00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcast Talk ความรู้
00:00:03 → 00:00:07 สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่เอาล่ะครับเราคง
00:00:07 → 00:00:09 เคยได้ยินกฎเหล็กเรื่องการกินกันมาเยอะ
00:00:09 → 00:00:12 แยะเลยใช่ไหมั้ครับโดยเฉพาะกฎที่บอกว่า
00:00:12 → 00:00:15 ห้ามกินคาร์โบไฮเดรตตอนกลางคืนเด็ดขาดวัน
00:00:15 → 00:00:18 นี้เราจะมาเจาะลึกวิทยาศาสตร์ของนาฬิกาใน
00:00:18 → 00:00:20 ร่างกายกันเพื่อจะดูว่าความเชื่อนี้มัน
00:00:21 → 00:00:24 จริงแค่ไหนกันแน่คำถามที่หลายคนก็คงสงสัย
00:00:24 → 00:00:26 กันก็คือไอ้เจ้าคาร์โบไฮเดรตในมื้อเย็น
00:00:26 → 00:00:29 เนี่ยมันเป็นตัวร้ายที่ทำให้น้ำหนักขึ้น
00:00:29 → 00:00:31 แล้วก็ทำลายสุขภาพจริงๆเหรอครับความเชื่อ
00:00:31 → 00:00:34 นี้มันฝังหัวพวกเรามานานมากเลยนะแต่บางที
00:00:34 → 00:00:36 ร่างกายของเราอาจจะกำลังเล่าเรื่องอีกแบบ
00:00:37 → 00:00:40 นึงที่ต่างออกไปเลยก็ได้ครับทีนี้ก่อนที่
00:00:40 → 00:00:42 เราจะไปว่ากันถึงเรื่องมื้อเย็นนะฮะเรา
00:00:42 → 00:00:45 ต้องขอย้อนเวลากลับไปนิดนึงกลับไปในช่วง
00:00:45 → 00:00:48 บ่ายกันก่อนเพราะว่าช่วงเวลานี้แหละครับ
00:00:48 → 00:00:50 คือชั่วโมงทองของร่างกายเราเลยเป็นช่วง
00:00:51 → 00:00:53 ที่ร่างกายมีศักยภาพสูงสุดแล้วก็เป็น
00:00:53 → 00:00:57 กุญแจดอกสำคัญเลยที่จะไขความลับของสิ่ง
00:00:57 → 00:00:59 ที่จะเกิดขึ้นในตอนกลางคืนเคยเคยสังเกต
00:01:00 → 00:01:02 กันมั้ครับว่าทำไมช่วงบ่ายแก่ๆเราถึงรู้
00:01:02 → 00:01:05 สึกมีเรี่ยวมีแรงออกกำลังกายมากเป็นพิเศษ
00:01:05 → 00:01:08 อืมนั่นมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญนะครับ
00:01:08 → 00:01:10 เพราะว่าช่วงเวลาประมาณ 1400 น. - 1700
00:01:10 → 00:01:12 น.เย็นเนี่ยคือช่วงที่ร่างกายของเราแข็ง
00:01:12 → 00:01:15 แกร่งและพร้อมใช้งานมากที่สุดตามธรรมชาติ
00:01:15 → 00:01:17 เลยนี่แหละครับคือจังหวะที่ดีที่สุด
00:01:17 → 00:01:21 สำหรับการใช้แรงหรือว่าการออกกำลังกายลอง
00:01:21 → 00:01:24 นึกภาพตามง่ายๆนะครับว่าพลังงานที่เราใช้
00:01:24 → 00:01:26 เนี่ยมันเหมือนเชื้อเพลิง 2 แบบพลังงาน
00:01:26 → 00:01:29 จากไขมันในช่วงแรกๆของวันก็จะเหมือนเชื้อ
00:01:29 → 00:01:31 เพลิงที่ค่อยๆปล่อยพลังงานออกมาอย่างช้าๆ
00:01:31 → 00:01:35 ต่อเนื่องไม่ต้องใช้อินซูลินเลยแต่ว่า
00:01:35 → 00:01:37 คาร์โบไฮเดรตในมื้อเย็นเนี่ยสิครับมัน
00:01:37 → 00:01:39 เหมือนเชื้อเพลิงจรวดเลยนะคือมันพุ่งเข้า
00:01:39 → 00:01:42 สู่กระแสเลือดโดยตรงแล้วก็ต้องพึ่งพา
00:01:42 → 00:01:44 ฮอร์โมนที่ชื่อว่าอินซูลินมาเป็นตัวจัด
00:01:44 → 00:01:47 การเอาล่ะครับพอหมดช่วงชั่วโมงทองของตอน
00:01:47 → 00:01:50 บ่ายไปปุ๊บร่างกายเราก็จะเริ่มเข้าสู่กะ
00:01:50 → 00:01:53 กลางคืนทันทีซึ่งนี่คือจุดที่เรื่องราว
00:01:53 → 00:01:55 เริ่มน่าสนใจขึ้นมาเลยครับเพราะร่างกาย
00:01:55 → 00:01:57 ของเรากำลังจะปรับเปลี่ยนระบบฮอร์โมน
00:01:57 → 00:02:01 ครั้งใหญ่และตัวเอกของงานนี้ก็คือ
00:02:01 → 00:02:04 อินซูลินนั่นเองความเชื่อส่วนใหญ่เนี่ยจะ
00:02:04 → 00:02:06 บอกว่าอินซูลินที่เพิ่มขึ้นตอนเย็นเนี่ย
00:02:06 → 00:02:09 คือปัญหาแต่ว่าความจริงทางวิทยาศาสตร์
00:02:09 → 00:02:11 เนี่ยกลับตรงกันข้ามเลยครับคือการที่
00:02:11 → 00:02:13 อินซูลินมันเพิ่มขึ้นเนี่ยมันไม่ได้เป็น
00:02:13 → 00:02:16 ความผิดปกติอะไรเลยแต่มันคือฟีเจอร์พิเศษ
00:02:16 → 00:02:18 ที่ร่างกายเราออกแบบมาอย่างชานฉลาดเพื่อ
00:02:18 → 00:02:21 เตรียมพร้อมสำหรับการซ่อมแซมและฟื้นฟูตัว
00:02:21 → 00:02:24 เองตอนที่เราหลับครับและนี่คือข้อมูลที่
00:02:24 → 00:02:27 ผมว่ามันน่าทึ่งมากๆเลยนะครับคือเมื่อ
00:02:27 → 00:02:29 เทียบกับตอนเช้าแล้วเนี่ยในช่วงเย็นร่าง
