึ้นทะเบียนไทยเลยอยไทยงั้นเลย
00:19:41 → 00:19:44 >> ใช่ค่ะว่าเป็นเป็นเป็นสำหรับลดน้ำหนักอ่ะ
00:19:44 → 00:19:44 ค่ะ
00:19:44 → 00:19:47 >> ก็คือมันมีฮอร์โมน 2 ตัวก็คือมีฮอร์โมน
00:19:47 → 00:19:50 GLP1 กับ GP อ
00:19:50 → 00:19:50 >> อื
00:19:50 → 00:19:54 >> นะคะเป็นยาตัวแรกที่มี 2 ฮอร์โมน
00:19:54 → 00:19:56 >> อยู่ในเข็มเดียวกันซึ่งมันจะเพิ่ม
00:19:56 → 00:19:59 ประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักได้ดีกว่ามี
00:19:59 → 00:20:03 ฮอร์โมนยาตัวอื่นจะมีฮอร์โมนเดียวคือ GP1
00:20:03 → 00:20:06 แต่อันนี้จะเป็น GLP1 กับ GP
00:20:06 → 00:20:08 >> 2 ตัวนี้มันจะเพิ่มเอฟเฟคในการลดน้ำหนัก
00:20:08 → 00:20:09 ได้ดีกว่า
00:20:10 → 00:20:12 >> แล้วเวลาที่บอกว่าอะไรที่เป็นตัวแรกนะเรา
00:20:12 → 00:20:15 อาจจะแบบแอบแอบกลัวกลัวตัวเองเป็นหนูทด
00:20:15 → 00:20:15 ลอง
00:20:15 → 00:20:18 >> นานแล้วใช้ใช้ในเมืองนอกมาเป็นปีแล้วตัว
00:20:18 → 00:20:21 >> เป็นปีนานแล้วก็คิดว่าแบบว่าหลายปีงี้
00:20:21 → 00:20:24 >> ก็เป็นปีแล้วนะก็ถือว่านานแล้วนะ
00:20:24 → 00:20:27 >> ก็ก็คือก็เป็นปีแล้วค่ะที่ได้ยืนยาตัวนี้
00:20:27 → 00:20:29 หลักปีที่ได้ใช้ในต่างประเทศมาแล้วเพิ่ง
00:20:29 → 00:20:32 เข้าไทยซึ่งหลายๆคนก็คือคงจะได้แบบคนที่
00:20:32 → 00:20:34 อยู่ในวงการนี้หรือคนที่ไปอยากจะลดน้ำ
00:20:35 → 00:20:37 หนักก็คงเสิร์ชหาอะไรอย่างนี้มานานแล้ว
00:20:37 → 00:20:39 เหมือนกันซึ่งยานี้หยุดออกมาในต่างประเทศ
00:20:39 → 00:20:41 เป็นหลักปีแต่ว่าไม่ต้องกลัวหรอกค่ะยา
00:20:41 → 00:20:44 กว่าจะ launch ออกมาตลาดได้ FDA จะ
00:20:44 → 00:20:46 approve หรืออย.ใครจะ approve ได้เนี่ย
00:20:46 → 00:20:49 เขาทำการศึกษามามากมายหลายปีดีดักกว่าว่า
00:20:49 → 00:20:52 จะออกมาเป็นยาที่ใช้ได้ว่ามันปลอดภัยคือ
00:20:53 → 00:20:56 ยาตัวนี้ถามว่าทำไมเป็นที่ฮือฮานะคะเพราะ
00:20:56 → 00:21:00 ว่ายาตัวนี้เนี่ยในโดสเนี่ยมันจะมีหลาย
00:21:00 → 00:21:02 โดสนะคะแต่โดสที่ maximum โดสของเขาที่
00:21:02 → 00:21:05 สุดอ่ะค่ะในปีครึ่งอ่ะค่ะเขาสามารถลดน้ำ
00:21:05 → 00:21:07 หนักได้ 22.5% 5%
00:21:07 → 00:21:09 >> ก็ถือว่าเยอะกว่าตัวอื่นป่ะตัวอื่นเขาบอก
00:21:09 → 00:21:09
00:21:09 → 00:21:11 >> 10 10 กว่า
00:21:11 → 00:21:11 >> อือๆ
00:21:11 → 00:21:14 >> ถามว่าเยอะมยเยอะมากค่ะเพราะว่าการตัด
00:21:14 → 00:21:17 กระเพาะอ่ะลดน้ำหนักได้ประมาณ 25% อันนี้
00:21:17 → 00:21:20 เทียบเท่ากับการตัดกระเพาะได้เลย 22.5%
00:21:20 → 00:21:22 ใน maximum โดสของเขานะคะ
00:21:22 → 00:21:24 >> โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด
00:21:24 → 00:21:27 >> ใช่ค่ะแต่ว่าในระยะเวลาที่เขาทำการศึกษา
00:21:28 → 00:21:32 คือในระยะเวลาปีครึ่งใน maximum สามารถลด
00:21:32 → 00:21:34 น้ำหนักได้มากถึง 22.5% 5%
00:21:34 → 00:21:37 >> แต่ต้องมีวงเล็บมยว่าคุณไม่สามารถใช้แต่
00:21:37 → 00:21:40 อีนี่ได้คุณต้องออกกำลังกายต้องควบคุม
00:21:40 → 00:21:42 อาหารนี่นทุกการศึกษา
00:21:42 → 00:21:42 >> อื
00:21:42 → 00:21:46 >> จะต้องเขียนไว้เสมอว่าทุกคนจะต้องมี
00:21:46 → 00:21:49 ไestyle modification ก็คือการคุมอาหาร
00:21:49 → 00:21:51 การออกกำลังกาย
00:21:51 → 00:21:51 >> อื
00:21:51 → 00:21:54 >> ไม่ใช่แต่ว่าจะฉีดยาอย่างเดียวจริงๆมีมี
00:21:54 → 00:21:58 การศึกษานะคะไม่ได้ทำอะไรเลยฉีดยาออก
00:21:58 → 00:22:02 กำลังกายออกกำลังกายบวกฉีดยาแล้วติดตาม
00:22:02 → 00:22:05 กันไปเรื่อยๆค่ะแล้วก็หยุดยาอยากทราบมั้
00:22:06 → 00:22:08 คะว่าอันไหนเวทหลีกเกณฑ์มากที่สุดน้ำหนัก
00:22:08 → 00:22:09 >> ฉีดยาอย่างเดียว
00:22:09 → 00:22:10 >> ถูกต้อง
00:22:10 → 00:22:12 >> แล้วอันไหนน้ำหนักขึ้นน้อยสุดอันไหนมัน
00:22:12 → 00:22:14 >> ก็คือฉีดยาบวกออกกำลังกาย
00:22:14 → 00:22:16 >> อ้าวแล้วถ้าออกกำลังกายอย่างเดียวล่ะ
00:22:16 → 00:22:18 >> ขึ้นเหมือนกันแต่น้อยกว่าการฉีดยาเพราะ
00:22:18 → 00:22:20 ฉะนั้นดูสิการออกกำลังกายก็คือฉีดยาอย่าง
00:22:20 → 00:22:22 เดียวคนไข้ไม่ได้ไลฟ์สไตล์ modification
00:22:22 → 00:22:23 เลย
00:22:23 → 00:22:25 >> เพราะฉะนั้นเขาก็ได้แต่การกินน้อยถูกต้อง
00:22:25 → 00:22:28 มั้คะอย่างที่เคยบอกพอกินน้อยพอหยุดกิน
00:22:28 → 00:22:29 เมบลิึึมเราก็พัง
00:22:29 → 00:22:32 >> อ่าน้ำหนักเราก็ขึ้นมากกว่าคนที่แบบออก
00:22:32 → 00:22:33 กำลังกายอย่าง
00:22:33 → 00:22:36 อ่ะเขาก็ยังเยัง maaintain ในการไestyle
