00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice ถ้ากินคู่กันแล้วเกิดผลดีกับ
00:00:08 → 00:00:11 สุขภาพมากขึ้นหรือกินคู่กันแล้วทำให้เกิด
00:00:11 → 00:00:13 ผลเสียกับสุขภาพน้อยลงอันนี้คือควรกิน
00:00:14 → 00:00:17 ร่วมกันยางข้าวแป้งควรกินคู่กันกับผัก
00:00:17 → 00:00:20 เพราะข้าวแป้งเนี่ยน้ำตาลทั้งนั้นพอลากิน
00:00:20 → 00:00:23 เข้าไปปุ๊บร่างกายเราก็จะย่อยให้กลายไป
00:00:23 → 00:00:25 เป็นน้ำตาลนะแล้วน้ำตาลในเลือดหลังมือ
00:00:25 → 00:00:28 อาหารก็จะสูงตับอ่อนก็ต้องทำงานหนักในการ
00:00:28 → 00:00:31 หลั่งอินซูลินมาเก็บน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ไป
00:00:31 → 00:00:33 ใช้การที่น้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหารสูงๆ
00:00:33 → 00:00:36 เนี่ยไม่มีผลดีกับสุขภาพแน่นอนถ้าเรามี
00:00:36 → 00:00:39 ผักแหล่งของใยอาหารหรือที่เราเรียกว่า
00:00:39 → 00:00:42 ไฟเบอร์มันก็จะไปชะลอการดูดซึมน้ำตาลทำ
00:00:42 → 00:00:44 ให้เข้าสู่กระแสเลือดได้ช้าลงมันก็ส่งผล
00:00:45 → 00:00:47 ดีกับสุขภาพร่าง
00:00:47 → 00:00:51 กายฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:51 → 00:00:55 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงงสถิตพรค่ะ
00:00:55 → 00:00:58 This Is Toy PBS podcast เอาล่ะค่ะ
00:00:58 → 00:01:01 คุณผู้ฟังคะวันนี้มามาติดตามเรื่องของ
00:01:01 → 00:01:04 อาหารการกินค่ะนะคะอาหารการกินเนี่ยนะก็
00:01:04 → 00:01:06 มีเยอะแยะมากมายนะคะแต่ว่าบางอย่างเนี่ย
00:01:06 → 00:01:09 เราก็ต้องรู้ไว้นะว่ากินคู่กันได้หรือบาง
00:01:09 → 00:01:12 อย่างก็ไม่ควรกินร่วมกันนั่นเองนะคะแต่
00:01:12 → 00:01:14 ดิฉันคงจะบอกคุณผู้ฟังไม่ได้นอกจากผู้
00:01:14 → 00:01:17 ช่วยศาสตราจารย์ดรเอกราชบำรุงพืชจาก
00:01:17 → 00:01:19 วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการมหาวิทยาลัย
00:01:19 → 00:01:22 ธุรกิจบัณฑิตค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์คะครับ
00:01:22 → 00:01:24 สวัสดีครับผมค่ะคุยกันเรื่องของอาหารกัน
00:01:24 → 00:01:29 อีกแล้วกินกันตลอดเวนะคะแต่การกินที่เคย
00:01:29 → 00:01:31 คุยกับอาจารย์มาเราก็เน้นเรื่องของเอ่อ
00:01:31 → 00:01:34 โภชนาการนู่นนี่นั่นคุณประโยชน์เนาะแต่
00:01:34 → 00:01:36 บางทีเราก็ไม่รู้ว่าอาหารบางอย่างเนี่ย
00:01:36 → 00:01:39 มันก็ไม่ควรที่จะมากินคู่กันครับผมด้วย
00:01:40 → 00:01:43 อาจจะทำให้ประสิทธิภาพในการอะไรก็แล้วแต่
00:01:43 → 00:01:46 เนี่ยนะมันลดทอนลงไปหรือเปล่าเงี้ยวันนี้
00:01:46 → 00:01:48 ก็เลยอยากจะได้ความรู้จากอาจารย์เรื่อง
00:01:48 → 00:01:51 นี้ว่าอันไหนไม่ควรกินคู่กันอะไรกินคู่
00:01:51 → 00:01:54 กันได้แล้วดีอ่าครับผมเรื่องของอาหารเนาะ
00:01:54 → 00:01:59 ที่จะเป็นคู่หูดูโอ้อ่ากินร่วมกันแล้วดี
00:01:59 → 00:02:01 เนาะอหรือกินร่วมกันแล้วเอ้ยมันไม่ดี
00:02:01 → 00:02:04 เนี่ยจริงๆแล้วหลักการง่ายๆเลยครับของ
00:02:04 → 00:02:07 อาหารเนาะถ้ากินร่วมกันแล้วดีดีในที่
00:02:07 → 00:02:12 เนี้ยคือเสริมฤทธิ์กันนะเสริมประสิทธิภาพ
00:02:12 → 00:02:16 ให้มันมีผลดีกับสุขภาพมากขึ้นพูดง่ายๆอ่า
00:02:16 → 00:02:18 กินคู่กันแล้วเกิดผลดีกับสุขภาพมากขึ้น
00:02:18 → 00:02:21 หรือกินคู่กันแล้วทำให้เกิดผลเสียกับ
00:02:21 → 00:02:24 สุขภาพน้อยลงอันนี้คือควรกินร่วมกันถูก
00:02:24 → 00:02:27 มั้ยครับอ่าเรามาพูดคุยกันถึงเรื่องของ
00:02:27 → 00:02:31 อาหารที่เราควรกินคคู่กันก่อนคือกินร่วม
00:02:31 → 00:02:34 กันก็คือกินร่วมกันแล้วทำให้ผลดีกับ
00:02:34 → 00:02:37 สุขภาพมากขึ้นหรือเสียกับสุขภาพน้อยลง
00:02:37 → 00:02:42 น้อยลงอ่าอย่างแรกเลยคู่แรกเลยก็คือพวก
00:02:42 → 00:02:49 ข้าวแป้งควรกินคู่กันกับผักอือ่าง่ายๆเลย
00:02:49 → 00:02:52 ค่ะเพราะข้าวแป้งเนี่ยน้ำตาลทั้งนั้นพอล
00:02:52 → 00:02:55 กินเข้าไปปุ๊บร่างกายเราก็จะย่อยไอ้พวก
00:02:55 → 00:02:59 ข้าวเาแป้งเนี่ยนะครับให้กลายไปเป็นน้ำ
00:02:59 → 00:03:01 ตาลค่ะอ่านะแล้วน้ำตาลในเลือดหลังมื้อ
00:03:01 → 00:03:04 อาหารก็จะสูงตับอ่อนก็ต้องทำงานหนักในการ
00:03:04 → 00:03:07 หลั่งอินซูลินมาเก็บน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ไป
00:03:07 → 00:03:10 ใช้เป็นพลังงานค่ะฮะแล้วเนี่ยการที่น้ำ
00:03:10 → 00:03:13 ตาลในเลือดหลังมื้ออาหารสูงๆเนี่ยไม่มีผล
00:03:13 → 00:03:16 ดีกับสุขภาพแน่นอนนะครับะแล้วถ้าเรามีผัก
00:03:16 → 00:03:20 เข้ามามันก็คือพวกแหล่งของใยอาหารหรือที่
00:03:20 → 00:03:23 เราเรียกว่าไฟเบอร์ค่ะไอ้เจ้าผักนั้น
00:03:23 → 00:03:27 เนี่ยมันก็จะไปชะลอการดูดซึมน้ำตาลอ่าทำ
00:03:27 → 00:03:30 ให้เข้าสู่กระแสเลือดได้ช้าลงอืครับได้
00:03:30 → 00:03:33 น้อยลงนะมันก็ส่งผลดีกับสุขภาพร่างกาย
00:03:33 → 00:03:37 แล้วเวลาเรากินข้าวก็จะต้องมีผักผักด้วย
00:03:37 → 00:03:41 นะอย่างที่สสสรณรงค์มีแคมเปญผักครึ่งนึง