00:02:29 → 00:02:32 กายของเราไม่เพียงแต่จะผลิตอินซูลินออกมา
00:02:32 → 00:02:34 เยอะขึ้นนะแต่ยังตอบสนองต่อมันได้ดีขึ้น
00:02:34 → 00:02:37 แบบมหาศาลเลยซึ่งมันสวนทางกับความเชื่อ
00:02:37 → 00:02:40 ที่ว่าระบบเผาพลาของเราจะช้าลงในตอนกลาง
00:02:40 → 00:02:44 คืนโดยสิ้นเชิงเลยครับย้ำอีกทีนะครับว่า
00:02:44 → 00:02:48 ไม่ใช่แค่นิดๆหน่อยๆนะแต่มันไวขึ้นถึง 2-3
00:02:48 → 00:02:50 เท่าเลยทีเดียวนี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้ง
00:02:50 → 00:02:53 ใหญ่ที่ร่างกายเราตั้งใจให้เกิดขึ้นทุก
00:02:53 → 00:02:56 วันเลยครับเป็นกลไกตามธรรมชาติที่ถูกปรับ
00:02:56 → 00:03:00 มาอย่างสมบูรณ์แบบมากๆแล้วคำถามก็คือทำไม
00:03:00 → 00:03:03 ร่างกายต้องมาเพิ่มพลังให้อินซูลินขนาด
00:03:03 → 00:03:06 นี้ในตอนเย็นด้วยล่ะคำตอบก็คืออินซูลิน
00:03:06 → 00:03:08 ที่ทรงพลังนี้เปรียบเสมือนเป็นทีมงาน
00:03:08 → 00:03:11 กระดึกครับที่มีภารกิจสำคัญอยู่ 4 อย่าง
00:03:11 → 00:03:14 ที่ต้องทำให้สำเร็จเพื่อให้ร่างกายของเรา
00:03:14 → 00:03:17 พร้อมสำหรับวันใหม่นั่นเองซึ่งภารกิจทั้ง
00:03:17 → 00:03:19 4 อย่างนี้มันทำงานประสานกันแบบเป๊ะมาก
00:03:19 → 00:03:21 ครับตั้งแต่การเติมพลังงานสำรองในร่างกาย
00:03:21 → 00:03:24 ไปจนถึงการส่งสัญญาณให้สมองเริ่มวงจรการ
00:03:24 → 00:03:26 นอนหลับแล้วก็ลำเลียงสารอาหารไปซ่อมแซม
00:03:27 → 00:03:30 กล้ามเนื้อถ้าจะให้เห็นภาพชัดๆนะครับ
00:03:30 → 00:03:32 อินซูลินในช่วงเย็นเนี่ยทำหน้าที่เหมือน
00:03:32 → 00:03:36 เป็นผู้จัดการขนส่งมือชำเลยมันจะคอยรับ
00:03:36 → 00:03:38 สารอาหารจากคาร์โบไฮเดรตที่เรากินเข้าไป
00:03:38 → 00:03:41 แล้วก็จัดส่งไปให้ถูกที่ถูกทางเลยครับไม่
00:03:41 → 00:03:43 ว่าจะเป็นตับสมองหรือกล้ามเนื้อเพื่อให้
00:03:43 → 00:03:46 ทุกส่วนได้รับการซ่อมบำรุงอย่างเต็มที่
00:03:46 → 00:03:49 ตลอดทั้งคืนแล้วถ้าเราออกกำลังกายในช่วง
00:03:49 → 00:03:52 ชั่วโมงทองตอนบ่ายที่คุยกันไปตอนต้นล่ะ
00:03:52 → 00:03:55 โอ้โหนั่นยิ่งเหมือนกับการติดเทอร์โบกับ
00:03:55 → 00:03:57 ระบบนี้เข้าไปใหญ่เลยครับมันจะทำให้กล้าม
00:03:57 → 00:04:00 เนื้อของเราเนี่ยเปิดประตูรับสารอาหารได้
00:04:00 → 00:04:03 ดียิ่งขึ้นไปอีกทำให้การฟื้นฟูและสร้าง
00:04:03 → 00:04:06 กล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพสูงสุดไปเลยพอเรา
00:04:06 → 00:04:09 เข้าใจภาพรวมทั้งหมดแบบนี้แล้วก็จะเห็น
00:04:09 → 00:04:12 ได้ชัดเลยนะครับว่าความเชื่อเรื่องการงด
00:04:12 → 00:04:14 าฟตอนเย็นเนี่ยมันอาจจะทำให้เรากำลังต่อ
00:04:15 → 00:04:17 สู้กับระบบชีวภาพของตัวเองโดยไม่จำเป็น
00:04:17 → 00:04:20 เลยกุญแจสำคัญที่แท้จริงก็คือการทำความ
00:04:20 → 00:04:23 เข้าใจความลับของร่างกายแล้วก็เรียนรู้
00:04:23 → 00:04:27 ที่จะทำงานไปพร้อมๆกับมันครับซึ่งกลไกทาง
00:04:27 → 00:04:29 ธรรมชาติอันชานฉลาดที่เราคุยกันมาทั้งหมด
00:04:29 → 00:04:32 นี้ในทางวิทยาศาสตร์เขาก็มีชื่อเรียกของ
00:04:32 → 00:04:34 มันอย่างเป็นทางการนะครับเขาเรียกว่า
00:04:34 → 00:04:37 Physiological Insulin Sensitivity
00:04:37 → 00:04:41 หรือก็คือภาวะที่ร่างกายไวต่ออินซูลินสูง
00:04:41 → 00:04:44 ขึ้นตามกลไกธรรมชาตินั่นเองเพราะฉะนั้น
00:04:44 → 00:04:47 แล้วข้อสรุปที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้ก็
00:04:47 → 00:04:49 คือแทนที่เราจะกลัวคาร์โบไฮเดรตในมื้อ
00:04:49 → 00:04:52 เย็นเราควรจะเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับ
00:04:52 → 00:04:55 จังหวะของร่างกายของเรากินและออกกำลังกาย
00:04:55 → 00:04:58 ให้มันสอดคล้องกับนาฬิกาชีวภาพของตัวเรา
00:04:58 → 00:05:01 เองนี่คือแนวทางที่ให้ผลดีกว่าการไปฝืน
00:05:01 → 00:05:04 หรือต่อต้านมันเยอะแหละครับคำถามสุดท้าย