00:22:36 → 00:22:38 modification คือการออกกำลังกาย
00:22:38 → 00:22:38 >> อ
00:22:38 → 00:22:40 >> น้ำหนักเขาขึ้นมเขึ้นแต่ว่าเประหยัดแต่
00:22:40 → 00:22:43 น้อยกว่าคนไข้ที่ฉีดยาอย่างเดียวเพราะ
00:22:43 → 00:22:45 ฉะนั้นเวิร์คที่สุดก็คือการไestyล
00:22:45 → 00:22:47 modification คือคุมอาหารออกกำลังกาย
00:22:47 → 00:22:48 ร่วมกับการฉีดยา
00:22:48 → 00:22:51 >> โอเคก็แสดงว่าตอนนี้บิวกำลังจะบอกว่าถ้า
00:22:51 → 00:22:54 ใครคิดจะฉีดยาเพื่อลดน้ำหนักคุณต้องคอมมิ
00:22:54 → 00:22:56 กับตัวเองหรือสัญญากับตัวเองเลยว่าคุณ
00:22:56 → 00:22:57 ต้องออกกำลังกายร่วมด้วย
00:22:57 → 00:22:59 >> คุณต้องคุมอาหารกับออกกำลังกายร่วมด้วย
00:22:59 → 00:22:59 ใช่ค่ะ
00:22:59 → 00:23:02 >> ไม่งั้นเนี่ยคือคุณฉีดไปเสียเงินไปพอหยุด
00:23:02 → 00:23:03 น้ำหนักก็ขึ้นมาเหมือนเดิม
00:23:03 → 00:23:06 >> โยโยค่ะโยโยทุกคนโย่ทุกคนค่ะ
00:23:06 → 00:23:06 >> โย่ๆทุกคนด้วย
00:23:07 → 00:23:08 >> โยโยทุกคนค่ะ
00:23:08 → 00:23:08 >> อ่า
00:23:08 → 00:23:11 >> ถ้าเรากินน้อยเราไม่ออกกำลังกายพอเรากลับ
00:23:11 → 00:23:14 มากินเท่าเดิมเผ่าผาลดลงความหิวมากขึ้น
00:23:14 → 00:23:15 อ่า
00:23:15 → 00:23:18 >> ก็น้ำหนักก็ขึ้น
00:23:18 → 00:23:20 >> ว่าไปแล้วก็อยากไม่รู้จะแชร์ได้หรือเปล่า
00:23:20 → 00:23:22 นะคือจริงๆแล้วอ่ะอุ๋มกับบิวอ่ะเป็น
00:23:22 → 00:23:24 เพื่อนกันมามากกว่า 10 ปีเนาะเราก็เห็น
00:23:24 → 00:23:27 เวอร์ชั่นบิวที่แบบน้ำหนักขึ้นไป
00:23:27 → 00:23:30 >> แล้วก็นี่ก็ลงมาแบบ 20 ก.อย่างต่อเนื่อง
00:23:30 → 00:23:34 แล้วก็ไม่ไม่ได้โยโยนะลงมาเรื่อยๆเรๆๆๆๆ
00:23:34 → 00:23:37 >> ถามว่ามันมีโยโยมก็จะมีที่ขึ้นบ้างพอขึ้น
00:23:37 → 00:23:40 แล้วเราก็ต้องมาแบบmนtainตัวเองให้ลดลง
00:23:40 → 00:23:42 การลดน้ำหนักโรคอ้วนเป็นโคaseเพราะฉะนั้น
00:23:42 → 00:23:44 ถ้าเราจะสู้กับมันเราต้องสู้กับมันตลอด
00:23:44 → 00:23:46 ชีวิตค่ะ
00:23:46 → 00:23:48 ต้องบอกก่อนว่าเราต้องต้องสู้กับมันตลอด
00:23:48 → 00:23:51 ชีวิตเพราะว่าเราไม่อยากให้น้ำหนักอ่ะถ้า
00:23:51 → 00:23:53 เกิดสมมุติเราลงได้ในระดับนึงเราต้อง
00:23:53 → 00:23:55 เมนเทนเนtainนี่ก็ยากเหมือนกันเพราะ
00:23:55 → 00:23:57 ฉะนั้นถ้าเราจะรักษาโรคอ้วนหรือเราจะคุม
00:23:57 → 00:23:59 น้ำหนักเนี่ยมันไม่มีแบบลดน้ำหนักครั้ง
00:23:59 → 00:24:02 สุดท้ายอ่ะไม่มีมันมีแต่การลดน้ำหนักตลอด
00:24:02 → 00:24:04 ไปเรื่อยๆเราต้องคุมอาหารต่อไปเรื่อยๆเรา
00:24:04 → 00:24:05 ต้องมีวินัยกับตัวเองเรื่อยๆค่ะเพราะ
00:24:06 → 00:24:07 เมื่อไหร่เราหลุดวินัยปุ๊บเรากลับมากิน
00:24:07 → 00:24:10 เราไม่ออกกำลังกายน้ำหนักเราก็ขึ้นมันก็
00:24:10 → 00:24:12 เป็น common sense เรื่องง่ายๆแล้วค่ะ
00:24:12 → 00:24:14 >> เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่
00:24:14 → 00:24:17 เราจะลดน้ำหนักได้ลดความอ้วนได้บวกกันกับ
00:24:17 → 00:24:19 mนintainอย่างงั้นน่ะอยู่สวยอย่างงั้นไป
00:24:19 → 00:24:20 เรื่อยๆก็คือวินัย
00:24:20 → 00:24:22 >> ใช่ค่ะวินัยสำคัญที่สุด
00:24:22 → 00:24:25 >> ใช่ผมก็แบบว่าเซอร์ไพรส์นะเห็นเพื่อนแบบ
00:24:25 → 00:24:29 ว่าลงโพสต์ออกกำลังกายสม่ำเสมอมาก
00:24:29 → 00:24:32 >> ยาเป็นตัวช่วยเป็นออเวชที่ช่วยเรา
00:24:32 → 00:24:33 >> อื
00:24:33 → 00:24:36 >> นะคะในบางทีที่แบบอ่ะเราก็ควรจะมีตัวช่วย
00:24:36 → 00:24:38 บ้างถูกต้องมั้ยคะแต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ
00:24:38 → 00:24:41 วินัยของตัวเราเองนะคะ
00:24:41 → 00:24:45 >> นอกจากยาชุดยาฉีดตัดกระเพาะเ้าเรียกใส่
00:24:45 → 00:24:46 อะไรก็ไม่รู้ตอนเนี้ย
00:24:46 → 00:24:46 >> ใส่บัลูน
00:24:46 → 00:24:49 >> อ่ะใส่บัลูนเฮ้ยยาฉีดมันดีขนาดนั้นเลยหรอ
00:24:50 → 00:24:52 มันเท่ากับการตัดกระเพาะเลยหรออย่างเงี้ย
00:24:52 → 00:24:54 ก็ไม่ต้องไปทำแล้วหรือเปล่าหรือมันก็ยัง
00:24:54 → 00:24:56 มีกลุ่มคนที่ยังไงก็ควรจะทำทุกอย่างไป
00:24:56 → 00:24:57 พร้อมกัน
00:24:57 → 00:25:00 >> ถ้าน้ำหนักเยอะมากๆใช่ใช่มั้ยคะบางคนแบบ
00:25:00 → 00:25:02 การตัดกระเพาะมันก็จะอาจจะลดน้ำหนักได้
00:25:02 → 00:25:05 เร็วเร็วกว่าเพราะว่ามันจะเร็วมากในช่วง
00:25:05 → 00:25:07 เดือนเอ่อภายใน 6 เดือนแรกมันอาจจะลดน้ำ
00:25:07 → 00:25:08 หนักลงได้เร็ว
00:25:08 → 00:25:11 >> แต่บางทีสมมุติลดได้ 25 กก.อย่างเงี้ย
00:25:11 → 00:25:15 สมมุติหนักซัก 125 น้ำหนักลงซัก 25% ใช่
00:25:15 → 00:25:19 มั้คะ 25% ก็สัก 25 ก.ก็เหลือ 100 ก.