00:03:41 → 00:03:44 อย่างอื่นครึ่งนึงอ่าแล้วก็จะเห็นเลยว่า
00:03:44 → 00:03:47 เอ้ยผักครึ่งนึงอย่างอื่นครึ่งนึงนะไม่
00:03:47 → 00:03:50 ใช่โกินข้าวก็ข้าวอย่างเดียวนึกออกมครับ
00:03:50 → 00:03:52 ไม่มีไม่มีผักเลยไม่ได้อย่างน้อยมีข้าวก็
00:03:52 → 00:03:56 ต้องมีผักทุกมื้อเออผักที่ว่าเนี่ยจะเป็น
00:03:56 → 00:04:02 ผักผัดผักอะไรก็ว่าไปหรือเป็น
00:04:02 → 00:04:05 ขอมันผด้วยเพื่อเป็นไฟเบอร์เพื่อจะไปชลดู
00:04:05 → 00:04:08 ซึมน้ำตาลแล้วทุกครั้งที่เรากินพวกข้าว
00:04:08 → 00:04:12 พวกแป้งก็ต้องมีผักด้วยอ๋อเออเอันเนี้ย
00:04:12 → 00:04:16 ควรกินคู่กันส่วนมากนี่ก็คือจะแค่แบบว่า
00:04:16 → 00:04:20 ข้าวกับเนื้อสัตว์ใช่คือแป้งกับเนื้อส้า
00:04:20 → 00:04:22 หมูทอดข้าวไก่ทอดอะไรอย่างเงี้ยนึกออก
00:04:22 → 00:04:25 มั้ยครับมองเหข้าวกับเนื้อสัตว์ทั้งหลาย
00:04:25 → 00:04:28 แหล่อย่างเงี้ยครับอ่าพอพูดถึงข้าวแล้ว
00:04:28 → 00:04:32 อีก 1 สิ่งที่ควรกินคู่กันเลยนะก็คือข้าว
00:04:32 → 00:04:37 ขาหมูกับพริกออที่เขาให้มากับกระเทียมถูก
00:04:37 → 00:04:39 ต้องครับเป็นเครื่องเคียงนี่แหละให้มัน
00:04:39 → 00:04:42 คู่กันเพราะเรารู้ว่าเ้ยเวลาเรากินข้าวขา
00:04:42 → 00:04:47 หมูหรือขาหมูพะโล้คากินะมันส่งผลเสียกับ
00:04:47 → 00:04:50 สุขภาพแน่นอนทั้งไขมันสูงน้ำตาลสูงพลัง
00:04:50 → 00:04:53 งานแคลอรี่สูงใช่มั้ยครับไอ้ข้าวขาหมู
00:04:53 → 00:04:58 เนี่ยนะก็ต้องคู่กับพริกหรือกระเทียมอ่า
00:04:58 → 00:05:00 อาจารย์กินคู่กันทั้ง 2 อย่างค่ะบางที่มี
00:05:01 → 00:05:05 เป็นผักดองบางที่มีเป็นอะไรนะผักคะน้า
00:05:05 → 00:05:07 อะไรอย่างงี้ใช่มคน้าจริงๆแล้วคู่กันก็
00:05:07 → 00:05:09 ได้นะครับแต่เน้นพริกกับกระเทียมเพราะ
00:05:09 → 00:05:12 อะไรครับเพราะในพริกเนี่ยมันมีสารพฤกษะ
00:05:12 → 00:05:15 เคมีที่ชื่อว่าแคปไซซินสารตัวเนี้ยมันจะ
00:05:15 → 00:05:20 ช่วยเพิ่มการเผาผลาญหูไขมันไม่กินเผ็ดน่ะ
00:05:20 → 00:05:23 อ่ามันไม่เป็นไรครับกระเทียมอ่ากระเทียม
00:05:23 → 00:05:27 อ่ะอ่ากระเทียมมีลดมีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอล
00:05:27 → 00:05:31 อือ่าลดคอเลสเตอรอลลดความดันลดไขมันอุด
00:05:31 → 00:05:35 ตันในเส้นเลือดเราเรากินขาหมูขากิขาหมู
00:05:35 → 00:05:38 พะโล้เข้าไปเรารู้แล้วโอ้โหแบบมันเน้นๆ
00:05:38 → 00:05:41 นึกออกมครับเราก็จะต้องมีพริกอ่ะพริก
00:05:41 → 00:05:44 คุณลีบอกโอไม่กินเผ็ดอาจารย์นี่คือขาหมู 1
00:05:44 → 00:05:47 คำพริก 1 เม็ดเลยนะพริกขี้หนูสวนเนี่ยค่ะ
00:05:47 → 00:05:50 อ่าเพื่อให้มันเบิร์นแล้วมันช่วยลดไขมัน
00:05:50 → 00:05:53 ในเลือดลดน้ำตาลในเลือดได้ออ้าแล้วอย่าง
00:05:53 → 00:05:55 งี้คือต้องกินปริมาณเท่าไหร่เพราะว่าบาง
00:05:55 → 00:05:59 ทีเราก็แบบว่าอ่ะขอพิเศษหมูขาหมูเน้นๆไข่
00:06:00 → 00:06:03 พะโล้ด้วยมาจัดเต็มแต่ว่าวันวันนึงอ่ะกิน
00:06:03 → 00:06:06 เท่าไหร่ใช่มยนะเอ่อจริงๆแล้วมันก็มีการ
00:06:06 → 00:06:09 ศึกษาวิจัยนะครับถ้าเป็นพริกเนี่ยก็ซัก
00:06:09 → 00:06:13 3-5 เม็ดกระเทียมก็ 4-5 กลีบค่ะอ่า
00:06:13 → 00:06:15 กระเทียมสดนี่แหละครับมันช่วยในการบูส
00:06:15 → 00:06:18 กูต้าไทโอนช่วยในการกำจัดสารพิษของร่าง
00:06:18 → 00:06:21 กายได้ด้วยต่อวันถูกต้องครับผมเป็นเหมือน
00:06:21 → 00:06:24 เรากินน้ำปลาพริกอ่ะอค่ะจริงๆแล้วมันดีนะ
00:06:24 → 00:06:26 ครับมันก็แก้กันนะคุณกินน้ำปลาคุณก็ต้อง
00:06:26 → 00:06:31 มีพริกเห็นมั้ยคู่กันใช่เอออ่าน้ำปลาเป็น
00:06:31 → 00:06:34 ไงครับน้ำปลามันเค็มถูกมั้ยทำให้เรากิน
00:06:34 → 00:06:38 เยอะนัวคนอีสานชอบมากเค็มๆก็ทำให้เราแบบ
00:06:38 → 00:06:41 เฮ้ยอ้วนขึ้นความดันเพิ่มมากขึ้นได้ก็
00:06:41 → 00:06:44 ต้องมีพริกแก้เพิ่มการเผาผลาญอือ่ามันมัน
00:06:44 → 00:06:46 คู่กันมีกระเทียมอย่างเงี้ยค่ะแล้วงแล้ว
00:06:46 → 00:06:49 มันมันอยู่คู่กันไม่ใช่น้ำปลาเฉยๆมาแบบ
00:06:49 → 00:06:51 อุ้ยราดเลยส่วนใหญ่น้ำปลาพริกอ่ะอาจารย์
00:06:51 → 00:06:56 กินแต่รวบแต่พริกและน้ำปลาเอ้ยพริกและ
00:06:56 → 00:06:58 กระเทียมถูกต้องครับมาโรยในข้าวอย่าง
00:06:58 → 00:07:03 เงี้ยมันก็ช่วยในการที่จะลดไขมันอ่าลดน้ำ
00:07:03 → 00:07:06 ตาลเพิ่มการเผาผลาญให้กับร่างกายนะแล้ว
00:07:06 → 00:07:09 กินข้าวขาหมูต้องมีเครื่องเคียงพริก
00:07:09 → 00:07:12 กระเทียมเข้าไปด้วยอันนี้คือใครเป็นคนคิด
00:07:13 → 00:07:15 อยากรู้โอ้โหมันมีแต่โบลมโบราณเนาะคือใช่
00:07:16 → 00:07:18 ๆพอไปกินแล้วจะเจออย่างเงี้ยเออเขาก็เก่ง
00:07:18 → 00:07:21 เนาะแบบว่าเนี่ยมันคือของที่กินคู่กัน
00:07:21 → 00:07:24 เพื่อมาลดอะไรที่มันไม่ดีต่อสุขภาพไม่ดี
00:07:24 → 00:07:30 เหมือนกับสะเดาน้ำปลาหวานเอออ้าใชน้ำปลา
00:07:30 → 00:07:33 หวานโอ้โหมันทำให้น้ำตาลนเลึขึ้นสูงเลย
00:07:33 → 00:07:35 ปี๊ดเลยใช่มั้ยครับเพราะว่าน้ำตาลข้นๆเลย
00:07:35 → 00:07:39 อ่ะเี้ยวข้นๆเลยอ่ะแต่เขากินกับอะไรครับ