00:05:04 → 00:05:06 ที่อยากจะทิ้งท้ายไว้ให้พวกเราไปลองคิด
00:05:06 → 00:05:09 กันต่อก็คือว่าเมื่อได้รู้ความลับของ
00:05:09 → 00:05:12 จังหวะร่างกายแบบนี้แล้วมีอะไรในกิจวัตร
00:05:12 → 00:05:15 ประจำวันที่เราสามารถปรับเปลี่ยนเล็กๆ
00:05:15 → 00:05:17 น้อยๆเพื่อให้มันทำงานสอดคล้องกับร่างกาย
00:05:17 → 00:05:19 ได้ดีขึ้นบ้างมั้ครับเพราะการเปลี่ยนแปลง
00:05:19 → 00:05:22 นั้นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพ
00:05:22 → 00:05:26 ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนก็เป็นได้ครับ
00:05:26 → 00:05:30 >> สวัสดีครับเคยสังเกตมั้ครับว่าร่างกายเรา
00:05:30 → 00:05:34 นี่เอ่อเหมือนมีนาฬิกาของตัวเองไม่ได้ทำ
00:05:34 → 00:05:37 งานเหมือนกันเป๊ะๆตลอด 24 ชมงมีช่วงที่
00:05:37 → 00:05:40 เรารู้สึกคึกคักมีแรงเยอะมีช่วงที่อยากจะ
00:05:40 → 00:05:41 พักผ่อน
00:05:41 → 00:05:43 >> ใช่เลยค่ะมันเป็นเหมือนระบบภายในที่ซับ
00:05:44 → 00:05:46 ซ้อนมากๆนะคะที่คอยปรับเปลี่ยนการทำงาน
00:05:46 → 00:05:49 ของส่วนต่างๆฮอร์โมนต่างๆให้เข้ากับช่วง
00:05:49 → 00:05:50 เวลาของวัน
00:05:51 → 00:05:52 >> วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องหนึ่งในกลไก
00:05:52 → 00:05:55 สำคัญที่ไหว้นี่แหละครับก็คือการทำงานของ
00:05:55 → 00:05:57 ฮอร์โมนอินซูลินหลายคนคงคุ้นเคยชื่อนี้ดี
00:05:57 → 00:06:01 อยู่แล้วแต่เราจะมาเจาะลึกกันว่าเอ๊ะทำไม
00:06:01 → 00:06:04 ตอนเย็นๆเนี่ยร่างกายถึงเหมือนเอ่อเปิด
00:06:04 → 00:06:06 ทางให้อินซูลินทำงานได้ดีเป็นพิเศษเลย
00:06:07 → 00:06:09 แล้วมันสำคัญกับการนอนการซ่อมแซมร่างกาย
00:06:09 → 00:06:10 ยังไงบ้าง
00:06:10 → 00:06:13 >> ค่ะข้อมูลที่เราจะมาดูกันวันนี้อ้างอินมา
00:06:13 → 00:06:15 จากข้อความถอดเสียงของวีดีโอใน YouTube
00:06:15 → 00:06:18 นะคะช่อง Advance LCHF Longivity ซึ่ง
00:06:19 → 00:06:21 เขาให้รายละเอียดเรื่องนี้ไว้ได้เอ่อน่า
00:06:21 → 00:06:24 สนใจมากค่ะโดยเฉพาะแนวคิดเรื่องความไวต่อ
00:06:24 → 00:06:27 อินซูลินทางสรีรวิทยาหรือ Physiological
00:06:27 → 00:06:29 Insulin Sensitivity
00:06:29 → 00:06:32 >> ใช่เลยครับเป้าหมายเราวันนี้ก็คือมาทำ
00:06:32 → 00:06:35 ความเข้าใจกันว่าเอ๊ะทำไมความไวต่อ
00:06:35 → 00:06:39 อินซูลินมันเปลี่ยนไปตามเวลาได้แล้วร่าง
00:06:39 → 00:06:41 กายเรามีช่วงเวลาที่ใช้พลังงานได้ดีที่
00:06:41 → 00:06:45 สุดจริงๆหรออินซูลินเข้ามาเกี่ยวตรงไหน
00:06:45 → 00:06:48 โอเคครับเรามาแกะเรื่องนี้กันเลยดีกว่า
00:06:48 → 00:06:51 เริ่มกันที่ช่วงบ่ายก่อนเลยแหล่งข้อมูล
00:06:51 → 00:06:54 บอกว่าประมาณ 14:00- 1700 น.นี่แหละครับ
00:06:54 → 00:06:58 14:00 น-17:00น.เป็นช่วงที่สมรรถภาพทาง
00:06:58 → 00:07:02 กายภาพเรามักจะดีที่สุดทำไมถึงเป็นอย่าง
00:07:02 → 00:07:04 นั้นล่ะครับเกี่ยวกับอินซูลินหรือเปล่า
00:07:04 → 00:07:08 อ๋อตรงนี้น่าสนใจค่ะตามข้อมูลนะคะเหตุผล
00:07:08 → 00:07:11 ส่วนนึงเลยเนี่ยมันเกี่ยวกับวิธีที่แรง
00:07:11 → 00:07:14 กายเราจัดการพลังงานจากมื้อแรกๆของวันโดย
00:07:14 → 00:07:16 เฉพาะถ้ามีไขมันดี Healthy Fat อยู่ด้วย
00:07:16 → 00:07:19 นะคะพลังงานจากไขมันส่วนใหญ่เนี่ยมันไม่
00:07:19 → 00:07:21 ได้เข้ากระแสเลือดโดยตรงทันที
00:07:21 → 00:07:23 >> อ้าวหรอครับแล้วมันไปทางไหน
00:07:23 → 00:07:26 >> มันจะถูกดูดซึมผ่านเอ่อที่เรียกว่าระบบ
00:07:26 → 00:07:27 น้ำเหลืองก่อนค่ะ
00:07:27 → 00:07:30 >> อ๋อระบบน้ำเหลืองมันต่างจะเข้าเลือดปกติ
00:07:30 → 00:07:31 ยังไงครับ
00:07:31 → 00:07:33 >> คือการเดินทางผ่านระบบน้ำเหลียวเนี่ยมัน
00:07:33 → 00:07:36 จะช้ากว่าหน่อยแต่ข้อดีคือมันไม่ค่อย
00:07:36 → 00:07:38 จำเป็นต้องใช้อินซูลินเป็นตัวกรานขนส่ง
00:07:38 → 00:07:41 พลังงานเข้าเซลล์มากนักค่ะพลังงานจากไข