00:25:19 → 00:25:22 >> เอาเป็น 100 น.กัน 100 น้ำหนักลง 12 ลง
00:25:22 → 00:25:25 25% ก็คือเหลือ 75 อ่าเหลือ 75 แล้วเรา
00:25:25 → 00:25:28 สามารถไสล modification ได้แล้วก็น้ำหนัก
00:25:28 → 00:25:31 ลงต่อไปเรื่อยๆแต่สมมุติคนไข้น้ำหนัก 125
00:25:31 → 00:25:33 น้ำหนักลงเหลือ 100 กลestyลmodิชแล้ว
00:25:33 → 00:25:35 เหลือ 90 มันอาจจะไม่ได้แบบมันอาจจะไม่
00:25:35 → 00:25:38 ได้ลงไปมากกว่านี้แล้วอ่ะเขาอาจจะต้องหา
00:25:38 → 00:25:39 ตัวช่วย
00:25:39 → 00:25:41 >> ก็อาจจะต้องใช้ยาตัวนี้ช่วยไปด้วยได้
00:25:41 → 00:25:44 >> ขอถามนิดนึงคืออันเนี้ยคือต้องบอกว่าอุม
00:25:44 → 00:25:45 อ่ะก็ไม่ได้เป็นหมอที่เชี่ยวชาญด้านนั้น
00:25:45 → 00:25:47 เพราะฉะนั้นเนี่ยเราก็เหมือนประชาชนทั่ว
00:25:47 → 00:25:49 ไปมันเหมือนกับว่าใครสักคนนึงอ่ะถ้าอ้วน
00:25:49 → 00:25:53 น่ะต้องไปผ่าตัดเลยหรอมันฉีดยาก่อนมยถ้า
00:25:53 → 00:25:55 เฟลแบบพอใช้ยาฉีดแล้วมันไม่เวิร์คแล้ว
00:25:55 → 00:25:58 ค่อยไปผ่าตัดหรือไม่ใช่เป็นเพราะว่าคนๆ
00:25:58 → 00:26:00 นั้นน่ะมีภาวะอ้วนมากจนมันเป็นอันตรายต่อ
00:26:01 → 00:26:02 ชีวิตต้องการลดเร็วๆ
00:26:02 → 00:26:04 >> อย่างที่บอกค่ะวินัยสำคัญที่สุดถูกต้อง
00:26:04 → 00:26:07 มั้ยคะจริงๆเราต้องเริ่มต้นจากไสลิฟชคือ
00:26:07 → 00:26:09 คุมอาหารออกกำลังกายก่อน
00:26:09 → 00:26:09 >> อือ
00:26:09 → 00:26:12 >> เพราะว่าก่อนที่เราจะชิฟไปผ่าตัดกระเพาะ
00:26:12 → 00:26:14 เลยอย่างเงี้ยแบบโอ๊ยฉันอยากผ่าตัด
00:26:14 → 00:26:17 กระเพาะเลยฉันไม่ผ่านการลดน้ำลดอาหารฉัน
00:26:17 → 00:26:20 ไม่ผ่านการออกกำลังกายเลยไปผ่าตัดกระเพาะ
00:26:20 → 00:26:23 เลยผ่าดเสร็จน้ำหนักลงก็ขึ้นได้ค่ะ
00:26:23 → 00:26:26 >> โอ้กลับมาเหมือนเดิมได้เลย
00:26:26 → 00:26:29 >> กลับมาก็ขึ้นได้ค่ะเพราะอะไรบางคนกิน
00:26:29 → 00:26:31 อาหารที่ปริมาณน้อยแต่แคลอรี่สูงเช่นกิน
00:26:32 → 00:26:33 ไอติมกินน้ำหวาน
00:26:33 → 00:26:34 >> อื
00:26:35 → 00:26:38 >> กินเบเกอรี่ต่างๆโอเคพวกนี้พลังงานมัน
00:26:38 → 00:26:39 เยอะถูกต้องมั้คะ
00:26:39 → 00:26:42 >> พลังมันบางทีกินไม่ได้เยอะแต่พลังงานมัน
00:26:42 → 00:26:45 เยอะแล้วการเผ่าผลก็เท่าเดิมอ
00:26:45 → 00:26:46 >> แล้วก็กินของที่พลังงานเยอะเพราะฉะนั้น
00:26:46 → 00:26:49 เนี่ยน้ำหนักมันก็ขึ้นได้ค่ะมีค่ะคนที่
00:26:49 → 00:26:51 แบบผ่าตัดแล้วน้ำหนักลงมาแล้วแล้วน้ำหนัก
00:26:51 → 00:26:53 ก็ขึ้นได้เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากจะให้ทุก
00:26:53 → 00:26:56 ๆคนทำก่อนเลยก็คือควรจะคุมอาหารกับออก
00:26:56 → 00:26:58 กำลังกายคือมีวินัยก่อนเพราะฉะนั้นพอเรา
00:26:58 → 00:27:00 เกิดสมมุติไปตัดกระเพาะและคุมอาหารออก
00:27:00 → 00:27:03 กำลังกายได้ลดระดับในได้ระดับนึงแล้วจาก
00:27:03 → 00:27:05 สมมุติจาก 110 กลเหลือ 100 กลและแล้วเรา
00:27:05 → 00:27:08 ไปผ่าตัดกระเพาะน้ำหนักลงมาประมาณ 20%
00:27:08 → 00:27:10 เหลือ 80 กกและแล้วเรายังคุมอาหารออก
00:27:10 → 00:27:12 กำลังกายต่อเนื่องไปเรื่อยๆเนี่ยน้ำหนัก
00:27:12 → 00:27:14 เราก็จะลงต่อไปเรื่อยๆถูกต้องมั้ยคะ
00:27:14 → 00:27:15 >> เออ
00:27:15 → 00:27:17 >> โอเคแต่ถ้าเราไม่มีวินัยพอผ่าตัดปุ๊บแล้ว
00:27:17 → 00:27:20 โอ๊ยเราก็กินเหมือนเดิมไม่ได้ออกกำลังกาย
00:27:20 → 00:27:23 อะไรไม่มีวินัยในการออกกำลังกายเราก็กิน
00:27:23 → 00:27:25 อ่าอาจจะกินได้น้อยลงก็จริงแต่ว่าเลือก
00:27:25 → 00:27:28 กินแต่อาหารที่แคลอรี่สูงพลังงานมันก็
00:27:28 → 00:27:30 เกินเพราะเราใช้ไลฟ์สไตลที่ inactive
00:27:30 → 00:27:33 อะไรอย่างเงี้ยค่ะน้ำหนักขึ้นได้ค่ะ
00:27:33 → 00:27:35 >> เนี่ยถ้าฉันออกกำลังกายละฉันคุมอาหารแล้ว
00:27:35 → 00:27:38 จนวันๆแทบจะไม่กินอะไรละน้ำหนักก็ไม่ลงทำ