00:07:39 → 00:07:42 สะเดาสะเดาอ่าทำไมน้ำปลาหวานต้องคู่กับ
00:07:42 → 00:07:44 สะเดาเพราะรู้ว่าน้ำปลาหวานเนี่ยมันทำให้
00:07:44 → 00:07:46 น้ำตาลในเลือดสูงหลังมืออาหารไอ้เจ้า
00:07:46 → 00:07:49 สะเดาเองเนี่ยมันมีสารพฤกษะเคมีมีพวก
00:07:49 → 00:07:53 โพลีฟีนอลซึ่งมีฤทธิ์ในการลดการดูดซึมน้ำ
00:07:53 → 00:07:56 ตาลอืนะแล้วมันก็ทำให้การดูดซึมน้ำตาล
00:07:56 → 00:07:58 เนี่ยได้น้อยลงค่ะอ่าแล้วมีพวกไฟเบอร์
00:07:58 → 00:08:01 ทั้งหลายแหละมันก็ทำให้ชะลอการดูดซึมน้ำ
00:08:01 → 00:08:03 ตาลได้งั้นเราจะกินน้ำปลาหวานก็ต้องกิน
00:08:03 → 00:08:06 กับสะเดานี้พอกินน้ำปลาหวานมากๆเป็นไง
00:08:06 → 00:08:10 ครับโหน้ำตาลขึ้นสูงเสี่ยงต่อเบาหวานนะ
00:08:10 → 00:08:13 บางทีสะเดาเอาไม่อยู่เขาก็แบบว่ากินสะเดา
00:08:13 → 00:08:17 น้ำปลาหวานเพิ่มปลาดุกย่างเข้าไปอ๋อ
00:08:17 → 00:08:21 เอบบชุดใช่เพราะในปลาดุกเนี่ยมันมี
00:08:21 → 00:08:24 โอเมก้า 3 อยู่ด้วยดีกับระบบหัวใจและหลอด
00:08:24 → 00:08:26 เลือดแล้ว้าคุณเป็นเบาหวาดน้ำตาลสูง
00:08:26 → 00:08:28 เดี๋ยวคุณเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยโรหัว
00:08:28 → 00:08:32 ใจแลดเลือก็ต้องกินปลาดุกด้วยเอถูอ่า
00:08:32 → 00:08:35 ฉะนั้นแล้วเนี่ยมันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น
00:08:35 → 00:08:38 เลยนะค่ะอ่าตั้งแต่โบร่ำโบราณเลยตั้งแต่
00:08:38 → 00:08:42 สมัยออเจ้าตั้งแต่สมัยพรหมลิขิตซึ่งก่อน
00:08:42 → 00:08:45 หน้านั้นเองต่างหากหรือเปล่าเนาะเนี่ยมัน
00:08:45 → 00:08:49 เป็นอะไรที่เป็นคู่กันแล้วมันไปลดไอ้สิ่ง
00:08:49 → 00:08:53 ที่จะทำร้ายสุขภาพเราค่ะอ่าขาหมูมีพริก
00:08:53 → 00:08:56 คู่กับพริกขาหมูคู่กับกระเทียมสะเดาคู่
00:08:56 → 00:08:59 กับน้ำปลาหวานอค่ะอ่าอันเนี้ยมันมันเป็น
00:08:59 → 00:09:04 อะไรที่คู่กันแล้วมันมันลดผลกระทบที่ไม่
00:09:04 → 00:09:08 ดีกับสุขภาพออ่าให้ลดน้อยลงอ๋อมันเป็นแบบ
00:09:09 → 00:09:11 นี้นี่เองอ้าแล้วที่เคกินก๋วยเตี๋ยวเรือ
00:09:11 → 00:09:15 แล้วก็ต้องมีขนมถ้วยไม่เกี่ยวอันนั้นเอา
00:09:15 → 00:09:17 ไว้แก้เผ็ดคอันนั้นเอาไว้แก้เผ็ดครับ
00:09:17 → 00:09:20 เพราะอะไรครับเพราะเวลามันเผ็ดๆเนี่ยอ่า
00:09:20 → 00:09:23 อันนี้พูดพูดไปอาจารย์อธิบายได้หมดอ่ะ
00:09:23 → 00:09:26 ก๋วยเตี๋ยวเรือโบางทีเผ็ดเลยใช่มั้ยครับ
00:09:26 → 00:09:29 มันมีสารแคปไซซินเผ็ดร้อนในปากเลยใชใชใช่
00:09:29 → 00:09:33 ไอ้เจ้าขนมถ้วยอ่ะมันมีกะทิกะทินี่คือไข
00:09:33 → 00:09:37 มันไขมันเองมันจะไปล้างความเผ็ดอออ่าเอา
00:09:37 → 00:09:40 ไอ้เจ้าแคปไซซินที่มันอยู่ในปากเนี่ยล้าง
00:09:40 → 00:09:43 ออกไปจากช่องปากซะไม่ให้เราเผ็ดหรหายถูก
00:09:43 → 00:09:46 ต้องครับเวลาเราเผ็ดปุ๊บเรากินนมค่ะเรา
00:09:46 → 00:09:49 กินกะทิหายเผ็ดเร็วที่สุดแต่ยิ่งกินน้ำ
00:09:49 → 00:09:53 ยิ่งเป็นไงครับอิ่มเผ็ดด้วยอิ่มอ๋อถ้าน้ำ
00:09:53 → 00:09:55 เน้ำเย็นบางคนบอกโอ๊ยเผ็ดผร้อน้ำเย็นมัน
00:09:55 → 00:09:58 ก็เย็นชั่ววูบแต่พวกสารเผ็ดร้อนยังอยู่ใน
00:09:58 → 00:10:01 ชช่องปากเราอยู่ค่ะงแล้วเราก็ต้องอ๋อเป็น
00:10:01 → 00:10:05 ขนมหวานกินขอ่านมก็ได้ครับนมก็มีไขมันจะ
00:10:05 → 00:10:09 ยิ่งอิ่มมเนี่ยกินกินจิบๆนมก็ได้เพื่อ
00:10:09 → 00:10:12 กลั้วๆปากอ่ะครับเพื่อล้างๆๆๆแล้วก็เอา
00:10:12 → 00:10:15 มันออกไปซะเออแต่ว่าแสดงว่ากินผิดมาตลอด
00:10:15 → 00:10:16 ค่ะนี้อันนี้นอกเรื่องนิดนึงคุณผู้ฟัง
00:10:16 → 00:10:20 เพราะว่าจะกินขนมถ้วยก่อนกินก๋วยเตี๋ยว
00:10:20 → 00:10:23 ตลอดเอาไว้เอาไว้ทีหลังเผื่อเผ็ดร้อนแต่
00:10:23 → 00:10:26 ไม่จำไม่กินได้ก็ไม่ต้องไอ้นี่หรือกินแต่
00:10:26 → 00:10:29 พอดีเพราะอาจารย์ก็ชอบนะของโปรดเวลาไปกิน
00:10:29 → 00:10:31 ขนมถ้วยไอ้้ก๋วยเตี๋ยวเนี่ยก๋วยเตี๋ยว
00:10:31 → 00:10:33 เรือเนี่ยแปลกมากทุกร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ
00:10:33 → 00:10:37 เนี่ยจะมักมีขนมถ้วยเออทำไมมันมีขนมอย่าง
00:10:37 → 00:10:39 อื่นไม่ได้ยังงงอยู่ทุกวันนี้ใช่ต้องเป็น
00:10:39 → 00:10:41 ขนมถ้วยเห็นมั้ยเผื่อมามาล้างความเผ็ด
00:10:41 → 00:10:45 ร้อนอ่าก็ได้ด้วยจากกะทิพอพูดถึงเฮ้ยกะทิ
00:10:45 → 00:10:48 ปุ๊บเนี่ยอาจารย์นึกถึงเมนูไทยๆอย่างหลน
00:10:48 → 00:10:52 อ่าหลนหลนกุ้งหลนปูหลนอะไรก็ว่าไปหลใช่
00:10:52 → 00:10:54 ครับอ่าหลนมันก็จะใส่กะทิด้วยใช่มั้ยครับ
00:10:54 → 00:10:56 จริงๆแล้วเนี่ยกินหลนเนี่ยก็ควรจะกินคู่
00:10:56 → 00:11:00 กับพวกผักใบเขียวใช่อ่าอ่าหรือผักที่อุดม
00:11:00 → 00:11:04 ไปด้วยวิตามินเอเพราะกะทิเองมันเป็นไขมัน
00:11:05 → 00:11:06 ส่วนใหญ่แล้วในหลนเนี่ยเราจะเห็นเลยว่า
00:11:06 → 00:11:10 โอหเขาจะใส่พวกพริกพริกหยวกพริกใหญ่ๆครับ
00:11:10 → 00:11:13 อันนั้นนะพวกเบต้าคอรีนสูงอ่าหรือกินกับ
00:11:13 → 00:11:17 แครอทออ่าแครอทลวกแครอทนึ่งทั้งหลายแหล่อ
00:11:17 → 00:11:21 ไอ้เบต้าคีนเยมันมันเป็นวิตามินที่ละลาย