00:07:41 → 00:07:44 มันพวกเนี้ยเหมือนค่อยๆซึมเข้าเซลล์ได้
00:07:44 → 00:07:45 เองเลย
00:07:45 → 00:07:49 >> อ๋อเข้าใจแล้วครับก็คือทำให้เซลล์ได้รับ
00:07:49 → 00:07:52 พลังงานเรื่อยๆโดยที่อินซูลินไม่ได้ถูก
00:07:52 → 00:07:54 กระตุ้นมากนักในช่วงนั้น
00:07:54 → 00:07:57 >> ใช่ค่ะประมาณนั้นเลยทำให้เซลล์มีพลังงาน
00:07:57 → 00:08:00 พร้อมใช้ในช่วงบ่ายโดยที่อินซูลินอาจจะ
00:08:00 → 00:08:01 ไม่ได้พุ่งสูงมากนัก
00:08:01 → 00:08:04 >> แล้วประกอบกับช่วงบ่ายร่างกายก็ตื่นตัว
00:08:04 → 00:08:05 เต็มที่อยู่แล้ว
00:08:05 → 00:08:08 >> ถูกต้องค่ะเป็นช่วงที่ร่างกายเราแคทีตาม
00:08:08 → 00:08:11 ธรรมชาติเอนไซม์ฮอร์โมนต่างๆที่เกี่ยวกับ
00:08:11 → 00:08:14 การเผาผลาญพลังงานก็ทำงานได้ดีเซลล์ต่างๆ
00:08:14 → 00:08:17 ก็เลยพร้อมที่จะเอาพลังงานที่ได้รับเนี่ย
00:08:17 → 00:08:18 ไปใช้งานได้ทันที
00:08:18 → 00:08:21 >> เหมือนเครื่องยนต์วอร์มรอไว้แล้วพอมี
00:08:21 → 00:08:24 เชื้อเพลิงมาก็ไปได้เลยผลก็คือสมรรถภาพ
00:08:24 → 00:08:27 ทางกายภาพเราเลยอาจจะดีที่สุดในช่วงบ่าย
00:08:27 → 00:08:29 แก่ๆนี่เองเหมาะกับการออกกำลังกายสินะ
00:08:29 → 00:08:30 ครับ
00:08:30 → 00:08:32 >> มีความเป็นไปได้สูงเลยค่ะร่างกายอยู่ใน
00:08:32 → 00:08:35 สภาวะที่พร้อมใช้พลังงานได้ดีที่สุดตาม
00:08:35 → 00:08:38 กลไกที่แหล่งข้อมูลเขาอธิบายไว้ค่ะ
00:08:38 → 00:08:41 >> แต่พอเข้าช่วงเย็นตรงนี้แหละครับที่แหล่ง
00:08:41 → 00:08:45 ข้อมูลบอกว่ามันน่าทึ่งมากอินซูลินที่ดู
00:08:45 → 00:08:47 เหมือนจะบทบาทไม่เด่งช่วงบ่ายกลับมาเป็น
00:08:48 → 00:08:51 พระเอกเฉยเลยแถมยังทำงานได้ไวขึ้นมากๆ
00:08:51 → 00:08:53 ด้วยอันนี้น่าสนใจจริงๆครับ
00:08:53 → 00:08:57 >> ใช่ค่ะพอเข้าสู่ช่วงเย็นเนี่ยสถานการณ์จะ
00:08:57 → 00:09:00 เปลี่ยนไปเลยอินซูลินจะมีระดับที่สูงขึ้น
00:09:00 → 00:09:03 หรือที่เรียกว่าพีคอีกครั้งและจุดสำคัญ
00:09:03 → 00:09:06 มากๆเลยก็คือความไวหรือ sensitivity ของ
00:09:06 → 00:09:09 เซลล์ต่ออินซูลินเนี่ยก็จะเพิ่มสูงขึ้น
00:09:09 → 00:09:10 ตามไปด้วยค่ะ
00:09:10 → 00:09:13 >> สูงขึ้นนี่คือสูงกว่าตอนเช้าเยอะมั้ครับ
00:09:13 → 00:09:16 >> ข้อมูลชี้ว่าทั้งระดับอินซูลินในเลือด
00:09:16 → 00:09:18 แล้วก็ความไวของเซลล์ต่ออินซูลินในช่วง
00:09:18 → 00:09:21 เย็นเนี่ยอาจจะสูงกว่าระดับพื้นฐานหรือ
00:09:21 → 00:09:24 เบสลนในตอนเช้าถึง 2-3 เท่าเลยทีเดียวค่ะ
00:09:24 → 00:09:29 >> โห 2-3 เท่าไม่น้อยเลยนะครับแล้วแบบนี้
00:09:29 → 00:09:31 มันปกติหรอครับไม่ใช่เรื่องผิดปกติใช่
00:09:32 → 00:09:32 มั้ย
00:09:32 → 00:09:34 >> อันนี้เป็นประเด็นสำคัญที่แหล่งข้อมูลเขา
00:09:34 → 00:09:37 เน้นเลยค่ะว่าปรากฏการณ์นี้มันเป็น
00:09:37 → 00:09:40 ธรรมชาติเป็นจังหวะปกติของฮอร์โมน
00:09:40 → 00:09:43 อินซูลินในช่วงเย็นไม่ใช่ความผิดปกติอะไร
00:09:43 → 00:09:45 เลยค่ะมันคือสภาวะที่ร่างกายสร้างขึ้นมา
00:09:45 → 00:09:47 อย่างมีเป้าหมาย
00:09:47 → 00:09:48 >> อ๋อ
00:09:48 → 00:09:51 >> ซึ่งแหล่งข้อมูลเขาใช้คำว่า Physiological
00:09:51 → 00:09:54 insulin sensitivity ที่หรือความไวต่อ
00:09:54 → 00:09:58 อินซูลินทางสรีรวิทยามาอธิบายภาวะนี้ค่ะ
00:09:58 → 00:10:01 >> เข้าใจแล้วครับคือเป็นความไวที่เพิ่มขึ้น
00:10:01 → 00:10:05 ตามกลไกปกติไม่ใช่ปัญหาแต่เป็นกลไกที่
00:10:05 → 00:10:07 ร่างกายออกแบบมาเพื่อทำอะไรบางอย่างใน
00:10:07 → 00:10:08 ช่วงเย็นนี่เอง
00:10:08 → 00:10:11 >> ถูกต้องค่ะมันคือภาวะที่ร่างกายเราตอบ
00:10:12 → 00:10:15 สนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้นมากๆตามธรรมชาติ
00:10:15 → 00:10:17 เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจสำคัญบาง
00:10:17 → 00:10:19 อย่างที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น