00:27:38 → 00:27:38 ไง
00:27:38 → 00:27:39 >> ไม่เคยเจอนะคะ
00:27:39 → 00:27:40 >> ยังไม่เคยเจอจริงหรอ
00:27:40 → 00:27:43 >> คือต้องถามจริงๆทุกคนถ้าถามอ่ะว่าแบบแทบ
00:27:43 → 00:27:45 จะไม่กินอะไรแล้วแล้วออกกำลังกายแล้วแล้ว
00:27:45 → 00:27:48 น้ำหนักไม่ลงเนี่ยส่วนใหญ่จะให้คนไข้อ่ะ
00:27:48 → 00:27:50 ค่ะไปทำ Food Diี่มาให้ดูทุกคนที่บอกไม่
00:27:50 → 00:27:52 กินอะไรอย่างตัวเองที่บอกว่าตัวเองไม่
00:27:52 → 00:27:54 เห็นกินอะไรเลยทำไมน้ำหนักเยอะเนี่ยไปทำ
00:27:54 → 00:27:57 Food Diี่ค่ะอ้าวมีอันนั้นชิ้นนึงนี่นา
00:27:57 → 00:28:01 มีคุกกี้ 1 ชิ้นมีอันนั้น 1 ชิ้นมีอันนี้
00:28:01 → 00:28:03 1 ชิ้นซึ่งเราไม่ได้นับซึ่งคุกกี้ชิ้น
00:28:03 → 00:28:04 แครี่ก็เยอะ
00:28:04 → 00:28:05 >> อ้าหรอ
00:28:05 → 00:28:08 >> ถูกต้องมั้คะใครจะรู้บ้างว่าสมมุติเราไม่
00:28:08 → 00:28:10 เคยรู้เลยแต่ขนมต้ม 1 ชิ้นเนี่ยพลังงาน
00:28:10 → 00:28:12 ประมาณข้าวเกือบ 1 ทัพี
00:28:12 → 00:28:12 >> เอาจริงอ่ะ
00:28:13 → 00:28:15 >> อ้าขนมต้ม 1 ชิ้นพลังงานประมาณ 50-60
00:28:15 → 00:28:16 กิลแคลอรี่
00:28:16 → 00:28:17 >> อ๋ออ๋อ
00:28:17 → 00:28:19 >> เออเรากินขนมต้มไป 5 ชิ้น
00:28:19 → 00:28:20 >> ก็เหมือนกินข้าวไป 5 จาน
00:28:20 → 00:28:21 >> แล้วกินข้าวไป 5 จาน
00:28:21 → 00:28:23 >> เราบอกเราไม่ได้กินอะไรเลยวันนี้เรากิน
00:28:23 → 00:28:26 ขนมต้มไป 5 ชิ้นเราก็เหมือนกินข้าวไป 5
00:28:26 → 00:28:28 ทัพพีเรากินคุกกี้ไป 2 ชิ้น
00:28:28 → 00:28:31 >> แล้วก็เหมือนกินข้าวไป 2-3 ทัพพีคือทุกคน
00:28:31 → 00:28:33 ชอบคิดว่าตัวเองไม่กินอะไรแล้วอ้วนแต่ถ้า
00:28:33 → 00:28:35 เราลองไปทำ Food diี่ดูดีๆอ่ะเราจะรู้เลย
00:28:35 → 00:28:38 ว่าเราแบบมีหยิบนู่นหยิบนี่หยิบนั่นหยิบ
00:28:38 → 00:28:40 อะไรมากินด้วยหรือเปล่าจากประสบการณ์ตัว
00:28:40 → 00:28:42 เองที่ลดน้ำหนักมาตลอดชีวิตอ่ะค่ะพอไปทำ
00:28:42 → 00:28:44 Food Daี่แล้วรู้เลยค่ะว่าตัวเองกินเยอะ
00:28:44 → 00:28:48 ตอนที่น้ำหนักขึ้นนะเพราะหยิบอันนี้อย่า
00:28:48 → 00:28:51 ผนชอบคิดว่าผลไม้ไม่อ้วนถูกต้องคะแต่ว่า
00:28:52 → 00:28:55 อะไรก็ตามเยอะไปอ้วนหมดค่ะส้ม 1 ลูกพลัง
00:28:55 → 00:28:57 งานประมาณข้าว 1 ทัพีฝรั่งลูกใหญ่ๆ 1 ลูก
00:28:57 → 00:28:59 พลังงานเท่ากับข้าว 2 ทพี
00:28:59 → 00:29:00 >> ฝรั่งเนี่ยนะ
00:29:00 → 00:29:02 >> ฝรั่งใหญ่ๆลูกนึงค่ะพลังงานเท่ากับข้าว 2
00:29:02 → 00:29:03 ทพี
00:29:03 → 00:29:05 >> กล้วยหอมขนาดกล้วยน้ำว้ากี่ลูกนับทัพพี
00:29:05 → 00:29:06 ตามนั้น
00:29:06 → 00:29:09 >> เดี๋ยวนะกล้วยหอมเนี่ยปกติมันประมาณ 2
00:29:09 → 00:29:09 กล้วยน้ำว้า
00:29:09 → 00:29:11 >> อ่าก็คือข้าว 2 ทัพ
00:29:11 → 00:29:13 >> แม่เจ้า
00:29:13 → 00:29:14 >> อื
00:29:14 → 00:29:16 >> อะโวคาโด้อ่ะเดี๋ยว
00:29:16 → 00:29:19 ิมากเลยอาหารคลีนไม่ใช่อาหารผอมนะคะอาหาร
00:29:19 → 00:29:22 คลิไม่ใช่แปลว่าแคลอรี่ต่ำนะคะ
00:29:22 → 00:29:23 >> แพงใจมาก
00:29:23 → 00:29:25 >> อะโวคาโด 1 ลูกพลังงานประมาณ 300
00:29:25 → 00:29:27 กิลแคลอรี่ข้าวประมาณ 4-5 ทพี
00:29:27 → 00:29:30 >> อย่างตอนเช้านึกออกใช่ป่ะไอ้ที่เขาชอบกิน
00:29:30 → 00:29:34 ไอ้ขนมปัง 1 แผ่นโฮวีแล้วก็เอาอะโวคาโด้ 1
00:29:34 → 00:29:38 ลูกสับทาไข่อีก 1 ลูกเยอะเลยดิ
00:29:38 → 00:29:40 >> แครี่ก็เยอะเลยค่ะไข่ 1
00:29:40 → 00:29:41 >> เยอะกว่าเยอะกว่าโจ๊กถ้วยนึงอีกไง
00:29:41 → 00:29:44 >> ใช่แล้วก็แล้วแต่ว่าเราเราลดน้ำหนักหรือ
00:29:44 → 00:29:47 เรากำลังจะเพิ่มกล้ามเนื้อแต่ถ้าเราลดน้ำ
00:29:47 → 00:29:49 หนักเราก็ต้องดูแคลอรี่อาหารคลีนไม่ใช่
00:29:49 → 00:29:51 แคลอรี่ต่ำอย่างโฮวีท 1 แผ่นก็เท่ากับ
00:29:51 → 00:29:54 ข้าว 1 ทัพพีไม่ใช่แคลอรี่จะต่ำกว่าข้าว 1