00:11:21 → 00:11:25 ในไขมันค่ะแล้วเวลาเรากินคู่กันกับหลนน่ะ
00:11:25 → 00:11:29 อ่ามันจะทำให้การดูดซึมของไขมันไอ้พวก
00:11:29 → 00:11:33 วิตามินละลายในไขมันเนี่ยครับเข้าสู่ร่าง
00:11:33 → 00:11:35 กายเอาไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นอือ่าอัน
00:11:35 → 00:11:38 นี้คือเสริมกันให้เอ้ยมันเป็นประโยชน์ค่ะ
00:11:38 → 00:11:40 อ่ามันไม่ใช่แค่แบบว่าเฮ้ยเป็นโทษอย่าง
00:11:40 → 00:11:44 เดียวนะอ่ามันเสริมกันแล้วมันส่งผลดีกับ
00:11:44 → 00:11:47 สุขภาพมากขึ้นก็มีอ่าไอ้กินแล้วแบบเฮ้ย
00:11:47 → 00:11:49 เป็นก่อโทษที่อาจารย์บอกว่าเอ้ยขาหมูกิน
00:11:49 → 00:11:52 เยอะก็ก่อโทษไอ้น้ำปลาหวานกินเยอะแต่มัน
00:11:52 → 00:11:55 มีคู่หูดูโอ้กันไงเหมือนเรากินปิ้งย่างอ
00:11:55 → 00:12:00 ครับอค่ะนะอะไรชาบูเอยนะปิ้งย่างหมูย่าง
00:12:00 → 00:12:04 เกาหลีทั้งหลายแหล่เนี่ยต้องกินคู่กับผัก
00:12:04 → 00:12:07 และคู่กับชาเขียวออชาเขียวเหรอคะอ่าต้าน
00:12:07 → 00:12:10 มะเร็งไงครับแต่ไม่ใช่แบบโอ๊ยชาเขียว
00:12:10 → 00:12:13 รีฟิวแล้วเติมน้ำตาลเพียบเลยเป็นวิญญาณ
00:12:13 → 00:12:16 คติชนสารที่ต้านมะเร็งนะอันนั้นเราก็ไม่
00:12:16 → 00:12:19 แนะนำอ่าเพราะน้ำตาลสูงเข้าไปอีกยิ่งเล่ง
00:12:20 → 00:12:22 มะเร็งเข้าไปใหญ่อีกโอเพราะฉะนั้นถ้าเกิด
00:12:22 → 00:12:24 เราอย่างงี้เราต้องพกชาเขียวไปถ้าจะไปกิน
00:12:24 → 00:12:26 ปิ้งย่างชาบงชาบูได้ๆอ่าก็ต้องไปดูอีกว่า
00:12:26 → 00:12:28 ที่ร้านเา้าอ่ะชาเขียวออริจินอลหรรือ
00:12:28 → 00:12:31 เปล่าออ่าถ้าไม่ออริจินอลเนี่ยแต่ก็ไม่
00:12:31 → 00:12:35 ควรกินคู่กับน้ำอันลมอ่ะอู่โอ๊ยอาจารย์ขอ
00:12:35 → 00:12:39 พมันไว้คู่โอ้โหคู่กับของน้ำอารมณ์อ่ะมี
00:12:39 → 00:12:43 ทุกที่แล้วก็รีฟิวไม่อั้นเติมได้แบบตลอด
00:12:43 → 00:12:45 ใช่ก็ต้องกินคู่กันเนี่ยปิ้งย่างเนาะกับ
00:12:45 → 00:12:48 ชาเขียวหรือไม่ก็ผักเพราะอะไรเพราะมันมี
00:12:48 → 00:12:50 สารก่อมะเร็งไงครับอ่าเวลาเนื้อสัตว์
00:12:50 → 00:12:53 เนี่ยทั้งตัวโปรตีนทั้งตัวไขมันมันโดน
00:12:53 → 00:12:56 ความร้อนแล้วมันทำปฏิกิริยาแล้วทำให้เกิด
00:12:56 → 00:12:59 สารก่อมะเร็งคาร์ซิโนเจนสารที่เราเห็น
00:12:59 → 00:13:03 ไหม้ๆเกรียมๆทั้งหลายแหอันเนี้ยคือเราก็
00:13:03 → 00:13:06 ต้องมีผักเข้าไปด้วยอือ่าเหมือนเพื่อไปลด
00:13:06 → 00:13:10 ครับเหมือนกับเอ่อไส้กรอกข้าวไส้กรอก
00:13:10 → 00:13:13 อีสานน่ะครับอออ่าที่ปิ้งๆอาจารย์ก็ชอบ
00:13:13 → 00:13:16 เออนี้ก็ารรู้มั้ยครับว่ากินคู่กับอะไร
00:13:16 → 00:13:19 เขาก็มีมาให้คู่กันอยู่แล้วอะไรนะมีเป็น
00:13:19 → 00:13:24 ขิงอ้างขิงแล้วก็มีอ่ากะหล่ำกะหล่ำถูก
00:13:24 → 00:13:26 ต้องครับพริกนี่แหละเพราะมันต้านมะเร็ง
00:13:26 → 00:13:30 ได้หมดเลยอืทั้งทั้งตำทั้งพริกเพราะเรา
00:13:30 → 00:13:32 รู้ไงว่าไอ้ของปิ้งย่างเนี่ยมันเสี่ยงต่อ
00:13:32 → 00:13:34 การเกิดมะเร็งไงใช่นึกออกมั้ยครับเพราะ
00:13:34 → 00:13:37 ว่าเส่เกราะอีสานเนี่ยมันปิ้งย่างนะคุณจะ
00:13:37 → 00:13:40 เอาไปทอดก็เถอะหรือไปปิ้งย่างก็เถอะมีสาร
00:13:40 → 00:13:43 ก่อมะเร็งไหม้เกรียมแต่มันหอมกรุ่นแบบ
00:13:43 → 00:13:46 อื้อหือกัดเข้าไปแล้วหวานนุ่มชุ่มลิ้นคุณ
00:13:46 → 00:13:50 ผู้ฟังแต่เราก็ต้องมีวิธีแก้ไงครับก็ต้อง
00:13:50 → 00:13:53 กินพวกกะหล่ำไอ้กะหล่ำปีนี่แหละมันมีสาร
00:13:53 → 00:13:57 พวกไอโซไทโอไซยาเนตนะชื่อแปลกๆหน่อยนะแต่
00:13:57 → 00:14:01 จะบอกเลยว่าพวกสสารซันฟเฟอินทรีคาร์บิน
00:14:01 → 00:14:04 ไอโซไทโอนในกะหล่ำเนี่ยมันช่วยในกระบวน
00:14:04 → 00:14:08 การกำจัดสารก่อมะเร็งค่ะทำให้สารพิษสาร
00:14:08 → 00:14:11 ก่อมะเร็งเนี่ยที่เราได้รับจากอาหารเนี่ย
00:14:11 → 00:14:14 มันถูกสลายละลายน้ำแล้วกำจัดออกไปนะทาง
00:14:14 → 00:14:17 ปัสวะอุจจาระออกจากร่างกายเรางั้นเราเรา
00:14:17 → 00:14:19 กินไส้กรอกข้าวไส้กรอกอีสานเราก็ต้องมี
00:14:19 → 00:14:23 กะหล่ำปีกินเข้าไปด้วยเพื่อต้านมะเร็ง
00:14:23 → 00:14:26 ต้านความเป็นพิษอ่าซึ่งคนส่วนใหญ่โอ้ไม่
00:14:26 → 00:14:29 กินหรือบางคนกลัวอาจารย์ไอ้กะหล่ำปีมันมี
00:14:29 → 00:14:32 สารกอยโตรเจนอยู่เดี๋ยวมันขัดขวางนะทำให้
00:14:32 → 00:14:35 เป็นคอพอกอ่าก็กลัวแบบนั้นซึ่งจากการ
00:14:35 → 00:14:37 ศึกษาวิจัยเนี่ยเพบว่าต้องกินกะหล่ำเนี่ย
00:14:38 → 00:14:41 วันละประมาณ 1 กครึ่งโอ้โหซึ่งเรากินไม่
00:14:41 → 00:14:43 ถึงอยู่แล้วเดือนนึงยังไม่ถึงเลยเพราะ
00:14:43 → 00:14:46 ฉะนั้นแล้วเราไม่ต้องไปกลัวขนาดนั้นเนาะ
00:14:46 → 00:14:48 แล้วก็พริกอย่างเงี้ยอ่าขิงอย่างเงี้ย
00:14:48 → 00:14:52 อาจารย์ก็กินคู่กันเลยนะมันก็จะมีสารพริก
00:14:52 → 00:14:55 ก็มีพวกแคปไซซินนะก็เพิ่มการเผาผลาเพราะ
00:14:55 → 00:14:57 บางทีเรากินเยอะอมันเป็นข้าวนึกออกมั้
00:14:57 → 00:15:00 ครับอ่าใช่ๆต้านการอักเสบต้านมะเร็งได้
00:15:00 → 00:15:03 ยิ่งขิงอย่างเงี้ยมีสารพวกจิจรัเป็นสาร