00:10:19 → 00:10:22 >> แล้วภารกิจที่ว่านั่นคืออะไรครับทำไมร่าง
00:10:22 → 00:10:25 กายต้องยอมให้อินซูลินสูงขึ้นแถมยังไว
00:10:25 → 00:10:27 ขึ้นเป็นพิเศษในช่วงเย็นแบบนี้ด้วยล่ะ
00:10:27 → 00:10:30 ครับมันทำหน้าที่อะไรบ้างในช่วงเวลานี้
00:10:30 → 00:10:33 >> ตามข้อมูลนะคะการที่อินซูลินทั้งไวขึ้น
00:10:33 → 00:10:36 และมีระดับสูงขึ้นในช่วงเย็นเนี่ยก็เพื่อ
00:10:36 → 00:10:39 ทำหน้าที่หลักๆอยู่ 4 อย่างค่ะโดยเฉพาะ
00:10:39 → 00:10:42 เมื่อเราทานอาหารมื้อเย็นเข้าไปซึ่งก็มัก
00:10:42 → 00:10:45 จะมีทั้งคาร์โบไฮเดรตหรือที่เรียกสั้นๆ
00:10:45 → 00:10:49 ว่าคาฟโปรตีนแล้วก็ไขมันด้วยหน้าที่เหล่า
00:10:49 → 00:10:52 เนี้ยต้องการอินซูลินที่ทำงานได้ดีมากมาก
00:10:52 → 00:10:54 >> มีอะไรบ้างครับ 4 อย่างนั้น
00:10:54 → 00:10:57 >> หน้าที่แรกเลยนะคะคือการจัดการกับพลังงาน
00:10:57 → 00:11:00 ที่เข้ามาใหม่แล้วก็เก็บสะสมส่วนเกินค่ะ
00:11:00 → 00:11:03 คือพลังงานจากมื้อเย็นเนี่ยไม่ว่าจะเป็น
00:11:03 → 00:11:06 คาฟโปรตีนหรือไขมันส่วนใหญ่มันจะเข้าสู่
00:11:06 → 00:11:09 กระแสเลือดโดยตรงเลยต่างจากไขมันมื้อเช้า
00:11:09 → 00:11:11 ที่เข้าระบบน้ำเหลืองก่อน
00:11:11 → 00:11:14 >> พอพลังงานเข้ากระแสเลือดปุ๊บอินซูลินที่
00:11:14 → 00:11:17 ตอนนี้วายอยู่แล้วก็ต้องรีบมาจัดการเลย
00:11:17 → 00:11:20 >> ใช่ค่ะอินซูลินที่ไวและมีปริมาณสูงเนี่ย
00:11:20 → 00:11:23 จะทำหน้าที่สำคัญคือ 1 นำพากลูโคสจาก
00:11:23 → 00:11:26 คาร์โบไฮเดรตและสารอาหารอื่นๆเข้าเซลล์ไป
00:11:26 → 00:11:29 ใช้ก่อนแล้วที่สำคัญมากๆคือนำส่วนที่เกิน
00:11:30 → 00:11:33 พอไปเก็บสะสมโดยเฉพาะการเติมไกลโคเจนที่
00:11:33 → 00:11:35 ตับให้เต็มหรือฟูฟิวค่ะ
00:11:35 → 00:11:38 >> ไกลโคเจนที่ตับเก็บได้เยอะมั้ครับ
00:11:38 → 00:11:41 >> ความจุของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันนะคะอาจจะ
00:11:41 → 00:11:44 50-80 หรือบางคนอาจจะถึง 100 กรัมเลยก็
00:11:44 → 00:11:45 ได้
00:11:45 → 00:11:48 >> แล้วทำไมแหล่งข้อมูลดูเหมือนจะเน้นเรื่อง
00:11:48 → 00:11:51 คาฟหรือคาร์โบไฮเดรตเป็นพิเศษล่ะครับกับ
00:11:51 → 00:11:53 การเติมไกลโกเจนที่ตับในมื้อเย็น
00:11:53 → 00:11:57 >> เพราะว่าตามกลไกที่เขาอธิบายคาร์โบไฮเดรต
00:11:57 → 00:11:59 เนี่ยเป็นตัวกระตุ้นอินซูลินได้ดีที่สุด
00:11:59 → 00:12:03 ค่ะซึ่งอินซูลินที่สูงและไวในช่วงเย็นนี้
00:12:03 → 00:12:06 จะสามารถนำกลูโคสจากคาฟไปสังเคราะห์เป็น
00:12:06 → 00:12:08 ไกลโคเจนเก็บไว้ที่ตับได้อย่างมี
00:12:08 → 00:12:12 ประสิทธิภาพมากๆเหมือนเป็นการเอ่อเตรียม
00:12:12 → 00:12:15 เสบียงพลังงานสำรองให้ตับพร้อมใช้สำหรับ
00:12:15 → 00:12:17 ช่วงกลางคืนแล้วก็เช้าวันถัดไปค่ะ
00:12:17 → 00:12:20 >> อ๋อเข้าใจแล้วครับหน้าที่แรกคือเคลียร์
00:12:20 → 00:12:23 พลังงานส่วนเกินในเลือดไปเก็บที่ตับ
00:12:23 → 00:12:26 เหมือนเติมเสบียงเข้าโกดังแล้วหน้าที่ที่
00:12:26 → 00:12:27 2 ล่ะครับ
00:12:27 → 00:12:29 >> หน้าที่ที่ 2 อันนี้เกี่ยวกับสมองโดยตรง
00:12:29 → 00:12:33 เลยค่ะคือการส่งสัญญาณสำคัญไปยังสมองส่วน
00:12:33 → 00:12:36 กลางค่ะอินซูลินที่ถูกกระตุ้นจากมื้อเย็น
00:12:36 → 00:12:39 เนี่ยโดยเฉพาะจากคาฟตามที่แหล่งข้อมูลบอก
00:12:39 → 00:12:42 นะคะไม่ได้ทำงานแค่ที่ตับอย่างเดียวแต่
00:12:42 → 00:12:45 ยังเดินทางผ่านกระแสเลือดขึ้นไปยังสมอง
00:12:45 → 00:12:48 ส่วนที่เรียกว่าไฮโปทาลามัส
00:12:48 → 00:12:53 >> ไฮโปทาัสชื่อนี้คุ้นๆครับเหมือนเป็นศูนย์
00:12:53 → 00:12:56 ควบคุมหลายอย่างเลยรวมถึงการนอนหลับด้วย
00:12:56 → 00:12:56 ใช่มั้ครับ
00:12:56 → 00:12:59 >> สิ่งที่น่าสนใจอยู่ตรงนี้เลยค่ะใช่เลยค่ะ
00:12:59 → 00:13:02 ไฮโปธาลมัสเป็นเหมือนศูนย์บัญชาการที่