00:29:54 → 00:29:55 ทัพพีอะไรเลยอ
00:29:55 → 00:29:59 >> สรุปว่าเมนูนั้นเนี่ยก็คือประมาณข้าว 5-6
00:29:59 → 00:29:59 ทัพพีเนาะ
00:29:59 → 00:30:01 >> เดี๋ยวนี้คนไข้ถ้าจะลดน้ำหนักเนี่ยเสิร์ช
00:30:01 → 00:30:04 อินเทอร์เน็ตเลยค่ะพลังงานเข้ามันไก่พลัง
00:30:04 → 00:30:07 งานเข้าขาหมูพลังงานนู่นนี่นั่นทุกคนจะ
00:30:07 → 00:30:09 รู้หมดเลยว่าพลังงานเท่าไหร่
00:30:09 → 00:30:11 >> แล้วเราจะเชื่อถือได้มั้ในอินเทอร์เน็ต
00:30:11 → 00:30:13 หรือมันมีแอปพลิเคชัหรือมีอะไรที่แบบพอจะ
00:30:13 → 00:30:17 บอกเชื่อถือได้อ่ะแล้วเป็นอาหารไทย
00:30:17 → 00:30:20 >> จริงๆเสิร์ชไปค่อนข้างเชื่อถือได้เลยนะคะ
00:30:20 → 00:30:20 >> หรอ
00:30:20 → 00:30:23 >> เพราะเดี๋ยวนี้เขาทำพวกแคลอี่กันมาค่อน
00:30:23 → 00:30:26 ข้างเยอะในแอปต่างๆเนี่ยคืออันไหนที่ดาว
00:30:26 → 00:30:28 เยอะๆส่วนใหญ่เชื่อถือได้หมดเลยค่ะอาหาร
00:30:28 → 00:30:30 ไทยมีเสิร์ชเลยกะเพราไก่ไข่ดาวในแคลอรี่
00:30:31 → 00:30:33 ประมาณ 650 กิลแคลอรี่ค่ะกะเพราไข่ไข่
00:30:33 → 00:30:36 เจียวนะคะพลังงานประมาณ 650 กแคลอรี่ 1 2
00:30:36 → 00:30:39 จานวันนึงก็ 1,300 แล้วก็จะหมดและที่กิน
00:30:39 → 00:30:39 ได้
00:30:39 → 00:30:40 >> หมดแล้ว
00:30:41 → 00:30:43 >> ยังไม่รวม
00:30:43 → 00:30:46 กแฟอะไรยังไม่รวมอะไรอีกเลยแค่นี้เพราะ
00:30:46 → 00:30:48 ฉะนั้นการลดน้ำหนักง่ายๆบางทีถ้าเราไม่
00:30:48 → 00:30:51 รู้จะเริ่มต้นยังไงก็กินข้าวมันไก่ก็เอา
00:30:51 → 00:30:54 ข้าวไม่มันกินอกไก่ข้าวขาหมูไม่เอามัน
00:30:54 → 00:30:54 อะไร
00:30:54 → 00:30:56 >> มันได้ด้วยเหรอข้าวขาหมูไม่เอามันแก
00:30:56 → 00:31:00 >> ก็ต้องพยายามถ้าเราอยากจะลดน้ำหนักหรือ
00:31:00 → 00:31:03 ไม่ก็แบบกินก๋วยเตี๋ยวก็สั่งไปตามเลยไม่
00:31:03 → 00:31:05 ใส่กระเทียมเจียวนะคะอย่างน้อยก็ลด
00:31:05 → 00:31:08 แคลอรี่ได้กาแฟก็พยายามกินกาแฟดำให้ได้
00:31:08 → 00:31:10 อะไรอย่างเงี้ยค่ะก็จะเป็น
00:31:10 → 00:31:13 >> สิ่งที่แบบอะไรที่เราทำได้ง่ายๆอย่างเช่น
00:31:13 → 00:31:16 ผู้คนติดกาแฟมากๆเอ่อกาแฟนมกาแฟสดเงี้ย
00:31:16 → 00:31:19 พลังงานประมาณ 200 กิลคลอรีข้าวประมาณ 2-3
00:31:19 → 00:31:22 ทัพพีถ้าตัดได้พลังงานก็หายไป 2-300
00:31:22 → 00:31:23 กิลคลีต่อวันแล้ว
00:31:23 → 00:31:26 >> อืมอ่ะแล้วอย่างงี้คือถ้าสมมติเราติดหวาน
00:31:26 → 00:31:28 เราก็ใส่น้ำตาลเทียมเอา
00:31:28 → 00:31:30 >> เราไม่อยากให้ติดหวานถูกต้องมั้คะเราอยาก
00:31:30 → 00:31:33 ให้ใส่เลยดีที่สุดแต่ถ้าจำเป็นต้องใส่ก็
00:31:33 → 00:31:36 แนะนำเป็นพวกสารทดแทนความหวานมากกว่าน้ำ
00:31:36 → 00:31:39 ตาลมากกว่าแต่ถ้าดีที่สุดก็คือไม่ใส่กาแฟ
00:31:39 → 00:31:41 ก็กาแฟดำไปเลยค่ะขมๆไปเลยค่ะเราต้องการ
00:31:41 → 00:31:44 กาแฟเราไม่ต้องการน้ำตาลและครีมเรา
00:31:44 → 00:31:46 ต้องการกาแฟถูกต้องมั้ยคะ
00:31:46 → 00:31:49 >> ค่ะใช้เวลานานมยอยากให้กำลังใจนิดนึงว่า
00:31:49 → 00:31:52 เออแบบคนๆนึงเนี่ยจะเลิกความหวานได้อ่ะ
00:31:52 → 00:31:55 >> เราก็ค่อยๆก่อนก็ได้ค่ะจากเติม 2 ช้อน
00:31:55 → 00:31:57 เหลือ 1 ช้อนเหลือครึ่งช้อนแล้วก็ไม่เติม
00:31:57 → 00:31:58 เลย
00:31:58 → 00:32:02 >> จากกินกาแฟสมมุติกินกาแฟนมอย่างเงี้ยแล้ว
00:32:02 → 00:32:05 ก็อ่าอาจจะเป็นกินกาแฟดำหวานหวานปกติก่อน
00:32:05 → 00:32:07 ก็ได้ค่ะแต่ไม่ใส่นมเพราะนมก็คือ
00:32:07 → 00:32:09 คาร์โบไฮเดรตเหมือนกันแล้วก็เริ่มจากหวาน
00:32:10 → 00:32:12 50 หวาน 25 แล้วไม่หวานเลยหรือว่าทำมัน
00:32:12 → 00:32:15 ไม่ได้จริงๆอย่างน้อยหวาน 25 ก็ยังดีกว่า
00:32:15 → 00:32:18 หวาน 50 มันก็ตัดน้ำตาลไปเยอะอย่างเช่น
00:32:18 → 00:32:20 ส่วนใหญ่จะชอบแนะนำครูแค่ที่เป็นเบาหวาน
00:32:20 → 00:32:24 ที่ชอบกินoneว 1 ซองน้ำตาลประมาณ 2.5
00:32:24 → 00:32:25 ช้อนชา