00:15:03 → 00:15:07 ที่ช่วยในการเอ่อกำจัดสารพิษด้วยแล้วก็
00:15:07 → 00:15:10 ช่วยในการกำจัดพวกสารก่อมะเร็งทั้งหลาย
00:15:10 → 00:15:14 แหล่แล้วมันก็กินคู่กันอ๋อแต่ว่าเหมครับ
00:15:14 → 00:15:16 ลดความเป็นพิษเอออันนี้เราก็มาถูกทาง
00:15:16 → 00:15:18 แล้วะเค้าจับคู่กันมาแล้วจริงๆแล้วเจับ
00:15:18 → 00:15:22 คู่มาหมดเลยอ่ะตั้งแต่ข้าวขาหมูค่ะใส่มา
00:15:22 → 00:15:25 ในจานอยู่แล้วถูกต้องครับก็ใส่มาในจาน
00:15:25 → 00:15:30 อยู่แล้วอ่ะกับพริกกับกระเทียมนะเอ่อน้ำ
00:15:30 → 00:15:34 ปลาหวานก็มีสะเดานะเนื้อสัตว์ปิ้งย่างเ้า
00:15:34 → 00:15:39 เขาก็มีผักนะไส้กรอกข้าวไส้กรอกอีสานก็มี
00:15:39 → 00:15:41 ทั้งหลายแหล่หรือแม้กระทั่งเนื้อสัตว์เอง
00:15:41 → 00:15:44 ที่เรากินเข้าไปแล้วโอหท้องบางคนย่อยได้
00:15:44 → 00:15:47 ยากโดยเฉพาะสวผู้สูงอายุนึกออกมั้ยครับ
00:15:47 → 00:15:50 การย่อยก็ได้ไม่ค่อยดีและค่ะแล้วแล้วจะ
00:15:50 → 00:15:53 กินเนื้อสัตว์นะเนื้อหมูเนื้อวัวเนี่ยก็
00:15:53 → 00:15:58 ควรจะกินคู่กับสับปะรดมะละกออือ่าเหมือน
00:15:58 → 00:16:01 อันนี้เลยนึกถึงอะไรรู้มยครับบารบีคิว
00:16:01 → 00:16:05 เสียบไม้เห็นยังว่าทำไมึงเป็นภูมปัญญานะ
00:16:05 → 00:16:07 ครับเพราะว่าทำไมเรากินเนื้อหมูเนื้อวัว
00:16:07 → 00:16:11 เนื้อกันโอมันย่อยได้ยากอ่ะอค่ะอ้าวมี
00:16:11 → 00:16:16 อะไรครับมีไอ้สับปะรดด้วยใช่เสียบเข้าไป
00:16:16 → 00:16:19 เพราะในสับปะรดมันมีเอนไซม์นะ
00:16:19 → 00:16:23 โบมินช่วยในการย่อยอืทำให้การย่อยโปรตีน
00:16:23 → 00:16:26 เนี่ยจากเนื้อสัตว์ง่ายขึ้นค่ะเขาก็เลย
00:16:26 → 00:16:29 ต้องกินคู่กันไงกับสับปะรดอ่าแล้วมีอะไร
00:16:29 → 00:16:32 อีกครับพริกเอ่อพริกใช่เสียบเข้าไปนะก็มี
00:16:32 → 00:16:36 สารต้านมะเร็งนะครับอ่ามีสารในการต้านการ
00:16:36 → 00:16:40 อักเสบต้านมะเร็งทั้งหลายแหละก็กินเข้าไป
00:16:40 → 00:16:42 ด้วยหรือไขมันอิ่มตัวที่เสี่ยงกับการเกิด
00:16:42 → 00:16:45 รบหัวใจพริกมันก็ช่วยได้ค่ะนะมีสารที่จะ
00:16:45 → 00:16:48 ช่วยได้ก็กินคู่กันเข้าไปอ่าบางที่ใส่
00:16:48 → 00:16:51 เป็นมะเขือเทศก็มีถูกต้องครับอแล้วมันก็
00:16:51 → 00:16:54 ช่วยในการแบบย่อยได้อ่ะเหมือนเรากินไก่
00:16:54 → 00:16:58 ย่างหมูหมูแดดเดียวเรากินกับอะไรครับอ
00:16:58 → 00:17:01 ปาปาญ่าป๊อกๆส้มตำครับเพราะอะไรครับ
00:17:01 → 00:17:06 มะละกอสมตำอ่าอ่ามะละกอนี่มีเอนไซม์ปาเปน
00:17:06 → 00:17:09 มันช่วยในการย่อยไงหูแดดเดียวค่ะนะไก่
00:17:10 → 00:17:12 โป้งโย่งไก่ย่างทั้งหลายแหล่เ้ากินคู่กับ
00:17:12 → 00:17:16 มะละกอโอย่อยได้ง่ายอ่าสะดวกง่ายถ่าย
00:17:16 → 00:17:19 กล้องอย่างเงี้ยก็กินคู่กันเอออ่าข้าว
00:17:19 → 00:17:21 เหนียวส้มตำไ่ย่างอย่างเงี้ย
00:17:21 → 00:17:24 คไม่ใช่ข้าวเหนียวส้มตำแล้วก็ลาบแล้วก็
00:17:24 → 00:17:30 หมูทอดนะสญจะเป็นแบบนั้นมะละกอนะปลาเปนมา
00:17:30 → 00:17:33 ช่วยในการย่อยเห็นมยครับมันก็จริงๆแล้ว
00:17:33 → 00:17:35 เนี่ยมันเป็นอะไรที่มันคู่กันอยู่แล้ว
00:17:35 → 00:17:38 แหละแต่บางทีเราแบบว่าอ๋อไม่รู้นะว่ามัน
00:17:38 → 00:17:41 เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านภูมิปัญญาไทยของเรา
00:17:41 → 00:17:43 ที่มีมาแต่เก่าก่อนแล้วว่าเฮ้ยอาหารเหล่า
00:17:43 → 00:17:47 นี้กินคู่กันแล้วลดผลเสียกับสุขภาพค่ะอ่า
00:17:47 → 00:17:49 หรือบางอย่างกินคู่กันแล้วเพิ่มผลดีเข้า
00:17:49 → 00:17:52 ไปกินหลนกับผักใบเขียวไอ้กะทิในผักใบ
00:17:52 → 00:17:55 เขียวช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายน้ำ
00:17:55 → 00:17:59 อยู่ในหลนอือ่าที่อยู่ในในผักใบเขียวทั้ง
00:17:59 → 00:18:02 หลายแลเนาะหรือกิน
00:18:02 → 00:18:06 ชาใส่มะนาวลงไปอออ่าอันนี้ก็ดีครับอ่า
00:18:06 → 00:18:08 เพราะในชาเนี่ยมันจะมีสารพวกแทนนินที่มี
00:18:08 → 00:18:12 รสฝาดอืออ่าทั้งหลายแหล่แล้วเราบีบมะนาว
00:18:12 → 00:18:14 ลงไปหน่อยเราเห็นมั้ยครับเวลาเาเสิร์ฟตาม
00:18:14 → 00:18:17 เวลาเราขึ้นเครื่องบินน่ะค่ะก็จะมี
00:18:17 → 00:18:22 เอ่อพวกแอร์ hostage นะเอาชาลินให้ใช่
00:18:22 → 00:18:25 มั้ยครับเสร็จแล้วก็จะมีจิ้มมะนาวถูกต้อง
00:18:25 → 00:18:29 ครับฟานลงไปนะเพราะว่าในพวกชามันมีแทนนิน
00:18:29 → 00:18:31 อยู่นะครับซึ่งแทนนินมันขัดขวางการดูดซึม
00:18:32 → 00:18:34 ธาตุเหล็กในขณะเดียวกันมะนาวมีวิตามินซี
00:18:34 → 00:18:38 สูงมันก็ช่วยในการส่งเสริมการดูดซึม่าน
00:18:38 → 00:18:41 เหล็กเอาไปต้านฤทธิ์กันอค่ะอ่าเอาไปต้าน
00:18:41 → 00:18:43 ฤทธิ์กันอย่างเงี้ยมันก็เป็นอะไรที่แบบ
00:18:43 → 00:18:47 เฮ้ยควรกินคู่กันหรือขมิ้นชันก็ควรกินคู่
00:18:47 → 00:18:50 กับพริกไทยดำขมิ้นชันคู่กับพริกไทดำถูก
00:18:50 → 00:18:52 ต้องอ่าขมิ้นชันเนี่ยที่เราเอามาใส่ใน
00:18:52 → 00:18:55 เครื่องกงเครื่องแกงแกงหลงแกงเหลืองทั้ง
00:18:55 → 00:18:59 หลายแหล่เพราะในขมิ้นชันเนี่ยมันจะมีสาร