00:13:02 → 00:13:06 เอ่อเกี่ยวข้องกับการเริ่มวงจรการนอนหลับ
00:13:06 → 00:13:08 การที่อินซูลินไปถึงไฮโปทาลามัสในระดับ
00:13:08 → 00:13:10 ที่เหมาะสมเนี่ยมันเหมือนเป็นการส่ง
00:13:11 → 00:13:13 signนลหรือสัญญาณบอกสมองว่าโอเคร่างกาย
00:13:13 → 00:13:16 ได้รับพลังงานพอแล้วนะเริ่มเข้าหมดพัก
00:13:16 → 00:13:18 ผ่อนเตรียมตัวนอนได้แล้วอะไรแบบนี้ค่ะ
00:13:18 → 00:13:22 >> โอ้โหนี่นี่มันสุดยอดเลยนะครับไม่ใช่แค่
00:13:22 → 00:13:25 จัดการพลังงานแต่การทำงานของตอนเย็นที่
00:13:25 → 00:13:27 ถูกกระตุ้นอย่างพอเหมาะพอดีเนี่ยมีส่วน
00:13:27 → 00:13:30 ช่วยเริ่มกระบวนการนอนหลับด้วยแบบนี้
00:13:30 → 00:13:32 เมื่อเย็นนี่สำคัญกว่าแค่กินให้อิ่มจริงๆ
00:13:32 → 00:13:35 สินะครับแล้วหน้าที่ที่ 3 คืออะไรครับ
00:13:35 → 00:13:38 >> หน้าที่ที่ 3 คือการกระจายสารอาหารเพื่อ
00:13:39 → 00:13:41 การซ่อมแซมและบำรุงรักษาร่างกายค่ะมื้อ
00:13:41 → 00:13:44 เย็นเนี่ยถือเป็นโอกาสสำคัญเลยนะคะในการ
00:13:44 → 00:13:48 เติมพวกสารอาหารรองหรือไมโครนิวทรแล้วก็
00:13:48 → 00:13:50 กรดอะมิโนจากโปรตีนที่ร่างกายอาจจะยัง
00:13:50 → 00:13:52 ต้องการเพิ่มเติมจากมื้ออื่นๆของวัน
00:13:52 → 00:13:55 >> เหมือนเป็นจังหวะเก็บตกสารอาหารที่จำเป็น
00:13:55 → 00:13:56 ให้มันครบถ้วน
00:13:56 → 00:13:59 >> ประมาณนั้นเลยค่ะอินซูลินที่ไวและสูงใน
00:13:59 → 00:14:01 ช่วงเย็นจะช่วยนำพาสารอาหารเหล่าเนี้ยจาก
00:14:01 → 00:14:04 กระแสเลือดเข้าสู่เซลล์ต่างๆทั่วร่างกาย
00:14:04 → 00:14:07 ได้ดีมากเพื่อเตรียมให้เซลล์มีวัตถุดิบ
00:14:07 → 00:14:09 เพียงพอสำหรับกระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึก
00:14:09 → 00:14:12 หรอแล้วก็สร้างเซลล์หรือเนื้อเยื่อใหม่ๆ
00:14:12 → 00:14:14 ซึ่งกระบวนการพวกนี้จะเกิดขึ้นเต็มที่ตอน
00:14:14 → 00:14:15 ที่เราหลับค่ะ
00:14:15 → 00:14:18 >> แปลว่าอินซูลินตอนเย็นนี่เหมือนเป็นเอ่อ
00:14:18 → 00:14:21 กุญแจสำคัญเลยในการเตรียมความพร้อมให้
00:14:21 → 00:14:25 ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเองตอนกลางคืนน่าสนใจ
00:14:25 → 00:14:28 มากครับมาถึงหน้าที่สุดท้ายข้อที่ 4 ครับ
00:14:28 → 00:14:31 >> ข้อที่ 4 จะเน้นไปที่กล้ามเนื้อค่ะคือการ
00:14:31 → 00:14:33 ส่งพลังงานและสารอาหารไปที่กล้ามเนื้อโดย
00:14:33 → 00:14:36 ตรงเลยเพื่อการซ่อมแซมและเสริมสร้างค่ะ
00:14:36 → 00:14:38 คล้ายๆข้อ 3 แต่เจาะจงไปที่เซลล์กล้าม
00:14:38 → 00:14:41 เนื้ออินซูลินจะช่วยนำส่งทั้งกลูโคสและ
00:14:41 → 00:14:44 กรดอะมิโนเข้าสู่กล้ามเนื้อเพื่อซ่อมแซม
00:14:44 → 00:14:46 ความเสียหายเล็กๆน้อยๆจากการใช้งาน
00:14:46 → 00:14:48 ระหว่างวันแล้วก็ที่สำคัญคือเพื่อ
00:14:48 → 00:14:51 สนับสนุนกระบวนการสร้างโปรตีนในกล้าม
00:14:51 → 00:14:53 เนื้อหรือการสร้างกล้ามเนื้อนั่นเองค่ะ
00:14:53 → 00:14:55 >> แล้วถ้าเกิดว่าเราไปออกกำลังกายมาในช่วง
00:14:55 → 00:14:57 บ่ายที่เราคุยกันว่าเป็นช่วงที่สมรรถภาพ
00:14:57 → 00:15:01 ร่างกายเราดีที่สุดมันจะส่งผลต่อหน้าที่
00:15:01 → 00:15:03 ข้อนี้ของอินซูลินในตอนเย็นมั้ครับ
00:15:03 → 00:15:06 >> ประเด็นสำคัญที่แหล่งข้อมูลเขาชี้ไว้เลย
00:15:06 → 00:15:09 ก็คือถ้ามีการออกกำลังกายเกิดขึ้นในช่วง
00:15:09 → 00:15:12 บ่ายช่วงที่ร่างกายพร้อมใช้พลังงานสูงสุด
00:15:12 → 00:15:14 พอดีเนี่ยนะคะมันจะยิ่งส่งเสริมให้กลไก
00:15:14 → 00:15:17 นี้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ
00:15:17 → 00:15:19 >> อ้าวล่ะครับดีขึ้นยังไง
00:15:19 → 00:15:21 >> คือการออกกำลังกายเนี่ยมันจะไปเพิ่มความ
00:15:21 → 00:15:23 ไวของตัวรับอินซูลินที่เซลล์กล้ามเนื้อ
00:15:23 → 00:15:26 ค่ะทำให้พออินซูลินมาถึงตอนเย็นปุ๊บมันจะ
00:15:26 → 00:15:28 สามารถนำส่งสารอาหารเข้ากล้ามในได้เพิ่ม