00:32:25 → 00:32:26 >> โอ
00:32:26 → 00:32:29 >> สมมุติคนไข้กินกาแฟดำแล้วใส่น้ำตาลแค่ 1
00:32:29 → 00:32:32 ช้อนชาน้ำตาลจะหายไป 1.5 5 ช้อนช้า 30
00:32:32 → 00:32:35 วันคนไข้น้ำตาลจะหายไป 45 ช้อนช้าคูณ 5
00:32:35 → 00:32:37 กรัมก็คือประมาณ 200 กรัม
00:32:37 → 00:32:39 >> โหก็เยอะแล้ว 2 ขีด
00:32:39 → 00:32:42 >> อ่าก็นี้ก็แค่นี้ก็เยอะแล้วก็คือเป็นสิ่ง
00:32:42 → 00:32:44 ที่บอกคนไข้ว่าอย่างน้อยก็ลดไปได้ 2 ขีด
00:32:44 → 00:32:47 ก็ลดไปได้เยอะแล้วบางทีเราไม่ได้อย่างที
00:32:47 → 00:32:51 คนไข้กินกล้วยทีเนี่ยมื้อนึงเนี่ยต้องกิน
00:32:51 → 00:32:54 2 ลูกก็บอกเขาว่าขอมื้อนึงลูกนึงได้มั้ย
00:32:54 → 00:32:56 อ่ะอย่างน้อยก็ยังลดน้ำตาลลงไปได้อะไร
00:32:56 → 00:32:59 อย่างเงี้ยค่ะคนเราไม่สามารถจะกินเท่านี้
00:32:59 → 00:33:01 แล้วจะตัดเหลือเท่านี้ได้แล้วค่อยๆลดค่อย
00:33:01 → 00:33:05 ๆลดค่อยๆลดค่ะเราถ้าเรามีความพยายามแล้ว
00:33:05 → 00:33:11 ตั้งใจจริงๆอ่ะเหมาะว่าทำได้ทุกคนนะคะโรค
00:33:11 → 00:33:13 เบาหวานมันทำให้เส้นเลือดไม่ดีถูกป่ะ
00:33:13 → 00:33:13 >> ถูกต้อง
00:33:13 → 00:33:15 >> เออแล้วเส้นเลือดที่มาเลี้ยงที่ผิวหนัง
00:33:15 → 00:33:17 อ่ะมันก็ไม่ดีเหมือนกันเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:33:17 → 00:33:19 เลือดที่มาเลี้ยงผิวหนังไม่ดีการทำงานของ
00:33:19 → 00:33:22 ผิวก็แย่หมดผิวแห้งผิวบางลง
00:33:22 → 00:33:24 >> หรือแม้กระทั่งมีผื่นบางอย่างเฉพาะเจาะจง
00:33:24 → 00:33:26 สำหรับโรคเบาหวานด้วย
00:33:26 → 00:33:28 >> ใช่ๆไอ้ผื่นเฉพาะเจาะจงมันมีแต่ว่าส่วน
00:33:28 → 00:33:30 ใหญ่ก็เจอคนไข้เบาหวานน่ะผิวแห้งกันเยอะ
00:33:31 → 00:33:33 มากเลยแต่ว่าส่วนใหญ่จะเจอในผู้ป่วยที่
00:33:33 → 00:33:35 สูงอายุแล้วเพราะผู้ป่วยสูงอายุแล้วผิว
00:33:35 → 00:33:37 แห้งกันทุกคน
00:33:37 → 00:33:37 >> อื
00:33:37 → 00:33:40 >> ก็เลยแนะนำพวกเอ่อชะโลมไปเลยค่ะครีมผิว
00:33:40 → 00:33:41 แห้งต่างๆ
00:33:41 → 00:33:42 >> อทาครีม
00:33:42 → 00:33:43 >> ทาครีมใช่ค่ะ
00:33:43 → 00:33:45 >> คือการทาครีมมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วก็
00:33:45 → 00:33:48 เป็นสิ่งที่น่าทำมากๆเพราะว่าผิวเราอ่ะ
00:33:48 → 00:33:51 ไม่สร้างน้ำมันมาให้ละเราก็ทาทดแทนแต่อัน
00:33:51 → 00:33:54 นึงที่สำคัญก็คืออย่าทำลายเพิ่มอย่างเช่น
00:33:54 → 00:33:59 การขัดถูผิวเพราะบางทีอ่ะผิวผิวคนเป็นเบา
00:33:59 → 00:34:02 หวานน่ะจะรู้สึกกล้านโดยเฉพาะบริเวณคอที่
00:34:02 → 00:34:06 อาจจะมีนิกีแครนที่มันหนาๆขึ้นมารักลงรัก
00:34:06 → 00:34:10 แลขาหนีบที่ดูดำๆไม่ต้องขัดมันไม่จางไม่
00:34:11 → 00:34:11 หาย
00:34:11 → 00:34:12 >> อือ
00:34:12 → 00:34:14 >> คุณต้องควบคุมเบาหวานเท่านั้นมันจะหายไป
00:34:14 → 00:34:14 เอง
00:34:14 → 00:34:15 >> ใช่
00:34:15 → 00:34:18 >> อ่าแล้วก็การอาบน้ำก็ต้องเลี่ยงการอาบน้ำ
00:34:18 → 00:34:20 อุ่นน้ำร้อน
00:34:20 → 00:34:23 >> สบู่ก็จริงๆแล้วพออายุเยอะอ่ะก็ถ้าเราก็
00:34:23 → 00:34:26 ไม่ค่อยสกปรกไม่ค่อยได้ไปเข้าป่าหรืออะไร
00:34:26 → 00:34:29 อย่างเงี้ยนะก็ฟอกสบู่เท่าที่จำเป็นรัก
00:34:29 → 00:34:31 แรกแพ้ขาหนีบอะไรเงี้ยก็พอนอกนั้นก็รูป
00:34:31 → 00:34:33 น้ำเปล่าอย่างเดียวก็สะอาดแล้ว
00:34:33 → 00:34:35 >> อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ได้จากเพื่อนเหมือน
00:34:35 → 00:34:37 กันค่ะเพราะแนะนำคนไข้ประจำเหมือนกันค่ะ
00:34:37 → 00:34:41 ว่าอาบน้ำเย็นแล้วก็ใช้สบู่ถูแค่จิตจุด
00:34:41 → 00:34:44 ซ่อนเร้นก็นั้นก็พอไม่ต้องแบบชะลมตัวแล้ว
00:34:44 → 00:34:45 ก็ทาครีม
00:34:45 → 00:34:47 >> ยังมีอีก 1 คีย์เวิร์ดด้วยนะคนแก่แบบอยู่
00:34:47 → 00:34:50 บ้านบางทีอาบน้ำวันละ 3-4 ครั้งแล้วขออาบ