00:18:59 → 00:19:02 ที่ชื่อว่าเคอร์คูมินนะเจ้าสารเหล่าเนี้ย
00:19:02 → 00:19:05 เวลากินเข้าไปเนี่ยร่างกายจะดูดซึมแล้วไป
00:19:05 → 00:19:09 ใช้เนี่ยได้น้อยค่ะมันก็จะต้องมีเอ่อตัว
00:19:09 → 00:19:14 พริกไทยดำซึ่งมีสารพิเพอรีนจะช่วยให้
00:19:14 → 00:19:16 เคอคูมินจากากขมิ้นชันเนี่ยดูดซึมเข้าสู่
00:19:16 → 00:19:19 ร่างกายแล้วไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นอือ่า
00:19:19 → 00:19:21 แล้วกินขมิ้นชันก็ใส่พริกไทยดำเข้าไป
00:19:21 → 00:19:24 หน่อยค่ะอ่าเพื่อให้การดูดซึมแล้วไปใช้
00:19:24 → 00:19:26 ประโยชน์เนี่ยได้มากขึ้นเหมือนกับเรากิน
00:19:26 → 00:19:32 องุ่นแดงองุ่นแดงมีสารต้านแก่อยู่สูง lal
00:19:32 → 00:19:35 ใช่มั้ยครับองุ่นแดงแต่น้ำตาลก็สูงนะอ่า
00:19:35 → 00:19:37 กินๆเป็นลูกองุ่นนะกินเป็นน้ำองุ่นนี้น้ำ
00:19:37 → 00:19:38 ตาลอื้อซ่าเลย
00:19:38 → 00:19:42 นะแล้วเนี่ยองุ่นแดงมีสาร lal ซึ่งเป็น
00:19:42 → 00:19:45 ตัวช่วยในการชะลอวัยอเพราะจากการศึกษา
00:19:45 → 00:19:48 วิจัยเนี่ยนะครับเรื่องของ Anti aging
00:19:48 → 00:19:51 เนี่ยเขาพบว่าไอ้สาร lal ที่อยู่ในองุ่น
00:19:51 → 00:19:54 แดงในเปลือกองุ่นแดงเนี้ยมันสามารถที่จะ
00:19:54 → 00:19:57 กระตุ้นเซอร์ตียีนยีนที่ทำให้เราอายุยืน
00:19:57 → 00:20:00 ยาวขึ้นค่ะคได้แต่ร่างกายเนี่ยมันดูซึม
00:20:00 → 00:20:03 ไอ้เจ้าสารชะลอวัยสารเลเนี่ยได้น้อยอืแต่
00:20:03 → 00:20:07 เมีการศึกษาวิจัยครับคุณีเพบว่าถ้าได้รับ
00:20:07 → 00:20:13 ral เนี่ยร่วมกับเอ่อสารโพลีฟีนอลที่
00:20:13 → 00:20:15 อยู่ในสตอเบอร์รี่ค่ะมันทำให้การดูซึม
00:20:15 → 00:20:17 แล้วใช้ประโยชน์ของ ral เนี่ยได้เพิ่มมาก
00:20:17 → 00:20:20 ขึ้นแล้วเรากินองุ่นแดงควรกินคู่กับ
00:20:20 → 00:20:23 สตรอเบอร์รี่ถูกต้องนะเวลาเราไปซื้อแม่
00:20:23 → 00:20:25 ค้าที่แผงผลไม้เราก็บอกเว่าอุ๊ยเราอยากจะ
00:20:26 → 00:20:28 เพิ่มการดูดซึมแล้วใช้ประโยชน์คของศาลชลอ
00:20:29 → 00:20:31 วัยขอแถมสตรอเบอร์รี่
00:20:31 → 00:20:34 หน่อยแล้วเราก็กินองุ่นแดงแล้วก็กิน
00:20:34 → 00:20:36 สตรอเบอร์รี่ตบท้ายเข้าไปสัก 2 ลูก 3 ลูก
00:20:36 → 00:20:39 มันก็เพิ่มการดูซึมได้เอ้อแต่จริงๆพูดถึง
00:20:39 → 00:20:41 ว่าเนี่ยทำการตลาดเป็นของขายคู่กันไปเลย
00:20:41 → 00:20:44 ก็ได้เลยนะจริเออูต้องอ่าแพ็คเกจเดี๋ยวปี
00:20:44 → 00:20:47 ใหม่เนี่ยจับคู่กันได้เลยนะพอพูดถึงผลไม้
00:20:47 → 00:20:50 แล้วเนี่ยทุเรียนออ่ะทุเรียนกินคู่กลิ
00:20:50 → 00:20:53 ร้อนถูกมั้ยครับกินคู่กับมังคุดไม่ได้อ่า
00:20:53 → 00:20:57 มังคุดฤทธิ์เย็นครับะต้องกินมาตบท้ายกิน
00:20:57 → 00:21:00 ทุเเส็จแล้วต้องกินมังคุตบท้ายเดี๋ยวนะทุ
00:21:00 → 00:21:04 มันมีทุเรียนที่ทุเรียนฤทธิ์ร้อนครับอๆๆ
00:21:04 → 00:21:07 กินเข้าไปแล้วร้อนในมังคุดเป็นฤทธิ์เย็น
00:21:08 → 00:21:10 แล้วเวลากินทุเรียนป้องกันการร้อนไทต้อง
00:21:10 → 00:21:13 กินมังคุดไม่ใช่กินเงาะนะอ่าหวานๆน้ำตาล
00:21:13 → 00:21:15 ขึ้นสูงกันทั้งคู่
00:21:15 → 00:21:19 เลยเดี๋ยวน้ำตาลขึ้นกันกันแบบทั้งคู่เลย
00:21:19 → 00:21:22 เนาะอันนี้คือสิ่งที่อ่ะกินร่วมกันอเพียบ
00:21:22 → 00:21:24 เลยเนี่ยวันเนี้คุณคุณผู้ฟังเอาไปใช้
00:21:24 → 00:21:26 เพียบเลยส่วนที่ไม่ควรกินร่วมกันล่ะค่ะ
00:21:26 → 00:21:29 อ่าเพราะมันจะทำให้ส่งผลกระทบที่ไม่ดีกับ
00:21:29 → 00:21:32 สุขภาพมากขึ้นออ่ะพูดถึงทุเรียนแล้วค่ะ
00:21:32 → 00:21:36 ทุเรียนไม่ควรกินร่วมกันกับแอลกอฮอล์เรา
00:21:36 → 00:21:38 สไตล์ไวเบียร์ทั้งหลายแหล่เครับเพราะว่า
00:21:38 → 00:21:41 แคลอรี่สูงทั้งคู่ทุเรียนก็พลังงานสูง
00:21:41 → 00:21:44 แอลกอฮอล์ก็พลังงานสูงกว่าน้ำตาลอีกนะ
00:21:44 → 00:21:47 ครับเพราะ 1 กรัมของแอลกอฮอล์ให้น้ำให้
00:21:47 → 00:21:50 พลังงานเนี่ย 7 กลแคลอรี่อแล้วถ้ากินคู่
00:21:50 → 00:21:53 กันพลังงานก็สูงแล้วแถมยังในทุเรียนเนี่ย
00:21:53 → 00:21:55 มีซัลเฟอร์หรือกรรมฐานสูงพอกินกับ
00:21:55 → 00:21:58 แอลกอฮอล์เข้าไปมันก็ทำให้เข้าเข้าไปทำ
00:21:58 → 00:22:01 ปฏิกิริยาในร่างกายแล้วก็ทำให้เราเร้อนนะ
00:22:01 → 00:22:06 เกิดอาการร้อนเกิดแบบเออ่าหน้าแดงนะบางคน
00:22:06 → 00:22:10 ก็มีปัญหาระบบทางเดินหายใจทั้งหลายแหละ
00:22:10 → 00:22:13 อันเนี้ยควรจะเลี่ยงไม่ควรจะกินทุเรียน
00:22:13 → 00:22:17 กับแอลกอฮอล์เนาะให้ห่างแยกกันนะเหมือน
00:22:17 → 00:22:20 กับขนมหวานกับน้ำอัดลมอย่างเงี้ยนึกออก
00:22:20 → 00:22:22 มั้ยครับขนหวานกับน้ำอัดลมเราไปกินขนม
00:22:22 → 00:22:24 หวานอยู่แล้วอ่ะน้ำตาลก็สูงอยู่แล้วอ่ะ
00:22:24 → 00:22:28 แต่ขอกินน้ำอัดลมอีกสั่งน้ำอัดลมอีกนะสั
00:22:28 → 00:22:30 ขนมแล้วยังกินน้ำอารมอีกปลาดุจดั่งเรากิน
00:22:30 → 00:22:35 ไอติมขนมปังอ่ะไอติมค่ะแล้วใส่ขนมปังอุ๊ย
00:22:35 → 00:22:39 ของเห็นมั้ยถูกพูดถูกไอติมกะทิสดเงี้ยโอ
00:22:39 → 00:22:41 ใส่ขนมปังไอติมก็น้ำตาลสูงอยู่แล้วแล้ว