00:15:29 → 00:15:32 ขึ้นอีกอาจจะ 0.5-1 5-1 เท่าจากฐานเดิม
00:15:32 → 00:15:34 ที่มันไวอยู่แล้ว 2-3 เท่าค่ะ
00:15:34 → 00:15:37 >> อ๋อเหมือนการออกกำลังกายตอนบ่ายมันช่วยไป
00:15:37 → 00:15:41 แบบว่าเปิดประตูเซลล์กล้ามเนื้อรอไว้ให้
00:15:41 → 00:15:44 กว้างขึ้นพออินซูลินพ้าสารอาหารมาในมื้อ
00:15:44 → 00:15:47 เย็นก็รับเข้าไปได้เต็มที่เพื่อการฟื้นฟู
00:15:47 → 00:15:48 และเติบโตอย่างนั้นหรือเปล่าครับ
00:15:48 → 00:15:51 >> ใช่ค่ะเป็นการเปรียบเทียบที่เห็นภาพชัด
00:15:51 → 00:15:55 เจนเลยค่ะการทำงานร่วมกันของจังหวะเวลา
00:15:55 → 00:15:58 คือบ่ายออกกำลังกายเย็นกินอาหารกับกลไก
00:15:58 → 00:16:01 ของอินซูลินแบบนี้จะช่วยให้การฟื้นฟูและ
00:16:01 → 00:16:04 สร้างกล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ
00:16:04 → 00:16:07 >> โอโหเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกันอย่างน่า
00:16:07 → 00:16:10 ทึ่งจริงๆครับสรุปแล้วหน้าที่ 4 ข้อของ
00:16:10 → 00:16:13 อินซูลินที่ทำงานอย่างแข็งขันในช่วงเย็น
00:16:13 → 00:16:16 ตามข้อมูลที่เราคุยกันก็คือ 1 เก็บพลัง
00:16:16 → 00:16:19 งานส่วนเกินเติมไกลกว่าเจนที่ตับ 2
00:16:19 → 00:16:22 สัญญาณการพักขวัญไปที่สมอง 3 กระจายสาร
00:16:22 → 00:16:25 อาหารทั่วร่างกายเตรียมซ่อมสร้างตอนกลาง
00:16:25 → 00:16:28 คืนและ 4 เน้นส่งสารอาหารไปซ่อมสร้าง
00:16:28 → 00:16:30 กล้ามเหนือซึ่งจะดีขึ้นอีกถ้าออกกำลังกาย
00:16:30 → 00:16:31 ตอนบ่ายมาด้วย
00:16:31 → 00:16:35 >> สรุปได้ครบถ้วนเห็นภาพรวมชัดเจนเลยค่ะ
00:16:35 → 00:16:37 ทั้งหมดนี้ก็ต้องอาศัยภาวะที่อินซูลินมี
00:16:37 → 00:16:40 ความไวสูงขึ้นเป็นพิเศษในช่วงเย็นหรือที่
00:16:40 → 00:16:43 เรียกว่า Physiological Insulin
00:16:43 → 00:16:44 Sensitivity นั่นเองค่ะ
00:16:44 → 00:16:48 >> ทีนี้เรากลับมาที่คำว่า Physiological
00:16:48 → 00:16:50 Insulin Sensitivity อีกทีช่วยขยายความ
00:16:50 → 00:16:53 ไม่ชัดๆอีกนิดครับว่าในบริบทนี้มันหมาย
00:16:53 → 00:16:56 ถึงอะไรกันแน่และมันต่างจากคำว่าดื้อ
00:16:56 → 00:16:58 อินซูลินที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆในแง่
00:16:58 → 00:16:59 ลบยังไงบ้างครับ
00:16:59 → 00:17:02 >> อย่าในที่นี้ก็คือภาวะที่ร่างกายของเรา
00:17:02 → 00:17:05 ตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้นหรือไวกว่า
00:17:05 → 00:17:08 ปกติอย่างเป็นธรรมชาติและเป็นประโยชน์ใน
00:17:08 → 00:17:10 ช่วงเวลาเย็นนะคะมันเป็นส่วนหนึ่งของ
00:17:10 → 00:17:13 จังหวะชีวภาพปกติเลยเพื่อให้ร่างกาย
00:17:13 → 00:17:15 สามารถทำหน้าที่เฉพาะทั้ง 4 อย่างที่เรา
00:17:15 → 00:17:17 คุยกันไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด
00:17:17 → 00:17:21 >> อ๋อแสดงว่ามันตรงข้ามกับภาวะดื้ออินซูลิน
00:17:21 → 00:17:24 หรืออินซูลิน resistance ที่เป็นปัญหาต่อ
00:17:24 → 00:17:25 สุขภาพ
00:17:25 → 00:17:28 >> ใช่ค่ะภาวะดื้ออินซูลินที่มักพูดถึงกันใน
00:17:28 → 00:17:30 เชิงสุขภาพภาพเนี่ยคือภาวะที่เซลล์ตอบ
00:17:30 → 00:17:34 สนองต่ออินซูลินได้น้อยลงผิดปกติทำให้ตับ
00:17:34 → 00:17:36 อ่อนต้องพยายามผลิตอินซูลินออกมามากขึ้น
00:17:36 → 00:17:39 เรื่อยๆซึ่งอาจจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ
00:17:39 → 00:17:42 ได้แต่ Physiological
00:17:42 → 00:17:44 Insulin Sensitivity ในช่วงเย็นเนี้ย
00:17:44 → 00:17:47 เป็นสภาวะตรงกันข้ามเลยคือเซลล์ตอบสนอง
00:17:47 → 00:17:50 ได้ดีขึ้นและเป็นไปตามกลไกธรรมชาติค่ะ
00:17:50 → 00:17:51 >> เข้าใจแล้วครับ
00:17:51 → 00:17:53 >> จริงๆแหล่งข้อมูลมีการพูดถึงคำว่า
00:17:53 → 00:17:56 Physiological Insulin Resistance
00:17:56 → 00:17:59 ด้วยนะคะซึ่งอาจจะหมายถึงภาวะที่ไวต่อ