00:34:50 → 00:34:52 น้ำวันละครั้งก็พอถ้าเหงื่อไม่ได้ออกมาก
00:34:52 → 00:34:56 >> เดี๋ยวจะมีคีย์เวิร์ดไปเพิ่มให้คนไข้ด้วย
00:34:56 → 00:34:58 [เพลง]
00:34:58 → 00:35:01 >> คนอ้วนต้องเป็นเบาหวานทุกคนมั้ยหรือเขามี
00:35:01 → 00:35:02 ความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานมากกว่าคนอื่น
00:35:02 → 00:35:03 มั้ย
00:35:03 → 00:35:05 >> มากกว่าคนอื่นแต่กี่เท่านี่ตอบไม่ได้แต่
00:35:05 → 00:35:06 มีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานมากกว่าคน
00:35:07 → 00:35:08 อื่นอยู่แล้วค่ะ
00:35:08 → 00:35:10 >> แล้วถ้าสมมุติว่าเราอ้วนตั้งแต่เด็กอ่ะ
00:35:10 → 00:35:13 มันมีโอกาสที่จะเป็นเบาหวานในอายุน้อย
00:35:13 → 00:35:13 ด้วยมั้ย
00:35:13 → 00:35:15 >> มีโอกาสค่ะ
00:35:15 → 00:35:19 >> อืเพราะฉะนั้นจริงๆแล้วเนี่ยการดูแลน้ำ
00:35:19 → 00:35:21 หนักก็เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญ
00:35:21 → 00:35:22 >> ตั้งแต่เด็กเลยค่ะ
00:35:22 → 00:35:23 >> ตั้งแต่เด็ก
00:35:23 → 00:35:26 >> ความจริงถ้าเราเป็นคุณพ่อคุณแม่เราก็คือ
00:35:26 → 00:35:29 คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ก็จะชอบให้เด็กแบบ
00:35:29 → 00:35:30 เออจ้ำม่ำ
00:35:30 → 00:35:35 >> จริงๆในตอนนี้ค่ะadดาชเอ่อ children ก็
00:35:35 → 00:35:37 คือเด็กอ่ะค่ะที่น้ำหนักเกินเก็เยอะขึ้น
00:35:37 → 00:35:40 นะคะเพราะว่าเดี๋ยวนี้แบบอาหารการกิน
00:35:40 → 00:35:43 ไสไตล์ต่างๆมัน inactive ไฟestลเพราะ
00:35:43 → 00:35:45 ฉะนั้นเนี่ยเราควรจะต้องควบคุมน้ำหนัก
00:35:45 → 00:35:46 ตั้งแต่เด็กค่ะ
00:35:46 → 00:35:48 >> ให้เขามีวินัยตั้งแต่เด็กๆเนาะ
00:35:48 → 00:35:51 >> เอใช่ไม่ใช่แบบโอ๋แบบลูกหิวลูกอยากกิน
00:35:51 → 00:35:54 อะไรก็แบบประเคนเข้าไปเราควรจะแบบไม่ควร
00:35:54 → 00:35:58 ไม่ควรเลี้ยงลูกให้จ้ำม่ำน่ารักอ่ะค่ะควร
00:35:58 → 00:36:01 ที่ประบ
00:36:01 → 00:36:05 ตามเด็กก็แบบไสลเด็กมันอยู่แล้วค่ะเออ
00:36:05 → 00:36:08 ประมาณนั้นน่ะค่ะควรจะดูแลตั้งแต่เด็กเลย
00:36:08 → 00:36:12 ค่ะเพราะว่าเด็กอ้วนกับเด็กผอมอ่ะค่ะเด็ก
00:36:12 → 00:36:14 อ้วนมีโอกาสที่จะเป็นเบาหวานมากกว่าเด็ก
00:36:14 → 00:36:16 ผอมอยู่แล้วอ่ะค่ะ
00:36:16 → 00:36:19 >> ถ้าพ่อแม่เราเป็นเบาหวานเงี้ยเราควรจะ
00:36:19 → 00:36:21 ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษมั้ย
00:36:21 → 00:36:24 >> เป็นพิเศษค่ะคือไม่ใช่ว่าพ่อแม่เป็นเบา
00:36:24 → 00:36:26 หวานแล้วลูกจะเป็นเบาหวานทุกคนนะคะแต่ว่า
00:36:26 → 00:36:28 ถ้าพ่อเป็นเบาหวานลูกมีความเสี่ยงเท่านึง
00:36:28 → 00:36:31 ถ้าแม่เป็นเบาหวานลูกเป็นเป็นเบาหวานด้วย
00:36:32 → 00:36:33 ลูกก็มีความเสี่ยงเพิ่มอีกเท่านึง
00:36:33 → 00:36:35 >> ก็แปลว่าถ้า 1 คนเป็น
00:36:35 → 00:36:38 >> เราก็มีโอกาสที่จะเป็นมากคนอื่น 1 เท่า
00:36:38 → 00:36:39 ถ้า 2 คนเป็นก็คือ 2 เท่า
00:36:39 → 00:36:40 >> 2 เท่า
00:36:40 → 00:36:40 >> อ๋อ
00:36:40 → 00:36:44 >> ใช่ค่ะเพราะฉะนั้นเราก็ต้องระมัดระวัง
00:36:44 → 00:36:47 เรื่องอาหารการกินนะคะเพราะมีความเสี่ยง
00:36:47 → 00:36:47 ต่อคนอื่น
00:36:47 → 00:36:50 >> คนผอมก็สามารถเป็นเบาหวานได้
00:36:50 → 00:36:53 >> ใช่ค่ะในคนเอเชียส่วนใหญ่ผอมทุกคนเวลาไป
00:36:53 → 00:36:56 ประชุมต่างประเทศหมอฝรั่งจะงงมากว่าทำไม
00:36:56 → 00:36:58 ชาวเอเชียถึงเป็นเบาหวานกันตัวกันนิด
00:36:58 → 00:37:01 เดียวบางคนเขาจะเรียกว่า le diabetic นะ
00:37:01 → 00:37:04 คะก็คือแบบเบาหวานผอมๆการเกิดเบาหวานมี
00:37:04 → 00:37:07 หลายปัจจัยอค่ะที่เรารู้ยังไม่รู้อีกหลาย
00:37:07 → 00:37:09 ปัจจัยมากเลยปัจจัยการดื้ออินซูลินการ
00:37:09 → 00:37:12 หลังอินซูลินน้อยลงอะไรอย่างเงี้ยค่ะการ