00:22:41 → 00:22:45 คุณจะมาเอาแป้งอ่ะจากขนมปังอีกเราก็ใส่
00:22:45 → 00:22:49 ถ้วยซะอืจบ 1
00:22:49 → 00:22:52 ลูกจบเลยอ่ะไม่ได้กินอีต่อไปแล้วไอติมขนม
00:22:53 → 00:22:54 ปังอย่างเงี้ยมันก็ไม่โอเคแล้วเหมือนคน
00:22:54 → 00:22:58 กินข้าวกับก๋วยเตี๋ยวอ่ะค่ะมีนะอาจารยมี
00:22:58 → 00:23:02 ่าจังสก๋วยเต๋วพี่กินเกาเหลาดีกว่ามพี่
00:23:02 → 00:23:03 ยังได้ผักอ่ะคุณกินก๋วยเตี๋ยวแล้วก็เติม
00:23:04 → 00:23:06 ข้าวเข้าไปอีกมันก็ยิ่งได้คาร์โบไฮเดรต
00:23:06 → 00:23:08 และคาร์โบไฮเดรตมากขึ้นไปอีกค่ะเหมือน
00:23:08 → 00:23:11 อาหารเช้าอย่างเงี้ยอันนี้ไม่ควรกินคู่
00:23:11 → 00:23:16 กันนะกาแฟแคมเบคอนไส้กรอกเฮ้ยเฮ้ยเลยไม่
00:23:16 → 00:23:18 ได้อาหารเช้าทกเพราะมันเป็นอาหารที่เรา
00:23:18 → 00:23:21 เรียกว่าเป็นอาหารที่สร้างกรดให้กับร่าง
00:23:21 → 00:23:24 กายสูงมากเพราะคาเฟอีนกาแฟมันมีความเป็น
00:23:24 → 00:23:28 กรดอยู่แล้วใช่อ่าแล้วเรามากินพวกเบคอน
00:23:28 → 00:23:32 แฮมไส้กรอกอาหารโรงแรมเงี้ยนานๆทีได้พวก
00:23:32 → 00:23:34 เยนะครับบอกเลยว่ากินเยอะๆเนี่ยเทโรเมีย
00:23:34 → 00:23:38 หดสั้นอายุเราจะสั้นแล้วมันมีความเป็นกรด
00:23:38 → 00:23:40 ให้กับร่างกายซึ่งไม่ดีกับสุขภาพแล้วเรา
00:23:40 → 00:23:44 มากินคู่กันอย่างเงี้ยไม่ควรอือ่านะเราไป
00:23:44 → 00:23:47 เสิร์ฟอาหารว่างเนี่ยกินกาแฟก็กินผลไม้
00:23:47 → 00:23:51 อ่าเออคุณจะกินกับผลไม้อะไรก็ได้เนี่ยตบ
00:23:51 → 00:23:53 ท้ายเข้าไปเพราะผลไม้เนี่ยมันจะมีความ
00:23:53 → 00:23:57 เป็นด่างอือ่าเขาเรียก al alc forming
00:23:57 → 00:23:59 food คือกินเข้าไปแล้วสร้างความเป็นด่าง
00:23:59 → 00:24:01 ให้กับร่างกายนะเหมือนกินกาแฟที่เขาชอบ
00:24:01 → 00:24:05 ใส่น้ำส้งน้ำส้มแต่ก็ต้องสดนะอ่ามีกด
00:24:05 → 00:24:08 ซิตริกที่ช่วยปรับความเป็นกดเนาะไอ้พวก
00:24:08 → 00:24:13 เนี้ยมันก็จะช่วยอทำให้เอ่อลดผลเสียนะไม่
00:24:13 → 00:24:16 ใช่ไปเพิ่มผลผลผลเสียกับร่างกายเหมือนเรา
00:24:16 → 00:24:19 กินข้าวกับก๋วยเตี๋ยวไอติมขนมปังกาแฟกับ
00:24:19 → 00:24:22 เบคอนไส้กรอกอย่างเงี้ยนะก็ส่งผลเสียให้
00:24:22 → 00:24:25 กับร่างกายเนาะอันนี้คือสิ่งที่ไม่ควรกิน
00:24:26 → 00:24:30 คู่กันแต่นานๆทีได้แต่หรือเอ่อกินอะไรไป
00:24:30 → 00:24:33 เลยก็ได้แต่ไม่ได้เอามาคู่กันแค่นั้นเใช่
00:24:33 → 00:24:36 ไม่ควรกินคู่กันแต่ขนมปังกับไอติมไม่ได้
00:24:36 → 00:24:40 เลยนะชบก็กินแต่น้อยแล้วกันอ่ากนอ่านานๆ
00:24:41 → 00:24:43 กินทีอาจารย์คอนเซปอาจารย์เอกราชอย่าลืม
00:24:43 → 00:24:45 นะคุณผู้ฟังไปตามฟังได้ทุก ep เลยคืออยาก
00:24:46 → 00:24:49 กินต้องได้กินใช่ๆอแต่ว่ามันกินยังไงให้
00:24:49 → 00:24:52 มันเป็นศิลปะเอาวะขนมปังไอติมอ่ะเรากินก็
00:24:52 → 00:24:56 ได้อาจารย์แต่ใส่ขวเหียวอีกอเห็นมั้ยเห็น
00:24:56 → 00:24:57 มั้ยอันเนี้ย
00:24:57 → 00:25:00 มันไม่ปังอ่ะมันพังไงเพราะว่าทั้งขนมปัง
00:25:00 → 00:25:03 ทั้งไอติมแล้วก็ใส่ข้าวเหนียวใส่เอ่อลูก
00:25:03 → 00:25:06 ชิดมันเชื่อมอะไรโอหสารพัดเลยเนาะก็ไม่
00:25:06 → 00:25:10 เป็นไรเราก็กินชมพู่ฝรั่งแอปเปิ้ลไปลอง
00:25:10 → 00:25:14 ท้องซะหน่อยอือ่าเพื่อให้ชะลอการดูดซึม
00:25:14 → 00:25:17 น้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดโอ๊แต่เรื่องนี้
00:25:17 → 00:25:19 อะไรที่ควรกินคู่กันหรือไม่คู่กันหรือ
00:25:19 → 00:25:22 อะไรพวกเนี้ยเอ้ยมันคุยได้เยอะหมดเยอะเลย
00:25:22 → 00:25:26 เห็นมั้ยทำมาทำไปแบบว่าเพียบเลยใช่ๆแล้ว
00:25:26 → 00:25:28 เพียบเลยที่ต่อไปนี้จะกินไม่ได้เลย
00:25:28 → 00:25:32 กินได้คอนเซปเราอยากกินต้องได้กินอ่าเรา
00:25:32 → 00:25:34 เรากินเรารู้แล้วอะไรกินคู่กันให้มี
00:25:34 → 00:25:39 ประโยชน์เอ่าเราเรามีผักผลไม้เป็นอาวุธใน
00:25:39 → 00:25:42 การที่จะล้มล้างฤทธิ์ที่มันไม่ค่อยดีนะ
00:25:42 → 00:25:45 แต่ไม่ใช่ว่ากินผักผลไม้เป็นทุเรียนเป็น
00:25:45 → 00:25:46 ลิ้นจี่เป็นลำไย
00:25:46 → 00:25:50 นะผลไม้ฝรั่งชมพู่แอปเปิ้ลแก้วมังกอนอะไร
00:25:50 → 00:25:54 พวกเงี้ยอ่าสลับกันไปเพื่อไม่ให้ผลกระทบ
00:25:54 → 00:25:57 เวลาเรากินของที่ไม่ดีกับสุขภาพเนี่ยมาก
00:25:57 → 00:25:59 เนาะอ่าก็ได้แนวความรู้ไปแล้วนะคะต่อไป
00:26:00 → 00:26:02 นี้เราก็คงจะกินอะไรที่เขาให้มาเป็นคู่
00:26:02 → 00:26:05 กันน่ะให้ครบให้หมดนะคะไม่ต้องเขี่ทิ้ง
00:26:05 → 00:26:07 แล้วอะไรประมาณนี้นะคะขอบคุณอาจารย์
00:26:07 → 00:26:11 เอกราชค่ะสวัสดีค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังหมด
00:26:11 → 00:26:13 เวลาแล้วนะคะพบกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการ
00:26:13 → 00:26:15 โรงหมอทางไย PBS podcast ค่ะวันนี้ลาไป
00:26:15 → 00:26:19 ก่อนสวัสดีค่ะ This Is Toy PBS
00:26:19 → 00:26:22 podcast ชีวิตการเป็น The แบของแต่ละคน
00:26:22 → 00:26:25 มีบริบทที่ไม่เหมือนกันบางคนยินดีที่จะทำ