00:17:59 → 00:18:02 อินซูลินน้อยลงตามธรรมชาติในบางช่วงเวลา
00:18:02 → 00:18:04 อย่างเช่นตอนเช้าแต่เขาไม่ได้ลงราย
00:18:04 → 00:18:07 ละเอียดไว้มากค่ะเน้นที่ความไวสูงในช่วง
00:18:07 → 00:18:08 เย็นมากกว่า
00:18:08 → 00:18:11 >> ชัดเจนเลยครับแบบนี้ก็ทำให้เราพอจะเข้าใจ
00:18:11 → 00:18:13 ได้ว่าทำไมแหล่งข้อมูลถึงอาจจะให้ความ
00:18:13 → 00:18:15 สำคัญกับการจัดองค์ประกอบของอาหารมื้อ
00:18:15 → 00:18:18 เย็นโดยเฉพาะการมีคาร์โบไฮเดรตหรือคาฟใน
00:18:18 → 00:18:21 ปริมาณที่เหมาะสมเพราะมันสอดคล้องกับกลไก
00:18:21 → 00:18:23 ธรรมชาติที่ร่างกายต้องการใช้อินซูลินที่
00:18:24 → 00:18:26 ไวขึ้นนี้เพื่อทำงานสำคัญทั้ง 4 อย่างให้
00:18:26 → 00:18:29 เสร็จสิ้นก่อนจะเข้าสู่ช่วงเวลาพักผ่อน
00:18:29 → 00:18:29 จริงๆ
00:18:29 → 00:18:33 >> ค่ะแล้วถ้าเรามองภาพรวมที่ใหญ่ขึ้นนะคะ
00:18:33 → 00:18:35 การทำความเข้าใจจังหวะการทำงานของ
00:18:35 → 00:18:37 อินซูลินและระบบอื่นๆในร่างกายตาม
00:18:37 → 00:18:41 ธรรมชาตินี้ก็น่าจะเป็นกุจสำคัญที่อาจจะ
00:18:41 → 00:18:44 ช่วยให้เราออกแบบวิถีชีวิตทั้งเรื่องกิน
00:18:44 → 00:18:46 เรื่องออกกำลังกายหรือการนอนให้มันสอด
00:18:46 → 00:18:48 คล้องกับความต้องการจริงๆของร่างกายในแต่
00:18:48 → 00:18:50 ละช่วงเวลาได้ดีขึ้นนะคะ
00:18:50 → 00:18:53 >> เป็นมุมมองที่น่าสนใจมากครับทำให้เห็นว่า
00:18:53 → 00:18:56 เรื่องอินซูลินนี้มันซับซ้อนมีมิติมาก
00:18:56 → 00:18:59 กว่าแค่เรื่องระดับน้ำตาลในเลือดจริงๆ
00:18:59 → 00:19:02 สรุปวันนี้เราก็ได้เห็นภาพชัดขึ้นเยอะเลย
00:19:02 → 00:19:06 ว่าร่างกายเรามีจังหวะของมันอินซูลินเอง
00:19:06 → 00:19:09 ก็มีช่วงเวลาทำงานที่ต่างกันโดยเฉพาะช่วง
00:19:09 → 00:19:12 เย็นที่ร่างกายจะมีความไวต่ออินซูลิน
00:19:12 → 00:19:14 เพิ่มขึ้นตามธรรมชาติเพื่อทำหน้าที่สำคัญ
00:19:14 → 00:19:17 สำคัญหลายอย่างตั้งแต่จัดการพลังงานส่ง
00:19:17 → 00:19:20 สัญญาณให้สมองเตรียมพักผ่อนไปจนถึงเตรียม
00:19:20 → 00:19:22 พร้อมซ่อมแซมร่างกายตอนกลางคืน
00:19:22 → 00:19:26 >> ใช่ค่ะมันสะท้อนให้เห็นถึงความเอ่อความ
00:19:26 → 00:19:30 ชานฉลาดของระบบชีวภาพในตัวเรานะคะที่ปรับ
00:19:30 → 00:19:32 ตัวให้เข้ากับวงจรของวันได้อย่างน่าทึ่ง
00:19:32 → 00:19:33 มากๆ
00:19:33 → 00:19:35 >> ข้อบุญที่เราได้คุยกันวันนี้ก็น่าจะทำให้
00:19:35 → 00:19:38 หลายๆคนมองการทำงานของอินซูลินแล้วก็ร่าง
00:19:38 → 00:19:40 กายตัวเองในมุมที่ต่างออกไปนะครับ
00:19:40 → 00:19:44 >> และสิ่งนี้นะคะก็อาจจะนำไปสู่คำถามสำคัญ
00:19:44 → 00:19:47 ที่เราลองนำกลับไปคิดต่อได้นะคะว่าใน
00:19:47 → 00:19:49 เมื่อเรารู้แล้วว่าร่างกายมีจังหวะตาม
00:19:49 → 00:19:52 ธรรมชาติแบบนี้การที่เราพยายามทำความเข้า
00:19:52 → 00:19:55 ใจแล้วก็เอ่อปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
00:19:55 → 00:19:58 ของเราไม่ว่าจะเป็นการเลือกกินอาหารในแต่
00:19:58 → 00:20:01 ละมื้อการเลือกเวลาออกกำลังกายหรือแม้แต่
00:20:01 → 00:20:03 การให้ความสำคัญกับการพักผ่อนให้พอและมี
00:20:03 → 00:20:07 คุณภาพให้มันสอดคล้องกับนาฬิกาชีวภาพข้าง
00:20:07 → 00:20:10 ในของเรามากขึ้นเนี่ยมันจะช่วยให้เราดูแล
00:20:10 → 00:20:12 สุขภาพองค์รวมในระยะยาวได้ดีขึ้นจริงๆ
00:20:12 → 00:20:15 หรือเปล่าอันนี้อาจจะเป็นสิ่งที่เราแต่ละ
00:20:15 → 00:20:17 คนต้องลองสังเกตแล้วก็ค้นหาคำตอบจากร่าง
00:20:17 → 00:20:19 กายของตัวเองดูค่ะ
00:20:19 → 00:20:21 >> เป็นคำถามชวนคิดที่ยอดเยี่ยมเลยครับ
00:20:21 → 00:20:23 สำหรับวันนี้ขอบคุณสำหรับข้อมูลเชิงลึก
00:20:23 → 00:20:26 มากๆนะครับทำให้เราเข้าใจเรื่องอินซูลิน
00:20:26 → 00:20:28 ดินและความไวของร่างกายในช่วงเวลาต่างๆ
00:20:28 → 00:20:30 ได้กระจ่างขึ้นเยอะเลยครับ
00:20:30 → 00:20:48 [เพลง]