00:37:12 → 00:37:15 ขับอินซูลินทางปัสสาวะลดลงหลายๆอย่างหลาย
00:37:15 → 00:37:19 ปัจจัยทั้งเรื่องเจนติกส์ต่างๆยีนต่างๆ
00:37:19 → 00:37:22 ซึ่งเราไม่รู้หลายๆอย่างผอมก็เป็นเบาหวาน
00:37:22 → 00:37:25 ได้ค่ะอย่าแบบชะล่าใจว่าผอมมันจะกินน้ำ
00:37:25 → 00:37:27 หวานกินนู่นกินนี่นี่เต็มที่ไม่เป็นเบา
00:37:27 → 00:37:30 หวานแน่นอนก็ไม่ใช่เจอมาเยอะค่ะคนไข้ผอม
00:37:31 → 00:37:34 กินอะไรแล้วไม่อ้วนมาเจาะไขมันทีไขมัน
00:37:34 → 00:37:37 กระฉูดอะไรอย่างเงี้ยค่ะอ่าเพราะไม่ได้
00:37:37 → 00:37:38 ระมัดระวังตัว
00:37:38 → 00:37:40 >> พอไม่ได้ระมัดระวังตัวก็คือ
00:37:40 → 00:37:43 >> อ้าวเราผอมนี่เราจะกินหวานเท่าไหร่ก็ได้
00:37:43 → 00:37:45 อ้ามาเจาะน้ำตาลทีน้ำตาลกระฉูดเพราะว่า
00:37:45 → 00:37:47 ไม่คิดตัวเองว่ามันจะเป็นเบาหวานเพราะตัว
00:37:47 → 00:37:48 เองไม่อ้วน
00:37:48 → 00:37:48 >> อื
00:37:48 → 00:37:50 >> อะไรอย่างเงี้ยเพราะว่ากินได้อะไรอย่าง
00:37:50 → 00:37:50 เงี้ยค่ะ
00:37:50 → 00:37:53 >> เพราะฉะนั้นเนี่ยชีวิตคนนึงอ่ะควรจะดูแล
00:37:53 → 00:37:55 เรื่องของน้ำหนักตั้งแต่เด็กในฐานะพ่อแม่
00:37:55 → 00:37:57 ควรสร้างวินัยให้จากเค้า
00:37:57 → 00:37:59 >> เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว
00:37:59 → 00:37:59 >> ใช่ค่ะ
00:37:59 → 00:38:02 >> แล้วก็อันที่ 2 ถ้าก็ไม่เป็นไรถ้าเรามี
00:38:02 → 00:38:04 ปัญหานี้แนะนำให้พบแพทย์เพื่อให้ได้คำแนะ
00:38:04 → 00:38:06 นำที่ถูกต้องถูก
00:38:06 → 00:38:08 >> แต่ว่าเบื้องต้นสามารถดูแลตัวเองได้โดย
00:38:08 → 00:38:11 การควบคุมอาหารแล้วก็ออกกำลังกายแต่ถ้า
00:38:11 → 00:38:14 ตัวช่วยอื่นๆก็พบแพทย์
00:38:14 → 00:38:15 >> ก็พบแพทย์ใช่ค่ะ
00:38:15 → 00:38:17 >> ซึ่งปัจจุบันก็มี
00:38:17 → 00:38:20 >> มียาที่สามารถลดน้ำหนักเทียบเท่ากับการ
00:38:20 → 00:38:22 ผ่าตัดกระเพาะแล้วด้วยอ่าเพราะฉะนั้นก็
00:38:22 → 00:38:25 >> เป็นทางเลือกให้คนไข้ได้แล้วก็อยากจะบอก
00:38:25 → 00:38:27 ว่าโรคอ้วนเป็นโรคเรื้อรังนะคะเพราะ
00:38:27 → 00:38:29 ฉะนั้นเราต้องสู้กับมันตลอดชีวิตค่ะไม่มี
00:38:29 → 00:38:31 การลดคำอ้วนครั้งสุดท้ายนะคะ
00:38:31 → 00:38:34 >> ค่ะแบบว่าให้หมอบิวเป็นไอดอลของทุกคนนะคะ
00:38:34 → 00:38:37 >> ค่ะสำหรับตัวเองนะคะพยายามสร้างวินัยให้
00:38:37 → 00:38:41 ตัวเองก็คือยังไงก็ได้ต้องออกกำลังกายให้
00:38:41 → 00:38:44 ได้อย่างต่ำสัปดาห์ละ 5 วันให้ได้
00:38:44 → 00:38:45 >> นั่นไง 5 วัน
00:38:45 → 00:38:49 >> ใช่ค่ะอันนี้เป็นการเป็นการบังคับตัวเอง
00:38:49 → 00:38:51 เพราะว่าถ้าเราไม่สร้างวินัยให้ตัวเอง
00:38:51 → 00:38:53 แล้วใครจะสร้างวินัยให้เราถูกต้องมั้ยคะ
00:38:53 → 00:38:54 >> อ่าจริง
00:38:54 → 00:39:00 >> อือืวันนี้ก็ขอบคุณบิวมากๆที่สละเวลามานะ
00:39:00 → 00:39:03 คะเพราะว่าปกติเขาแบบเป็นคุณหมอคิวทอง
00:39:03 → 00:39:06 บซี่มากก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะก่อนจบนี้
00:39:06 → 00:39:10 ก็ขอฝากนิดนึงค่ะตอนนี้ที่โรงพยาบาลทหาร
00:39:10 → 00:39:13 ผ่านศึกค่ะเรากำลังจะเปิดคลินิกลดความ
00:39:13 → 00:39:16 อ้วนนะคะทุกวันพุธนะคะที่ 1 2 3 ของ
00:39:16 → 00:39:19 สัปดาห์ค่ะก็ถ้าเกิดคนไข้ที่มีปัญหา
00:39:19 → 00:39:23 เรื่องโรคอ้วนนะคะอยากรักษาโรคอ้วนน่ะค่ะ
00:39:23 → 00:39:27 ก็สามารถมาเจอกันได้ที่คลินิกนะคะเป็น
00:39:27 → 00:39:29 คลินิกนอกเวลาค่ะ 16:00 น. - 20:00 น.
00:39:29 → 00:39:32 ค่ะทุกวันพุธนะคะสัปดาห์ที่ 1 2 3 ค่ะ
00:39:32 → 00:39:36 >> ขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีสามารถนำความรู้
00:39:36 → 00:39:38 ที่ได้จากวันนี้เนี่ยไปปรับใช้ในชีวิต
00:39:38 → 00:39:41 ประจำวันของตัวเองนะคะก็ขอบคุณมากๆค่ะ
00:39:41 → 00:39:43 ขอบคุณ
00:39:43 → 00:39:59 [เพลง]