00:26:25 → 00:26:28 ส่วนบางคนกลายเป็นภาระดรสุวุฒิวงทาง
00:26:28 → 00:26:31 สวัสดิ์นักจิตวิทยาการปรึกษามาเล่าให้ฟัง
00:26:31 → 00:26:35 ครับความเป็นเดแบกเนี่ยครับแต่ละคนเรียก
00:26:35 → 00:26:37 ว่าเกิดมาพร้อมกับการเจอบริบทสหการณ์
00:26:37 → 00:26:39 ชีวิตไม่เหมือนกันคนบางคนเหมือนไม่ต้อง
00:26:39 → 00:26:41 แบกเยอะเพราะมีคนช่วยเยอะเช่นแบบญาติพี่
00:26:41 → 00:26:44 น้องมีพี่น้องที่ดีหรืออาจจะมีส่วนกับการ
00:26:44 → 00:26:47 แบกนิดหน่อยแต่สำหรับบางคนเกิดมาอาจจะโชค
00:26:47 → 00:26:49 ดีว่าตัวเองไม่ต้องแบกเพราะว่าคนที่เป็น
00:26:49 → 00:26:51 ผู้หลักผู้ใหญ่โดยส่วนใหญ่ที่เราเวลาพูดเ
00:26:51 → 00:26:54 แบกเนาะอาจจะเป็นหมายถึงดูแลลูกบ้างดูแล
00:26:54 → 00:26:58 แม่ดูแลพ่อดูแลญาติพี่น้องท่าถ้าทุกคนรอบ
00:26:58 → 00:27:00 ตัวดูแลตัวเองได้ไม่ต้องแบกแต่จะมีบาง
00:27:00 → 00:27:02 กลุ่มนะครับที่แบบเกิดมาพร้อมกับผมไม่รู้
00:27:03 → 00:27:05 เรียกโชคชะตาอะไรไม่รู้เนาะที่ทำให้เขา
00:27:05 → 00:27:07 ต้องเอื้อเฟื้อแบ่งปันหรือแม้กระทั่ง
00:27:07 → 00:27:09 เฉือนส่วนที่ตัวเองควรจะได้ใช้เพื่อตัว
00:27:09 → 00:27:12 เองเนี่ยเพื่อดูแลคนรอบตัวที่อาจจะดูแล
00:27:12 → 00:27:14 ตัวเองได้ยังไม่ค่อยดีแต่คำว่าดูแลตัวเอง
00:27:14 → 00:27:16 ได้ยังไม่ค่อยดีเนี่ยก็จะมีทั้งที่อาจจะ
00:27:16 → 00:27:19 เป็นความชราเป็นความเจ็บป่วยเป็นข้อจำกัด
00:27:19 → 00:27:21 อะไรก็ตามที่ทำให้เขาไม่สามารถดูแลตัวเอง
00:27:21 → 00:27:24 ได้แต่บางทีบางคนก็ต้องแบกคนที่ไม่คิดจะ
00:27:24 → 00:27:26 พึ่งพาตัวเองมันก็กลายเป็นความทุกข์อีก
00:27:26 → 00:27:28 แบบนึงอันเงี้ยครับแต่ว่าระยะเวลาการแบก
00:27:28 → 00:27:30 อันนี้ต้องบอกว่าแต่ละคนก็ไม่เท่ากันเนาะ
00:27:31 → 00:27:33 บางคนแบกพ่อแม่แกะเท่าอบางทีอาจจะแบบป่วย
00:27:33 → 00:27:36 ด้วยโรคร้ายอาจจะแบกแค่ระยะเวลาสั้นๆสั้น
00:27:36 → 00:27:38 ๆอะไรเงี้ยครับแต่สำหรับบางคนก็แบกระยะ
00:27:38 → 00:27:41 ยาวเป็นโรคที่แบบคล้ายๆเจ็บเรื้อรังแต่
00:27:41 → 00:27:43 ไม่หายสักทีแต่ว่าการรักษาก็ไม่ได้มีอะไร
00:27:43 → 00:27:45 มากกว่าการประคับประคองอย่างเงี้ยครับบาง
00:27:45 → 00:27:46 ครั้งก็กลายเป็น The Bag ที่มันค่อนข้าง
00:27:46 → 00:27:49 ระยะยาวซึ่งบางทีมันไม่ใช่แค่เรื่องนี้เ
00:27:49 → 00:27:51 บางครั้งเป็นเรื่องของอาชีพการงานก็มีนะ
00:27:51 → 00:27:54 ที่มันกลายเป็นว่าทีมของเราบริษัทของเรา
00:27:54 → 00:27:57 มันมีจุดที่แบบคล้ายๆยังไม่แข็งแรงเราเรา
00:27:57 → 00:27:59 เลยต้องเอาตัวเองเนี้ยไปช่วยแบกเพื่อให้
00:27:59 → 00:28:02 องค์กรไปต่อได้หรือให้ทีมไปต่อได้เพราะ
00:28:02 → 00:28:03 งั้น The แเนี่ยมันเกิดขึ้นทั้งบริบท
00:28:03 → 00:28:06 ชีวิตครอบครัวชีวิตส่วนตัวชีวิตการงานได้
00:28:06 → 00:28:08 หมดเลยมันจะมีทั้งคนที่รู้สึกว่าสิ่งนี้
00:28:08 → 00:28:11 คือภารกิจและรู้สึกว่าเป็นภาระคามว่า
00:28:11 → 00:28:13 ภารกิจนะครับมันจะเป็นลักษณะเหมือนกับเ
00:28:13 → 00:28:15 รู้สึกว่าอย่างแรกคือตัวเขาอาจจะเป็นอ่ะ
00:28:15 → 00:28:17 สมมุติพูดในมุมครอบครัวเขาเป็นลูกกตัญญู
00:28:17 → 00:28:20 และรู้สึกว่าพ่อแม่ก็เป็นบุคคลที่พึงได้
00:28:20 → 00:28:23 รับการดูแลเขาอาจจะรู้สึกหนักในการแบก
00:28:23 → 00:28:26 พาละค่าใช้จ่ายเดี๋ดูแลพ่อแม่แต่เขาจะรู้
00:28:26 → 00:28:29 สึกว่าสิ่งเคือภารกิจที่เขาจะต้องทำแต่ที
00:28:29 → 00:28:30 เนี้ยในความเป็นภาระต้องบอกว่ามันจะมี
00:28:30 → 00:28:32 อย่างงี้ครับบางครั้งเขาเกิดมาในครอบครัว
00:28:32 → 00:28:34 ที่จริงๆแล้วเขาไม่เคยถูกเลี้ยงดูโดยพ่อ
00:28:34 → 00:28:36 แม่เลยแต่พอจุดนึงกลายเป็นว่าพอพ่อแม่แก่
00:28:36 → 00:28:40 ไม่มีเงินก็จะมาบอกว่าทวงบุญคุณฉันเป็น
00:28:40 → 00:28:43 พ่อแม่นะกลายเป็นว่าลูกที่ดีอ่ะฉันไม่มี
00:28:43 → 00:28:45 ทางเลือกเมื่อถูกเรียกร้องจากพ่อแม่เมื่อ
00:28:45 → 00:28:47 ฉันเป็นชาวพุทธที่ดีหรือพ่อแม่อาจจะบอก
00:28:47 → 00:28:50 ว่าเฮ้ยมีน้องอย่าทิ้งน้องดูแลน้องด้วย
00:28:50 → 00:28:52 แต่น้องเป็นคนไม่พึ่งพาตัวเองเลยก็กลาย
00:28:52 → 00:28:54 เป็นว่าก็ต้องเป็นพี่ที่ต้องแบกน้องถ้า
00:28:54 → 00:28:57 ถามเต็มใจมั้ยไม่ค่อยอก็จะกลายเป็นรู้สึก
00:28:57 → 00:28:59 รู้สึกว่าเป็นภาระจังเลยถ้าถ้ารู้สึกเต็ม
00:28:59 → 00:29:02 ใจมันจะกลายเป็นภารกิจอแต่ถ้ารู้สึกว่า
00:29:02 → 00:29:04 เป็นตัวถ่วงหรือคนคนนี้ไม่สมควรได้เลยจะ
00:29:04 → 00:29:07 กลายเป็น
00:29:07 → 00:29:12 ภาระ This Is Toy PBS
00:29:12 → 00:29:15 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:29:15 → 00:29:18 แอปพลิเคชันของ Thai PBS podcast
00:29:18 → 00:29:21 spotify South Cloud Google podcast
00:29:21 → 00:29:24 Apple podcast และ YouTube Channel
00:29:24 → 00:29:28 Thai PBS podcast ใช PBS podcast
00:29:28 → 00:29:31 View the world via The
00:29:31 → 00:29:40 [เพลง]
00:29:40 → 00:29:43 Voice